พระบางเมือบาน บัญชา ออนดี ISBN 978-616-7374-45-1 พิมพครั้งที่ 1 มีนาคม 2555 บรรณาธิการ เวียง–วชิระ บัวสนธ บรรณาธิการบริหาร อธิคม คุณาวุฒิ บรรณาธิการศิลปกรรม พิสิฐ ภูศรี ออกแบบปก ณขวัญ ศรีอรุโณทัย ออกแบบรูปเลม เดือน จงมั่นคง, เรืองกิตต รักกาญจนันท, ปริญญ ปรังพันธ, ภิญโญ สวัสดิ์ศรี พิสูจนอักษร คีรีบูน วงษชื่น, อานันต อุปรี, กนก สงิมทอง, พิชญนาถ ครองญาติ, ปยวรรณ หวงจริง กองบรรณาธิการ อบต.หาดสองแคว จ.อุตรดิตถ ผูจัดการ เนาวรัตน ชุมยวง จัดพิมพและเผยแพร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.) (สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน -สน.3) 979/116-120 ชั้น 34 อาคารเอส. เอ็ม. ทาวเวอร ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท 0 2298 0500 ตอ 1707 โทรสาร 0 2298 0230 www.thaihealth.or.th ดำเนินการผลิต บริษัท เปนไท พับลิชชิ่ง จำกัด โทรศัพท 0-2736-9918 โทรสาร 0-2736-8891 e-mail : waymagazine@yahoo.com
คำบอกกลาว
การเปลี่ยน ผานของสังคมไทยตลอดระยะเวลาที่ ผานมา กอใหเกิดขอวิพากษวิจารณถึงความเสือ่ มทรุดของ องคาพยพทางสังคมแทบทุกสวน หลายตอหลายครั้งเรา ลืมตาตื่นขึ้นมาพรอมกับเผชิญหนาขอเท็จจริงวา องคกร หนวยงาน หรือกระทัง่ สถาบันสำคัญๆ ลวนกำลังเดินทาง มาถึงจุดเสือ่ ม และสงสัญญาณใหเห็นวาพรอมจะลมสลาย ภายในระยะเวลาอันใกล ไมวานัน่ จะเปนการมองโลกในแงรายเกินจริงหรือ ไมก็ตาม แตทามกลางขอเท็จจริงดังกลาว เรากลับพบวา ภาย ใต สภาวะ เสื่อม ถอย ภาย ใต การ ทำงาน ที่ ลม เหลว ครัง้ แลวครัง้ เลาของหนวยงานทีถู่ กออกแบบใหเปนกลไก ขับเคลื่อนสังคม หรือภายใตซากปรักหักพังของสิ่งที่เคย
เปนเสาค้ำยันสังคมไทยตลอดมานัน้ ปรากฏการณเชิงบวก ที่ พอ จะ เรียก ได วา เปน พัฒนาการ ดาน ตรง กัน ขาม กับ ภาพใหญดังกลาวคือ ความเคลื่อนไหวในระดับชุมชน จริง อยู วา กวา คอน ศตวรรษ ที่ ประเทศไทย ถูก กำหนดใหเดินตามทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กระแสหลักนัน้ มันไดบมเพาะปญหา สะสมความขัดแยง ถาง ชอง วาง คุณภาพ ชีวิต ระหวาง ผูคน กระทั่ง รวม ถึง บั่นทอนศักยภาพที่แทจริงของมนุษย ทองถิ่นชนบทเอง ก็หนีไมพนขอเท็จจริงดังกลาว ขอมูลทางวิชาการจำนวน ้ เห็นวาชนบทไทยถูกโบยตีดวยทิศทางการ มหาศาลบงชีให พัฒนาที่ไมเปนธรรม ทองถิ่นถูกชวงชิงทรัพยากร ผูคน แตกกระสานซานเซ็นกลายมาเปนประชากรแอบแฝงอยู ตามเมืองหลวงและหัวเมืองใหญ คำถามสำคัญคือ ภายหลังจากทีผู่ ค นทุกกลุม สังกัด ตระหนักและยอมรับถึงขอผิดพลาดนี้ คนกลุม ใดในสังคม ใชเวลาปรับตัวกับขอเท็จจริงใหมไดรวดเร็วกวากัน เราเชื่อกันมานานแลววา ศิลปะของ ‘เรื่องเลา’ ในรูปแบบ ‘วรรณกรรม’ นั้น ทำหนาที่สำคัญเบื้องตน คื อ สะท อ น ข อ เท็ จ จริ ง ของ สั ง คม ใน แต ล ะ ช ว ง สมั ย ประวัติศาสตร ที่ ผาน มา จึง มี เรื่อง เลา จำนวน มหาศาล ทำ หนาที่ บอก กลาว บันทึก รวม ถึง สำแดง ทัศนะ ของ ผู เขียน ตอ เหตุการณ ที่ เกิด ขึ้น ใน แตละ ยุค แตละ สมัย เรือ่ งราวของชนบทไทยเคยเปนทัง้ ‘ฉาก’ และ ‘พล็อตภาค
บังคับ’ ที่ปรากฏอยูในวรรณกรรมแทบทุกสกุลไมวาจะ ถูกจัดในกลุม ‘สรางสรรค’ หรือ ‘ประโลมโลกย’ กระทั่งวา ในยุคหนึ่งวรรณกรรมที่ถูกเรียกขานอยู ในสกุล ‘สรางสรรค’ หรือ ‘รับใชสังคม’ ก็มักจะใชพล็อต ทา บังคับ เกี่ยว กับ ความ ขัด แยง และ ความ อ ยุติธรรม ใน ชนบทซ้ำแลวซ้ำเลา จนถูกตัง้ คำถามถึงคำวา ‘สรางสรรค’ จริงหรือไม...และมีศักยภาพในการ ‘รับใชสังคม’ จริงดังที่ ผูสรางงานสำคัญตนเพียงใด อยางไรก็ดี ตลอดหลายสิบปทีผ่ านมา ไมวารสนิยม ในการเสพและสรางวรรณกรรมจะเคลือ่ นไปในทิศทางใด ก็ ต าม ไม ว า นั ก เขี ย น รุ น ใหม ๆ จะ ยั ง เขี ย น เรื่ อ ง ราว เกี่ยว กับ ทอง ถิ่น หรือ ไม และ ไม วา คน อาน จะ ตื่น เตน กับ พล็อต เรื่อง ชนบท หรือ เปลา...แต ความ เปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นในระดับทองถิ่นก็ยังดำเนินตอไป เจตนาสำคัญในการผลิตชุดนวนิยายทั้ง 9 เรื่องนี้ คือ เราตองการ ‘เรือ่ งเลา’ เกีย่ วกับทองถิน่ ใน พ.ศ.ปจจุบนั บันทึกใหผูคนรวมสมัยเก็บไวเปนหลักฐาน และเผื่อไวถึง ลูกหลานในอนาคต เราเชื้อเชิญนักเขียน 9 คนลงพื้นที่ตางตำบล เพื่อ พูดคุยคนหาเรื่องราวจากผูคน เอื้อมมือสัมผัสผืนดิน สูด ดมมวลอากาศเดียวกันกับฉากและเรื่องราวที่พวกเขาจะ ลงมือเขียน จากนั้นจึงใชจินตนาการ และทักษะสายตา ของนักเลาเรื่อง ถายทอดสิ่งที่พวกเขาไดเห็นเคาะออก
มาเปนตัวหนังสือ อยางที่บอก...เจตนาเบื้องตนของเราคือตองการ บอกเลาเรื่องราวเกี่ยวกับทองถิ่นวา ถึงนาทีปจจุบันมัน ได เคลื่อน ไป จาก พล็อต เรื่อง เดิม เมื่อ กึ่ง ศตวรรษ กอน เพียงใด แตหากผูอานทานใด สามารถสัมผัสไดถึงความ หวัง และบังเกิดจินตนาการที่จะลงมือทำอะไรสักอยาง เพือ่ ให ‘บาน’ หรือ ‘ชุมชน’ ทีตนเอง ่ สังกัดมีระดับคุณภาพ ชีวิตและจิตใจที่สูงขึ้น...นั่นยอมถือเปนกุศลสูงสุดในการ ทำงานครั้งนี้
ดวยมิตรภาพ คณะบรรณาธิการ
บัญชา อ่อนดี
7
8
พระบางเมือบ้าน
ค�ำน�ำ
บางค� ำ พู ด ไม่ เ พี ย งสะบั้ น มิ ต รภาพ แต่ ยั ง ผล สะเทือนเลื่อนลั่นจนก่อสงครามขนาดใหญ่ขึ้นในจิตใจ รวมทั้งสงครามเล็กๆ ระหว่างกันและกันจนอาจถึงขั้น พิพาทลุกลามใหญ่โต ผมเขียน ‘พระบางเมือบ้าน’ เรื่องราวเล็กๆ ของ หมู่บ้านเล็กๆ ทว่ามีรากเหง้ายิ่งใหญ่ ซึ่งผู้คนทั่วไปอาจ ไม่ทันสังเกตหรือฉุกคิด กระทั่งหลงลืม ด้วยความเพียร พยายามทีจ่ ะให้ ‘เรือ่ งแต่ง’ เรือ่ งนีท้ ำ� หน้าทีเ่ ล่ารวมถึงบอก กล่าว ‘ความจริง’ ต่อคุณงามความดีของผู้คน วัฒนธรรม ประเพณีที่ยังคง ‘ด�ำรง’ และ ‘มีอยู่’ ไม่ว่าโลกและมนุษย์ จะถูกแรงผลักเหวี่ยงของกาลเวลาให้เคลื่อนไปในท่วง ท�ำนองใดก็ตาม บัญชา อ่อนดี
9
จิตวิญญาณของมนุษย์ ผมเชื่อว่าย่อมฝังไว้ในห้วง ส�ำนึกของทุกผู้คน ไม่ว่าจะต�่ำตื้นหรือลึกเร้น ท้ายที่สุด ต้องปรากฏออกมาด้วยการชักพาของผิด ชอบ ชั่ว ดี
ด้วยความเชื่อมั่น บัญชา อ่อนดี เรือนล�ำจวน (ข้างขึ้นริมคลอง) บ้านแก่ง ตรอน อุตรดิตถ์ ขอขอบคุณเป็นพิเศษ : ไสว เรืองเดช บิดา ‘เพื่อน’ ผู้จากไป
10
พระบางเมือบ้าน
บัญชา อ่อนดี
11
12
พระบางเมือบ้าน
พระบางเมือบ้าน
บัญชา อ่อนดี บัญชา อ่อนดี
13
14
พระบางเมือบ้าน
1.
(เปิดเรือน)
ช่างพื้นบ้านสี่ซ้าห้าคนเพิ่งลงบันไดไปจากเรือน เมื่อครู่ พระบางนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้โยกไม้ทอดสายตา มองม่านฝนซึ่งเริ่มราสายในท่ามกลางลมอ่อนที่พัดพ้อ ล้อเล่นจนกิ่งลั่นทมไหวเอนพอเห็นถนัดตา ครู่ต่อมาเขา เบือนหน้าไปมองช่องหน้าต่างที่เพิ่งให้ช่างถอดลูกกรง เหล็กออก หลังจากมันช่วยเป็นม่านกั้นทั้งสายตาและ ปิดบังความรูส้ กึ ภายในใจเบือ้ งลึกของตัวเองกับเพือ่ นบ้าน มานานนับยี่สิบปี ต่อจากนี้ นอกจากทุกช่องหน้าต่างจะไม่มีลูกกรง เหล็ก รอบๆ เรือนเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีของเขาที่เป็น สมบั ติ ต กทอดจากปู ่ ย ่ า มาถึ ง พ่ อ แม่ ยั ง ปราศจากรั้ ว คอนกรีตสูงทะมึนที่ยืนยาวมาราวยี่สิบปีอีกเช่นเดียวกัน บัญชา อ่อนดี
15
พระบางลุกจากเก้าอี้โยกไม้ เดินช้าๆ ฝ่าฝอยฝน ไปหยุดอยู่ตรงหน้าบันได จากนั้นค่อยๆ หันกลับมามอง ตัวเรือนไทยประหนึ่งจะย้อนวันวัยไปสู่อดีต จาก ‘ห้องใต้’ พระบางเบนสายตาไปยัง ‘ห้องเหนือ’ แล้วหันไปมองตูไ้ ม้ขนาดค่อนข้างใหญ่ซงึ่ ข้างในเก็บไว้ดว้ ย ข้าวของเครื่องใช้ที่แม่มีไว้ส�ำหรับน�ำไปวัดในวันพระใหญ่ หรือไม่ก็เป็นเทศกาลส�ำคัญ เช่น สลากภัต เข้าพรรษา ออกพรรษา ได้ยินมาตั้งแต่จ�ำความได้ ใครต่อใครล้วนบอกว่า ‘ส�ำรับ’ ของแม่รปู ทรงลวดลายสวยงาม ประณีตและวิจติ ร ยิ่งนัก เช่นนี้จึงไม่เพียงเห็นแม่จับสายตามองส�ำรับด้วย ความรัก พระบางยังเห็นถึงความทะนุถนอมเวลาแม่ บรรจงมือล้างและเช็ดส�ำรับทีพ่ อ่ บอกว่าย่ากับปูส่ อู้ ตุ ส่าห์ น�ำติดตัวมาตั้งแต่สมัยสงครามโลก เสียงลูกตุม้ นาฬิกาเรือนใหญ่ทแี่ ขวนติดไว้บนบาน เฟี้ยมฉลุลายดังกังวานขึ้นมา ไล่เลี่ยกันนั้น ‘เขาหลวง’ กับ ‘เขาใหญ่’ ต่างพากันโก่งคอขันดั่งหนึ่งก�ำลังหยอกล้อ คลอกันด้วยความรื่นรมย์ พระบางก้มไปมองพืน้ ผิวไม้กระดานตรงนอกชาน ที่เขายืนราวกับต้องมนต์สะกด ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่า ลึกๆ แล้วท�ำไมตัวเองจึงหลงใหลต่อแผ่นไม้ที่กลายเป็น ร่องริ้วอันเนื่องมาแต่ถูกกัดเซาะจากน�้ ำฝนจนเกิดเป็น ลวดลายซึ่งหาช่างฝีมือขั้นเทพเทวดาจากแห่งหนต�ำบล 16
พระบางเมือบ้าน
ไหนเลียนแบบแนบเนียนไม่ได้เท่า ความจริงเขาหาใช่หลงใหลต่อผิวแผ่นไม้ทเี่ ป็นลาย ร่องน�้ำตามธรรมชาติมาตั้งแต่เริ่มจ�ำความได้ ในทางกลับ กันเสียอีกที่เขารบเร้าให้พ่อกับแม่เปลี่ยนนอกชานเรือน จากไม้กลายเป็นปูนซีเมนต์ พระบางในขณะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ไม่แค่พยายาม รบเร้าให้พ่อแม่รื้อแผ่นกระดานจากไม้แล้วเทปูนซีเมนต์ ลงไปแทน เขายังแอบรู้สึกคับแค้นแน่นใจที่พ่อกับแม่ ไม่ยินยอมทุบทิ้งเรือนไม้เพื่อผุดเรือนหลังใหม่ให้เป็น บ้านปูนทั่วทั้งหลังอย่างที่ออกปากแนะน�ำซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า กว่าสามสิบปีที่ล่วงมา พระบางไม่นิยมเรือนไม้ ไม่ชื่นชอบลวดลายบานเฟี้ยม ไม่เห็นว่าส�ำรับกับข้าวที่ พ่ อ เล่ า ว่ า ปู ่ กั บ ย่ า สู ้ อุ ต ส่ า ห์ ห อบหิ้ ว ติ ด ตั ว มาเมื่ อ ครั้ ง สงครามโลกเป็นมรดกตกทอดทีค่ รอบครัวของเขาสมควร ต้องเก็บรักษา ยิ่ง ‘ดวงจ�ำปา’ ที่พ่อปลูกไว้จนมีขนาดใหญ่ที่สุด ของหมูบ่ า้ นในบรรดาดวงจ�ำปาด้วยกัน พระบางยิง่ เกลียด เข้าไส้ ก่อนหน้านีพ้ ระบางไม่รวู้ า่ ท�ำไมพ่อกับแม่จงึ สมัคร ใจเรียกต้นไม้ที่มีรูปทรงเหมือนหุ่นยนต์เป็นโรคกลาก เกลื้อน อีกทั้งยังมีกลิ่นประหลาดจนเขาแทบจะขาดห้วง หายใจในทุกคราวที่เผลอหยิบมาสูดดมว่า ‘ดวงจ�ำปา’ ทั้งที่บรรดาคนในหมู่บ้านเดียวกันส่วนใหญ่เรียกมันว่า บัญชา อ่อนดี
17
‘ลั่นทม’ เพราะหมู่บ้านที่พระบางเกิดเป็นชุมชนขนาดเล็ก จึงท�ำให้ภายหลังเรียนจบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 เขาจ�ำเป็น ต้องไปเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามาก ห้วงจังหวะเวลาใกล้เคียงกันเขา จ�ำได้ว่าเวลานั้นเพื่อนบ้านหลายคนถึงกับโค่นลั่นทมทิ้ง ส่วนบางครอบครัวไม่รกู้ ลัว เกรง เกลียด หรือมีความรูส้ กึ อย่างไร แม้ไม่ถึงกับตัดสินใจโค่นแล้วโยนต้นทิ้งน�้ำ แต่ ตอนนั้นก็ขุดลากทึ้งโคนเอาไปปลูกแบบปล่อยเป็นปล่อย ตายไว้ในวัด หมูบ่ า้ นขนาดใหญ่ที่พระบางต้องปัน่ จักรยานแล้ว ยกใส่บา่ ขึน้ เรือข้ามฟากไปเรียนหนังสือ ไม่มบี า้ นใครไหน เลยปลูกลั่นทมไว้ภายในบริเวณบ้าน ก็ชื่อเป็นอัปมงคล เสียขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่วัดแม้แต่พระสงฆ์คงใช้มีดตัดทิ้ง ไม่เหลือซาก ทว่าทุกฤดูทนี่ �้ำเหนือไหลหลาก ไม่เพียงพ่อกับแม่ วิตกห่วงเรือนไทยจะถูกน�้ำท่วม ทัง้ ทีป่ ลูกให้เป็นใต้ถนุ สูง อยู่แล้ว ทั้งสองคนยังพะวงเป็นห่วงดวงจ�ำปาเสมือนว่า มันมีชีวิตจิตวิญญาณ ขณะที่พระบางนอกจากฝันถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่ง เขาจดจ�ำฝังใจตอนอยูใ่ นร้านก๋วยเตีย๋ วตาดุย๊ จนพ่อต้องรีบ พากลับเรือนไทยและน�้ำตาไหลพรากตลอดทางอย่าง ซ�้ำซาก เขายังฝันว่าตัวเองพยายามรื้อเรือนไทยด้วยมือ 18
พระบางเมือบ้าน
ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดอันไหลลามมาจากง่ามนิ้ว จากนัน้ อีกไม่นานเขาจะได้ยนิ เสียงระงมร�่ำไห้แว่วผะแผ่ว จากรูปถ่ายของปู่ย่าตายายจนท�ำให้สะดุ้งตื่นขณะเหงื่อ ชื้นอกและหลัง ฝนหยุดพร�ำสายไปนานพอสมควรแล้ว พระบาง เดินไปนัง่ ใช้ผา้ ขนหนูสขี าวผืนเล็กเช็ดฝอยฝนทีเ่ ปียกปอน ทัว่ ศีรษะอยูต่ รงโต๊ะโบราณทีต่ งั้ วางอยูไ่ ม่หา่ งจากหน้าห้อง เหนือนัก จนกระทัง่ ฝอยฝนบนศีรษะเริม่ หมาดแห้งเหมือน ปกติ จึงชันตัวลุกจากเก้าอี้ไปยืนอยู่ตรงรูปถ่ายของพ่อ กับแม่ที่แขวนตะปูอยู่บนบานเฟี้ยม คล้ายไม่รู้ตัว กระนั้นมือของพระบางก็สั่นระริก ในยามที่เขาค่อยๆ ใช้นิ้วสัมผัสลงบนรูปถ่ายที่ในภาพแม่ ของเขานุ่งผ้าซิ่น วินาทีนั้นพระบางดั่งหนึ่งต้องเวทสะกด ได้ยินเสียงแม่เข้าสู่โสตสัมผัสแจ่มชัดราวกับจริง “ผ้าซิ่นลาวไงลูก” พอนึกถึงค�ำบอกของแม่ แม้สายฝนนอกชานบ้าน จะหยุดสายไปเนิ่นนาน ทว่าฝนในดวงตากลับเริ่มตั้งเค้า และฟ้าก็ผ่าอยู่ภายในราวกับห้วงส�ำนึกของเขาจะถล่ม ทลายในพริบตา
บัญชา อ่อนดี
19
20
พระบางเมือบ้าน
2.
“ไอ้ลาว” วันแรกของการเปิดเทอมเริ่มต้นเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 4 และเป็นวันแรกที่พระบางพร้อมด้วยเพื่อนๆ จากหมู่บ้านเดียวกันปั่นจักรยานแล้วแบกใส่บ่าขึ้นเรือ ข้ามฟากไปเรียนร่วมชั้นกับบรรดานักเรียนร่วมห้องจาก ต่างต�ำบล พระบางและเพื่อนของเขาบางคนแทบไม่กล้า เอ่ยปากพูดคุยกับเพื่อนใหม่อีกเลยนับตั้งแต่พักกลางวัน เป็นต้นมา โดยเฉพาะพระบางเลือกที่จะเงียบกริบ นั่งซุกตัว ลีบอยู่บนเก้าอี้หลังห้องข้างถังขยะ ขณะห้วงยามความ คิดภายในอึกทึกครึกโครมไปด้วยความคิด ความเครียด ความอาย ต่างๆ นานา จนบ่อยครั้งเขาต้องเบนสายตา บัญชา อ่อนดี
21
มองผ่านหน้าต่างออกไปดูทุ่งนาแทนหน้าชั้นเรียน ระหว่างพักกลางวัน พระบางกับเพื่อนร่วมชั้น ในหมู่บ้านเดียวกันอีก 3 คนจับจองที่ว่างของระเบียง หน้าชั้นเปิดปิ่นโตซึ่งหิ้วติดตัวมานั่งกินข้าวด้วยกันอย่าง ปกติทเี่ คยท�ำสมัยยังอยูโ่ รงเรียนเดิม ทุกคนผลัดกันพูดคุย ด้วยความสนิทสนม บางคราวหยอกล้อต่อกระซิกอย่าง สนุกสนาน เสียดาย คล้อยหลังจากนั้นอีกไม่นานพระบาง และเพื่อนทุกคนต่างเงียบสนิท “ไอ้ลาว” เสียงจากวงข้าวข้างๆ ดังสนั่นขึ้นมา สายตาของเด็กชายคนหนึ่งในวงข้าววงนั้นมองตรงมายัง วงข้าวของพระบางและเพื่อนเหมือนจะยืนยันว่าเสียง ตะโกนเมื่อครู่เป็นของเขาเอง “เฮ้ย มองอะไร ข้าวเหนียวติดริมปากไม่รู้หรือไง เอ้า ยังไม่รีบแกะออก” เด็กชายอีกคนชี้มือมาทางเพื่อน คนหนึ่งในวงข้าวของพระบาง “พวกเรากินข้าวเจ้า เฮ้ย เอ็งอย่าเอามือไปปัด อย่างนั้น เดี๋ยวพวกมันแกล้งใหญ่” พระบางรั้งมือเพื่อน ที่หลงกลกลุ่มข้างๆ “รู้น่า แซวเล่น แต่พวกมึงพูดภาษาอะไร อีเบาะ อีแบะแบบนั้นวะ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง มุสิกัดมะ มะสิกัดมุ อะไรของพวกมึงฮึ” พูดไม่พูดเปล่า เจ้าของค�ำพูดเดินถือ กล่องพลาสติกใส่ขา้ วและกับข้าวเดินมาย่อตัวนัง่ ลงใกล้ๆ 22
พระบางเมือบ้าน
ไม่ชา้ เพือ่ นของเขาก็ลกุ ตามมาร่วมเป็นวงเดียวกัน “สอนมั่งสิ ภาษาอะไร” เจ้าของเสียงพูดที่ท�ำให้ พระบางและเพื่อนประหนึ่งเป็นใบ้เอ่ยราวก่อนหน้านี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “โธ่ ไ อ้ โ ง่ พวกฝั ่ ง นู ้ น เขาพู ด อย่ า งนี้ กั น ทั้ ง นั้ น มึงไม่เคยได้ยินเอง เด็กตลาดท�ำเป็นงี่เง่าแบบนี้ เฮ้ย เอาน่า ข�ำๆ อย่าไปสนใจ ไอ้ใหญ่ก็ทะลึ่งของมันไปเรื่อย มันไม่ได้จงใจอะไรหรอก” เด็กชายตัวเล็กบอกให้รู้ว่าเจ้าของเสียงตะโกนชื่อ ใหญ่ พระบางจะเอ่ยถามว่าเขาชือ่ อะไร เด็กตัวเล็กชิงบอก ว่า “กูณพ อรรณพ เป็นไงชื่อเพราะมั้ย” พูดพลางยักคิ้ว ไปพลาง “เราปรีชา” เพือ่ นหมูบ่ า้ นเดียวกันทีน่ งั่ ข้างขวาของ พระบางเอ่ยขึ้นบ้าง “ไม่ต้องเราต้องลาวอะไรก็ได้ เรียนห้องเดียวกัน มึงกูไปเลย” คนชื่อใหญ่ตบไหล่ปรีชา “กู ณรงค์ชัย ส่วนหมอนี้พระบาง” ทั้งใหญ่ ณพและเพื่อนกลุ่มของเขาอีกคนที่ชื่อ กวาง พอได้ฟังท�ำสีหน้างวยงง “พระบาง มึงกรุไหนวะนี่ นั่นแน่ ไอ้พวกนี้พกของ ขลังประจ�ำกลุ่มเสียด้วย” ใหญ่ใช้มือผลักหลังพระบาง เบาๆ และว่า “ชื่อแปลกดี ไม่น่าเป็นใบ้” “ไม่ เรา เอ้อ... กูพูดได้ ชัดด้วย” พระบางมองหน้า บัญชา อ่อนดี
23
คนชื่อใหญ่ สายตายืนยันถึงค�ำพูดของตัวเอง ก่อนเอื้อม มือไปเก็บปิ่นโตใส่โถ “เท่ดีนะโว้ย เอากับข้าวใส่ปิ่นโตมากิน” กวางพูด พร้อมช่วยปรีชาเก็บปิ่นโต ระหว่างนั้นก็ไม่วายยกปิ่นโตที่ มีอาหารเหลือเล็กน้อยมาสูดกลิ่น “หอมจัง” “เท่ยังไง” พระบางหันมาทางกวาง ถามเสียงห้วน “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ตอนกูเรียน ป.1 ถึง ป.4 แม่กูเอาข้าว กับข้าวใส่ปิ่นโตให้กูหิ้วมากินโรงเรียนทุกวัน เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ทัปเปอร์แวร์ตอนขึ้น ป.5 แกบอกปิ่นโต มันหนักเกิน แต่กูกลับชอบ เสียดายตอนนี้ไม่รู้ปิ่นโตเถา นั้นอยู่ตรงไหน หายไปแล้วมั้ง แล้วมึงมาโรงเรียนยังไง” “ถีบจักรยานกันมา” ปรีชาตอบแทนพระบาง “รถจักรยานมึงยกหน้าเหมือนรถจักรยานของพวก กูได้หรือเปล่า” ณพตบหัวณรงค์ชัยเบาๆ “ได้ แต่กูไม่ท�ำเดี๋ยวถูกพ่อดุ แต่กูก็ไม่ชอบให้ ใครท้า งั้นเดี๋ยวเย็นนี้หลังเลิกเรียนลองกันหน่อยก็ได้” พูดจบณรงค์ชัยตบหัวณพคืนบ้าง “รถมึงจอดอยู่ที่ไหน” “ใต้ถุนห้อง” “มึงพาไปดูหน่อย ยี่ห้ออะไร ฮัมเบอร์ หรือสแตนดาร์ด” “โน่น รถกู สีด�ำ” “คันไหนวะ” 24
พระบางเมือบ้าน
“สีด�ำตัวผู้ไง” “มึงพูดว่าไงนะ รถอะไรของมึงมีตัวผู้ด้วย” “เอ้า ก็ตวั ผูไ้ ง นัน่ อีกคันสีนำ�้ ตาลแต่เป็นตัวเมียของ ณรงค์ชัย ไอ้ตัวผู้สีด�ำอีกคันด้านซ้ายของพระบาง” ปรีชา ชี้มือบอกไล่ให้เพื่อนใหม่มองตาม ห้วงยามต่อมาเสียงหัวเราะก็ระงมขึน้ จากปากของ ใหญ่ กวาง และณพ ส่วนณรงค์ชัยกับปรีชาหน้าตาเหรอ หรา ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงพระบางที่นอกจาก ใบหน้าชาดิก ยังต้องขบริมฝีปากตัวเองแน่น “ไอ้ลาว เขาเรียกรถผูห้ ญิง ผูช้ าย กูนกึ แล้วมีทไี่ หน รถตัวผู้ ตลกจังภาษาพวกมึง” ใหญ่หัวเราะจนน�้ำตาไหล ยกเท้าเตะก้นปรีชาเป็นการหยอกเอิน เสียงระฆังบอกหมดเวลาพักกลางวันดังขึ้น ใหญ่ กวาง ณพ ณรงค์ชัย ปรีชา ยังคงระเบ็งเสียงทั้งเถียง และคุยกันดังลั่น มีเพียงพระบางเท่านั้นที่ก้มหน้าหลุบตามองพื้น
บัญชา อ่อนดี
25
26
พระบางเมือบ้าน
3.
ความจริงพระบางตื่นนานแล้ว ตื่นก่อนพ่อจะเปิด แผ่นเสียงฟังเพลงเบาๆ ที่เขาจ�ำเนื้อร้องได้แม่น เพราะ แผ่นเสียงที่พ่อเลือกหยิบเปิดในตอนรุ่งเช้ามีไม่กี่แผ่น ถ้า ไม่ใช่เพลงบรรเลงไทยเดิมอย่าง ‘ลาวดวงเดือน’ ก็เป็นแผ่น เพลงลูกทุ่งร้องโดย ทูล ทองใจ อาทิเพลง ‘เดือนต�่ำ ดาวตก’ หรือเพลง ‘คืนนัน้ สวรรค์ลม่ ’ แต่วนั นีเ้ ป็นบทเพลง ‘เสียงดุเหว่าแว่ว’ “เสียงดุเหว่าแว่วมา เหมือนเตือนให้สองเรา ผวา จากกัน ค่อนคืนตื่น ฝัน...” พระบางควานคว้าหาผ้าห่มขึ้นมาปิดทับดวงตา พลิกตัวนอนคว�ำ่ หน้า พลางครุน่ คิดถึงเนือ้ เพลงทีว่ า่ “ค่อน คืน... ตื่น... ฝัน...” บัญชา อ่อนดี
27
เมื่ อ คื น ที่ ผ ่ า นมาพระบางประเดี๋ ย วสะดุ ้ ง ตื่ น ประเดี๋ ย วผล็ อ ยหลั บ แล้ ว ก็ ฝ ั น สลั บ กั น อยู ่ อ ย่ า งนั้ น จนเหมือนไม่ได้หลับอย่างแท้จริง เหนือยิ่งสิ่งใด เรื่องราวหลากหลายที่เขาฝันมัน เป็นฝันร้ายทั้งสิ้น เรื่องราวในฝันเรื่องหนึ่งซึ่งท�ำให้พระบางสะดุ้ง สุดตัว หัวใจเต้นแรงราวกับมันเกิดขึ้นจริง คือเขาฝันเห็น ใหญ่ กวาง และณพ ชักชวนเพื่อนใหม่ทั้งหญิงและชาย มากมายหลายคนมาคอยซุ่มอยู่หน้าห้องเรียนเพื่อแอบดู เขาและเพือ่ นจากหมูบ่ า้ นเดียวกัน ทุกคนต่างหัวเราะเสียง ดังสนั่นในทันทีที่พระบางเปิดปากพูดคุยกับปรีชาด้วย ภาษาถิ่นเกิด ครู่หนึ่งพระบางเลิกมือไปเปิดผ้าห่มที่ปิดหน้า คลุมตา แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ควานเอามาปิดคลุมไว้ เหมือนเดิมก่อนจะเริ่มย้อนคิดไปถึงอดีตตอนที่เขาเพิ่ง จ�ำความได้ วันหนึ่งขณะดวงอาทิตย์อยู่กึ่งกลางฟ้า พ่ออุ้มเขา ซ้อนท้ายจักรยานไปซื้อของในตลาด หลังจากได้ข้าวของ เครือ่ งใช้ตามต้องการครบเรียบร้อย พ่อพาไปกินก๋วยเตีย๋ ว ทีเ่ ขาจ�ำแม่นมาจนถึงวันนีว้ า่ ชือ่ ร้านก๋วยเตีย๋ วตาดุย๊ ซึง่ เป็น คนจีนตัวเล็กๆ ส่วนเมียของเขาชื่อเจ๊บ้วย ทั้งสองคนมี ฝีมือในการท�ำก๋วยเตี๋ยวและข้าวผัดอร่อยจนลูกค้าแน่น ร้าน วันนัน้ พระบางยังจ�ำได้อกี ว่าแต่ละคนใช้เวลาระหว่าง 28
พระบางเมือบ้าน
นัง่ รออาหารทีต่ นเองสัง่ พูดคุยสนทนากันด้วยภาษาแปลก หู ช่วงนั่งรอเจ๊บ้วยยกชามก๋วยเตี๋ยวมาส่ง จู่ๆ เด็กชายตัว โตซึ่งน่าจะมีอายุมากกว่าเขาราว 3-4 ปีที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หันมาเห็นหน้ากากเสือที่พ่อเพิ่งซื้อให้เขาถึงกับปรี่เข้ามา ขอเล่นด้วย แรกทีเดียวเขาไม่ยอมพูดคุยแต่ก็ไม่ได้หวง ของเล่น จนกระทัง่ เจ๊บว้ ยยกชามก๋วยเตีย๋ วต้มจืดมาส่งให้ ตรงหน้า เขาจึงบอกกับเด็กคนนั้นว่าขอหน้ากากเสือคืน เด็ ก ตั ว โตพยายามยื้ อ แย่ ง ไม่ ย อมให้ เ ขาเอา หน้ากากเสือไปเก็บ เขาจึงหันไปบอกกับพ่อด้วยสุ้มเสียง ค่อนข้างดัง คนที่นั่งกันอยู่ในร้านหันมามองทางเขาเป็น ตาเดียว ไล่เลี่ยกันนั้นเขาได้ยินเด็กตัวโตตะคอกใส่หน้า ว่า “ไอ้ลาว” เสียงแม่เริ่มก่อไฟฟืนเพื่อตระเตรียมหุงข้าวและ ท�ำอาหารได้ยนิ เบาๆ มาเข้าหูเป็นบางครัง้ พระบางยังคง นอนลืมตาโพลงอยู่ใต้ผ้าห่ม ถอนหายใจ ไม่วายครุ่นคิด ถึงเหล่าเพื่อนร่วมห้องเรียนคนใหม่ทั้งใหญ่ กวาง ณพ ว่ากันตามจริงหากใหญ่ เด็กชายนัยน์ตาโต กวาง ที่ตัวสูงโย่ง และณพผู้มีใบหน้ากลมป้อมคล้ายซาลาเปา จะไม่ เ รี ย กเขาและเพื่ อ นหมู ่ บ ้ า นเดี ย วกั น ในบางครั้ ง อย่างที่เด็กชายตัวโตท� ำให้เขาจ�ำฝังใจตอนอยู่ยังร้าน ก๋วยเตี๋ยวตาดุ๊ย เขาคงเกิดความรู้สึกสนิทสนมกับทุกคน มากกว่านี้ อย่างน้อยการทีเ่ พือ่ นกลุม่ ใหม่ยบุ วงข้าวมากิน ร่วมกับวงของเขาบ่งบอกถึงมิตรภาพที่ดี ทั้งๆ ที่เพิ่งเข้า บัญชา อ่อนดี
29
เรียนร่วมห้องเดียวกันไม่พ้นวันเสียด้วยซ�้ำ เท่าทีส่ งั เกต พระบางเห็นว่าทัง้ ปรีชาและณรงค์ชยั ไม่ค่อยใส่ใจตอนถูกใหญ่ กวาง หรือณพตะเบ็งเสียงใส่ หน้า มีเพียงเขาที่เนื้อตัวชาดิก หัวใจสั่นระริก และเกือบ เดินผละหนี แม้บางครั้งจะเกิดความรู้สึกลึกๆ ว่าเพื่อน กลุ่มใหม่หาได้มีเจตนาข่มเหงหรือด่าว่าให้อับอาย แต่ ค�ำพูดนั้นเป็นเพียงถ้อยค�ำง่ายๆ ที่มักหลุดออกมาจาก ปากโดยไม่มีเจตนาเย้ยหยัน พระบางจ�ำต้องฝืนใจผุดลุกจากทีน่ อนหลังเสียงแม่ ร้องเรียกเป็นครั้งที่สี่ ตามปกติเขาไม่เคยให้แม่ต้องออก ปากอย่างนี้ เพราะหน้าที่หนึ่งซึ่งเขาต้องท�ำเป็นประจ�ำ ทุกวัน เว้นวันพระคือ ยกขันข้าวไปรอใส่บาตร อีกทั้งน�ำ เอาถ้วยกับข้าวไปใส่ไว้บนแป้นไม้หน้าซุ้มการเวก หมู่บ้านของพระบางนอกจากมีส�ำเนียงเสียงพูด ผิดแผกแตกต่างไปจากหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ยังมีประเพณีที่ไม่มีแห่งไหนเหมือนอีกอย่างหนึ่งนั่นคือ การใส่บาตร ทุกเช้าแม่จะเดินประคองขันข้าวอุน่ ไว้ตรงอก ส่วน เขาจะเป็นคนถือถ้วยใส่กับข้าวเดินตามแม่ไปติดๆ เมื่อ พระภิกษุเดินผ่านมาถึง แม่จะเป็นฝ่ายตักข้าวจากขันใส่ บาตร ส่วนพระบางจะเอาถ้วยใส่กบั ข้าวไปวางไว้บนแป้น ไม้ หาใช่นำ� กับข้าวไปใส่ในภาชนะอาทิ ปิน่ โต หรือกระจาด ซึ่งเด็กวัดเดินถือตามหลังพระภิกษุสงฆ์อย่างที่พบเห็น 30
พระบางเมือบ้าน
จากหมู่บ้านอื่น พ่อกับแม่บอกกับเขาตัง้ แต่จำ� ความได้ดว้ ยน�ำ้ เสียง และท่าทีภาคภูมิใจว่า นอกจากหมู่บ้านของเรา ไม่มี หมู่บ้านไหนท�ำเช่นนี้ พระบางยั ง คงนั่ ง อ้ อ ยอิ่ ง อิ ง หลั ง กั บ ซุ ้ ม การเวก ส่ ว นแม่ เ ดิ น ตั ด แสงเงาฉลุ ใ บดวงจ�ำ ปาซึ่ ง แดดเช้ า เริ่ ม จัดจ้ากลับเข้าบ้านไปแล้ว พระบางมองตามแถวพระภิกษุ ที่เริ่มห่างออกไป ในใจยังคงวุ่นวายอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่ และฝันร้ายของเมื่อคืน คล้ายเหงื่อเริ่มชื้นฝ่ามือ กระทั่งมี เสียงผูค้ นสนทนาดังมาแต่ไกล เห็นว่าบนไหล่ของพวกเขา ทั้งสามหาบไว้ด้วยสาแหรก “วันนี้แกงอะไร” น้าทองจันทร์เดินน�ำหน้ายิ้มเห็น ฟันขาว “ไปโรงเรียนเจอเพื่อนใหม่สนุกหรือเปล่า” ลุง บุญส่งเดินหาบสาแหรกที่มีถ้วยและปิ่นโตกับข้าววางอยู่ แล้วไปหยุดอยูต่ รงแป้นไม้ทพี่ ระบางวางกับข้าวไว้ จากนัน้ ค่อยๆ น�ำไปใส่เคียงกับถ้วยอื่นๆ ในสาแหรก “อย่าเที่ยวไปหลงรักสาวแถวนั้นเสียนะ สวยสู้ พวกบ้านเราไม่ได้หรอก” พี่สว่างเอ่ยแล้วอมยิ้ม “ดูพี่สว่างสิ แก่ปานนี้ยังขาวเป็นหยวก” น้าทองจันทร์หนั ไปทางลุงบุญส่ง “แต่กอ็ ย่างว่า ลูกคนจีนในตลาด ใกล้โรงเรียนใหม่ธรรมดาที่ไหน ไม่เชื่อถามลุงบุญส่งได้ เมาหัวราน�้ำมาแล้ว” บัญชา อ่อนดี
31
“โดนเขาทิ้ง” เสียงพี่สว่างค่อยๆ ลับหูไป พระบางเกื อ บตั ด สิ น ใจพู ด โกหกพ่ อ กั บ แม่ ว ่ า เมื่อคืนก่อนนอนเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ตกดึกจับไข้ แต่ไม่กล้าปลุกให้ทั้งสองต้องลุกมาดูอาการ คิดว่านอน สักพักคงค่อยยังชั่วขึ้น แต่กลับยิ่งหนาวสั่นและปวดหัว ตัวร้อนเป็นไฟ เพิ่งสร่างไข้เอาเมื่อตอนค่อนรุ่ง คิดมาคิดไป พระบางไม่สามารถเอ่ยอ้างหาเหตุ โป้ปดเพื่อไม่ไปโรงเรียนอย่างที่คิดไว้ได้ แค่ค�ำพูดบางค�ำ ของกลุ ่ ม เพื่ อ นใหม่ ไ หนเลยถึ ง กั บจะสร้ า งเรื่ อ งเท็ จ ที่ น่าละอายอย่างไม่เคยท�ำมาก่อน แต่พอนึกถึงค�ำตวาดและเสียงหัวเราะของพวกนัน้ เมื่อไร จิตใจกลับห่อเหี่ยว จักรยานที่พระบางปั่นไปบนถนนลูกรังก่อนจะยก ใส่บ่าขึ้นเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งยังเป็นคันเดิม ทว่าวันนี้ แรงจากเท้าที่เขาใช้หมุนล้อกลับหนักอึ้งจนล้าถึงหัวใจ
32
พระบางเมือบ้าน
4.
