sorry sorry

Page 1



JOURNEY




ครัง้ แรกทีเ่ จอคันฉัตร เขาสะพายกระเป๋าพิมพ์ลายเทศกาลหนัง เมืองคานส์ หนึง่ ในงานแจกรางวัลภาพยนตร์ทอี่ นิ ดีท้ สี่ ดุ ในโลก แต่บน ลายเสื้อเขากลับเป็นลายวง Girls’ Generation แถมยังเป็นเสื้อยืด สภาพใส่บ่อยด้วย คันฉัตรเป็นยังงี้ ส่วนผสมในตัวเขาท�ำให้เราต้องจังงัง เหมือนเจอ ป้ายบอกทางที่เรียงกันอยู่เป็นตับประหนึ่งป้ายโฆษณาบริการรถ กระบะย้ายของย่านหอพักนักศึกษา สับสนว่าจะไปทางไหนดี รูปร่างหน้าตาของคันฉัตร เหมาะจะบ้าอนิเมะ เป็นครูสอน คณิ ต ศาสตร์ หรื อ ไม่ ก็ เ ป็ น หนึ่ ง ในคณะกรรมการนั ก ศึ ก ษา มหาวิทยาลัยชิงหัว ขัดจากชีวติ จริงของเขาทีเ่ ป็นนักวิจารณ์ เป็นหนึง่ ในผูก้ อ่ ตัง้ Third Class Citizen กลุม่ คนจัดฉายหนังสัน้ นอกกระแสที่ เท่ทสี่ ดุ กลุม่ หนึง่ เป็นอาจารย์สอนวิชาภาพยนตร์ระดับมหาวิทยาลัย และยังเป็นนักเขียน นักแปล และอีกสารพัดนัก อีกด้าน ซึ่งเป็นด้านที่เราเพิ่งรู้ และถึงกับร้อง เฮ้ย! ออกมาเมื่อ ได้ยนิ เพราะคันฉัตรทีเ่ รารูจ้ กั ในรายนามประชาชนคนอินดี้ ยังเป็น สาวกเพลงเกาหลีขนั้ คลัง่ ไคล้ เขาชืน่ ชอบเก้าสาว Girls’ Generation ระดับแกะเนื้อเพลงร้องตาม ไม่เคยพลาดมิวสิกวิดีโอตัวใหม่ของ วง Big Bang สักตัว และยังรู้เรื่องในแวดวงเคป๊อปอย่างซ่อกแซ่ก สาเหตุทตี่ อ้ งตกใจ เพราะสิง่ ทีเ่ ขาเป็นทัง้ สองด้านมันช่างขัดแย้ง ผิดจากที่เราเคยรับรู้มาว่าเกาหลีฟีเวอร์มักไม่ถูกโรคกับคนที่เสพ ภาพยนตร์ยากๆ คานส์ๆ ไม่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเด็กแนวที่ชอบ เสพงานจ�ำพวกวรรณกรรม บางคนถึงกับตัง้ ตัวเป็นปรปักษ์ ปักป้าย เอาไว้ว่าจะไม่เสพ ไม่ดู ไม่ยุ่ง ไม่สน ไม่เอา ไม่ ไม่ ไม่ ไม่เกาหลี ไม่เด็ดขาด ไม่ ไม่ ฯลฯ เกิดอะไรขึ้นกับคันฉัตร?


