บทที่หนึ่ง
ดีน ดวงตาของนีโคตวัดมองเราทีละคนๆ “โจซี่ยังมีชีวิตอยู่!” เขาบอกอีกรอบ “เธอถูกกักตัวไว้โดยไม่ สมัครใจในมิสซูรี!” เราต่างก็เบิง่ มองหนังสือพิมพ์ทเี่ ขายืน่ มาอย่างตะลึงงัน มันคือ ภาพของโจซี่ เขาพูดถูกจริงๆ ด้วย “ฉันจะไปรับเธอ ใครจะไปบ้าง” ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ตอนนี้ปากผมคงอ้าหวอราวกับปลา เกยตื้นไปแล้วแน่ๆ “ขอเราดูชดั ๆ หน่อย นีโค นายแน่ใจแล้วเหรอ” เจคเอ่ยขึ้น แล้ ว ก้ า วไปหยิ บ หนั ง สื อ พิ ม พ์ ม าจากมื อ นี โ ค รายนี้ นั ก การเมื อ ง ตลอดกาลจริงๆ “นั่นโจซี่จริงๆ เหรอ พี่แน่ใจเหรอคะ” แคโรไลน์ถามอีกคน พวกเด็กๆ พากันกลุ้มรุมเจค
วันที่ 31
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว ขอฉันวางลงก่อน” เจควางหนังสือพิมพ์ลงบนผ้าปูที่นอนซึ่งคุณนายแม็คคินลีย์ เอามาปูพนื้ แทนผ้าปูปกิ นิก เราอยูบ่ นกรีน1ของสนามกอล์ฟ ก�าลังฉลอง วันเกิดปีท่หี กของน้องคู่แฝด “นัน่ โจซีน่ !ี่ โจซีจ่ ริงๆ ด้วย!” แม็กซ์ตนื่ เต้นดีใจ “ผมนึกว่าเธอ ระเบิดไปแล้วซะอีก!” “ระวังหนังสือพิมพ์หน่อย!” นีโคบอก พวกเด็กๆ เบียดเสียด กันเพื่อดูให้ชดั ขึ้น ลูน่า ตัวน�าโชคสีขาวขนฟูของพวกเรา กระโดดไป อยู่ในอ้อมแขนของโคลอี้พลางเห่าบ๊อกๆ และเลียหน้าทุกหน้าที่เลียถึง มันเองก็ตื่นเต้นพอๆ กับเรา “ใครก็ได้อ่านออกมาดังๆ สักทีเถอะ!” โคลอี้บ่น “โคลอี้จ๊ะ ถ้าจะขอร้องแบบสุภาพต้องท�ายังไงจ๊ะ” คุณนาย แม็คคินลีย์ตกั เตือน “ใครก็ได้อ่านออกมาดังๆ สักที...นะคะ!” ขอให้โชคดีนะครับ คุณนายแม็คคินลีย์ คุณนายแม็คคินลียจ์ งึ อ่านบทความนัน้ ออกมาดังๆ มันบอกว่า ค่ายกักกันส�าหรับคนกรุ๊ปโออยู่ในสภาพที่ถูกปล่อยปละละเลย คนใน ค่ายโดนกระท�าทารุณ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ทไี่ ปถึงผูอ้ พยพซึง่ อยู่ภายในก็เป็นไปอย่างจ�ากัด ถ้าประธานาธิบดีบูเกอร์ไม่มอบอ�านาจ ในการก�ากับดูแลค่ายให้กบั รัฐแต่ละรัฐ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ผมได้แต่มองนีโค เขาก�าลังดีดตัวอยู่บนส้นเท้า การได้ท�าอะไร นั่นคือสิ่งที่ขาดหายไปจากเขา ผมตระหนัก บริเวณพื้นหญ้าเรียบๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลุมกอล์ฟแต่ละหลุม สนามกอล์ฟส่วนใหญ่จะมี ทั้งหมด 18 หลุม 1
2
นีโคเป็นพวกทีร่ งุ่ เวลาอยูท่ า่ มกลางโครงสร้างอันชัดเจนและได้ ท�าอะไรเป็นชิน้ เป็นอัน เมือ่ มาอยูท่ นี่ ี่ ในสนามกอล์ฟสุดหรูของควิลเชนา ซึ่งถูกท�าเป็นค่ายกักกันส�าหรับผู้อพยพ มันมีโครงสร้างอยู่มากมายก็ จริง แต่แทบไม่มอี ะไรให้ท�าเลย นอกจากการดูข่าวอันน่าหดหู่จากทั่ว ประเทศที่มาเป็นวงจรยีส่ ิบสี่ชั่วโมงและการต่อแถวรับโน่นรับนี่ นีโคผ่ายผอมลงทุกขณะ เขาตรอมใจเพราะความเศร้าโศก และความรู้สึกผิดที่เสียโจซี่ไประหว่างที่เดินทางจากโมนิวเมนต์ไปยัง จุดอพยพในสนามบินนานาชาติเดนเวอร์ เขายังโหยหาการได้ท�าอะไร สักอย่างอีกด้วย ตอนนี้เขาจึงคิดจะบุกไปช่วยโจซี่ ซึ่งแน่ล่ะ เป็นอะไรที่เหลวไหลสิ้นดี นีโคเดินย�่าไปย�่ามาเมื่อคุณนายแม็คคินลีย์อ่านบทความจบ พวกเด็กๆ มีคา� ถามมากมาย