ÇѧãËÁ‹
àÃ×èͧ & ÀÒ¾ : ¹Ô¸Ô ¹Ô¸ÔÇÕáØÅ
วังใหม่ เรื่องและภาพ โดย นิธิ นิธิวีรกุล
Healthy Planet สุขคดีท่องเที่ยวชุมชนเพื่อการเรียนรู้ วังใหม่ เรื่องและภาพ นิธิ นิธิวีรกุล ออกแบบปกและรูปเล่ม ณฐพัฒญ์ อาชวรังสรรค์ เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ
978- 616 -7374- 78- 9 บรรณาธิการอำนวยการ
ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ กองบรรณาธิการ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สน.3) จัดพิมพ์และเผยแพร่โดย
อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ เลขที่ 99 ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0 2343 1500 โทรสาร 0 2343 1501 www.thaihealth.or.th และ www.punsook.org พิมพ์ครั้งที่ 1
พฤศจิกายน 2555
ดำเนินการผลิตโดย
เปนไท พับลิชชิ่ง Penthai Publishing โทรศัพท์ 0 2736 9918 โทรสาร 0 2736 8891 waymagazine@yahoo.com
คำนำ
ท่ามกลางกระแสวกิ ฤติเศรษฐกิจโลกครัง้ ใหญ่เป็นป ระวัตกิ ารณ์ ในรอบหลายสิบปี ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าวิกฤตินี้จะใหญ่ขึ้นอ ีก เพียงใด จะยืดเยื้อขนาดไหน และวิกฤตินี้จะส่งผลกระทบต่อสังคม ไทยชุมชนหมู่บ้านไทยมากน้อยเพียงใด ความวิตกดังกล่าวอาจจะ ไม่เกิดขึ้นเลยหากปัจจุบันชุมชนหมู่บ้านไทยไม่ถูกลากเข้าสู่ระบบ การผลิตเพื่อขาย นักวิชาการหลายๆ ท่าน ได้วิเคราะห์ถึงระบบเศรษฐกิจของ ประเทศไทยวา่ ในระบบทนุ นิยมยงั ค งมอี กี ร ะบบดำรงอยูใ่ นลกั ษณะ คู่ขนาน นั่นคือระบบเศรษฐกิจชุมชนหรืออาจจะกล่าวเป็นศัพท์ สมัยใหม่ได้ว่าระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ในอดีตช มุ ชนหมูบ่ า้ นจะมวี ถิ ชี วี ติ ท เี่ รียบงา่ ยเน้นค วามพอเพียง มีครอบครัวเป็นหน่วยการผลิต การช่วยเหลือซึ่งกันและกันมีน้ำใจ เป็นพ นื้ ฐ านของชวี ติ มีพ ธิ กี รรมตา่ งๆ เป็นร ะบบการจดั การในชมุ ชน และให้ความสำคัญของบรรพบุรุษ ผู้เฒ่าผ ู้แก่ ครอบครัว ต่อม าหลังจ ากรฐั แ ละระบบทนุ นิยมได้เข้าไปมอี ทิ ธิพลตอ่ ช มุ ชน การผลิตเชิงเดี่ยวและลัทธิบริโภคนิยมทำให้ชาวบ้านมีรายจ่ายที่ เป็นตัวเงินมากขึ้น เพียงเท่านั้นยังไม่พอสิ่งที่ทำลายความเข้มแข็ง ของชุมชนที่มากที่สุด คือ รัฐและทุนเข้าไปถ่ายโอนทรัพยากรจาก ระบบชุมชนหมู่บ้าน
ยิ่งรัฐและทุนเข้าไปกอบโกยมากเท่าไร ชุมชนหมู่บ้านไทย ยิ่งประสบความอ่อนแอ คำพูดดังกล่าวไม่ใช่คำพูดลอยๆ ที่ไม่มี หลักฐานรองรับ หากแต่เมื่อกวาดตาไปทั่วแผ่นดินไทย หลังการ ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมากว่า 40 ปี จะมีสักกี่ ชุมชนทคี่ นในชมุ ชนไม่ป ระสบปญ ั หาความยากจน ไม่ป ระสบปญ ั หา สิ่งแวดล้อม หรือไม่ประสบปัญหาสุขภาพ จากสถานการณ์ดังกล่าวถึงเวลาแล้วหรือยังที่สังคมไทยควร กลับม าเน้นก ารพฒ ั นาทไี่ ม่ม องแต่ม ติ ปิ ระสิทธิภาพ การสร้างมลู ค่า และกำไรหรือการตลาดด้านเดียว แต่ควรจะเป็นเพื่อประโยชน์ของ ชุมชนและสังคม เราไม่ควรลดทอนผู้คนลงไปเป็นเพียงตัวเลข หากควรเป็นเพื่อ ส่งเสริมศ กั ยภาพและศกั ดิศ์ รีค วามเป็นม นุษย์ คำตอบสำหรับค ำถาม ข้างต้นน ี้ คงจะต้องช่วยกันค้นหา ไม่ว ่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไร
คณะผู้จัดท ำ
ถึง...เธอ ฉันกลับมาถึงบ้านได้สองวันแล้ว ฉันเพิ่งก ลับมาจาก จันทบุรี กล่าวให้จำเพาะเจาะจงหน่อยกต็ ้องบอกว่าฉ ันเพิ่ง มาจากตำบลเล็กๆ ตำบลหนึ่งในอำเภอนายายอามของ จังหวัดจันทบุรี ตำบลแห่งนี้มีคำขวัญประจำตำบลง่ายๆ สั้นๆ แต่ล ึกซึ้ง (อย่างน้อยก็ในความคิดฉัน) ว่า ‘วังใหม่... น่าอยู่’ ใช่แล้วล่ะ วังใหม่คือชื่อของตำบลที่ฉันเพิ่งเดินทางไป และกลับมา ฉันเดินท างไปที่นั่นด้วยเหตุผลด้านการงาน เพื่อศึกษา เพื่อเรียนรู้ และนำเรื่องราวที่ ได้พบตลอดสามวันสองคืน ที่อยูท่ ี่นั่นก ลับมาเรียบเรียงเป็น...ฉันจะกล่าวกับเธอว่า ยังไงดี ? เอาเป็นว่า...จากบรรทัดน ี้ คือเรื่องราวของตำบลแห่งนี้ ชุมชนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวไม่ ไกลจากถนนสุขุมวิทเข้าไป โอบขนานด้วยปราการขุนเขาธรรมชาติ และดกดื่นด ้วย พืชผลนานาพรรณ ล้วนแล้วแต่คือผลไม้ที่เธอชอบทั้งสิ้น แต่มากกว่าน ั้น เรื่องราวของตำบลวังใหม่ คือเรื่องราว ของกลุ่มคนที่พยายามรวมตัวเพื่อสร้างบ้านและชุมชนของ พวกเขาให้เป็นชุมชนที่สมกับคำว่า ‘น่าอ ยู่’
บางทีนะ เรื่องราวของพวกเขา ชาววังใหม่ อาจตอบ คำถามทคี่ รั้งหนึ่งเธอเคยถามฉันเมื่อน านมาแล้ว ยังจำได้ ไหม คำถามนั้น ? “เราจะมีชีวิตอยูอ่ ย่างพอกินพอใช้ท่ามกลางกระแส สังคมบริโภคอันเชี่ยวกรากนี้ ได้อย่างไร” มาเถอะ ตามฉันมองย้อนกลับไประหว่างบรรทัด แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง •
01 ท่าใหม่-วังใหม่ ‘อะไรนะ ?’ ‘วังใหม่ครับ’ ‘ท่าใหม่เหรอ’ ‘ไม่ใช่ครับ วังใหม่ อบต.วังใหม่ ที่อยูใ่นอำเภอนายายอามน่ะครับ’ ‘ไม่รู้จักเลยครับ ผมอยู่จันท์มายี่สิบปีแล้วยังไม่เคยได้ยินชื่อ วังใหม่เลย แน่ใจนะไม่ใช่ท ่าใหม่’ ‘ไม่ใช่ครับ’ ‘งั้นก ็ไม่รแู้ ล้วล่ะ’ ‘แล้วร ถพี่ผ่านอำเภอนายายอามไหม?’ ‘ผ่านสิ จะขึ้นก่อนไหม ไปถึงโน่นค่อยว่าก ัน’ ฉันพ ยักห น้า จากตรงนนั้ เอง ฉันก บั ว งั ใหม่จ งึ ได้เริม่ ต น้ ท ำความ รู้จักกัน ซึ่งก็เกือบไปแล้วตามบทสนทนาข้างต้นนั่นแหละ ใจแป้วเลยนะ ตอนที่คนคุมคิวรถตทู้ ี่บริเวณก่อนถึงห้างเซ็นจูรี่ ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบอกกับฉันว่าเขาไม่รู้จักวังใหม่ ฉันอดคิดขึ้นมาในเสี้ยววินาทีนั้นไม่ได้ทีเดียวเชียวว่าหรือฉันจะ พลาดอีกแล้ว ฉันชอบพลาดเรื่องง่ายๆ อย่างที่คนทั่วไปปกติเขาไม่
นิธิ นิธิวีรกุล
พลาดกัน เป็นบ่อยจนคู่ชีวิตฉันเอือม ฉันนึกกลัว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจบอกฉันให้ควักเงิน จ่ายคนคมุ ค วิ ร ถตู้ แล้วก า้ วขนึ้ ไปบนรถทงั้ ท ยี่ งั ไม่แ น่ใจดว้ ยซำ้ ว า่ ม นั จะพาฉันไปส่งยังจุดหมายปลายทางอย่างทฉี่ ันหวังหรือเปล่า? แต่บางครั้ง ชีวิตและการเดินทาง เหมือนกันอยูห่ นึ่งอย่าง เรา ไม่มีวันรูว้ ่าปลายทางจะไปจบลงทใี่ด หรือแม้ต ่อให้รู้ และไปถึงแ ล้ว ก็ใช่ว่าที่นั่นจะเป็นปลายทางสุดท้าย... ด้วยเวลาเกือบสามชั่วโมงกับระยะทาง 245 กิโลเมตรโดย ประมาณ รถตู้ปล่อยฉันลง ณ สี่แยกหนองสีงา หลังจ ากฉันแน่ใจ แล้วว่าตำบลวังใหม่นั้นมีอยู่จริง โดยตัวแทนจากองค์การบริหาร ส่วนตำบลของวังใหม่ได้โทรถึงฉันไม่นานหลังจากรถตู้เคลื่อนขึ้นสู่ ทางด่วนสายบูรพาวิถีว่า หากฉันเข้าเขตอำเภอนายายอามเมื่อไหร่ ให้บอกคนขับว่าจะลงที่สี่แยกหนองสีงา แล้วจะมีคนออกไปรอรับ
11
12
วังใหม่
‘ให้มองหารถมิตซูบชิ ิ สตราด้า ไว้นะคะ’ น้ำเสียงจริงใจผ่านสัญญาณไร้ส ายบอกฉัน และเมื่อฉันก้าวลง จากรถตู้ รถกระบะสญ ั ชาติญ ปี่ นุ่ ค นั ห นึง่ ก จ็ อดรอฉนั อ ยูแ่ ล้ว กระจก ด้านผู้โดยสารถูกหมุนล ง แล้วหญิงสาวผิวคล้ำ ตาคมก็ส่งเสียงถาม ฉันจากในรถ หลังทักทาย และถามไถ่ จนแน่ใจว่าเราต่างใช่คนที่รอ ฉันก็ ก้าวขึ้นไปนั่งในรถกระบะของ โสภาวรรณ ติณชาติ หรือ โสภา นักวิชาการของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ประจำตำบลวังใหม่ที่ได้รับคำสั่งจากปลัด อบต. ให้ค อย ดูแลฉันอย่าให้ขาดตกบกพร่องตลอดสามวันสองคืนที่ฉันมาอาศัย และเรียนรอู้ ยูท่ นี่ ี่ และกค็ ณ ุ โสภาตาคมคนนนี้ เี่ องทที่ ำให้ฉ นั ได้ซ งึ้ ถ งึ คำว่า ‘คนจันท์น ั้นจริงใจ และใจดีต่อทุกคนที่มาเยี่ยมเยียน’ เพราะเพียงแรกรู้จัก วังใหม่ก็ต้อนรับฉันด้วยอาหารมื้อเที่ยง ที่ประกอบด้วยไข่เจียว ต้มยำน้ำใส และคั่วกลิ้ง ซึ่งทำขึ้นเองโดย แม่บ้านประจำองค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ “ที่ นี่ จ ะมี ก ารเ ก็ บ ค่ า กั บ ข้ า วร ายล ะส ามร้ อ ยต่ อ เ ดื อ นเ พื่ อ สนับสนุนให้ท ำกบั ข้าวกนิ ก นั เอง” ใกล้ร งุ่ จิตตรง ปลัดอบต.วังใหม่ บอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ฉันลองลิ้มชิมรสอาหาร มื้อแรกของคนเมืองจันท์ที่อาจไม่ได้แตกต่างจากอาหารทั่วไปที่ หากินได้ต ามร้านอาหารตามสั่ง แต่อย่างที่เขาพูดกัน ของดีมักมาทีหลัง ระหว่างอาหารมื้อแ รกทวี่ ังใหม่ด ำเนินไป ปลัดอบต.ได้แ นะนำ
นิธิ นิธิวีรกุล
ให้ฉันร ู้จักตำบลวังใหม่คร่าวๆ ว่า แต่เดิมนั้น วังใหม่เป็นส ่วนหนึ่ง ของตำบลวังโตนด ซึ่งมีพื้นที่การปกครองจำนวน 20 หมู่บ้าน ด้วย จำนวนหมู่บ้าน และขนาดพื้นที่อันกว้างขวางนี้เอง จึงเป็นอ ุปสรรค ต่อการดูแลของเจ้าหน้าที่ ทำให้ด ูแลได้ไม่ท ั่วถึง จึงได้มีการขอแยก หมู่บ้านออกไปจำนวน 10 หมู่บ้าน เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2538 แล้วตั้งเป็นตำบลใหม่ ให้ชื่อ ‘วังใหม่’ ซึ่งที่มาที่ไปของชื่อ เกิดจากคลองวงั โตนดได้เกิดแ อ่งน ำ้ ข นึ้ ม าใหม่จ ากการเปลีย่ นทศิ ทาง ไหลของน้ำ ซึ่งชาวบ้านเรียกแอ่งว่า วัง แอ่งใหม่ จึงก ลายมาเป็น ‘วังใหม่’ ในที่สุด องค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ มีพื้นที่การปกครองทั้งหมด 65,646 ตารางกิโลเมตร มีจำนวนครัวเรือน 1,982 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 5,436 คน ต่างกระจายอาศัยอยูใ่นหมู่บ้าน 10
13
14
วังใหม่
หมู่บ้าน ดังนี้ (แผนที่ หน้าถ ัดไป) 1.หมู่ 1 (บ้านหินดาด) 2.หมู่ 2 (บ้านวังใหม่) 3.หมู่ 3 (บ้านวังกระดาน) 4.หมู่ 4 (บ้านดงทับมอญ) 5.หมู่ 5 (บ้านห้วงโมกข์) 6.หมู่ 6 (บ้านปากทางแทรคเตอร์) 7.หมู่ 7 (บ้านคลองลาว) 8.หมู่ 8 (บ้านหินกอง) 9.หมู่ 9 (บ้านซับย ี่หร่า) 10.หมู่ 10 (บ้านแก่งน้อย) “แล้วแหล่งเรียนรตู้ ่างๆ เกิดขึ้นม าจากอะไรครับ” ฉันถามปลัดอบต. หลังจากเธอแนะนำฉนั ให้รจู้ กั ตำบลวงั ใหม่ อย่างคร่าวๆ พอให้เห็นภาพรวม ใกล้รุ่ง (ผู้ซึ่งว ันต่อมาฉันได้รู้จาก โสภา ว่าน้องนุ่งใน อบต. แทบทั้งหมดสะดวกเรียกเธอด้วยความ รักใคร่ว่า ‘พี่ปอ’ ซึ่งย่อมาจากปลัด มากกว่าชื่อจริง หรือกระทั่ง ชือ่ เล่นจ ริงๆ ของแก) อธิบายให้ฉ นั ฟ งั ว า่ แหล่งเรียนรตู้ า่ งๆ เกิดจาก การรวมกลุม่ ข องชาวบา้ น แต่ละหมู่ ไม่ว า่ ก ลุม่ อ นุรกั ษ์ป า่ ช มุ ชน กลุม่ ทำพริกไทย กลุ่มอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ และคนพิการ รวมถึง กลุ่มดอกไม้จันทน์ ให้บ งั เอิญเหลือเกิน ขณะทเี่ รากำลังพ ดู ค ยุ ก นั ถ งึ เรือ่ งกลุม่ ต า่ งๆ
อำเภอแกงหางแมว
สัญลักษณ คลอง
สถานีอนามัย วัด โรงเรียน อบต.วังใหม แหลงการเรียนรู บานโฮมเสตย ทางหลวงชนบท ทางหลวงทองถิ่น เขตหมูบาน คลองวังโตนด
วังโตน
เทือกเขาทะลาย
ด
หมู 10 คลอ งวัง โตน ด
กองทุนแมของแผนดิน
หมู 8
กองทุนหมูบาน
อำเภอทาใหม
คลองวังโตนด
เทือกเขาทะลาย
หมู 9
การติดตา, ตอกิ่งพันธุ กลุม อสม.กาวหนา
นวัตกรรมการดูแลสุขภาพชุมชน (รพ.สต.คลองลาว)
ศูนยพัฒนาเด็กเล็กวัดคลองลาว เทือกเขาทะลาย
ปราชญชาวบาน ธนาคารขยะ โรงเรียนบานคลองลาว
ตำบลนายายอาม
หมู 7
คลอ
กลุมเพาะเห็ดนางฟา
งวังโ ตนด
กลุมอนุรักษปาชุมชน หมู 4
เศรษฐกิจพอเพียง กลุมดอกไมจันทน
หมู 1
กลุมทำพริกไทย หมู 6 ถน
นส
ุขุม
ตำบลโตนด
สถาบันการจัดการเงินทุนชุมชน กลุมสัจจะสะสมทรัพย วัดหนองสีงา
หมู 5 วิท
กลุมพัฒนาอาชีพ
กลุมเพาะพันธุและเลี้ยงเปด
หมู 2 ถนน
สุขุม
วิท
หมู 3
อาสาสมัครดูแลผูพิการ (อพก.) อาสาสมัครดูแลผูสูงอายุ (อผส.)
