ISAMARE_AUG59 web

Page 1

IS AM ARE

1 issue 103 august 2016

ฉบับที่ 103 สิงหาคม 2559 www.fosef.org


2 IS AM ARE www.ariyaplus.com


“จิตใจและความประพฤติที่สะอาดและมีระเบียบ เป็นรากฐานส�ำคัญของ ชีวิตจิตใจทั้งความประพฤติดังนั้นใช่จะเกิดมีขึ้นเองได้ หากแต่จ�ำเป็นต้องฝึกหัด อบรมและสนับสนุนส่งเสริมกันอย่างจริงจังสม�่ำเสมอ นับตั้งแต่บุคคลเกิด ดัง ที่มนุษย์ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ได้เฝ้าพยายามกระท�ำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย ทั้งเพื่อให้สามารถรักษาตัวและมีความสุข ความส�ำเร็จในการครองชีวิต ทั้งให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ด้วยความผาสุกสงบ” พระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพื่อเชิญไป อ่านในพิธีเปิดการสัมมนาของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย เรื่อง การพัฒนา สังคมในด้านศีลธรรมและจิตใจ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๖

3 issue 103 august 2016


Editorial “สอนให้ลูกทั้งหลายเดินสายกลาง ท�ำทุกอย่างพอดีมีเหตุผล ประกอบด้วยคุณธรรมน�ำทางตน ย่อมได้คนดีพอต่อบ้านเมือง” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทาน ค�ำขวัญวันแม่ ประจ�ำปี

วันแม่แห่งชาติปี ๒๕๕๙ นี้ตรงกับวันศุกร์ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ และเป็นปีมหามงคลยิ่งเนื่องจากสมเด็จพระบรมราชินีนารถ ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๓ พรรษา ในวาระมหามงคลวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ สิงหาคม ข้าพระพุทธเจ้า พร้อมสมาชิกครอบครัวพอเพียง ทั่วประเทศขอน้อมถวาย

ทีฆายุกา มหาราชินี

พระมิ่งพระแม่ฟ้า เฉลิมพระชนม์สมัย ทรงเมตตาและอาทร เสด็จถึงในทุกที่ แหล่งใดไร้ท�ำกิน โลกล้วนประจักษ์ตา ร้อยกรองกราบเบื้องบาท น้อมเกล้าน้อมดวงใจ

เหล่าปวงข้าฯประชาไทย คู่บุญพระนฤบดี ราษฎรจึงสุขศรี ถิ่นแร้นแค้นแดนพนา ทรงชูศิลป์ภูมิปัญญา ศิลปาชีพศิวิไล อาศิรวาท ถวายชัย พระแม่ไทย ทรงพระเจริญ.

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า

4 IS AM ARE www.ariyaplus.com


Contributors

มู ลนิธิครอบครัวพอเพียง ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล พลเอก ดร.ศรุต นาควัชระ ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา นางสุชานี แสงสุวรรณ นายธนพร เทียนชัยกุล นายณัฐเสกข์ น้อยสมบูรณ์ นายภูวนาถ เผ่าจินดา ดร.วรวุฒิ แสงเฟือง นางอริยสิริ พิพัฒน์นรา นายเอกรัตน์ คงรอด นางสาวเอื้อมพร นาวี ผศ.ดร.ปรีชาพร สุวัฒโนดม นายอภีม คู่พิทักษ์ นายกมลเศรษฐ์ เก่งการเรือ นางอรปภา ชาติน�้ำเพ็ชร นางรจนา สินที นายธงชัย วรไพจิตร นายภูริวิทย์ จงนิรักษ์ นางศิรินทร์ เผ่าจินดา

ประธานกิตติมศักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการและเลขาธิการ กรรมการและเหรัญญิก กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ กรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิก กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ ผู้จัดการมูลนิธิ

ศิลปกรรม : ภาพปก : ส�ำนักงาน :

โทรศัพท์ : โทรสาร : เว็ปไซต์ :

Let’s

Start

นิตยสารครอบครัวพอเพียง ประธานกิตติมศักดิ์ : คุณหญิงพวงรัตน วิเวกานนท์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ : พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ประธานด�ำเนินการ : ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล บรรณาธิการ : กรวิก อุนะพ�ำนัก กองบรรณาธิการ : อภีม คู่พิทักษ์ พิชัยยุทธ ชัยไธสง เอกรัตน์ คงรอด กิตติ พลศักดิ์ขวา นิตยสารครอบครัวพอเพียง 663 ซอยพหลโยธิน35 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 0-2939-5995 0-2939-5996 www.ariyaplus.com www.fosef.org

and Enjoy!

5 issue 103 august 2016


Hot Topic

30

เลี้ยงลูกยังไงเป็ น แพทย์ได้ทัง้ สามคน อรทิพย์ เจียรนัย

50

เกษตรทฤษฎีใหม่ รู ้ จริงก่อนลงมือท�ำ สุธรรม จันทร์อ่อน

26

พระราชประวัติสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิต์ิ พระบรมราชิ นีนาถ

Don’t miss

12

18 22 74 6 IS AM ARE www.ariyaplus.com

20


Table Of Contents

แม่แห่งแผ่นดิน

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

7 issue 103 august 2016

ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรียนรู้จากฟุตบอล เด็กก่อนค่าย...เด็กหลังค่าย ตัวไกล...หัวใจอยู่ใกล้ ถึงเวลาปลูกป่าไว้อาบหรือยัง Dhamma Today ความกล้าหาญทางจริยธรรม กระจกส่องใจ พ่อแม่รังแกฉัน พระราชประวิติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ Cover Story เลี้ยงลูกยังไงเป็นแพทย์ได้ทั้งสามคน อรทิพย์ เจียรนัย Is Am Are ต�ำบลเสียว จังหวัดศรีสะเกษ รักษาถิ่นหากินพึ่งพาตนเอง ลดการพึ่งพาจากภายนอก Let’s Talk เกษตรทฤษฎีใหม่ รู้จริงก่อนลงมือท�ำ สุธรรม จันทร์อ่อน มูลนิธิชัยพัฒนา การน�ำความรู้ไปใช้ของผู้เข้ารับการอบรม Wheel Of Life บทความพิเศษ โครงงานคุณธรรมและสมุดบันทึกความดี เครื่องมือพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวกอย่างยั่งยืน Round About

8 12 18 20 22 26 30

40 50 60 70 74 80


เรียนรู้จากฟุ ตบอล ในขณะที่ ท ่ า นผู ้ อ ่ า นอ่ า นเรื่ อ งนี้ เป็ น ช่ ว งที่ ค นทั้ ง โลกก� ำ ลั ง ติ ด ตามชมกี ฬ าโอลิ ม ปิ ค ที่ ป ระเทศบราซิ ล และ เพิ่ ง ผ่ า นฟุ ต บอล “ยู โ ร 2016” ซึ่ ง จั ด ขึ้ น ในประเทศฝรั่ ง เศส ซึ่ ง ท� ำ ให้ ผู ้ อ ่ า นหลายท่ า นก็ ค งต้ อ งอดตา หลั บ ขั บ ตานอนจนดึ ก ดื่ น ไปตามๆกั น .....ฟุ ต บอลเป็ น กี ฬ าที่ มี ค นนิ ย มทั่ ว โลก ทุ ก ทวี ป ทุกประเทศก็ว่าได้ ขนาดคนอเมริกันซึ่งเล่นกีฬาไม่เหมือนชาว บ้านชาวช่องเขา ยังต้องหันกลับมาเอาดีในกีฬาฟุตบอลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนล่าสุดทีมฟุตบอลหญิงของอเมริกาได้เป็น แชมป์โลกไปเมื่อปีที่แล้ว และทีมชายก็ดีวันดีคืน ...ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นง่าย เล่นที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น สนามหน้าบ้าน, สนามปูน, ดินกลางถนน, หาดทราย, ลานวัด หรือแม้กระทั่งในบ้านก็เตะได้ กติกาก็ง่ายๆ สิ่งที่เอามาใช้เป็น ลูกฟุตบอลก็ใช้อะไรก็ได้ที่เป็นลูกกลมๆ หรือคล้ายๆจะกลม ไม่ ว่าจะเป็นลูกเทนนิส, ลูกบอลพลาสติค ไปจนกระทั่งถุงพลาสติ คที่เอามามัดเป็นก้อนกลมๆที่เด็กยากจน อัฟริกันเอามาเตะ เล่นกัน ....มีคนกล่าวว่าฟุตบอลถือได้ว่าเป็น “ความศรัทธา ทางโลกร่วม” (Secular Religion) เพราะผู้คนที่นิยมหลงใหล กีฬาประเภทนี้ไม่ได้จ�ำกัดสีผิว, เชื้อชาติ, ภาษา แต่อย่างใด

นอกจากนี้ไม่ว่าคุณจะตัวเล็กตัวใหญ่ขนาดไหนคุณก็เตะด้วย กันได้ นักกีฬาระดับโลกอย่าง Diego Maradona ก็ดี หรือ Lionel Messi แห่งทีมอาเจนติน่าก็ดี สองคนนี้สูงแค่ 5 ฟุต 7 นิ้วเท่านั้นเอง (174 cm.) แต่ก็สู้พวกตัวใหญ่ๆได้สบายๆ เหตุ ผ ลอี ก อย่ า งหนึ่ ง ที่ ฟุ ต บอลเป็ น กี ฬ าที่ นิ ย มมากก็ เพราะว่ามีความไม่แน่นอน (Unpredictable) และการเอา คืนไม่ได้ (Irredeemable) ต่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ทีม เป็นรองเอาชนะได้ด้วยเทคนิคตั้งรับที่ดี หรือลูกบังเอิญ, ลูก ฟลุ้ค โค้ชเก่งๆก็อาจย้ายไปย้ายมา ท�ำทีมธรรมดาๆให้เป็นทีม เก่งได้ ฟุ ต บอลยั ง มี ส ่ ว นเข้ า ไปเกี่ ย วข้ อ งกั บ การเมื อ งและ เศรษฐกิจด้วย ในประเทศรวันดาที่ฆ่ากันตายเกือบ 1 ล้าน คนในช่ ว งจลาจล ก็ ใช้ ฟุ ต บอลเชื่ อ มความสั ม พั น ธ์ กั น ใหม่ ระหว่างเผ่า Tutsi กับเผ่า Hutu ท�ำให้สถานการณ์ในประเทศ ดีขึ้น ในฮอนดูรัสประเทศที่เกือบถูกแบ่งประเทศใหม่เพราะการ 8

IS AM ARE www.ariyaplus.com


นพ. วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ

www.nhso.go.th รัฐประหารในปี 2013 ก็สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อทีมฟุตบอลเข้า รอบบอลโลกได้ แม้กระทั่งอิหร่านกับอเมริกาซึ่งไม่ถูกกันในเวที โลก แต่เมื่อถึงคราวต้องมาฟาดแข้งกันในฟุตบอลโลก ทุกอย่าง ก็ว่ากันไปตามกฏกติกา ในประเทศไทย เราตื่นตัวเรื่องฟุตบอลกันมากในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกระแส Premier league ซึ่ง ช่วยยกระดับมาตรฐานการแข่งขันและการบริหารจัดการการ เล่นฟุตบอลในประเทศอย่างชัดเจน ทีมเด่นๆอย่าง Buriram United ท�ำให้เศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดบุรีรัมย์เปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทีมอื่นๆก็มีผู้เล่นต่างชาติ และคน ไทยมาเล่นฟุตบอลด้วยกัน โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจ ช่วยเป็นsponsor และส่งเสริมโรงเรียนการกีฬาฟุตบอล ที ม บอลหญิ ง ไทยได้ ไ ปบอลโลกนี่ เ ป็ น อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ คนไทยภาคภูมิใจยิ่งนัก เป็น ที่น ่าสังเกตว่า รางวั ล ใหญ่ ๆ ใน การแข่ง ขันกีฬ าระดับนานาชาติของไทย ระยะหลั งเกิด จาก ฝีมือนักกีฬาหญิงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน, ยกน�้ำหนัก, กอล์ฟ ดูท่าว่าผู้ชายไทยอาจต้องกลาย เป็นช้างเท้าหลังไปแล้วในแวดวงการกีฬาระดับโลก “The world united by a ball” ครั้งหนึ่งเคยเป็น ค�ำขวัญ Motto ของการแข่งขัน World cup ที่จัดโดยสหพันธ์ ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) การจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้น เริ่ม จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย หลังจากนั้นก็จัดกัน มาโดยตลอดทุก 4 ปี ยกเว้นก็ตอนช่วงมีสงครามโลก จากที่มีคน ดูแค่ 30 ล้าน กลายเป็นนับพันล้านในขณะนี้ เป็นที่น่าแปลกใจ ว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้ง 20 ครั้ง (ครั้งสุดท้าย 2014) มีอยู่ เพียง 7 ชาติเท่านั้นที่ผลัดกันครองถ้วยรางวัลแชมป์โลก ได้แก่ บราซิล, เยอรมัน, อาเยนตินา, อิตาลี, อุรุกวัย, อังกฤษ และ ฝรั่งเศส จะเห็นว่าทั้งหมดอยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ทั้งนั้น การแข่งขันฟุตบอลนอกจากจะมีด้านบวกแล้ว ด้านลบ ก็คือการพนันบอลซึ่งเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง และยากต่อการ ป้องกันหรือปราบปราม โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและนักศึกษา บางครั้งการแข่งขันฟุตบอลลงเอยด้วยอาชญากรรมตามมา เช่น กรณีล้มบอลของทีมดังหลายทีม หรือกรณี Andres Escobar นักฟุตบอลชื่อดังชาวโคลอมเบียถูกฆาตกรรมเพราะท�ำลูกหลุด เข้าประตูตัวเองใน World cup ปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา เรื่ อ งที่ อื้ อ ฉาวโด่ ง ดั ง มากๆอี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ของวงการ ฟุตบอล คือ การทุจริตภายในสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ได้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ของ FIFA ถึง

14 คน ในขณะเข้าเร่วมประชุมที่เมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ ใน คดีทุจริตยักยอก และรับสินบนเกี่ยวกับการให้ลิขสิทธิ์โฆษณา และถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมในการแข่งขันฟุตบอลโลกหลาย ต่อหลายครั้ง (บางกรณีท�ำกันมากว่า 20 ปี) จนสุดท้ายนาย Zepp Blatter ประธาน FIFA (ซึ่งอยู่ในต�ำแหน่งมาถึง 17 ปี จนมีคฤหาสน์หรู มีเรือยอร์ช และเครื่องบินส่วนตัวใช้) ก็ถูก บีบให้ลาออกจากต�ำแหน่งไป ว่ากันว่าประธานสมาคมฟุตบอล แห่งประเทศไทยก็ยังพลอยโดนหางเลขจากกรณีทุจริตเหล่านี้ เข้าไปด้วย แม้กระทั่งการลงคะแนนเลือกตั้งเจ้าภาพการแข่งขัน ฟุตบอลโลกอีก 2 ครั้งถัดไปที่กาตาร์ (2018) และรัสเซีย (2022) เป็นเจ้าภาพ ก็ก�ำลังถูกสอบสวนเพราะมีข้อมูลว่ามีการรับสินบน เข้าไปเอี่ยวด้วย... น้องๆที่ชอบเล่นฟุตบอล พึงส�ำเหนียกไว้ว่าเรื่องทุกอย่าง ในโลกนี้ที่เรารักเราชอบสามารถให้ทั้งคุณและโทษได้ ภาพที่ แฟนฟุตบอลตีกัน (อื้อฉาวที่สุดคือแฟนบอลอังกฤษ) การพนัน ฟุตบอล, การเล่นฟุตบอลนอกกติกาและรุนแรงจนโดนใบแดง คือ เรื่องที่เราควรถอยห่างและไม่เอาเยี่ยงย่าง ส่วนเรื่องด้านที่เป็นคุณนั้นก็มีมากมาย เช่น ได้สุขภาพ ได้กิจกรรมรวมหมู่ ได้เป็นอาชีพและรายได้ (ฟุตบอลอาชีพ) และได้ความสนุกสนาน แต่ทั้งหมดจะต้องพ่วงด้วยความมีน�้ำใจ นักกีฬา (Spirit) รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย ควบคู่กันไปด้วย...ชอบฟุตบอล ได้ แต่อย่าถึงขั้น “คลั่งไคล้” จนขาดสติและวิจารณญาณ...

บริการข้อมูล ให้ค�ำปรึกษาการใช้ สิทธิหลักประกันสุขภาพ ตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล รับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ ประสานงานส่งต่อผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษา 9

issue 103 august 2016


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหารและพนักงาน นิตยสารครอบครัวพอเพียง 10

IS AM ARE www.ariyaplus.com


กว่า 8 ปีที่ผ่านมา IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง ได้น�ำบทความ บท สั ม ภาษณ์ สรรสาระที่ ม ากด้ ว ยความรู ้ และความบันเทิง ความสุขมากมายที่ได้ รับจากการอ่านนิตยสารเพื่อสังคมฉบับ นี้ เพื่อเป็นการตอบแทนท่านผู้อ่านและ สมาชิกที่น่ารักทุกท่าน ตั้งแต่ฉบับนี้เป็นต้นไป บก.จะแจกของ สมนาคุณเล็กๆแก่ผู้ที่ตอบแบบสอบถามกันเข้ามา ของสมนาคุณที่ ว่าคือ ปากกา SHEEFER จ�ำนวน 3 รางวัล พร้อมสลักชื่อ-นามสกุล เรี ย บร้ อ ย ซึ่ ง ค� ำ ถามในฉบั บ นี้ คื อ ความรู ้ ที่ ไ ด้ จ ากบทความ “เรียนรู้จากฟุตบอล” หน้า 8-10 จากส�ำนักงานหลักประกัน สุ ข ภาพแห่ ง ชาติ ในฉบั บ ที่ ปรากฏ แล้ ว ตั ด ส่ ง มากั น นะ ค่ะ ในฉบับหน้าของสมนาคุณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามค�ำ เรียกร้องของคนขี้เหงา ซึ่งน่า จะเป็น Furby เพื่อนช่างคุย ของเราเอง แล้ ว พบกั น ใหม่ ฉบับหน้านะค่ะ

ร่วมตอบค�ำถามชิงปากกา SHEFFER

ส่งมาที่นิตยสารครอบครัวพอเพียง เลขที่ 663 ซอยพหลโยธิน 35 แยก 9 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 02-939-5995 www.ariyaplus.com แบบประเมินความพอใจผู้อ่าน 1. เนื้อหาเรื่อง เรียนรู้จากฟุตบอล

1

2

3

4

5

-ให้ความรู้และมีสาระตามที่คาดหวัง -บทความมีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ -บทความจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ -บทความสร้างความตระหนักในเรื่องคุณธรรม 2.รูปเล่ม -มีการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย -จัดเนื้อหาเป็นหมวดหมู่ อ่านง่าย -ภาพประกอบและการน�ำเสนอน่าสนใจ 3.ข้อเสนอแนะ

สายตรง กรมสงเสริมการสงออก

1.ไม่เป็นที่พอใจ 2. ควรปรับปรุง 3. พอใช้ 4.ดี/น่าสนใจ 5. ดีมาก/พอใจมาก 11

issue 103 august 2016

1169


คนเรียนเก่งเขาท�ำกันยังไง ? นางสาวธัญลักษณ์ ดินแดง

ชื่ อ นางสาวธั ญ ลั ก ษณ์ ดิ น แดง เรี ย นอยู ่ ค ณะสหเวชศาสตร์ สาขาเทคโนโลยี หั ว ใจและทรวงอก มหาวิ ท ยาลั ย นเรศวร ก� ำ ลั ง จะขึ้ น ปี ส อง เป็ น ศาสตร์ เ ดี ย วกั บ วิ ช าเทคนิ ค การแพทย์ แต่ ว ่ า แยกเป็ น สาขาเกี่ ย วกั บ ทรวงอก โดยเฉพาะ ปี ห นึ่ ง เรี ย นพื้ น ฐานวิ ท ยาศาสตร์ พวกฟิ สิ ก ส์ เคมี ชี ว ะ จะเริ่ ม เนื้ อ หาเกี่ ย วกั บ ด้ า นหั ว ใจและ ทรวงอกตอนปี ส อง เนื้ อ หาก็ จ ะเริ่ ม ลึ ก ขึ้ น ตามล� ำ ดั บ ชั้ น ปี ในส่ ว นของปี ส องก็ จ ะเริ่ ม เรี ย นกายวิ ภ าคศาสตร์ เรื่ อ งเกี่ ย วกั บ ร่ า งกายละเอี ย ดมากขึ้ น ต้ อ งมี ก ารเรี ย นกั บ อาจารย์ ใ หญ่ ด ้ ว ยค่ ะ ท� ำ ไมถึ ง สนใจเรี ย นด้ า นนี้ ? พ่อกับแม่อาชีพท�ำนาค่ะ อยู่ที่จังหวัดพิจิตร โดยปกติ แล้วคนแถวบ้านจะไม่ค่อยมีคนเรียนต่อเท่าไร ก็คือท้องก่อน เรียนจบ ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กเกเร แต่ว่าปู่กับย่าส่งเราไปเรียนไกล บ้านมากตั้งแต่เด็ก เพราะว่าไม่อยากให้อยู่ในสังคมเด็กไม่ดี เรา ไปเรียนอ�ำเภอบางมูลนากซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบสอง ชั่วโมง (รถประจ�ำทาง) ตั้งแต่ ป.1 - ม.6 จบจากโรงเรี ย นบางมู ล นากภู มิ วิ ท ยาคม อ� ำ เภอ บางมูลนาก จังหวัดพิจิตร แต่ว่าบ้านที่หนูอยู่อ�ำเภอบึงนาราง เวลาไปโรงเรียนต้องขึ้นรถรับส่งไป-กลับ ทุกวัน ประมาณ 40

กิโลเมตร ได้เกรดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3.80 ค่ะ ชอบวิชาที่ เป็นการใช้ความจ�ำ พวกชีวะ ทฤษฎีของเคมี และ ฟิสิกส์ค่ะ แต่ ว่าไม่ชอบค�ำนวณ ก็เลยเรียนสาขานี้ เพราะว่าในการเรียนส่วน ใหญ่จะใช้ความจ�ำค่ะ เทคนิ ค การเรี ย นต่ า งๆ เรารู ้ ก ่ อ นที่ จ ะมาเรี ย น มหาวิ ท ยาลั ย ? รู้ค่ะ คือตอน ม.4 เพื่อนๆ ที่โรงเรียนบางมูลนากจะสนใจ กระตือรือล้น เกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากค่ะ คือตั้งแต่ ม.4 ก็จะหาข้อมูลแล้วว่าจะเรียนยังไง เรียนแบบไหน เรียนเกี่ยว 12

IS AM ARE www.ariyaplus.com


เด็ ก ..ก่ อ นค่ า ย เด็ ก ..หลั ง ค่ า ย กับอะไรบ้าง จะต้องสอบยังไง อ่านหนังสือยังไง ส�ำหรับบางคน ก็จะคิดว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลือกคณะอะไรก็ได้ ให้สอบ ติด มีที่เรียนแค่นั้น แต่ส�ำหรับหนูไม่ได้คิดแบบนั้น หนูคิดว่าการ ที่เราจะเลือกคณะใด เราต้องมองถึงอนาคตตอนเราเรียนจบ ด้วย เมื่อจบแล้วมีแนวทางไปต่อ เราก็เลือกคณะนั้น ไม่ใช่แค่ เลือกให้มันผ่านๆ ไป แต่ต้องเลือกเพื่อให้เรามีช่องทางไปต่อ มี ความก้าวหน้า ใจจริงหนูอยากเรียนคณะนิติศาสตร์ เพราะว่าเราเห็น ช่องทางการท�ำงาน คือเราชอบมาก ยิ่งตอนเรียนมัธยม มีโอกาส ท�ำงานกับพี่ๆ ที่ส�ำนักงานศูนย์คุณธรรม ส�ำนักงานผู้ตรวจการ แผ่นดิน ก็มีความรู้สึกว่าอยากท�ำงานแบบนั้น แต่ด้วยปัจจัยที่ ว่า คณะนิติศาสตร์เมื่อเรียนจบจะมีงานท�ำไม่หนึ่งร้อยเปอร์เซนต์ มันก็ขึ้นกับเราอีกว่าจะไปต่อยังไง แต่สิ่งที่ส�ำคัญจริงๆ คือ ทาง บ้านอยากให้เรียนจบมาแล้วมีงานท�ำเลย มีความแน่นอน มั่นคง เราก็เลยบอกว่า โอเคไม่เป็นไร งั้นเรียนสาขานี้ก่อนก็ได้ พอเรา เรียนจบก็ค่อยศึกษาต่อนิติศาสตร์ก็ได้ ตัวหนูเองก็มาสนใจมุ่ง เน้นสายที่จบมามีงานท�ำแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ ก็จะเป็นอาชีพ ทางด้านสายสุขภาพ

ถ้ า เราไม่ เ ข้ า ใจอั น ดั บ แรกจะทบทวนด้ ว ยตั ว เองก่ อ น ยั ง ไม่ ถ ามอาจารย์ แล้ ว พอทบทวนมาแล้ ว ก็ ไ ปถาม อาจารย์ เ ป็ น การส่ ว นตั ว หลั ง หมดคาบอี ก ครั้ ง หนึ่ ง ว่ า หนู เ ข้ า ใจถู ก ไหม

คุ ณ พ่ อ สอนและเน้ น เรื่ อ งอะไรเป็ น พิ เ ศษ ? พ่ อ จะชอบพู ด อยู ่ เ สมอว่ า ให้ ดู ค นข้ า งบ้ า น สภาพ แวดล้อมข้างๆ บ้านว่าเป็นยังไง ถ้าคิดที่จะมีความสุขวันนี้ ไม่ อยากเรียนให้ล�ำบาก เลือกสบาย ไม่เรียน มีครอบครัว มีลูกใน ตอนนี้ แต่ในอนาคตก็จะต้องล�ำบากแทน คุณพ่อก็จะพูดให้คิด เสมอว่า ให้เลือกเอา ว่าจะสบายแค่ไม่กี่ปี แต่ล�ำบากตลอดชีวิต หรือล�ำบากไม่กี่ปี แล้วสบายในอนาคต

โรงเรียนอีก แล้วก็ตอนเช้าตีสี่ ตีห้า ต้องตื่นไปเรียนอีก เวลา นอนเราก็จะน้อยมาก แม่ก็จะเป็นห่วง พอเรียนไปได้สักปีหนึ่ง ก็ไม่เรียนแล้วค่ะ คิดว่าอ่านหนังสือเองดีกว่า เริ่ ม ตื่ น เช้ า มาอ่ า นหนั ง สื อ ก่ อ นไปเรี ย น เริ่ ม ท� ำ ตั้ ง แต่ ตอนไหน ? ตอน ม.1 ค่ะ คือตอนเข้าไปเรียนใหม่ๆ เกรดจะไม่ค่อย ดีเท่าไร พอเรียนไปสักเทอมหนึ่งก็เริ่มปรับตัวได้ เริ่มรู้แนวว่า ต้องท�ำอย่างไร ต้องอ่านหนังสือยังไง เกรดก็จะเพิ่มสูงขึ้น แล้ว ก็รักษาระดับเอาไว้

แล้ ว คุ ณ แม่ จ ะเน้ น อะไรกั บ เรา ? แม่ ก็จะเป็น ห่ว งเรื่องเรียนหนัก เกิน ไป เป็ น ห่ ว งเรื่ อ ง สุขภาพ เพราะว่าเราต้องตื่นเช้า ตื่นตีสี่เพื่อมาอ่านหนังสือหนึ่ง ชั่วโมง ท�ำแบบนี้ตั้งแต่ ม.1 คือด้วยความที่เราเป็นเด็กต่างอ�ำเภอ มาเรียนที่บางมูลนากตั้งแต่ ป.1 (ตอนประถมก็เรียนโรงเรียน อนุบาลบางมูลนาก ราษฎร์อุทิศ) มีโอกาสเรียนน้อยกว่าเด็ก อ�ำเภอบางมูลนาก ตอนเย็นๆ เพื่อนก็จะไปเรียนพิเศษกัน พอ เลิกเรียนสามโมงครึ่งเพื่อนก็จะไปเรียนพิเศษต่อ แต่เราพอสาม โมงครึ่งก็ต้องนั่งรถรับส่งกลับบ้าน ก็จะไม่มีเวลา แต่ว่าเราก็ อยากจะเรียนพิเศษบ้าง ก็เริ่มเรียนตั้งแต่ ป.4 พอเลิกเรียนสาม โมงครึ่ง ก็มาเรียนต่อถึงสองทุ่ม แล้วใช้เวลาเดินทางกลับบ้าน อีกสองชั่วโมง ถึงบ้านสี่ทุ่มแล้วพอถึงบ้านก็ต้องท�ำการบ้านที่

แสดงว่ า สั ง คมในโรงเรี ย น เพื่ อ นๆ ในโรงเรี ย นค่ อ น ข้ า งที่ จ ะสนใจการเรี ย นมาก ? ใช่ค่ะ เพราะว่าเพื่อนในโรงเรียนเวลาเขาคุยกัน ก็จะ เอาการบ้านมาคุยกัน คุยกันที่เรียนพิเศษ แล้วถ้าไม่ท�ำการบ้าน ไม่อ่านหนังสือก็ไม่ได้ เพราะว่าจะไม่ทันเพื่อน จะคุยกับเขาไม่รู้ เรื่อง แล้วเพื่อนก็ชอบเอางานมาถาม ถ้าเราไม่รู้เราก็จะแบบว่า เสียหน้า (หัวเราะ) เราก็ต้องเตรียมตัวมา ท�ำการบ้านมาอ่าน หนังสือมาก่อน เพื่อนในกลุ่มเกรดก็จะอยู่ประมาณ 3.60 - 3.70 ไม่ห่างกันมากค่ะ 13

issue 103 august 2016


ด้วยควบคู่กันไป อันนี้คือรอบรับตรง ติด แปดที่แต่ว่าสละสิทธิ์หมด ก็เลยมารอยื่น คะแนนรอบสุดท้ายอีกคือแอดมิดชั่น ก็ เลือกคณะที่หนูเรียนอยู่นี้เป็นอันดับหนึ่ง แล้วก็สอบติดค่ะ

อะไรที่ ท� ำ ให้ เ ราคิ ด ว่ า ม.1 ต้ อ ง ตื่ น มาอ่ า นหนั ง สื อ ตอนเช้ า ? คือหนูมีเหตุผลที่ว่า หนูจะไม่นอน ดึก กลับมาจากโรงเรียนก็จะเหนื่อย เพลีย อยากนอนไม่อยากท�ำอะไร แล้วคือที่บ้าน พอสามทุ่มก็ จะปิดไฟนอนกันหมดแล้ว แล้วเพื่อนก็ชอบมาคุยกันว่า เมื่อคืนอ่าน หนังสือถึงสี่ทุ่ม ห้าทุ่มแบบนี้ค่ะ แต่คือเรา นอนไปแล้ว ถ้าเราไม่ตื่นตอนเช้าเราก็จะ ไม่ได้อ่านหนังสือ พอไม่อ่านหนังสือก็ไม่ ได้อีก เพราะจะเรียนไม่ทันเพื่อน ความ จริงช่วงเวลาที่เราอยู่บนรถ เป็นช่วงเวลา ยาวนานมาก แต่ว่าเราอ่านหนังสือบนรถ ไม่ได้ ปวดตา สายตาไม่ดีด้วย แล้ ว จากสภาพแวดล้ อ มที่ เ ราอยู ่ เราไม่ คิ ด จะเหลวไหลเหมื อ นคน อื่ น บ้ า งหรื อ ? ไม่คิดนะคะ ไม่เคยคิดด้วย คือว่า ด้วยความที่เราถูกส่งมาเรียนบางมูลนาก ตั้งแต่เด็ก แล้วเพื่อนที่บางมูลนากทุกคน สนใจเรียน ตั้งใจ พอไปถึง ณ จุดนั้นเรา ก็คิดว่าเราไม่มีโอกาสเรียนเท่าเขา ไม่ได้ เรียนแบบเขามาก่อน ด้วยความที่ไม่ได้ เรียนนี่แหละค่ะ ท�ำให้เรามีความรู้สึกว่า อยากเรียนแบบนั้น ก็เลยพยายามตั้งใจ เรี ย น ท� ำ ให้ มี ค วามรู้เทียบเท่ากับ คนที่

เรียนมาเยอะๆ ก็เลยไม่ได้สนใจเรื่องพวก นี้ไปเอง ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนตอน ประถมจะเป็นลูกคุณครู มีพ่อแม่เป็นครู มีพ่อแม่คอยสอนการบ้าน แต่ว่าเรา พ่อ แม่เราก็ช ่ว ยสอนได้ ต อนเรี ย นบทง่ า ยๆ พอโตขึ้น พ่อกับแม่ก็เริ่มจะไม่รู้ในสิ่งที่ เราเรียนแล้ว ใครเป็ น คนบอกให้ ท� ำ แบบนี้ ? เราจัดของเราเองค่ะ คือพ่อกับแม่ ก็จะไม่รู้ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะระบบเปลี่ยน เกือบจะทุกปี ดังนั้นเด็กที่เรียนอยู่ที่ก�ำลัง จะสอบเข้าจะเป็นผู้ที่รู้มากที่สุด หนูก็คิด ว่าคะแนนที่เราสอบเราก็เป็นคนท�ำเอง เพราะฉะนั้น การวางแผนการศึกษาต่อ เราก็ต้องท�ำเองด้วย ตอนอยู่ ม.6 หนูไป ยื่นคะแนนกับทางมหาวิทยาลัยในรอบรับ ตรง มา 8 แห่ง ก็สอบติดหมดทุกที่เลย เพราะเรารู้ว่าคะแนนเรามีอยู่เท่าไร จะ เลือกคณะอะไรได้บ้าง ถ้าเราเลือกเป็น เลือกถูกต้อง ยังไงเราก็ติด ถ้ า สมมุ ติ ว ่ า มี ค ะแนนน้ อ ย แต่ ไปเลือกคณะที่ใช้คะแนนสูง รู้ทั้งรู้ว่ามัน ไม่ได้ ก็ยังเลือกไป ยังไงก็สอบไม่ติดค่ะ คือเราต้องประเมินคะแนนตนเอง และ ประเมิ น คะแนนของคณะที่ เราจะเข้ า 14 IS AM ARE www.ariyaplus.com