หากเข้าสูห่ น้าฝนรอบเวิง้ น�้ำตรงนีจ้ ะเปีย่ มแปล้ไป ด้วยคลืน่ น�ำ้ สีขนุ่ ทีห่ นุนมาจากทางทิศเหนือและทิศตะวัน ออก เนื่องเพราะบริเวณนี้เป็นจุดซึ่งน�้ำสองสายไหลมา รวมกัน น�้ำที่ไหลมาจากทิศเหนือเป็นแม่น�้ำสายหลัก ชาวบ้านนิยมเรียกว่า ‘น�้ำท่า’ หาใครเรียก ‘แม่น�้ำน่าน’ อย่างทางการตั้งแทบไม่มี น�้ำอีกสายหนึ่งซึ่งไหลเลาะเซาะพื้นดินมาทางทิศ ตะวันออก ชาวบ้านทั่วไปเรียก ‘น�้ำตรอน’ เป็นน�้ำที่ไหล มาจากคลองตรอนซึง่ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ก่อนจะบรรจบ เป็นสายเดียวกันกับแม่น�้ำน่านตรงจุดตัดผ่านแห่งนี้ ช่วงนีย้ งั เป็นปลายหน้าแล้ง พืน้ ทีเ่ กือบทุกแห่งของ หมูบ่ า้ นส่วนหนึง่ จึงสามารถมองเห็นตลิง่ สูงชันไปจนเกือบ บัญชา อ่อนดี
33
สุดตา ทว่าจะมีก็แต่ตีนท่าตรงน�้ำสองสายไหลมารวมกัน เท่านั้นที่นอกจากตลิ่งอันทิ้งตัวจากริมถนนมาเชื่อมชน กับผืนน�ำ ้ รอบบริเวณยังปรากฏลานกรวดทรายกว้างใหญ่ ไม่ต่างอะไรกับสัญลักษณ์ที่บ่งบอกให้รู้ว่านี่เป็นจุดรวม ของแควสองสายไหลมารวมเป็นล�ำน�้ำเดียวกัน ไม่วา่ จะเป็นฤดูแล้งหรือน�ำ้ หลาก เหนือสายน�ำ้ ตรง เวิ้งนี้จะมีเรือนแพขนาดเท่ากับบ้านหลังย่อมๆ หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นเรือนแพหลังเดียวของหมู่บ้านลอยเรี่ยอยู่เสมอ เสียงกลองเพลดังหายไปนานแล้ว ดวงจ�ำปาเดิน ผ่านสุ่มไก่ที่โก่งคอขันเจื้อยแจ้วเสมือนประสงค์ทักทาย เด็กหญิงเอามือไล่ระกับสุ่มไก่ที่สานจากไผ่ สายตาสอด ส่ายหาเจ้า ‘สีสะหวาด’ แมวตัวโปรดทีช่ อบแอบมาหลบมุม ซุ่มกวนไก่ในช่วงพ่อกับแม่ง่วนอยู่กับงาน ดวงจ�ำปาปีนไต่ตลิ่งที่พ่อขุดปรับแต่งดินเป็นขั้นๆ เหมือนบันไดอย่างไม่รสู้ กึ เหน็ดเหนือ่ ย นัน่ เป็นเพราะแทบ ทุกวันเด็กหญิงต้องเดินไต่ขึ้นลงตลิ่งอย่างน้อยวันละ 4-6 เที่ยวเป็นอย่างต�่ำ ห้วงยามนีเ้ ป็นหน้าแล้งน�ำ้ เกือบจะแห้งขอด ตลอด หมู่บ้านจึงเป็นตลิ่งสูงชัน พ่อของดวงจ�ำปาใช้วิธีขุดแต่ง ตลิ่งไล่ระดับต่อกันไป 5 ขั้น จากนั้นจะปรับแต่งดินเยื้อง ออกไปทางด้านขวาหรือซ้ายเพื่อใช้ยืนพักเหนื่อยส�ำหรับ เพือ่ นบ้านผูม้ าเยีย่ มหา และนัยหนึง่ ก็เพือ่ ท�ำให้ไม่รสู้ กึ ว่า ตลิ่งสูงชันเกินไป จากนั้นไล่ระดับอีก 5 ขั้น สลับไปมา 34
พระบางเมือบ้าน
จนกว่าจะถึงขั้นสุดท้าย ฝ่ายแม่จะปลูกดอกไม้แซมดินไว้ตรงจุดพักเหนือ่ ย ไล่จากชายน�้ำจนถึงสุดขอบถนน มีทั้งดาวเรือง บานไม่รู้โรย และกุหลาบ เดินเนิบเนือยขึ้นมาจนเกือบสุดตลิ่ง สายตาของดวงจ�ำปาจึงเห็นเจ้าสีสะหวาดหมอบเงียบอยู่ ใกล้กบั ดอกดวงสีเหลืองของดาวเรืองทีก่ ำ� ลังสะพรัง่ พราว ดวงตาของมั น จั บจ้ อ งมองดู ผี เ สื้ อ ที่ บิ น อยู ่ เ หนื อ ดอก ดาวเรืองประหนึ่งไม่ระแวงภัย เด็กหญิงใช้มือตีเบาๆ เข้าใส่ตรงเท้าหน้าของเจ้า สีสะหวาด ดุเสียงค่อนข้างดัง “ห้ามไปรังแกเขาเด็ดขาด รู้ไหม นี่แน่ะ” พอถูกตีเจ้าสีสะหวาดเหมือนรู้ เอาหัวถูกับมือ เด็กหญิงไปมาคล้ายขอโทษหรือส�ำนึกผิด ดวงจ�ำปาเดิน อุ้มแมวแสนรักขึ้นมายืนอยู่บนถนน เสียงฝีเท้าของผู้คน ย�่ำย่างมาจากทางวัด แดดเริม่ ร้อนแรงขึน้ เรือ่ ยๆ เสียงคน ที่เดินมาร้องทักได้ยินชัดหู “ไม่ไปโรงเรียนหรือดวงจ�ำปา” “โรงเรียนหนูเปิดพรุ่งนี้จ้ะลุง” “ปีนี้ขึ้นชั้นอะไรแล้วล่ะ” ชายคนที่ดวงจ�ำปาเรียก ลุงหาบสาแหรกที่มีทั้งถ้วย ชาม ปิ่นโตวางอยู่มาหยุดตรง แป้นไม้ด้านหลังที่ดวงจ�ำปายืนรอ กวาดสายตามองหา แล้วหยิบถ้วยตราไก่ใบหนึ่งเอาไปวางคืนไว้บนแป้นไม้ “ขึน้ ชัน้ ป.6 ค่ะ” ดวงจ�ำปาเอีย้ วตัวไปหยิบถ้วยจาก บัญชา อ่อนดี
35
แป้นไม้มาถือไว้ ถ้วยตราไก่ของเด็กหญิงที่ใส่แกงถวาย พระเมื่อตอนเช้า ตอนนี้ยังมีแกงก้นถ้วยเหลือให้เห็น แต่ ชาม ปิ่นโต หรือถ้วยในสาแหรกบนไม้คานที่ลุงหาบคอน ไว้นั้นกลับมีภาชนะบางชิ้นพูนไว้ด้วยข้าวสวยเม็ดงาม เด็กหญิงรู้ว่านี่เป็นประเพณีที่หมู่บ้านของเธอปฏิบัติสืบ ต่อกันมา คนหาบสาแหรกแต่ละสายจะรู้ดีว่ากับข้าวถ้วย ไหนเป็นของบ้านใคร ภายหลังพระสงฆ์ฉันเรียบร้อย คนหาบสาแหรกจะน�ำภาชนะใส่อาหารกลับมาคืนทุกบ้าน ถ้ากับข้าวของใครหมด คนหาบสาแหรกจะตักข้าวใส่กลับ คืนให้ “เผลอแป๊ บ เดี ยวอี ก ไม่ น านจะเป็ น สาวรุ ่ น แล้ ว เอ้อ พ่อกับแม่อยู่เรือนแพรึ” “เปล่าจ้ะ พ่อกับแม่เอามะพร้าวไปปลูกฝากบ้าน ลุงผูใ้ หญ่ เด็กหญิงชีม้ อื ไปทางเรือนไทย “ตัง้ แต่เช้าแล้วลุง” “ดีจริง เมื่อก่อนตอนเด็กสมัยบ้านลุงยังไม่มีไร่นา พ่อแม่ของลุงก็ฝากปลูกผลหมากรากไม้ไว้กับบ้านคนอื่น ได้ลูกได้ผลเมื่อไรก็เก็บมากิน บ้านอื่นเขาไม่มีแบบบ้าน ของเรานะ ดีแล้ว เรื่องไหนดีๆ ต้องรักษากันเอาไว้” ลุงหาบสาแหรกเดินพ้นโค้งไปสักพัก ดวงจ�ำปา แนบหน้าหาเจ้าสีสะหวาด เด็กหญิงชอบเอาหน้าผาก ตัวเองไปชนกับหน้าผากของมัน แต่จังหวะนั้นเด็กหญิง ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อสายตาคล้ายเห็นว่ามีร่างของใครคน หนึ่งยืนเงียบอยู่ตรงต้นตะแบกขอบถนนฝั่งตรงข้าม 36
พระบางเมือบ้าน
“พี่พระบาง” ครั้นเห็นว่าเป็นใครดวงจ�ำปาจึงร้อง ทักด้วยน�้ำเสียงคุ้นเคย “สายป่านนี้ยังไม่ไปโรงเรียนอีก” พระบางอยู่ในชุดนักเรียน ยกมือปัดป่ายไปมา ราวกับต้องการจะปรามดวงจ�ำปาอย่าเสียงดัง ดวงจ�ำปา อุ้มเจ้าสีสะหวาดเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง ไม่แน่ใจว่าท�ำไม จนเกือบเที่ยงวันพระบางยังปั่นจักรยานจากเรือนไทยมา ถึงแค่บ้านเธอ ทั้งๆ ที่เขาน่าจะนั่งกินข้าวพักเที่ยงอยู่ โรงเรียนแล้ว “ไม่สบาย ปวดท้อง” พระบางพูดเสียงห้วน จูง จักรยานเหมือนจะเดินจากไป ไม่แม้แต่จะปรายตามอง หน้าเด็กหญิง ความจริงหากไม่มเี รือ่ งวุน่ วายใจกับกลุม่ เพือ่ นใหม่ ร่วมชั้นเรียน พระบางไม่ชอบสุงสิงพูดคุยกับเด็กหญิงที่ ยืนนิ่งอุ้มแมวอยู่ต่อหน้าเขามานานหลายปีแล้ว “พ่อกับแม่หนูเอามะพร้าวไปปลูกฝากไว้บ้านพี่ ไปกันตั้งแต่เช้า เจอกับพี่ไหมจ๊ะ” “ไม่ พ่อกับแม่ไม่เห็นบอก ไปล่ะ” พระบางตัดบท “พี่ปวดท้องไปเข้าส้วมบ้านหนูสิ” “โห ไม่ใช่ปวดแบบนั้น” พระบางท�ำท่าฮึดฮัด เหมือนดวงจ�ำปาท�ำอะไรพูดอะไรล้วนขัดหูขัดใจไปเสีย ทั้งหมด “อ้อ ห้ามไปบอกพ่อกับแม่พี่ว่าเจอพี่ที่นี่ตอนนี้ นะ ไม่เชือ่ จะตีให้ตายเลย” นอกจากพูดเสียงแข็ง พระบาง ยังชี้มือใส่หน้า บัญชา อ่อนดี
37
ดวงจ�ำปาไม่เอือ้ นเอ่ยตอบ ท�ำแค่เบ้ปากใส่กอ่ นจะ อุ้มเจ้าสีสะหวาดและถือถ้วยตราไก่ไต่ตลิ่งลงไปด้วย ความช�ำนาญ
38
พระบางเมือบ้าน
5.
พ่อของพระบางมีแต่คนเคารพรัก เช่นเดียวกับแม่ ที่มีน�้ำใจโอบอ้อมอารี ก่อนพระบางจะลืมตาดูโลก วัดถูก น�้ำกัดเซาะตลิ่งจนโบสถ์พังทลายหายไปกับสายน�ำ้ น่าน ชั่วข้ามคืนถัดมาพ่อและแม่ของพระบางซึ่งมีที่ดินได้รับ เป็นมรดกตกทอดมาจากปูก่ บั ย่า คลายปัญหาซึง่ ชาวบ้าน และหลวงพ่ อ พระครู ร ่ ว มกั น ครุ ่ น คิ ด แต่ ยั ง แก้ ไ ม่ ต ก ด้วยการยกที่ดินบางส่วนให้สร้างเป็นวัดแห่งใหม่ซึ่งอยู่ ไม่ไกลจากบริเวณเดิมมากนัก 5 ปีให้หลังวัดและโบสถ์แห่งใหม่แล้วเสร็จด้วย น�้ำพักน�้ำแรงและทรัพย์สินเงินทองที่ชาวบ้านในชุมชน เดี ย วกั น และต่ า งต� ำ บลต่ า งอ� ำ เภอน� ำ มาถวายให้ กั บ หลวงพ่อพระครูผู้เป็นเจ้าอาวาสจัดสร้าง แม้หมู่บ้าน บัญชา อ่อนดี
39
แห่งนี้มีขนาดเล็ก แต่หลวงพ่อพระครูผู้เป็นเจ้าอาวาส และเป็นญาติห่างๆ ทางฝ่ายปู่ของพระบางเป็นที่เคารพ ศรัทธา ฟังมาว่าท่านมีเวทมนตร์คาถา และวัตรปฏิบัติ อันน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง คื น ที่ ท างวั ด จั ด ให้ มี ห มอล� ำ ซึ่ ง เป็ น การละเล่ น ประจ�ำถิ่นเพื่อเฉลิมฉลองงานตัดลูกนิมิตนั้น เป็นคืน เดียวกันกับวันที่แม่คลอดพระบาง พ่อทั้งต้องปลีกเวลา ไปช่วยวัด ทั้งฉวยเวลากลับมาหาแม่ พ่อถึงกับน�้ำตาไหล ป้องปากไชโยโห่ร้องแทบจะก้องไปทั้งหมู่บ้านในทันทีที่รู้ ว่าได้ลกู ชาย จากนัน้ รีบคลานเข่าเข้าไปกราบนมัสการกับ หลวงพ่อพระครูวา่ ได้ลกู แล้ว อีกไม่กอี่ ดึ ใจต่อมาหลวงพ่อ พระครูบอกกับพ่อว่าให้ลูกชายชื่อพระบาง ด้ ว ยความเป็ น คนแตกฉานทางด้ า นการอ่ า น การเขียนแม้เรียนแค่ประถมปีที่ 4 อีกทั้งยังเป็นที่รับรู้กัน เป็นอย่างดีวา่ พ่อของพระบางช่างรอบรูเ้ รือ่ งราวประเพณี สมัยปูท่ วดอันเป็นบรรพบุรษุ ของต�ำบล ประกอบกับความ เป็นคนมีน�้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในที่สุดพ่อจึงได้รับเลือก ให้เป็นผู้ใหญ่บ้านแทนคนเก่า พ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านตอนพระบางอายุขวบเศษ เขา เป็นเด็กชายที่ใครเห็นใครก็อยากอุ้ม เลี้ยงง่าย ยิ้มง่าย ไม่ งอแง ผิวขาวและคิ้วเข้ม แม่มักจะเอ่ยปากชื่นชมพระบาง ซึ่งเป็นลูกชายโทนคนเดียวอยู่บ่อยๆ ว่าปล่อยให้เล่น คนเดียวได้ หรือใครมาขออุ้มก็ไม่หวงตัว 40
พระบางเมือบ้าน
ในบรรดาเพือ่ นบ้านทีน่ ยิ มไปมาหาสูก่ บั ครอบครัว ของพ่อแม่พระบางอย่างกับเป็นญาติกนั นัน้ มีนา้ ดวงเดือน กับอาสมสนุกซึ่งแท้ที่จริงหาใช่ใครไหนอื่น ทั้งสองเป็น แม่และพ่อของดวงจ�ำปานั่นเอง อาสมสนุกกับน้าดวงเดือนอายุนอ้ ยกว่าพ่อแม่ของ พระบางน่าจะมากกว่าสิบปี ทั้งคู่แต่งงานกันมาหลายปี แต่ยงั ไม่มที ที า่ ว่าน้าดวงเดือนจะตัง้ ท้อง พ่อรักอาสมสนุก เหมือนน้องในไส้ ว่างวันไหนมักถือผลไม้หรือไม่ก็หิ้ว กับข้าวเอาไปฝากถึงเรือนแพเสมอ ทัง้ อาสมสนุกและน้าดวงเดือนรักหรืออาจเรียกได้ ว่าต่างหลงในตัวพระบางอย่างกับเป็นลูกในไส้ของตัวเอง วันสองวันหากแม่หรือพ่อไม่พาพระบางไปเล่นยังเรือนแพ ไม่เป็นน้าดวงเดือนก็ต้องเป็นอาสมสนุกที่บุกมาถึงเรือน จากนั้นจะน� ำพระบางขี่ใส่คอกลับไปเลี้ยงยังเรือนแพ ไม่ต�่ำกว่าชั่วโมงแล้วจึงกลับมาส่งยังอกแม่ เป็นเช่นนี้จน 4 ปีผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นอาสมสนุก พ่อ แม่ของพระบาง กระทั่งเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ล้วนแทบ ไม่มีใครเชื่อว่าจู่ๆ น้าดวงเดือนจะตั้งท้อง เล่าลือกันว่า วั น ที่ รู ้ ตั ว เองก� ำ ลั ง จะได้ ลู ก อาสมสนุ ก ปี น ขึ้ น ไปบน หอกลองแล้วหวดไม้ตีเข้าใส่กลองเพล ทั้งๆ พวกหาบ สาแหรกเช้าทุกสายยังไม่มใี ครกลับถึงวัด เล่นเอาชาวบ้าน แตกตื่นงวยงงกันยกใหญ่เพราะความดีใจจนคล้ายคนบ้า ของอาสมสนุก บัญชา อ่อนดี
41
ทุกคนลงความเห็นแบบทีเล่นทีจริงแทบจะเป็น เสียงเดียวกันทั้งหมู่บ้านว่าที่น้าดวงเดือนตั้งท้องเป็น เพราะ ‘ลูกอิจฉา’ แรกทีเดียวพระบางยังไม่เข้าใจ ต่อเมือ่ อยูใ่ นวัยกว่า สิบขวบแม่จึงอธิบายให้ฟังว่า ‘ลูกอิจฉา’ หมายถึงนางฟ้า เทวดาผู้คุ้มครองรักษาตัวของน้าดวงเดือนกับอาสมสนุก เห็ นว่ า ทั้ ง คู ่ ห ลงรั ก ใคร่ พ ระบางอย่ า งกั บ เป็ น ลู ก ในไส้ ดังนั้นจึงดลบันดาลให้น้าดวงเดือนตั้งท้องขึ้น จึงเรียก เด็กที่ก�ำลังจะเกิดว่า ‘ลูกอิจฉา’ อย่ า งไรก็ ต ามพระบางยั ง ถู ก อาสมสนุ ก อุ ้ ม ไป หาน้าดวงเดือนถึงเรือนแพอยู่บ่อยๆ ด้วยความรักใคร่ ไม่เปลี่ยนแปร จนน้าดวงเดือนตั้งท้องเข้าสู่เดือนที่แปด พระบางจึงค่อยๆ ห่างจากเรือนแพ มาขลุกอยูก่ บั แม่และ พ่อที่เรือนไทยจนไปเรียนหนังสือ ดวงจ�ำปาเกิดหลังพระบางเกือบ 5 ปี ทั้งคู่สนิท สนมรักใคร่และเล่นกันด้วยดีตามปกติของเด็ก ตราบจน พระบางเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 ขึ้นไปเรียนชั้นมัธยม ศึ ก ษาปี ที่ 1 ซึ่ ง แม้ จ ะเป็ น โรงเรี ย นเดี ยวกั น กระนั้ น พระบางก็เริ่มหันไปเล่นกับเพื่อนคนใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็น ผู้ชาย นานครั้งจึงได้พูดคุยกับดวงจ�ำปาในเวลาเจอหน้า ด้วยความบังเอิญ หรือไม่ก็เป็นวันที่พ่อชวนพระบางไป เยี่ยมเยือนเรือนแพ คืนดาวแต้มฟ้าและอากาศหนาวยะเยือก พระบาง 42
พระบางเมือบ้าน
นั่ ง ฟั ง พ่ อ พู ด คุ ย เรื่ อ งราวหนหลั ง กั บ อาสมสนุ กอยู ่ ริ ม ระเบียงเรือนแพ ส่วนน้าดวงเดือนนั่งชุน ผ้าอยู่ตรงหน้า ตะเกียงลานใบใหญ่ ใกล้ๆ กับน้าดวงเดือนมีดวงจ�ำปา ก้มหน้าใช้สีเทียนวาดรูปลงบนกระดาษขาวอยู่เงียบๆ จากค� ำ สนทนาของพ่ อ กั บ อาสมสนุ ก คื น นั้ น พระบางจึงเพิ่งรู้ว่าผู้ตั้งชื่อเด็กหญิงนุ่งผ้าซิ่นลาวผืนเล็ก นั่ ง ๆ นอนๆ บวกลบเลขการบ้ า นหรื อ ไม่ ก็ ว าดภาพ ห่างจากเขาออกไปสักห้าวาคือพ่อของเขา จู่ๆ หลวงพ่อพระครูอาพาธจนเดินไปไหนเหมือน เดิมไม่ได้ และอีกไม่นานก็มรณภาพ อาสมสนุกและน้า ดวงเดือนจึงขอร้องให้พ่อตั้งชื่อลูกสาวให้ พ่อมองออก ไปตรงหน้าเรือนไทย ทอดสายตาประหนึ่งครุ่นคิดอยู่ เนิ่นนานก่อนจะหันมาพูดกับน้าทั้งสองว่า “เพื่ อ ระลึ ก ถึ ง รกราก ลู ก สาวคนนี้ ส มควรชื่ อ ดวงจ�ำปา”
บัญชา อ่อนดี
43
44
พระบางเมือบ้าน
6.
อาจเป็นเพราะเข้าใจความหมายของ ‘ลูกอิจฉา’ ซึ่งแฝงนัยบอกให้รู้ท�ำนองว่าสาเหตุที่ดวงจ�ำปาถูกเทวดา นางฟ้าดลบันดาลให้มาเกิด เนือ่ งจากอิจฉาทีน่ า้ ดวงเดือน กับอาสมสนุกรักเขา ประกอบกับตัวเองเริ่มเติบโตขึ้น เรื่อยๆ พระบางจึงไม่ค่อยเล่นหรือพูดคุยกับดวงจ�ำปา ยกเว้นเวลาเจอหน้าอาสมสนุกหรือน้าดวงเดือน เด็กชาย จะยกมือไหว้และรีบเข้าไปกอดเอวเหมือนเคย พ่อและแม่ของเขาไม่ทนั สังเกตว่าปีสองปีทผี่ า่ นมา มีแต่ดวงจ�ำปาเท่านั้นพยายามชวนพระบางพูดคุย ส่วน ลูกชายมักไม่ยิ้มหัวด้วยเหมือนเดิม ดังนั้นพ่อจึงยังคง ชวนพระบางไปนั่งเล่นรับลมเย็นในยามค�่ำคืนที่เรือนแพ บ่อยๆ บัญชา อ่อนดี
45
ผ้าซิน่ ตีนจก หรือไม่กผ็ า้ ซิน่ ลาวผืนน้อยทีด่ วงจ�ำปา สวมใส่ล้วนเป็น ฝีมือของน้าดวงเดือนถักทอให้ลูกสาว หลายคราวยามพ่ อ ชวนพระบางไปยั ง เรื อ นแพ หาก น้าดวงเดือนไม่ง่วนอยู่กับงานบ้าน ภาพที่พระบางเห็น จนเจนตาคือน้าดวงเดือนนัง่ ทอผ้าเงียบๆ และมีดวงจ�ำปา นั่งดูผู้เป็นแม่อยู่ใกล้ๆ พ่อชอบสนทนาแลกเปลี่ยนกับอาสมสนุก ยิ่งเป็น เรือ่ งแต่เก่าก่อนของผูค้ นในหมูบ่ า้ นด้วยแล้วยิง่ เป็นเรือ่ งที่ ทั้งสองมักหยิบยกมาถกเถียงพูดคุยกันเสมอ “ผมก็พยายามถามคนโน้นคนนี้ว่าเวียงจันทน์พูด แบบเดียวกันกับบ้านเราไหม ทุกคนที่เป็น ผู้รอบรู้บอก เหมือนกันทั้งนั้นว่าไม่เหมือนเลย ส�ำเนียงของชาวเวียง จันทน์เขาบอกว่าคล้ายๆ คนเมืองเลย แต่ผมก็ไม่ยืนยัน นะ” อาสมสนุกหัวเราะแล้วมองหน้าพ่อ พระบางเห็นพ่อเคาะนิ้วลงบนพื้นไม้ เงียบไปสัก ครูก่ อ่ นเอ่ยขึน้ “มันน่าจะเป็นไปได้ไหมว่าสมัยปูย่ า่ ตาทวด ของพวกเราถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์ เกิดมีความ จ�ำเป็นต้องปรับแปลงภาษาหรือส�ำเนียงไม่ให้เหมือนเดิม เพราะถ้ายังคงพูดแบบเดิมอาจะท�ำให้ข้าศึกรู้ได้ อันนี้พี่ก็ คาดเดาเหมือนกันนะ แรกๆ เลยคงไม่เพีย้ นอย่างพวกเรา พูดกันอยูใ่ นทุกวันนี้ แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าเลยกลาย เป็นส�ำเนียงของเราที่เป็นเอกลักษณ์” พ่อหันไปทางน้าดวงเดือนที่เดินถือขันน�ำ้ ฝนลอย 46
พระบางเมือบ้าน
ดอกมะลิมาวางไว้ตรงหน้าก่อนจะเบนสายตามาทาง อาสมสนุกที่กระแอมเบาๆ ก่อนกล่าวว่า “หากเป็นอย่าง พี่ พู ด ก็ น ่ า จะเป็ น ไปได้ คื อ ไม่ ใ ช่ อ พยพมาตอนสมั ย สงครามโลกครั้งที่สอง ผมว่าถ้าภาษาจะเพี้ยนมาไกล ขนาดนี้ หมายความว่าที่พวกเราพูดไม่เหมือนพี่น้องทาง เวียงจันทน์แม้แต่น้อยเลยคงต้องใช้เวลานานมาก ดังนั้น ข้อสันนิษฐานว่าบรรพบุรุษพวกเราอพยพโยกย้ายจาก เวียงจันทน์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ก็มีความเป็นไปได้มาก ทีเดียว” พระบางปรายตาไปทางน้าดวงเดือนทีต่ อนนีห้ ยุด ทอผ้า โอบสองมือกอดร่างดวงจ�ำปาซึ่งหลับอยู่ในตัก เด็กชายได้ยนิ เสียงเบาๆ ทีน่ า้ ดวงเดือนร้องเพลงเห่กล่อม ราวกระซิบ “ลูกสาวเอ๋ย... นอนสาหล่า...” “นีแ่ หละ จากข้อสันนิษฐานนีม้ นั จะเชือ่ มกับข้อมูล ว่าจุดใหญ่แห่งแรกที่มาพักอาศัยคือบ้านกองโค ชื่อของ กองโคก็มาจากกองเกวียนกองโคนั่นเอง บรรพบุรุษของ เราใช้เกวียนใช้โคเวลาถูกกวาดต้อนหรืออพยพมาจาก เวียงจันทน์ สมบัติชิ้นไหนมีค่าก็พกไว้กับตัว ถ้าชิ้นใหญ่ หน่อยแต่เป็นของรักของหวงก็ใส่หบี ใส่ลงั ไม้บรรทุกมากับ ล้อเกวียน พ่อของพีบ่ อกว่าส�ำรับทีเ่ อาติดตัวมาก็ใส่เกวียน เหมือนกัน” พระบางฟังถึงตรงนีถ้ งึ กับคิดถึงแม่ทนี่ อนรอเขากับ พ่ออยู่เรือนไทย ได้ยินอาสมสนุกเสริมขึ้นด้วยน�้ำเสียง บัญชา อ่อนดี
47
เหมือนดีใจว่า “เป็นข้อสันนิษฐานที่น่าจะมีส่วนจริงอยู่ ไม่น้อย อย่างบ้านคอรุม ผมเคยไปถามคนเก่าคนแก่ บ้างก็เล่าว่าสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี มีคำ� สัง่ ให้พระยาพิชยั ดาบหักน�ำทหารไปสกัดทัพของพม่าทีว่ ดั ขวางชัยภูมิ เมือง พิชัย และประกาศว่าถ้าตัดคอข้าศึกได้ให้น�ำคอพวกพม่า มารวมกันที่วัด จึงเรียกบริเวณนั้นว่าคอรวม...” น้าสมสนุกยังไม่ทันกล่าวจบ ได้ยินเสียงพ่อแทรก ขึ้นกลางคัน “ก่อนจะแผลงมาเป็นคอรุม” “ใช่ครับ นี่จึงพอท�ำให้เชื่อได้ว่าคนแต่ก่อนอพยพ กันมาตัง้ แต่ตน้ กรุงรัตนโกสินทร์ หรือไม่กป็ ลายกรุงธนบุรี โน่นแล้ว ไม่เช่นนั้นภาษาส�ำเนียงของเรากับพี่น้องเวียง จันทน์คงไม่ผิดเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้” น้าดวงเดือนประคองร่างดวงจ�ำปาไว้กับอก เดิน ย่องเงียบๆ เข้าไปในห้องนอนฝาปะกน ทุกคนเงียบไปครู่ หนึ่ง จากนั้นพระบางได้ยินพ่อเอ่ยขึ้นอีก “เมื่อเราตั้ง สมมติฐานว่าจุดแรกที่อพยพกันมาลงหลักปักฐานคือ กองโคและบ้านคอรุม ฉะนั้นต้องหมายความว่าปู่ย่า ตาทวดของพวกเราทีพ่ ากันมาอยูใ่ นหมูบ่ า้ นนีค้ งเดินทวน น�้ำขึ้นมา สังเกตไหม หมู่บ้านเรากับอีกหลายหมู่บ้าน ทั้งเด่นส�ำโรง วังแดง ล้วนเป็นท�ำเลริมแม่น�้ำน่านและพูด แบบเดียวกัน” “เอ... ผมได้ยนิ มาว่าทีอ่ ทุ ยั ธานีกม็ อี ยูบ่ า้ นหนึง่ พูด ภาษาเดียวกับบ้านเรา วันหนึ่งถ้ามีโอกาสต้องไปฟังกับหู 48
พระบางเมือบ้าน
ให้ได้” อาสมสนุกมองฝ่าความมืดไปข้างหน้า “ดีทเี ดียว แล้วอย่าลืมสืบสาวราวเรือ่ งว่าทางนูน้ มี เรือ่ งคนเก่าคนก่อนว่าไง แหม...” พระบางเห็นพ่อส่ายหน้า “พี่อายุมากแล้ว หูตาไม่ดี ไปไหนไม่ค่อยคล่องเหมือน แต่ก่อน” จากนั้นพ่อหันมามองพระบางอย่างกับก�ำลังจะ เอ่ยอะไรต่อก่อนเบนสายตาไปหาอาสมสนุกซึ่งตอนนี้ น้าดวงเดือนเดินเงียบๆ กลับมานั่งอยู่ข้างๆ พระบางได้ยินพ่อพูดลอยๆ แต่เหมือนให้ทุกคน ได้ยินว่า “เรื่องเหล่านี้พวกเราทุกคนสมควรรับรู้ว่าคน แต่กอ่ นมีหลักแหล่งอยูท่ ไี่ หน คนรุน่ ใหม่ๆ จะได้ไม่ลมื แต่ ไม่ได้หมายความว่าจะน�ำไปใช้รวมหมู่ แยกพวก เพราะ ความจริงโลกนี้ไม่มีพวกไหนหรอก เป็นมนุษย์ด้วยกัน ทั้งนั้น ภาษา ประเพณี ธรรมเนียม มันมาทีหลังเพื่อการ อยู ่ ร ่ ว มและการปกครองดู แ ลให้ ง ่ า ยขึ้ น คนบ้ า นเรา แตกต่างจากคนเด่นส�ำโรง วังแดง คอรุม หรือคนกองโค ตรงไหน เรื่องแบบนี้มันแตกต่างแค่ชื่อ หรือเส้นแบ่งแยก ที่สมมติขึ้นคือแม่น�้ำ เทือกเขา...” พ่อเว้นจังหวะพูด หันไปมองอาสมสนุก น้าดวงเดือนและมองมายังพระบางก่อนจะเอ่ยเบาๆ สืบไปว่า “ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องต้องศึกษา ยิ่งย้อนกลับไปในยุค ดึกด�ำบรรพ์เท่าไรก็ยงิ่ ดี เพราะทีส่ ดุ แล้วจะรูว้ า่ มนุษย์ตา่ ง มาจากที่เดียวกันไม่มีใครต�่ำต้อยหรือสูงส่งกว่า ปัจจัยอื่น นอกเหนือไปจากนี้เป็นเพราะคนเราให้ค่าและคิดไปเอง บัญชา อ่อนดี
49
ดูพระจันทร์สิ ที่ไหนๆ ในโลกก็มี ไม่มีที่ไหนเป็นเจ้าของ เลย เอาละ คืนนี้ดึกพอสมควร พี่ต้องกลับเรือนแล้ว พระบางไหว้ลาอาสมสนุกกับน้าดวงเดือนสิ” ลมแม่นำ�้ เงียบนิง่ ไปนานแล้ว พระบางฟังเรือ่ งราว ที่พ่อกับอาสมสนุกพูดคุยกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ รู้สึกสนุกเหมือนฟังละครวิทยุที่แม่ชอบเปิดตอนเย็น
50
พระบางเมือบ้าน
7.
ในบรรดาเพือ่ นชายจากหมูบ่ า้ นเดียวกัน ความจริง พระบางน่าจะเป็นคนปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเจ้าถิ่นที่ประกอบไปด้วยใหญ่ กวาง ณพ ได้ดีกว่าปรีชาและณรงค์ชัย อย่างน้อยถ้อย ส�ำเนียงที่พระบางพูดคุยกับคนอื่นๆ ก็ฟังกลืนแทบจะ เป็นท่วงท�ำนองเดียวกับถ้อยค�ำน�ำ้ เสียงทีพ่ วกเด็กในตลาด เอ่ยเอือ้ นออกมา อาจเป็นเพราะว่าเรือนไทยมักมีคนจาก หลายแหล่งแห่งที่ไปมาหาสู่ด้วยความสนิทชิดเชื้อ หรือ เพือ่ สนทนาหารือกับพ่อของเขาซึง่ เป็นผูใ้ หญ่บา้ น กระนัน้ พระบางกลับเลือกรักษาระยะห่างกับใหญ่ กวาง ณพ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เป็นเป็นเพื่อนต่างหมู่บ้านกับเขาอยู่ พอสมควร บัญชา อ่อนดี
51
ปรีชากับณรงค์ชัยไม่ค่อยใส่ใจไยดีกับเรื่องที่เขา สองคนมักเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากบรรดาเพื่อนร่วม ห้อง ไม่ว่าทั้งคู่จะเผลอพูดบางถ้อยค�ำที่เป็นภาษาเฉพาะ ของหมู่บ้านอย่างไร แย่สุดทั้งปรีชากับณรงค์ชัยเพียงแค่ หยุดพูดไปชัว่ ขณะ จากนัน้ ก็จะเล่นหัวหยอกล้อกับทุกคน ต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระบางท� ำ แบบปรี ช าและณรงค์ ชั ย ไม่ ไ ด้ แม้ ตอนนี้เขากับเพื่อนใหม่จะเรียนหนังสือร่วมห้องเดียวกัน จนใกล้ปิดเทอมใหญ่แล้วก็ตาม เวลาครุ่นคิดถึงเพื่อนร่วมห้องเรียนที่เป็นเด็กใน ตลาด พักหลังนอกจากพระบางมีความรูส้ กึ ห่อเหีย่ วลึกๆ อยู่ข้างใน ยังไม่รู้เป็นเพราะอะไรจึงเกิดความรู้สึกชุ่มชื่น หัวใจอย่างบอกไม่ถูกแซมแทรกขึ้นมา เขามักปฏิเสธ ตัวเองว่าความรูส้ กึ วูบไหวในห้วงอารมณ์ทตี่ วั เองพยายาม กดข่มและไม่แพร่งพรายให้เพื่อนหรือใครคนไหนรู้ ความ จริงหาได้มีที่มาจากเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่แถว หน้าสุดภายในห้องเรียนเดียวกัน ‘ลีลาวดี’ ไม่ว่าเป็นใครตั้งชื่อนี้ พระบางบอกกับ ตัวเองในทันทีทไี่ ด้ยนิ เสียงของเธอรายงานตัวต่อครูประจ�ำ ชั้นในวันแรกที่เรียนร่วมกันว่าช่างไพเราะเพราะพริ้งเกิน จะพรรณนา นับจากวันนั้นเป็นต้นมาเขาค่อยๆ เริ่มแอบ ฟัง แอบถาม แอบรู้จากกลุ่มเพื่อนชายในตลาดว่าลีลาวดี เป็นลูกของคนจีนซึ่งมีร้านขายเครื่องเขียนอยู่เกือบท้าย 52
พระบางเมือบ้าน
ตลาด พ่อหรือ ‘เด’ ของเธอเป็นชาวจีนไหหล�ำชื่อ ‘โกซัง’ แม่ของเธอคือ ‘เจ๊นาง’ ลีลาวดีไม่มีพี่น้องเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของ บ้าน นอกจากร้านขายเครื่องเขียน ครอบครัวของเธอยัง เป็นเจ้าของเรือข้ามฟากรับส่งระหว่างหมูบ่ า้ นของพระบาง กับอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนแห่งใหม่และเป็น ต�ำบลขนาดใหญ่ที่พระบางและเพื่อนต้องปั่นจักรยานไป เรียนหนังสือ ถ้าถือว่าหมู่บ้านของพระบางคือหมุดหมายแรก พระบางกับเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันจะปั่นจักรยานออก จากบ้านมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นจึงถึงท่าเรือข้ามฟากที่ครอบครัวของลีลาวดีเป็น เจ้าของ พอแบกจักรยานขึ้นบ่าโดยสารเรือข้ามฟากมา ยังอีกฝั่ง ทุกคนต้องปั่นจักรยานไปบนถนนลูกรังอีกราว 5 กิโลเมตรจึงถึงตลาดซึ่งส่วนมากเป็นที่อยู่อาศัยของ ชาวจีนอพยพจากแผ่นดินใหญ่รวมตัวกันอยู่ จากตลาดไป อีกสัก 1 กิโลเมตรจึงเป็นหมุดหมายสุดท้ายคือโรงเรียน ขนาดใหญ่ที่เด็กชายและเด็กหญิงเรียนร่วมกัน พระบางลอบสังเกตชุดนักเรียนของใหญ่ กวาง ณพ และเด็กชายในตลาดบางคนผู้ร่วมชั้นเรียนเดียวกับ เขา รวมทั้งรุ่นพี่ที่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าเกือบ ทุกคนใส่กางเกงสีกากีที่เรียกว่าผ้า ‘เวสปอยต์’ ส่วนเขา ปรีชา และณรงค์ชัยใส่กางเกงผ้าเสิร์ต บัญชา อ่อนดี
53
ความแตกต่างของกางเกงเวสปอยต์กบั ผ้าเสิรต์ ใน สายตาของพระบางคือ กางเกงเวสปอยต์นอกจากมีความ หนาเหนือกว่าผ้าเสิร์ต มันยังออกรูปทรงพองตรงกลีบ กางเกงอย่างชัดเจน เมือ่ ใส่คกู่ บั เสือ้ นักเรียนสีขาวสะอาด และรีดเรียบจึงเท่กว่ากางเกงผ้าเสิร์ต ซึ่งนอกจากผ้าจะ บางยังเป็นทรงกระบอกที่ออกจะเชยเสียด้วยซ�้ำ พลบค�่ำวันหนึ่งพระบางกอดเอวแม่และพล่าม พรรณนาสารพัดสารพัน อีกไม่กี่วันต่อมากางเกงที่ใส่ไป โรงเรียนทุกตัวของเขาเปลี่ยนจากผ้าเสิร์ตเป็น ผ้าเวสปอยต์ เขาไม่ลืมก�ำชับให้ช่างตัดขาสั้นขึ้นมาเหนือเข่ากว่า กางเกงตัวเก่าเล็กน้อยและเน้นจีบให้พองสะดุดตา คล้อยหลังอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อมา พระบางเห็น อีกแล้วว่ารองเท้านักเรียนที่ใหญ่กับกวางใส่หาใช่รองเท้า คู่เดิม เหนืออื่นใดมันยังไม่เหมือนกับของใครในโรงเรียน เดียวกัน “รองเท้ายูเอส อยากได้ล่ะสิ ลองฟังดูเวลากูเดิน นะ” ใหญ่พูดจบก็ย�่ำรองเท้าลงบนพื้นไม้หน้าห้องเรียน เพื่อนทั้งหญิงชายหันมามองทางใหญ่เป็นจุดเดียวกัน “เสียงดังเอีย๊ ดๆ สะใจจริงๆ” ณพทีย่ งั สวมรองเท้า ยีห่ อ้ ‘ด๊อกเตอร์’ สีกากีคเู่ ดิม แถมเห็นนิว้ ก้อยเท้าโผล่ลอด รอยขาดเล็กน้อยออกมาท�ำตาโต “คูล่ ะเท่าไร แพงไหม” ปรีชาแทบจะทึง้ แล้วรีบถอด รองเท้าคู่ใหม่ของใหญ่ออกมาพินิจพิจารณาดู มันเป็น 54
พระบางเมือบ้าน
รองเท้าสีครีมที่มีพื้นหนาและหัวรองเท้าเชิดขึ้นอย่าง น่าประหลาด “หลายร้อย เตีย่ กูซอื้ ให้ ของไอ้กวางกูเพิง่ พามันไป ซื้อในจังหวัดเมื่อวานก่อน” ใหญ่บอกด้วยน�ำ้ เสียงปลาบ ปลื้ม พระบางนั่งเงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มเพื่อนนัก เขาเผลอเหลียวไปมองลีลาวดี เห็นว่าเธอก็มองมายังกลุม่ ของพวกเขา เมื่อรู้ว่าถูกพระบางปรายสายตามาทางเธอ ลีลาวดีจึงท�ำทีหยอกเย้ากับเพื่อนหญิงคนหนึ่ง ค�่ำคืนเดียวกันที่เรือนไทย ในขณะล้อมวงกินข้าว พระบางชั่งใจอยู่หลายครั้งหลายคราว ท้ายที่สุดเขากลั้น ใจบอกกับพ่อ “พ่อ ผมช่วยลุงภารโรงตัดหญ้าเมื่อตอนเย็นก่อน โรงเรียนเลิก ไม่รู้เผลอท่าไหนเครื่องตัดหญ้าสะบั้นกรวด ใส่รองเท้าผมขาดเลย” พ่อหันไปมองหน้าแม่ แต่ไม่กล่าวค�ำใด ฝ่ายแม่ ถอนหายใจ ส่ายหน้าเล็กน้อย “คมกรวดบาดรองเท้า จนขาดเลยหรือ แต่แม่ว่าน่าจะถูกคมมีดล่ะมั้ง” พระบางก้มหน้า รู้ทันทีว่าโกหกพ่อกับแม่ไม่ได้ ให้หลังอีกไม่ถึงสิบวันต่อมา พระบางสวมรองเท้า ยี่ห้อเดียวกับใหญ่และกวางใส่ ในบรรดาเด็กชายของ โรงเรียนเดียวกันมีเพียงเขาสามคนเท่านั้นที่ในยามเดิน บนพื้นหน้าชั้นเรียนไปไหนต่อไหน เสียงจากพื้นรองเท้า บัญชา อ่อนดี
55
สัม ผัสกับพื้นไม้ดังได้ยินจนท�ำให้ใครต่อใครต้องเหลียว มอง
56
พระบางเมือบ้าน
8.
