ปีที่1 ฉบับที่2
2554
พลังขับเคลื่อน เพื่อเปลี่ยนสังคม
กันยายน ตุลาคม
ระบบประกันสุขภาพ
หลายมาตรฐาน
Health care reform
ปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
ทุกๆ ปี
ประชากรโลก กว่า 100 ล้านคนกำลังเข้าสู่ภาวะ ยากจนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก ต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บมากมาย ซึ่งผลที่ตามมาคือค่ารักษาพยาบาลแพง มหาศาล รายงานจ าก องค์ ก ารอ นามั ย โ ลก (World Health Organization: WHO) กล่าววา่ ทั้งสภาพเศรษฐกิจถดถอย โรคระบาด รวมถึง การเข้าส สู่ งั คมผสู้ งู อ ายุ ทำให้ร ะบบหลักป ระกัน สุขภาพของหลายๆ ประเทศยิ่งทวีความสำคัญ มากขึ้น ในปี 2005 สมาชิกทั้งหมด 192 ประเทศ ของ WHO ได้ลงสัตยาบรรณร่วมกันว่า ประชาชน ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลได้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่ต้องไม่มีใครคนใดคนหนึ่งแบก รับค ่าใช้จ่ายนี้ไว้อีกต่อไป WHO ระบุในรายงานว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้หลาย ประเทศไม่สามารถสร้างสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล ให้แก่ประชาชน ได้แก่ ระบบการชำระเงิน ความสามารถ ในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ไม่เท่าเทียม และการใช้ ทรัพยากรด้านการรักษาพยาบาลอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ทุกประเทศ
ต้องเร่งสร้างหลักประกัน ด้านสุขภาพขึ้นมา
อย่างเร่งดว่ น
ดร.มาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าว ในการประชุมเปิดเผยผลการศึกษา WHO ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี 22 พฤศจิกายน 2010
ที่มา: Agence France-Presse (AFP)
เรื่องจากปก
10
รู้เรียน
27
เทศาภิวัฒน์
34
ปฏิรูประบบประกันสุขภาพ
โรงเรียนข้าว
รถไฟฟ้า vs. ย่านเก่า
ภายใน 1 ปี ประชากรโลกหลายล้านคน ต้องประสบกับภาวะยากจน เพราะต้อง แบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพราคา แพง สำหรับประเทศไทย แม้ภาระจะไม่ ได้อยู่ในมือประชาชนทั้งหมด แต่ระบบ ประกันสุขภาพก็ยังมีหลายมาตรฐาน เหลื่อมล้ำกันอยู่ โดยเฉพาะ ‘ประกัน สังคม’ และ ‘ประกันสุขภาพถ้วนหน้า’
ท่ามกลางระบบเกษตรสมัยใหม่ ชาวนา แห่งอ ตุ รดิตถ์ไม่อ ยูเ่ ฉย พวกเขารวมกลุม่ ผลิตสารธรรมชาติเพื่อใช้แทนสารเคมี ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้และจำหน่าย ผลิตปุ๋ยอินทรีย์อัดเม็ด พร้อมๆ ก่อเกิด เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรครบวงจรในนาม ‘ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าว วิสาหกิจชุมชน บ้านคลองกล้วย’
ว่ากันว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองใหญ่ หาก สามารถรกั ษายา่ นเก่าแ ก่เอาไว้ค วบคูก่ บั การพัฒนา แต่กรณีเยาวราช-ไชน่าทาวน์ ที่ใหญ่ติดอันดับโลก กำลังเผชิญความ เปลี่ยนแปลง เมื่อใจกลางย่านเก่ากำลัง จะถูกพลิกโฉมหน้า โดยเริ่มต้นจากการ เข้ามาของรถไฟฟ้าใต้ดิน
6 วัน-เดือน-ปี 8 นอกหน้าต่าง 10 เรื่องจากปก 14 ชีวิตสมดุล Contents 17 เติมหัวใจใส่เงิน 19 โลกเสมือน 20 Cut it Out (เปลี่ยนเถอะ) 22 สัมภาษณ์: นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี
02
26 Media 28 Justice for All 30 ดินฟ้าป่าน้ำ 32 เทศาภิวัฒน์ 34 ปฏิทิน-ปฏิรูป 36 ขับเคลื่อน 38
รู้เรียน
5
ผม
Editor’s Talk
เป็นพนักงานประจำบริษัทเอกชน มีเงินเดือน อยู่ในระบบ แรงงาน และเป็นผู้เสียภาษีเต็มรูปแบบ ขณะทวี่ ารสาร ‘ปฏิรปู ’ ฉบับท ี่ 2 นีถ้ งึ ม อื ผ อู้ า่ น ผมนา่ จ ะอยูใ่ นสภาพ ใช้ภาษาเขียนสื่อสารได้รู้เรื่องกว่าปากพูด เชื่อแล้วว่าสังขารเป็นเรื่องไม่เที่ยง ‘ผ่าฟันคุด’ เป็นหนึ่งในเรื่อง ‘เจ็บ จริง’ ที่ไม่สามารถหาใครมาแสดงแทนได้ ไม่ใช่ครั้งแรก หลายปีก่อน คุณหมออารมณ์ดีฮัมเพลงพลางบรรจง เอาคีมเหล็กคีบฟันคุดซี่บนออกจากปาก ไม่ถึงกับต้องลงมีดกรีด เสียค่าใช้ จ่ายประมาณ 800 บาท รู้กันดีว่าเมื่อผู้ถือสิทธิประกันสังคมใช้บริการทันต กรรม ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองล่วงหน้า แล้วจึงค่อย นำใบเสร็จแนบเป็นหลักฐานการเบิกทีหลัง เรื่องของเรื่อง ระบบประกันสังคมในตอน นั้น (ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่) รับผิดชอบสุขภาพ ปากของประชาชนเพียงครั้งละ 250 บาท ที่ สำคัญ 1 ปี เบิกได้แค่ 2 ครั้ง ต่อให้ใช้วิธีแยก ใบเสร็จเป็น 2 ใบ เพื่อแยกเบิก ก็ยังได้ยอด รวมเบ็ดเสร็จ 500 บาท...สรุปว่าส่วนต่าง 300 บาทต้องตกเป็นภาระของประชาชน ซึ่ง ก็คือผม ทฤษฎีเก่าแก่ว่าไว้ ‘ทุกอย่างมีราคาแลก เปลี่ยนเสมอ’ ถูกต ามนั้น เพราะส่วนต่างยังไม่จบที่ 300 บาท หากนบั ร วมคา่ ‘โสหุย้ ’ หรือค า่ ใช้จ า่ ยระหว่าง การไปทำเรือ่ งเบิกท สี่ ำนักงานประกันส งั คม ทัง้ ค า่ เสียเวลา ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าเสียสุขภาพจิต...สุดท้ายก็เริ่มรู้สึกว่าเงิน เบิกประกันสังคม 500 บาทชักจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ขาดทุน เกือบ 10 ปีก่อน ระบบประกันสุขภาพของไทยเกิดแรงกระเพื่อม ครั้งใหญ่ เมื่อรัฐบาลสมัยนั้นผุดโครงการ ‘หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า’ เรียกภาษาชาวบ้านว่า บัตรทอง หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค จนปี 2549 มีการ ‘อัพเกรด’ ยกเลิกการจ่าย 30 บาท และในปี 2553 ผู้มีสิทธิเพียง แสดงบัตรประชาชนเท่านั้น ก็สามารถรับการรักษาได้เลย โดยรัฐเป็นฝ่าย จัดสรรเงินภาษีมาจ่ายให้โรงพยาบาล มองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ยอมรับว่าเป็นรูปแบบที่น่าสนใจ เพราะหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้บริการครอบคลุมกว้างกว่าประกัน สังคม แน่นอน...หาหมอฟนั ได้ ไม่ต อ้ งเบียดเบียนเงินในกระเป๋า โดยเฉพาะ ผ่าฟันคุดท ี่มีค่าใช้จ่ายหลักพัน แต่ไม่ง่ายเช่นนั้น การ ‘ย้ายค่าย’ จากระบบประกันสังคม ไปซบอก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กลับทำไม่ได้
ที่ปรึกษา สปร. ศ.นพ.ประเวศ วะสี นพ.วิชัย โชควิวัฒน นพ.อำพล จินดาวัฒนะ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ดร.วณี ปิ่นประทีป
กองบรรณาธิการ สปร. นางสาวพัชรา อุบลสวัสดิ์ นางสาวสมพร อิทธิเดชพงศ์ นางสาวปนัดดา ขาวสะอาด นายครรชิต ปิตะกา นางสาววิไลวรรณ สิริสุทธิ์ นางสาวนงลักษณ์ ยอดมงคล นางสาววันวิสา แสงทิม นางสาวจิตติมา อุ้มอารีย์ นางสาวรัฐวรรณ เฮงสีหาพันธ์ นางสาวสุพรรณี สุวรรณศรี
วิธีการเดียวที่จะสามารถออกไปจากสิทธิประกันสังคมได้คือ ต้อง ทำตัวให้เป็นค นวา่ งงาน หรือไม่ก ต็ อ้ งผนั ต วั ไปเป็นแ รงงานนอกระบบลกู จ้าง ประจำเสียก่อน ซึง่ น นั่ ม ากกว่าก ารเอาสขุ ภาพเข้าแ ลก กลับพ อกพูนอ ตั ราความเสีย่ ง ให้กับชีวิตตัวเองเข้าไปอีก ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตั้งคำถามว่า “ประกันสังคมเป็นบาปติดตัวหรือ เปล่า?” เพราะปญ ั หานเี้ ป็นท ถี่ กเถียงกนั อ ยูน่ านหลายปี นอกจากนบี้ รรดาผู้ อยู่ในระบบประกันสังคมยังตั้งคำถามระดับคลาสสิกที่ยังไม่มีใครตอบว่า “ทัง้ ท เี่ รา-ลูกจ้าง และนายจ้าง ต่างตอ้ งจา่ ยเงินส มทบเป็นร ายเดือน ภาษีก็จ่ายครบ แต่เมื่อเทียบกับหลักประกันสุขภาพที่เปลี่ยน จาก 30 บาท มาเป็นไม่ต้องจ่ายสักบาทในปี 2549 ทำไม ประกันสังคมถึงแพ้ทุกกระบวนท่า?” ใช่ว่าประเด็นนี้จะเงียบกริบเสียทีเดียว ยังมี ความหวังอยู่ในสายลม ตลอด 8-9 เดือนที่ผ่าน มา มีก ารประการเพิม่ ส ทิ ธิให้ผ ปู้ ระกันต นในระบบ ประกันสังคมอยู่หลายครั้ง โดยหวังจะตามหลัก ประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ทัน แต่เอาเข้าจริงๆ การเพิ่มสิทธิที่ว่า หลาย ประเด็นยังลูกผีลูกคน เมื่อ สปส. (สำนักงาน ประกันสังคม) ชงเรื่องออกมา พอส่งมาถึงคณะ กรรมการการแพทย์ รายการสิทธิทั้งหลายก็ถูก ตัดตอนจนแทบจะกลายเป็นหมัน...ความหวังกลับ คืนสู่สายลมอีกครั้ง ไม่ ต้ อ งถึ ง ร ะดั บ นั กวิ ช าการ คนธ รร มด าๆ หลายคนก็สรุปแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะ ประเทศไทยของเรายังมีระบบประกันสุขภาพที่แยกกันออกเป็น 2 ส่วน นั่นคือสาเหตุของปัญหา จริงๆ มันก็ดูเป็นความวุ่นวายอย่างปกติของบ้านเรา เหมือนรถเมล์ เอกชนสารพัดแ บบ ตูโ้ ทรศัพท์ห ลายแบบ แท็กซีห่ ลากสี หรือไม่ก เ็ ป็นค ำถาม ที่ว่า “ทำไม MRT กับ BTS ถึงไม่ใช้บัตรโดยสารร่วมกัน” มองในรายละเอียด แม้ช่องว่างของทั้ง 2 ระบบจะห่างกันเพียงใด แต่ในสายตาของคนในสังคม ระบบประกันสุขภาพเรียกได้ว่าเป็นเรื่องคอ ขาดบาดตาย แต่กลับยังไม่เคยเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง เรา-ประชาชน ก็ต้องก้มหน้ายอมรับกันไป วารสาร ‘ปฏิรูป’ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องการปฏิรูประบบประกัน สุขภาพ เจาะรายละเอียดความแตกต่างเหลื่อมล้ำในสิทธิขั้นพื้นฐานที่ ประชาชนพงึ ม ี แม้เงือ่ นปมนเี้ ราอาจไม่ส ามารถลงมือแ ก้เองได้ แต่ก ารสร้าง ความเข้าใจก็เข้าหลัก ‘รู้เขารู้เรา’ อย่างน้อย ก็เป็นก้าวแรกไปสู่การแก้ไขที่ ต้นเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง
ดำเนินการผลิต เปนไท พับลิชชิ่ง บรรณาธิการ รุ่งฤทธิ์ เพ็ชรรัตน์ กองบรรณาธิการ อภิรดา มีเดช / วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์ / ศรีศักดิ์ พิกุลแก้ว ศิลปกรรม ณขวัญ ศรีอรุโณทัย / เดือน จงมั่นคง พิสูจน์อักษร คีรีบูน วงศ์ชื่น
พิมพ์เผยแพร่ห้ามจำหน่าย
6
วัน-เดือน-ปี
1
Brian Binnie ไบรอัน บินนี หนึง่ ในความใฝ่ฝนั ส งู สุดข องมนุษย์ค อื ก ารออกไปทอ่ งอวกาศ ‘ก้าวเล็กๆ’ ของ นีล อาร์มสตรอง บนพื้นผิวดวงจันทร์ในปี 1969 ยืนยันว่าขอบเขตของความฝันกับความจริงมีทางบรรจบกัน แต่ไม่ว า่ จ ะกคี่ รัง้ ต อ่ ก คี่ รัง้ อากาศยานทพี่ งุ่ ท ะยานออกไปนอก ชั้นบรรยากาศโลกได้ล้วนเป็นทรัพย์สมบัติขององค์กรระดับชาติจาก เหล่าประเทศมหาอำนาจทั้งนั้น ไบรอัน บินนี รับใช้หน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐในฐานะนักบิน มา 21 ปีก่อนจะผันตัวมาเป็นนักบินอวกาศ จน 17 ธันวาคม 2003 ในงานฉลองครบรอบ 100 ปีการบินครั้งแรกของพี่น้องตระกูลไรท์ เขาขับยานอวกาศรูปร่างประหลาดพิชิตความเร็วเหนือเสียงได้ใน วันนั้น ที่ความสูง 20 กิโลเมตร สเปซชิปวัน (SpaceShipOne) เป็นอากาศยานเอกชนทรง หัวกระสุน ออกแบบโดยวิศวกรชาวอเมริกัน เบิร์ต รูแทน ด้วยการ สนับสนุนเงินท นุ ก ว่า 25 ล้านเหรียญจาก Mojave Aerospace Ventures ของ พอล อัลเลน อดีตคู่หูบิล เกตส์ เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ 4 ตุลาคม 2004 สเปซชิปวันขึ้นสู่ฟ้าครั้งสุดท้ายก่อนปลด ประจำการ เที่ยวบินที่ 17P ภายใต้การควบคุมของบินนีทะยานออกจากยานแม่ ‘ไวท์ไนท์’ (White Knight) ขึ้น สู่ระดับความสูง 112 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล ด้วยความเร็ว 3.09 มัค รวมเวลาทั้งหมด 23 นาที 56 วินาที และพิชิตการแข่งขันชิงรางวัล ANSARI X PRIZE ซึ่งมอบให้อากาศยานเอกชนลำแรกที่ไต่ระดับความสูง 103 กิโลเมตรและกลับมาอย่างปลอดภัย 2 ครั้งใน 2 สัปดาห์ นอกจากจะเป็นอากาศยานเอกชนลำแรกที่บินทะลุชั้นบรรยากาศเป็นสถิติ บินนียังถูกบันทึกไว้ว่าเป็น พลเมืองสก็อตแลนด์คนแรกที่ได้เดินทางออกไปนอกโลกอีกด้วย 2
Augusto Pinochet ออกุสโต ปิโนเชต์ การปฏิวตั ริ ฐั ประหารเป็นอ ปุ สรรคสำคัญ ต่ อ ก ารพัฒนาป ระชาธิ ป ไตย นั ก เ ผด็ จ การ อำนาจจึงเป็นตัวละครทางประวัติศาสตร์ท่ีถูก จดจำในดา้ นลบตลอดมา แม้ในโลกสงั คมนิยม เองกต็ าม ศักราชท่ีลัทธิคอมมิวนิสต์เฟื่องฟู ผล การเลือกตง้ั ทว่ั ไปในปี 1970 ของชลิ ี ส่งผลให้ ซัลว าดอร์ อาเยนเด นักอ ดุ มการมาร์กซ สิ ต์จ าก พรรคสังคมนิยมกุมเสียงข้างมาก จนสามารถ ก้าวขน้ึ สตู่ ำแหน่งประธานาธิบดี สวนทางกบั กระแสนยิ มซา้ ย กลุม่ ทหาร ก็ข ยายฐานอำนาจเติบโตเช่นก นั พล.อ.ออกสุ โต ปิโนเชต์ ผูบ้ ญ ั ชาการกองทัพบ กได้ท ำรฐั ประหาร ยึดอำนาจในวนั ท่ี 11 กันยายน 1973 และในวนั เดียวกันนน้ั ประธานาธิบดีอาเยนเดก็ถกู พบเป็นศพในทำเนียบ หลังจากรฐั บาลถกู โค่นดว้ ยอำนาจทหาร ชาวชลิ จี ำนวนมากออกมาชมุ นุม เกิดเป็นจลาจลครัง้ ใหญ่ ตลอด ระยะเวลาทเ่ี ขาอยูใ่ นตำแหน่ง ป ระธานาธิบ ดีร ะหว่างปี 1974-1990 มีป ระชาชนผตู้ อ่ ต า้ นกว่า 3,000 คนเสียช วี ติ และสญ ู หาย หลายหมืน่ คนถกู ทรมาน หลังหมดอำนาจ พล.อ.ปิโนเชต์ หนีไปตา่ งประเทศ ก่อนถกู จบั กุมทอ่ี งั กฤษในปี 1998 แต่เนือ่ งจากอาการ ป่วย ทำให้จวบจนวนั สดุ ท้ายของชวี ติ เขากย็ งั ไม่เคยได้รบั โทษในขอ้ หาละเมิดสทิ ธิมนุษยชนเลยแม้แต่ครัง้ เดียว หลังการเสียชวี ติ ของเขา 10 ธันวาคม 2006 ด้วยวยั 91 ปี ประชาชนสว่ นหนึง่ จดั งานเฉลิมฉลอง รัฐบาล ชิลีก็ปฏิเสธการจัดพิธีศพ มีเพียงหน่วยงานในสังกัดกองทัพเท่านั้นท่ีได้รับอนุญาตให้ลดธงครึ่งเสาเพื่อเป็นการ ไว้อาลัยแก่จอมเผด็จการผนู้ ้ี
3
Yoshijiro Umezu โยชิจิโร อุเมซุ
14 สิงหาคม 1945 หลังจากระเบิดปรมาณู ‘ลิตเติลบอย’ ที่ฮิโรชิมา และ ‘แฟตแมน’ ที่นางาซากิ พรากชวี ติ ป ระชาชนญปี่ นุ่ ไป 2 แสนกว่าค น จักรพรรดิ ฮิโรฮิโต ได้ประกาศยยอมแพ้ และเรียกร้องให้รัฐบาล ยอมจำนน เพื่อรักษาชาติเอาไว้ นายพลโยชิจิโร อุเมซุ เสนาธิการทหาร ไม่ ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาเคยคิดแม้กระทั่งจะปฏิวัติ ยึดอำนาจ เพื่อให้กองทัพแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ยืนหยัดสู้ต่อไป จบก ารศึ ก ษาด้ ว ยผ ลง านอั น ดั บ ห นึ่ ง จ าก วิทยาลัยการทัพบกแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น ก่อนจะถูกส่ง ไปเรียนต่อที่เยอรมนี และเดนมาร์ก ระหว่างนั้นอุเมซุ ได้รับใช้ชาติเป็นครั้งแรกในสงครามโลกครั้งที่ 1 กับ ตำแหน่งผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารที่สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากล้มเลิกความตั้งใจยึดอำนาจ นายพล อุ เมซุ ก็ได้รับคำสั่งโดยตรงจากจักรพรรดิให้เป็น ตัวแทนกองทัพญี่ปุ่นลงนามในสัญญาสงบศึก 2 กันยายน 1945 นายพลอุเมซุ เสนาธิการ ทหาร ผู้บัญชาการคนสุดท้ายของญี่ปุ่น และ มาโมรุ ชิเกะมิตสึ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามร่วมกับพลเอกดักลาส แมคอาเธอร์ บนเรือ ย เู อสเอส มิสซูรี ทีบ่ ริเวณอา่ วโตเกียว มีก ารถา่ ยทอดสด ไปทั่วโลก หลั ง จ ากนั้ น นายพ ลอุ เ มซุ ถู ก ท หารฝ่ า ย สัมพันธมิตรจับกุมในข้อหาอาชญากรสงคราม และ ถูกตัดสินโดยศาลทหารนานาชาติให้จำคุกตลอดชีวิต ในปี 1948
7
4
Francis Drake ฟรานซิส เดรก ศตวรรษที่ 16-18 ยุคล่าอาณานิคม จักรวรรดิอังกฤษครอบครองความได้เปรียบใน มหาสมุทร จนพิชิตโลกเกือบทั้งใบ หากย้อนเวลาไปจะพบว่า แสนยานุภาพของกองเรืออัน เกรียงไกรนั้น มีที่มาจากโจรสลัด ฟรานซสิ ‘เดอะ ดรากอน’ เดรก เป็นท รี่ จู้ กั ก นั ด ใี นนา่ นนำ้ ค ารเิ บียน เพราะเขาคอื โจรสลัด นามกระเดื่องผู้ปล้นกองเรือสเปนเป็นว่าเล่น จนพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปนเคยตั้งค่าหัว โจรสลัดผู้นี้ไว้สูงถึง 4 ล้านปอนด์ กัปต ันเดรกออกเดินทางสำรวจโลกแข่งกับคู่ปรับอย่างสเปน เมื่อ 13 ธันวาคม 1577 กองเรือของอังกฤษ 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 165 คน นำโดยเรือโกลเดนไฮนด์ (Golden Hind) ของ เดรกมุ่งหน้าลงใต้ผ่านช่องแคบมาเจลลัน ลัดเลาะชายฝั่งอเมริกาใต้ ออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก กระทั่ง 26 กันยายน 1580 กัปตันเดรก สามารถนำเรือโกลเดนไฮนด์ ผ่านฟิลิปปินส์ อ้อมแหลมกดู้ โฮป ทวีปแ อฟริกา กลับม าทอี่ งั กฤษได้ส ำเร็จ และถกู บ นั ทึกไว้ในฐานะชาวองั กฤษ คนแรกทเี่ ดินท างรอบโลก จากนนั้ ส ถานะของเขากเ็ ปลีย่ นจากโจรสลัดม าเป็นน กั เดินเรือผ โู้ ด่งด งั จนปี 1585 ได้รับพระราชทานยศชั้นอัศวินจากพระราชินี อลิซาเบธที่ 1 เป็น เซอร์ ฟรานซิส เดรก อีก 3 ปีถ ดั ม า เดรกได้เลือ่ นขนั้ เป็นร องผบู้ ญ ั ชาการกองทัพเรืออ งั กฤษ และสามารถพชิ ติ กองเรือไร้พ ่าย-อาร์มาดา ของสเปน ที่ประกอบด้วยเรือ 130 ลำ สำเร็จ ในสงครามที่ช่องแคบ อังกฤษ 6
Eero Saarinen แอโร ซาริเนน
5
Johann Galle โจฮันน์ กาลเล ความเ ชื่ อ ที่ ว่ า ‘โลกแ บน’ ถู ก พั บ เ ก็ บ เข้ า หี บ ป ระวั ติ ศ าสตร์ เมือ่ น โิ คลัส โคเปอร์น คิ สั ประกาศทฤษฎีโลกกลม และเป็นศูนย์กลางของ ระบบสรุ ยิ ะ หลังจ ากนนั้ ความเ ร้ น ลั บ เ กี่ ย วกั บ จักรวาลกเ็ ริม่ ถกู เปิดเผย วิ ท ยาการใ นยุ ค ต่ อ ม าช่ ว ยยื น ยั น ว่ า ระบบสรุ ยิ ะมดี ว งอาทิตย์ เป็ น ศู น ย์ ก ลาง และมี ดาวเคราะห์ทั้งหมด 8
ดวงโคจรอยู่รอบๆ เออร์เบีย ง เลอ เวอร์ร เิ ยร์ นักด าราศาสตร์ช าวฝรัง่ เศสสำรวจวงโคจร ของดาวยูเรนัส ดาวเคราะห์ที่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 แล้วพบ ว่า ณ ที่ไกลออกไป อาจมีดาวเคราะห์อยู่อีกดวงหนึ่ง 23 กันยายน 1846 โจฮาน กาลเล นักดาราศาสตร์แห่งหอดูดาว เบอร์ลิน เยอรมนี ได้นำผลการคำนวณตำแหน่งของ เลอ เวอร์ริเยร์ มา ค้นคว้าต อ่ จ นเห็นด าวดวงหนึง่ ท ตี่ ำแหน่งด งั ก ล่าว นัน่ ค อื ด าวเนปจูน ซึง่ ถ อื เป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ปัจจุบัน ชื่อของนักดาราศาตร์ผู้นี้ยังปรากฏอยู่ในอวกาศ โดยเป็น ชือ่ ข องวงแหวนรอบดาวเนปจูน และเป็นช อื่ ข องหลุมบ นดวงดาว (Impact Crater) 2 แห่ง คือ บนดวงจันทร์ และหลุมรูปหน้ายิ้ม ‘แฮปปี้ เฟซ’ อัน โด่งดัง บนดาวอังคาร
หลั ง ป ระเทศ อเมริกาถือกำเนิดขึ้น ในปี 1776 ปี 1804 ‘ลูอิส แอนด์ คลาร์ก’ เมริเวเธอร์ ลูอิส และ วิ ล เ ลี ย ม คลาร์ ก ออกเดินทางบุกเบิก แ ผ่ น ดิ น อ เ ม ริ ก า จากฝั่ ง ต ะวั น อ อก สู่ตะวันตก ตามคำสั่ง ของป ระธานาธิ บ ดี ค น ที่ 3 โ ธ มั ส เจฟเฟอร์สนั โดยมจี ดุ เริ่มต้นที่แม่น้ำมิสซูรี ป ร ะ ตู โ ค้ ง Gateway Arch ซึ่ง เป็นอ นุสรณ์ในการประกาศขยายอาณาเขตประเทศในครัง้ น นั้ ถ กู อ อกแบบ โดยสถาปนิกอเมริกันเชื้อสายฟินแลนด์ เอโร ซาริเนน และสร้างเสร็จเมื่อ 28 ตุลาคม 1965 ซาริเนน เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาปนิกผู้บุกเบิกแนวโพสต์โมเดิร์น มี ผลงานเด่น คืออ าคารผโู้ ดยสารหลักท า่ อ ากาศย านดลั เลส ในวอชิงตัน และ อาคารควบคุมการบิน ที่อากาศยานเจเอฟเค ในนิวยอร์ก งานออกแบบชิ้นสำคัญที่ถูกขนานนามว่า ‘ประตูสู่ตะวันตก’ เป็น อนุสาวรีย์โค้งที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี บนฝั่ง ตะวันต กของแม่นำ้ ม สิ ซูรี บริเวณสถานทกี่ อ่ สร้างคอื จ ดุ เริม่ ต น้ ก ารเดินท าง ของลูอิส และคลาร์ก หลังจากเริ่มต้นการออกแบบเมื่อปี 1947 ประตูโค้งขนาดยักษ์นี้ เริ่มการก่อสร้างในปี 1963 เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วมีความสูง 192 เมตร กว้าง 192 เมตร และยงั ม รี ะบบลฟิ ต์ว งิ่ ต ามรางโค้งเพือ่ ข นึ้ ไปชมจดุ ส งู สุด อีกด้วย
8
นอกหน้าต่าง
ICELAND
พลังหญิง ในรายงานการประชุมเวิลด์อ โี คโนมกิ ท ผี่ า่ นมา เผยว่าไอซ์แลนด์ครองอันดับหนึ่ง ประเทศที่ มีความเท่าเทียมระหว่างเพศ ขณะที่นิตยสาร นิ ว ส์ วี ค ใ ห้ ฉ ายาว่ า เ ป็ น ป ระเทศที่ ดี ที่ สุ ด สำหรับผู้หญิง โดยสำรวจจากข้อมูลด้านการ สาธารณสุข การศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง และความยุติธรรม คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันของ โยฮันนา ซิกูดาร์ดอททีร์ นายกรัฐมนตรีหญิงผู้เปิดตัว ต่อสาธารณชนว่าเป็นรักร่วมเพศ มีสัดส่วน ระหว่างชายหญิงในคณะรัฐมนตรี อยู่ที่ 6 ต่อ 4 โดยหนึ่งในนั้น คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
อุตสาหกรรม พลังงาน และการท่องเที่ยว แคทริน จูเลียสดอททรี ์ ซึง่ กำลังตง้ั ครรภ์ลกู แฝด ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงานพาณิชย์ และสำนักงาน (VR) ให้ข้อมูลว่า ผู้หญิงไอซ์- แลนด์ ยังได้รับค่าจ้างต่ำกว่าผู้ชายในตำแหน่ง หน้าที่เดียวกันร้อยละ 10 แต่ละปี หน่วยดูแลผู้ถูกข่มขืนในโรง- พยาบาลเรคยาวคิ และหน่วยงานให้ค ำปรึกษา ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต้องดูแลผู้หญิง 250 คนต่อปี แต่กรณีที่ไปถึงศาลมีไม่ถึง 5 คดี แคทรินเชื่อว่า ความเท่าเทียมทางเพศ คือห นึง่ ในตวั ช วี้ ดั ส ำคัญข องคณ ุ ภาพสงั คมโดย รวม แม้ผู้หญิงไอซ์แลนด์จะมีสิทธิ์มีเสียงพอ สมควร แต่บางเรื่องยังต้องต่อสู้กันต่อไป ที่มา: www.guardian.co.uk
USA
เมืองจักรยานตัวจริง สถิตขิ องผใู้ ช้จ กั รยานในชวี ติ ป ระจำวนั ม ากทสี่ ดุ ของสหรัฐ อยูท่ เี่ มือง มินน อิ าโพลสิ รัฐม นิ เนโซตา โดยชาวเมืองเลือกปนั่ จ กั รยานไปทำงานเข้าใกล้ 4 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2007 และเพิ่มขึ้นกว่า 500 เปอร์เซ็นต์ เมื่อ เทียบกับปี 1980 ชาวเมืองหนึง่ ในสามยงั ค งปนั่ จ กั รยานใน ช่วงฤดูห นาว แม้แต่ว นั ท หี่ นาวเย็นท สี่ ดุ คน 1 ใน 5 ก็เลือกใช้จักรยาน นอกจากนี้ มินนิอาโพลิส ยังมีระบบแชร์จักรยานขนาดยักษ์แห่งแรกใน ประเทศ เรียกว่า ‘ไนซ์ไรด์’ (Nice Ride) ซึ่งเปิด ให้บริการตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ก่อนเริม่ โครงการมคี ำถามมากมาย ตัง้ แต่ มันจะเหมาะกับเมืองที่คนมีจักรยานส่วนตัวอยู่
SWEDEN
โนเบลสู้มะเร็ง มหาวิทยาลัยร็อคกีเฟลเลอร์ในนิวยอร์ก ประกาศ ว่า ราล์ฟ สไตน์แมน หนึ่งใน 3 นักวิทยาศาสตร์ เจ้ า ของร างวั ล โ นเ บลส าขาส รี ร วิ ท ยาป ระจำปี 2011 ชาวแคนาดา วัย 68 ปี เสียชีวิตจาก อาการแทรกซ้อนของมะเร็งต บั อ อ่ น ก่อนหน้าก าร ประกาศผลรางวัลเพียง 3 วัน การค้นพบที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1973 ด้วยการพบเซลล์เดนดริทิก หรือที-เซลล์ โดยเซลล์ชนิดใหม่ตัวนี้ สามารถ พัฒนาขดี ค วามสามารถของระบบภมู คิ มุ้ กันในการ รับมือกับเชื้อโรค นักวิทยาศาสตร์อีก 2 คนที่ได้รับรางวัล สาขานี้ร่วมกัน คือ จูลส์ ฮอฟฟ์แมน ชาวฝรั่งเศส และบรูซ บิวท์เลอร์ ชาวอเมริกัน โดยพวกเขา ร่วมกันสนับสนุนการค้นพบของสไตน์แมน โดย
ฮอฟฟ์แ มนนค์ น้ พ บการพฒ ั นาภมู ติ า้ นทานเชือ้ โรค ของแมลงผลไม้ในปี 1996 และอีก 2 ปีต่อมา บิวท์เลอร์ก็ทำการทดลองในหนู เพื่อแสดงให้เห็น ว่ า ทั้ ง แ มลงแ ละสั ต ว์ เ ลี้ ย งลู ก ด้ ว ยน มส ามารถ พั ฒ นาร ะบบภู มิ คุ้ ม กั น ต นเองเ มื่ อ ถู ก เ ชื้ อ โ รค เล่นงานซ้ำสองได้ การค้นพบระบบภูมิคุ้มกันที่เปิดทางให้กับ การรักษาและป้องกันการติดเชื้อและมะเร็ง ช่วย ให้ส ไตน์แ มนตอ่ สูก้ บั ม ะเร็งข องเขาทตี่ รวจพบและ เริ่มรักษามาตั้งแต่ 4 ปีก่อน คณะกรรมการรางวัลโนเบลแห่งสถาบัน คาโรลินสการะบุว่า ญาติของสไตน์แมนมีสิทธิ์รับ รางวัลแทนเขา แม้มีกฎระบุไม่ให้มอบรางวัลแก่ ผู้เสียชีวิตไปแล้ว แต่สามารถมอบรางวัลแก่ผู้รับ ที่เสียชีวิตในช่วงระหว่างวันประกาศผลไปจนถึง พิธีมอบ ที่มา: www.nytimes.com