พอรู ้ ว ่ า คะแนนถึ ง รู ้ สึ ก อย่ า งไร ? ก็ดีใจมากค่ะ พอมานั่งคิดดู ก็คิด ว่าเราก็เก่งเหมือนกันนะ (หัวเราะ) ภูมิใจ ที่ไปยื่นคะแนนสอบมาแปดแห่งก็ติดหมด ทุกที่ แสดงว่าเราก็วางแผนเก่งเหมือน กัน ตอนที่หนูเรียนจบ ม.6 หนูดีใจมาก เลยนะคะ ตลอดการเรียนมา 12 ปีที่ตื่น เช้าทุกวัน หนูท�ำทุกอย่างได้ด้วยตนเอง จัดการสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ส�ำหรับบาง คนเขาอาจจะมีพ่อแม่คอยบอกว่า เรียน พิเศษอย่างโน้น สอบอย่างนี้ ต้องอ่าน หนังสือท�ำการบ้านเวลานี้ แต่ส�ำหรับเรา คือจัดการด้วยตนเองมาตลอด พ่อกับแม่ เราไม่เคยถามสักครั้งว่าวันนี้ที่โรงเรียน ให้การบ้านอะไรมา ครูสอนอะไรบ้างวัน นี้ ไปเรียนมาเหนื่อยไหม ไม่มีค�ำถามนี้ เกิดกับเราเลย ทุกวันเราต้องท�ำการบ้าน เอง อ่านหนังสือเอง ทบทวนเองตลอด แล้ ว สิ่ ง ที่ เ ราท� ำ มาทั้ ง หมดรู ้ ไ หมว่ า เกิ ด จากอะไร ? ตอนแรกๆ ที่ ท� ำ ก็ ไ ม่ รู ้ ตั ว นะคะ ว่าเกิดจากอะไร แต่พอผ่านมาแล้วมอง ย้อนกลับไป ก็คิดว่าน่าจะมาจากสภาพ แวดล้อม เพื่อนๆ ที่โรงเรียน ด้วยความ ที่เขามีพ่อแม่คอยบอก เขามีโอกาสเรียน มากกว่ า เรา มี โ อกาสที่ จ ะได้ ค ะแนน มากกว่ า เรา ตอนนั้ น เรายื น ณ จุ ด ที่ ด้อยกว่าเขา เราก็ต้องพัฒนาตนเองให้ เทียบเท่าเขาให้ได้ หนูจะถือคติมาตลอด ว่ า ถึ ง แม้ ว ่ า เราจะไม่ ใช่ ผู ้ ช นะ ไม่ ใช่ ที่ หนึ่ง แต่เราก็ต้องไม่แพ้ให้กับที่หนึ่งด้วย เหมือนกัน


ตื่ น ตอนเช้ า มาอ่ า นหนั ง สื อ หนึ่ ง ชั่ ว โมงก่ อ นไปเรี ย น มากี่ ป ี ? ก็ ตั้ งแต่ ม.1 ที่ตื่น มาอ่านหนังสือ แต่ ต อน ม.ต้ น ก็ ตื่นบ้างไม่ตื่นบ้าง แต่พอขึ้น ม.4 เพื่อนๆ ก็เริ่มแข่งขันกันเข้า มหาวิทยาลัย ต้องบอกก่อนว่าเพื่อนๆ ที่โรงเรียนส่วนใหญ่จะมี ความใฝ่รู้ ใฝ่เรียน เขามีความฝันตั้งแต่ ม.4 ว่าเขาอยากจะมา เรียนที่กรุงเทพ อยากจะเรียนที่เชียงใหม่ อยากเรียนมหาวิยา ลัยที่มีชื่อเสียง แม้แต่เพื่อนผู้ชาย เขายังอ่านหนังสือยังวางเป้า หมายเอาไว้ชัดเจน แล้วช่วงที่เข้า ม.4 ใหม่ๆ เราเจอจุดเปลี่ยน เจอเหตุการณ์ที่ค่อนข้างแย่ส�ำหรับเรา คือปกติตอน มัธยมต้นเรา ได้เกรดไม่เคยต�่ำกว่า 3.90 พอขึ้นมา ม.4 เทอมหนึ่งได้ 3.65 คือ มันน้อยมากส�ำหรับเราท�ำให้หมดก�ำลังใจเรียนไปเลยค่ะ

เองก่อนล่วงหน้า รู้ก่อนที่ครูจะบอกด้วยเพราะว่าเราค�ำนวณเอา ไว้แล้ว พอเดินออกจากห้องสอบจะรู้เลยว่าวิชานี้ได้ตามที่หวัง วิชานี้ไม่ได้ตามที่หวังไว้

เพื่ อ นเราเป็ น แบบนี้ ไ หม ? เพื่ อ นคนที่ ส นิ ท กั บ เรา เราก็ จ ะบอก จะคิ ด เกรดให้ เพื่อนจะคุยกันค่ะ คือเราคิดแบบเป็นระบบแบบนี้มาเรื่อยๆ จน ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ พอขึ้นเทอมสองก็เริ่มปรับตัวได้ เกรดเราก็เพิ่ม ขึ้นกลับมาเป็น 3.98 แล้วก็มาเจอจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งตอนขึ้น มหาวิทยาลัยปี 1 เกรด 3.65 ว่าน้อยแล้ว แย่แล้ว เกรดตอนขึ้น ปีหนึ่งเทอมหนึ่งได้แค่ 3.32 เองค่ะ คือตอนปีหนึ่งเนื้อหามีเยอะขึ้น มีกิจกรรม มีเพื่อนใหม่ ตอนนั้นเราจัดการอะไรไม่ได้เลย ก�ำลังใจตกมากค่ะ คือก่อนหน้า มี วิ ธี อ ะไรที่ ท� ำ ให้ ไ ด้ ค ะแนน หรื อ รู ้ ค ะแนนชั ว ร์ ? นี้ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า เราจะเรียนให้ คิดเกรด วางแผนเกรดด้วยตนเองตลอด คือเมื่อคะแนน ได้เหรียญรางวัลเรียนดี คือในหนึ่งปีการศึกษาต้องได้เกรดเฉลี่ย การสอบกลางภาคออก เราก็ น� ำ คะแนนนี้ ไ ปรวมกั บ คะแนน สองเทอมรวมกันไม่ต�่ำกว่า 3.50 จะต้องได้ทุกปี แต่เทอมหนึ่ง เก็บ แล้วก็คิดมาเป็นคะแนนว่า สอบปลายภาคเราต้องท�ำอีกกี่ ของเรามันน้อยกว่า 3.50 ไปมากมันก็จะถ่วงเกรดให้ต�่ำลงไป คะแนน อีกกี่ข้อ ท�ำข้อไหนเรื่องไหนจะได้คะแนนชัวร์ๆ แล้วได้ ดังนั้นเทอมสองก็จะเป็นศึกใหญ่ของเรา เราต้องท�ำเกรดฉุดขึ้น เกรดสี่ คือเราใช้วิธีการนี้มาโดยตลอด คือจะสามารถเดาเกรดตัว ให้ได้ พอเปิดเทอมสองเราก็หมดก�ำลังเรียนไปมาก แต่ว่าเราก็ 15 issue 103 august 2016


ตื่นมาอ่านหนังสือตอนเช้าชั่วโมงหนึ่ง แล้วก็หลังจากกลับมา จากโรงเรียนด้วย แล้ ว ตารางอ่ า นหนั ง สื อ เป็ น ยั ง ไง ? คือการวางแผนการอ่านหนังสือก็แล้วแต่วันด้วยคะ ตอน มัธยมปลายก็จะมีเรียนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์กับฟิสิกส์ หนูก็จะ ต้องเดินทางจากจังหวัดพิจิตร ไปเรียนพิเศษที่จังหวัดพิษณุโลก ถ้าเป็นวันจันทร์ บางวันเพื่อนก็ต้องนัดท�ำงาน นัดติวกัน ก็อาจ จะท�ำให้กลับบ้านเย็นไปอีก อาจจะกลับมาถึงบ้านทุ่มหนึ่ง การ อ่ า นหนั ง สื อ ก็ อ าจจะเลื่ อ นออกไป เราต้ อ งวางแผนการอ่ า น หนังสือวันต่อวัน แต่ที่แน่นอนต้องท�ำทุกวันคือตื่นตอนเช้าตีสี่ มาอ่านหนังสือหนึ่งชั่วโมง แต่ในช่วงตอนเย็นที่เพิ่มเวลาอ่าน หนังสือก็ต้องแล้วแต่วันไปตามความเหมาะสม ตอนมหาวิ ท ยาลั ย เรามาอ่ า นหนั ง สื อ จั ด ตารางยั ง ไง ? การอ่ า นหนั ง สื อ ก็ อ ่ า นตอนเช้ า เหมื อ นเดิ ม ค่ ะ แต่ ว ่ า มหาวิทยาลัยไม่ต้องเข้าแถวเคารพธงชาติก็จะตื่นหกโมงหรือบาง วันก็ตีห้า เพื่อมาอ่านหนังสือค่ะ ยังอ่านหนังสือตอนเช้าเหมือน เดิม เพราะว่าหนูอ่านหนังสือตอนเย็นแล้วไม่มีสมาธิคือว่าเรา ต้องรู้ตัวเองว่าเราชอบเวลาไหน เวลาไหนเหมาะกับเรา แต่การ ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือก็ยากเหมือนกันนะคะ เวลานอนหลับอยู่ พอได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังเป็นใครก็ไม่มีใครอยากลุกหรอก ค่ะ อากาศเย็นๆ นอนเพลินๆ แต่ว่าเราต้องลุกมาอ่านหนังสือ การลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องท�ำการตัดสินใจว่าจะลุกไปอ่านหรือ นอนต่อดี และ ณ ช่วงเวลาที่เราตัดสินใจลุกมาอ่านหนังสือ เรา จะรู้สึกดีมากเลยนะคะ เพราะเหมือนเราได้ชนะบางสิ่งบางอย่าง ชนะใจตัวเอง ชนะความขี้เกียจในตัวเอง

คิดว่าไม่เป็นไรเอาใหม่เรียนใหม่ สู้ใหม่ เราอ่านหนังสือไปเต็มที่ พอคะแนนสอบกลางภาคออกเราก็ท�ำเหมือนที่เคยท�ำ ค�ำนวณ คะแนน วางแผนการอ่านหนังสือ การท�ำเกรด เทอมสองเกรด เราก็เลยขึ้นมาเป็น 3.89 เราก็ดีใจมากๆ ที่เกรดกลับมาขึ้นสูง อีกครั้งหนึ่งพอเฉลี่ยเกรดแล้ว การจบปีหนึ่งของเราก็ท�ำให้ปีนี้ ได้เหรียญรางวัลมาครองได้ เ ร า เ อ า ร ะ บ บ ก า ร เ รี ย น จ า ก มั ธ ย ม ม า ใ ช ้ ใ น มหาวิ ท ยาลั ย ด้ ว ยไหม ? ใช้นะคะ แต่ว่าแรกๆ ตอนเข้าปีหนึ่งไปใหม่ๆ เจอสิ่ง ใหม่ๆ เราสนุก แล้วหลงลืมไปเลยนะคะว่าเมื่อก่อนเราเคยใช้ ระบบการจัดการชีวิตยังไง คือช่วงปิดเทอม ม.6 ก�ำลังจะขึ้นปี หนึ่ง เราปิดเทอมหกเดือน แล้วเราก็อยู่บ้านเฉยๆ นอนเฉยๆ ด้วยความที่เหนื่อยล้าจากการสอบมา เรียกว่าผ่านศึกหนักมา พอถึงเวลาพักเราก็พักเต็มที่ ลืมไปหมดทุกอย่าง พอเปิดเทอม ปีหนึ่งมาเราก็ไม่ได้สนใจเรื่องระบบ แผนการเรียนที่เราเคยวาง เอาไว้ ทุกอย่างก็เลยดูเละเทะไปหมด ไม่เข้าที่เข้าทาง จนได้ เจอผลลัพธ์ด้วยตัวเองว่าการที่ท�ำอะไรไม่วางแผน ผลลัพธ์ก็จะ ออกมาไม่ดีด้วย ซึ่งเราก็รับไม่ได้ เราก็มานั่งคิดว่า ตอนมัธยมเรา เคยจัดการตัวเองได้ดีกว่านี้ เราก็เลยเอาระบบตอนที่ใช้มัธยม ปลายกลับมาใช้ใหม่ตอนปีหนึ่งเทอมสอง จริงๆ ตอนมัธยมเรา

เราคิ ด ว่ า เป็ น เพราะสิ่ ง แวดล้ อ มไหมที่ ท� ำ ให้ เ ราเป็ น แบบนี้ ? หนูว่าก็มีส่วนนะคะ อันนี้เป็นความคิดหนูเองนะคะ หนู คิดว่าการที่คนๆ หนึ่งจะท�ำอะไรที่ออกมาจากใจ เขาต้องคิดได้ ต้องส�ำนึกได้ด้วยตนเอง ต้องได้เคยสัมผัสมาก่อนว่าความรู้สึก มันเป็นแบบไหน เช่น เวาลาที่มีพี่เคยมาแนะแนวที่โรงเรียน ว่า ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือยังไง สอบอะไรบ้าง เหมือนเป็นการ จุดไฟให้เรากระตือรือล้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ความ ขี้เกียจก็เริ่มเข้ามา เหมือนไฟที่เคยจุดไว้ใกล้จะดับลง แต่มันต้อง มีสักวันหนึ่งค่ะ ที่เราคิดได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีใครมาบอก ต้อง ส�ำนึกได้ว่าเราควรอ่านหนังสือได้แล้ว ไม่งั้นเราจะสอบไม่ติด 16

IS AM ARE www.ariyaplus.com


แล้ ว ตอนนี้ ขึ้ น ปี ส องเทอมหนึ่ ง เราวางแผนไว้ ว ่ า อย่ า งไร จะใช้ ร ะบบเดิ ม ไหม ? ก็ใช้ระบบเดิมค่ะ แต่ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างตาม สถานการณ์ เช่น ปีสองรุ่นพี่เคยบอกกับเราว่าเราต้องเรียนเกี่ยว กับระบบการท�ำงานต่างๆ ในร่างกาย แล้วเราก็ต้องส่งรายงาน ทุกสัปดาห์เตรียมการน�ำเสนอทุกครั้ง ต้องท�ำงานกับเพื่อนถึง สามทุ่มสี่ทุ่ม เราก็รู้ตัวเราว่าเป็นคนนอนไม่ดึก เราก็ต้องจัด ตารางที่เหมาะสมกับตัวเราอีกด้วย การอ่านหนังสือเราต้องอ่าน วันต่อวัน เรียนเสร็จวันหนึ่งก็อ่านตามที่เรียนมาเพราะว่าถ้าเรา ไม่อ่าน ตอนสอบกลางภาคเรียน เนื้อหาเราจะเยอะมากๆ แล้ว เราก็จะรีบอ่านไม่ทัน ท�ำข้อสอบออกมาได้ไม่ดี และที่ส�ำคัญคือ ต้องตั้งใจเรียนในห้อง เราเคยมีประสบการณ์ตอนปีหนึ่งเทอม หนึ่งในวิชาการบรรยายอาจารย์ก็จะพูดไปเรื่อยๆ เราจะใช้วิธี การอัดเทป แล้วเราไม่ได้แกะเทปวันต่อวัน เอาไปแกะเทปตอน ใกล้จะสอบ ทั้งวิชาชีวะ เคมี ฟิสิกส์ เทปเยอะมากค่ะ ไม่ใช่ว่า เราแกะเทปเสร็จเราจะจ�ำเนื้อหาได้เลยเราต้องอ่านอีกหนึ่งรอบ หนูคิดว่าค่อนข้างเสียเวลาค่ะ พอเทอมสองเราก็เปลี่ยนวิธีการใหม่ ไม่อัดเทปแล้ว ใช้วิธี การจดตามครูพูดเลยค่ะ จดทุกค�ำพูด เข้าใจไม่เข้าใจจดไปก่อน จดจนเมื่อยมือ คือการเรียนมหาวิทยาลัยคุณครูไม่ได้บอกเราว่า ตรงไหนควรจดไม่ควรจด เราต้องใส่ใจด้วยตนเอง พอเรากลับ ห้องตอนเย็นเราก็เอาที่เราจดมาอ่านดู ทบทวนว่าวันนี้ครูสอน อะไรบ้าง ท�ำแบบนี้เราก็มีเทคนิคนะ คือเวลาที่เราจดในห้อง แล้วมาอ่านดูอันไหนที่อาจารย์พูดซ�้ำกัน อ่านเจอซ�้ำๆ แสดงว่า เนื้อหาตรงนั้นอาจารย์เน้น แล้วน่าจะออกสอบค่ะ เราจะเห็นได้ เลยจากใบของเราเองที่เราจดไป

เราจะมีการเดาข้อสอบว่าคุณครูจะออกสอบอะไร ลองฝึกตอบ ค�ำถามที่เราตั้งขึ้นเอง บรรยากาศในห้ อ งเรี ย นเป็ น ยั ง ไงบ้ า ง ? ก็ เรี ย นกั บ เพื่ อ นอี ก ประมาณสองร้ อ ยคน พอเข้ า ไป ในห้องเรียนคุณครูก็ไม่เช็คชื่อ จะเข้าไปนอนหลับ เข้าไปเล่น โทรศัพท์ เข้าไปไม่เรียนคุณครูที่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ว่าอะไร เรา จะสนใจหรือไม่สนใจก็ขึ้นอยู่กับเราเอง โดยนิ สั ย ส่ ว นตั ว ของเราเวลาเข้ า ไปเรี ย นในห้ อ งจะ เลื อ กนั่ ง ตรงไหน ? หนูก็จะเลือกนั่งโซนกลางๆ ค่อนข้างมาข้างหน้า แต่หนู คิดว่าไม่ว่าจะนั่งตรงไหนคือมันก็อยู่ที่ใจเรา เพื่อนหลายๆ คน เล่นโทรศัพท์ นอนหลับ เราก็ต้องห้ามใจตัวเองให้ได้ ไม่ให้นอน หลับ ไม่เล่นโทรศัพท์ เพราะถ้าเราพลาดขาดสมาธิไปแค่ 5 นาที เราก็จะเรียนไม่รู้เรื่อง ต่อเนื้อหาไม่ติด คือตอนปีหนึ่งเทอมสอง หนูจะไม่จับโทรศัพท์มาเล่นเลยนะคะ เวลาเราไม่ เ ข้ า ใจบทเรี ย นจะท� ำ ไง ? ถ้าเราไม่เข้าใจอันดับแรกจะทบทวนด้วยตัวเองก่อนยัง ไม่ถามอาจารย์ แล้วพอทบทวนมาแล้วก็ไปถามอาจารย์เป็นการ ส่วนตัวหลังหมดคาบอีกครั้งหนึ่งว่าหนูเข้าใจถูกไหม เพราะว่า เราไม่กล้ายกมือถามในห้องเลย เพื่อนในห้องเรียนมีเยอะมาก ถ้า เรายกมือถามเราก็ชอบคิดว่าเพื่อนๆ จะต้องคิดว่าเราโง่แน่นอน ซึ่งเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเด็กไทยเหมือนกันนะคะ สงสัยแต่ไม่ กล้ายกมือถามกลัวเพื่อนมองเราว่าโง่. ทั้ ง หมดนี้ คื อ การจั ด การตั ว เองในวั ย เรี ย นในแบบของ น้องเมย์ ซึ่งเธอไม่หวงห้ามหากใครจะน�ำไปปรับใช้ในการเรียน และการวางแผนชีวิตของตัวเอง เธอมีเป้าหมายว่าหากเรียน จบมีงานท�ำแน่นอนแล้ว จะเรียนนิติศาสตร์เพิ่มเติมตามความ ฝันของตัวเองต่อไป

เทคนิ ค นี้ รู ้ เ อง คิ ด ได้ เ อง ? ใช่ค่ะ คิดเองใช้ประสบการณ์ที่มี แล้วเลือกวิธีที่เหมาะ สมกับเราค่ะ เรามักจะใช้วิธีการเดาทางครู อย่างเช่น ก่อนสอบ

17 issue 103 august 2016


เรื่อง : ไสว บุญมา

ถึงเวลาปลูกป่าไว้อาบหรือยัง? ย้ อ นไปหลายปี นิ ต ยสารนี้ ตี พิ ม พ์ บ ทความเรื่ อ ง “ปั จ จั ย ที่ ท� ำ ให้ เ กิ ด ความสุ ข ” และ “เป็ น เงาะป่ า เพื่ อ รั ก ษาสิ่ ง แวดล้ อ ม” บทความแรกเสนอผลการวิ จั ย ซึ่ ง สรุ ป ว่ า เมื่ อ คนเรามี ร ายได้ เ พี ย งพอส� ำ หรั บ ใช้ จ ่ า ยเพื่ อ สนอง ความจ� ำ เป็ น ของชี วิ ต แล้ ว หนึ่ ง ในปั จ จั ย ที่ จ ะช่ ว ยให้ เ กิ ด ความสุ ข กายสบายใจได้ แ ก่ ก ารได้ อ ยู ่ ใ กล้ ธ รรมชาติ บทความที่ ส องเสนอว่ า ถ้ า เราปรั บ เปลี่ ย นการบริ โ ภคอาหารจ� ำ พวกแป้ ง จากข้ า วขั ด ขาวเป็ น การบริ โ ภคหลาย ๆ อย่ า งสลั บ กั น รวมทั้ ง มั น ส� ำ ปะหลั ง มั น ฝรั่ ง มั น เทศ ข้ า วโพด กล้ ว ย ฟั ก ทองและข้ า วกล้ อ งร่ า งกายของ เรายากที่ จ ะขาดสารอาหาร การได้ ส ารอาหารครบถ้ ว นส่ ง ผลให้ ร ่ า งกายเพิ่ ม โอกาสที่ จ ะปราศจากโรคร้ า ย ในขณะเดี ย วกั น การปรั บ เปลี่ ย นการบริ โ ภคเช่ น นั้ น จะมี ผ ลดี ต ่ อ สิ่ ง แวดล้ อ ม หรื อ ท� ำ ให้ ธ รรมชาติ ส ามารถ คงลั ก ษณะความเป็ น ธรรมชาติ ต ามเดิ ม ไว้ ไ ด้ 18 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ตั ว ไกล..หั ว ใจอยู ่ ใ กล้ เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานผลการวิจัยหลายชิ้นในญี่ปุ่น ซึ่งยืนยันเรื่องความส�ำคัญของการมีธรรมชาติรอบด้าน กล่าว คือ การใช้เวลาอยู่ในป่าสามารถรักษาและป้องกันโรคได้ การ วิจัยเหล่านั้นเกิดจากนักวิชาการต้องการแสวงหาข้อมูลมาสนับ สนุนความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่า “การอาบป่า” อันเป็นการใช้ เวลาในกลางป่าสามารถลดความเครียดได้จริง กระบวนการวิจัย ได้ข้อมูลจ�ำนวนมากนอกจากเรื่องการลดความเครียดซึ่งมีผล ดีต่อการลดความดันโลหิตและการท�ำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นั่นคือ การใช้เวลาในป่าสามารถช่วยป้องกันและลดอาการของ มะเร็ง โรคหัวใจ ความกระสับกระส่าย ความสนใจสั้นและการ ซึมเศร้า ผลของการวิจัยเหล่านั้นนิตยสาร Time น�ำมาสรุปและ เสนอไว้ในฉบับประจ�ำวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 อนึ่ง ความนิยมป่าของชาวญี่ปุ่นนั้นมีมานานจนเป็น วัฒนธรรมที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขา ผู้ที่มีโอกาสไป เที่ยวญี่ปุ่นอาจจะได้สังเกตบ้างแล้วว่าญี่ปุ่นดูจะมีป่าอยู่ทั่วไป และมีการจัดป่าไผ่อันแสนงดงาม กระนั้นก็ดี มีน้อยคนที่จะรู้ ว่าป่าครอบคลุมพื้นที่ถึงเกือบ 3 ใน 4 ของญี่ปุ่น การมีพื้นที่ ป่าในบริเวณมหาศาลขนาดนั้นท�ำให้ชาวญี่ปุ่นมีโอกาสใช้เวลา อยู่กับป่าได้มากขึ้นส่งผลให้พวกเขามีสุขภาพดีขึ้น การได้อยู่ ในป่าคงเป็นหนึ่งในปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้ชาวญี่ปุ่นมีอายุยืนยาว ที่สุดในโลก การวิจัยดังกล่าวสรุปจากข้อมูลที่เก็บจากตัวบุคคลอัน เป็นการมองไปที่จุดขนาดเล็ก ก่อนจะมีการวิจัยเหล่านั้น มีหลัก ฐานจากการมองภาพขนาดใหญ่ที่ยืนยันเรื่องความส�ำคัญของป่า มาแล้ว นั่นคือ การท�ำลายป่าน�ำไปสู่การท�ำลายรากฐานของ สังคมจนน�ำไปสู่ความล่มสลาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนังสือสองเล่ม มีรายละเอียดน่าศึกษา ได้แก่ A Forest Journey ของ John

Perlin และ Collapse ของ Jared Diamond (ทั้งสองเล่ม มีบทคัดย่อภาษาไทยอยู่ในเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) ข้ อ มู ล เหล่ า นี้ ค งน� ำ มาประยุ ก ต์ ใช้ กั บ เมื อ งไทยได้ ทั้ ง ในระดับบุคคลและในระดับนโยบายของประเทศ ส�ำหรับใน ระดับบุคคล มีเหตุผลมากพอที่เราจะพยายามหาเวลาไปพัก ผ่อนหย่อนใจกันในป่ามากกว่าการไปใช้เวลาตามศูนย์การค้า หรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่สร้างขึ้นไว้ตามเขาหัวโล้น แต่ เนื่องจากคนส่วนมากคงหาเวลาท�ำเช่นนั้นไม่ได้ หรือมีรายได้ไม่ เพียงพอ ฉะนั้น พวกเขาคงต้องใช้การไปพักผ่อนหย่อนใจตาม สวนสาธารณะตามใจกลางเมือง หรือตามชานเมืองแทน ความ จ�ำเป็นเช่นนี้มีผลต่อนโยบายในด้านให้มีการสร้างสวนธารณะ มากขึ้นและฟื้นฟูพื้นที่ซึ่งเคยเป็นป่าให้กลับมามีสภาพเดิมอย่าง กว้างขวางขึ้น ส�ำหรับในกรุงเทพฯ พื้นที่ซึ่งอาจน�ำมาท�ำเป็นสวน สาธารณะขนาดใหญ่ในแนวของ “สวนวชิรเบญจทัศ” หรือ สวนรถไฟได้แก่ที่ดินของการรถไฟในย่านมักกะสัน ส่วนเรื่อง การฟื้นฟูป่านั้นต้องเร่งท�ำในพื้นที่ป่าในทุกภาคของประเทส ดังเป็นที่รับทราบกันดี การมีป่าเพิ่มขึ้นจะมีผลดีต่อการป้องกัน ภัยธรรมชาติอันเกิดจากการขาดป่าไม้และการบริหารจัดการ ทรั พ ยากรน�้ ำ น่ า จะถึ ง เวลาที่ เราควรอาบจะอาบทั้ ง ป่ า และ น�้ำ? 19

issue 103 august 2016


พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม / สถาบันวิมุตติยาลัย

ความกล้าหาญทางจริยธรรม

..ถ้ า ถามว่ า ท� ำ ไมในหั ว ข้ อ ที่ ว ่ า ความ กล้ า หาญทางจริ ย ธรรม จึ ง เป็ น หั ว ข้ อ ที่ เ ชื่ อ ว่ า ส� ำ คั ญ ที่ สุ ด ในเวลานี้ ก็ คงจะต้ อ งตอบว่ า เพราะสั ง คมไทย ณ วั น นี้ ก� ำ ลั ง มี ป ั ญ หาเรื่ อ งจริ ย ธรรมเป็ น อย่ า งมาก หลายปี ที่ ผ ่ า นมา หรือจะเรียกว่าช่ว งทศวรรษนี้ ห รื อ ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2540 เป็นต้นมาก็ว่าได้สังคมไทย มีค�ำอยู่ค�ำ หนึ่ง ซึ่งโด่งดังเป็นที่ปรารถนาและพึงประสงค์อย่างมาก นั่น ก็คือค�ำว่า “ธรรมาภิบาล” หรือการบริหารจัดการที่ดีนั่นเอง ธรรมาภิบาลนี้นับว่าเป็นค�ำใหม่ บริบทเดิมของธรรมาภิบาลก็ คือ การบริหารจัดการที่เรียนในเชิงธุรกิจแต่เรายังมีค�ำที่เก่ากว่า นั้นและน่าจะดีกว่าค�ำว่า “ธรรมาภิบาล” นั่นก็คือ ค�ำว่า “การ บริหารราชการแผ่นดิน โดยธรรม”

ที่น่าสังเกตก็คือ ท�ำไมในช่วงทศวรรษนี้ เราต้องการ ธรรมาภิบาลหรือเรียกร้องต้องกันกับการบริหารราชการแผ่นดิน อย่างยิ่ง ก็เพราะว่าเราก�ำลังขาดเนื้อในของการบริหารราชการ แผ่นดิน สิ่งนี้ก็คือ “ธรรมะ” ธรรมะในภาคปฏิบัติก็คือ จริยธรรม ค�ำถามต่อมาก็คือ แล้วธรรมะ หรือจริยธรรม ท�ำไมจึงไม่ถูกน�ำมาประพฤติปฏิบัติ ให้กลายเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของคนไทยทั้งประเทศ นั่น เป็นเพราะว่าเรายังขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมนั่นเอง แต่ หากจะถามว่า ความกล้าหาญทางจริยธรรมคืออะไร ค�ำตอบก็คอื 20

IS AM ARE www.ariyaplus.com


Dhamma Today หนึ่ง ความรักในความเป็นธรรม ความถูกต้อง และ ความจริง สอง ความกล้าที่จะจักยืนท�ำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงาม รวมถึงเข้าใจโลกและชีวิตอีกด้วย สิ่ ง นี้ คื อ ความหมายที่ แ ท้ ข องความกล้ า หาญทาง จริยธรรม และเราจะสามารถสร้างความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่ท�ำให้คนองอาจกล้าหาญในการที่จะท�ำเพื่อประชาชนหรือท�ำ เพื่อเพื่อนมนุษยชาติได้อย่างไรนั้น “พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี” ได้ยกตัวอย่าง ผู้ที่มีความ กล้าหาญทางจริยธรรม เช่น “สุทธิชัย หยุ่น” มาให้ฟังว่า... สุทธิชัย หยุ่น เป็นสื่อมวลชนที่เรียกร้องหาสิทธิและเสรีภาพ ของสื่อมาโดยตลอด ในช่วงที่เขาไปท�ำงานเป็นเพียงแค่ผู้ช่วย บรรณาธิการให้หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่ง ก็มีข่าวว่าลูกชายนายก รัฐมนตรีท่านหนึ่งไปพังศาลาริมทางแล้วยังไปปัสสาวะรดอีก ด้วย ซึ่งเหตุดังกล่าวนักข่าวรู้กันหมดแต่ไม่มีฉบับไหนกล้าลง แม้แต่ฉบับเดียว คุณสุทธิชัยนั้นก็เชื่อมั่นว่าสื่อจะต้องมีเสรีภาพ ถ้าสื่อไม่มีเสรีภาพจะเป็นสื่อไปท�ำไม จึงไปขอภาพ นักข่าวมา ลง โดยแอบลงไม่ให้บรรณาธิการทราบ เหตุ ก ารณ์ ก ลั บ ตาลปั ต ร เมื่ อ วั น รุ ่ ง ขึ้ น พบว่ า นายก รั ฐ มนตรี ท ่ า นนั้ น เรี ย กลู ก ชายไปตั ก เตื อ นที่ ดี ก ว่ า นั้ น คื อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนชมข่าวชิ้นนี้และนับตั้งแต่ วันนั้น ค�ำว่า สุทธิชัย หยุ่น จึงกลายเป็นชื่อนักข่าวคุณภาพเป็นต้นมา “นี่คือความกล้าหาญทางจริยธรรมที่แท้จริง แต่คนที่มีความ กล้าหาญทางจริยธรรมอย่างนี้นั้น จะต้องมีความระมัดระวัง เช่นกัน เพราะเมื่ อ เราลุ ก ขึ้ น มาเรี ย กร้ อ งความกล้ า หาญทาง จริยธรรมแล้วได้รับความส�ำเร็จ หยัดยืนลุกขึ้นมาแสดงความ กล้าหาญทางจริยธรรมที่ถูก ที่ควรเราอาจจะเป็นโรคเสพย์ติด จริยธรรมได้ คือจะท�ำตัวเป็นทั้งมโนธรรม คือเป็นศาลเตี้ย อันนั้น ไม่ดี อันนี้ไม่ได้ ที่ฉันว่าดีจึงดี ที่ฉันว่าใช่คือใช่ เริ่มไม่ฟังใคร จน บางครั้งเผลอตัวคิดว่าฉันเป็นสถาบันบุคคล” ท�ำให้ในเวลาต่อมา จะเริ่มท�ำตัวเป็นไม้บรรทัดวัดไปเสียทุกคนและทุกเรื่อง คนไหน หรือเรื่องไหนที่ไม่ตรงกับไม้บรรทัดของตนเองนั้น ก็จะผลักเขา ไปอีกข้างหนึ่งแล้วบอกว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี ไม่มีจริยธรรม เราจะกลายเป็นมโนธรรม ของสังคมในลักษณะแบบเผด็จการ สิ่งเหล่านี้จะเป็นภัยให้กับตนเองเพราะคุณขาดความ เข้าใจในโลกและชีวิต ถ้าคุณไม่เข้าใจในโลกและชีวิต ไม่รู้จัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วันหนึ่งคุณจะกลายเป็นคนที่มีความ