เรื อ นไทยอั น เป็ น เรื อ นเกิ ด ของพระบางตั้ ง อยู ่ ไม่ห่างจากถนนมากนัก ด้านหน้าของตัวเรือนหันไปทาง ทิศตะวันตก เมื่อก้าวผ่านบันไดทั้งเก้าขั้นขึ้นไปจะเห็นว่า เรือนหลังใหญ่ประกอบด้วยห้องเหนือที่พ่อกับแม่นอน คัน่ กลางด้วยพืน้ ทีว่ า่ งซึง่ แม่ใช้วางตูไ้ ม้ลายฉลุโบราณเก็บ ข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของเก่าหายาก อาทิ แก้ว เหยือก จาน ช้อน ชาม เชี่ยนหมาก ใกล้ๆ กัน เป็นตู้ไม้ที่พ่อใช้ เก็บหนังสือ เหนือขึ้นไปเป็นหิ้งพระ ถัดมาเป็นห้องใต้ซึ่ง แม่ให้พระบางแยกตัวมานอนตัง้ แต่เรียนชัน้ ประถมศึกษา ปีที่ 5 ฝาเรือนทุกด้านล้วนเป็นฝาปะกน ส่วนด้านบนมุง ด้วยหลังคาแป้นเกล็ดไม้สัก รางรินส�ำหรับรองรับและ ถ่ายเทน�ำ้ ฝนจากหลังคาลงสูพ่ นื้ ดินใช้ตน้ หมากขนาดใหญ่ บัญชา อ่อนดี
57
และยาวขุดแทนสังกะสี ถ้าไม่มีใครอยู่เรือนหลังนี้จะปิด บานเฟี้ยมลายฉลุไว้ หน้าบานเฟี้ยมปูไม้สักประมาณสิบ แผ่นเป็นพืน้ ส�ำหรับรับแขกและเพือ่ นบ้านในยามมาเยีย่ ม หา ข้างเสาเอกบนบานเฟี้ยมมีนาฬิกาเรือนใหญ่แขวนอยู่ ใกล้ๆ กับตู้ไม้ลายกนก 2 ตู้ รวมทั้งเป็นที่นั่งดูโทรทัศน์ ด้วย จากเรือนหลังใหญ่จะต่อด้วยนอกชานซึ่งลดหลั่น ลงมาจากพืน้ บ้านราวหนึง่ ศอก บริเวณนีส้ ำ� หรับใช้รบั แขก และบางวันพ่อมักนอนอ่านหนังสือนานนับชั่วโมง พื้นไม้ ตรงนอกชานอันค่อนข้างกว้างขวางล้วนถูกน�้ำฝนเซาะจน เกิดเป็นลวดลายแปลกตา เยื้องออกไปทางด้านขวาเป็น ครัวซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยไม่มากนัก จากห้องครัวเป็นระเบียง เล็กๆ ยื่นออกไป โดยมีห้องน�้ำซ่อนมุมอยู่ข้างๆ รอบบริเวณเรือนไทยแม่จะปลูกต้นพูร่ ะหงไว้คล้าย รัว้ บ้าน ภายในรัว้ หน้าเรือนไทยตระหง่านด้วยต้นดวงจ�ำปา มีราตรีและไม้ดอกอื่นๆ แทรกแซมอยู่รายรอบ ส่วนด้าน หน้าติดๆ กับถนนมีซมุ้ การเวกทีพ่ อ่ กับอาสมสนุกช่วยกัน ปลูกไว้ตงั้ แต่สมัยพระบางเริม่ เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 พื้นที่ด้านหลังของเรือนหลังใหญ่มีต้นไม้ให้ผลหลายชนิด ทั้งมะพร้าว ขนุน มะม่วง ที่พ่อแม่ปลูกกันเองและเพื่อน บ้านเอามาปลูกฝาก ตอนสายวันหนึง่ หลังพระบางปัน่ จักรยานออกจาก เรือนไทยไปแล้ว แม่ของเขาเดินเข้าไปในห้องใต้อย่างทีเ่ คย 58
พระบางเมือบ้าน
ท�ำมาในช่วงลูกชายเริ่มโต รู้ทั้งรู้ว่าลูกชายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ไม่ว่าจะอย่างไร พระบางคงไม่อยากให้ใครเข้าไปวุ่นวายในห้องใต้ซึ่งเป็น ห้องนอนของตัวเขาเองเป็นแน่ แต่ด้วยความเป็นแม่ จึงกริ่งเกรงว่าห้องนอนของลูกจะรกรุงรังไร้ความเป็น ระเบียบเรียบร้อย ฉะนั้นภายใน 7 วัน แม่ต้องเข้าไป ปัดกวาดเช็ดถูให้อย่างน้อยหนึ่งครั้งเป็นประจ�ำสม�่ำเสมอ เหมือนต้องการสอนลูกชายให้เกรงใจในความเป็น ส่วนตัวของผูอ้ นื่ อยูใ่ นที แม่ของเขาจึงพยายามไม่แตะต้อง ข้าวของเครือ่ งใช้ทคี่ ดิ เห็นว่าเป็นของรักของหวงซึง่ ลูกชาย โปรดปราน นอกจากกวาดพื้น เช็ดถูโต๊ะและรอบบริเวณ ให้สะอาดสะอ้าน กับหอบเอาที่นอน ผ้าห่ม ไปตากแดด ไว้กลางนอกชานด้วยเกรงจะเหม็นอับเท่านั้น ฝ่ายพระบางก็รบั รูอ้ ยูท่ กุ ครัง้ ว่าภายในหนึง่ สัปดาห์ ผู้เป็นแม่จะต้องเข้ามาเช็ดถูห้องนอนให้เขา บางคราว พระบางลองวางสิ่งของบางอย่างไว้เหมือนไม่ตั้งใจ ครั้น พอกลับจากโรงเรียนแล้วเดินเข้าไปส� ำรวจภายในห้อง ปรากฏว่าข้าวของเครื่องใช้ซึ่งเป็นของรักของหวงที่จงใจ ทิ้งเกะกะไว้ยังคงวางอยู่เหมือนเดิม เช่นนี้นี่เอง ไม่ว่าจะจงเกลียดจงชังกลิ่นที่นอน หมอนและผ้าห่มที่ผ่านการตากแดดผึ่งลมมาเกือบตลอด ทั้งวันเพียงไหน พระบางกลับไม่ยอมปริปากกับแม่ พระบางจะบอกว่าตัวเองไม่ชอบในสิง่ ทีแ่ ม่อตุ ส่าห์ บัญชา อ่อนดี
59
หวังดีเพื่อเขาได้อย่างไร ที่ท�ำได้แม้ต้องพยายามกลั้นใจ ด้วยความอึดอัด คือทนสูดกลิ่นแดดจากเครื่องนอนไป จนกว่าจะผล็อยหลับ สายวันนั้น ขณะใช้ผ้าเช็ดโต๊ะกวาดถูฝุ่น มือของ แม่บงั เอิญปัดโดนกระปุกออมสินหมูอว้ นทีป่ กติแม่ไม่เคย ขยับเขยื้อนเคลื่อนไปจากจุดเดิมที่พระบางจัดวางไว้ แม่ ถึงกับใจหายวูบ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ากระปุกออมสินเป็นของรักของหวง ของพระบาง แต่ด้วยความเป็นแม่จึงใช้สองมือยกกระปุก ออมสินขึ้นเพื่อทดสอบดูให้รู้แน่แก่ใจ ในที่สุดผู้เป็นแม่ กระจ่างแจ้งเต็มหัวอก นอกจากรูส้ กึ ว่าน�้ำหนักของกระปุกออมสินรูปหมู อ้วนเบาหวิว ทั้งเนื้อตัวและหัวใจของผู้เป็นแม่กลับเบา โหวงเสียยิ่งกว่า ก่อนหน้านี้ที่แม่เข้ามาปัดกวาดห้องของพระบาง หลายครั้ ง ระหว่ า งเช็ ด ฝุ ่ น บนโต๊ ะ ซึ่ ง ลู ก ชายใช้ นั่ ง ท� ำ การบ้าน บางครั้งมือบังเอิญปัดไปโดนกระปุกออมสิน ที่ ห นั กอึ้ ง เพราะข้ า งในบรรจุ ไ ว้ ด ้ ว ยเหรี ย ญสตางค์ ที่ พระบาง รวมทั้งพ่อและแม่ช่วยกันหยอดสะสมไว้ วันนี้แสดงว่าเหรียญเกือบทั้งหมดหายไป ไม่เช่น นั้นกระปุกออมสินคงไม่ยกขึ้นจากโต๊ะง่ายๆ อย่างนั้น ด้วยวิตกว่าจะเกิดเรือ่ งราวลุกลามใหญ่โต ค�ำน้อย แม่จึงไม่เคยแพร่งพรายให้พ่อของพระบางล่วงรู้ ที่แม่ 60
พระบางเมือบ้าน
พยายามสั ง เกตดู อ ยู ่ อ ย่ า งเงี ย บๆ คื อ ลู ก ชายน� ำ เงิ น ที่อุตส่าห์สะสมมาเป็นเวลาหลายปีไปท�ำอะไร จะเร็วหรือช้า แต่วันไหนหากล่วงรู้แม่จะต้องพูด คุยกันสองต่อสองกับลูกชายเพื่อท�ำความเข้าใจว่าเรื่อง ไหนสมควรท�ำ เรือ่ งไหนท�ำไม่ได้ ไม่เช่นนัน้ คนทีจ่ ะเสียใจ ต่อการกระท�ำของพระบางมากที่สุดคือพ่อของเขาเอง หลังขึน้ มาจากเรือข้ามฟากพระบางจูงรถจักรยาน เข้าไปจอดไว้ใกล้เพิงหมาแหงนข้างทาง ระหว่างนั้นกุลี กุจอควานมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียนใบเขื่องก่อนจะ หยิบเอารองเท้าคู่ใหม่ที่ใช้เงินเกือบทั้งหมดจากกระปุก ออมสินฝากใหญ่ไปซื้อจากในตัวจังหวัดขึ้นมาลูบคล�ำ “โอ้โฮ เอาจนได้พระบาง” ณรงค์ชัยปากอ้าตาค้าง โพล่งค�ำอย่างกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้า “พ่อซื้อให้” พระบางบอกเสียงแผ่ว ไม่มองหน้า ณรงค์ชัย ถอดรองเท้าคู่เก่าวางไว้แล้วใส่คู่ใหม่เข้าไปแทน “พ่อซื้อให้แต่ต้องเอาใส่กระเป๋ามาเปลี่ยนกลาง ทางด้วย ใครจะเชื่อ” ปรีชาพูดระหว่างพระบางรวบ รองเท้าคู่เก่ายัดเข้าไปในกระเป๋านักเรียน “เออ อย่ามาขอยืมใส่แล้วกัน” พระบางท�ำเสียง เหมือนตัดบท ขึ้นไปคร่อมอยู่บนอานรถจักรยานก่อนปั่น ช้าๆ ออกไปจากเพิงหมาแหงน ณรงค์ชัยถีบจักรยานของตัวเองเร่งตามติดๆ จับ จ้องมองรองเท้าคู่งามที่พระบางใส่จนแทบไม่ละสายตา บัญชา อ่อนดี
61
“กูจะมีวาสนาใส่เหมือนมึงไหมพระบาง” “เอาอย่างนี้สิ...” ปรีชาพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก “มึงขอยืมมันใส่สักข้าง เพื่อนกันมันไม่หวงหรอก” “บ้า” พระบางหันไปทางปรีชา หัวเราะเพราะเห็น ขันกับข้อเสนอพิสดารของเพื่อนรัก “คราวนี้ลีลาวดีก็ลีลาวดีเถอะ ต่อให้แสร้งท�ำเป็น ไม่สนยังไงก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ” ณรงค์ชัยแกล้งเบียด จักรยานเข้าไปใกล้จักรยานของพระบาง จากนั้นแหย่เท้า เข้าไปแตะตรงแข้งเพื่อน ได้ยินค�ำณรงค์ถนัดชัดเจน พระบางใจเต้นเหมือน กลองรัว แต่ยังกลั้นใจถามด้วยน�้ำเสียงเข้ม “พูดอะไร ไม่เข้าใจ” “ไม่เข้าใจหรือไม่กล้ากันแน่ กูเห็นแอบมองลีลาวดี อยู่เรื่อย” “กูเนี่ยนะ” พระบางเกาหัวแกรก ส่ายหน้าเหมือน ไม่รับรู้ “เออ มึงนั่นแหละไอ้คุณพระบาง อย่างกับกูโง่นัก นี”่ ณรงค์ชยั เกร็งเท้าข้างขวาถีบส่งให้จกั รยานของพระบาง เร่งความเร็วไปข้างหน้ามากกว่าเดิม “สารภาพบาปมา เสียดีๆ ไม่งั้นจะบอกลุงผู้ใหญ่ว่าไม่รู้มึงเอาเงินจากไหน มาซื้อรองเท้าคู่ละตั้งหลายร้อย” “อย่าปากโป้ง เดี๋ยวไม่ให้ลอกการบ้าน” ปากบอก ไปอย่างนั้น แต่ใจพระบางกลับไพล่ไปคิดเรื่องอื่น 62
พระบางเมือบ้าน
ยิ่งใกล้ถึงรั้วโรงเรียนเท่าไร เหมือนใบหน้าของ ลีลาวดียิ่งเขยื้อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ระยะทางจากบ้าน กว่าจะถึงโรงเรียนท�ำให้เกิดความเหน็ดเหนื่อย แต่ตอนนี้ พระบางกลับโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อทิ้งน�้ ำหนักเท้าเร่ง ความเร็วให้มากขึ้นเป็นสองเท่าตัว
บัญชา อ่อนดี
63
64
พระบางเมือบ้าน
9.
วันเสาร์ที่แล้วครูนัดหมายให้นักเรียนทุกคนมา เรียนร�ำไทยเพราะบังเอิญวันศุกร์ครูมีงานด่วนต้องท� ำ ร่วมกับอาจารย์ใหญ่จึงเข้าสอนตามปกติไม่ได้ จ�ำเป็น ต้องเปลี่ยนมาเรียนพิเศษในวันเสาร์แทน กว่าจะออกจากเรือนไทยได้ พระบางพิรี้พิไรลอง ใส่เสื้อกับกางเกงอยู่สามชุด ย่อเข่า หมุนตัวต่อหน้า กระจกเงาที่แม่เรียกว่า ‘คันฉ่อง’ ซึ่งตั้งอยู่ในห้องใต้นาน หลายนาที ไม่นับรวมช่วงเวลาพิถีพิถันจับหวีจัดทรงผม ทั้งๆ สั้นเกรียนเกือบติดหนังศีรษะ พระบางใช้เวลาปั่นจักรยานจากเรือนไทยไปถึง โรงเรียนเร็วกว่าปกติ เห็นมีเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกัน กับเขามานัง่ เล่นรอเวลาทีค่ รูนดั หมายอยูต่ รงหน้าระเบียง บัญชา อ่อนดี
65
บ้างแล้ว เขาแสร้งเดินไปชะโงกดูตรงนัน้ หันไปทางนี้ ก่อน จะท�ำทีไปถามเพื่อนชายคนหนึ่งซึ่งไม่ค่อยได้พูดคุยหรือ สนิทสนมกันมากนักว่าใหญ่ กวาง ณพ มาถึงแล้วหรือยัง ความจริงผู้ที่เขาพยายามสอดส่ายสายตาแลหา และ ภาวนาให้มาถึงโรงเรียนโดยเร็วไวไม่ใช่เพื่อนชายคนไหน ทั้งสิ้น ยังเหลือเวลาอีกราวครึง่ ชัว่ โมงกว่าจะถึงเวลาทีค่ รู นัดหมาย พระบางเดินหายไปในห้องน�้ำ จัดการล้างหน้า และใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน�้ำเช็ดไปตามเนื้อตัวและซอกรักแร้ เหลียวซ้ายแลขวา พอไม่เห็นใครเดินผ่านไปมา จึงผลัด ข้างยกรักแร้ตัวเองขึ้นมาลองสูดดม เขาไม่แน่ใจว่าเหงื่อ ไคลที่ ห ยดไหลขณะเร่ ง ปั ่ น จั ก รยานจะท� ำ ให้ เ กิ ด กลิ่ น ไม่พึงประสงค์หรือไม่ ก่อนออกจากห้องน�ำ ้ พระบางไม่วายไล่สายตามอง ตัวเองที่ปรากฏอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ เขารู้สึกพอใจ กับเสื้อลายสก๊อตและกางเกงยีนส์ตัวหลวมโพรก ยกเว้น รองเท้า นอกจากมีสภาพค่อนข้างเก่ามันยังเป็นคูเ่ ดียวกับ ที่เขาใส่มาเรียนหนังสือทุกวัน เมือ่ กลับถึงระเบียงหน้าห้องเรียนอีกครัง้ พระบาง เห็นเพื่อนเกือบทุกคนมาพร้อมหน้ากันเกือบหมดแล้ว ใหญ่นอนหงายเอาหัวเทินอยู่บนตักกวาง เห็นปราดเดียว ก็รู้ว่ากวางก�ำลังใช้หัวแม่มือทั้งสองข้างบีบสิวให้ใหญ่อยู่ ส่วนณพนั่งลูบคล�ำรองเท้าของใหญ่ราวกับเป็นสิ่งวิเศษ 66
พระบางเมือบ้าน
ที่สามารถขออะไรก็ได้ตามใจปรารถนา พระบางแอบถอนหายใจหลังลอบกวาดสายตาไป จนทัว่ แต่ยงั ไม่เจอตัวคนทีเ่ ขาเรียกร้องก้องอยูใ่ นอกขอให้ มาถึงหน้าชั้นเรียนเสียที แดดสายขับระบายผืนหญ้าตรงสนามหน้าโรงเรียน ให้เขียวขจีประหนึ่งมีคนเอาสีไปไล่ราดวาดไว้ แต่สีไหน หรือจะเรียกความชืน่ ใจเท่ากับสีเหลืองตัดขาวสว่างไสวที่ ก�ำลังเคลื่อนผ่านสนามหญ้าอย่างช้าๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ขอให้นักเรียนยืนเรียงต่อแถวเป็นวงกลมสองวง ซ้อนกัน วงด้านนอกเป็นชาย วงด้านในเป็นนักเรียนหญิง เพลงแรกนักเรียนชายจะร�ำและย�ำ่ เท้าอยูก่ บั ที่ หมายความ ว่าไม่ต้องเดินหน้าหรือถอยหลังไปไหนทั้งสิ้น ส่วนวงของ นักเรียนหญิงเมื่อจบท่าแล้วและจะขึ้นท่าใหม่ให้ก้าวเท้า ไปข้างหน้าหนึ่งก้าว หมายความว่าเราจะสลับคู่ร�ำกันไป เรือ่ ยๆ จนกระทัง่ เพลงทีส่ องหรือเพลงสามจบ” ครูผสู้ อน อธิบายด้วยเสียงค่อนข้างดังเพื่อให้นักเรียนกว่า 30 คน ได้ยินและเข้าใจตรงกัน “ครูครับ นักเรียนหญิงมีน้อยกว่าผู้ชายนี่ครับ” ใหญ่ยกมือค้างขณะพูดกับครู “รู้แล้วจ้ะ ก�ำลังจะบอกอยู่ว่าให้เธอ นายกวาง อรรณพไปรวมเป็นแถวเดียวกับนักเรียนหญิง” “ว้าย” กวางร้องเสียงตกใจ แกล้งท�ำเป็นเอียงอาย จนเพื่อนในชั้นพากันหัวเราะ บัญชา อ่อนดี
67
“พร้อมแล้วนะ เริ่มเลย” ครูกล่าวจบยื่นนิ้วมือไป กดเทปคาสเซตต์ จากนั้นปรบมือให้จังหวะและบางครั้งก็ ร�ำตามไปด้วย นักเรียนหญิงที่ยืนคู่กับพระบางในตอนแรกไม่ใช่ เด็กในตลาด จ�ำได้เลาๆ ว่าน่าจะมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึง่ อยูไ่ กลจากหมูบ่ า้ นขนาดใหญ่มาก ด้วยความทีพ่ ระบาง พยายามท�ำตัวให้ห่างจากคนอื่นในห้องเรียนเดียวกัน เขาจึงเคยพูดกับเพื่อนหญิงที่ยืนคู่อยู่กับเขาเพียงไม่กี่ค�ำ ว่าพูดกับเพือ่ นนักเรียนหญิงซึง่ เป็นคูร่ ำ� คนแรกแค่นดิ น้อย ไม่กปี่ ระโยค นักเรียนหญิงคนทีอ่ ยูข่ า้ งหลังถัดไป พระบาง ยิ่งไม่เคยพูดด้วยสักถ้อยค�ำเดียว แม้ไม่หันไปมอง แต่เสื้อสีเหลืองลออกับกระโปรง รูปทรงสุ่มไก่สีขาวที่เธอสวมใส่มาในวันนี้กลับกระจ่างชัด อยู่กลางใจ ห้วงยามขณะเคลื่อนลัดตัดสนามหญ้าหน้า โรงเรียนมาใกล้ๆ พระบางคล้ายตัวเบาและเหมือนจะลอย หายไปกับสายลม ท่วงท่าร�ำล�ำดับแรกก�ำลังจะผ่านไป... เพื่อนหญิงคู่ร�ำคนแรกก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้ว... พระบางยืนตัวแข็งทือ่ ดัง่ หนึง่ ต้องมนตร์สะกด เงา ของเธอเลื่อนลอยคล้อยเคลื่อนมาอย่างช้าๆ สีเหลือง และสีขาวปรากฏเลือนรางอยูร่ มิ นัยน์ตาแม้จะไม่พยายาม ช�ำเลืองมอง ห้องทั้งห้องประเดี๋ยวเป็นห้องดับจิต สักครู่ กลับกลายเป็นราวสวรรค์ชั้นฟ้า 68
พระบางเมือบ้าน
ลีลาวดี... เธอมาแล้ว... “พระบาง พระบาง นายพระบาง” เหมือนคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ พระบางสะดุ้งเฮือก สุดตัว ได้ยินเพื่อนหัวเราะเสียงขรม “ครู ป ิ ด เทปแล้ ว เรี ย กชื่ อ เธอตั้ ง นาน เป็ น อะไร พระบาง ผีเข้าสิงหรือเปล่า ท�ำไมเธอยืนนิ่งเป็นหุ่นอย่าง นั้น” ครูผู้สอนยืนเท้าสะเอวจ้องตาเขม็งมาที่พระบาง “แล้วดูสิ เหงื่อโทรมตัวเลย เป็นอะไรของเธอเนี่ย” “สงสัยเพิ่งจะตกหลุมครับ” ณรงค์ชัยตอบแทน ทั้งที่ครูไม่ได้ถามเขา “ตกหลุมอะไร” ครูขมวดคิ้ว “หลุมรักครับ” ณรงค์ชัยตีหน้าซื่อ หันไปมองปรีชา ที่ยืนหน้าเคร่งเหมือนไม่รับลูกกับมุขซึ่งเรียกเสียงคิกคัก จากเพื่อนร่วมห้องอีกหน พระบางทางหนึ่งแทบจะมุดพื้นชั้นเรียนหนีไปใน วินาทีนั้น อีกทางหนึ่งอยากปราดเข้าไปเขกกบาลเพื่อน ร่วมหมู่บ้านที่อาจหาญท�ำให้เขากลายเป็นตัวตลกของ เพื่อนร่วมห้องเรียน นอกจากปรีชา ลีลาวดียังเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ หัวเราะขบขัน เธอยืนเงียบเหมือนตุ๊กตา มองไกลไป เบื้องหน้าราวกับไม่รับรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
บัญชา อ่อนดี
69
70
พระบางเมือบ้าน
10.
ณรงค์ชัยพยายามรบเร้ารวมทั้งเข้าไปท�ำท่าหยอก ล้อตอนพระบางพรมนิ้วตัวเองลงบนกีตาร์ที่เอาติดตัวมา จากเรือนไทย แต่ไม่ว่าจะใช้ไม้ไหนพระบางกลับไม่เล่น ด้วย มิหน�ำซ�้ำยังวางกีตาร์ก่อนเดินดุ่มๆ แยกตัวเองออก ไปดายหญ้าเตรียมขุดแล้วยกดินขึ้นเป็นร่องผักตามที่ ครูเกษตรมอบหมายให้นักเรียนทุกคนต้องมีแปลงผัก เป็ น ของตั ว เองคนละแปลงบนพื้ น ที่ ด อนติ ด คลองน�้ ำ หลังโรงเรียน ด้วยความที่ทุกครอบครัวในหมู่บ้านของพระบาง ล้วนท�ำนา ท�ำสวน ท�ำไร่ ทั้งพระบาง ปรีชา และณรงค์ชัย จึงใช้เวลาดายหญ้า ปรับพื้นและยกร่องขึ้นเป็นแปลง ส�ำหรับปลูกผักในเวลาไม่นานนัก ผิดกับใหญ่ กวาง และ บัญชา อ่อนดี
71
ณพ ซึ่ ง เป็ น เด็ ก ในตลาด ปกติ ไ ม่ ค ่ อ ยได้ ท� ำ งานอื่ น นอกจากช่วยพ่อแม่ค้าขาย หรือไม่ก็มีหน้าที่เรียนหนังสือ อย่างเดียว ส่งผลให้แต่ละคนแค่ดายหญ้ายังต้องใช้เวลา นานกว่าชั่วโมง “จับจอบแทบไม่ได้ มือถลอกปอกเปิกหมด” ใหญ่ แบมือสองข้างของตัวเองขึ้น “กูยิ่งกว่ามึงอีก แถมหญ้ายังไม่หายไปไหน ดู พระบาง ปรีชา ณรงค์ชยั สิ ของพวกมันแต่ละแปลงสุดยอด จริงๆ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าเสร็จแล้ว อ้อ...” กวางหัน ไปหาณพ หัวเราะร่วน “นั่นแปลงผักหรือหลุมฝังศพ กันวะณพ” “อย่ามาอ�ำกันตอนนี้เลย กูระบมไปทั่วทั้งตัว ไอ้ ใหญ่มึงมีเงินจ้างพวกปรีชา ณรงค์ชัยท�ำสิ” ณพพยักหน้า ไปทางปรีชากับณรงค์ชัยที่ง่วนอยู่กับงานซึ่งครูเกษตร มอบหมายให้ท�ำอย่างขะมักเขม้น “จ้างพระบางดีกว่า ไอ้นั่นไม่ใช่เร็วอย่างเดียว ยังสวยด้วย” ใหญ่หมายถึงแปลงผักของพระบาง “จ้ า งเป็ น ร้ อ ยมั น ก็ ไ ม่ เ อา ตั้ ง แต่ เ รี ย นร� ำ เสร็ จ ยังไม่พูดกับใครสักคน” “พระบางชอบลีลาวดีจริงหรือวะ” ณพมองหน้า คล้ายจะถามกวาง “ไม่รู้สิ แต่สังเกตลีลาวดีก็เฉยๆ นะ แหม ขนาด บ้านอยูใ่ กล้กนั กับกูยงั ไม่คอ่ ยจะคุยด้วยเลย” กวางชะเง้อ 72
พระบางเมือบ้าน
มองไปยังร่างของเด็กหญิงร่วมห้องเรียนผู้สวมกระโปรง สุ่มไก่สีขาวแต่ตอนนี้เขลอะไปด้วยคราบดินโคลนจาก ความพยายามยกร่องดินขึ้นเป็นแปลงผัก นอกจากกวาง ใหญ่ ณพ ที่ก�ำลังทอดสายตามอง ไปยังลีลาวดี ยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งซึ่งแม้จะพยายามหัก ห้ามใจอย่างไรกลับอดเหลียวมองไปทางเจ้าของกระโปรง สุม่ ไก่สขี าวตัดกับเสือ้ สีเหลืองลออ ผูถ้ อื จอบยืนเก้ๆ กังๆ ไม่ได้ ถ้าเมื่อช่วงสายเขาไม่กลายเป็นตัวตลกของเพื่อน ร่วมห้องเรียน อาจเป็นไปได้ว่าตอนนี้พระบางคงท�ำที เดินไปเปรยกับลีลาวดีว่าต้องการจะให้เขาช่วยท�ำแปลง ผักให้หรือไม่ แม้การกระท�ำอย่างนั้นจะเป็นเป้าสายตา หรื อ ตกเป็ น เหยื่ อ ให้ เ พื่ อ นคนอื่ น หยิ บ ยกมาหยอกล้ อ นินทา ทว่าเพื่อนชายหลายคน กระทั่งเพื่อนหญิงบางคน ที่เติบโตมากับเรือกสวนนาไร่ต่างล้วนสมัครใจให้ความ ช่วยเหลือเพื่อนคนอื่นอยู่บ้างเหมือนกัน อาจเป็นเพราะลีลาวดีไม่ค่อยสุงสิงหรือจับกลุ่ม กับใครนอกจากอรัญญา ธนิษฐา ลัดดา เพื่อนในห้อง เดียวกันจึงไม่คอ่ ยมีใครกล้าเข้าไปกล�ำ้ กรายกับโลกส่วนตัว ของเธอ พระบางช�ำเลืองมองเห็นใหญ่ กวาง ณพ ผละจาก ด้ามจอบจากนั้นเดินจับกลุ่มกันไปหาปรีชาและณรงค์ชัย พูดคุยหยอกล้อกันพักใหญ่กอ่ นจะพากันมุง่ หน้ามาหาเขา บัญชา อ่อนดี
73
พระบางแสร้งท�ำไม่เห็นและไม่สนใจ ครุ่นคิดไปพลางว่า จะรับมือหรือตอบโต้อย่างไรถ้าเพื่อนมากวนใจถามถึง เรื่องระหว่างเรียนร�ำแล้วเขายืนเงียบงันเป็นหุ่น “ไปเล่ น บาสเกตบอลกั น ดี กว่ า ” กวางส่ ง เสี ย ง ชวนทั้งๆ ยังเดินมาไม่ถึงแปลงผักที่พระบางยกร่องเสร็จ เรียบร้อยแล้ว พระบางยังคงก้มหน้าก้มตาปรับแปลงแต่งหน้าดิน เหมือนไม่ได้ยินค�ำกวางเอ่ยปากชวน ณรงค์ชัยจึงตะโกน สมทบอีกเสียง “อาทิตย์หน้าโน่นครูเกษตรถึงจะตรวจว่า แปลงผักใครเสร็จหรือไม่เสร็จ ไปเล่นบาสกันดีกว่า” ณรงค์ชัยรู้ดีว่าถ้าเป็นกิจกรรมทางดนตรีกับกีฬา ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนพระบางมักไม่ปฏิเสธ และแล้ว ก็เป็นจริงเมือ่ เห็นพระบางแบกจอบขึน้ บ่า แสดงว่าเขาเริม่ หายขุ่นเคืองแล้ว “เล่นกันแค่นี้เหรอ” พระบางถามแต่ไม่มองหน้า ทุกคน “เดี๋ยวชวนคนอื่นไปด้วย เล่นทั้งทีมันต้องให้ครบ ทีม” ใหญ่พูดจบเอี้ยวตัวไปตะเบ็งเสียงเรียกเพื่อนชาย และหญิงที่ชอบเล่นกีฬาให้พากันไปยังสนาม จากนั้นเพื่อนร่วมชั้นทั้งชายหญิงเกือบสิบคนเดิน ตามหลังกลุ่มของกวางไปยังสนามบาสเกตบอล ขณะ เดินผ่านพื้นที่แปลงผักของเจ้าของกระโปรงสุ่มไก่ ทุกคน ได้ยินเหมือนกันว่า “เราขอเล่นด้วย” 74
พระบางเมือบ้าน
พระบางใจหายวาบ เขาไม่ล่วงรู้มาก่อนเลยว่า ลี ล าวดี ช อบเล่ น กี ฬ าเหมื อ นกั น ที่ ส� ำ คั ญ เขาอาจถู ก แบ่งข้างให้เล่นทีมเดียวกับเธอ คิดถึงเรือ่ งต้องเล่นบาสเกตบอลอยูใ่ นทีมเดียวกัน พระบางมีอันก้มหน้ากลืนน�้ำลาย หายใจติดๆ ขัดๆ เขา จะตีสีหน้าอย่างไรหากลีลาวดีส่งบอลให้ทว่าเขากลับ ชู้ตบอลไม่ลงห่วง ท�ำคะแนนไม่ได้ แต่ที่ท�ำให้พระบางต้องลอบเป่าปากทอดถอนใจ คือ เขาจะท�ำอย่างไรหากไม่ได้อยู่ทีมเดียวกับลีลาวดี ระหว่างกวางก�ำลังจัดแบ่งว่าใครจะอยูท่ มี เดียวกัน กับใคร ลีลาวดีที่เดินหายไปในห้องน�้ำหญิงก็วกกลับมา พร้อมกับกางเกงขาสัน้ สีชมพู พระบางข่มใจไม่ตวัดสายตา ดูแต่กลับอดรนทนไม่ได้ ใจเต้นไม่เป็นส�่ำ เริ่มรู้สึกน�้ำลาย เหนียวคอ เขาภาวนาขอให้เธออยู่ทีมเดียวกับเขา แล้วอีกไม่ถึง 20 นาที เรื่องที่พระบางคิดวกไปวน มาและยังไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะลงเอยแบบใดก็กระจ่าง หัวใจจนเขาเองแทบก้าวขาไปยืนอยู่กลางสนามไม่ออก นั่นเป็นเพราะเจ้าของกระโปรงสุ่มไก่อยู่อีกฝ่าย ซึ่งหมายถึงไม่ใช่ทีมเดียวกัน กวาง ณพ ปรีชา เล่นบาสเกตบอลค่อนข้างเด่น ทั้ ง ป้ อ งกั น และรุ ก ขึ้ น ไปท�ำ คะแนนคล่ อ งแคล่ ว ว่ อ งไว ส่วนใหญ่กับพระบางก็หาได้ฝีมืออ่อนด้อยกว่าเพื่อน สองคนที่อยู่คนละทีมกันไม่ ทั้งสองฝ่ายมีผู้หญิงร่วมทีม บัญชา อ่อนดี
75
อยู่สองคน ณรงค์ชัยที่อยู่ทีมเดียวกับใหญ่และพระบางน่าจะ เป็นคนเดียวที่ถูกลีลาวดีแย่งบอลไปได้ง่ายๆ ท�ำให้ใหญ่ ต้องกางมือสองข้างเข้าไปขวางไม่ให้เธอพาบอลบุกไปชู้ต ท�ำคะแนน ลีลาวดีหลอกโยกตัวไปทางซ้าย ครั้นพอใหญ่ถลัน ตัวจะตามไป เธอกลับใช้ความรวดเร็วเบี่ยงพาบอลไปอีก ข้าง พระบางเห็นดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องตัดสินใจ ใช้ตัวเข้าขวาง ไม่เช่นนั้นทีมของเขาต้องเสียคะแนนและ ไล่ตามอีกหลายเหนื่อยเป็นแน่ ตั้งแต่เกิดมาพระบางเพิ่งรับรู้ว่ามีความรู้สึกหนึ่ง อุบัติขึ้นในชั่วกึ่งเสี้ยวหายใจเดียว แต่กลับเหนี่ยวรั้งและ ฝังลึกอยู่กลางใจไปตราบนิรันดร์กาล
76
พระบางเมือบ้าน
11.
เสี้ยวจันทร์ยังทอแสงร�ำไรอยู่ปลายฟ้า พระบาง นอนลืมตาพลิกตัวไปมาเพราะพยายามข่มใจข่มตานอน เท่าไรก็ไม่หลับ คิดคะเนคร่าวๆ เขาเดาว่าตอนนี้เกือบ ตีสี่ซึ่งหากยังคงเป็นอย่างนี้โอกาสจะเผลอนั่งสัปหงก ยามเรี ย นหนั ง สื อ อยู ่ ใ นห้ อ งเรี ย นเป็ น เหตุ ใ ห้ เ พื่ อ นๆ หัวเราะเยาะคงมีทางเป็นไปได้สูงมาก อีกไม่ถงึ อึดใจต่อมาเสียงนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ กังวานขึน้ สีค่ รัง้ พระบางถอนหายใจอยูใ่ นความมืด ยกมือ ซ้ายขึน้ ก่ายหน้าผาก อารมณ์ความรูส้ กึ ทีเ่ พียรสะกดกลัน้ พลันจู่โจมโถมเข้าใส่จิตใจเบื้องลึกขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อตอนบ่ายในสนามบาสเกตบอล ช่วงจังหวะที่ เขาตัดสินใจขยับเท้าเข้าไปขวางทางระหว่างลีลาวดีจะพา บัญชา อ่อนดี
77
บอลเข้าไปท�ำคะแนน วูบหนึ่งนั้นหน้าขาของเธอก็สัมผัส ตรงบริเวณหัวเข่าของเขา แต่นั่นยังไม่ชวนสะทกสะท้าน เท่ากับวินาทีที่ร่างของเธอเสียหลักจนโผปะทะกับตัวเขา อย่างแรง ลูกบอลกระเด็นหลุดออกจากมือเธอซึ่งเขา สามารถขยับเท้าไปคว้าเอามาไว้ได้ เสียดายขณะนั้นเขา ยืนตะลึงงันประหนึ่งถูกตอกตรึงอยู่กับที่ จนลีลาวดีถลัน ร่างตามไปก่อนจะตะปบบอลไว้ในครอบครอง จากนัน้ จึง บรรจงส่งบอลลอดห่วงท�ำคะแนนน�ำห่างไปอย่างเหนือชัน้ ความรู้สึกนึกคิดที่เวียนวนสับสนมาตั้งแต่หัวค�่ำ กระทั่งเสียงไก่ขันดังถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ หาใช่เป็นเพราะ ทีมของเขาพ่ายแพ้หลังหมดเวลาการแข่งขัน ทว่ากลับเป็น ช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาทีที่ร่างของลีลาวดีโผเข้ามา ปะทะกับหว่างอกของเขาด้วยความรุนแรง ช่างเป็นความรุนแรงที่นุ่มนวลชวนเคลิ้มฝัน ช่างเป็นช่วงเวลาแสนสั้นที่ยาวนานและฝังลึกอยู่ ในห้วงยามความรู้สึกเหนือจะพรรณนา พระบางหลับตา สูดลมหายใจหอบใหญ่ ในชีวิต ของเขายังไม่เคยมีกลิ่นใดๆ หอมจนลมหายใจแทบขาด ห้วงเท่ากับกลิ่นกายของลีลาวดีในยามร่างของเธอกับเขา กระแทกกระทบซึง่ กันและกัน แม้เป็นห้วงเวลากระชับสัน้ ก็ตาม หลังเดินออกจากสนามบาสเกตบอลพระบางตัง้ ใจ จะไปกล่าวค�ำขอโทษทีเ่ ขาโถมตัวเข้าไปขวางทางระหว่าง 78
พระบางเมือบ้าน
ลีลาวดีเบีย่ งตัวหลอกใหญ่เพือ่ จะพาบอลเข้าไปท�ำคะแนน จนท�ำให้เธอเสียหลักแล้วชนกับเขาอย่างแรง แต่ลีลาวดี ท�ำท่าทีราวกับไม่มเี รือ่ งผิดปกติใดๆ เกิดขึน้ เดินเนิบเนือย ตัดสนามหญ้าโรงเรียนมุ่งหน้าไปทางตลาดอันเป็นบ้าน ของเธอเพียงล�ำพัง พระบางออกอาการเก้อๆ เขินๆ เหมือนจะเดิน ตามลีลาวดีไป ท้ายทีส่ ดุ ต้องหักใจก้าวตามหลังใหญ่ กวาง และเพื่อนชายไปล้างหน้าล้างตัวที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ณพ ถอดเสื้อท�ำทีเป็นพัดให้พระบาง กวางป้องปากพูดเบาๆ ว่า “ไอ้ณพมันก�ำลังพัดเอากลิน่ ไอลีลาวดีจากตัวพระบาง มาทางมัน” ปรีชาหันไปมอง เห็นว่าจริงอย่างที่กวางสัพยอก เนื่องจากแทนที่จะใช้เสื้อพัดให้พระบาง ณพกลับพัดให้ ลมพุ่งมาทางตัวเอง “กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะมึง” พระบางส่ายหน้า “ไม่ได้ตงั้ ใจแต่จงใจเลยแหละ” ใหญ่แซวแล้วหัวเราะ “นุ่มมากมั้ย” ณรงค์ชัยกระแทกไหล่ตัวเองกับ หน้าอกพระบาง “ทะลึ่ง กูไม่ลามกเหมือนพวกมึงหรอก” น�้ำเสียง พระบางเริม่ ฉุนเฉียว หันหลังเดินหนีกลุม่ เพือ่ นตรงไปคว้า กีตาร์แล้วดิ่งไปยังจักรยานที่จอดอยู่ ความจริงเมื่อครู่เขา คิดจะล้างหน้าล้างตัวเหมือนเพือ่ น แต่แวบหนึง่ ของความ รู้สึกเขาตัดสินใจปล่อยให้เสื้อเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ บัญชา อ่อนดี
79
ปรีชากับณรงค์ชยั มัวแต่รอล้างตัวล้างหน้าจึงท�ำให้ ล่าช้าถึงกับถีบจักรยานตามหลังพระบางไม่ทัน อันที่จริง เย็นวันนี้พระบางตั้งใจจะขี่จักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านตาม ล�ำพังอยู่แล้ว ดังนั้นเขาเร่งปั่นวงล้อให้เร็วขึ้น ครั้นแน่ใจ ว่าไม่มีใครตามมาทัน พระบางจึงเริ่มชะลอความเร็ว ปล่อยสองมือให้เป็นอิสระจากจักยาน ชูสองแขนขึ้นฟ้า ยิ้มร่าและใจลอยจนกลับถึงบ้านราวกับคนเสียสติ ใกล้จะตีห้า ทว่าเสื้อที่บัดนี้เหงื่อแห้งสนิทไปนาน แล้วยังคงอยู่ในอ้อมกอดของพระบาง หลายครั้งเขาใช้ เสื้อปิดหน้าคลุมตาราวกับจะใช้เป็นเครื่องมือท�ำให้ช่วย หลับลงให้ได้ แต่อกี ไม่นานก็ตอ้ งค่อยๆ ปัดออกไป เพราะ พอเสื้อปิดหน้าคลุมตานานเท่าใดคล้ายกลิ่นกายของ ลีลาวดีใกล้จมูกของเขามากขึ้นเท่านั้น พระบางยังคงนอนพลิกซ้ายป่ายขวา พยายามข่ม ตาหลับลงให้ได้ สักพักหนึ่งเขาถึงกับใจหาย เป็นไปได้ อย่างไร ลีลาวดีมาหาเขาถึงห้องนอน “ลีลาวดี” พระบางเรียกชื่อเธออย่างชัดถ้อยชัดค�ำ เป็นครั้งแรก ปราดวิ่งด้วยความตื่นเต้นไปที่หน้าประตู “ไม่ใช่สิ เราฝันไปต่างหาก” เขายืนเข่าอ่อน หน้าละห้อย แขนตกแนบล�ำตัว “ฝันที่ไหน เรามาหาเธอจริงๆ พระบาง” ลีลาวดีที่ ยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าห่างจากเขาไม่ถึงวายังคงสวม เสื้อสีเหลืองลออกับกระโปรงสุ่มไก่สีขาวราวกับยังไม่ได้ 80
พระบางเมือบ้าน
แวะไปที่บ้านของตัวเองหลังดุ่มเดินออกจากสนามบาสเกตบอล “เธอเดินมาหรือ” พระบางจูงมือลีลาวดีมานั่งลง บนเตียง “รู้จักเรือนของเราได้ยังไง” “ท�ำไมจะไม่รู้ เราแอบย่องตามมาเป็นประจ�ำ” จบค�ำลีลาวดีวางมืออ่อนนุ่มของเธอลงบนมือของเขา พระบางใจหายวาบ มองไปที่ประตูห้องนอน “พ่อ กับแม่เราเห็นเธอเดินขึ้นเรือนมาหรือเปล่า” “ไม่มใี ครเห็นหรอก” ลีลาวดีโน้มหน้าเข้ามากระซิบ บีบมือเขาแน่น ด้วยความตื่นกลัว พระบางรวบร่างลีลาวดีเหาะ หนีไปทางหน้าต่าง “เราจะพาเธอไปสวรรค์” “นั่นสิ เรารู้ว่าเธอต้องพาเราไป ไม่งั้นไม่มาหา หรอก” กระโปรงสุ่มไก่ที่ลีลาวดีสวมใส่ถูกลมพัดกระพือ ขึ้นมาเหนือหัวเข่าจนเธอต้องใช้สองมือรวบเข้ามาแนบ กับล�ำตัว หน้าแดงระเรื่อเมื่อเห็นว่าพระบางปรายตามอง อยู่ก่อนแล้ว ยิง่ ใกล้สรวงสวรรค์เท่าใดพระบางยิง่ หัวใจไหวระรัว พอผ่านบึงบัวขนาดใหญ่เขาได้ยนิ ลีลาวดีเอ่ยด้วยน�้ำเสียง เอียงอายออกมา “เธออย่าไปจับดอกบัวตูมนะ เดี๋ยวแม่ เราโกรธ” “เอ้า! นั่นบัวของสวรรค์ แม่เธอจะโกรธได้ไง” พระบางเอือ้ มมือสัน่ เทาก�ำลังจะสัมผัสดอกบัวตูม บัญชา อ่อนดี
81
เสียงฟ้ากลับครางครืนขึ้นทั้งที่แดดแผดจ้า พระบางแนบ ล�ำตัวของเขาเข้ากับเอวของลีลาวดีก่อนจะทะยานเหาะ พาหนีไปยังปุยเมฆสีขาว แต่เขากลับงวยงงสงสัย ไม่รู้ ตัวเองมายืนร้องเพลงหน้าชั้นเรียนได้อย่างไร ที่ส�ำคัญ ไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนสักคน ยกเว้นลีลาวดีที่ตอนนี้ นุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวกับที่เปลี่ยนใส่ในขณะเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน แม้เวลาอยู่คนเดียวพระบางมักจะชอบร้องเพลง ลูกทุ่งที่พ่อเปิดฟังรับวันใหม่ แต่เขาไม่เคยร้องได้ไพเราะ เหมือนตอนนี้ ใช่แล้ว ต้องเป็นเพราะลีลาวดี วันนีเ้ ขาจึงถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึกผ่านเสียงเพลง ‘คืนนั้นสวรรค์ล่ม’ ที่ ครูไพบูลย์ บุตรขัน แต่งจนอดซาบซึ้งในน�้ำเสียงตัวเอง ไม่ได้ “นับว่าเป็นวาสนา ได้มาสวรรค์อ�ำไพ เพลินชม ภิรมย์นภางค์ จนพาน้องนางหลงไป ผ่านเมฆร�ำไรมาพบ บึงใหญ่อโนดาตงาม ไทรย้อยห้อยกิ่งทิ้งก้านคลุมน�้ำ สีคราม บัวน้อยอร่ามงามน่าภิรมย์ เสียดายมิทันเด็ดบัว สวรรค์ชม คืนนัน้ สวรรค์ลม่ เสียงฟ้าเสียงลม ฝนพร่างพรม พี่หนาวจนสั่น... กลับกลายเป็นฝันไป... พระบางสะดุ้งสุดตัว เบิกนัยน์ตามองหาลีลาวดี หน้าห้องนอนได้ยินเสียงเคาะดังตึงตัง เงี่ยหูฟังสักครู่จึง รู้ว่าแม่ของเขาเรียก ส่วนเสียงเพลงที่คิดว่าตัวเองเป็นคน 82
พระบางเมือบ้าน
ร้องที่แท้เป็นเสียงของทูล ทองใจ ซึ่งพ่อเปิดฟังรับเช้า วันใหม่นั่นเอง
บัญชา อ่อนดี
83
84
พระบางเมือบ้าน
12.