ประเทศเกาหลีใต้ เป็นประเทศที่เราอยากท�ำเป็นหนังสือแนว ท่องเที่ยวอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีต้นฉบับส่งมาหลายชิ้น แต่ยังไม่มี ชิ้นไหนเข้าตาสักที ท�ำให้ทันทีที่เรารู้ว่าคันฉัตรไปเกาหลี และไม่ใช่ ไปเพื่อเสพหนังสั้น เที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือดูโลเกชั่นส�ำหรับถ่าย ท�ำภาพยนตร์ แต่ไปเพื่อดูคอนเสิร์ตวง Big Bang! เราก็ชวนเขา มาคุยทันที คันฉัตรตกลงโดยง่าย (อาจเป็นเพราะงง) และข้อสรุปในวันนั้น เราตกลงกันว่าจะท�ำหนังสือที่ท�ำความเข้าใจกับคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมเคป๊อป และเล่าถึงการก้าวเข้าสู่กระแสเกาหลีฟีเวอร์อย่างมี สติ ค่อยๆ เท้าความเหตุการณ์ ล�ำดับความคิด เริ่มตั้งแต่จุดแรก ของกระแสที่เข้ามาสู่ประเทศไทย และเส้นทางการเดินทางเข้าสู่ ชีวิตของเขา เล่าผ่านการท่องเที่ยวของเขาตลอดหกวันในประเทศ เกาหลีนั่นแหละ เราเชือ่ ว่า ผูอ้ า่ นของเราใจไม่แคบ ไม่ตงั้ แง่จงเกลียดจงชังกระแส เกาหลีฟีเวอร์เป็นยักษ์ปักหลั่น เพียงแต่ยังไม่มีเวลาท�ำความเข้าใจ หรือหาเวลาว่างเพื่อพูดคุยกับคนที่คลั่งไคล้เท่านั้น และพวกเราทีม แซลมอน ผูเ้ ป็นหนึง่ ในฐานะคนทีไ่ ม่เคยเข้าใจ และต้องการจะเข้าใจ เราอยากรู้ว่าคนในแวดวงนั้นท�ำอะไรกัน เราอยากเข้าใจว่าท�ำไม พวกเขาต้องมอบความรักความหลงมากมายไปให้ศิลปินขนาดนั้น อยากรู้ว่าเขาหมดอะไรไปเท่าไร และอยากเข้าใจว่าท�ำไมต้องหมด ไปขนาดนั้น ทีส่ ำ� คัญ เราอยากเข้าใจในสิง่ ทีท่ ำ� ให้เราคุยคนละภาษามาตลอด และเราคิดว่าคันฉัตรน่าจะอธิบายได้ สุดท้ายก่อนจะตบเท้าเข้ากรุงโซล เช่นเดียวกับทุกเล่มจนจวน จะเป็นสไตล์ไปเสียแล้ว ตลอดทางหกวัน สองร้อยหกสิบกว่าหน้านี้ เราหวังว่าคุณจะสนุก

ส�ำนักพิมพ์แซลมอน

ทีมแซลมอนขอขอบคุณ : ธณัฏฐา จุลดาลัย / ดวงฤทัย กาญจนก�ำธร / nzeizii / ณิชา พลอยรุ่งอรุณ / อภิชญา เอกองอาจ ส�ำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและคอยเป็น ที่ปรึกษาชั้นดีขณะที่จัดท�ำหนังสือเล่มนี้


น้องต่อ-คันฉัตร เป็นสิ่งมีชีวิตชวนฉงนส�ำหรับฉัน ในภาคหนึ่งเธอเป็นครูบาอาจารย์ ในอีกภาคหนึ่งเธอเป็น มนุษย์นกั ชมภาพยนตร์ เป็นนักเขียนนักวิจารณ์ เป็นนักแปล และภาคที่ส�ำคัญยิ่งคือ, เธอเป็นติ่งเกาหลี ใช่, ติง่ เกาหลีในความหมายของแฟนคลับผูค้ ลัง่ ไคล้ศลิ ปิน นักร้องจากคาบสมุทรเกาหลีนั่นล่ะ ต่อจริงจังไม่เฉพาะการฟังหรือร้องตาม (หรืออาจจะเต้น ตามด้วย อันนี้ไม่แน่ใจ) แต่ถึงขั้นจองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี เพื่อชมคอนเสิร์ตกันถึงถิ่นก�ำเนิดวงโปรดเลยทีเดียว ฉันเป็นเพื่อนกับต่อในแวดวงโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย จึงได้ ติดตามการกรีดร้อง (อันนี้หมายถึงในกรณีคลั่งไคล้) และ การหวีดร้อง (อันนีห้ มายถึงขัดเคืองใจ) ในผลงานของมนุษย์ เกาหลีมากมายผ่านการแชร์ข่าว, คลิป, มิวสิควิดีโอของต่อ และใช้เวลาไม่นานเลยในการที่จะเสพติดข่าวสารที่ต่อ สรุปออกมาให้ได้รู้อีกทีในภาษาที่มีสไตล์เฉพาะของตัวเอง ต่อเป็นคนมีอารมณ์ขันและขี้ประชดในระดับเวิลด์คลาส ซึ่งฉันชอบมาก แถมยังกัดจิกตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย เรียกว่าถอดโจทย์วิเคราะห์ตัวเองได้เป็นฉากๆ ก่อนที่เรา จะเอะใจเสียอีก ซึง่ นีเ่ ป็นความดีอย่างยิง่ ส�ำหรับคนคนหนึง่ ที่ ควรจะมีไว้ในการท�ำความรู้จักกับตัวเอง