มิสซูรอี ยูท่ ไี่ หน ท�าไมโจซีถ่ งึ โดน ยามตี พวกเขาจะไปพบเธอในเร็วๆ นีไ้ ด้หรือเปล่า พวกเขาจะไปหาเธอ วันนี้เลยได้หรือเปล่า แต่นโี คขัดจังหวะเสียงจ้อกแจ้กเหล่านัน้ ด้วยค�าถามของตัวเอง “คุณคิดว่ากัปตันแม็คคินลีย์จะพาเราไปหาเธอได้หรือเปล่า ครับ” เขาถามคุณนายเอ็ม “แบบว่าถ้าเขาได้รับอนุญาต เขาก็พาเราบิน ไปได้ใช่ม้ยั ครับ” “ฉันคิดว่าถ้าเราท�าตามขัน้ ตอนทีถ่ กู ต้อง เราก็นา่ จะท�าเรือ่ งให้ เธอย้ายมาอยู่ท่นี ี่ได้นะ คือเห็นได้ชัดว่าเด็กๆ อย่างพวกเธอไปรับโจซี่ มาเองไม่ได้” คุณนายแม็คคินลีย์ตอบ ผมสบตากับอเล็กซ์ – เธอไม่รู้จักนีโคซะแล้ว ในหัวนีโค เขาเก็บของลงเป้ไปเรียบร้อยแล้ว เขาหันมาหาผม 3
วันที่ 31
“ฉันคิดว่าถ้านาย ฉัน แล้วก็อเล็กซ์ไปกัน เราจะมีโอกาสส�าเร็จ ที่สุด” นีโคกล่าวกับผม แอสทริดเหลือบมองผม ไม่ต้องห่วง ผมส่งสายตาบอกเธอ “นีโค เราต้องคิดกันให้ถี่ถ้วนก่อนนะ” ผมบอก “จะมีอะไรให้คดิ อีกล่ะ เธอต้องการเรานะ! ดูส ิ ดูภาพนีส้ ิ ผูช้ าย คนนั้นก�าลังทุบตีเธอ! เราต้องไปที่นั่น เดี๋ยวนี้ แบบว่าคืนนี้เลย!” เขาก�าลังโวยวาย...อยู่หน่อยๆ คุณนายโดมินเกซกระแซะเข้ามา “มาเถอะ เด็กๆ เล่นบอลต่อไปดีกว่า” ภาษาอังกฤษของเธอ ดีกว่าของยูลสิ ซีสจิด๊ หนึง่ เธอเดินน�าพวกเด็กๆ ไปทีส่ นามหญ้า ลูกชาย ที่โตกว่าของเธอช่วยกันต้อนเด็กเล็กกับลูน่าออกไปที่สนาม คุณนายแม็คคินลีย์ตามพวกเขาไป ทิ้งให้เรา ‘เด็กโต’ ซึ่ง ได้แก่ ผม แอสทริด นีโค เจค อเล็กซ์ และซาฮาเลียให้ยืนอยู่ข้าง ผ้าปูและอาหารที่เหลือจากการฉลองวันเกิดของคู่แฝด (ซึ่งก็มีโดนัท เคลือบช็อกโกแลตหนึง่ ห่อกับขนมชีสดูเดิลส์อกี หนึง่ ห่อ) นอกจากนีย้ งั มีขนมปังก้อนและแอปเปิ้ลอีกหน่อย เป็นของที่เอามาจาก ‘คลับเฮาส์’ อันเป็นชือ่ ทีท่ กุ คนเรียกอาคารหลักของรีสอร์ทแห่งนีซ้ งึ่ มีทงั้ ห้องอาหาร ส�านักงาน และห้องสันทนาการอยู่ข้างใน แอสทริดดูเหมือนคนท้องมากขึ้นทุกๆ นาที เธอกินทั้งอาหาร ในส่วนของตัวเอง ส่วนของผม แล้วก็ส่วนของเจค ผมชอบดูเธอกิน เธอช่างกินได้กินดีจริงๆ ดูเหมือนว่าท้องเธอจะใหญ่ขนึ้ ทุกวันๆ เธอ ‘ป่อง’ ออกมาอย่าง ที่เขาว่ากันจริงๆ ด้วย ขนาดสะดือยังป่องออกมาเลย มันโดดออกมา ดึ๋งดั๋งและร่าเริง แถมยังเด้งกลับได้ตลอด เวลาที่แอสทริดยอม พวกเด็กๆ จะผลัดกันมาเล่นสะดือจุ่น 4
ของเธอ ผมก็ประมาณว่าอยากเล่นนะ แต่ไม่กล้าออกปากขอน่ะ ว่าแต่วา่ พวกเด็กๆ ไม่จา� เป็นต้องมาได้ยนิ เราเถียงกันสักหน่อย ผมจึงดีใจทีพ่ วกผูใ้ หญ่ตอ้ นเด็กเหล่านัน้ ไปทางอืน่ คุณนายแม็คคินลีย์ พยายามอย่างหนักในการตระเตรียมงานเลี้ยงเล็กๆ นี ่ น้องคู่แฝดจึง ควรจะได้สนุกกับมัน ดวงตาของนี โ คปะทุ เ ปรี๊ ย ะๆ ใบหน้ า คร้ า มแดดแดงขึ้ น เล็กน้อย มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเขาโกรธจัด – เพราะปกติแล้วเขาจะ ค่อนข้างน�้าตาลตลอดตัว ผมตรงแหน็วสีนา�้ ตาล ดวงตาสีน�้าตาล ผิว สีน�้าตาลอ่อน “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่มีใครแยแสเลยสักคน” นีโคเอ่ยขึ้น “โจซี่ยังมีชีวิตอยู่นะ เธอควรจะอยู่กับเราแท้ๆ แต่เธอกลับโดนขังไว้ใน