รพ.สต.วังใหม กองทุนวันแมสงเสริมสุขภาพตำบล เศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนวัดหนองสีงา การบริหารแบบมีสวนรวม แผนแมบทชุมชน/แผนพัฒนาตำบล กองทุน สปสช. กองทุนสวัสดิการชุมชน อาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน (สปสร.) ศูนย ICT ชุมชน บานวังกระดาน
16 วังใหม่
อยู่นั่นเอง โสภาซึ่งกำลังโทรศัพท์อยู่ก็ได้แทรกขึ้นกลางบทสนทนา ระหว่างฉนั ก บั ป ลัดอบต.วังใหม่ ว่า คุณป า้ พ ฒ ั หรือ นางพนา บุญ รักษา ประธานกลุ่มอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุประจำตำบลวังใหม่ กำลังจ ะแวะเข้ามายังที่ทำการ อบต. อยู่พอดี ก่อนทโี่สภาจะหันม า ถามฉันว่า “อยากเจอไหม ?” ฉันพยักหน้า ระหว่างรอ โสภาก็อธิบายถึงที่มาของกลุ่ม อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า อผส. เริ่มต้นจาก นโยบายของภาครัฐโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ มนุษย์ มีนโยบายให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ผสู้ ูงอายุอ ย่างทั่วถึง ตำบลวงั ใหม่เริม่ ม กี ารสำรวจตงั้ แต่ป ี พ.ศ. 2549 พบวา่ ในตำบลทงั้ 10 หมูบ่ า้ นมผี สู้ งู อายุที่ขาดการดูแลจากบุตรหลานจำนวน 738 คน ด้ ว ยจ ำนวนม ากมายนี้ เ อง อบต.วังใหม่จึงทำการประสานไปยังโรง พยาบาลสง่ เสริมสุขภ าพตำบลวงั ใหม่ หรือ รพ.สต.วังใหม่ เพือ่ เปิดร บั ส มัครบคุ คลทวั่ ไป เข้ารับการฝึกอบรมเป็นอาสาสมัครดูแล ผูส้ งู อ ายุ โดยให้ อผส. 1 คนดแู ลผสู้ งู อ ายุ ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ 15 คน และผู้ ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 5 คน ซึ่ง พนา บุญร ักษา ประธานกลุ่มอาสาดูแล ผู้สูงอายุต ำบลวังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล
อผส.แต่ละคนจะได้รับค่าตอบแทนคนละ 300 บาทเป็นขวัญและ กำลังใจในการทำงาน มากกว่าจ ะเป็นร ายได้จ ริงๆ จังๆ ทัง้ นีเ้ พราะ อาสาสมัครส่วนใหญ่ล้วนมรี ายได้ประจำจากการทำสวนอยูแ่ ล้ว ปูพ นื้ พ อให้เข้าใจ ยังไม่ทนั ท อี่ าหารกลางวนั จ ะยอ่ ยดี รถกระบะ คันหนึ่งก็เลี้ยวเข้ามาจอดภายในที่ทำการ อบต.วังใหม่ ประตูด้าน คนขับเปิดให้หญิงวัยกลางคนก้าวลงมาจากรถพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ เกลื่อนอยู่บนใบหน้า “เริม่ จ ากการทเี่ รารตู้ วั ว า่ แ ก่แ ล้ว น่ะแ หละ” ป้าพ ฒ ั ต อบ เมือ่ ฉ นั ถามวา่ จ ดุ เริม่ ต น้ ข องการมาเป็นอ าสาสมัครของแกมาจากอะไร แล้ว จึงขยายเพิ่มเติมต่อจากจุดเริ่มที่คำนึงถึงต ัวเองก่อนในเบื้องต้น ซึ่ง ระยะแรก ป้าพัฒก็ไม่ต่างจากผู้สูงอายุ และชาวบ้านชาวสวนทั่วไป ที่ไม่ใคร่ส นใจสุขภาพตัวเองเท่าใดนัก “จนเมื่อเจ็บ และปวดไปทั้งตัวจนลุกไม่ไหวนั่นแหละ ป้าจึง เริ่มใส่ใจตัวเอง” จากจุดเริ่มของการเอาใจใส่สุขภาพตัวเองก่อนนี่เอง เมื่อป้า พัฒทดลองดูแลตัวเองภายใต้ค ำแนะนำของหมอ พยาบาล ประจำ รพ.สต.วังใหม่ ป้าพ ฒ ั ก เ็ ริม่ เอ่ยป ากชกั ชวนคนขา้ งบา้ น คนในหมูบ่ า้ น และลามไปจนถึงคนทั้งตำบลให้หันมาใส่ใจในสุขภาพของตัวเองใน ที่สุด โดยป้าพัฒเป็นแกนนำหลักในการออกพบปะชาวบ้านสูงอายุ ในตำบลวังใหม่ สถานที่พบปะของกลุ่มอาสาสมัครเพื่อนำข้อมูลสุขภาพของ ชาวบ้านมาปรับปรุงให้ทันสมัยร่วมกับ รพ.สต.วังใหม่ ก็ไม่ใช่ที่อื่น
17
18
วังใหม่
ไกล คือต ลาดประจำชุมชน รวมถึงต ามวัดต่างๆ ที่มี อยู่ในตำบล อาทิ วัดส นธิ์ทอง และวัดหนองสีงา โดย จะทำเช่นน เี้ ป็นป ระจำทกุ เดือน จากนนั้ จึงท ำการแบ่ง กลุม่ 2 กลุม่ คือก ลุม่ ส แี ดงเป็นกลมุ่ ท ชี่ ว่ ยเหลือต วั เอง ไม่ได้ และกลุ่มสีเขียว เป็นกลุ่มที่ช่วยเหลือตัวเองได้ สัญลักษณ์ของทั้งสองกลุ่ม คือการใช้ผ้าผูกคอ “แรกๆ มันก็อายน่ะ คนแก่ๆ ไม่ค่อยมีใครทำ แต่ก็เพราะไม่มีใครทำนั้นแหละ พอเราทำไป มันก็ เริ่มชิน จากที่แรกๆ พวกเขาไม่อยากมาร่วมกลุ่ม มา ทำกายภาพบำบัดอะไร ทีนี้พอเดือนไหนเราไม่ไปก็ ตั้งตารอละ” “ไม่อ ายกันแล้ว” ฉันถามด้วยรอยยิ้ม ป้าพัฒยิ้มล ะไมตอบ “ไม่อาย” “อย่างนี้ป้าพัฒพอจะพูดได้ไหมว่าการที่ป้าพัฒ ไปพบเจอคนสูงอายุตามบ้านเป็นการช่วยเหลือทาง จิตใจมากกว่าทางร่างกาย” ป้าพัฒพยักห น้า ตอบฉันอย่างถ่อมตัว “ได้นะ ก็คงได้” บทสนทนาก่อนลาจากให้ป้าพัฒกลับไปทำหน้าที่ชาวสวน อันเป็นงานหลักที่เลี้ยงชีพเช่นเดียวกับชาวบ้านในตำบลวังใหม่ เกือบทงั้ หมดจบลงทตี่ รงนนั้ ฉันย กมือไหว้ แล้วม องแกขนึ้ ร ถกระบะ
นิธิ นิธิวีรกุล
คันใหญ่ข ับออกไปจากทที่ ำการ อบต.วังใหม่ ไม่รู้ทำไม นาทีนั้ น ฉั นคิ ด ถึ งถ้ อ ยคำห นึ่ ง ซึ่ งแ ทรกอ ยู่ใ น เนือ้ หาขอ้ มูลท วั่ ไปของตำบลวงั ใหม่ท ฉี่ นั ได้อ า่ นมาระหว่างทางจาก กรุงเทพฯ มาถึงจันทบุรี ถ้อยคำนั้น สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ “เราทำเพื่อเขา” ระหว่างที่ฉันมองด้านหลังรถกระบะป้าพัฒขับจากไปนั้นเอง โสภาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง “อยากไปดูเขื่อนไหมพี่” •
19
02 น้ำ ชีวิต และ... สวนพริกไทย
นิธิ นิธิวีรกุล
เขื่อนที่โสภาพาฉันไปดูไม่ได้ใหญ่โต กระนั้นด้วยความสูงกว่าสิบเมตรจาก ระดับพื้นผิวน้ำขึ้นมาถึงจุดที่โสภาและ คุณเปิล้ หรืออ มั ภาพันธุ์ แสงเดช พา ฉันมาชม นับว่าเขื่อนบ้านหินดาดไม่ ได้เป็นเพียงแค่ ‘ฝาย’ อย่างที่ระบุไว้ใน เอกสารข้อมูลของตำบลวังใหม่ ฉั น ก้ า วอ อกไ ปยื น บ นสั น เ ขื่ อ น ขนาดความกว้างเพียงเมตร มีราวกั้น สูงเพียงเอว แล้วมองต่ำลงไปยังมวล น้ำมหาศาลที่ประตูฝายได้ระบายน้ำ ออกจากด้านหลังเขื่อนที่ส่วนหนึ่งไหล มาจากเทือกเขาทลาย อีกส ว่ นไหลหลัง่ ลงมาจากฟากฟ้า ฉันหันไปมองน้ำแน่นิ่งด้านหลัง เขื่อน กับน ้ำทะลักลู่ลงสู่คลองวังโตนด ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะกด ชัตเตอร์เก็บภ าพมวลนำ้ ส ขี นุ่ ค ลัก่ ท ไี่ หล ทะลักลงสู่ลำคลอง เดินก ลับข นึ้ ม ายังเนินด นิ เก็บภ าพ ในมุมกว้างอีกเล็กน้อย ฉันก็เปรยว่า ไม่คิดว่าจันทบุรีจะมีน้ำเยอะขนาดนี้
21
22
วังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล
โสภาบอกกับฉันนี่ยังน้อย หากเดือนตุลาคมมาถึง น้ำจากลำคลอง วังโตนดจะเอ่อขึ้นท่วมบริเวณที่เราสามคนยืนอ ยูน่ ี้ รวมถึงส วนของ ชาวบ้านในตำบลวังใหม่เกือบทั้งหมด ฉันฟังอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะด้วยตำแหน่งที่เรายืนอยู่นี้มัน ค่อนข้างสูงม ากอยูแ่ ล้ว ทว่าน ้ำจ ากเขาทลายทไี่หลบ่าร วมกับน ้ำฝ น ก็ยังท่วมท้นข ึ้นมายังพื้นด ิน รวมถึงไร่ส วน อดไม่ได้ที่ฉันจะหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อปีกลาย เธอคงจำได้ คราวน้ำท่วมใหญ่ประเทศเราตั้งแต่ภาคเหนือลงมาถึงกรุงเทพฯ ครานัน้ แ ม่นำ้ ส ายตา่ งๆ หาได้ป รานีต อ่ ล กู ๆ ของนางทอี่ าศัยน ำ้ ข อง แม่เพือ่ ก ารยงั ชีพแ ต่อ ย่างใด กระนัน้ เมือ่ ฉ นั ถ ามเรือ่ งนีก้ บั โสภาและ เปิ้ล สองสาวให้คำตอบด้วยรอยยิ้ม “คนวงั ใหม่เจอนำ้ ท ว่ มทกุ ป ี แต่เราโชคดตี รงทบี่ า้ นเราระบายน้ำ เร็ว ท่วมอยู่วันส องวันกล็ ดแล้ว” ฉันฟ งั โสภาแล้วก น็ กึ ว า่ ค นวงั ใหม่โชคดจี งั เลย แม้จ ะโดนนำ้ ท่วม ทุกปี แต่แม่น้ำก็ปรานี เพียงท่วมแค่วันสองวันก็ลด ไม่เหมือน บ้านเช่าของฉันตอนน้ำท่วม เราครอบครัวทั้งสามชีวิต รวมอีกห นึ่ง สุนัข ต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่บนคอนโดมิเนียม กักตุนอาหาร การกินด ้วยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มวลน้ำมหาศาลจะลดลง วิถีชีวิตที่กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ รู้ฤดูกาล และปรับตัวเพื่อ อยูก่ ับมัน อาจเป็นหนึ่งในความโชคดีของชาววังใหม่ แม้ยังมพี ี่น้อง เกษตรกรบางส่วนที่โชคไม่ดีเท่า กระนั้น เราสามารถพูดได้ไหมว่า ไม่ได้เป็นเพราะโชคเพียงอย่างเดียว
23
24
วังใหม่
เป็นไปได้ไหมที่หากเราเคารพธรรมชาติ ไม่สร้างสิ่งกีดขวาง เส้นทางน้ำ น้ำก็จะปรานีต่อเราเฉกเช่นแม่ที่กรุณาต่อบุตร ไม่ใช่เพราะเหตุนี้หรอกหรือ คนโบร่ำโบราณถึงอยู่กับน้ำท่วม เมื่อฤดูน้ำหลากมาถึงได้อย่างสนุกสนาน กระทั่งเกิดเพลงฉ่อย เพลงชาวเรือที่ชาวนาชาวไร่ในพื้นที่ภาคกลางใช้ขับร้องเล่นกันยาม หน้าน้ำมาถึง มิใช่เพราะความคิดท ี่ว่า น้ำม าเดี๋ยวก็ลดหรอกหรือ เกษตรกร ในอดีตจึงอยู่กับน้ำได้อย่างเข้าใจ เคารพ มิใช่เห็นน้ำเป็นน้อง เป็นศัตรูท ี่ต้องกีดขวาง กางกั้น กระทั่งนำไปสู่การขัดแ ย้งในที่สุด “ชิมลองกองไหม” ง่ายๆ แบบนั้น ไม่มีพิธีรีตอง โสภาและเปิ้ลก็เชิญชวนฉันเข้า สวนแรกของชาววังใหม่
พริกไทยของเราหอม และอร่อย จากฝายกนั้ น ำ้ บ า้ นหนิ ด าด โสภาทำหน้าทีส่ ารถี ขณะทเี่ ปิล้ ท ำ หน้าทีค่ นนำทางทดี่ พี ามายังส วนเล็กๆ ทีซ่ อ่ นลกึ เข้าไปจากถนนสาย หลักท ตี่ ดั ผ า่ นตำบลวงั ใหม่ เข้าส อู่ าณาบริเวณของสวนพริกไทย ซึง่ ม ี พี่แมว หรือ สมฤทัย สุทโธการ เป็นทั้งเจ้าของสวน และประธาน กลุ่มทำพริกไทย หมู่ 5 “จุดเริ่มทำพริกไทยของพี่ก็มาจากในช่วงที่ราคาพริกไทย ตกต่ำ เราเห็นว า่ ข องเราเหลือเยอะกเ็ ลยรวมกลุม่ ก นั แ ปรรูปพ ริก ไทยของเราให้เป็นพ ริกไทยแห้ง และก็พริกไทยป่น ของเรามีทั้ง
นิธิ นิธิวีรกุล
พริกไทยดำ และพริกไทยขาว พริกไทยขาวของวงั ใหม่ ไม่ฟอกสีนะ” พีแ่ มวพดู ด ว้ ยรอยยมิ้ ก งึ่ ย วั่ เย้า หลังโสภาแนะนำ ฉันให้ป ระธานกลุม่ ท ำพริกไทย หมู่ 5 รูจ้ กั ขณะทเี่ ปิล้ เดินเข้าไปในบา้ นอย่างคนคนุ้ เคยเพือ่ ไปเล่นก บั ห ลาน สาวเกิดใหม่ของพี่แมว เสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดัง ออกมาจากส่วนในของบ้านชั้นเดียวที่ปลูก อยู่ท่ามกลางสวนพริกไทย ฉั น ม องไ ปร อบบ้ า นที่ ก รุ่ น ก ลิ่ น พริกไทย มีผลิตภัณฑ์ของกลุ่มที่ผ่านการ แปรรูปแล้วในรูปของพริกไทยป่นวาง สมฤทัย สุทโธการ ประธานกลุ่ม ทำพริกไทย หมู่ 5
25
26
วังใหม่
อยู่บนโต๊ะเรียงซ้อนเป็นชั้นรอส่งให้กับบรรดาร้านอาหารต่างๆ ทั้ง ในตัวตำบลวังใหม่ และในตัวเมืองจันทบุรี โดยพี่แมวได้บ อกกับฉัน ว่าเจ้าแ รกทยี่ ยุ งสง่ เสริมให้พ แี่ มวแปรรูปพ ริกไทย คือร า้ นของฝากชอื่ ดังแห่งเมืองจันทบุรี หลังเจ้าของร้านได้ชิมพ ริกไทยฝีมือพี่แมว แล้ว ติดใจความหอม ความเผ็ดที่หาไม่ได้จากพริกไทยทอี่ ื่น “ประกอบกับช่วงนั้นรัฐบาลส่งเสริมให้มผี ลิตภัณฑ์โอท็อปด้วย พี่ก็ไปขอขึ้นทะเบียนกับอำเภอนายายอาม แล้วก็เลยได้มา” โอท็อปที่พี่แมวได้มา เป็นสินค้าประเภทผู้ผลิตชุมชนที่เป็น เจ้าของรายเดียว ในความหมายนี้ก็คือตัวนางสมฤทัย สุทโธการ เมือ่ ได้ต ราโอท็อปมา พี่แ มวกไ็ ด้ร บั ย อดสงั่ ซ อื้ เข้าม ามากขนึ้ จ น แทบไม่พ อขาย การรวมกลุ่มท ำพริกไทยหมู่ 5 จึงได้เริ่มต ้น แรกเริ่ม พี่แมวชักชวนญาติมิตรเข้ามาร่วมด้วยก่อน กระทั่งขยับขยายกลุ่ม ออกไปยังชาวบ้านทำสวนพริกไทยรายอื่นๆ ในหมู่ 5 จนกลาย เป็นกลุ่มท ี่ทำรายได้แก่ช ุมชนได้อย่างพอสมควร เห็นได้ชัดจากผลิตภัณฑ์กลุ่มติดตราสินค้าทเี่ตรียมจัดส่ง ซึ่งม ี จำนวนไม่น ้อยเลยทีเดียว ฉันอดถามพี่แมวตามประสาผู้ไม่เคยลงแรงผลิตสินค้าเอง ว่ายากไหมกว่าจะมาถึงวันนี้ “ยาก เพราะพี่ต้องทำคนเดียวหมด” แม้ป ากจะบอกวา่ เหนือ่ ย แต่ในแววตาทรี่ ะยิบด ว้ ยความสขุ ข อง คนที่ก้าวมาถึงจุดค ำว่า ‘พอ’ แล้ว ฉันเชื่อว่าแม้เหนื่อยกว่านี้ พี่แมว ก็คงไม่ปริปาก
นิธิ นิธิวีรกุล
“ทุกวันนี้ก็ยังทำด้วยตัวเองอยู่ แม้จะมีจ้างคนมาช่วยเก็บเม็ด พริกไทยบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นญ าติๆ กันทั้งนั้น” พูดแล้วพี่แมวก็พาฉันเข้าชมสวนของแก ก่อนจะส่งเสียงทัก คนงานที่เป็นเด็กสาวในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งกำลังปีนบันไดเหล็ก แบบตัดต่อเชื่อมเองขึ้นไปเก็บเม็ดพริกไทยบนยอดที่อยู่สูงขึ้นไป กว่าสี่เมตร ฉันมองท่าทางที่คล่องแคล่วของเด็กสาวท่ามกลางแดดร้อน ด้วยความรู้สึกทึ่งแกมชื่นชม ให้เป็นฉันเอง ยังไม่แน่ว่าปีนป่าย ขึ้นไปจะหล่นตุบลงมาหรือไม่ ไม่นับว่าจะทันได้เก็บเม็ดพริกไทย หรือเปล่าด้วยซ้ำ “คนงานที่มาช่วยพี่เก็บพริกไทยก็เป็นคนในหมู่บ้านทั้งนั้น ถ้า ไม่ใช่หมู่ห้าก็มาจากหมูอ่ ื่น ไม่มีคนนอก” ฉันถามหาเหตุผลว่าทำไมพี่แมวถึงไม่จ้างคนงานจากนอก หมู่บ้าน กล่าวอย่างสัตย์ซื่อ ฉันหมายถึงคนงานจากประเทศ เพื่อนบ้าน ซึ่งค่าแรงถูกกว่ามากถึงม ากที่สุด “นายกฯ นริศอ ยากสนับสนุนงานให้คนในวังใหม่ก่อน” เป็นคำตอบสั้นๆ ที่อธิบายทุกอย่างได้มากพอดู พีแ่ มวหมายถึง นริศ กิจอุดม นายก อบต.วังใหม่ ซึง่ อีกน นั่ แ หละ ฉันอ ดคดิ ถึงส งั คมในภาพรวมไม่ได้ วันก อ่ นทฉี่ นั ก ำลังจ ะเขียนถงึ เธอ ข่าวจากทวี เี พิง่ ร ายงานวา่ แ รงงานจากประเทศลาวเริม่ เข้าม าทำงาน ดำนา ปลูกข ้าวกันแล้วทภี่ าคอีสาน เพราะคนไทยไม่ยอมทำนา เป็นคำพูดที่ฟังแล้วเจ็บปวดเลยทีเดียว เธอว่าไหม?