กล้าหาญทางจริยธรรมที่แข็งกล้าและที่หนักกว่านั้น คุณอาจ จะกลายเป็นผู้น�ำทางการเมืองที่ท�ำให้ บ้านเมืองไม่สงบสุขสัก เท่าไหร่ เพราะคุณผูกขาดความมีจริยธรรมใหม่ และเชื่อมั่นว่า จริยธรรมของฉันเท่านั้นถูกที่สุด หากผู ้ ที่ มี ค วามกล้ า หาญทางจริ ย ธรรมมี ก ารศึ ก ษา ธรรมะควบคู ่ กั น ไป แทนที่ เ ขาจะท� ำ ตั ว เป็ น มโนธรรม เป็ น ไม้ บ รรทั ด ของสั ง คม เขาจะปรั บ ตั ว ใหม่ กลาย เป็ น มโนธรรมของสั ง คม เป็ น เสี ย งแห่ ง สติ ข อง สั ง คม มี ห น้ า ที่ ค อยติ ง และคอยเตื อ น แต่ ไ ม่ ใ ช่ ต� ำ หนิ และเขาจะไม่ ใ ช่ ไ ม้ บ รรทั ด ของสั ง คมอี ก ต่ อ ไป หาก แต่ จ ะยั ง เป็ น เข็ ม ทิ ศ ที่ เ ที่ ย งธรรมของสั ง คม “มนุษย์เรานั้นพอเชื่อมั่นว่าตัวเองถูกที่สุดแล้วท�ำร้าย ใครก็ได้ในโลกนี้ เพราะ เขาจะถือว่าเขาผู้นั้นเป็นฝ่ายที่อยู่ตรง ข้ามกับจริยธรรมก็คือฝ่ายอธรรมนั่นเอง และจะถือว่าฉันคือ ธรรมะ เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่ฉันท�ำทั้งหมดจึงถูกต้อง นี่ คืออันตรายของคนที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมที่จะต้อง เรียนรู้เอาไว้ให้เท่าทัน มิเช่นนั้นคนที่มีความกล้าหาญทาง จริยธรรมนั่นเอง จะเป็นผู้ที่ประพฤติร้ายต่อจริยธรรมของ สังคมอย่างน่าเป็นห่วง” ในทางกลับกัน หากผู้ที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมี การศึกษาธรรมะควบคู่กันไป แทนที่เขาจะท�ำตัวเป็นมโนธรรม เป็นไม้บรรทัดของสังคม เขาจะปรับตัวใหม่ กลายเป็นมโนธรรม ของสังคม เป็นเสียงแห่งสติของสังคม มีหน้าที่คอยติงและคอย เตือน แต่ไม่ใช่ต�ำหนิ และเขาจะไม่ใช่ไม้บรรทัดของสังคมอีก ต่อไป หากแต่จะยังเป็นเข็มทิศที่เที่ยงธรรมของสังคม วางตน เป็นแบบอย่างให้สังคมเห็นว่า ธรรมเป็นเช่นนี้ และอธรรมเป็น เช่นนี้ เหมือนดังที่ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักหนังสือพิมพ์ผู้ยิ่ง ใหญ่ ได้เขียนเอาไว้ว่า ก่อนพายุก็ดี ขณะที่พายุก�ำลังโหมกระหน�่ำก็ดี หลังพายุ ก็ดี เรายืนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้น และเราไม่ได้ไปไหน เราอยู่ตรง นั้น มาโดยตลอด นั่นคือเขาจะท�ำตัวเป็น เข็มทิศทางจริยธรรม ไม่หนักไปในทางคุกคามคนอื่นให้สมาทานทางจริยธรรมของ ตนเองเบี่ยงเบนไป ด้วยวิธีนี้จริยธรรมของเขาจึงเป็นจริยธรรม ที่ทุกฝ่ายรับได้ ไม่ใช่จริยธรรมที่มาพร้อมกับความกลัวอีกต่อ ไป ที่มา : http://www.dhammajak.net/ 21

issue 103 august 2016


เรื่อง : อรอนงค์ อินทรจิตร http://www.hotline.or.th

พ่อแม่รังแกฉัน! “เท่าที่จ�ำความได้ ตั้งแต่เกิดมาก็โดนคนแถวๆ บ้าน ท�ำร้ายเอาแล้ว พวกเขาหาว่าผมเป็นตัวซวย เป็นเหมือนคน ไร้ค่าที่จะท�ำอะไรก็ได้ ผมเคยโดนปาถ่านไฟฉายก้อนใหญ่ๆ ใส่ ตัวตั้งแต่ยังไม่ห้าขวบ คนปาก็สนุกสนาน ผมไม่เคยบอกแม่ให้ รู้เรื่องนี้ เพราะตอนเด็กๆ แม่มักจะแก้ปัญหาทุกเรื่องด้วยการ ไล่ตีผม ตีจนผมเป็นแผลเต็มไปหมด จนบางครั้งถึงขนาดต้อง ยกมือไหว้ขอให้หยุดเลยก็มี ส่วนพ่อก็ไม่เคยรู้อะไร ท�ำงานต่าง ประเทศบ้าง เมืองไทยบ้าง กลับมาก็ค�่ำแล้ว โตขึ้นมาหน่อย ปรากฏว่าผมมีอาการผิดปกตินั่นคือมีสิวขึ้นบนหัว พอตัดผม ทรงนักเรียนก็จะยิ่งเห็นชัด คือเป็นเม็ดสิวเต็มหัวเต็มไปหมด ตอนนั้นแหละที่ผมเห็นชัดเจนว่า ทั้งพ่อและแม่ต่างก็รังเกียจ

ผม พ่อถึงขนาดหลุดปากออกมากับน้องชายของผมว่า “กล้า กินซุปถ้วยเดียวกับพี่ได้ยังไง” ผมเจ็บปวดมากมาจนถึงทุกวันนี้ มันเหมือนปมด้อย เหมือนฝันร้ายที่แก้ยังไงก็ไม่หาย หลับตา ก็เห็น ปิดหูก็ยังได้ยิน ตอนนี้อายุ 22 ปี มีพ่อมีแม่มีน้อง แต่กลับไม่เคยรู้สึกว่า ตัวเองมีครอบครัว ไม่เคยรู้ด้วยซ�้ำว่า ความอบอุ่นคืออะไร แต่ก็ อยากได้ อยากได้ความอบอุ่นบ้าง อยากได้ความรัก อยากได้คน ที่กอดแล้วอบอุ่น บางครั้งก็เกลียด เกลียดแค้นคนทุกคนบนโลก บางครั้งก็รู้สึกว่า โดนเกลียด รู้สึกว่าใครๆ ก็เกลียดเรา ชีวิตช่าง ไม่มีค่า ท�ำไมเราต้องเกิดมา ผมไม่รู้สึกรักพ่อแม่เลย และก็ไม่รู้ ว่าความรักต่อพ่อแม่มันเป็นอย่างไร รู้แต่ว่า เคยตั้งค�ำถามบ่อยๆ 22

IS AM ARE www.ariyaplus.com


กระจกส่ อ งใจ ว่าให้ผมเกิดมาท�ำไม ? สิ่งที่พอจะท�ำให้รู้สึกว่าชีวิตมีค่าอยู่บ้าง ก็คือ ตัวเองเป็นคนเรียนดี มีคนมาขอให้สอนหนังสือเยอะ เลย ต้องออกไปสอนหนังสือบ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้น ความเจ็บปวด ต่างๆ มันก็ยังฝังลึกในใจอยู่ดี รู้สึกเหมือนชีวิตไม่มีค่า เหนื่อยที่ จะหายใจ ปรึกษาใครก็ไม่ได้ พูดให้ใครฟังก็ไม่ได้ อยากตาย แต่ ก็ไม่รู้จะท�ำอย่างไร” (ตอบแล้ว) ทุกวันนี้ เราตื่นเช้าขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดูเรื่องราวต่างๆ ที่ เกิดขึ้นในแต่ละวันแต่ละที่ เราจะได้เห็นได้ยินเรื่องราวของคนวัย รุ่นที่จับกลุ่มรุมท�ำร้ายกันและกันจนบาดเจ็บล้มตายกันหลาย คนในแต่ละวัน นอกจากนั้นก็จะเป็นข่าวจี้ปล้นขโมยทรัพย์สิน ท�ำร้ายร่างกายฆ่าเจ้าทรัพย์ ตลอดจนข่าวลูกฆ่าพ่อแม่ พ่อฆ่าลูก เพราะกลัวลูกจะแย่งสมบัติ หรือการอุ้มฆ่าเพื่อชิงทรัพย์กลบหนี้ หรือโกรธกันด้วยเรื่องไม่หนักหนา แต่ก็ฆ่ากันได้ง่ายๆ โดยเฉพาะ กรณีเรื่องชู้สาว ภรรยาหรือแฟนนอกใจ ขอคืนดีไม่ยอมคืนดี เด็กหญิงแรกรุ่นถูกพ่อหรือคนรู้จักข่มขืนแล้วฆ่า ตลอดจนฆ่า คู่อริแล้วฆ่าตัวเองตาย ทุกอย่างเกิดขึ้นจากเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เรื่อง ใหญ่โตแต่ก็จบลงด้วยชีวิตของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่าย ค�ำถามคือ เรื่องราวรุนแรงเหล่านี้นับวันจะเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร ? คนที่ลงมือกระท�ำความรุนแรงเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ ในใจ หรือเขาได้สะสมความโกรธเกลียดไว้ตั้งแต่เมื่อไร เขาเป็น อะไร หรือใครท�ำให้เขาเป็นคนโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ ? เป็นเรื่องน่าตกใจ หากผู้คนในสังคมไทยจะรู้สึกว่า ใน ชีวิตที่เราออกไปท�ำมาหากินพบปะผู้คน บนถนนและรถโดยสาร ที่แออัดไปด้วยผู้คนหลากหลายจากทุกสารทิศ ทุกระดับชั้น การศึกษาและสถานะทางเศรษฐกิจ คนเหล่านั้นจ�ำนวนมาก เหมือนพกเอาระเบิดเวลาไว้ด้วย เราไม่รู้ว่า เมื่อไร ที่ไหน เขา จะหยิบระเบิดที่พกเอาไว้ขึ้นมาขว้างใส่คนที่มาขวางทาง หรือ คนที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของเขา แม้บนถนน บนรถเมล์ เราเห็น ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเสมอมา จากเรื่องราวความทุกข์ของเด็กหนุ่ม ที่ตกเป็นเหยื่อ ความรุ น แรงในครอบครัว พ่อแม่ไ ม่เคยแสดงความรั ก ความ ห่วงใย นอกจากการวิ่งไล่ตีเมื่อไม่พอใจหรือเขาท�ำผิด ท�ำให้ คนรอบๆ บ้านเห็นเป็นเรื่องปกติที่จะใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์ ไปด้วย หรือท�ำร้ายรังแกเขาได้เสมือนเขาเป็นเด็กสาธารณะ เป็นเด็กข้างถนนไม่มีเจ้าของคอยคุ้มกัน มันท�ำให้เด็กเจ็บปวด ขมขื่นใจ แต่เขาก็ต้องเก็บกดอารมณ์ความทุกข์ต่างๆ เหล่านั้น ไว้ เพื่อให้ชีวิตรอดต่อไปแต่เติบใหญ่มาด้วยความรู้สึกเสมือน ตัวเองไร้ค่าไม่มีราคาส�ำหรับใครๆ ในโลกนี้ นั่นหมายความว่า เขาอาจจะท�ำอะไรก็ได้ เพื่อตอบสนองหรือชดเชยความบาด

เจ็บของเขา เด็กที่ถูกละเลยและเพิกเฉยหรือถูกท�ำร้ายทุบตีจนหัวใจ ชาชินด้วยความโกรธ น้อยใจเสียใจ จนเหมือนเขาจะไม่รู้จักว่า ความรักจริงๆ เป็นอย่างไร เขาอาจจะว้าเหว่ สับสนและต้องการ อ้อมกอดอันอบอุ่นจากพ่อแม่หรือคนใกล้ที่คุ้นเคย แต่การตก เป็นเหยื่อความรุนแรงจากพ่อแม่บ่อยๆ ท�ำให้เขายากจะท�ำใจ เชื่อว่า จะมีใครรักเขาจริง ขนาดพ่อแม่ยังหักหลัง ท�ำร้ายทรยศ ต่อเขาท�ำให้เขาเจ็บปวดได้ขนาดนี้ เขาจึงไม่กล้าจะรักใคร ไม่ อยากที่จะรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป และนี่คือบาดแผลจากความ รุนแรงในครอบครัวที่จะติดตามติดตัวเขาไปอีกนานเท่านาน หากไม่ได้รับการบ�ำบัดเยียวยาโดยนักวิชาชีพ ธรรมชาติของคนที่บาดเจ็บครั้งแรกๆ เขาอาจซ่อนตัว กลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเอง ไม่พยายามให้ใครรับรู้เพื่อ ปกป้องศักดิ์ศรีของเขา เหมือนสัตว์ที่แอบไปเลียแผลที่ถูกท�ำร้าย แต่หากความเจ็บปวดจากบาดแผลทวีมากขึ้นเรื่อยๆ คนหรือ สัตว์ที่ถูกต้อนไปจนมุมก็พร้อมจะหันหน้ามาสู้อย่างไม่กลัวเกรง ไม่รู้ถูกผิดขอเพียงให้ได้ยุติความบาดเจ็บนั้น หรือท�ำให้ทุกคน ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเขา คนจ�ำนวนมากที่เคยถูกกระท�ำ ความรุนแรง มีบาดแผลที่ไม่ได้รับการเยียวยา ต้องสะสมความ ทุกข์ทรมานไว้เงียบๆ และ.... รอเวลา

23 issue 103 august 2016


ขณะเดียวกัน เมื่อคนคนหนึ่งถูก ท�ำร้าย หรือถูกกระท�ำด้วยความรุนแรง หรื อ ก� ำ ลั ง เผชิ ญ กั บ สถานการณ์ วิ ก ฤติ สัญชาติญาณเตือนให้เขาคิดว่าจะ “หนี หรือจะสู้” แต่ธรรมชาติได้ให้พลังและ ศั ก ยภาพในการปกป้ อ งดู แ ลกั บ มนุ ษ ย์ มาไม่เท่ากัน หรือมนุษย์มีความสามารถ ในการน�ำพลังและความสามารถของตน ออกมาใช้ได้ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะ “พลัง ทางความคิด” คือ “สติและปัญญา” กรณีของเด็กหนุ่มคนนี้ ท่ามกลางความ เจ็บปวดเสียใจน้อยใจและโศกเศร้า เขา ได้พบว่า ตัวเขาเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง มีความสามารถในการสอนคนให้รู้เรื่อง ในวิชานั้นๆ ได้ นี่คือ “พรสวรรค์” ที่ เขาได้รับมาเพื่อใช้ในการเผชิญกับความ ทุ ก ข์ ย ากทั้ ง ปวง และเขาได้ อ าศั ย สติ และปัญญาที่ติดตัวมาในการสู้ หรือหลบ เลี่ยงหลีกหนีความบาดเจ็บเป็นครั้งคราว โดยวิธีนี้ จึงท�ำให้เขาสามารถยืนหยัดขึ้น ปกป้องตนเองได้ เพราะยิ่งเขาเติบใหญ่

มีการศึกษาสูง ท�ำงานหาเงินดูแลตนเอง ได้ ความต้องการความรักความอบอุ่น จากพ่อแม่จะค่อยๆ ลดลง หากเขาจะให้ โอกาสตัวเองที่จะรัก รักตัวเองรักพ่อแม่ ด้วยการท�ำความรู้จักกับค�ำว่า “ให้อภัย” ความบาดเจ็บทั้งหลายก็อาจจะได้รับการ เยียวยาในที่สุด แต่เด็กๆ และวัยรุ่นส่วนใหญ่ ที่ อาจจะเผชิญความทุกข์ยาก และบาดเจ็บ มากหรือน้อยกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ ก็อาจ มี วิ ธี ใ นการเยี ย วยาหรื อ เผชิ ญ กั บ ความ บาดเจ็ บ ด้ ว ยการหนี อ ย่ า งสร้ า งสรรค์ คือไม่ถือสากับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากนัก เกิดขึ้นแล้วปล่อยให้วันเวลากลืนกินไป ไม่ต้องจดจ�ำสิ่งที่ไม่ดี เดี๋ยวทุกอย่างจะ เปลี่ ย นไปเอง เมื่ อ จั ง หวะเวลาของเรา มาถึง เราก็จะท�ำให้ดีให้ถูกทางมากกว่า ที่ ผ ่ า นมา แต่ ใ ครล่ ะ จะเป็ น คนที่ บ อก เขา คนที่คิดได้เช่นนั้นถือว่ามีสุขภาพจิต ดี ใช้สติและปัญญาน�ำทาง ไม่ปล่อยให้ ตัว เองตกเป็ น เหยื่ อ อารมณ์ เหยื่ อ อดี ต 24 IS AM ARE www.ariyaplus.com

พร้อมจะก้าวข้ามความทุกข์สู่สิ่งที่ดีกว่า เรียกว่ามองโลกทางบวกหรือในหนทาง ที่สร้างสรรค์ แต่ก็ยังมีวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่อาจ เคยเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวใน ชุมชน จนเขาต้องสร้างเกราะคุ้มกันตัว เอง ด้วยการแสดงความก้าวร้าวรุนแรง แสดงความเก่ ง คบเพื่ อ นเกเร สะสม อาวุ ธ ร้ า ย ไม่ ช อบใครไม่ พ อใจก็ พ ร้ อ ม จะเข้าท�ำร้ายให้ตัวเองรู้สึกไม่ใช่เหยื่อต่อ ไป เช่นกันส�ำหรับเด็กอีกมากมาย อาจ ใช้วิธีหนีออกจากบ้านไปผจญภัยเอาข้าง หน้า เหมือนเด็กเร่ร่อนหรือเด็กข้างถนน ทั้งหลายที่ออกจากบ้านมาเพื่อสู้กับชีวิต ด้วยตนเอง หรือเป็นการหนีความทุกข์ โศกทั้งปวง ส่วนจะหนีได้จริงๆ หรือไม่ เป็นเรื่องข้างหน้า เขาเพียงมองหาแสง สว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ด้วยความเยาว์ วัยความไม่รู้ ขาดผู้ให้ค�ำปรึกษาและช่วย เหลือ ปลายทางนั่นอาจน�ำเขาไปสู่ความ ทุกข์โศกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมก็ได้


เพราะฉะนั้น ที่ส�ำคัญที่สุดส�ำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความ รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นหญิงชายในวัยใด การได้มีโอกาสพบและได้ รับการบ�ำบัดเยียวยาจากนักวิชาชีพ ไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์ นัก จิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือผูท้ ำ� หน้าทีใ่ ห้คำ� ปรึกษาแนะน�ำ เป็นเรื่องจ�ำเป็น เพราะเหยื่อความรุนแรงแม้ถูกท�ำร้ายร่างกาย แต่หัวใจก็บาดเจ็บด้วยเช่นกัน นักวิชาชีพเหล่านี้มีหน้าที่บ�ำบัด เยียวยา และช่วยให้ผู้คนในสังคม และในครอบครัวเกิดความ เข้าใจว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกที่ปลอดภัยและไม่ รุนแรง การเคารพในสิทธิความเสมอภาคระหว่างหญิงชายเป็น เรื่องจ�ำเป็น และไม่ว่าความขัดแย้งจะมากน้อยขนาดไหน ไม่มี ใครมีสิทธิ์จะท�ำร้ายหรือคุกคามอีกฝ่ายหนึ่งให้อยู่ในความหวาด กลัว การย�้ำเตือนสติคนที่บาดเจ็บมากๆ ด้วยการพูดคุยเยียวยา จะช่วยให้ผู้บาดเจ็บไม่กระท�ำความรุนแรงต่อผู้อื่นเพื่อชดเชย ความโกรธ เกลียด ชอกช�้ำของตนเอง ส� ำ หรั บ กรณี เ ด็ ก หนุ ่ ม คนนี้ ในความทุ ก ข์ นั้ น มี ค วาม สับสน ข้องใจ น้อยใจ เสียใจ มีความโกรธเกลียด และรู้สึกต�่ำต้อย ด้อยค่า เขาต้องการค�ำอธิบาย ค�ำปลอบใจ ก�ำลังใจ ต้องการใคร สักคนมาบอกเหตุผลที่จะท�ำให้เขาเห็นคุณค่า และจุดมุ่งหมาย ในการที่จะด�ำเนินชีวิตต่อไป นักสังคมสงเคราะห์ต้องช่วยเขา ให้ก้าวออกจากความสับสนใจ เกิดการเรียงล�ำดับทางความคิด ให้เขาได้พยายามมองโลกด้วยความเข้าใจ มองพ่อแม่ด้วยความ เห็นใจและให้อภัย “เป็ น ไปได้ ห รื อ เปล่ า พ่ อ แม่ ทุ ก คนรั ก ลู ก แต่ พ ่ อ แม่ มากมายแสดงออกไม่ เ ป็ น ประกอบกั บ มี เรื่ อ งราวในชี วิ ต มากมาย ที่สร้างความวิตกกังวล ความหวาดกลัว ท�ำให้พ่อแม่ มีความเครียดสูงในการด�ำเนินชีวิต โดยเฉพาะแม่ต้องเลี้ยงดู ลูกตามล�ำพังเพราะพ่อไม่ค่อยอยู่ในประเทศไทย การที่แม่ต้อง แสดงพฤติกรรมเช่นนั้นอาจเพราะ สื่อสารไม่เป็น ไม่ได้เจตนาจะ ท�ำให้ลูกอับอายหรือเสียใจ เช่นเดียวกับพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าลูก อภัยให้พ่อแม่ได้ จิตเราย่อมสงบ ถ้าเราโกรธเสียใจน้อยใจเขา เรา ก็ทุกข์ เขาก็ทุกข์ ถึงเขาจะพูดไม่เพราะกับลูก แต่เขาก็ท�ำหน้าที่ ของพ่อแม่ที่ดี โดยการส่งเสียให้เราเรียนสูงๆ ประกอบกับเรา เกิดมามีสติปัญญาเหนือคนมากมาย ท�ำให้เรียนหนังสือเก่งจึง ท�ำให้มีงานพิเศษท�ำ ช่วยตัวเองได้ทั้งที่ยังไม่โต พ่อแม่ย่อมภูมิใจ แต่เขาพูดเพราะๆ ไม่เป็น หากเราอยากให้เขาพูดดีๆ กับเรา ลูก ก็ต้องหัดพูดดีๆ กับเขาก่อน ท�ำได้ไหม............. ที่ ส� ำ คั ญ เขาอาจแสดงความรั ก ไม่ เ ป็ น แต่ ไ ม่ ไ ด้ หมายความว่ า เขาไม่ รั ก ลู ก แต่ ก ารที่ ลู ก รั ก เขาท� ำ ให้ ตั ว ลู ก มี ความสุข เราก็รักเขา ไม่ต้องห้ามใจ แสดงให้เขาเห็น เช่นซื้อขนม มาฝากตอนเย็น วันที่เราได้รับเงินพิเศษค่าสอนหนังสือ เป็นต้น

ความรักท�ำให้โลกนี้อบอุ่น และไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้ เรา ไม่จ�ำเป็นต้องโกรธเกลียดใคร ต้องนึกเสมอว่าเราโชคดีที่มีสติ ปัญญาดี เรียนเก่ง ช่วยเหลือตัวเองได้ แบ่งเบาภาระหน้าที่ให้ พ่อแม่ได้ หมั่นสร้างความดี สะสมความรู้ไปเรื่อยๆ เรียนจบ แล้วได้งานดีๆ ท�ำ พ่อแม่ก็ปลื้มใจ อย่าไปนึกถึงเลยอดีตที่ผ่าน มา ปล่อยไป พ่อแม่มองย้อนกลับไปก็คงเสียใจ เพราะฉะนั้นให้ อภัยเขาเถอะนะ ที่ผ่านมาเราเป็นคนดี เป็นลูกที่ดี รักษาความ ดีเอาไว้ ชีวิตที่ดีงามรอเราอยู่ ท�ำได้ไหม ต้องพยายามค่อยๆ ท�ำ ไป ให้อภัยเขา ให้ก�ำลังใจตัวเอง อีกไม่ช้าเราก็จะเป็นได้ ท�ำได้ อย่างที่คิดอยากท�ำนะ..........” โดยปกติเช่นเดียวกับที่พ่อแม่รักและห่วงใยลูก ลูกๆ นั้น ถึงพ่อแม่จะดุร้ายมากขนาดไหน ลูกๆ ก็ยังอยาก ยังต้องการจะ รักพ่อแม่ เพราะคนสองคนนั้นเป็นเพียงคนที่เขาอยู่ใกล้ชิดด้วย ตั้งแต่ลืมตาดูโลก จึงเป็นเรื่องเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสน สาหัสที่จะต้องเกลียด โกรธคนที่เขาอยากรัก หรือคนที่เขารัก! ค�ำ อธิบายที่มีเหตุผลและข้อเท็จจริงเหล่านี้คือยารักษาใจผู้คนส่วน ใหญ่ที่หัวใจเป็นแผล และบ่อยครั้ง การพูดครั้งเดียวใช่จะเยียวยา ใจให้หายได้ ต้องใช้เวลาในการพูดคุย รับฟัง ฟังว่าเขาคิด เขา รู้สึกอย่างไร ช่วยตั้งสติสะท้อนอารมณ์และความรู้สึก เพื่อช่วย ให้ความรู้สึกทุกข์โศก โกรธแค้น ได้รับการปลดปล่อย! ทุกคนบนโลกนี้ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็น “คนไม่ดี” คิดหรือกระท�ำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่นกัน ไม่มีใครต้องการจะตก เป็นเหยื่อความรุนแรงทุกรูปแบบ อีกทั้งไม่อยากให้ตัวเองต้อง เป็นภัยต่อผู้ใด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดได้เองหรือมีสติปัญญาที่ จะเอาชนะความรู้สึกบาดเจ็บนั้นได้อย่างเท่าเทียมกัน “โอกาส” ที่จะเข้าถึงกระบวนการให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำและบ�ำบัดเยียวยา จากนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ จึงเป็น หน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ที่จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อตอบ สนองต่อความต้องการของประชาชนในสังคมไทย 25

issue 103 august 2016


พระราชประวัติ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็ จ พระนางเจ้ า สิ ริ กิ ติ์ พระบรมราชิ นี น าถ ทรงมี พ ระเชษฐา (พี่ ช าย) 2 พระองค์ และพระกนิ ษ ฐภคิ นี (น้ อ งสาว) 1 พระองค์ ดั ง นี้ หม่ อ มราชวงศ์ กั ล ยาณกิ ติ์ กิ ติ ย ากร (ชาตะ พ.ศ. 2472) หม่ อ มราชวงศ์ อดุ ล กิ ติ์ กิ ติ ย ากร (ชาตะ พ.ศ. 2473) และ หม่ อ มราชวงศ์ ห ญิ ง บุ ษ บา กิ ติ ย ากร (ชาตะ พ.ศ. 2477) 26 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ในระหว่ า งยั ง ทรงพระเยาว์ สถานการณ์บา้ นเมืองไม่สสู้ งบนัก เนือ่ งจาก เพิ่งพ้นจากช่วงของการเปลี่ยนแปลงการ ปกครอง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ไม่นาน หม่อมเจ้านักขัตรมงคลต้องทรงออกจาก ราชการ รัฐบาลแต่งตั้งให้ไปรับต�ำแหน่ง เลขานุการเอกประจ�ำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนหม่อมหลวงบัว ซึ่งมีครรภ์แก่ ได้เดินทางไปสมทบหลัง จากให้ก�ำเนิดหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์แล้ว โดยมอบหม่ อ มราชวงศ์ สิ ริ กิ ติ์ ใ ห้ อ ยู ่ ใ น ความดูแลของบิดาและมารดาของหม่อม หลวงบัว ดังนั้นจึงต้องอยู่ไกลจากบิดา มารดาตั้งแต่อายุน้อย บางคราวต้องเดิน ทางไปต่างจังหวัด เช่น พ.ศ. 2476 หม่อม เจ้าอัปสรสมาน กิติยากร พระมารดาของ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ได้ทรงรับนัดดา ตามเสด็ จพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว ไปอยู่ที่จังหวัดสงขลา ปลายปี พ.ศ. 2477 หม่อมเจ้านักขัตรมงคลทรงลา ออกจากราชการแล้วกลับมาประเทศไทย จึงท�ำให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ซึ่งขณะนั้น อายุได้ 2 ปี 6 เดือน ได้กลับมาอยู่รวม พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว ณ ต�ำหนัก บริ เวณถนนกรุ ง เกษม ปากคลองผดุ ง กรุงเกษม ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา

วังพระบิดา ได้เรียนที่นั่นตั้งแต่ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 2 จนจบชั้นมัธยมศึกษา หม่อม ราชวงศ์สิริกิติ์ได้เรียนเปียโน ซึ่งเรียนได้ดี และเร็วเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังได้ศึกษา ภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสด้วย พ.ศ. 2489 ครั้นเมื่อสงครามโลก ครั้งที่สองสงบลง หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ต้องเสด็จไปด�ำรงต�ำแหน่งรัฐทูตวิสามัญ และอั ค รราชทู ต ผู ้ มี อ� ำ นาจเต็ ม ประจ� ำ ส�ำนักเซนต์เจมส์ ประเทศอังกฤษ ทั้งนี้ โดยได้ทรงพาครอบครัวทั้งหมดไปอยู่ด้วย ในเวลานั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ มีอายุได้ 13 ปีเศษ และเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 แล้ว ขณะที่ อ ยู ่ ใ นประเทศอั ง กฤษ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้ศึกษาต่อทั้งวิชา ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และวิชาเปียโน กับครูพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน พระบิดา ย้ายไปเดนมาร์กและฝรั่งเศส ตามล�ำดับ ขณะที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ก็ยังคงเรียน เปียโน และตั้งใจจะศึกษาต่อในวิทยาลัย การดนตรีที่มีชื่อเสียงของกรุงปารีส ระหว่างที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้มีโอกาสรับเสด็จ พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ภู มิ พ ล

การศึ ก ษา พ.ศ. 2479 เมื่อหม่อมราชวงศ์ หญิงสิริกิติ์มีอายุได้ 4 ขวบ ได้เข้ารับการ ศึ ก ษาครั้ ง แรกในชั้ น อนุ บ าลที่ โรงเรี ย น ราชินี ทว่าในขณะนั้น แม้เหตุการณ์ด้าน การเมืองภายในประเทศไทยจะสงบลง แต่สถานการณ์ระหว่างประเทศไม่สงบ กล่าวคือ สงครามมหาเอเชียบูรพาเริ่มแผ่ ขยายมาถึงประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ถู ก โจมตี ท างอากาศหลายครั้ ง จนการ คมนาคมไม่สะดวก พระบิดาจึงให้หม่อม ราชวงศ์สิริกิติ์ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนเซนต์ ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ เพราะอยู่ใกล้ 27 issue 103 august 2016

อดุ ล ยเดช (ขณะนั้ น ทรงศึ ก ษาต่ อ ที่ สวิ ต เซอร์ แ ลนด์ ห ลั ง จากเสด็ จ ขึ้ น ครอง ราชย์ ) ซึ่ ง พระองค์ เ สด็ จ ประพาสกรุ ง ปารี ส โดยทางรถยนต์ จ ากสวิ ต เซอร์ แลนด์ เพราะประสงค์จะเลือกซื้อรถยนต์ พระที่นั่งแทนคันเดิม และยังได้รับชมการ แสดงดนตรีของคณะที่มีชื่อเสียงด้วย ใน ระหว่างที่เสด็จพระราชด�ำเนินมายังกรุง ปารีส ได้ประทับที่สถานทูตไทยประจ�ำ ประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกันกับนักเรียน ไทยคนอื่ น ในสมั ย นั้ น ทั้ ง นี้ เ นื่ อ งจาก พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ฯ ทรง โปรดการดนตรีเป็นพิเศษ ขณะที่หม่อม ราชวงศ์สิริกิติ์ก็สนใจศิลปะเช่นกัน ท�ำให้ เกิดความความสัมพันธ์ขึ้น ทรงหมั้ น วั น ที่ 3 ตุ ล าคม พ.ศ. 2491 พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ฯ ทรง ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ณ ประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ทรงเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาลแห่งหนึ่งโดยมีหม่อมหลวง บั ว และหม่ อ มราชวงศ์ ห ญิ ง สิ ริ กิ ติ์ เข้ า เฝ้าฯ เยี่ยมพระอาการเป็นประจ�ำ และ ในช่วงระยะเวลาที่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์


อภิ เ ษกสมรส พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว และสมเด็ จ พระบรม ราชินีนาถทรงสายสะพายนพรัตน์ราชวราภรณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้น ณ วังสระปทุม และ โปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ขึ้นเป็น สมเด็จพระ ราชินีสิริกิติ์ หลั ง จากครองราชย์ ส มบั ติ อ ย่ า งกะทั น หั น พระบาท สมเด็จพระหัวอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระ ราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 และ โปรดฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ เป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี หลังจากนั้นทั้งสองพระ องค์ได้เสด็จฯ กลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงรักษาพระองค์ และทรงศึกษาต่อ แล้วเสด็จฯ กลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2495 พระราชโอรสธิ ด า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระ ราชโอรส และพระราชธิดา 4 พระองค์ ดังนี้ 1. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงอุบลรัตนราช กัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติ ณ สถานพยาบาลมอง ซัวซี นครโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 ต่อมาได้ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ (ปัจจุบัน ทรง พระนามว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา พรรณวดี) เพื่อสมรสกับนายปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ทรงมีพระโอรส 1 องค์ และพระธิดา 2 องค์

อยู ่ เ ฝ้ า ฯ ถวายพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ที่ ส วิ ต เซอร์แลนด์นั้น สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระนามใน เวลานั้น) ได้ทรงรับเป็นธุระจัดการให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เข้า ศึกษาในโรงเรียน Pensionnat Riante Rive ซึ่งเป็นโรงเรียน ประจ�ำแห่งหนึ่งของโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ครั้นเมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากอาการประชวรแล้ว ได้ทรงหมั้นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์เป็นการภายในเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 หลังจากทรงหมั้นแล้ว หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ยังคงศึกษา ต่อ กระทั่ง พ.ศ. 2493 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชด� ำ เนิ น นิ วั ต พระนครเพื่ อ ร่ ว มพระราชพิ ธี ถ วายพระ เพลิ ง พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว อานั น ทมหิ ด ล พระองค์ ท่านโปรดฯ ให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ตามเสด็จพระราชด�ำเนิน กลับมาด้วย

28 IS AM ARE www.ariyaplus.com


2. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรม จักราดิศรสันตติวงศ์ เทเวศรธ�ำรงสุรบริบาล อภิคุณูประการ มหิตลาดุลเดชภูมิพลนเรศวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์ สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวัน ที่ 28 กรกฎาคม 2495 ต่อมา ทรงได้รับการสถาปนา ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏ ราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. 2515 3. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวัน ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ต่อมาทรงได้รับพระราชทานโปรด เกล้าฯ ให้เฉลิมพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราช กุมารี เมื่อ พ.ศ. 2520 4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม พ.ศ. 2500 ทรงอภิเษกสมรสกับ เรืออากาศโท (ยศ ในขณะนั้น) วีระยุทธ ดิษยะศริน ทรงมีพระธิดา 2 พระองค์

ให้ ส มเด็ จ พระนางเจ้ า สิ ริ กิ ติ์ พระบรมราชิ นี เป็ น ผู ้ ส� ำ เร็ จ ราชการแทนพระองค์ ในภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธยเป็นสมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ปีเดียวกัน บรรณานุกรม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ผู ้ ส� ำ เร็ จ ราชการแทนพระองค์ เมื่อ พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออกผนวชเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน และระหว่างที่ผนวช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ

ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี

พระมิ่งพระแม่ฟ้า เฉลิมพระชนม์สมัย ทรงเมตตาและอาทร เสด็จถึงในทุกที่ แหล่งใดไร้ท�ำกิน โลกล้วนประจักษ์ตา ร้อยกรองกราบเบื้องบาท น้อมเกล้าน้อมดวงใจ

เหล่าปวงข้าฯประชาไทย คู่บุญพระนฤบดี ราษฎรจึงสุขศรี ถิ่นแร้นแค้นแดนพนา ทรงชูศิลป์ภูมิปัญญา ศิลปาชีพศิวิไล อาศิรวาท ถวายชัย พระแม่ไทย ทรงพระเจริญ.