ขุมนรกนั่น เราต้องไปพาเธอออกมา” “นีโค เธออยู่ห่างจากเราตั้งหลายพันไมล์นะ อีกฟากของ พรมแดนเลย” ผมว่า “แล้วลุงนายล่ะ” อเล็กซ์ถาม “พอเราติดต่อลุงนายได้ เขาอาจ ไปรับเธอมาด้วยตัวเอง รัฐมิสซูรไี ม่ไกลจากเพนซิลวาเนียนักหรอกเมือ่ เทียบกับแวนคูเวอร์” “มันจะไม่ได้การน่ะสิ” นีโคขัดขึ้น “เราต้องไปรับตัวเธอมา เดี๋ยวนี้ เธอก�าลังตกอยู่ในอันตราย!” “นีโค” แอสทริดเอ่ยขึ้น “นายก�าลังกระวนกระวาย –” “เธอไม่รู้ด้วยซ�้าว่าโจซี่ท�าอะไรเพื่อเราบ้าง!” “เรารู้ นีโค” อเล็กซ์กล่าว เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนไหล่ของ นีโค “ถ้าเธอไม่ลุกขึ้นสู้แบบกรุ๊ปโอ เราคงตายกันหมด เรารู้ ถ้าเธอไม่ ฆ่าคนเหล่านั้น ป่านนี้เราคงตายไปแล้ว” “ใช่” ซาฮาเลียเสริมมา เธอสวมชุดหมีแบบทีช่ า่ งสีสวมกัน โดย 5
วันที่ 31
ม้วนขาขึน้ มาถึงหัวเข่า มีผา้ พันคอสีแดงพันอยูร่ อบเอว เธอดูเท่สดุ ๆ เท่ แบบช็อกๆ เหมือนเคย “ไม่ว่าจะต้องท�ายังไงเพื่อให้ได้ตัวเธอมา เราก็ จะท�า” “ได้” นีโคถ่มค� านั้นออกมา แล้วโบกมือไล่เราราวกับจะ กวัดไกวไสส่ง “ฉันจะไปคนเดียว เอาแบบนี้ดีกว่า” “นีโค เราทุกคนอยากให้โจซีเ่ ป็นอิสระนะ” แอสทริดกล่าว “แต่ นายต้องมีเหตุมีผลด้วยสิ!” “ฉันว่านีโคพูดถูกนะ เขาควรจะไปรับเธอมา” เจคประกาศ “ในโลกอุบาทว์ๆ ที่ด�าเป็นปื้นนี่ ถ้าจะมีใครที่พาเธอออกมาได้ล่ะก็ คนคนนั้นก็คือนีโค มิลส์” ผมหันไปมองเขา เจค ไซมอนเซนซึ่งขัดสีฉวีวรรณแล้ว เขา กินยาต้านอาการซึมเศร้า ออกก�าลังกาย และกลับมามีผวิ สีแทนอีกครัง้ ทั้งยังเล่นโยนบอล1กับพ่อเป็นประจ�า แอสทริดดีใจมากที่เขาไปได้ดีขนาดนี้ ผมกัดฟันกรอดๆ อยากตั๊นหน้าหมอนี่ชะมัด “ไม่เอาน่า เจค!” ผมว่า “อย่าท�าแบบนี้สิ อย่าท�าให้นีโคคิด ว่ามันเป็นไปได้ เขาข้ามพรมแดน เดินทางไปถึงมิสซูรี แล้วก็พาเธอ แหกคุกออกมาไม่ได้หรอกนะ!” ผมพูดต่อ “มันบ้ามาก!” “นายก็พดู ได้แต่แบบนี ้ ไอ้คณ ุ ‘ปลอดภัย’ ไอ้คณ ุ ‘หัวโบราณ’!” เจคโต้กลับ “อย่าท�าให้มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับนายได้มั้ย!” ผมตะโกน “นี่มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของนีโคนะ!” “พวกเรา หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” ซาฮาเลียตะเบ็ง “ใช่ ระวังหน่อย ดีน เดี๋ยวเลือดกรุ๊ปโอจะขึ้นหน้า แล้วมาลง ในที่นี้หมายถึงลูกบอลทรงรีส�าหรับอเมริกันฟุตบอล
1
6
กับพวกเรา” ผมสาวเท้าไปสองก้าว ประชิดหน้าเขา “อย่าบังอาจพูดถึงการทีฉ่ นั แผลงฤทธิแ์ บบกรุป๊ โออีกเชียว” ผม ค�าราม รอยยิ้มโลกสว่างของเขาหายวับ ผมเห็นได้ว่าเขาเองก็อยากลง ไม้ลงมือพอๆ กับผม “พวกนายมันทุเรศสิ้นดี” แอสทริดว่า แล้วดันเราออกจากกัน “นีม่ นั เรือ่ งของนีโคกับโจซีน่ ะ ไม่ใช่เรือ่ งระหว่างนายสองคนกับสงคราม ชิงถิ่นงี่เง่าๆ ของพวกนาย” “ที่จริงมันควรจะเป็นงานวันเกิดของน้องคู่แฝดนะ” ซาฮาเลีย เตือน “เราก�าลังท�ามันพัง” ผมเห็นพวกเด็กเล็กก�าลังมองมา แคโรไลน์กบั เฮนรีจ่ บั มือกัน ดวงตาเบิ่งกว้างอย่างหวาดกลัว “เป็นผู้ใหญ่กันจริงๆ เล๊ย พวกนายนี่” ซาฮาเลียว่า “สงบ สติอารมณ์กันได้แล้ว ทั้งสองคนเลย จะเป็นพ่อคนกันอยู่แล้วนะ ให้ตายเถอะ!” ผมย�่าสวบๆ ผละไป บางทีแอสทริดอาจจะคิดว่าผมท�าตัวเป็นเด็ก แต่ถ้าผมไม่ เดินออกมา ผมคงทึ้งเจคหัวหลุดแน่ ไร่ของลุงนีโคเป็นฝันกลางวันร่วมกันของนีโค อเล็กซ์ และ ซาฮาเลียซึ่งท�าให้พวกเขาก้าวต่อไปได้ ผมกับแอสทริดก็เหมือนกัน ในระดับหนึ่งนะ ลุงของนีโคอาศัยอยู่ในบ้านไร่หลังใหญ่อันทรุดโทรม ในไร่ ผลไม้อันกว้างขวางที่ปิดกิจการแล้วในย่านชนบทของรัฐเพนซิลวาเนีย นีโคกับอเล็กซ์วางแผนว่าจะซ่อมบ้านหลังนั้นกัน แล้วก็ฟื้นฟูไม้ผล เหล่านั้น พวกเขาคิดกันว่าไร่แห่งนั้นเป็นที่พักพิงให้กับเราทุกคนได้ 7
วันที่ 31
รวมทัง้ ครอบครัวของเราด้วย เมือ่ เราเจอพวกเขาแล้ว ไม่ใช่แค่ถา้ หาเจอ ยังไงซะ มันก็เป็นความฝันที่ดี นอกเสียจากว่าไร่นั้นจะมี ผู้อพยพอยู่กนั จนล้นแล้ว
8
บทที่สอง
โจซี่ ฉันไม่สุงสิงกับใคร โจซี่ที่คอยดูแลทุกคน – เด็กสาวคนนั้นตายไปแล้ว เธอตายไปในป่าต้นแอสเพนที่อยู่นอกทางหลวง ตรงไหน สักแห่งระหว่างเมืองโมนิวเมนต์กับเดนเวอร์ เธอตายไปพร้อมๆ กับทหารที่บ้าคลั่งคนหนึ่ง (ฉันเป็นคนฆ่าโจซี่คนนั้นเองในตอนที่ฉันฆ่าทหารนั่น) ฉันเป็นเด็กสาวทีม่ คี วามเดือดดาลสุมอยูภ่ ายในซึง่ พร้อมจะเดือดปุดๆ อยู่ทุกเวลานาที พวกเราทีน่ ลี่ ว้ นมีเลือดกรุป๊ โอและเคยสัมผัสกับสารประกอบ ที่รั่วไหล บางคนก็โดนมันผลักลงสู่ความคลุ้มคลั่ง ขึ้นอยู่กับว่าคุณเจอกับมันนานแค่ไหน ฉันลุยกับอากาศข้างนอกมานานกว่าสองวัน เราปะติดปะต่อ
วันที่ 31
วันเวลาได้ดีที่สุดเท่านี้ ส�าหรับฉัน ฉันจะฝึกควบคุมตัวเองทุกๆ ชัว่ ขณะทีร่ สู้ กึ ตัวในแต่ละวัน ฉันต้องคอยระวังเลือดของตัวเองเอาไว้ ฉันเห็นคนอื่นยอมให้มันเข้าครอบง�า การต่อสู้ปะทุขึ้น อารมณ์โกรธระเบิดโพลงเมื่อเจอกับสายตาอันไม่เป็นมิตร เมื่อเอา นิ้วหัวแม่โป้งไปชนกับอะไร หรือเมื่อฝันร้าย ถ้าใครสติขาดผึงขึ้นมาจริงๆ ผู้คุมก็จะขังพวกเขาไว้ในห้อง อ่านหนังสือที่ตึกฮอว์ธอร์น ถ้าใครสติขาดผึงจนควบคุมไม่ได้สุดๆ บางครั้งผู้คุมก็จะพา ตัวคนเหล่านั้นไป แล้วพวกเขาก็จะไม่กลับมาอีกเลย และการทีเ่ ราแข็งแรงกว่าแต่กอ่ นนิดหน่อยก็ยงิ่ ท�าให้มนั เลว ร้ายลงไปอีก เราแกร่งขึน้ มีวงจรในการเยียวยาทีเ่ ร็วขึน้ เล็กน้อย ไม่ มากจนสังเกตได้ แต่ก็มากขนาดที่ยายแก่ๆ ไม่ต้องถือไม้เท้ากันแล้ว ขนาดที่ทา� ให้รูที่เจาะไว้บนหูสมานปิด มีพลังงานในเซลล์เพิ่มขึ้น นั่นคือสิ่งที่ผู้ถูกกักกันพูดกัน พวกเขาเรียกมันว่าข้อดีของกรุ๊ปโอ มันคือข้อดีเพียงอย่างเดียวของเรา ค่ายกักกันกรุ๊ปโอที่โอลด์มิสซู1คือคุก ไม่ใช่ที่ลี้ภัย พวกตุ่มพุพอง (กรุ๊ปเอ) พวกสติแตกหวาดระแวง (กรุ๊ป เอบี) และพวกทีเ่ ป็นหมัน (กรุป๊ บี) ล้วนอยูใ่ นค่ายผูอ้ พยพทีม่ อี สิ รภาพ ชื่ อ เรี ย กแบบสั้ น ของมหาวิ ท ยาลั ย มิ ส ซู รี ที่ เ รี ย กโอลด์ มิ ส ซู เ พราะมหาวิ ท ยาลั ย นี้ เ ป็ น มหาวิทยาลัยรัฐแห่งแรกทางฝัง่ ตะวันตกของแม่นา�้ มิสซิสซิปปี มีขนึ้ ตัง้ แต่ค.ศ.1839 ก่อนยุค สงครามกลางเมือง (ค.ศ.1862) ถึง 20 กว่าปี 1
10