27
30
วังใหม่
แม้ว่าฉันและเธอ เราต่างจะไม่ใช่ช าวนาโดย กำเนิด แต่เรากถ็ ูกปลูกฝังมาให้ไหว้ข้าวหลังจาก กินเสร็จแล้ว เพื่อรำลึกถึงคุณพระแม่โพสพ เรา ถูกป ลูกส อนให้น บั ถือช าวนาทเี่ ป็นก ระดูกส นั ห ลัง ของชาติ (ทว่าท ุกร ัฐบาลล้วนมองข้ามกระดูกส ัน หลังที่สำคัญยิ่งนี้มาตลอด) และอย่าได้หลงลืม พวกเขา กระนัน้ ปัจจุบนั น ี้ เรา-นับฉ นั แ ละเธอเข้าไป ด ว้ ย-ต่างปฏิเสธชาวนา ต่างหนั ห ลังให้ท งั้ พ วกเขา และอาชีพท ยี่ ังพวกเราให้ม ีชีวิต มีล มหายใจ เรา หลงลืมไปว่าหากมนุษย์ขาดไร้กระดูกสันหลัง ก็มิอาจตั้งตรงได้ ไม่ต้องพูดถึงย่างก้าวแรก ด้วยซ้ำ “พริกไทยเป็นของคู่เมืองจันท์ ถึงขนาด เป็นคำขวัญประจำจังหวัด และพริกไทยที่วังใหม่นี้อร่อย ที่สุด หอม และเผ็ดที่สุด” พี่แมวตอบเมื่อฉันถามถึงอนาคตจากนี้ของกลุ่มทำพริกไทย ขณะทีฉ่ นั ม องเด็กส าวทกี่ ำลังป นี ป า่ ยขนึ้ เก็บเม็ดพ ริกไทยคนนัน้ ฉัน รูว้ า่ พ แี่ มวเข้าใจคำถาม แกจงึ ต อบดว้ ยถอ้ ยคำทเี่ หมือนเป็นบ ท สรุปทดี่ ีที่สุดข องผลิตภัณฑ์โอท็อป ประจำตำบลวังใหม่แห่งนี้ “ถ้าน้องไม่เชื่อลองชิมสิ” แล้วพี่แมวก็ยื่นพ ริกไทยที่ร่อนแล้วให้ฉ ันชิม
เชื่อเถอะ แม้พริกไทยโดยส่วนมากจะเผ็ด ไม่เว้นกระทั่ง พริกไทยสดๆ จากมือประธานกลุ่มทำพริกไทยประจำหมู่ 5 แต่ บ่ายวันนั้น หลังฉันหยอดพริกไทยเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ แล้ว ฉันยืนยันกับเธอได้ว่า ในความเผ็ดกม็ ีความหวานเช่นเดียวกัน •
32
วังใหม่
03 สืบสานพันธุ์ ไม้
อนันต์ โพธิหัง วิทยากรประจำศูนย์เรียนรู้การติดตาต่อกิ่งพันธุ์ไม้
นิธิ นิธิวีรกุล
จากหมู่ 5 โสภาขบั ร ถพาฉนั ม ายังบ า้ นเลขที่ 8/4 หมู่ 8 อันเป็นท ตี่ งั้ ของศูนย์เรียนรู้การติดตาต่อกิ่งพันธุ์ไม้ ของ พี่อนันต์ โพธิหัง และ พี่ลาวัณย์ โพธิหัง สองสามีภรรยาที่เริ่มต้นจากความรัก ความชอบในอาชีพท สี่ ืบสานมาจากบรรพบุรุษ โดยฝ่ายคุณอนันต์ม ี ความชำนาญในการตดิ ตาตอ่ กิง่ ช นิดห าตวั จ บั ย าก ขณะทคี่ ณ ุ ลาวัณย์ คู่ชีวิต ชำนาญการปักต้นกล้า ความที่ต่างมาจากครอบครัวเกษตรกรเช่นเดียวกัน ทั้งสองจึง ช่วยกนั พ ฒ ั นาเทคนิคต ดิ ตา ต่อก งิ่ พ นั ธุไ์ ม้ต า่ งๆ กระทัง่ ป ี พ.ศ. 2532 พี่อนันต์จ ึงม ีแนวคิดที่จะเพาะพันธุ์ไม้ต่างๆ ไว้จ ำหน่ายให้แ ก่คนใน ชุมชนเพือ่ ส ะดวกตอ่ ก ารเดินท างซอื้ ข าย ท งั้ ย งั ร าคาถกู ก ว่าน อกพนื้ ที่ “แรกๆ พีก่ บั พ อี่ นันต์เริม่ ต น้ ท ี่ 5,000 ต้น ก็ต ระเวนขายไปเรือ่ ย ล่ะค ะ่ ตามรมิ ถ นนบา้ ง ทีเ่ ขารบั ซ อื้ บ า้ ง” พีล่ าวัณย์บ อกถงึ จ ดุ เริม่ ต น้ ของการเพาะพันธุ์กล้าไม้ด้วยวิธีติดตาต่อกิ่ง มีตายบ้าง มีทดลอง ผิดถ ูกบ้าง แต่พี่ลาวัณย์บ อกว่าเป็นธ รรมดาของการลงทุน ที่สำคัญ มันคือการได้เรียนรู้ โดยเฉพาะตัวพี่อนันต์ ซึ่งเรียนรกู้ รรมวิธีติดตา ต่อกิ่งด้วยตัวเองจากประสบการณ์กล้าแล้วกล้าเล่าที่ล้มตายไป
33
36
วังใหม่
ถึงปี พ.ศ. 2535 เมื่อมีความชำนาญ และประสบการณ์ มากขึ้น ทั้งพี่อนันต์และพี่ลาวัณย์ จึงถ างป่าต้นยาง ซึ่งร ทู้ ั้งรวู้ ่าเป็น ไม้ท ใี่ ห้ผ ลตอบแทนทางเศรษฐกิจท สี่ ำคัญ ท งั้ ส องมองการณ์ไกลกว่า ผลตอบแทนในระยะไม่กี่ปี ทีด่ นิ จ ำนวน 5 ไร่จ งึ ถ กู ไถแปรเป็นส วนสำหรับท ดลองการตดิ ตา พันธุ์ไม้สายพันธุ์ต่างๆ แต่ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าจ ะเริ่มม ีคนรู้จัก เริ่มมีชื่อเสียง จากผลของความพยายามในการเพาะพันธุ์ไม้ กระทั่งถ ึงปี พ.ศ. 2543 พี่อนันต์จึงค่อยขยายฐานตลาดไปยัง ต่างจงั หวัด และเริม่ ต น้ ท ำกจิ กรรมตอ่ ยอดภมู ปิ ญ ั ญาทไี่ ด้ร บั ม าจาก คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ มีการนำความรู้ไปปรับใช้เพื่อการเพาะชำพันธุ์ไม้ ทั้งแบบผสม และแบบยืนต้น ให้กับผู้สนใจเข้าม าเรียนรู้ ทั้งจ ากคน ในพื้นที่ และนอกพื้นที่ “ต้องรู้จักต้นไม้แต่ละพันธุ์ ดินที่ใช้ปลูก น้ำก็สำคัญ ต้องคอย เลี้ยงน้ำอยูต่ ลอด เราชาวสวนไม่มนี ้ำไม่ได้เลย” พี่อนันต์พ ูดด้วยสีหน้าจ ริงจัง “ที่นี่เราจะเน้นเรื่องการติดตาต่อกิ่งเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะ พี่อนันต์เขาศึกษาเรื่องนี้ต่อมาจากรุ่นพ่อเขา แล้วก็พัฒนามาเรื่อย จนเก่ง” พี่ลาวัณย์เสริม ฉันมองต้นไม้ในดินเพาะหุ้มด้วยพลาสติก สีดำอย่างคนที่สนิมเกรอะกรังเรื่องเกษตร เลยถามพี่ทั้งสองว่าการ ติดตาทำอย่างไร “เริ่มจากดูกิ่งที่จะนำมาติดตาว่าอ ยู่ในระยะพร้อมหรือยัง โดย
นิธิ นิธิวีรกุล
ดูจากตรงยอดตาว่ามันนูนออกมาหรือเปล่า ส่วนต้นตอก็ต้องดูว่า พร้อมหรือยัง แต่ที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือแสงแดด ต้องไม่ให้โดน แดดจัดมาก ไม่งั้นต้นกล้าก็จะตาย” พีล่ าวัณย์อ ธิบายให้อ ารมณ์ไม่ต า่ งจากครูส อนเด็กน กั เรียน ฉัน ฟังแล้วก็เงยหน้าข ึ้นมองแผงหลังคาผ้าใบที่กางคลุมสวนทั้งหมด “ก่อนจะมาจุดนี้ก็ไม่ใช่ง่าย แต่ก่อนตอนที่พี่กับพี่นันต์เริ่ม ทำแรกๆ เสาที่ใช้ค้ำหลังคานี่ก็ใช้ต้นไผ่ ไม่ใช่เสาคอนกรีตแบบนี้ ตอนนั้นก็ทำกันอยู่สองคน ไปหาใบกล้วยมาคลุมแทน เพราะยัง ไม่มีเงินลงทุนม าก” หากนกึ ภ าพตาม คงเหนือ่ ยนา่ ด กู บั ก ารลงแรงทำอะไรแบบนัน้ เพียงสองคน แต่แ ววตาและรอยยมิ้ ท ฉี่ าบอยูบ่ นใบหน้าข องพลี่ าวัณย์
37
38
วังใหม่
ฉันรู้ว่าวันเวลาเหล่านั้นเป็นวันคืนที่ทำให้มองย้อนกลับไป แล้ว บอกกับตัวเองได้ว่าเราทำได้ และผ่านมาแล้ว ฉันมองต้นกล้ามากมายสุดลูกลูกตา ถามพี่อนันต์ว่ากล้าไม้ ส่วนใหญ่ที่นเี่ป็นต้นก ล้าของต้นอะไร ‘ทุเรียน’ พี่อนันต์ให้คำตอบ ไม่ใช่แต่เพียงเพราะทุเรียนเป็น พืชผลที่ขายได้ร าคาดีที่สุดเท่านั้น พีอ่ นันต์ย ังก ล่าวอีกว่าส วนแห่งนี้ ทำหน้าทีอ่ นุรกั ษ์ส ายพนั ธุใ์ ห้ย งั ค งอยู่ คล้ายเป็นค ลังส ำรองของราชา แห่งผลไม้ หลังสวนทุเรียนส่วนใหญ่ในจังหวัดนนทบุรีถูกน้ำท่วม เสียหายไปเมื่อปีกลาย “คนนนท์มาซื้อถึงที่นี่ก็มีมากมาย เราขายที่ราคาแพงสุดคือ หนึ่งร้อยยี่สิบบาท” ฉันฟังแล้วก็ขมวดคิ้วงุนงง เท่าที่ทราบราคา ผลทุเรียนหมอนทองที่ชาวสวนนนท์ขายได้จนเป็นข่าวราคาแตะ เกือบหมื่นบาทมิใช่หรือ ? แล้ว 120 บาทมันแพงตรงไหน? เมือ่ ส งสัย ฉันจ งึ ถ าม พีล่ าวัณย์ให้ค ำตอบวา่ ส ำหรับร าคาขายส่ง ต้นกล้าแล้ว เขาขายกันอยู่ที่ 20-40 บาทต่อ 1 ต้น ดังนั้น ต้นละ 120 บาทจึงนับว่าเป็นราคาทสี่ ูงพอสมควร “แต่เขาก็ไปปล่อยต่อได้ในราคาทสี่ ูงกว่านั้น” ยิ่งฟัง ฉันก็ยิ่งฉงน แกมฝันลอยว่าถ้าได้ทุเรียนไปปลูกสักต้น ก็คงดี แต่เธอคงไม่ชอบ เพราะเธอรังเกียจกลิ่นมัน แต่ฉ ันกลับมอง ว่าหอม ยิ่งมาได้รู้ว่าแค่ต้นกล้าเล็กๆ สูงพ้นเอวมาเล็กน้อยขายได้ ถึงต้นละร้อยบาท หากเพาะพันธุ์ได้สักสามพันต้น ไม่ต้องถึงเจ็ด
นิธิ นิธิวีรกุล
หมื่นต ้นอย่างสวนพี่อนันต์ คำสบประมาทที่ว่าเป็นชาวสวนนั้นจน คงไม่มีอีกต่อไป “แต่ใช่ว า่ ท กุ ค นจะทำได้น ะ มันข นึ้ อ ยูก่ บั ก ารเอาใจใส่ และหมัน่ คอยดูแลด้วย” พี่ลาวัณย์เหมือนจะเดาความคิดฉันได้ พูดต่อด้วย รอยยิ้ม ฉันเลยถามว่าที่สวนแห่งนี้เปิดให้คนนอกเข้ามาศึกษาเพื่อ นำกลับไปเพาะพันธุ์ขายไหม? “แน่นอน เราส่งเสริมให้ชาวสวนทุกคนมาเรียนรไู้ด้ เพราะเรา เคยเห็นค นรนุ่ พ อ่ ร นุ่ แ ม่ล ำบากยงั ไง เป็นไปได้เรากอ็ ยากให้ช าวสวน ทุกคนประสบความสำเร็จ” “แล้วพี่ไม่กลัวว่าจะเป็นการแย่งตลาดกันหรือครับ?” ฉันถามประสาคนเมืองที่คิดถึงแต่เรื่องมือใครยาวสาวได้สาว เอา ตามหลักเสรีนิยม เศรษฐกิจเสรี การค้าเสรี อีกครั้งท ี่พี่ทั้งส องยิ้ม “ไม่เลย ยิ่งดีเสียอีก อย่างคนงานคนหนึ่งข องที่นี่ ทำงานอยูก่ ับ พีไ่ ด้ส ามปี เขากอ็ อกไปเปิดร า้ นขายเองรมิ ถ นนสขุ มุ วิท พีไ่ ม่ห วงวชิ า” ฉันฟังแล้วก็หันกลับไปมองต้นกล้าแต่ละสายพันธุ์ อดที่จะ นึกถึงภ าพตวั เองเดินช มสวนดว้ ยความชนื่ ใจเฉกเช่นท พี่ อี่ นันต์ และ พี่ลาวัณย์เป็นไม่ได้ กระนั้นกอ็ ย่างที่พี่ทั้งสองกล่าว มันไม่ใช่ทุกคน ที่จะประสบความสำเร็จ ในคำพูดน ั้น ฉันไม่ค ิดจำเพาะแต่เรื่องทำสวนเท่านั้นห รอก เธอว่าไหม •
39
40 วังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล
41
04 อดเพื่ออ อม เพื่อวันพรุ่งน ี้
นิธิ นิธิวีรกุล
เลีย้ วจากศนู ย์ศ กึ ษาการตดิ ตาตอ่ ก งิ่ ข องพอี่ นันต์แ ละพลี่ าวัณย์ เสียง ทักทายจากชาวสวนข้างทางที่กำลังเก็บเม็ดพริกไทยก็ดังขึ้น ก่อน โสภาและเปิ้ลจะชะลอจอดรถ แนะนำให้ฉันได้รู้จักกับคุณลุงวินัย พูลผล ประธานกลุ่มก องทุนหมู่บ้านหินกอง หมู่ 8 แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนที่ลุงวินัยจะบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของกลุ่ม ลุงวินัยก็ยื่นมีดเล่มเล็กมาให้ฉัน ยิ้มแย้มเอ่ยชวนให้ฉันชิมสละ ภายในสวนแก “ไม่ค่อยหวานนะ แต่ก็กินได้ เด็ดเลย” ลุงวินัยว่า ฉันจึงไม่ขัดศรัทธา ทว่าด ้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ กระมัง ในท้าย ที่สุด ลุงวินัยเองเป็นฝ่ายเฉือนตัดสละพวงใหญ่ส่งให้ฉ ัน “เอ้า ชิมดู” ระหว่างทฉี่ นั แ กะเปลือกชมิ ลุงว นิ ยั ก บ็ อกเล่าถ งึ จ ดุ เริม่ ข องกลุม่ กองทุน ซึ่งเปิดร ับสมาชิกค รั้งแ รกเมื่อวันท ี่ 18 สิงหาคม 2544 โดย ลงหุ้นคนละ 50 บาท และออมไม่ต ่ำกว่า 50 บาทในแต่ละเดือน เมือ่ ได้ร บั เงินจ ากรฐั บาลจำนวน 1,000,000 บาท จากงบประมาณ กองทุนห มู่บ้าน วันที่15 กันยายน พ.ศ. 2544 จึงมีการนัดประชุม ครั้งแรกของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหินกอง หมู่ 8 และนับจากนั้น
43
44
วังใหม่
ความฝันที่ลุงวินัยต้องการเห็นสมาชิกในหมู่บ้านเป็นไทแก่ตัวเอง ไม่เป็นหนี้นอกระบบ จึงเริ่มต้นอย่างจริงจัง “เรากเ็ ห็นป ญ ั หาตงั้ แต่ส มัยเป็นผ ใู้ หญ่บ า้ นนะ่ น ะ” ลุงว นิ ยั ก ล่าว “ปัญหาคือเมื่อลูกหลานบ้านหนึ่งเห็นอีกบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์คัน ใหม่ ก็อยากมีบ้าง พ่อแม่ไม่มเีงินให้ ก็ไปกู้เขามา ที่วังใหม่จะกู้กัน เยอะมาก แต่เราก็พยายามแก้นะ พยายามเตือน มีการเรียกทั้ง เจ้าหนีแ้ ละลกู ห นีม้ าคยุ ก นั กรณีท มี่ กี ารขม่ ขู่ เรากน็ ำเงินจ ากกองทุน ไปชำระต้นให้เขา ให้ลูกบ้านมาจ่ายกับกองทุนแ ทน” ฉันฟัง แล้วอ ดถามประสาคนเมือง(อีกน ั่นแหละ) ว่าล ุงวินัยท ำ แบบนั้น ชาวบ้านคนอื่นๆ ทีเ่ขาจ่ายให้ก องทุนเหมือนกัน จะไม่รสู้ ึก ว่าเงินออมของเขาถูกนำไปแก้ปัญหาของคนอื่นหรือ คำตอบจาก ลุงวินัยสะท้อนคำว่าประชาธิปไตยได้อ ย่างน่าส นใจ “เรากใ็ ห้ส มาชิกท กุ ค นในกองทุนโหวตเสียง ว่าส มควรชว่ ยไหม ถ้าสมาชิกไม่เห็นด้วย เราก็ไม่ช่วย เพราะเราถือว่าเงิน กองทุนนี้เป็นเงินของทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็ช่วยหมด เพราะตา่ งกเ็ ป็นเพือ่ นบา้ นกนั เป็นค นหมูแ่ ปดเหมือนๆ กัน นอกจากนี้ เรายังมสี วัสดิการให้ค่ารักษาพยาบาล ครั้งละ 500 บาท และหากเสียช ีวิตก็จะได้อีกคนละ 3,000 บาท ยังไม่น บั ท นุ ก ารศกึ ษาทเี่ ราเพิง่ จ ะให้ไป” วิ นั ย พู ล ผ ล ประธานก ลุ่ ม กองทุ น ห มู่ บ้ า น หินกอง หมู่ 8
นิธิ นิธิวีรกุล
กฎและเกณฑ์ของกองทุนหมู่บ้านหินกอง ไม่ยาก แต่กไ็ม่ง่าย ดังนี้ สมาชิกกองทุนต้องถือหุ้นกับกองทุนอย่างน้อยคนละ 1 หุ้น โดยลงหนุ้ ค นละ 50 บาท และจะตอ้ งมกี ารนำเงินม าฝากเป็นป ระจำ ทุกๆ วันที่ 10 ของเดือน อีกเดือนละ 50 บาท เงินฝากนเี้รียกชื่อว่า เงินฝากสัจจะ ซึ่งหากสมาชิกรายใดขาดส่งเงินฝากสัจจะติดต่อกัน 3 เดือน คณะกรรมการ ซึ่งค ัดเลือกจากสมาชิก 15 คนมีสิทธิ์ให้ สมาชิกร ายนนั้ ข าดจากสมาชิกส ภาพของกองทนุ ได้ท นั ที รวมถงึ ก าร ถอนเงินฝ ากสจั จะ และคา่ ห นุ้ ซึง่ จ ะสามารถเบิกถ อนได้ต อ่ เมือ่ ช ำระ หนีก้ องทุน (ในกรณีหยิบยืม) หมดแล้วเท่านั้น ถึงวันน ี้ กองทุนห มู่บ้าน หมู่ 8 มีส มาชิกถือหุ้นท ั้งหมด 203 คน สมาชิกอ อม (เงินฝ ากสจั จะ) 490 คน และมสี มาชิกก ยู้ มื เงิน 84 คน สมาชิกท งั้ หมดของกองทนุ ล ว้ นได้ร บั ส วัสดิการคา่ ร กั ษาพยาบาล สวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ ทุนก ารศึกษา ทุนก ู้ยืมฉุกเฉิน ยืมได้ ไม่เกิน 2 เดือน โดยไม่ค ดิ ด อกเบีย้ และยงั ม กี ารปนั ผลจากกำไรทไี่ ด้ จากให้กู้ยืมแก่สมาชิก เกิดเป็นระบบเงินหมุนเวียนภายในหมู่บ้าน กันเอง ทำให้เงินไม่รั่วไหลออกไปภายนอก ซึ่งถึงที่สุดแล้ว คือการไม่ตกไปอยู่ในวังวนของหนี้นอกระบบ อีกนั่นเอง เหนื่อยบ้างไหม? ฉันอดถามในใจไม่ได้ หลังฟังเรื่องราวทั้งหมด มาจนถึงต อนนี้ ทัง้ เรือ่ งเล่าจ ากลงุ ว นิ ยั ทัง้ จ ากพอี่ นันต์ พีล่ าวัณย์ กระทัง่ ก อ่ นหน้านี้
45
46 วังใหม่
คือป้าพัฒ จากกลุ่มอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ ทุกคนต่างทำ ต่างคิด เพือ่ ค นในชมุ ชนของตวั เองดว้ ยความหวัง ความฝนั ท อี่ ยากให้ท กุ ค น มีชีวิตทดี่ ีร่วมกัน มิใช่เพียงแค่ตัวเองเป็นท ตี่ ั้ง ก่อนลาจากลุงวินัยพร้อมด้วยสละพวงเบ้อเริ่มสองพวง ฉัน ก้มมองดแู ผ่นพ บั เพือ่ ป ระชาสัมพันธ์ข องกลุม่ ก องทุนห มูบ่ า้ นหนิ กอง ที่ลุงวินัยมอบให้ฉัน วัตถุประสงค์ของกลุ่มที่ต้องการให้สมาชิก อดออม รู้จักป ระหยัด รักใคร่กลมเกลียว และเห็นอ กเห็นใจซึ่งก ัน และกัน ไม่ใช่สิ่งที่เขียนลงไปเพื่อให้ดูโก้เก๋ แต่เป็นการคิดจากฐาน ‘เราทำเพื่อเขา’ และด้ ว ยสิ่ ง นี้ ก ระมั ง กองทุ น ห มู่ บ้ า นหิ น กอง หมู่ 8 จึ ง ประสบความสำเร็จ •
05 เพราะมีป่า จึงมีน้ำ จากถนนสายหลักในตำบลวงั ใหม่ที่ตัดผ่านหมู่บ้านต่างๆ ทั้ง 10 หมู่บ้าน จะมองเห็นแนวเทือกเขา ซึ่งทอดขนานไปกับถนนตลอดทั้งเส้นจนไปจรดกับถนนสุขุมวิท ปากทางเข้าสู่ตำบลวังใหม่ ก่อนถึงแยกหนองสีงา ฉันถามโสภาว่าเทือกเขาที่แลเห็นอยู่นใี้ช่เขาทลาย ตามข้อมูล ที่ฉันได้อ่านมาจากกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนที่มีอดีตผู้ใหญ่สมคิด ศิลปเวช เป็นแกนนำใช่หรือเปล่า โสภาพยักหน้า บอกฉันว่าเรามีนัดกับผู้ใหญ่ตอนห้าโมงเย็น นี่ก็ใกล้แล้ว แต่ปรากฏว่าพ อเราไปถึงหน้าบ ้านผู้ใหญ่ และโสภาได้ โทรประสานอีกที อดีตผู้ใหญ่สมคิดบอกโสภาผ่านโทรศัพท์ว่าแก กำลังอยูร่ ะหว่างกลับม าบา้ น (ซึง่ โสภาขยายให้ฉ นั เข้าใจวา่ ค นวงั ใหม่ เรียกทุกคนที่เคยดำรงตำแหน่งอย่างผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไปตลอด แม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนั้นแล้ว หรือขยับขยายไปสู่ตำแหน่งอื่น ก็ตาม เช่นผู้ใหญ่สมคิด หรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอย่าง นายกฯ นริศ ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ก็มักเรียกแกว่า กำนันนริศ ตาม ตำแหน่งที่แกเคยเป็นมาก่อนจะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายก อบต.
นิธิ นิธิวีรกุล
วังใหม่ด ้วยกันทั้งน ั้น) เมื่อผู้ใหญ่สมคิด ยังมาไม่ถึง และโปรแกรมวันนี้ก็เหลือเพียง การพูดคุยกับแกนนำกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เพื่อที่พรุ่งนี้ ฉันจะได้ ขึ้นเขาไปดูสภาพภูมินิเวศของป่าวังใหม่ที่ครั้งหนึ่งเคยเสื่อมโทรม เป็นป า่ ห วั โล้น โสภากเ็ อ่ยป ากชวนฉนั ไปไหว้พ ระทวี่ ดั ส ำคัญว ดั ห นึง่ ในตำบลวังใหม่ นอกเหนือจากวังห นองสีงา “วัดนี้เท่งกับโหน่งเคยมาทำบุญบ่อยๆ ด้วยนะ” โสภาเล่าถึง ตลกชื่อดังคับฟ้า ฉันฟังแล้วกึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ เพราะวัดสนธิ์ทอง ที่โสภาพาฉันมาเยี่ยมชมนั้น ดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นวัดที่ทำให้ตลก ชื่อดังคู่นั้นด ั้นด้นมาถึงได้เลย “วันสนธิ์ทองโด่งดังเพราะหลวงพ่อนุชน่ะ เป็นเกจิอาจารย์ที่ อาคมเก่งก ล้าม าก” เปิล้ ข ยายให้ฟ งั เมือ่ เห็นส หี น้าไม่เชือ่ ข องฉนั จาก
49
50
วังใหม่
นัน้ ท งั้ ส องสาวกช็ ว่ ยกนั เล่าเรือ่ งราวของหลวงพอ่ น ชุ ท จะ ี่ เป็นต ำนาน ของชาววังใหม่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายสำหรับฉันที่เผอิญหลวงพ่อ ไม่อยู่วัด กระนั้น ฉันก็มีโอกาสได้เข้าไหว้พระพุทธชินราชจำลอง ภายในโบสถ์ใหม่ที่กำลังก่อสร้างบนเนินร ิมถนนสายหลัก ฉันกราบพระประธาน สบพักตร์อันเมตตานั้น แล้วก็คิดถึง เรื่องที่สองสาวเล่าให้ฟ ัง จริงเท็จอ ย่างไร ไสยศาสตร์ เรื่องเร้นล ับก็ ยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ประเด็นสำคัญคงไม่ได้ อยูท่ วี่ า่ อ ำนาจพทุ ธคุณในทางแคล้วคลาดนนั้ ม จี ริงห รือไม่ แต่ศ รัทธา ของชาวบ้านที่หล่อหลอมเป็นองค์พระ เป็นโบสถ์ กระทั่งวัดที่เป็น ศูนย์รวมจิตใจเป็นสิ่งแท้จริงมากกว่าหรือม ิใช่ ?