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นางอริยสิริ พิพัฒน์นรา กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิครอบครัวพอเพียง 29 issue 103 august 2016


30 IS AM ARE www.ariyaplus.com


Cover Story

“...รถของคุณธนาถูกชนอย่างแรง ร่างคุณธนาและลูกชายลอย ห่างจากรถประมาณ 15 เมตร แรงกระแทกท�ำให้รถต�ำรวจ หม้อน�้ำแตก มันหนักมากจริงๆ เหตุการณ์ครั้งนั้นท�ำให้ดิฉัน ต้องสูญเสียผู้น�ำครอบครัว แถมลูกชายคนเล็กก็อาการสาหัส...” อรทิพย์ เจียรนัย : เลี้ยงลูกยังไงเป็นแพทย์ได้ทั้งสามคน ต้ อ นรั บ สู ่ เ ดื อ นสิ ง หาคม เดื อ นที่ ห ลายท่ า นตั้ ง ใจหาโอกาสไปพบคุ ณ แม่ ไปกราบที่ ตั ก เพื่ อ ปลอบขวั ญ ให้ ก� ำ ลั ง ใจซึ่ ง กั น และกั น ระหว่ า งครอบครั ว บางท่ า นที่ คุ ณ แม่ จ ากไปแล้ ว ก็ ยั ง ได้ ช วนครอบครั ว ไปท� ำ บุ ญ เพื่ อ เป็ น ตั ว อย่ า งให้ ลู ก หลานระลึ ก ถึ ง บุ พ การี ผู ้ ไ ม่ เ คยหวั ง สิ่ ง ใดตอบแทนจากเราทั้ ง สิ้ น และที่ ส� ำ คั ญ ในเดื อ นนี้ เรายั ง ได้ ร ่ ว มแสดงออกและส� ำ นึ ก ในพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ ของสมเด็ จ พระนางเจ้ า สิ ริ กิ ติ์ พระบรมราชิ นี น าถ ผู ้ ซึ่ ง เป็ น “แม่ ข องแผ่ น ดิ น ” แห่ ง สยามประเทศ ส�ำหรับคนเป็น “แม่” คงไม่มีอะไรภูมิใจไปกว่าการเห็น ลูกทุกคนเป็นคนดีของสังคม และประสบความส�ำเร็จในชีวิต ดั่ง เช่น นางอรทิพย์ เจียรนัย ครูช�ำนาญการพิเศษ ประจ�ำโรงเรียน เบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี ผู้ถ่ายทอดเรื่องราวของตนเอง ผ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ และยังฉายให้เห็นถึงความเป็นแม่ซึ่งแม้ จะสูญเสียผู้น�ำครอบครัวไปจากอุบัติเหตุ แต่ยังคงยืนหยัดเลี้ยง ลูกชายทั้งสามจนประสบความส�ำเร็จเป็นแพทย์ทั้งสามคน กล่าว ได้ว่า ผู้ที่ยืนอยู่หลังพายุร้ายที่โถมเข้ามาก็คือแม่คนนี้แหละผู้ไม่ เคยทิ้งลูกไปไหน ฉบับนี้นิตยสาร IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง ขอมอบ บทสัมภาษณ์นี้เป็นก�ำลังใจแก่คนแม่ทุกคน

ที่บ้านไม่อยากให้เราเรียนหนังสือ เพราะเป็นลูกสาว คนโต พูดจาดี ยิ้มเก่ง ค้าขายเก่ง ให้เรียนจบแค่ ป.4 ก็พอแล้ว ควรจะออกมาค้าขายท�ำกิจการของที่บ้านซึ่งขายปลีกและส่ง มะพร้าวขูด ขายขนมข้าวเหนียวมูนชนิดต่างๆ ขนมไข่ ขนม บ้าบิ่น กระยาสารท ท�ำสวนเงาะโรงเรียน และเผาถ่านกะลา มะพร้าว ฯลฯ แต่ดิฉันชอบเรียนหนังสือ จึงได้ขอเรียนต่อโดยสัญญากับ ป๋าและแม่ว่าจะช่วยค้าขาย และช่วยเหลืองานทุกอย่างอย่างเต็ม ที่ และก็ท�ำได้จริงๆ ตื่นตี 4 รีบช่วยท�ำและห่อขนมข้าวเหนียว ขาว, เหลือง, ด�ำ หน้าต่างๆ น�ำใส่ถาดขนาดใหญ่มาก ออกไป ขายตามบ้าน เช้าละ 125 ห่อ (ถ้าเป็นราคาปัจจุบันก็ต้องได้วัน ละ 1,250 บาท) ขายหมดทุกวันแล้วรีบไปโรงเรียน ตอนเย็น รีบกลับมาเตรียมของที่จะขายในตอนเช้าวันต่อไป กว่าจะเสร็จ ก็เที่ยงคืน แล้วยังต้องรีบท�ำการบ้านกว่าจะได้นอนก็ไม่ต�่ำกว่า ตี 1 ทุกคืน นอกจากนี้ ช ่ ว งกลางวั น ยั ง ให้ แ ม่ เ อาขนมบ้ า บิ่ น ไปส่ ง เพื่อไปขายที่โรงเรียนช่วงกลางวันโดยบอกกับทางโรงเรียนว่า จะแบ่งให้โรงเรียน 20 % เรียนจบ ม.ศ .3 ได้เงินก�ำไรจากการ ขายขนมช่วงพักกลางวัน ซื้อเครื่องเสียงให้โรงเรียนบ้านนาสาร

ขยั น จนมี วั น นี้ ดิ ฉั น เป็ น ชาวจั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี เกิ ด ที่ อ� ำ เภอ บ้านนาสาร เป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวชาวไทยเชื้อสาย จีน ชีวิตในวัยเด็กไม่ได้สนุกสนานสุขสบายเหมือนกับวันรุ่นทั่วๆ ไป ที่บ้านมีฐานะปานกลางไม่ได้ล�ำบาก แต่ป๋า (คุณพ่อของดิฉัน) และแม่ก็สอนให้ดิฉันเป็นคนขยัน อดทน รับผิดชอบ สู้ชีวิต ไม่ กลัวความยากล�ำบาก 31

issue 103 august 2016


แอบไปสอบเข้าวิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี (นับว่าโชคดีว่าวันที่ไป สอบเป็นวันอาทิตย์ ที่ปกติไปเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์) มีนักเรียนจ�ำนวนมากมาสอบแข่งขันกันจากหลายๆจังหวัดใน ภาคใต้ และเมื่อประกาศผลสอบไว้ ณ ที่ว่าการอ�ำเภอ ปรากฏ ว่าสอบเข้าได้ที่ 1 นายอ�ำเภอในสมัยนั้นก็มาแสดงความยินดีกับ ป๋าและแม่ ท่านพูดว่า “ลูกสาวเก่งจริงๆ นับว่าสร้างชื่อเสียง ให้กับอ�ำเภอบ้านนาสาร” ในที่สุดก็ได้รับอนุญาตให้ไปเรียนต่อ จ�ำได้ว่าดีใจมาก จึง ตั้งใจเรียนมากได้เกรดเฉลี่ย 4.00 เกือบทุกภาคเรียน ท�ำให้จบ ป.กศ.ต้นได้คะแนนสูงสุดสอบได้เป็นที่ 1 ของวิทยาลัยครู แล้ว ก็ได้มีโอกาสไปสอบเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา (ในวันนั้นติดรถอธิการบดีของวิทยาลัยครูสงขลา ที่ก�ำลัง จะเดินทางกลับสงขลา ท่านมามอบประกาศนียบัตรให้นักศึกษา ที่จบหลักสูตร ซึ่งตรงกับช่วงสอบ มศว.สงขลาพอดี) ผลปรากฎว่าสอบได้และในที่สุดก็ได้เรียนจบปริญญา ตรี วิชาเอกเทคโนโลยีทางการศึกษา แล้วสอบเข้ารับราชการ

ชุดใหญ่ส�ำหรับใช้หน้าเสาธง ท�ำให้ภูมิใจมาก ในช่วงปิดภาค เรียนก็ยังขายของตามปกติและยังหารายได้เพิ่มโดยการรับปัก เสื้อนักเรียน สมัยนั้นปักกับมือ ใช้เวลาที่เหลือจากการช่วยขาย ของ มีลูกค้าเยอะมากถึงขั้นที่ว่า มีนักเรียนบางคนบอกกับพ่อ แม่ว่าต้องมาส่งให้เราปักถ้าไม่ใช่เราปักให้จะไม่ยอมไปโรงเรียน รายได้ก็ดีพอสมควร ก็ได้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนเปิด เทอม พยายามรบกวนทางบ้านให้น้อยที่สุดเพราะเราอยาก เรียนหนังสือเอง มาถึงวันนี้ดิฉันรู้สึกขอบคุณป๋าและแม่มากๆ ที่ท�ำให้ ดิฉันเป็นคนดี เป็นคนอดทน ขยัน เป็นนักวางแผนวางแผนการ ใช้เวลาเก่ง ไม่กลัวความยากล�ำบาก และคิดเสมอว่าไม่มีอะไร ในโลกนี้ที่เราท�ำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจะท�ำ เราก็ต้องท�ำได้ทั้งหมด ป๋าจะมีค�ำสอนดีๆ อยู่เสมอ เช่นสอนว่า “จงท�ำดีแต่ อย่าเด่นจะเป็นภัย” ตอนนั้นก็ไม่เห็นด้วย เราท�ำความดีและ พยายามไม่ให้เด่น แต่เมื่อดีก็เด่นอัตโนมัติ เช่น สมัยที่เป็นเด็ก เราท�ำความดี มีความอดทน ขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญู ก็ได้ รับรางวัลและโล่เกียรติบัตรจากพุทธสมาคมอ�ำเภอบ้านนาสาร ยกย่องให้เป็นนักเรียนตัวอย่าง ทั้งในสมัยที่เรียนประถมศึกษา และมัธยมศึกษา ซึ่งเห็นได้ชัดๆ ว่า ถ้าดีก็ต้องเด่น จะท�ำยังไง ไม่ให้เด่น มาถึงปัจจุบันจึงเข้าใจว่าที่ป๋าสอนนั้นหมายถึงอะไร อีก ค�ำสอนหนึ่งคือ “จงซื่อสัตย์ต่อตนเอง” ซื่อสัตย์ต่อผู้อื่นและ ซื่ อ สั ต ย์ ต ่ อ อาชี พ ดิ ฉั น ก็ น� ำ มาปฏิ บั ติ ใช้ เ ป็ น แนวทางในการ ด�ำเนินชีวิตตลอดมา ดิฉันได้มีโอกาสเรียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบ ม.ศ. 3 ก็

มาถึ ง วั น นี้ ดิ ฉั น รู ้ สึ ก ขอบคุ ณ ป๋ า และแม่ ม ากๆ ที่ ท� ำ ให้ ดิ ฉั น เป็ น คนดี เป็ น คนอดทน ขยั น เป็ น นั ก วางแผน วางแผนการ ใช้ เ วลาเก่ ง ไม่ ก ลั ว ความยากล� ำ บาก และคิ ด เสมอว่ า ไม่ มี อ ะไรในโลกนี้ ที่ เ ราท� ำ ไม่ ไ ด้ ถ้ า เราตั้ ง ใจจะท� ำ เราก็ ต ้ อ งท� ำ ได้ ทั้ ง หมด เป็นครูโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี ตั้งแต่ปี 2527 (ตั้งแต่เดือนแรกที่ได้รับเงินเดือนดิฉันก็ให้เงินป๋าและแม่ใช้ทุก เดือน ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ท�ำให้ชีวิตเรายิ่งเจริญ รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ) ดิฉัน เป็นครูผู้สอนมาตลอด ปัจจุบันเป็นครู ช�ำนาญการพิเศษ ไม่ได้เป็นผู้บริหารทั้งๆ ที่ได้เรียนต่อและจบ ปริญญาโทสาขาการบริหารการศึกษา จาก ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.92 แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเป็น ผู้บริหารโรงเรียน ยอมรับว่าชอบการสอนหนังสือและอยู่กับ เด็กๆ มากกว่า เริ่ ม เป็ น คุ ณ แม่ เ ลี้ ย งเดี่ ย ว การปรั บ ตั ว อุ ป สรรค รั บ มื อ กั บ ปั ญ หา ? ชีวิตครอบครัว ได้สมรสกับคุณธนา เจียรนัย มีบุตรด้วย กัน 3 คน คือ 1. ทันตแพทย์ศิวกร เจียรนัย 2. นายแพทย์ศุภกูล เจียรนัย 3. นักศึกษาทันตแพทย์ธนภัทร เจียรนัย 32

IS AM ARE www.ariyaplus.com


ครอบครัวของเราเป็นครอบครัว อบอุ่น คุณธนา เป็นคุณพ่อที่ดีของลูกๆ เป็นผู้น�ำที่ดีของครอบครัว และให้การ สนับสนุนดิฉันทุกเรื่อง ดิฉันท�ำงานสอน เป็ น ครู ที่ แ ท้ จ ริ ง คื อ สอนหนั ง สื อ และ สอนคุณธรรมจริยธรรม สอนเด็กให้เป็น คนดี ท�ำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ และ นอกเหนือจากนี้ก็ยังท�ำงานการกุศลมา โดยตลอด ทุ ก สิ่ ง บนโลกใบนี้ ล ้ ว นไม่ จี รั ง ยั่งยืน มีสุขก็ต้องมีทุกข์เป็นธรรมดาจริงๆ เมื่อ ปี 2552 สามีของดิฉันได้รับอุบัติเหตุ เนื่องจากเวลาประมาณ ตี 3 ต้องออก ไปรับลูกชายคนเล็กที่โรงเรียนสาธิต ซึ่ง เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ (ได้รับการ คัดเลือกให้เป็นตัวแทนของโรงเรียนและ จังหวัดไปแข่งขันภาษาอังกฤษ) โดยขับรถ จักยานยนต์ไปรับเพราะโรงเรียนสาธิตไม่ ไกลจากบ้านมากนัก จึงไม่ได้เอารถยนต์ ไปรับ

เมื่ อ ลู ก ชายช่ ว ยเพื่ อ นๆ และ คุณครูเอาของลงจากรถเสร็จเรียบร้อยก็ นั่งรถจักรยานยนต์มากับพ่อ พอรถออก จากรั้ ว มหาวิ ท ยาลั ย มาถึ ง บริ เวณหน้ า ป้ า ยโรงเรี ย น ก็ ถู ก รถยนต์ ข องต� ำ รวจ ซึ่งเมาและขับมาเร็วมากชนอย่างแรง ผู้ เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่ารถของคุณธนา ถูกชนอย่างแรง ร่างคุณธนาและลูกชาย ลอยห่างจากรถประมาณ 15 เมตร แรง กระแทกท�ำให้รถต�ำรวจหม้อน�้ำแตก มัน หนักมากจริงๆ เหตุการณ์ครั้งนั้นท�ำให้ ดิ ฉั น ต้ อ งสู ญ เสี ย ผู ้ น� ำ ครอบครั ว แถม ลูกชายคนเล็กก็อาการสาหัส ต้องรักษา ตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเดือน และยังมี อาการสายตาไม่โฟกัส มองเห็นทุกอย่าง เป็นภาพซ้อน ตอนนั้นลูกอยู่ชั้น ม. 4 ดิฉัน คิดว่าแกคงเรียนต่อไม่ได้แล้ว วั น นั้ น พี่ ช ายคนโตก� ำ ลั ง เรี ย น ทันตแพทย์ ชั้นปีที่ 4 ได้ปลอบใจน้อง ว่า “น้องไม่ต้องกังวลนะไม่เป็นไร พี่จะ 33 issue 103 august 2016

เลี้ยงน้องและดูแลน้องไปตลอดชีวิต” แต่ เราก็ ยั ง โชคดี ที่ อ าจารย์ ห มอจากโรง พยาบาลสงขลานคริ น ทร์ ซึ่ ง เก่ ง มากได้ พยายามรักษาให้ ใช้เวลารักษาเป็นปี จน กระทั่ ง หายเป็ น ปกติ เพื่ อ นและคุ ณ ครู ก็ช่วยกัน พี่ๆ น้องๆ สาธิต มอ. ทุกรุ่น ได้ให้ก�ำลังใจและช่วยเหลือเป็นอย่างดี ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ การรั บ มื อ กั บ มรสุ ม ชี วิ ต ที่ ต ้ อ ง สู ญ เสี ย ผู ้ น� ำ ครอบครั ว เป็ น เรื่ อ งที่ ย าก มาก ยากตรงที่ตัวเราเอง ดิฉันยอมรับว่า เวลานั้นท�ำอะไรไม่ได้เลย กินไม่ได้ นอน ไม่หลับ คิดอะไรไม่ออก มันตื้อไปหมด จ�ำได้ว่าตัวเองเหมือนร่างไร้วิญญาณช่วง เวลานั้นดิฉันอาการหนักมาก อาการทาง จิตส่งผลถึงร่ายกาย มีการปวดหัวไมเกรน และเริ่มซึมเศร้า วั น หนึ่ ง พอหั น ไปมองลู ก ๆ ทั้ ง 3 คน ท�ำให้ต้องรีบตั้งสติให้ได้ เราต้อง อยู ่ กั บ ปั จ จุ บั น ต้ อ งอยู ่ กั บ ความจริ ง ให้


ตรงนี้ อ าจเป็ น เพราะเราสอนลู ก ๆ ไว้ ว ่ า ลู ก จะท� ำ อะไรก็ ไ ด้ มี อ าชี พ อะไร ก็ ไ ด้ ขอให้ ลู ก เป็ น คนดี และช่ ว ยเหลื อ คนอื่ น ได้ ที่ บ ้ า นเราจะสอนให้ ลู ก รู ้ จั ก ท� ำ งานเพื่ อ คนอื่ น รู ้ จั ก ท� ำ ตนให้ เ ป็ น ประโยชน์ แ ก่ ส ่ ว นรวม ท� ำ เพื่ อ สั ง คม โดยเราไม่ ต ้ อ งสอนมากเพราะเราท� ำ ตั ว ให้ เ ป็ น ตั ว อย่ า ง ท� ำ งาน เพื่ อ สั ง คม และส่ ว นรวมอยู ่ เ สมอ ได้ เพราะลูกมีเราคนเดียวเราต้องเป็น หลักให้ลูกๆ เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ ให้ลูกๆ โชคยังดีที่ลูกชายทั้ง 3 คน เป็น ก�ำลังใจที่ดีที่สุดให้กับเรา ลูกทั้ง 3 คน เป็นคนดี ไม่ดื้อ ไม่แตกแถว พี่ดูแลน้อง น้ อ งเคารพพี่ มี อ ะไรเราก็ จ ะ ประชุมปรึกษาหารือกัน ถ้ามีโอกาสเรา จะทานข้าวด้วยกันพูดคุยกันทุกเรื่อง ไม่ ว่าเราจะมีปัญหาอะไร เราจะรับรู้ร่วมกัน และช่วยกันแก้ปัญหานั้นให้ผ่านพ้นไป ใน ที่สุดเราก็ผ่านวิกฤตตรงนั้นได้ ดิฉันชอบท�ำงานช่วยเหลือสังคม และผู ้ อื่ น ท� ำ งานทุ ก อย่ า ง ท� ำ อย่ า งมี ความสุขไม่รู้สึกกว่าเหนื่อยหรือล�ำบาก ที่จะต้องท�ำงานเพื่อผู้อื่น ยอมเสียสละ เวลาส่วนตัวนอกเหนือจากเวลาราชการ และยังแบ่งเวลาเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 3 คนให้ เป็นคนดี มีคุณภาพ โดยมีคุณธนา เป็นผู้ ให้การสนับสนุนทุกเรื่องเป็นอย่างดี ขอ ขอบคุณและขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่เรา

ได้ร่วมกันท�ำ ส่งผลให้ดวงวิญญาณของ คุณธนา เจียรนัย ได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี มี ความสุขในสัมปรายภพ ดิฉันเชื่อว่าป่านนี้ คงได้ไปอยู่บนสวรรค์เพราะคุณความดีที่ ได้สั่งสมมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้คงมีส่วน ท�ำให้ลูกๆ ของดิฉันได้ซึมซับสิ่งดีๆ มาถึ ง เวลานี้ ดิ ฉั น ต้ อ งเดิ น หน้ า ด้วยตัวเอง เมื่อตั้งสติได้ดิฉันก็ยังท�ำทุก อย่าง 100 % เหมือนเดิมแถมยังมากกว่า เดิมอีกได้ท�ำบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา ซึ่งดิฉันถือว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสเป็นแกน น�ำสร้างพระอุโบสถวัดหลักเมือง (อุโบสถ 2 ชั้ น ) ที่ ยั ง ไม่ เ สร็ จ เนื่ อ งจากท่ า นเจ้ า อาวาสมรณภาพ ดิ ฉั น ได้ น� ำ ภั ต ราหาร ไปถวายที่ โรงพยาบาลในช่ ว งที่ ท ่ า นอา พาสเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเกือบทุกวัน เพราะโรงพยาบาลอยู่ใกล้โรงเรียน ท่าน เจ้ า อาวาสก็ ไ ด้ ฝ ากเรื่ อ งการสร้ า งพระ อุโบสถต่อ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ดิฉัน ก็ได้ด�ำเนินการต่อ ปัจจุบันพระอุโบสถ ใกล้เสร็จแล้วค่ะ 34 IS AM ARE www.ariyaplus.com

มี วิ ธี เ ลี้ ย งและสอนลู ก อย่ า งไร ? สมัยที่คุณพ่อของเด็กๆ ยังมีชีวิต อยู่ เรา 2 คน ช่วยกันเลี้ยงลูก 3 คนเป็น อย่างดี เมื่อไม่มีคุณพ่อแล้วดิฉันก็คงต้อง ท� ำ หน้ า ที่ เ ป็ น ทั้ ง พ่ อ และแม่ ที่ ดี ใ ห้ ลู ก ๆ เลี้ยงด้วยความรัก ครอบครัวของเราเป็น ครอบครัวที่อบอุ่น ลูกๆ ทั้ง 3 คน เป็น คนสุภาพ อ่อนน้อม เป็นนิสัยที่ติดตัวตั้ง แต่เด็กๆ ถึงปัจจุบัน ก่อนออกจากบ้าน หรือจะไปไหนก็จะยกมือไหว้และกล่าวค�ำ ว่าสวัสดีครับ กลับมาเมื่อไหร่ก็ท�ำเหมือน เดิม เวลาทานข้าวทุกมื้อก็จะยกมือไหว้ และกล่ า วค� ำ ว่ า ขอบคุ ณ ไม่ ว ่ า จะทาน ข้าวด้วยกันในบ้านหรือนอกบ้าน ปัจจุบัน เป็นคุณหมอก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิมโดยไม่ สนใจสายตาใคร การเลี้ ย งลู ก ด้ ว ยความรั ก และ ความอบอุ่น กอดลูกทุกวัน เมื่อลูกรู้ว่า เรารั ก เขาก็ จ ะไม่ ก ล้ า ท� ำ ให้ เราผิ ด หวั ง และเสียใจ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกท�ำให้ดิฉัน รู้สึกประทับใจมาก ดิฉันจ�ำได้แม่นย�ำว่า วันนั้นเป็นวันรับผลการเรียนปลายภาค เรียนของลูกชายคนโตและคนกลาง เมื่อ รับผลการเรียน ลูกชายคนกลางซึ่งเรียน อยู่ชั้น ป.1 คุยกับพี่คนโต ถามพี่ว่า “พี่กร สอบได้ที่เท่าไร” พี่ตอบว่า “สอบได้ที่ 1” น้องกูลก็อวดพี่ว่า “น้องกูลสอบได้ตั้ง 40 ในห้อง มี 41 คน (ได้ที่ 40 สองคน) น้อง เก่งใช่ไหม ได้มากกว่าพี่กรตั้งเยอะ” พี่ กรก็รีบอธิบายให้น้องฟังว่า “น้องรู้มัย ถ้าสอบได้ที่ 1 คือ เก่ง คุณแม่จะดีใจมาก แต่ถ้าได้ที่ 40 แปลว่าสอบได้ที่สุดท้าย คุณแม่ต้องเสียใจมากแน่เลย” เมื่อน้องกูลรู้และเข้าใจ ก็วิ่งมา หาและนั่ ง ลงกั บ พื้ น กราบที่ ตั ก คุ ณ แม่ ที่ นั่งรออยู่ แกร้องไห้และขอโทษ ค�ำพูด ของลูกชายคนที่ 2 ในวันนั้นก็คือ “น้อง กูลขอโทษ น้องกูลสอบไม่เป็นน้องกูล ไม่รู้ แต่ตอนนี้น้องกูลรู้แล้ว ต่อไปนี้น้อง กูลจะเอาที่ 1 มาให้คุณแม่ทุกครั้งเลย”


ท� ำ ไมลู ก ๆ ถึ ง เรี ย นแพทย์ ทั้ ง หมด คุ ณ แม่ แ นะน� ำ และ เอาใจใส่ อ ย่ า งไร ? ตรงนี้อาจเป็นเพราะเราสอนลูกๆ ไว้ว่า ลูกจะท�ำอะไร ก็ได้ มีอาชีพอะไรก็ได้ ขอให้ลูกเป็นคนดี และช่วยเหลือคนอื่น ได้ ที่บ้านเราจะสอนให้ลูกรู้จักท�ำงานเพื่อคนอื่น รู้จักท�ำตนให้ เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ท�ำเพื่อสังคม โดยเราไม่ต้องสอนมาก เพราะเราท�ำตัวให้เป็นตัวอย่าง ท�ำงานเพื่อสังคม และส่วนรวม อยู่เสมอ (แบบดีกว่าบอก) วันหนึ่งดิฉันแอบได้ยินพี่น้องคุยกัน น้องคนกลางถามพี่ คนโตว่า “พี่กร ท�ำไมพี่กรไม่เรียนแพทย์ ท�ำไมถึงเลือกเรียน ทันตแพทย์ล่ะ ได้คะแนนแอดมิดชั่นตั้งเยอะเลือกเรียนแพทย์ ที่ไหนก็ได้ เป็นแพทย์ช่วยคนได้มากกว่านะ” พี่ชายคนโตก็ ตอบว่า “พี่ชอบเป็นหมอฟัน น้องรู้ไหมว่าคนปวดฟันก็ทรมาน มากนะ เป็นหมอฟันก็ช่วยให้คนหายเจ็บปวดหายทรมานได้ หมอฟันก็เป็นหมอเหมือนกัน แต่รักษาฟันให้คนป่วยไง” และ พูดกับน้องต่อไปว่า “ถ้าน้องชอบแพทย์ น้องกูลเรียนเองก็แล้ว กัน” วันนั้นดิฉันรู้สึกดีมากใจที่ลูกคิดกันอย่างนั้น

ดิฉันก็รีบกอดลูกและบอกว่า “ไม่เป็นไรๆ ขอให้ลูกเป็นเด็กดี คุณแม่ก็ดีใจแล้ว” และก็เป็นดังค�ำพูดที่ลูกคนกลางได้สัญญาไว้จริงๆ คือลูก ตั้งใจเรียน สอบได้ที่ 1 มาโดยตลอด เป็นนักเรียนที่สอบค่ายชีวฯ โอลิมปิคได้ตั้งแต่ชั้น ม.2 ได้ค่าย 1 ,2 ,3 และค่ายระดับประเทศ ค่าย IJSO และเรียนจบแพทยศาสตร์เกียรตินิยมอันดับ 1 ขณะนี้ ท�ำงานที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์และเรียนต่อได้เฉพาะทาง เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรม ส่วนลูกคนโตก็เช่นเดียวกัน เป็นนักเรียนชีวฯโอลิมปิค ค่าย 1,2,3 และค่ายระดับประเทศ มีผลการเรียนดีเยี่ยมมาโดย ตลอด เรียนจบคณะทันตแพทยศาสตร์ ได้คะแนนเกียรตินิยม ท�ำงานและสามารถสอบเรียนต่อเฉพาะทางเชี่ยวชาญด้านการ จัดฟัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็เป็นนักเรียนรางวัลพระราชทาน สอบได้เคมี โอลิมปิค ค่าย 1,2,3 และเข้าค่ายระดับประเทศ ได้รับเกียรติบัตรและรางวัลคนดีศรีทันตแพทย์ทุกปี (เหมือนพี่ ชายคนโต)

35 issue 103 august 2016


แต่เราอยู่บนความพอดี ท�ำให้ลูกๆ ซึมซับสิ่งเหล่านี้ไป ลูกๆ จะ ไม่รบเร้าที่จะซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆ จะใช้ของเก่า เราจะซื้อให้ก็ไม่ เอา รถจักรยานยนต์ที่ลูกๆ ใช้ก็เป็นรถเก่าๆ จะซื้อให้ใหม่ก็ไม่ เอาบอกว่ายังใช้ได้อยู่ สมัยที่เด็กๆ เรียนเรากลัวว่าลูกจะมีเงินไม่ พอใช้ ก็ให้เงินเผื่อไว้มากหน่อย เด็กๆ ก็ไม่เอา เอาเฉพาะที่จะใช้ เฉพาะที่จ�ำเป็น ลูกๆ เป็นอย่างนี้ทั้ง 3 คน ตั้งแต่เล็กๆ แต่ดิฉันก็จะสอนและท�ำตัวอย่างให้ลูกเห็นว่า อะไรที่ เป็นประโยชน์เราจ�ำเป็นเราก็ต้องใช้ ไม่ใช่ตระหนี่ถี่เหนียวเสีย ทุกเรื่อง การช่วยเหลือผู้อื่นที่ล�ำบากกว่าถ้าเราท�ำได้เราก็ควร ท�ำ เพราะเมื่อผู้ที่เดือดร้อนได้รับการช่วยเหลือเขาก็จะพ้นจาก ความทุกข์ ส่วนเราถ้าได้ช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ เราก็จะมีความ สุข บ้านเราจึงนิยมไปท�ำบุญ ไปเลี้ยงอาหารเด็กพิการ เด็กใน สถานสงเคราะห์ และอื่นๆ เมื่อไหร่ที่เราช่วยเหลือคนอื่นได้เรา ก็จะท�ำ ลูกๆ จึงเป็นคนที่อ่อนโยน มีความเมตตาและกรุณา พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ดิ ฉั น ชอบท� ำ งานช่ ว ยเหลื อ สั ง คมและผู ้ อื่ น ท� ำ งาน ทุ ก อย่ า ง ท� ำ อย่ า งมี ค วามสุ ข ไม่ รู ้ สึ ก กว่ า เหนื่ อ ย หรื อ ล� ำ บากที่ จ ะต้ อ งท� ำ งานเพื่ อ ผู ้ อื่ น ยอมเสี ย สละ เวลาส่ ว นตั ว นอกเหนื อ จากเวลาราชการ และยั ง แบ่ ง เวลาเลี้ ย งดู ลู ก ๆ ทั้ ง 3 คนให้ เ ป็ น คนดี มี คุ ณ ภาพ

ในที่ สุ ด น้ อ งกู ล (ลู ก ชายคนที่ 2) ก็ ไ ด้ ส อบแพทย์ มหาวิ ท ยาลั ย ขอนแก่ น ได้ ตั้ ง แต่ ม.6 เทอม 1 แต่ แ กก็ ส ละ สิทธิ์เพราะคุณพ่อเพิ่งเสียชีวิตเกรงว่าถ้าไปเรียนไกลคุณแม่จะ ล�ำบาก ประกอบกับเขาสามารถสอบตรงในภาคเรียนที่ 2 ได้ อีก ในการสอบน้องกูลก็เลือกคณะเดียวคือ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และก็สอบได้ตามที่ตั้งใจไว้ ส่ ว นน้ อ งภั ท ร( ลู ก ชายคนเล็ ก ) มี พี่ ๆ เป็ น ไอดอล ชอบเป็ น ทั น ตแพทย์ เ หมื อ นพี่ ช ายคนโต สอบเรี ย นต่ อ ระดั บ อุ ด มศึ ก ษาโดยวิ ธี รั บ ตรง เลื อ กเรี ย นสิ่ ง ที่ ช อบมากที่ สุ ด เพี ย ง คณะเดียวคือคณะทันตแพทย์ บอกว่าชอบเหมือนพี่ชายคนโต ปัจจุบันเรียนปี 5 คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ลู ก ชายทั้ ง 3 คน มี ค วามมุ ่ ง มั่ น สมกั บ เป็ น ลู ก พระ ราชบิดา คือยึดมั่นปฏิบัติตามพระราชด�ำรัสของ สมเด็จพระ มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม บรมราชชนก คือ... “ ขอให้ถือ ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์เพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่ หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรง ธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”