แล้วห รือเปล่า คนไม่มปี ระสบการณ์ป นั่ ม ากอ่ นมี สิทธิเ์ จ็บต วั ง า่ ยไหม ฯลฯ แต่เมือ่ จ กั รยานสเี ขียว สั ญ ลั ก ษณ์ ข องโ ครงการไ ด้ ฤ กษ์ อ อกสู่ ถ นน ผลคอื มีจ กั รยานเพียงคนั เดียวถกู ข โมย และเกิด อุบัติเหตุเพียงหนึ่งครั้ง ต่ำกว่าที่ทางโครงการ คาดการณ์ไว้มาก ปีที่แล้ว มีคนยืมจักรยานกว่า 100,000 ครั้ง ขณะที่ปีนี้ จักรยานถูกเพิ่มเข้าไปในระบบ อีก 500 คัน เพิ่มจำนวนสถานีให้เช่าอีก 51 สถานี ทำให้ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงปลายเดือน กันยายนที่ผ่านมา มีผู้ยืมจักรยานไปแล้วกว่า 172,000 ครั้ง นายกเทศมนตรี อาร์.ที. รีแบค กล่าวว่า การปนั่ จ กั รยานคอื ท างทคี่ มุ้ ค า่ แ ละเร็วท สี่ ดุ ท จี่ ะ เดินท างในเมือง ตัวเขาเองกใ็ ช้จ กั รยานเวลาออก ไปประชุมข้างนอกเสมอ ที่มา: www.alternet.org
9 INDIA
แท็บเล็ตถูกสุดในโลก
JAPAN
เรือโนอาห์ส ่วนตัว ป้องกันภ ยั จ ากแผ่นด นิ ไหว สึน ามิ หรือแ ม้แต่น ำ้ ท ว่ มครัง้ ต อ่ ไป ด้วย เรือแคปซูล ‘โนอาห์’ ผลงานออกแบบโดยบริษัทญี่ปุ่น นิวคอสโม พาวเวอร์ ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันภัยพิบัติเป็นหลัก แคปซูลท รงกลมสเี หลืองสดคล้ายลกู เทนนิสย กั ษ์น ผี้ ลิตจ าก ไฟเบอร์กลาส เส้นผ่าศูนย์กลาง 4 ฟุต สามารถรองรับผู้ใหญ่ได้ 4 คน ไม่ว า่ จ ะเป็นภ ยั ธ รรมชาติร ปู แ บบใด แคปซูลต วั น จี้ ะชว่ ยปอ้ งกัน ความสญ ู เสียได้ ราคาตอ่ ห น่วยอยูท่ ี่ 3,900 ดอลลาร์ หรือร าวแสน กว่าบาท ขณะนี้มียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้วกว่า 600 ราย ชูจิ ทานากะ ประธานบริษัท รับรองว่า มินิโนอาห์ลำนี้ผ่าน การทดสอบความทนทานหลากหลายรูปแบบ มีหน้าต่างกระจก และช่องหายใจอยู่ด้านบนสุด ยกเว้นอยู่กรณีเดียวที่แคปซูลอาจช่วยชีวิตไว้ไม่ได้คือเหตุ เพลิงไหม้ ขณะทแี่ คปซูลส ามารถทนความรอ้ นได้ ไม่ห ลอมละลาย แต่คนที่อยู่ข้างในอาจจะสุกไปเรียบร้อยแล้ว
คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตถูกที่สุดในโลก หาได้แล้วที่อินเดีย ด้วยรูปแบบจอ สัมผัสข นาด 7 นิว้ รุน่ Aakash ทีแ่ ปลวา่ ท อ้ งฟ้าในภาษาไทย ราคาเครือ่ ง ในขณะนี้ อยู่ที่เครื่องละ 45 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,350 บาท คาพิล ซิบัล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพิง่ เปิดต วั แ ท็บเล็ต นักเรียนรนุ่ น อี้ ย่างเป็นท างการ และประกาศวา่ ร ฐั บาล อินเดียมีแผนผลิตแท็บเล็ตรุ่นนี้ออกมามากกว่า 100,000 เครื่อง ซึ่ง ผู้สนใจต้องซื้อผ่านมหาวิทยาลัยที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลให้เป็นตัวแทน จำหน่ายเท่านั้น ทางดาตาวินด์ บริษัทผู้ผลิตให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Aakash ใช้ระบบ ปฏิบตั กิ ารแอนดรอยด์ 2.2 พร้อมพอร์ทย เู อสบี 2 พอร์ท และหน่วยความจำ ในตัวเครื่องที่เพิ่มได้ถึง 32 กิกะไบต์ ซึ่งนอกจากจะเข้าร่วมโครงการ แท็บเล็ตนักเรียน บริษัทยังมีโครงการจะวางจำหน่ายในตลาดทั่วไป ด้วย ชื่อ ‘UBI Slate’ ภายในสิ้นปีนี้ ในประเทศที่แล็ปท็อปราคาเครื่องละ 400-1,000 ดอลลาร์ และ รายได้ต อ่ เดือนของประชากรตำ่ ก ว่าน นั้ ไปอกี การเปิดต วั แ ท็บเล็ตส ำหรับ นักเรียนครัง้ น ี้ จึงถ อื เป็นการปฏิวตั กิ ารเข้าถ งึ อ นิ เทอร์เน็ตแ ละเทคโนโลยี ของเยาวชนอินเดียครั้งสำคัญ ที่มา: http://english.aljazeera.net
ที่มา: www.treehugger.com
WORLD
2017 อวสานหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ทั่วโลกกำลังจะถูกแทนที่ด้วยสื่อดิจิตัลภายในปี 2040 ฟรานซิส เกอร์รี ผู้อำนวยการองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก หรือ ไวโป (World Intellectual Property Organization: WIPO) เผยผล การศึกษาล่าสุดในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ทรีบูนเดอเจเนฟ (Tribune De Geneve) ของสวิตเซอร์แลนด์ ขณะนี้ หนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษในสหรัฐมียอดจำหน่ายน้อย กว่าหนังสือพิมพ์ดิจิตัล ขณะที่ร้านหนังสือทยอยปิดตัวลงในหลายๆ เมือง ทำให้เกอร์รีมองว่า อวสานหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอาจมาถึงเร็ว กว่านั้น หรือภายในปี 2017 แต่ปัญหาสำคัญของสื่อดิจิตัลเวลานี้ อยู่ที่การจัดเก็บรายได้ ผู้อำนวยการไวโปตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่า จะเป็นเรือ่ งดหี รือไม่ ก็ต อ้ งเตรยี มพร้อมรบั มือ และเพือ่ ให้ก ระบวนการ ต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น การคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา และกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้แน่นอน ที่มา: www.afp.com
10
เรื่องจากปก
กองบรรณาธิการ
ข้อมูล: โครงการการจัดทำข้อเสนอทางเลือกและรูปแบบบริหารจัดการสวัสดิการด้านรักษาพยาบาลของระบบประกันสังคมในอนาคต (สิงหาคม 2554) มูลนิธิแพทย์ชนบท สนับสนุนโดยแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สวัสดิการสารพัดมาตรฐาน... ป ฏิ รู ป ร ะ บ บ ป ร ะ กั น สุ ข ภ า พ
หาก
เป็นมนุษย์ธรรมดา ใครไม่เคยเจ็บป่วย...คงไม่มี สุขภาพมีราคา ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่ไม่มีใครหนีพ้น แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายทาง ด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล ย่อมเป็นเรื่องจำเป็น สมัยห นึง่ สภาวะเศรษฐกิจค อื เรือ่ งความเป็นค วามตาย ลมหายใจของใครหลายคน หยุดลงเพราะขัดสนเงินในกระเป๋า หากความเป็นอมตะหาซื้อได้ ผู้มีอันจะกินคงเป็นก ลุ่มเดียวที่มีชีวิตยืนยาว แต่เมื่อระบบการเมืองโลกปฏิวัติตัวเอง ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘รัฐ-ราษฎร’ ไม่ได้ มีเพียงขั้นตอนการจ่ายส่วย ทำนา เป็นทหาร เสียภาษีเท่านั้น ประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนา แล้วเกือบทกุ แ ห่ง รัฐบาลจะอยูใ่ นฐานะ ‘ผูใ้ ห้บ ริการ’ กับป ระชาชน โดยมรี ะบบสวัสดิการ เป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งการประกันสุขภาพก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น พูดง า่ ยๆ คนเจ็บ-รัฐจ า่ ย ประกันส ขุ ภาพจงึ เป็นส ทิ ธิข นั้ พ นื้ ฐ านทปี่ ระชาชนภายใต้ การปกครองของรัฐพึงมี...นอกจากจากสิทธิ 3 วินาทีในคูหาเลือกตั้ง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มคี วามเท่าเทียมกันทั้งโลก บางประเทศรัฐก็ไม่ได้จ่ายให้ทั้งหมด ต้องมีระบบสมทบ หรือประชาชนจ่ายเองบางส่วน รวมถึงความครอบคลุมที่ทั้งโลก มีหลากหลายมาตรฐานมาก บางแห่งไม่นับการผ่าฟันคุด ในขณะที่อีกแห่งมีแพ็คเกจ คลอดลูกแถมพี่เลี้ยง ย้อนมองมาที่บ้านเรา เป็นเวลาหลายปีที่ ‘ระบบประกันสุขภาพ’ ยังเป็นปัญหา คาราคาซงั อ ยู่ ด้วยเหตุผลสารพัด ทัง้ โครงสร้างทยี่ งุ่ ย าก รูปแ บบการประกันก ห็ ลากหลาย ไหนจะบัตรทอง ไหนจะประกันสังคมที่ต้องมีการจ่ายสมทบกันเป็นรายเดือน ไหนจะ ปัญหาเรื่องการบริการของโรงพยาบาลรัฐ กับเอกชน ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว ฯลฯ เพราะสภาพความเป็นจริง เมื่อคนไข้ในระบบประกันสังคมไปโรงพยาบาล ก็มัก จะถูกปฏิบัติราวกับมา ‘ขอ’ รักษาฟรี ทั้งที่จริงแล้ว การรักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายเสมอ ทุกระบบต่างกันที่ภาระนี้จะตกไปอยู่กับใครต่างหาก จนแล้วจนรอด ก็แ ลกได้กับการบริการที่ใครก็บอกว่ามีคุณภาพเพียงระดับ ‘เกรด บี’ ในขณะทผี่ มู้ อี นั จ ะกนิ ห ลายคนทนไม่ได้ ก็ย อมควักก ระเป๋าจ า่ ยแพง เผ่นไปซอื้ ป ระกัน ของเอกชนกันหมด แท้จริงไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เพราะค้นความเป็นมาดูแล้ว ก็นับได้ว่าระบบประกัน สุขภาพของไทยมีประวัติยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว
ปี 2488 เริ่มมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
ข้าราชการ และยกเว้นค่ารักษาพยาบาลให้แก่ ผู้มีรายได้น้อยอย่างไม่เป็นทางการ
ปี 2524 กระทรวงสาธารณสุขออกบัตรรายได้น้อย ให้กับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าระดับความยากจน ปี 2526 กระทรวงสาธารณสุขขายบัตรสุขภาพ สำหรับบุคคลทั่วไป ปี 2533 ประกาศใช้ พ.ร.บ.ประกันสังคม ที่ให้ ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาลร่วมกันจ่าย สำนักงาน ประกันสังคม เป็นผู้ดูแล ครอบคลุมสิทธิทั้งรักษา พยาบาล คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ สงเคราะห์บุตร และว่างงาน ภายใต้การกำกับดูแล ของ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปี 2545 รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 51 ประกาศใช้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมคนไทย ทั้งประเทศ หน่วยงานรับผิดชอบคือ สำนักงาน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
ปี 2553 ขยายสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลที่ มีปัญหาสถานะและสิทธิในการรักษาพยาบาล
11 ปัญหาเรื่องความหลากหลายของระบบประกันสุขภาพ “ผมเสียเงินส มทบเป็นร ายเดือนนะครับ ทำไมสทิ ธิข องผมถงึ ไม่เท่ากับบ ตั ร ทอง ทั้งๆ ที่ดูตัวเงิน ผมจ่ายมากกว่าอีก” “หนูใช้บ ตั รทองคะ่ เชือ่ แ ล้วว า่ ข องฟรีม จี ริง แต่ท ำไมคณ ุ ภาพบริการเหมือน พลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ล่ะคะ แถมหมอพยาบาลก็ชอบทำบึ้งตึงใส่หนูด้วย” ปัญหาเล็กๆ เบื้องต้นจากจำนวนร้อยแปดพันประการแว่วเรื่อยมา จนมา ถึงปัญหาข้อใหญ่ เมื่อผู้ใช้สิทธิประกันตนตั้งคำถามด้วยเสียงอันดังว่า “เอ่อ...ดูๆ แล้วม แี ต่พ วกผมนคี่ รับ ทีต่ อ้ งจา่ ยรายเดือน ข้าราชการกไ็ ม่ต อ้ ง บัตรทองกไ็ ม่ต อ้ ง ทำไมละ่ ค รับ...ทำไมผมตอ้ งจา่ ย ทัง้ ท สี่ ทิ ธิในการรกั ษานอ้ ยกว่า บัตรทองอีก ผ่าฟันคุดยังต้องจ่ายเองเลย” มีเพียงผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม 9.44 ล้านคนเท่านั้น ที่ต้อง จ่ายสมทบในการรักษาพยาบาล ขณะที่คนอื่นๆ ในประเทศอีกกว่า 55 ล้านคน รัฐบาลเป็นผ อู้ อกคา่ ใช้จ า่ ยให้ท งั้ หมด นอกจากความแตกตา่ งดา้ นความครอบคลุม ในการรกั ษาทขี่ ม่ ก นั ม ดิ แ ล้ว ก็ย งั เกิดค ำถามถงึ ค วามไม่เป็นธ รรมขนึ้ ม าอกี ว า่ ทัง้ ๆ ที่จ่าย แต่ทำไมสิทธิ์ในการรักษา และการดูแลให้เข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพ ถึงได้มีจำกัดจำเขี่ยยิ่งนัก น้อยกว่าสิทธิของผู้กำลังรอพิสูจน์สัญชาติเสียอีก
ระบบห ลั ก ป ระกั นส ุ ข ภาพข องไ ทยในป ี 2553 ระบบประกันสังคม
(9.4 ล้านคน)
ระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า หรือบัตรทอง
(47.7 ล้านคน)
ระบบสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการและ ครอบครัว
(4.94 ล้านคน)
ระบบอื่นๆ เช่น บุคคลที่มี ปัญหาสถานะและสิทธิ รวมถึงข้าราชการการเมือง
(0.68 ล้านคน)
“ทำไมต้องจ่าย?” ต่อข้อสงสัยนี้ ยังไม่มีคำตอบชัดเจน นอกจากข้อมูลเชิงตัวเลข ภาระงบประมาณของรัฐบาล ที่ได้มาจาก รายงานการจัด ทำข้อเสนอทางเลือกและรูปแบบบริหารจัดการสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลของระบบประกันสังคมในอนาคต 2554 ว่า ในปี 2553 ภาระงบประมาณสำหรับค่ารักษาพยาบาลของระบบหลักประกันสุขภาพทั้ง 3 ระบบหลัก รัฐบาลใช้เงินสำหรับ สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัว 62,195 ล้านบาท ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 120,846 ล้าน บาท ขณะที่ระบบประกันสังคมใช้เงินเพียง 7,490.62 ล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด 22,471.68 ล้านบาท เท่านั้น ไม่ว่าเราจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเท่าไหร่ หาหมอบ่อยๆ หรือไม่ป่วยเลยทั้งปี ระบบประกันสังคม ปัจจุบัน จะทำหน้าที่ ‘เหมาจ่าย’ 2,105 บาท เป็นรายหัวให้กับโรงพยาบาลที่อยู่ในระบบทุกปี ใช้วิชาคณิตศาสตร์ง่ายๆ ช่วยคำนวณ หากมีผู้ขอใช้สิทธิโรงพยาบาลแห่งหนึ่งจำนวน 5,000 คน ไม่ว่าจะมีคนมาใช้จริง เท่าไหร่ โรงพยาบาลก็จะได้รับเงินจากสำนักงานกองทุนประกันสังคมไปเต็มๆ 5000 x 2105 = 10,525,000...10 ล้าน กว่าบาท หลายฝา่ ยระบุต รงกนั ว า่ โรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเข้าม ารว่ มในระบบประกันส งั คมกเ็ พราะเงินท แี่ ทบจะได้เปล่าจ ำนวน มากขนาดนี้ และเมือ่ ถ งึ ข นั้ ต อนการรกั ษาจริง โรงพยาบาลกม็ กั จ ะนำงบตวั น ไี้ ปรดั เข็มขัด บริหารจดั การอย่างประหยัด เพราะจาก การศึกษาของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พบว่าโรงพยาบาลใช้งบในการรักษาจริงเพียงรายละ 700 บาทเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้ข้อสงสัยนี้ทวีความหนักหน่วงเข้าไปอีก “ทำไมเราต้องจ่าย!!!”
ประกันสังคม VS บัตรทอง อย่างที่เห็นกันอยู่ ไม่ต้องแบ่งแยกชนชั้นกับข้าราชการและนักการเมือง ในระดับ ประชาชนคนธรรมดา ซึง่ ม หี ลากหลายของระบบ ทัง้ ป ระกันส งั คมและบตั รทอง ความไม่ เท่าเทียมกันย่อมบังเกิด โรงพยาบาลบางแห่ง มีการ ‘แบ่งเกรด’ ผู้ป่วยชนิดที่เรียกได้ว่า แยกคนละตกึ คนไข้ธ รรมดาทยี่ นิ ดีจ า่ ยเอง กับพ วกใช้ส ทิ ธิร ะบบประกัน ในขณะทหี่ ลาย แห่งซ อยย่อยไปกว่านั้น จ่ายเงินตึกนึง ประกันสังคมอีกตึกหนึ่ง บัตรทองอีกตึกหนึ่ง ซึ่ง แน่นอนว่าคุณภาพในการรักษาและบริการย่อมแตกต่างกันไปด้วย สวัสดิการสุขภาพของประชาชนธรรมดา มองข้ามความสงสัยถึงเหตุผลว่าทำไม การจดั การสวัสดิการดา้ นสขุ ภาพของรฐั ถ งึ ต อ้ งมี 2 ระบบไปกอ่ น ลองมาดทู รี่ ายละเอียด ความแตกต่างหลักๆ ระหว่างประกันสังคมกับบัตรทอง ณ วันที่ 1 มกราคม 2554 ว่า มีอะไรบ้าง
12 1. ขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครอง ระบบหลักป ระกันส ขุ ภาพถว้ นหน้า นั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยประกัน ได้รับ การคุ้มครองทันทีเมื่อลงทะเบียน ขณะ ที่ระบบประกันสังคมต้องจ่ายเงินสมทบ ใ นร ะยะเ วลาที่ ก ำหนด กรณี เ จ็ บ ป่ ว ย ต้องส่งเงินสมทบติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือน กรณีคลอดบุตร ต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 7 เดือน จึง จะได้รับการคุ้มครอง และหากขาดการ จ่ายเงินสมทบเกิน 3 เดือนสิทธินั้นเป็น อันสิ้นสุด ซึ่งต่างจากระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้าที่สิทธิจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ ผู้มีสิทธินั้นได้รับการคุ้มครองจากสิทธิ อื่นของรัฐแล้ว และระบบประกันสังคม ยังเป็นระบบเดียวที่ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล ร่วมจ่าย 2. สิทธิป ระโยชน์ทแี่ตกต่างกัน สิทธิป ระโยชน์ท งั้ ส องระบบมคี วาม แตกต่างกันทั้งสิ้น 15 สิทธิประโยชน์ โดยที่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมมากกว่า 14 รายการ ยกเว้น รากฟั น เ ที ย ม ที่ ร ะบบป ระกั น สั ง คมมี มากกว่า และเพิง่ จ ะบรรจุในสทิ ธิป ระโยชน์ เมื่อ วันที่ 1 มกราคม 2554 และยังมี อุปกรณ์แ ละอวัยวะเทียมในการบำบัดโรค ที่แตกต่างกัน ระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้ามี 270 รายการ ระบบประกัน
ตัวอย่างต่างแดน
สังคม มีเพียง 81 รายการ
1. เพิม่ ส ทิ ธิก ารรกั ษาพยาบาลโรค เรื้อรังจากเดิม ปีละไม่เกิน 180 วัน เป็น 3. สิทธิประโยชน์ที่เหมือนกันแต่บริหาร รักษาต่อเนื่องตามความจำเป็น จัดการแตกต่างกัน 2. เพิ่มสิทธิการรักษาพยาบาลใน มี จ ำนวน 26 รายการ มี 10 กรณีเจ็บป ว่ ยฉกุ เฉินต า่ งโรงพยาบาล จาก รายการที่ทั้ง ส องร ะบบมี ร ะบบบ ริ ห าร เดิมเบิกจ่ายได้ 2 ครั้งต่อปี เพิ่มเป็นไม่ จั ด การเ ฉพาะ แต่ แ ตกต่ า งกั น ใ นร าย- จำกัดจำนวนครั้ง ละเอียด และยาทมี่ ปี ญ ั หาในการเข้าถ งึ อ กี 3. เพิ่ ม สิ ท ธิ ทั น ตก รรมส ามารถ 15 รายการ ที่ระบบหลักประกันสุขภาพ ทำฟันปลอมได้ทั้งปาก ในวงเงิน 4,400 ถ้วนหน้าม กี ารจดั การเฉพาะ ขณะทรี่ ะบบ บาท และผ่าตัดฟันคุดได้ ประกันส งั คมไม่มี มีเพียงรายการเดียว คือ 4. เพิม่ ส ทิ ธิก ารเข้าถ งึ ย าตา้ นไวรัส ผ่าตัดสมอง ที่ระบบประกันสังคมมีการ เอดส์ โดยหากตรวจ ซีด โี ฟร์ เกินก ว่า 250 จัดการเฉพาะ ขณะที่ระบบหลักประกัน แต่ไม่เกิน 350 ให้รับยาต้านไวรัสทันที สุขภาพถ้วนหน้าใช้วิธีจ่ายเงินให้หน่วย 5. ในกรณีม กี ารวนิ จิ ฉัยโรคแล้วพ บ บริการตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) ว่าต้องใช้ยาราคาแพง สำนักงานประกัน สังคมจะเป็นผู้จ่ายค่ายาให้ทั้งหมด 6. เพิ่มสิทธิให้กับผู้ประกันตนที่ ดูจากความแตกต่างที่ว่านี้แล้ว ก็ ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังหลังจากสมัคร สรุปได้ง่ายๆ เลยว่า ระบบหลักประกัน เป็ น ผู้ ป ระกั น ต นแ ล้ ว ให้ มี สิ ท ธิ ผ่ า ตั ด สุขภาพถ้วนหน้ามีสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า เปลี่ยนไตได้ทันที พร้อมให้ยากระตุ้นเม็ด ทั้งขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครอง สิทธิ เลือด หากไม่เปลีย่ นเลือด และขยายคา่ ย า ประโยชน์ที่มากกว่า และมีการบริหาร จาก 750 บาท ต่อ สัปดาห์ เป็น 1,125 จัดการเฉพาะให้ผ ปู้ ว่ ยได้เข้าถ งึ ก ารบริการ บาทต่อสัปดาห์ ที่มีคุณภาพได้ดีกว่า 7. การผ่าตัดเปลี่ยนไต จากเดิม เสียงคำถามที่ถูกส่งออกไปยังไม่มี เหมาจ่าย 2.3 แสนบาทต่อครั้ง มาเป็น ใครสะท้อนคำตอบกลับม า แต่ก ไ็ ม่โชครา้ ย แยกออกเป็น 2 กรณี ทั้งกรณีไม่มีโรค ไปเสียทั้งหมด เพราะสำนักงานประกัน แทรกซ้อน จ่ายครั้งละ 1.4 แสนบาท สั ง คม ได้ มี ม ติ เ พิ่ ม สิ ท ธิ ใ นก ารรั ก ษา และกรณีมีโรคแทรกซ้อน จ่ายครั้งละ 1.4 พยาบาลขึ้นในปี 2554 แสนบาท
ประเทศใดมีแรงงานในระบบมาก เช่น รู ป แ บบข องร ะบบห ลั ก ป ระกั น ประเทศในยุโรปก็จะเลือกระบบเยอรมัน สุขภาพที่สำคัญมี 2 ระบบ คือ แต่หากประเทศใดมีเกษตรกรรมและการ จ้างงานนอกระบบมาก ประชาชนมรี ายได้ 1. ระบบเยอรมัน (Bismarck's Model) ไม่แ น่นอน ก็จ ะเลือกระบบองั กฤษ เพราะ หรื อ Social Health Insurance ที่ เป็นการใช้เงินจากภาษี ประชาชนทุกคนต้องร่วมจ่ายเงินประกัน สุขภาพเพิม่ เติมจ ากภาษีเป็นร ะบบทนี่ ยิ ม ทางเลือกประเทศไทย? ในประเทศในกลุ่ม OECD ที่พัฒนาแล้ว มี ข้ อ เ สนอจ ากห ลายฝ่ า ย ให้ ระบบนี้ใช้ในระบบประกันสังคมของไทย ประเทศไทยใช้ระบบเยอรมัน แต่หาก ดูความเป็นจริงแล้ว เราจะพบข้อจำกัด 2. ระบบอังกฤษ (Beveridge's Model) อย่างน้อย 2 ประการ คือ หรือ State-Fund เป็นระบบที่ใช้ภาษี 1. โครงสร้างเศรษฐกิจของไทย ที่ (Taxation) โดยประชาชนไม่ต้องจ่าย กว่าร้อยละ 75 เป็นแรงงานนอกระบบ สมทบอีก แต่ใช้ภาษีที่รัฐเก็บได้ทั้งทาง และเกษตรกร ไม่มีรายได้แน่นอน ทำให้ ตรงและทางอ้อม เป็นระบบที่ประเทศ ยากจะจ่ายเงินสมทบทุกเดือน จึงมีเพียง ส่วนใหญ่ใช้ (106 จาก 191 ประเทศ ผูป้ ระกันต นทมี่ รี ายได้ป ระจำสามารถจา่ ย :WHO 2004) ทัง้ ท เี่ ข้าถ งึ แ ละยงั เข้าไม่ถ งึ ได้เพียงร้อยละ 15 เท่านั้น หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal 2. โครงการหลักประกันสุขภาพ Coverage) ระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้า ถือเป็นการใช้ร ะบบองั กฤษแล้ว แห่งชาติหรือโครงการ 30 บาทรักษา ตั้งแต่สมัยยังเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค ทุกโรคของไทยใช้ระบบนี้ โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายสมทบ ซึ่งข้อนี้ เป็ น เ หตุ ผ ลส ำคั ญ ใ ห้ ไ ทยต้ อ งเ บนเ ข็ ม ข้อพ จิ ารณาในการเลือกรปู แ บบจะ มาทางระบบอังกฤษมากกว่า พิจารณาจากความพร้อมทางเศรษฐกิจ
8. ปรับเพิ่มค่ายากดภูมิคุ้มกันแก่ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยเดือนที่ 1-6 หลัง ผ่าตัดได้ 3 หมื่นบาทต่อเดือน เดือนที่ 7-12 ได้ 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน ปีที่ 2 ได้ 2 หมื่นบาทต่อเดือน ปีที่ 3 ได้ 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน 9. เพิ่ ม สิ ท ธิ ก ารรั ก ษาพ ยาบาล ผู้ป่วยโรคมะเร็ง 7 ชนิด ที่พบได้บ่อยใน คนไทย ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งปาก มดลูก, มะเร็งรังไข่, มะเร็งโพรงจมูก, มะเร็งปอด, มะเร็งหลอดอาหาร และ มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยให้สถานพยาบาล ที่รักษาตามแนวทางที่กำหนดสามารถ เบิกค่าใช้จ่ายตามจริง จากเดิมไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี เป็นตั้งแต่ 15,000272,100 บาทต่อปี แต่ ม หาก าพย์ ป ระกั น สุ ข ภาพ ประเทศไทย เหมือนบญ ุ ม แี ต่ก ำบัง เพราะ ในขณะนี้สิทธิประโยชน์ที่คณะกรรมการ ประกันสังคมอนุมัติปรับเพิ่ม ได้มีการ ออกเป็น ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม ปี 2533 เมื่อ วันที่ 20 กรกฎาคม 2554 ให้สิทธิที่เพิ่ม มีเพียงแค่โรคมะเร็ง 7 ชนิดที่พบบ่อยใน คนไ ทยเท่ า นั้ น ส่ ว นสิ ท ธิ ที่ เหลื อ อื่ น ๆ ยังไม่มีประกาศใดๆ ออกมา จึงยังไม่ สามารถบังคับใช้ได้
ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)
ของฟ รี จ ริ ง ห รื อ เปล่ า ? ‘เฉลีย่ ’ คือน ยิ ามงา่ ยๆ ของระบบบตั รทอง ซึง่ เริม่ ม าจากการให้ผ มู้ สี ทิ ธิ แบกรับค่าใช้จ่าย ก่อนที่รัฐจะโดดเข้ามาอุ้มภาระไว้ทั้งหมดในภายหลัง เพราะระบบนี้ใช้ภาษีของประชาชนทุกคน มองง่ายๆ งบประมาณ ทั้งหมดในการรักษาพยาบาลก็มาจากการเฉลี่ยรายได้จากคนทั้งประเทศ คนจนจ่ายน้อย คนรวยจ่ายมาก ดังนั้นจะเห็นว่าระบบนี้ไม่ใช่ของฟรี แต่มาจากภาษีของทุกคน แม้แต่ ผู้ที่ไม่ได้ใช้ระบบนี้ก็ยังมีส่วนร่วม เพราะเงินภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมก็ จะถูกแบ่งมาสำหรับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติอยู่ดี แต่ก อ็ กี น นั่ แ หละ...เมือ่ ร ะบบภาษีข องประเทศเรายงั ม ปี ญ ั หาอยู่ เพราะ จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในปี 2553 ระบุว่า จำนวนผู้จ่ายภาษีอย่างถูกต้องใน ระบบของประเทศไทยมีเพียงแค่ 2.3 ล้าน คน และคนจนที่สดุ มรี ายได้ต ำ่ ก ว่าคนรวย ทีส่ ดุ ถ งึ 12.81 เท่า นัน่ ท ำให้ค ำวา่ ‘เฉลีย่ ทุกข์ เฉลี่ยสุข’ ถูกพูดออกมาอย่างไม่ เต็มปาก ปัญหาระบบประกันสุขภาพจึง เป็นเรือ่ งทมี่ รี ากเหง้าข องปญ ั หาใหญ่โต ระดับชาติ และยุ่ง ยากพัวพันกันเป็น งูกินหางเหมือนที่เห็น
13
หนทางปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ใครได้ประโยชน์?
การค งไ ว้ ทั้ ง 2 ระบบเ ช่ น นี้ ผู้ ป ระกั น ตนก็ ไ ม่ ไ ด้ ประโยชน์ เพราะยังต้องจ่ายเงินอยู่กลุ่มเดียว เงินจ่ายสมทบ ทุกเดือนกไ็ ม่ได้ใช้ เพราะไม่ค อ่ ยเจ็บป ว่ ย เมือ่ ต อ้ งการใช้ต อน สูงอ ายุก ถ็ กู ย า้ ยไปอยูร่ ะบบอนื่ คนสว่ นใหญ่ในระบบบตั รทอง ก็ ไ ม่ ไ ด้ ป ระโยชน์ เพราะไ ม่ มี ก ลุ่ ม ค นที่ แ ข็ ง แ รงม าเ ฉลี่ ย ความเสี่ยงด้วย ค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องจ่ายเฉลี่ยต่อคนก็สูงขึ้น ทางเลือกของโรงพยาบาลก็จำกัด เพราะไม่มีโรงพยาบาล ไหนอยากดูแลเด็ก หรือผู้สูงอายุที่มีค่าใช้จ่ายสูง ค่าบริหาร จัดการรัฐบาลก็ต้องจ่ายทั้งสองหน่วยงาน ขาดประสิทธิภาพ ทั้งระบบ ไม่ว่าเรื่องนี้ประโยชน์จะตกอยู่กับใคร คงไม่ใช่เรา ประชาชนส่วนใหญ่แน่ๆ
สรุปแล้วร ูปแบบใดดีที่สุด?