หนังสือของต่อให้ความบันเทิงแน่นอน มันอาจไม่มีข้อควรปฏิบัติหรือจุดแนะน�ำน่าสนใจส�ำหรับ นักท่องเที่ยว แต่มันมีอะไรที่ส�ำคัญมากกว่านั้นคือ ‘สิ่งที่ไม่ ควรท�ำ’ เพราะต่อท�ำมาหมดแล้ว เราจึงได้เผชิญชีวิตอันโลดโผนของต่อแม้กระทั่งเรื่องการ เดินไปกินข้าวหรือการต่อคิวซื้อของที่ระลึก เรื่องที่เวลาเรากลับมาเมืองไทยแล้วเราไม่ค่อยอยากเล่า ให้ใครฟังนัน่ แหละ มันคือเรือ่ งจริงผ่านจอในแบบหนังสือดีๆ นี่เอง น้องต่อกล่าวไว้แล้วในหนังสือเล่มนี้ว่าเหตุผลใดที่ท�ำให้ เด็กอินดี้อย่างต่อแปรเปลี่ยนมาเป็นติ่งหูได้ ส่วนเรือ่ งทีว่ า่ ฉันจะเป็นติง่ หรือหันมาฟังเพลงเคป๊อปอย่าง เต็มก�ำลังหรือเปล่านี่ยังเป็นเรื่องชวนสงสัยอยู่ แต่ที่แน่ๆ คือฉันเป็นแฟนตัวหนังสือน้องต่ออย่างเต็มที่ ไปแล้ว เป็นพลังงานแฝงคล้ายๆ ติ่งหูแต่อยู่ประมาณจอนผม หรือต้นคอ ถ้าน้องต่อเป็นติ่ง พี่ก็จะปวารณาตนติดตามเป็นจอนผม ต่อไปเรื่อยๆ นะจ๊ะ จุ๊บจุ๊บ ทราย เจริญปุระ