จ�ำได้ว่า วันหนึ่งลูกชายคนโต (ตอนนั้นเรียนทันตแพทย์ อยู่ชั้นปีที่ 6) ได้โทรศัพท์มาหาดิฉันที่ปัตตานี ตอนตี 2 เล่าให้ ฟังว่า ขณะที่ก�ำลังอ่านหนังสืออยู่ได้ยินเสียงหมาหลายตัวเห่า เสียงดังอยู่หน้าบ้านที่หาดใหญ่ ลงไปดูก็เจอแมวตัวหนึ่งก�ำลัง ถูกหมารุมเห่าและขู่เหมือนจะกัด แกก็เลยเอาไม้ไล่หมาไป แล้ว เอาแมวเข้ามาไว้ในบ้าน แมวตัวนั้นเลือดเต็มตัวดูเหมือนว่าขา หลังจะหักทั้งสองข้าง แกก็เลยเอาผ้ามาห่อตัวแมวไว้ แล้วรีบ โทรมาบอกคุณแม่ พอวันรุ่งขึ้นก็รีบพาไปหาสัตวแพทย์ (ยอมโดดเรียน) ให้ หมอเอ็กซเรย์ดูก็รู้ว่าขาหลังหักทั้งสองข้าง ต้องผ่าตัด แมวก็มี ไข้สูงมาก หมอบอกว่าค่ารักษาประมาณ 1 หมื่นบาท ลูกชาย ก็โทรมาปรึกษาอีกครั้งหนึ่งและบอกว่าอยากช่วย ดิฉันก็บอก ว่ า ให้ ช ่ ว ยได้ เ ลยคุ ณ แม่ จ ะโอนเงิ น ไปช่ ว ยค่ า รั ก ษา แกก็ เ ลย คุ ณ แม่ ใ ช้ ห ลั ก ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย งในการ นัดหมอให้ผ่าตัดและฝากเลี้ยงจนกระทั่งหายดี ก็เลยตั้งชื้อให้ แมวตัวนั้นว่า “โชคช่วย” เพื่อนๆ หลายคนก็มีจิตใจดี รวม ด� ำ เนิ น ชี วิ ต และสอนลู ก ในครอบครั ว อย่ า งไร ? ดิฉันปฏิบัติตนตามแนวพระราชด�ำรัสของในหลวงยึด ถึงอาจารย์ทันตแพทย์ ก็ได้ช่วยกันสมทบค่าผ่าตัดและค่าฝาก หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลูกๆ จะเห็นการปฏิบัติตน เลี้ ย ง แมวตั ว นี้ โชคช่ ว ยจริ ง ๆ ปั จ จุ บั น มั น สามารถวิ่ ง ได้ แ ล้ ว ของดิฉันเป็นอยู่อย่างพอเพียง อะไรที่ใช้ได้อยู่เราก็ยังคงใช้ต่อไป ปลื้มใจจริงๆ 36 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ดังนั้น หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการด�ำเนิน ชีวิตที่ดิฉันสอนลูกๆ ก็คือ “การด�ำรงชีวิตที่เหมาะสมรู้จักอยู่ให้ พอดีสมฐานะ รู้จักประหยัด รู้คุณค่าของเงิน รู้จักใช้สิ่งของ ให้คุ้มค่า ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ไม่ใช่ตระหนี่ถ่ีเหนียว รู้จักใช้จ่ายใน สิ่ ง ที่ ส มควรต้ อ งใช้ และต้ อ งรู ้ จั ก แบ่ ง ปั น ช่ ว ยเหลื อ ผู ้ อื่ น ที่ ต้องการความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและพอดีพอควร” เพื่อให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์อย่างเช่นกรณีของโชคช่วย แมว ที่ยังมีบุญ ความภู มิ ใ จของคุ ณ แม่ คื อ อะไร เมื่ อ ย้ อ นมองอดี ต รู ้ สึ ก อย่ า งไร ? ความภูมิใจของดิฉันที่ได้เป็นคุณแม่ของลูกๆ ทั้ง 3 คน คือลูกๆ ของดิฉันเป็นคนดีทุกคน ดิฉันจะได้ยิน ได้รับค�ำชื่นชม ลูกๆ ทั้ง 3 คน มาโดยตลอด ลูกคนที่ 1. ทันตแพทย์ศิวกร เจียรนัย เป็นเด็กดี เป็น เด็กเรียนดี เป็นยุวทูตความดี ประธานนักเรียนโรงเรียนสาธิต มหาวิ ท ยาลั ย สงขลานคริ น ทร์ ได้ รั บ คั ด เลื อ กให้ เ ป็ น ตั ว แทน นักเรียน ได้เข้าพบท่านนายกรัฐมนตรีในวันเด็กแห่งชาติ เป็น คนดีศรีทันตแพทย์ เป็นประธานชั้นปีสมัยเรียนทันตแพทย์ 6 ปี เรียนจบได้คะแนนเกียรตินิยม ท�ำงานเป็นทันตแพทย์ของโรง พยาบาลปัตตานี ในช่วงก่อนไปเรียนต่อก็ท�ำด้วยความตั้งใจได้ รับค�ำชื่นชมมากมาย และสอบเรียนต่อได้เฉพาะทางเชี่ยวชาญ สาขาจัดฟัน เพราะมุ่งมั่นมาช่วยน้องๆ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ต้องจัดฟันหลังการผ่าตัดปากแหว่ง เพดานโหว่ ซึ่งน่าสงสาร มาก ลูกคนที่ 2. นายแพทย์ศุภกูล เจียรนัย เป็นเด็กดี เป็น เด็กเรียนดี เป็นยุวทูตความดี เป็นนักเรียนที่ได้รับรางวัลทูต วัฒนธรรม เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมีความสามารถช่วยเหลือชีวิต คนและให้ก�ำลังใจคนไข้เป็นอย่างดี เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ ได้คะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1 ปัจจุบันท�ำงานอยู่ที่โรงพยาบาล สงขลานครินทร์และสอบเรียนต่อได้เฉพาะทางเชี่ยวชาญสาขา ศัลยแพทย์ เพราะตั้งใจช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ลูกพูดว่า “วันที่คุณพ่อถูกรถชน ถ้าโรงพยาบาลปัตตานีมีแพทย์เฉพาะ ทางและเครื่องมือแพทย์ทีทันสมัยเพียงพอ คุณพ่อคงไม่เสีย ชีวิต” ลูกคนที่ 3. นักศึกษาทันตแพทย์ธนภัทร เจียรนัย เป็น เด็กดี เป็นเด็กเรียนดี เป็นนักเรียนรางวัลพระราชทาน เป็ น ประธานนั ก เรี ย น เป็ น คนดี ศ รี ทั น ตแพทย์ ไ ด้ รั บ รางวัลมาโดยตลอด ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี ที่ 5 ความสุขใจที่ได้รับคือ ลูกๆ ทุกคนจะให้ความรักให้ความ

ดิ ฉั น ก็ จ ะสอนและท� ำ ตั ว อย่ า งให้ ลู ก เห็ น ว่ า อะไรที่ เป็ น ประโยชน์ เ ราจ� ำ เป็ น เราก็ ต ้ อ งใช้ ไม่ ใ ช่ ต ระหนี่ ถ่ี เหนี ย วเสี ย ทุ ก เรื่ อ ง การช่ ว ยเหลื อ ผู ้ อื่ น ที่ ล� ำ บากกว่ า ถ้ า เราท� ำ ได้ เ ราก็ ค วรท� ำ เพราะเมื่ อ ผู ้ ที่ เ ดื อ ดร้ อ นได้ รั บ การช่ ว ยเหลื อ เขาก็ จ ะพ้ น จากความทุ ก ข์ ส่ ว นเรา ถ้ า ได้ ช ่ ว ยให้ เ ขาพ้ น ทุ ก ข์ ไ ด้ เราก็ จ ะมี ค วามสุ ข เคารพ ให้ความห่วงใย ให้ก�ำลังใจและเชื่อฟังอย่างสม�่ำเสมอ เมื่อลูกท�ำงานมีเงินเดือนแล้วลูกก็เอาเงินเดือนใส่ซองให้คุณแม่ ใช้จ�ำนวนมากพอสมควรทุกเดือน ให้อย่างสม�่ำเสมอ ดิฉันจะไม่ รับก็ไม่ได้เพราะลูกบอกว่าตั้งใจแล้ว และที่ ส� ำ คั ญ คื อ พี่ ค นที่ เรี ย นจบก่ อ นก็ จ ะท� ำ หน้ า ที่ ส ่ ง ให้น้องเรียนต่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระและสร้างความรัก ความผูกพันน้องเคารพพี่ เกรงใจพี่ พี่น้องก็รักกัน เราเป็นแม่ก็ มีความสุข พอถึงวันเกิดของคุณแม่ ทุกๆ ปีลูกทั้ง 3 คนก็จะท�ำ สิ่งดีๆ ให้ ท�ำให้เราชื่นใจอยู่เสมอเหมือนเป็นน�้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ ให้ดิฉันมาโดยตลอด คุณแม่ขอบอกลูกๆ ทุกคนว่า “ขอบใจ นะลูกรัก” ลู ก ๆ ทั้ ง 3 พู ด ถึ ง คุ ณ แม่ ค นนี้ ? ทพ.ศิวกร เจียรนัย : ผมอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเล่าเรื่องราวดีๆ ของคุณ แม่ของผม ต่อไปนี้ก็จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งนะครับ ที่ผมจะน�ำ มาพูดถึงในที่นี้ ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยขาดไปเลย ก็คือความ รักและความเอาใจใส่ของคุณพ่อ คุณแม่ และแม้ว่าในวันที่คุณพ่อของผมได้จากไปแล้ว คุณแม่ก็ 37

issue 103 august 2016


ว่า “คุณแม่เป็นเหมือนโดเรมอน” (คุณแม่มีทุกอย่างครับ ไม่ ว่าลูกๆ จะอยากได้อะไร) ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าคุณแม่ของ ลูกๆ คนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง แต่มันก็คงจะไม่มากเกินไปหรอก นะครับ ถ้าจะบอกว่า “ผมมีคุณแม่ที่ดีที่สุดในโลก”... รักคุณ แม่นะครับ นพ.ศุภกูล เจียรนัย : ส�ำหรับคุณแม่สุดที่รักของผมคงต้องเรียกว่า supermom เพราะตั้งแต่คุณพ่อจากไป คุณแม่ก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ของ ผม คุณแม่ท�ำหน้าที่แทนคุณพ่อทุกอย่างและบอกลูกๆ เสมอ ว่า แม่อยากให้ลูกๆ ทุกคนรู้ว่า “ครอบครัวเราไม่ขาดนะ แม่ เป็นแทนพ่อได้ทุกอย่างนะ” ทั้งๆ ที่ลูกๆ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าแม่ กัดฟันพูดอดทนไม่ให้ลูกเห็นความล�ำบาก แต่อาจจะเป็นข้อดีที่ พวกเรารู้อย่างนั้นเพราะเราก็จะตั้งใจที่จะท�ำหน้าที่แทนคุณพ่อ ให้แม่รู้สึกไม่ขาด แม่รักลูกๆ มากและรักเท่ากันทุกคน เท่าที่จ�ำ ความได้ลูกๆ มักได้ยินประโยคเดิมซ�้ำๆ ว่า “แม่รักลูกๆ เท่ากัน ทุกคนนะค๊าบ” ซึ่งลูกทุกคนจึงไม่รู้สึกว่าตนเองขาดและยิ่งท�ำให้ พวกเรารักกันมากยิ่งขึ้น ท�ำหน้าที่แทนคุณพ่ออย่างไม่บกพร่อง วันนี้คุณแม่จึงเป็นทุกสิ่ง เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่แม่ไม่เคยบังคับเลย ลูกอยากท�ำ ทุกอย่างในชีวิตของลูกๆ อะไรท�ำ อยากเรียนอะไรก็สนับสนุนเต็มที่เลยครับ ท�ำให้ลูกๆ คุณแม่ของผมเป็นยอดนักแก้ปัญหา ไม่ว่าลูกๆ จะมี ไม่เคยรู้สึกกดดันอะไรเลยว่าจะต้องอ่านหนังสือหรือท�ำการบ้าน ปัญหาเล็กน้อย หรือจะเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงใด คุณแม่ของผม ตอนเด็กๆ จ�ำได้ว่าคุณแม่ชอบซื้อหนังสือการ์ตูนและหนังสือ จะมองปัญหาในแง่ที่ดีเสมอ คุณแม่จะค่อยๆ คิดอย่างใจเย็น รูปภาพที่พวกเราอยากได้มาเต็มไปหมด แต่คุณแม่ก็จะซื้อให้ และค่อยๆ สอนให้ลูกๆ แก้ปัญหา สอนให้ลูกใช้เหตุผล สอนให้ พวกเราอยู่เสมอๆ โดยที่คุณแม่เคยบอกว่า ถ้าลูกๆ อยากอ่าน มีความระมัดระวัง ท�ำให้ลูกๆ ผ่านอุปสรรคทั้งหลายในชีวิตได้ อะไร คุณแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ ถึงแม้จะไม่ใช่หนังสือเรียนก็ตาม ด้วยการไตร่ตรอง คุณแม่ของผมไม่ได้เป็นแม่นกที่คอยเอาทุก เพราะคุณแม่บอกว่าอยากให้ลูกๆ ทุกคนรักการอ่านหนังสือ โดย อย่างมาป้อนให้ลูก แต่เป็นแม่นกที่สอนให้ลูกรู้จักบิน ลูกๆ ทุก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ควรปลูกฝังให้กับลูกตั้งแต่เด็กๆ โดยถึงแม้อาจ คน จึงมีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถแก้ไขปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรค จะยังไม่ใช่หนังสือเรียนในตอนเด็กๆ แต่คุณแม่บอกว่า ถ้าพวก ในชีวิตได้ด้วยตนเอง โดยมีคุณแม่คอยเฝ้าดู และพร้อมจะช่วย เรารักในการอ่านหนังสือ ยังไงก็แล้วแต่ ก็ย่อมมีแต่ข้อดี อีกทั้ง เหลือเสมอเมื่อลูกๆ ต้องการ ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ของพวกเราด้วย คุณแม่ของผมเป็นแบบอย่าง คุณแม่สอนการใช้ชีวิต ถ้าอยากให้พูดอะไรถึงคุณแม่ ผมคงอยากบอกกับแม่ว่า สอนการปฏิบัติตัวในสังคม และที่ส�ำคัญที่สุด คุณแม่สอนให้ ผู้หญิงคนหนึ่งดูแลลูก 3 คนให้โตมาได้ถึงขนาดนี้คงไม่มีเหตุผล ลูกๆ ทุกคนรู้จักการให้ การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คุณแม่ อะไรที่ลูก 3 คนจะดูแลแม่ไม่ได้ ต่อไปก็คงถึงเวลาที่พวกเราจะ จะพูดอยู่เสมอว่า “การให้ จะท�ำให้สังคมน่าอยู่ และเมื่อสังคม ได้ตั้งใจดูแลแม่ของเราอย่างดีที่สุดให้เหมือนกับที่แม่ดูแลพวก น่าอยู่ เราทุกคนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ก็จะมีความสุข เรามาอย่างดีเสมอมา “รักแม่มากครับ” จะตั้งใจท�ำทุกวันต่อ แม้ว่าเราไม่อาจเปลี่ยนทุกคนในสังคมได้ แต่ถ้าเราท�ำหน้าที่ จากนี้ให้ดีที่สุดเพื่อคนที่พวกเรารักที่สุดครับ ของเราให้เต็มที่ ค่อยๆ ให้ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง โดยเริ่มต้น นทพ.ธนภัทร เจียรนัย : ที่ตัวเราเอง ในแต่ละวันทุกๆ อย่างมันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นด้วย “แม่ของผมท�ำได้ทุกอย่าง” ค�ำพูดนี้ คงไม่ใช่ค�ำที่เกิน ตัวของมันเอง” เลยไปมากนักส�ำหรับคุณแม่ของพวกเรา เพราะตั้งแต่เด็กจน คุณแม่ของผมเป็นทุกอย่าง คุณแม่เป็นผู้น�ำ คุณแม่เป็น โต ไม่ว่าเราอยากจะได้อะไร อยากให้คุณแม่ท�ำอะไรให้ หรือว่า ครูให้ลูกๆ คุณแม่เป็นแม่ครัว ลูกๆ จะพูดเล่นกันเสมอครับ มีปัญหาใหญ่โตอะไรส�ำหรับเรา แต่เมื่อเราน�ำสิ่งเหล่านั้นมาเล่า 38 IS AM ARE www.ariyaplus.com


สิ่ ง ที่ อ ยากฝากถึ ง ลู ก ทุ ก คน ในฐานะคนเป็ น แม่ ? อยากฝากถึงลูกๆ ทุกคน ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง อยาก ให้ลูกๆ ทุกคนเป็นคนดี ไม่กล้าท�ำความชั่ว เกรงกลัวต่อบาป มี ความขยันหมั่นเพียร มีความอดทน อดกลั้น มีความกตัญู กตเวที ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน จงจ�ำไว้ว่าไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรที่จะยิ่ง ใหญ่และติดตัวเราไปได้เท่ากับการศึกษา ขอให้ลูกๆ ทุกคนตั้งใจ ศึกษาหาความรู้เพื่ออนาคตที่ดีของตัวเองในวันข้างหน้า จงนึกไว้เสมอว่าอุ่นใดๆ โลกนี้ไม่มีเทียบเทียมเท่ากับ อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดของแม่ และจงเป็นเด็กดี เป็นความ หวังของแม่ต่อไป ลูกๆ จงรู้ว่าแม่รักและลูกก็จงรักแม่ ลูกก็จะ ท�ำแต่ความดีเป็นคนดีของแม่ เป็นคนดีของสังคม ชีวิตของลูก ก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

ให้คุณแม่ฟัง มาปรึกษาคุณแม่ สิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่อง ใหญ่ส�ำหรับเรานั้น ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย จนสามารถ พูดได้เลยว่า คุณแม่รับมือกับปัญหาของพวกเราได้อย่างสบาย มาก โดยคุณแม่จะไม่แก้ไขปัญหาให้เราตรงๆ หรือจะบอกวิธี การแก้ไขปัญหาตรงๆ แต่คุณแม่จะมีเทคนิคและวิธีการสอนเพื่อ ให้ลูกๆ รู้จักที่จะแก้ไข และรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้ในอนาคต ด้วยตนเอง และแน่นอนว่าเมื่อพวกเราพบเจอกับแนวทางการ แก้ปัญหา และเทคนิคดีๆ ของคุณแม่มาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก จนโต สิ่งเหล่านี้เองก็เสมือนเป็นแนวทาง และเทคนิคส�ำคัญใน การด�ำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับพวกเราโดยเสมอ มาได้เป็นอย่างดี

รางวัลแห่งการท�ำความดี

- สมาชิกเหล่ากาชาด ตั้งแต่ปี 2529 เมื่อคราวเกิดภัยพิบัติครั้งพายุถล่มนครศรีธรรมราชและชุมพร ปี พ.ศ. 2531 เป็น ส่วนหนึ่งที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดปัตตานี มีโอกาสช่วยเหลือผู้ยากไร้และ สังคมมาโดยตลอด - สมาชิกสโมสรไลออนส์ปัตตานี ตั้งแต่ปี 2532 จนถึงปัจจุบันเป็นนายกสโมสรไลออนส์ปัตตานี (หลายสมัย) และได้รับ เลือกให้ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นผู้ว่าการไลออนส์สากลภาค 310 B ดูแลมวลสมาชิกไลออนส์ทั้งภาคใต้ 14 จังหวัด - เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน บุคลากรของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในเรื่องของ มารยาทไทย, มารยาทสังคม, วัฒนธรรมไทย, บุคลิกภาพ, ความเป็นผู้น�ำ, จิตบริการ และเป็นวิทยากรของสโมสรไลออนส์สากล, วิทยากรแกนน�ำยุวกาชาด สภากาชาดไทย - เป็นนักจัดรายการวิทยุ ผู้ด�ำเนินรายการ “โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี สรรสร้างสาระสู่ชุมชน” มีหน้า ที่สรรหาสาระ เทิดทูนสถาบัน ส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทย ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี ช่วงเวลา 10.10 น.-11.00 น. ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดปัตตานี - ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด ชั้น ทช. ปี พ.ศ. 2546 จากการที่ท�ำงานด้วยความทุ่มเทเสียสละ ก�ำลังกาย ก�ำลัง ความคิดและก�ำลังทรัพย์ ช่วยเหลือสังคมและผู้ยากไร้ด้อยโอกาสมาโดยตลอด - ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นแห่งปี 2537 และ 2538 และรับรางวัลครูผู้สอนจริยศึกษาดีเด่นรวม 5 ปีการศึกษา - ได้รับรางวัลผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้กับเยาวชนจากส�ำนักงานส่งเสริมเยาวชนแห่งชาติ, และรางวัลครูผู้สอนดีเด่นระดับ ชั้นมัธยมศึกษา จากครุสภาจังหวัด ปัตตานี, รางวัลผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้กับกระทรวงวัฒนธรรม, และรางวัลข้าราชการพลเรือน ดีเด่นจังหวัดปัตตานี เมื่อ ปี 2556 - ได้รับพระราชทานรางวัลข้าราชการดีเด่นศูนย์อ�ำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจ�ำปี 2551 - ได้รับพระราชทานโล่รางวัล สตรีไทยดีเด่น ประจ�ำปี 2558 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันสตรีไทย “รางวัลต่างๆ ที่ได้รับนับเป็นเกียรติประวัติ และความภาคภูมิใจในการท�ำความดี เราท�ำความดีเพื่อความดี โดยไม่ หวังผลตอบแทน แต่สิ่งดีๆ ก็จะตอบแทนมาเอง”

39 issue 103 august 2016


40 IS AM ARE www.ariyaplus.com


41 issue 103 august 2016


ต� ำ บลเสี ย ว มี ป ระวั ติ ศ าสตร์ ก ารตั้ ง ถิ่ น ฐานมายาวนาน เริ่ ม ต้ น จากการอพยพมาจาก ส.ป.ป.ลาว เข้ า มายั ง ประเทศไทย พั ฒ นาจนกลายมาเป็ น ต� ำ บลเสี ย วในปั จ จุ บั น ต� ำ บลเสี ย วผ่ า น กระบวนการเรี ย นรู ้ แ ละการต่ อ สู ้ ข องกลุ ่ ม คนที่ มี ค วามเป็ น พี่ เป็ น น้ อ งกั น จนสามารถเห็ น การเปลี่ ย นแปลงในต� ำ บล สรุ ป เป็ น ยุ ค สมั ย ได้ ดั ง นี้

พัฒนาการต�ำบล ก่อนปี พ.ศ.2476

ยุ ค ประวั ติ ศ าสตร์ ก ารตั้ ง ถิ่ น ฐาน ประชากรของชุมชนรอบป่าโนนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวที่อพยพ มาจากเวียงจันทน์ พร้อมกับเจ้าพระยาตาและพระวอราชภักดีในปี พ.ศ. 2311 – 2341 ในยุคแรกกลุ่มคนที่อพยพมาได้ตั้งบ้านเรือนบริเวณป่าโนน ใหญ่ ได้แก่ กลุ่มบ้านเสียว กลุ่มบ้านสามขา และกลุ่มบ้านแปะ ต่อมาได้ มีการขยายหมู่บ้านออกเป็น 5 หมู่ หมู่บ้านที่อยู่รอบป่าโนนใหญ่ การตั้ง ถิ่นฐานในยุคแรกยังอาศัยพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติเพื่อเป็นแหล่งอาหาร ที่ส�ำคัญ เนื่องจากกลุ่มคนที่อยู่ร่วมกันยังมีจ�ำนวนไม่มาก ท�ำให้สามารถใช้ ประโยชน์จากพื้นที่ป่าได้เต็มที่ และระบบการปกครองของแต่ละหมู่บ้านยัง เป็นระบบผู้น�ำเฉพาะแต่ละกลุ่มตามสายเครือญาติ

พ.ศ.2477 – 2535

ยุ ค แห่ ง การต่ อ สู ้ ยุคนี้เริ่มมีการเข้ามาบุกรุกผืนป่าโนนใหญ่ จากนายทุนโดยอาศัย อ�ำนาจรัฐที่เข้ามาสัมปทานและจัดการทรัพยากรบริเวณป่าโนนใหญ่ มี การตัดไม้และการน�ำหินลูกรังออกไปขาย ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับความ เดือดร้อนจากการตัดไม้ท�ำลายป่า ท�ำลายแหล่งทรัพยากรของชุมชน จน เกิดการรวมตัวของชาวบ้านต่อต้านการสัมปทานจากนายทุนและภาครัฐที่ ให้การสนับสนุนการสัมปทาน เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าไว้ให้คงความอุดมสมบูรณ์ เช่นเดิม การพัฒนาในช่วงนี้จึงอ้างอิงจากการจัดการป่าเหตุการณ์ส�ำคัญที่ น�ำมาสู่การเปลี่ยนแปลงของป่าโนนใหญ่ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ดังนี้

การค้าถ่าน

เมื่อเส้นทางรถไฟได้ก่อสร้างจากนครราชสีมามาจนถึงห้วยทับทัน กลุ่มกุลีและนายทุนจากต่างถิ่น ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับรถไฟได้เข้ามาตัด ไม้ในเขตป่าโนนใหญ่เพื่อเผาถ่านและล�ำเลียงกลับไปจ�ำหน่ายที่จังหวัด นครราชสีมาและกรุงเทพ ฯ ต่อมาได้สนับสนุนให้ชาวบ้านเผาถ่านโดยรับ ซื้อจากชุมชนรอบป่าโนนใหญ่ รวมทั้งรับซื้อไม้แปรรูปชนิดต่างๆ กระทั่ง ราคาถ่านตกต�่ำและไม่ใหญ่ในป่าใกล้หมด การค้าถ่านและไม้แปรรูปจึง ซบเซาลง ประกอบกับในช่วงปี พ.ศ.2480 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 42 IS AM ARE www.ariyaplus.com


อาหาร ฝ้าย และเครื่องนุ่งห่มเกิดการขาดแคลน รัฐบาลสมัย นั้นจึงสงเสริมให้เกษตรกรบุกเบิกขยายที่ท�ำกินเพื่อปลูกพืชไร่ เช่น อ้อย ฝ้าย และข้าว ชาวบ้านรอบป่าโนนใหญ่จึงพากันขยาย พื้นที่ท�ำกินเข้าไปในป่าโนนใหญ่ท�ำให้พื้นที่ป่าลดสภาพความ อุดมสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปี พ.ศ.2494 เกิดภาวะ ฝนแล้งจัด ชาวบ้านเสียวโยการน�ำของ สน ธงชัย สังเกตเห็น ว่าการที่ฝนแล้งซ�้ำซากน่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ป่าถูกท�ำลาย ลงอย่างรวดเร็ว จึงชักชวนชาวบ้านให้เลิกท�ำไร่และปล่อยให้ป่า ฟื้นคืนสภาพอย่างเดิม

ล�ำปอกลับเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น มีปลาตายลอยขึ้นมาผิวน�้ำเป็น จ�ำนวนมาก จากปัญหาดังกล่าวทุกคนจึงชวนกันหยุดท�ำไร่ปอ เพื่อให้สายน�้ำกลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง ต่อมาปี พ.ศ. 2511 ได้ มีการน�ำพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ คือ มันส�ำปะหลัง เข้ามาปลูกใน ชุมชนโนนใหญ่อีกครั้ง แต่เมื่อผ่านไปไม่นานราคามันส�ำปะหลัง ตกต�่ำ ท�ำให้ชาวบ้านเลิกปลูกและปล่อยให้ป่าโนนใหญ่ฟื้นคืน สภาพอีกครั้งโดยไม่ได้กลับไปใช้ประโยชน์อีก

การไถ่ป่า ขุดหินลูกรัง เพื่อพัฒนาชุ มชน

การไถ่ป่า ขุดหินลูกรังเพื่อพัฒนาชุมชน ในปี พ.ศ.2512 มีการก่อสร้างทางหลวงสายศรีสะเกษ อุบลราชธานี บริษัทผู้รับ เหมาก่อสร้างทางได้ลักลอบเข้ามาขุดหินลูกรังตามจุดต่างๆ ของ ป่าโนนใหญ่ จนกระทั่งชาวบ้านเห็นว่าการขุดหินลูกรังท�ำให้ป่า เสียหายและแหล่งน�้ำตื้นเขิน จึงได้ร่วมกันคัดค้านเพื่อให้ยุติการ ขุดหินลูกรังในป่าโนนใหญ่

พืชเศรษฐกิจรุ กป่ า

มีการน�ำ ปอ เข้ามาปลูกในชุมชน ประกอบกับช่วงนั้น ปอมีราคาสูง ท�ำให้ชาวบ้านกลับเข้าไปในพื้นที่ป่าโนนใหญ่ที่ ก�ำลังฟื้นคืนสภาพ เพื่อปลูกปออีกครั้ง หลังจากปลูกปอผ่านไป ได้ประมาณ 3 ปี กลับพบว่าแหล่งน�้ำห้วยทับทันที่ใช้เป็นที่แช่

43 issue 103 august 2016


การประการเขตป่ าสงวนแห่งชาติ

ชุมนุมประท้วงจากชุมชนหลายครั้ง จนในที่สุดได้มีการทบทวน ซึ่งเขตป่าที่ประกาศได้เกิดการทับซ้อนกับที่ตั้งชุมชน สัญญาเช่าและเอกชนยอมถอนตัวออกจากพื้นที่ ภายหลังการ ที่ดินท�ำกิน และพื้นที่ป่าที่เหลืออยู่ ในช่วงแรกที่มีการประกาศ ต่อสู้เพื่อรักษาสภาพพื้นที่ป่าโนนใหญ่ ท�ำให้เกิดการรวมตัวกัน เขตพื้นที่ป่าสงวนสมาชิกในชุมชนไม่ได้รับทราบ ประกอบกับ ของสมาชิกในต�ำบลเสียว เป็นชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้มงวด ท�ำให้ไม่มีการคัดค้านจากสมาชิก และสภาพแวดล้อมต�ำบลเสียว เพื่อท�ำหน้าที่อนุรักษ์ฟื้นฟูป่า โนนใหญ่ และต่อมาพัฒนาเป็นคณะกรรมการชาวบ้านอนุรักษ์ ในชุมชนแต่อย่างใด ป่าโนนใหญ่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ภายหลังการต่อสู้เพื่อรักษาสภาพพื้นที่ป่า การสัมปทานป่ า กรมป่ า ไม้ ไ ม่ ไ ด้ อ นุ มั ติ ใ ห้ บ ริ ษั ท เอกชนในจั ง หวั ด โนนใหญ่ จนท�ำให้เกิดการรวมตัวกันของสมาชิกในต�ำบลเสียว ศรีสะเกษ เช่าพื้นที่ป่าโนนใหญ่จ�ำนวน 500 ไร่ ในราคาไร่ละ 10 ก่อตั้งเป็นชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม บาท เพื่อปลูกสวนป่ายูคาลิปตัส โดยให้เหตุผลว่าสภาพผืนป่า ต�ำบลเสียว เพื่อท�ำหน้าที่อนุรักษ์ฟื้นฟูป่าโนนใหญ่ และต่อมาได้ โนนใหญ่มีความเสื่อมโทรม ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งกับชุมชน พัฒนาเป็นคณะกรรมการชาวบ้านอนุรักษ์ป่าโนนใหญ่ รอบโนนป่าใหญ่ เนื่องจากพื้นที่เช่าเป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ในสภาพ สมบูรณ์และเป็นพื้นที่ป่าซึ่งชาวบ้านถือสิทธิ์ในการครอบครอง พ.ศ.2536 – 2551 ต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคของการท�ำไร่ และการเข้ามาเช่าที่ของบริษัท ยุ ค แห่ ง การพั ฒ นาสู ่ ค วามเป็ น คนต� ำ บลเสี ย ว จากการรั ก ษาพื้ น ที่ ป ่ า โนนใหญ่ จ นเกิ ด เป็ น คณะ เอกชนได้มีการไถ่ท�ำลายป่าเดิมทิ้งพร้อมทั้งขายเนื้อไม้และขุด ดินลูกรังไปขาย ซึ่งสวนทางกับเหตุผลที่เข้ามาเช่าที่ น�ำไปสู่การ กรรมการชาวบ้ า นอนุ รั ก ษ์ ป่ า โนนใหญ่ ท� ำ ให้ เ กิ ด กิ จ กรรมที่ 44 IS AM ARE www.ariyaplus.com


เกี่ยวเนื่องกับป่าโนนใหญ่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และขยายผลทั้งในรูปแบบ ของการจัดการ การดูแลรักษา และการรวมกลุ่มคน จนถึงการปรับใช้ความ รู้มาสู่สมาชิกในชุมชน โดยมีกิจกรรมที่ส�ำคัญ คือ การจัดผ้าป่าเพื่อสมทบทุน ซื้อที่ดินเพิ่มเติมให้กับพื้นที่ป่าโนนใหญ่ กิจกรรมปลูกป่า การขุดบ่อน�้ำไว้เป็น แหล่งน�้ำสัตว์ป่าและเติมความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่า การจัดสร้างศูนย์ศึกษาทาง นิเวศบริเวณป่าโนนใหญ่เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมร่วมกัน กิจกรรมบ�ำรุงดูแล รักษาป่าชุมชน การจัดท�ำแปลงสาธิตระบบวนเกษตร การเข้าร่วมโครงการ หมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชด�ำริ 72 พรรษา การท�ำแนวกันไฟ รอบป่าชุมชนโนนใหญ่และกิจกรรมการปลูกยางนาในพื้นที่ป่า โดยกิจกรรม ทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาคทั้งภายในและภายนอกที่เข้ามาหนุน เสริมกระบวนการขับเคลื่อนในหลายๆด้าน จนกระทั่งในปี พ.ศ.2551ได้ เข้าร่วมโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ต�ำบล วิถีพอเพียง ในระยะที่ 2 เพื่อ ต่อยอดงานจัดการป่าของพื้นที่ป่าชุมชนโนนใหญ่ให้ยั่งยืนต่อไป