ไม่มคี ำตอบสำเร็จรูปว นั น วี้ า่ ร ะบบใดหรือร ปู แ บบใดจะดที สี่ ดุ ขึน้ อ ยูก่ บั บ ริบทของ สังคม ความเข้าใจของผู้คนการเมือง ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพาทั้ง 2 ระบบไปก่อน ในแวดวงนกั ว ชิ าการเชือ่ ว า่ การมรี ะบบเดียวแบบภาคบงั คับจ ะเป็นการเหมาะสม ที่สุดไม่ว่ากับชาติไหนๆ เพราะในหลายๆ ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ยุโรป ละติน อเมริกา ต่างก็เคยมีหลายระบบ แต่สุดท้ายก็จบที่รวมเป็นหนึ่งเดียว เพราะสามารถรวม และเฉลีย่ ค วามเสีย่ งได้ด ที สี่ ดุ มีป ระสิทธิภาพทสี่ ดุ ทุกค นได้ร บั ก ารดแู ลภายใต้ม าตรฐาน เดียวกัน ใช้งบบริหารจัดการเพียงหน่วยงานเดียว ไม่ซ้ำซ้อน อีกท งั้ ย งั ม อี ำนาจตอ่ ร องกบั โรงพยาบาลได้ส งู โรงพยาบาลทเี่ คยดแู ลผปู้ ระกันต น ที่แข็งแรงกลุ่มเดียวก็ต้องเข้ามาดูแลคนกลุ่มอื่นๆ ด้วย และหากรวมทั้ง 2 ระบบได้ จริง การเฉลี่ยกลุ่มไม่ป่วยคือผู้ประกันตนเข้ากับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น ในเบื้องต้นรัฐสามารถประหยัดงบประมาณทันทีกว่าหมื่นล้านบาท
ความทุกข์ของผู้ประกันตน โรงพยาบาลไม่ยอมส่งต่อ จนแพ้ยารุนแรง
อังศ น า (นามสมมุต)ิ อายุ 28 ปี สาวโรงงานผลิตก ล้องถา่ ยรปู มีอ าการ ผื่นคันขึ้นทั่วตัว เหมือนเป็นลมพิษ ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกัน สังคมตลอด แต่ไม่หาย จนมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งตั้งครรภ์ แพทย์ วินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะครรภ์เป็นพิษ เมื่อคลอดแล้วจะหายเอง แพทย์จึงให้กลุ่มยาแก้แพ้ แก้ผื่นคัน และยากดภูมิคุ้มกัน แต่อาการ ก็ยังหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังคลอดลูกอาการก็ไม่หาย เธอต้องการไปรักษาที่ โรงพยาบาลอื่น แต่ทางโรงพยาบาลไม่ยอมออกใบส่งตัวให้ พร้อมเหตุผลว่า ยังรักษาได้ หลังจ ากนนั้ ทีมแ พทย์เริม่ พ งุ่ เป้าไปทโี่ รคธาลสั ซ เี มีย แต่ไม่พ บ จึงว นิ จิ ฉัย ต่อไปวา่ อาจเป็นร มู าตอยด์ แต่ก ต็ รวจไม่พ บเช่นก นั ระหว่างนนั้ ก ใ็ ห้ย ากลมุ่ เดิม ตลอด ในทสี่ ดุ ผ ปู้ ว่ ยกเ็ กิดอ าการชอ็ ก ไข้ข นึ้ ส งู ตัวบ วม มีอ าการปวดรนุ แรง แม้ ฉีดยามอร์ฟีนก็ไม่สามารถระงับปวดได้ หลังจ ากรกั ษาอยูใ่ นโรงพยาบาลเดิม 3 วัน จนญาติท นไม่ไหว โต้เถียงกบั โรงพยาบาลให้ส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช จนโรงพยาบาลยอมส่งต่อ ในสภาพทผี่ ปู้ ว่ ยหมดสติ ผิวหนังบ างสว่ นเน่าเฟะ เธอไปถงึ โรงพยาบาล ศิริราช นอนสลบไป 3 วันเต็ม แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะจากการติดเชื้อ ในกระแสเลือดเนื่องจากการแพ้ยา เพราะทางโรงพยาบาลเดิมให้ยากดภูมิ ต้านทานต่อเนื่องมานานเป็นปี ซึ่งกดภูมิไม่ให้เป็นผื่นคัน อาการแพ้ยาที่เป็น อยู่นี้ ที่โรงพยาบาลศิริราชพบเป็นครั้งแรก แต่ถือเป็น ผู้ป่วยรายที่ 4 ของ ประเทศไทย ซึ่งกรณีแบบนี้จะไม่เกิดถ้าโรงพยาบาลส่งตัวไปรักษาต่อ เพราะเกิน ศักยภาพของโรงพยาบาล แต่กรณีนี้โรงพยาบาลพยายามยื้อไว้ จนอาการ รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “วันนี้อาการผื่นคันที่ทนมาปีกว่าไม่มีอีกแล้ว หายสนิท เหลือแต่เพียง ปัญหาทขี่ าซงึ่ เป็นผ ลมาจากเซลล์เนือ้ ทีต่ ายแล้ว ทำให้ผ วิ หนังห นาและขาผดิ ร ปู ไปจากเดิม มีอาการชาที่ขา ผลจากการนอนอยู่โรงพยาบาลกว่า 1 เดือน และ กลับมาพักฟื้นที่บ้าน 9 เดือน ทำให้ขาดเงิน เป็นหนี้สิน ท้ายที่สุดสามีทิ้งไป โชคดีที่โรงงานรับกลับเข้าทำงาน แต่ต้องเลี้ยงลูกและผ่อนหนี้สินตามลำพัง” ปัจจุบนั อังศ น า ยังม อี าการปว่ ยดว้ ยโรคภาวะหวั ใจขาดเลือด ทีแ รก เธอ ไม่ม นั่ ใจทจี่ ะรบั ก ารรกั ษาทโี่ รงพยาบาลเดิม แต่ห มอแนะนำวา่ โรคนตี้ อ้ งรกั ษา ต่อเนือ่ ง จึงต อ้ งกลับไปใช้ส ทิ ธิป ระกันส งั คม ซึง่ ต อ้ งเจอกบั ค ำพดู ป ระชดประชัน จากโรงพยาบาลที่บอกว่า ต้องเสียเงินจ่ายค่ารักษาของอังศนาให้โรงพยาบาล ศิริราชถึง 4 แสนบาท “หากโรงพยาบาลสง่ ต อ่ ต งั้ แต่แ รก ชีวติ ก ค็ งไม่เป็นแ บบนี้ สามีก ค็ งไม่ท งิ้ เราไป และเราก็คงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เวลาส่งโรงพยาบาลจะคิดแต่เรื่องเงิน ไม่คำนึงถึงชีวิตผู้ป่วย”
คุ้มตัว ไม่คุ้มปาก
สุ ร ศั ก ดิ์ (นามส มมุ ติ ) อายุ 51 ปี เข้ารับการรักษาที่คลินิกทันตแพทย์ ด้วยโรคกระดูกหุ้มฟันซี่ที่ 36 ละลาย เนื่องจากโรคเหงือกอักเสบ แพทย์ให้การ รักษาโดยปลูกกระดูกด้วยวัสดุกระดูก เทียมสังเคราะห์ เสียค่ารักษาพยาบาล เป็นเงิน 5,650 บาท เขาสงสัยว า่ ในฐานะ ทีจ่ า่ ยสมทบทกุ เดือน ทำไมสทิ ธิป ระโยชน์ ทั น ตก รรมจึ งมี เพี ย ง ถอนฟั น อุ ด ฟัน ขูดหินปูน ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี และครั้งละ ไม่ เ กิ น 300 บาทเ ท่ า นั้ น ในข ณะที่ บัตรทองกลับให้ความครอบคลุมทุกโรค ทันตกรรม เขาจึงทำเรื่องถึงสำนักงานประกัน สังคมว่า โรคปริทนต์หรือโรคเหงือก อยู่ ในสิทธิประกันสังคมหรือไม่ ซึ่งได้รับการ ยืนยันกลับมาว่า โรคดังกล่าวไม่อยู่ใน ความครอบคลุมตามสิทธิ “ตอนนั้นจ่ายเงินเองรวมทั้งหมด ประมาณกว่า 1 หมื่นบาท ที่จริงการเบิก ค่าร กั ษาพยาบาล ถ้าถ ามความรสู้ กึ แ ล้วก ็ ผิดหวังกับประกันสังคม สงสัยว่าแบบนี้ หรือที่เขาเรียกประกันสังคม ผมไม่เห็น ว่ า จ ะเ ป็ น ห ลั ก ป ระกั น สั ง คมต รงไ หน เพราะพอเจอโรคที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ หน่อย ประกันสังคมก็บอกไม่คุ้มครอง ผูป้ ระกันต นตอ้ งจา่ ยเอง อย่างนผี้ มจะจา่ ย สมทบไปทำไม ถ้าไม่ให้ห ลักป ระกันโรคที่ จำเป็นแบบนี้ เพราะคิดว่า การรักษาโรค นี้ควรที่จะเบิกได้ น่าจะมีการปรับปรุง พั ฒ นาร ะบบบ้ า ง อย่ า งค นที่ ใ ช้ สิ ท ธิ บัตรทองยังสามารถรักษาได้ฟรี อย่างนี้ ถือว่าไม่เท่าเทียมกัน”
เสียชีวิต เพราะโรงพยาบาลลดต้นทุน
สุกานดา (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี มี อาการปวดทอ้ ง และไปพบแพทย์ โดยไม่ท ราบวา่ ตนเองตงั้ ค รรภ์เนือ่ งจากได้ม กี ารทำหมันห ลังจ าก ที่คลอดลูกเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากการเอกซเรย์ แพทย์ร ะบุว า่ ก อ้ นเลือดทเี่ ห็นในฟลิ ม์ เป็นเนือ้ ง อก จึงนัดทำการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นโดยไม่มีการตรวจ วินิจฉัยด้านอื่นอีก โชคไม่ดี เมื่อผ่าตัดแล้วพบว่าก้อนเลือด ที่เห็นคือตัวอ่อนของทารกในครรภ์ ซึ่งแพทย์ได้ ทำการเย็บมดลูกกลับเข้าไปใหม่ ก่อนที่เธอจะมี อาการตกเลือดรุนแรงในอีก 2 เดือนต่อมา และ เสียชีวิตระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลตาม สิทธิประกันสังคมในที่สุด เหตุการณ์น จี้ ะไม่เกิดข นึ้ หากโรงพยาบาล ไม่พยายามลดขั้นตอนในการตรวจเพื่อควบคุม ต้ น ทุ น ก ารรั ก ษาใ ห้ เ พี ย งพ อกั บ ง บเ หมาจ่ า ย รายหัวที่ได้รับ ทำให้ผู้ประกันตนเข้าไม่ถึงการ รักษาที่จำเป็น ธีระ ช ยั (นามสมมุต)ิ สามีข องสกุ านดา เล่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขาและครอบครัวว่า “ไม่เคยคดิ ม ากอ่ นวา่ ช วี ติ เราตอ้ งมาเจอกบั เรื่องแบบนี้ ก่อนหน้านี้ผมมีชีวิตที่ดี มีภรรยาที่ดี มีลูกที่น่ารัก กำลังสร้างครอบครัว แต่จากนี้ไป ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมแล้ว มันกะทันหันมาก ลูก ผมต้องเสียแม่ตั้งแต่เขายังเล็กๆ ลูกคนเล็กอายุ ได้ 2 ขวบเท่านั้น ผมแบกรับความรู้สึกแบบนี้ ไม่ไหว ก่อนหน้านเ้ี ราไม่มปี ญ ั หาอะไร ภรรยาผม แค่ป วดทอ้ ง ทำไมไม่ต รวจให้ล ะเอียดเพิม่ อ กี ส กั น ดิ ว่าอาจมีความเสี่ยงเรื่องอื่น เหตุการณ์แบบนี้จะ ไม่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม ผมต้องการให้ สังคมได้รู้ว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ แต่ผมก็ เหนือ่ ย ไม่รจู้ ะทำอย่างไรตอ่ อยากเรียกรอ้ งความ เป็นธรรมให้กับภรรยาและลูกผมที่เสียชีวิตไป แต่ผ มกร็ วู้ า่ เรือ่ งอย่างนไี้ ม่ง า่ ยเลย โดยเฉพาะการ คุยกับแพทย์”
14
ชีวิตสมดุล อภิรดา มีเดช
ความสุ ข ของคน คื อ ผลของงาน
ปฏิเสธ
ไม่ได้ว่าทุกๆ ธุรกิจจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ต้องอาศัยผล ประกอบการดี ผลกำไรงามเป็นตัวกระตุ้น แต่ธุรกิจที่ไม่ได้ ม งุ่ เน้นก ำไรเป็นต วั ต งั้ เอาใจใส่แ ละดแู ล ‘คน’ อันเป็นท รัพยากรสำคัญ ในฐานะเพือ่ นรว่ ม งาน ย่อมเป็นอีกแรงขับให้กิจการนั้นๆ ยืนหยัดและก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคงไม่แพ้กัน นักธุรกิจหญิงผู้ให้กำเนิดแบรนด์ ‘ภิญญ์’ (PINN) ผลิตและจำหน่ายสินค้า ครอสติช พ ร้อมปกั และงานประดิดประดอยตา่ งๆ ในนาม บริษทั อาร์ตแ อนด์เทคโนโลยี จำกัด พญ.บุษยา เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ หนึ่งในทีมบริหารที่มีแนวคิดสร้างความ แข็งแ รงขององค์กรจากภายใน เพิง่ เป็นต วั แทนบริษทั เข้าร บั ร างวัลธ รรมาภิบ าล ด้านการ ปฏิบัติต่อพนักงานดีเด่นแห่งปี 2554 จากสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 10 สำหรับการมอบรางวัลนี้ บริษัททเี่คยได้รางวัลธรรมาภิบาล ส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่มีแง่มุมด้านการปฏิบัติ ต่อพ นักงานชดั เจนเป็นร ปู ธ รรมวา่ มีส วัสดิการให้พ นักงานอย่างดี มีห อ้ งพกั ห้องอาหาร ห้องสมุด มีค่าตอบแทนสูง แต่สำหรับธุรกิจของภิญญ์ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะไม่ใช่ โรงงานโดยตรง จึงใช้เกณฑ์เหล่านี้วัดไม่ได้ 19 ปีที่ภิญญ์ดำเนินธุรกิจมา จากบริษัทเล็กๆ พนักงานไม่เกิน 30 คน ในช่วง เริ่มต้น กลายเป็นบริษัทใหญ่ รับผิดชอบพนักงานทั้งหมดกว่า 200 ชีวิตในปัจจุบัน แต่ ภิญญ์ยังให้ความสำคัญกับ ‘คนใน’ ไม่เปลี่ยนแปลง
ทางแยกพลิกแนวคิด
ตอนที่ก่อตั้งบริษัทนี้เมื่อปี 2535 บุษยาเรียนจบปริญญาโท แล้ว แต่ก็ตัดสินใจทิ้งอาชีพแพทย์ ลาออกมาทำธุรกิจโดยที่ไม่ได้มี ความรู้หรือวางแผนอะไร เพียงแต่เห็นโอกาสว่า ทำซอฟท์แวร์แกะ ลายปักครอสติชจากรูปถ่ายแล้วเป็นที่ต้องการของตลาด พอมอง เห็นโอกาสจะขยับขยายเป็นธุรกิจได้ เมื่อช่องว่างและศักยภาพที่มี ลงล็อคกันได้พอดี เธอจึงลงมือทำ “การที่เราทำงาน คือเราสนุกกับงาน รายได้มันกลับมาเอง เราไม่ได้ทำเพราะอยากจะรวย แต่ทำเพราะสนุก โอกาสมี และเรา มีศักยภาพ ซึ่งพอเราทำก็สำเร็จ” แนวคิดช่วงแรก มาจาก ‘ความสนุก’ และ ‘ความสุข’ ในการ ทำงานลว้ นๆ แต่เมือ่ ธ รุ กิจข ยายตวั ข นึ้ บุษยาแ ละเหล่าพ นักงานเริม่ ปาดเหงื่อกับงานที่เพิ่มมากขึ้นจนรับมือแทบไม่ทัน ต้องถือว่าธุรกิจของภิญญ์เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง 10 ปี แรก จากเริ่มต้นตั้งสำนักงานขึ้นที่เชียงใหม่ เพียง 3 เดือนสามารถ ขยายกจิ การลงมาทกี่ รุงเทพฯ จากนนั้ ก ข็ ยายออกไปเรือ่ ยๆ เพราะ ทำสินค้าออกมาเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ช่วงนั้นบุษยาลงไปคุมงาน ด้วยตัวเองแทบทุกขั้นตอน พนักงานทุกคนแม้ทำงานหนัก แต่ค่า ตอบแทนที่ได้ก็สมน้ำสมเนื้อ คนที่ใช้ชีวิตไปกับการทำงานเพียงอย่างเดียว ไม่เหลือเวลา ทำอย่างอื่นเลย จะเรียกว่าใช้ชีวิตได้อย่างไร เพราะชีวิตไม่ได้มีไว้ เพื่อทำงานตลอดเวลา ทุกคนต่างก็ต้องการมีเวลาให้ครอบครัว มีเวลาพักผ่อน เที่ยวเล่น เวลาไร้สาระบ้างอะไรบ้าง... “ตอนนนั้ ข ายดมี าก เราให้โบนัสพ นักงานทเี ป็น 10 เดือน แต่ พนักงานบอกว่า เขาไม่ไหว มันเหนื่อยเกินไป เขาเลยมาขอลาออก ทั้งบริษัทเลย” นี่คือครั้งแรกที่บุษยาเริ่มคิดว่าต้องปรับปรุงการ ทำงานให้ทุกคนได้มีเวลาผ่อนลมหายใจบ้าง ปกติที่นี่จะพาพนักงานทั้งบริษัทไปเที่ยวทุกปี ตอนนั้นในปี 2538 บริษัทยังมีพนักงานแค่ 20-30 คน บุษยาเล่าว่า ปีนั้นไป เที่ยวหัวหิน ชะอำ บริษัทเช่ารถให้พนักงาน ส่วนเธอขับรถส่วนตัว ไปกับคุณแม่ แล้วรถเกิดอุบัติเหตุ คุณแม่ที่นั่งมาข้างๆ เสียชีวิต ตอนแรก ทุกค นทเี่ ห็นส ภาพรถกค็ ดิ ว า่ เธอตายไปแล้วเช่นก นั เพราะรถถูกชนจนยุบมาทับตัวและขาบุษยาเกือบขาดทั้ง 2 ข้าง แต่พอมีคนสังเกตว่าเธอยังหายใจอยู่ เลยเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วย ใช้ เวลางดั ร ถอยู่ 2 ชัว่ โมง ในทสี่ ดุ ก เ็ อาตวั เธอออกมาได้ จากนนั้ ก ต็ อ้ ง ใช้เวลาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน “ตั้งแต่นั้นมาก็เลยคิดได้ว่า เราจะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะ ฉะนั้น แต่ละนาทีที่เราอยู่ เราต้องการความสุขสงบ ต้องการคน รอบตัวที่เขามีความสุขไปด้วยกันกับเรามากกว่า”
15 ความรักองค์กร สร้างได้?
2-3 ปีท ผี่ า่ นมา ตัง้ แ ต่ภ ญ ิ ญ์เริม่ ป รับท ศั นคติ ปรับป รัชญาในการดำเนินช วี ติ แ ละการทำงาน จากเดิมที่อยู่กันอย่างพี่อย่างน้องอยู่แล้ว ความผูกพันก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น เวลาประชุม บุษยาจะนำประสบการณ์หรือสิ่งที่เธออ่านจากหนังสือมาเล่าให้พนักงาน ฟัง อย่างกรณีความสำเร็จของสตีฟ จอบส์ อดีตซีอีโอแอปเปิล ทำให้พนักงานทุกคนได้เปิด โลกทัศน์ ได้มองเห็นเท่าที่เธอมองเห็น นอกจากนี้ เมื่อเห็นว่าแผนกไหนน่าจะต้องการความรู้ เพิ่มเติม ก็จะหาคอร์สให้ไปอบรมเพิ่มเติม แล้วเวลาประชุมก็เปิดโอกาสให้นำความรู้ใหม่ๆ มา แลกเปลี่ยนกับคนอื่น “เขาจะรู้สึกว่าเขาคือส่วนหนึ่ง และเขารักเรา แล้วเราก็หวังดีกับเขาจริงๆ นี่เป็นปรัชญา พื้นฐานของเรา” บุษยากล่าว นอกจากความใกล้ชิดผูกพันกันแบบพี่น้องจะเพิ่มพูนขึ้น ในฐานะเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ บุษยากจ็ ะถอื โอกาสแนะนำนอ้ งๆ เรือ่ งการพฒ ั นาตวั เอง ซึง่ สง่ ผลดตี อ่ การพฒ ั นาองค์กรโดยตรง “เราแนะนำให้เขาหมั่นทบทวนในทุกๆ วัน ว่าวันนี้ เขาได้ทำสิ่งที่เขาคิดว่ามีคุณค่า คือ การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเมื่อวาน มีความรู้ดีกว่าเมื่อวาน ทำงานได้มี ประสิทธิภาพกว่าเมื่อวาน เทียบกับปีที่แล้ว ปีนี้ดีกว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นที่ทุกคนรู้สึกว่าอยากจะ พัฒนาตัวเอง อยากจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด” ความรักและภูมิใจในองค์กร เกิดขึ้นได้จริง แต่ต้องก่อร่างจากข้างในเท่านั้น แม้จะมอง ไม่เห็น แต่ถ้าได้มีโอกาสสัมผัสจะรู้สึกได้ทันที
คนในอยากอยู่ คนนอกอยากเข้า
ทั้งองค์กร มองภาพเดียวกัน
หลังจากความคิดในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เปลี่ยนไป ประกอบกับการตัดสินใจเข้าอบรม SME สำหรับ ผูบ้ ริหารกบั ธ นาคารกสิกรไทย ทำให้บ ษุ ยาได้พ นื้ ฐ านเรือ่ งการ บริหารการตลาด ซึ่งเธอไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน “เมื่อก่อนก็ทำดุ่ยๆ มา แต่ตอนนี้พอเรามีความรู้ เราก็ คิดว่า จากนี้ไป ไม่จำเป็นที่จะต้อง...ตื่นเช้ามาแล้วทำงานๆๆ แล้วก็ไม่จบ แต่เราสามารถขึ้นมามองภาพใหญ่ได้ว่า จริงๆ แล้ว ทั้งองค์กร แต่ละคนมีศักยภาพต่างกัน ถ้าเราพัฒนาเขา และให้เขาเห็นภาพใหญ่เหมือนเรา แต่ละคนเป็นนิ้วแต่ละนิ้ว ที่ประกอบกันเป็นมือ คือทั้งองค์กร “ถ้าทุกคนมองเห็นเหมือนกัน และเข้าใจเหมือนกันว่า ตอนนี้เรากำลังก้าวไปอยู่ตรงจุดนี้ เราเองก็จะทำงานเหนื่อย น้อยลง และพนักงานนา่ จ ะมคี วามสขุ ม ากกว่า ว่าเขาเองกเ็ ป็น ส่วนสำคัญสำหรับบริษัทจริงๆ” คราวนี้ ภิญญ์ได้ฤกษ์ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากแต่ก่อน เคยเรียกประชุมเฉพาะหวั หน้าฝ า่ ย ก็เปลีย่ นเป็นเรียกพนักงาน ทุกคนเข้ามาคุยพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างน้อยๆ เดือนละ ครั้ง พนักงานในบริษัทประมาณ 200 คน แบ่งเป็น 2 ทีม ได้แก่ ‘ทีมหน้าบ้าน’ หรือฝ่ายขาย ซึ่งจะประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ และเวลาภิญญ์ไปออกบูธ กับ ‘ทีมหลังบ้าน’ คือทีมออกแบบ และผลิต ประจำการอยู่ที่สำนักงานใหญ่เชียงใหม่ “กลับมาปรับใหม่หมดเลย เมื่อก่อนเราจะไม่เคยเรียก ประชุมแบบทุกคนมาพร้อมกัน ตอนนี้เราเรียกมาหมด แล้วก็ ปูพื้นให้เขารู้ว่า ธุรกิจเราทำอะไร เวลาประชุมที่เชียงใหม่ จะ ฉายสไลด์ให้ดูว่า ตอนนี้ทีมหน้าบ้านกำลังไปจัดรายการที่นี่ มีผลตอบรับอย่างนั้นอย่างนี้ เลยทำให้พนักงานรู้สึกมากขึ้น เรื่อยๆ ว่าเขามีส่วนเป็นเจ้าของ ที่เขาแพ็คกันมา เอาไปขาย ในงานนี้นะ แล้วลูกค้าที่ชอบก็ฝากชมมา”
สินค้าที่ภิญญ์จำหน่าย มีทั้งแบบวัตถุดิบหลาก หลาย ซึ่งสั่งจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ ผู้ซื้อสามารถนำไป ประดิษฐ์ได้ตามความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง และ แบบกึ่งสำเร็จรูป ที่มีแบบและส่วนประกอบมาให้ พร้อมในชุด ซื้อไปทำตามแบบได้ทันที แม้ภิญญ์ไม่ได้เป็น ผู้ผลิตผ้า ผลิตไหมเอง แต่ จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า โดยมีทีม ออกแบบเฉพาะ ตัดผ้า ตัดไหม จัดเป็นชุด เพราะ ฉะนั้ น การท ำงานจ ะไ ม่ ใ ช่ รู ป แ บบโ รงงานชั ด เจน พนักงานก็ไม่ได้พักที่บริษัท ค่าตอบแทนของที่นี่ก็อยู่ ในเกณฑ์มาตรฐาน หรือสูงกว่ามาตรฐานนิดหน่อย สวัสดิการก็ไม่ชัดเจน เพราะไม่ใช่โรงงาน จากการทกี่ รรมการรางวัลธ รรมาภิบ าลได้เข้าไป สัมภาษณ์พ นักงานทบี่ ริษทั บุษยาเล่าว า่ ก รรมการรบั ร ู้ ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เลยว่า พนักงานที่นี่รักองค์กรและ มีความภูมิใจในองค์กรมาก “เขาคดิ ว า่ เราเป็นอ งค์กรทมี่ วี ฒ ั นธรรมทแี่ ปลก พนักงานรักองค์กรด้วยจิตใจข้างใน” นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ เลือกที่จะร่วมงานกับภิญญ์เป็นสิบปี “ที่นี่ พนักงานจะอยู่กันมาตั้งแต่แรก อย่างคนที่อยู่กับเรามา 8-10 ปีขึ้นไป เขาจะซึมซับ ความคิดและมีจิตใจเหมือนเรา พอเขามีลูกน้อง เขาก็จะทำเหมือนเรา ฉะนั้น วัฒนธรรมตรงนี้จะ ค่อนข้างแน่น และไม่ได้เป็นที่เราคนเดียว” นอกจากบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองของพนักงานที่สัมผัสได้ในวันงานเปิดตัวกิจกรรมที่ ศูนย์การค้าอ มั ร นิ ทร์พ ลาซ่าแ ล้ว รอยยมิ้ ม คี วามสขุ ท แี่ ต้มบ นใบหน้าข องบุษย าบอ่ ยครัง้ ท สี่ นทนากนั คือเครื่องยืนยันแนวคิดในการทำธุรกิจของภิญญ์ได้เป็นอย่างดี “พนักงานรสู้ กึ ว า่ ท ำงานกบั บ ริษทั น ไี้ ม่เหมือนกบั ท เี่ ขาเคยทำมาเลย เหมือนมาโรงเรียน หรือ อยู่ที่บ้าน แล้วเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีค่า และมีความกระหายที่จะรู้มากขึ้นทุกๆ วัน” กิจการที่ใช้ความสุขของคนทำเป็นตัวตั้ง ได้ทำงานที่ตัวเองรักและมีความสุขกับมัน และ ความสัมพันธ์ภายในองค์กรที่ไม่ต่างจากคนในครอบครัว น่าจะเป็นวิถีทางที่บุษยาเลือกแล้วว่า อยากทำไปตลอดชีวิต
16
เติมหัวใจใส่เงิน
กองบรรณาธิการ
ใน
ระบบธุรกิจปัจจุบัน การก้มหน้าก้มตาทำการค้าหากำไร เพียงอย่างเดียวเหมือนสมัยก่อนคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ กระแสสังคมเรียกร้องหาสำนึกจากองค์กรขนาดใหญ่ที่ควรจะมีต่อ สาธารณะมากขนึ้ เรือ่ ยๆ หากกจิ การไหนเมินเฉย ก็ด จู ะเป็นการสร้าง ภาพลบให้องค์กรโดยไม่รู้ตัว
แต่ใครว่าการทำกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) หรือ บรรดาโครงการแสดงความรับผิดชอบ ทางสังคมเชิงบรรษัท (Corporate Social Responsibility: CSR) เป็นเรื่องของเหล่าบริษัทใหญ่โตเท่านั้น คน ค า้ ข ายเล็กๆ ก็ส ามารถเติมห วั ใจลงไปในการทำธรุ กิจได้ เช่นกัน กิจการที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนเล็กๆ ไม่มีทุนเป็น เงินถุงเงินถังระดับร้อยล้าน เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่กำไร มหาศาล แต่ใช้ค วามผกู พันข องสมาชิกในชมุ ชนเป็นก ำลัง หลัก นั่นคือนิยามของ ‘วิสาหกิจชุมชน’
ข น ม จี น ข อ ง ชุ ม ช น ขนมขนมจีนเมืองคอน ในอุตสาหกรรมอาหารมีขาใหญ่ยึดครองตลาดอยู่ก็จริง แต่จะแหงนชะเง้อมองไปก็ดูไกลตัว หันม ามองทธี่ รุ กิจเล็กๆ ระดับป ากทอ้ ง ข้าวปลาอาหารในจานกม็ ตี น้ ทางจากการผลิตท เี่ ป็น ระบบธุรกิจอยู่ไม่น้อย ขนมจีนก็เช่นกัน ใครคนหนึ่งกล่าวว่า “การบริโภคขนมจีนรายวันของคนในจังหวัดนครฯมีปริมาณ มากกว่าพี่น้องชาวอีสานบริโภครวมกันทั้งภาคเสียอีก” ยืนยัน...ใครๆ ในเมืองคอนนครศรีธรรมราช ต่างก็กินขนมจีนเป็นอาหารหลัก เรื่องจริงเป็นดังนั้น และไม่ใช่แค่นครฯเท่านั้น หากใครเคยไปภาคใต้ก็จะพบว่า จั ง ห วั ด อื่ น ๆ ก็ เ หมื อ นกั น ร้ า นข นมจี น มี ม ากมายแ ทบทุ ก หั ว ถ นน ดั ง นั้ น เมื่ อ มี อุปทานเยอะ อุปสงค์หรือคนทำขนมจีนขายก็ต้องเพิ่มจำนวนมากตามไปเป็นธรรมดา แต่ขั้นตอนการทำเส้นขนมจีนไม่ง่ายดายเหมือนหุงข้าว ที่แค่ซาว ใส่น้ำ กดสวิตช์ ก็ เป็นอ นั จ บ เพราะลำพังแ ค่ก ารเดินท างของเม็ดข า้ วกว่าจ ะไปเป็นก อ้ นแป้ง ก็ก นิ เวลาไปหลาย ชั่วโมงแล้ว วิสาหกิจชุมชนต้นแบบ โรงแป้งขนมจีน ในนาม บริษัท เครือข่ายผลิตภัณฑ์อ าหาร จำกัด ตำบลกะหรอ อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบสนอง ความตอ้ งการนี้ จนเป็นก ำลังห ลักในการผลิตแ ป้งข นมจีนเพือ่ เลีย้ งคนนครฯ และพนี่ อ้ งภาคใต้ อีกหลายจังหวัด
โครงสร้างองค์กรเล็กๆ “บริษัทนี้เกิดจากแนวคิดของแกนนำชุมชน ผู้นำชุมชนจาก 3 จังหวัดภาคใต้ นครฯ สงขลา พัทลุง ประมาณ 10 คน ที่มีโอกาสไปอบรม ศึกษาดูงานร่วมกันมา ตลอด เลยเห็นพ อ้ งกนั ว า่ อ ยากจะทำธรุ กิจท มี่ ชี าวบา้ นเป็นเจ้าของ เพือ่ เป็นโครงการ ต้นแบบวา่ ช าวบา้ นกท็ ำธรุ กิจเองได้” ประจักษ์ ยกย่อง กรรมการ และรองกรรมการ ผู้จัดการ ของวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตแป้งขนมจีนเล่าถึงที่มาที่ไปของกิจการ ก่อนที่บรรดากลุ่มผู้นำชุมชนจะเริ่มจับมือทำกิจการกันจริงๆ มี 2 ทางใน การทำธรุ กิจให้เลือก ระหว่าง ระบบสหกรณ์ กับ รูปแ บบบริษทั ซึง่ ท า้ ยทสี่ ดุ โรงงาน แ ป้งข นมจีนก เ็ ริม่ ต น้ ในนามบริษทั เพราะมขี อ้ ดีด า้ นการบริหารงานเป็นอ สิ ระ ทำให้ การทำธุรกิจมีความท้าทายมากกว่า หัวเรือใหญ่ผ รู้ เิ ริม่ ก จิ การนี้ คือ ประยงค์ รณรงค์ ปราชญ์ช าวบา้ น ผูน้ ำชมุ ชน ไม้เรียง เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ สาขาผู้นำชุมชนปี 2004 บริษัททำแป้งขนมจีนแห่งนี้ มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท มีการขายหุ้นให้ ชุมชนในราคาหุ้นละ 100 บาท จนปี 2537 ระดมหุ้นได้ 3.7 ล้าน บวกกับการ ขอสินเชื่อจากธนาคารมาอีก 1.5 ล้านบาท ทำให้ปี 2539 บริษัทก็สามารถผลิต แป้งชุดแรกออกมาได้สำเร็จ แต่ยังคงความเป็นองค์กรธุรกิจเล็กๆ ไว้เหมือนเดิม “ปัจจุบันเรามีพนักงานในบริษัท20 กว่าคน ร้อยละ 50 เป็นผู้ถือหุ้นด้วย” ประจักษ์ให้ข้อมูลถึงพนักงานที่ไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้าง แต่มีสถานะเป็นเจ้าของร่วมใน กิจการนี้ด้วย เมื่อเป็นบริษัทเล็ก แต่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ฐานลูกค้าหนาแน่น นายทุน รายใหญ่กว่าย่อมจ้องฮุบกิจการ “เคยมีบริษัทเอกชนจะเข้ามาซื้อกิจการ แต่ไม่ขาย เพราะชุมชนถือหุ้นอยู่” จากประโยคนี้ของประจักษ์ ยืนยันได้ว่าครั้งหนึ่งธุรกิจเล็กๆ แต่มากมูลค่านี้เกือบ ที่จะถูกกลืนเข้าไปสู่ระบบทุนที่มีขนาดใหญ่กว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตพ่อค้าแม่ค้าผู้ขายขนมจีนในภาคใต้ก็พบจุดเปลี่ยน หลังจ ากมโี รงงานผลิตแ ป้งส ำเร็จรูปอ าสามาเป็นต วั ช ว่ ย หลายคนบอกชอบใจ เพราะ ไม่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อทำแป้งอีกแล้ว นอกจากนี้ เป็นที่รู้กันว่าผู้ค้าขนมจีนส่วนหนึ่งในตัวเมืองนครฯมักปล่อย น ำ้ เสียล งในแหล่งน ำ้ ส าธารณะ ทำให้เกิดม ลพิษ แต่เมือ่ ผ คู้ า้ ร ายยอ่ ยเลิกท ำแป้งเอง หันไปใช้บริการของโรงงานผลิตแป้งซึ่งมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน ปัญหานี้ จึงค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ
ขั้นตอนการทำเส้นขนมจีนเส้นสด
นำข้าวไปหมัก 1 คืน แล้วน ำไปโม่บดและร่อนให้เป็นแป้ง จากนั้นนำไป แช่ไว้ในบ่อพักอีก 1 คืน โดยจะมีการเติมเกลือลงไปเพื่อกันแป้งบูด เมื่อได้ที่ แล้ว ก็กรองเอาส่วนน้ำออก เข้าเครื่องอัดให้พ อหมาด ก็จะได้เป็นก้อนแป้ง พร้อมบรรจุถุงจำหน่าย ฟงดูเหมือนง่าย แต่ขั้นตอนต่างๆ ข้างต้นนี่แหละที่กินเวลาและกินแรง ผ ผู้ ลิตม ากทสี่ ดุ จากทเี่ คยตอ้ งโม่แ ป้ง แช่แ ป้งเอง เดีย๋ วนแี้ ค่ซ อื้ แ ป้งส ำเร็จม า เอา เข้าเครือ่ งบบี เส้น ก็ได้ข นมจีนแ ป้งสดสตู รคนใต้แ ท้ๆ อย่างรวดเร็วแ ละงา่ ยดาย
แรงบันดาลใจไกลบ้าน ย้อนสู่จุดเริ่มต้น ก่อนที่โรงงานขนมจีนแห่งนครศรีธรรมราชจะทำการโม่ แป้งบีบเส้น อาศัยแรงบันดาลใจที่ไม่ได้อยู่ใกล้ตัว แต่เกิดจากการเดินทางไปศึกษา ดูโรงงานผลิตแป้งสำหรับทำเส้นขนมจีนใหญ่ที่สุดในประเทศที่จังหวัดศรีสะเกษ หลายต่อหลายครั้ง ครัน้ ห อบหวิ้ เอาความตงั้ ใจมาปฏิบตั จิ ริง กลับไม่ต ดิ ต ลาด หลายคนรสู้ กึ ผ ดิ ร ส ผ ดิ กลน่ิ เพราะวธิ กี ารทำแป้งข นมจีนข องภาคอสี านใช้ว ธิ กี ารหมัก จึงม กี ลิน่ ค อ่ นขา้ งแรง หรือจ ะเป็นส ตู รภาคกลางกย็ งั ใช้ก งึ่ แ ช่ก งึ่ ห มัก ต่างจากเส้นแ ป้งข าวบบี ส ดแบบภาคใต้ ซึ่งยังมีความหอมของเนื้อแป้งแท้ๆ อยู่ เมื่อรสชาติแป้ง ยังไม่ถูกปากคนใต้ ครั้นจะล้มเลิกความตั้งใจก็เหมือน ยอมแพ้ต งั้ แต่ในมงุ้ นอกจากนสี้ ตู รอาหารกไ็ ม่ใช่อ ะไรทตี่ ายตัว ในแต่ละพนื้ ทีช่ มุ ชน ก็ย่อมมีรสมือเป็นเอกลักษณ์ของใครของมัน เมื่อจะทำขนมจีนให้คนใต้กิน วิธีการ ผ่าทางตันง่ายๆ ก็คือมองหาสูตรพื้นถิ่นใกล้ๆ ซึ่งก็มีความแตกต่างกันไป สูตร ตัวเมืองนครฯก็แบบหนึ่ง ปากพนังแบบหนึ่ง ข้ามไปสุราษฎร์ธานีก็มาจากอีกตำรา จนในที่สุดหลักจากตระเวนศึกษาสูตรแป้งขนมจีนมาแทบจะทั่วทั้งภาคใต้ ก็ได้มาเป็นวิธีแช่แป้งแบบง่ายๆ ที่ใช้มาถึงปัจจุบัน
เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบ ขึน้ ช อ่ื ว า่ ว สิ าหกิจช มุ ชนแล้ว นอกจากเป็นการแบ่งป นั ผลประโยชน์ให้แ ก่ผ ถู้ อื ห นุ้ ในชุมชนแล้ว ตัววัตถุดิบตั้งต้นก่อนจะนำมาทำเป็นแป้ง ทางบริษัทก็ยังเลือกใช้ ข้าวสารจากเกษตรพื้นถิ่น โดยรับซื้อข้าวสารต่อจากโรงสี และกลุ่มเกษตรกรรอบ ลุ่มน้ำปากพนังเป็นหลัก ทำให้ข้าวที่เคยถูกรับซื้อในราคาถูกเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างเช่น ข้าวสาร 100 กิโลกรัม ราคา 700 - 800 บาท สามารถ ผลิตแ ป้งได้ 135 กิโลกรัม และแป้งจ ำนวนนเี้ มือ่ น ำไปทำเส้นข นมจีนจ ะได้ป ระมาณ 235 กิโลกรัม ถ้าร าคาขายขนมจีนก โิ ลกรัมล ะ 10 บาท คิดเป็น 2,350 บาท มูลค่า เพิ่มจากต้นทุนเกินเท่าตัว