จาก ต่อ-คันฉัตร สู่ ติ่ง-คันฉัตร ในทรรศนะของข้าพเจ้า การเห็นคันฉัตรได้ไปเกาหลีใต้นั้นเปรียบเสมือนกับการ ได้เห็นหมูป่าที่โดนคุมขังในคอกได้มีโอกาสคืนสู่ธรรมชาติ ซาบซึ้งเทียบเท่ากับการเห็นนกพิราบบินหนีออกจากกรงขัง ย่านสนามหลวง เป็นภาพความสุขราวกับได้เห็นพ่อพบกับ ลูกสาวทีพ่ ลัดพรากกันเมือ่ 20 ปีกอ่ น พูดตรงๆ ว่าส�ำหรับผม ไม่ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ผมก็มีความสุขไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง ที่ มี ค วามสุ ข นั้ น ไม่ ใ ช่ เ พราะการได้ เ ห็ น เพื่ อ นไปเยื อ น แผ่นดินอันเป็นทีร่ กั ยิง่ ของหัวจิตหัวใจเขาแล้ว แต่เป็นเพราะรู้ ว่าเดีย๋ วมันจะต้องมีอะไรมาให้อา่ นอีกแน่นอน ในโลกเฟซบุค๊ นั้น วันไหนถ้าคันฉัตรพิมพ์สเตตัสเพียงบรรทัดเดียว เราจะ รูส้ กึ ว่าชีวติ มันต้องมีปญ ั หาอะไรบางอย่างแน่นอน เพราะโดย ปกติ แม้แต่สเตตัสยามอยู่ประเทศไทยก็ไม่เคยเห็นจะสั้น เลย ดังนั้นพอมันไปเกาหลีใต้เพื่อพบปะลูกหลานหนุ่มสาว บอยแบนด์เกิร์ลกรุ๊ปที่มันเพาะเลี้ยงไว้ รับรองไม่มีค�ำว่าสั้น แน่นอน เราชาวเพื่อนในชีวิตจริง หรือชาวแฟนเพจของเขา ย่อมทราบดีถงึ ความบ้าคลัง่ ในวัฒนธรรมเคป๊อปของคันฉัตร ผมเห็นพัฒนาการของเขามาอย่างต่อเนือ่ งตัง้ แต่สมัยยังเป็น


ต่อ-คันฉัตร จนเดี๋ยวนี้เป็น ติ่ง-คันฉัตร เริ่มด้วยจากวงง่ายๆ อย่าง Girls’ Generation ที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้นิยมฟังเพลงแนว หม่นๆ โลกสูญสลายฟังแล้วอยากฆ่าตัวตายอย่างคันฉัตรนัน้ จะสามารถพ่ า ยแพ้ ต ่ อ เพลง Gee ได้ อ ย่ า งหมดเนื้ อ หมดตัว แต่ในใจผมนั้นก็รู้สึกยินดีเล็กน้อย เพราะคันฉัตร จะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าโลกก�ำลังสูญสลายแล้ว เพราะโลกนี้ยัง มีน้องๆ Girls’ Generation ให้เขาได้มีก�ำลังใจในการมีชีวิต อยู่บนโลกใบนี้ต่อไป พอเขาเริม่ เข้าสูว่ งั วนนีแ้ ล้ว ผมก็เริม่ จะเป็นห่วงเขาขึ้นมา ตงิด เพราะเขาเริ่มมีการสะสมคอลเล็กชั่นต่างๆ ของวงนั้น วงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนผมก็กลัวว่าเพื่อนจะไม่มีเงินกินข้าว เพราะมันเล่นซื้อจนสนิทสนมกับกรมศุลกากร แต่ในทาง หนึ่งก็คือ ความเนิร์ดสุดขีดแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ มันคือ รูปแบบของความรักแบบหนึง่ ถ้าเนิรด์ แล้วยังมีขา้ วกินก็โอเค และโดยปกติคันฉัตรก็จะเนิร์ดสุดทางในสิ่งที่เขาชอบมากๆ เอาเป็นว่าทุกวันนีม้ นั ยังไปกินข้าวหน้าเนือ้ ตามห้างต่างๆ ได้ ผมก็คิดว่าเขาคงจะยังมีชีวิตที่สมดุลอยู่