หลั ง น� ำ สตางค์ ที่ แ อบแคะออกมาจากกระปุ ก ออมสินรูปหมูอ้วนฝากใหญ่ไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่จากใน ตัวจังหวัดผ่านมาได้ 3 วัน พระบางยังไม่เห็นแม้แต่เงา ของลีลาวดี ต่อจนเช้าวันที่สี่ที่ลีลาวดีไม่มาเรียนหนังสือ พระบางจึงตัดสินใจหาวิธีเพื่อท�ำให้ตัวเองล่วงรู้สาเหตุ ให้ ไ ด้ ว ่ า ท� ำ ไมคนที่ เ ขาอยากให้ เ ธอแสดงท่ า ที ส นใจ ในยามเห็นเขาสวมรองเท้าคู่ใหม่ราคาหลายร้อยบาท จึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความจริงเพียงแค่วนั แรกทีล่ ลี าวดีขาดเรียน จิตใจ ของพระบางกระวนกระวายไม่เป็นอันกินอันนอน ยิ่งพอ ล่วงเข้าสูว่ นั ทีส่ องนอกจากเรียนหนังสือไม่รเู้ รือ่ ง พระบาง ยังแทบไม่ได้ยินเสียงครูสอน เขาพยายามแกล้งถามใหญ่ บัญชา อ่อนดี
85
กับกวางถึงเรื่องผู้คนในตลาดท�ำนองว่ามีร้านรวงไหน ปิดเปิดบ้างเผื่อจะได้ไม่เสียเวลาไปหาข้าวของที่พ่อฝาก ให้ซอื้ กลับบ้าน ครัน้ พอจะวกถามเกีย่ วกับร้านเครือ่ งเขียน พระบางกลับอ�ำ้ อึง้ อึกอัก ด้วยเกรงว่าเพือ่ นจะจับได้ไล่ทนั ซึ่งนั่นจะท�ำให้เขากลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนร่วมชั้นเยาะ เย้ยสับโขกไปอีกนานนับเดือน นีห่ าใช่เป็นวันแรกทีพ่ ระบางปัน่ จักรยานผ่านหน้า ร้านขายเครื่องเขียน ก่อนจะเวียนกลับมาอีกหลายรอบ เช้าวานนี้ก่อนจะมุ่งหน้าไปโรงเรียน พระบางแสร้งว่า ตัวเองมีธรุ ะจ�ำเป็นต้องผ่านร้านรวงต่างๆ อย่างหลีกเลีย่ ง ไม่ได้ หัวใจของเขาเต้นราวกับกองเพลในยามเห็นหลังคา ร้านเครือ่ งเขียนลิบๆ อยูเ่ บือ้ งหน้า แต่อกี อึดใจต่อมากลับ บังเกิดความเก้อเขินเอียงอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แรกทีเดียวเขาแกล้งเมียงมองไปยังร้านโชห่วยฝั่งตรงข้าม คล้ายจะหาซื้อสินค้าสักอย่างสองอย่าง จนเผลอผ่านไป ถึงร้ายขายก๋วยเตี๋ยวตาดุ๊ยที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้า ไปมอง จึงรีบตะลีตะลานเลีย้ วรถจักรยานกลับมาผ่านใหม่ พร้อมกับเสียงเต้นของหัวใจไหวระรัว นอกจากมีความหลังฝังใจจนท�ำให้ไม่อยากผ่าน หน้าร้านก๋วยเตีย๋ วตาดุย๊ พระบางยังกลัวอีกว่าจูๆ ่ ลีลาวดี จะเดินออกมาหน้าร้านขายเครื่องเขียนและบังเอิญมอง เห็นหน้าเขาทีข่ าวซีด ซึง่ นัน่ อาจจะท�ำให้เธอเดาได้ในทันที ทันใดว่าลึกๆ ของหัวใจเขาคิดประการใดกับเธออยู่ แต่ 86
พระบางเมือบ้าน
วานนีไ้ ม่วา่ จะพยายามเลีย้ วจักรยานผ่านไปชะแง้แลดูรอบ แล้วรอบเล่า เขากลับไม่เห็นลีลาวดีนงั่ หรือนอนอยูใ่ นร้าน ขายเครื่องเขียน วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ลีลาวดีขาดเรียน ช่วงเช้าก่อน เข้าห้องเรียนพระบางขี่จักรยานด้วยจิตใจห่อเหี่ยวเทียว ผ่านไปผ่านมาหน้าร้านขายเครือ่ งเขียนไม่ตำ�่ กว่าสามรอบ กระนั้นก็ยังหาค�ำตอบที่เป็นความกระจ่างไม่ได้ สุดท้าย พอโรงเรียนเลิก พระบางรวบรวมความกล้าไม่ปริปากบอก ปรีชากับณรงค์ชยั ว่าต่อให้ฟา้ ถล่มดินทลาย หรือท้ายทีส่ ดุ เขาต้ อ งได้ รั บ ความอั บ อายปานใดก็ จ� ำ เป็ น ต้ อ งไปยั ง ร้านขายเครื่องเขียนให้ได้ ร้ า นขายเครื่ อ งเขี ย นกระจ่ า งอยู ่ ก ลางตา ทว่ า พระบางกลับเหรถจักรยานไปทางร้านโชห่วยที่อยู่ฝั่ง ตรงข้าม พอจอดรถเสร็จสรรพก็ก้มหน้างุดๆ ผ่านสินค้า นานาชนิดเข้าไปในร้านโชห่วย จากนั้นท�ำทีว่าลืมอะไร สักอย่างพลางหันหลังกลับ ล้วงสองมือควานหาทัง้ กระเป๋า เสือ้ และกระเป๋ากางเกง อาซิม้ รีบเดินออกมาถามว่าจะซือ้ อะไร เขาแสร้งส่ายหน้า ยิ้มแหยและกล่าวค�ำขอโทษ แม้จะเก้กงั ลังเลอยูห่ ลายนาที แต่บดั นีพ้ ระบางมา ยืนอยู่ในร้านเครื่องเขียนด้วยเนื้อตัวเย็นเฉียบ เขาคงยืน เงียบอยู่ต่อหน้ากระปุกใส่ปากกาอยู่อย่างนั้นถ้าไม่ได้ยิน เสียงหนึ่งดังขึ้น “ซื้ออะไรจ๊ะ” บัญชา อ่อนดี
87
พระบางสะดุง้ เฮือกเหมือนถูกไฟจี้ เสียงทีร่ อ้ งถาม เป็นเสียงผู้หญิงและฟังอย่างไรก็เหมือนเป็นเสียงลีลาวดี เพียงแต่มีความอ่อนโยนกว่า พอเงยหน้าแวบหนึ่งขึ้นไป มองพระบางต้องลอบถอนหายใจออกมา เจ้าของเสียงเป็นหญิงเกือบรุ่นราวคราวเดียวกัน กับแม่ของเขา หากให้เดาอาจจะอายุน้อยกว่าไม่น่าเกิน 3-4 ปี ปราดเดียวพอเห็นหน้าก็รู้ทันทีว่านี่คือแม่ของ คนที่เขามาตามหา “ซื้อ ลีลา...” โชคดีเสียงของเขาเบาและหายจาก ล�ำคอไปในเสี้ยววินาทีต่อมา พระบางก้มหน้า เนื้อตัวชา ราวไฟฟ้าชอร์ต “หนูมาหาซื้ออะไร” เป็นสุ้มเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่น “ผม ผม ผมมาซื้อปากกาครับ” พระบางก้มหน้า งุด “ปากกาด�ำหรือปากกาแดง ลองเลือกดูสิ เขียน ใส่ในกระดาษขาวดูก่อนเผื่อด้ามไหนหมึกไม่ออกจะได้ ไม่ต้องเสียเวลากลับมาเปลี่ยน” ยิ่งฟัง พระบางยิ่งรับรู้ว่าผู้เป็นแม่ของลีลาวดีที่ ชื่อ ‘เจ๊นาง’ เป็นคนเมตตาอารี เขาเข้ามาในร้านไม่กี่นาที ยังรู้สึกผ่อนคลาย ท�ำให้เริ่มเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เจ๊นางช่างมีใบหน้าเหมือนลีลาวดี คิ้วเข้ม นัยน์ตา ด�ำขลับ แต่รูปร่างท้วมกว่าและสูงไม่น่าจะถึงบ่าลีลาวดี นอกจากนี้สีผิวยังไม่ขาวเหมือนคนจีนทั่วไป อาจเป็นไป 88
พระบางเมือบ้าน
ได้ว่าลีลาวดีได้ส่วนสูงมาจากพ่อ ส่วนผิวพรรณของเธอ เหมือนทางแม่มากกว่า พระบางทดลองเขียนปากกาลงบนกระดาษขาว เจ๊นางยืนมองเขาอยู่ไม่ห่างมากนัก สักพักเจ๊นางเดิน อมยิ้มเข้ามาใกล้ ใช้มือข้างขวาจับลงตรงไหล่ของเขา ราวกับเห็นเป็นลูกหลาน พระบางงงงันหันไปสบตาทีจ่ อ้ ง มาด้วยแววตาทอประกาย ฉับพลันทันใดทีเ่ จ๊นางเห็นและอ่านชือ่ กับนามสกุล ของเขาที่ปักไว้ตรงอกเสื้อด้านซ้าย พระบางได้ยินเจ๊นาง พูดกับเขามากมายหลายประโยค ส�ำเนียงเสียงที่เจ๊นาง พูดคุยล้วนเป็นภาษาถิ่นของเขา พระบางเนื้อตัวเริ่มสั่น เทา หัวใจเต้นเร่าๆ ด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือดขึ้น เรื่อยๆ พระบางวางปากกาลงบนกระดาษขาวด้วยมือสั่น ระริก กู่เสียงตะโกนก้องอยู่ในห้องหัวใจว่าท�ำไมเจ๊นาง จึงต้องล้อเลียนด้วยการแสร้งพูดภาษาถิ่นที่ไม่คุ้นชินกับ เขาด้วย เจ๊นางควรพูดอย่างทีเ่ อ่ยปากถามเขาในตอนแรก ขณะเดินเข้ามาในร้าน ไม่ใช่เยาะเย้ยหยามหยันในทันที ทีอ่ า่ นนามสกุลของเขาแล้วล่วงรู้ หรือเดาว่าภาษาถิน่ ของ เขาต้องพูดอย่างไร เสียดายเป็นแม่ของลีลาวดี มิเช่นนัน้ อาจเป็นไปได้ ว่ า พระบางต้ อ งย้ อ นถามกลั บ ว่ า ท� ำ ไมเจ๊ น างจึ ง ต้ อ ง ล้อเลียนเขาให้อับอายขายขี้หน้าจนแทบจะมุดดินหนีไป บัญชา อ่อนดี
89
ในบัดดลนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ทุกค�ำพูดที่เขาตอบกลับไปใน ทุกครั้งที่เจ๊นางถาม เขาก็พยายามพูดอย่างใหญ่ กวาง หรือกระทั่งเจ๊นางและลีลาวดีพูด ไม่มีค�ำใดไหนเลยที่เขา จะเผลอหลุดปากเอ่ยภาษาถิ่นของตัวเองออกมา หรือเป็นไปได้ว่าเจ๊นางเดาว่าเขาคิดอย่างไรกับ ลีลาวดี ที่ส�ำคัญพอรู้ว่าเขาเป็นเด็กที่ปั่นจักรยานแล้วนั่ง เรือข้ามฟากมาจากอีกหมู่บ้านหนึ่งจึงจงใจกีดกันกลั่น แกล้งแต่แรกพบเจอ ยิ่งคิดพระบางยิ่งหุนหันพลันแล่น ใบหน้าที่เคย ยิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งและก้มต�่ำ ก�ำมือที่เหงื่อชื้น แน่นทั้งสองข้าง เจ๊นางยังไม่รวู้ า่ พระบางโกรธจึงยังคงวางมือไว้บน ไหล่ของเขา พระบางถอยเท้าออกมาอย่างรวดเร็ว เจ๊นาง ชักมือกลับ ยิม้ เจือ่ น พระบางไม่ยอมแม้แต่เบือนหน้ากลับ ไปมอง จูงจักรยานและเร่งปัน่ วงล้อให้เร็วสุดเท่าทีจ่ ะท�ำได้ เขารู้สึกอับอายยิ่งกว่าถูกใหญ่ กวาง หรือณพตะคอกใส่ หลายเท่าพันทวี
90
พระบางเมือบ้าน
13.
เย็นย�่ำตะวันรอนอ่อนแสง กระนั้นยังไม่อ่อนล้า โรยแรงราวหัวใจจะขาดรอนเหมือนที่พระบางผจญอยู่ใน ตอนนี้ หากเจ๊นางไม่ใช่แม่ผู้ให้ก�ำเนิดลีลาวดีเขาคงจง เกลียดจงชังเจ๊นางไปตลอดทัง้ ชาติ แต่วา่ ไปแล้วแม้เจ๊นาง จะเป็นคนจีนในตลาด ทว่าส�ำเนียงเสียงที่แสร้งพูดกับ เขาฟังราวกับเป็นคนหมูบ่ า้ นเดียวกันจริงๆ อาจเป็นไปได้ ว่าเนื่องจากร้านขายเครื่องเขียนเปิดมานาน แต่ละวันมี ลูกค้ามากหน้าหลายตา ดังนั้นเจ๊นางผู้เป็นแม่ค้าจ�ำต้อง พยายามฝึกถ้อยค�ำสนทนาซึง่ เป็นภาษาทีไ่ ม่มใี ครในตลาด พูดได้แม้แต่คนเดียว ส�ำหรับเจ๊นางการพูดด้วยส� ำเนียงเสียงถิ่นของ หมูบ่ า้ นอืน่ อาจเป็นความภาคภูมใิ จซึง่ ท�ำให้ชาวบ้านทีเ่ ป็น บัญชา อ่อนดี
91
เจ้าของภาษาเลือกจะมาซือ้ สินค้าเพราะความคุน้ เคยเป็น กันเอง แต่พระบางไม่ได้คิดอย่างนั้น สิ่งที่เจ๊นางจงใจ กระท�ำกับเขาถือเป็นการดูถูกอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม พระบางยังขบคิดด้วยว่าจะกล่าวหา เจ๊นางเจตนาดูหมิ่นดูแคลนก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนัก เพราะเขาเอง รวมทัง้ พ่อ แม่ อาสมสนุก น้าดวงเดือนและ คนอื่นๆ ในหมู่บ้านของเขาต่างหากที่สมควรให้คนใน ตลาด อาทิเจ๊นาง ใหญ่ กวาง ณพ รวมทัง้ พวกต่างหมูบ่ า้ น แอบหัวเราะขบขัน เพราะในความเป็นจริงแม้จะอยู่ต่าง หมู่บ้าน คนละต�ำบล ก็หาใช่ห่างไกลจนไปมาหาสู่กัน ไม่ได้ พระบางไม่เข้าใจว่าท�ำไมพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน เดียวกันกับเขาจึงไม่น�ำเอาส�ำเนียงเสียงพูดของคนใน ตลาดมาเป็นแบบอย่าง ยิ่งวัฒนธรรมประเพณีที่เชยและ ล้าหลังยิ่งจ�ำเป็นต้องยกเลิกเปลี่ยนแปลงให้เป็นน�้ำหนึ่ง อันเดียวกันกับพวกในตลาดให้ได้ ไม่เช่นนั้น ผู้คนและ หมู่บ้านก็จะถูกเยาะเย้ยหยามหยันไปจนดินกลบหน้า พระบางกระหวัดคิดถึงดวงตาด�ำขลับของลีลาวดี ป่านฉะนีเ้ ธอไปอยูแ่ ห่งหนต�ำบลไหน สุขสบายหรือเจ็บไข้ ได้ป่วยอย่างไรไม่อาจรู้ เขาขนลุกซู่ เป่าปากพรูเมื่อนึกถึง เช้าวันแม่ของเขามาเคาะประตูห้องเรียกเพราะนอนตื่น สายผิดปกติ ค่อนแจ้งก่อนแม่จะมาเคาะห้องร้องเรียก พระบาง ฝันอย่างไม่เคยฝันเยี่ยงนั้นมาก่อน เป็น ฝันแรกที่เขา 92
พระบางเมือบ้าน
อย่างไรไม่อาจลืมได้ เป็นความฝันถัง่ ท้นล้นใจไม่ตา่ งอะไร กับความจริงในวินาทีทรี่ า่ งกายของเขากระทบกระแทกกับ ร่างหนั่นนุ่มของลีลาวดีในสนามบาสเกตบอล พระบางชะลอความเร็วรถจักรยานให้ชา้ ลงเมือ่ พ้น โค้งซึง่ ก�ำลังจะเลีย้ วเข้าเรือนไทย ภายในใจของเขาขณะนี้ เริม่ คลายความขุน่ มัวเรือ่ งเจ๊นางลงไปมากแล้ว ควันฟืนที่ แม่ก่อลอยเป็นสายสีขาวเหนือหลังคาครัว ทุกๆ วันเมื่อ ขี่จักรยานผ่านซุ้มการเวกแล้วต่อด้วยรั้วพู่ระหงมาแล้ว จากนั้นถัดมาจะเห็นเรือนไทยกับดวงจ�ำปาต้นใหญ่อย่าง ถนัดชัดเจน ทว่าวันนี้กลับมีภาพหนึ่งซึ่งเพิ่มเข้ามาและ ท�ำให้อารมณ์ขุ่นข้องหมองใจที่เพิ่งจะหายไปปะทุขึ้นอีก เห็นอยูเ่ ต็มตา รูอ้ ยูเ่ ต็มใจ พระบางกลับท�ำเหมือน เด็กหญิงทีย่ นื อยูใ่ กล้ๆ ต้นดวงจ�ำปาผูน้ นั้ เป็นอากาศธาตุ ไร้ซึ่งตัวตน หรือเป็นคนไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันแม้แต่น้อย หลังถอดถุงเท้าและรองเท้าออกแล้ว พระบางหยิบ กระบวยกะลามะพร้าวตักน�้ำฝนจากตุ่มที่ตั้งอยู่ตีนบันได มาใช้ลา้ งเท้าท�ำความสะอาด ในใจครุน่ คิดว่าสาเหตุอนั ใด จึ ง ท� ำ ให้ เ ด็ ก หญิ ง มาปรากฏตั ว อยู ่ ที่ เ รื อ นไทยของเขา ในเวลาเย็นย�่ำค�่ำคล้อยอย่างนี้ ตวัดหางตาไปทางต้น ดวงจ�ำปา เห็นว่าเด็กหญิงตาแป๋วทีจ่ อ้ งมองเขาอยูก่ อ่ นแล้ว ท�ำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อออกอาการตกใจเล็กน้อย ก่อนจะ หันไปทาบแขนลงกับกิ่งต้นดวงจ�ำปาราวกับว่าเธอเองก็ ไม่สนใจไยดีที่เห็นเขาก�ำลังจะขึ้นไปบนเรือนเหมือนกัน บัญชา อ่อนดี
93
พ่อใส่แว่นสายตานอนอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อกก พระบางรู้ดีว่าไม่ควรกวนพ่อ แต่พอเขาก�ำลังจะเข้าไปใน ห้องใต้พ่อก็กล่าวค�ำทักทาย เขาเริ่มหงุดหงิดใจใส่ผู้เป็น พ่ออย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน สิ่งที่ท�ำให้พระบางหงุดหงิด เป็นเพราะพ่อทักทายเขาด้วยภาษาถิน่ เขาท�ำเป็นไม่ได้ยนิ เดินตรงดิ่งไปหาแม่ในครัว กระพุ่มมือไหว้แม่และเดิน เข้าไปกอดเอว แม่ลบู ศีรษะเขาอย่างแผ่วเบาแต่กลับอบอุน่ ในทุกครั้งหลังกลับจากโรงเรียนมาถึงเรือนไทย พระบาง อดแปลกใจไม่ได้ที่แม่ไม่เอ่ยปากพูดถึงเด็กหญิงคนนั้นให้ เขาฟังว่าเธอมีธุระปะปังอะไรจึงมาถึงเรือนไทย หรือทั้ง แม่และพ่อคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งคู่จึงไม่เอ่ยอะไรให้ฟัง พระบางนั่งเงียบอยู่บนโต๊ะท�ำการบ้าน กระปุก ออมสินรูปหมูอ้วนยังวางอยู่ที่เดิม แสดงว่าแม่ซึ่งเข้ามา เช็ดถูห้องนอนให้เขาไม่เอะใจว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น โน้มตัวไปหยิบกีตาร์มาไล่นิ้วลงบนสาย ฮัมเพลงฝรั่งที่ พยายามแกะโน้ตเล่นมาตั้งแต่ 2-3 วันก่อน ก้มหน้า ก้มตาหักใจได้ไม่ทันจบเพลง พระบางเผลอตัวเงยหน้า ขึ้นอีก หลังนั่งมองอยู่ชั่วครู่พระบางจึงเริ่มรู้ว่าเด็กหญิง คนนั้นมาท�ำอะไรตรงดวงจ�ำปาต้นใหญ่ภายในเรือนไทย ของเขา “บ้าจริง” พระบางคิดอย่างทีส่ บถออกมา ถ้าไม่บา้ หรือเสียสติใครจะมาร่ายร�ำอยูห่ น้าต้นดวงจ�ำปาอย่างนัน้ และมันไม่ใช่เป็นบ้านของเธอ 94
พระบางเมือบ้าน
ยิง่ มองยิง่ เห็นยิง่ อารมณ์แทบปะทุคคุ งั่ ยิง่ คิดยิง่ หา ต้นสายปลายเหตุไม่ได้วา่ ท�ำไมเด็กหญิงจึงต้องท�ำเช่นนัน้ ในที่สุดพระบางอดรนทนดูไม่ไหวต้องปรี่ออกจากห้องใต้ เดินเหมือนวิ่งลงบันไดไปหาเด็กหญิงที่นุ่งผ้าซิ่นร�ำฟ้อน อยู่หน้าต้นดวงจ�ำปา “ท�ำอะไรดวงจ�ำปา” พระบางจ้องหน้าถามห้วนๆ ด้วยส�ำเนียงเสียงของคนในตลาด “ซ้อมฟ้อนดวงจ�ำปาจ้ะ” “โรงเรียนไม่สอนให้พดู ภาษากลางหรือไง” พระบาง ท�ำตาขวางเข้าใส่หลังได้ยินดวงจ�ำปาตอบค�ำเป็นภาษา ถิ่น” “สอนจ้ะ แต่คุยกับพี่พระบางจะพูดภาษากลาง ท�ำไม เราก็ต้องพูดภาษาบ้านเราสิ” ดวงจ�ำปาท�ำหน้า งวยงง “บ้านตัวเองก็มีไม่ยอมไปร�ำ มาร�ำท�ำไมที่เรือนพี่” “เรือนแพดวงจ�ำปาไม่มีต้นดวงจ�ำปา ครูบอกว่า หากอยากฟ้อนดวงจ�ำปาให้เหมือนต้องซ้อมร�ำที่ต้นจริง จะได้รู้ว่าต้นดวงจ�ำปาอ่อนช้อยอย่างไร...” ไม่ปล่อยให้เด็กหญิงนุง่ ผ้าซิน่ กล่าวจบค�ำ พระบาง โพล่งสวนออกไปว่า “อ่อนช้อยบ้าบออะไร เหมือนโครง กระดูกผีละไม่ว่า” “อย่าว่าต้นดวงจ�ำปาแบบนั้น พี่พระบางไม่รู้หรือ ไงว่าดวงจ�ำปาเป็นของสูง” ดวงจ�ำปาพนมมือเหนือหัว บัญชา อ่อนดี
95
และเอ่ยต่อ “สงสัยอยากเป็นคนในตลาด” พอได้ฟงั ประโยคหลังทีด่ วงจ�ำปาเอ่ยออกมาอย่าง ชัดเจน พระบางปรีเ่ ข้าใส่ ใช้แขนข้างถนัดรัดร่างดวงจ�ำปา ง้างมืออีกข้างฟาดใส่ก้นของเด็กหญิงอย่างไม่ยั้ง ฝ่าย ดวงจ�ำปาพยายามสลัดตัวออกมา พร้อมกับง้างมือทัง้ สอง ข้างทุบเข้าใส่หน้าอกพระบางอย่างไม่รู้จะปัดป้องตัวเอง ด้วยวิธีไหนให้ดีกว่านี้ แม่ของพระบางวิ่งรี่ลงมาจากครัว “พระบางท�ำ อย่างนี้ไม่ได้ น้องเริ่มโตเป็นสาวแล้วนะ” พระบางยังคงไม่ลดละ ขณะจะสะบัดมือตีต่อแม่ ของเขาก็เข้ามาถึง สอดตัวเข้าไปขวางทัง้ คูไ่ ว้ ผลักพระบาง ไปอีกทาง ก่อนจะโผเข้ามาโอบกอดดวงจ�ำปาลูบศีรษะ และปลอบโยนเด็กหญิงที่เริ่มน�้ำตาเปื้อนแก้ม
96
พระบางเมือบ้าน
14.
“อ�ำเภอตรอนเราเหล็กน�้ำพี้ แข็งดีไม่ต้องกลัวใคร อ�ำเภอตรอนจงมั่นใจ คว้าชัยมาให้อ�ำเภอตรอน อ�ำเภอ ตรอน อ�ำเภอตรอนอยู่นี่ เหล็กน�้ำพี้ไม่ต้องกลัวใคร...” เสียงเพลงเชียร์จากกลุ่มนักเรียนชายและหญิง ประมาณร้อยคนดังอื้ออึงมาจากโคนต้นพุทรา พระบาง ฉวยจังหวะเวลาเพือ่ นในกลุม่ มัวแต่หยอกล้อกันอยูบ่ ริเวณ สนามฟุตบอลหลบมาซ่อนตัวอยูต่ รงโค่นต้นมะม่วงขนาด ใหญ่ ทอดสายตามองออกไปยังสนามหญ้าหน้าเสาธง หลายครั้งหลายคราวที่เขาอดขบริมฝีปากตัวเองไม่ได้ และบางห้วงยามรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนต้องเผลอยิ้ม บนลานหญ้าเขียวขจีมรี า่ งของเด็กสาวในชุดนักเรียน ก�ำลังซ้อมถือและควงคทาอยู่ด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง บัญชา อ่อนดี
97
ทว่าก็แฝงด้วยความอ่อนช้อยงดงาม วันเสาร์กบั วันอาทิตย์ หน้าโรงเรียนจัดให้มีการแข่งขันกีฬาสี ลีลาวดีถูกครูเลือก ให้เป็นดรัมเมเยอร์ ซึ่งแสดงว่าเธอจะโดดเด่นเป็นที่สุดใน ช่วงเวลาตอนน�ำขบวนพาเหรดนักกีฬากับบรรดากองเชียร์ แต่ละสีเดินแถวจากตลาดมายังสนามใหญ่ภายในโรงเรียน พระบางเพิ่งกระจ่างแจ้งว่าช่วงเวลา 4 วัน 4 คืน ซึ่งเขาต้องนอนหลับๆ ตื่นๆ และเรียนหนังสือแทบไม่รู้ เรื่อง เนื่องจากพะวงหาสาเหตุการหายตัวไปอย่างไร้ ร่องรอยของสาวน้อยที่เขาก�ำลังเหม่อมองดูอยู่ในตอนนี้ เป็นเพราะอาของเธอพาไปกรุงเทพฯ เพือ่ เลือกซือ้ เสือ้ ผ้า เอากลับมาสวมใส่ในยามท�ำหน้าทีเ่ ป็นดรัมเมเยอร์วนั เปิด และปิดการแข่งขันกีฬาสีประจ�ำปีให้กับโรงเรียน พระบางจินตนาการยังไม่ออกว่าต่อหน้านักเรียน ร่วมโรงเรียนนับพันคน ต่อสายตาครูอาจารย์เกือบร้อย ชีวิต ไม่นับรวมชาวบ้านร้านตลาดที่จะอุ้มลูกจูงหลาน แห่แหนกันมารอดูขบวนพาเหรดในตอนเช้าของวันเสาร์ หน้า ลีลาวดีจะอยูใ่ นชุดอะไร อาจเป็นกระโปรงสุม่ ไก่คลุม จากเอวลงมาถึงข้อเท้ากับเสื้อลายลูกไม้สีขาวซึ่งตัดกับ หมวกเบเรต์กลัดดอกกุหลาบพลาสติกสีแดงสะดุดตา แต่ถ้าทั้งอาของเธอและตัวลีลาวดีเองสมัครใจ เลือกสวมกางเกงขาสั้นเหนือหัวเข่ากับใส่เสื้อยืดสีขาว แล้วสวมเสื้อกั๊กสีด�ำทับ พระบางถึงกับใจหายวาบขณะ หลับตาและจินตนาการถึง แม้ลีลาวดีอาจจะสวมถุงน่อง 98
พระบางเมือบ้าน
หรือใส่รองเท้าบู๊ตยาวจากเท้ามาถึงแข้ง แต่นั่นมันก็จะ ท�ำให้ทุกสายตามีโอกาสเห็นเรียวขาของเธอ ไม่วา่ จะเป็นชุดไหนกลับไม่ทำ� ให้พระบางใจตกวูบ เท่ากับภาพที่เขาจินตนาการว่าถ้าลีลาวดีใส่ผ้าซิ่น สวม เสื้อแขนกระบอกคอบัวอย่างที่มักเห็นดวงจ�ำปาใช้เป็น อาภรณ์ประจ�ำกายเวลาไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เขาอาจจะ กลายเป็นคนเสียสติ “บ้า....” พระบางถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ “...ไม่มี ใครฟั่นเฟือนแต่งตัวต่อหน้าคนนับพันอย่างนั้นแน่ ยิ่ง กีฬาสี ขบวนพาเหรดเป็นกิจกรรมของความโอ่อา่ อลังการ ใครจะอุตริให้ดรัมเมเยอร์ใส่ผา้ ซิน่ เสือ้ แขนกระบอกคอบัว รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า...” “แล้วตัวเราเองวันนั้นจะแต่งตัวแบบไหน...” พระบางมีกางเกงยีนส์อยู่ 2 ตัว กับกางเกงขายาวทรงเดฟอีก ตัวหนึ่ง เขาคิดว่าบทสรุปน่าจะเป็นกางเกงยีนส์ตัวโปรด กับเสื้อยืดคอกลมสีขาว ส่วนรองเท้าต้องเป็น U.S. “หรือจะกางเกงเดฟ เหน็บหวีไว้ตรงกระเป๋าหลัง กับเสื้อเชิ้ตเอวลอยสีแดง แต่... เอ... เราอยู่สีเหลืองจะใส่ เสื้อสีแดงได้ไง เดี๋ยวค่อยคิดดูดีๆ อีกที...” พระบางคิด พลางเดินพลางห่างออกมาจากต้นมะม่วงพร้อมๆ กับ ลานหญ้าหน้าเสาธงไม่ปรากฏร่างของลีลาวดีที่เพิ่งเดิน หายเข้าไปในห้องเรียนเมื่อครู่ก่อนหน้านี้เช่นกัน “เอ๊ะ นั่นใคร ใคร ใคร ก�ำลังเดินมา พวกเรา บัญชา อ่อนดี
99
สีเหลืองเรืองฤทธี...” เสียงเพลงจากกองเชียร์สีเหลืองที่ตะเบ็งคอซ้อม กันอยู่ตรงสนามบาสเกตบอลท�ำให้พระบางครุ่นคิดบาง อย่างขึ้น... ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากให้ลีลาวดีลุกยืนขึ้นร้อง เพลงเชียร์นใี้ นยามเขาก้าวลงไปยืนบนสนามบาสเกตบอล รอบชิงชนะเลิศ... เขาจะทุ่มเทเล่นเกมอย่างลืมตาย โชค ไม่เข้าข้าง ลีลาวดีไม่ได้อยู่สีเหลืองเช่นเดียวกับเขา เธออยู่สีแดง... สีเดียวกับปรีชา เสียงจากวงดุริยางค์ดังสนั่นในพลันที่ลีลาวดีส่ง สัญญาณผ่านมือและไม้คทาบอกให้รู้ว่าขบวนพาเหรด ก�ำลังจะเดินเท้าจากท้ายตลาดเคลื่อนไปยังโรงเรียน สอง ฟากถนนยามนี้คลาคล�่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างหน้าตาสดชื่น ผ่องใส แดดเช้ายังไม่แรงนักจึงท�ำให้บรรยากาศทั่วไป เปี่ยมด้วยรอยยิ้มเย็นสบาย ทั้งอาม่า อาซิ้ม เด็กเล็กล้วน แข่งกันตะโกนเรียกลูกหลานหรือพี่ที่เดินหน้ากระดาน เรียงสี่อยู่ในขบวนพาเหรดซึ่งก�ำลังจะผ่านร้านรวงไป อีก ทั้งไม่วายโบกมือให้กันและกันด้วยแววตาอิ่มสุข หลายคนผลัดกันมายืนถ่ายรูปเป็นทีร่ ะลึกระหว่าง วงดุริยางค์ก�ำลังเคลื่อนมาใกล้ๆ เพื่อให้เป็นฉากหลังซึ่ง นานทีปีครั้งจะมีขึ้นสักหน ในบรรดาผู้คนหลากหลายมี ชายจีนรูปร่างสูงใหญ่สาละวนอยู่แต่กับถ่ายรูปลีลาวดีที่ 100
พระบางเมือบ้าน
อยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีด�ำคลุมถึงครึ่งเข่า เสื้อแพรประดับ ลูกปัดวับวาวราวกับนางฟ้าน้อย ศีรษะของเธอสวมไว้ดว้ ย หมวกกรุลายลูกไม้และปักไว้ดว้ ยพูส่ ที อง ส่วนรองเท้าก็ดู เลิศล�ำ้ เข้ากับกระโปรงสีดำ� ดัง่ หนึง่ ผูเ้ ป็นช่างบรรจงตัดเพือ่ ให้ลีลาวดีเป็นจุดศูนย์รวมสายตาที่ทุกคนต้องตะลึงมอง โดยเฉพาะ ด้วยสิทธิ์ของนักกีฬาบาสเกตบอลสีเหลืองซึ่งจะ ลงสนามแข่งขันกันเป็นคู่แรกกับสีฟ้า พระบางจึงไม่ต้อง ตากแดดเดินร่วมอยู่ในขบวนพาเหรดเหมือนคนอื่น ครู ผู้ควบคุมทีมสั่งให้นักบาสเกตบอลสีเดียวกับพระบาง ทุกๆ คน ไปพักผ่อนเตรียมตัวลงสนามในห้องสมุด ครั้น พอครูไปท�ำธุระที่อื่น ทุกคนต่างรีบรุดไปยังตลาด หรือไม่ ก็ซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้ เนื่องจากไม่มีใครยอมเสียโอกาส พลาดดูขบวนพาเหรดที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ในฝูงชนหน้าร้านโชห่วยซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับร้าน ขายเครื่องเขียน พระบางยืนบังเสาหลบมุมซุ่มอยู่เงียบๆ เนื้อตัวและหัวใจเริ่มเย็นเฉียบเมื่อได้ยินเสียงวงดุริยางค์ บรรเลงเพลงประจ�ำโรงเรียนดังใกล้เข้ามาเรือ่ ยๆ บางครัง้ พระบางเหลือบมองไปยังหน้าร้านขายเครือ่ งเขียน สังเกต ว่าเจ๊นางจะเดินออกจากหลังร้านมาให้ก� ำลังใจลูกสาว ตอนไหน เสียงกระหึ่มกังวานดังผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวตาดุ๊ย มาแล้ว อีกไม่นานจะผ่านทั้งหน้าร้านโชห่วยและร้านขาย เครื่องเขียน บัญชา อ่อนดี
101
หลายคนอดใจไม่ไหวต้องโน้มตัวชะเง้อหน้าไปดูวา่ เมื่อไรขบวนพาเหรดจะมาถึง แดดเริ่มจัดจ้าขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นทุกคนยังไม่แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยหรืออ่อนล้า แล้วในทีส่ ดุ ลีลาวดีกป็ รากฏอยูเ่ บือ้ งหน้าประหนึง่ เทพธิดา ผูแ้ ปลงร่างลงมาจากสรวงสวรรค์ ดัง่ รูแ้ ก่ใจว่าด้านขวามือ มีใครมาแอบยืนบังเสาหลบมุมซุ่มรอเธออยู่ ดังนั้นจึงหัน มาสบสายตาด้วยสีหน้าหวามหวาน ช่วงกึง่ เสีย้ วหายใจเดียวกันพระบางนิง่ อึง้ ตะลึงงัน ถึงขัน้ จะหันหลังกลับแล้ววิง่ หนีออกไปให้เร็วและไกลทีส่ ดุ เท่าที่จะท�ำได้ ทว่าเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในใจหดหู่เหี่ยวแห้ง ใบหน้าชาราวกับถูกตบอย่างจัง อีกฝั่งถนนตรงหน้าร้านเครื่องเขียนในห้วงจังหวะ เดียวกับที่พระบางสบตากับลีลาวดี เขายังเห็นว่ามีผู้หนึ่ง ยืนปะปนอยูก่ บั กลุม่ คนสวมเสือ้ ผ้าอาภรณ์ทนั สมัย เหนือ ยิ่งสิ่งใดมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่เห็นปราดเดียวก็ดูแปลก ประหลาดกว่าคนอื่นอันเนื่องมาแต่ผ้าซิ่นกับเสื้อผ้าฝ้าย สีขาวแขนสั้นคอบัวที่สวมใส่ พระบางคิดว่าถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะโถมตัว กรากเข้าไปแล้วฉุดทึ้งดวงจ�ำปาออกมาจากกลุ่มฝูงชน เมื่อลับตาผู้คนเขาจะลงมือกระหน�่ำตีอย่างไม่รั้งรอ คิด เท่าไรก็คิดไม่ออก ท�ำไมดวงจ�ำปาจึงโผล่มาสร้างความ อับอายขายขี้หน้าอยู่ใจกลางตลาดอย่างนี้ มองหาอาสม สนุกกับน้าดวงเดือนกลับไม่มแี ม้เงา แล้วใครกันพาเธอมา 102
พระบางเมือบ้าน
หรือเป็นพ่อของเขา ไม่ใช่แน่นอนเพราะวันนี้พ่อมี ประชุมที่อ�ำเภอ แม่ก็ต้องไปวัดเตรียมงานใหญ่ประจ�ำปี ระหว่างลีลาวดีจะเดิน ผ่านร้านเครื่องเขียน เธอ โยนคทาให้หมุนควงขึน้ สูฟ่ ากฟ้า ก่อนจะคว้าจับเอามาถือ อีกครั้งอย่างนุ่มนวลชวนให้ทุกคนต้องปรบมือกราวใหญ่ ดวงจ�ำปาทีย่ นื อยูใ่ กล้ๆ ไล่สายตาตามไม้คทาทีห่ มุนคว้าง อยูก่ ลางฟ้าก่อนจะหล่นลงมาให้ลลี าวดีคว้าจับด้วยความ ชื่นชม พระบางมองดวงจ�ำปาด้วยอารมณ์ดาลเดือดราว พร้อมจะปาดเนื้อกลืนเลือดเด็กหญิง ครู่หนึ่งกลับต้อง ชะงักเท้าที่ก�ำลังก้าวออกจากตรงมุมเสาข้างร้านโชห่วย เสียงเอะอะโกลาหลต่างคนต่างโบกไม้โบกมือจน ฝูงชนหันไปมองหน้าร้านขายเครื่องเขียนเป็นจุดเดียวกัน “คนเป็นลม ใครมียาหม่องไปช่วยหน่อยเร็ว เด็ก เป็นลม” พระบางได้ยนิ คนข้างๆ ตะโกน พอชะเง้อไปมอง เขาถึงกับต้องตกตะลึงพรึงเพริด ร่างของดวงจ�ำปาค่อยทรุดลงเกือบถึงพืน้ ปราดนัน้ มีคนสอดแขนเข้ารองรับร่างของดวงจ�ำปาไว้ได้ พอเห็นว่า เจ้าของแขนเป็นใคร พระบางเองถึงกับเกือบหมดแรงล้ม ลงไปนอนบนถนน ใบหน้าขาวซีดและเนื้อตัวที่อ่อนระทวยของดวง จ�ำปาต้องผล็อยร่วงลงไปกระแทกกับพื้น หากเจ๊นางไม่ ถลันร่างและกางแขนรับ แต่สิ่งที่ท�ำให้พระบางตกตะลึง บัญชา อ่อนดี
103
พรึงเพริดคือเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เจ๊นางนุ่งห่ม เป็นไปได้อย่างไร พระบางไม่เข้าใจ ท�ำไมเจ๊นางซึง่ เป็นคนจีนในตลาดจึงเลือกนุง่ ผ้าซิน่ ตีนจก รัดเข็มขัดนาก ทับเสื้อแขนสั้นสีขาวคอบัวในวันส�ำคัญที่มีคนเนืองแน่น อย่างนี้
104
พระบางเมือบ้าน
15.
เด็ ก หญิ ง หรื อ แทบจะเรี ย กได้ ว ่ า ก� ำ ลั ง เริ่ ม เข้ า สู ่ วัยสาวขยับเท้าเข้ากับจังหวะเสียงเพลงที่ดังเนิบเนือย มาอยูต่ รงกลางเวที เสียงปรบมือกระหึม่ นานกว่าครึง่ นาที ก่อนจะค่อยๆ ซาลงไป พระบางเห็นนักเรียนชายวัยเดียว กับเขาจับจ้องมองนางร�ำด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ส่งผลให้ เขาต้องยิ้มจืดเจื่อน ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกเย็นชาต่อ ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏอยู่ ปีที่แล้วไม่รู้ว่าครูคนไหนไปเห็นดวงจ�ำปาฟ้อนร�ำ ที่โรงเรียนประจ�ำต�ำบลของเขา จากนั้นถึงกับกล่าวขอ จองตัวดวงจ�ำปาให้มาร�ำในงานประจ�ำปีของโรงเรียนทีเ่ ขา เรียนอยู่ ฝ่ายครูของดวงจ�ำปาก็ให้สัญญาตกปากรับค�ำ เป็นมัน่ เหมาะว่าจะไปขออนุญาตผูป้ กครองของดวงจ�ำปา บัญชา อ่อนดี
105
คืออาสมสนุกกับน้าดวงเดือนให้ ในทีส่ ดุ เกือบหนึง่ ปีตอ่ มา ดวงจ�ำปาซึง่ ขณะนีเ้ รียน หนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จึงมาโชว์ ‘ฟ้อนดวง จ�ำปา’ ยังเวทีกลางสนามหญ้าหน้าเสาธงของโรงเรียน ที่พระบางก�ำลังจะจบการศึกษาเพื่อไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาแห่งอื่น “น่ารักไหม” พระบางได้ยินคนข้างๆ สะกิดถาม เพื่อน “แบบนี้เขาไม่เรียกว่าน่ารักหรอก ต้องพูดว่าสวย มากจึงจะถูกต้อง” ตอบทั้งๆ ไม่วางตา “เขาเรียกฟ้อนอะไรนะเมื่อกี้ฟังไม่ถนัด” “ฟ้อนดวงจ�ำปา” อีกคนตอบ “อื้อหือ ดูสิ ตาคม กริบบาดถึงหัวใจพี่เลยน้อง” “บ้านอยู่ไหน” “อยู่ฝั่งโน้น” “อ้าวเหรอ” คนถามเมื่อครู่โพล่งเสียงค่อนข้างดัง คิ้วขมวดเข้าหากัน พระบางเงี่ ย หู ฟ ั ง โดยตลอด หั ว ใจเริ่ ม เต้ น แรง เมื่อลอบสังเกตสีหน้าท่าทางของคนที่เพิ่งรู้ว่าบ้านของ ดวงจ�ำปาอยู่ที่ไหนแสดงออกมาให้เห็น “อยากรู้จังชื่ออะไร” “ฝากถามเลขที่บ้านให้ด้วย จะส่งโทรเลขไปหา” คราวนีค้ นทีร่ วู้ า่ บ้านของดวงจ�ำปาอยูฝ่ ง่ั โน้นผลักตรงไหล่ 106
พระบางเมือบ้าน
เพื่อน “เฮ้ย คนนี้กูจอง” “จองตั้งแต่เด็กเนี่ยนะ” “เด็กบ้าอะไร เป็นสาวขนาดนี้แล้ว ดูเอวสิผาย รับผ้าซิ่นสวยจัง” พระบางถอยเท้าก้าวห่างจากกลุ่มนั้นมา กวาด สายตาเสาะหาเก้าอี้ที่แม่ของเขากับน้าดวงเดือนนั่งอยู่ ด้านหน้าเวที เห็นแล้วว่าทั้งสองนั่งอยู่ตรงไหนแต่ยังไม่ เข้าไปหา ตวัดหางตาเหลือบไปมองบนเวทีแวบหนึ่ง “...นีน่ ะคนสวย มองยังไงวะ...” พระบางกระตุกมุม ปาก “...ผ้าซิ่นยิ่งไปกันใหญ่ ถึงจะเป็นผืนใหม่ก็เถอะ...” คิดไปพระบางส่ายหน้าไปพลาง สอดส่ายสายตา มองหาคนที่เขาอยากเห็นว่าคืนนี้เธอจะโดดเด่นแค่ไหน ในทีส่ ดุ เขาเห็นลีลาวดีนงั่ อยูบ่ นเก้าอีข้ นาบข้างด้วยเจ๊นาง กับคนจีนตัวใหญ่ที่ชอบถ่ายรูปลีลาวดีในงานประเพณี ส�ำคัญต่างๆ ซึ่งรู้ทีหลังว่าคือ ‘โกซัง’ ซึ่งเป็นพ่อแต่ลีลาวดี เรียกว่า ‘เด’ นั่นเอง ลมหนาวต้นฤดูพัดพลิ้วจนริ้วผมม้าด้านหน้าของ ลีลาวดีปัดป่ายไปมา ดวงหน้าของเธอเหมือนแย้มยิ้มอยู่ เสมอไม่ว่าเจอะเจอกันตอนไหน หรือกระทั่งพูดคุยกับ ผู้ใด คืนนี้ลีลาวดีใส่เสื้อไหมพรมสีชมพูทับกับเสื้อตัวใน แบบไหนพระบางไม่รู้ เห็นแต่ปกเสื้อสีขาวซึ่งเธอตั้งใจ ปล่อยให้ออกมาอยูด่ า้ นนอก มีผา้ พันคอลายดอกไม้เล็กๆ บัญชา อ่อนดี
107
คาดพันอยู่ด้วยหลวมๆ ไม่ว่าลีลาวดีจะแต่งตัวอย่างไร พระบางบอกกับ ตัวเองว่าไม่มวี นั ไหนทีเ่ ธอล้าสมัย หรือแต่งตัวด้วยเสือ้ ผ้า เหมือนกับคนอื่น รูปร่างหน้าตาบวกรวมกับเสื้อผ้าที่ลีลาวดีสวมใส่ ประกอบกับไม่นยิ มพูดคุยกับใครยกเว้นเพือ่ นหญิงทีส่ นิท สนมร่วมห้องเรียนเดียวกันอีก 2-3 คน ส่งผลให้พระบาง บังเกิดความรันทดท้อห่อเหีย่ วใจในทุกๆ ครัง้ ทีจ่ ะชวนเธอ พูดคุย เขามักฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่าถ้าลีลาวดีผู้มีดวงหน้า คล้ายยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอกลับบูดบึ้งขึงขัง กระทั่ง อาจสะบัดหน้าเดินหนีเพราะเธอรูด้ วี า่ บ้านเขาอยูแ่ ห่งหน ต�ำบลใด หัวใจเขาคงแหลกสลายไปชั่วกัปกัลป์ ท�ำไมลีลาวดีจะไม่รู้ว่าเขามีบ้านเรือนอยู่แห่งหน ต�ำบลไหน บางวันคนเก็บเงินค่าเรือข้ามฟากไม่อยู่ โกซัง จะขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีลีลาวดีซ้อนท้ายหรือไม่ก็ขับรถ ปิกอัพไปคอยเก็บเงินแทนในตอนเช้าหรือช่วงก่อนค�่ำ บางคราวเขาส่งยิ้มให้ ลีลาวดียิ้มตอบ แต่เขาไม่ชอบและ รูส้ กึ ผิดหวัง อย่างน้อยลีลาวดีนา่ จะทักทายเขามากว่าการ ถามแค่เพียงว่า “เพิ่งกลับหรือพระบาง” ก่อนจะหันไปนั่ง เงียบราวกับตุ๊กตา หรือเป็นเพราะว่าเธอคิดเห็นเช่นเดียวกับใหญ่ กวาง ณพ ตอนโพล่ ง ค� ำ ตะคอกใส่ เ ขากั บ ปรี ช าและ ณรงค์ชัย ท�ำให้ลีลาวดีพยายามรักษาระยะห่างราวกับ 108
พระบางเมือบ้าน
เรียนหนังสือคนละห้อง อันเนื่องมาจากหลายสิ่งหลายอย่างในห้วงค�ำนึง ของพระบางทีย่ ำ�้ คิดย�ำ้ จ�ำเกีย่ วกับลีลาวดีทำ� ให้เวลาเกือบ สองปีทเี่ รียนด้วยกัน นอกจากบังเอิญสบตาวูบวาบแค่หว้ ง เวลาสัน้ ๆ ต่างคนต่างแทบไม่ได้พดู คุยเหมือนในความฝัน ที่พระบางปรารถนาให้เป็นจริงแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ในยามประสานสายตากันโดยไม่รู้ ตัว พระบางเกิดความรู้สึกลึกๆ ว่า แววตาของลีลาวดีมี มากกว่าไมตรีของเพื่อนร่วมห้องเรียน เขาเคยลองแกล้ง มองหน้ า หรื อ สบตากั บ เพื่ อ นหญิ ง บางคน ไม่ มี เ พื่ อ น คนไหนส่งประกายสายตาอย่างเดียวกับที่ลีลาวดีสบตา กับเขา เสียก็แต่ว่าพอถึงคราวเขารวบรวมความกล้าหาญ แล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยวจะเดินเข้าไปชวนคุย ลีลาวดีกลับ ผลักเพื่อนหญิงคนสนิทให้มาสนทนากับเขาแทน โดยที่ ตัวเธอเองเบี่ยงตัวเดินหนีไปด้วยสีหน้าเอียงอาย เสียงเพลงจากล�ำโพงรอบทิศจบลง พร้อมๆ กับ เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง พระบางละสายตาจากลีลาวดี ที่ก�ำลังปรบมือมองขึ้นไปบนเวทีที่มีดวงจ�ำปายืนตัวตรง สองมือไขว้กนั อยูห่ น้าขา ก่อนอาจารย์ผเู้ ป็นพิธกี รจะเดิน ยิม้ ร่าออกมาจากม่านด้านหลัง ประกาศใส่ไมโครโฟนด้วย เสียงอันดังและชื่มชม “ฟ้อนดวงจ�ำปา เป็นไงบ้างคะ สม กับทีด่ ฉิ นั โฆษณาไว้ใช่ไหม อาจารย์หลายท่านแอบกระซิบ ว่าน้องดวงจ�ำปาน่าจะเป็นนางฟ้าทีล่ อบลงมาจากสวรรค์ บัญชา อ่อนดี
109
เพื่อฟ้อนร�ำในงานคืนนี้ให้พวกเราทุกคนได้ดูเป็นการ เฉพาะ ขอเสียงปรบมือให้น้องดวงจ�ำปาอีกครั้งนะคะ” ดวงจ�ำปายิม้ แต่นอ้ ย ย่อตัวประนมมือไหว้ขอบคุณ ก่อนจะหันหลังกลับก้าวเดินลงจากเวทีที่น้าดวงเดือน กับแม่ของเขายืนรออยู่ จู่ๆ พระบางเกิดความหงุดหงิด ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาแม่ขณะที่ น้าดวงเดือนกางแขนขึ้นกอดดวงจ�ำปาซึ่งเพิ่งมาถึงพอดี พระบางชี้มือไปยังผ้าซิ่นที่ดวงจ�ำปาสวม กระซิบ ตรงหูแม่ “ผ้าอะไรแม่” แม่ก�ำลังมองดวงจ�ำปาด้วยสายตาปลาบปลื้มมี อันให้ขมวดคิ้วนิ่วหน้าหลังได้ยินพระบางถามด้วยภาษา กลางอย่างคนในตลาดพูดกันแทนทีจ่ ะเป็นภาษาพืน้ บ้าน ของตัวเอง แต่ยังคิดว่าน่าจะเป็นเพราะลูกชายเผลอไผล เพราะอย่างน้อยตอนนีอ้ ยูใ่ นโรงเรียน จึงโอบไหล่เอ่ยด้วย ด้วยน�้ำเสียงปกติ “ชอบหรือ” แม่ยกมือจากไหล่มาลูบหัว ลูกชายยิ้มให้และตอบว่า “ผ้าซิ่นลาวไงลูก”
110
พระบางเมือบ้าน
16.