ทุนต�ำบล

เนื่องจากต�ำบลเสียวมีทุนเดิมทางด้านวัฒนธรรมที่น�ำไปสู่การมีส่วน ร่วมกันจัดกิจกรรมและมีการขยายผลร่วมกับการจัดการทรัพยากรของต�ำบล จนเกิดการต่อยอดกิจกรรมที่ส�ำคัญของชุมชน ดังนี้ การอนุรักษ์ป่าชุมชนโนนใหญ่ จากสภาพปัญหาป่าไม้ถูกบุกรุกท�ำลาย จากคนภายนอก และการขยายที่ท�ำกิน จนท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพ ป่าโนนใหญ่ กระทบต่อเนื่องเป็นปัญหาภัยแล้งในชุมชน และปัญหาอื่นๆ จน ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างเข้มข้นเพื่อรักษาผืนป่าไว้ มีการรวมตัวกัน เป็นกลุ่มคนเพื่อจัดการการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างเป็นระบบและเกิดความ ยั่งยืนในรูปของคณะกรรมการป่าชุมชนโนนใหญ่ โดยคัดเลือกจากตัวแทน ของแต่ละหมู่บ้านเข้ามาเป็นกลไกขับเคลื่อน และมีภาคีหลายส่วนเข้าร่วม เป็นกรรมการและที่ปรึกษาโครงการฯ ด้วยการใช้วิธีขับเคลื่อนงานจากการ ใช้ฐานชุมชนและท้องถิ่นเป็นหลักในการท�ำงาน พร้อมกับการสร้างกลไกการ 45 issue 103 august 2016


สืบทอดเรื่องราวการจัดการสิ่งแวดล้อมภายใต้การสอนของครูภายในโรงเรียน และ การเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นจากผู้รู้ ซึ่งเป็นกระบวนการส�ำคัญที่ท�ำให้เกิดการด�ำเนิน กิจกรรมที่ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จากการด�ำเนินงานที่มีกลุ่มผู้สนใจสนับสนุนกิจกรรมของเครือข่ายอนุรักษ์ป่า ชุมชนป่าโนนใหญ่ ส่งผลให้ชุมชนป่าโนนใหญ่ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวจาก บริษัท ปตท. จ�ำกัด (มหาชน) และท�ำให้เกิดความสนใจจากสื่อต่างๆ เข้ามาเรียนรู้เรื่องราว ของชุมชนรอบพื้นที่ป่าโนนใหญ่ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่ส�ำคัญในการก ระตุ้นให้กลุ่มคนในพื้นที่คิดกิจกรรมที่สามารถท�ำให้เกิดการมีส่วนร่วมและการสืบทอด ความรู้จากกลุ่มผู้น�ำรุ่นใหญ่สู่เด็กและเยาวชนในการถ่ายทอดเรื่องราวของป่าโนนใหญ่ และขยายผลไปสู่การจัดการป่าชุมชนโคกเพ็ก และป่าชุมชนห่องค�ำน้อยที่อยู่ในเขต พื้นที่ต�ำบลเสียว โรงปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพและโรงปุ๋ยชุมชน เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ส�ำคัญอย่าง ยิ่งของชุมชนต�ำบลเสียว ที่ริเริ่มจากการแบ่งปันความรู้ของชาวบ้านด้วยกันเอง และ ได้ศึกษาดูงานเพิ่มเติม จนมีมติจัดตั้งขึ้นในชุมชน นับเป็นรูปธรรมต้นแบบของกิจกรรม ชุมชนที่สะท้อนถึงการผสานพลังของชาวบ้านที่มีความสามัคคีเสียสละแรงกายแรงใจ ร่วมกันสร้างจนส�ำเร็จ สามารถน�ำปุ๋ยที่ได้มาใช้ในการเกษตรอย่างได้จริง ถือว่าเป็นการ ลดต้นทุน และฟื้นฟูระบบนิเวศให้ดีดังเดิมพร้อมกันนี้ยังสามารถผลิตจ�ำหน่ายแก่คน ภายนอก สร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่ง กองทุนสวัสดิการวันละบาทต�ำบลเสียว เป็นการรวมตัวภายใต้ประสบการณ์ การท�ำงานของภาคประชาชนต�ำบลเสียว เพื่อตั้งกองทุนสวัสดิการต�ำบลเสียว (กองทุน วันละบาท) โดยมีหลักคิด คือ อยากให้เกิดการพึ่งพาตนเองในชุมชนและเป็นทุนเริ่ม ต้นในการดูแลสวัสดิการของพี่น้องประชาชนต�ำบลเสียว ซึ่งในระยะแรกมีการออม สัจจะในกลุ่มเพื่อน�ำมาเป็นกองทุนสวัสดิการ กองทุนนี้มีความโดดเด่นเรื่องสิทธิการ คุ้มครองของครอบครัว โดย 1 บาทให้สวัสดิการทั้งครอบครัว (ส�ำหรับคนที่มีชื่ออยู่

46 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ในทะเบียนบ้าน) โดยไม่ค�ำนึงถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของครอบครัวใดๆ แต่ให้ ใช้วัฒนธรรมความเป็นพี่น้องของชุมชนเป็นการดูแลสวัสดิการร่วมกัน โดยมีระเบียบ ข้อบังคับกองทุนเป็นข้อก�ำหนดการใช้สวัสดิการร่วมกันในด้าน เกิด เจ็บ ตายและ การศึกษา กิจกรรมหลักๆที่กล่าวมาข้างต้นนี้ นอกจากจะเกิดจากการเชื่อมโยงผ่านทุน ทางวัฒนธรรมตามความสัมพันธ์ในชุมชนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงทุนการพัฒนาใน ด้านอื่นๆ โดยมีสภาองค์กรชุมชนเสียวเป็นแกนน�ำในการขับเคลื่อนงาน

ก้าวเดินด้วยความพอเพียง

ต�ำบลเสียว เข้าร่วมโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ต�ำบล วิถีพอเพียง ใน ระยะที่ 2 ปลายปี พ.ศ.2551 จากการเป็นเครือข่ายในโครงการรางวัลลูกโลกสีเขียว ของ บริษัท ปตท. จ�ำกัด(มหาชน) และมีความสนใจในการน้อมน�ำแนวคิดตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการด�ำเนินชีวิต จึงเข้าสู่กระบวนการสมัครเข้าร่วม โครงการฯ ซึ่งได้รับการประเมินว่าเป็นพื้นที่ที่มีฐานทุนเดิมในการพัฒนา มีศูนย์การ เรียนรู้ชุมชนจัดการตนเอง และมีภาคีการพัฒนาสนับสนุนเป็นจ�ำนวนมาก โดยมีแกนน�ำชุมชน พระ และองค์การบริหารส่วนต�ำบลให้ความร่วมมือใน การท�ำงาน ต�ำบลมีขั้นตอนการเตรียมพื้นที่และกระบวนการจัดท�ำแผนงานตาม กรอบการด�ำเนินงานของโครงการฯ ซึ่งก่อนที่จะเริ่มด�ำเนินงาน ในพื้นที่มีการ ประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเบื้องตนตามเนื้อหาของโครงการฯ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่โครงการฯ ได้ก�ำหนดไว้ เพื่อให้เกิดการด�ำเนินงานร่วมกับ ชุมชนหลังจากที่ท�ำความเข้าใจร่วมกับแกนน�ำแล้ว จึงมีการค้นหาครัวเรือน

47 issue 103 august 2016


พอเพียงอาสาสมัครใจเข้าร่วมโครงการฯ โดยก�ำหนดไว้ที่หมู่บ้านละ 10 คน การ ประสานงานนี้มีผู้น�ำหมู่บ้านเป็นแกนส�ำคัญในการค้นหาครัวเรือนที่จะเข้าร่วมโค รงการฯ หลังจากได้ครัวเรือนพอเพียงอาสาแล้วจึงมีการจัดประชุมใหญ่อีกครั้งเพื่อ เป็นการชี้แจ้งหลักคิด หลักปฏิบัติของโครงการฯ ให้กับครัวเรือนพอเพียงอาสาที่ ร่วมได้เข้าใจ โดยผู้ที่มาชี้แจ้งโครงการฯ คือทีมงานภาคสนาม ปตท. จากส่วนกลาง ต่อจากนั้น จึงให้ครัวเรือนพอเพียงอาสาแต่ละหมู่บ้านคัดเลือกตัวแทนหมู่บ้านละ 2 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารโครงการฯ ซึ่งในครั้งแรกนี้มีสมาชิกเข้าร่วมทั้ง 17 หมู่บ้าน และมีตัวแทนเพื่อเข้าร่วมเป็นกรรมการทั้งสิ้น 34 คน

คณะกรรมการโครงการฯ

คณะกรรมการโครงการฯ ต�ำบลเสียวมาจากตัวแทนหมู่บ้านละ 2 คน ที่ได้ รับการคัดเลือกเข้ามาบริหารจัดการโครงการตามหลัก ธรรมาภิบาล ซึ่งมีบทบาท เป็นกลไกหลักในการด�ำเนินงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนงาน จึง มีแผนการด�ำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพและปรับความเข้าใจในการท�ำงานของคณะ กรรมการด�ำเนินโครงการฯ ให้เกิดองค์ความรู้และแนวคิดในวิถีชีวิตแบบพอเพียง จัดให้มีกิจกรรมเตรียมความพร้อมคณะกรรมการ 6 กิจกรรม เช่น กิจกรรมการ จัดตั้งกลุ่มคนที่สมัครใจด�ำเนินชีวิตตามวิถีพอเพียงต้นแบบ อบรม/ศึกษาดูงาน พื้นที่ต้นแบบ/คนต้นแบบ จากกระบวนการเตรียมความพร้อมนี้เอง เป็นผลให้มี การปรับเลี่ยนคณะกรรมการบริหาร จากตัวแทนครัวเรือนพอเพียงอาสาหมู่บ้าน ละ 2 คน เพิ่มเติมด้วยผู้น�ำที่เป็นทางการและคณะครูในพื้นที่ 48 IS AM ARE www.ariyaplus.com


รูปธรรมความส�ำเร็จในพื้นที่ทรัพยากรชุมชน

จากป่าโนนใหญ่ที่มีการจัดการทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง ท�ำให้เกิดการ ขยายผลสู่ชุมชนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีสภาพพื้นที่ป่าและกระบวนการรวมกลุ่มคน ใกล้เคียงกับพื้นที่ป่าโนนใหญ่ โดยมีคณะกรรมการป่าโนนใหญ่เป็นแกนหลักในการ อบรมเพิ่มศักยภาพให้กับกรรมการป่าโคกเพ็ก และกรรมการป่าห่องค�ำน้อย ผ่าน เวทีระดมความคิด เห็นในการสร้างจิตส�ำนึก เพื่อการดูแลรักษาป่าชุมชนในพื้นที่ ต�ำบลเสียว และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์ให้เกิดการสร้าง กลไกรับผิดชอบดูแลรักษาป่าชุมชนโคกเพ็ก และป่าชุมชนโนนใหญ่ให้ยั่งยืน ท�ำให้ คณะกรรมการป่าชุมชนเกิดการเรียนรู้แลกเปลี่ยน และเข้าใจบทบาทของตนเองใน การด�ำเนินการบริหารจัดการป่าชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นการส่งเสริม การปลูกป่าเพิ่มเติมในป่าชุมชนโนนใหญ่ โคกเพ็ก และห่องค�ำน้อย โดยก�ำหนดให้มี พื้นที่ปลูกป่าชุมชน ด�ำเนินการเพาะกล้าไม้และปลูกพันธุ์ไม้ที่ก�ำหนดอย่างต่อเนื่อง เช่นกิจกรรมปลูกป่าวันวิสาขบูชา ที่ชุมชนด�ำเนินการร่วมกับ อบต. เยาวชน ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ท�ำให้เกิดการปลูกฝังสร้างจิตส�ำนึกดูแลรักษาป่า เกิดการเพิ่มพื้นที่ ป่าและการเพิ่มความหนาแน่นของต้นไม้ รวมทั้งมีการจัดกระบวนการเรียนรู้และ ศึกษาดูงานการจัดการป่าชุมชน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาป่าชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และศึกษาดูงานของ คนในชุมชนและต่างถิ่น โดยจัดประชุมร่วมคณะ กรรมการป่าชุมชนเพื่อจัดท�ำแหล่ง เรียนรู้ป่าโนนใหญ่ มีการจัดท�ำสื่อเพื่อการเรียนรู้การจัดการป่าชุมชนเพื่อรองรับการ ดูงาน และการเรียนรู้ของผู้สนใจ จัดท�ำป้ายแสดงจุดเรียนรู้และหนังสือความรู้การ จัดการป่าชุมชน โดยด�ำเนินการร่วมกับเยาวชนผลิตสื่อ สร้างวิทยากรประจ�ำฐาน การเรียนรู้ทั้ง 7 จุด คือ - จุดเรียนรู้ประวัติศาสตร์ป่าชุมชน - จุดเรียนรู้สมุนไพร - จุดเรียนรู้เรื่องเห็ด - จุดเรียนรู้เรื่องการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่า - จุดเรียนรู้เรื่องต้นไม้ใหญ่เข็มทิศ - จุดเรียนรู้เรื่องคุณธรรมคนรักษ์ป่า - จุดเรียนรู้ เรื่องความแตกต่างของป่าและที่ถูกท�ำลาย จากการพัฒนาป่าชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ดังกล่าว เป็นผลให้คณะครู ในโรงเรียนรอบป่า และศูนย์พัฒนาวนศาสตร์ที่ 4 ศรีสะเกษ เกิดพัฒนาการยิ่ง ขึ้น เนื่องจากมีฐานเรียนรู้เชื่อมโยงกับป่าที่ดี โดยมีผู้ถ่ายทอดความรู้เป็นคนใน ชุมชน รวมทั้งมีสื่อการเรียนการสอน ทั้งวีซีดี แผ่นพับ หนังสือและป้าย

49 issue 103 august 2016


Let’s Talk

เกษตรทฤษฎีใหม่ รู้จริงก่อนลงมือท�ำ

สุธรรม จันทร์อ่อน

ผู้อ�ำนวยการ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนปักไม้ลาย สุ ธ รรม จั น ทร์ อ ่ อ น ผู ้ อ� ำ นวยการ ศู น ย์ เ รี ย นรู ้ เ ศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ชุ ม ชนปั ก ไม้ ล าย จั ง หวั ด นครปฐม เป็ น ผู ้ ห นึ่ ง ที่ หั น เหชี วิ ต มาท� ำ เกษตรทฤษฎี ใ หม่ อ ย่ า งจริ ง จั ง จนประสบความส� ำ เร็ จ สามารถให้ ค รอบครั ว มี ส ่ ว นร่ ว มในการท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ส ร้ า งรายได้ ห ลายหมื่ น บาทต่ อ เดื อ น แต่ ข ้ อ ดี ที่ ไ ด้ น อกเหนื อ จากเงิ น คื อ ลู ก หลานไม่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งออกไปหางานต่ า งถิ่ น ครอบครั ว จึ ง มี ค วามแข็ ง แรงแน่ น แฟ้ น เป็ น ภู มิ คุ ้ ม กั น ให้ ส มาชิ ก ในครอบครั ว เป็ น อย่ า งดี อี ก ทั้ ง ยั ง สามารถถ่ า ยทอดความรู ้ ใ ห้ พี่ น ้ อ งเกษตรกรในท้ อ งที่ แ ละผู ้ ที่ ส นใจทั่ ว ประเทศได้ น� ำ ไปปรั บ ใช้ อ ย่ า งทั่ ว ถึ ง กั น โดยไม่ คิ ด ค่ า ใช้ จ ่ า ย สร้ า งชุ ม ชนแข้ ม แข็ ง ขึ้ น มาภายใต้ การพึ่ ง พาตนเองอย่ า งยั่ ง ยื น แนวคิ ด ต่ า งๆ ของศู น ย์ ฯ นี้ จ ะเป็ น อย่ า งไร เชิ ญ ท่ า นผู ้ อ ่ า นร่ ว มค้ น คว้ า ใน บทสั ม ภาษณ์ นี้ ค รั บ

50 IS AM ARE www.ariyaplus.com


51 issue 103 august 2016


คุณ 30 เปอร์เซ็นต์ได้ คุณชนะไปเลย แต่ไม่รู้ว่ากระบวนการ ความคิดเขาคิดยังไง ไม่รู้ว่าเขาจัดการยังไง เพราะว่าท่องมา อย่างเดียว ผมก็ไม่ผ่านเกณฑ์ครับ เพราะว่าของผมไม่ได้เป๊ะที เดียว ของผมยึดเอาความเหมาะสม 30 เปอร์เซ็นต์แรกที่บอก ไว้นั้นเป็นทฤษฎีที่ประมาณการเอาไว้ ไม่ได้หมายความว่าคุณ ต้อง 30 เป๊ะ ที่ของผมอยู่ติดคลองชลประทานเลย แล้วเราจะ ต้องเสียที่ดินขุดบ่ออีก 30 เปอร์เซ็นต์ไหม มีน�้ำใช้ตลอดปีแล้ว เราก็ขุดแค่ที่เราจ�ำเป็น ท� ำ ไมต้ อ งท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ? ผมจ� ำ เป็ น ต้ อ งท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ เกษตรปลอดสาร พิษ เกษตรที่ไม่มีสารพิษตกค้างในน�้ำ น�้ำที่ไหลมาผ่านโรงงาน อุตสาหกรรม ผ่านพื้นที่ท�ำการเกษตรมา ทุกคนท�ำเคมี สาร ปนเปื้อนทั้งหลายลงไปในน�้ำ ท�ำยังไงถึงจะให้น�้ำสะอาดก่อน ถึงแปลงเรา ผมก็ขุดบ่อ โดยเอาแนวคิดในโครงการอันเนื่องมา จากพระราชด�ำริที่แหลมผักเบี้ย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบ�ำบัดน�้ำเสียในเทศบาลเพชรบุรีทั้งหมดก่อนลงทะเล เอา แนวคิ ด นี้ ม าใช้ เพราะที่ นั่ น ไม่ ไ ด้ ใช้ เ ทคโนโลยี อ ะไรเลย ใช้ เทคโนโลยีธรรมชาติ ใช้กระแสลม ใช้แสงแดด ใช้วิธีการจัดการ แบบธรรมชาติ ของเสียน�้ำเสียที่ไหลมาจากเทศบาลเอามาลง บ่อที่หนึ่ง เป็นบ่อดักตะกอนน�้ำเสีย ของเสียของบูดเน่า หรือ ว่าของที่ย่อยสลายได้จะลงไปย่อยสลายที่ก้นบ่อ เราตักขึ้นมา ท�ำปุ๋ย วัสดุที่ย่อยสลายไม่ได้ก็ไปเป็นขยะ อีกส่วนหนึ่งที่รีไซเคิล ได้เราเอามารีไซเคิล

ก่ อ นจะมาเป็ น ศู น ย์ เ รี ย นรู ้ ? ศู น ย์ เรี ย นรู ้ ฯ นี้ เคยเป็ น โรงเรี ย นเกษตรกรมาก่ อ น ก่อนจะมาเป็นโรงเรียนเกษตรกรก็เจอปัญหา ปัญหาครอบครัว ปัญหาชุมชน เราท�ำเกษตรกันมา 40-50 ปี ผลปรากฏว่ามีหนี้ กับหนี้ ยังสงสัยว่าท�ำไมมีที่ดินแล้ว เป็นเกษตรกรท�ำไมถึงจน เมื่อประมาณปี พ.ศ.2540 เราได้ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ ท�ำยัง ไงให้เกษตรกรมีกินมีใช้ จริงๆ ปัญหาเราเกิดตั้งแต่ปี 2532 เรา วิเคราะห์กันแล้วก็แก้ไม่ถูกจุดมาเรื่อยๆ พอปี 2542 เราแก้ไข ได้โดยการน้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เรา ท�ำเกษตรตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ผ่านมาเราได้แต่ท่องกัน จ�ำได้แม้กระทั่งเกษตรทฤษฎีใหม่จะต้องเป็น 30/30/30/10 เท่านั้น ถ้าคุณไม่ท�ำตามนี้ไม่ใช่ทฤษฎีใหม่ ผมเคยถูกส่งเข้าประกวดเกษตรกรท�ำเกษตรทฤษฎีใหม่ เจ้าหน้าที่เอาตลับเมตรมาวัดเลยว่า 10 เปอร์เซ็นต์จริงไหม มัน 30 เปอร์เซ็นต์จริงไหม ไม่ได้สนใจว่าเขาแก้ปัญหาได้อย่างไร แต่ขอให้เป็นตารางเป๊ะๆ ถ้าวัดที่คุณ บ่อ 30 เปอร์เซ็นต์ได้ นา 52

IS AM ARE www.ariyaplus.com


แล้ ว จึ ง ผ่ า นไปถึ ง บ่ อ ที่ ส อง บ่ อ ที่สามโดยใช้ธรรมชาติ ให้แสงแดดผ่าน ให้กระแสลมเติมออกซิเจนให้น�้ำ ก่อเกิด แพลงก์ตอน เกิดพืชน�้ำเล็กๆ เกิดสาหร่าย เล็กๆ พวกนี้เป็นอาหารปลาทั้งหมด เป็น อาหารสั ต ว์ ทั้ ง หมดเลย บ่ อ ที่ ส ามที่ สี่ ก็ เลี้ยงปลา ให้แพลงก์ตอนที่เกิดไหลไปตาม น�้ำเป็นอาหารปลา ผ่านแปลงหญ้า จะมี ต้นกก (พืชน�้ำ ฯ) ต้นอื่นมากมาย เป็น แปลงๆ น�้ำผ่านแปลงพวกนี้เข้าไปสู่ป่า โกงกาง ป่าแสม แล้วถึงจะลงทะเล อัน นั้นคือต้นแบบ ผมเอาแนวคิดนี้มาใช้ น�้ำที่ ไหลมาตามคลองเราไม่รู้ว่าไหลปนเปื้อน อะไรมาบ้าง ฉะนั้น บ่อแรกเราต้องปล่อย ให้วัชพืชขึ้น ผักตบชวา หญ้าไทร ธูปฤาษี ปล่อยให้เขาเต็มบ่อเลยบ่อที่หนึ่ง น�้ำผ่าน มาพักไว้ถูกกรองโดยธรรมชาติ แล้วไป สู่บ่อที่สอง บ่อที่สองเรายังไม่ใช้ เป็นบ่อ ที่ทดสอบก่อน เทสน�้ำโดยธรรมชาติ ดู จากสิ่งมีชีวิต กุ้ง หอย ปู ปลา เขาอยู่

เป็นสุขไหม อยู่ปกติไหม ถ้าเขาอยู่ปกติ แสดงว่าน�้ำนั้นมีความสะอาดพอสมควร แล้ว เราถึงจะปล่อยไปสู่บ่อที่สาม ถึงจะ ดึงเอาไปใช้ในการเกษตร ที่ผมมีบ่อเพราะ ผมต้องการท�ำแบบนี้ น�้ำพอใช้ด้วย แล้ว เป็นน�้ำที่ปลอดภัย นี่คือส่วนที่หนึ่งของ ทฤษฎีใหม่ เกณฑ์ อ ะไรบ้ า งที่ คุ ณ ใช้ ใ นการท� ำ เกษตรทฤษฎี ใ หม่ ? ส่วนที่สองของทฤษฎีใหม่ ท�ำนา ผมไม่ได้เอา 30 เปอร์เซ็นต์เป็นเกณฑ์ ผมเอาความต้องการของครอบครัวเป็น เกณฑ์ ปีหนึ่งเรากินข้าวสารเท่าไหร่ ผม ต้องปลูกข้าวเท่าไหร่ ต้องการข้าวเปลือก เท่าไหร่ แล้วต้องการที่จะเหลือขายเท่า ไหร่ อันนั้นต่างหากเป็นเป้าหมายที่เราจะ ท�ำนา ไม่ใช่ท�ำมา 30 เปอร์เซ็นต์แล้วไป ไหนบ้างก็ไม่รู้ ไม่ใช่นะครับ มันต้องมีเป้า หมายที่ไป 53 issue 103 august 2016

ส่วนที่สาม ปลูกพืชไร่ ไม้ยืนต้น ไม้ ใช้ ส อย เราดู ว ่ า เราต้ อ งการบริ โ ภค อะไรบ้าง ถ้าเราบริโภคขนุน มะม่วง เรา ก็ปลูกลงไป เราต้องการไม้ใช้สอยอะไร ไม้ ใช้ ส อยที่ โ ตเร็ ว ที่ สุ ด ตั ด มาใช้ ง านได้ เร็วที่สุด คือ ไม้ไผ่ ไม่ต้องปลูกทดแทน ไม้ ไ ผ่ จ ะขึ้ น หน่ อ มา 3 ปี เขาแก่ แ ล้ ว สามารถตัดมาใช้งานได้ แต่ไม้อื่นต้องมี สิบกว่าปีขึ้นไปถึงจะตัดได้ แล้วก่อนจะ ตัดต้องปลูกทดแทนลงไปก่อน แต่ไผ่ไม่ ต้อง เพราะเขาแทงหน่อใหม่มาเรื่อยๆ เราตัดใช้ไปเรื่อยๆ อันนี้คือเหตุผลตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ วิธีคิดที่มีเหตุผลเป็นกรอบ ที่ผ่านมาเรา ถูกสิ่งที่ใส่สมองเรามาเป็นแท่งๆ ใส่มา เป็นเรื่องๆ แล้วเราก็ไม่ได้ผสมผสานจริงๆ ผมจึงเข้าใจว่าเกษตรทฤษฎีใหม่นั้นบอก ให้ท�ำเกษตรแบบผสมผสาน ท�ำ 4 ส่วน ด้วยกัน


54 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ส่วนสุดท้ายคือ เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ คอกสัตว์ ทุก อย่างต้องผสมผสานกัน เอื้อต่อกัน ผมท�ำนาแล้วเอาข้าวมาสี สี กินแล้วสีขาย ส่วนที่ได้จากการสีข้าวคือร�ำและปลายข้าว ร�ำกับ ปลายข้าวผมเอาไปเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสัตว์กี่ตัวขึ้นอยู่กับร�ำและ ปลายข้าวที่เรามี ไม่ได้อยู่ที่เราต้องการจะเลี้ยง ไม่ได้อยู่ที่เรา ต้องการจะขายตลาดเท่าไหร่ พอเราเลี้ยงตามสัดส่วนที่เรามี ปลายข้าวเราก็ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องไปหาปัจจัยภายนอกเข้ามา ปัจจัยการผลิตก็อยู่ข้างใน แล้วมูลสัตว์ที่ได้เราเอาไปท�ำปุ๋ยหมัก ไปใส่แปลง แล้วก็ปลูกผัก อาหารสัตว์ไม่ได้มาจากร�ำส่วนเดียว มาจากเศษผักด้วย เศษผักที่เหลือจากการตัดแต่งใบที่เสีย กิ่งที่ ใช้ไม่ได้ ที่เรากินหรือว่าขายไม่ได้ เราเอาไปเป็นอาหารสัตว์ ดี กว่าทิ้งให้เป็นอาหารของเชื้อรา เชื้อโรคที่จะลามเข้าไปในแปลง เรา ส่วนที่เสีย ส่วนที่เหลือ เราน�ำไปเป็นปัจจัยการผลิตอีกส่วน หนึ่ง หมุนเวียนอย่างนี้เลย เป็นวงกลม ทั้งแปลงผัก นาข้าว เลี้ยง สัตว์หมุนเวียนกันอย่างนี้ สุดท้ายท�ำนาก็ไม่ต้องมีต้นทุน เลี้ยงสัตว์ก็ไม่มีต้นทุน เพราะร�ำปลายข้าวเศษผักต่างๆ อยู่ที่เราทั้งหมด ไม่ต้องไปหา จากข้างนอกเข้ามา ไม่ต้องซื้ออาหารสัตว์ มูลสัตว์ไปท�ำปุ๋ยก็ไม่ ต้องซื้อปุ๋ยเคมี ทุกอย่างก็วนอยู่ในนี้ ต้นทุนการผลิตอยู่ภายใน แต่ส่วนที่ออกข้างนอกคือส่วนที่เราเหลือแล้วขาย ถ้ า เราตี ค วามอย่ า งนี้ แน่ น อนว่ า หลั ก คิ ด วิ ธี ก ารท� ำ ต้ อ งเปลี่ ย นไป ? ถ้าพูดถึงเศรษฐศาสตร์เราคิดถึงอะไร เรานึกถึงดีมานด์ ซัพพลาย ความต้องการที่เราจะบริโภค ความสามารถที่เราจะ ผลิตได้ ท�ำยังไงให้ก�ำไรสูงสุด นี่คือหลักคิด แต่เกษตรกรไม่ได้ เข้าใจอย่างนั้น เข้าใจว่าพอเพียงคือ นิดเดียว กินนิดเดียว ใช้ แค่นี้พอแล้ว เลยเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาท�ำธุรกิจแทน ท�ำนา ก็ปลูกข้าวแค่ขายให้โรงสี โรงสีก็เอาไปแปรรูป แล้วก็ขายเป็น ข้าวสาร ชาวนาขายข้าวเปลือกได้ตันละ 7,000 บาทในปัจจุบัน พอโรงสีเอาไปสีเป็นข้าวสารขาย 30 บาท ได้ประมาณ 400 กว่า เปอร์เซ็นต์ ท�ำธุรกิจอะไรก�ำไร 400 เปอร์เซ็นต์มีไหมครับ ใช้ เวลานิดเดียวในการสีเท่านั้นเอง ขั้นตอนต่อไปมีแต่ประโยชน์ ที่เขาได้รับ แล้วท�ำไมชาวนาไม่ท�ำเอง ชาวนาไม่มีความสามารถ ที่จะสีข้าวเองเลยหรือ ชาวนาไม่สามารถจะแปรรูปเป็นอย่าง อื่นได้หรือ วันนี้สิ่งที่ต้องประชาสัมพันธ์คือ ท�ำยังไงเราถึงจะปลูกฝัง คนไทยให้เปลี่ยนความคิด ยึดเอาแนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงนี้มาใช้อย่างถูกต้อง ใช้อย่างเหมาะกับคนไทย เพราะใน อนาคตคนไทยต้องท�ำธุรกิจเท่านั้น ภาคเกษตรก็ต้องเกษตร

ค� ำ ว่ า เศรษฐกิ จ พอเพี ย งของคุ ณ หมายถึ ง อะไร ? เราเคยเข้าใจว่าเศรษฐกิจพอเพียงต้อ งท� ำ น้ อ ยๆ กิ น น้อยๆ ประหยัดอดออม แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พอท�ำไปแล้ว เข้าใจว่าตรงกันข้าม ค�ำว่าเศรษฐกิจพอเพียงหมายถึงการท�ำ ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจในครัวเรือน เพราะเป็นทฤษฎีเพื่อตัว เอง ทฤษฎีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้เพื่อใครเลย เพื่อตัวเราเท่านั้น ค�ำว่าพอประมาณคือตัวเราต้องพอใช้พอจ่าย พอกิน พอวันนี้พอวันหน้า พอเจ็บป่วยพอแก่เฒ่า พอถึงลูกถึง หลาน นั่นแหละเรียกว่าพอเพียง คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตีความอย่างนี้ ตีความว่าฉันกินน้อยๆ ใช้น้อยๆ ใส่เสื้อม่อฮ่อม ใส่รองเท้าแตะก็พอเพียงแล้ว อยู่แค่นี้ ก็พอเพียงแล้ว จริงๆ แล้วไม่ใช่ นั่นเป็นเหตุผลข้ออ้างของคน ขี้เกียจ มันกลายเป็นธุรกิจเกษตรต่างหาก ผมเลยตีความว่า เศรษฐกิจพอเพียง มาจากค�ำ 3 ค�ำสมาสด้วยกัน ค� ำ แรกคื อ – เศรษฐศาสตร์ เศรษฐะ มาจากค� ำ ว่ า เศรษฐศาสตร์ กิจ – มาจากค�ำว่า กิจกรรม พอเพียง – ถ้าเราตีความเต็มๆ คือ กิจกรรมที่ยึดหลัก เศรษฐศาสตร์อย่างพอเพียง 55

issue 103 august 2016


ธุรกิจเท่านั้นถึงจะอยู่รอดในสังคมได้ ถ้าปลูกอ้อย ปลูกมัน สัมปะหลัง ปลูกยางพารา ปลูกสับปะรด ปลูกข้าว แล้วพึ่งรัฐ ขาย จอดครับ ต้องพึ่งตนเอง

แล้วมาแปรรูป มาท�ำตลาด สมมุติว่าเราไปเปิดตลาดห้างสรรพ สินค้าใหญ่ๆ ลูกค้าต้องแบ่งส่วนกันอยู่ในจังหวัดนั้นใช่ไหม แต่ ในยูทูปต้องแบ่งส่วนไหมครับ ลูกค้าเยอะไม่ใช่แค่จังหวัดหรือ ประเทศ แต่ทั่วโลก นี่คือสิ่งที่ผมอยากสื่อไปถึงคนรุ่นใหม่ว่าคุณ กลับไปท�ำธุรกิจเถอะ คุณไปช่วยต่อยอดสิ่งที่พ่อแม่คุณท�ำเถอะ ยกตัวอย่าง ปลูกอ้อย ทุกบ้านกินน�้ำตาลหมดเลย แต่ ท�ำไมต้องไปซื้อน�้ำตาลฟอกขาวกิน ท�ำไมกินน�้ำตาลที่เป็นอ้อย ไม่ได้หรือ คนโบราณกินน�้ำตาลทรายแดงที่เอาน�้ำอ้อยมาเคี่ยว แล้วบดให้ป่น เราท�ำได้ดีกว่านั้นอีก ท�ำเป็นน�้ำเชื่อมได้ไหม เคี่ยว เป็นน�้ำเชื่อมเดี๋ยวนี้เครื่องมือเยอะเลย วัดค่าความหวาน ความ เข้มข้นเท่าไหร่เชื้อราไม่เจริญเติบโต น�้ำตาลสามารถท�ำลายเชื้อ ราเชื้อโรคได้ สังเกตขนมถั่วทุบ เราเอาน�้ำตาลราดไปบนถั่วเป็น เดือนถั่วยังกรอบอยู่เลย น�้ำตาลไม่มีการบูด นี่คือข้อดี เพียงแต่ เราเอาเทคโนโลยีเครื่องวัดมาวัดเท่านั้น คุณเคี่ยวน�้ำตาลแล้ววัด ให้ได้น�้ำเชื่อมที่มาตรฐาน แล้วเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ แทนที่ คุณจะต้องไปตักน�้ำตาลทรายมาใส่ คุณเปิดจุกแล้วตักใส่ขวด น�้ำปลาเทได้ไหม นี่ คื อ วิ ธี คิ ด มี อ าชี พ อี ก เยอะมากที่ เ ป็ น อาชี พ ของ เกษตรกร เช่นการแปรรูปข้าวเป็นแป้งต่างๆ ส�ำหรับท�ำอาหาร สิ่งที่ผมมองแล้วคิดอย่างนี้ก็คือ ผมได้แนวคิดมาจากพระบาท สมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ที่ พ ระราชวั ง สวนจิ ต รลดา ผมเป็ นครู