นอกจากเรื่องความ ‘ไม่สั้น’ ของคันฉัตรแล้ว สิ่งที่เรา สามารถคาดหวังได้ต่อไปคือ ลีลาการเขียนแนวผู้หญิงต้อง สยอง สาวประเภทสองไม่กล้าต่อกร ความรุนแรงขัน้ ท�ำลาย ล้างนัน้ เป็นสิง่ ทีพ่ ลาดไม่ได้ในงานเขียนของเขา อย่าให้คนั ฉัตร เกลียดอะไร เพราะสิง่ นัน้ จะพังพินาศไม่เหลือซากมากๆ (รูส้ กึ จะเริ่มกล่าวเกินจริงมากไปละ) เอาเป็นว่า คันฉัตรเป็นคนมี มุมมองตลก ต่อให้สงิ่ สิง่ นัน้ ไม่ตลก มันก็จะเขียนออกมาตลก จนได้ อีกอย่างคือ ด้วยความที่มันเป็นคนเนิร์ดมากอย่าง ทีบ่ อก ข้อเขียนของเขาจะไม่ได้แค่ตลกไปวันๆ แต่มนั จะต้อง มีสาระความรูต้ า่ งๆ เชิงสังคมและประวัตศิ าสตร์ให้คนอ่านได้ รับสารอาหารด้วย เช่น ถ้ากล่าวถึงท่าเต้นของวงบอยแบนด์ วงนี้ คันฉัตรอาจจะเสริมว่าท่าเต้นท่านีม้ ที มี่ าจากท่าออกก�ำลังกายของทหารเกาหลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เป็นได้ เอาเป็นว่าไม่วา่ เขาจะไปคลัง่ บอยแบนด์แห่งเกาหลี เกิรล์ กรุป๊ แห่งประเทศบรูไน หรือคูด่ โู อแดนซ์จากหมูเ่ กาะกาลาปากอส ข้อเขียนของเขาก็จะมีเสน่ห์เสมอ ว่าง่ายๆ คือ มันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับที่ไหนและอะไร ขอเพียงส่งคันฉัตรเป็นตัวแทน ทีมชาติไปเยือน เราก็จะได้งานดีๆ กลับมาอ่านทุกครั้งไป


จากประสบการณ์ที่ตัวผมเองเคยได้ไปเยือนคอนเสิร์ต รวมฮิตวงเกาหลีทจี่ ดั ขึน้ ทีส่ นามราชมังคลากีฬาสถาน ท�ำให้ ผมพบว่า โลกของนักร้องเกาหลีนั้นมีมิติมากมายกว่าที่เรา เข้าใจ ความสุดเหวี่ยงของบรรดาแฟนคลับนั้นเป็นสิ่งที่น่า นับถือ มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ หากแต่เป็นสาระส�ำคัญของ มนุษย์ เพราะสิ่งที่รับรู้ได้ตลอดขณะยืนอยู่ท่ามกลางบรรดา คนดูในสนามแห่งนั้น คือ ความรักที่อบอวลกระจายไปทั่ว ตารางเมตร วัฒนธรรมใหม่ๆ มากมายเกิดขึ้นจากตรงนั้น มันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่คนนอกอย่างผมอาจจะยัง ไม่เข้าใจทั้งหมดและอยากจะเข้าใจมากขึ้นเช่นกัน และผม ค่อนข้างแน่ใจว่า คันฉัตรจะเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องนี้ได้ดี ดังนั้นไม่ต้องกล่าว Sorry Sorry เมื่อคุณได้อ่านหนังสือ เล่มนี้ เพราะอย่างน้อยมันจะสนุกสุดติ่ง แม้คุณจะไม่ได้คลั่ง ไคล้นักร้องเกาหลี ไม่รู้จักเพลง Lovey Dovey และ Roly Poly หรือไม่เคยเห็นหน้าพี่ ‘นิคคุณ’ ก็ตามที นวพล ธ�ำรงรัตนฤทธิ์