ระหว่ า งเดิ น จากด้ า นหลั ง เวที ม ายั ง จุ ด จอดรถ จักรยานบริเวณใต้ถุนโรงเรียนที่ยกพื้นสูงขึ้นไป ทั้งน้า ดวงเดือน ดวงจ�ำปาและแม่ของเขา ต่างพูดคุยกันตลอด ทาง มีเพียงพระบางเท่านั้นที่พูดน้อยค�ำ หากไม่ถูกถาม ก็เลือกเงียบ ยิ่งช่วงเดิน ผ่านคนอื่นที่มาดูงานการแสดง ของเหล่านักเรียนในคืนนี้พระบางยิ่งท�ำตัวราวกับเป็นใบ้ พยายามเร่งฝีเท้าเพื่อให้พ้นๆ ออกมาจากฝูงชนแล้วปั่น จักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านให้เร็วที่สุด เรือนของเขามีมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ที่พ่อใช้อยู่คัน หนึง่ แต่ครอบครัวของน้าดวงเดือนมีเพียงจักรยาน ฉะนัน้ แม่จงึ ให้เขาช่วยปัน่ จักรยานโดยมีแม่ซอ้ นท้ายเคียงไปเป็น เพือ่ นกับน้าดวงเดือนทีป่ น่ั จักรยานให้ดวงจ�ำปานัง่ ถึงจะ บัญชา อ่อนดี
111
อึดอัดขัดข้อง แต่เมือ่ แม่เอ่ยปากขอร้องพระบางจึงปฏิเสธ ไม่ได้ ในความเป็นจริงเขาอยากไปเที่ยวงานประจ�ำปีของ โรงเรียนแทบใจจะขาด เพราะถึงอย่างไรเขาต้องพบเห็น ลีลาวดีสวมเสื้อผ้าอาภรณ์อันท�ำให้ตะลึงงันทุกครั้งคราว ที่เจอะเจอกันในวันไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ที่เก็บอาการ ฮึดฮัดไม่อยู่เพราะรู้ว่ามีดวงจ�ำปาร่วมทางไปด้วย ตอนหัวค�ำ่ พระบางแวะเวียนไปหาใหญ่ กวาง ณพ ปรี ช าและณรงค์ ชั ย ที่ พ ากั น มาเที่ ยวงานประจ� ำ ปี ข อง โรงเรียนอย่างพร้อมหน้า ทุกคนต่างสรรหาเสื้อกางเกง รู ป ทรงและสี ส ะดุ ด ตาคนอื่ น มาสวมใส่ ที่ ส ร้ า งความ ประหลาดใจแกมยินดีคือเขาเห็นปรีชาใส่รองเท้าคู่ใหม่ แบบเดียวกับที่เขาวานใหญ่ไปซื้อมาให้จากตัวจังหวัด คืนนีพ้ ระบางนุง่ กางเกงทรงเดฟ เหน็บหวีอวดด้าม โตไว้กระเป๋าหลัง สวมเสื้อเอวลอยซึ่งนับว่าไม่น้อยหน้า เพื่อนทุกคนในกลุ่ม แต่เวลายังไม่ถึงหนึ่งทุ่มพระบางก็ แสร้งว่าต้องรีบแยกตัวไปก่อน เขาไม่อยากให้ใหญ่ กวาง ณพ รู้ว่าคืนนี้เขามีแม่มาด้วย ยิ่งเรื่องดวงจ�ำปามาพร้อม กันกับเขายิ่งต้องปิดไว้เป็นความลับ แพร่งพรายไม่ได้ เพราะถ้าเพือ่ นรูอ้ าจจะขอตามไปสวัสดีหรือท�ำความรูจ้ กั แม่ของเขา ซึ่งนั่นเท่ากับว่าใหญ่ กวาง ณพ จะได้ยิน ส�ำเนียงเสียงของเขา แม่ น้าดวงเดือน และดวงจ�ำปา พูดคุยสนทนากันอย่างมิอาจปิดบังได้ คื น นี้ เ รื่ อ งหนึ่ ง ซึ่ ง พระบางลอบรู ้ สึ ก เบาใจคื อ 112
พระบางเมือบ้าน
ใหญ่ กวาง ณพ ไม่รู้ว่าอันที่จริงเขาไม่ได้มางานประจ�ำปี ของโรงเรียนเพียงล�ำพัง ระหว่างทางจากโรงเรียนใกล้จะถึงตลาดแม่เอ่ย ปากชวนน้าดวงเดือนไปกินผัดไทยยายทองที่ขึ้นชื่อลือชา มาหลายสิบปี แม่คะเนว่าป่านนีอ้ าจจะยังเปิดร้านขายอยู่ “ไปลองดูเถอะแล้วจะติดใจ ไหนๆ ก็มาแล้ว หา อะไรรองท้องหน่อยนะดวงจ�ำปา” แม่หันไปทางเด็กหญิง ผู้นั่งนิ่งอยู่ท้ายจักรยานที่น้าดวงเดือนปั่นอยู่เหมือนจงใจ ไม่ให้น้าดวงเดือนปฏิเสธ “โตแล้วแต่ยังปล่อยให้น้าดวงเดือนถีบรถให้นั่ง” พระบางเปรยให้แม่ได้ยิน “น้องจะถีบรถได้ไงลูก นุ่งผ้าซิ่นอย่างนั้น” พอได้ยินค�ำแม่ พระบางรู้สึกเข้าทางที่ตัวเองครุ่น คิดไว้ พูดพอให้ได้ยนิ สองคนกับแม่ “เปลีย่ นเป็นนุง่ กางเกง สามส่วนเหมือนตอนขามาก็ได้ แต่ปกติกเ็ คยเห็นใส่ผา้ ซิน่ ถีบนี่นา” “มันคนละแบบกัน” แม่ตีหลังพระบางเบาราวกับ หยอกเอินที่ลูกไม่รู้ พูดขณะหันหน้าหันหลังต่ออีกว่า “เปลี่ยนตรงไหน ทางมืดน่ากลัว แล้วนี่ก็จะถึง ตลาดอยู่แล้ว” “...ก็เพราะใกล้ถงึ ตลาดน่ะสิ...จึงต้องรีบเปลีย่ นจาก ผ้าซิ่นนั่นไปเป็นกางเกงสามส่วน...” พระบางแค่คิด หาได้ พูดบอกกับแม่ไม่ บัญชา อ่อนดี
113
ใจหนึง่ พระบางอยากเข้าไปในตลาด นอกจากรูส้ กึ หิวและอยากลิ้มลองผัดไทที่แม่รับประกันความอร่อย เขายังคิดว่าโชคชะตาอาจชักพาให้ลลี าวดีมาปรากฏตัวยัง ร้านผัดไทยยายทอง ร้านผัดไทยยายทองมีคนทั้งยืนรอและนั่งอยู่ใน ร้าน คงเพราะคืนนี้โรงเรียนมีงานยายทองจึงเปิดร้านดึก กว่าปกติ พระบางเริ่มชั่งใจคิดกลับไปกลับมา ถ้าบังเอิญ ลีลาวดีนั่งในร้านพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อและแม่ของ เธออยู่ก่อนแล้ว เขาจะต้องท�ำอย่างไร จะแค่ทักทาย ยิ้ม อย่างฝืดเฝื่อนให้ หรือต้องยกมือไหว้โกซังกับเจ๊นางใน ฐานะเป็นพ่อแม่ของเพื่อนหญิงร่วมห้องเรียน คิดถึงเจ๊นาง พระบางใจเต้นแรง มือเท้าเริ่มอ่อน ล้า ถ้าเจ๊นางเห็นแล้วจ�ำได้ เขาจะปั้นหน้าอย่างไร ซ�้ำร้าย หากเจ๊ น างพยายามพู ด คุ ย กั บ เขาด้ ว ยส� ำ เสี ย งเสี ย ง ล้อเลียนอย่างที่เคยท�ำวันแสร้งเข้าไปซื้อปากกาในร้าน เครือ่ งเขียน เขาจะเก็บอารมณ์ความรูส้ กึ อับอายขายขีห้ น้า ได้หรือไม่ เขาจะท�ำอย่างไรถ้าลีลาวดีรู้หรือเห็นว่าคืนนี้แม่ ของเขามางานโรงเรียนด้วย จู่ๆ สมมติลีลาวดีเดินปรี่เข้า มาพนมมือไหว้แม่เพราะเธอเห็นว่าเป็น ผู้ปกครองของ เพื่อนชายร่วมชั้น...ที่ส�ำคัญ ลีลาวดีพบเจอเด็กหญิงนุ่ง ผ้าซิ่นนั่งกินผัดไทร่วมโต๊ะเดียวกันกับเขา นั่นแสดงว่าถึง อย่างไรเธอต้องเดาออกว่าเด็กหญิงผู้ฟ้อนดวงจ�ำปาอัน 114
พระบางเมือบ้าน
แสนจะล้าหลังรวมทัง้ เชยอย่างเหลือหลายเป็นคนหมูบ่ า้ น เดียวกับเขา จอดรถจักรยานไว้หน้าร้านเรียบร้อยแล้ว ทว่า พระบางยังคงท�ำทีเหมือนมีอะไรต้องส�ำรวจตรวจตราตรง อานจักรยาน ทั้งที่ความจริงเขาลอบกวาดตามองไปใน ร้านเพื่อดูว่ามีลีลาวดีนั่งอยู่หรือไม่ เมื่อแน่แก่ใจว่าไม่มี ทั้งลีลาวดีและพ่อแม่ของเธอ พระบางรู้สึกผิดหวังและ โล่งใจในคราวเดียวกัน น้าดวงเดือนกับแม่ของเขาไม่ได้เอ่ยปากบอก ดวงจ�ำปาพออ่านป้ายก็รู้ว่าต้องไปตักน�้ำจากกระติกใส่แก้ว บริการตัวเอง เมือ่ เห็นแก้วและกระติกน�ำ้ อยูต่ รงไหนดวงจ�ำปาลุกเดินจากเก้าอี้ตรงไปเพื่อยกมาให้ทุกคนดื่ม กว่า พระบางจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ดวงจ�ำปาเดินผ่านโต๊ะ อื่นๆ ไปหยิบแก้วน�้ำมาไว้ในมือข้างละสองแก้วเรียบร้อย แล้ว พระบางเห็นบางคนที่อยู่โต๊ะตรงกันข้ามพยักหน้า ไปทางดวงจ�ำปา ท�ำให้ใบหน้าและหัวใจของเขาร้อนวูบ “เสือกลุกเดินไปทัว่ ไม่อายหรือไงแต่งตัวแบบนัน้ ...” พระบางคิดอยากจะผลุดลุกออกไปจากร้านเสียให้รู้แล้ว รู้รอด รถคันหนึ่งแล่นช้าๆ เข้ามาจอดตรงข้ามกับร้าน ผัดไทยยายทอง พระบางมัวแต่มองไปยังรถคันนัน้ จึงไม่ทนั เห็นตอนดวงจ�ำปาเดิน ผ่านโต๊ะตรงกันข้ามแล้วคนหนึ่ง ในโต๊ะนัน้ จ�ำดวงจ�ำปาผูฟ้ อ้ นอย่างสวยงามได้ ไม่วายต้อง บัญชา อ่อนดี
115
เอ่ยปากทักทายด้วยความชื่นชม เห็นชัดถนัดตาว่ารถคันทีจ่ อดนิง่ อยูเ่ บือ้ งหน้าเป็น รถปิกอัพซึ่งโกซังมักขับไปยังท่าเรือข้ามฟาก พระบางมี อันให้หัวใจเต้นราวกับจะกระเด็นออกมาจากอก ก�ำลังจะเบี่ยงตัวเพื่อนั่งหันหลังให้ พระบางกลับ จิตใจแช่มชืน่ เมือ่ เห็นลีลาวดีกา้ วลงจากรถก่อนจะมุง่ หน้า มายังร้านผัดไทย นัน่ หมายความว่าถึงอย่างไรเธอต้องเห็น เขาแน่ๆ แต่ขณะที่ลีลาวดีเดินมาถึงแค่กึ่งกลางถนน เธอ ต้องเบือนหน้ากลับหลังไปราวถูกใครเรียก ครูต่ อ่ มาลีลาวดีเดินกลับไปทีร่ ถ ชะโงกหน้าเข้าไป คล้ายพูดคุยอะไรสักอย่างกับเจ๊นาง หรือไม่ก็เป็นโกซัง จากนั้นเปิดประตูเข้าไปนั่งลักษณะท่าทางเหมือนงงงัน ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เพียงลีลาวดีมีท่าทีงงงัน พระบางเองก็สับสน สงสัย จะว่าโต๊ะในร้านมีลูกค้านั่งเต็มทุกโต๊ะก็ไม่ใช่ ฝ่าย คนยืนรอห่อเอากลับไปกินบ้านก็ไม่หลงเหลืออยูต่ รงหน้า ร้านอีกแล้ว แม่ น้าดวงเดือน ดวงจ�ำปาเอาแต่ก้มหน้ากิน ผัดไทย จึงมีเพียงพระบางคนเดียวที่เห็นความผิดปกติ อันสะท้านสะเทือนใจเกิดขึ้น จะเป็นเรื่องใดไหนอื่นหากไม่ใช่เจ๊นาง หรือโกซัง ชิงชังรังเกียจที่เห็นเขา แม่ น้าดวงเดือน และดวงจ�ำปามา นั่งเสนอหน้าอยู่ในร้านผัดไทย ถึงขั้นตัดสินใจตะโกนร้อง เรียกให้ลีลาวดีรีบขึ้นรถกลับบ้าน 116
พระบางเมือบ้าน
17.
ดวงจ�ำปานั่งจุ่มขาทั้งสองข้างลงไปในผืนน�้ำ ยาม เย็นบนเรือนแพนับเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งซึ่งเด็กหญิงมัก ชอบอุม้ เจ้าสีสะหวาดแมวตัวโปรดมาพักผ่อนเงียบๆ หลัง กวาดและถูบ้านเสร็จสรรพ ทั้งพ่อและแม่รู้ดีว่าดวงจ�ำปา ว่ายน�้ำเก่งดังนั้นจึงไม่เป็นห่วงเวลาเห็นลูกสาวหย่อนเท้า ลงไปในน�้ำแล้วแกว่งเล่นไปมา แทบจะเรียกได้วา่ ดวงจ�ำปาเกิดมากับน�ำ ้ ท�ำให้เธอ รูส้ กึ ผูกพันต่อทุกการเปลีย่ นแปลงของธรรมชาติ ไม่วา่ จะ เป็นฤดูน�้ำหลากที่น�้ำจากคลองตรอนมีสีขุ่นข้นจนหลาย คนบอกน่าสะพรึงกลัว ส่วนแม่น�้ำน่านแม้จะขุ่นคลั่ก หากสีกลับซีดจางกว่าน�้ำที่ไหลทะลักมาบรรจบเป็นสาย เดียวกันตรงเยือ้ งๆ เรือนแพอันเป็นบ้านทีด่ วงจ�ำปาลืมตา บัญชา อ่อนดี
117
ดูโลก เรือนแพเป็นเรือนเกิดของดวงจ�ำปามีขนาดกว้าง ยาวราวแปดคูณแปดเมตร มีห้อนนอนหนึ่งห้อง ไม่มี ครัว แต่ใช้พื้นที่โล่งตรงชานส�ำหรับนั่งเล่นกั้นด้วยแผ่น กระดานให้แม่หงุ ข้าวปลาอาหาร จากนัน้ เป็นกระดานใหญ่ แผ่นเดียวยื่นออกไปเชื่อมต่อกับห้องน�้ำขนาดกะทัดรัด ระหว่างเรือนแพกับพืน้ ดินพ่อใช้ตน้ ไผ่หลายสิบต้นมัดเป็น แพลูกบวบแล้วพาดด้วยไม้กระดานแผ่นหนาเชื่อมเข้าหา กัน บางวันดวงจ�ำปามาอาบน�้ำกับเล่นตีโป่งคือวักน�้ำใส่ ผ้าถุงจนโป่งพองก่อนปล่อยตัวให้ลอยล่องไปกับสายน�้ำ แล้วรีบว่ายกลับมาเกาะแผ่นกระดานไว้ น�้ำสองสายยามไหลมาหลอมรวมกัน แรกทีเดียว จะเห็นว่าต่างสายอย่างชัดเจนจากสีทสี่ ะสมตลอดเส้นทาง ทีแ่ ต่ละสายไหลเลาะมา ผูใ้ หญ่หลายคนเคยบอกว่าเพราะ คลองตรอนต้องผ่านหุบห้วยป่าไพรแดนกันดารและเป็น ล�ำคลองสายสัน้ เมือ่ เทียบกับแม่นำ�้ น่านซึง่ ใช้เวลานานจาก ต้นน�้ำผ่านมาถึงหมู่บ้านของเธอ ที่ส�ำคัญแม่น�้ำน่านไหล ผ่านทั้งหุบภูและบ้านเรือนชุมชน ท�ำให้สีของน�้ำไม่ขุ่นข้น เท่ากับคลองตรอน จากเรือนแพซึ่งเป็นบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลกับน�้ ำ สองสายไหลมารวมเป็นผืนน�้ำหนึ่งเดียว ดวงจ�ำปาน่าจะ เป็นเพียงไม่กคี่ นของหมูบ่ า้ นทีเ่ ห็นปรากฏการณ์ในยามน�ำ้ ต่างสายไหลรี่ลงไปทางใต้ในสีเดียวกันมาจนเท่าทุกวันนี้ 118
พระบางเมือบ้าน
ยังไม่นับฤดูแล้งที่ก้อนกรวดกับลานทรายอันมอง เผินๆ คล้ายจะเป็นภาพเดิมๆ ซึง่ ทุกคนพบเห็นชินตา แต่ ดวงจ�ำปากลับสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของแต่ละปี ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย ดวงจ�ำปาหย่อนขาลงน�ำ้ และแกว่งเท้าเล่นอยูใ่ กล้ๆ กับเจ้าสีสะหวาด เบือ้ งหน้าของเธอไม่มลี านทรายชายน�ำ ้ และไม่มีกรวดสักก้อนให้เห็น เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงน�้ำ ท้นตลิ่งที่ลมเหนือหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั่งแกว่งเท้าเล่นอยู่ในน�้ำและใช้มือเกา คางเบาๆ ให้เจ้าสีสะหวาด ดวงจ�ำปามักเงยหน้าขึ้นไป มองทางด้านทิศตะวันออกเหมือนเธอก�ำลังรอคอยอะไร อยู่ ฟ้าเริ่มแรระบายด้วยสีมืดด�ำ สิ่งที่ดวงจ�ำปาเฝ้า จับตาคอยมองปรากฏตระหง่านอยูท่ างด้านทิศตะวันออก เด็กหญิงถึงกับต้องยกมือพาดอก แทบไม่เชื่อสายตาว่า จะใหญ่โตโอฬารปานนี้ เพ็ญเดือนสิบสองของทุกปีที่ดวงจ�ำปาจ�ำความได้ ไม่เคยมีหนใดที่พระจันทร์จะดวงใหญ่โตเหมือนตอนนี้ ที่ส�ำคัญสีของดวงจันทร์ยังแจ่มกระจ่างอย่างกับโคมไฟ มหึมา “ดวงจ�ำปามืดแล้วท�ำไมไม่จุดตะเกียงล่ะลูก” เด็กหญิงสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้หันไปมองเจ้าของ เสียง เพราะรูด้ วี า่ เป็นแม่ของเธอซึง่ เพิง่ กลับจากไปช่วยวัด บัญชา อ่อนดี
119
ตระเตรียมจัดงานลอยกระทง “พ่อล่ะจ๊ะแม่” ดวงจ�ำปามองหาพ่อไม่เห็น ลุกขึ้น ยืนเดินไปทางแม่ แต่ในมือยังอุ้มเจ้าสีสะหวาด “อ๋อ พ่อหนูคุยธุระต่อกับลุงที่เรือนไทย ไม่แน่ว่า จะกลับมารับเราสองคนไปงานวัดหรือเปล่า เดี๋ยวพอกิน ข้าวอิ่มสักพักถ้าพ่อยังไม่มารับ เราก็ออกไปหาที่วัดเลย คืนนี้น่าจะสนุกเพราะวัดจัดงานใหญ่ อากาศหนาวด้วย หนูอย่าลืมเอาเสื้อแขนยาวติดไปคลุมตัวนะลูก” แม่ เ ดิ น ไปหยิ บ ถ้ ว ยเปล่ า ออกมาจากตู ้ กั บ ข้ า ว ดวงจ�ำปาเพิ่งสังเกตว่าในมือของแม่หิ้วปิ่นโตใบใหญ่ พอ เห็นก็จ�ำได้ว่าเป็นปิ่นโตของบ้านพี่พระบาง “แกงอะไรหรือจ๊ะแม่” “แกงบวน ป้าฝากลุงมาให้ แกงบวนท�ำยากมาก แกงแต่ละทีใช้เวลานาน เครื่องผสมก็เยอะ” “แม่ท�ำแกงบวนเป็นหรือเปล่า” ดวงจ�ำปากอดเอว ผู้เป็นแม่ “เป็นสิ แต่ไม่อร่อยเท่าป้า” แม่ของดวงจ�ำปา ยอมรับว่าฝีมือการท�ำกับข้าวสู้แม่ของพี่พระบางไม่ได้ “วันหลังแม่สอนให้หนูลองหัดแกงบ้างนะ” “แกงบวนนี่น่ะเหรอ แกงยากจะตาย แล้วต้องซื้อ ของเยอะ กระเพาะหมูเอย ตับหมูเอย เนื้อหมูเอย ผัก อื่นๆ อีกหลายอย่าง” แม่มองหน้าดวงจ�ำปา “รอให้หนูเรียนจบมีงานท�ำเมื่อไรจะเหมาตลาด 120
พระบางเมือบ้าน
ซื้อ” ดวงจ�ำปายกปิ่นโตเปิดฝาลองดมความหอมของแกง บวน “อย่าท�ำอย่างนั้นลูก หนูเป็น ผู้หญิงต้องมารยาท เรียบร้อย” “ก็หอมนี่แม่” ดวงจ�ำปาชี้ไปที่ปิ่นโต “รู้แล้ว ไปอาบน�้ำเถอะจะได้รีบกินข้าว เดี๋ยวแกง เย็นก่อนเท่านั้น” แม่ผลักมือเบาๆ ลงตรงเอวลูกสาวที่ ตอนนี้วางเจ้าสีสะหวาดลงกับพื้นเรือนแพแล้ว
บัญชา อ่อนดี
121
122
พระบางเมือบ้าน
18.
พระบาง ณรงค์ชัยและปรีชาต่างนัดกันมาเจอใน งานวัดประจ�ำหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลาปรีชาไม่ได้มาตามนัด หลังเดินออกมาจากซุม้ สอยดาวทีพ่ ระบางตักลูกเป็ดน้อย ลอยน�ำ้ ได้ตกุ๊ ตาหมีสชี มพูเป็นของขวัญและก�ำลังจะพากัน เดินต่อไปยังซุ้มที่ทางมัคนายกจัดวางกระทงใบตองทั้ง ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ไว้จ�ำหน่ายมือซ้ายของเขาก็ถูก คว้าเข้าไว้ “อ้าว แม่” พระบางหันไปมองแล้วเอื้อมมือกอด แม่ “พ่ออยู่ไหน” “พ่อขึ้นไปคุยกับหลวงตาบนกุฏิไม่ต้องเป็นห่วง หรอก เดี๋ยวเราไปกราบหลวงพ่อในโบสถ์กัน ชวนณรงค์ ชัยไปด้วย” บัญชา อ่อนดี
123
ก�ำลังจะเอ่ยปากชวน แต่ณรงค์ชัยชิงบอกว่าขอตัว ไปเดินเล่นที่อื่นสักพัก “ดึกอีกหน่อยหรือตอนเทีย่ งคืนก็ได้ไปทีท่ า่ น�ำ้ แล้ว ลอยกระทงด้วยกัน” ณรงค์ชัยตบไหล่พระบาง มองหน้า ด้วยสายตาแปลกๆ แล้วเปรยโดยที่พระบางไม่เข้าใจว่า “ปรีชาบ่น่าเฮ็ดจังสิ” “เฮ็ดจังได๋” พระบางถามกลับด้วยน�้ำเสียงสงสัย “กะ...กะบ่มาเทียวงานวัดกะเฮาซองคนไง” หลังเพื่อนคล้อยหลังหายไปในฝูงชน พระบาง กระหวัดคิดถึงใครบางคนที่คืนวันพระจันทร์กระจ่างฟ้า เยี่ยงนี้เขาน่าจะมีโอกาสได้เดินเคียงเที่ยวงานวัดกับเธอ และถ้าเป็นไปได้เขากับลีลาวดีน่าจะลอยกระทงด้วยกัน “น้าดวงเดือนกับดวงจ�ำปารออยู่ตรงโน้น” แม่เอ่ย ขึ้นพร้อมชี้มือไปทางซ้าย พระบางเริ่มอึดอัดขัดใจเมื่อรู้ ว่าเขาก�ำลังจะเข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ร่วมกับ เด็กหญิงที่ตัวเองไม่อยากสุงสิงด้วย ดวงจ� ำ ปานั ย น์ ต ากลมแป๋ ว ชะเง้ อ มองมาทาง พระบางกับแม่ของเขาที่อยู่ข้างๆ น้าดวงเดือน พอสบตา กันพระบางรีบเบือนหน้าหนี แม่จงู มือเดินน�ำหน้าพระบาง ไปทางน้าดวงเดือนกับดวงจ�ำปายืนรออยู่ “หวัดดีครับน้า” “หวัดดีจ้ะพระบาง” “หวัดดีจ้ะพี่พระบาง” 124
พระบางเมือบ้าน
“ท�ำไมไม่ยกมือไหว้รบั น้องเล่าลูก” แม่ตงิ ภายหลัง เห็นพระบางเงียบเหมือนไม่เห็นหรือไม่ได้ยินค�ำที่ดวง จ�ำปาอุตส่าห์ทัก เด็กหญิงจับจ้องมองตุ๊กตาหมีสีชมพูใน มือพระบาง “โตเป็นหนุม่ แล้วคงอายเพือ่ น ไปเถอะเข้าไปกราบ หลวงพ่ อ ในโบสถ์ ดี กว่ า เดี๋ ยวคนจะเยอะกว่ า นี้ ” น้ า ดวงเดือนกอดไหล่พระบางด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายโอบ เอวดวงจ�ำปามุ่งหน้าไปยังประตูโบสถ์ แม่คลานเข่าเข้าไปนั่งอยู่หน้าพระประธานภายใน โบสถ์เป็นคนแรก ตามหลังด้วยน้าดวงเดือน พระบาง เดินย่อเข่าก้มหลังไปทางด้านซ้ายมือของแม่ ไม่แยแสใส่ใจ ว่าดวงจ�ำปาจะเข้าไปกราบพระตรงไหน ระหว่างก�ำลังจะ คุกเข่าลงกับพืน้ ดวงจ�ำปาทีพ่ ระบางคิดว่าเธอน่าจะไปนัง่ อยู่ข้างน้าดวงเดือนกลับคลานเข่าเข้ามานั่งคู่กับเขาราว จงใจ ก�ำลังจะกระถดถอยไปนัง่ ห่างๆ น้าสว่างจูๆ ่ ไม่รมู้ า ตอนไหนดันย่อตัวนั่งประกบทางด้านหลังจนพระบางท�ำ อย่างใจคิดไม่ได้ ครัง้ จะลุกหนีไปก็เกรงใจน้าดวงเดือนกับ แม่ จ�ำเป็นต้องทนนัง่ เชิดหน้าด้วยอารมณ์ความรูส้ กึ ขุน่ มัว หลังกราบพระลงบนพืน้ 3 ครัง้ ทัง้ แม่ น้าดวงเดือน และดวงจ�ำปาต่างหลับตาอธิษฐานในขณะเขย่ากล่อง ล�ำไผ่เสี่ยงเซียมซี มีเพียงพระบางคนเดียวที่ลุกมารออยู่ หน้าประตูโบสถ์โดยในมือถือตุ๊กตาหมีที่เขาตั้งใจจะมอบ ให้เป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่แก่ลีลาวดี บางทีตุ๊กตาหมี บัญชา อ่อนดี
125
อาจสือ่ ความหมายให้เธอรับรูถ้ งึ ความในใจของเขาโดยไม่ ปริปากบอก หรือถึงขั้นเขียนจดหมายสารภาพกับเธอ อย่างที่เห็นใหญ่เขียนแล้วยื่นส่งให้นักเรียนหญิงต่างห้อง พระบางมองดูดวงจ�ำปาทีก่ ำ� ลังคลานเข่าตามหลัง น้าดวงเดือนออกมาด้วยแววตาชิงชัง ทั้งเสื้อกับผ้าซิ่นที่ เธอสวมใส่ลว้ นไม่ถกู ใจเขาทัง้ นัน้ ยิง่ บวกรวมกับการทีเ่ ธอ มานั่งแหมะลงคู่กับเขาก่อนก้มลงกราบหลวงพ่อซึ่งเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ศรัทธา ยิ่งท�ำให้พระบางไม่ยอมมองแม้แต่ หน้าของเด็กหญิงซึ่งตอนนี้มาหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาแค่ คว้ามือเอื้อม แม่ อ าจสั ง เกตเห็ น อากั ป กิ ริ ย าที่ ด วงจ� ำ ปามอง ตุก๊ ตาหมีสชี มพูอยูแ่ ทบไม่วางตา ดังนัน้ จึงกล่าวด้วยสีหน้า ยิ้มแย้มกับพระบาง “ให้ตุ๊กตาหมีน้องไปดีกว่านะลูก โต เป็นหนุ่มแล้วไม่อายเขาหรือก�ำตุ๊กตาหมีเดินไปเดินมา อย่างนั้น” ดวงจ�ำปาไม่คิดมาก่อนว่าแววตาของเธอจะท�ำให้ ป้าล่วงรู้ความนัย อดแสดงความเอียงอายออกมาไม่ได้ กระเถิบเข้าไปจับแขนผูเ้ ป็นแม่ มองหน้าพระบางอย่างกับ ผู้สารภาพ พระบางเกรงแม่และน้าดวงเดือนจะเห็นสีหน้าและ สายตาของเขาในห้วงยามนี้ จึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ได้ยินแม่เอ่ยส�ำทับอีกว่า “ตุ๊กตาหมีเหมาะกับน้อง อย่า เป็นคนขี้หวงหน่อยเลยลูก” 126
พระบางเมือบ้าน
“จะเก็บเอาไปให้สาวคนไหนหรือเปล่า” น้าดวงเดือนหยอกเย้าเมือ่ เห็นพระบางยังคงถือตุก๊ ตาหมีไว้แน่น งานวัดในความรู้สึกนึกคิดของพระบางหลังได้ยิน ค�ำพูดของน้าดวงเดือนเหมือนงานศพอย่างปัจจุบันทันที เขาใจหายวูบ เหงื่อชื้นมือทั้งที่อากาศหนาวเย็น เป็นไปได้หรือไม่ว่าน้าดวงเดือนที่สนิทชิดเชื้อกับ เขาราวลูกในไส้ ลอบเฝ้ามองพร้อมกับสังเกตจนล่วงรู้ จิ ต ใจที่ ตั ว เขาเฝ้ า ครุ ่ น คิ ด ถึ ง แต่ เ ด็ ก สาวในตลาดผู ้ ชื่ อ ลีลาวดี ไม่เช่นนั้นน้าดวงเดือนคงไม่กล่าวดักหน้าออกมา อย่างเมื่อครู่นี้เป็นแน่ เพื่อให้เรื่องราวเฉพาะหน้ายุติลง พระบางหักใจ ยืน่ ตุก๊ ตาหมีให้ดวงจ�ำปา ไม่วายแอบคิดถึงวงหน้าลีลาวดี ดวงจ�ำปามองตุก๊ ตาหมีดว้ ยหัวใจลิงโลด นอกจาก เจ้าสีสะหวาดแมวตัวโปรดที่ลุงผู้ใหญ่ยกให้ เด็กหญิงยัง ไม่เคยได้รับของขวัญชิ้นไหนที่ท�ำให้นัยน์ตาตะลึงลาน ปานนี้ “ขอบคุณค่ะพี่พระบาง” เด็กหญิงย่อตัวพนมไหว้ “แต่หนูว่าพี่พระบางเก็บไว้ให้ เออ... เก็บไว้เองดีกว่า” ดวงจ�ำปาเริ่มโตพอจะรู้ว่าสีหน้าแววตาและท่าทางของ พระบางรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ พระบางกลับมาจิตใจชุ่มชื่นและรู้สึกแตกตื่นใน ขณะเดียวกัน เพราะแทนที่เรื่องจะจบลงไป ไม่ต้องต่อ ความยาวสาวความยืดซึ่งกันและกันอีก ดวงจ�ำปากลับ บัญชา อ่อนดี
127
ปฏิเสธตุ๊กตาที่เขาหักใจยื่นให้คล้ายไม่อยากได้ตั้งแต่แรก เห็น “พี่เขาจะเก็บไว้ให้ใคร แล้วพี่เป็น ผู้ชายไม่เล่น ตุ๊กตาหรอกจ้ะ หนูเอาไปกอดเล่นแทนสีสะหวาดบ้างนั่น แหละดีแล้ว” แม่คว้าตุ๊กตาจากมือพระบางไปยัดใส่ไว้ใน มือดวงจ�ำปา พูดต่อไปอีกว่า “เดีย๋ วพวกเราไปลอยกระทง ด้วยกัน” “ลอยกระทงด้วยกัน” พระบางโพล่งค�ำเดียวกับที่ แม่กล่าวในใจเหมือนอยากให้ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ไม่ห่าง จากเขาได้ยนิ โดยพร้อมเพรียงกัน ก่อนหน้านีเ้ ขาคิดว่าคง เป็นเวลาสั้นๆ ที่คืนจันทร์เต็มดวงจะต้องอึดอัดขัดใจกับ เด็กหญิงคนที่เขาไม่อยากตอแยด้วย ครั้นพอแม่เอ่ยปาก ราวสรุปว่าต้องไปลอยกระทงร่วมกัน ท�ำให้ค�่ำคืนอันน่า จะรื่นรมย์อย่างนี้กลับกลายเป็นค�่ำคืนซังกะตาย “ลอยท่าน�้ำวัด...” ยังไม่ทันน้าดวงเดือนพูดจบประโยค แม่แทรกขึ้น “ท่าน�้ำวัดคนเยอะ สู้ไปลอยที่เรือนแพจะดีกว่า” ลอยกระทงที่วัดสร้างความอึดอัดขัดใจแต่ยังไม่ เท่ากับค�ำของแม่ทเี่ สนอแนะให้ไปลอยยังเรือนแพ เพราะ นั่นหมายความว่าเขาจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับดวงจ�ำปาอีก นานนับชั่วโมง ไม่มีโอกาสลอยกระทงร่วมเรียงเคียงคู่กับลีลาวดี ความรู้สึกลึกๆ ของพระบางยังคงอดทนรับได้ ทว่าการที่ 128
พระบางเมือบ้าน
เขาจะต้องไปลอยกระทงยังเรือนแพซึง่ มีดวงจ�ำปาร่วมอยู่ ด้วยนับว่าเป็นความซวยโดยแท้ ใกล้เที่ยงคืน แม่ถือกระทงใบตองเดินอยู่ใต้แสง จันทร์มุ่งหน้าน�ำไปยังเรือนแพที่ลอยเรี่ยอยู่จากจุดซึ่งน�้ำ สองสายไหลมารวมกันไม่มากนัก น้าดวงเดือนเดินตาม หลังคลอไปกับดวงจ�ำปา พระบางเดินอย่างเชื่องช้าเป็น คนหลังสุด บางครั้งดวงจ�ำปาเอี้ยวหลังเหมือนมองมาหา เขา ท�ำเอาพระบางอยากจะพุง่ ตัวไปเขกกะโหลกเด็กหญิง สักสิบครัง้ นอกจากเป็นลูกอิจฉาทีเ่ ทวดานางฟ้าส่งให้มา เกิดทั้งๆ ที่เขาเองไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย เพียงแค่เป็น เด็กที่อาสมสนุกกับน้าดวงเดือนรักราวกับลูกในไส้ ยิ่งโต มากขึ้นเท่าไรดวงจ�ำปายิ่งสร้างความยุ่งยากล�ำบากใจ ให้เขาไม่สร่างซา ท่ามกลางแสงจันทร์สกุ สกาว พระบางทอดสายตา จับจ้องไปยังผ้าซิ่นที่ดวงจ�ำปาสวมใส่ ดูๆ ไป ลวดลาย และสีสันซึ่งน้าดวงเดือนทุ่มเทหัวใจในยามถักทอก็สร้าง ความอัศจรรย์อันใหญ่หลวงจู่โจมเข้ามาในความรู้สึกนึก คิดของพระบางอย่างที่เขาเองอดแปลกใจไม่ได้ เขาเคย ฟังแม่พูดกับเพื่อนบ้านบางคนว่าตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายลงไป มีเพียงน้าดวงเดือนคนเดียวทีท่ อผ้าซิน่ ประณีตและงดงาม ตามอย่างโบราณได้ดีที่สุด พอเดินมาถึงตลิง่ พระบางมองเห็นเส้นสายของไฟ ธูปเทียนจากกระทงที่ไหลล่องอยู่เหนือแม่น�้ำ ตามขั้น บัญชา อ่อนดี
129
บันไดดินที่จะเดินไต่ลงจากตลิ่งไปยังเรือนแพปักไว้ด้วย โคมไฟทีอ่ าสมสนุกท�ำขึน้ จากล�ำไม้ไผ่แล้วตัง้ ไว้ราวกับไฟ รายทางที่มุ่งหน้าสู่วัด โคมจันทร์สาดแสงจนทั่วบริเวณ เห็นแจ่มตา สาดสะท้อนผิวน�ำ้ ดัง่ หนึง่ ทาด้วยเงินขลิบทอง น้าดวงเดือนหยิบไม้ขดี ไฟมาจุดธูปเทียนให้กบั กระทงของ แม่เป็นล�ำดับแรก จากนั้นจุดให้พระบาง ดวงจ�ำปา และ จุดเทียนให้กระทงของน้าดวงเดือนเอง พระบางเพิ่งเห็น ว่ากระทงในมือของดวงจ�ำปากับน้าดวงเดือนนอกจากมี ขนาดเล็กยังตกแต่งอย่างเรียบง่าย ส่วนกระทงของแม่ และของเขาแม้จะท�ำด้วยใบตอง แต่ขนาดกลับใหญ่กว่า และประดับประดาด้วยวัสดุที่ใครมองปราดเดียวก็รู้ว่า หากระทงของเพื่อนบ้านคนไหนเสมอเหมือน ปีหน้าพระบางคิดว่าเขาจะขอแม่ช่วยหากระทง ใบใหญ่และมองดูหรูหราให้กับน้าดวงเดือน เขาอยากให้ น้าดวงเดือนกับอาสมสนุกได้ลอยกระทงอย่างกับที่เห็น วางขายในตลาด ระหว่างครุ่นคิดได้ยินเสียงแม่ร้องเตือน ให้ขอขมาลาโทษแม่คงคา เห็นทุกคนบนเรือนแพหลับตา ปากขมุบขมิบ พระบางจึงคุกเข่า ยกกระทงใบใหญ่ขึ้น เหนือหัว “ข้าแต่พระแม่คงคา หากลูกขอพรได้ ปีหน้าลูกขอ ลอยกระทงใบเดียวกับลีลาวดีที่ท่าน�้ำวัดเราด้วยเทอญ” พระบางวางกระทงลงแล้วใช้มอื พุย้ น�ำ้ เบาๆ เพือ่ ให้กระทง ของเขาออกไปอยูก่ ลางแม่นำ �้ มิใช่ลอยไปชัว่ พักชัว่ ครูแ่ ล้ว 130
พระบางเมือบ้าน
ติดอยู่กับรากไม้ชายฝั่ง ระหว่างจับจ้องมองดูกระทงของ ตัวเองและกระหวัดคิดถึงดวงหน้าและสายตาของลีวาวดี เรื่องราวที่ไม่เคยคิดเคยฝันพลันอุบัติขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ตอนส่งกระทงลงสู่สายน�้ำ ดวงจ�ำปาอยู่ห่าง จากพระบางไปทางซ้ายมือเกือบสามวา ยามนี้กระทง ใบเล็กของเด็กหญิงกลับถูกกระแสน�้ำพัดให้มาอยู่เคียงคู่ กับกระทงของพระบางดั่งหนึ่งฟ้าดินกลั่นแกล้ง แม่และน้าดวงเดือนเหม่อมองดูกระทงต่างขนาด สองใบเคียงคู่กันไหลเลาะล่องไปกลางน�้ำที่อีกไม่นานจะ กลายเป็นสายน�้ำเดียวกันด้วยความเงียบงัน ดวงจ�ำปา แนบตุ๊กตาหมีสีชมพูอยู่ตรงอกด้านซ้าย ทอดสายตามอง ไปยังผืนน�้ำที่สะท้อนแสงวับวาวราวกับเนรมิต พระบางมองด้วยความหงุดหงิดและถึงขัน้ คิดอยาก กระโจนลงน�้ำแล้วว่ายตามไปทึง้ กระทงใบเล็กให้จมอยูใ่ ต้ พื้นโคลนทราย
บัญชา อ่อนดี
131
132
พระบางเมือบ้าน
19.