มากกว่า มีอาหารมากกว่า มีเสื้อผ้าสะอาดๆ และมีทีวีให้ดู แต่ทุกคนในมิสซูมีเลือดกรุ๊ปโอและสัมผัสกับสารประกอบ มาแล้วทั้งนั้น ทางการลงมติว่าเราทั้งหมดเป็นฆาตกร (ก็อาจจะ จริง – ทีแ่ น่ๆ ฉันคนหนึง่ ล่ะ) เลยจับเรามาไว้ในคอกเดียวกัน ไม่เว้น แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ “ใช่ค่ะ มาริโอ” ฉันกล่าวเมื่อเขาเริ่มบ่นงึมง�าว่าทั้งหมดนี่ มันผิดขนาดไหน “มันไม่ยุติธรรมเลย มันละเมิดสิทธิของพวกเรา” แต่ทุกครั้งที่ฉันคันไม้คันมือ อยากทุบจมูกไอ้หน้าโง่สักคน ให้บุบบี้ ฉันจะสงสัยว่าพวกเขาคงท�าถูกแล้ว ฉันจ�าตอนที่ยายพูดถึงการเป็นไข้ได้ จ�าได้ว่าตอนนั้นยายนั่งอยู่ที่ ปลายเตียงของฉัน พลางวางผ้าขนหนูชบุ น�า้ หมาดๆ ลงมาบนหน้าผาก “ยายจ๋า” ฉันร้องไห้ “หนูเจ็บหัว” ฉันไม่ได้บอกออกมาดังๆ แต่นน่ั เป็นการขอยาไทลินอลของ ฉัน ซึ่งยายก็รู้ “ยายจะให้ยาอะไรสักอย่างกับหนูก็ได้ หลานรัก แต่มันจะ ท�าให้ไข้หนูลดลงน่ะสิ ไข้คือสิ่งที่ท�าให้หนูแข็งแรงนะ” ฉันร้องไห้ออกมา ขนาดน�้าตายังดูจะร้อนจี๋ “ไข้จะเผาผลาญไขมันแบบทารกของหนู มันจะเผาของเสีย ที่อยู่ในเนื้อเยื่อของหนู ท�าให้หนูเจริญเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น ไข้ เป็นสิ่งที่ดีมากนะ หลานรัก มันท�าให้หนูทนทาน” ฉันรูส้ กึ แข็งแรงขึน้ หลังจากนัน้ หรือเปล่า ใช่ ฉันรูส้ กึ สะอาด รู้สึกว่าตัวเองแกร่ง ยายท�าให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดีตั้งแต่หัวจรดเท้า และไม่มีวันท�าในสิ่งที่ผิด 11
วันที่ 31
ฉันดีใจที่ยายจากไปนานแล้ว ฉันไม่อยากให้ยายรู้จักตัวฉันในตอนนี้ เพราะความเดือดดาลแบบกรุป๊ โอจะออกอาการเหมือนไข้ขนึ้ แต่สงิ่ ที่ มันเผาผลาญกลับเป็นจิตวิญญาณ มันท�าให้ร่างกายคุณแข็งแรงขึ้น และใช้ความกระหายเลือดกล่อมให้ความรูส้ กึ นึกคิดของคุณหลับใหล ซึง่ เป็นสิง่ ทีค่ ณ ุ สามารถฟืน้ ตัวได้ แต่หลังจากทีค่ ณ ุ ฆ่าคน จิตวิญญาณ ของคุณจะทรุดลง มันไม่ได้จะพังราบลงไป แต่จะเหมือนกระทะ ทอดที่บิดเบี้ยว ตั้งอยู่บนหัวเตาและสั่นกึกๆ เพราะก้นอันบู้บี้ คุณไม่มวี นั หายใจได้เหมือนเดิมอีก เพราะทุกๆ ลมหายใจทีส่ ดู เข้าไป คือลมหายใจทีค่ ณ ุ ขโมยมาจากศพทีก่ า� ลังเน่าเปือ่ ยอยู ่ ในทีซ่ งึ่ คุณทิง้ ให้นอนเลือดท่วมโดยไม่มีการฝัง มันเป็นความผิดของฉันเองทีม่ าริโอมาอยูท่ นี่ ี่ ใน ‘เดอะเวอร์ชสู ’์ กับ ฉัน เดอะเวอร์ชสู เ์ ป็นหมูต่ กึ สีห่ ลังทีห่ นั หน้าเข้าหากันและต่างก็มชี อื่ ที่ สร้างแรงบันดาลใจ: ‘เอ็กเซเล็นซ์’ ‘เรสพอนซิบลิ ติ ’ี้ ‘ดิสคัฟเวอรี’่ และ ‘เรสเป็คท์’ หมูต่ กึ นี ้ พร้อมด้วยโรงอาหารหนึง่ โรงและหอพักอีกสอง หอ ถูกล้อมอยู่ในรั้วตาข่าย ไม่ใช่แค่ชั้นเดียว แต่สองชั้นเลย โดยที่ รั้วแต่ละชั้นจะมีลวดหนามติดอยู่ข้างบน ขอต้อนรับสู่มหาวิทยาลัย มิสซูรีแห่งเมืองโคลัมเบีย ฉบับหลังเกิดมหันตภัย ฉันจ�าตอนที่มาริโอกับฉันเดินผ่านรั้วเข้ามาได้ ฉันสงสัยว่า รั้วเหล่านั้นมีไว้เพื่อป้องกันเราจากอะไร โง่จริงๆ ที่จุดคัดเลือกและแยกกลุ่ม เรายอมให้ตรวจกรุ๊ปเลือดตาม กฎอย่างสงบและเล่าเรื่องราวของเรา ที่จริงมาริโอจะไปอยู่ค่ายอื่น ก็ได้ – เขามีเลือดกรุ๊ปเอบี แต่เขาไม่ยอมทิ้งฉันไป ผู้คุมร่างสูงซึ่งมีดวงตาสีฟ้าใส มีผมหรอมแหรมเป็นคน 12