คุณประโยชน์ห้าประการจากการฟังเพลงเคป๊อป นับจนถึงตอนที่เขียนค�ำน�ำของหนังสือเล่มนี้ ผมฟังเพลง จากดินแดนเกาหลีใต้ หรือที่เรียกอย่างเข้าใจโดยทั่วกันว่า ‘เคป๊อป’ เป็นเวลาสองปีกับอีกเก้าเดือนแล้ว ถ้าเทียบเป็น ระดับความสัมพันธ์ ก็ถือว่ายังไม่ได้ล�้ำลึกอะไรมาก เหมือน เป็นแฟนที่คบกันมาเรื่อยๆ หรือถ้าเทียบในเชิงการสะสม เลเวล ก็อาจจะยังถือว่าอยูใ่ นระดับ intermediate อย่างไรก็ดี จากเวลาที่ใช้ร่วมกันมา ผมคงสรุปคุณประโยชน์ของเคป๊อป ต่อชีวิตตัวเองได้ดังนี้ 1) ได้ชีวิตที่สดใสขึ้น: สมัยยังวัยรุ่น ข้าพเจ้ามักฟังเพลง แบบอยู่ในโลกมืด ไม่ว่าจะเพลงแนวชูเกสเซอร์ของวง My Bloody Valentine หรือวง Slowdive, เพลงที่ฟังไม่ค่อยรู้ เรื่องของวง Cocteau Twins, วงไทยชื่อแปลกๆ อย่าง วง อัศจรรย์จกั รวาล (เพือ่ นบอกว่าฟังแล้ว ควรเปลีย่ นชือ่ วงเป็น ‘อัศจรรย์ปวดกบาล’) แต่หลังๆ อายุเยอะขึ้น ชีวิตมีอะไร


ต้องคิดเยอะขึ้น (ตรวจสุขภาพประจ�ำปี, ท�ำประกันชีวิต, ค�ำนวณภาษี, ลงทุนในกองทุนรวม ฯลฯ) ถ้ายิง่ ฟังเพลงพวกนัน้ อาการซึมเศร้าอาจมาเยือน จึงต้องเอาสีสนั ลัล้ ลาแห่งเคป๊อป เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ เช่น หากทราบว่าพรุ่งนี้จะมีเอ็มวี วง Girls’ Generation ออกใหม่ ก็จะตระหนักได้ว่าพรุ่งนี้ เราจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร 2) ได้เพื่อนกลับมา: ด้วยความที่สมัยเรียนฟังแต่เพลง อะไรก็ไม่รู้ เวลาไปร้องคาราโอเกะก็นั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมห้อง เพราะร้ อ งเพลงที่ ค นอื่ น ร้ องไม่ ไ ด้ เพื่ อนเลยพากั น ตี ตั ว ออกห่าง จนจ�ำนวนเพื่อนที่เหลือนับด้วยนิ้วมือข้างเดียวยัง เหลือเฟือ แต่พอออกอาการชอบเคป๊อปขนาดหนักในเฟซบุค๊ เพือ่ นหลายคนก็กลับมาคุยด้วย เพราะใครๆ ก็ฟงั เคป๊อปทัง้ นัน้ ไม่วา่ จะฟังเองหรือถูกยัดเยียดให้ฟงั เพือ่ นคนนึงบอกว่า “มึง ยังดูเพี้ยนเหมือนเดิม แต่คราวนี้เพี้ยนไปในทางสว่าง” ...โอเค ถือว่ามันชมแล้วกัน


3) ได้สอื่ สารกับเด็กรุน่ ใหม่: ทุกวันนีผ้ มท�ำมาหาเลีย้ งชีพ ด้วยการเป็นอาจารย์พิเศษด้านภาพยนตร์ตามมหา’ลัยนู่นนี่ แน่นอนว่าถ้าเอาแต่สอนๆๆ อย่างเดียวเด็กก็เบื่อ บางทีต้อง ชวนเด็กเมาท์มอยบ้าง และหนึ่งในหัวข้อที่เมาท์ได้ดีที่สุด ก็คือเคป๊อป เช่น “ไง พวกเธอดูเอ็มวีใหม่เกิร์ลเจนกันยัง” หรือบางทีก็ใช้เคป๊อปเป็นสื่อการสอนเสียเลย อย่างเทอมนี้ สัง่ การบ้านให้ทกุ กลุม่ ไปท�ำเอ็มวีเพลง กังนัมสไตล์ ในแบบของ ตัวเองมา และข้อสอบมิดเทอมก็ว่าจะออกว่า “เอ็มวีเพลง กังนัมสไตล์ เป็นการน�ำเสนอแบบ Realism หรือ Formalism” (!!??)