ล้วนคือศรัทธา ให้ บั ง เอิ ญอี ก เ หมื อ นกั น แกนน ำที่ มี ส่ ว น ในการผลักดันให้เกิดการอนุรักษ์ป่าเขาทลาย ขึ้นโดยร่วมกับผู้ใหญ่สมคิดก็คือพระสงฆ์เช่น กัน นามของท่านคือห ลวงพ่อใช่ สุชีโว หรือ พระครูวิสุทธฺสังวร “ห้าโมงสิบแล้ว ไปกันเถอะ” โสภาประกาศเมื่อเห็นว่าล่วงเลยเวลานัด อดีตผ ู้ใหญ่สมคิด ศิลปเวช แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน
นิธิ นิธิวีรกุล
กับผู้ใหญ่สมคิดมาพอสมควร ฉันหันกลับไปมองเทือกเขาทลาย ที่โอบวัดสนธิ์ทองเอาไว้ นึกภาพคืนวันที่เขาแห่งนี้ไร้ต้นไม้ เหลือ เพียงภูเขาโล้นๆ “เริ่มจ ากหลวงพ่อใช่นั่นแหละเป็นค นชวน บอกผู้ใหญ่ ต้องทำ อะไรสกั อ ย่างแล้วน ะ ป่าม นั จ ะไม่เหลือแ ล้ว พระเดือดรอ้ น ชาวบ้าน ก็เดือดร้อน” ผู้ใหญ่สมคิดนึกย้อนเรื่องราวหลังคำถามจากฉันถึงจุดเริ่มแรก ของกลุ่มอนุรักษ์ป่าไม้ชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ซึ่งเป็นยุคที่กรม ป่าไม้เปิดให้บริษัทค ้าไม้เข้ามาทำสัมปทานป่าเขาทลาย “ทีแ รกกไ็ ม่ส นใจกนั ห รอก จนเมือ่ เห็นว า่ เขาเริม่ โล้น น้ำท เี่ คยมี มันไม่มี น้ำนี่สำคัญมากนะต่อการทำสวน ไม่มีน้ำ สวนนี่ตายเลย พอเห็นอย่างนั้น เราก็เริ่มรณรงค์ ทำให้ชาวบ้านเห็น ก็มีทั้งที่เห็น ด้วย ไม่เห็นด้วยประสาคน แต่ส่วนใหญ่ที่เอาด้วยก็เพราะมันเป็น ประโยชน์ต่อเขา เราก็ทำเรื่อยมา จนทุกวันนปี้ ่าเขาทลายกก็ ลับมา เต็มเหมือนเดิม ไม่โล้นแล้ว” พู ด แ ล้ ว ผู้ ใ หญ่ ส มคิ ด ก็ ม องขึ้ น ไ ปยั ง เทื อ กเขาท ลายที่ ท อด ตระหง่านอยู่หน้าบ ้านผู้ใหญ่ ซึ่งร่มครึ้มด ้วยแมกไม้น านาพันธุ์ ผู้ ใ หญ่ ส มคิ ด ยั ง เ ล่ า ต่ อ กั น ส มั ย ก่ อ นโ น้ น ช่ ว งที่ ยั ง มี ก าร สัมปทานกัน บนเขาทลายจะเห็นเปลวไฟลกุ โชนขนึ้ ม ากลางความมดื บนยอดเขาสม่ำเสมอ ไฟจากธรรมชาติบ ้าง การละเลยบ้าง กระทั่ง ไฟจากความตั้งใจเพื่อปล่อยให้ยืนต้นต าย “ยุคน นั้ ก ารทำไม้เป็นล ำ่ เป็นส นั มีร ถแทรคเตอร์ไถขนึ้
51
52
วังใหม่
ไป ไสไม้เป็นท่อนๆ ลงมา พอชาวบ้านรกู้ ็เกณฑ์ค นไปจับ เกิดเป็น ปัญหาระหว่างชาวบ้านกับบริษัทร ับสัมปทานป่า” จากปีก่อตั้ง พ.ศ. 2527 ลุถึงป ี 2532 หลังการรวมตัวกันของ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาป่าไม้ที่ถูกเผาทำลายไป เนื่องจากไฟป่าบ้าง การสัมปทานบ้าง สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ป่าไม้ ชุมชนเขาทลายจำนวน 220 คนกร็ ว่ มกนั ร ณรงค์ให้ช าวบา้ นในพนื้ ที่ และชุมชนใกล้เคียง ทั้งจากตำบลวังใหม่ ตำบลนายายอาม และ ชาวบ้านจากอำเภอแก่งหางแมว หยุดการทำลายป่าไม้เขาทลาย อีกทั้งยังจัดเขตแนวป่าสงวนอย่างชัดเจน มีการจัดตั้งเวรยามโดย อาสาสมัครที่เป็น ผู้ชายทำการเดินป่าเพื่อระแวดระวังไฟป่า และ ผู้ไม่หวังด ีจากนอกพื้นที่ที่จะเข้ามาทำลายป่าเขาทลาย รวมถึงก าร ปลูกป ่าทดแทนเพิ่มขึ้นกว่า 140 ไร่
นิธิ นิธิวีรกุล
ล่วงถึงปี พ.ศ. 2553 สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ฯ ร่วมกันก่อสร้าง ฝายชะลอนำ้ บ นเทือกเขาทลายรวมแล้วท งั้ หมด 17 แห่งต ลอดลำน้ำ เพือ่ ให้ช าวบา้ นในหมู่ 8 และหมู่ 9 มีน ำ้ ใช้อ ย่างพอเพียงไม่ขาดแคลน และยังให้ป่าช ุ่มชื่นอยู่คู่ตำบลวังใหม่ต่อไป ในบรรยากาศที่แสงเย็นวันแรกในตำบลวังใหม่เริ่มโรยตัว ลงมาช้าๆ ฉันถามผู้ใหญ่สมคิดว่าสิ่งที่กลุ่มอนุรักษ์ทำไว้จะช่วยให้ ป่าวังใหม่ย งั ค งมอี ยูต่ อ่ ไปหรือไม่ ผูใ้ หญ่เชือ่ ไหมวา่ ห มดรนุ่ ผ ใู้ หญ่แล้ว คนรุ่นต ่อไปจะยังคงอนุรักษ์ป่าอ ยู่ ? เป็นคำถามที่ผู้ใหญ่สมคิดตอบโดยไม่หยุดคิดสักนิดว่า “แน่นอน เพราะเราวางทกุ อ ย่างไว้แ ล้ว เราปลูกฝ งั ค นรนุ่ ใหม่ ให้ อนุรกั ษ์ป า่ ” จากนนั้ ผ ใู้ หญ่ห วั เราะเบาๆ “ตราบทยี่ งั ม วี งั ใหม่ก ต็ อ้ งมี ป่าเขาทลายต่อไป” •
53
06 ‘สวน’ ของลุงภมร กับบ้านเศรษฐกิจพอเพียง แวะคุยกับนายกฯ ก่อน มีเวลาก่อนเข้าที่พัก โสภาถามฉันว่านายก อบต.วังใหม่ ซึ่ง ตั้งแต่มาถึงยังไม่มีโอกาสได้คุยเลย เพิ่งกลับมาจากประชุมงานที่ อำเภอนายายอามพอดี และถามว่าฉันต้องการจะแวะคุยอะไรสัก เล็กน ้อยไหม ตามคิวแ ล้ว ฉันมีคิวนัดคุยก ับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล วังใหม่ว ันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากวันพรุ่งนี้ นายกฯติดงานด่วน จึงเลื่อน มาคุยวันนี้ ฉันเริม่ ต น้ ถ ามถงึ ท มี่ าทไี่ ปของนายกองค์การบริหารสว่ นตำบล ที่ชื่อ นริศ กิจอุดม “จริงๆ ผมเกิดตำบลสนามไชย พอเกิดได้ขวบ พ่อก็พาย้ายมา อยู่ตำบลกระแจะ อยู่กระแจะจนถึง ป.6 แล้วไปต่อ ป.7 ในเมือง แล้วก็ย้ายไปเรียนรามฯ จากนั้นย้ายมาอยู่วังโตนด เรียนรามฯได้
นิธิ นิธิวีรกุล
สองปี พ่อผ มกข็ าขาดจากการทำเหมืองพลอย ก็ก ลับม ารบั ก จิ การพอ่ ทำอยู่จนถึงอายุประมาณ 29-30 วิ่งไปวิ่งมาระหว่างวังโตนดกับ บ่อไร่ จังหวัดตราด ซึ่งเป็นสถานที่ทำพลอย พ่อผมก็อยากให้ลง การเมือง ช่วงแรกกเ็ป็นส มาชิกสภาผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นได้อยูป่ ีสองปี ชาวบ้านในวังโตนดก็ชวนให้ผมมาเป็น ผู้ใหญ่บ้าน เพราะคนเดิม ไม่ชอบอยู่ในพื้นที่ ผมก็ลงสมัคร แล้วก็ชนะเขา เป็นผู้ใหญ่บ้านได้ ห้าปี ช่วงนั้นตำบลวังโตนดก็ขอแยกออกตัวออกมาตั้งตำบลใหม่ เนื่องจากหมู่บ้านยี่สิบหมู่บ้านมันใหญ่ มันกว้าง ก็เลยขอแยกตัว ออกมา แบ่งคนละสิบหมู่ วังโตนดสิบหมู่ วังใหม่สิบหมู่ เหตุที่ชื่อ วังใหม่น ี่ เพราะหนึง่ มาจากวงั โตนด สอง ใหม่ มาจากอำเภอทา่ ใหม่ เพราะเราแยกตัวม านี่ เราจะไปอยู่อำเภอนายายอาม และนัยยะอีก อย่างหนึง่ ก ค็ อื วังทีแ่ ยกมาใหม่จ ากวงั โตนด แต่อ ำเภอเขากท็ ว้ งมาว่า การตั้งชื่อตำบลนี่ต้องมีที่มาที่ไปที่ยึดโยงกับพื้นที่ ว่ามันเป็นอะไร ทีนี้ตำบลเราไม่มีคำว่าวังใหม่ใช้เรียกชื่ออะไรเลย พอดีตอนนั้นเกิด วังน้ำขึ้นมาใหม่ที่หมู่สอง เราก็เลยเอามาใช้ ก็กลายเป็นวังใหม่” นายกฯนริศบ อกเล่าท งั้ ป ระวัตสิ ว่ นตวั แ ละประวัติต ำบลให้ ฉันร บั ร ทู้ มี่ าทไี่ ปของวงั ใหม่ท ไี่ ม่ใช่ท า่ ใหม่ แม้จ ะมคี วาม เกี่ยวพัน มีความยึดโยงทมี่ ีนัยย ะกระหวัดถึงบ้าง แต่วังใหม่ก ็ไม่ใช่ท่าใหม่อ ยู่ดี ความที่คลุกคลีกับชาวบ้าน รู้จักแทบทุกคน ตั้งแต่รุ่นเฒ่ารุ่นแก่ ตั้งแต่สมัยเป็น ผู้ใหญ่บ้าน วังโตนด ก่อนแยกตัวมาเป็นต ำบลวังใหม่ ตั้งแต่
55
56
วังใหม่
เลื่อนจากผู้ใหญ่มาเป็นกำนัน กระทั่งมาเป็นนายก อบต.ในที่สุด นายกฯ นริศบอกกับฉันว่าแกไม่เคยถือตัวว่าเป็นเจ้านาย แม้จะมี บ้างเรื่องช่องว่างระหว่างแกกับชาวบ้าน เนื่องด้วยภาระในฐานะ นายกอบต. กินเวลาจนแทบไม่ได้ลงไปคลุกคลีกับชาวบ้านเหมือน สมัยก ำนัน กระนัน้ แกกใ็ ห้เบอร์โทรศัพท์ม อื ถ อื ก บั ช าวบา้ นสามารถ โทรถึงแกได้ต ลอด มีป ัญหาอะไร หากปลีกเวลาไปได้ นายกฯ นริศ ไม่เคยเกี่ยงงอน “เราถือว่าตัวเองเป็นลูกจ้างเขา เขาเสียภาษีจ้างเรามาทำงาน ให้เขา ก็ต้องทำให้ด ีที่สุด แก้ปัญหาให้เขา” อ่านแล้ว อดคดิ ไม่ได้ใช่ไหมวา่ ท กุ ส งั คมแต่ละสงั คม ไม่ว า่ ร ะดับ ย่อยเพียงไร ผู้นำเป็นอ ย่างไร ผู้ตามล้วนเป็นเช่นนั้น อาจไม่ใช่ท ุกคน แต่ส ่วนใหญ่ แล้วป ญ ั หาใดบา้ งทนี่ ายกฯ นริศพ ยายามแก้แ ล้ว แต่ย งั แ ก้ไม่ได้ ฉันอดทจี่ ะถามไม่ได้เช่นกัน คำตอบจากนายก อบต.วังใหม่ มีดังนี้ “ปั ญ หาห ลั ก ๆ ก็ คื อ ก ารท ำม าห ากิ น วิ ถี ข อง ชาวเกษตรกรเรานี่ มันมีปัญหาทุกปี ปัญหาหนึ่งก็คือ ราคาพื ช ผ ล อี ก ปั ญ หาก็ คื อ ก ารล อกเ ลี ย นแ บบ พูดง่ายๆ ก็คือการไม่รจู้ ักพ อเพียง ซึ่งตรงนี้ มันแก้ยาก แก้น ิสัยคนนี่แก้ย ากที่สุด”
มองอนาคตวังใหม่ยังไง? นายกฯ นริศวาดหวังถึงวันที่ฉันเชื่อ
นิธิ นิธิวีรกุล
เหมือนที่เธอ และคงจะใครอีกหลายคนเชื่อเช่นกัน ว่าวังใหม่ใน อนาคตจะเป็นว งั ใหม่ท ชี่ าวบา้ นทกุ ค นไม่มปี ญ ั หาเรือ่ งปากทอ้ ง ไม่มี ปัญหาเรื่องราคาพืชผลให้ต้องออกมาประท้วงปิดถนน เนื่องจาก ราคาผลผลิตตกต่ำอีก ไม่นับปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวล นายกฯ นริศเชื่อว่าทำได้ “เราพยายามอยู่ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็ต้องแก้ไข” คงเพราะถือตัวว ่าไม่ใช่น าย และเป็นลูกจ้าง คำพูดนั้นจึงหนักแน่น และแม้ฉัน ซึ่งไม่ใช่คนวังใหม่ ไม่ได้ เป็นทั้งเกษตรกร และไม่ได้เป็นท ั้งลูกหนี้นอกระบบที่ไหน แต่ฉ ันก็ เชื่อเช่นกันว่าปัญหาทั้งสองที่นายกฯ ปรารถนาแก้ไข (และอาจเป็น ปัญหาเดียวกันก บั พ วกเราทกุ ค น) เริม่ ต น้ ง า่ ยๆ จากการสะกดคำว่า ‘พอ’ ให้เป็น
คืนนี้ฉันจะนอนในความมืด ค่ำคืนเข้าปกคลุมตำบลวังใหม่จนมืดมิดแทบมองสิ่งใดไม่เห็น หากไม่มีแสงไฟจากด้านหน้ารถกระบะสตราด้าข องโสภาแล้ว ฉันก็ มองไม่เห็นเลยว่าส่วนใดคือท้องถนน ส่วนใดคือเรือกสวนไร่น าของ ชาวบ้าน “มาเสียด ึกเชียว เลยอดกินข้าวเย็น” คำแรกที่ลุงภ มร สุเนตรโต อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเอ่ยทัก ฉันทันทีท ี่ลงจากรถกระบะของโสภาและเปิ้ล สองสาวทักทายอดีต ข้าราชการเกษียณอย่างคนคุ้นเคย ก่อนจะฝากฝังฉันไว้กับลุงภมร
57
58
วังใหม่
แล้วลากลับไปโดยไม่ลืมนัดแนะว่าพรุ่งนี้เช้าจะมารับฉันไปขึ้นเขา ทลายเพื่อศึกษาสภาพนิเวศของป่าที่ครั้งหนึ่งเคยเสื่อมโทรมของ ตำบลวังใหม่ “เอากระเป๋าไปเก็บก่อนไหม พักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุย กัน” ลุงภ มรเชื้อเชิญฉันไปยังกระท่อมหลังน้อยที่ตั้งอยูใ่นอาณาเขต บ้านชั้นเดียวของแกที่เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงประจำ บ้านหมู่ 2 ฉันเดินต ามไปยังกระท่อมเล็กๆ ทีต่ กแต่งอ ย่างสวยงาม น่ารัก บนชานระเบียงที่นอกจากจะมีแคร่ไม้ไผ่วางไว้แล้ว ยังมีเจ้าถิ่น ประจำบา้ นนอนหมอบอยูด่ ว้ ยอกี ต วั ห นึง่ ลุงภ มรสง่ เสียงไล่เจ้าส นุ ขั พันธุ์อัลเซเชี่ยนตัวใหญ่ที่นอนหมอบอย่างไม่สนใจ มันลุกขึ้นอย่าง เกียจคร้านลงจากชานไป แต่ไม่ว ายหนั ม ามองคอ้ นฉนั ร าวกับร วู้ า่ ฉ นั นั่นแ หละเป็นต้นเหตุให้ม ันถูกขับไล่จากที่นอนแสนสบาย
นิธิ นิธิวีรกุล
“นอนให้สบายนะ” ลุงภมรเปิดประตูให้ฉันก้าวเข้าสู่ห้องพักขนาดเล็ก ความรู้สึก แวบแรกที่คิดข ึ้นมาก็คือ นี่ไม่ใช่โฮมสเตย์อ ย่างทวี่ าดหวัง แม้จะตั้ง อยูใ่นอาณาเขตรอบรั้วบ้านก็ตามที ฉันว างกระเป๋าล งกบั พ นื้ ไม่ล มื ก ล่าวขอบคุณล งุ ภ มรทผี่ ละจาก ไปโดยทีเ่ รายงั ไม่ทนั ได้พ ดู ค ยุ อ ะไรกนั ม าก ค่ำคืนก างแขนตอ้ นรับฉ นั ด้วยแสงของหริ่งหรีดเรไร แม้ติดใจเล็กน้อยที่ไม่ได้พักในบ้านร่วม ชายคากับเจ้าของบ้านให้สมกับที่เป็นโฮมสเตย์จริงๆ ทว่า...เธอรู้ไหม นั่นไม่ใช่ครั้งแ รกทฉี่ ันคิดผิด
ชาร้อนและเรื่องราวของหลานย่า เช้าปลุกฉันด้วยเสียงนกกระจิบร้องเบาๆ ฉัน ผุดลุกขึ้นเมื่อ
59
60
วังใหม่
หวนระลึกได้ว ่าเมื่อค ืนก ่อนผล็อยหลับไป ตั้งใจว่าเช้าน จี้ ะตื่นข ึ้นมา เก็บภาพยามเช้าในบรรยากาศโฮมสเตย์บ้านลุงภมรเสียหน่อย เนื่องจากเมื่อวานกว่าจะมาถึงก็ค่ำมืดแล้ว ออกจากกระท่อมหลังน อ้ ย บรรยากาศโดยรอบเย็นช นื้ ลุงภมร กำลังรดน้ำต้นกล้ายางที่วางเรียงอยู่ด้านหน้ากระท่อมฉันอยู่พอดี แกยิ้มเอ่ยทัก “ตื่นแล้วรึ” เราทักทายกันตามประสาก่อนฉันบอกแกว่าขอตัวไปเก็บรูป โดยรอบของโฮมสเตย์ก ่อน แกเชิญฉันตามสบาย แต่ไม่ล ืมสำทับว่า 8 โมงให้มากินข้าว น านมากแล้วท ไี่ ม่มผี ใู้ หญ่ค อยบอกฉนั ให้ก นิ ข า้ วเวลาไหน ทำให้ รู้สึกแปลกๆ
นิธิ นิธิวีรกุล
คล้ายๆ อบอุ่น คล้ายๆ แบบนั้น เก็บร ปู ย ามเช้าร อบๆ บ้านลงุ ภ มรเสร็จ ฉันก เ็ ดินเรือ่ ยมายังส ว่ น ต้อนรับของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ทั้งที่ยังไม่อาบน้ำ (อึ๋ย!) มุมหนังสือ และชั้นกาแฟวางไว้เคียงชั้นสมุนไพร และความรู้ต่างๆ ทีส่ ่วนใหญ่นำมาจากภายในสวนของลุงภมรเอง บรรยากาศโดยรอบสงบ ฉันเห็นเงาเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง ตัวบ้าน เดาว่าน่าจะเป็นป ้าฐิตพ ิ ร สุเนตรโต คูช่ ีวิตของ ลุงภมรที่กำลังตระเตรียมอาหารเช้าให้เรา ระหว่างนั้นลุงภมรก็เดินกลับมาจากสวนอีกฝั่ง ของตัวบ้านในสภาพเหงื่อโทรม ยิ้มยังไม่หายจาก ใบหน้า “กินช าด้วยกันสิ”
61
62
วังใหม่
ฉันพ ยักห น้า ลุงภ มรบอกฉนั โดยไม่ต อ้ งรอให้ถ ามวา่ เช้าๆ ต้อง ออกกำลังกายให้เหงื่อมันออก ไม่งั้นข้อเข่ามันเสื่อม ฉันวางกล้อง แล้วบทสนทนาถึงชีวิตของลุงภมร ผู้เริ่มฉากชีวิตในฐานะชาวสวน อดีตผ ู้อำนวยการโรงเรียนมาเนิ่นน านกว่าสี่สิบปีก็เริ่มข ึ้น “อาชีพหลักล ุงคือส อนหนังสือ งานสวนเป็นง านอดิเรก” ลุงภมรเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เริ่มต้นจากมรดกที่ดินย่าฟัก สุเนตรโต ซึง่ ได้ส ง่ ม อบมรดกทดี่ นิ จ ำนวน 11 ไร่ ให้ก บั ล งุ ภ มรตงั้ แต่ ปี พ.ศ. 2532 โดยเริ่มแรกลงุ ภมรทำสวนตามอย่างเพื่อนบ้านทวั่ ไป โดยหวังว า่ ง านสวนทที่ ำเป็นง านอดิเรกจะมาสง่ เสริมร ายได้ห ลักจ าก อาชีพในฐานะครูคนหนึ่ง ทว่าไม่ได้เป็นอ ย่างทหี่ วัง “เมื่อก่อนทีเดียวที่ทำสวนน่ะ เน้นปลูกเงาะ ทุเรียน มังคุด อย่างเดียว หวังว า่ จ ะมรี ายได้เพิม่ เติมจ ากทมี่ เี งินเดือนอยูแ่ ล้ว แต่พ อ ทำไปทำมา เงินเดือนก็หมดไปกับพวกนหี้ มดเลย เพราะต้องลงทุน
นิธิ นิธิวีรกุล