ป ใจสู่หุ้นส่วน จากกำไรปีแรกเพียง 70,000 – 80,000 บาท กว่ากิจการแป้งขนมจีนจะตั้งตัว จนเกิดผลงอกเงยได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็ประมาณปี 2540 หลังจากนั้นกำไร ต่อเดือนก็ไม่เคยต่ำกว่าหลักล้าน ไม่ได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีใครคอยช้อนซื้อหุ้น แต่กิจการโรงงานแป้ง ขนมจีนก็มีผู้ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ในชุมชนอยู่ถึง 141 หุ้น เป็นบุคคล 136 ราย นิติบุคคล 1 ราย และสหกรณ์ออมทรัพย์อีก 4 กลุ่ม โดยทุกคนเป็นเจ้าของกิจการ ร่วมกัน หลังจากสรุปผลการดำเนินการประจำปี กำไรร้อยละ 60 ก็จะถูกปัน ผล เป็นส่วนแบ่งตามจำนวนหุ้นที่แต่ละคนถืออยู่ ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นเงินสำรอง โบนัส พนักงาน และยังกันไว้เป็นงบสำหรับการขยายกิจการอีกร้อยละ 20 ประจักษ์เล่าถ งึ ศ กั ยภาพของโรงงานแห่งน วี้ า่ มีก ำลังก ารผลิต 300 ถุงต อ่ ว นั ถุงละ 20 กิโลกรัม รวมแล้วเฉลี่ยประมาณวันละ 6 ตัน ราคาขายหน้าโรงงาน ถุงละ 290 บาท โดยแป้งเกือบทั้งหมดจะมีบริการส่งถึงที่ ทั้งในตัวจังหวัดนครฯ และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างชุมพร สุราษฎร์ธานี ไปจนถึงหาดใหญ่ สงขลา “ยอดขายปัจจุบัน เดือนละ 5,000 กระสอบ กระสอบละ 20 กิโลกรัม ขาย กระสอบละ 290 บาท จากเดิม 280 เราเพิ่งขึ้นราคามาไม่ถึงเดือน”
รู้จักขนมจีน
อาหารเส้นขาวที่เราเรียกว่าขนมจีนนั้น เป็นอาหารคาวแท้ๆ ไม่มีความ หวานสมชอื่ ข นม ไม่ได้ม ชี าติก ำเนิดม าจากจนี แ ผ่นด นิ ใหญ่ และไม่ใช่อ าหาร ไทยแท้ๆ แต่เป็นอาหารพื้นถิ่นที่เกือบทุกชนชาติในเขตอุษาคเนย์กินกันมา นานนม สำหรับช อื่ ‘ขนม’ นัน้ สันนิษฐานกนั ว า่ ม าจากคำเขมรทเี่ รียกอาหารทำจาก แป้งว า่ ขนม หรือ หนม ในภาษาเขมร หรือร ากศพั ท์ภ าษามอญเรียกวา่ คนอม ขนมจีนในประเทศไทยมีหน้าตา ขนาดเส้น กลิ่น และรส คล้ายคลึงกัน เกือบทั้งประเทศ ต่างกันเพียงชื่อเรียก โดยชาวเหนือเรียกว่า ขนมเส้น ในขณะทภี่ าคอีสานเรียกตามคำลาวว่า ข้าวปุ้น อีกอ ย่างหนึง่ ท ที่ ำให้ข นมจีนในบริบทไทยมคี วามแตกตา่ งกนั ในแต่ละพนื้ ที่ ก็ค อื น้ำยา ทีด่ จู ะเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละทอ้ งถนิ่ ของใครของมนั คนภาคกลาง จะกินขนมจีนกับน้ำยาที่ผสมกระชาย แกงกะทิ และน้ำพริก ภาคเหนือมี จุดเด่นที่ขนมจีนน้ำเงี้ยวที่ ได้สีแดงมาจากดอกงิ้ว คนอีสานกินขนมจีน กับปลาร้า ในขณะที่คนใต้มีแกงกะทิใส่ขมิ้น และแกงไตปลาเป็นพระเอก ร่วมกับผักเครื่องเคียงถาดใหญ่
18
ตอบปญ ั หาผลกระทบจากปญ ั หานำ้ ท ว่ ม ดร.นิติพงษ์ ส่งศรีโรจน์
สาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ คณะการบัญชีและการจัดการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ณรงค์ชัย เรืองงาม นักลงทุนตลาดหลักทรัพย์
สุรเดช ศรีโชติ ผู้ค้าปลีกรายย่อย
จิราพร จ้ายจันทึก ลูกจ้างรายวัน
วิกฤติน้ำท่วมใหญ่จะส่งผลกระทบอย่างมี นัยส ำคัญต อ่ ก ารลงทุนในตลาดหนุ้ ม ากนอ้ ย เพียงใด และอยากจะทราบว่าจะเป็นโอกาส ในการเพิ่มการช้อนซื้อหุ้น หรือว่าเราควร ชะลอการลงทุนตัวเพื่อดูสถานการณ์ก่อน
ร้านค้าถ ูกน้ำท่วมมากกว่า 2 เดือน ทำให้ ประสบปญ ั หาทางการเงิน เป็นไปได้ม ากนอ้ ย เพียงใดที่ผมจะเจรจากับธนาคารเพื่อชะลอ การใช้หนี้ และถ้าผมหยุดการใช้หนี้ไปเลย จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมบ้าง
ดร.นิ ติ พ งษ์ ส่ ง ศ รี โรจน์ : วิ ก ฤติ น้ำท่วมส่งผลต่อธุรกิจหรืออุตสาหกรรม ประเภทใ ดบ้ า ง ต้ อ งพิ จ ารณาก่ อ นว่ า น้ำท่วมเกิดขึ้นที่ไหน และยาวนานมาก เพียงใด จากการศึกษาของศูนย์พยากรณ์ เศรษฐกิ จ แ ละธุ ร กิ จ มหาวิ ท ยาลั ย หอการค้าไทยในอดีต พบวา่ ภาคเกษตรกรรม ทรั พ ย์ สิ น ร าชการ ภาคก ารบ ริ ก าร การทอ่ งเทีย่ ว ทรัพย์สนิ เอกชน และภาค การผลิตแ ละอตุ สาหกรรม ได้ร บั ผ ลกระทบ มากตามลำดับ ดังนั้นหุ้นกลุ่มดังกล่าวก็ จะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม ภาคเกษตรกรรม แต่ เ มื่ อ น้ ำ ล ดแ ล้ ว ธุ ร กิ จ ที่ จ ะมี แนวโน้มดีขึ้น คือ ธุรกิจที่ต้องซ่อมแซม ปรับปรุงทรัพย์สินต่างๆ ที่ได้รับความ เสียหายจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตามหาก น้ำท่วมเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวย่อมจะไม่มี นัยสำคัญต่อดัชนีหุ้น เพราะจะมีปัจจัย อื่นๆ ที่สำคัญกว่ามาก
ดร.นิติพงษ์ ส่งศรีโรจน์: หากทาง ร้านค้ามีการขอสินเชื่อทางธนาคาร แล้ว เกิดป ญ ั หาสภาพคล่องอนั เกิดจ ากนำ้ ท ว่ ม ธนาคารเองน่าจะเข้าใจสภาพปัญหาที่ เป็นอยู่ คงจะต้องลองไปเจรจากับทาง ธนาคารในเบือ้ งตน้ ก อ่ นเพือ่ ข อชะลอการ ชำระหนี้ แต่ถ้าทางร้านหยุดการชำระหนี้ ไ ปเ ลย ไม่ น่ า จ ะดี เพราะท างร้ า นจ ะ มี ป ระวั ติ ไ ม่ ดี แ ละจ ะมี ผ ลต่ อ ก ารข อ สินเชื่อในอนาคตด้วย แม้จะไปขอสินเชื่อ ธนาคารอื่ น ก็ ต ามก็ จ ะถู ก ต รวจส อบ ประวัติได้หมด
น้ ำ ท่ ว มโรงงานท ำให้ ข าดร ายได้ ตอนนี้ หลัง วิกฤติน้ำท่วมจะต้องมีการซ่อมแซม ประสบปัญหามาก รัฐก็มีแต่นโยบายช่วย อาคาร สถานที่ เกือบทั้งประเทศ ถือว่าเป็น แต่เกษตรกร ลูกจ้างรายวันอย่างดิฉันจะทำ โอกาสในการขยายกิจการหรือไม่ อย่างไรดี หรือสามารถขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานใดได้บ้าง ดร.นิติพงษ์ ส่งศรีโรจน์: แน่นอน ว่ า ห ลั ง วิ ก ฤติ น้ ำ ท่ ว มจ ะต้ อ งมี ก าร ดร.นิต พิ งษ์ ส่งศ รีโรจน์: กรมสวัสดิการ ซ อ่ มแซมอาคาร สถานที่ เกือบทงั้ ป ระเทศ และคุ้ ม ครองแ รงงาน (กสร.) ได้ ท ำ ธุรกิจรับเหมาก็อาจจะได้ประโยชน์เพียง หนั ง สื อ เ วี ย นไ ปยั ง ส ถานป ระกอบก าร ในระยะสั้น เนื่องจากต้องคำนึงถึงภาวะ ทุ ก แ ห่ ง ขอใ ห้ ผ่ อ นผั น ก ฎเ กณฑ์ ก าร การแข่งขันของธุรกิจประเภทนี้ในพื้นที่ เข้าทำงานต่างๆ เช่น การขาดงาน ลา ด้ ว ยห ากแ ข่ ง ขั น กั น สู ง ผ ลป ระโยชน์ มาสาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ ที่จะได้รับก็จะลดน้อยลงไป ดังนั้นการ กับลูกจ้าง ขยายกิจการเป็นเรื่องการมองระยะยาว ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้ จึงค วรพจิ าณาให้ด ี การขยายกจิ การนนั้ จ ะ แรงงานจงั หวัดท กุ แ ห่ง ตัง้ ศ นู ย์ป ระสานงาน กระทำได้ก็ต่อเมื่อธุรกิจของเรามีอุปสงค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดย ที่มากพอ และธุรกิจขนาดเดิมไม่สามารถ เฉพาะกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ตอบสนองตลาดได้ ให้เตรียมพร้อมกำลังคนและเครื่องมือ ในการช่วยซ่อมแซม ข้าวของเครื่องใช้ ที่ ได้รับความเสียหายหลังน้ำลด ดังนั้น ลองไปตดิ ต่อท แี่ รงงานจงั หวัดด นู ะครับว า่ มี แ นวทางใ ห้ ค วามช่ ว ยเ หลื อ ใ นเ รื่ อ ง ดังกล่าวอย่างไร
ดาวิน ชุณหสุวรรณกุล เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา
ดร.นิ ติ พ งษ์ ส่ ง ศ รี โรจน์ : การท ำ
Contract Farming หรือ การทำเกษตร แบบมพี นั ธะสญ ั ญา ได้ถ า่ ยโอนความเสีย่ ง ในชว่ งทน่ี ำ้ หลากมาเราเสียหายมาก ต่างๆ ให้เกษตรกร และเกษตรกรก็ต้อง และบ ริ ษั ท ที่ เราล งทุ น ร่ ว มก็ ไม่ เข้ า รับภาระที่ต้องซื้ออาหาร เคมีภัณฑ์ต่างๆ มาช่ ว ยเหลื อ ปล่ อ ยให้ ต้ อ งรั บ ค วาม หากผลผลิตไม่ได้ตามที่บริษัทต้องการ เสี่ ย งแ ต่ เพี ย งฝ่ า ยเดี ย ว ไม่ ท ราบว่ า เกษตรกรก็ ต้ อ งแ บกรั บ ภ าระทั้ ง หมด รั ฐ จ ะมี น โยบ ายช่ ว ยเหลื อ เกษตรกร ยิ่งหากเกิดน้ำท่วมด้วยแล้ว แน่นอนว่า พันธะสัญญาอย่างเราอย่างไร ผลผลิตได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
วรพันธ์ ชูอำนาจ ผู้รับเหมาก่อสร้าง
ความเสี่ยงดังกล่าว หากเกษตรกรยังคง ต้องประกอบอาชีพแบบมีพันธะสัญญา เช่นนี้ การทำสัญญาควรจะมีภาครัฐมา ร่วมด้วย อาจจะจัดการในรูปแบบการ ทำประกันภัยความเสียหายที่เกษตรกร และบริษัทเอกชนต้องรับภาระร่วมกัน
เรื่องและภาพ: วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์
เร
านั่งค ุยกับ ปรีชา สุขเกษม ...ในวัน หนึ่งที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ด้านซ้ายมือของเราเป็นเมรุเผาศพ ส่วน ด้านขวาเป็นหีบศพลายเทพพนมสามชั้น “ตอนผมมาใหม่ๆ ศพแม่-ลูกท ตี่ าย เ พราะร ะเบิ ด ที่ แ ฮปปี้ แ ลนด์ . ..ผมเ ป็ น คนทำนะ” ปรีชา กำลังหมายถึงงานแรก ในอาชีพสัปเหร่อเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังจากรดน้ำศพ ปรีชา-สัปเหร่อ แห่งวัดบึงทองหลาง และเพื่อนอีก 4 คน ช่วยกันแบกร่างในห่อผ้าขาววางลงในหีบ บรรจุศพ ไม่มีใครนับหรอกว่าร่างที่นำไป วางลงหบี เป็นร า่ งทเี่ ท่าใดในชวี ติ ท ผี่ า่ นมา เมื่อความตายเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน และ ความจริงหนึ่งในสังคมก็คือ ผู้ทำหน้าที่ เกี่ยวกับพิธีศพหรือสัปเหร่อจะมีตัวตน ก็ต่อเมื่อมีความตายเกิดขึ้น ประหนึ่ง ‘ความหวัง’ ในวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ขั้นตอนต่างๆ ในพิธีการต้องได้รับ การจัดการจากผู้มีความรู้ความชำนาญ มิเช่นนั้นเชื่อว่าจะส่งผลร้ายต่อบุคคลใน ครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่และต่อวิญญาณ ของผู้ตาย สัปเหร่อจึงมีความสำคัญมาก ในประเพณีความตาย แม้ว่าขั้นตอนและ บทบาทห น้ า ที่ ใ นก ารจั ด การพิ ธี ก รรม เกี่ยวกับศพจะลดลงไปตามสภาพสังคม ที่ เ ปลี่ ย นแปลง แต่ สั ง คมก็ มิ อ าจข าด สัปเหร่อ ไม่ว่าจะเข้าสู่ยุคใดสมัยไหน หลังแ บกหบี ศ พเข้าไปเก็บไว้ในเมรุ รอเผา ปรีชาหันมาบอกเรา “วันนี้จะเผา สองศพ อีกคนตายตอนเด็ก อีกคนตาย ตอนแก่ มันไม่แน่นอนนะคนเรา” ปรี ช า เป็ น ค นโ คราช มาเ ป็ น สัปเหร่อที่วัดบึงทองหลางเมื่อปี 2544 ก่อนหน้าน มี้ คี วามตายเกิดข นึ้ ต รงไหนของ อำเภอโนนไทย จังหวัดน ครราชสีมา ปรีชา ไปช่วยทุกงาน “เมื่อก่อนผมอยู่บ้าน ก็ช่วยเขามา เรื่อย ใครตายก็ไปช่วย วันไหนตายบ่อยๆ ก็ส นุก บางปกี ไ็ ม่มตี าย ปีห นึง่ ต าย 8 ศพ... ล้าเลย พอมีคนตาย ผมก็ไปจัดศาลารอ แต่ ง ผ้ า ใ ห้ หี บ ศ พ เรามี จิ ต ใจแ บบว่ า บ้านนอกน่ะ ใครตายก็ไปช่วย” เขาเล่า เป็นหนี้ 70,000 จึงเข้ากรุงเทพฯ มาเ ป็ น สั ป เหร่ อ ต ามค ำช วนข องพี่ เ ขย เครื่องหมายคำถามย่อมเกิด สัปเหร่อ สามารถสร้างเงินได้ข นาดนนั้ ห รือ ไม่ก ปี่ .ี .. ปรีชาชำระหนี้เกือบแสนจนหมด...สะอาด กว่าใช้ทิชชู ความจริ ง แ ล้ ว อาชี พ สั ป เหร่ อ มี
โลกเสมือน
19
หนึ่งมิตรชิดใกล้
รายได้เป็นวันโดยทางวัดเป็น ผู้จ่าย และ ตามกำลังน ำ้ ใจของเจ้าภ าพ ซึง่ ป รีชาบอก ว่าสัปเหร่อไม่ควรเรียกร้องจากเจ้าภาพ งาน มันคือการแสดงน้ำใจจากสัปเหร่อ เช่นกัน “เหมือนคณ ุ ค วามดที เี่ ราทำไว้ห นุน ส่งเรามาที่นี่ อยู่ดูแลศพ อยู่ที่บ้านเราก็ ทำงานเพื่อชุมชนทุกอย่าง จนมาอยู่ที่นี่ เหมือนเป็นกำไรชีวิต” “อะไรคือกำไรชีวิต” เราถาม “นี่ไง” ปรีชาวาดมือไปรอบๆ “ก็ ทุกอ ย่าง หมดหนีห้ มดสนิ เรียบร้อย ลูกเต้า ถึงเรียนไม่สูงแต่เขาก็ไม่เลว แค่นี้ก็ภูมิใจ แล้ว ความดีมันตอบแทนเรา “คำว่าดีมันดีหลายอย่าง ได้ทั้งบุญ ตอนผมมาผมมีหนี้เยอะนะ ก็มาทำงาน จนใ ช้ ห นี้ ห มด ผมม าผ มน อนศ าลา กินข้าววัด เขาเลี้ยงอะไรก็กินหมด ผมคน บ้านนอก เราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ขอแค่ ไม่เจ็บป่วย เพราะเราไม่มีประกันสังคม เราเป็นแค่ลูกจ้าง เวลาป่วยทางวัดช่วย เราครึ่งหนึ่ง แต่เราก็ต้องสำรองจ่ายของ เราด้วย” เหมือนเกษตรกร อาชีพสัปเหร่อ ไม่มหี ลักป ระกนั ใดๆ ทัง้ ๆ ทีส่ งั คมขาดคน
ในอาชีพทั้งสองมิได้ แต่ปรีชาบอกว่า เขารัก งานของเขา พอๆ กับคนรัก “ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างเมื่อก่อน เวลาไปช่วยงานเพื่อนบ้านหรือคนในตำบล เดียวกันกับตอนนี้ที่ยึดเป็นอาชีพ ความ ทุ่มเทมันพอกัน ใจมันไปอยู่แล้ว ถ้าเราสนุก กับง าน งานอะไรกเ็ หมือนกนั ห มด เราทมุ่ เท ให้งาน ได้มากได้น้อย งานอะไรก็สนุกหมด “ความสนุกของเราคือเราทุ่มเทให้ งาน ได้น้อยได้มากก็ทำปกติ ไม่ต้องห่วงว่า งานนี้ได้เท่าไหร่ ถ้าคิดมามันเป็นทุกข์ แต่ รายได้ผมมันก็ปานกลาง ไม่มากไม่น้อย” ปรีชาบอก “มี ค วามคิ ด จ ะเ ปลี่ ย นอ าชี พ ไ ปท ำ อย่างอื่นไหม” เราถาม “คนอื่ น เ ขาไ ม่ รู้ เขาไ ม่ รู้ ค วามจริ ง เขาไม่รู้ว่าเราได้อะไรบ้าง เขาไม่มีโอกาสได้ ทำความดีแบบเรา บุญที่สุดเลยนะได้เป็น... คนมีบุญ” ปรีชาบอก “ปรีชาครับ ถามตรงๆ กลัวตายไหม” เราถาม “ไม่กลัว เตรียมพร้อมหมดแล้ว เรารู้ เวลาผ มก ล่ า วอ าราธนาแ ละน ำส วดพ ระ อภิธรรมในงานศพทกุ ค รัง้ ผมจะกล่าวกลอน
สัปเหร่อม ืออ าชีพ
บทนี้ ‘ชายนารีห นีไม่พ น้ ซ งึ่ ค วามตาย รวย หรือจ นกต็ อ้ งมว้ ยกลายเป็นผ ี มีช วี ติ อ ยูจ่ ง หมั่นสร้างคุณงามความดี ตายไปแล้วจะ ได้มีความดีติดตัวไป ’ “ชี วิ ต ผ มเ อาแ ค่ 4 ประโยคนี้ คนเราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ จะอยู่ถึง ชั่วโมงหน้า เดือนหน้า ปีหน้า เราก็ไม่รู้ แค่นั้นเอง ชีวิตนี้ผมไม่ได้ปิดบังอะไรใคร สมบัติผมก็ให้เมียเก็บ” เขาบอก ก่อนจากกันในเย็นวันนั้น ปรีชา บอกว่า “พรุง่ น เ้ี ช้า ผมจะมาเก็บอ ฐั ”ิ ปรีชายม้ิ ซึ่งเราเข้าใจว่าเขากำลังชวน
ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับพิธีกรรมงานศพในกรุงเทพมหานครหรือสัปเหร่อ จะมีการจัดตั้ง หน่วยงานเป็น ‘สำนักงานฌาปนสถาน’ ภายในวัดที่พวกเขาทำงานอยู่ ดังนี้ 01 หัวหน้าสำนักงานฌาปนสถาน หน้าที่: จัดการรับศพ จัดค่าใช้จ่าย กำกับดูแลความเรียบร้อยของงานศพ 02 เจ้าหน้าที่ศาลา หน้าที:่ จัดเตรียมสถานทที่ ำความสะอาด อำนวยความสะดวกแก่เจ้าภ าพและผรู้ ว่ ม พิธี ทำหน้าที่อาราธนาและนำสวดพระอภิธรรม 03 สัปเหร่อ หน้าที่: ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ศาลา แต่เน้นจัดการศพโดยตรง ตั้งแต่รับศพเข้า ศาลา รดน้ำศพ บรรจุศพในโลง เผาศพ
20
Cut it out (เปลี่ยนเถอะ!)
same same
21
TAX
TAX
but different
22
สัมภาษณ์
อภิรดา มีเดช
คน
ไทยสว่ นใหญ่ม กั ร ะคายหกู บั ค ำวา่ ‘สองมาตรฐาน’ แต่เชื่อไหมว่า ระบบหลักประกันสุขภาพคนไทย อย่างนอ้ ยๆ ก็ม ี 3 มาตรฐานเข้าไปแล้ว ได้แก่ สวัสดิการรกั ษา พยาบาลขา้ ราชการและครอบครัว ระบบประกันส งั คม ระบบ หลักป ระกันส ขุ ภาพถว้ นหน้า นอกจากนี้ ยังม รี ะบบอนื่ ๆ เช่น บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ส.ส. ส.ว. ตั้งแต่ต้นปี 2554 เป็นต้นมา ระบบประกันสังคมกลับ มาเป็นประเด็นในสังคมอีกครั้ง เมื่อมีการเผยแพร่รายงาน วิจัย เรื่อง การจัดทำข้อเสนอทางเลือกและรูปแบบบริหาร จัดการสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลของระบบประกัน สังคมในอนาคต โดย นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการ ด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข และรองสาธารณสุขจังหวัด หนองบัวลำภู เป็นงานวิจัยที่นำข้อมูลชั้นต้น อาทิ งบประมาณด้าน สาธารณสุขของรัฐบาล ค่าใช้จ่ายต่อหัว สิทธิประโยชน์ของ ทุกระบบ มาวิเคราะห์ร่วมกัน โดยมุ่งเน้นไปที่การเทียบเคียง ระหว่าง 2 ระบบหลัก คือ ประกันสังคม กับ หลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้า ทำให้เกิดการตั้งคำถามต่อรัฐบาลและ ผ เู้ กีย่ วข้องวา่ ถึงเวลาปฏิรปู ร ะบบหลักป ระกันส ขุ ภาพคนไทย ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันแล้วหรือยัง 9 เดือนผ่านไป สถานการณ์ยังไม่คืบ เจ้าของงานวิจัย คนเดิมกลับมาอีกครั้ง พร้อมตอบคำถามในทุกประเด็น ว่า ทำไมหลักประกันสุขภาพของคนไทยจึงได้มีความ ‘เหลื่อม ล้ำ’ กันถึงขนาดนี้
ระบบสขุ ภาพ มาตรฐานเดียวทวั่ ไทย
เป็นไปได้!
23 ทำไมประเทศไทยต้องมีระบบประกันส ุขภาพ หลายแบบ ต้องอธิบายก่อนว่า ประเทศไทย มีระบบหลักประกันสุขภาพสำหรับการ ดูแลประชาชนไทยอยู่ 3 ระบบใหญ่ๆ คือ สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและ ครอบครัว ต่อม าในปี 2533 ก็ม กี ฎหมาย ประกันสังคมสำหรับการดูแลลูกจ้าง ซึ่ง ตามกฎหมายกำหนดว่าผู้ที่จะได้รับสิทธิ ประกันส งั คม ต้องเป็นค นทำงาน แต่ค วาม พิเศษของระบบประกันสังคมคือมีสิทธิ ประโยชน์เกี่ยวกับความมั่นคงของชีวิต ที่มากกว่าเรื่องของสุขภาพ คือ บำนาญ ยามเกษียณ การวา่ งงาน เป็นต้น และรวม เรื่องสิทธิการรักษาพยาบาลไว้ด้วย ซึ่งจากตรงนี้จะเห็นได้ว่า คนไทย ที่เหลือและยังไม่เข้าสู่ระบบหลักประกัน สุขภาพใดๆ เลย คือ คนไทยที่ทำงานใน ภาคเกษตรกรรม พวกแรงงานนอกระบบ ทั้งหลาย หาบเร่ แผงลอย จึงกลายเป็น ที่มาของนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ของรฐั บาลยคุ ป ี 2544 ซึง่ ร ะบบนรี้ จู้ กั ก นั ว่าคือบัตรทอง จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า พอมีบัตร ทอง คนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ ซึ่งก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานแล้ว แต่ก็ยังมี ความเหลื่อมล้ำ คือ ต้องถามอีกว่า คุณ อยู่ระบบประกันสุขภาพไหน ที่นี้ปัญหา คือ ระหว่างบตั รทองกบั ป ระกันส งั คม คน ส่วนใหญ่จะคิดว่าประกันสังคมดีกว่าเป็น บริการชั้น 2 ส่วนบัตรทองเป็นบริการชั้น 3 และแน่นอนสวัสดิการข้าราชการเป็น บริการชั้น 1 แต่พอทำไปทำมา ผลจากการวิจัย ชี้ให้เห็นว่า ที่สังคมคิดแบบนั้นมันไม่จริง ผลการเปรียบเทียบปรากฏวา่ ส ทิ ธิป ระโยชน์ ของประกันสังคมด้อยกว่าบัตรทอง สปส. (สำนักงานประกันสังคม) พยายามออก มาปฏิเสธ แต่การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ ช่วง 8-9 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ผม เปิดเผยผลการวิจัยเมื่อต้นปี มันสะท้อน ว่าประกันสังคมยอมรับว่าด้อยกว่า แล้ว สิทธิประโยชน์ที่ปรับปรุง ก็เป็นเรื่องที่ ด้ อ ยก ว่ า บั ต รท องทั้ ง นั้ น ทั้ ง เ รื่ อ งก าร จัดการโรคค่าใช้จ่ายสูง ไต เอดส์ การ เจ็บป่วยฉุกเฉิน ทันตกรรม เป็นต้น ทั้งที่บริการสุขภาพและสาธารณสุขควรเป็น สวัสดิการขั้นพื้นฐ านของประชาชนทุกคน แต่ทำไมสิทธิประโยชน์จ ึงมคี วามเหลื่อมล้ำ แตกต่างกันมากขนาดนั้น ปั ญ หาส ำคั ญ ข องป ระกั น สั ง คม คือ ในจำนวน 3 ระบบรักษาพยาบาล นั้น ประกันสังคมเป็นกลุ่มเดียวที่ยังต้อง จ่ายสมทบสำหรับส ทิ ธิก ารรกั ษาพยาบาล ให้กับตัวเอง ขณะที่กลุ่มอื่นรัฐบาลจ่าย ให้หมด จึงเกิดเป็นที่มาของคำถามว่า ทำไมต้ อ งจ่ า ย และเมื่ อจ่ า ยแล้วยังได้ ของไม่มีคุณภาพ ได้สิทธิประโยชน์การ
รั ก ษาพ ยาบาลที่ ด้ อ ยก ว่ า บั ต รท องซึ่ ง ไม่ต้องจ่าย ที่นี้พอเข้าสู่ ค ำถามว่ า ทำไมถึ ง แตกต่ า งกั น ถ้ า ย้ อ นดู เ ราก็ จ ะเ ห็ นว่ า เพราะป รั ช ญาข องป ระกั น สั ง คมแ ละ บัตรทองตา่ งกนั ประกันส งั คมทำหลายเรือ่ ง คือเป็นเรือ่ งของความมนั่ คงของชวี ติ และ มีเรื่องสุขภาพในนั้นด้วย แต่บัตรทองทำ เรื่องเดียว คือ หลักประกันสุขภาพของ ประชาชน ทีน่ ปี้ ระกันส งั คมเขาเป็นกองทนุ ท มี่ ี เงินส มทบ 3 ฝ่าย ลูกจ้าง นายจ้าง รัฐบาล จึงต้องมีเงินเหลือเพื่อสิทธิประโยชน์อื่น ด้วย ไม่สามารถให้ความสำคัญกับเรื่อง ของสุขภาพได้อย่างเดียว คือ ปรัชญามัน สวนทางกัน ถ้าจะพัฒนาสิทธิประโยชน์ สุขภาพให้มีคุณภาพ ประกันสังคมจะมี ความเสี่ยงกับเรื่องของเงินกองทุนที่อาจ จะไม่พอจ่ายประกันว่างงาน ชราภาพ ได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีข้อเสนอจากภาค ประชาชนว่า ยกเรื่องสุขภาพออกจาก ประกันสังคม และให้ประกันสังคมเต็มที่
สังคม ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องคิด เรื่องความมั่นคงระยะยาว เราจึงเห็นว่า มติของคณะกรรมการการแพทย์ สปส. หลายประการที่ไม่ผ่านคณะกรรมการ ประกันสังคม เพราะเขากังวลเรื่องความ มั่นคงของกองทุน ขณะเดียวกันรูปแบบของ สปส. เป็นระบบราชการ การบริหารจัดการไม่ คล่องตัวเหมือน สปสช. ที่เป็นองค์กร อิ ส ระ และป ระกั น สั ง คมก็ ยั ง ข าดก าร มีส่วนร่วมจากผู้ประกันตนด้วย ทำให้ การพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับความ ต้องการผู้ประกันตนเกิดขึ้นยาก ต่างจาก สปสช. ที่กรรมการมาจากหลายภาคส่วน เป็นการบังคับหรือเปล่าว่าหากเป็นแรงงาน ในระบบต้องใช้ป ระกันสังคม เพราะถ้าห าก เราเห็นว่าประกันสังคมด้อยกว่า สามารถ หยุดการจ่ายสมทบแล้วมาใช้ส ิทธิบัตรทอง แทนได้หรือไม่ อย่ า งที่ บ อกว่ า แ ต่ ล ะร ะบบ สวั ส ดิ ก ารรั ก ษาพ ยาบาลมี ก ฎหมาย รองรับแตกต่างกัน เราจึงไม่สามารถย้าย
ประกันสังคมเป็นกลุ่มเดียวที่ยัง ต้องจ่ายสมทบสำหรับสิทธิการรักษา พยาบาลให้กับตัวเอง ขณะที่กลุ่มอื่น รัฐบาลจา่ ยให้ห มด จึงเกิดเป็นท มี่ าของ คำถามว่า ทำไมต้องจ่าย กับสวัสดิการสังคมด้านอื่นๆ จะดีกว่า แนวคิดของกองทุนที่สวนทางกัน ส่งผลอย่างไรกับการบริหารจัดการ ทั้งของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งช าติ (สปสช.) มีผลอย่างมาก สปสช. ทำเรื่อง สุขภาพเรื่องเดียวมีบุคลากรที่รับผิดชอบ ด้านนกี้ ว่า 700 คน มีแ พทย์เกือบ 60 คน ทัง้ นีย้ งั ไม่ร วมทนั ตแพทย์ เภสัชกร สหวชิ า ชีพ อืน่ ๆ อีก ขณะที่ สปส. มีบคุ ลากรทดี่ แู ล เรื่องสุขภาพ 20 กว่าคน มีแพทย์เพียง คนเดียว ไม่มีเภสัชกร ไม่มีทันตแพทย์ สหวิชาชีพอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญกว่านั้น คือ การเพิ่มสิทธิ ประโยชน์บัตรทองเป็นไปเพื่อคุณภาพ และการเข้าถึงบริการของประชาชน แต่ สปส. ถึงแ ม้จ ะรวู้ า่ เพิม่ ส ทิ ธิป ระโยชน์ต รงนี้ แล้วผู้ประกันตนจะได้ประโยชน์ แต่ถ้า การเพิ่มไปกระทบกับเงินกองทุนประกัน
สิทธิ์ได้ ถ้าคุณทำงานในระบบ คุณก็ยัง ต้องใช้ประกันสังคม จะมาใช้สิทธิบัตร ทองไม่ได้ กฎหมายกำหนดไว้ มันถึงได้มี ปรากฏการณ์ที่คนเลือกที่จะไม่ทำงานใน ระบบ เพราะไม่ต้องการใช้สิทธิประกัน สั ง คม เนื่ อ งจากถ้ า เ ขาไ ปอ ยู่ ใ นร ะบบ ประกันสังคมเขาจะไม่ได้รับสิทธิรักษา พยาบาลที่เคยได้ เคยมกี รณีต วั อย่าง ผูป้ ว่ ยโรคไตวาย เรื้อรังที่เปลี่ยนไตช่วงที่เป็นนักศึกษา ซึ่ง ตอนนั้นเขาใช้สิทธิบัตรทอง แต่ถ้าเขา ทำงานจ ะต้ อ งม าใ ช้ สิ ท ธิ ป ระกั น สั ง คม แต่ประเด็นสำคัญคือ ถ้าใช้สิทธิประกัน สังคมเขาจะไม่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่ง มีค่าใช้จ่ายเดือนละหมื่นสองหมื่นบาท เพราะสิทธิประโยชน์ประกันสังคมจะไม่ ให้สิทธิกับผู้ป่วยไตวายที่ป่วยก่อนมาเป็น ผู้ประกันตน แต่ถ้าเป็นบัตรทองเขาได้รับ ผลก็ คื อ มี ห ลายค นที่ ต้ อ งเลื อ กชี วิ ต ที่ ไม่ ไ ด้ ท ำงานใ นร ะบบ อยู่ น อกร ะบบ
รับจ้าง เพียงเพือ่ ไม่ให้ม สี ทิ ธิป ระกันส งั คม เพราะแบกรับค่ายาเองไม่ไหว ดังน นั้ สิง่ เดียวทจี่ ะทำได้ค อื ต อ้ งแก้ กฎหมายเท่านั้น โรงพยาบาลที่ผู้ป่วยใช้สิทธิประกันสังคมก็ได้ งบประมาณรายหัวไปค่อนข้างมาก แต่ทำไม หลายๆ กรณี โรงพยาบาลดูไม่ค่อยอยาก รักษาโรคที่มคี ่าใช้จ่ายแพงๆ เป็ น เ พราะวิ ธี ก ารจ่ า ยเ งิ น ข อง ระบบประกันสังคมที่ให้แก่โรงพยาบาล เนื่องจากประกันสังคมจ่ายเงินแบบเหมา จ่ายรายหัวไปที่โรงพยาบาล คือ เงินเข้า กระเป๋าโรงพยาบาลไปเลย โรงพยาบาล ก็ม แี รงจงู ใจทจี่ ะประหยัด เพือ่ ให้ต วั เองได้ กำไรสงู สุด ยิง่ ป ระหยัดค า่ ใช้จ า่ ยเท่าไหร่ ก็ ยิ่งกำไร เขาก็เลยมีแนวโน้มที่จะพยายาม ประหยัดอยู่แล้ว ดังนั้น การรักษาโรคที่มี ค่าใช้จ่ายแพงๆ หรือหากจำเป็นต้องส่ง ต่อไปรักษาที่อื่น ซึ่งเขาต้องไปตามจ่าย เช่น ต้องส่งไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เขาก็จะไม่พยายามทำ ถ้าผู้ประกันตน ทนไม่ไหว ปีห น้าก จ็ ะไปเลือกโรงพยาบาล อื่นแทน ส่วนวิธีจ่ายเงินของบัตรทอง ใช้ วิธีผสมผสาน กรณีผู้ป่วยใน สปสช. จะ จ่ายให้โรงพยาบาลก็ต่อเมื่อโรงพยาบาล รักษาคนไข้แล้วจึงจะจ่าย ฉะนั้น ก็จะมี แรงจงู ใจให้โรงพยาบาลตอ้ งแอดมิทค นไข้ จึงจะได้สตางค์ วิ ธี ก ารจ่ า ยเ งิ น ก็ เ ป็ น ส่ ว นห นึ่ ง ที่ ท ำให้ คุ ณ ภาพใ นก ารรั ก ษาพ ยาบาล แตกต่างกัน นอกจากนั้น ในกรณียาราคา แพง ทาง สปสช. ก็แยกเป็น ‘กองทุนยา’ ออกมาตา่ งหาก เพือ่ จ า่ ยยาราคาแพงตรง ไปทโี่ รงพยาบาล ก็เป็นร ปู แ บบการบริหาร จัดการที่มีประสิทธิภาพ แท้จริงแล้วต้นตอของปัญหาทั้งหมดอยูท่ ี่ เรื่อง ‘วิธกี ารจ่ายเงินให้โรงพยาบาล’? วิธีการจ่ายเงินเป็นส่วนหนึ่งของ ปัญหาที่มาจากกรอบแนวคิดที่ขัดแย้งกัน ถ้าจะดูแลสุขภาพให้มีประสิทธิภาพคุณ ต้องคิดเรื่องความมั่นคงของกองทุนเป็น เรื่องรอง ซึ่งก็ไม่สามารถทำได้ เพราะ ประกันสังคมใช้เงินจากลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐ ที่ต้องบริหารจัดการ เอาไว้จ่ายให้ ลูกจ้างตอนเกษียณ ลองคดิ ด วู า่ ในขณะทสี่ ทิ ธิป ระโยชน์ สุขภาพยงั ด อ้ ยกว่า ในสภาพที่ สปส. ยังท ำ เรื่องสุขภาพได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าไหร่ นักว ชิ าการหลายคนกอ็ อกมาเตือนวา่ เงิน กองทุนประกันสังคมจะหมด ในอนาคต จะมีเงินไม่พอจ่ายบำนาญชราภาพ จน ต้องมขี อ้ เสนอแก้ป ญ ั หา ทัง้ ก ารขยายอายุ เกษียณจาก 60 ปี เป็น 65 ปี หรือเพิ่ม อัตราการสมทบ ซึง่ ก ระทบถงึ ผ ปู้ ระกันต น ทั้งนั้น วิธีที่จัดการได้ คือ นำเรื่องสุขภาพ ออกจากประกันสังคม แต่ สปส. กลับ