กระบวนการคิ ด ในแบบเกษตรธุ ร กิ จ เป็ น อย่ า งไร ? เกษตรกรต้องท�ำธุรกิจ ต้องคิดตั้งแต่ต้นน�้ำ กลางน�้ำ ปลายน�้ำให้จบ ในเมื่อผลิตได้แล้วท�ำไมถึงไม่คิดต่อถึงกลางน�้ำ ปลายน�้ำ เมื่อปลูกอ้อยแล้ว ได้อ้อยมาแล้วท�ำยังไงบ้าง ทุกบ้าน กินน�้ำตาล แล้วท�ำไมเกษตรไม่เอาอ้อยมาขายเป็นน�้ำตาล ท�ำไม จะต้องเอาต้นอ้อยไปขาย ทุกคนคิดว่าเรื่องปลายน�้ำมันยาก มากเลยเรื่องการท�ำตลาด แต่ผมมองว่าปัจจุบันยกโทรศัพท์ก็ ท�ำธุรกิจได้แล้ว ไม่ต้องไปตั้งร้าน คุณมีน�้ำตาล คุณมีอ้อยคุณก็ ถ่ายรูปแล้วเล่าเรื่องว่าคุณปลูกอ้อยเอง แปรรูปเป็นน�้ำตาลเอง ปลอดภัยยังไง มีธาตุอาหาร มีสารอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยังไง คุณโพสต์ข้อความลงไปแค่นั้น ลงยูทูปก็ขายได้แล้ว ไม่ต้อง ผ่านใครเลย ลูกหลานเรากลับไม่คิดอย่างนี้ วั น นี้ ผ มก� ำ ลั ง ปลู ก ฝั ง ให้ ลู ก หลานเกษตรกรที่ ไ ปเรี ย น กลั บ มาช่ ว ยพ่ อ แม่ พ่ อ แม่ เ ป็ น ผู ้ ผ ลิ ต ลู ก หลานเป็ น คนต่ อ ย อดกลั บ มาบริ ห ารกลางน�้ำกับ ปลายน�้ำ ในเมื่อคุณต้อ งไปท� ำ ธุรกิจอยู่ดี ถ้าคุณไม่ท�ำเองคุณก็เป็นลูกจ้างธุรกิจเขา คุณกลับ มาบริหารธุรกิจเองหรือไม่ก็ไปเรียนรู้สักระยะหนึ่งแล้วกลับมา 56

IS AM ARE www.ariyaplus.com


บั ญ ชี ดี เ ด่ น ปี 2551 ได้ เข้ า เฝ้ า สมเด็ จ พระเทพรั ต นฯ ที่ ส วนจิ ต รลดา แล้ ว ปี 2553 ผมได้เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาบั ญ ชี ฟ าร์ ม ก็ ไ ด้ ถ วายรายงาน สมเด็จพระเทพ เข้าเฝ้าที่สวนจิตรลดา ทุกปี ปีนี้ปีที่ 9 แล้วครับ ผมไปที่ ส วนจิ ต รลดาผมรู ้ สึ ก ประทั บ ใจ ผมเข้ า ไปซ้ า ยมื อ เป็ น โคนม ตอบโจทย์ได้เลย อาหารโคนมมาจากไหน มีใครเอามาถวายไหม ไปซื้อมาจากข้าง นอกรึเปล่า เปล่าเลย ผลิตอาหารในนั้น ทั้งร�ำ ปลายข้าว ถั่ว อยู่ในสวนจิตรลดา ทั้งหมด โรงงานท�ำอาหารอยู่ในนั้นด้วย แล้วนมได้มาเอาไปขายให้สหกรณ์โคนม ไหม ไม่ใช่เลยนะ แปรรูปอยู่ในนั้นทั้งหมด เลย เป็นนมพาสเจอร์ไลส์ เป็นนมผง เป็น นมอัดเม็ด แล้วในหลวงท�ำธุรกิจรึเปล่า ในหลวงสอนให้เราท�ำธุรกิจ แต่เราไม่ได้ สื่อธุรกิจจริงไหมครับ ทั้งหมดเป็นอย่าง นั้นจริงๆ ผมจึงเข้าใจว่าในหลวงสอนให้ เราท�ำอย่างนี้ กลายเป็นว่าเราไปเอาอย่าง แล้วไม่ได้เอาเยี่ยงมา

ผมต้องเอาเมล็ดไปใส่ในตู้เย็นในช่องฟีซ เลย ทิ้งลืมไปเป็นเดือน แล้วเอาออกมา เพาะขึ้นมาสองต้น ทีแรกให้อาจารย์ที่ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ก�ำแพงแสนเทส ความงอก ปรากฎว่าเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ ไม่งอกเลยสักต้นเดียว เข้าใจว่าเป็น GMO แต่เพาะขึ้นก็เริ่มมั่นใจว่าไม่ใช่ เป็นเพราะ ว่ามันพักตัวไม่เพียงพอ ผมเลยเอามาปลูก แล้วผสมข้ามพันธุ์ ระหว่างพันธุ์เลดมา ทาดอร์ของแม็กซิโกกับพันธุ์แขกด�ำบ้าน เรา เป็นลูกครึ่งนะครับ พันธุ์ปักไม้ลาย หรื อ ฮอลแลนด์ ที่ ท ่ า นทานกั น คื อ พั น ธุ ์ ใหม่ที่ผสมขึ้นมา แต่เนื่องจากว่ามันไม่ได้ท�ำ MGO ก็ เ ลยขยายข้ า มพั น ธุ ์ ไ ด้ ใครซื้ อ กิ น ก็ ปลู ก ได้ ทั่ ว ไป หลายคนเข้ า ใจว่ า พั น ธุ ์ ฮอลแลนด์คือประเทศฮอลแลนด์ ไม่ใช่ นะครั บ ฮอลแลนด์ ป ลู ก มะละกอไม่

หมายความว่ า เกษตรกรต้ อ งมี ไหวพริ บ เท่ า ทั น ธุ ร กิ จ ? ผมจะเล่ า เรื่ อ งมะละกอที่ ท ่ า น รู้จัก พันธุ์ปักไม้ลายหรือพันธุ์ฮอลแลนด์ ตั ว เดี ย วกั น ครั บ เพราะผมผสมพั น ธุ ์ จากพันธุ์เลดมาทาดอร์ของแม็กซิโก ผม ส่ ง ออกหน่ อ ไม้ ฝ รั่ ง แล้ ว บริ ษั ท ส่ ง ออก เขาไปตามลู ก ค้ า ที่ ฮ อลแลนด์ แล้ ว ไป เจอมะละกอที่ อ ยู ่ ใ นห้ า งแล้ ว เขาก็ ซื้ อ มะละกอนั้นลองกิน ปรากฎว่า 1.หวาน 2.เนื้ อ แข็ ง 3.ขนาดลู ก พอที่ จ ะแพ็ ค ส่ ง ออกได้ (มะละกอไทยเราไม่มีขนาดพอที่ จะส่งออกได้ เวลาสุกแล้วเละ) เขาเลยซื้อ กินแล้วเอาเมล็ดมาฝากผม ให้ผมทดลอง ปลูกว่าใช้ได้ไหม เผื่อว่ามันสามารถส่ง ออกได้ เขาจะได้ ท� ำ ส่ ง ออก ให้ ผ มเป็ น คนปลูก ใช้เวลาเกือบปีกว่าจะเพาะขึ้น 57 issue 103 august 2016

ได้ ไม่มีมะละกอนะครับ ท�ำไมถึงใช้ชื่อ ฮอลแลนด์คือว่า เนื่องจากว่าพ่อค้าและ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บอก ว่าท�ำยังไงให้ดึงใจลูกค้า ตั้งชื่อให้มันไฮ โซสักหน่อยได้ไหม ชื่อปักไม้ลายมันเฉย ดูท้องถิ่นมากไปหน่อย คนเดินผ่านบอก มะละกอปั ก ไม้ ล าย ไม่ ม อง แต่ พ อขึ้ น ป้ายฮอลแลนด์หันหลังควับเลยครับ ชื่อ ฮอลแลนด์คือชื่อของพ่อค้าแม่ค้าที่เอา ไปขาย เขาไปได้ประวัติว่าเราไปได้เมล็ด พันธุ์มาจากฮอลแลนด์ ก็เลยเอาชื่อนี้ เกิด จากการปลูกเมล็ด เกิดจากการทดลอง แนวโน้ ม เกษตรกรในปั จ จุ บั น และ อนาคตควรเป็ น อย่ า งไร ? เกษตรกรต้องเป็นนักวิจัย ต้อง เป็นนักทดลอง และต้องเป็นนักธุรกิจ


อนาคตไปโลดแน่ ถ้าเกษตรกรไม่เปลี่ยน ศูนย์เลยครับ แต่พื้นที่เกษตรในประเทศยังอยู่ พอศูนย์ก็มีหนี้สินแล้วขายที่ไง นักธุรกิจก็มาซื้อที่ แล้วนักธุรกิจก็มาท�ำเกษตร ในอนาคตเกษตร จะเป็นธุรกิจหมด คนที่อยู่ได้คือเกษตรกรปัจจุบันที่ปรับตัวเป็น นักธุรกิจ กับนักธุรกิจมาซื้อที่แล้วท�ำธุรกิจ ถ้าเมื่อไหร่นักธุรกิจ มาซื้อที่แล้วมารวมกัน แล้วเกษตรกรเปลี่ยนเป็นนักธุรกิจ คน สังคมเมืองต้องง้อเกษตรกร นักธุรกิจต้องคิดหลายด้าน แม้แต่ ผลผลิตที่ได้มาเขาไม่ขายก็ได้เขาเก็บไว้ก็ได้ ถ้าเขารวมตัวกันไม่ ส่งของเข้ากรุงเทพไม่ส่งเข้าเมือง คนเมืองตายไหมครับ แค่น�้ำ ท่วมปี 2554 ไม่กี่วันยังแทบจะตายเลย ผมมองว่าในอนาคตนะครับ วันนี้เกษตรกรยังไม่ได้อยู่ ห่วงโซ่ชั้นบน ยังอยู่ห่วงโซ่ล่าง แต่ในอนาคตเกษตรกรจะมา อยู่ห่วงโซ่บน ผู้บริโภคจะต้องไปง้อคนปลูกกินนะครับ เพราะ วันหนึ่งอาหารในโลกเราจะเริ่มขาดแคลน สัดส่วนประชากรจะ มากกว่าอาหารที่เราผลิตได้ มันแล้วแต่แรงกระตุ้นให้เกิดภาวะ นั้นเร็วหรือช้า ถ้าเวียดนามเหนือเกิดสงครามมันก็เกิดเร็ว ตะวัน ออกเกิดสงครามก็เกิดเร็วเช่นกัน ภาวะขาดแคลนอาหาร ถ้าไม่

เกิดสงครามมันก็เกิดภาวะนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ช้าหน่อย สิ่งที่ผม มองเห็นคือในอนาคตข้างหน้าเกษตรกรจะไปอยู่ห่วงโซ่ข้างบน วันนี้ผมจึงสอนให้เกษตรกรท�ำธุรกิจ คิดเชิงธุรกิจ เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดอย่างนี้ ตอนท�ำเศรษฐกิจพอเพียง ใหม่ๆ แบบไม่สนใจชาวบ้านเลย แบบหันหน้าเข้าภูเขา หัน หน้าเข้าป่า เดินเข้าป่าอย่างเดียว คิดว่าในป่ามันมีอะไรกิน ใน ป่ามันหาอะไรได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เพราะเศรษฐกิจพอ เพียงในหลวงบอกให้ท�ำธุรกิจ แต่เป็นธุรกิจอีกแบบหนึ่ง ธุรกิจ ครอบครัว ต้องคิดธุรกิจเป็น ผมจึงแปรความหมายของเศรษฐกิจ พอเพียงไม่เหมือนคนอื่น เพราะผมตีความว่าคือ 3 ค�ำที่สมาสเข้า ด้วยกัน เป็นค�ำว่า เศรษฐศาสตร์ กิจกรรม และพอเพียง แล้วมัน ตรงกับความเป็นจริงเพราะผมท�ำมา 20 ปีแล้ว มันใช่ ปีนี้ 2559 เรายังมีการอบรมให้ความรู้เกษตรกร ตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ เราอบรมผ่านไปแล้วรุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 เดือน มีนาคม เราจะเริ่มอบรม วันที่ 17-20 ใช้เวลาอบรมประมาณ 4 วัน เดือนเมษายนวันที่ 21-24 และเดือนพฤษพาคม วันที่ 19-22 เราอบรมให้ความรู้เกษตรกรฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ถ้าสนใจที่จะ มาศึกษาดูงาน หรือมาอบรมศึกษาเรียนรู้ ติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 081-384-5352 หรือจดหมายทางไปรษณีย์ บ้านเลขที่ 54 หมู่ 10 ต�ำบลทุ่งขวาง อ�ำเภอก�ำแพงแสน จังหวัดนครปฐม สุธรรม จันทร์อ่อน.

58 IS AM ARE www.ariyaplus.com


เนื่องในโอกาสมหามงคล วันคล้ายวันพระราชสมภพ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า มูลนิธิครอบครัวพอเพียง 59 issue 103 august 2016


60 IS AM ARE www.ariyaplus.com


61 issue 103 august 2016


62 IS AM ARE www.ariyaplus.com


63 issue 103 august 2016


64 IS AM ARE www.ariyaplus.com


65 issue 103 august 2016


66 IS AM ARE www.ariyaplus.com


67 issue 103 august 2016


68 IS AM ARE www.ariyaplus.com


69 issue 103 august 2016


ปี ชวด

การงาน – แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ช่วงเดือนที่น่าตื่นเต้นในที่ท�ำงาน และน่ายินดีที่คุณสุขภาพแข็ง แรงพอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็นที่มีอย่างอิสระด้วยความมั่นใจ คุณจะได้รับการสนับสนุนจาก

บุคคลส�ำคัญ ธุรกิจ – โอกาสที่น่าตื่นเต้น โอกาสใหม่ๆจะหลั่งไหลเข้ามา จงกล้าท�ำและกล้าฝัน เมื่อต้องตัดสินใจเลือกท�ำสิ่งใด คุณต้องหนัก แน่น อย่าเปลี่ยนแปลงไปมา จงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณ ความรักและความสัมพันธ์ – ใช้เสน่ห์ให้เกิดผล คนปีชวดที่มองหารักและความสัมพันธ์ก็จะได้พบสิ่งที่หาอยู่ คุณมีเสน่ห์โดด เด่นในเดือนนี้ ทั้งยังมีโชคด้านมิตรภาพอีกด้วย หากถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงก็อย่าฝืน บางทีการปวดใจแค่ระยะสั้นๆอาจพา คุณไปพบกับความสุขในระยะยาว การศึกษา – ค้นพบสิ่งใหม่ๆ คุณก�ำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยนที่จะพาคุณเดินไปตามเส้นทางใหม่ที่น่าตื่นเต้น คุณควรยินดีที่จะได้ รับโอกาสที่เข้ามาหาคุณ

ปี ฉลู

การงาน – เวลาส�ำหรับการเปลี่ยนแปลง นี่คือเวลาที่คุณจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ โอกาสใหม่เปิด ขึ้นและมีความรับผิดชอบใหม่ๆรอให้คุณรับ เป็นเวลาที่ดีส�ำหรับการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าคุณจะกลัวอยู่บ้าง แต่ทันทีที่คุณปรับตัวได้ มันจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดตลอดทั้งปีของคุณ ธุรกิจ – ยิ่งกล้ายิ่งได้ โอกาสจะเข้ามาหาคุณโดยไม่คาดคิด ความมุ่งมั่นของคุฯเพียงอย่างเดียวก็สามารถน�ำผลลัพธ์ที่ดีมาให้ ได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดจะช่วยให้คุณประสบความส�ำเร็จคือเชื่อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ วิ่งตามความฝันสิ่งที่ยิ่งใหญ่จะรอคอยคนปีฉลูที่ กล้าหาญ ความรักและความสัมพันธ์ – ฟื้นไฟรัก ความรักของคุณมีแนวโน้มจะวิเศษสุดควรเป็นฝ่ายรุกในเรื่องรัก ความรักของคนมีคู่ จะค่อยๆฟื้นขึ้น คนโสด ได้พบรักหากคุณก�ำลังมองหา

ปี ขาล

การงาน – อย่าปฏิเสธ ตอนนี้เป็นเวลาที่คุณจะต้องไม่ละเลยโอกาสที่จะเสนอตัวเข้ามาให้ จงพร้อมที่จะรับ งานท�ำสิ่งใหม่หากคุณต้องการก้าวหน้าตอบรับก่อนปฏิเสธ ตอนนี้ไม่ว่าคุณจะท�ำอะไรคุณก็จะส�ำเร็จ ขอให้

คุณท�ำให้ถึงที่สุด ธุรกิจ – มั่นใจได้ใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะ ตอนนี้คุณมีความมั่นใจใหม่ อย่ายอมให้ใครพูดขัดความคิดดีๆของคุณ ได้คุณอาจเพิ่มผลส�ำเร็จได้โดยการคิดให้ใหญ่ขึ้นกว่าที่เคย จงเรียนรู้ที่จะเชื่อในโชคดีของคุณ ความรักและความสัมพันธ์ – รู้สึกเยี่ยม คนปีขาลที่แต่งงานแล้วจะพบว่าคู่ครองจะคอยสนับสนุนอย่างวิเศษ คนที่ท�ำงานกับ คู่ครองจะพบว่างานกับความสุขเดินไปพร้อมกันได้อย่างดียิ่ง คนโสดจะมีโชค จิตใจที่เบิกบานสดใสของคุณคือเสน่ห์ กาศึกษา – อย่าลดละ คนที่ตั้งใจเรียนอย่างจริงจังจะได้พบช่วงเวลาที่น่าพอใจ ความส�ำเร็จจะเป็นของคุณอย่างง่ายดาย ความ คิดของคุณจะได้รับการยอมรับอย่างดี จงใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ตัวคุณเดินหน้าต่อไป

70 IS AM ARE www.ariyaplus.com


Wheel Of Life

ปี เถาะ

การงาน – ไม่ลงรอย การเข้าใจผิดเกิดขึ้นในที่ท�ำงาน เมื่อคุณเริ่มมีเรื่องกับผู้อื่น ผลกระทบมักบาดลึกเพราะ โดยนิสัยแล้วคุณไม่ใช่คนชอบมีเรื่องราว แต่ตัวตนที่พาลหาเรื่องของคุณปรากฏขึ้นมา ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยง การท�ำงานใกล้ชิดกับผู้อื่น ธุรกิจ – อย่าผลีผลาม อย่าลงนามในข้อตกลงหรือร่วมท�ำธุรกิจกับหุ้นส่วนใหญ่ คุณอาจตัดสินใจผิดหรืออาจสร้างศัตรูร้ายกาจ ขึ้นมาได้ ระวังให้มากเป็นพิเศษในเรื่องของเอกสาร อย่าท�ำตัวโดดเด่น จงจดจ่ออยู่กับงานของคุณเอง ความรักความสัมพันธ์ – ไม่ซื่อ สิ่งต่างๆอาจไม่ตรงไปตรงมาในเรื่องของความรัก คุณอาจพบกับการทรยศอย่างเจ็บปวด หากคุณคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป อาจน�ำไปสู่ปัญหาระหว่างกันที่ท�ำให้พวกคุณต้องเสียใจ ทางที่ดีคุณควรหลบหลีกการโจมตี ที่สกปรกด้วยความฉลาด

ปี มะโรง

การงาน – น่าพอใจ เดือนนี้ดีส�ำหรับด้านการงาน คุณมีเพื่อนที่ท�ำงานที่สามารถช่วยคุณได้มากและจริงใจใน ทุกเรื่อง จงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คุณได้รับมอบหมายไม่ได้เกินความสามรถของคุณ ตอนนี้เจ้านายจะเชื่อใจคุณ จึงไม่ ควรพลาดโอกาสเช่นนี้ ธุรกิจ – ตอบตกลง ผู้ประกอบการปีมะโรงจะมีความคิดมากมายน�ำเสนอ และโอกาสอีกมากก็เข้ามาหาคุณเช่นกัน คุณเป็น เจ้านายและผู้น�ำที่ดี บางอย่างที่คุณเข้าไปมีส่วนร่วมจะน�ำไปสู่ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและผลตอบแทนที่งดงาม อย่าได้พลาด โอกาส จงตอบตกลงไว้ ความรักและความสัมพันธ์ – มีความสุข คุณก�ำลังรู้สึกมีเสน่ห์เป็นพิเศษ คนที่ก�ำลังมองหาใครบางคนจะพบได้ไม่ยากเลย เปิดใจไว้เพราะความรักอาจเบ่งบานได้แม้แต่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หากแต่งงานแล้วต้องระวังจะห่างเหินจากคู่ครอง อาจมีบุคคลที่สามเข้ามา

ปี มะเส็ง

การงาน – คิดไม่ซ�้ำใครการงานน่ารื่นรมย์ คนที่ท�ำงานด้านวิจัยจะได้พบสิ่งที่น่าตื่นเต้น ซึ่งจะน�ำไปสู่ความ ก้าวหน้า จุดเด่นของคุณคือเสน่ห์ความโดดเด่น คุณมีความคิดมากมาย ลองคิดในแบบที่ไม่ซ�้ำใครซึ่งโดนใจ

ทุกคน ธุรกิจ – ส�ำเร็จได้เพราะค�ำชม ในการเจรจาต่อรอง จงใช้เสน่ห์ให้มากพอๆกับใช้สมอง ค�ำชมจะช่วยให้คุณชนะได้ทุกอย่าง คุณจะได้ดีเมื่อคุณท�ำให้ผู้อื่นรู้สึกดีกับตัวเอง ความรักและความสัมพันธ์ – โรแมนติก คุณก�ำลังรู้สึกโรแมนติกและมีอุดมคติว่าความรักควรจะเป็นอย่างไรและให้ความ รู้สึกอย่างไรอาจมีมากกว่าหนึ่งคนที่แย่งกันเอาชนะใจคุณ แต่การจับปลาสองมือไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย การศึกษา – มีโชคในการสอบ ดาวแห่งการศึกษาช่วยให้คุณเหนือกว่าในการเรียนทุกอย่าง คุณยังมีโชคในการสอบ ช่วยให้ คุณเป็นที่หนึ่งได้ หากคุณขยันและตั้งใจ คุณจะได้ผลลัพธ์ตามที่ปรารถนา

71 issue 103 august 2016


ปี มะเมีย

การงาน – รุกให้เร็ว ถึงเวลาที่การรุกให้เร็วจะได้ผลดี อย่าตัดสินใจนานเกินไป ท�ำหน้าที่ทั้งหมดของคุณให้ เสร็จตามเวลา คิดให้มากกว่างานที่ต้องท�ำและพยายามเป็นส่วนส�ำคัญที่ทีมงานขาดไม่ได้ คุณร่วมงานกับผู้ อื่นได้ดีมาก คุณจะสามารถน�ำพลังที่ร้อนแรงของคุณมาใช้ท�ำผลงานได้ ธุรกิจ – คิดให้ไกล รักษาวิสัยทัศน์ในการมองไกลไว้เมื่อตัดสินใจ อย่าคิดถึงแต่ผลตอบแทนที่จะได้ในทันที คุณสามารถสร้าง ฐานที่มั่นคงเพื่อเติบโตต่อไปในอนาคต ความส�ำเร็จของคุณจะใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับการคิดของคุณ ความรักและความสัมพันธ์ – โปรยเสน่ห์ ผู้หญิงปีมะเมียจะโปรยเสน่ห์อย่างเปิดเผยไปทั่ว คุณจะดึงดูดชายหนุ่มคนโสดปี มะเมียจะได้พบกับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในชีวิตรัก ส่วนคนที่แต่งงานแล้วอย่าเผลอใจให้คนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครอง

ปี มะแม

การงาน – เพลาลงบ้าง เมื่อคุณก�ำลังไปได้ด้วยดี ก็ง่ายที่จะท�ำงานจนลืมทุกอย่าง คุณจะพัฒนาความสัมพันธ์ อันดีกับเพื่อนร่วมงานบางคนแต่ก็ต้องระวังอย่าหักโหมเกินไปจัดแบ่งเวลาของคุณให้เหมาะสม ระวังความผิด พลาดจากความประมาทไว้ด้วย ธุรกิจ – ดีขึ้นเรื่อยๆ เดือนนี้เหมาะส�ำหรับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทมากกว่าที่จะมองหาทางขยายธุรกิจ เดือนหน้า เป็นเวลาที่ดีกว่าส�ำหรับการเสี่ยงจะท�ำสิ่งใหม่ จงใช้เวลานี้เพื่อวางแผนไปก่อน ตอนนี้มุ่งท�ำสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เสร็จสมบูรณ์ดีกว่า ความรักและความสัมพันธ์ – ค้นพบสิ่งใหม่ เดือนนี้ให้ผลดีแก่ผู้ที่มีความสัมพันธ์มั่งคงแล้ว คู่รักของคุณจะคอยสนับสนุนและ ให้ความรักแก่คุณ เป็นเดือนที่ดีส�ำหรับการแต่งงาน คนโสดอาจรู้สึกขาด ไม่ควรรีบร้อนในเรื่องของความสัมพันธ์ การศึกษา – ชีวิตที่สมดุล เดือนนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อย่าจดจ่อท�ำสิ่งใดนานหลายชั่วโมงเกินไป อย่าลืมใช้เวลากลางแจ้ง หรือสนุกกับเพื่อนให้มากพอๆกับอยู่ที่โต๊ะเรียน

ปี วอก

การงาน – มีเป้าหมายสูง ประสิทธิภาพในการท�ำงานของคุณจะเพิ่มขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาส�ำหรับคนที่ท�ำงาน มีเป้าหมายสูงในด้านอาชีพ จงพร้อมรับภาระงานใหม่ๆและอย่าเรื่องมากกับงานที่ได้รับ ผู้ใหญ่จะมองเห็น ในความส�ำเร็จของคุณเอง ธุรกิจ – โชคแห่งความบริบูรณ์ โชคแห่งความบริบูรณ์น�ำบทสรุปที่ส�ำเร็จมาให้โครงการที่ด�ำเนินอยู่อาจมีช่วงหวานปนขมบ้าง ตลอดทั้งเดือน ในด้านธุรกิจ การได้เห็นผลลัพธ์เสียทีหลังจากทุ่มเทท�ำงานมานานนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ความรักและความสัมพันธ์ – อบอวลด้วยรัก ในเดือนนี้จะมีความสุขมากกมายรอคุณอยู่ คุณก�ำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ดีท�ำให้ คุณเป็นคนที่น่ารักมาก แต่คุณไม่ควรรีบร้อนผูกมัด เดือนหน้าจะดียิ่งกว่าตอนนี้แค่สนุกกับความสุขสนใจทั้งหมดที่คุณได้รับ ไปก่อนดีกว่า สุขภาพ – ใส่ใจให้มากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะล้มป่วย และได้รับบาดเจ็บ อย่าประมาทในทุกเรื่อง คนสูงอายุและคนป่วยควร ย้ายออกจากบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเดือนนี้ 72 IS AM ARE www.ariyaplus.com


Wheel Of Life

ปี ระกา

การงาน – ชิงดีชิงเด่นในองค์กร การเมืองในองค์กรอาจกลายเป็นปัญหา ทางที่ดีไม่ควรท�ำตัวโดดเด่น หลีกเลี่ยง การเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทางที่ดีควรใช้เวลาจดจ่ออยู่กับงานในเดือนนี้ อย่าตอบโต้ใครด้วยความโกรธเพราจะน�ำ ผลร้ายมาให้ ธุรกิจ –ซุ่มเงียบ หลีกเลี่ยงการเป็นสายตาของสาธารณะชนและการเข้าสังคมมากเกินไป ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและพนักงานของคุณ แทนดีกว่า และหลีกเลี่ยงการเจรจา การประชุม การปรึกษาหารือที่ส�ำคัญ โดยเฉพาะกับคนนอกหรือคนที่คุณจ�ำเป็นต้องสร้างความ ประทับใจ เดือนหน้าโชคของคุณจะดีขึ้นมาก ความรักและความสัมพันธ์ – ไม่หวือหวา เดือนนี้ไม่หวือหวาเรื่องความรัก จึงไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะลงมือท�ำอะไรที่ส�ำคัญ คุณเสี่ยงที่จะ อกหักหากคุณเผยความรู้สึกออกมาเร็วเกินไป ไม่ควรเล่าเรื่องความรักของคุณให้เพื่อนฟังมากนัก เพราะอาจน�ำไปสู่การนินทาที่เป็นภัย ต่อความสัมพันธ์ของคุณ คุณต้องก้าวอย่างระมัดระวัง การศึกษา – ประเมินเป้าหมายใหม่ สิ่งต่างๆอาจไม่ราบรื่นเช่นเคย แผนการอาจมีการเปลี่ยนแปลง จงเรียนรู้ที่จะปรับตัว เพื่อนของ คุณจะเผยาตุแท้ว่าเขาไม่ใช่เพื่อนที่ดีเลย รู้ไว้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่ามาเสียใจภายหลัง

ปี จอ

การงาน – มีไฟ ความร่าเริงแจ่มใสจะปรากฏในทุกย่างก้าวของคุณ เป็นสัญญาณว่าคุณจะก้าวสูงขึ้น จงใช้เดือนนี้ เพื่อนสานสัมพันธ์ให้ดีขึ้นในที่ท�ำงาน คุณอาจได้รับโอกาสฝึกทักษะเพิ่มในด้านใดด้านหนึ่ง ตักตวงให้เต็มที่ตอนนี้คือ เวลาที่จะเรียนรู้และท�ำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ธุรกิจ – เครือข่ายช่วยได้ทุกอย่าง เครือข่ายที่คุณได้รวบรวมมาตลอดทั้งปีจะมีความส�ำคัญเป็นพิเศษในตอนนี้ คุณจะได้พบผู้คนใหม่ๆ มากมาย พยายามเข้าสังคมให้มากขึ้น มีโอกาสที่น่าตื่นเต้นรอคุณอยู่แต่ก็มีเงื่อนไขบางอย่างที่คุณต้องท�ำให้ได้เสียก่อนและหากจะคว้า โอกาสส่วนใหญ่มาได้ คุณจ�ำเป็นต้องคอยติดตามอย่างตั้งใจ ความรักและความสัมพันธ์ – ราวกับขึ้นสวรรค์ คุณจะสนุกกับความรักมากๆ ความรักจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณ ทุกอย่างจะราบรื่น แต่อย่าหลอกให้ความหวังกับใคร คนมีคู่การวางแผนแต่งงานเป็นฤกษ์ที่ดีของคุณ การศึกษา – โชคด้านผู้ชี้น�ำ เดือนนี้โชคด้านผู้ชี้น�ำที่ดีมาก การมีใครสักคนที่สามารถให้ค�ำแนะน�ำแก่คุณในเรื่องที่ส�ำคัญในชีวิตนั้นมี ค่าอย่างที่สุด คนผู้นั้นจะมอบทั้งภูมิปัญญาและแรงจูงใจที่ดีเยี่ยมให้คุณ

ปี กุน

การงาน – มีสมาธิกับงาน คุณสามารถรับงานหนักมากๆได้ในตอนนี้ คุณจะสามารถท�ำทุกอย่างเสร็จได้ตราบเท่า ที่คุณมีสมาธิอยู่ตลอด อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อจ�ำเป็น คุณจะพบทางลัดที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตในที่ ท�ำงานของคุณดีขึ้นและท�ำให้คุณมีเวลารับงานได้มากขึ้นด้วย ธุรกิจ – สื่อสาร จงใช้เดือนนี้เพื่อสื่อสารกับผู้ที่มีอิทธิพลและท�ำสัญญาที่จะมีค่าต่อไปภายหลังในด้านธุรกิจ คนที่คุณรู้จักจะช่วยให้คุณ ก้าวหน้าได้มากกว่าสิ่งที่คุณรู้ จงให้ความช่วยเหลือเพื่อนหากคุณช่วยได้และยอมให้พวกเขาช่วยเหลือคุณกลับบ้าง การขยายธุรกิจหรือ ลงทุนในเดือนนี้เป็นเวลาที่วิเศษสุด ความรักและความสัมพันธ์ – แมนติก คนที่โสดจะได้พบคนพิเศษ อย่าเก็บซ่อนความรู้สึกไม่เช่นนั้นคุณอาจเสียทีให้กับคนที่กล้ากกว่า อย่าลืมแสดงเจตนาของคุณให้ชัดเจนเสียก่อน คุณต้องโรแมนติกและแสดงออกอย่าโรแมนติก มิฉะนั้นคุณอาจพบว่ายากที่ความสัมพันธ์ ของคุณจะกลายเป็นอื่น นอกจากเพื่อนที่ดี

73 issue 103 august 2016


วรวุฒิ แสงเฟือง Ph.D. รองประธานมูลนิธิครอบครัวพอเพียงด้านวิชาการ ที่ปรึกษาโครงการโรงเรียนคุณธรรมในสังกัดกรุงเทพมหานคร บมจ. เทเวศประกันภัย บริษัทของส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