ต้องพัฒนาอะไรอยู่เรื่อย จากเดิมที่ต้องรดน้ำทุกอาทิตย์ หรือสาม วันครั้ง ใช้ระบบลากสาย(ยาง) เราก็มาคิดว่าจะต้องลากสายนี่ไม่ ไหว ไม่ทนั ก็ต อ้ งมาจดั การระบบนำ้ หัวน้ำเหวยี่ งสปริงเคิลท งั้ ส วน... ก็ต อ้ งลงทุนอ กี พอทำไปพกั ห นึง่ ก็ม าเจอภาวะเรือ่ งโรค แมลง เรือ่ ง ตลาด เรื่องภัยแล้งอ ะไรต่ออะไร ทำให้เราล้มลุกคลุกคลานกับการ ทำสวน ชื่อม ันก บ็ อกอยูแ่ ล้วว ่า ‘สวน’ มันไม่ช นกันซ ะที มันก ส็ วนไป สวนมาอยูอ่ ย่างนี้ สวนกบั ร าคาอกี แ ล้ว มันส วนกนั ท กุ ป เี ลยนะ จาก นั้น มันก็ทำให้ลุงได้คิดว่าการที่เราไปทำสวนแบบเชิงเดี่ยวมีรายได้ เป็นหมื่น เป็นแ สน ก็เปลี่ยนความคิดใหม่ เอาแค่มีกินในครอบครัว ก่อน แจกเพื่อน แจกญาติพี่น้อง แจกคนที่มาเยี่ยมมาเยือน เอ๊ะ มัน ก็เบาขนึ้ สบายขนึ้ ขณะเดียวกันล งุ ก เ็ ริม่ ท ำสวนแบบผสมผสาน เริม่ ปลูกไม้ท กุ อ ย่าง ไม้ท ใี่ ช้ก อ่ สร้าง ไม้ท เี่ ป็นพ ชื เศรษฐกิจ เช่นย าง อะไร
63
64
วังใหม่
พวกนี้ก็ปลูกล งไปในสวนให้หมด” อาจพูดได้ว่าเพราะความที่เริ่มต้นจากงานอดิเรกก่อน เพราะ ความที่ล้มลุกคลุกคลาน และการที่ราคาพืชผลทางการเกษตร สวนทางกับการทำสวนเพื่อมุ่งเน้นแต่การค้าอย่างเดียวทำให้ลุง ภมรได้ค้นพบว่าการทำสวนที่แท้จริงอย่างที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้ทำ นั้นเป็นอ ย่างไร แม้เมือ่ ป ระสบความสำเร็จก บั ส วนตวั เอง ลุงภ มรกไ็ ม่ได้ห ยุดอ ยู่ แค่นั้น ในราวปี พ.ศ. 2551 ด้วยสภาพพื้นที่รกร้างของบ้านหมู่ 2 เนือ่ งจากชาวบา้ นทงิ้ น าตวั เองไปซอื้ ข า้ วถงุ เสียเป็นส ว่ นมาก ลุงภ มร จึงเริม่ ช กั ชวนให้ห นั ก ลับม าปลูกข า้ วกนิ เอง โดยเริม่ แ รกใช้ช อื่ ว า่ ก ลุม่ ทำนาข้าว มีสมาชิกราว 20 คน แรกก่อตั้ง จุดป ระสงค์เป็นไปเพื่อการปลูกข้าวกินเองมากกว่า
นิธิ นิธิวีรกุล
กระทั่งเมื่อผลผลิตมากขึ้น สมาชิกในกลุ่มทั้งหมดจึงมีมติให้จัดหา สถานที่เก็บผลผลิต ซึ่งก็คือยุ้งข้าว และเมื่อมียุ้งข้าวสำหรับเก็บ ผลผลิตม ากขึ้นนั่นเอง ทางกลุ่มจึงมีมติร่วมกันอีกครั้งให้เปลี่ยนชื่อ จากกลุ่มทำนาข้าวมาเป็นกลุ่มธนาคารข้าว ในปี พ.ศ. 2552 นอกจากธนาคารข้าวแล้ว ลุงภมรยังชักชวนให้ชาวบ้านหมู่ 2 ขุดส ระเพือ่ ส ำรองนำ้ ไว้ใช้ต ามหลักเศรษฐกิจพ อเพียง รวมถงึ ใช้เป็น สถานที่อนุรักษ์พันธุ์ปลาในท้องถิ่น จำนวนพวกปลาดุกอุยท้องนา ปลาช่อน ปลาหมอ ฯลฯ “ลุงเคยขึ้นไปเยี่ยมโรงเรียนเก่า (โรงเรียนแก่งหางแมว) ได้เห็น ศิษย์เป็นนายก อบต. เป็นประธานสภา เป็นรองผู้ใหญ่บ้าน เป็น ประธานกองทุนเงินล้านหมู่บ้าน ลุงไปนี่ลุงก็ต้องไหว้ศิษย์แล้ว แต่ เขากเ็ชิญให้เรานั่งหัวโต๊ะ ก็ไม่มีอะไรหรอก เขากเ็ชิญเราไปกินเหล้า นั่นแหละ เพราะพวกนี้โตๆ กันหมดแล้วใช่ไหม แต่พอลุงเห็น แบบนัน้ ลุงก็พ ดู น ะ ว่าถ า้ ค รูร วู้ า่ จ ะเชิญค รูม ากนิ เหล้าอ ะไรแบบนี้ ครู ไม่มาหรอก เพราะกินเหล้าก ินที่ไหนก็ได้ แต่ทคี่ รูมาเพราะอยากจะ เห็ น ต้ น ก ล้ า ที่ ค รู ป ลู ก ม าสี่ สิ บ ปี มั น ใ ห้ ค วามสุ ข ให้ความร่มเย็นแก่สังคมอย่างไรบ้าง” ฟังแล้ว ฉันได้แต่คิดว่า การเป็น ชาวสวนนั้ น ย ากก็ จริ ง แต่ ก ารเ ป็ น ชาวสวน แล้วยังเป็นครู ทั้งแก่ตัวเอง และบุคคลอื่นด้วยนั้น ยากยิ่งก ว่า เพราะมนั ห มายถงึ ป ระสบการณ์ท ี่
65
66
วังใหม่
คนคนนั้นสั่งสมมาทั้งชีวิต คือวิธีในการที่เขามองโลก มองตัวเอง และสังคม แน่นอนว่าไม่ใช่เกษตรกรทุกคนที่ค้นพบ แต่ เคล็ดลับท วี่ ่านี้ บรรพบุรุษข องชาวนาชาวสวนได้เขียน ตำราทงิ้ ไว้เป็นม รดกบนผนื แ ผ่นด นิ ไว้ห มดแล้ว ทุกอ ย่างเริม่ ต น้ จ าก แค่เปลี่ยนความคิด จากพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นพ ืชแบบผสมผสาน จากความมั่งมีใคร่ร วย ก็เปลี่ยนมาเป็นพ อเพียง พออยู่ เมื่อรู้จักพ อ ใช่หรือไม่ จึงรู้จักมั่งมี ลุงภมรได้ตอบคำถามในใจฉันแล้วด้วยสวนของแกที่คงไม่ต้อง สวนทางกับสภาพภายนอกอีกต่อไป “เอ้า มากินข้าวได้แ ล้วจ้า” ป้าฐ ติ พิ รรอ้ งบอกมาจากดา้ นหลัง ลุงภ มรหนั ไปมองคชู่ วี ติ แล้ว หันมายิ้มให้ฉ ัน “ไป กินข ้าว” ฉันล กุ ต ามแกไปยงั ส ว่ นครัวด า้ นหลัง ข้าวสวยรอ้ นๆ ผสมดอก อัญชันส ีอมม่วงสวยน่ากินเชิญชวนฉันอยู่บนโต๊ะอาหาร พร้อมด้วย ผักสารพัด และไข่เจียวจานโต “เอาเลย กินเลย กับข้าวแบบชาวชนบท กินได้นะ” ฉันยิ้ม อยากบอกลุงเหลือเกินว่าสำหรับชาวเมืองเช่นฉันที่ บางครั้งก ินแต่อาหารจานด่วน กินแต่บะหมีก่ ึ่งสำเร็จรูป อาหารบน โต๊ะฝีมือคชู่ ีวิตลุงภมรเช้าวันทสี่ องในวังใหม่ข องฉัน ใกล้เคียงทีเดียวกับอาหารเลิศหรูที่สุดท ี่ฉันเคยกิน
นิธิ นิธิวีรกุล
ไม่สิ มันดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันเต็มไปด้วยบทสนทนา เต็ม ไปด้วยน้ำใจไมตรีที่ลุงภมรและป้าฐิติพรมีให้ นาทีที่ฉันตักข้าวสวย กรุ่นกลิ่นดอกอัญชันเข้าปาก ฉันนึกถึงความคิดเมื่อค่ำคืนก่อน หลับตาลงนอน ความคิดที่ว่าโฮมสเตย์ลุงภมรไม่ใกล้เคียงโฮมสเตย์อย่างที่ ฉันวาดหวังว ่าจะได้อยู่ร่วมชายคาเจ้าของเรือน แต่ทั้งหมดนั้นมัน ถูกทดแทนด้วยอาหารเลิศรส ข้าวร้อนๆ สีสวย และ รอยยิ้มของเจ้าของเรือนอย่างลุงภมร และ ป้าฐิติพร •
67
นิธิ นิธิวีรกุล
เสร็จจากอาหารเช้า ฉันขอตัว เจ้าบ า้ นทงั้ ส องกลับไปอาบน้ำ ให้สดชื่น เพื่อ เตรียมตัวรอ เวลาให้เจ้าหน้าที่จาก อบต. เดิ นท างม ารั บ ตามที่ โ สภา ได้บอกฉันเมื่อค่ำคืนก่อนจาก ว่าเช้าวันนี้ จะมีน้องนุ่งจาก อบต. วังใหม่มารับฉันขึ้นเขาทลายแทนเธอที่ติด สะสางงาน ฉันไม่ขัด แต่ระหว่างที่นั่งรอ ลุงภมรซึ่ง คงเห็นว่าถ้าฉันจะนั่งเฉยๆ คงไม่ต่างจากการ หายใจทิ้งเปล่าๆ จึงชวนฉันให้ออกไปดูแปลง สาธิตที่แกตั้งชื่อให้ว่า ‘สวนสองไร่ สองล้าน’ ซึ่งแกทำร่วมกับลุงอิ๋ง เพื่อนบ้านจากหมู่ 2 และเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง ทีบ่ ้านแกเหมือนกัน “ความตั้งใจแต่แรกคือให้เป็นแปลงสาธิต เพื่อการเกษตร ให้คนที่เขาดูงานมาศึกษาได้ เห็นว่าเราทดลองทำแล้ว และทำได้จริง” ลุงภ มรบอกถงึ ค วามตงั้ ใจทแี่ กกบั ล งุ อิง๋ ท ำ ร่วมกนั ต อ่ แ ปลงสาธิตผ สมผสานพชื ผ ลทางการ เกษตร ทั้งกล้วย แตง กล้ายาง พริก ฯลฯ
07 สองล้าน สองไร่
ลุงอิ๋ง
69
นิธิ นิธิวีรกุล
“เครือหนึ่งขายได้สองร้อยกว่าบาท หนึ่งเครือมีประมาณเจ็ด ถึงแปดหวี เฉพาะกล้วยนี้ลุงขายได้เกือบๆ แสนบาทเมื่อปที ี่แล้ว” ลุง อิง๋ เล่าให้ฟ งั แล้วย งั เสริมด ว้ ยขอ้ มูลท ที่ ำให้ต าโตวา่ นอกจาก กล้วยจะให้ผลออกดอกเป็นเงินแล้ว ผลแตงเอย ต้นกล้ายางเอย รวมถึงต้นยางที่กำลังเติบโตรอวันกรีดเพื่อแปรรูปเป็นยางพาราเอย ก็ล้วนรอวันเก็บเกี่ยวเป็นเงินร วมๆ แล้วอีกหลายแสนบาท แน่นอน มองในฐานเม็ดเงิน เพียงเท่าน ี้ก็ทำให้ช าวเมืองอย่าง ฉันอิจฉาได้แล้ว ทว่าล ึกลงไปกว่านั้น มันคือดอกผลจากพื้นที่เพียง
71
72
วังใหม่
สองไร่ ขณะที่ข่าวคราวจากภาคเกษตรที่เรา-หมายถึงฉันและเธอต่างรบั ร วู้ า่ โดยตลอด ยังม เี กษตรกรอกี ม ากทเี่ ป็นห นีส้ นิ ม ากมายทงั้ มีที่ไร่ที่นามากกว่าส องไร่ด ้วยซ้ำ “แล้วต กลงมันได้สองล้านจริงไหมครับ” ฉันถามลุงอิ๋ง ก่อนจะ เดินไปขึ้นรถจี๊ปสมัยสงครามโลกที่ลุงภมรติดเครื่องรอพร้อมด้วย เจ้าเฉิน หมาไทยสีน้ำตาลที่ชอบกระโดดขึ้นไปชูคอบนรถเจ้านาย ราวกับมันคือเจ้านายเสียเอง ลุงอิ๋งหัวเราะก่อนจะตอบฉัน “โอ๊ย มันไม่ถึงหรอกสองล้าน” ฉันห วั เราะตาม ยกมือไหว้ข อบคุณแ กในความรเู้ ล็กๆ แต่เปีย่ ม ความหมายถึงค ำว่า ‘พอเพียง’ บนเนื้อที่แปลงสาธิตเพียงสองไร่
[แทรก] เรื่องราวของเฉิน ผมชอื่ เฉิน ครับ เป็นห มาไทยพนั ธุท์ างลกู ผสม ดูได้จ ากหน้า ผม จำวนั เดือนปเี กิดไม่ได้ จำพอ่ แ ม่ต วั เองกไ็ ม่ได้ จำได้แ ต่ว า่ ร าวๆ สอง เดือนกอ่ น ผมโซเซพลัดห ลงมายังบ า้ นของพอ่ ภ มร ซึง่ แ กกม็ หี มาอยู่ แล้วอีกสามตัว แต่ละตัวล ้วนพี่เบิ้มก ว่าผมทั้งน ั้น กระนั้น พ่อภ มรก็ ไม่อิดออดทจี่ ะรับเลี้ยงผมไว้ จะให้อ ิดออดได้อย่างไรล่ะครับ ผมเล่นท ซู่ เี้ ข้าท ำนองดา้ นได้อ ายอดนนั่ แ หละครับ วันน พี้ อ่ ภ มร ไล่ วันพ รุ่งน ผี้ มก็มานอนหมอบใกล้ๆ สวนยางบ้านแกใหม่ บ่อยเข้า แกก็ใจอ่อน ทุกวันนผี้ มเลยกลายเป็นเจ้าเฉินของพ่อภมร แกตั้งชื่อ
นิธิ นิธิวีรกุล
ให้ผม เพราะผมพลัดหลงมา และคงบวกกับที่แกชอบอีตาดารา นักแสดงชาวฮ่องกงที่ชื่อ เฉินหลง ด้วยกระมัง ผมชอบโดดขึ้นรถจี๊ปพ่อภมรครับ มันสนุกดี ขึ้นไปอยู่กระบะ ท้าย มองลงมายังเจ้าหมาขี้อิจฉาทั้งหลายแหล่ที่ได้แต่วิ่งเห่าตาม อิอิ ชะเง้อมองจนคอเคล็ด พวกแกก็ไม่มวี ันได้ขึ้นห รอก รถจี๊ปคันนี้ ผมจองครับ แต่ก็มีบ้างเป็นบางวันที่พ่อภมรจะอนุญาตให้แขกของ แกขึ้นมานั่ง อย่างวันนี้ แขกของพ่อแกเป็นน ักเขียนมาจากนนทบุรี ก็ไม่ค่อยทำอะไรหรอกครับ มาแล้วก็อัดเทป ถ่ายรูป เห็นว่าจะเอา เรื่องของพ่อภมร กับชุมชนในวังใหม่นี้ไปเขียน เห็นชอบมาคุยกับ ผมเหมือนกัน แต่ผ มไม่ค ุยหรอก คนนอก ผมไม่ว างใจ เดี๋ยวนี้แก๊ง
73
74
วังใหม่
ค้าหมามันเยอะ ใครจะรู้นิ “เฉิน จะลงมามั้ย” อ๊ะ พ่อภมรเรียกแล้ว ไปก่อนล่ะนะครับ
น้ำส้มค วันไม้ ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่าน้ำส้มควันไม้ หรือในภาษาอังกฤษ Wood Vinegar นั้นเป็นข องเหลวใส สีน้ำตาล มีกลิ่นค วันไฟ ซึ่ง เกิดจากการเผาไม้ให้กลายเป็นถ่านในสภาวะที่มีออกซิเจนจำกัด โดยมีอุณหภูมิในเตาระหว่าง 300-400 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ
นิธิ นิธิวีรกุล
ปากปล่องระหว่าง 80-150 องศาเซลเซียส ซึ่งน ้ำส้มควันไม้จ ะเกิด ขึน้ ห ลังส ารประกอบตา่ งๆ ในเนือ้ ไม้ได้ส ลายกลายเป็นส ารประกอบ อินทรีย์ กลั่นต ัวอ อกมาเป็นข องเหลว เมื่อได้ข องเหลวมาแล้ว ก็จะ นำไปเก็บไว้ในที่ร่มประมาณ 3 เดือนเพื่อให้สารประกอบเกิดการ ตกตะกอน กระทั่งม าเป็นน ้ำส้มควันไม้ในที่สุด แล้วมีประโยชน์อันใด ? พ้นจากข้อมูลในโลกไซเบอร์แล้ว ลุงอิ๋ง พาฉันไปดูเตาเผาไม้ จากต้นเงาะทแี่ กโค่นลงจากในสวนของแก ต้นเงาะหลายต้น ซึ่งไม่ ให้ผลอีกแล้ว รวมถึงต้นมังคุดถูกโค่นเพื่อนำไม้มาเผาให้กลายเป็น
75
76
วังใหม่
ถ่าน และน้ำส้มควันไม้ เตาของลงุ อิง๋ ส ร้างขนึ้ ป ระสาบา้ นๆ ด้วยการใช้ท อ่ พ วี ซี ตี อ่ เข้าไป ในเตาที่แกก่อขึ้นเองจากดินรอบสระน้ำที่แกขุดไว้เพื่อเลี้ยงปลา สายพันธุพ์ ื้นถิ่น เฉกเช่นบ้านลุงภมร “ก็เอาไปรดต้นไม้ รดสวนป้องกันแมลง เราชาวบ้านก็ใช้วิธี บ้านๆ แหละ อะไรที่ทำเองได้ก็ทำ” แม้ข้อมูลบนโลกไซเบอร์จะบอกประโยชน์มากมายของน้ำส้ม ควันไม้ ชนิดเจียระไนออกมาแล้วมมี ากกว่าที่ลุงอิ๋งบอกฉันแน่นอน
นิธิ นิธิวีรกุล
แต่สิ่งสำคัญจริงๆ ประโยชน์จริงๆ ของ น้ำส้มควันไม้ ไม่ได้อยู่ที่มันส ามารถใช้แทน สารเคมีในการปราบศัตรูพืช ตั้งแต่พวกมด แมลง ตะขาบ จนกระทั่งรักษาโรครา และ โรคเน่าได้หรอก ความภูมิใจต่างหาก คือประโยชน์ที่แท้ จริงของน้ำส้มควันไม้ คือการที่ชาวบ้าน อย่างลุงอิ๋ง อย่างลุงภมร ได้ประดิษฐ์คิด
77
78
วังใหม่
ขึ้นจากการต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในพื้นถิ่นของ ตน ด้วยมือของตน สุขใดเล่าจะดีเยี่ยมไปกว่าการได้ล งแรงทำอะไรเอง แล้วพบว่า มันประสบความสำเร็จ •
08 ป่าหินก อง
‘‘
จากป่าเขาลำเนาไพรนั่นเอง ที่เขา ได้มาซึ่งเปลือกไม้ รากไม้ และ เครื่องเทศซึ่งช่วยบำรุงหล่อเลี้ยงมนุษย์ บรรพชนของเราล้วนเป็นชาวดอย - จาก Walking ของเฮนรี เดวิด ธอโร - พจนา จันทรสันติ แปล -
ลุงภมรขับรถจี๊ปพาฉันมาส่งยังท ี่ทำการ อบต.วังใหม่ หลังโทรศัพท์ คุยกับโสภาแล้วบอกกับทางนั้นว่าจะเป็นคนพาฉันไปส่งเอง ฉัน กล่าวขอบคุณลุงภมรและเจ้าเฉินจอมซ่า หันมาทักทายสวัสดีกับ โสภา และสองหนุ่มที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์พาฉันขึ้นเขาวันนี้ “นี่พี่หนู กับพี่นนท์ค่ะ วันนี้พี่ทั้งสองจะเป็นคนพาพี่ขึ้นไปดู เขาทลาย” “สวัสดีครับ” ทัง้ สองยกมือไหว้ฉนั คนชอื่ หนูรปู รา่ งผอมสงู คน
นิธิ นิธิวีรกุล
81
ชื่อนนท์รูปร ่างสันทัด ทั้งสองยิ้มละไมอยู่บนใบหน้าเหมือนๆ กัน เหมือนๆ กับชาววังใหม่แทบทุกคนที่ฉันได้พบตลอดหนึ่งวัน ที่ผ่านมา โสภาผละกลับเข้าท ที่ ำการ อบต. ไป ขณะทนี่ นท์แ ละหนูก ข็ นึ้ ร ถ กระบะสต ราด้า ค นั เดิม ฉันก า้ วขนึ้ ต าม ไม่น านนกั ทัง้ ส องกพ็ าฉนั ไต่ ขึ้นเนินมาจอดยังศาลารกร้างทเี่จ้าของเดิมสร้างไว้ตีนเขา “เดี๋ยวรอให้พี่อีกสามคนมาก่อนนะครับ” หนูบ อกกับฉัน ระหว่างรอ ฉันก็หยิบกล้องออกมาเก็บภาพบึงขนาดใหญ่ ซึ่ง ที่จริงคือฝายกักเก็บน้ำที่ชาวบ้านหมู่ 8 รวมถึงอาสาสมัครร่วมกัน สร้างไว้เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ จากบึงใหญ่ ฉันเดินไต่ลงไปเก็บภาพน้ำตกขนาดย่อม มี กระสอบทรายวางขวางทางน้ำ บางกระสอบเปื่อยยุ่ย สันนิษฐานว่า คงเกิดจากกระแสน้ำที่ไหลพัด เสียงของป่าดังก้องรายรอบตัว ขณะที่ฉันหวนคิดถึงข้อเขียน
(หนู)
(นนท์)
นิธิ นิธิวีรกุล
ของเฮนรี เดวิด ธอโร นักเขียนและนกั ว ทิ ยาศาสตร์ช าวแมสซาชเู ซตส์ ซึ่งสร้างผลงานเขียนที่ชื่อ Walden หนังสือว่าด้วยการใช้ชีวิตอย่าง เรียบง่ายกับธ รรมชาติ กลับไปหารากเหง้าและตัวต นของความเป็น มนุษย์ ณ ริมสระน้ำช ื่อ วอลเดน ทว่าข้อเขียนที่ของเดวิด ธอโร ที่ฉันนึก กลับไม่ใช่หนังสือชื่อ ดังเล่มนั้นห รอกนะ แต่เป็นเรื่อง Walking หนังสือทวี่ ่าด ้วยการเดิน นำไปสู่สัจธรรมได้อ ย่างไรบ้าง ฉันห วนคดิ ถึง ขณะยนื น งิ่ ฟ งั ส รรพเสียงปา่ ร อบกาย ระหว่างนนั้ เสียงของรถเครือ่ งคนั ห นึง่ ก ด็ งั แ ทรกขนึ้ ม า แล้วพ ลพรรคสมาชิกก ลุม่ อนุรักษ์ป ่าไม้ชุมชน บ้านหมู่ 8 อีกสามคนก็มากันครบ พี่ตี๋ ลุงติ่ง และลุงเปี๊ยก เป็นอาสาสมัครป้องกันป่าเขาทลาย เช่นเดียวกับหนู และนนท์ ทั้งสามล้วนเป็นร ุ่นใหญ่ เกิดและเติบโต ทันย คุ ก ารตอ่ สูก้ บั น ายทุนบ ริษทั ค า้ ไม้ส มัยเดียวกบั ท หี่ ลวงพอ่ ใช่แ ละ ผู้ใหญ่สมคิดเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมา ความคิดถึงข ้อเขียนของเดวิด ธอโร ชะงักค้างไว้ ขณะที่นนท์ และหนูแนะนำให้ฉันรู้จักกับสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์รุ่นแรกๆ ทั้งสาม แต่แล้วความคิดถึงข้อเขียนของธอโรก็หวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อ พวกเราทงั้ ห กเริม่ เดินข นึ้ ส ปู่ า่ เขาทลาย หรือท ชี่ าวบา้ นแถวนเี้ รียกกัน มานานเนิ่นแล้วว ่า ‘ป่าหินก อง’ ระหว่างทาง ขณะทฉี่ ันเก็บภาพภายในป่าไว้ให้ม ากที่สุด คณะ กลุม่ อ นุรกั ษ์ก จ็ ะหยุดพ ดู ค ยุ ก นั เป็นร ะยะ ตัง้ ข อ้ ส งั เกตตามกงิ่ ไม้ท หี่ กั คากิ่งลงมาวา่ อาจเป็นฝมี ือคนนอกเข้ามา เพราะวนั ก ่อนพวกเขายงั
83
84
วังใหม่
ไม่เห็น ขณะที่ทางซ้ายมือของพวกเราเป็นท างน้ำเล็กๆ ที่ชาวบ้าน เรียกกันว่า ‘โกรกน้ำ’ อันเป็นภ าษาถิ่นข องคนที่นี่ ป่าในเทือกเขาทลายรกครึ้มไปด้วยแมกไม้ที่ฉันไม่รู้จักประสา คนเมืองที่เพียงแค่หญ้าก็ยังคิดถอนทิ้ง ฉันสูดหายใจลึกเอาอากาศ บริสุทธิ์ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้หายใจเข้าปอดนัก และแปลกดี ทั้งที่ ก่อนหน้าน ี้ ฉันม กั เหนือ่ ยกบั ก ารขนึ้ เขาเตีย้ ๆ ประสาคนนำ้ ห นักเกินอย่างที่เธอมักว่า และเรียกฉันเสมอว่า อ้วน-แต่ทว่า ขึ้นเขาทลาย วันนี้ ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยเลย แม้ในป่าจะไร้ลมพัด เว้นแต่สูงพ้นศีรษะเราขึ้นไปยอดกิ่งไม้ ยังไหวลเู่ อนตามลมชอ่ งเขา กระนัน้ ป่าก ใ็ ห้ค วามรสู้ กึ เย็นส ดชืน่ ฉัน เก็บรูปเพลินจนลืมสมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นอีกที หลังของพวกเขาก็ห่างออกไปไกลแล้ว
นิธิ นิธิวีรกุล
ช่างเดินเร็วกันจริง ฉันได้แ ต่ค ดิ ในใจ ขณะทรี่ บี ส บื เท้าก า้ วตาม ถ้อยความของเดวิด ธอโรกลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง “จากป่าเขาลำเนาไพรนั่นเอง ที่เขาได้มาซึ่งเปลือกไม้ รากไม้ และเครื่องเทศซึ่งช่วยบำรุงหล่อเลี้ยงมนุษย์ บรรพชนของเราล้วน เป็นชาวดอย” นั่นสินะ ฉันร ำพึงเบาๆ กับต ัวเอง หลังรำลึกย้อนเรื่องราวตาม ที่ผู้ใหญ่สมคิดเล่าให้ฟัง เพราะป่าให้ชีวิตนั่นเอง เราถึงไม่อาจขาด ป่าได้ ทั้งทปี่ ่าไม่มเีรา ป่าก ็อยู่ได้ และอาจอยู่ได้ดยี ิ่งกว่า เมื่อไม่มี
85
นิธิ นิธิวีรกุล
พวกเราคอยตดั ไม้ คอยทำลายสภาพภมู นิ เิ วศของปา่ ให้ส ญ ู สิน้ ล งไป ทีละน้อย ทีละน้อย เพียงเพราะเราหลงลืมว่าแ ม้แต่รากไม้ก ็ให้คุณแก่ชีวิต มากกว่านั้น เพราะว่าเราหลงลืมไปว่าบรรพชนของเราล้วน เป็นชาวดอย
ล้วนมาจากป่าแทบทั้งสิ้น เดินกำลังเหนื่อยดีทีเดียว เมื่อฉันไล่ตามกลุ่มอนุรักษ์ป่าไม้ ชุมชนมาทันย ังหลังเขา และ ณ จุดน ี้เองทีม่ องเห็นกองหินส องกอง สูงเกือบสองเมตรวางเคียงศาลไหว้ผ เี จ้าพ อ่ เขาหนิ ก อง ชาวคณะเรา ทั้งหกจึงเลือกขอนไม้ที่ล้มลง แล้วนั่งลงสนทนา
87
88
วังใหม่
ศรัทธารักษาป่า ขณะที่ฉันมองลุงเปี๊ยกย่อก ายลงคุกเข่า หลังจุดธ ูปทเี่ตรียมมา เพื่อไหว้เคารพเจ้าพ่อเขาหินกอง ฉันก็นึกถึงศรัทธาที่ชาววังใหม่มี ให้พระสงฆ์สำคัญสองรูป คือหลวงพ่อนุช และหลวงพ่อใช่ รูปแรก คือพระที่ให้พุทธคุณทางจิตใจ เป็นที่พึ่งทางโลก ยามที่ชาววังใหม่ รู้สึกไร้ทางออก ขณะที่รูปหลังคือพระนักอนุรักษ์ คือพระสงฆ์ผู้ สร้างพุทธคุณให้แก่ป่า ยังประโยชน์ให้แก่โลก และชาววังใหม่ใน บริบทที่แตกต่างกัน ทว่าทั้งสองรูปต่างเป็นพระเหมือนกัน ต่างเป็นตัวแทนของ ศรัทธาความเชื่อเหมือนกัน และต่างก็เป็นชาววังใหม่เช่นเดียวกัน “เรื่องเจ้าพ่อบางทีมันก็เป็นกุศโลบาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง หรอกนะ ท่านศกั ดิส์ ทิ ธิจ์ ริง” ลุงเปีย๊ กเล่าเมือ่ เรานงั่ ล ง “สมัยก่อนโน้น เคยมเี สือด ว้ ยนะ เสือส มิง ตัวใหญ่เลย รุน่ พ อ่ ร นุ่ แ ม่ล งุ น ยี่ งั ท นั ได้เห็น ค่ำๆ คืนๆ จะมาแล้ว จะได้ยนิ เลย เดินป ว้ นเปีย้ นบนหลังคาสงั กะสี แต่ท่านมาดี มาปกป้องคุ้มครอง เคยมีพวกพรานเข้ามาจะยิงเสือ แต่ก็ยิงไม่โดน เขาว่าเป็นเสือของเจ้าพ่อ แต่พวกพรานถ้าใครเผลอ ลงคลานกนิ น ำ้ น โี่ ดนยงิ ต ายเลยนะ คนอืน่ จ ะมองเห็นเป็นส ตั ว์ ฉะนัน้ เข้าป่านี่ห้ามก้มลงไปกินน้ำ แต่ต้องใช้มือวักน้ำกินเอา หรือไม่ก็หา กระบอกไม้ไผ่ม ารอง” “เจ้าพ่อนี่ คือเจ้าพ่อหินกองหรือค รับ” ฉันถามพลางมองไปยังศาลที่ตั้งอยู่ระหว่างหินสองกอง ซึ่ง
นิธิ นิธิวีรกุล
พูนสูงจากหินก้อนเล็กๆ จากน้ำมือชาวบ้านนำขึ้นมาวางทีละก้อน สองก้อน “ใช่” ลุงเปี๊ยกตอบ แล้วเล่าต่อว่าแรกเริ่มนั้น ไม่มีใครรู้ว่าบน เขานี้มีหินกองเล็กๆ มาวางไว้ได้อย่างไร “มันไม่ได้สูงอย่างที่เห็นนี้ หรอก” ลุงว า่ กระนัน้ เมือ่ ฉ นั ถ ามวา่ ค นเฒ่าค นแก่ท จี่ ดจำได้ว า่ ม หี นิ กองตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นมีไหม? ลุงเปีย๊ กกส็ า่ ยหน้า บอกไม่มใี ครจำได้ เนือ่ งจากคนรนุ่ พ อ่ ร นุ่ แม่ แกเกิดมาก็เห็นแล้ว “ก็คิดดูมันผ่านมากี่ปีแล้วล่ะตั้งแต่ลุงยังเด็กๆ สองพันห้าร้อย โน่น ชาวบ้านเขาขึ้นมากห็ ยิบหินขึ้นม าด้วย มาวางไว้” ฉันถามต่อถึงศาลเจ้าพ่อหินกอง ลุงเปี๊ยกก็ให้คำตอบว่าเป็น ผลงานร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านอีกเช่นกัน เมฆครึ้มลอยมาปกคลุมสันเขาอยู่ครู่หนึ่ง ให้บทสนทนาเงียบ ลงไป เพื่อให้พวกเราได้ฟังเสียงป่า และให้ฉันได้จินตนาการถึง วันเวลาเก่าก่อนโน้นบนเทือกเขาแห่งนี้ที่ยังเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์
89
90
วังใหม่
ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่ากึ่งตำนานอันน่าสนุก เมื่อฉันถามต่อว่าต ั้งแต่เมื่อไหร่ท ี่ป่าเขาทลาย หรือเขาหินกอง เริ่มถูกทำลาย ทั้งลุงเปี๊ยกและลุงติ่ง ให้ค ำตอบเหมือนกัน คือราวๆ ปี พ.ศ. 2527 “ตอนนั้นพวกป่าไม้มันเข้ามา เอารถแทรคเตอร์ขึ้นมา ก็ไถ ต้นไม้ดะเลยนะ จากตรงที่เราขึ้นมานี่ล่ะ ตัดเสร็จก็เอาแทรคเตอร์ ดันล งไปเลย” ลุงติ่งพูดพลางทอดสายตาไปไกลยังทิวทัศน์ลิบๆ ของตัว อำเภอแก่งหางแมวต่ำลงไปเบื้องล่าง ฉันฟังแล้วก็ได้แต่สงสัยว่า ไฉนเจ้าพ่อ เจ้าป่า เจ้าเขาถึงไม่ปกปักรักษาป่าเลย ไฉนพอเกิด เรื่องเช่นน ี้ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งห ลายกลับไม่ส ำแดงเดชใดๆ จนป่า แทบสิ้นแล้วน ั่นแหละ ฉันได้แต่เก็บงำคำถามนั้นไว้ในใจ ไม่ก ล้าถามลุงทั้งส องตามที่
นิธิ นิธิวีรกุล
คิด แต่ขณะทฟี่ ังเรื่องราวแต่ห นหลังของชีวิตชาววังใหม่ หมู่ 8 ก่อน การเข้าม าของรถแทรคเตอร์ ซึง่ ก ลายมาเป็นช อื่ ห มูบ่ า้ นเพราะความ ทีส่ มัยโน้น รถแทรคเตอร์ถ กู น ำมาใช้เพือ่ ก ารตดั ไม้ก นั เยอะมาก ฉัน ก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีอาจไม่ใช่เพราะอำนาจศักดิ์สิทธิ์นั้นเสื่อมลง หรอก แต่เป็นเพราะศรัทธาต่างหาก เพราะศรัทธาที่คนเรามีให้ต่อป่า ต่อบรรพชนของเราต่างหาก ที่สูญสลายไป ยังดีที่อย่างน้อยป่ายังส่งคนอย่างหลวงพ่อใช่ คนอย่างผู้ใหญ่ สมคิด และแกนนำคนอื่นๆ รวมถึงลุงติ่ง ลุงเปี๊ยกให้ล ุกขึ้นเป็นคน แรกๆ ในการเริ่มอนุรักษ์ป่าหินกอง จุดประกายความคิดชาวบ้าน วังใหม่ให้เห็นถึงความสำคัญของป่าไม้ทใี่ห้น้ำ น้ำท ี่ให้ช ีวิตแก่พืชผล ในสวนของชาววังใหม่ทุกคน พืชผลที่คืนกลับมาเป็นเงินทอง และ เป็นลมหายใจให้บ ้านวังใหม่ยังดำรงอยูต่ ่อไป •
91
09 กลุ่มดอกไม้จันทน์
“กว่าจะมาถึงปีนี้ ก็นานนะ ตั้งแต่ปี 50 พอได้กำไรมาเรา ก็ ต่ อ นู่ น ต่ อ นี่ ก่ อ อิ ฐ อ ะไร ไป ปีที่ผ่านมาก็ทำห้องน้ำ เหลือปีนี้แหละ ว่าจะทำ ตรงนี้ต่ออีกหน่อยหนึ่ง ไม่งั้นมันก็ไม่สำเร็จ เรา อยากเห็นม นั ส ำเร็จน ะ อยากเห็นผ สู้ งู อ ายุม รี าย ได้บ้าง ทำดอกไม้จันทน์นี่ เราจ้างข้างนอกให้ ช่วยทำ เพราะคนสูงอายุเขาทำไม่ไหว เขาจับ กระดาษขึ้นมาไม่ติด เพราะนิ้วแข็งไปหมดแล้ว เรากจ็ า้ งนะ พอเห็นค นสงู อ ายุเดินมาจากบา้ น พร้อมดว้ ยดอกไม้จนั ทน์นี่ เรากส็ งสาร ก็ให้ไป ร้อยละห้าส ิบ ไม่ได้เหลือเก็บเข้ากองทุนเท่า ไหร่ห รอก ที่ทำก็เพราะอยากช่วยเขา” “ตอนแรกเราก็ไม่เป็น
( อดีตผู้ใหญ่บ้าน ธันวา อิ่มเอี่ยม )
นิธิ นิธิวีรกุล
หรอก กระทั่งพ ัฒนากรอำเภอหาคนมาช่วยสอน เราก็หัดทำ ตอน แรกมีแต่ผู้สูงอายุทั้งนั้นเลย เพราะว่าเขาจะได้ค่าหมากค่าพลูน่ะ ลูกหลานเขาก็ไปทำงานข้างนอกกันหมด ตอนแรก เราจ้างร้อยละ ยี่สิบบาท แต่คนสูงอายุเขาก็ทำได้แค่ห้าสิบอันเอง เขาว่ามันหยิบ ไม่ติด เสร็จแ ล้วก็ต้องมาพันธ ูปพันเทียนอีก แต่ทุกคนก็มีมานะ ทุก คนช่วยเราจนได้ก ำไร” ถ้อยคำของอดีตผ ใู้ หญ่แ ห่งบ า้ นหมู่ 2 นางสาวธนั วา อิม่ เอีย่ ม หรือท ี่เรียกติดปากอีกเช่นเคยว่า ผูใ้ หญ่ก๊อย บอกเล่าถ ึงจ ุดเริ่มต้น ของการก่อตั้งกลุ่มท ำดอกไม้จันทน์ท ี่ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน จากความตงั้ ใจทตี่ อ้ งการเห็นผ สู้ งู อ ายุในหมูบ่ า้ นมรี ายได้เสริม ขึน้ ม าจากเบีย้ ผ สู้ งู อ ายุร ายเดือน ซึง่ ม กั ไม่ค อ่ ยพอนกั อีกท งั้ ผ สู้ งู อ ายุ ส่วนใหญ่ไร้บ ตุ รหลานคอยจนุ เจือ ผูใ้ หญ่ก อ๊ ย จ งึ ได้ร วมกลุม่ ผ สู้ งู อ ายุ แล้วทำการเสนอโครงการผ่านอำเภอนายายอามไปยังศูนย์พัฒนา ฝีมอื แ รงงานเพือ่ ข อทนุ จ ำนวน 100,000 บาทมากอ่ ต งั้ ศ นู ย์ เรียนรู้กลุ่มทำดอกไม้จันทน์
จากดอกไม้งานศพ สู่ของที่ระลึกจากวัง ใหม่ พอเริ่มก่อร่างเป็นกลุ่มก้อนชัดเจนขึ้น จาก ดอกไม้จันทน์งานศพ กลุ่มของผู้ใหญ่ก๊อยก็ขยับ ไปสผู่ ลิตภ ณ ั ฑ์อ นื่ ๆ ทีเ่กีย่ วข้อง ทัง้ ก ารทำบายศรี การทำพวงหรีด กระทั่งต่อโลงศพ จนมาถึง
93
94
วังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล
ผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่ผู้ใหญ่ภูมิใจนำเสนอ ผ้าเช็ดหน้า และซองใส่โทรศัพท์มือถือ โดยฝีมือผู้สูงอายุ ประจำกลุ่มอีกเช่นกัน ฉันม องดผู า้ เช็ดหน้าส ขี าว ปักด า้ ยสบี นผนื ผ า้ แ ต่ละผนื ท อี่ า่ นได้ ว่า ‘ไปมาแล้ว วังใหม่’ บ้าง ‘วังใหม่ น่าอ ยู่’ บ้าง อดยิ้มในใจไม่ได้ ข้อค วามสนั้ ๆ สะท้อนความซอื่ ใสของกลุม่ ค นทอี่ ยูเ่ บือ้ งหลังผ นื ผ้าน อ้ ยๆ แต่ละผนื เหล่าน ี้ รวมถงึ ซ องใส่โทรศัพท์ท ที่ ำจากผา้ ลายตา หมากรุก ผ้าลายไทย ฉันห ยิบผลงานที่ผู้ใหญ่ก๊อยภูมิใจนำเสนอขึ้น
95
96
วังใหม่
มาพินิจดู แล้วต้องยอมรับว่างานของเขาดีจริง ไม่ใช่ด้วยผ้า หรือลวดลาย แต่เป็นความ ตั้งใจที่จะให้ของที่ระลึกชิ้นนี้เป็นตัวแทน จากชาววังใหม่ โดยเฉพาะกลุม่ ท ำดอกไม้จนั ทน์ หมู่ 2 •
10 ทุนหมู่บ้าน ทุนอนาคต
เริ่มจากนายกฯนริศ ต้องการเห็นช าวบ้านในตำบลมเีงินออมทเี่พิ่ม มากขึ้นจากเดิมที่แต่ละหมู่บ้านมีกองทุนของตัวเองอยู่แล้ว ไม่นับ กองทุนย อ่ ยแยกอนื่ ๆ รวมแล้ว 13 กองทุน ทว่าจ ำนวนเงินท สี่ มาชิก ได้ร บั จ ากแต่ละกองทุนก ไ็ ม่ได้ม ากพอในยามทพี่ วกเขาจำต้องใช้จา่ ย อาทิค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต กองทุนส วัสดิการชมุ ชนตำบลวงั ใหม่จ งึ ก อ่ ร า่ งขนึ้ โดยมคี รูแก็ต หรือ นางสาวบุศย์สรี ปานขาว เป็นแกนนำกลุ่ม ดำเนินงาน คอยให้ คำปรึกษาต่างๆ ในฐ านะที่เคยด ำรงต ำแหน่ ง อ าจารย์ ในมหาวิทยาลัย “เริ่มจากเราไปเดินบอกกับชาวบ้าน เดินบอกทุกบ้าน จนถ้า ปากฉีกได้ มันค งฉกี ไปถึงร หู แู ล้ว เขากเ็ ลยเกรงใจครูม ากเลยยอมฝาก ก็ได้ คนละสามสิบบ าท วันท ี่เปิดบ ัญชี มีเงินทั้งหมด 2,700 บาท ทุกวันนี้เรามีเงินทุนท ั้งหมดกว่าสิบสี่ล้านบาท” กองทุนฯ มีส วัสดิการจา่ ยคา่ ห อ้ งพกั ในโรงพยาบาลยามเจ็บป่วย
นิธิ นิธิวีรกุล
99
บุศรีย ์ ปานขาว กรรมการกองทุนสวัสดิการ ชุมชนตำบลวังใหม่
ครั้งละ 500 บาท มีเงิน ‘ขวัญถุงลูกรัก’ ให้กับท ารกเกิดใหม่คนละ 500 ไม่เกิน 2 คนต่อ 1 ครอบครัว สมาชิกสถาบันสามารถกู้ เป็นเงิน เป็นปุ๋ย หรือเครื่องมือทางการเกษตรได้แทน รวมถึงการใช้ ตั๋วแ ลกเงินเป็นทางเลือกในการผ่อนชำระหนีแ้ ก่สมาชิก ถามว่ายากไหมกว่าจะมาถึงวันน ี้ ครูแก็ตยิ้ม (เป็นร อยยิ้มแ บบ ที่ฉันชักสงสัยแล้วว่าชาววังใหม่จะมีบ้างไหมที่ท้อ) บอกฉันว่าเรา ต้องพูดต ้องคุยกับชาวบ้านให้เขาเข้าใจ แรกๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ ไม่ยินยอมมาออมเงินกับกองทุนฯ ก็เพราะต่างก็คิดว่าตัวเองมี รายจ่ายทั้งนั้น มาตรการของอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ชาวบ้าน
100 วังใหม่