ตรงที่ดอนริมตลิ่งด้านหลังโรงเรียนมีบางสิ่งบาง อย่ า งแปรเปลี่ ย นจนเพื่ อ นร่ ว มห้ อ งของพระบางต่ า ง จับกลุ่มพูดคุยไถ่ถามกันด้วยความฉงนสนเท่ พื้ น ที่ ส ่ ว นหนึ่ ง ซึ่ ง ครู เ กษตรจั ด ไว้ ใ ห้ นั ก เรี ย น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปลูกผักเพื่อเป็นคะแนนสะสม ภาคปฏิบัติ มีแปลงผักของพระบาง ณรงค์ชัย ปรีชาและ เพื่ อ นชายหญิ ง สองสามคนจากอี ก ต� ำ บลหนึ่ ง เท่ า นั้ น ซึ่งนอกจากพืชผักที่พวกเขาลงแรงปลูกจะออกใบให้ผล จนครูเกษตรต้องออกปากชื่นชมหน้าเสาธงตอนตั้งแถว เคารพเพลงชาติชว่ งเช้าให้นกั เรียนทุกคนทุกชัน้ น�ำไปเป็น ตัวอย่าง ทว่าคล้อยหลังวันเพ็ญเดือนสิบสองไม่ถงึ สัปดาห์ แปลงผักของลีลาวดีซงึ่ ก่อนนีต้ อ่ ให้พนิ จิ พิจารณาอย่างไร บัญชา อ่อนดี
133
ก็ไม่น่าจะใช่แปลงผัก นอกเสียจากมีคันดินพูนสูงขึ้นมา กับต้นคะน้าแคระแกร็นราว 15-20 ต้น กลับกลายเป็น แปลงผักที่ถูกยกร่อง ปรับแปลงแต่งหน้าดินให้ร่วนซุย ดุจเดียวกันกับแปลงผักของพระบาง ณรงค์ชัย และปรีชา เสียก็แต่ว่าคะน้าทุกต้นยังแคระแกร็นเหมือนเดิม เพื่อนนักเรียนร่วมชั้นล้วนคิดเห็นเช่นเดียวกันว่า ไม่น่าจะใช่ฝีมือ หรือความมานะพยายามของลีลาวดีที่ เขี ย นชื่ อ และนามสกุ ล ลงบนป้ า ยไม้ กว้ า งคื บ ยาวศอก ปักดินบอกไว้ตรงหน้าแปลงผักอย่างแน่นอน อีกทั้งยัง เป็นไปไม่ได้ในกรณีที่โกซังกับเจ๊นางจะจ้างชาวบ้านแอบ มาท�ำแปลงผักใหม่ให้ลูกสาว เนื่องจากทางโรงเรียนและ ครูเกษตรถือเป็นข้อห้ามเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อนนักเรียน ด้วยกันจะอาสาช่วยท�ำให้ แต่ไม่ใช่ท�ำแทนโดยที่เจ้าของ ไม่ได้ลงมือเองแม้แต่น้อย “พระบางมันแอบไปช่วยลีลาวดีตอนไหน ท�ำไม ไม่มีใครรู้ใครเห็นเลย” กวางตั้งข้อสังเกตโดยพุ่งเป้าไปยัง พระบาง “สงสัยน่าจะเป็นตอนเย็นหรือไม่ก็ช่วงค�่ำ ว่าแต่ ลีลาวดีจะรู้ไหมว่าพระบางอุตส่าห์แอบท�ำให้” ใหญ่มอง ปรีชาคล้ายขอความสนับสนุน ณพแย้งขึ้น “ลีลาวดีรู้อยู่แล้ว ไม่งั้นพระบางไม่ กล้าหรอก มันขีอ้ ายจะตาย แต่เออ... อาจจะเป็นอย่างทีม่ งึ ว่า พระบางมันท�ำเร็ว ร่องผักแค่นใี้ ช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จ 134
พระบางเมือบ้าน
แล้ว... แล้วแกล้งท�ำเป็นไม่รู้ไม่ชี้งั้นเหรอ กูว่าไม่น่าจะเป็น ไปได้นะ” ณพทั้งเห็นต่างและเห็นด้วยในคราวเดียวกัน “ท�ำเป็นเล่นไป อาจมีคนสวมรอยพระบาง” กวาง เหล่สายตาไปทางณรงค์ชัย “ติ๋มๆ แบบนี้ล่ะตัวร้ายเชียว เห็นชอบแอบมองลีลาวดีบ่อยๆ” ณรงค์ชัยรู้ทันว่ากวางหมายถึงใคร สวนกลับใน ทันใด “สาบานได้กูไม่เกี่ยว” “ท�ำไมอยากจะรู้กันนักวะ ลีลาวดีอาจมีลูกฮึด ท�ำ เองก็ได้ ถ้าคนอื่นมาช่วยท�ำคงปลูกคะน้าด้วยแล้ว” ปรีชา ท�ำสีหน้าคล้ายเบื่อที่ทุกคนเอาแต่พยายามควานหาตัวผู้ ขุดแปลงผักใหม่ให้เพื่อนหญิงร่วมชั้นประหนึ่งคนนิรนาม ผู้นั้นก่อความผิดขั้นร้ายแรง “ปลูกคะน้าใหม่เป็นโดนครูหวดน่องแตก แค่นี้ครู เกษตรไม่รู้จะยอมหรือเปล่า” ณรงค์ชัยพยักหน้าไปทาง แปลงผักลีลาวดี “เอ้า ลีลาวดีอาจจะมีตวั อย่างให้ท�ำตาม เช่นดูจาก แปลงของกู ของมึง ของพระบาง” ปรีชาน�้ำเสียงจริงจัง “พระบางมันหายหัวไปไหนของมันวะเนี่ย” ใหญ่ ตัดบท เปลี่ยนเรื่องคุย “พรางตัวขุดร่องผักให้ลีลาวดีอยู่มั้ง” ณรงค์ชัยพูด พร้อมหัวเราะด้วยสุ้มเสียงขื่นขัน “พักนี้ดูมันแปลกๆ ชอบพูดเป็นภาษาคนตลาด อยู่ตลอด” ปรีชาเหลือบสายตามองณรงค์ชัย บัญชา อ่อนดี
135
“อือ ใช่ เห็นด้วย” ณรงค์ชัยตอบรับด้วยส�ำเนียง เดียวกัน “อย่างวันวานตอนกูบอกครูประจ�ำชั้นว่าจะ แสดงหมอล�ำในวันปิดเทอมใหญ่ พระบางมันโมโหหัวฟัด หัวเหวี่ยงจนต้องเปลี่ยนเป็นเต้นบั๊มพ์” “มันมีแผนจะเต้นคู่กับลีลาวดีรึเปล่า” กวางท�ำ ตาโต ยิ้มกว้าง ส่ายเอวตัวเองไปกระแทกสีข้างปรีชา จนใหญ่ ณพหัวเราะร่า ส่วนปรีชากลับไม่รู้สึกตลกด้วย “ไม่มีทาง” ปรีชาสุ้มเสียงห้วนสั้น ห้วงยามที่บรรดาเพื่อนจับกลุ่มสนทนากันอยู่ตรง บริเวณแปลงผัก ใกล้โคนมะม่วงต้นใหญ่ พระบางนัง่ เงียบ โดยไม่มีเพื่อนคนไหนอยู่ด้วย เมือ่ ช่วงพักเทีย่ ง อรัญญาซึง่ เป็นเพือ่ นสนิทคนหนึง่ ของลีลาวดีเดินตรงรี่เข้ามาหาเขาในระหว่างเดินสวนกัน ตรงอาคารสองชั้น “พระบางเธอขุดแปลงผักให้ลีลาวดี ใช่ไหม” ขณะนั้นพระบางยังไม่รู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร แต่ ใจก็หายวูบทีจ่ ๆ ู่ เพือ่ นหญิงร่วมชัน้ ปราดเข้ามาเอ่ยถึงคน ที่เขาเฝ้าคะนึงหา “แปลงผัก ลีลาวดี...” พระบางพูดคล้าย เพ้อ “เพื่อนหลายคนบอกว่าเธอแอบไปช่วยยกและ พรวนร่องผักให้ลีลาวดี ระวังเถอะจะถูกครูเกษตรเฆี่ยน ก้ น ลาย” อรั ญ ญาทิ้ ง ส้ น เท้ า เดิ น หนี ไ ปภายหลั ง เห็ น พระบางยืนเงียบราวถูกมนตร์นะจังงังสะกด 136
พระบางเมือบ้าน
หลังจากอรัญญาสะบัดหน้าเดินหนีไปทางห้อง สมุด พระบางรุดมาถึงบริเวณแปลงผักในอีกไม่กี่อึดใจ พอเห็นแปลงผักของลีลาวดีที่ยกร่องใหม่ด้วยความเป็น ระเบียบเรียบร้อย พระบางเกิดความปลาบปลืม้ และสุขใจ เป็นล้นพ้น ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลายครั้งหลาย คราวทีเ่ ขาพยายามรวบรวมความกล้าเพือ่ จะเดินเข้าไปหา ลีลาวดีขณะเห็นเธอยืนเหม่อมองจ้องไปยังพืน้ ทีข่ นาดเล็ก ซึ่งครูเกษตรจัดสรรให้นักเรียนทุกคนปรับแต่งเป็นแปลง ผักขนาดเท่ากัน จากท่าทีทเี่ ขาลอบเฝ้าสังเกต ลีลาวดีไม่มี ทักษะทางจับจอบใช้เสียมแม้แต่น้อย ยังไม่ต้องพูดถึง ว่ า เธอจะสามารถปรั บ หน้ า ดิ น ที่ เ ต็ ม ไปด้ ว ยวั ช พื ช ให้ แปรสภาพเป็นร่องผักจนส�ำเร็จเสร็จสิ้นอย่างไร และต้อง ใช้เวลามากเพียงไหน พระบางคิดหลายครัง้ สุดท้ายกลับไม่เคยกล้าเดิน ไปเอ่ยปากกับลีลาวดีว่าเขาเต็มใจหากเธอยินยอมให้เขา ช่วยปรับแปลงแต่งร่องผักให้... สมมติเธอสบตา พยักหน้า ยอมรับก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าผิดไปจากนี้หรือถึงขนาด เธอขับไส่ไล่ส่งเพราะรู้เจตนาว่าเหตุใดเขาจึงเต็มใจช่วย ถ้าเป็นอย่างทีค่ ดิ วันเวลากว่าจะเรียนจบแล้วแยกจากกัน ไปคงไม่ตา่ งอะไรกับห้วงยามในนรก... ฉะนัน้ เขาจึงเก็บงัน ความรู้สึกลึกเร้นไว้ในก้นบึ้งของจิตใจตัวเองจนเกือบจะ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 บัญชา อ่อนดี
137
บัดนี้เขาบังเกิดความปีติใจที่เห็นกับตาว่าลีลาวดี มีความมานะพยายามเพียงไหน ไม่เช่นนั้นแปลงผักของ เธอคงไม่สร้างความประหลาดใจให้เพื่อนร่วมชั้น รวมทั้ง อรัญญาที่ไพล่คิดว่าเป็นฝีมือของเขา พระบางกดสองเท้าเบาๆ ลงบนลูกบันไดรถจักรยาน เพื่อให้วงล้อปั่นเรียบเรื่อยไปบนถนนลูกรังที่เบื้องล่างริม ตลิ่งเป็นร่องผักขนาบขนานกันไปทั้งสองฟากฝั่งน�้ำ ยาม นี้เขาจินตนาภาพเห็นลีลาวดีหยอกล้อต่อกระซิกกับเขา อยู่ระหว่างแปลงผักที่ทอดแนวเรียงเป็นแถวเหมือนขั้น บันได จมอยู่ในห้วงภวังค์คิดจิตชุ่มชื่นได้ไม่นานเท่าไร พระบางในชุดนักเรียนที่ก�ำลังมุ่งหน้ากลับเรือนไทยต้อง หงุดหงิดใจอย่างปัจจุบันทันด่วน บนแปลงผักริมตลิ่งเบื้องหน้า ดวงจ�ำปาก�ำลังง่วน อยู่กับการพรวนดินด้วยท่าทีทะมัดทะแมงแข็งขัน ด้าน หลังตรงกึง่ กลางทีเ่ ด็กหญิงยืนอยูเ่ ป็นดวงตะวันสีสม้ กลม โตที่เห็นอย่างไรก็ให้ความรู้สึกเป็นภาพวาดมากกว่าภาพ จริง ต่อให้ในความรู้สึกเบื้องลึกบ่งบอกว่าภาพของ ดวงตะวันสีส้มกลมโตที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้าและอีก ไม่กี่นาทีจะลาลับขอบฟ้าให้ความรู้สึกตรึงตาแค่ไหน แต่ พระบางกลับเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น ค�ำ่ นีจ้ นค่อนคืนพระบางยังคงลืมตาตืน่ อยูใ่ นความ 138
พระบางเมือบ้าน
มืดมิด ครุ่นคิดวกเวียนไปมา ไม่เข้าใจว่าท�ำไมยิ่งอยาก ห่าง พระบางกลับยิ่งรู้สึกว่าดวงจ�ำปามักจะโผล่พรวด พราดเข้ามาในสายตาและความรู้สึกของเขาอยู่เป็นนิจ
บัญชา อ่อนดี
139
140
พระบางเมือบ้าน
20.
ด้วยความที่ปรีชากล้าพูดกล้าท�ำ ไม่อายและไม่ คิดว่าเป็นปมด้อยยามถูกใหญ่ กวาง ณพและเพื่อนร่วม ห้องตะคอกใส่หน้าแบบทีเล่นทีจริงเวลาเผลอพูดภาษาถิน่ มิ ห น� ำ ซ�้ ำ ยั ง เป็ น คนอารมณ์ ดี ยิ้ ม แย้ ม แจ่ ม ใสอยู ่ เ สมอ ไม่ว่าพบเจอกับใคร อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของปรีชาหา ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ทั้งหลายทั้งปวงนี้จึงท�ำให้เข้ากับทุกคนได้ ไม่เว้นกระทัง่ ลีลาวดี ทีซ่ งึ่ ตอนนีป้ รีชาก�ำลังร่วมวงสนทนา อยู่กับเธอและเพื่อนหญิง 2-3 คน ที่สนิทชิดเชื้อกัน พระบางถามตัวเองอยู่ในใจว่าเกือบสองปีที่ล่วง มาท�ำไมเขาจึงรู้สึกอับอายและเก็บเอาไปคิดถึงขั้นพูดได้ ว่าเจ็บแค้นแน่นหัวอกเวลาถูกเพื่อนร่วมห้องเรียนเอ่ย กระแทกใส่ ห น้ า แบบเดี ย วกั บ ปรี ช าและณรงค์ ชั ย ถู ก บัญชา อ่อนดี
141
ตะคอกด้วยเสียงอันดัง เป็นไปได้หรือไม่ว่าหากเขาไม่ย�้ำ คิดย�ำ้ จ�ำว่าตัวเองถูกใหญ่และเพือ่ นคนอืน่ ๆ ถากถางหมิน่ หยามท�ำให้เกิดความรู้สึกต�่ำต้อยด้อยค่า ป่านนี้เขากับ ลีลาวดีคงมีโอกาสได้ไปดูหนังกันสองต่อสองในโรงหนัง ตัวจังหวัด หรืออาจถึงขั้นเปิดเผยให้ใครต่อใครในตลาด รับรู้ว่าพวกเขาทั้งคู่คบหากันในฐานะใด พระบางลอบนั่งสังเกตอยู่ตรงโต๊ะเรียนหนังสือ ของตัวเอง เห็นลีลาวดีท�ำท่าเอียงอายยามตอบค�ำถาม ปรีชา เขาเดาว่าปรีชาน่าจะเล่าเรือ่ งตลกโปกฮาซึง่ เพือ่ นรัก ร่วมหมู่บ้านเดียวกันกับเขาถนัด ครู่ต่อมาเขาเห็นปรีชา แลกรูปถ่ายกับลีลาวดีไว้เป็นที่ระลึกหลังทุกคนในห้อง ต่างคนต่างเรียนจบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้วต้องแยกย้าย กันไปเรียนต่อยังสถานศึกษาแห่งอื่น ปรีชาเดินหน้าระรื่น ยิ้มพราวเข้าไปหาณรงค์ชัยที่ นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้นักเรียนตัวที่ห่างจากพระบางไปทาง มุมห้องด้านซ้าย ณรงค์ชยั ยกเท้าถีบเบาๆ ตรงเป้ากางเกง ปรีชา หันหน้ามาทางพระบางก่อนจะส่ายหน้าลุกเดินหนี ไปทางกลุ่มใหญ่ กวางและณพที่ก�ำลังผลัดกันใช้ปากกา เขียนค�ำอ�ำลากันไว้เป็นที่ระลึกบนเสื้อนักเรียนด้วยตัว อักษรใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม “ขอดูหน่อยลีลาวดีเซ็นหลังรูปยังไง” “ไม่ได้” ปรีชาปัดมือพระบางทีก่ ำ� ลังจะหยิบรูปถ่าย ของลีลาวดีไปจากมือของตัวเองด้วยสุ้มเสียงและท่าที 142
พระบางเมือบ้าน
จริงจัง “งัน้ เดีย๋ วไปขอเธอเซ็นให้กไ็ ด้” พระบางเหลือบมอง ไปยังลีลาวดี ไม่รู้ว่าท�ำไมแก้มของเธอเริ่มแดงระเรื่อ เพื่อนหญิงล้วนหัวเราะกันคิกคัก “กล้าก็ไปเลย ลีลาวดีคงรอแย่แล้วมั้ง” ปรีชาพยัก หน้า สบตากับลีลาวดีแวบหนึ่ง พระบางพูดต่อไม่ออก อ�้ำอึ้งอึกอัก กล้าๆ กลัวๆ ปล่อยให้ปรีชาเดินไปหากลุ่มของใหญ่ จนอีกหลายนาที ผ่านไป พระบางตัดสินใจรวบรวมความกล้า เพราะคิดว่า ถ้าไม่เดินไปหาแล้วเอ่ยปากขอแลกรูปถ่ายไว้ดูต่างหน้า คงไม่มีวันไหนอีกแล้วที่เขาจะมีโอกาสพูดคุยกับลีลาวดี อย่างหัวใจของตัวเองร�่ำร้องปรารถนา “ลีลาวดีครับ อืม...คือว่าผม เออ...” “ขอรูปถ่าย...” อรัญญาเพื่อนสนิทในกลุ่มลีลาวดี ชิงกล่าวแบบกระแทกกระทั้นแทน เรียกเสียงเฮฮาจน พระบางหน้าร้อนผ่าว “เปล่าครับ คือ ผมไม่ได้มาขอรูปถ่าย เพียงแต่จะ มาขอแลกรูปพวกเราเก็บไว้เป็นที่ระลึก” พระบางพูดยาว จนแทบไม่เชื่อว่าจะสามารถท�ำได้ “ท�ำไมต้องครับ ต้องผมด้วย เราเพื่อนกันแท้ๆ” ลีลาวดีตงิ ด้วยน�ำ้ เสียงแผ่วเบา ยิม้ อย่างอ่อนโยน มองหน้า พระบางอย่างไม่วางตา พระบางเห็นว่าในมือของลีลาวดี มีปากกาถือไว้สองด้าม บัญชา อ่อนดี
143
“ผม เอ่อ...เราเซ็นหลังรูปถ่ายของเราให้แล้ว นีค่ รับ ส่วนของอรัญญา ธนิษฐา กับลัดดา เดี๋ยวจะเซ็นให้” “เอ...” ลีลาวดีเอียงคอ ท่าทางเหมือนก�ำลังครุน่ คิด อะไรบางอย่าง “เซ็นให้คนอื่นทีหลัง มีอะไรเป็นพิเศษ หรือเปล่า” “บ้า” อรัญญาหน้าแดงเป็นลูกต�ำลึง หยิกลงบน ต้นแขนลีลาวดี “แต่พวกเราก็เซ็นหลังรูปถ่ายเตรียมไว้ให้พระบาง หมดทุกคนแล้ว” ธนิษฐาทีป่ กติเป็นคนช่างเจรจายืน่ รูปถ่าย ในมือของตัวเองส่งให้พระบาง “เรายังเลย” ลีลาวดีเอ่ยออกมาเหมือนเพิ่งนึกได้ “โชคดีรูปเหลืออีกใบ เดี๋ยวนะรอแป็บหนึ่ง เซ็นตรงนี้เลย” “เห็นถ่ายมาตั้งสองโหลแต่เกือบหมดแล้วมีคนมา ขออยู่เรื่อย” ลัดดาพูดด้วยน�้ำเสียงหยอกล้อลีลาวดี “คนสวยก็แบบนี้แหละ ทีของเราแม่ให้ตังค์ไปถ่าย โหลหนึ่งป่านนี้ยังไม่หมดเลย” ธนิษฐาส่ายหน้า ท�ำเสียง จิ๊กจั๊ก ลีลาวดีผละไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งไม่ห่างจาก พระบางยืนเงียบงันอยู่ สักครู่มีเสียงหัวเราะกราวใหญ่ได้ ยินไปทั่วห้องเรียน ทั้งใหญ่ กวาง ณพ และปรีชาหันมา ทางพระบางและเพื่อนหญิงร่วมชั้น จากนั้นปรบมือเป่า ปากอย่างสนุกสนาน มีเพียงณรงค์ชัยเท่านั้นที่เบือนหน้า ไปทางอื่น 144
พระบางเมือบ้าน
กลั้นใจอยู่ในกลุ่มของลีลาวดีได้นานขนาดนี้ ถึง อย่างไรพระบางก็จ�ำทนอับอายให้เพื่อนยั่วล้อต่อไปอีก ท�ำไมคนอย่างเขาจะไม่รู้ว่าเสียงโห่ฮาเมื่อครู่เกิดขึ้นจาก เหตุผลใด เพียงแต่หวั ใจทีเ่ พรียกร้องก้องกูด่ ว้ ยความอยาก รู้อยากเห็นว่าข้อความหลังรูปถ่ายซึ่งลีลาวดีก� ำลังจะ บรรจงเซ็นเป็นที่ระลึกให้จะประกอบด้วยถ้อยความชนิด ใด พระบางเผลอตั ว มองไปทางลี ล าวดี ที่ อ ยู ่ ใ นชุ ด นักเรียน เสือ้ สีขาวกับกระโปรงยาวคลุมเข่าสีกรมท่าทีเ่ ธอ สวมใส่นั้น แทบไม่เคยมีวันไหนจะคลาดสายตาของเขา ผมยาวเคลียไหล่ผูกรัดไว้ด้วยโบสีขาวสะอาดสะอ้าน ผิว พรรณซึง่ ไม่เหมือนลูกคนจีนในตลาดทัว่ ไป และลักยิม้ ข้าง สองแก้มที่จ�ำหลักไว้ให้เขาต้องลอบเมียงมองอยู่เสมอ “เมื่อไรเราจะได้เจอเธออีกพระบาง” อรัญญาเอ่ย แล้วกระเถิบมายืนใกล้ๆ พระบางใจหาย คิดต�ำหนิตโิ ทษตัวเองทีเ่ ผลอใจจับ จ้องมองลีลาวดีราวกับไม่มใี ครยืนอยูข่ า้ งๆ แต่ถงึ อย่างไร คงไม่มีอะไรอับอายไปมากกว่านี้ “อะไรนะ” พระบางหันไปถามอรัญญาที่รอสบตา เขาอยู่แล้ว “เธอไปเรียนต่อเชียงใหม่ พิษณุโลก หรือกรุงเทพฯ” เกือบจะหลุดปากบอกไปตามตรงว่าถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะตามลีลาวดีไปเรียนในทุกแห่งแหล่งที่ เสียดาย บัญชา อ่อนดี
145
เขาสอบติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฝ่ายลีลาวดีกับปรีชา สมัครใจเรียนวิทยาลัยครูอุตรดิตถ์ “คงไปเรียนเชียงใหม่เพราะสอบติดทีน่ นั่ ความจริง อยากเรียนทีบ่ า้ นเรา” พระบางเผลอใจมองไปทางลีลาวดี ที่ตอนนี้ธนิษฐากับลัดดาเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ “ไม่อยากไปเรียนกรุงเทพฯเหมือนเราหรือ” อรัญญา อมยิ้ม “ก็...อยากเรียนเหมือนกัน เกิดมายังไม่เคยไป กรุงเทพฯ แต่พอ่ แม่อยากให้เราไปเรียนเชียงใหม่มากกว่า” ตอบค� ำ อรั ญ ญาไปพระบางไม่ ว ายมองไปทางลี ล าวดี ที่ก�ำลังก้มหน้าเซ็นหลังรูปถ่ายให้เขา ขณะหญิงสาวจรดปากกาลงบนรูปถ่ายใบเล็กเพือ่ สลักหมึกเป็นตัวอักษรก่อนยื่นมอบให้ พระบางเนื้อตัว และหัวใจเต้นเร่า เขาอยากชะเง้อไปดูว่าลีลาวดีเซ็นด้วย ประโยคใด คิดถึงค�ำลงท้ายพระบางอกสั่นขวัญหาย ด้วยไม่ แน่ใจว่าตัวเองจะตกอยู่ในอากัปกิริยาใดในทันทีที่อ่าน ในมือของลีลาวดีมปี ากกาอยูส่ องด้าม มือขวาของ เธอก�ำปากกาสีชมพู ส่วนข้างซ้ายทีเ่ ธอก�ำลังจรดหมึกเซ็น แล้วมอบให้เขานั้นมันเป็นสีด�ำ
146
พระบางเมือบ้าน
21.
เพิงไม้ไผ่หลังเล็กๆ ที่ถูกปลูกสร้างไว้หลบร้อน เวลาเจ้าของที่นามาไขน�ำ้ เข้าออกนา หรือเวลาพาเพื่อน บ้ า นมาช่ ว ยกั น ลงแขกเกี่ ยวข้ า วซึ่ ง ตั้ ง อยู ่ ค นละฝั ่ ง กั บ โรงเรียนแต่ไม่ห่างไกลกันมากนักหลังนั้น ใกล้ค�่ำยามนี้ มีเด็กนักเรียนชาย 5 คน นั่งล้อมวงกันอยู่ เบื้องหน้า ของพวกเขามีขวดเหล้าเปล่าวางอยูห่ นึง่ ขวด ส่วนอีกขวด พร่องไปแล้วเกือบครึ่ง “น่าอายและขายหน้า แม่ปจู า๋ เป็นดารากลางแปลง อุแว อูแว อูแว อุแวอูแวอุแหว...” ณพดีดกีตาร์พร้อม ร้ อ งเพลงผิ ด ๆ ถู ก ๆ หลั ง จากพยายามคะยั้ น คะยอ ขอให้พระบางเล่นกีตาร์แต่ไม่เป็นผล บัญชา อ่อนดี
147
“กู ไ ม่ นึ ก เลยว่ า มึ ง จะชวนกู ม ากิ น เหล้ า ” ใหญ่ นัยน์ตาปรือ พูดเสียงอ้อแอ้ “นัน่ น่ะสิ ความจริงคนออกปากชวนฉลองวันเรียน จบน่าจะเป็นกู หรือไอ้ใหญ่ ไอ้ณพมากกว่า เสียดาย ไอ้ปรีชาต้องรีบกลับ ไม่งั้นล่ะก็ครบเซ็ต” กวางอิงหลังกับ รั้วไม้รวก “ช่าย...” ณรงค์ชัยดูเหมือนจะตกอยู่อาการมึนเมา มากกว่าทุกคน “กูสารภาพว่าไม่เคยกินเหล้าเลยในชีวติ นี้ แต่ไหนๆ พวกเราก็ร่วมหัวหกก้นขวิด กูเลยตั้งใจมา หลายวันแล้วว่าจะเอ่ยปากชวนพวกมึง ไม่รไู้ อ้คณ ุ พระบาง คิดยังไง เสือกโพล่งชวนก่อน แต่ช่าง ใครชวนก็เมา เหมือนกัน” “กูไม่อยากให้พวกเราแยกจากกันเลย กูซึ้งน�้ำใจ พวกมึงทุกคนว่ะเพื่อน” จู่ๆ ณพวางกีตาร์ ร้องไห้ออกมา ณรงค์ชัยโน้มตัวไปโอบไหล่เพื่อน กระชับกอด แรงๆ “เฮ้ย! พ่อกูบอกว่าถ้าใครกินเหล้าครัง้ แรกแล้วนิสยั ตอนเมาเป็นยังไง อนาคตก็จะเป็นแบบนั้น” “แบบไหน ไม่เข้าใจ” ใหญ่กระดกเหล้าเข้าปาก” “อย่างไอ้ณพ ถ้ากินเหล้าหนแรกแล้วเป็นแบบนี้ คราวหลังพอเมาก็จะร้องไห้ตลอด ใครออกอาการนักเลง เมาเมื่อไรจะชอบชกต่อย แต่ถ้าชอบร้องเพลงก็จะกลาย เป็นคนสนุกสนานตีเกราะเคาะโต๊ะ เอ๊ะ ! มึงไม่เคยได้ยิน เรื่องอย่างนี้เลยหรือวะ” 148
พระบางเมือบ้าน
“อ้ะ! งั้นนั่งเงียบอย่างไอ้พระบาง ต่อไปนี้กินเหล้า มันก็เป็นคนซึมกะทือน่ะสิ” กวางบีบมือลงตรงคางของ พระบางที่นั่งเงียบกริบ ไม่วายหยอกเย้ากระเซ้าเพื่อน “ไอ้...ลาว” “ท�ำไมดูซึมๆ ยังงี้วะพระบาง” กวางพอเห็นเพื่อน ยังนั่งเงียบในมือก�ำแก้วเหล้าด้วยท่าทางซึมเซามีอันให้ เอนตัวเข้าไปกอดไหล่เพือ่ น “โกรธทีก่ เู รียกมึงแบบนีเ้ หรอ อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่า กูล้อเล่นแท้ๆ ห่า เราเพื่อนรักกัน จะตาย” พระบางได้ยินกวางหยอกเย้าอย่างถนัดชัดเจน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงแสดงอาการฮึดฮัดหรือเก็บอาการ หุนหันพลันแล่นไม่ได้ ทว่าตอนนี้ห้วงหัวใจของเขาหม่น เศร้ า เกิ น กว่ า จะติ โ ทษโกรธเพื่ อ น อั น ที่ จริ ง เขาน่ า จะ ขอบคุณกวางและทุกคนเสียด้วยซ�้ำที่พยายามกล่าวค�ำ หรือกระท�ำให้รใู้ นทางอ้อมว่าเขาต้องส�ำนึกรูว้ า่ ตนเองอยู่ ในสถานะใดเมื่อเปรียบเทียบกับกวาง ใหญ่ ณพ และโดย เฉพาะ...ลีลาวดี พระบางชวนเพื่อนสนิทในกลุ่มมาตั้งวงแอบดวด เหล้าบนเพิงไม้ที่ปลูกตั้งอยู่ยังฝั่งตรงข้ามแปลงผักของ โรงเรียน หาใช่เพราะเขาคิดอยากเฉลิมฉลองหรือต้องการ ร�่ำลาอาลัยส่งท้ายในวันสุดท้ายของการเรียนร่วมห้อง เดียวกัน แต่เขาปรารถนาให้ฤทธิ์ของเหล้าและความ มึนเมาช่วยบรรเทาเยียวยาจิตใจทีจ่ มอยูใ่ นห้วงระทมตรม บัญชา อ่อนดี
149
เศร้าซึ่งไม่สามารถเปิดเผยความจริงกับใครได้ นอกเสีย จากฝังไว้ในหัวใจตราบชีวิตจะหาไม่ต่างหาก ตั ว อั ก ษรจากปากกาหมึ ก สี ด� ำ ที่ ลี ล าวดี เ ซ็ น ข้อความบนหลังรูปถ่ายมอบให้ไว้ส�ำหรับเป็นที่ระลึกแก่ พระบาง ต่อให้คิดเข้าข้างตัวเองอย่างไรก็ไม่สามารถบ่ง ระบุได้ว่าลีลาวดีมีความคิดแบบเดียวกับที่เขาเองคิดกับ เธอมานานนับสองปี เพราะลีลาวดีไม่ได้เขียนถ้อยค�ำใดๆ นอกเสียจากเขียนชื่อของตัวเธอก�ำกับไว้เท่านั้น ว่าแรกที่รับรูปถ่ายซึ่งลีลาวดีส่งให้ด้วยจิตใจสั่น สะท้าน ครั้นพอค่อยๆ พลิกด้านหลังเปิดอ่านนอกจาก จิตใจสั่นสะท้าน ท้องไส้พระบางยังเกิดบิดมวนปั่นป่วน รวนเรจนแสบเสียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพิ่งรู้ซึ้งถึง ค�ำผู้ใหญ่ที่เคยได้ยินมาตั้งแต่จ�ำความได้ว่าน�้ำตาตกใน คือคนผู้อยู่ในสภาพอาการใดเมื่อตอนบ่ายวันนี้นี่เอง “กระดกเสียที” พระบางเตือนณรงค์ชัย อยากให้ แก้วเหล้าที่มีอยู่เพียงแก้วเดียวและเขาเพิ่งสาดเข้าล�ำคอ ไปเมื่อครู่วนมาถึงอีกรอบโดยเร็ว “มันกินเหล้าเหมือนคนเพิง่ อกหัก” ใหญ่หรีน่ ยั น์ตา มองหน้าพระบาง “เรือ่ งอกหักรักคุดนีม่ อี ะไรปรึกษาไอ้ใหญ่กบั ไอ้ณพ สองคนนี้มันช�ำนาญ” กวางบีบไหล่พระบาง “ไม่เอาน่า ไอ้เพื่อน อย่าเหงาเป็นไก่ป่วยอย่างนี้เลย เอา ร้องแล้วก็ เล่นเพลงเก้าล้านหยดน�้ำตาให้ฟังหน่อย” กวางยัดกีตาร์ 150
พระบางเมือบ้าน
ใส่มอื พระบาง จากนัน้ ใช้มอื จุม่ เหล้าในแก้วเอามาป้ายลง ตรงขอบตา แสร้งท�ำเสียงฮือๆ “ลี ล าวดี ไ ปฉลองที่ ไ หน” ณพหยุ ด ร้ อ งไห้ แ ละ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้จึงถามด้วยความสงสัยขึ้นมา พระบางแหงนหน้ามองฟ้าที่หม่นด�ำมากขึ้น จู่ๆ วางกีตาร์ลงกับพืน้ ลุกยืนแล้วบอกว่า “เก้าล้านหยดน�ำ้ ตา ที่ไหน ความจริงมันเพลง 9,999,999 Tears ต่างหาก ไอ้ควาย เออ กูกลับบ้านดีกว่า ลืมสนิทเลย แม่กบั พ่อคอย กินข้าว” “โห กินด้วยกันทุกวัน” กวางดึงขาพระบางให้นั่ง ลง “ไม่ ทางบ้านเขาอยากฉลองที่กูเรียนจบม.ศ.5” พระบางโกหกเพื่อให้เพื่อนไม่รั้งเขาไว้ “ณรงค์ชัย มึงอยู่ ต่อกับพวกมันละกัน” ทั้งท่าทีและน�้ำเสียงเหมือนยืนยัน ว่าเขาอยากรีบกลับบ้านเพียงล�ำพัง ไม่วา่ ทุกคนจะช่วยกันประวิงเวลาอย่างไร ในทีส่ ดุ พระบางผละออกมาจากเพิงไม้หลังเล็กจนได้ ภายในหัว สมองและจิตใจเกิดอาการวิงเวียนวุน่ วายจนแทบอาเจียน ออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือฤทธิ์สิ่งใดไหน แน่ ลุยน�้ำคลองตรอนสูงประมาณหน้าแข้งมายืนโงน เงนเป็นล�ำไผ่ตอ้ งลมอยูไ่ ม่หา่ งจากบริเวณแปลงผัก สักพัก พระบางสลัดหัวไล่ความมึนเมาก่อนสืบเท้าก้าวไปหยุดอยู่ บัญชา อ่อนดี
151
ตรงแปลงผักของลีลาวดี เอือ้ มมือสัน่ ระริกไปถอดป้ายชือ่ ของเธอขึ้นมาจากดิน ในความมืด ฝ่ามือของพระบางไล่ระไปบนแผ่น ป้ายไม้ จากนั้นเอามาแนบกับอกตรงด้านซ้าย หลับตา คิดถึงวงหน้าของลีลาวดีที่แจ่มชัดและจ�ำหลักปักลึกอยู่ กลางห้วงความรู้สึกตลอดเกือบสองปีที่ผ่าน ความจริงพระบางอยากเก็บป้ายชือ่ ของลีลาวดีเอา กลับไปไว้ที่บ้าน แต่เกิดกริ่งเกรงว่าหากท�ำอย่างนั้นอาจ จะท�ำให้แม่หรือพ่อเห็นเข้าและเดาออกว่าเขามีความรูส้ กึ นึกคิดแบบใดกับเจ้าของป้ายที่ชื่อลีลาวดี ซึ่งนั้นย่อมจะ ตั้งค�ำถามซึ่งเขาไม่มีค�ำตอบ ปั่นจักรยานผ่านความมืดและสุมทุมพุ่มไม้ตลอด รายทาง ขณะนี้เบื้องหน้าของพระบางปรากฏแสงสว่าง จากตะเกียงโคมซึง่ บ่งบอกว่าเขามุง่ หน้ามาเกือบถึงท่าเรือ ข้ามฟากมากพอสมควรแล้ว อาจเพราะใช้กำ� ลังถีบจักรยานมาไกลจากโรงเรียน จนเกือบจะถึงท่าเรือข้ามฟาก บัดนี้พระบางเริ่มรู้สึกว่า ความมึนเมาทุเลาลงเกือบจะเป็นปกติ เขาสูดหายใจลึกๆ สลัดหัวไปมา 2-3 ครั้ง อย่างน้อยก่อนจะถึงบ้านคงช่วย ให้ปราศจากอาการเมามาย ไม่เช่นนั้นแม่และพ่ออาจจับ ได้ว่าแอบไปกินเหล้ามา พระบางกวาดสายตามองหาลุงคนพายเรือข้าม ฟากแต่ไม่เห็นแกนัง่ หรือยืนอยู่ คาดเดาเอาว่าน่าจะก�ำลัง 152
พระบางเมือบ้าน
พายเรือไปส่งใครสักคนสองคนซึง่ เป็นคนฝัง่ โน้นเช่นเดียว กับเขา ก�ำลังจะย่อเข่านั่งลงบนแคร่ไม้ สายตาพระบาง กลับเห็นว่าเรือข้ามฟากยังจอดสงบนิง่ อยูร่ มิ ฝัง่ ทีเ่ ขารออยู่ พระบางเพ่งตาดู ทั้งท่าเรือคล้ายไม่มีใครแม้เพียงคน “ลุงครับ ช่วยไปส่งข้ามฟากด้วยครับลุง” ทวนเรียกอีก 2-3 ครั้งแต่ยังไม่มีเสียงขานรับ พระ บางขยับตัวจะเข้าไปชะเง้อดูตรงปากประตูกระท่อมที่ลุง ใช้หลับนอน และก่อนพระบางจะเข้าไปถึง เขาได้ยนิ เสียง หนึง่ แว่วเข้ามา เงีย่ หูฟงั ดูกร็ วู้ า่ เป็นเสียงเท้าของคนย่างย�ำ่ อย่างแผ่วเบาลงบนพื้นไม้ไผ่ พระบางสะดุง้ เฮือกด้วยความตกใจและแทบไม่เชือ่ ในสิง่ ทีเ่ ขาเห็น เป็นไปได้อย่างไร เจ้าของร่างผูเ้ ดินออกมา จากกระท่อมไม้ไผ่หาใช่ลุงคนพายเรือข้ามฟาก หากแต่ เป็นคนที่ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันลืมเลือน “ลีลาวดี...” พระบางยืนตะลึง ปากอ้าตาค้าง เรียก ชื่อของเธอเบาๆ ราวพบเห็นนางฟ้า “ไปฉลองกับพวกใหญ่ กวางมาหรือ” เห็นลีลาวดี ปัดป่ายเส้น ผมกับดึงชายเสื้อนักเรียนที่บิดม้วนอยู่เหนือ ขอบกระโปรงให้เข้าที่ พระบางบังเกิดความรูส้ กึ ว่าลีลาวดี อาจมีใจให้เขา มิเช่นนั้นเธอคงไม่พะวักพะวนอยู่แต่การ จัดทรงผมและสาละวนทึ้งดึงเสื้อให้กลับมาอยู่ในสภาพ เรียบร้อยอย่างนั้น ถ้าลีลาวดีไม่แอบมีใจแบบเดียวกับทีเ่ ขาคิดกับเธอ บัญชา อ่อนดี
153
ลีลาวดีจะล่วงรู้อย่างไรว่าเขาไปกินเหล้ากับใหญ่ กวาง ณพ และณรงค์ชัย นี่แสดงว่าลีลาวดีก็เฝ้าสังเกตเขา เหมือนกัน “ลุงเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อกี้ ป้ามาตามบอกมีธุระ ด่วน พอดีเราขับมอเตอร์ไซค์เดมารับเงิน เลยอยู่ท่าเรือ แทนแก ประเดี๋ยวลุงคงกลับมา” “ไม่กลัวหรืออยู่คนเดียวอย่างนี้” พระบางท�ำท่า จะเดินเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิม ลีลาวดีถอยเท้าเข้าไปยืนอยู่ ตรงกลางประตูกระท่อม “กลัวอะไร เรามากับเดเกือบทุกวัน ท่าเรือก็เหมือน บ้านอีกหลังของเรานัน่ แหละพระบาง อ้อ เราพายเรือข้าม ฟากไปส่งเธอเองดีกว่า” ลีลาวดีเหมือนคิดอะไรได้ ก้าว เดินออกมาจากประตูกระท่อม พระบางได้กลิน่ ประหลาด ลอยออกมาจากร่างของเธอ “ไม่เป็นไรหรอก เดีย๋ วลุงแกก็มา นัง่ คุยกันก่อน เรา ไม่รีบ” พระบางมองหน้าและหลบตาวูบเมื่อเห็นลีลาวดี มองเมียงเขาอยู่ หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นส�่ำ “อาจจะช้าก็ได้ ป้าบอกว่าเป็นธุระส�ำคัญ” ลีลาวดี คล้ายเสียงและตัวสัน่ จนพระบางรับรูไ้ ด้ คงเป็นเพราะเธอ เริ่มขวยอายเมื่ออยู่กันสองต่อสองกับเขา “เอ้า เมื่อกี้บอกว่าเดี๋ยวเดียวลุงจะกลับมา อีก แป๊บหนึ่งเรารอได้” ลีลาวดีไม่ฟังเสียง เดินทิ้งส้นเท้าไปยังตลิ่งไต่ลง 154
พระบางเมือบ้าน
ไปหาเรือล�ำเล็กที่คล้องเชือกจอดอยู่เหนือผืนน�้ำ ท�ำให้ พระบางต้องคว้าจักรยานแบกใส่บา่ มุง่ หน้าตามไป เขาไม่ อยากให้ลลี าวดีมอี ารมณ์ฉนุ เฉียวจากการพูดคุยกัน ขณะ จะก้าวเท้าลงบนบันไดดินตลิง่ ขัน้ ทีส่ อง พระบางต้องหยุด ยืนตะลึง “นี่จักรยานของปรีชา...” พระบางขมวดคิ้วนิ่วหน้า จ้องตาไปยังจักรยานทีเ่ อนพิงอยูก่ บั ตลิง่ จนเกือบตกลงไป ในแม่น�้ำ “อ๋ อ ...” เสี ย งลี ล าวดี ห ายไปในล� ำ คอ ระหว่ า ง พระบางก�ำลังจะวางจักรยานของตัวเองลง และท�ำท่าจะ เดินตรงไปยกจักรยานของปรีชาให้กลับมาตัง้ อยูใ่ นสภาพ วางใจได้ว่าจะไม่ไถลตกลงไปจมน�้ำ ได้ยินค�ำของลีลาวดี พูดขึ้นมา “ปรีชาบอกว่าลืมของไว้ที่โรงเรียนเลยรีบกลับ ไปเอา” “แล้วท�ำไมไม่ขี่จักรยานตัวเองไป” พระบางเริ่ม งุนงงสงสัย “ไปกับเพื่อนคนอื่นหรือเปล่า ไม่รู้สิ รีบๆ ไปกัน เถอะ เดี๋ยวเราต้องกลับบ้าน เดกับแม่เป็นห่วงแย่แล้วมั้ง” พูดไม่ทันจบ ลีลาวดีไปนั่งรออยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว “เราช่วยแจวเอาไหม” พระบางอยากให้ลีลาวดี รั บ รู ้ ว ่ า เขาปรารถนาดี แ ละมี ค วามนั ย ใจอยากให้ เ ธอ ประจักษ์ “ไม่ต้องหรอก เราพายเอง ให้เธอพายก็เก็บเงิน บัญชา อ่อนดี
155
ไม่ได้น่ะสิ” “แจว เอ่อ...พายแล้วจ่ายเหมือนเดิม ไม่เอาเปรียบ หรอกน่า” พระบางเอี้ยวตัว หันไปประจันหน้ากับลีลาวดี ที่ เ ผลอนั่ ง ไม่ เ รี ย บร้ อ ยอยู ่ ท ้ า ยเรื อ ในความเลื อ นราง พระบางรู้สึกวูบไหวไม่ต่างอะไรกับวันที่เขาฝันว่าลีลาวดี ไปหาถึงเรือนไทย พระบางลอบกลืนน�้ ำลาย ฝ่ายลีลาวดีเพิ่งรู้ว่า ตัวเองนั่งเบียดขาสองข้างไม่มิดชิด เพราะตอนลงเรือมา นั้นพระบางนั่งหันหลังให้เธอ ดังนั้นจึงรีบรวบกระโปรง ยืดตัวตรงด้วยความเงียบงัน จากนั้นโถมแรงจ�้ำพายให้ มากกว่าเดิม “พระบางอย่าท�ำอย่างนั้น” ลีลาวดีทนเงียบไม่ได้ จ�ำเป็นต้องส่งเสียงดุ “ท�ำอะไร” พระบางแกล้งไขสือ มือสองข้างยังคง ราน�ำ้ เหมือนไม่จงใจ ไหนเลยเขาอยากปล่อยเวลาให้ผา่ น ไปด้วยความรวดเร็วทั้งๆ ที่มีลีลาวดีอยู่เบื้องหน้า “เอามือราน�้ำแบบนั้น เราพายจากฝั่งมาได้แค่นี้” “เห็นจันทร์เสีย้ วบนฟ้าไหม” พระบางเงยหน้ามอง ไปบนเวิ้งฟ้า แต่สองมือยังราน�้ำอยู่เช่นเดิม ลีลาวดีไม่รู้จะท�ำอย่างไร ตัดสินใจวักน�้ำใส่ตัว พระบาง อย่างน้อยเธอคิดว่าเขาน่าจะยกมือจากสายน�้ำ ซึง่ นัน่ จะท�ำให้เธอพายเรือไปถึงยังอีกฝัง่ ตรงข้ามได้ตามใจ เรียกร้อง 156
พระบางเมือบ้าน
พระบางกลับคิดต่างจากลีลาวดีอย่างสิ้นเชิง การที่ลีลาวดีวักน�้ำใส่เขา ย่อมแสดงว่าเธอน่าจะ จงใจหยอกล้อ หรือไม่ก็เกิดความขวยอายที่นั่งอยู่ใกล้กัน แค่เอื้อมมือคว้า พระบางอยากขอเพียงกระเถิบเข้าไปนั่ง ใกล้ๆ กระนั้นเขารู้ตัวดีว่าถึงอย่างไรก็ยังไม่กล้าเปิดใจว่า คิดแบบใดกับเธอ ขอเพียงแค่เข้าไปนั่งใกล้ๆ ทว่าพระบางหารู้ไม่ว่า กลิ่นกายของเขามีกลิ่นเหล้าอบอวลอยู่ เห็นว่าพระบาง ค่อยๆ กระเถิบร่างเข้ามา ลีลาวดียกพายขึน้ จากใต้นำ�้ แล้ว ใช้ค�้ำยันไว้ตรงอกซ้ายของพระบาง ถึงอย่างไรเธอไม่ยอม ให้เขามึนเมาแล้วท�ำอะไรตามอ�ำเภอใจเหมือนค�ำพูดและ ท่าทีที่แสดงออกมาโดยเด็ดขาด พระบางเองก็ตกอยู่ในอาการตัวสั่นงันงงดุจเดียว กับลีลาวดีทใี่ ช้แรงดันด้ามพายจนอกด้านซ้ายของเขารูส้ กึ ชาหนึบ “อย่าท�ำแบบนี้ เราฟาดเธอด้วยพายจริงๆ นะ” เสียงลีลาวดีคล้ายจะดังก้องไปทั่วท้องน�้ำ “เราไม่ได้ทำ� อะไร แค่อยาก...” พระบางคว้าหมับ ตรงใบพาย ท�ำให้ลลี าวดีลกุ ขึน้ ยืน ล�ำเรือโคลงเคลง หมุน เคว้างคว้างอยู่กลางสายน�้ำ ขณะก�ำลังจะถลันตัวเข้าไป ห้ามไม่ให้ลลี าวดีใช้พายกระหน�ำ่ ใส่ พระบางคล้ายถูกฟาด ตีเข้าที่กกหูอย่างจัง ลีลาวดียกพายค้าง ส่วนพระบางทรุดร่างลงไปนั่ง บัญชา อ่อนดี
157
กับพื้นเรือ เกินจะเชื่อ เมื่อสักครู่เขาได้ยินลีลาวดีกระแทก น�้ำเสียงใส่เต็มสองหู “ลาว”
158
พระบางเมือบ้าน
22.