อนุมัติให้เราอยู่ที่นี่ เขาดูเอกสารของมาริโอ “มาผิดที่แล้วลุง” เขากล่าวกับมาริโอ “เด็กคนนี้เป็นความรับผิดชอบของผม เราอยากอยู่ด้วยกัน มากกว่า” ผู้คุมคนนั้นกวาดตามองเรา แล้วพยักหน้าในแบบที่ฉันไม่ ชอบเลย “ลุง ‘อยาก’งั้นล่ะสิ” เขาเปล่งถ้อยค�าเหล่านั้นอย่างช้าๆ “หญ้าอ่อนคนนี้เจอ ‘โคแก่’ ของตัวเองแล้วงั้นสิ” “ไม่เอาน่า ไม่เห็นจะต้องท�าตัวหยาบคายเลย” มาริโอบ่น ในแบบของเขา “แกอายุสิบห้าเองนะ ยังเด็กอยู่เลย” รอยยิ้มเลือนหายจากใบหน้าของผู้คุม “ไม่ใช่ทนี่ กี่ แ็ ล้วกัน” เขากล่าว “ส�าหรับทีน่ ี่ เธอคือภัยคุกคาม ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย – คุณต้องไปจากที่น ี่ คุณคิดว่า ตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีสนิ ะทีป่ กป้องเด็กคนนีน้ ะ่ แต่คา่ ยนีไ้ ม่เหมาะ กับคนแก่อย่างคุณ ไปซะ” “ผมขอบคุณมากที่เป็นห่วง แต่ผมจะอยู่กับเพื่อนของผม” ฉันไม่ชอบภาพนี้เลย ตัวอันธพาลขนาดหกฟุตก�าลังยืนข่ม มาริโอผู้ชราและเปราะบางราวกับตั้งใจจะเหยียบขยี้ให้จมดิน ส่วน มาริโอก็มองกลับไปด้วยความเหยียดหยันอย่างไม่ปิดบัง ฉันชักอยู่ไม่สุข เริ่มก�าหมัด แล้วคลาย อาจมีการโยกตัวไป มาอีกต่างหาก ผู้คุมตะปบกรามฉันไว้ แล้วบังคับให้ฉันมองหน้าเขา “เธออยู่ข้างนอกมานานแค่ไหน” เขาถาม “แกอยู่ข้างนอกแค่แป๊บเดียวเอง” มาริโอตอบแทน 13
วันที่ 31
“ฉันไม่ได้ถามแก ไอ้แก่!” ยามตะคอกใส่ เขาบีบกรามฉันแน่นขึ้นพลางเขย่าจนหัวคลอน “ฉันชื่อเอซีเคียล เวนเกอร์ เป็นหนึ่งในหัวหน้าผู้คุม เอาล่ะ นานแค่ไหน” “ฉันจ�าไม่ได้” ฉันตอบ เขาปล่อยมือจากฉัน “ฉันรู้ว่าแกเป็นตัวปัญหา คุณหนูสิบห้าขวบ ฉันดูออกว่า รายไหนที่อันตราย นี่แหละพวกเขาถึงได้ให้ฉันเป็นหัวหน้า ระวังตัว ให้ดีล่ะ ฉันจะไม่มีที่ให้แกดิ้นแม้แต่นิ้วเดียว จ�าใส่กะโหลกไว้” “ค่ะ คุณ” ฉันตอบ ฉันรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องเรียกใครว่า ‘คุณ’ เราจะเรียกใครว่า ‘คุณ’ เมื่อเรานับถือเขา เมื่อเขาอายุ มากกว่าเรา เมื่อเขามีอ�านาจอยู่ในมือ หรือเมื่อเขามีกระบองสั้นกับ ต่อมโมโหอยู่บนไหล่ มาริโอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นคนดี เขาคิดผิด แต่ฉันไม่เถียงเขาหรอก เขาบอกว่าเขาเชื่อมั่นในตัวฉัน เราใช้หอ้ งพักส�าหรับสองคนร่วมกับคนอืน่ ๆ อีกสีค่ น ฉันไม่ใช่ เพียงคนเดียวทีม่ าริโอปกป้อง เขาอาสาทีจ่ ะดูแลเด็กสีค่ น นีเ่ ป็นเหตุผล ที่พวกเขายอมให้มาริโออยู่กับเราบนชั้นสองของตึก ‘เอ็กเซเล็นซ์’ ห้องชุดอื่นๆ บนชั้นสองมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ส่วนพวกผู้ชายจะอยู่กันที่ชั้นหนึ่ง และข้างล่างนั่นก็โหด ทีเดียว
14