ถนัดปากเรียก ‘ครูแก็ต’ จึงใช้วิธีเรียกทุกครัวเรือนในวันประชุม มาแจกแจงถึงรายรับรายจ่ายให้ฟัง แล้วถามด้วยเหตุผลว่าแต่ละ รายจ่ายนั้นตัดได้ไหม โดยอิงจากความจำเป็นในการดำรงชีวิต เป็นหลัก เมื่อตัดได้ เงินส่วนนั้นก็นำมาเป็นเงินออม ถามต่อว่าปัญหาที่พบเจอตลอดการบริหารกองทุนมานี้คือ เรื่องใดบ้าง ครูแก็ตให้คำตอบยาวเหยียดที่อาจไล่เรียงสรุปออกมา เป็นคำสั้นๆ ได้ว ่า “พอไม่เป็น” “อย่างบ้านตรงข้ามครูเนี่ย เขาก็ปิดบ้านหนีไปแล้ว เพราะเป็น หนี้นอกระบบ เรากเ็คยเรียกเขามาคุยน ะ เคยช่วยจ่ายหนี้ให้เขา แต่ แล้วเขากก็ ลับม าเป็นเหมือนเดิม คือไม่พ อ ใช้เท่าไหร่ก ไ็ ม่พ อ ทางแก้
นิธิ นิธิวีรกุล 101
ที่ครูพ ยายามรณรงค์ก ็คือการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย” ฉันถามว่ามันจะแก้ยังไง ในเมื่อการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายก็ เป็นแต่เพียงบัญชี หลักคิดของครูแก็ตกลับไม่ได้อยู่ตรงนั้น “ข้อดีข องการทำบญ ั ชีก ค็ อื ส มาชิกในครอบครัวได้ค ยุ ก นั พ่อแ ม่ ได้ค ยุ ก บั ล กู ลูกได้ร วู้ า่ พ อ่ แ ม่ม เี งินเท่าไหร่ เด็กก จ็ ะได้ร วู้ า่ ต วั เองควร ใช้เงินยังไง ของที่ไม่จำเป็น บางครั้งเอาออกได้ ถ้าเราทำตรงนี้ได้ เราจะเปลี่ยนฐานความคิดเขาได้ แล้วเขาก็จะมีภูมิคุ้มกัน” การคยุ ก นั เป็นส งิ่ ท คี่ รูแ ก็ตพ ยายามมาตลอดตงั้ แต่เริม่ ร บั ไม้จ าก นายกฯ นริศ ในการก่อตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชน ตั้งแต่วันที่พยายามพูดจนปากเกือบฉีกถึงรูหูเพื่อให้ชาวบ้าน เข้าใจว่าเหตุใด เขาถึ งต้ อ งย อมเสี ยเงิ นม าฝ ากเข้ ากั บ กองทุ น สวัสดิการอีก ในเมื่อแต่ละคนต่างมีบัญชีในกองทุนหมู่บ้านของ ตัวเองอยู่แล้ว ไม่น บั ก ารเป็นท ปี่ รึกษา คอยแก้ไขปญ ั หาของสมาชิกท แี่ วะเวียน มาขอคำปรึกษาเรื่องการจัดการเงินทองในครอบครัว การกู้เงิน จากแหล่งทุนนอกระบบ ซึ่งแหล่งทุนเหล่านี้ก็พยายามเจาะเข้ามา ในชุมชน “พวกนเี้ ยอะมาก เห็นป า้ ยให้ก ตู้ ามทอ้ งถนนไหม ? เต็มไปหมด” ฉั น เ ห็ น แต่ ไ ม่ ใ ช่ แ ค่ วั ง ใ หม่ เ ท่ า นั้ น ห รอก ทั่ ว ทุ ก ที่ แ หละ โดยเฉพาะในจิตใจเรา ฟั ง ค รู แ ก็ ต แล้ ว ฉั น ก็ ห วนคิ ด ถึ ง ปั ญ หาห นึ่ ง ใ นส องอ ย่ า งที่ นายกฯนริศพยายามแก้ไข แต่ยังแก้ไม่สำเร็จ เพราะนิสัยคนนั้น
102 วังใหม่
แก้ยากที่สุด กรณีของครูแก็ตก็เช่นเดียวกัน บางครั้งค นเรานกี่ ็แปลก ฉันคิด ทั้งที่ทางนั้นมีแล้ว คนนำเขา ทำทางไว้ให้ดีแล้ว ก็ยังอยากไปทางอื่น บางคนหวนกลับทางเก่า ทั้งที่รู้ว่าทางเก่านั้นพาให้หลงมัวเมาไปเพียงไร หรือเพราะเราไม่รู้? “การจะพึ่งตัวเองได้ เราต้องรกู้ ่อนว่าเราเป็นยังไง” ครูแก็ตทิ้งท ้ายไว้ในใจฉัน กระนั้น ฉันเห็นอ ีกอย่าง อาจไม่ใช่ ว่าเราไม่รู้ แต่เพราะเราไม่อาจควบคุมได้มากกว่า ความไม่รู้จักพ อดี เพื่อพอเพียง •
11 ลุงภ มร
ภมร สุเนตรโต
ค่ำคืนสุดท้ายในวังใหม่เคลื่อนลงมาคลี่คลุมเหมือน ย่ำเย็นที่ผ่านมา หลังผละจากบ้านครูแก็ต โสภาก็พาฉัน กลับมาส่งยังบ้านลุงภมร ซึ่งนั่งจิบน้ำชารออยู่แล้วด้วยยิ้มเย็นตาม ประสา เจ้าเฉินหมอบอยู่ไม่ไกล ลุงภมรถามฉันว่าหิวไหม รอได้หรือเปล่า ป้ากำลังเตรียม กับข้าวอยู่ ฉันยิ้มตอบว่ายังไม่หิว แม้ท้องจะร้องเบาๆ ก็ตาม ลุงภ มรผายมอื เชิญฉ นั ให้น งั่ ล งในศาลาไม้ท แี่ กตอ่ ข นึ้ เองจาก ไม้ต้นทุเรียนที่ตายไปในสวนของแก ซึ่งลุงภมรไม่ปล่อยให้เปล่า ประโยชน์ ฉันเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ ภายในโฮมสเตย์ของลุงภมร
นิธิ นิธิวีรกุล 105
ว่าข้าวของทุกสิ่งมีคุณประโยชน์ของมันเอง แม้ในยามที่ประโยชน์ ของมันอาจไม่ตอบสนองความต้องการได้แล้ว กับบางคนอาจไม่ คิดเช่นนั้น ภายในเนื้อที่ไร่+บ้าน+ใจ โฮมสเตย์จากสิ่งเหล่านี้ สำคัญที่สุด คือสายตาในการมอง น้ำชารินผ่านลงแก้ว ลุงภมรและฉันนั่งเงียบในสรรพเสียงของ หัวค่ำ แมลงกลางคนื ส ง่ เสียงรอ้ งเพลงเบาๆ ราวมปิ รารถนารบกวน เสียงเดียวทไี่ ด้ยนิ นอกจากประดิษฐกรรมจากธรรมชาติแ ล้ว คือเสียง ตะหลิวก ระทบกระทะจากในครัวโดยฝมี อื ข องปา้ ฐ ติ พิ ร คูช่ วี ติ ล งุ ภ มร ที่อยู่กินด้วยกันม ากว่าสี่สิบปี ไม่รู้อะไรดลใจ ฉันนึกอยากรู้เรื่องราวความรักของคนรุ่น ก่อนกำเนิดโทรศัพท์มือถือ ก่อน Facebook และโปรแกรมคุยแ ชท ที่เรียกว่า Line “ลุงกับป้าม ารักกันได้ยังไงครับ”
รัก-ปะ-ชุน “เขาเป็นช า่ งเย็บผ า้ รถเครือ่ งลม้ ม งั่ เสือ้ ข าด กางเกงขาด ทีหลังม ันไม่ค ่อยขาด ก็เอามีดก รีดให้ม ันข าด เขียนจดหมาย ใส่ ก ระเป๋ า ส่ ง ใ ห้ แ กไ ป สมั ย โ น้ น ป้ า แ กไ ม่ ช อบลุ ง หรอก เกลียดมาก แกเกลียดคนดำๆ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อดีตช่างเย็บผ้าสาวสวยเมื่อสมัย กว่าสี่สิบปีก่อนโน้นก็ตอบรับรักคนดำที่ใจไม่ดำอย่างครู
106 วังใหม่
จนๆ ในที่สุด ลุงภมรถือคติ ‘ตื๊อเท่านั้นทคี่ รองโลก’ แม้จะรวู้ ่าสาวเจ้าไม่ชอบ คนดำ ถึงขั้นรังเกียจด้วยซ้ำ แต่ลุงภมรก็ไม่ล ะพยายาม ด้วยเชื่อว่า ตนนั้นดีพอ สี่สิบปีในชีวิตคู่ กับทายาทอีกสามคน คือพยานแห่งรัก ที่อาจทำให้คนรุ่นหนุ่มสาวในปัจจุบันหวนคิดขึ้นมาก็ได้ว่าบางครั้ง สิง่ สำคัญไม่ได้อ ยูท่ เี่ ริม่ ต น้ ร กั อ ย่างไร แต่ป ระคบั ป ระคองรกั ให้ด ำเนิน ไปจนสุดเส้นทางรักต่างหาก
สำคัญมากกว่า “ลุงเคยเป็น ผอ.โรงเรียนมา เคยเป็นผู้บริหาร ชินแ ต่สั่งเขา แต่ ในบ้านนี่ ลุงต ้องปรึกษาเขานะ ต้องให้เขาเป็นใหญ่ คุยก ันก่อน” ฉันมองผ่านแสงนีออนไปยังช่องหน้าต่างห้องครัว เงาคู่ชีวิต ลุงภมรทาบอยู่เคียงคู่ในฐานะหลังบ้านมาตลอดสสี่ ิบปี และฉันเชื่อ ว่าคงแนบแน่นประดุจเงาร่างเดียวกันกับลุงภมรไปจนสิ้นลม
นกไม่มขีน คนไม่มีเพื่อน ย่อมขึ้นสูงไม่ ได้ “นกไม่มีขนมันจะบินได้ไหม ก็เหมือนกับคน ไม่มเีพื่อน มันจะ ดีได้ไหม มีเพื่อนไปถึงไหนก็ไม่อับจน” เริม่ ช วี ติ ก ารศกึ ษาดว้ ยการเดินต ดั ท งุ่ น าจากบา้ นหมู่ 2 ไปยงั ว ดั หนองสีงาหมู่ 3 ตัดทุ่งไปร่วมสิบกิโลเมตร ชีวิตลุงภมรผูกพันกับคำ ว่า ‘เพื่อน’ ในวิถขี องคนชนบท ตามหลักลูกผู้ชายสมัยเก่าท ี่ถือคติ รุ่นพี่ รุ่นน ้อง และเพื่อน
นิธิ นิธิวีรกุล 107
จากโรงเรียนประถมสู่โรงเรียนกินนอนในสมัยมัธยม ความ ผูกพันระหว่างน้ำมิตรวิถีลูกทุ่งชนบทยิ่งเคี่ยวกรำซึมซับลงไปด้วย การหล่อห ลอมจากรุ่นพ ี่ ฉั น ฟั ง ด้ ว ยค วามรู้ สึ ก ไ ม่ ต่ า งจ ากวิ ถี ท หารห าญที่ เ คยผ่ า น เข้าทำนอง ‘ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ข ายเพื่อน’ “มั น ไ ม่ ใ ช่ อุ ด มการณ์ แต่ เ ป็ นวิ สั ย ที่ เ ราซึ ม ซั บ เราไ ม่ เ คย เอาเปรียบใคร เพื่อนคนไหนที่ยังต่ำเราก็ดึงขึ้นม า ถ้าเพื่อนคนไหน จะกา้ วขนึ้ ไป เรากบ็ อกวธิ กี า้ ว ไม่ให้เหยียบหวั ก นั แต่ก ม็ บี างคน เรา ก็ตัดเพื่อนไป ชีวิตใครชีวิตมัน” “มีเยอะไหมครับ” “มันก ็มี แม้พวกเราจะมาจากเบ้าเดียวกัน แต่มันก็มีบ้างที่แตก ออกไป เมื่อแ กะพิมพ์ออกมา ต่างคนต่างเดิน คนเราไม่เหมือนกัน” ไม่รู้เธอคิดเหมือนฉันไหม?
เรือจ้าง วางพาย ในฐานะครูป ่าทเี่ริ่มต้นเพียงคนเดียว เป็นทั้งภ ารโรง ครูผสู้ อน และครูใหญ่เมือ่ ก ว่าส สี่ บิ ป กี อ่ น ลุงภ มรสงั่ ส อนลกู ศ ษิ ย์ม านบั ไม่ถ ว้ น ลูกศ ษิ ย์ไม่น อ้ ยได้ด บิ ได้ด เี ติบโตในอาชีพก ารงาน จนเป็นใหญ่เป็นโต ทั้งในแวดวงธุรกิจเอกชน และแวดวงข้าราชการ สี่สิบกว่าปีก่อนในยุคสมัยที่การเดินทางยังไม่สะดวกสบาย เหมือนทุกวันน ี้ อาศัยรถเครื่องเก่าๆ ขี่ลัดเลาะขึ้นเขาในอำเภอแก่ง หางแมวเพื่อไปสอนเด็กๆ ในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางป่าเพียงลำพัง
108 วังใหม่
ลุงภมรยอมรับก ับฉ ันว่ามีบางครั้งนึกท้อ จนอยากลาออก ถึงขนาดเขียนจดหมายส่งถึงผ ู้บังคับบัญชา และถูกเรียกตัวไป สอบถาม แต่แล้วเหตุใดลุงจึงเปลี่ยนใจ? “หัวหน้าลุงถามกลับมาว่าที่โรงเรียนนั้นมีชาวบ้านอยู่ในพื้นที่ ไหม ? ลุงก ต็ อบวา่ ม ี แต่แล้ วเขาอยูไ่ ด้ไหม ? ลุงก บ็ อกวา่ ได้ นัน่ แ หละ ลุงก็เลยได้คิดว ่าเออว่ะ คนอื่นๆ เขาอยูม่ าก่อนเราเขายังอ ยู่ได้เลย ลูกเล็กเด็กแดงมันก็อยู่กันได้ แล้วเราเป็นผู้ชาย เป็นคนหนุ่มแท้ๆ ทำไมอยูไ่ ม่ได้ มันก ฮ็ ดึ ก็อ ดทนอยูเ่ รือ่ ยมาจนสสี่ บิ ป ผี า่ นไปนแี่ หละ” กำแพงฝาผนังบ ้านลุงภมรด้านทตี่ ิดกับห้องครัวพอดิบพอดี มี แผ่นโฟมตดั เป็นต วั อ กั ษรขนาดใหญ่อ า่ นได้ว า่ ‘เรือจ า้ ง วางพาย’ ฉัน ถามลุงว่าลุงเป็นคนทำหรือ? ลุงภมรหัวเราะบอกไม่ใช่ เป็นเพื่อน เป็นรุ่นน้องที่ทำให้ในวัน เกษียณจากตำแหน่งผ ู้อำนวยการโรงเรียน
นิธิ นิธิวีรกุล 109
“ตอนนั้ น ก็ พ ากั น ม าเ ลี้ ย งส่ ง ที่ บ้ า นนี้ แ หละ มากั น เ กื อ บ สองร้อยคน พวกนั้นก็ทำป้ายนี้มาให้” ฉันถามถึงค วามหมาย “ก็เหมือนคนพายเรือน นั่ แ หละ เรามหี น้าท รี่ บั ส ง่ พ าเขาไปยงั ฝัง่ หน้าที่ของลุงก็คือคนพายเรือ พายส่งนักเรียนแต่ละคนไปส่งยังฝั่ง ของพวกเขา พอเกษียณถึงได้วางพายลง” ถึงเวลานี้ วันที่วางพาย วันที่สี่สิบปีผ่าน ความเป็นค รูได้ห มด ลงไปจากใจไหม ? ลุงภ มรจิบชา แล้วทอดสายตาไปในความมืดยังล านกว้าง และ ถัดจ ากนั้นค ือสวนยาง ก่อนจะตอบ “การทำอาชีพครู มันเหมือนกับการ ปลูกต้นไม้นะ มันต้องใช้เวลากว่าสี่สิบ ปีนี่แหละถึงได้เห็น ผลของการปลูก มัน งอกงาม พอได้เห็นลูกศิษย์ประสบความ สำเร็จ มันก ็ภูมิใจ แม้จะใช้เวลานานจน ลูกศิษย์หลายคนพลัดพรากจากกันไป แต่เราก็ได้เห็น” ลุงภมรหันมายิ้มให้ฉัน ฉันว่าฉันได้ คำตอบแล้ว
สมบัติของพ่อ ขณะที่เวลาล่วงเลย เสียงตะหลิว
110 วังใหม่
กระทบกระทะยังดังเคล้งๆ ในความสงัดยามค่ำ ลุงภมรผ่านเรื่อง เล่าท ั้งชีวิตรัก มิตรสหาย ความเป็นค รู มาจนถึงบ ทบาทของความ เป็นพ่อทฉี่ ันอดถามไม่ได้ว่าคิดถึงไหม ลูกๆ ทั้งสามที่ออกจากบ้าน และอ้อมอกพ่อแม่ไปสชู่ ีวิตในเมือง ตามวิถีของคนรุ่นใหม่ที่เลือกเดินคนละเส้นทางกับคนรุ่นเก่า “มันกม็ ีนะ มีเหงาบ้าง แต่ลุงก็ทำโน่นท ำนี่ ทำสวนมันมีอะไร ให้ทำเยอะ เดี๋ยวก็ตัดห ญ้า เดี๋ยวก็ออกไปเก็บผล ก็เคยบอกเขาว่า จะรับได้ห รือไม่ได้ก็แล้วแ ต่นะ แต่สมบัติชิ้นแ รกและชิ้นส ุดท้ายที่จะ มอบให้ค อื ก ารศกึ ษา บ้าน ทีด่ นิ อืน่ ๆ ไม่มใีห้ แต่ไม่ใช่ไม่ค ดิ จ ะให้นะ แต่ม นั ย งั ไม่ถ งึ เวลา ยังไม่ถ งึ เวลาสมควร ให้ไปสชู้ วี ติ ต ามทตี่ วั เองคดิ และมคี วามชอบ ไปไขว่ค ว้าห าเอา ถ้าม นั ไม่ไหว ก็ก ลับม า เพราะลกู ไม่ใช่ภรรยา หย่าข าดได้เสียเมื่อไหร่” คำพูดประโยคสุดท้าย ลุงภมรพูดแล้วก็หัวเราะ และแล้วเสียง ตะโกนก็ดังล ั่นมาจากครัว “กับข้าวเสร็จแล้ว” วางถ้วยชา ด้วยยิ้มกริ่ม ลุงภมรพยักหน้าบ อกกับฉัน “ไปกินข้าวเย็นกัน” •
นิธิ นิธิวีรกุล 111
12 ลาแล้ว วังใหม่ ไม่ ใช่ท ่าใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล 113
เช้าวันสุดท้ายต้อนรับด้วยเมฆครึ้มที่เตรียมตั้งเค้าว่าอีกไม่ช้า หยาดฝนคงพรมลงมา ฉันลาจากลุงภมร และป้าฐิติพร เมื่อโสภา ขับรถมารับในจังหวะที่สายฝนเริ่มพ ร่างพรมลงมาพอดี เจ้าเฉินกระดิกหางดิ๊กๆ มาออเซาะอย่างประจบ ฉันยิ้มลูบ หัวมัน ปกติแล้ว ยามไปที่ไหน หมาบ้านนั้นมักไม่ค่อยชอบฉัน อาจ เพราะตวั ฉ นั ม กี ลิน่ จ ากหมาทเี่ ราเลีย้ งไว้ก ระมัง แต่เจ้าเฉิน และหมา ตัวอ ื่นๆ อีกสามตัวในบ้านลุงภมรไม่เป็นอ ย่างนั้น พวกมันต้อนรับ ฉัน ราวกับมันรับร ู้ว่าฉ ันคือแขกของเจ้าของบ้าน อดที่จะคิดขึ้นมาในวินาทีนั้นไม่ได้ว่าตำบลวังใหม่ ไม่แต่เพียง คนเท่านั้นที่ให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยม ทั้งการเดินทาง ทั้งอาหาร การกิน ทั้งท ี่หลับท ี่นอน จนฉันนึกสบาย และเผลอลืมไปว่าตัวเอง มาทำอะไรกันแน่ ตลอดสามวันสองคืนที่ฉันได้เรียนรู้จากคนที่นี่ ฉันได้พบว่า ในวิถีอันเรียบง่าย ยังซุกซ่อนความซับซ้อนในชีวิตแต่ละคนลงไป ตามแต่สภาวะแวดล้อม วังใหม่สมกับคำว่า ‘น่าอยู่’ ตามคำขวัญ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโดยนายกฯ นริศตั้งใจให้เป็นคำขวัญ ประจำตำบล ไม่ใช่เพราะสภาพแวดล้อมที่โอบล้อมด้วยเขาทลาย ดกดื่นด้วยผลไม้ร สอร่อย หากเป็นด ้วยรอยยิ้มแต้มใบหน้า น้ำจิตน้ำใจตามที่โสภาให้คำจำกัดความฉันว่าคนวังใหม่ หาก ไม่ต้อนรับแ ขกให้ด ีที่สุด ถือเป็นการผิดมารยาท ‘น่าอยู่’ ในความหมายของคนที่นี่ ที่วังใหม่ ไม่ใช่ท่าใหม่ จึง เกิดจากความเอื้ออาทรต่อกัน เกิดจากความที่ทุกคนคิดถึงคนอื่น
114 วังใหม่
คิด ‘ทำเพื่อเขา’ ไม่ใช่ ‘เพื่อเรา’ แน่นอนในภาพทชี่ าววังใหม่ว าดหวัง ถึงอนาคต มันย่อมมีอุปสรรค ย่อมมีริ้วรอยของความผิดพลาด เพราะคนนนั้ ไม่ใช่เครือ่ งจักร แม้จ ะมาจากเบ้าห ลอมเดียวกัน ก็อาจ แตกบิ่นห ักลงได้ สิง่ ส ำคัญจ งึ ไม่ใช่ก ารพยายามปกปิดร วิ้ ร อย ด้วยการสร้างภาพ แต่เป็นการแก้ไขดั่งที่ชาววังใหม่ทุกๆ คนพยายามทำ ตั้งแต่ระดับ นายกอบต. ประธานกลุ่มกองทุนต่างๆ ปราชญ์ชาวบ้าน รวมถึง ชาวบ้านทุกคนทคี่ ิดถึงผ ู้คนบ้านเราก่อนคนบ้านอื่น ฉันก ล่าวลาเจ้าของบา้ นทอี่ บอุน่ ใจดี เจ้าของบา้ นโฮมสเตย์ท ไี่ ม่ เพียงให้การต้อนรับป ระดุจญาติมิตรสหาย ทั้งให้ค วามรู้ ข้อคิดจาก ประสบการณ์ช ีวิตที่สั่งสมมาทั้งในฐานะ ‘ครู’ ‘พ่อ’ และ ‘ชาวสวน’ ฉันกล่าวลาจากวังใหม่ในบรรยากาศสายฝนชุ่มฉ่ำ ฉ่ำเหมือน ฝนในใจฉันที่ราดลงด้วยไมตรีจากผู้คนที่นี่ ที่...วังใหม่ •
นิธิ นิธิวีรกุล 115
116 วังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล 117
ภาพเล่าเรื่อง วัดสนธิท์ อง