อารามตกใจกลัวต่อท่าทีที่พระบางยื้อแย่งพายใน มือ ประกอบกับกลิ่นเหล้าโชยเข้าจมูก ลีลาวดีวาบคิดขึ้น มาว่าถ้าจะหยุดเขาได้ เธอต้องใช้คำ� พูดแบบเดียวกับทีเ่ คย ได้ยนิ ใหญ่ กวาง หรือณพแสร้งตะคอกหยอกเย้าพระบาง ซึ่งทุกครั้งเขาจะตัวสั่นหน้าซีดก่อนจะผลุน ผลันหรือไม่ก็ ลอบเลี่ยงออกจากกลุ่มเพื่อนไปนั่งเงียบเพียงล�ำพังอย่าง กับเป็นเบือ้ ใบ้ แต่บดั นีก้ ว่าจะรูว้ า่ อะไรเป็นอะไร พระบาง โดดลงจากเรือว่ายน�้ำมุ่งหน้าข้ามไปอีกฝั่งเสียแล้ว บนเรือทีล่ ลี าวดีพายกลับมายังท่าเรือข้ามฟากมีรถ จักรยานของพระบางนอนตะแคงวางอยู่กลางล�ำเรือ เมื่อ สักครู่เธอหาได้จงใจหรือเจตนาจะด่าว่าพระบางจนท�ำ ให้เขาโผนร่างลงแม่น�้ำด้วยความเสียใจและอับอายอย่าง บัญชา อ่อนดี
159
เหลือคณา ถึงขนาดไม่สนใจหรือห่วงใยจักรยานที่ใช้ปั่น ไปเรียนหนังสือ ส� ำ หรั บ จั ก รยานลี ล าวดี คิ ด ว่ า ถึ ง อย่ า งไรเธอ สามารถฝากปรีชาเอากลับไปคืนให้พระบางถึงเรือนไทย ได้ แต่ต่อไปนี้จะมีโอกาสพบเจอเพื่อกล่าวค�ำขอโทษเขา ได้ที่ไหน อย่างน้อยก็สารภาพว่าเธอไม่เคยคิดจริงจังจะ กล่าวค�ำท�ำร้ายจิตใจของพระบางที่เป็นเพื่อนร่วมเรียน ห้องเดียวกันแม้แต่น้อย ใช้แรงอีกไม่มากพระบางจะพาตัวเองเข้าถึงฝัง่ แต่ บางครั้งเขาคิดอยากจมหายไปใต้สายน�้ำชนิดไม่มีใคร พบเห็ น ตั ว ตนเขาอี ก เลย ยามนี้ น อกจากตี อ กชกตั ว พระบางยังพูดจาเพ้อพร�ำ่ ร�ำพันตัดพ้อด่าทอตัวเองไม่ตา่ ง กับคนคลั่งบ้า และในสายน�้ำอันเย็นฉ�่ำนั้น เขารู้สึกว่ามี หยาดน�้ำอุ่นปะปนอยู่บนใบหน้าของตัวเองด้วย เท้าสองข้างของพระบางเริม่ แตะสัมผัสกับผืนทราย เขาปาดป้ายน�้ำทั้งเย็นและอุ่นออกจากใบหน้า หันหลัง มองหาเรือล�ำที่เพิ่งโดดลงมาด้วยหัวใจแห้งเหี่ยว เหลียว กลับไปมองอยู่หลายครั้งพระบางเห็นว่าท่าเรือไร้ซึ่งแสง โคมไฟเสียแล้ว ลีลาวดีต้องโกรธแค้นมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ด่าทอ ล้อเลียนเขายิง่ กว่าใช้คมมีดกรีดฝากไว้กลางอก ตอนนีเ้ ธอ คงขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับไปบ้านในตลาด ชาตินี้ ทั้งชาติเขากับเธอคงไม่เจอะเจอกันอีกแล้ว เรื่องราวจะ 160
พระบางเมือบ้าน
ลุกลามถึงขั้นไหนหากลีลาวดีน�ำเรื่องไปฟ้องโกซังกับ เจ๊นาง แล้วหลังจากนั้นพากันไปแจ้งต�ำรวจ พ่อกับแม่ ของเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนต่อการที่ลูกชาย คนเดียวก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นมา ทว่าเรื่องไหนกลับไม่ยิ่งใหญ่เท่าเรื่องเขาอยากจม หายไปกับสายน�้ำ...แม้ทุกครั้งที่ได้ยินใหญ่ กวาง ณพเอ่ย ค�ำกระแทกกระทบใส่จนบังเกิดความอับอายแทบแทรก แผ่นดินหนี แต่ไม่มีคนไหน ครั้งใดท�ำหัวใจร้าวรานปาน ประหนึ่งตายทั้งเป็นอย่างได้ยินจากปากลีลาวดีเพียงครั้ง เดียว... ร่างกายและชุดนักเรียนที่สวมใส่เปียกโชกไปด้วย น�ำ ้ พระบางขบริมฝีปากตัวเองเดินโซซัดโซเซไต่ตลิง่ ขึน้ มา วงหน้าของลีลาวดีกบั น�ำ้ เสียงทีเ่ ธอด่าทอเยาะเย้ยเขาเมือ่ ครูจ่ โู่ จมโถมเข้าสูห่ ว้ งนึก จากนัน้ ความรูส้ กึ สิน้ ไร้เรีย่ วแรง รุกโรมโถมตามมา วูบหนึง่ พระบางฉุกคิดขึน้ ว่าเขาจะกลับ เรือนไทยในสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด จากริมตลิ่งที่พระบางยืนอยู่ใช้เวลาเดินฝ่าความ มืดไม่เกิน 15 นาที อาสมสนุกต้องมีชุดให้เขายืมใส่ก่อน กลั บ ไปเรื อ นไทยแล้ ว สร้ า งเรื่ อ งเท็ จ บอกพ่ อ กั บ แม่ ถึ ง สาเหตุที่เนื้อตัวและเสื้อผ้าเปียกปอน ครั้นพอกระหวัด คิ ด ถึ ง เรื อ นแพพระบางแทบจะเปลี่ ย นเส้ น ทางเดิ น ถึงอย่างไรในเมือ่ ไปเรือนแพเขาก็ตอ้ งพบเจอกับดวงจ�ำปา ซึ่งแม้แต่หน้ายังไม่อยากมอง บัญชา อ่อนดี
161
สะระตะอย่างไร ถ้าไม่หักใจยอมไปยังเรือนแพ โอกาสที่พ่อกับแม่จะจับได้ไล่ทันว่าการที่เขากลับเรือน ไทยในสภาพเปียกมะลอกมะแลก แถมไม่มีจักรยานปั่น ไปเหมือนเดิมย่อมเป็นเหตุการณ์บานปลายใหญ่โต ดังนัน้ พระบางเดินกอดอกที่เริ่มหนาวสั่นเพราะลมพัดหนักขึ้น เรื่อยๆ มุ่งหน้าฝ่าความมืดไปยังเรือนแพที่เห็นตะเกียง วอมแสงอยู่วิบๆ จันทร์เสี้ยวเกี่ยวดวงอยู่บนเวิ้งฟ้า เบื้องหน้าเรือน แพลอยเวี่ยอยู่เหนือผืนน�้ำ พระบางยืนเงียบนิ่งอยู่บน บันไดดินริมตลิ่งด้วยความเก้กังลังเล เขาจะตอบหรือ อธิบายอย่างไรเมื่ออาสมสนุกและน้าดวงเดือนถามว่า ท�ำไมจึงมาเรือนแพในสภาพผิดปกติอย่างนี้ ขณะครุน่ คิด สายตาของเขาเห็นฟ้าทางด้านทิศเหนือถูกขีดด้วยผีพงุ่ ไต้ ก่อนวูบหายในเวลาอันรวดเร็ว เดินด้วยเท้าอันหนักอึ้งลงบันไดดินมาอีกสองขั้น พระบางต้องหันซ้ายหันขวา ด้วยเขายังจับทิศทางไม่ถกู ว่า เสียงซออู้ที่ผะแผ่วแว่วเข้าหูมามีต้นทางจากไหน กระทั่งขยับเท้าก้าวอีกสองครั้ง จึงรับรู้ว่าเสียง ซออู้ดังมาจากเรือนแพ เขาไม่รู้และไม่เคยได้ยินได้เห็นอาสมสนุกหรือ น้าดวงเดือนสีซออู้มาก่อน แต่ตอนนี้ความที่เขาเองสนใจ ดนตรี จึ ง รู ้ ดี ว ่ า ฝี มื อ ของคนสี ซ ออู ้ อ ยู ่ ใ นแสงสลั ว ราง กลางเรือนแพไม่ใช่ธรรมดา 162
พระบางเมือบ้าน
เสี ย แต่ ไ ม่ น ่ า จะน�ำเอาเพลงลาวดวงเดื อ นมาสี ในค�่ำคืนนี้เลย แม้ช่วงหลังพระบางเหินห่างจากดวงจ�ำปา แต่กับ อาสมสนุกและน้าดวงเดือนในความรูส้ กึ นึกคิดของเขายัง คงเป็นเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงดุ่มเดินลงไปในเรือนแพโดย ไม่ต้องส่งเสียงเพรียกหาหรือเอ่ยบอกด้วยสุ้มเสียงอันดัง ว่าเป็นเขาเองที่แวะมาเยี่ยมเยือน พอก้าวเท้าแรกลงบนลูกบวบไม้ไผ่ พระบางเห็น เจ้าสีสะหวาดวิ่งหายไปทางที่เสียงซออู้ดังแว่วแผ่วมา จึง ร้องบอก “น้าดวงเดือนผมแวะเที่ยวเล่น อาสมสนุกอยู่ ด้วยหรือเปล่าครับ” เพราะเสื้อผ้าชุดนักเรียนและเนื้อตัวยังชุ่มไปด้วย น�ำ ้ พระบางจึงหยุดอยูต่ รงพืน้ นอกชานเรือนแพ ไม่ได้กา้ ว เดินเข้าไปตรงที่อาสมสนุกจัดแบ่งไว้ยามพ่อของเขา หรือ เพื่อนบ้านคนอื่นแวะมาพูดคุยอย่างที่เคยท�ำ ซออู้เงียบ เสียงลงไป ในท่ามกลางแสงตะเกียงพระบางเห็นร่างของ ใครคนหนึ่งเดินอุ้มเจ้าสีสะหวาดเดินเชื่องช้ามาด้วยท่าที กล้าๆ กลัวๆ “พี่พระบาง” ดวงจ�ำปายืนหน้าตาเหรอหรา พุ่ง สายตาจับมองเสื้อผ้า เนื้อตัวและผมเผ้าของพระบาง อย่างงวยงง “อาสมสนุกกับน้าดวงเดือนไปไหน” พระบางท�ำ เสียงห้วน เบือนหน้าไปมองอีกทาง บัญชา อ่อนดี
163
“ท�ำไมเปียกโชกอย่างนั้น” ดวงจ�ำปาเอียงหน้า ท�ำท่าเหมือนส�ำรวจตรวจตรา “ตอบให้มันถูกค�ำถามหน่อย โตจนป่านนี้ยังไม่รู้ เรื่อง” พระบางขยับเดินหนีไปยืนอีกมุมหนึ่ง “ไม่อยู่จ้ะ ไปประชุมที่วัด ประเดี๋ยวคงกลับกันมา แล้ว ว่าแต่... เอ่อ... พี่โดดน�้ำหนีใครมา...” “พูดอะไรไม่รจู้ กั ประสีประสา จะหนีใครท�ำไม เพิง่ สอบเสร็จเลยเล่นจับกันโยนน�ำ้ ฉลองกับปรีชา” พระบาง จ้องหน้าจนดวงจ�ำปาหลบตาลงกับพื้น “ที่ท่าเรือข้ามฟากหรือจ๊ะ” ได้ยินค�ำว่าท่าเรือข้ามฟาก พระบางอยากพุ่งออก ไปจากเรือนแพ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าที่ดวงจ�ำปาเดาว่าเขา กับปรีชาเพื่อนรักต่างผลักหรือเหวี่ยงกันลงน�้ำตรงท่าเรือ ข้ามฟากนั้นน่าจะสมเหตุสมผลมากที่สุด เนื่องจากไม่มี จุดไหนหรือพืน้ ทีร่ มิ น�ำ้ แห่งใดเหมาะควรต่อการทีพ่ วกเขา จะเย้ า หยอกบอกลากั น ในวั น เรี ย นจบชั้ น มั ธ ยมศึ ก ษา ปีที่ 5 กว่าสถานที่ตรงนั้นอีกแล้ว ขบคิดได้อย่างนี้ท่าทีของพระบางเริ่ม ผ่อนคลาย คงไม่ใช่เป็นเพราะดวงจ�ำปาได้ยินเขากับลีลาวดีถกเถียง กันขณะอยู่ในเรือกลางสายน�้ำจึงท�ำให้เธอพูดถึงท่าเรือ ข้ามฟากออกมา เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว เรือนแพกับท่าเรือ ข้ามฟากอยู่ห่างกันพอสมควร “เดีย๋ วหนูไปหาผ้าเช็ดตัวก่อน พีเ่ ข้ามาข้างในเถอะ” 164
พระบางเมือบ้าน
ดวงจ�ำปาหันหลังเดินหายเข้าไปในห้องนอนก่อนจะหยิบ ผ้าเช็ดตัวออกมายื่นให้ ในอ้อมแขนยังมีเจ้าสีสะหวาด นิ่งสงบอยู่เหมือนเดิม “อยากได้เสื้อกับกางเกงเปลี่ยนมากกว่า ขอยืม ตัวไหนก็ได้ที่เป็นของอาสมสนุก” พอพระบางพูดจบได้ยินเสียงดวงจ�ำปาหัวเราะ ออกมา เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้า ไม่รู้ว่าดวงจ�ำปาจู่ๆ เกิด ความขบขันด้วยเรื่องใด ไม่ตอ้ งเอ่ยปากถามไถ่ เพราะดวงจ�ำปาเฉลยให้ฟงั เรียบร้อยแล้ว “ก็ต้องเป็นเสื้อผ้าของพ่อสิจ๊ะ ถ้าพี่ขอยืม ของแม่หรือของหนูก็....” ดวงจ�ำปาไม่กล้าเอ่ยต่อให้จบ ยิ้มน้อยๆ ตรงมุมปาก “อยากถูกตีมากนักหรือ ไม่รู้เป็นเด็กประเภทไหน นับวันยิ่งกวนประสาท” “พี่นั่นแหละ พูดกับหนูเป็นภาษาคนในตลาดอยู่ เรื่อย สงสัยกลัวคนอื่นจะหาว่าเป็น...” “ดวงจ�ำปา” พระบางตวาดด้วยเสียงอันดังสวน ออกมาจนเสียงของดวงจ�ำปาหายไปบัดดล “ดักดาน อย่างนี้นี่เองพวกในตลาดเขาจึง...” พระบางหยุดถ้อยค�ำ กลางคัน จากนั้นขว้างผ้าเช็ดตัวใส่ดวงจ�ำปาพร้อมถลา เข้าไปหาหมายใจจะฟาดมือใส่ให้เธอหลาบจ�ำ ทั้ ง สุ ้ ม เสี ย งและท่ า ทางที่ พ ระบางไม่ ส ามารถ เก็บกลั้นอารมณ์โกรธไว้ได้ นอกจากดวงจ�ำปายังมีเจ้า บัญชา อ่อนดี
165
สีสะหวาดที่ตกใจจนต้องตะกุยเท้าเข้าใส่อ้อมแขนผู้เป็น เจ้าของเพื่อกระโดดหนี เสียงเล็บเท้าที่ตะกุยถูกเสื้อผ้าฝ้ายตัวเก่าที่ก่อน หน้านี้มีรอยขาดเป็นรูเล็กๆ ดังได้ยินถึงหู ดวงจ�ำปารู้สึก เย็นวาบจึงรีบรั้งดึงเสื้อที่ขาดกว้างประมาณฝ่ามือขึ้นมา อยู่ในสภาพเดิม กลับช้ากว่าพระบางที่ถลันเข้ามาถึงแล้ว ตะบึงใช้มือซ้ายโอบรัดเข้าที่ล�ำตัวและก�ำลังเงื้อมือขวา จะฟาดใส่ ทว่าหัวใจของเขาต้องแตกตื่น แม้ดวงจ�ำปาจะพยายามใช้สองมือสองแขนโอบ เรือนร่างตัวเองแน่นเพียงไหน แต่เสื้อผ้าฝ้ายที่ถูกเล็บ เจ้าสีสะหวาดข่วนเข้าใส่จนขาดนับจากหัวไหล่ลงมาเกือบ ถึ ง กลางอกก็ ไ ม่ อ าจกางกั้ น ฝ่ า มื อ ของพระบางที่ ส อด เข้ามาด้วยความรุนแรงรวดเร็ว จิตใจของพระบางช่างไม่ต่างอันใดกับในวันที่เขา กระแทกปะทะอย่างจังกับลีลาวดีในสนามบาสเกตบอล ระหว่างทีเ่ ขาค่อยๆ ผ่อนมือออกจากดวงจ�ำปา ความรูส้ กึ อันเร้นลึกหนึ่งอุบัติขึ้นมาจนเขาเองไม่เชื่อว่ามันจะเป็น เช่นนั้นได้
166
พระบางเมือบ้าน
23.
ม่านมืดคลีค่ ลุมไปทัว่ เรือนไทย พระบางกลับสมัคร ใจจะจมอยู่กับตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างอย่างนี้ ไปอีกสักพัก ผละจากรูปแม่ที่นุ่งผ้าซิ่นลาวอันท�ำให้เขา ทบทวนหวนนึกถึงวันวัยในอดีต ห้วงคิดของเขายังคงจดจ�ำ ร�ำลึกถึงเหตุการณ์สารพันอันละน้อยที่เหมือนจะเล็ก จ้อย ทว่ากลับฝากรอยจ�ำหลักไว้แม้บัดนี้เขามีอายุใกล้ 50 ปีแล้วก็ตาม ท่ามกลางแสงจันทร์อันอาบไล้ทั่วเรือนไทย พระบางย่อตัวนั่งลงตรงนอกชาน ลูบไล้มือลงบนพื้นกระดาน ที่แผ่น ผิวแตกลายขรุขระเพราะถูกน�้ำฝนกัดกร่อน กลิ่น หอมอ่อนๆ ของดอกราตรีที่อยู่ใกล้ๆ กับต้นดวงจ�ำปา ถูกลมเหนือหอบเข้ามาให้ชื่นใจ บัญชา อ่อนดี
167
สมัยยังเยาว์จวบเข้าสู่วัยรุ่น พระบางไม่ชอบกลิ่น ฉุนของดอกราตรีที่ผู้ใหญ่หลายคนเคยเล่าว่าถ้ากลิ่นของ มันตลบอบอวลมากเท่าไร นั่นแสดงว่าบรรดาภูตผีจะใช้ กลิ่นดอกราตรีช่วยเป็นเส้นทางส�ำหรับการมุ่งหน้ามายัง เรือนชานบ้านที่ปลูก หากเป็นเมื่อก่อนพระบางคงขนลุกขนชัน แต่ค�่ำนี้ เขากลับสูดดมลมหายใจราวกับอยากให้กลิ่นดอกราตรี ที่เคยเกลียดชังฝังเข้าไปอยู่ในร่างกายและจิตวิญญาณ ไม่เพียงกลิน่ ของดอกราตรีเท่านัน้ ทีป่ จั จุบนั เขาชมชอบ แม้ กระทัง่ ดอกและต้นของดวงจ�ำปาขนาดใหญ่หน้าเรือนไทย ทีพ่ ยายามรบเร้าบอกให้พอ่ กับแม่โค่นออกไปก็กลับกลาย เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นและกลีบดอกตอกตรึงอยู่กลางใจ ในช่วงเกือบปีที่ผ่านมา ระหว่างใช้ฝ่ามือลูบเบาๆ ลงบนพื้นกระดานไม้ ลายร่องน�้ำ ความทรงจ�ำในวัยเด็กก็ค่อยๆ ฉายชัดขึ้น ประหนึง่ ว่าเขาสามารถมองย้อนกลับไปเห็นวันวัยในอดีต ของตัวเอง “ลุกขึน้ แล้วรีบล้างหน้าล้างตาได้แล้วลูก เมือ่ คืนแม่ ซื้อรถแทร็กเตอร์พลาสติกจากงานวัดมาให้ ไม่อยากเล่น หรือไง” ได้ยินประโยคท้ายๆ เด็กน้อยวัย 5 ขวบดีดตัว ผึงจากที่นอนซึ่งแม้เขาจะไม่ชอบกลิ่นแดดที่แม่ชอบน�ำ เอาไปผึ่งตรงนอกชาน กระนั้นในยามเช้าอากาศหนาว ยะเยือกเด็กน้อยขอเลือกใช้ผ้าห่มนวมผืนหนาคลุมโปง 168
พระบางเมือบ้าน
ทั้งตัวและหน้าอยู่บนที่นอนมากกว่าท�ำอย่างอื่น “ปึน้ ปึน้ แอ...แอ...” ลายร่องน�ำ้ บนกระดานไม้กลาย เป็นถนนใหญ่ทบี่ ดั นีม้ รี ถแทร็กเตอร์คนั หนึง่ ซึง่ ก�ำลังตะกุย ตะกายวงล้อเพื่อมุ่งหน้าไปต่อให้ได้ แต่ด้วยหลุมบ่อและ ดินโคลนเขลอะไปทั่วถนน ล้อข้างหนึ่งของรถจึงฝังจมอยู่ ในโคลนจนเด็กน้อยอ่อนใจ ยิ่งพยายามขับรถฝ่าออกไป เท่าไรยิ่งดูเหมือนโคลนจะกลืนล้อหายไปมากขึ้นเท่านั้น “ปึน้ ... ปึน้ ...” พระบางท�ำปากเลียนเสียงรถโดยสาร ที่ก�ำลังจะผ่านหมู่บ้านแต่ดันติดหล่มหน้าฝนมิดล้อจน พีป่ า้ น้าอาต้องลงจากรถมาช่วยกันเข็น บางคนถูกดินเลน ดีดจากล้อกระเซ็นเข้าใส่ ทัง้ เสือ้ ผ้าหน้าตาราวกับเพิง่ กลับ จากไร่นาหาใช่ก�ำลังจะมุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดอย่างที่เห็น ตอนนั่งอัดแน่นกันอยู่ในรถ “รถแทร็กเตอร์แรงเยอะ ติดหล่มแค่นี้เร่งเครื่อง เดี๋ยวเดียวก็ไปได้แล้ว ไม่เหมือนรถโดยสารหรอกลูก” แม่ละมือจากกระทะทีก่ �ำลังฉูฉ่ ปี่ ลาดุกลุกไปหยิบกระปุก น�ำ้ ตาล ยิม้ แย้มด้วยเห็นลูกชายใช้พนื้ กระดานบ้านเล่นรถ ติดหล่มง่วนอยู่คนเดียวด้วยท่าทางจริงจัง “งั้นบ่อใหญ่ตรงนี้ล่ะแม่” “อันนั้นใหญ่เกิน ตกเหวพอดี” แม่มองมือเล็กๆ ที่ ชี้ตรงไปยังร่องแมวขนาดค่อนข้างใหญ่ “เอารถไปเก็บไว้ ก่อนลูก แม่ขย�ำข้าวกับกากหมูให้ มากินก่อนก�ำลังร้อนๆ เชียว” บัญชา อ่อนดี
169
ค�ำนึงถึงรสข้าวจากมือแม่ที่ขย�ำป้อนใส่ปากให้ พระบางละมื อ ขึ้ น จากกระดานพื้ น ไม้ ม าลู บ ไปมาตรง ริมฝีปากของตัวเอง ตอนยังเล็ก บางวันแม่มีธุระไม่อยู่บ้าน เด็กน้อย กินข้าวไม่เอร็ดอร่อยเหมือนกินจากมือของแม่ทใี่ ช้มอื เป็น ทั้งชามและช้อนคอยป้อนให้ แม่จะคลุกเคล้าข้าวสวย ร้อนๆ กับผัด แกง ทอด ต้ม ในถ้วยตราไก่ จากนั้นขย�ำ เป็นก้อนเล็กๆ ใส่ไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะส่งใส่ปากทุกคราว แม่จะเป่าก้อนข้าวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ร้อนจนเกินไป จาก นั้นจะใช้หัวแม่โป้งดุนเหมือนช้อนป้อนให้ทีละค�ำ วันเวลาล่วงเลยมานานแสนนาน กระนั้นพระบาง ยังจ�ำได้ดีว่ารสข้าวจากมือแม่หาจากไหนใครเปรียบเป็น ไม่มีอีกแล้ว นึกแล้วใจหาย หลายครั้งในวัยหนุ่ม เขารู้สึก ไม่พอใจและอับอายเวลาเห็นพ่อกับแม่ใช้มือขณะล้อมวง กินข้าวกับมะม่วงสุกกันตามล�ำพัง พระบางแหงนคอมองฟ้า อาจไม่แน่ว่าแม่และพ่อ รอสบตากับเขาอยู่ ต้องถอนหายใจพรู จู่ๆ คิดเกลียดชัง ตัวเองจนแทบมิอาจยกโทษให้ได้ จะเป็นเช่นไรถ้าเขาตาย ไปโดยไม่ มี ค วามรู ้ สึ ก นึ ก คิ ด เช่ น ค�่ ำ คื น นี้ แ ละเกื อ บปี ที่ล่วงมา เอี้ยวตัวไปทางรูปถ่ายของแม่และพ่อ พระบาง หลับตา ยกสองมือพนมขึน้ สูฟ่ า้ กราบขอบพระคุณทีท่ ำ� ให้ ดวงตา หัวใจและจิตส�ำนึกของเขาแจ่มกระจ่างสว่างไสว 170
พระบางเมือบ้าน
ก่อนร่างกายจะเป็นเถ้าถ่าน พระบางลุกยืนจากพื้นกระดาน เดินตรงไปยังโอ่ง น�ำ้ เย็น เห็นว่ากระบวยทีท่ ำ� จากกะลามะพร้าวด้ามเก่าแก่ ยังแขวนไว้ข้างเสาราวกับประสงค์เชิญชวนให้ภายในห้วง ความคิดจ่อมจมอยูก่ บั เงาหลังของตัวเองซึง่ พยามยามหนี มาเกือบสามสิบปีที่น่าเสียดาย เรียนหนังสือกลางเทอมในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ได้ไม่เท่าไร แม่ก็สู้อุตส่าห์หว่านล้อมให้พ่อซื้อตู้เย็นหลัง แรกของหมู่บ้านตามที่เขาเอ่ยปากร�ำ่ ร้องจนได้ พระบาง เกรงว่าถ้าวันหนึง่ วันใดจะด้วยบังเอิญหรือลีลาวดีสมัครใจ มาเรือนไทย เขาคงอับอายเพราะใช้กระบวยกะลามะพร้าว ตักน�้ำจากโอ่งเย็นไปยื่นส่งให้เธอดับกระหาย ตู้เย็นหลังใหม่ท�ำให้น�้ำในขวดพลาสติกเย็นเข้าไป ถึงท้องไส้ยามยกจ่อปาก หากแต่แม่กลับเลือกเดินไปตัก น�้ำจากโอ่งดินใบน้อยมาดื่ม ฝ่ายพ่อ อาสมสนุก น้าดวงเดื อ น เวลามาพู ด คุ ย กั น ที่ เ รื อ นไทยยั ง เลื อ กใช้ ขั น น�้ ำ ลอยดอกมะลิไว้จิบประหนึ่งไม่มีตู้เย็นวางอยู่หน้าห้องใต้ เสียอย่างนั้น ถัดมาอึกไม่ถึงครึ่งปีเรือนไทยมีโทรทัศน์สีเป็น เครื่องแรกในละแวกต�ำบลเดียวกัน แม่ออกจะหน้าเง้า หน้างอ ส่วนพ่อท�ำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตอนเขาเสือกหัวเข้าไป นอนหนุ น ตั ก แม่ คะยั้ น คะยออี ก ทั้ ง หาเหตุ ผ ลต่ า งๆ นานา อาทิ ถ้าเปลี่ยนจากโทรทัศน์ขาวด�ำเป็นโทรทัศน์สี บัญชา อ่อนดี
171
แขกเหรือ่ เพือ่ นบ้านไปมาหาสูก่ บั พ่อยังเรือนไทยคงสบาย ตากว่านั่งดูโทรทัศน์เครื่องเก่าที่เขาเฝ้าหน้าจอมาตั้งแต่ เรียนชั้นป.7 “นะแม่นะ เสียงมันซ่า ภาพบางทีกม็ แี ต่เส้นแต่สาย เห็นใจคนอืน่ ทีม่ าเรือนของเรา หนูสงสารจริงๆ ทีพ่ วกเขา ต้องทนฟังเสียง ดูภาพติดๆ ขัดๆ แบบนั้น” แม้จะไม่ตามใจลูกชาย แต่ในที่สุดแม่กับน้าดวงเดือนก็พากันไปในตัวจังหวัดก่อนจะกลับมาพร้อมกับ โทรทัศน์สีที่พระบางบอกกับตัวเองว่าวันหนึ่งเขาจะนั่ง เรียงเคียงคู่ดูละครตอนค�่ำกับเธอให้จงได้ “แม่ทำ� ไมไม่ขาย เกะกะเปล่าๆ” พระบางถามหลัง จากหญิงกับชายวัยกลางคนซึ่งบอกว่ามาจากเมืองแพร่ เพิ่งเดินออกจากใต้ถุนเรือนไทยไป “ของโบราณควรเก็บรักษาไว้ อีกหน่อยจะหายาก ดูอย่างส�ำรับของย่าสิ บ้านใครมีเหมือนบ้านเราบ้าง ถ้าปู่ กับย่าไม่อุตส่าห์หอบหิ้วติดตัวมาด้วย” หญิงกับชายวัยกลางคนที่เดินพ้นซุ้มการเวกไป แล้ว พากันมายังเรือนไทยตอนแรกเกลี้ยกล่อมให้แม่ขาย เรือนไทยให้ ครั้นแม่แสดงสีหน้าท่าทีไม่พอใจ เขาทั้งคู่ เปลี่ยนเป็นขอซื้อโทรทัศน์เครื่องเก่า ถ้วยโถโอชามที่เก็บ ไว้ในตู้ไม้ลายกนกในราคาที่พระบางคิดว่าถ้าเป็นเขาจะ รีบเอาออกจากตู้มาขาย เมื่อทั้งสองเห็นแม่ไม่สนใจและ ปฏิเสธด้วยน�ำ้ เสียงนุม่ นวล หญิงกับชายวัยกลางคนเสนอ 172
พระบางเมือบ้าน
ซื้อในราคาใหม่ที่พระบางไม่เชื่อว่ามันจะเป็นจ�ำนวนเงิน มากมายขนาดนั้น “ผมขอซื้อเหมาเลย ทั้งตู้ไม้ เตียง ส�ำรับกับข้าว เหยือก บานเฟีย้ ม จะเก็บเอาไว้ทำ� ไมรกบ้านเปล่าๆ” ชาย วัยกลางคนกวาดตามองไปทั่วเรือนไทย “สู้ซื้อของใหม่ๆ ทันสมัยกว่า” “ขอโทษจริงๆ นะจ๊ะ ไม่ขายหรอก จะเก็บไว้ให้ ลูกชาย” “งั้นระนาดเล็กๆ รางนั้นล่ะ” “โอย ยิง่ ไม่ขายใหญ่เลย ของลูกชายเขาชอบดนตรี” พระบางซึ่งตอนนั้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เกือบจะพลั้งพูดออกไปว่าเขาไม่อยากเก็บระนาดไว้ แม้ จะเป็นของขวัญที่พ่อซื้อให้ เพราะทุกวันนี้เขาชอบกีตาร์ มากกว่า ถ้าวันนัน้ แม่ทำ� ตามค�ำของพระบาง วันนีเ้ รือนไทย ของเขาคงราวกับบ้านร้างที่สร้างไม่ครบองค์ประกอบ ด้วยเครื่องเรือนอันสมควรมี พระบางมองนาฬิกาเรือนใหญ่ จากนัน้ เพ่งสายตา ชะเง้อมองข้ามบันไดไม้ออกไปทางต้นดวงจ�ำปาราวกับรอ คอยใครสักคน ขณะเดียวกันก็ฉกุ คิดขึน้ ว่าถึงเวลาต้องเปิด ไฟให้เรือนไทยสว่างไสวได้แล้ว แต่แทนที่จะลุกเดินไปยัง ยังปลัก๊ ไฟข้างเสาไม้ตน้ ใหญ่ พระบางกลับไปหยิบตะเกียง ลานมาจากชัน้ ในตูห้ น้าห้องเหนือทีเ่ ดิมเป็นห้องนอนของ บัญชา อ่อนดี
173
พ่อกับแม่ แต่ตอนนี้พระบางให้ช่างปรับปรุงเป็นห้องพระ ขณะแสงแรกจากตะเกียงลานเรือ่ เรืองขึน้ พระบาง มองเห็นตุ๊กตาหมีสีชมพูวางนิ่งอยู่ในตู้ไม้ลายแกะสลัก สักครู่เขาสูดลมหายใจลึกยาวแล้วเป่าพ่นออกมา เบน สายตามองไปทางทิวมะพร้าวราวสิบต้นทีป่ ลูกไว้ดา้ นหลัง เรือนไทย รอบโคนคงมีลูกหล่นรายอยู่จ�ำนวนไม่น้อย พระบางค่อยย�่ำย่างไปทางริมระเบียง ทอดสายตามอง ต้นมะพร้าวเหล่านั้น แม้กาลเวลาจะล่วงเลยแปรผัน ทว่าวันหนึ่งซึ่ง เหนือความมหัศจรรย์กลับยังคงด�ำรงอยู่
174
พระบางเมือบ้าน
24.