“โครงงานคุณธรรม” & “สมุดบันทึกความดี” เครื่องมือพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวกอย่างยั่งยืน

“เด็กๆ นอกจากจะต้อง เรียนความรู้ แล้ว ยังต้อง หัดท�ำการงาน และ ท�ำความดี ด้วย เพราะ การท�ำงาน จะช่วยให้ มีความสามารถ มีความขยัน อดทน พึ่งตนเองได้ และ การท�ำดี นั้น จะช่วยให้มีความสุข ความเจริญ ทั้งป้องกันตนไว้ ไม่ให้ตกต�่ำ” (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กประจ�ำปี 2530) พฤติกรรมเชิงบวก (จริยธรรม) และแปลงพฤติกรรมดังกล่าว ให้เป็นกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณธรรมของตนเองซึ่งเป็นคุณค่า แท้ อีกครั้ง ในทางเทคนิคแล้วยังคงมีพระบรมราโชวาทอีกหลายๆ องค์ที่น้อมน�ำมาใช้เป็นแนวคิดในกระบวนการพัฒนาพฤติกรรม เชิงบวกของเด็กหรือผู้เรียน ดังพระบรมราโชวาทองค์ที่กล่าว ถึงข้างต้น และพระบรมราโชวาทองค์ดังกล่าวนี้เองเป็นที่มา ของการตัดสินใจในการน�ำเครื่องมือมาใช้พัฒนาพฤติกรรมเชิง บวกของเด็กหรือผู้เรียน เครื่องมือแรกนี้เรียกว่า “โครงงาน คุณธรรม” และเครื่องมือที่สองนี้ คือ “สมุดบันทึกความดีตอน ความรู้คู่คุณธรรม”

จากหลักการทรงงานพระราชทานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ชื่อว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีเงื่อนไขส�ำคัญ 2 ประการ ที่จะน�ำไปสู่ “ความพอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน” เงื่อนไขที่ว่านี้ คือ “เงื่อนไขความรู้ และเงื่อนไขคุณธรรม” ซึ่งเงื่อนไขส�ำคัญ 2 ประการนี้ คือ จุด เริ่ ม ต้ น ที่ ส� ำ คั ญ ที่ ไ ด้ น ้ อ มน� ำ มาใช้ เ ป็ น แนวคิ ด ในการวางแผน กระบวนการพัฒนาสถานศึกษาไปสู่การเป็น “โรงเรียนคุณธรรม จริยธรรม” นั่นเอง ซึ่งหัวใจส�ำคัญของการพัฒนาสถานศึกษา นี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวกของเด็กหรือผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทั้ง 8 ประการ โดยให้ค้นหา ต้ น ทุ น คุ ณ ธรรมของตนเองให้ พ บและแตกองค์ ป ระกอบเป็ น 74

IS AM ARE www.ariyaplus.com


เครื่ อ งมื อ พั ฒ นาพฤติ ก รรมเชิ ง บวก โครงงานคุ ณ ธรรมเป็ น กระบวนการทางปั ญ ญาที่ น� ำ สภาพความเป็นจริงในชีวิตประจ�ำวันมาเรียนรู้ผ่านการท�ำโครง งานด้วยวิธีคิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยใช้หลักปฏิบัติสอง กระแส คือ เรื่องดีๆที่อยากท�ำ กับ ปัญหาซ�้ำๆที่อยากแก้ โดย ทั้งสองหลักนี้ได้น�ำคุณธรรมเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้มาใช้เป็นฐาน ในการเรียนรู้ด้วยกระบวนการพัฒนาเป็นพฤติกรรมเชิงบวกเพื่อ สลายพฤติกรรมเชิงลบที่เป็นปัญหาซ�้ำๆ ซึ่ ง พระมหาพงศ์ น ริ น ทร์ ฐิ ต วํ โ ส เลขานุ ก ารเครื อ ข่ายพุทธชยันตี-สังฆะเพื่อสังคมผู้คิดค้นและพัฒนาเครื่องมือ โครงงานคุณธรรม ได้กล่าวอธิบายไว้ว่า

เป็นกุศลได้ในที่สุด ”

ที่มา: PhramahaPongnarinThitavamso, “An Analytical Study of Process of Learning in Theravada Buddhism” Bangkok : Mahachulalongkornrajavidyalaya University,2005

“สมุดบันทึกความดีตอน ความรู้คู่คุณธรรม” เป็น เครื่ อ งมื อ ที่ น� ำ มาใช้ ใ นการพั ฒ นากระบวนการพั ฒ นาทั ก ษะ ทางการคิดด้านคุณธรรมการตั้งเป้าหมายชีวิต และการพัฒนา ทั ก ษะชี วิ ต ขั้ น พื้ น ฐานเช่ น การตระหนั ก รู ้ แ ละเห็ น คุ ณ ค่ า ใน ตนเองและผู้อื่น การคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหา การจัดการอารมณ์ และความเครียด การสร้างสัมพันธภาพที่ ดีกับผู้อื่น และเพิ่มขีดสมรรถนะให้สมุดบันทึกความดีนี้ไปเพิ่ม กระบวนการพัฒนาสมองทั้งสองซีกด้วยการวาดรูป ระบายสี และการเขียนเรื่องราวต่างๆที่สามารถน�ำมาใช้ในการวัดแวว ความสนใจใฝ่รู้ (แววอัจฉริยะ) และการวัดแววความสนใจในการ ท�ำความดี (แววอริยะ) ซึ่งหากเด็กได้บันทึกอย่างต่อเนื่องจะเห็น พัฒนาการของ IQ EQ และ MQ ของเด็ก ที่ส�ำคัญสมุดนี้ยังเพิ่ม ขีดความเอาใจใส่ของคุณครู และผู้ปกครอง ลงไปด้วย ข้อแตก ต่างของสมุดบันทึกความดีเล่มนี้ คือ สมุดบันทึกความดีที่เด็กๆ ใช้ตามโรงเรียนในปัจจุบันจะเป็นแบบเช็คลิสต์และแบบไดอะรี่

“แก่นการเรียนรู้ของโครงงานคุณธรรมนี้คือ “ร่วมกัน ท�ำดี อย่างมีปัญญา”กระบวนการเรียนรู้ที่ดีและสมบูรณ์ของ โครงงานคุณธรรมนั้น จะต้องเริ่มต้นจากการสร้างความเป็น กัลยาณมิตรต่อกันก่อน อันเป็นปัจจัยต้นเริ่มที่ส�ำคัญที่สุด จึง ต้องออกแบบและจัดวางเงื่อนไขให้เกิดการรวมกลุ่มกันของผู้รับ ผิดชอบโครงงานจ�ำนวน 8-10 คน และที่ปรึกษาอีก 3 คน โดย มีองค์ประกอบโครงสร้างและความสัมพันธ์ในกลุ่มที่สามารถดึง ด้านบวกของแต่ละคนออกมาหากันให้ได้มากที่สุด ซึ่งก็จะท�ำให้ เกิดการ คิดดี ท�ำดีและพูดดี ร่วมกันอย่างเต็มที่ตามศักยภาพของ แต่ละคน เกิดการซึมซับความดี พร้อมๆ กับมีการเรียนรู้หรือมี กระบวนการทางปัญญาเกิดขึ้นตลอดสาย ตั้งแต่เริ่มต้นระดม ความคิด การสังเกต การส�ำรวจสภาพปัญหา ปัญญาตระหนัก รู้ในสถานการณ์หรือสภาพปัญหาและสืบสาวถึงสาเหตุ ปัญญา ค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพิ่มเติม การรวบรวม ประมวลข้อมูล ปัญญาคิดวิเคราะห์คิดสังเคราะห์ ปัญญาคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ การท�ำความคิดให้ชัดและเป็นระบบ การคิดวางแผน งาน การร่างโครงงาน ปัญญาการปรับประยุกต์จากนามธรรมให้ เป็นรูปธรรม ปัญญาการติดตามด�ำเนินงานปรับปรุงงาน ปัญญา การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปัญญาการประเมินผลสรุปผล และ ปัญญาการน�ำเสนอ ตลอดจนสติปัญญาที่จะเท่าทันและสามารถ วางใจต่อโลกธรรมทั้ง 8 ที่มาถูกต้องสัมผัสใจได้อย่างฉลาดและ

แต่เล่มนี้จะเป็นรายสัปดาห์เพื่อให้เด็กหรือผู้เรียนตกผลึกทาง ความคิด ทบทวนการเรียนรู้ตั้งแต่วันจันทร์ถึงเสาร์ก่อนจะบัน ทึกลงในสมุดภายในวันอาทิตย์ ซึ่งหมายความว่า หลังจากเด็ก หรือผู้เรียนได้พัฒนาพฤติกรรมด้วยโครงงานคุณธรรมแล้ว เด็ก จะน�ำความรู้ที่ได้ กับความดีที่ได้ มาจดบันทึก วาดรูป ระบาย สี หรือเขียนเรื่องราวต่างๆ ลงในสมุดบันทึกความดีนี้ ตามความ ถนัดของแต่ละคน และน�ำมาส่งให้คุณครูภายในวันจันทร์หรือ อาจมาน�ำเสนอในชั้นเรียนตามชั่วโมงกิจกรรมที่โรงเรียนก�ำหนด หรืออาจเป็นชั่วโมง ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ก็ได้ 75

issue 103 august 2016


ความดีนี้ เป็นปัจจัยที่มีความส�ำคัญต่อความส�ำเร็จของโครงการ ที่เป็นทั้งการกระตุ้น การก�ำกับติดตาม ตลอดจนความสอดคล้อง ของปัจจัยด้านต่างๆ ของโครงการและจากการติดตามการจด บันทึกของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ท�ำให้เห็นภาพสะท้อน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก และปลูกฝังทักษะชีวิต ที่ดีของนักเรียนซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่ส่งผลต่อการพัฒนาทักษะ ชีวิตในด้าน 1) การคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์ 2) ความตระหนักรู้ในตนเองและความเห็นใจผู้อื่น 3) การสร้าง สัมพันธภาพและการสื่อสาร 4) การตัดสินใจและการแก้ปัญหา 5) การจัดการอารมณ์และความเครียด โดยปรากฏรายละเอียด ของผลลั พ ธ์ จ ากการใช้ เ ครื่ อ งมื อ สมุ ด บั น ทึ ก ความดี ข องกลุ ่ ม ตัวอย่างจ�ำแนกตามโรงเรียนได้ดังนี้ โรงเรียนราชบพิธ จากตัวอย่างการบันทึกสมุดบันทึก ความดีที่เป็นเครื่องมือในการติดตามผลของโครงงานคุณธรรม พบว่ า มี ค วามสอดคล้ อ งกั บ กิ จ กรรมส่ ง เสริ ม คุ ณ ธรรมของ โรงเรี ย นที่ น� ำ องค์ ค วามรู ้ ห ลั ก ปรั ช ญาของเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ภายใต้คุณธรรมต้นทุนโตไปไม่โกงด้านความพอเพียง โดยมีรูป แบบการขับเคลื่อน คือ กระบวนการ หนึ่งวันในราชบพิธกับวิถี ชีวิตที่พอเพียง และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกในด้าน

การพั ฒ นาพฤติ ก รรมเชิ ง บวกของเด็ ก หรื อ ผู ้ เ รี ย น โครงงานคุณธรรม และ สมุดบันทึกความดีนี้ ถูกน�ำมา บูรณาการใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนโครงการโรงเรียน คุณธรรมในสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงเรียนในเขตพระนคร 11 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่าง บมจ. เทเวศประกัน ภัย บริษัทของส�ำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ ส�ำนักงานเขตพระนคร อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งปัจจุบันโรงเรียน ในเขตพระนคร 11 แห่ง ได้ยกระดับเป็นศูนย์การเรียนรู้โรงเรียน คุณธรรมในเขตพระนคร ที่กรุงเทพมหานครได้ประกาศขยายผล โครงการโรงเรียนคุณธรรมไปอีก 438 แห่ง ใน 50 เขต ซึ่งจาก การก�ำกับติดตามในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง พบว่า ผลของการ ด�ำเนินงานภายใต้เครื่องมือ โครงงานคุณธรรม และ สมุดบันทึก 76

IS AM ARE www.ariyaplus.com


1) การมีวินัยในการรับประทานอาหาร 2) การมี วิ นั ย 3) การมี ทั ก ษะชี วิ ต 4) การคัดแยกขยะ 5) การด�ำรงชีวิตอย่าง พอเพียง โรงเรียนวัดสุทัศน์ จากตัวอย่าง การบั น ทึ ก สมุ ด บั น ทึ ก ความดี ที่ เ ป็ น เครื่องมือในการติดตามผลของโครงงาน คุ ณ ธรรม พบว่ า มี ค วามสอดคล้ อ งกั บ กิ จ กรรมส่ ง เสริ ม คุ ณ ธรรมของโรงเรี ย น ที่น�ำองค์ความรู้กระบวนการพัฒนาสติ สมาธิ วิถีไทยวิถีพุทธ ภายใต้คุณธรรม ต้นทุนโตไปไม่โกงด้านรับผิดชอบ โดยมี รูปแบบการขับเคลื่อนบ้านสีคุณธรรมพี่ น�ำน้องตาม ที่ประกอบด้วย 1) อาสาสอน น้องอ่านน�ำน้องท่อง 2) อาสาดูน้องเดิน ช่วยน้องงาม 3) อาสาชวนน้องธรรมน�ำ น้องสวด 4) อาสาร่วมใจประหยัดนัดมา ดูแล และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิง บวกในด้านความรับผิดชอบต่อหน้าที่บน วิถีความเป็นไทยในด้าน 1) มีนิสัยรักการ อ่าน 2) มีระเบียบวินัยมีสัมมาคารวะ 3) มีศีล สติ สมาธิ 4) รักความสะอาด ลด การใช้พลังงาน โรงเรี ย นวั ด ราชบู ร ณะจาก ตัวอย่างการบันทึกสมุดบันทึกความดีที่ เป็นเครื่องมือในการติดตามผลของโครง งานคุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับ กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมของโรงเรียน ที่ น�ำองค์ความรู้การไตร่ตรองการสะท้อน ความคิด (Reflection) ภายใต้คุณธรรม ต้นทุนโตไปไม่โกงด้านจิตสาธารณะ โดย มีรูปแบบการขับเคลื่อนกระบวนการกลุ่ม ร่วมคิดร่วมท�ำร่วมไต่ตรอง ที่ประกอบ ด้วย 1) หัวชนตึก 2) ทั้งหมดแถวตรง 3) ขยะเธอลงถังเถอะ 4) สะอาดจุงเบย 5) ห้องน�้ำใหม่ไฟแรงเฟร่อ 6) ประหยัดน�้ำ ไฟนะจ๊ะ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่ง ชี้เชิงบวกในด้าน 1) ความเป็นระเบียบ เรียบร้อย 2) การรักษาความสะอาด 3) การดูแลทรัพย์สมบัติของส่วนรวม

โรงเรี ย นวั ด มหรรณพารามใน พระราชูปถัมภ์ฯ จากตัวอย่างการบันทึก สมุดบันทึกความดีที่เป็นเครื่องมือในการ ติดตามผลของโครงงานคุณธรรม พบว่า มี ค วามสอดคล้ อ งกั บ กิ จ กรรมส่ ง เสริ ม คุ ณ ธรรมของโรงเรี ย น ที่ น� ำ องค์ ค วาม รู ้ ต ้ น แบบครอบครั ว คุ ณ ธรรมภายใต้ คุณธรรมต้นทุนโตไปไม่โกงด้านจิตอาสา โดยมี รู ป แบบการขั บ เคลื่ อ นครอบครั ว อบอุ่น 18 ครอบครัวที่ประกอบด้วย 1) เดินแถว 2) ห้องน�้ำ 3) แยกขยะ 4) รดน�้ำ ต้นไม้ 5) เสียงตามสาย 6) ตักอาหาร 7) กวาดสนาม 8) ครอบครัวตัวอย่าง 9) วิชาการ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้ เชิงบวกในด้าน 1) นักเรียนมีความเป็นผูน้ ำ� 2) นักเรียนเป็นแบบอย่างที่ดี 3) นักเรียน มี ค วามเสี ย สละ 4) นั ก เรี ย นมี ค วามมี น�้ำใจ ที่ก่อให้จิตอาสาขึ้นในโรงเรียนใน เรื่อง พี่น�ำน้อง พี่สอนน้อง พี่ช่วยน้อง พี่ ตามน้อง โรงเรี ย นวั ด มหาธาตุ จาก ตัวอย่างการบันทึกสมุดบันทึกความดีที่ เป็นเครื่องมือในการติดตามผลของโครง งานคุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับ กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมของโรงเรียน ที่ น�ำองค์ความรู้เป้าหมายชีวิตในการออม (4 อ) 1) การออมเพื่อตนเอง 2) การออม 77 issue 103 august 2016

เพื่อครอบครัว 3) การออมเพื่อสังคม 4) การออมเพื่อศาสนา ภายใต้คุณธรรมเป้า หมายโตไปไม่โกงด้านรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ และมีวินัย โดยมีรูปแบบการขับเคลื่อน อาสาสมั ค รนั ก ออม ที่ ป ระกอบด้ ว ย 1) ปลูกรัก 2) ลดขยะ เพื่อเงินออม 3) ประหยัดพลังงานไฟฟ้า และทรัพยากร น�้ำ 4) อาหารง่ายได้สตางค์ 5) กุ้งก้าม แดงตามพระราชด�ำริ 6) พุทธมหาธาตุ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก ในด้าน 1) ซื่อตรงต่อตนเอง 2) รับผิด ชอบต่อหน้าที่ 3) วินัยในการออม โรงเรี ย นวั ด พระเชตุ พ น จาก ตัวอย่างการบันทึกสมุดบันทึกความดีที่ เป็นเครื่องมือในการติดตามผลของโครง งานคุ ณ ธรรม พบว่ า มี ค วามสอดคล้ อ ง กับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมของโรงเรียน ที่ น� ำ องค์ ค วามรู ้ ภู มิ ป ั ญ ญาไทยภายใต้ คุ ณ ธรรมต้ น ทุ น โตไปไม่ โ กงด้ า นรั บ ผิ ด ชอบมีวินัยต่อตนเอง ครอบครัว สังคม โดยส่ ว นรวม โดยมี รู ป แบบการขั บ เคลื่อนพี่สอนน้องใช้การเป็นแบบอย่าง ทีป่ ระกอบด้วย 1) กริง่ เตือนใจเร็วไวรีบท�ำ 2) เสื้อผ้าสดใสวิถีไทยสร้างสรรค์ 3) กิน ดีอยู่ดีมีวินัย 4) หนูน้อยมารยาทงาม 5) เดินไปไหนไปเป็นแถว 6) วจีอ่อนหวาน และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวก


ภายใต้คุณธรรมต้นทุนโตไปไม่โกงด้านความรับผิดชอบ ที่เน้น วินัย โดยมีรูปแบบการขับเคลื่อนโดยใช้หน่วยสี ที่ประกอบด้วย 1) มีระเบียบวินัยมีมารยาทงามตามแบบไทย 2) ครอบครัว สุขสันต์ช่วยกันท�ำงาน 3) โรงเรียนสวยสะอาด 4) ชุมชนน่าอยู่ รู้รักสามัคคี ชีวีปลอดภัย และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิง บวกในด้าน 1) วินัยต่อตนเอง 2) วินัยต่อครอบครัว 3) วินัยต่อ โรงเรียน 4) วินัยต่อสังคม และชุมชน โรงเรี ย นวั ด ตรี ท ศเทพ จากตั ว อย่ า งการบั น ทึ ก สมุ ด บั น ทึ ก ความดี ที่ เ ป็ น เครื่ อ งมื อ ในการติ ด ตามผลของโครงงาน คุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ของโรงเรียน ที่น�ำองค์ความรู้ด้านจิตอาสา ภายใต้คุณธรรม ต้นทุนโตไปไม่โกงด้านรับผิดชอบ โดยมีรูปแบบการขับเคลื่อนพี่ น�ำน้อง (พี่พาน้องท�ำ) ที่ประกอบด้วย 1) จิตอาสาพางาม 2) จิต อาสาพาประหยัด 3) จิตอาสาพาอ่าน 4) จิตอาสาพาปลอดภัย 5) จิตอาสาพาสะอาด 6) จิตอาสาพาธรรม และส่งผลให้เกิด พฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกในด้าน 1) การท�ำงานด้วยจิตอาสา 2) มีน�้ำใจช่วยเหลือ 3) ตรงต่อเวลา4) รู้บทบาทหน้าที่ โรงเรียนวัดใหม่อมตรส จากตัวอย่างการบันทึกสมุด บั น ทึ ก ความดี ที่ เ ป็ น เครื่ อ งมื อ ในการติ ด ตามผลของโครงงาน คุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ของโรงเรียน ที่น�ำองค์ความรู้ด้านบทบาทหน้าที่ที่พึงกระท�ำ ภายใต้ คุ ณ ธรรมต้ น ทุ น โตไปไม่ โ กงด้ า นรั บ ผิ ด ชอบ โดยมี รู ป แบบการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ที่ประกอบด้วย 1) อ่านเปลี่ยนชีวิต 2) เศรษฐีน้อย 3) พัฒนาสภาพแวดล้อม ในการท�ำงาน 4) วันส�ำคัญ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิง บวกในด้าน 1) รับผิดชอบการอ่าน 2) รับผิดชอบการออม 3)

ในด้าน ดีทุกอย่าง ดีทุกที่ ดีทุกเวลา โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริยาราม จากตัวอย่างการบันทึก สมุดบันทึกความดีที่เป็นเครื่องมือในการติดตามผลของโครงงาน คุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ของโรงเรียน ที่น�ำองค์ความรู้ด้านมารยาท ภายใต้คุณธรรม ต้นทุนโตไปไม่โกงด้านรับผิดชอบ โดยมีรูปแบบการขับเคลื่อน ในการพัฒนาทักษะทางคิดแบบมีส่วนร่วม ที่ประกอบด้วย 1) เดินงามแบบมกุฏ 2) ยิ้มไหว้ทักทายจิตใจชื่อบาน 3) โรงเรียน สะอาดด้วยพวกเราชาวมกุฏ 4) ชุมชนสุขสันต์คือบริการของเรา และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกในด้าน 1) รับผิดชอบต่อ ตนเอง 2) รับผิดชอบต่อบุคคลอื่น 3) รับผิดชอบต่อโรงเรียน 4) รับผิดชอบต่อชุมชน และสังคม โรงเรี ย นวั ด ราชนั ด ดา จากตั ว อย่ า งการบั น ทึ ก สมุ ด บั น ทึ ก ความดี ที่ เ ป็ นเครื่องมือในการติด ตามผลของโครงงาน คุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ของโรงเรียน ที่น�ำองค์ความรู้ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 78

IS AM ARE www.ariyaplus.com


รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 4) รับผิดชอบต่อวัฒนธรรมไทย โรงเรียนวัดอินทรวิหาร จากตัวอย่างการบันทึกสมุด บั น ทึ ก ความดีที่เป็น เครื่องมือในการติด ตามผลของโครงงาน คุณธรรม พบว่ามีความสอดคล้องกับกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ของโรงเรียน ที่น�ำองค์ความรู้ด้านประหยัดอดออม ภายใต้ คุณธรรมต้นทุนโตไปไม่โกงด้านความพอเพียง โดยมีรูปแบบ กระบวนการกลุ่ม/ทีม/ชั้นในการขับเคลื่อน ที่ประกอบด้วย 1) ออมวันละนิดชีวิตสดใส 2) คิดก่อนเปิดเปิดแล้วปิด 3) คู่บัดดี้ พี่สอนน้อง 4) รองเท้าหน้าห้อง 5) โรงเรียนสะอาดปราศจาก ขยะ 6) หนูดีมีวินัย 7) กติกาในการรับประทานอาหาร 8) นม ชั้นดีมีฟูลออไรด์ และส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบ่งชี้เชิงบวกในด้าน 1) ตนเองพอเพียง 2) โรงเรียนพอเพียง 3) ครอบครัวพอเพียง 4) ชุมชน/สังคมพอเพียง

ของ Edgar daleที่บอกว่า การพูดและการท�ำซ�้ำๆ ท�ำให้เกิดการ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับการศึกษาของสมเกียรติ ชอบผล เมื่อปี 2550 เรื่องการใช้สมุดบันทึกความดีกับการศึกษา อังกฤษซึ่งการบันทึกความดีจะใช้คู่กับใบรับรองผลการเรียนของ เด็กในการส่งต่อแต่ละช่วงชั้น มีองค์ประกอบ 4 ด้าน คือ 1) การ ประสบความส�ำเร็จทางด้านการเรียน 2) เด็กมีความเชื่อมั่นใจใน บุคลิกภาพของตนเอง 3) ความเป็นพลเมืองดี และ 4)การช่วย เหลือสังคมหรือการมีจิตสาธารณะ อย่ า งไรก็ ต าม เครื่ อ งมื อ “โครงงานคุ ณ ธรรม” และ“สมุดบันทึกความดี ตอน ความรู้ คู่ คุณธรรม” ที่กล่าวมา นั้นคือ เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ด้วยการหัดท�ำการ งานและท�ำความดี ภายใต้การพัฒนาสถานศึกษาเป็นโรงเรียน คุณธรรม ตามเงื่อนไขความรู้คู่คุณธรรมของหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นการบูรณาการนวัตกรรมที่สอดคล้อง ตามแนวพระบรมราโชวาทดังกล่าวข้างต้น

เครื่ อ งมื อ พั ฒ นาพฤติ ก รรมเชิ ง บวกอย่ า งยั่ ง ยื น การน�ำสมุดบันทึกความดีมาใช้ในการบันทึกเรื่องราวการ ท�ำความดีของนักเรียนจ�ำนวน 44 สัปดาห์มีความสัมพันธ์กับ โครงงานคุณธรรม และกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมที่ทางโรงเรียน ได้ด�ำเนินการตามบริบทของโรงเรียน ซึ่งพบว่าทักษะชีวิตของ นักเรียนส่งผลต่อการปรับตัวให้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความ สุขและการเรียน สอดคล้องกับทฤษฎี The cone of Learning 79

issue 103 august 2016


Round About

ค่ายส่งเสริมศักยภาพความเป็ นผู ้น�ำ โรงเรียนนารีรัตน์จังหวัดแพร่ ค่าย “รู้ รัก สามัคคี พลเมือง ดี ตามวิ ถี ป ระชาธิ ป ไตย บนพื้ น ฐานการปรองดองสมานฉันท์ ส่ง เสริ ม ศั ก ยภาพความเป็ น ผู ้ น� ำ ” โดยมู ล นิ ธิ ค รอบครั ว พอเพี ย งร่ ว ม กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ จัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพความ เป็ น ผู ้ น� ำ ให้ กั บ นั ก เรี ย นโรงเรี ย น นารีรัตน์จังหวัดแพร่ จ�ำนวน 200 คน โดยน้ อ มน� ำ หลั ก ปรั ช ญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางใน การพัฒนาศักยภาพเยาวชนเพื่อให้ผู้ เข้าร่วมกิจกรรมสามารถน�ำไปปรับ ประยุกต์ใช้และถ่ายทอดได้อย่างเป็น รูปธรรม

ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เปิ ดตัว Application “ก้าวใหม่”

มูลนิธิครอบครัวพอเพียง ร่วมกับ ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จัดกิจกรรม UHC day camp รณรงค์การ ใช้ Application “ก้าวใหม่” เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ์การรักษาพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็วผ่านการใช้ Mobile Application โดยมีน้องๆเยาวชนครอบครัวพอเพียงได้ร่วมเชิญชวนประชาชนให้ดาวน์โหลด Application ณ หน้าศูนย์การค้าสยามวัน ณ ทางลง BTS สยามแสควร์ 80 IS AM ARE www.ariyaplus.com


ครอบครัวพอเพียงจัดค่าย “Leader Camp 2016” สร้างภาวะผู ้น�ำให้แก่เยาวชน

เมื่อวันที่ 16 – 18 กรกฏาคม ที่ผ่านมา มูลนิธิครอบครัวพอเพียงจัดกิจกรรม “ค่ายส่งเสริมศักยภาพผู้น�ำ Leader Camp 2016” ณ โรงเรียนสตรีวิทยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมีเยาวชนและอาจารย์ตัวแทนจากโรงเรียนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเข้าร่วม กว่า 180 คน จาก 30 โรงเรียน สุชานี แสงสุวรรณ ประธานมูลนิธิครอบครัวพอเพียง กล่าวว่า การจัดค่ายผู้น�ำเยาวชนในครั้งนี้ เป็นความส�ำคัญที่จะได้ร่วมกันสร้าง และปลูกฝังเยาวชนในระดับมัธยมปลายซึ่งเป็นผู้น�ำในโรงเรียนและก�ำลังจะก้าวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ค่ายนี้จึงสร้างความเป็นผู้น�ำ รอบรู้ทักษะ และประสบการณ์ต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจาก 30 โรงเรียนทุกภูมิภาค ให้เยาวชนได้รู้จักปรับเปลี่ยนตัวเอง สร้างสรรค์ ประสบการณ์ มีจิตวิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน “เพราะผู้น�ำไม่สามารถคิดเองท�ำเองเพียงผู้เดียว แต่จะต้องประมวล รวบรวมแนวคิดจากหลากหลายผ่านการวิเคราะห์ สร้างสรรค์ให้เป็นหนึ่งเดียวในการที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น” ณัฐเสกข์ น้อยสมบูรณ์ รองประธานมูลนิธิครอบครัวพอเพียง เปิดเผยว่า “ตั้งแต่อาจารย์เป็นวิทยากรมา มีค่ายนี้ที่รู้สึกว่าเราท�ำ เต็มที่ที่สุด รวมถึงน้องๆ แกนน�ำก็เต็มที่ที่สุดจริงๆ เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้แกนน�ำจริงๆ เราได้เยาวชนที่เข้ามาสนุก แต่ค่ายนี้น้องแกน น�ำที่มาร่วมค่ายถูกคัดเลือกมา เพราะฉะนั้นเขาตั้งใจจะมาเป็นผู้น�ำจริงๆ เราคาดหวังว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าเราจะมีเดอะเทรนเนอร์ของ ครอบครัวพอเพียง 180 คน ทั่วประเทศไทย” อริยสิริ พิพัฒน์นรา กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิครอบครัวพอเพียง กล่าวว่า มูลนิธิครอบครัวพอเพียงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อ เฟ้นหาคนที่จะมาบรรยายเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เข้าใจในภาวะของการเป็นผู้น�ำ ใช้ระเบียนความดีได้อย่างถูกต้อง รวมถึงน�ำปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงที่ถูกปลูกฝังไปใช้ และบอกต่อได้อย่างถูกต้องชัดเจน “ที่ผ่านมาพบว่าเยาวชนและคนทั่วไปจ�ำนวนไม่น้อย เข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคลาดเคลื่อนไป และไม่สามารถ แยกแยะออกจากเรื่องการเกษตรได้ วันนี้เราพยายามสร้างความเข้าใจให้เยาวชนสามารถน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ใน ชีวิตประจ�ำวันและครอบครัวได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เยาวชนเอง” เอื้อมพร นาวี กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ มูลนิธิครอบครัวพอเพียง กล่าวถึงเยาวชนที่เข้าร่วมค่ายครั้งนี้ว่า “ชื่นชมน้องๆ ที่เข้า มาร่วมเป็น Leader ทุกคนที่มาเรามองว่าอนาคตเขาจะสามารถกลับไปถ่ายทอดแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็ท�ำให้ มีความเป็นครอบครัวพอเพียงเกิดขึ้นในศูนย์ครอบครัวพอเพียงในโรงเรียนของเขาต่อไป” อินทิรา เกตุอินทร์ อาจารย์ประจ�ำโรงเรียนสงวนหญิง จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่เห็นเด็กๆ ได้รับโอกาส ที่ดีในการฝึกฝนทักษะการเป็นผู้น�ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ติดตัวเขาไปในวันข้างหน้า และสามารถน�ำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปบอกต่อ และเผยแพร่ได้อย่างถูกต้องและเข้าใจ ส�ำหรับกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิครอบครัวพอเพียงได้ดำ� เนินการมาถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เพื่อมุ่งเน้นสอดแทรกแนวคิด หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา ส่งเสริมให้เยาวชนมีจิตอาสา พร้อมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจสภาวะการเป็นผู้น�ำให้แก่ครู และนักเรียนในการเผยแพร่แนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อให้คนไทยได้น�ำไปใช้ในการด�ำเนินชีวิตต่อไป 81 issue 103 august 2016


“ความสามัคคีนั้น อาจหมายความถึงเห็นชอบเห็นพ้องกันโดยไม่แย้งกัน ความจริง งานทุกอย่างหรือการอยู่ เป็นสังคมย่อมต้องมีความขัดแย้งกัน ความคิดต่างกัน ซึ่งไม่เสียหาย แต่อยู่ที่จิตใจของเรา ถ้าเราใช้หลักวิชาและความปรองดองด้วยการใช้ปัญญา การแย้งต่าง ๆ ย่อมเป็นประโยชน์ หากมีรากฐานของความคิดอย่างเดียวกัน รากฐานของความคิดนั้น คือ แต่ละคนจะต้องท�ำให้บ้านเมืองมีความมีความเป็นปึกแผ่น” พระราชด� ำ รั ส ของพระบาทสมเด็ จ พรเจ้ า อยู ่ หั ว พระราชทานแก่ ผู ้ เข้ า เฝ้ า ฯ มี พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ 29 ตุลาคม 2517

82 IS AM ARE www.ariyaplus.com


เว็ปไซต์ของมู ลนิธิครอบครัวพอเพียง ท่านสามารถเข้ามาอ่านบทความ นิตยสาร IS AM ARE ครอบครัวพอเพียง หรือข่าวสารดี ๆ ได้แล้ววันนี้ โดยไม่เสียค่าใช่ จ่าย และท่านยังสามารถสมัครเป็นสมาชิ กของมู ลนิธิครอบครัวพอเพียง เพื่อรับข่าวสารจากทางมู ลนิธิครอบครัวพอเพียงได้ก่อนใคร โดยท่านสามารถสมัครเพื่อเป็นสมาชิ กได้ท่ี

www.fosef.org

83 issue 103 august 2016


84 IS AM ARE www.ariyaplus.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.