24 ไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่ละปี สปส. จ่ายเงิน เรื่องสุขภาพปีละ 2.2 หมื่นล้านบาท ถ้า ไม่ต้องจ่าย ส่วนนี้ให้รัฐบาลรับผิดชอบ สปส. จะเหลือเงินอีกมาก และถ้าเอาไป เพิ่มบำนาญชราภาพ จะมีประโยชน์กับ ผู้ประกันตนมากกว่า ภาวะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คือ จะเอา หมดทุกอย่าง เลยทำได้ไม่ดีสักอย่าง มีทางเป็นไปได้ไหม ทีป่ ระกันสังคมจะเป็น เรื่องของการออมเพื่อวัยช รา ส่วนถ้าป ่วยก็ มีสวัสดิการบัตรทองรองรับ เป็นไปได้ ซึ่งนั่นคือทิศทางที่ควร จะเป็นอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับฝ่าย นโยบาย ฝ่ายการเมือง และผปู้ ระกันต นวา่ ต้องการอย่างไร ในฐานะนักวิชาการ ผม ทำข้อมูลเชิงวิชาการตามบทบาทหน้าที่ ของเรา ชี้ให้เห็นจุดอ่อน จุดแข็ง ส่วนการ ตัดสินใจขึ้นกับผู้ประกันตนเอง เหมือนที่บอกไป แต่ละปีประกัน สั ง คมจ่ า ยเ งิ น เ หมาจ่ า ยร ายหั ว ใ ห้ โรงพยาบาลปีละ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ลองคิ ด ดู ว่ า ถ้ า ป ล่ อ ยเ รื่ อ งสุ ข ภาพใ ห้ รั ฐ บาลดู แ ล มี ก ฎหมายห ลั ก ป ระกั น สุขภาพถว้ นหน้าใช้ สปส. จะประหยัดเงิน ได้มากแค่ไหน อยากทราบว่าผ ู้ประกันตนมีสิทธิมีเสียงที่ จะเรียกร้องให้เพิ่มส ิทธิประโยชน์ก ารรักษา พยาบาลตามมติคณะกรรมการประกัน สังคมดังกล่าวได้อย่างไร ตัง้ แต่เริม่ พ ดู ถ งึ เรือ่ งสทิ ธิป ระโยชน์ ก็มีเสียงเรียกร้องจากหลายส่วน ทั้งทาง ด้านผู้ประกันตนเอง ที่อยู่ในนามชมรม พิทักษ์ส ิทธิผู้ประกันตน เข้าใจว่าเป็นการ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 21 ปี ของประกันสังคม ที่มีการปรับปรุง เรื่องสิทธิประโยชน์ ซึ่งไม่เคยมีการปรับ เปลี่ยนอย่างนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรก ที่ป ระกั นสัง คมถู กตั้ง คำถามเรื่องสิทธิ ประโยชน์ม ากขนึ้ และเป็นค รัง้ แ รกที่ สปส. ต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสิทธิ ประโยชน์รักษาพยาบาลมากขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม คำถามที่ว่า เขา จะดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากกว่า เดิมได้อย่างไร ในเมื่อกำลังคนยังเป็น อย่างนี้ แล้วเขายังเป็นระบบราชการ ก็ยัง เป็นโจทย์ที่ทุกคนต้องติดตาม ถามวา่ จ ะเรียกรอ้ งอะไรได้ไหม ผม ว่า ประกันสังคมเองต้องปรับโครงสร้าง ใหญ่ ทั้ ง หมด ต้ อ งป ฏิ รู ป ทั้ ง หมด ต้ อ ง เป็นองค์กรอิสระ ส่วนผู้ประกันตนเอง เนื่ อ งจากไ ม่ ค่ อ ยไ ด้ ใ ช้ บ ริ ก ารจึ ง ท ำให้ ส่วนหนึง่ ไม่ส นใจ แต่ถ า้ ล องทบทวนสกั น ดิ จะตระหนักได้เองวา่ คุณก ำลังถ กู เอาเปรียบ อยู่นะ คุณเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องจ่าย แถม ได้ของไม่ดีอีก หมายถึงปรับโครงสร้างภายในทั้งหมดของ ประกันสังคมเลยใช่ไหม ใช่...ต้องปรับใหม่ทั้งหมด ไล่มา
ถ้าคุณทำงานในระบบ คุณก็ยังต้องใช้ประกันสังคม จะมาใช้สิทธิบัตรทองไม่ได้ กฎหมายกำหนดไว้ มันถึงได้มี ปรากฏการณ์ที่คนเลือกที่จะไม่ทำงานในระบบ เพราะไม่ ต้องการใช้สิทธิประกันสังคม เนื่องจากถ้าเขาไปอยู่ในระบบ ประกันสังคมเขาจะไม่ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลที่เคยได้ ตั้งแต่กรอบแนวคิด ปรัชญาของกองทุน จะทำอย่างไร ทำทั้ง 2 อย่างไหวไหม ทำได้ห รือเปล่า ถ้าไม่ไหว...ต้องทำอย่างไร จนมาถึงการเป็นองค์กรอิสระ ต้องเพิ่ม กำลั ง ค น จาก 20 คน ให้ เ ท่ า ๆ กั บ ทาง สปสช. อาจต้องเพิ่มทั้งปริมาณและ คุณภาพ จึงจะสามารถทำงานได้เท่ากับ สปสช. หรือไม่ก็ยกด้านระบบสุขภาพให้ สปสช. บริหารจัดการแทน ข้อเสนอใน ส่วนของผมก็คือ สปส. ต้องทำตัวเองให้ เป็นองค์กรอิสระ ต้องปฏิรูปตัวเอง เพื่อ ให้การบริหารงานมีความคล่องตัว สร้าง การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และการ ตรวจสอบติดตามควบคุมคุณภาพ สรุปว่า แนวทางแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่า เทียมกันของสิทธิ์ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ สปส. หรือไม่ก็ สปสช. เท่านั้นหรือเปล่า สปส. และ สปสช. 2 หน่วยงานนี้ เป็ น ห น่ ว ยง านร ะดั บ ป ฏิ บั ติ ง าน ไม่ ใ ช่ ฝ่ายที่ควบคุมกำกับนโยบาย เรื่องนี้ต้อง แก้ ที่ ร ะดั บ น โยบาย ต้ อ งแ ก้ ก ฎหมาย รัฐบาลที่ผ่านมาไม่สนใจปัญหานี้ ต้องรอ ดูว่ารัฐบาลนี้จะให้ความสำคัญกับการแก้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำและไม่เป็นธรรมนี้ ได้หรือไม่ ซึ่งการจะทำให้ฝ่ายการเมืองที่ คุมนโยบายใส่ใจและตระหนักปัญหานี้ ก็ อยู่ที่ภาคประชาชนว่าจะร่วมกัน ผลักดัน ได้มากน้อยแค่ไหน ในมุมมองของผู้ประกันตน ที่ตั้งค ำถามว่า “ทำไมต้องจ่าย?” อยากทราบสถานการณ์ ว่าตอนนเี้คลื่อนไปถึงไหนแล้ว หลังจ ากทเี่ ปิดเผยผลการวจิ ยั ส่วน หนึ่งสังคมตระหนักว่ามันมีความเหลื่อม ล้ำและไม่เป็นธรรมอยู่ ผู้ประกันตนที่ ประสบความทุกข์จากการใช้บริการ เขา ก็เริ่มตั้งคำถามว่าทำไมต้องจ่าย และคิด ว่ามันควรจะเท่าเทียมกับระบบอื่น แต่ก็ มีบ างสว่ นทยี่ งั ร สู้ กึ พ อใจกบั ร ะบบประกัน สังคมทเี่ ป็นอ ยูใ่ นปจั จุบนั ซึง่ ค วามคดิ เห็น แตกต่างเป็นเรื่องธรรมดานะ ในเรื่องนี้ผู้ประกันตนเป็น ผู้มีส่วน ได้เสียโดยตรง หน้าที่ของผมในฐานะ นักวิชาการคือทำงานวิชาการ ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันเป็นจุดอ่อนอย่างไร และ ค วรจะพฒ ั นาไปในทศิ ทางไหน ซึง่ ท ผ่ี า่ นมา
25 ผมถอื ว่าป ระสบความสำเร็จพ อสมควร ใน แง่ที่ว่าสามารถส่งผลให้ สปส. ตื่นตัวที่จะ พัฒนาสิทธิประโยชน์ให้เท่ากับบัตรทอง คือ 21 ปีที่ผ่านมา ก็มีปีนี้แหละที่มีการ ปรับชุดสิทธิป ระโยชน์มากที่สุด มีความเป็นไปได้ของการยุบรวมเหลือร ะบบ เดียวหรือไม่ ที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดกับเรื่อง รวมกองทุนนี้มาก ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า รวมป ระกั น สั ง คมเข้ า กั บ บั ต รท องเพื่ อ ต้องการเอาเงินของประกันสังคมไปอุ้ม บัตรทอง ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน ทาง วิชาการเป็นไปไม่ได้ เงินกองทุนประกัน สังคมมาจากการสมทบของผู้ประกันตน ก็ต้องเก็บไว้ใช้เรื่องความมั่นคงของชีวิต แต่ท ศิ ทางทปี่ ระเทศไทยควรมงุ่ ไปเหมือน ที่ต่างประเทศทำมาแล้ว คือการทำให้ ระบบสุขภาพเป็นมาตรฐานเดียว การ จัดการแบบเดียวกัน ‘รวม’ ในทนี่ ี้ หมายถงึ การรวมเรื่องรักษาพยาบาลเท่านั้น เรื่อง ชราภาพ ว่างงาน กองทุนประกันสังคม ก็ดูแลต่อไป แต่ ปั ญ หาทุ ก วั น นี้ ม าจ ากร ะบบ สุขภาพหลายมาตรฐาน ซึ่งไม่เป็นธรรม ทำไมค นไ ทยต้ อ งถู ก แ บ่ ง ว่ า ถ้ า เ ป็ น ข้าราชการรักษาแบบนี้นะ เป็นลูกจ้าง รักษาแบบนี้ หรือเป็นชาวนาต้องได้รับ การรักษาแบบนี้ การรักษาพยาบาลต้อง มีม าตรฐานเดียว เพราะเป็นเรือ่ งของชวี ติ ทุกป ระเทศทดี่ ำเนินก ารเรือ่ งหลักป ระกัน สุขภาพ เดิมก ม็ หี ลายกองทุนแ บบบา้ นเรา แต่เมื่อปัญหามีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เดินหน้า จนมีกองทุนรักษาพยาบาลกองทุนเดียว ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีอำนาจ ต่อรอง ไม่เหลื่อมล้ำ มีความเท่าเทียม เป็ น ธ รรม ซึ่ ง จ ะท ำให้ มี คุ ณ ภาพ การ บริหารจัดการมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลงได้มาก คุณหมอคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่ ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ ‘เข้าไม่ถึง’ ข้อมูล หรือเปล่า ประเด็นไม่ได้อ ยูท่ กี่ ารเข้าถ งึ ข อ้ มูล ยาก การเข้าถ งึ ข อ้ มูลป ระกันส งั คมยากน่ะ ใช่ แถมยงั เป็นข อ้ มูลในเชิงเทคนิคอ กี และ ช่องทางการให้ข้อมูลความรู้ของประกัน สังคมต่อผู้ประกันตนก็มีน้อยมาก ช่อง ทางรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ มีปัญหา มาก แต่ถ งึ แ ม้ข อ้ มูลก ารบริหารจดั การของ ประกันสังคมจะเป็นเรื่องเทคนิค ที่อาจ ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น เพราะ ในแง่ทฤษฎีแ ล้ว สินค้าสุขภาพมีลักษณะ ที่ข้อมูลไม่สมมาตร (Asymmetric information) คนไข้หรือประชาชนทั่วไปไม่รู้ เท่าบ ุคลากรทางการแพทย์ แต่นั่นก็ไม่ใช่ ประเด็นที่ทำให้การแก้ไปปัญหาความ เหลื่อมล้ำยังไม่ไปถึงไหนเสียที ประเด็นของปัญหาความไม่เป็น ธรรมครั้งนี้จริงๆ คือ เรื่องกรอบแนวคิด
ของกองทุนประกันสังคมเอง ความมั่นคง ของกองทุ น กั บ ก ารพั ฒนาส วั ส ดิ ก าร สุขภาพมันรวมอยู่ด้วยกันไม่ได้ นอกจากนั้ น ก็ เ ป็ น แ รงต้ า นจ าก บางส่ ว นที่ ไ ม่ อ ยากจั ด การสิ่ ง เ หล่ า นี้ มันมีแรงต้านอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะเขา ยังไม่รู้ หรืออาจเป็นเพราะผลประโยชน์ มันเยอะก็ได้ ข้อเสนออย่างแรกสำหรับประกันสังคมคือ ออกนอกระบบก่อนเลยใช่ไหม แต่อ อกนอกระบบอย่างเดียวไม่พ อ บอร์ดบ ริหารกต็ อ้ งปรับด ว้ ย จริงๆ ก็ม อี กี หลายอย่าง ตามที่เราเก็บข้อมูลมา ซึ่ง เรือ่ งพวกนเี้ ป็นค วามเปลีย่ นแปลงทสี่ ำคัญ สปส. ก็อ าจจะไม่ย อมกนั ง า่ ยๆ โดยเฉพาะ ถ้าจะปรับจากราชการเป็นองค์กรอิสระ ปรับโครงสร้างสดั ส่วนของกรรมการ สปส. ใหม่ เรื่องพวกนี้มีแรงต้านอยู่แล้ว เป็น ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง แต่ต้อง ถามวา่ เป้าห มายของการเปลีย่ นแปลงคอื อะไร ทำเพื่อใคร ในส่วนของผู้นำแรงงานเองก็ยัง
หนึ่งเดียว คิดว่า อำนาจการต่อรองจะสูง ขึน้ ซึง่ ก ต็ อ้ งยอมรับว า่ บัตรทองมจี ดุ อ อ่ น เรื่องโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งก็ต้องพัฒนา กันต่อไป แต่ที่สำคัญต้องมองเชิงระบบ หากคิดแต่เฉพาะหน้า ขอให้ได้ประโยชน์ ทีต่ นเองพอใจเฉพาะหน้า ก็ไม่มที างไปถงึ ไหน โอกาสแก้ไขให้ดีขึ้นก็ไม่มี เหตุใด ประกันสังคมต้องมีเงื่อนไขในการ คุ้มครอง อาทิ จะได้รับสิทธิประโยชน์ก รณี เจ็บปว่ ย ต้องสมทบเงินไม่นอ้ ยกว่า 3 เดือน หรือก รณีคลอดบุตร ส่งเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 7 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนคลอด แต่ห ลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า คุ้มครองทันทีที่ลงทะเบียน จริ ง ๆ มั น ไ ม่ ค วรมี เพราะสิ ท ธิ การรักษาพยาบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ คนไทยทกุ ค นควรได้ร บั เงือ่ นไขเหล่าน ถี้ กู กำหนดมาตงั้ แต่ 21 ปีท แี่ ล้ว ตัง้ แต่ย งั ไม่มี ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าใจว่า ประกันส งั คมเกรงวา่ ก องทุนจ ะมเี งินไม่พ อ เพราะมีคนที่จะพยายามขอใช้สิทธิ์เยอะ ปัจจุบันบริบทต่างๆเปลี่ยนไปหมดแล้ว
ปัญหาทกุ ว นั น มี้ าจากระบบสขุ ภาพ หลายมาตรฐาน ซึ่งไม่เป็นธรรม ทำไม คนไทยต้องถูกแบ่งว่า ถ้าเป็นข้าราชการ รักษาแบบนี้นะ เป็นลูกจ้างรักษาแบบนี้ หรือเป็นช าวนาตอ้ งได้ร บั ก ารรกั ษาแบบนี้ การรักษาพยาบาลต้องมีมาตรฐานเดียว เพราะเป็นเรื่องของชีวิต ยากอยู่ เพราะอยากใช้โรงพยาบาลเอกชน เขาเ ข้ า ใจว่ า พออ ยู่ บั ต รท องแ ล้ ว จ ะ ไม่ได้ใช้โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมันไม่เกี่ยว ตอนนี้ สปสช. เขามีโรงพยาบาลเอกชน อยู่จำนวนหนึ่ง แต่ยังน้อย สาเหตุที่น้อย ก็เพราะโรงพยาบาลเอกชนกเ็ ลือกทจี่ ะรบั ผู้ประกันตนเป็นหลัก เพราะเป็นคนที่ไม่ ป่วย แล้วก ไ็ ด้เงินเหมาจา่ ยรายหวั ถ้าห าก เขาเลือกได้ เขาก็อยากรับผู้ประกันตน มากกว่า เพราะได้เงินมากกว่า แต่เมื่อถึง การรักษาในโรคที่ยากขึ้นเขาก็ต้องส่งต่อ ไปโรงพยาบาลรัฐอยู่ดี เพราะเครื่องมือ มากกว่า ส่วนบัตรทองต้องดูแลเด็กและ คนแก่ ซึ่งเจ็บป่วยง่ายอยู่แล้ว เพราะ ฉะนั้น บัตรทองโรงพยาบาลเอกชนจะ เข้าร่วมน้อยกว่า แต่เมือ่ ใดทเี่ รารวมระบบเข้าม าเป็น
แต่ สปส. ยังเหมือนเดิม ควรจะคุ้มครอง ทันทีท เี่ ป็นผ ปู้ ระกันต น เงือ่ นไขพวกนคี้ วร ยกเลิกได้แล้ว ยกตั ว อย่ า งก รณี ค ลอดบุ ต ร ไป คลอดที่ไหนก็ได้ จะได้ 13,000 บาท ซึ่งผมก็ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องให้ ผ ปู้ ระกันต นจา่ ย 13,000 เพราะจริงๆ ถ้า คลอดปกติไม่ได้ ต้องผ่าคลอด 13,000 นี่ ก็ ไ ม่ พ อ มั น เ ป็ น แ สนอ ยู่ แ ล้ ว ก็ ต้ อ ง ค วั ก เ นื้ อ ซึ่ ง ก็ มี ค นป ระมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ทีต่ อ้ งทำ ฉะนัน้ จะมผี ปู้ ระกัน ตนเป็นห มืน่ ๆ คนทคี่ ลอดลกู ท กี จ็ ะเจ๊งเลย ถ้าโดนซีซาร์ (ผ่าคลอด) เข้าไป สิ่งที่เราเสนอก็คือ ถ้าให้รัฐบาล เป็น ผู้ดูแล เช่นเดียวกับคนไทยคนอื่นๆ ค่าคลอดคุณก็ไม่ต้องจ่าย ค่าซีซาร์ ก็ไม่ ต้องเสีย แล้วคุณก็เอาเงิน 13,000 อาจ
จะไปจา่ ยเป็นค า่ ห อ้ งพเิ ศษ หรือจ ะเก็บไว้ เลีย้ งลกู ซึง่ ม นั ส ามารถทำให้ด กี ว่าน ไี้ ด้ แต่ ประกันส งั คมเขากไ็ ม่ได้ค ดิ ท จี่ ะทำ เพราะ ประกันสังคมเองก็มีหลักคิดอยู่ คือเขา ไม่ได้ดูเรื่องสิทธิประโยชน์ หรือการรักษา พยาบาลเป็นหลัก เขาดูเรื่องกองทุนเป็น สำคัญ ขอให้กองทุนนี้ไม่เจ๊ง ดังนั้นสิทธิ ประโยชน์ต่างๆ ก็จะเพิ่มได้ยาก เพราะ การเพิม่ ส ทิ ธิป ระโยชน์แ ต่ละครัง้ ก็เท่ากับ เพิ่มเม็ดเงินที่ต้องเสียด้วย ฉะนั้น วิธีคิดแบบนี้ มันไม่มีทาง ทำให้ดีได้หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่า รักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกวัน มีเทคโนโลยี ใหม่ ๆ เข้ า ม าทุ กวั น คุ ณ ไ ม่ มี ท างเ ลย คุณพยายามมุ่งว่าไม่ให้เงินคุณออกไป คุณก็จะต้องจ่ายให้น้อยที่สุด คุณก็ไม่มี ทางแข่งกับบัตรทองได้ เพราะบัตรทอง มุ่งไปที่พัฒนาสิทธิรักษาพยาบาลให้มี ประสิทธิภาพ ในอนาคต ยังไงประกัน สังคมก็จะต้องด้อยกว่าไปเรื่อยๆ แนวทางแก้ปัญหาทนี่ ่าจะทำได้เร็วที่สุด นอกจากปรับเพิ่มสิทธิ คืออะไร ในเรื่องสิทธิรักษาพยาบาล ถ้าจะ แก้ปัญหาที่ทำได้เร็วที่สุดและสามารถ ทำได้ เ ลย คื อ สปส. ต้ อ งป รั บวิ ธี ก าร จัดสรรเงินรายหัวใหม่ ต้องใช้การจ่าย ทั้งก้อนให้โรงพยาบาล แต่ต้องแยกเป็น งบผปู้ ว่ ยนอก งบผปู้ ว่ ยใน โรคคา่ ใช้จ า่ ยสงู ที่จ่ายตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมหรือ DRG เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการ จูงใจให้ โรงพยาบาลทำการรักษา ปรับรูปแบบ การจดั การเรือ่ งการสง่ ต อ่ ผ ปู้ ว่ ยไปรกั ษาที่ โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง สร้างการ มีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน สร้างระบบ รั บ เ รื่ อ งร าวร้ อ งทุ ก ข์ ให้ ผู้ ป ระกั น ต น สามารถฟีดแบ็คกลับมาได้ ตรงนแี้ ก้ป ญ ั หาเฉพาะหน้าทีจ่ ะลด ปัญหาเรื่องสิทธิประโยชน์ด้อยกว่าบัตร ทองลงได้ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาความไม่เป็น ธรรมทผี่ ปู้ ระกันต นเป็นกลมุ่ ท ยี่ งั ต อ้ งจา่ ย สมทบสทิ ธิส ขุ ภาพโดยตรง ขณะทกี่ ลุม่ อ นื่ เขาจา่ ยทางออ้ มผา่ นระบบภาษี และถงึ แ ม้ จะทำได้อย่างที่บอกมา แต่ประกันสังคม ก็ย งั จ ะตอ้ งกงั วลเรือ่ งความมนั่ คงของกอง ทุนต่อไป
26
รู้เรียน
เรื่องและภาพ แสงจริง
หนึ่ง:
สะเดา
เกษตรกรรุ่น สอง:
‘พ่อกูดาบหัก’
พ.ศ. นี้ไม่มีสงคราม แต่กูยังต้อง ค้ำดาบยันดินในนามสงครามสนามชีวิต ใครหลายคนบอกว่า สงครามเป็น เรื่องเฉิ่มเชย ไม่มีสงครามพม่า-สยาม อีกแล้วใน พ.ศ. นี้ และมัน…ก็ไม่น่าจะมี ใน พ.ศ. ต่อไป มีแต่สงครามชีวิต ลูกกระสุนปืนใหญ่ในนาม ‘ราคา ผลผลิตตกต่ำ’ ทำให้เกษตรกรชาวชุมชน คอรุมบาดเจ็บปางตาย เมื่อสารเคมีที่ใช้ ในไร่น ามรี าคาแพง และพวกเขายงั จ ำเป็น ต้องใช้ม ัน ไหนจะปญ ั หาขา้ วดดี ข า้ วเด้งซ ำ้ เติม บาดแผลเกษตรกรชาวคอรุม หากเอา น้ำตาชาวนาคอรุมมารวมกับเกษตรกร ทั่วประเทศไทยไปกักเก็บในเขื่อนน้ำตา และเมื่อยามฝนตกลงมาสมทบรวมกัน เขื่อนอาจแตกได้ ปัญหาก็คือ “ทำตามๆ กันมาทั้ง นั้น” บรรเจิด นาคย่านขาว บอก “หว่านปยุ๋ เสร็จ…ก็พ น่ ย า เกษตรกร บางแห่ง 15 วันพ่นเลยนะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ หลักการที่ถูกต้อง” บรรเจิดเป็นเกษตรกร เขาเรียน จบจากวิทยาลัยเกษตรสุโขทัย แล้วไป ทำงานในฝ่ายส่งเสริมเกษตรกรปลูกอ้อย ให้โรงงานน้ำตาล กว่า 10 ปีจึงกลับ มายังตำบลคอรุม…บ้านเกิด เพื่อทำนา ต่อจากรุ่นพ่อ ทำนากว่า 50 ไร่ เขาใช้สารเคมี กำจัดศัตรูพืช จนคิดว่าตายแน่ “เมื่อกลับมาทำนา ก็เกิดความคิด ว่าถ้าเราทำแบบนี้ต่อไป…ตายก่อนแน่ๆ ถ้าพ่นเองอะไรเอง 50 กว่าไร่ก็ตายกัน พอดี…พ่นไปเถอะ เดี๋ยวก็ตาย ผมจึงคิด ว่าน่าจะหาอะไรมาแทน”
เมื่อต้องการค้นหา บรรเจิดจงึ ตอ้ ง ‘ไป’ มีอ บรมทไ่ี หนเขาไปหมด หน่วยงานไหน ชื่อแปลกๆ เขาไม่สน ขอแค่ได้ฟัง เมื่อเห็นแล้วว่าเกษตรกรนิยมใช้ สารเคมีในการบำรุงแ ละกำจัดศ ตั รูพ ชื เป็น สาเหตุทำให้ต้นทุนสูง ตามมาด้วยปัญหา สุขภาพ บรรเจิดจ งึ ร วมกลุม่ ก บั เพือ่ นหนุม่ อีก 4 คน เริ่มทำสงครามเปลี่ยนแปลง ความเคยชินเดิมๆ เริ่มจากการใช้ ‘สารชีวภัณฑ์’ แทน ‘สารเคมี’ สารชีวภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์สกัด จากสิ่งมีชีวิตในนาข้าว เพื่อใช้ทดแทน สารเ คมี ก ำจั ด ศั ต รู พื ช ในรู ป แ บบข อง ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เช่น น้ำหมักชีวภาพ ต่างๆ เชื้อราบิวเวอร์เรีย ฯลฯ จากนั้นมีเพื่อนเพิ่มรวมเป็น 9 คน จัดต้ังกลุ่มข้ึนในชุมชน มีการระดมทุน เริ่มจากสร้างโรงสีข้าวชุมชน สร้างรายได้ หมุนเวียนในกลุ่ม จัดทำผลิตภัณฑ์สาร ชีวภ ณ ั ฑ์ ม าใช้แ ทนสารเคมี ผลิตเมล็ดพ นั ธุ์ ข้าวไว้ใช้เองและจำหน่าย ผลิตป ยุ๋ อ นิ ทรีย์ อัดเม็ด พร้อมๆ ก่อเกิดเป็นศูนย์เรียนรู้ เ กษตรที่ ค่ อ นข้ า งค รบว งจรใ นน าม ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าว วิสาหกิจชุมชน บ้านคลองกล้วย
ศู น ย์ เ รี ย นรู้ โ รงเรี ย นข้ า วแ ห่ ง นี้ ถ่ายทอดองค์ความรู้ดังที่สมาชิกในกลุ่ม ปฏิบัติกันมา ซึ่งกว่าจะดึงเอาเกษตรกร ให้เข้ามาสนใจแนวทางใหม่นี้ ต้องใช้วิธี สาธิตให้ดู มิใช่ตั้งกระดานดำแล้วบังคับ ให้มานั่งฟัง นอกจากการใช้สารชีวภัณฑ์แล้ว สิ่งที่บรรเจิดเน้นย้ำกับเกษตรกรที่มาเอา องค์ความรู้จากศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าวฯ คือ ‘ระบบนิเวศในนาข้าว’ “เราจะเน้นให้เกษตรกรแยกแยะ
พ่อกูดาบหัก ที่สถานีขนส่งจังหวัดอุตรดิตถ์ มี รถยนต์คนั หนึง่ จอดสงบ สติกเกอร์ประดับ กระจกหลัง ข้อความว่า ‘พ่อกูดาบหัก’ คนอตุ รดิตถ์น บั ถือพ ระยาพชิ ยั ด าบ หัก เช่นเดียวกับคนในชุมชนตำบลคอรุม อำเภอพชิ ยั ทีม่ คี วามเคารพนบั ถือว รี บุรษุ สามัญชนท่านนี้ รบกับข้าศึกจนดาบหักที่ วัดเอกาในตำบลคอรุม คนในตำบลคอรุมนับถือพระยา พิชยั ด าบหกั ถ้อยคำ ‘พ่อก ดู าบหกั ’ จึงเป็น คำประกาศวา่ คนทน่ี น่ี ยิ มผมู้ หี วั ใจกล้าห าญ เสียสละ สู้จนดาบหัก รถที่ติดสติกเกอร์ ‘พ่อกูดาบหัก’ พาเราเดินทางจากสถานีขนส่งจังหวัด อุตรดิตถ์ไปยังดินแดนที่พระยาพิชัยเคย ทำดาบหักไว้เมื่อนานมาแล้ว
โรงปุย๋
ว่า ในนามีตัวดีกับตัวร้ายกี่แบบ ลองนับ ข้างดูว่าฝ่ายไหนมีมากกว่ากัน ถ้าตัวมี ประโยชน์ม อี ยูเ่ ยอะมนั ก ช็ ว่ ยเรากดั เรากนิ พวกตัวร้าย พวกนี้ควบคุมกันเองอยู่แล้ว โดยสมดุลธรรมชาติ” เหมื อ นส งครามข องธ รรมชาติ มันจัดระบบของมันอยู่แล้ว ด้ ว ยส ำเนี ย งเ หน่ อ แ ละลี ล าก าร พูดแบบนักเลง บรรเจิดยังบอกว่า มิต้อง ประดิษฐ์ถ้อยคำมาใช้กับสิ่งที่เกษตรกร ทำว่า ‘นักวิทยาศาสตร์’ เพราะ “มันก็แค่ ธรรมชาติ เฝ้าดูธรรมชาติแล้วหาวิธีว่า วิธีไหนควรใช้ควรทำ ก็ต้องรู้จักแยกแยะ นีห่ ว่า เมือ่ แ ยกแยะได้แ ล้ว มันก แ็ ล้วแ ต่เขาละ ว่าจะใช้วิธีไหน” เขาบอกว่าเกษตรกรไม่จำเป็นต้อง ปลอดสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ให้ย ดึ เอา “ความเ ป็ น จริ ง เ ป็ น ตั ว ตั้ ง ถ้ า เ กิ ด โ รค ระบาด จะไม่ใช้สารเคมียังไงไหวล่ะ… ใช่มั้ย” แต่ ทั้ ง นี้ ทั้ ง นั้ น บรรเจิ ด บ อกว่ า เกษตรกรต้องตั้งต้นที่ระบบนิเวศในนา ให้ได้ รูจ้ กั ส ำรวจตรวจนบั ถ้าด นิ ม คี า่ ค วาม
เป็นกรดหรือด า่ ง ก็ต อ้ งทำให้ด นิ ม คี า่ ค วาม เป็นกรดด่างที่ตรงกลาง ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ “ก็ขี้วัวขี้ควายดีๆ นี่แหละท่าน” เสียงเหน่อนั้นยังเน้นย้ำในทำนอง ว่า มิใช่แต่นักการเมืองหรือปัญญาชน เท่านั้นดอกที่มี ‘อุดมการณ์’ เกษตรกรก็ มีอุดมการณ์นะ (โว้ย) “ตอนที่ผมเรียนเกษตร เขาเรียก ‘อุ ด มการณ์ ’ มั น ห รู น ะ…อุ ด มการณ์ แ ต่ ว่ า ถ้ า เ ร า ม า เ จ อ ใ น ชี วิ ต จริ ง ก็เรียกว่าความตั้งใจ ตั้งใจว่า จะทำยังไง ให้ชาวไร่ชาวนาทำกินแล้วมีผลตอบแทน สู ง สุ ด ไม่ ต้ อ งมี ก ำไรสู ง สุ ด เอาแ ค่ ผลตอบแทนสูงสุด คิดไปคิดมาก็ต้องลด ต้นทุน” อุตรดิตถ์เป็นเมืองอาภัพ บรรเจิด บอกว่า ที่อุตรดิตถ์ไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ ใช้กันเอง นี่คือ ‘ความตั้งใจ’ ของเขาใน พ.ศ. นี้ และ พ.ศ. ต่อไป ปัจจุบัน ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าวฯ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เองและจำหน่าย โดยเ กษตรกรใ นต ำบลค อรุ ม ที่ เ คยใ ช้ สารเคมี และเคยเจอปญ ั หาขา้ วดดี ข า้ วเด้ง
27
สารชีวภัณฑ์
สาม:
สมหมาย
นั่นแหละ - เป็นผู้ผลิต “ปีที่แล้วเราทำไป 270 ตัน แต่ปีนี้ เมือ่ แ มลงระบาด, สมหมายไปเรียน ตั้งเป้าจะเก็บ 600-700 ตัน มันทำได้ ที่ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าว วิสาหกิจชุมชน แค่นี้ ถูกจำกัดด้วยสถานที่ เงินทุน ถ้าทำ บ้านคลองกล้วย แต่ก ลับบ า้ นมาทำเกษตร แปลงเมล็ดพันธุ์ เบื้องต้นเกษตรกรต้อง ผสมผสาน รู้จักสำรวจตรวจนับและแยกแยะเป็น ซึ่ง ชื่อเล่น สมหมาย เป็นสิ่งที่ศูนย์เรียนรู้โรงเรียนข้าวพยายาม ชื่อจริง เชี่ยวชาญ มาให้ จะเน้น เห็นมั้ย…เรื่องง่ายๆ แค่นี้มันมี หลายคนถาม “ชือ่ จ ริงช อื่ เล่นข องพี่ ประโยชน์เยอะแยะนี่หว่า” มันต่างกันยังไง” เกษตรกรเจ้าของสำเนียงนักเลง “พ่อตั้งให้มาแบบนี้ ก็เรียกแบบที่ แบบเขา จะเกษียณอายุตอนไหน? พ่อผมตั้งให้นี่แหละ” สมหมายตอบ “ยั ง ! ยั ง ท ำได้ อี ก ห ลายปี แต่ ก็ เ มื่ อ ก่ อ น ที่ ดิ น ทั้ ง ห ม ด ข อ ง พยายามปน้ั ร นุ่ ใหม่ๆ รุน่ ใหม่ๆ มันค ล่องนะ่ ส มหมาย ปลูกพ ริกแ ล้วเกิดโรค เขาจงึ เปลีย่ น ทำปุ บ ปั บ ๆ หั ว มั น เ ร็ ว ไอ้ เ ราคิ ด ไ ด้ ก็ มาทำนาอย่างเดียว เมือ่ ประมาณปี 2551 วางแผนให้ม นั มึงท ำหน่อยวะ่ ” เป็นค วาม ก็เกิดแมลงระบาดอีก ข้าศึกประชิดตัว ตั้งใจของบรรเจิด รอบทิศเมื่อปุ๋ยก็แพงยาก็แพง ตอนนั้น มึงทำหน่อยว่ะ สมหมายมืดเก้าด้าน จึงมุ่งหน้าไปที่ ศูนย์
ผักมันจะขม ต้องใช้น้ำส้มควันไม้แทน” สมหมายบอก เริม่ ล งมาสำรวจตรวจนบั ในนาขา้ ว ตามหลักสูตรทไี่ ด้เรียนมา แต่ส มหมายไป ไกลกว่านั้น เขาสำรวจตรวจนับธรรมชาติ ของตนเองและคนรอบข้างด้วย “ผมเริ่มคิดว่าการทำข้าวมันต้อง รอถึง 4 เดือนกว่าจะมีรายได้ แต่ผลไม้ และพื ช ผั ก มั น ไ ด้ เ รื่ อ ยๆ พอพื ช ตั ว นี้ ออกดอกผ ลก็ เ อาไ ปข ายที่ ต ลาด มั น จะสั บ เ ปลี่ ย นห มุ น เวี ย นกั น อ อกดอก ออกผ ลเ รื่ อ ยๆ แล้ ว แ ม่ บ้ า นผ มก็ ช อบ ค้าขาย ก็เอาไปขายที่ตลาด จากนั้นก็เลย ทำเกษตรผสมผสาน แล้วล ดการปลูกข า้ ว เหลือ 2 ไร่ไว้ก นิ เอง นอกนนั้ ผ มกป็ ลูกพ ชื ผักผลไม้ไว้ขายเป็นหลัก” บนที่ดินกว่า 6 ไร่ของสมหมาย มี เรียนรู้โรงเรียนข้าว วิสาหกิจชุมชนบ้าน นาข้าว 2 ไร่ ที่เหลือ 4 ไร่ ปลูกฝรั่ง พริก คลองกล้วย-โรงเรียนของชาวนา มะนาว มะพร้าว ขนุน มะปราง มะม่วง “ผมได้เรียนรู้การใช้สารชีวภัณฑ์ สะเดา มะละกอ ดอกแค กะเพรา โหระพา จากที่ นั่ น ตอนนั้ น เ ริ่ ม ล งพื ช ผั ก ไ ว้ ตะไคร้ น้ อ ยหน่ า ทั บ ทิ ม ทำบ่ อ ป ลา บ้างแล้ว ตอนแรกผมเอาสารสะเดาน้ำ และปลูกดอกไม้ไว้ไหว้พระ มาฉีดผัก ปรากฏว่าผักรสชาติขมไปหมด เขาใ ช้ ส ารชี ว ภั ณ ฑ์ เ ป็ น ห ลั ก สารสะเดาน้ำเราฉีดใส่ผักไม่ได้นะครับ นอกจากจำเป็นจริงๆ จึงจะใช้สารเคมี “ผมป ลู ก ด ะไ ปห มด ผมท ำ ผสมผสานแล้วจะรู้ได้ว่าพืชตัวไหนไม่ถูก กับตัวไหน ถ้าสมมุติมันไม่ถูกกับพืชตัวนี้ เราก็ ล้ ม มั น แ ล้ ว ล องป ลู ก อ ย่ า งใ หม่ คือเราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเราลองปลูก ถ้า มั น ต ายเ ราก็ จ ะรู้ ว่ า …อ๋ อ ไอ้ ตั ว นี้ ไ ม่ ช อบอ ยู่ ใ กล้ ไ อ้ ตั ว นี้ แต่ ค วามจ ริ ง พืชผลทุกอย่างอยู่ร่วมกันได้ ขนาดวัชพืช มันยังอยู่กับเขาได้” สมหมายถามกลับว่า “มันแปลก นั ก รึ กะอี แ ค่ ก ารเ อาโ หระพาไ ปแ ลก พริก”
ฝรั่ง
แปลกแน่ เมื่อหูที่ได้ยินมันเป็นหูที่ เดินทางมาจากในเมือง “เรื่ อ งว่ า แ ลกแ ล้ ว จ ะก ลั ว ไ ม่ คุ้ ม เพราะของเราปลูกยากกว่า…ไม่มีหรอก ครั บ ไม่ ไ ด้ คิ ด ร ะบบนั้ น จะป ลู ก ย าก ปลู ก ง่ า ยผ มไ ม่ ว่ า เราไ ม่ เ น้ น ที่ มู ล ค่ า ของมั น ความเ ป็ น เ พื่ อ นมั น ไ ม่ เ กี่ ย ว กับราคา เราเป็นเพื่อนกันเป็นญาติกัน แบ่งกันได้” น้องเก็ต-หลานสาววัยประถมต้น ของสมหมายนำเอาฝรั่งมาให้ และอวด มะนาวขนาดลกู ต ะกร้อให้ช ม มะนาวของ สมหมาย ‘มันใหญ่มาก’ ลูกสาวผมซอยสนั้ เดินล งมาบรกิ าร น้ำด มื่ เท่านัน้ แ หละ…สมหมายเปลีย่ นจาก เรือ่ งพชื ม าเรือ่ งลกู “มันด อื้ จ ริงๆ ชอบเทีย่ ว ออกห้ า วๆ เหมื อ นผู้ ช ายห น่ อ ยไ อ้ ลู ก คนนี้” ใครบางคนทะลึ่งถาม “ระหว่างพืช ผักกับลูก อย่างไหนเลี้ยงยากกว่ากัน” “เลี้ยงลูกยากที่สุด (หัวเราะ) ตอน เล็กก็ยังดีๆ พอโตหน่อย เราบ่นก็หาว่า เราด่า แต่พืชผักไม่ดื้อเหมือนคน ถ้ามัน ไม่ด อกผลมนั ไม่ต ดิ ล กู ก แ็ สดงวา่ ด นิ ไม่ด ี ก็ หาวธิ ที ำให้ด นิ ม นั ดีเสีย หาปยุ๋ ม าบำรุงด นิ แมลงตัวไหนมันเป็นศัตรูพืชแมลงตัวไหน มันเป็นม ติ รกบั พ ชื เรือ่ งพวกนเี้ ราสามารถ รู้ได้ หาวิธีแก้ได้ แต่เลี้ยงลูกยากที่สุด” สมหมายยิ้ม ก่อนตะโกนไปยังลูกสาว “จะไปขายฝรั่งที่ตลาดกับแม่หรือ จะอยู่เลี้ยงน้องเก็ตที่บ้าน” “หนูจะไปตลาด” ลูกสาวยืนยัน อย่างนั้น
28
Media
วิไลวรรณ จงวิไลเกษม
สื่อไทยอยู่ในยุคมืด หรือยุคสว่าง? เกิด
อ ะไรขึ้ น กั บ สื่ อ ไ ทยใ นยุ ค ปั จ จุ บัน ยุคที่สื่อถูกตั้งคำถามมากถึง ‘ความเป็นกลาง’ ที่มาพร้อมกับวาทกรรม ‘สื่อแท้ สื่อเทียม’ และ เคลื่อนกลายเป็น ‘สื่อแดง สื่อเหลือง’ วันนี้สื่อไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป อย่างไร วันที่เกิดเหตุการณ์มากมายกับคนทำสื่อ และคนทำสื่อเองก็ต้องตั้งคำถาม กับตัวเองว่าจะเดินไปทิศทางใด โดยมี หนังสือพิมพ์มติชน เป็นตัวนำร่องกับ ปรากฏการณ์จุดเปลี่ยนครั้งนี้ ถ้าก ารลาออกของเครือม ติช นจากภาคีส มาชิกส ภาการหนังสือพิมพ์แ ห่งช าติ เป็นจุดเปลี่ยนของสื่อไทย ถือว่างดงาม แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นไร มืดหรือสว่าง ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้มติชนเป็นทั้งผู้ร้ายและพระเอกในสายตาคนทำสื่อ และ คนเฝ้ามองสื่อเป็นที่เรียบร้อย มีคนบอกว่า จุดเปลี่ยนสื่อไทยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เช่น เดียวกับจุดเปลี่ยนของสังคม (การเมือง) ไทยจริงหรือ?