ทุกครัง้ ของการเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร เพื่อตะลอนท่องเที่ยวหรือท�ำงานในต่างจังหวัด พระบาง ยังคงตื่นตาตื่นใจต่อการได้พบเห็นพื้นที่สองฟากฝั่งถนน ยืนต้นไว้ด้วยไม้ขนาดใหญ่ ยิ่งตรงไหนเป็นหลุมเนินสลับ ลาดชันไล่เรียงเป็นฉากชั้นยิ่งบังเกิดความคิดว่าโลกและ ธรรมชาติงดงามเหลือเกิน หลายครั้ ง พระบางอดครุ ่ น คิ ด ไม่ ไ ด้ ว ่ า ท� ำ ไมใน อดีตกาลนับร้อยนับพันปีทผี่ า่ นมาขนาดป่าลึกดึกด�ำบรรพ์ หรือกระทั่งหลังเทือกภูที่ตระหง่านทะมึนอยู่เบื้องหน้า และไม่รู้ว่ามีภยันอันตรายใดๆ รออยู่ กลับมีผู้คนพากัน อพยพหรือโยกย้ายถิ่นท�ำมาหากินก่อนจะขยายพื้นที่ต่อ ไปเรื่อยๆ และด้วยเหตุนี้ยังจะมีใครสักกี่คนสนใจใคร่รู้ว่า บัญชา อ่อนดี
175
พื้นเพแต่ครั้งดั้งเดิมของบรรพบุรุษมีจุดเริ่มต้นอยู่แห่งหน ต�ำบลไหน มิพักต้องเอ่ยค�ำนึงถึงว่าคนส่วนใหญ่วาดฝัน ถึงแต่ทดี่ นิ แห่งใหม่ซงึ่ จะท�ำให้ทงั้ ตัวเองและผูค้ นรอบข้าง บังเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในความส�ำเร็จที่อุตส่าห์พาก เพียรพยายามท�ำให้เป็นจริงขึ้นมา แต่หลายครัง้ พระบางไม่ได้คดิ แตกต่างจากคนส่วน ใหญ่ เกือบ 30 ปี ที่เขาอพยพ หรืออาจเรียกอีกแบบว่า พาตัวเองหนีออกจากเรือนไทย เขาลอบกลับไปกราบตัก พ่อแม่ทบี่ า้ นเกิดแทบจะนับครัง้ ได้เอาเสียด้วยซ�ำ ้ นอกจาก นี้ยังพยายามท�ำตัวและใช้ชีวิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว กับชาวกรุงเทพฯ เก็บหอมรอมริบเงินทองจากเงินเดือน นักหนังสือพิมพ์เท่าที่จะออมได้เพื่อหาซื้อที่ดินไว้ปลูก บ้านทรงยุโรป พร้อมมีรถสักคันกับครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้พระบางมีแค่รถเก๋งขับ ยังไม่มีบ้านตาม ความมุ่งมาดปรารถนา เนื่องจากเงินส่วนหนึ่งพระบาง ส่งไปให้พ่อกับแม่สร้างก�ำแพงคอนกรีตล้อมเรือนไทยให้ อยู่ในระดับสูงและแข็งแรงทนทานที่สุดเท่าที่จะสามารถ ก่อได้ โดยเขาให้เหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ ว่ากลัวโจรผู้ร้ายจะ บุกเข้าไปปล้นทรัพย์สมบัติจากพ่อแม่ที่นับวันยิ่งแก่ชรา ลงเรื่อยๆ 4-5 ปีแรกหลังจากพระบางส่งเงินทางธนาณัติ กลับไปให้แม่เพือ่ ก่อก�ำแพงล้อมเรือนไทย เขาจ�ำเป็นต้อง ตัดสินใจกลับบ้านเกิดหนหนึ่งเนื่องจากพ่อโทรเลขมา 176
พระบางเมือบ้าน
บอกว่าแม่ปว่ ยต้องนอนพักรักษาตัวทีโ่ รงพยาบาลประจ�ำ จังหวัด พอเลี้ยวรถพ้นโค้งถนนที่เปลี่ยนจากลูกรังเป็น ยางมะตอยเขาถึงกับหน้าเสียใจสั่นเมื่อเห็นเรือนไทยตั้ง ตระหง่านและรายล้อมรอบบริเวณยังเป็นเช่นเดิม หาได้มี ก�ำแพงสูงทะมึนโอบล้อมตามที่จินตนาภาพไว้ไม่ ช่วงเวลากลับบ้านเป็นเวลา 1 วัน กับอีก 1 คืน พระบางไม่ยอมออกจากเรือนไทยไปไหน นอกจากแต่ง ตัว ใส่แว่นตาด�ำและสวมหมวกแก็ปขับรถไปเยีย่ มดูอาการ ป่วยไข้ของแม่ที่โรงพยาบาลประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แม่ให้เหตุผลถึงการไม่สร้างก�ำแพงล้อมเรือนไทย ตามที่พระบางส่งเงินมาให้และเขียนจดหมายมาก�ำชับ หลายครัง้ หลายคราว่า “ถ้าสร้างก�ำแพงล้อมเรือนเจ็บเป็น เย็นอุน่ จะมีใครมาเห็นเรา อยูอ่ ย่างนีด้ แี ล้ว เป็นอะไรป่วย ไข้ปบุ ปับขึน้ มาเอิน้ หาใครก็ยงั ได้ บ้านเราโจรผูร้ า้ ยมีทไี่ หน มีแต่เพื่อนบ้านกันทุกหลังคาเรือน เงินที่ลูกอุตส่าห์ส่งมา แม่เก็บไว้ครบทุกบาท ลูกเอาไปสร้างบ้านล้อมก�ำแพงอยู่ ในกรุงเทพเถอะ ที่นั่นต่างหากสมควรก่อก�ำแพง” ประโยคท้ายๆ คล้ายแม่พูดไปกลืนก้อนอะไรสัก อย่างไว้ในล�ำคอ พระบางเห็นเช่นนั้นจึงไม่คะยั้นคะยอ เพื่อขอให้แม่กับพ่อก่อก�ำแพงคอนกรีตล้อมเรือนไทย เพราะในใจพระบางคิดหาวิธีอื่นได้แล้ว ไม่วา่ จะอย่างไรพระบางมัน่ ใจว่าในทีส่ ดุ เรือนไทย ต้องถูกก�ำแพงคอนกรีตปิดล้อมไว้แน่ บัญชา อ่อนดี
177
“คิดอะไรอยู่คะพี่” พระบางรูส้ กึ ว่ามืออันนุม่ นวลข้างหนึง่ จับแขนของ เขาเบาๆ ขณะกล่าวถาม “ชอบสองข้างทางสวยดี” ตอบ พร้อมกับชะลอความเร็วของรถทีต่ วั เองขับ หันมามองหน้า หญิงสาวที่ยิ้มรออยู่แล้ว “นึกว่าพี่ก�ำลังคิดว่าบ้านสาวอยู่ไกลจัง” หญิงสาว ทีน่ งั่ อยูข่ า้ งๆ ผูม้ ลี กั ยิม้ ข้างเดียวบนแก้มด้านขวาเอียงหน้า มาหอมแก้มพระบาง “สาวว่าถ้าพีเ่ ห็นหมูบ่ า้ นของสาวต้องชอบยิง่ กว่านี้ เพราะยังเป็นธรรมชาติอยู่เลย ยิ่งผ้าทอนี่สวยอย่าบอก ใคร” “อุทยั ธานีมผี า้ ทอด้วยหรือ” พระบางละมือข้างซ้าย จากพวงมาลัยรถมาลูบตรงปอยผมหญิงสาว “มีสิคะ เอาไว้ให้ถึงบ้านก่อนแล้วจะเอาออกมา อวด ผ้าทอผืนใหญ่สมัยโบราณ เอาไว้...” หญิงสาวแก้ม แดงระเรื่อ รอให้พดู ต่อแต่เธอยังเงียบ พระบางจึงถามว่า “เอา ไว้ท�ำอะไร ดูสิ หน้าแดงเป็นก้นลิงเลย” พูดจบพระบาง ทิม่ นิว้ ชีไ้ ปตรงลักยิม้ ข้างเดียวทีม่ ไี ฝเม็ดเล็กๆ ซ่อนอยูต่ รง กลาง หญิงสาวเอียงหน้ามากระซิบ “เอาไว้คลุมเตียง วันเราแต่งงาน” แม้จะคบหาฉันคนรักกันไม่นาน แต่ทั้งพระบาง 178
พระบางเมือบ้าน
และภูสาวที่เป็นนักข่าวรุ่นน้องซึ่งท�ำงานหนังสือพิมพ์ เดียวกัน ต่างสัญญาว่าในอนาคตข้างหน้าอย่างช้าไม่เกิน สองปีเขาทัง้ คูจ่ ะเข้าพิธวี วิ าห์แล้วใช้ชวี ติ อยูด่ ว้ ยกันในบ้าน ทรงยุโรปซึ่งตอนนี้ให้พรรคพวกคนหนึ่งที่เรียนจบมาทาง ด้านสถาปัตยกรรมเริ่มลงมือออกแบบไปบ้างแล้ว “อีกสิบเอ็ดกิโลเมตร” พระบางเอ่ยออกมาหลังเห็น ป้ายเขียนบอกไว้ “แม่นแล้ว อีกสิบเอ็ดกิโลเมตรถึงบ้านไร่ แต่ถา้ คุณ พี่นิรุตของดิฉันกลับใจจะยูเทิร์นก็อีกครึ่งกิโลเมตรข้าง หน้า อย่าลังเลใจนะคร้าบ ตอนนี้ยังกลับตัวทันอยู่” หญิง สาวปรายตามองหน้าพระบาง ตบไหล่หยอกล้อเขาด้วย ความเคยชิน เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ไม่ถึงสัปดาห์ พระบาง เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นนิรุต หากทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต สามารถสลัดพ้นจากตัวตนแต่ดั้งเดิมเขาไม่รั้งรอต่อการ ปรับเปลี่ยนเด็ดขาด เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันไม่มีใครรู้จัก พระบาง ทุกคนรูแ้ ต่นริ ตุ ซึง่ ไม่ชอบพูดคุยหรือสุงสิงกับใคร เช่นเดียวกับในส�ำนักงานหนังสือพิมพ์ไม่มีใครล่วงรู้มา ก่อนเลยว่าก่อนหน้านี้นิรุตมีชื่อประหลาดหูว่าพระบาง นอกจากณรงค์ชัย เพื่อนเก่าสมัยเรียนหนังสือ ตัง้ แต่ชนั้ ประถมจนจบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 พระบางแทบ ไม่เคยติดต่อกับใคร ยกเว้นอรัญญาที่เคยเขียนจดหมาย บัญชา อ่อนดี
179
และส่งส.ค.ส.มาให้ที่เรือนไทยโดยแม่เก็บไว้ให้ ก่อนจะ เงียบหายไปเมือ่ เขาไม่ยอมสือ่ สารในทางหนึง่ ทางใดกลับ ไปบ้างเลย พ่อ แม่ อาสมสนุก น้าดวงเดือน ไม่มีใครรู้ว่า พระบางเปลีย่ นชือ่ ใหม่เป็นนิรตุ ยิง่ ภูสาวทีเ่ ขาจะใช้ชวี ติ คู่ อยู่ร่วม ไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องเก็บง�ำเป็นความลับอย่าง ถึงที่สุดให้จงได้ ภูสาวดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเขาโดยแท้ แรกพบ เห็นกันในส�ำนักงาน พระบางเก็บเอาลักยิ้มข้างเดียวที่มี ไฝเม็ดเล็กๆ ซ่อนอยู่ตรงกลางไปนอนฝันถึงคนึงหากว่า หนึง่ สัปดาห์กอ่ นจะตัดสินใจเข้าไปชวนสนทนาด้วย ปกติ พอพระบางท�ำข่าวในหน้าที่รับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยก็ มักกลับไปนั่งจิบเบียร์ในห้องเช่าพร้อมกับเกากีตาร์ขับ กล่อมตัวเองไปจนกว่าถึงเวลาต้องเข้านอน ตอนเขาเดินเข้าไปท�ำทีวา่ มีประเด็นข่าวด่วนอยาก หารือ ภูสาวยังไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงนักข่าวรุ่นพี่คนที่แต่ง ตัวด้วยเสือ้ ผ้าราคาแพงเป็นประจ�ำสม�ำ่ เสมออยากจะชวน เธอพูดคุยด้วย ครั้นพอวันต่อๆ มา บังเอิญสบตาซึ่ง กันและกัน ม่านกั้นใจจึงถูกเผยออกให้เห็นโดยเด่นชัด ที่ส�ำคัญภูสาวไม่ได้แสดงท่าทีหรือพูดอ้อมๆ เพื่อบอก ปัดในสิ่งที่เขาฉายชัดอยู่ในดวงตาเวลาสบกันเลย อาจเป็นเพราะภูสาวเคยเป็นนักเรียน AFS ไปเรียน หนังสือประเทศฝรั่งเศส ประกอบกับมีอายุน้อยกว่าเขา 180
พระบางเมือบ้าน
ราว 12 ปี ท�ำให้เป็นผู้หญิงกล้าคิด กล้าแย้ง ไม่เขินอาย เวลาแสดงออก นอกจากนัน้ เวลาอยูก่ นั สองต่อสองเธอจะ พูดคุยกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนสนิท ช่างแกล้ง ช่างยั่วให้ เขาหัวเราะอย่างเมื่อครู่ ภูสาวกล่าวค�ำว่าแม่นแล้วและ ลากเสียงยาวตรงค�ำว่าครับออกมา หลายสิ่งหลายอย่าง ท�ำให้เขาไม่รู้สึกพะวงจนกระทั่งกลายเป็นไม่กล้าเหมือน ในยามต้องพูดคุยสนทนากับคนอื่นๆ “แล้วอุตรดิตถ์ไกลไหม ไกลสิท่า อยู่ตั้งอีสานพู้น” “บ้า” พระบางตาเขียว แต่วูบเดียวก็ยิ้มเจื่อนๆ โยกคอช้าๆ “เออ ท�ำไมมีแต่คนชอบคิดว่าอุตรดิตถ์อยู่ ภาคอีสานจังเลยนะ” “อ๋อ” ภูสาวดีดนิว้ ตัวเอง “อยูภ่ าคเหนือตอนล่าง...” พระบางสวนแทรกขึ้ นว่ า “อยู ่ โ ซนเดี ยวกั น กั บ อุทัยธานีนั่นแหละ กีฬาก็อยู่เขต 6 เหมือน...” ภูสาวเอามือซ้ายมาปิดปากเขาไว้ ไม่ยอมให้พดู ต่อ “รู้แล้ว แกล้งเย้าเล่น เออ เมื่อไรพี่จะกลับบ้าน สาวอยาก ไปด้วย” เธอเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน พระบางเกือบจะพลั้งปากบอกความจริงไปว่าเขา ไม่กลับไปเยี่ยมหาพ่อแม่มาเป็นเวลาเกือบสามปีแล้ว ที่ ท�ำคือเขียนจดหมายบ้าง แต่นานครัง้ จึงส่งไปสักฉบับด้วย ประโยคสั้ น ๆ ต่ อ เมื่ อ สั ป ดาห์ ก ่ อ นภู ส าวไปท� ำ ข่ า วที่ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พ่อของ เขาเข้ามาหาถึงส�ำนักงานหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพฯ และ บัญชา อ่อนดี
181
บอกก่อนกลับว่าก�ำแพงคอนกรีตสูงทะมึนที่เขาอยากให้ สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ว่าจะกลับสิ้นเดือนนี้ ไปด้วยกันนะ” ภูสาวไม่ตอบ ชี้มือซ้ายไปข้างหน้า “เห็นมะพร้าว สูงๆ ต้นนั้นมั้ย นั่นแหละเลี้ยวตรงแยกนั้นแล้วขับเข้าไป จอดตรงสนามหญ้าได้เลย ถึงแล้วบ้านไร่” บนลานหญ้าขนาดใหญ่คลาคล�่ำไปด้วยผู้คนที่มา ร่วมงานแต่งพี่ชายของภูสาว หลายคนจับกลุ่มร้องร�ำท�ำ เพลงกันอย่างสนุกสนาน พอเห็นรถเก๋งเลี้ยวมาจอดตรง หน้าบ้านหญิงวัยกลางคนผละออกจากกลุ่มตรงมาหา ภูสาวด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “แม่ของสาว” พระบางยังไม่ยอมก้าวออกจากรถตามหญิงสาวลง ไป สายตาของเขาจับจ้องมองผ้าซิ่นที่แม่ของหญิงคนรัก นุ่งใส่ ภูสาวเห็นว่าพระบางยังไม่ยอมตามไปจึงหันหลัง กลับมาเปิดประตูรถด้านที่เขานั่ง พระบางหน้าซีด เหงือ่ ซึมมือทัง้ สองข้าง หัวใจหดหู่ แห้งเหี่ยว เหลียวหลังไปมองทางที่ทอดกลับสู่กรุงเทพฯ สองหูของเขาได้ยินภูสาวกับแม่ของเธอทักทาย ไต่ถามกันด้วยภาษาถิ่นอย่างชัดเจน
182
พระบางเมือบ้าน
25.
พลบค�่ำนั้นเป็นวันพระใหญ่ พระบางยังคงจ�ำได้ และจารึกไว้ในห้วงใจไปจนกว่าจะล่วงสู่สัมปรายภพ พระบางจ�ำเป็นต้องกลับมาร่วมงานศพน้าทอง จันทร์ ความจริงเขาไม่อยากกลับบ้านหากไม่มีกิจธุระ ส�ำคัญอันไม่สามารถปฏิเสธได้ ยังดีที่เรือนไทยมีก�ำแพง คอนกรีตสูงทะมึนตัง้ บังไว้ ท�ำให้อนุ่ ใจว่าใครบางคนทีเ่ ขา ไม่อยากพบเจอจะผ่านทางมาเห็น พ่อกับแม่พากันไปร่วมงานศพที่บ้านของน้าทอง จันทร์ แม้ทงั้ สองจะคะยัน้ คะยอให้ไปด้วย แต่พระบางอ้าง ว่ามีงานค้างจากกรุงเทพฯ ต้องเร่งท�ำต่อ ขอไปวันเผาศพ ที่วัดพร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูกน่าจะเหมาะควรกว่า บัญชา อ่อนดี
183
หลังพ่อกับแม่เดินเคียงกันพ้นซุ้มการเวกไปแล้ว พระบางเก็บตัวเงียบอยู่ในเรือนไทย เขาแทบไม่ออกจาก ห้องใต้ซึ่งเป็นห้องนอนของตัวเองไปไหน ยกเว้นจ�ำเป็น ต้องเข้าห้องน�้ำ พระบางก�ำลังจะเดินกลับเข้าไปซุกตัวอ่านหนังสือ อยู่ในห้องใต้ เขาได้ยินเสียงหนึ่งเบาๆ ตรงหน้าบันได ถึงจะแน่ใจว่าเป็นเสียงของคนแต่ยังไม่รู้ว่าผู้มาคือใคร ถึงอย่างไรคงไม่น่าจะใช่พ่อหรือแม่อย่างแน่นอน เสี ย งฝี เ ท้ า แม้ จ ะแผ่ ว เบาขณะย�่ ำ เหยี ย บลงบน พื้นดิน แต่จากที่ได้ยินต้องไม่ใช่โจรผู้ร้าย เพราะหากคน ไม่คุ้นเคยกับเรือนไทยคงไม่ก้าวพรวดพราดมาจนเกือบ จะถึงบันไดอย่างนี้ ขณะชะเง้อหน้าไปมองข้างล่าง พระบางต้องสะดุง้ สุดตัว หัวใจแตกตื่นยืนตรึงอยู่กับที่ “อุ๊ย! พี่พระบาง” หญิงสะคราญผู้ยืนตระหง่านอยู่ เบือ้ งหน้าเขากล่าวเรียกด้วยสุม้ เสียงเหมือนไม่เชือ่ สายตา ตัวเอง ไม่พบหน้าค่าตากันมานานนับสามสิบปี เย็นย�ำ่ ค�ำ่ คล้อยของวันนีผ้ ยู้ นื ท�ำหน้าฉงนระคนแววตาประหลาดใจ ยังคงสวมใส่ผ้าซิ่นและเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวทอมือเหมือนใน อดีต แม้บางครั้งพระบางอาจกระหวัดคิดถึงเธอในยาม อยู่กรุงเทพฯ หากแต่เป็นความคิดชิงชังรังเกียจมากกว่า คิดถึงคนึงหา 184
พระบางเมือบ้าน
พระบางเพียงสบตาดวงจ�ำปาแวบเดียว จากนั้น หันหลังดั่งหนึ่งจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน จู่ๆ กลับได้ ยินเสียงจากข้างหลังดังโดยที่ไม่อยากได้ยินได้ฟังขึ้นว่า “หนูมาเก็บมะพร้าวที่พ่อปลูกฝากลุงกับป้าไว้ จะท�ำขนม ถวายพระพรุ่งนี้ที่บ้านน้าทองจันทร์ พี่พระบางกลับมา ตั้งแต่เมื่อไร ไม่แวะไปเรือนแพบ้างเล่าจ๊ะ” ทุกถ้อยค�ำน�ำ้ เสียงดวงจ�ำปายังคงเอ่ยออกมาด้วย ภาษาถิน่ พระบางผินหน้าไปหา จ้องตาราวกับจะเผาดวง จ�ำปาให้เป็นจุลในเสีย้ วกึง่ หายใจเดียว แทนทีด่ วงจ�ำปาจะ แสดงท่าทีผวาเพราะหวาดกลัว เธอกลับเอ่ยอีกว่า “พ่อ กับแม่บน่ หา ถามหนูอยูบ่ อ่ ยๆ ว่าพีเ่ ขียนจดหมายมาบ้าง หรือเปล่า แม่พดู เรือ่ ยว่าพีล่ มื บ้านเราเสียแล้วกระมัง อ้อ...” เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ดวงจ�ำปาทาบฝ่ามือลง กับอกซ้ายของตัวเอง จากนั้นถามว่า “พี่พระบางกินข้าว แล้วหรือยัง หนูแกงบวนอร่อยมากนะ ขนาดป้ายังเอ่ย ปากชม เดีย๋ วหนูกลับไปตักใส่ปน่ิ โตจากเรือนแพเอามาให้ ลองชิมหน่อยนะจ๊ะ” ในความเงียบงัน พระบางยืนกอดอก จ้องตาดวง จ�ำปาไม่กะพริบ คราวนี้เธอเองก็เงียบกริบ เริ่มหน้าตา เหรอหรา “เป็นอะไรหรือจ๊ะ ขอโทษ หนูเพียงแต่ดีใจที่ เห็นพี่พระบางเมือบ้าน เท่า...เอ่อ...เท่า...นั้นจริงๆ จ้ะ” “อายุเท่าไรแล้ว ข่าวว่าท�ำงานอ�ำเภอไม่ใช่หรือ” ดวงจ�ำปายิ้มเจื่อน ทว่าลึกๆ รู้สึกดีใจที่พระบาง บัญชา อ่อนดี
185
ยังคงรู้อยู่บ้างว่าเธอท�ำงานที่ไหน “สี่สิบกว่าแล้วจ้ะพี่ ใช่ จ ้ ะ หนู ท� ำ งานอ� ำ เภอตั้ ง แต่ เ รี ย นจบมหาวิ ท ยาลั ย เชียงใหม่ เสียดายพี่ไม่ยอมไปเรียน ไม่งั้นเราก็จบสถาบัน เดียวกันอีกจนได้” พระบางไม่สนใจว่าตลอดเวลาทีเ่ รียนหนังสือ ดวงจ�ำปาจะตามหลังไปเรียนที่เดียวกับเขาในทุกหนทุกแห่ง จนจบปริญญาตรี ที่เขาสนใจกลับเป็น “อายุปูนนี้ ท�ำงาน บนอ�ำเภอ ยังพูดแบบนี้อยู่อีก อายคนอื่นเขาบ้างสิ” “พี่พระบางก็เหมือนเดิม หนูไม่รู้ว่าท�ำไมต้องอาย คนอื่นด้วย บ้านเราเขาพูดกันแบบนี้ทั้งนั้น เว้นแต่พี่ที่...” ดวงจ�ำปาพูดเบาๆ แต่เขาได้ยินชัดถนัดหู แล้ว อยู่ๆ ดวงจ�ำปาก็เห็นพระบางตัวสั่นเทิ้ม เริ่มขยับเท้า เข้าหาเธอด้วยความขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของอาสมสนุกกับน้าดวงเดือนที่ เคารพนับถือราวกับเป็นพ่อแม่คนที่สองของเขา พระบาง อยากจะโถมตัวเข้าไปบีบคอให้ดวงจ�ำปาสลบไสลหรือตาย ดับลงไปภายใต้สองมือของตัวเอง นับว่ายังโชคดีเธอมี พ่อกับแม่เป็นเกราะก�ำบัง ทว่าถึงอย่างไรพระบางก็ยัง เก็บกลั้นอารมณ์เกรี้ยวโกรธไว้ไม่ได้ ฉะนั้นเขาจึงคล้าย คนควบคุมกุมสติตัวเองไม่อยู่ พุ่งดิ่งตรงไปยังดวงจ�ำปาที่ ยืนก้มหน้าเหมือนไม่รู้วิธีหนี ก�ำลังจะปรี่เข้าไปถึงตัว หัวใจของพระบางกลับ แตกตื่นยืนงง ทอดสายตาด้วยความสับสนสงสัย แทนที่ 186
พระบางเมือบ้าน
ดวงจ�ำปาจะเตลิดหนีไปแล้วตะโกนด่าทอ กระทั่งรีบฉวย ข้าวของเท่าที่จะหาได้ขว้างปาใส่เขาที่ถลาเข้าใส่หมาย ปองร้าย หรือถึงขั้นคิดท�ำมิดีมิร้าย เธอกลับไม่ท�ำอะไร นอกจากยืนก้มหน้า ในความงงงัน พระบางบังเกิดค�ำถามกับตัวเอง สั้นๆ “...นี่เราก�ำลังจะท�ำอะไรลงไป..” จันทร์จ�ำรัสฟ้าพร่าเลือนและเหมือนจะด�ำมืดลง เรื่ อ ยๆ พระบางเงยหน้ า ขึ้ น ไปมองเห็ น หมู ่ เ มฆก� ำ ลั ง เคลื่อนริ้วผ่าน ด้านดวงจ�ำปายังคงก้มหน้านิ่ง ไม่ไหวติง ทัง้ ๆ ทีพ่ ระบางวางมือข้างซ้ายบนไหล่ของเธอ “พีข่ อโทษ” ตอนนีก้ ลับเป็นเขาทีก่ ม้ หน้า ไม่อยากเห็นหยาดน�ำ้ ตาของ ผู้หญิงที่ไม่เคยถือโทษโกรธเขาแม้แค่ครั้งเดียวในชั่วชีวิต ตัวเองสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา “ท�ำไมไม่หนีไปเสียล่ะ” “จะหนีไปไหน ถึงอย่างไรหนูก็รอพี่” ดวงจ�ำปา ช้อนตาขึ้นมามองเขาก่อนหลุบตาลงกับพื้น “เมื่อเริ่มโต เป็นสาว พี่เป็นผู้ชายคนเดียวที่ถูกเนื้อต้องตัวหนู แม่กับ ป้าสอนนักหนา ผู้ชายคนไหนแตะเนื้อต้องตัวเราคนแรก ถ้าเขาไม่ใช่โจรผู้ร้าย จะยากดีมีจนก็ควรใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน เพราะไม่อย่างนัน้ ลูกผูห้ ญิงจะปล่อยเนือ้ ปล่อยตัวไปเรือ่ ยๆ แต่...” หยุดเอ่ยแล้วเงยหน้าจ้องตาเขา “สุดแท้แต่พนี่ ะจ๊ะ” เมฆเคลือ่ นม่านผ่านไปแล้ว จันทร์ทอแสงกระจ่าง ฟ้ายิ่งกว่าเดิม บัญชา อ่อนดี
187
188
พระบางเมือบ้าน
26.
(ปิดเรือน)
แสงจากตะเกียงลานยิ่งเสมือนท� ำให้เรือนไทย ในความรู้สึกของพระบางกระจ่างชัดถึงเหตุการณ์และ เรื่องราวหลากหลายในอดีต คนบางคนที่เขาคิดว่าชาตินี้ ไม่มีทางลืมเลือนได้ ทุกวันนี้แม้จะจดจ�ำฝังใจแต่ความ รู้สึกนึกคิดกลับแตกต่างจากวันก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง คนบางคนเสียอีกซึ่งเขาคิดว่ากระทั่งหน้ายังไม่ อยากมอง กลับมีชีวิตคู่อยู่ร่วม หลอมรวมความรักซึ่งกัน และกันจนกลายเป็นความศรัทธาเชื่อถือที่อวลอายราย รอบอยู่ทั้งที่เรือนไทยและเรือนแพ แรกทีเดียวพระบางตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯ หลัง หย่อนธูปใส่ในโลงศพน้าทองจันทร์ แต่ระหว่างนัง่ พนมมือ ฟังพระเทศน์กลับพบในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมองเห็น หรือ บัญชา อ่อนดี
189
รู้สึกมาก่อน ดวงจ�ำปานั่งฟังพระเทศน์บนศาลาเช่นเดียวกับ เขา เพียงแต่เธออยูฝ่ ง่ั ตรงข้าม ตลอดเวลาทีเ่ คลือ่ นศพน้า ทองจันทร์จากบ้านมาบนศาลาการเปรียญเพื่อรอพิธีเผา ดวงจ�ำปาแทบไม่เคยนัง่ นิง่ อยูก่ บั ที่ เดีย๋ วกุลกี จุ อไปต้อนรับ แขกจากต่างบ้าน จากนัน้ รีบเดินไปยกน�ำ้ เหยาะน�ำ้ ยาอุทยั สีแดงจางๆ มาเสิร์ฟ เขารู้สึกขัดตาขัดใจในตอนต้น จน ต่อเมื่อเห็นใครต่อใครมองตามหลังดวงจ�ำปาด้วยแววตา ชื่ น ชม จึ ง เริ่ ม ลอบสั ง เกตผู ้ ที่ ถู ก เพื่ อ นบ้ า นล้ อ เล่ นว่ า เป็นลูกอิจฉาด้วยสายตาและความรู้สึกนึกคิดที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป ดวงจ�ำปาอายุสี่สิบเศษแต่ดูอ่อนวัยกว่าความเป็น จริงทั้งรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณ เหลียวมองคราวไหน ก็ไม่เห็นเธอแสดงจริตจะก้านจนเกินควร ไม่เขียนหน้าทา เล็บ สร้อยทอง ก�ำไลข้อมือ แหวนหรือเครื่องประดับ หรูหรา กระทั่งนาฬิกายังไม่ผูก เพียงสวมผ้าซิ่นกับใส่ เสื้อผ้าฝ้ายทอมือสีด�ำปักเลื่อมที่ในยามย่างเดินพระบาง ต้องแอบมองตามด้วยความรู้สึกไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์ ตาคู่นั้นยังคงกลมแป๋ว ดวงหน้าแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจทุกครั้ง ที่พยายามเลียบเคียงเข้ามาพูดคุยกับเขารวมทั้งคนอื่นๆ พระบางเพิ่งรู้ว่าเมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่นาน ดวงจ�ำปาสามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการท�ำงานศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ แต่เธอตัดสินใจเลือกกลับมาเป็น 190
พระบางเมือบ้าน
ลูกจ้างอยู่ยังอ�ำเภอบ้านเกิดก่อนจะสอบบรรจุอีกครั้ง ผ่านเข้ารับราชการมาจนเท่าถึงทุกวันนี้ ดวงจ�ำปามีโอกาสปลดโซ่ตรวนอันเป็นพันธนาการ ชีวติ แต่ดงั้ เดิมของตัวเองซึง่ แม้กระทัง่ ท�ำเรือ่ งขอย้าย หรือ สอบใหม่ไปบรรจุเป็นข้าราชการอยู่กรุงเทพฯ รวมทั้ง เริ่มสร้างชีวิตกับครอบครัวที่สมบูรณ์หรูหราอย่างที่เขา พยายามท�ำมาเกือบสามสิบปีและก�ำลังจะประสบผล ส�ำเร็จ ...แต่ด้วยพลังหรือความคิดแบบไหน ดวงจ�ำปา จึงยังคงอยู่ในวิถีเดิม... “จะหนีไปไหน ถึงอย่างไรหนูก็รอพี่...” พระบาง นึกถึงถ้อยค�ำเด็ดเดี่ยวซื่อใส ไม่วายครุ่นค�ำนึงถึงเหตุผล ที่เธออธิบายให้ฟังอย่างไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันยังมีผู้หญิง คนหนึ่งคิดและเชื่อมั่นแบบนี้จริงๆ หลังจากถูกเนื้อต้อง ตัวกันในคืนที่เขาโถมตัวเข้าไปหมายท�ำร้ายเธอ นอกจากแม่ น้ า ดวงเดื อ น และญาติ ส นิ ท บาง คน ความจริงภูสาวนับเป็น ผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งดีต่อเขา ยิ่งนัก เป็นเขาเองซึ่งพอหลังกลับจากบ้านไร่อุทัยธานี แล้วพยายามหลีกลี้หนีหน้า จะพูดคุยสนทนาล้วนเป็น เรื่องงานข่าวทั้งสิ้น สุดท้ายภูสาวลาออกไปท�ำงานอยู่กับ หนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ ไม่ชา้ ก็แต่งงานกับช่างภาพนิตยสาร ชื่อดัง พระบางเผลอมองดวงจ�ำปา เห็นว่าเธอเองทอด บัญชา อ่อนดี
191
สายตามายังเขาอยู่ก่อนแล้ว ดวงจ�ำปารีบก้มหน้า แต่ คราวนี้พระบางกลับจับจ้องมองเธอด้วยเวลายาวนาน ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นเป็นต้นมา แม่ เ ล่ า ให้ พ ระบางฟั ง ในวั น แรกที่ เ ดิ น ทางจาก กรุงเทพฯ มาร่วมงานศพน้าทองจันทร์ว่าทั้งพ่อและแม่ ตัดสินใจจะขายเรือนไทยให้กับชายหญิงจากเมืองแพร่ ที่ เ พี ย รมาติ ด ต่ อ ขอซื้ อ เพราะไหนๆ เรื อ นไทยก็ ถู ก ก�ำแพงคอนกรีตสูงทะมึนล้อมรอบ จนไม่เหลือภูมิทัศน์ บรรยากาศดั้งเดิมตั้งแต่เมื่อครั้งปู่ย่า ประกอบกับขาเอง พยายามแสดงออกบอกให้รู้เป็นนัยเสมอมาว่าไม่ชมชอบ เรือนไทยและจะปลูกบ้านหลังใหม่ด้วยปูนซีเมนต์ล้วน ดวงจ�ำปากลับเป็นคนเว้าวอนอ้อนขอไม่ให้ขาย “หากลุงกับป้าขายเรือนไทย จะต่างอะไรกับขาย ชีวิตจิตวิญญาณ พี่พระบางเกิดที่นี่ ถึงอย่างไรก็ต้องมี ส�ำนึกความรักความผูกพันฝังลึกอยู่ในสายเลือด ถ้าขาย ไปจริง วันหนึ่งพี่พระบางจะไม่หลงเหลืออะไรให้ชื่นชม ศรัทธาเลย เชื่อหนูเถอะ” ดวงจ�ำปากอดป้าซึ่งคือแม่ของ เขา จากรั้วก�ำแพงที่เคยมีสีเทาเปล่าโล่ง ดวงจ�ำปา ลงทุนซื้อสีมาลงมือวาดรูปภาพวิถีชีวิตซึ่งเป็นประเพณี และวัฒนธรรมพื้นถิ่นลงบนผนังก�ำแพงด้านหน้า แม้ต้อง ใช้เวลานานเป็นปีแต่เธอก็เจียดเวลาว่างมาวาดจนแล้ว เสร็จ 192
พระบางเมือบ้าน
พระบางตัง้ ค�ำถามกับตัวเองถึงเรือ่ งของดวงจ�ำปา ไม่วายต้องคิดย้อนกลับมาถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ...เริม่ เป็นนักข่าวใหม่ๆ เขาท�ำงานด้วยความรักและ เพลิดเพลิน ยิ่งต้องเดินทางไปท�ำข่าวตามภาคต่างๆ ยิ่ง รู้สึกสนุกสนานถึงขั้นคิดว่าทั้งชีวิตและงานคือน�ำ้ หนึ่งอัน เดียวกัน ด้วยวัยหนุ่มเขาทุ่มเทให้กับงานและการตระเวน เทีย่ วทัง้ ในเมืองกรุงและต่างจังหวัด ทัง้ สองเรือ่ งอย่างน้อย สามารถท�ำให้เขาพอจะทุเลาอาการบาดเจ็บในหัวใจที่ ลีลาวดีกรีดฝากไว้ได้ชะงัดมากพอสมควร นานๆ ครั้งเขา จะหวนค�ำนึงถึงบ้าน ครั้นพอนึกถึงคืนและค�ำที่ลีลาวดี พูดใส่หน้าครั้งใดเขายิ่งพาตัวเองเตลิดไกลจากบ้านเกิด เรื่อยๆ ผ่านการท�ำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์มาห้าปีเศษ พระบางสังเกตเห็นคนอื่นๆ ในส�ำนักงานเดียวกันเริ่มซื้อ รถ ซื้อบ้าน ส่วนเขายังเช่าห้องเล็กๆ อยู่ จากนั้นเป็นต้น มาเขาจึงหยุดเทีย่ วแล้วขวนขวายหาเงินเท่าทีจ่ ะท�ำได้ ทัง้ ไปสอนกีตาร์ในโรงเรียนดนตรีซงึ่ อยูไ่ ม่ไกลจากส�ำนักงาน หนังสือพิมพ์ ทั้งลงมือเขียนสารคดีลองส่งนิตยสาร 2-3 เล่มจนถึงกับได้เป็นนักเขียนประจ�ำโดยปริยาย มานะ ท�ำงานจนผ่านไปเกือบสองปี ตัวเลขในบัญชีธนาคารไม่ได้ เพิม่ มากขึน้ สักเท่าไร เนือ่ งจากเขามักน�ำเงินทีห่ ามาได้ไป ซือ้ เสือ้ ผ้ายีห่ อ้ ดังใส่จนห้องเช่ากองพะเนินไปด้วยอาภรณ์ ประดับกายที่ส่งมาขายจากอเมริกาและยุโรป บัญชา อ่อนดี
193
พระบางยังอยากไปชุบตัวเองอยู่ต่างประเทศ โดย เฉพาะที่สหรัฐอเมริกา เขาคิดว่าถ้าได้ไปใช้ชีวิตบั้นปลาย ในชนบทของดินแดนแห่งนั้นได้ ใครต่อใครที่รู้จักเขา โดยเฉพาะลีลาวดีต้องอิจฉาอย่างแน่นอน เขาชอบดินแดนสงบเงียบ เทือกเขา ป่าไม้ สายน�้ำ ล�ำธารและชีวิตในชนบทของชาวอเมริกันในภาพยนตร์ หลายต่อหลายเรื่องที่เคยดู เขาชอบถ้วย ชาม ช้อน จาน เชิงเทียน ตู้ไม้ รูปทรงบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ... ต่อเมื่อลอบสังเกตมองดวงจ�ำปา เขาฉุกคิดขึ้นมา ว่าเกือบทุกสิ่งทุกอย่างที่เรือนไทยของเขาและแผ่นดิน ถิ่นเกิดของเขาก็ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะ เหนือยิง่ สิง่ ใดไม่วา่ สหรัฐอเมริกา กรุงเทพมหานคร หรือที่ไหนๆ จะหาหญิงสาวคนใดเหมือนผู้ที่เขาเฝ้าทอด สายตามองอยู่เบื้องหน้าอยู่ในขณะนี้... พระบางชะแง้หน้าไปมองตรงซุ้มการเวก เงาร่าง ของคนทีเ่ ขาเฝ้ารอคอยค่อยๆ เดินผ่านดวงจ�ำปาต้นใหญ่ ผ้าซิน่ ทีเ่ ธอสวมใส่ปกั ไว้ดว้ ยเลือ่ มลายโบราณอันท�ำให้เขา ต้องทอดสายตามองด้วยความชืน่ ชม ลมเหนือพัดพาชาย เสือ้ ผ้าฝ้ายสีด�ำจนท�ำให้ดวงจ�ำปาต้องรีบคว้าไว้ เธอยังคง เอียงอายราวกับไม่ใช่ภรรยาของเขา พอก้าวพ้นบันได ขั้นสุดท้ายดวงจ�ำปายิ้มอ่อนโยนให้ ในขณะที่พระบาง กางแขนเข้ากอด “พีล่ มื เก็บผ้าห่ม” ดวงจ�ำปาเห็นผ้านวมตากอยูบ่ น 194
พระบางเมือบ้าน
ราวผ้าข้างเรือนไทย “อืม ใช่ เสียดายแดด เมื่อกลางวันแดดจัดเลย เอาไปตากไว้ เปียกฝนตอนเย็นยังไม่แห้งแน่เลย ลืมเก็บ จริงๆ” “คนเยอะมาก เดี๋ยวขอล้างหน้าก่อน ผู้เฒ่าผู้แก่ บอกไว้ กลับจากงานศพถึงบ้านต้องล้างหน้าทันที” ตอนบ่ายของวันนี้ดวงจ�ำปาพยายามจะพาพระบางไปงานศพในตลาดให้ได้ เขาถึงอยากจะไปร่วมงาน แค่ไหน แต่สุดท้ายต้องปฏิเสธโดยอ้างเหตุผลว่าต้องอยู่ ดูแลช่างพื้นบ้านสี่ซ้าห้าคนที่ช่วยกันเร่งรื้อก�ำแพงและ ลูกกรงเหล็กดัด ตอนพระบางบอกจะทุบก�ำแพงออก ดวงจ�ำปา แกล้งสัพยอกว่าไม่เสียดายภาพซึ่งเธออุตส่าห์วาดไว้หรือ ค�ำตอบที่ได้รับคือ “ดูภาพชีวิตจริงดีกว่า” ส่วนงานศพคนในตลาดที่ดวงจ�ำปาเพิ่งกลับจาก การไปร่วมพิธีเผามาและบอกว่าคนเยอะนั้นเป็นงานศพ ของเจ๊นาง หลังจากน้าทองจันทร์ตายได้ไม่ถึงปี แม่ของพระบางเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ แต่กลับเป็นพ่อของเขาที่ จู่ๆ นอนหลับและสิ้นลมหายใจชนิดแทบไม่มีใครเชื่อ กระนั้นหลายคนก็บอกว่าพ่อมีบุญที่จากโลกนี้ไปอย่าง สงบ แม่ของเขาตามพ่อไปในอีก 4 เดือนต่อมา ในวัน ท�ำบุญครบ 7 วันให้แม่ พระบางจึงรับรู้ความจริงจาก บัญชา อ่อนดี
195
ปากของดวงจ�ำปาเกี่ยวกับชีวิตบางฉากช่วงของเจ๊นาง “พ่อกับแม่เล่าให้หนูฟงั หลังจากพีป่ รีชาแต่งงานกับ พีล่ ลี าวดีวา่ ความจริงเจ๊นางเป็นญาติหา่ งๆ กับพีพ่ ระบาง เพราะเจ๊นางเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อพระครู เจ๊นาง ก�ำพร้าทัง้ พ่อและแม่ตงั้ แต่เด็กๆ หลวงพ่อพระครูจงึ ให้นา้ ทองจันทร์ชว่ ยดูแลแทนท่านจนโตเป็นสาว ความทีเ่ จ๊นาง เป็นคนสวย หนุ่มในหมู่บ้านเดียวกันพยายามตามตื๊อ แต่ เจ๊นางกลับเลือกตัดสินใจหอบผ้าหนีตามโกซังทีพ่ อ่ ของแก หรือปูข่ องพีล่ ลี าวดีเป็นเจ้าของท่าเรือข้ามฟากไปใช้ชวี ติ คู่ อยู่กินกันในตลาด หลวงพ่อพระครูโกรธมากที่หลานสาว ของท่านท�ำแบบนั้น ถึงกับอาพาธแล้วมรณภาพในอีก ไม่นานต่อมา ฝ่ายเจ๊นางก็ไม่ยอมกลับหมูบ่ า้ นเราอีกเลย” ส�ำหรับเรือ่ งราวของลีลาวดีกบั ปรีชา กว่าพระบาง จะรู ้ ข ่ า วว่ า ทั้ ง คู ่ รั ก กั น ก็ จ นเขาเกื อ บขึ้ น รถไฟไปเรี ย น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตามที่สอบเอนทรานซ์ได้ คนบอก เรื่องสะท้านใจคือณรงค์ชัยนั่นเอง เมือ่ รับรูค้ วามจริงว่าปรีชาตัดสินใจไม่เรียนวิทยาลัย ครูอตุ รดิตถ์ แต่เลือกตามคนรักคือลีลาวดีไปเรียนวิทยาลัย พายัพ จังหวัดเชียงใหม่ทเี่ จ๊นางกับโกซังเลือกให้ พระบาง ไม่รู้สึกโกรธ แต่เสียใจจนเหลือจะพรรณนา เขาไม่ระแคะ ระคายแม้แต่นอ้ ยว่าปรีชากับลีลาวดีแอบพูดคุยและกลาย เป็นแฟนกันตั้งแต่ก่อนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คืนนั้นพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรพระบางตัดสินใจไปเรียนต่อ 196
พระบางเมือบ้าน
มหาวิ ย าลั ย รามค� ำ แหง สละสิ ท ธิ์ ทั้ ง ที่ ม หาวิ ท ยาลั ย เชียงใหม่และผละใจจากหญิงคนที่เขาเฝ้าหลงรักจนชั่ว ชีวติ จะหาไม่ กว่าพระบางจะลืมภาพทีล่ ลี าวดีเดินออกมา จากประตูกระท่อมบนท่าเรือข้ามฟากด้วยมือที่สาละวน อยู่กับชายเสื้อนักเรียนที่ม้วนขึ้นอยู่เหนือขอบกระโปรง ให้เข้าทีเ่ ข้าทางได้ เขาต้องใช้เวลาเกือบสิบปี ส่วนประโยค สุดท้ายซึง่ ได้ยนิ ลีลาวดีเอ่ยออกมา มันเป็นแผลกลัดหนอง เกาะกินก้อนเนื้อในหัวอกด้ายซ้ายยาวนานนับยี่สิบปี “พี่ลีลาวดียังสวยอยู่ เออ หนูไม่เคยได้ยินพี่พูดถึง พี่ลีลาวดีบ้างเลย เป็นเพื่อนเรียนหนังสือห้องเดียวกัน แท้ๆ” ดวงจ�ำปาเอียงคอ มองหน้าพระบางอย่างกับเพิ่ง นึกขึ้นมาได้ นอกจากณรงค์ชัย พระบางไม่เคยปริปากบอกกับ ใคร ดวงจ�ำปาเองก็ไม่ล่วงรู้มาก่อนเลยว่าลีลาวดีเป็น ผูห้ ญิงคนแรกทีพ่ ระบางหลงรักอย่างหัวปักหัวป�ำ และเป็น คนซึ่งเกือบจะท�ำให้ชีวิตจิตวิญญาณของเขาสลายไป หลั ง จากลี ล าวดี ค ลอดลู ก คนที่ ส องได้ ไ ม่ น าน ปรีชาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ลีลาวดีไม่ ยอมมีคู่ครองคนใหม่ ใช้ชีวิตม่ายอยู่กับลูกชายลูกสาวที่ เชียงใหม่ แต่ยังไปมาหาสู่เจ๊นางกับโกซัง 2-3 เดือน ต่อครั้ง “พีอ่ รัญญาเพือ่ นสนิทของพีล่ ลี าวดีกม็ าในงานศพ หากพี่เขาไม่แต่งหน้าจะสวยกว่านี้” บัญชา อ่อนดี
197
“สวยแค่ไหนก็ไม่เท่า...” พระบางเอ่ยด้วยภาษาถิน่ แล้วชี้มือลงบนจมูกดวงจ�ำปา สบตาและบอกว่า “พี่ไป ท�ำงานและท่องเทีย่ วมาทัว่ ประเทศ แต่ไม่มผี หู้ ญิงคนไหน พูดกับพีว่ า่ อยูท่ บี่ า้ นของเราเห็นรุง้ กินน�้ำแทบทุกวัน รูไ้ หม ว่ามันเป็นค�ำพูดที่ท�ำให้หนูสวยงามกว่าใครในหัวใจของ พี่” “อ้าว!” ดวงจ�ำปาท�ำตาโต ทาบมือขวากับอกซ้าย ของตัวเอง อมยิ้ม “หนูคิดว่าพี่เป็นนักดนตรี ไหงเป็นลิเก เสียได้” พระบางไม่พูดอะไร เพียงก�ำมือหลวมๆ ชกเบาๆ ตรงปลายคางดวงจ�ำปา “มาดวลกันดีกว่า” พระบางเดิน ไปหยิบซออูส้ ง่ ให้ดวงจ�ำปา ก่อนไปหยิบกีตาร์มาไว้ในมือ ของตัวเอง จากนั้นเสียงเพลงลาวดวงเดือนจึงเริ่มแผ่ว คล้อยลอยเลื่อนจากเรือนไทยไปรอบบริเวณ แม้แสงจากตะเกียงลานดับหายไปแล้ว แต่เวิ้งฟ้า เหนือหลังคาแป้นเกล็ดของเรือนไทยยังคงเรืองไรไปด้วย โคมดาวอันทอแสงวิบวาวอยู่ระหว่างทางช้างเผือก พระบางกับดวงจ�ำปาเลือกนั่งอิงกันอยู่กลางนอกชานแทนที่ จะตระกองกันเข้าไปในห้องใต้ ต่างคนต่างเสมือนได้ยิน เสียงเต้นจากหัวใจของกันและกันกังวานไหวอยู่ในความ เงียบอันแสนงดงาม.
198
พระบางเมือบ้าน
บัญชา อ่อนดี
199
บั ญ ช า อ่ อ น ดี ท�ำงานเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่พอเขียน ‘เรื่องแต่ง’ ได้บ้างจน กระทั่งมีผลงานรวมเล่มประปรายทั้งในรูปแบบกลอน ความเรียง สารคดีท่องเที่ยว ส�ำหรับ ‘พระบางเมือบ้าน’ นับเป็นนิยายล�ำดับสาม ในชีวิต และยังไม่แน่ว่าจะมีเล่มอื่นอีกหรือไม่เพราะไม่ใช่นักเขียน ในความหมายที่เคร่งครัด กระนั้นต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าผลงาน การเขียนทุกเล่มช่วยหล่อหลอมทั้ง ‘ทางเงิน’ และ ‘ทางใจ’ ให้กับ วิถีชีวิตมาโดยตลอดกว่ายี่สิบปีที่ล่วงมา
200
พระบางเมือบ้าน