ฉันนอนเตียงเดียวกับลอรี่ เธออายุสิบสี่ มีผมสีนา�้ ตาล มีผิวสีขาว และมีดวงตาสีน�้าตาลคู่โตที่บางครั้งก็ดูเศร้าจนฉันอยากจะต่อยหน้า เธอสักเปรี้ยง เธอเล่าเรื่องของเธอให้ฉันฟัง เธอมาจากเดนเวอร์ เธอและพ่อแม่ ซ่อนตัวอยูใ่ นห้องชุดของครอบครัวในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึง่ แต่แล้ว อาหารก็หมดลง กว่าพวกเธอจะมาถึงสนามบินได้ การอพยพก็เริ่ม ไปแล้ว พวกเธออยูใ่ นกลุม่ สุดท้ายของคนทีต่ ดิ อยูใ่ นสนามบิน ฉะนัน้ เมื่อการจลาจลเริ่มขึ้น – ผู้คนตะกุยกัน วิ่งเหยียบกันเมื่อท้องฟ้า เหนือโคโลราโดสปริงส์ลุกโพลง – แม่ของเธอก็เสียชีวิต ส่วนพ่อ ของเธอก็ตกลงไปในรอยต่อระหว่างทางเดินงวงช้างกับประตูเครือ่ ง ในตอนที่เขาผลักเธอเข้าไป ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องราวของเธอ ฉันอยากให้มันกลิ้ง หล่นจากหูฉันเหมือนหยดน�้าบนกระดาษไข แต่ถ้อยค�าเหล่านั้นกลับ ติดแน่น น�้า น�า้ น�้า ลอรี่เป็นแค่น�้า ลอรี่นอนเบียดฉันตอนกลางคืน ร้องไห้จนหมอนเปียก ฉันรู้ ฉันรู้ว่าฉันควรจะปลอบเธอ ไม่ต้องพยายามมากเลย ด้วย เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แค่ลูบหลังเธอ กอดเธอก็พอ แต่ในตัวฉันไม่มีความเห็นใจหลงเหลืออยู่ ก็อย่างที่บอก โจซี่คนเก่าตายไปแล้ว ฉันให้อะไรกับเธอน่ะเหรอ ฉันให้ความอบอุ่นจากร่างกาย ที่หลับใหลของฉัน เธอได้เพียงแค่นั้น ได้แค่ความร้อนที่ออกมาจาก ตัวฉัน ฉันควรจะเล่าถึงเด็กอีกสามคนให้ฟังด้วย ใช่ ฉันควรจะบอกชื่อของ 15
วันที่ 31
พวกเขา เล่าถึงพวกเขาและบอกว่าพวกเขาหน้าตายังไง เล่าถึงรอยยิม้ ที่น่ารักและหวาดกลัวของพวกเขา เล่าว่าเฮเธอร์หน้าตาเหมือน บาทิสต์ขนาดไหน เพราะใบหน้ารูปไข่ที่ดูจริงใจและจริงจัง แถมยัง เป็นลูกครึง่ เอเชียเหมือนกันด้วย ฉันควรจะเล่าถึงการทีเ่ ด็กผูช้ ายคน หนึง่ ในกลุม่ ชอบพูดผิด เรียกน�า้ เลมอนเป็นน�า้ เนมอน เรียกผีเสือ้ เป็น ผีเจื้อ เรียกลวดหนามเป็นลวดหาม พวกเขาทั้งน่ารัก ไร้เดียงสา น่าร�าคาญ และทุกข์ตรม น่าเอ็นดู เรือ่ งมาก เคว้งคว้าง และอยูต่ รงนี้ ไม่มีอะไรที่ฉันท�าให้พวกเขาได้เลย และฉันก็ไม่อยากจะเกี่ยวข้อง อะไรกับพวกเขาด้วย ทุกวันฉันจะนึกอยากให้มาริโอไม่เอาพวกเขามาดูแล เด็ก ก�าพร้ากรุ๊ปโอพวกนี้น่ะ ก่อนหน้านี้พวกเขาต้องปกป้องตัวเองและถูกรังแก ฉันรู้ว่า การที่เขาท�าแบบนี้นับว่าถูกแล้ว ที่จริงไม่ควรจะมีเด็กเล็กมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้นเสียด้วยซ�้า ทีฉ่ นั เข้าใจก็คอื รัฐบาลกลางส่งเรามาอยูท่ นี่ ี่ แต่รฐั มิสซูรที า� หน้าทีค่ วบคุมค่ายแห่งนี ้ คนในท้องถิน่ ไม่อยากให้เราถูกปล่อยออกไป แต่ก็ไม่อยากเจียดเงินเป็นค่าดูแลเราอย่างเหมาะสมด้วยเหมือนกัน ส่วนรัฐบาลกลางก็จ่ายเงินให้ช้าเหลือเกิน ผลลัพธ์ก็คือ มีผู้คุมไม่มากพอ มีอาหารไม่มากพอ มีที่ทาง ไม่มากพอ มียาไม่มากพอ แล้วพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยเราออกไปด้วย มีจดหมายร้องเรียนส่งเวียนกันลงชื่อในตอนที่เรามาถึง ใหม่ๆ คนที่นี่พยายามให้มีการแยกกรุ๊ปโอที่สงบออกจากพวกที่ ก่อเหตุอาชญากรรม แต่ผู้คุมท�าให้กลุ่มคนที่รวบรวมลายเซ็นพบกับ ชีวิตล�าเค็ญไปตามๆ กัน ตอนนี้เราจึงได้แต่รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย 16