จากเลิกจ้างประสงค์… ถึงลาออกจากภาคีส ภาการหนังสือพิมพ์
ใครจะคิด...แม้แต่ตัว ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ หรือ ‘พี่เก๊’ ของน้องๆ นักข่าว ที่รู้จัก กันในนามสาธารณะว่า ประสงค์ วิสุทธิ์ นักข่าวเชิงสืบสวนมือหนึ่งของประเทศไทยจะถูก จ้างออกโดยผบู้ ริหาร(เจ้าของ) มติช น เพราะชอื่ ป ระสงค์กบั ม ติช นดเู หมือนจะเป็นร า่ งและ เงาของกันและกัน เช่นเดียวกับคนทำหนังสือพิมพ์และมติชนเองจะคิดว่า วันหนึ่งมติชน ทีเ่ ป็นส ารตงั้ ต น้ แ ละหวั ห อกสำคัญข องสภาการหนังสือพิมพ์แ ห่งช าติ ตัง้ แต่ในอดีตจ นถึง 7 กันยายน 2554 ที่มีการยื่นหนังสือลาออกจากภาคีสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่ง ชาติ พื้นที่ที่ตนปลุกปั้นขึ้นมา การเลิกจ้างประสงค์จากการเป็นพนักงานบริษัทมติชน ไม่มีการแจ้งเหตุผลให้แก่ สาธารณะทราบจากผบู้ ริหารมติช น นอกจากการวพิ ากษ์ว จิ ารณ์จ ากคนทำสอื่ ด ว้ ยกนั เอง ว่า เหตุเกิดจากบทความ ‘คำถามที่ ‘ยิ่งลักษณ์’ ยังไม่ (กล้า?) ตอบ’ ขณะทมี่ ติช นออนไลน์ว นั ท ี่ 7 กันยายน 2554 พาดหวั ข า่ ววา่ ‘เครือม ติช น ลาออก จากสภาการหนังสือพิมพ์ การเมืองภายนอกแทรกแซง’ พร้อมลงรายละเอียดในจดหมาย ลาออก ใจความตอนหนึ่งว่า “เป็นที่ประจักษ์ว่ามีอิทธิพลการเมืองภายนอกเข้าแทรกแซง และมีภาคีสมาชิก ตกเป็นเหยือ่ ข องการตอ่ สูท้ างการเมืองนนั้ คณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แ ห่งช าติ ยังมิได้แสดงความกระตือรือร้นจะจัดการแก้ไข รวมไปถึงดำเนินการระงับความเสียหาย ผ ไู้ ด้ร บั ผ ลกระทบ ทีเ่ สือ่ มเสียช อื่ เสียงเกียรติยศศกั ดิศ์ รีไปแล้วด งั ท คี่ วรปฏิบตั ิ กลับแ สดง ท่าทีเหมือนเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม” การลาออกของเครือมติชนเหตุเกิดจากผลสอบ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ของนักการเมือง ระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนโดยมี นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ เหตุก ารเลิกจ า้ งประสงค์ข องมติช น (หากเป็นไปตามทคี่ นทำสอื่ ว พิ ากษ์) และเหตุ การลาออกจากภาคีสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติสัมพันธ์กับ ‘การเมือง’ ทัง้ ส องกรณีด เู หมือนวา่ มติช น ตกเป็น ‘จำเลย’ ของสงั คมคนเสพสอื่ แ ละคนทำสอื่ เกิดคำถามพร้อมเสียงวิพากษ์ทั้งบวกและลบ แต่สำหรับผู้เขียนไม่ตั้งคำถามกับ มติชน แต่ตั้งคำถามกับ ‘สื่อไทย’ เพราะผู้เขียนมองว่ามติชนกำลังทำหน้าที่ภาพตัวแทน (Represent) ของสื่อไทยในยุคการเปลี่ยนผ่านสังคม (การเมือง) ไทย
29 ยุคม ืด VS ยุคสว่าง
จากปรากฏการณ์ทเี่กิดขึ้นกับสื่อไทยนับตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน เราสามารถจำกัดความไร้ระเบียบของสื่อไทยด้วยคำว่า ‘ยุคมืด สื่อไทย’ ได้หรือไม่ กับรูปธรรมที่ปรากฏอย่างชัดเจนกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการว่า ตนเองเป็น ‘เหลือง’ พร้อมกับบทบาทใหม่ใน ASTV การเกิดขึ้นของวิทยุชุมชน อย่างรวดเร็วพร้อมกับความเข้มข้นของการเมืองแบ่งสี ล่าสุดการเลิกจ้าง และ ลาออกจากภาคีสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติของหนังสือพิมพ์มติชน ที่ทำให้ถูกวิพากษ์อย่างหนักหน่วงว่ามติชนเป็น ‘แดง’ ทำไมผู้จัดการประกาศตนเองเป็น ‘เหลือง’ ยังไม่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ กับสถาบันสื่อ ความคาดหวังของสังคมต่อบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยเฉพาะ ‘ความเป็นกลาง’ แต่เมื่อมติชนประกาศลาออกจากภาคีสมาชิกสภา การหนังสือพิมพ์แ ห่งช าติก ลับส ร้างความสนั่ ค ลอนให้ก บั ส ถาบันส อื่ ไม่แ ต่เฉพาะ หนังสือพิมพ์ม ติช นถกู ค าดหวังว า่ เป็นภ าพตวั แทนของมาตรฐานของหนังสือพิมพ์ ไทยในการนำเสนอข่าวการเมือง เป็นต้นแบบของหนังสือพิมพ์การเมืองไทย เป็นห นังสือพิมพ์ท ถี่ กู น ำมาใช้ป ระกอบการสอนของวชิ าขา่ วและหนังสือพิมพ์ข อง ทุกสถาบันการศึกษาทางด้านนิเทศศาสตร์ แต่คือความท้าทายที่ยังไม่เคยปรากฏในสื่อไทย ท้าทายกับกฎข้อบังคับ คนทำสื่อท ี่ยึดถือมานาน สภาวะความไร้ระเบียบของคนทำสื่อวันนี้สะท้อนปรากฏการณ์ความไร้ ระเบียบ (Disorder) ของสังคมไทยวันนี้ได้หรือไม่ หากวิเคราะห์ตามหลักทฤษฎี บรรทัดฐานของสื่อที่เชื่อว่า ‘สังคมแบบไหน สื่อก็แบบนั้น’ เพราะแม้แต่คนทำสื่อ อย่างมติชนที่เป็นต้นแบบของสังคม เป็นตัวบ่มเพาะความคิดทางสังคม และถือ เป็น ‘ผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ’ ยังไร้ระเบียบเช่นนี้ หรือจ ริงแ ล้ว ‘ความไร้ร ะเบียบ’ คือ สภาวะของการปรับ (จัด) กระบวนทศั น์ ของคนทำสื่อ โดยหนังสือพิมพ์มติชนเป็นหัวหอกนำร่องของคนทำหนังสือพิมพ์ ที่ออกจากจารีตเดิมที่ปฏิบัติกันมา แต่ใช้การไม่สมบูรณ์แล้วกับบริบทสังคมและ เทคโนโลยีการสื่อสารที่เปลี่ยนไป การปรับ (จัด) กระบวนทศั น์แ ละระเบียบใหม่บ นภาพของความไร้ร ะเบียบ คืออาการของคนทำสื่อที่กำลังอยู่ในสภาวะแห่งการตื่นรู้ (The Age of Enlightenment) หรือไม่ อย่างที่ อิมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) ว่าไว้ใน An Answer to the Question: What is Enlightenment ว่า ‘การหลุดพ้นจากความ อ่อนเขลาที่เกิดขึ้นจากตัวมนุษย์เองนั้น ก็มีน้อยลงเรื่อยๆ โดยมีสิ่งบ่งชี้ที่ชัดเจน ว่า เส้นทางที่จะไปนั้น ได้ถูกทำให้โปร่งโล่งเพื่อที่จะเดินไปได้’ หากประสงค์ไม่ถูกเลิกจ้างจากมติชน วันนี้ประสงค์ยังคงนั่งแช่แข็งความ สามารถของตัวเองอยู่ที่หลืบหนึ่งของตึกมติชน จดๆ จ้องๆ รอเวลาครบชั่วโมง ทำงานตอกบตั รกลับบ า้ น คงไม่ม งุ่ ม นั่ ท ำงานแบบลมื เวลาเหมือนวนั น กี้ บั อ นาคต ใหม่ของเขาที่ www.prasong.com วันที่เขาไม่มีมติชนเป็นเงาตามตัว หากใคร เป็นเพื่อนกับประสงค์ทาง Facebook จะพบอาการตื่นตัวขยันเอาข่าวของเขา ขึ้นทั้งเช้าและก่อนนอน การปรับกระบวนทัศน์ใหม่ของมติชนนอกจากสร้างพื้นที่ข่าวแห่งใหม่ อย่าง www.prasong.com ภายใต้คำจำกัดความว่า ‘เล่าข่าวจากประสบการณ์’ ยังนำพาเว็บไซต์ข่าวใหม่ล่าสุดที่ชื่อ www.thatpublica.com ภายใต้สโลแกนว่า ‘กล้าพ ดู ค วามจริง’ โดยมี บุญล าภ ภูส วุ รรณ อดีตบ รรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจที่ลาออกจากการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของเครือมติชนเมื่อ กลางปีนี้ มาเป็นกรรมการบริหาร ผลประโยชน์ทั้งหมดต่อการเปลี่ยนแปลงล้วนตกอยู่กับ ‘ผู้เสพสื่อ’ มีพื้นที่ สื่อให้เลือกสรรมากขึ้น และที่สำคัญตรงกับความต้องการที่เฉพาะมากขึ้น เมื่ออุดมการณ์ต่างกันแล้ว แยกจากกันไปตามวิถีทางของตนเอง มีแต่จะ นำพา ‘ความสว่าง’ มาสสู่ อื่ ไทย ขอขอบคุณผ อู้ ยูเ่ บือ้ งหลังก ารเปลีย่ นแปลงนอี้ ย่าง ใจจริง ไม่เช่นนั้นคนทำสื่อคงมัวแต่นั่งยึดติดกรอบ ไม่ไปไหนกัน
กำเนิดสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศแต่งตั้งกรรมการยกร่างธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีใจความวา่ ตามทผี่ ปู้ ระกอบวชิ าชีพห นังสือพิมพ์ มีเจตนารมณ์ท จี่ ะจดั ต งั้ อ งค์กร อิสระเพือ่ ค วบคุมก นั เองโดยสมัครใจ เจ้าของและบรรณาธิการผมู้ อี ำนาจเต็มข อง หนังสือพิมพ์และสมาคมฯ ผู้ประกอบวิชาชีพที่ชอบด้วยกฎหมายได้ให้ความเห็น ชอบทจี่ ะลงนามรว่ มกนั ในวนั ท ี่ 4 กรกฎาคม 2540 เพือ่ แ สดงให้เห็นว า่ ผ ปู้ ระกอบ วิชาชีพทั้งมวลพร้อมที่จะดำเนินการควบคุมกันเอง เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักการ พ น้ื ฐ านในเรือ่ งเสรีภาพ ในการแสดงความคดิ เห็น อันเป็นห ลักป ระกันค วามรบั ผ ดิ ช อบ ในการเสนอข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นของผู้ประกอบวิชาชีพนี้ ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2540 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฉ บับภ าษาไทย อังกฤษ 25 ฉบับ จากจำนวนทงั้ ส นิ้ 32 ฉบับ รวมทงั้ องค์กรที่เกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ 10 องค์กร ได้ร่วมกันลงนามในบันทึก เจตนารมณ์จัดตั้ง สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพื่อเป็นองค์กรควบคุมกันเอง และสง่ เสริมเสรีภาพและความรบั ผ ดิ ช อบยกระดับผ ปู้ ระกอบวชิ าชีพห นังสือพิมพ์ และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีตัวแทนสถานทูตสหรัฐอเมริกา อินเดีย รัสเซีย และสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศร่วมเป็นสักขีพยานด้วย ต่ อ ม าใ นวั น ที่ 4 สิ ง หาคม 2540 ที่สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่ง ประเทศไทย ศ.นายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการยกร่างธรรมนูญ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ พร้อมด้วยคณะกรรมการยกร่างฯ แถลงผลสำเร็จ การยกร่างธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติว่า คณะกรรมการยกร่างฯ ได้ ดำเนินการยกร่างธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก ตาม เจตนารมณ์ข องผปู้ ระกอบวชิ าชีพห นังสือพิมพ์ ซึง่ ได้ล งนามในบนั ทึกร ว่ มกนั เมือ่ วันที่ 4 กรกฎาคม 2540 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศ.นพ.ประเวศ แถลงว่า หลักการสำคัญของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ตามธรรมนูญดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้วงการหนังสือพิมพ์ได้ควบคุมดูแลกันเอง ขณะเดียวกันเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาร่วมในคณะกรรมการสภา การหนังสือพ มิ พ์ฯ ดังก ล่าวดว้ ย องค์ป ระกอบของกรรมการประกอบดว้ ย 4 ส่วน คือ เจ้าของหรือผู้บริหารหรือผู้ประกอบการซึ่งเลือกกันเอง 5 คน บรรณาธิการ หรือตัวแทนผู้มีอำนาจจากกองบรรณาธิการซึ่งเลือกกันเอง 5 คน ผู้ปฏิบัติงาน หนังสือพิมพ์ซึ่งเลือกโดยสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 4 คน ผู้ทรง คุณวุฒใิ นสาขาอาชีพต า่ งๆ อีก 7 คน ในจำนวนนเี้ ป็นผ ทู้ รงคณ ุ วุฒทิ มี่ อี าวุโสและ ประสบการสูงด้านหนังสือพิมพ์ซึ่งไม่สังกัดหนังสือพิมพ์ใด 2 คน อีกหลักการหนึ่งที่สำคัญในการควบคุมกันเองของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ กำหนดไว้ในหมวดความรบั ผ ดิ ช อบทางจริยธรรม เมือ่ ค ณะกรรมการมคี ำวนิ จิ ฉัย ว่าส มาชิกห รือผ ปู้ ระกอบวชิ าชีพห นังสือพิมพ์ในสงั กัดส มาชิกล ะเมิดห รือป ระพฤติ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ก็จะแจ้งให้หนังสือพิมพ์ฉบับที่ถูกร้องเรียนลงตีพิมพ์ คำวินิจฉัยดังกล่าวภายใน 7 วัน และอาจแจ้งให้หนังสือพิมพ์ฉบับนั้นตีพิมพ์ ข้อความคำขอโทษผเู้ สียห าย ส่วนกรณีม ผี ถู้ กู ร อ้ งวา่ ป ระพฤติผ ดิ จ ริยธรรมสภาการ หนังสือพ มิ พ์ฯ จะแจ้งไปยงั ต น้ ส งั กัดเพือ่ ด ำเนินก ารลงโทษแล้วแ จ้งผ ลให้ส ภาการ หนังสือพ มิ พ์ฯ ทราบโดยเร็ว ในการนสี้ ภาอาจเผยแพร่ค ำวนิ จิ ฉัยต อ่ ส าธารณะได้ คณะกรรมการยกร่างธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจะยกร่างข้อบังคับ ต่างๆ เพือ่ ให้ม กี ารเลือกกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แ ห่งช าติข นึ้ เป็นค ณะแรก ภายในระยะเวลา 120 วัน หลังจ ากนนั้ ส ภาการหนังสือพ มิ พ์ฯ จะดำเนินก ารเพือ่ ให้มีการควบคุมกันเองในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ต่อไป ที่มา: www.presscouncil.or.th
30
Justice for All
ยัง
คงเป็นปัญหาต่อเนื่อง และมีทีท่าว่ามหากาพย์แผนพัฒนาเซาเธิร์น ซีบอร์ด (Southern Seaboard) ในภาคใต้ต อนบนจะคงดำเนินเรือ่ งราวไปเรือ่ ยๆ อย่าง ไม่มีวันจบสิ้น และยังปรากฏร่องรอยความขัดแย้งไว้ตามรายทาง โรงถลุงเหล็ก โรงกำจัดข ยะ โรงไฟฟ้า โผล่เป็นเส้นร า่ งรางๆ บนแผนทีม่ านานกว่า 15 ปี พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อม ระหว่างนโยบายของรัฐ และประชาชน การชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าบ้านกรูด-บ่อนอกเมื่อปี 2538 ดูเหมือนจะ เป็นช ยั ชนะครัง้ ห นึง่ ข องคนธรรมดา แต่ เจริญ วัดอ กั ษร แกนนำกลุม่ ต อ่ ต า้ นกต็ อ้ งสงั เวย ชีวิตให้กับกระสุนปืนในปี 2547 ล่าสุดคลื่นความขัดแย้งลูกใหม่กำลังซัดใส่ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแ ห่งป ระเทศไทย (กฟผ.) กำลังเตรียมลงเข็มก อ่ สร้างโรงไฟฟ้าถ า่ นหินข นาด 4,000 เมกะวตั ต์อ ย่างจริงจัง บนพนื้ ที่ 4,142 ไร่ ที่ ตำบลนาหกู วาง อำเภอทบั สะแก การชมุ นุม คัดค้านกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ประชามติ (Referendum) ถูกยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการคลี่คลายปม ปัญหาดังกล่าว เพราะเป็นการใช้อำนาจทางตรงของประชาชน โดยเฉพาะการดำเนิน โครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง จะต้องจัดให้มีกระบวนการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเสียก่อน รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2550 ได้บรรจุเรื่องนี้ ไว้ในมาตรา 165 ซึง่ น บั ว า่ เป็นป ระชามติท ที่ รงพลัง เพราะสามารถนำเสียงของประชาชน ไปบังคับใช้ได้จริง 2 นักก ฎหมาย ชาญเชาวน์ ไชยานกุ จิ และ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ร่วมให้ค ำตอบ เกี่ยวกับเรื่องเสียงของประชามติว่า นี่คืออำนาจที่อยู่ในมือประชาชนจริงหรือไม่
ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม
คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม
ประชามติ อำนาจในมือประชาชน? 01
ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 หมายถึงผ ู้ที่สามารถกำหนดการออก เสียงประชามติได้คอื ร ฐั เท่านัน้ ใช่หรือไม่ ชาญเชาวน์ : ประชาชนผู้ มี สิ ท ธิ
เลือกตั้งทุกคนมีสิทธิออกเสียงประชามติ แต่กิจการหรือประเด็นใดจะเป็นเหตุให้มี การออกเสียงประชามตินั้น ตามมาตรา 165(1) ให้คณะรัฐมนตรีมีดุลพินิจใน การกำหนดให้มีการออกเสียงประชามติ ได้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีอาจปรึกษากับ ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธาน วุฒิสภาก่อนก็ได้ อย่ า งไรก็ ต าม มาตรา 165(2) ยังเปิดช่องให้มีการกำหนดการออกเสียง ประชามติในกิจการหรือประเด็นใดก็ได้ หรือจะกำหนดให้บุคคลหรือคณะบุคคล ใดๆ เป็ น ผู้ ก ำหนดใ ห้ มี ก ารอ อกเ สี ย ง ประชามติก็ได้ ทั้งนี้อาจกำหนดไว้เป็น
เนื้ อ หาห รื อ เ งื่ อ นไขใ นก ฎหมายแ ต่ ล ะ เรื่องว่า เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน การตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ จะต้องจัดให้มี การออกเสียงประชามติเสียก่อน รวมทั้ง กำหนดก ระบวนการใ นก ารก ำหนด ประเด็นไว้ด้วยก็ได้ นั่นหมายความว่าใน ระยะยาวควรมีการร่างกฎหมายเกี่ยวกับ เรื่องนี้ขึ้นมา แล้วกำหนดไว้ว่ารัฐจะทำ อะไรต้องผ่านการลงประชามติก่อนก็ได้ เจษฎ์: ในการพจิ ารณารฐั ธรรมนูญ หรือก ฎหมายใดๆ นัน้ เราไม่ส ามารถทจี่ ะ พิจารณาเป็นส ว่ นๆ แยกจากกนั ได้ ยกเว้น แต่ว า่ ส ว่ นนนั้ ๆ เป็นส ว่ นทชี่ ดั เจนในตวั เอง และสามารถที่จะพิจารณาเป็นเอกเทศ หรือพิจารณาแยกจากส่วนอื่นๆ ได้ โดย ไม่เสียความหมายที่แท้จริง ในส่ ว นข องม าตรา 165 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 นั้ น จ ะต้ อ งพิ จ ารณาทั้ ง ม าตรา
ร่วมกัน ความว่า “มาตรา 165 ประชาชนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งย่อมมีสิทธิออกเสียงประชามติ การจดั ให้ม กี ารออกเสียงประชามติ ให้กระทำได้ในเหตุ ดังต่อไปนี้ (1) ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่า กิจการในเรื่องใดอาจกระทบถึงประโยชน์ ได้ เสี ย ข องป ระเทศช าติ ห รื อ ป ระชาชน นายกรฐั มนตรีโดยความเห็นช อบของคณะ รัฐมนตรีอาจปรึกษาประธานสภาผู้แทน ราษฎรและประธานวุฒิสภาเพื่อประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียง ประชามติได้ (2) ในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้ มีการออกเสียงประชามติ การออกเสียงประชามติตาม (1) หรือ (2) อาจจัดให้เป็นการออกเสียงเพื่อ มีข อ้ ย ตุ โิ ดยเสียงขา้ งมากของผมู้ สี ทิ ธิอ อก เสียงประชามติในปญ ั หาทจี่ ดั ให้ม กี ารออก
เสียงประชามติ หรือเป็นการออกเสียงเพือ่ ให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีก็ได้ เว้นแต่ จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ การอ อกเ สี ย งป ระชามติ ต้ อ ง เป็นการให้ออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็น ชอบใ นกิ จ การต ามที่ จั ด ใ ห้ มี ก ารอ อก เสี ย งป ระชามติ และก ารจั ด การอ อก เสียงประชามติในเรื่องที่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญหรือเกี่ยวกับตัวบุคคลหรือ คณะบุคคล จะกระทำมิได้ ก่อนการออกเสียงประชามติ รัฐ ต้องดำเนินการให้ข้อมูลอย่างเพียงพอ และให้บุคคลฝ่ายที่เห็นชอบและไม่เห็น ชอบกบั ก จิ การนนั้ มีโอกาสแสดงความคดิ เห็นของตนได้อย่างเท่าเทียมกัน หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียง ประชามติให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ ประกอบรั ฐ ธรรมนู ญ ว่ า ด้ ว ยก ารอ อก เสียงประชามติ ซึ่งอย่างน้อยต้องกำหนด
31 รายล ะเอี ย ดเ กี่ ยวกั บวิ ธี ก ารอ อกเ สี ย ง ประชามติ ระยะเวลาในการดำเนินการ และจำนวนเสียงประชามติ เพื่อมีข้อยุติ” จะเ ห็ น ไ ด้ ว่ า การอ อกเ สี ย ง ประชามติน นั้ มีได้ท งั้ ในสว่ นของอนุมาตรา 1 และอนุมาตรา 2 ซึ่งหากจะมองคำว่า ‘รั ฐ ’ ในแ ง่ ห มายถึ ง ‘รั ฐ บาล’ คำตอบ ต่ อ ค ำถามที่ มี ม าข้ า งต้ น ก็ ต้ อ งต อบว่ า ‘ไม่ใช่’ แต่หากมอง ‘รัฐ’ ในแง่หมายถึง ‘รัฐา ธิปัตย์’ หรือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครอง ซึ่ง อาจจะรวมถึงหน่วยงานรัฐต่างๆ ด้วย ก็น่าจะต้องตอบว่า ‘ใช่’ มีแต่เพียงรัฐ เท่านั้นที่จะสามารถดำเนินการเรื่องการ ประชามติได้
02
ถ้าก ารลงประชามติน ั้น เป็นไปเพื่อ ต่อต้านคัดค้านกิจการหรือโครงการ ของรัฐจ ะทำอย่างไร ชาญเ ชาวน์ : หากมี ข้ อ มู ล เ ชิ ง
ประจักษ์พอสมควร ประชาชนอาจร่วม กัน ผลักดันให้คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การ ดำเนินกิจการหรือโครงการของรัฐอาจ กระทบถึงประโยชน์ได้เสียของประเทศ หรือประชาชน และจัดให้มีการออกเสียง ประชามติ ทัง้ นีต้ อ้ งมนั่ ใจวา่ ก ระบวนการออก เสียงประชามตินั้นมีความชัดเจน และมี ความเท่าเทียมในการออกเสียงเพียงพอ โดยมีข้อสังเกตว่า รัฐธรรมนูญให้คณะ รัฐมนตรีมีดุลพินิจที่จะเลือกได้ว่าการ ออกเสียงประชามติเป็นไปเพื่อให้มีข้อ ยุติโดยเสียงข้างมากในปัญหานั้นๆ หรือ เป็นการออกเสียงเพื่อให้คำปรึกษาแก่ คณะรัฐมนตรีเท่านั้น เจษฎ์: คำถามนคี้ งจะมนี ยั ย ะเพือ่ ท ี่ จะตงั้ ข อ้ ส งสัยส บื เนือ่ งจากคำถามในขอ้ ท ี่ 1 ซึ่งหากมีแต่เพียง ‘รัฐ’ ไม่ว่าจะหมายถึง ‘รัฐบาล’ หรือ ‘รัฐาธิปัตย์’ ที่จะสามารถ ดำเนินการเรื่องการลงประชามติได้แล้ว ประชาชนจ ะท ำอ ย่ า งไร เพราะห าก กิจการเป็นกิจการของรัฐ หรือโครงการ เป็นโครงการของรัฐ ‘รัฐ’ นั้นก็คงจะไม่ ต้องการให้มีการลงประชามติที่จะส่งผล ให้เป็นการคัดค้าน หรือจะเป็นการยังผล ให้กิจการ หรือโครงการของตนนั้นตก หรือเป็นอันสิ้นผลไป อย่างไรก็ตามหากเรามองว่าสิทธิ และเสรีภาพทั้งหลายของประชาชนนั้น มีมาแต่กำเนิด รัฐธรรมนูญเพียงแต่มา รองรบั ส ทิ ธิแ ละเสรีภาพเหล่าน น้ั ให้ม คี วาม ชัดเจน หลักสำคัญประการหนึ่งของการ มีรัฐธรรมนูญก็คือ การเขียนเรื่องสิทธิ และเสรีภาพในมุมของการชี้ให้ประชาชน เห็นร่วมกันว่าต้องมีการจำกัดสิทธิและ เสรีภาพของพวกเราทั้งหลายเอาไว้ เพื่อ
ให้การอยู่ร่วมกันนั้นเป็นไปอย่างผาสุก เมื่อเป็นดังว่า สิทธิและเสรีภาพใน การนำเสนอเรื่องใดๆ ของประชาชนต่อ ผูแ้ ทนของตน หรือผ ทู้ ที่ ำการแทนตนไม่ว า่ จะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ หรือ ฝ่ายบริหาร โดยกระทำอย่างสุภาพชน สมควรกระทำกัน ก็ไม่น่าที่จะเป็นเรื่อง ต้องจำกัดตัดรอนสิทธิและเสรีภาพอันใด ดังนั้นอาศัยหลักเช่นว่า ประชาชนก็น่า จะเสนอให้ม กี ารลงประชามติเพือ่ ค ดั ค้าน กิจการ หรือโครงการของรัฐได้
แทนก ารชุ ม นุ ม ไ ปเ สี ย ห มดก็ อ าจจ ะ เป็ น การย าก โดยเ ฉพาะอ ย่ า งยิ่ ง ห าก การประชามตินั้นประกอบไปด้วยหลัก เกณฑ์ที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และมีข้อจำกัด มากมาย แต่หากเราทำได้ การใช้ประชา พิ จ ารณ์ รวมถึ ง ป ระชามติ ม าเ ป็ น การ ให้สิทธิโดยตรงแทนที่การชุมนุมได้ก็จะ เป็นการดีต่อประเทศชาติ และประชาชน โดยรวมเลยทีเดียว
เชิงลึกต่อไป
05
ความหมายของประชามติต าม รัฐธรรมนูญฉ บับ พ.ศ. 2550 คือ การยึดถือเสียงข้างมากของประชาชน เป็นที่สุดจริงหรือไม่ ซึ่งต่างจาก ฉบับปี พ.ศ. 2540 ทีใ่ช้ไปในเชิงหารือ