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่มาโด่งดัง หลังจาก หลวงพ่อนุชเข้ามาเป็นเจ้าอ าวาส เป็นทพี่ ึ่งทางใจให้ก ับชาวบ้านใน ตำบลวังใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเครื่องรางของขลัง
วัดหนองสีงา ย้ายมาจากวัดเก่าด้านหลังศาลาประจำหมู่บ้าน หมู่ 3 มี สัญลักษณ์ป ระจำวดั ท โี่ ดดเด่น คือง าช้างสงู ใหญ่ส งี่ า ซึง่ ส ร้างขนึ้ แ ทน ตำนานความเชื่อแต่เดิมทเี่ล่ากันในหมู่ชาวบ้านว่าส มัยก่อนนั้น เคย มีนายพรานไล่ล ่าช้างสองตัวมาล้มลงกลางทุ่ง เมื่อช ้างตายไป ดินก็ กลบฝงั ซ ากชา้ งทงั้ ส องตวั จนเวลาผา่ นไป ชาวบา้ นอพยพยา้ ยเข้าม า อยู่ ทำการขดุ ด นิ เพือ่ ท ำนากพ็ บงาสงี่ าพงุ่ แ ทงขนึ้ ม า จึงต งั้ ช อื่ ห มูบ่ า้ น ว่าหนองสี่งา ต่อม าเรียกเพี้ยนมาเป็น หนองสีงา
โบสถ์ ไม้เก่าวัดหนองสีงา โบสถ์ไม้เก่าแ สดงรอ่ งรอยหลักฐ านความเก่าแ ก่ข องพนื้ ทีต่ ำบล วังใหม่ เดิมเคยเป็นที่ตั้งของวัดหนองสีงา ต่อมาประสบปัญหา น้ำท่วมจากคลองวังโตนด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด ชาวบ้านและ พระสงฆ์จ งึ ร ว่ มกนั ข ดุ ล กู น มิ ติ เพือ่ ท ำการยา้ ยโบสถ์เดิมไปสร้างใหม่ ในพื้นทีด่ อนกว่าเดิม ปัจจุบันล ูกนิมิตเดิมของโบสถ์ย ังอยูใ่นศาลาที่ วัดหนองสีง าปัจจุบัน
ภาคผนวก ข้อมูลพื้นฐ าน ตำบลวังใหม่
นิธิ นิธิวีรกุล 119
ประวัติความเป็นมา เดิมเป็นส่วนหนึ่งใน 20 หมู่บ้าน ในพื้นที่ปกครองของตำบล วังโตนด แต่ด้วยสภาพพื้นที่ที่กว้างขวาง ยากแก่การดูแลทั่วถึง ชาวบ้าน 10 หมู่บ้าน จึงรวมตัวกันขอแยกมาตั้งตำบลขึ้นใหม่ เมื่อ วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2538 โดยใช้ชื่อตำบลว่า ตำบลวังใหม่ ซึ่ง มีที่มาจากวังน้ำบ้านหมู่ 2 ในลำคลองวังโตนดที่ไหลพาดผ่าน ซึ่ง เกิดขึ้นมาใหม่ จึงได้ชื่อ ‘วังใหม่’ มีความหมายว่าวังน้ำที่เกิดขึ้น ใหม่นั่นเอง ประวัติศาสตร์ชาววังใหม่ เท่าที่สืบค้นได้ ย้อนกลับไปไกลถึง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่อาจมีผู้คนอาศัยอยู่มานานกว่านั้น จากตำนานเรื่องเล่าของชาวบ้านถึงเรื่องราวการเทครัวชนชาวลาว เข้าม าในพนื้ ทีต่ ำบลวงั ใหม่ ซึง่ ม ชี นชาวมอญอาศัย ต่อมาทงั้ ช าวลาว และชาวมอญเกิดปัญหาแย่งชิงพื้นที่กัน เกิดการรบพุ่ง กลายเป็น ตำนานเล่าข านทยี่ งั ห ลงเหลือห ลักฐ านเรือ่ งเล่าอ ยูใ่ นชอื่ ห มูบ่ า้ นสอง หมู่บ้านในพื้นที่ตำบลวังใหม่ คือหมู่บ้านดงทับมอญ และหมู่บ้าน คลองลาว
120 วังใหม่
องค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ มีพื้นที่การปกครองทั้งหมด 65.646 ตารางกิโลเมตร มีหมู่บ้านจำนวน 10 หมู่บ้าน ครัวเรือน 1,982 ครัวเรือน ประชากรทั้งหมด 5,436 คน ประกอบอาชีพชาวสวนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมากปลูกต้นยาง เนื่องจากให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจส ูง
ที่มาที่ ไปของชื่อหมู่บ้านต่างๆ ในตำบลวังใหม่ หมูท่ ี่ 1 (บ้านหนิ ด าด) เดิมค อื หมู่ 5 ตำบลวงั โตนด เหตุท เี่ รียก บ้านหนิ ด าด เพราะในแม่นำ้ ว งั โตนดทไี่ หลผา่ นหมูบ่ า้ น พอนำ้ ลดใน ช่วงฤดูแ ล้ง จะมีหินดาดโผล่ขึ้นมาให้เห็นจ ำนวนมาก จึงเรียกพื้นที่ แถบนี้ว่าบ้านหินดาด หมูท่ ี่ 2 (บ้านวังใหม่) เดิมคือ หมู่ 5 ตำบลวังโตนด ต่อมาได้ แยกหมู่บ้านเป็นหมูท่ ี่ 18 ตำบลวังโตนด ที่มาของชื่อวังใหม่ และ กลายเป็นช อื่ ต ำบลจากการทคี่ ลองวงั โตนดได้เกิดแ อ่งน ำ้ ท ขี่ นึ้ ม าใหม่ เนือ่ งจากทศิ ทางการไหลของนำ้ ได้เปลีย่ นไปจนทำให้เกิดแ อ่งน ำ้ ขึน้ ซึ่งแอ่งน้ำ ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่า ‘วัง’ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ หมู่บ้านในที่สุด หมู่ที่ 3 (บ้านวังกระดาน) เดิมคือ หมู่ 10 ตำบลวังโตนด ต่อมาได้แยกเป็นหมู่ 17 แต่เดิมหมู่บ้านหมู่ที่ 3 ไม่ได้เรียกบ้าน วังกระดาน แต่ เรียกบ้านห นองสี่ ง า ซึ่ ง มีที่ ม าจ ากเรื่ อ งเล่ า ว่ า สมัยก่อนมนี ายพรานคนหนึง่ ได้ต ดิ ตามไล่ล า่ ช า้ งปา่ ส องตวั ม าลม้ ลง
นิธิ นิธิวีรกุล 121
ที่กลางทุ่งของหมู่บ้าน เมื่อร่างของช้างเน่าเปื่อย จึงเหลือทิ้งไว้แต่ งาสี่งาปักอยู่บนพื้น ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า ‘บ้านหนองสี่งา’ ต่อมาได้เพี้ยนเป็น ‘หนองสีงา’ จนกระทั่งบ้านหนองสีงาได้แ ยกตัว ออกมาเป็นส ว่ นหนึง่ ข องตำบลวงั ใหม่ จึงต งั้ ช อื่ ต ามลำคลองสายหนึง่ ทีต่ ัดผ่านหมู่บ้าน หมู่ 3 ชื่อ ‘คลองวังก ระดาน’ บ้านหนองสงี าจึง มาเป็นบ้านวังกระดาน หมู่ที่ 4 (บ้านดงทับมอญ) เดิมคือ หมู่ 8 ตำบลวังโตนด เหตุทเี่รียกดงทับมอญ เนื่องจากสมัยก่อน มีชาวมอญอพยพมาตั้ง บ้านเรือนอยู่ ไม่นานต่อมาก็มีชาวลาวอพยพมาที่คลองใหญ่ ซึ่ง มีสภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มากกว่า ชาวมอญต้องการได้พื้นที่ ดังกล่าว จึงยกพลพรรคมารบพุ่งก ันด้วยธนู แต่คนมอญพ่ายแพ้จึง ย้ายกลับพ นื้ ทีเ่ ดิม เรียกขานตอ่ ม าวา่ ‘บ้านดงทบั ม อญ’ อันม ที มี่ าจาก การสู้รบที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของชาวมอญนั่นเอง หมูท่ ี่ 5 (บ้านหว้ งโมกข์) เดิมค อื หมู่ 14 ตำบลวงั โตนด ตัง้ ตาม ชือ่ ต น้ โมกข์ ทีข่ นึ้ ร มิ ค ลองสายหนึง่ ซึง่ ไหลผา่ นหมูบ่ า้ นมาตงั้ แต่ส มัย ที่ยังเป็นป่ารกชัฏ หมูท่ ี่ 6 (บ้านปากทางแทรคเตอร์) เดิมค อื หมู่ 8 บ้านดงทบั ม อญ ตำบลวงั โตนด เมือ่ แ ยกตวั ม าเป็นส ว่ นหนึง่ ข องตำบลวงั ใหม่ ชาวบา้ น จึงเอาชื่อมาจากการที่สมัยเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ช่วงทยี่ ังมีการทำ สัมปทานป่าไม้อยู่นั้น พื้นที่โดยรอบบริเวณบ้านหมู่ 6 เคยเป็นลาน สำหรับจอดพักของรถแทรคเตอร์ที่นายทุนว่าจ้างขึ้นมาลากซุง ใช้ เป็นทั้งที่ซ่อมรถแทรคเตอร์ และขนแยกไม้ซุง ชาวบ้านจึงลงมติให้
122 วังใหม่
เรียกชื่อ ‘ปากทางแทรคเตอร์’ นับจากนั้น หมู่ที่ 7 (บ้านคลองลาว) เดิมคือ หมู่ 11 ตำบลวังโตนด สืบต่อจากเรื่องเล่าการสู้รบระหว่างชาวมอญและชาวลาว ภายหลัง ชาวมอญพ่ายแพ้กลับไป ชาวลาวจึงนำธงผืนหนึ่งมาปักไว้เป็น สัญลักษณ์แห่งชัยชนะที่ริมคลองใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ เดิมเรียก คลองชายธงก่อนจะเป็นค ลองลาวในที่สุด หมูท่ ี่ 8 (บ้านหินกอง) เดิมคือ หมู่ 11 ตำบลวังโตนด เหตุ ที่เรียกบ้านหินกอง เนื่องจากชาวบ้านได้ขึ้นเขาไปเก็บหาของป่า แล้วได้พบว่าบนช่องเขาที่ตัดผ่านไปยังเทือกเขาในพื้นที่หมู่ 5 นั้น มีหินจำนวนหนึ่งกองอยู่ ถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน จะมีสัตว์ต่างๆ หมุนเวียนมาทำความเคารพหินกองนี้เป็นประจำทุกปี ชาวบ้านจึง จัดตั้งศาลขึ้น ตั้งชื่อ ‘ศาลเจ้าพ่อหินกอง’ และนำชื่อหินกองมาตั้ง เป็นชื่อหมู่บ้าน จนถึงป ัจจุบัน หมูท่ ี่ 9 (บ้านซับยี่หร่า) เดิมคือ หมู่ 13 ตำบลวังโตนด เหตุที่ เรียกวา่ ‘บ้านซบั ย หี่ ร่า’ เพราะบริเวณหมู่ 9 เป็นท ตี่ ำ่ มีน ำ้ ซับต ลอดปี อีกทั้งในบริเวณ ยังมีต้นยี่หร่าขึ้นเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงนำ เรื่องราวทั้งสองมาตั้งชื่อหมู่บ้าน ให้ช ื่อว่า ‘บ้านซับยี่หร่า’ หมู่ที่ 10 (บ้านแก่งน้อย) เดิมคือ หมู่ 13 ตำบลวังโตนด เหตุ ที่เรียกว่า ‘บ้านแก่งน้อย’ เพราะลำคลองวังโตนดที่ไหลผ่านบริเวณ กลางหมูบ่ า้ น เคยมหี นิ ก อ้ นขนาดใหญ่ก อ้ นหนึง่ ต่อม าถกู น ำ้ ก ดั เซาะ เป็นเกาะแก่งขึ้น ชาวบ้านจึงเรียกว่า ‘แก่งน้อย’ เมื่อมีการตั้งชื่อ หมู่บ้านจึงเรียกว่า ‘บ้านแก่งน้อย’ จนถึงป ัจจุบัน
นิธิ นิธิวีรกุล 123
ชาวชอง และความเกี่ยวข้องกับวังใหม่ จันทบุรเี ป็นเมืองเก่าแ ก่ม หี ลักฐ านทางประวัตศิ าสตร์ไม่ตำ่ กว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นโดยชนชาติ ชอง บางตำนานว่าสร้างขึ้นโดย ชนชาติขอม มีชื่อในศิลาจารึกในฐานะหัวเมืองฝั่งตะวันออกว่า ‘ควนคราบุรี’ แต่ชาวพื้นเมืองเรียก ‘เมืองกาไว’ ข้อมูลจากสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ชาวชอง เป็นกลุ่มคนพูดภาษามอญเขมร ซึง่ ถ อื เป็นกลมุ่ ช นพนื้ เมืองดงั้ เดิมในพนื้ ท อี่ ษุ าคเนย์ และไม่เคย อพยพโยกย้ายไปไหน คนไทยที่สืบเชื้อสายชาวชองในปัจจุบันมีจำนวน 6,00010,000 คน แต่ที่พูดภาษาชองได้จริงๆ นั้นมีเพียง 500 คน เท่านั้น ไม่นับที่กระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ นับจากเหนือ อีสาน และตราดแล้ว ในพนื้ ทีจ่ งั หวัดจ นั ทบุรี มีค นชองอาศัยอ ยูต่ ามปา่ เขา ในเขตตำบลตะเคียนทอง คลองพลู และคชิ ฌกูฏ เท่านั้น แล้วคนชองกับวังใหม่เกี่ยวข้องกันอย่างไร? ตามการอนุมานของนักภาษาศาสตร์ ภาษาชอง คือกลุ่ม ภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติก สาขามอญ-เขมร ใกล้เคียงกับ ภาษาสมราย ใช้พูดกันในจังหวัดร ะยอง จันทบุรี และตราด มีผ ู้พูด ทั้งหมด 5,500 คน ในกัมพูชา 5,000 คน ในไทย 500 คน คือ ในตราด และจันทบุรี
124 วังใหม่
เป็นไปได้หรือไม่ที่บ้านดงทับมอญในตำบลวังใหม่ รวมถึง เรื่ อ งเ ล่ า ต ำนานต่ า งๆ ในท้ อ งถิ่ น ผู ก โ ยงอ ยู่ กั บ ช นช าวช องที่ กระจัดกระจายจากเขาสู่พื้นที่ราบ แล้วก ลืนกลายกับคนพื้นราบจน ไม่ห ลงเหลือภ าษาดงั้ เดิม เพราะแม้ก ระทัง่ ในกลุม่ ช นชาวชองทยี่ งั พ ดู ภาษาชองอยู่ ในกิ่งอำเภอคิชฌกูฏนั้น ก็มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อย จนคนเฒ่าคนแก่กังวลว่าภาษาชองจะสาบสูญไป ทว่าการสันนิษฐานยังคงเป็นเพียงการสันนิษฐาน หากการ สืบค้นข้อมูล กระทั่งหลักฐานทางโบราณคดี นำไปสู่การยืนยัน เรื่องเล่าในตำนานของพื้นที่ตำบลวังใหม่ คงเป็นการดีที่บางส่วน เสี้ยวของตำนานมาจากบางเสี้ยวส่วนของความจริง
การเดินท างมาวังใหม่ รถโดยสาร จากกรุงเทพฯ ขึ้นรถตู้กรุงเทพฯ-จันทบุรี ได้ที่บริเวณก่อนถึง ห้างสรรพสินค้าเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถออกทุกๆ ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 200 บาท เมื่อซื้อตั๋ว ให้บอกคนขับรถตู้ว่าลงแยกหนองสีงา อำเภอ นายายอาม เมือ่ ล งรถแล้ว เดินย อ้ นกลับม าราวรอ้ ยเมตรจะพบปา้ ย ทางเข้า อบต.วังใหม่ ควรโทรติดต่อ อบต. ก่อนมาถึง เพื่อท าง อบต. วังใหม่จะได้จ ัดเจ้าหน้าทีอ่ อกไปรอรับ
นิธิ นิธิวีรกุล 125
รถยนต์ส่วนบุคคล จับเส้นสายสุขุมวิท มุ่งสู่จังหวัดจันทบุรี เมื่อเข้าสู่อำเภอ นายายอาม ให้สังเกตป้ายบอกทางเข้า อบต.วังใหม่ ก่อนถึงแยก หนองสีงา ขับเข้าไปประมาณ 500 เมตรก็จะถึงที่ทำการ อบต. วังใหม่
เบอร์โทรศัพท์ต ิดต่อ องค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ 039-491-634
*หมายเหตุ หากต้องการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ควรเดินทางมาในช่วงเก็บเกี่ยวผลไม้ ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน หากต้องการมาชมพิธีสักการะศาลเจ้าพ่อ หินกอง ให้มาในช่วงเทศกาลตรุษจีน
เพลงศักยภาพชุมชน คำร้อง-ทำนอง เรียบเรียงดนตรี ขับร้องโดย
วสุ ห้าวหาญ ศราวุช ทุ่งขเี้หล็ก ฟางแก้ว พิชญาภา, ศราวุธ ทุ่งขี้เหล็ก, สมชาย ตรุพิมาย
หนึ่งสมองสองมือท ี่มี รวมเป็นหลายความคิดดีๆ ออกมา ยืนตรงนี้ ทำเพื่อเมืองไทยด้วยกัน ไม่วา่ จะอยูท่ ไ่ี หน เราเป็นคนไทยเปีย่ มความสามารถ เป็น กำลังข องประเทศชาติ พัฒนาบ้านเมืองก้าวไกล เป็นคนเหนือ อีสาน กลางใต้ ก็รกั เมืองไทยดว้ ยกันท ง้ั นน้ั (สร้อย) หากเราร่วมมือร่วมใจ ทำสิ่งไหนก็ไม่เกินแรง โครงสร้างชมุ ชนแข็งแกร่ง เพราะเรารว่ มแรงรว่ มมอื ส ร้างสรรค์ จัดการทรัพยากรช่วยกัน ด้วยมุมมองที่เราแบ่งปัน ใช้ความ คิดสร้างสรรค์ให้เต็มศักยภาพ อยู่ชนบทห่างไกล ทำนาทำไร่ พอเพียงเลี้ยงตัว ใช้ชุมชน ดูแลครอบครัว ใช้ครอบครัวดูแลชุมชน ปูพื้นฐานจากหมู่บ้าน ตำบล สร้างแปลงเมืองไทยให้น ่าอยู่ดังฝัน
เข้าไปฟังและดาวน์โหลดเพลงศักยภาพชุมชนได้ที่ www.punsook.org
ชุมชนทอ้ งถนิ่ บ า้ นเรา เรียนรรู้ ว่ มกนั เพือ่ ก ารพฒ ั นา ชุมชน ท้องถิ่นบ้านเรา เรียนรู้ร่วมกันช ่วยกันพ ัฒนา อยู่ตามเมืองใหญ่เมืองหลวง หัวใจทุกดวงซ่อนไฟมุ่งมั่น ก้าวออกมาจากรั้วที่กั้นจับมือกันทำเพื่อเมืองไทย คนละมือ สองมือคือน้ำใจ โอบกอดชุมชนไว้ด้วยความสุขยืนนาน หนึ่งสมองสองมือทมี่ ี รวมเป็นหลายความคิดด ีๆ ออกมา ยืนตรงนี้ ทำเพื่อเมืองไทยด้วยกัน หากเราร่วมมือร่วมใจ ทำสิ่งไหนก็ไม่เกินแรง โครงสร้าง ชุมชนแข็งแกร่ง เพราะเราร่วมแรงร่วมมือสร้างสรรค์ จัดการ ทรัพยากรช่วยกัน ด้วยมุมมองที่เราแบ่งปัน ใช้ความคิด สร้างสรรค์ให้เต็มศ กั ยภาพ ด้วยมมุ ม องทเี่ ราแบ่งป นั ใช้ค วาม คิดสร้างสรรค์ให้เต็มศักยภาพ...
หลังการประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมมากวา 40 ป จะมีสักกี่ชุมชนที่คนในชุมชนไมประสบปญหาความยากจน ไมประสบปญหาสิ่งแวดลอม หรือไมประสบปญหาสุขภาพ จากสถานการณดังกลาวถึงเวลาแลวหรือยังที่สังคมไทยควร กลับมาเนนการพัฒนาที่ไมมองแตมิติประสิทธิภาพ การสราง มูลคาและกำไรหรือการตลาดดานเดียว แตควรจะเปนเพื่อ ประโยชนของชุมชนและสังคม เราไมควรลดทอนผูคนลงไปเปนเพียงตัวเลข หากควรเปนเพื่อ สงเสริมศักยภาพและศักดิ์ศรีความเปนมนุษย คำตอบสำหรับ คำถามขางตนนี้ คงจะตองชวยกันคนหา ไมวาจะใชระยะเวลานาน เทาไร