ทุกๆ สัปดาห์จะมีข่าวลือแพร่ไปทั่วค่ายว่าเราจะได้รับการ ปล่อยตัว ความหวังเป็นของอันตราย มันท�าให้เราแคร์ ฉันต้องคอยระวังพวกผู้ชายเอาไว้ เพราะบางคนชอบแต๊ะอั๋ง ฉันไม่ค่อยกังวลหรอกว่าพวกเขาจะท�าอะไรฉัน– ฉันกังวล ว่าฉันจะท�าอะไรพวกเขาต่างหากล่ะ ใครจะไปอยากหาเรื่องใส่ตัว เมื่อสองสามวันก่อน มีการใช้ก�าลังเกิดขึ้นแถวรั้ว นักข่าว บางคนเกิดความคิดที่จะคุยกับเราเกี่ยวกับชีวิตในค่าย ก็เลยตะโกน ถามโน่นนี่เข้ามา ฉันขอร้องให้มาริโอไม่เข้าไปยุง่ แต่เขาก็ยนื กรานจะยุง่ จนได้ เขาหน้าแดงก�า่ ตอนเล่าถึงสภาพความเป็นอยูใ่ นนี ้ เขาต้องการความ ยุติธรรม ต้องการสิทธิของเขา แต่ทั้งหมดที่ฉันต้องการก็คือการได้ ออกไปจากที่นี่ ฉันไปกับเขาทีร่ วั้ เพราะรูว้ า่ ต้องมีปญ ั หาแน่ แล้วมันก็มจี ริงๆ มีผู้ถูกกักกันยืนอยู่แถวนั้นประมาณยี่สิบคน ต่างก็ตะโกน ตอบนักข่าวราวๆ หนึ่งโหลที่กา� ลังตะโกนอะไรประมาณว่า: “คุณรู้สึกว่าโดนละเมิดสิทธิหรือเปล่า” “ข่าวลือเรื่องการใช้ความรุนแรงของแก๊งอันธพาลเป็น ความจริงหรือเปล่า” “คุณตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า” ผูถ้ กู คุมขังบางคนตะโกนตอบ บ้างก็รอ้ งบอกไปว่า “พาเรา ออกจากทีน่ ที่ !ี ” และ “ติดต่อลุงฉันให้หน่อย! เขาจะมีรางวัลให้!” และ “เพื่อเห็นแก่พระเจ้า ช่วยเราด้วย!” 17
วันที่ 31
แล้วก็มีรถหุ้มเกราะสองคันแล่นมาต้อนฝูงนักข่าวออกไป จากนัน้ ผูค้ มุ สองคนก็ลงมาพร้อมกับปืนกึง่ อัตโนมัตสิ า� หรับยิงลูกดอก บรรจุยาสลบ เวนเกอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันเห็นแววยินดีวาบขึ้นบนใบหน้าของเวนเกอร์ในตอนที่ เขาเห็นฉันกับมาริโออยู่ที่รั้ว ผู้คุมทั้งสองคนเดินฝ่าเข้ามาในฝูงคน พลางฉุดใครต่อใครให้พ้นรั้วและผลักพวกเขากลับไปทางหอพัก “กะแล้วเชียว!” เขาตะเบ็ง “ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกสองคนต้อง เป็นตัวปัญหา! ไม่มีใครเลือกที่จะอยู่ในนี้กันหรอก!” เวนเกอร์เบียดเสียดฝูงคนเข้ามาตะปบแขนอันบอบบางของ มาริโอ พรึบ่ โทสะของฉันพุง่ ปรีด๊ เหมือนรถทีพ่ งุ่ ขึน้ สูไ่ ฮเวย์ ทะยาน ด้วยความเร็วสูง “อย่าแตะต้องเขานะ!” ฉันแหวไป เขาใช้กระบองสั้นทิ่มฉันที่กลางอกอย่างแรง ฉันตะปบมันเอาไว้ “อีพูเดิลโสโครกตัวด�า!” เขาเกรี้ยวใส่ แล้วเงื้อกระบองจะหวดมาริโอ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นมาริโอ ฉันยกแขนขึ้น ใช้แขนท่อนล่างรับแรงกระหน�่านั้นเสียเอง แล้วเสือกตัวเข้าไประหว่างยามทมิฬกับมาริโอ รู้สึกถึง ร่างกายของเวนเกอร์ซึ่งทั้งอุ่น สูงใหญ่ และทรงพลังอยู่แทบตัวฉัน แล้วฉันก็มองเข้าไปในดวงตาของเขา ฉันเห็นความเคลิบเคลิ้มอยู่ในนั้น เป็นความปรีดิ์เปรมที่จะ ได้ใช้รา่ งกายของตัวเองท�าร้ายคนอืน่ ได้เหวีย่ งแขนเงือ้ ง่า แล้วฟาด กะโหลกคน 18
เวนเกอร์อาจจะกรุ๊ปโอหรือไม่โอก็ได้ แต่เขารู้ถึงความ หรรษาจากการฆ่า แน่ล่ะ มันเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ไปท้าทายเวน เกอร์อย่างนั้น ฉันไม่รู้ว่าอะไรกวนใจเขาที่สุด การที่ฉันยังเด็ก การที่ฉัน เป็นเพศหญิง หรือว่าการที่ฉันเป็นคนผิวด�ากันแน่ แต่ฉนั ก็สกัดเขาไว้จากการทุบกะโหลกชายชราวัยแปดสิบได้ และตอนนี้ฉันก็ตกเป็นเป้าที่เขาโปรดปรานไปแล้ว
19
วันที่ 31