ชาญเชาวน์: เห็นด ว้ ยวา่ โดยหลักก าร ต ามรั ฐ ธรรมนู ญ ฉ บั บ นี้ มี ค วามชั ด เจน 04 ยกตัวอย่างกรณีโรงไฟฟ้า เราจะทำ ว่า เมื่อจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ประชามติอ ย่างไร ต้องทำทั้งประเทศ ในประเด็นใดและเป็นการจัดขึ้นเพื่อหา 03 ถ้าป ระชามติค ือก ารมีส่วนร่วม หรือท ำเฉพาะบริเวณทไี่ด้รับผ ลกระทบ ข้อยุติโดยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออก ทางการเมืองโดยตรงของประชาชน เพราะถ้าท ำทั้งประเทศ สัดส่วนของ เสียงประชามติในปัญหานั้นๆ ก็สามารถ โดยใช้เสียงข้างมากเป็นตัวต ัดสิน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจกลายเป็น กระทำได้ กรณีนี้ต่างจากการชุมนุมอย่างไร และ เสียงส่วนน้อย แต่ ลั ก ษณะข องกิ จ การที่ มี ก าร ประชามติจ ะเป็นการใช้สิทธิโดยตรง ออกเสียงประชามติโดยเสียงข้างมากจะ ของประชาชนแทนการชุมนุมได้หรือไม่ ชาญเชาวน์ : กรณี โ รงไ ฟฟ้ า เ ห็ น ต้องเป็นไปเพื่อการเห็นชอบหรือไม่เห็น ว่ า เ ป็ น ป ระเด็ น ซ้ ำ ๆ ที่ เ ป็ น ป ระโยชน์ ชอบเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าการริเริ่ม ชาญเชาวน์: เสรีภาพในการชุมนุม ได้เสียของประเทศเพราะเกี่ยวโยงไปถึง ให้จัดการออกเสียงประชามติจะต้องมา โดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิขั้น เรื่ อ งสิ ท ธิ ชุ ม ชน การใ ช้ ป ระโยชน์ จ าก จากคณะรัฐมนตรีเท่านั้น เว้นแต่กรณี พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนพึง ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม รวมทั้ง มี ก ฎหมายก ำหนดใ ห้ ป ระชาชนมี ก าร มี การใช้เสรีภาพในการชุมนุมจึงเป็นการ ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุล ริเริ่มให้มีการออกเสียงประชามติได้ตาม แสดงออกที่ยืนยันเสรีภาพของปัจเจกชน และยั่งยืน รัฐธรรมนูญม าตรา 165(2) ซึง่ เท่าท ที่ ราบ ตามหลักก ารสทิ ธิม นุษยชน ซึง่ ถ อื เป็นเสา นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังเขียนไว้ ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายใดเป็นเช่นนี้ หลักที่สำคัญของหลักการประชาธิปไตย ชัดว่าการดำเนินโครงการที่อาจก่อให้เกิด นอกจากนั้ น ยั ง มี เ งื่ อ นไขต าม แต่ ก ระบวนการอ อกเ สี ย งป ระชามติ ผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงกระทำ รัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ในมาตรา 165 เป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่แสดง มิได้ เว้นแต่จะจัดให้มีกระบวนการรับฟัง อีกว่า การออกเสียงประชามติในเรื่อง ถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรง ความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วน ที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือเกี่ยว ของป ระชาชน เพื่ อ ล ดท อนค วามไ ม่ ได้เสียก่อน กับตัวบุคคลหรือคณะบุคคล จะกระทำ สมบูรณ์ของหลักการประชาธิปไตยแบบ ดังนั้น นอกเหนือจากการรับฟัง มิได้ ซึ่งตามที่เข้าใจเป็นการบัญญัติไว้ ตัวแทนและเป็นจ ดุ เน้นก ารมสี ว่ นรว่ มของ ความคดิ เห็นจ ากประชาชนและผมู้ สี ว่ นได้ ป้องกันการกระทำที่เสมือนกับการนำ ประชาชนในการตดั สินใจประเด็นน โยบาย เสียในทอ้ งถนิ่ แ ล้ว ควรจะได้ให้ม กี ารออก เอาผ ลก ารอ อกเ สี ย งป ระชามติ ม า สาธารณะที่สำคัญ เสียงประชามติเพื่อให้คำปรึกษาแก่คณะ เป็นการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญโดย ทั้งสองเรื่องนี้เป็นนัยสำคัญของ รัฐมนตรีในการกำหนดนโยบายสาธารณะ มิได้ผ่านกระบวนการปรับปรุงแก้ไขตาม หลักการประชาธิปไตยที่เสริมซึ่งกันและ เพื่ อ ก ารจั ด ท ำโ ครงการโ รงไ ฟฟ้ า ข อง ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หรือมิฉะนั้นก็จะ กันและยืนยันความมีอยู่ของกันและกัน ประเทศนี้ ใ ห้ ชั ด เจนก ว่ า ที่ เ ป็ น อ ยู่ ใ น เป็นการนำผลประชามติไปใช้ก บั ก รณีน อก โดยไม่คิดว่าจะแทนกันได้ ปัจจุบนั ทัง้ นีด้ ว้ ยเหตุผลทวี่ า่ เพือ่ เป็นการ เหนือขอบเขตหลักการของเรื่องใดๆ ที่ เจษฎ์: การประชามติก บั ก ารชมุ นุม กระตุ้ น ใ ห้ เกิ ด ค วามต ระหนั ก แ ก่ สั ง คม บัญญัตไิ ว้ในรัฐธรรมนูญจนถือว่าเป็นการ นั้ น มี ข้ อ แ ตกต่ า งกั น ห ลายข้ อ แต่ ห าก ไทย รวมทั้งให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ ใช้ ป ระชามติ แ บบพ ร่ ำ เพรื่ อจึ ง ก ำหนด จะตอบแบบรวบรัดก็ต้องบอกว่า การ ทางสังคมในการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เป็นเงื่อนไขไว้ให้มีการแสดงประชามติใน ประชามตินั้นมีการเคลื่อนไหวทางความ ในการออกเสียงประชามติ ซึ่งถือว่าเป็น กิจการทอี่ ยูภ่ ายใต้บ ทบัญญัตริ ฐั ธรรมนูญ คิดเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่มี ประเด็นใหม่ แม้จะได้เคยกำหนดไว้ใน เท่านั้น การเ คลื่ อ นไหวท างก ายภาพป ระกอบ รัฐธรรมนูญหลายฉบับมาแล้วก็ตาม เจษฎ์: ตามมาตรา 165 วรรค 3 ด้วย เว้นเสียแต่เวลาที่จะต้องไปออก เจ ษ ฎ์ : ห า ก พิ จ า ร ณ า ต า ม ของรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 นั้น เสียงประชามติ แต่การชุมนุมนั้นมีการ รั ฐ ธรรมนู ญ และต ามพร ะร าชบั ญ ญั ติ การประชามติอ าจจดั ให้เป็นการออกเสียง เคลื่อนไหวทางกายภาพเป็นหลัก โดย ประกอบรฐั ธรรมนูญว า่ ด ว้ ยการออกเสียง เพือ่ ให้ค ำปรึกษาแก่ค ณะรฐั มนตรีก ไ็ ด้ เว้น มี ก ารเ คลื่ อ นไหวท างส มองเ ป็ น อ งค์ ประชามติ พ.ศ. 2552 นั่นคือ มองในแง่ แต่จ ะมกี ฎหมายบญ ั ญัตไิ ว้เป็นการเฉพาะ ประกอบ มากบ้าง น้อยบ้าง หรือไม่มีเลย กฎหมายเป็นหลัก ก็ไม่ได้มีอะไรจำกัด ดังนั้น การประชามติตามรัฐธรรมนูญ ตามแต่ละการชุมนุม การทำประชามติเฉพาะบริเวณที่ได้รับ พ.ศ. 2550 ก็สามารถเป็นไปในเชิงหารือ หากม องก ลไกก ารเ คลื่ อ นไหว ผลกระทบ แต่หากพิจารณาบทบัญญัติ ได้เช่นกัน ทางความคิดเป็นหลักในการประกอบ โดยรวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งของกฎหมาย กิจการงานร่วมกันของพวกเราในชาติ ประชามติแล้ว จะเห็นได้ว่าโน้มไปในทาง ความจำเป็นในการชุมนุมก็คงจะไม่ต้อง ที่จะต้องประชามติกันเต็มพื้นที่ หรือทำ มี ยิ่งการชุมนุมที่เป็นแบบอนารยะยิ่งไป กันทั้งประเทศเลยทีเดียว ซึ่งหากจะให้ กันใหญ่ แต่หากจะให้ใช้การประชามติ แตกฉานเรื่ อ งนี้ ค งจะต้ อ งศึ ก ษากั น ใ น
32
ดิน ฟ้า ป่า น้ำ
เดชรัต สุขกำเนิด : tonklagroup@yahoo.com
น้ตัวชีอ้วัดของโรงเรี ยนิดยนขนาดเล็ แต่มก หาศาล: และความฝันของผม ปั
จจุ บั น นี้ ชี วิ ต ของคนทำงานส่ ว นใหญ่ ก ำลั ง ถู ก ร้ อ ยรั ด ด้ ว ยตั ว ชี้ วั ด นานาประการ ชีวติ ของผมก็เช่นกัน มหาวิทยาลัยทีผ่ มทำงานก็ตอ้ งประเมินคุณภาพการศึกษาด้วยตัวชีว้ ดั จำนวนมาก ทำให้บางครั้งผมต้องเป็นฝ่ายใช้ตัวชี้วัดไปประเมินคนอื่นด้วย แต่ในประสบการณ์ของผม คงไม่มีการประเมินครั้งใดมีความสำคัญจนเรียกได้ว่าเป็น การชี้เป็นชี้ตายเท่ากับตัวชี้วัดสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กของ โรงเรียนบ้านหนองปักหลัก อีกแล้ว
ตัวชวี้ ัดที่หนองปักหลัก
โรงเรียนบ้านหนองปักหลัก อำเภอเขา ฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้วเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ปัจจุบันมีนักเรียน 65 คน ดังนั้น จึงเป็นหนึ่งใน 7,000 โรงเรียน ขนาดเล็กที่กำลังจะถูกยุบ ด้วยเหตุผลว่า มี จำนวนนักเรียนน้อยกว่า 100 คน แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อชาวบ้านและครูไม่ อยากให้ยุบโรงเรียนแห่งนี้ เพราะหากยุบจริง ชาวบ้านจะต้องลำบากเดินทางไปส่งบุตรหลาน ไกลขึ้นกว่าเดิม 10 กิโลเมตร ฝ่ายชาวบ้านและ ครูจึงพยายามที่จะรักษาโรงเรียนบ้านหนองปัก หลักไว้ให้ได้ คุณครูเล่าให้ผมฟังว่า ตัวชี้วัดที่จะนำพา ให้โรงเรียนอยู่รอด ไม่ถูกยุบ มีอยู่เพียงแค่ 2 ตัว อันดับแรก โรงเรียนจะต้องมีผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษา หรือคะแนนสอบ O-NET สูง กว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ส่วนอันดับที่สองคือ โรงเรียนจะต้องอยู่ได้โดยไม่ขอรับงบลงทุนเพิ่ม เติมจ ากสว่ นกลาง ซึง่ ก ค็ อื ได้ร บั เฉพาะเงินเดือน ครู และค่าใช้จ่ายรายหัวข องนักเรียนเท่านั้น ลำพังต วั ช วี้ ดั แ รก ก็เป็นเรือ่ งทา้ ทายพอตัว อยู่แล้ว โดยเฉพาะหากพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่า นักเรียนที่โรงเรียนหนองปักหลักประมาณครึ่ง หนึ่งไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เนื่องจากพวกเขาต้อง เดินทางไปทำงานต่างถิ่น เด็กๆ จึงต้องอยู่กับ คนรุ่นปู่ย่าตายาย แต่บรรดาคุณครูก็ช่วยกันเข็น จนผลสมั ฤทธิข์ องโรงเรียนผา่ นคะแนนเฉลีย่ ข อง ทั้งประเทศมาได้ แต่พอมาถึงตัวชี้วัดที่สอง เมื่อโรงเรียน ม อิ าจขอรับง บลงทุนจ ากกระทรวงศกึ ษาฯ ได้ ครู ก็ต อ้ งขอแรงจากชาวบา้ น และขอกำลังส นับสนุน จากภายนอกแทน เมื่อผมก้าวเข้าไปในโรงเรียน ผมจึงได้ เห็น ‘ห้องสมุดโดมปักหลัก’ ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ม าชว่ ยปรับปรุงให้ เห็นส นามเด็กเล่น เห็นห อ้ งน้ำ และเห็นร ะบบประปาทบี่ ริษทั ต า่ งๆ
พาพนักงานมาลงแรงคนละไม้คนละมือช่วยกัน ทำ ตามแนวคิดจ ติ อ าสา ส่วนทเี่ หลือก เ็ ป็นห น้าที่ ของชุมชนที่จะมาช่วยคุณ ครูในการปรับปรุง พื้นห้องเรียน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามกำลังของแต่ละคน ภายในโรงเรียนแห่งน ี้ จึงเต็มไปดว้ ยแปลง ผักสวนครัว บ่อปลา เล้าไก่ คอกหมูหลุม และ ผลไม้ต้นน้อยใหญ่ ทั้งหมดนั้นเพื่อเป็นอาหาร กลางวันให้เด็กนักเรียน ซึ่งหมายถึงการลดค่า ใช้จ่ายของโรงเรียนไปพร้อมๆ กัน โดยมี ลุงบุญ ซึ่งเป็นทั้งชาวบ้าน ทั้งนักการภารโรง และทั้งครู เกษตร เป็นผู้ดูแล สำหรับผมแล้ว ตัวชี้วัดที่สองมันช่างเป็น ตัวชี้วัดที่บาดใจ และประทับใจผมเหลือเกิน ที่ว่าบาดใจคือ เราจำเป็นต้องปล่อยให้ คุณครูผ รู้ บั ผ ดิ ช อบการศกึ ษาของชาติ (หรืออ ย่าง น้อยของชุมชน) ต้องมาดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ของสถาบันต นเอง แน่นอนวา่ หากสถาบันแ ห่งน ี้ เป็นม หาวิทยาลัยช อื่ ด งั เปิดห ลักสูตรปริญญาโท มีค า่ เล่าเรียน ค่าบ ำรุงก ารศกึ ษาเป็นห ลักแ สนตอ่ คน มีน กั ศึกษาแห่ม าสมคั ร กันค บั คัง่ สถาบันแ ห่ง นั้นคงไม่ต้องประสบปัญหาเรื่องการอยู่รอด ในความเป็นจ ริง สถานศกึ ษาเล็กๆ แห่งน ี้ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองปักหลัก ห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ 20 กิโลเมตร ชาวบา้ น รอบๆ โรงเรียน คงไม่มีใครมีเงินเป็นหลักแสนพร้อมจะเอามา ลงทุนเพื่อการศึกษา ความอยู่รอดของโรงเรียน แห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่งนัก แต่โรงเรียนแห่งนี้ก็อยู่รอดมาได้ ด้วย ความร่วมมือ ร่วมแรง และร่วมใจของคุณครู ชาวบา้ น และผมู้ จี ติ อ าสาทงั้ ห ลาย ความประทับ ใจส่วนหนึ่งเกิดขึ้นก็เพราะตัวชี้วัดนี้
อ้อยอินทรีย์ใส่อะไร?
สาเหตุท ผี่ มได้ม าเยีย่ มโรงเรียนแห่งน เี้ มือ่ วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็ด้วย ผลต่อเนื่องของตัวชี้วัดนี้เอง เนือ่ งจากความอยูร่ อดของโรงเรียนหนอง
33 ปักห ลักก บั ค วามอยูร่ อดของชาวบา้ นเริม่ เข้าใกล้ กันมากขึ้น ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงมีความคิด ว่า โรงเรียนน่าจะตอบแทนชุมชนด้วยการทำ โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านผู้ทำอาชีพ เกษตรกรบา้ ง กลุม่ ค รูอ าจารย์จ งึ ร ว่ มมอื ก บั ศ นู ย์ กสิกรรมธรรมชาติ จังหวัดสระแก้ว ในการทำ แปลงอ้อยอินทรีย์บนพื้นที่ 6.5 ไร่ในโรงเรียน โดยขอให้ผ มชว่ ยเป็นท มี ท ปี่ รึกษาในการตดิ ตาม และประเมินผลงาน การทำแปลงอ้อยอินทรีย์นี้ คุณครูตั้งใจ จะให้เป็นแปลงสาธิตสำหรับชาวบ้านในการลด ต้นทุนและเพิ่มผลิตภาพการผลิต โดยใช้กำลัง แรงงานของลุงบุญ ชาวบ้าน และนักเรียนชั้น ประถมปลายเป็นหลักในการดำเนินการ ตั้งแต่ การทำน้ำหมักชีวภาพ การเตรียมดิน การวาง ระบบนำ้ การปลูก การหม่ ด นิ การทำรนุ่ (กำจัด วัชพืช) ไปจนถึงก ารดแู ลรกั ษา โดยมคี ณ ุ ครูแ ละ ลุงบุญช่วยจดบันทึกในทุกๆ ขั้นตอน ผมตื่นเต้นพร้อมกับดีใจ ที่ได้เห็นอ้อย อินทรียอ์ ายุ 4 เดือน (ปลูกเมือ่ ต น้ เดือนมนี าคม 2554) งอกงามสมบูรณ์ดี สมบูรณ์กว่าแปลง อ้อยเคมีของชาวบ้านตามเส้นทางที่ผ่านมา คุณครูเล่าให้ฟังว่า ชาวบ้านรอบๆ โรงเรียน สนใจเข้ามาดูแปลงกันมาก เพราะนึกไม่ถึงว่า โรงเรียนซึ่งไม่มีประสบการณ์ทำไร่อ้อยมาก่อน จะสามารถปลูกได้งามเพียงนี้ คุณฐิตวิ ตั น ์ ยิบอ นิ ธ รรม แห่งก ลุม่ บ ริษทั น้ำตาลขอนแก่น ซึ่งร่วมเดินทางมาด้วย ชื่มชม ว่าโรงเรียนดูแลอ้อยได้ดีมาก พร้อมทั้งร่วมแบ่ง ปันป ระสบการณ์ในฐานะทอี่ ยูใ่ นวงการออ้ ยและ น้ำตาลมานาน คาดการณ์ว่า ผลผลิตอ้อยใน แปลงนนี้ า่ จ ะได้ไม่ต ำ่ ก ว่า 15 ตันต อ่ ไร่ มากกว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่รอบๆ โรงเรียนที่ได้ผลผลิต ประมาณ 8-9 ตันต่อไร่ เช่นเดียวกับ คุณสมิทธิ์ เย็นสบาย แห่ง ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสระแก้ว ปล่อยมุขโดย การถามชาวบ้านผู้มาเยี่ยมชม ว่าที่อ้อยของ โรงเรียนงอกงามขนาดนี้ เป็นเพราะใส่อะไร? ชาวบ้านก็ตอบกันใหญ่ ใส่ปุ๋ยคอกบ้าง ใส่น้ำ หมักบ้าง ใส่น้ำสม่ำเสมอบ้าง ก่อนที่คุณสมิทธิ์ จะเฉลยวา่ เป็นเพราะโรงเรียน ‘ใส่ใจ’ ก่อนทจี่ ะ ฟันธงว่า หากชาวบ้านอยากให้อ้อยงามอย่างนี้ ก็ต้องกลับไปใส่ใจกับอ้อยของตนเอง ชาวบ้าน ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย
ความฝันและความตั้งใจของผม
แม้ว่าผมจะร่วมชื่นชมกับอ้อยที่งอกงาม แต่ด ว้ ยความเป็นน กั เศรษฐศาสตร์ ใจของผมจงึ ยังหมกมุ่นอยู่กับตัวชี้วัดที่ 2 อยู่ดี อ้อยแปลงนี้หากได้ผลผลิต 15 ตันต่อ ไร่ จริ ง ซึ่ ง เมื่ อ คิ ด จ ากพื้ น ที่ ทั้ ง หมดน่ า จ ะไ ด้ ประมาณ 100 ตัน เมื่อขายเข้าโรงงาน ความ เป็น ‘เกษตรอินทรีย์’ ก็จะถูกเทรวมกับอ้อย เคมี อื่ น ๆ แล้ ว รั บ ร ายไ ด้ ก ลั บ ม าป ระมาณ 110,000 บาท หักลบต้นทุนที่ลงไปทั้งหมด โรงเรียนก็น่าจะมีผลตอบแทนสุทธิ ประมาณ สัก 70,000 บาท ซึ่งไม่รวมค่าแรงของครู ลุงบุญ และนักเรียน
ผมตงั้ ใจวา่ ผมจะกลับไปทหี่ นองปกั ห ลัก อีก เพื่อช่วยติดตามความคืบหน้า เก็บข้อมูล ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกอ้อยจนถึง ขั้นตอนสุดท้าย หากโรงเรียนหนองปักหลักทำ สำเร็จจริงดังคาด ผมจะลงมือเขียน และลงทุน จัดพิมพ์เรื่องราว องค์ความรู้ จนถึงผลลัพธ์ ที่เกิดขึ้น ให้เป็นเอกสารที่ใช้ในการเผยแพร่ รณรงค์สู่เกษตรกรในวงกว้าง โดยหวังว่า ความช่วยเหลืออันเล็กน้อย ของผมนี้ จะชว่ ยให้เกิดก ารขยายผลในการปลูก อ้อยอินทรีย์ ช่วยให้เกษตรกรรายอื่นมีรายได้ที่ เพิ่มพูนขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุน ‘ทางสังคม’ ของการปลูกอ้อยอินทรีย์ที่โรงเรียน แห่งนี้ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือ ผมหวังว่าจะได้ช่วยให้สังคม ไทยได้เข้าใจถึงคุณค่าของโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งคงไม่มีวันที่ได้ไปแข่งโอลิมปิกวิชาการกับ โรงเรียนขนาดใหญ่ได้ แต่โรงเรียนขนาดใหญ่ ก็คงไม่มีแปลงเกษตรไว้ให้คนรอบโรงเรียนได้ ชื่นชมและเรียนรู้ ในส่วนของอ้อย หากเป็นไปได้ ผมคิดว่า แทนที่เราจะปล่อยให้อ้อยอินทรีย์ของโรงเรียน ต้องถกู เทรวมกบั อ อ้ ยเคมีแ ละกลายเป็นน ำ้ ตาล ทรายเ ทก องเ พื่ อ ส่ ง อ อก เราน่ า จ ะน ำอ้ อ ย อินทรีย์ มาทำเป็นน้ำตาลธรรมชาติ อย่างน้อย ก็ส่วนหนึ่ง โดยใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย ให้ออกมาเป็น ‘น้ำตาลงบอินทรีย์’ หากเป็นไปได้ ผมฝนั ว า่ ให้ล กู สาวของผม และเพื่อนๆ ได้ใช้ความสามารถที่เรียนมาช่วย กันออกแบบแม่พิมพ์น้ำตาลงบให้เก๋ไก๋ และ พอดีก บั ก ารใช้ในการชงกาแฟ แบบนำ้ ตาลกอ้ น ทีค่ ำแสดรสี อร์ทเคยทำ รวมถงึ ช ว่ ยกนั อ อกแบบ บรรจุภัณฑ์เพื่อให้น้ำตาลงบอินทรีย์ขายได้ และการขายที่ว่าก็ไม่ใช่เพื่อเงินเท่านั้น แต่จะต้องเป็นการขายที่ให้ได้ใจทั้งคนให้และ คนรับ หากเป็นไปได้ ผมฝันที่จะชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันอุดหนุนน้ำตาลงบอินทรีย์ที่กำลังจะ ทำขึ้นนี้ และแนะนำผมในด้านอื่นๆ เพื่อช่วย ให้โรงเรียนแห่งนี้ผ่านตัวชี้วัดที่สำคัญเพียงสอง ตัวนี้ให้ได้ ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้นักเรียนที่หนองปัก หลักได้มีโรงเรียนที่พวกเขารักต่อไป หากท่านผู้อ่านทุกท่าน มีคำแนะนำใดๆ ที่ท่านคิดว่า ผมน่าจะได้ใช้แรงกาย แรงใจ แรง สมองของผมเพื่อช่วยสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ และโรงเรียนขนาดเล็กอื่นๆ อีก 7,000 แห่งให้ อยู่รอด และไม่ใช่อยู่รอดอย่างเดียว แต่เป็นการ อยู่รอดอย่างทรงคุณค่าต่อชุมชน และต่อสังคม รบกวนช่วยให้คำแนะนำแก่ผมด้วยนะครับ ผมฝั น ที่ จ ะเ ห็ น ค วามง ดงามเ ล็ ก ๆ ย งั ค งอยู่ และกระจายไปทวั่ ท อ้ งทงุ่ เคียงคแู่ ละมี คุณค่าเช่นเดียวกับกับความงดงามเจิดจ้าระดับ อินเตอร์ห รือร ะดับโอลิมปิก ทีค่ นในสงั คมกำลัง ไขว่คว้ากันอยู่ นีค่ อื ค วามฝนั ท เี่ ชือ่ ม นั่ ในพลังอ นั น อ้ ยนดิ แต่มหาศาลครับ
34
เทศาภิวัฒน์
กองบรรณาธิการ
์ น ว า
ท า ่ น ช
ไ า ่ ผ า้
ฟ ไถ ฟ
ร
ที่เพิ่งมีอายุครบ 150 ปีไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กำลังจะมีความ ‘เจริญ’ เข้ามาเยือน เจริญกรุง ถนน เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค โดยมีสถานีวัดมังกรซึ่งกิน
บริเวณตั้งแต่ซอยเจริญกรุง 16 ถึงแยกแปลงนาม ไม่ว่าจะถามใครๆ ที่เดินผ่านไปมาบริเวณนี้ ร้อยทั้งร้อย ตอบว่าอยากให้สร้าง...แต่เราลองถามผู้ที่ถูกเวนคืนแล้วหรือยังว่าพวกเขาคิดเห็นกันอย่างไร เหมือนกับทุกๆ เรื่องบนโลก ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง แต่ก่อนจะได้มา ต้องมีการ ชั่งตวงวัดเปรียบเทียบระหว่างผลได้กับผลเสียอย่างรอบคอบ เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เสียไปคุ้มค่ากับสิ่งที่จะได้มา หรือไม่ ขณะนี้โครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวัดมังกร ยังเป็นปัญหาคาราคาซัง ชาวบ้านผู้เสียประโยชน์ เพราะพิษเวนคืนต่างพากันออกมาส่งเสียงเรียกร้องอยู่บ่อยครั้ง ในทางตรงกันข้าม หลายฝ่ายกลับมองว่า ทำไมคนพวกนี้ไม่ยอมเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ แต่ทำไมผู้เสียสละ ต้องยอมรับความเสียหายไว้แต่เพียงฝ่ายเดียวล่ะ การเวนคืน ไม่ใช่ว า่ อ ยากได้ทตี่ รงไหน ก็ก ำหนดขอบเขตแค่บ นแผ่นก ระดาษ แต่ไม่ล งมาสมั ผัสพ นื้ ทีจ่ ริง ซึ่งไม่ใช่มีแค่ ‘ที่’ แต่ยังมี ‘คน’ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่มีชีวิตอยู่ด้วย นั่นเป็นเพียงสิ่งที่มองเห็น จับต้องได้ ยังไม่นับรวมเรื่องราวนามธรรมที่ต้องถูกลบเลือนไปจากหน้า ประวัติศาสตร์เช่นกัน ความเป็นย า่ นเก่าแ ก่ ทีต่ งั้ ร กรากของชาวจนี โพ้นท ะเลยคุ แ รก มีอ าคารและตกึ ร ามซงึ่ เป็นส ถาปัตยกรรม ในสมัยรัชกาลที่ 4-5 กำลังจะถูกความเจริญเข้าครอบงำและดูดกลืนไปตลอดกาล หากเป็นเมืองใหม่ไร้ราก คงไม่มีใครยกมือคัดค้านไม่ให้ทำ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดกับ เยาวราชครั้งนี้ใหญ่ห ลวงนัก เพราะนั่นอาจถือว่า ความเป็น ‘เยาวราช’ กำลังจะหายไปจากเมืองไทย
ไม่ฟังเสียงประชาชน
ที่ ดิ น ที่ ไ ด้ รั บ ผ ลกร ะท บดั ง ก ล่ า ว มีหลายเจ้าของ ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มูลนิธิจุมภฎ-พันธุ์ทิพย์ และที่ดินของ เอกชน โดยที่ ดิ น ใ นค รอบค รองข อง สำนักงานทรัพย์สินฯถูกเวนคืนมากที่สุด ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้มีด้วยกัน 3 ฝ่าย คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง ประเทศไทย (รฟม.) เจ้าของที่ และผู้เช่า แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนี ไม่พ้น ผู้เช่า ซึ่งเป็นพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของ กิจการผมู้ วี ถิ ผี กู พันก บั พ นื้ ที่ หลายคนเกิด ที่นี่ตั้งแต่รุ่นพ่อด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นร้าน ขายยาจีน เครื่องดนตรีเก่า โคมกระดาษ สำหรับงานพิธี เครื่องแต่งงานแบบจีน กระดาษเงินกระดาษทอง ฯลฯ ยุทธเดช เวชพงศา ร้านขายยา เป่ย จิน ถงเยิ๋นถัง หนึ่งในแกนนำชุมชนวัด มังกร บอกว่า โครงการนี้ ไม่เคยมีการทำ ประชาพิจารณ์หรือการรับฟังความเห็น
35 กับผ ู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง “กฎหมายสั่ ง ใ ห้ เ ขาท ำป ระชา พิจารณ์ เขาก็ทำ แต่เขาไปให้เขตทำ แล้ว ก็มีแต่เจ้าหน้าที่เขต และคนอื่นๆ ซึ่ง ไม่ใช่คนในพื้นที่ มีแต่ผู้ที่มีส่วนได้ ไม่มี ส่วนเสีย” นอกจากนั้น ยุทธเดชเล่าว่ามีการ รับฟังความเห็นในพื้นที่ แต่ด้วยการไป สอบถามผู้คนตามป้ายรถเมล์ ต่อให้ถาม กี่คน ร้อยทั้งร้อยก็ต้องตอบว่าดี “อย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไม ทำไม ไม่ทำที่เป็นความจริง ลงมานั่งคุยกัน มา จับเข่าคุยกัน”
เจรจาประสา ‘วิน-วิน’
ขณะที่ชุมชนวัดมังกรเรียกร้องให้มี การเจรจาพร้อมหน้ากันทั้ง 3 ฝ่าย ตั้งแต่ ปี 2548 เรื่องก็เงียบหาย จนพวกเขา ต่างเห็นพ้องว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อ ทวงถามความยุติธรรม เรียกร้องสิทธิที่ ถูกละเมิด รวมถึงสิทธิในการมีส่วนร่วม ตั ด สิ น ใ จข องชุ ม ชนอั น เ นื่ อ งม าจ าก โครงการของรัฐ เพราะ หนึ่ง พวกเขา ถือว่า รฟม. ไม่ได้ท ำประชาพจิ ารณ์ ขัดต อ่ รัฐธรรมนูญ มาตรา 66, 67 และสอง ตาม กฎสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า การทำ ประชาพิจารณ์ จะต้องมาชี้แจงให้ชุมชน ทราบภายใน 15 วัน แต่ชาวชุมชนยืนยัน ว่าไม่มีใครออกมาทำอะไรทั้งส ิ้น “เราร้องเรียนศาลปกครองว่า เขา ทำลายชุมชน เขาไม่มีมาตรการเยียวยา เขาทำลายชุมชนชาวจีนโบราณ และเขา ไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ใน ศาล และศาลยังไม่ตัดสิน” สุเทพ เจริญ ธีระสกุลเดช ตัวแทนชุมชนอีกท่านจาก ร้านสินไทย ให้ข้อมูล เมื่ อ ช่ ว งเดื อ นก รกฎาคม 2553 ได้มีการเจรจาและลงนามข้อตกลงหรือ เอ็มโอยรู ว่ มกนั เพียง 2 ฝ่าย คือ เจ้าของที่ กั บ รฟม. เพราะถื อว่ า ผู้ เช่ า ส่ ว นใ หญ่ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ เพราะไม่ได้มีสิทธิ ครอบครองพื้นที่ ยุทธเดช เวชพงศา
สมเกียรติ สมบูรณ์ปัญญากุล ร้าน ย่งซิ่นหลียิ่งเจริญ ซึ่งเป็นผู้เช่าในส่วนของ สำนักงานทรัพย์ส นิ ฯให้ข อ้ มูลเรือ่ งสญ ั ญา เช่าในปัจจุบันว่า “สัญญาเช่าหมดมาตั้ง 5 ปีแล้ว ปกติเขาต้องต่อสัญญาเช่าทุก 3 ปี นี่หมด สัญญาแล้ว ไม่ให้ต่อมาตั้งแต่ปี 2549 แต่ค่าเช่ายังเก็บอยู่” ถ้าเป็นเช่นน ี้ ต้องถอื ว่าท งั้ ส องฝา่ ย หมดสญ ั ญาตอ่ ก นั ไปแล้ว เจ้าของทมี่ สี ทิ ธิ จะอัญเชิญผู้เช่าออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ โดย อ้างว่า ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า เพราะตาม กฎหมาย หากมฝี า่ ยหนึง่ ฝ า่ ยใดผดิ ส ญ ั ญา เช่าก็ถือว่าสัญญานั้นเป็นโมฆะ
ปัญหาไม่ได้อยูท่ กี่ าร เวนคืน
น่ า ส งสั ย ไ ม่ น้ อ ย ที่ โ ครงการ รถไฟฟ้ า ใ ต้ ดิ น ต้ อ งมี ก ารเ วนคื น พื้ น ที่ หน้าดินกว้างขวางขนาดนี้ สุเทพตั้งข้อสังเกตเรื่องการเวนคืน พื้นที่บนดิน ทั้งที่เป็นโครงการก่อสร้าง รถไฟฟ้าใต้ดนิ หลังจ ากเก็บค วามสงสัยไป ปรึกษานักวิชาการหลายท่าน ได้ข้อสรุป ว่าการเวนคืนแถวนี้เริ่มส่งกลิ่นแปลกๆ เหตุผลที่รัฐบาลเลือกทำรถไฟฟ้า บนดินหรือใต้ดินนั้น เขาแยกพิจารณา อย่ า งไร การตั ด สิ น ใ จว่ า ต รงนี้ จ ะเ ป็ น สถานีร ถไฟฟ้าใต้ดนิ ควรจะเป็นไปเพราะ ไม่ต อ้ งการสร้างความกระทบกระเทือนแก่ ชาวบ้าน จึงต้องพยายามใช้พื้นที่ให้จำกัด ที่สุดหรอกหรือ “ผมไปคุยกับนักวิชาการ แล้วเขา ก็ถามว่า เป็นรถไฟฟ้าใต้ดินแต่ทำไมต้อง ขุดอะไรกันเยอะแยะแบบนี้ เวนคืนอะไร เยอะแยะอย่างนี้ เพราะอะไร...คนที่อยู่ มาจะค่อยๆ ซึมซับไปเองว่า เพราะมันมี อะไรกันอยู่” ‘อะไร’ ที่ว่านั้น คงเป็นเรื่องที่เรา ก็รู้ๆ กันดีอยู่แล้วกระมัง เมื่อมีข่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าจ ะผดุ ข นึ้ ท นี่ ี่ ความเจริญ ก็ไหล่บ่าเข้ามาแทบจะทันที โครงการ พัฒนาพนื้ ทีต่ ดิ ท างเข้าอ อกสถานีว ดั ม งั กร ที่ออกมาเมื่อปี 2552 น่าจะตอบคำถาม นี้ได้ดีที่สุด แต่ลองหันมามองดูความเป็นจริง แน่ ใ จห รื อว่ า ร ถไฟฟ้ า จ ะอ ำนวยค วาม สะดวกให้คนมาเยาวราชส่วนใหญ่จริงๆ เพราะคนเหล่านี้มีทั้งมาหาซื้อของไปขาย และมาซื้อของสดต่างๆ หลายคนต้อง หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ซึ่งอย่างที่รู้ กันว่าการหอบข้าวของเกะกะเป็นเรื่อง ไม่เหมาะสำหรับรถไฟใต้ดิน หลายๆ คนค าดก ารณ์ กั น ว่ า นายทุ น ก ลุ่ ม ใ หญ่ ก ำลั ง ห อบหิ้ ว แ หล่ ง ธุรกิจทันสมัยเข้ามาแทนที่ ตามรถไฟฟ้า เข้ามาติดๆ เช่นเดียวกับเวิ้งนาครเขษม กำลังเผชิญทางตัน เพราะไม่ว่าจะรวมตัว
รวมเงินย นื่ ข อซอื้ ท มี่ ากแค่ไหนกไ็ ม่เป็นผ ล เมื่อผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยากขายให้กับ กลุ่มทุนมากกว่า แล้วย า่ นเก่าข องมหานครกรุงเทพฯ ก็จะเปลี่ยนโฉมหน้าไปตลอดกาล
ขอคืนพื้นที่
ปี 2554 เป็ น ปี ที่ ผู้ เ ช่ า อ าคาร และพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯอาจต้องพึ่งพา ยานอนหลับ เพราะกงั วลวา่ เจ้าของทอี่ าจ จะปฏิบัติการ ‘ขอคืน’ พื้นที่เมื่อไหร่ก็ได้ ที่ดินแปลงใหญ่ๆ กลางเมือง ไม่ ว่าจะเป็นแหล่งชุมชนที่มีรากเหง้าเก่าแก่ แค่ไหนก็เริ่มอยู่ยากขึ้นไปทุกที ตัวอย่าง แรกมใี ห้เห็นแ ล้วท เี่ วิง้ น าครเขษม แม้ผ เู้ ช่า จะรวมตัวกันอย่างไรก็ดูจะไม่สามารถ ต้ า นทานพ ลั ง น ายทุ น กั บ เ จ้ า ของพื้ น ที่ ที่ไล่ตามการพัฒนาของเมืองหลวงที่แทบ จะเรียกว่า ‘ไร้ผังเมืองโดยสิ้นเชิง’ ได้เลย ชาวชุมชนหลายคนให้ความเห็น ตรงกั นว่ า หากรั ฐ มี ม าตรการเยี ยวยา และดูแล จัดหาที่ทำกินใหม่ให้เหมาะสม ชดเชยผู้เสียประโยชน์อย่างสมน้ำสมเนื้อ รับรองว่า ปัญหาเหล่านี้คงไม่หมักหมม และลากยาวมาจนถึงวันนี้ ต้นตอสำคัญของปัญหานี้ ยุทธเดช เชื่อว่ามาจากกฎหมายเวนคืนไม่เข้ายุค เข้าส มัย พอมกี ฎหมายตวั น ี้ ก็เหมือนเพิม่ อำนาจให้กับผู้ที่อยากทำโครงการ เขา เปรียบเทียบให้ฟ งั ว า่ ร ะหว่างใช้อ ำนาจกบั ใช้ส มอง ใช้อ ำนาจงา่ ยกว่า ไม่มกี ารรบั ฟ งั ความเห็นป ระชาชนผมู้ สี ว่ นได้เสียบ ริเวณ นั้นอย่างจริงจัง
“ชาวบ้านที่นี่ ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากที่ทำกิน” ห้างร้านแถวนี้ต่างยึดอาชีพค้าขาย เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นร้านขายยาจีนของ ยุทธเดช หรือร้านสินไทย ร้านศรีสมบูรณ์ ขายเครื่องแต่งงาน พิธีของคนจีน ห้าง ตังอา ขายโคมกระดาษจีนใช้ในพิธีมงคล และอวมงคล นอกจากนนั้ ยังม รี า้ นเครือ่ ง ดนตรีจ นี ร้านขายเครือ่ งลายคราม ตุก๊ ตา- จีน อยูใ่ นแถบนที้ งั้ ส นิ้ ในไชนา่ ท าวน์เมือง ไทย ใครๆ ก็รู้ว่าชีวิตพวกเขาผูกพันกับ พื้นที่นี้จนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน “ทุกคนบอกว่าถ้าต้องย้ายไปก็คง เลิกกิจการ ก็เป็นปัญหาตรงนี้ ที่การจะ สร้างสิ่งหนึ่ง กลับต้องไปทำลายอีกสิ่ง หนึ่ง “ถ้ า จ ะป ฏิ รู ป เ รื่ อ งนี้ ต้ อ งก ำจั ด กฎหมายเวนคืนที่ใช้อำนาจเป็นใหญ่นั้น เสี ย ปรั บ ใ ห้ เ ป็ น ก ฎหมายเ วนคื น ที่ ใ ช้ ธรรมเป็นใหญ่ หาทางออกแบบกฎหมาย เวนคืนท ไี่ ม่ท ำให้ผ ถู้ กู เวนคืนเป็นค นทสี่ ญ ู เสียอ ย่างเดียว และควรเยียวยาตามความ ต้องการของแต่ละคนดว้ ย เพราะแต่ละคน มีความต้องการไม่เหมือนกัน” ยุทธเดช ทิ้งท้าย หากโครงการสถานีว ดั ม งั กรได้ฤ กษ์ ก่อสร้างเมื่อใด อาจเป็นสัญญาณว่า มนต์ ขลังของเยาวราช-ไชน่าทาวน์ใหญ่ที่สุด ในโลก กำลังเริ่มต้นนับถอยหลังแล้ว
ลำดับเหตุการณ์ ปี 2548 มีใบปลิวเชิญให้ชาวบ้านชุมชนวัดมังกรที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วม ฟังข้อมูลที่บริษัทที่ปรึกษาของ รฟม. ชาวบ้านตัดสินใจยื่นเรื่องฟ้อง รฟม. ต่อ ศาลปกครอง ปี 2549 ในส่วนอาคารพาณิชย์ที่ไม่ใช่ของเอกชน ผู้เช่าไม่ได้รับการต่อ สัญญาจากเจ้าของที่ ทั้งที่ปกติต้องมีการต่อสัญญาทุก 3 ปี แต่ค่าเช่ายังคง ชำระตามปกติ ปี 2552 เดือนเมษายน มีผ งั แ ม่บทและแบบสถาปัตยกรรมขนั้ ต น้ ‘โครงการ พัฒนาทีด่ นิ ส ำนักงานทรัพย์สนิ ส ว่ นพระมหากษัตริยแ์ ละมลู น ธิ จิ มุ ภฎ-พันธุท์ พิ ย์ บริเวณไชน่าทาวน์’ เป็นอาคารสูง 19 ชั้น เนื้อที่รวม 10 ไร่ บริเวณจุดเชื่อมต่อ ของสถานีรถไฟฟ้าวัดมังกรกมลาวาส โดย Dymaxion Studio Co., Ltd. ปี 2553 สำนักงานทรัพย์สนิ ส ว่ นพระมหากษัตริย์ มูลน ธิ จิ มุ ภฎ-พันธุท์ พ ิ ย์ และรฟม. ร่วมลงนามบนั ทึกข อ้ ต กลงการใช้ท ดี่ นิ เพือ่ ก อ่ สร้างสถานีร ถไฟฟ้าว ดั มังกรกมลาวาส โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค (อุโมงค์ ใต้ดิน) ปี 2554 พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตพระนคร เขตธนบุรี เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ เขตจอมทอง และเขตบางแค กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 กรกฎาคม ล่าสุด เมื่อ ปลายเดือนกนั ยายนทผี่ า่ นมา รฟม. เริม่ ส ง่ เจ้าห น้าทีเ่ ข้าส ำรวจอาคารและพนื้ ที่ ในเขตเวนคืน
36
ปฏิทิน-ปฏิรูป
01
รวมพลังสตรีไทย ต่อต้านคอรัปชั่น คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป สำนักงานปฏิรูป (สปร.) คณะกรรมการนักธุรกิจสตรี หอการค้าไทย ร่วมกบั 7 องค์กรสตรีท ำดเี พือ่ แ ม่ สมาคมสหพันธ์ส ตรี เพื่อสตรี สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติกรุงเทพมหานคร สหพั น ธ์ ส มาคมส ตรี สั ม พั น ธ์ ส หพั น ธ์ ส มาคมส ตรี นักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย สหพันธ์สตรี ฮ ากกาแห่งป ระเทศไทย สหพันธ์ส มาคมสตรีอ าสาสมัคร รักษาดินแดนแห่งประเทศไทย มูลนิธิเกียรติร่วมมิตร เพือ่ ก ารศกึ ษา จัดง านเสวนาวชิ าการในหวั ข้อ ‘รวมพลัง สตรีไทย ต่อต้านคอรัปชั่น’ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 เวลา 13.00 – 15.00 น. ณ ห้องแซฟไฟร์ 6 อิมแพ็คคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์เมืองทองธานี จังหวัด นนทบุรี โดยมีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ คุณยุวดี นิ่มสมบุญ ประธานคณะกรรมาธิการพฒ ั นาสงั คมและกจิ การเด็ก เยาวชน สตรี ผูส้ งู อ ายุ คนพกิ ารและผดู้ อ้ ยโอกาส สมาชิก วุฒสิ ภา, คุณจ นั ทร์ส ดุ า รกั ษ์พ ลเมือง รองปลัดก ระทรวง วัฒนธรรม, คุณกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร รองประธาน คกก.นักธุรกิจสตรี หอการค้าไทยและ คุณม าลีร ตั น์ ปลืม้ จ ติ รชม รองประธานบริหารสมาคม แม่ด เี ด่นแ ห่งช าติ กรุงเทพมหานคร ดำเนินร ายการโดย คุณกนก รัตน์วงศ์กุล คุ ณ ศิ ริ น า ปวโ รฬาร วิ ท ยา ประธานค ณะ กรรมการนักธุรกิจสตรี หอการค้าไทย กล่าวว่าการ ประกาศเจตนารมณ์ ในฐานะสตรีไทยที่มีฐานะเป็น ผู้เสริมบทบาทในครอบครัวฐานะแม่ ในฐานะภรรยา ในฐานะลูกสาว หากสตรีไทยรวมพลังกันจะทำให้ภัย ทุจริตและคอรัปชั่นสลายไปจากประเทศไทย พวกเรา จะรวมพลังกันสร้างชาติไทยให้โปร่งใส สร้างคนไทย ให้ซื่อตรง คุณมาลีรัตน์ ปลื้มจิตรชม รองประธานบริหาร สมาคมแม่ด เี ด่นแ ห่งช าติ กรุงเทพมหานคร กล่าววา่ การ ต้านคอรัปชั่นจะต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน ซึ่งอาจนำ หลักธรรมะหรือความพอเพียงมาเตือนสติในการดำรง ชีวิตเพราะบางคนตัดสินใจไม่ได้ระหว่างสินน้ำใจกับ สินบน โดยพื้นฐานคนไทยจะมีสินน้ำใจ ให้ๆ ไปจะ กลายเป็นสินบนได้ คิดว่าแม่ทุกคน ภรรยาทุกคน เป็น คนดี หากเราเริ่มจากหน่วยเล็กในสังคมของครอบครัว ก่อน ก็จะทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรื่องขึ้นได้ คุณยุวดี นิ่มสมบุญ ประธานคณะกรรมาธิการ
พัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิ ก ารแ ละผู้ ด้ อ ยโ อกาส สมาชิ ก วุ ฒิ ส ภาก ล่ า ว ว่า เรื่องงบประมาณของกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ใน การพัฒนาผู้เสียเปรียบทางสังคมหรือผู้ด้อยโอกาส ทางสังคมมีน้อยมาก การที่สูญเสียงบประมาณถึง สองแสนล้านบาทไปกับการคอรัปชั่น ทำให้คุณภาพ ชีวิตไม่ได้รับการพัฒนา ส่งผลให้ประเทศชาติไม่เจริญ ก้าวหน้า คุณจ นั ทร์ส ดุ า รักษ์พ ลเมือง รองปลัดก ระทรวง วัฒนธรรม กล่าวว่าภาคราชการมีส่วนสำคัญในการ ดำเนินการเพื่อให้การคอรัปชั่นหมดไป ระบบราชการ ใหม่แผนการปฏิรูประบบราชการ เน้นระบบราชการ ที่สมรรถนะสูงมีคุณภาพ มีคุณธรรม มีประสิทธิภาพ เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน โดยนโยบายเน้น หลักธรรมาภิบาลซึ่งก็สอดคล้องกับภาคธุรกิจที่มีหลัก ธรรมาภิบาลเข้ามาใช้ในการดำเนินงานต่างๆ ซึ่งเป็น ความจำเป็นเพราะด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นมีทั้งคนดี และไม่ดี โดยหลักธรรมาภิบาลนี้ทุกคนสามารถเข้า มาตรวจสอบได้ และอยากการให้มีการสร้างเครือข่าย สื่อมวลชน ถ้าเรามีสื่อมวลชนในการช่วยตรวจสอบ เชื่อมโยงข้อมูลกันในการต่อต้านคอรัปชั่น คุณกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูร รอง ประธาน คกก.นักธุรกิจสตรี หอการค้าไทย กล่าวว่า Model การคอรัปชั่นของฮ่องกงเกิดขึ้น โดยประชาชน ของฮ่ อ งกงไ ด้ ลุ ก ขึ้ น ม าต่ อ ต้ า นค อรั ป ชั่ น จึ ง เ ป็ น จ ดุ เริม่ ต น้ ข องคณะกรรมการอสิ ระเพือ่ ก ารปราบปราม การคอรัปชัน่ โดยมองวา่ ถ า้ เรามคี วามกล้าแ ละยอมเจ็บ เพื่อจะสร้างอนาคต มีชีวิตที่ดี สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ เรื่องของจิตสำนึกทำอย่างไรให้คนเกิดความตระหนัก สิ่ ง ที่ ห อการค้ า อ ยากฝ ากใ นเ รื่ อ งข องก ารต่ อ ต้ า น คอรัปชั่น สิ่งแรกต้องเริ่มจากตัวเรา ผู้นำองค์กร คนที่ เป็นประชาชนจะเป็นบทบาทของแม่ หรือลูก เราทำ ก่อนและสดุ ท้ายจะมคี นทสี่ องคนทสี่ ามตามมา สำคัญ ที่สุดต้องมีความกล้า ภายหลังการเสวนาเสร็จสิ้น วิทยากร ผู้ร่วม เสวนาและคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ลงนามและ เขียนเจตนารมณ์ในบอร์ดต่อต้านคอรัปชั่น โดยจะมี การนำเรียนต่อนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ ถึงวงการ สตรีไทยได้ร่วมพลังกันต่อต้านคอรัปชั่นต่อไป
37
02
สำนักงานปฏิรูป (สปร.) ระดม เครือข่ายเตรียมจัดสมัชชาปฏิรูป ระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2554 สำนักงานปฏิรูป (สปร.) ได้จัดประชุมเตรียมการจัด สมัชชาปฏิรูประดับจังหวัด ณ ห้องประชุมบอลรูม 2 ชั้น 4 โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี โดยเชิญแกนประสานการจัดสมัชชาปฏิรูประดับจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดเข้าร่วม ซึ่งการปฏิรูป ประเทศไทย เป็นเรือ่ งใหญ่ข องสงั คม ทีต่ อ้ งทำความเข้าใจให้เป็นไปในทางทสี่ อดคล้องกนั เพือ่ การขับเคลื่อนและดำเนินการที่เป็นธรรมชาติ และหลากหลาย แต่ไปในทิศทางใหญ่เดียวกัน จำเป็นต อ้ งชวนคนไทยรว่ มกนั ส ร้างประเทศไทย หัวใจของการปฏิรปู ป ระเทศไทยอยูท่ กี่ ารเน้น การปฏิรูปที่ฐานราก คือการทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เชื่อมเข้ากับการปฏิรูประบบและโครงสร้าง ต่างๆ ข้างบน และเชือ่ มกบั จ ติ สำนึกค วามเป็นธ รรมของสงั คมโดยรวม ยุทธวิธที สี่ ำคัญในการ ปฏิรปู ป ระเทศไทยอกี อ ย่างหนึง่ ก ค็ อื การขบั เคลือ่ นการปฏิรปู ในระดับพ นื้ ที่ ด้วยการ ‘ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ในทุกเรื่อง ทุกพื้นที่’ เพื่อให้เกิดการปฏิรูป ภาคปฏิบัติไปพร้อมๆ กับการดำเนินการด้านอื่นๆ คือ การสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกัน โดยการปฏิบตั อิ ย่างกว้างขวางและหลากหลาย ด้วยการผนึกก ำลังจ ากทกุ อ งค์กรภาคีท กุ ภ าค ส่วนเข้ามาทำงานด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการสานพลังนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม - 1 เมษายน พ.ศ. 2554 เป็นไปอย่างกว้างขวาง เปิดช่องทางให้ผู้สนใจจากภาคส่วน ต่างๆ ในทุกพื้นที่ของประเทศ มีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูป คณะกรรมการดำเนินการ จัดสมัชชาปฏิรูป (คจสป.) จึงได้กำหนดให้มีการสนับสนุนการจัดสมัชชาปฏิรูปเฉพาะพื้นที่ (ระดับจ งั หวัด) ขึน้ เพือ่ ส นับสนุนให้เกิด กระบวนการพฒ ั นานโยบายสาธารณะเพือ่ ก ารปฏิรปู ประเทศไทย ที่เชื่อมโยงกับสมัชชาปฏิรูประดับชาติ และทำให้สังคมเกิดความเคลื่อนไหวไป พร้อมๆ กันอย่างกว้างขวาง โดยประเด็นท นี่ ำเข้าส กู่ ารพจิ ารณา อาจได้แก่ การนำมติส มัชชา ปฏิรูประดับชาติครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2554) ไปขับเคลื่อนในพื้นที่ด้วยรูปแบบหรือวิธีการต่างๆ หรือประเด็นที่เป็นระเบียบวาระของสมัชชาปฏิรูปครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2554) หรือประเด็นอื่นที่ อยูใ่ นความสนใจของพนื้ ทีเ่ อง โดยกำหนดให้ม กี ารจดั ส มัชชาปฏิรปู ร ะดับจ งั หวัดพ ร้อมกนั ท วั่ ประเทศ ระหว่างเดือนตลุ าคมถงึ พ ฤศจิกายน 2554 และอาจพจิ ารณาจดั เป็นป ระจำทกุ ป ใี น ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป เพื่อสร้างกระแสการปฏิรูปให้สังคมมีการเคลื่อนไหว ร่วมผลักดัน การขบั เคลือ่ นการปฏิรปู ต ามมติส มัชชาทผี่ า่ นมา และเตรียมการอย่างดใี นการเข้าร ว่ มสมัชชา ปฏิรูประดับชาติครั้งถัดไป สำหรับแนวทางการสนับสนุน สปร. จะให้การสนับสนุนข้อมูลและทางวิชาการ ได้แก่ ผูเ้ ชีย่ วชาญ ผูท้ รงคณ ุ วุฒิ วิทยากรและทปี่ รึกษา และการสนับสนุนเอกสารขอ้ มูลท างวชิ าการ ต่างๆ, สนับสนุนก ารพฒ ั นากลไก กระบวนการสมัชชาปฏิรปู และการพฒ ั นาเครือข า่ ยสมัชชา ปฏิรปู , สนับสนุนก ารสอื่ สารสาธารณะ ได้แก่ การสอื่ สารผา่ นสอื่ ส าธารณะตา่ งๆ ทัง้ ส อื่ ส งิ่ พ มิ พ์ วิทยุ โทรทัศน์ เว็บไซต์ และสื่อสาธารณะอื่นๆ ตลอดจนสนับสนุนทรัพยากรอื่นๆ ตามความจำเป็นด้วย...
38
ขับเคลื่อน
สำนักงานปฏิรูป (สปร.)
ด า ข ก ู ผ ร า ก เพื่อลด
ป ู ร ิ ฏ ป ร า ก
ย ท ไ จ ิ ก ฐ ษ ร ในระบบเศ
1. ปัญหาเชิงองค์กร
กฎหมายการแข่งขัน ทางการค้าข อง ประเทศไทย ประเทศไทยมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.การ แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 มาแล้วเป็นเวลา กว่า 12 ปี แต่ในความเป็นจริง ยังไม่เคยมีการ กล่าวโทษ หรือด ำเนินค ดีแ ก่ผ ปู้ ระกอบการแม้แต่ รายเดียว บางครั้ง แม้จะมีความผิดชัดเจน แต่ ตัวบทกฎหมายเองก็ยังคงมีช่องโหว่อยู่มากมาย ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม ขณะที่ ผู้ ป ระกอบก ารด้ ว ยกั น ก็ ต้ อ งอ ยู่ ใ นภ าวะถู ก เอารัดเอาเปรียบ ย้อนมาดูต้นตอของความล้มเหลวในการ บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งสามารถสรุปออกมาเป็น 6 สาเหตุหลัก คือ
ผู้ผูกขาดพลังงาน ประเทศไทยมี ค วามส ามารถใ นก ารผ ลิ ต ก๊ า ซ ธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบรวมกัน เฉพาะปี 2551 ปีเดียว มากถึง 721,500 บาร์เรลต่อวัน หรือ 115 ล้านลิตรต่อวัน และในปีนั้น เราสามารถ ส่งออกพลังงานได้ถึง 3 แสนล้านบาท ในขณะที่มูลค่า การส่งอ อกข้าวอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท แต่ทั้งที่เราสามารถกลั่นน้ำมันเองได้ในประเทศ หลายคนสงสัยว่าทำไมเราต้องตั้งราคาน้ำมันในราคา นำเข้าจากสิงคโปร์? สมมุตวิ า่ ราคานำ้ มันส ำเร็จรูปท ตี่ ลาดสงิ คโปร์อ ยูท่ ี่ 20 บาท และคา่ ใช้จ า่ ยระหว่างการนำเข้าจ ากสงิ คโปร์อ ยูท่ ี่ 2 บาท คนไทยต้องจ่ายค่าน้ำมันหน้าโรงกลั่น 22 บาท ในขณะทคี่ นสงิ คโปร์จ ะซอื้ น ำ้ มันได้ในราคา 20 บาท ทัง้ ๆ ทีโ่ รงกลัน่ อ ยูใ่ นกรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง พูดง า่ ยๆ ก็ค อื เงิน
โครงสร้างและท่ีมาของคณะ กรรมการการแข่งขันทางการค้า มี ความเสี่ยงต่อการแทรกแซงทางการ เมือง และการถกู ค รอบงำโดยกลุม่ ผ ล ประโยชน์ท างธรุ กิจ ทำให้เกิดก ารคา้ ท ่ี ไม่เป็นธรรม
2. ปัญหาการดำเนินการ
ความผดิ พ ลาดในเชิงโครงสร้าง ของส ำนั ก งานค ณะก รรมการก าร แข่งขันทางการค้า ทำให้การบังคับ ใช้กฎหมายไม่ได้รับการสนับสนุน และไม่มีพัฒนาการในการบังคับใช้ กฎหมายแต่อย่างใด นอกจากน้ี องค์กรดังกล่าวมี สถานะเป็นหน่วยราชการ ทำให้ยัง ขาดแคลนทรัพยากรบคุ คลทม่ี คี วามรู้ ความชำนาญตามสายงาน นอกจากน้ี งบประมาณกย็ งั มจี ำกัด
3. ปัญหาของกฎหมาย
ประเทศไทยมี รั ฐ วิ ส าหกิ จ จำนวนหนึ่งท่ีประกอบกิจการในเชิง พาณิชย์ แข่งขันโดยตรงกบั ผปู้ ระกอบ การทว่ั ไป และรฐั วิสาหกิจบางแห่งยงั
มีอำนาจผูกขาดทางกฎหมาย ทำให้ ค แู่ ข่งม สี ถานภาพเพียง ‘ผูร้ บั ส มั ปทาน’ หรือ ‘ผูร้ ว่ มการงาน’ เท่านัน้ มิได้เป็น ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการ โดยตรง มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.การแข่งขัน ทางการค้า พ.ศ. 2542 กำหนดว่า กฎหมายไม่บังคับใช้กับรัฐวิสาหกิจ ตามก ฎหมายว่ า ด้ ว ยวิ ธี ก ารท าง งบป ระมาณ ซึ่ ง ห มายความว่ า ปัญหาการผูกขาดที่เกี่ยวเนื่องกับ รั ฐ วิ ส าหกิ จ จ ะไ ม่ ไ ด้ รั บ ก ารแ ก้ ไ ข เยียวยาแต่อย่างใด
4. บทลงโทษไม่เหมาะสม
บทล งโทษต าม พ.ร.บ.การ แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 เป็น บทลงโทษทางอาญา โดยกำหนด โทษจำคุ ก ไ ม่ เกิ น 3 ปี หรื อ ป รั บ ไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้ง ปรับ (มาตรา 51) และในกรณีที่ กระทำความผิดซ้ำต้องระวางโทษ เป็นทวีคูณ อย่างไรก็ตาม กระบวนการ เอาผิดผู้ละเมิดกฎหมายการแข่งขัน ทางการคา้ น นั้ ใช้เวลานาน นอกจากนี้ ยังไม่มีการพิจารณาโทษตามความ
ที่บวกเพิ่มนั้นไม่ต่างอะไรกับ ‘เงินกินเปล่า’ ของโรงกลั่น เนื่องจากไม่ได้มีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปมาจริง ดั ง นั้ น โรงก ลั่ น จึ ง อ ยากข ายน้ ำ มั น ใ นป ระเทศ มากกว่า เพราะขายได้ลิตรละ 22 บาท แต่ถ้าขายให้ สิงคโปร์ ต้องจ่ายค่าขนส่งเองอีก 2 บาท ทำให้ราคา เหลือแค่ 18 บาท การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ‘บมจ. ปตท.’ เป็น ผู้ประกอบการรายเดียวในธุรกิจโรงแยกก๊าซ ธุรกิจ ก๊าซเอ็นจีวี และธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และถึงแม้ บมจ. ปตท. จะไม่ได้เป็นบริษัทเดียวที่ผูกขาด การกลนั่ น ำ้ มันในประเทศ แต่ในบรรดาโรงกลัน่ ข นาดใหญ่ ที่มีอยู่ 6 โรงทั่วประเทศนั้น บมจ. ปตท. ก็เป็นผู้ถือหุ้น รายใหญ่ถึง 5 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลตอ่ ว นั นอกจากผลประโยชน์ท ไี่ ด้จ ากการขาย น้ำมันและก๊าซให้กับภาครัฐ การทำธุรกิจแยกก๊าซ และ ธุรกิจข นส่งก า๊ ซธรรมชาติแ ล้ว บมจ. ปตท. ยังได้ป ระโยชน์
รุนแรงของการกระทำผิดอีกด้วย
5. ประชาชน
สำนักงานคณะกรรมการการ แข่งขันทางการค้าของประเทศไทย มีกรอบภารกิจที่ค่อนข้างแคบ เมื่อ เทียบกับในต่างประเทศ เนื่องจาก ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับผู้บริโภค โดยตรง เช่น การโฆษณาทไี่ ม่เป็นจ ริง การกำหนดโปรโมชั่นในลักษณะที่ เป็นการหลอกลวง การดูแลสัญญา ที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ ทีเ่ ป็นด งั นี้ เพราะเรือ่ งดงั ก ล่าว อยู่ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ผู้ บ ริ โ ภค ด้ ว ยเ หตุ ผ ลดั ง ก ล่ า ว ผู้บริโภคทั่วไปจึงไม่ให้ความสำคัญ แก่กฎหมายการแข่งขันทางการค้า เพราะมองว่าเป็นกฎเกณฑ์ที่มุ่งใช้ เฉพาะปญ ั หาขอ้ พ พิ าทระหว่างธรุ กิจ ด้วยกันเองเท่านั้น
6. การขาดบทบาทในการ สนับสนุนก ารแข่งขัน ทางการค้า
กฎหมายการแข่งขันของไทย ไม่สามารถจัดการกับนโยบายของ รัฐหรือการออกกฎระเบียบของรัฐ
จากทรัพย์สนิ ท ถี่ กู โอนไปจากภาครฐั เมือ่ ต อนแปรรูปก าร ปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยด้วย นั่นก็คือ กำไรจากท่อ ขนส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งสร้างจากเงินภาษีของคนไทยใน ช่วงก่อนการแปรรูปปี 2544 ประเด็นท นี่ า่ ส นใจอกี ป ระเด็นห นึง่ ค อื ยิง่ บมจ.ปตท. ได้กำไรมากเท่าไหร่ ข้าราชการที่เป็นกรรมการก็จะได้ ผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น เช่น บริษัท Statoil Hydro ที่ประเทศนอร์เวย์ มีกำไรในปี 2550 จำนวน 2.7 แสน ล้านบาท ขณะที่ บมจ. ปตท. มีกำไร 9.8 หมื่นล้านบาท บริษัท Statoil Hydro จ่ายเงินให้แก่กรรมการรวมทั้งสิ้น เพียง 19.5 ล้านบาท แต่ บมจ. ปตท. จ่ายให้ม ากถงึ 42.1 ล้านบาท กล่าวคอื บริษทั Statoil Hydro จ่ายคา่ ต อบแทน ให้กรรมการเฉลี่ยต่อคนต่อปี เท่ากับ 1.9 ล้านบาท แต่กรรมการของ บมจ. ปตท. ได้สูงถึง 2.8 ล้านบาท ต่อคนต่อปี
39
ที่ เ ป็ น อุ ป สรรคต่ อ ก ารแ ข่ ง ขั น ไ ด้ เช่น การกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสูง การจำกัดนักลงทุนต่างชาติเข้ามา ประกอบกิจการในไทย การให้บัตร ส่ ง เสริ ม ก ารล งทุ น ที่ มี เงื่ อ นไขเอื้ อ ให้นักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เข้ามา ได้ และการดำเนินนโยบายแปรรูป รัฐวิสาหกิจที่อาจเกิดผลกระทบต่อ สังคมวงกว้าง คณะก รรมการก ารแ ข่ ง ขั น ทางการค้าจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับ ภาครัฐ ในการเสนอแนะนโยบายที่ เกี่ยวข้องกับการแข่งขันของประเทศ ด้วย โดยเฉพาะนโยบายการแปรรูป รัฐวิสาหกิจที่ต้องให้คำแนะนำ และ ร่วมศึกษาว่าการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ใดจะเป็นการถ่ายโอนอำนาจการ ผูกขาดจากรัฐไปเป็นการผูกขาดโดย เอกชน ซึง่ จ ะเกิดผ ลเสียต อ่ ป ระชาชน เพื่ อ ยั บ ยั้ ง ก ารแ ปรรู ป ใ นกิ จ การ ดังกล่าว นอกจากนี้ คณะก รรมการ ควรมีบทบาทในการให้คำปรึกษา ผู้ประกอบการหรือคู่ค้าที่มีอำนาจ ต่ อ ร องห รื อ ข้ อ มู ล น้ อ ยก ว่ า เช่ น เกษตรกรใ นร ะบบเ กษตรพั น ธะ สัญญา เป็นต้น
ความท้าทายในอนาคต ที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญ ในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยกำลังจะเผชิญกับความ ท้าทายในการแข่งขันทางการค้ามากขึ้นกว่าเดิม จากการเข้าร่วม ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ในปี 2558 ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการจากประเทศสมาชิก เดินทางเข้ามาร่วมวงแข่งขันในระบบเศรษฐกิจไทยมากขึ้น จึงมี ความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิรูปกรอบกฎหมายการแข่งขัน ทางการค้า ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และก่อ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคในประเทศ
ทางออก ข อง ป ญ ั หา 1. แปลงสภาพสำนักงานการแข่งขันทางการค้าให้เป็นองค์กรอิสระ เพื่อให้ปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง
2. ยกเลิกข้อยกเว้นจากการบังคับใช้กฎหมายที่ให้แก่รัฐวิสาหกิจตามมาตรา 4 แห่ง ตามพระราชบัญญัติการแข่งขัน ทางการค้า พ.ศ. 2542 โดยให้คณะกรรมการจัดทำหลักเกณฑ์ในการพิจารณาพฤติกรรมที่มีการร้องเรียนของรัฐวิสาหกิจ ว่าอยู่ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายหรือไม่ 3. ปรับปรุงบทลงโทษให้เน้นมาตรการทางปกครองและทางแพ่งมากกว่าการลงโทษทางอาญา โดยคณะกรรมการ แข่งขันท างการคา้ จ ะตอ้ งมหี น้าท กี่ ำหนดบทลงโทษ และทำหน้าทีส่ ง่ ฟ อ้ งคดีค วามทางอาญา ทัง้ นีก้ ารคดิ ค า่ เสียห ายทางแพ่ง ควรเป็นจำนวนเท่ากับความเสียหายที่ประเมินได้ 4. ขยายกรอบภารกิจข องคณะกรรมการแข่งขันท างการคา้ ให้ม อี ำนาจหน้าทีใ่ นการเสนอขอ้ คิดเห็นต อ่ ห น่วยงานรฐั ต่างๆ ในการออกกฎ ระเบียบ และนโยบายของภาครัฐที่จะมีผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด นอกจากนี้ยังต้องมีหน้าที่ ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือผู้ประกอบการหรือคู่ค้าที่มีอำนาจการต่อรองหรือข้อมูลน้อยกว่า เช่น เกษตรกรในระบบเกษตร พันธะสัญญา เป็นต้น
ไข่ไก่ก ็มีการผูกขาด ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหนดัชนีชี้วัดค่าครองชีพ ระดับคลาสสิกที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘ไข่ไก่’ ทำไมราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ดูไปก็ไม่ น่าจะมีปัจจัยอะไรทำให้ราคาไข่แกว่งขึ้นลงได้มาก ขนาดนี้ สาเหตุก เ็ พราะในตลาดไข่เองกม็ กี ารผกู ขาดโดย กลุ่มทุนขนาดใหญ่ จุดเริ่มต้นของเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2544 เมือ่ ภ าวะไข่ไก่ล น้ ต ลาดทำให้ร าคาตกต่ำ ซึง่ ในขณะนนั้ มีผู้ร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการแข่งขันทางการ ค้าว่า มีการทุ่มตลาดในตลาดไข่ไก่โดยผู้ประกอบการ รายใหญ่ กระทัง่ เกิดก ารเรียกรอ้ งให้ร ฐั บาลดำเนินก าร
แก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย จนนำไปสู่การเกิดระบบโควตามาใช้จำกัดปริมาณพ่อ แม่พันธุ์ไก่ไข่ เพื่อลดจำนวนไก่สาวและปริมาณไข่ไก่ ในตลาด ในการจดั สรรดงั ก ล่าว ทำให้อ ำนาจการตอ่ ร อง ตกอยู่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ครอบครองโควตาเกือบครึ่ง ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ขณะที่ผู้ซื้อหรือเกษตรกรไม่มี ทางเลือก จึงเป็นท มี่ าของ ‘การขายพว่ ง’ (Tie-in Sales) คือการซื้อลูกไก่พ่วงอาหารสัตว์ แทนที่เกษตรกรจะมี ช่องทางในการลดต้นทุนการผลิตโดยการผลิตอาหาร สัตว์ใช้เอง กลับต้องซื้ออาหารสัตว์พ่วงไปด้วย เพราะ หากไม่ซื้ออาหารกับทางบริษัทผู้ขายลูกไก่จะทำให้ บริษัทนั้นไม่ยอมขายลูกไก่ให้กับเกษตรกร...สุดท้าย เกษตรกรไม่มีทางเลือกก็ต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอม
ในค วามเ ป็ น จ ริ ง ทั้ ง บ ริ ษั ท ยั ก ษ์ ใ หญ่ แ ละ เกษตรกรร ายย่ อ ยก็ ล้ ว นผ ลิ ต ไ ข่ ไ ก่ เ พื่ อ น ำไ ปข าย ในตลาดเช่นเดียวกัน กรณีนี้จึงถือเป็นการทำลาย เกษตรกรรายย่อยให้ตายไปจากอาชีพนี้ ปมปัญหา ดังกล่าวทำให้จำนวนเกษตรกรระหว่างปี 25432547 ลดลงอย่างน่าใจหาย จาก 7,000 ราย เหลือ เพียง 3,000 รายเท่านั้น ต่อมามีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เรื่อง การกำหนดโควตาไม่ชอบด้วยระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. 2549 และจากการกดดันของสังคมทำให้ในที่สุด วันที่ 13 กรกฎาคม 2553 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ ยกเลิกระบบโควตาการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่
ระบบประกันสุขภาพ
เ ท่ า เ ที ย ม