4) ได้ออกหนังสือเล่มนี้: ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด เรื่องที่ ข้าพเจ้าคลั่งไคล้เพลงเคป๊อป + เรื่องที่บากหน้าบินไปถึง เกาหลีเพือ่ ดูคอนเสิรต์ วง Big Bang ถึงไปเข้าหูทา่ น บ.ก. ของ ส�ำนักพิมพ์แซลมอนได้ ตอนที่มีคนติดต่อมาก็ยังงงๆ ไม่นึก ไม่ฝนั ว่าการทีต่ วั เองลุม่ หลงในเคป๊อปจนกลายเป็น ‘ติง่ หู’ จะ สามารถแปรรูปมาเป็นหนังสือได้ตงั้ เล่มนึง เอาไปอวดพ่อแม่ พี่น้อง วงศาคณาญาติ และเพื่อนพ้องได้อย่างภูมิใจว่าฉันไม่ ได้ติ่งอย่างสิ้นไร้ไปวันๆ นะจ๊ะ 5) และเคป๊อปยังท�ำให้ได้เจอกับคุณผู้อ่านที่ก�ำลังถือ หนังสือเล่มนี้อยู่

ขอให้อ่านสนุกครับ คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง กันยายน 2555



เมียเด็กทั้งเก้า . . ถ้าเพื่อนของผมถามถึงคุณ ผมควรจะตอบพวกมันว่ายังไงดี


ท่ามกลางอากาศหนาวอุณหภูมิ 5 องศา ผมยืนหยุดนิง่ อยูใ่ นแถวของมวลชนจ�ำนวนมหาศาลทีท่ อด ยาวไปไกล นอกจากความหนาวเย็นแล้ว ลมก็ยงั โหมพัดแรง เป็นระยะ แถมวันนี้ยังมีฝนตกโปรยปรายตลอดทั้งวัน มือข้างที่ผมใช้ถือร่มนั้นแข็งจนแทบจะขยับไม่ได้ ใบหน้า ที่ถูกลมปะทะรู้สึกราวกับถูกมีดบาด ภาพการณ์ที่ผมเผชิญ อยู่ตอนนี้คงไม่มีค�ำใดจะอธิบายได้ชัดเจนเท่าค�ำว่า โหดสัส เมื่อถูกลมหนาวทรมานบั่นทอนไปเรื่อย บางจังหวะสติ ของผมก็เริ่มหลุดลอยไป พร้อมกับตั้งค�ำถามในใจว่า “กูมา ท�ำอะไรที่นี่” ผมลองตั้งสติอีกครั้ง และหันมองไปรอบตัว โอเค...ผมก�ำลังยืนอยู่หน้า Olympic Stadium กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่นี่คือสถานที่จัดคอนเสิร์ตของวง ‘Big Bang’ ทีผ่ มต่อคิวอยูค่ อื แถวรอซือ้ ของทีร่ ะลึกหน้างานคอนเสิรต์ และข้อส�ำคัญคือ ผมต่อแถวมาเกือบห้าชัว่ โมงแล้ว แต่ผม ยังไม่ได้ซื้อของเลยโว้ยยยยย


ระหว่างที่ขบวนแถวเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้า (ชนิดที่ค�ำว่า กระดึบ๊ ยังดูจะเร็วไป) ผมก็ถามตัวเองทุกยีส่ บิ นาทีวา่ ท�ำไมกู จะต้องลงทุนขนาดนี้นะ ที่จริงกูควรจะนอนสบายๆ อยู่บ้าน ที่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ ท�ำไมกูจะต้องดั้นด้นมาบ้านักร้องถึง เกาหลีด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสามสี่ปีก่อน ผมยังแอนตี้เพลงเกาหลี อยู่เลยนี่หว่า เวลาเปิดเจอเอ็มวีเกาหลีทางช่องเพลง ผมกด เปลี่ยนหนีทันที หรือตอนที่จัดอันดับแห่งปีในบล็อกตัวเอง ผมก็ถึงขั้นมอบต�ำแหน่ง ‘สิ่งที่หวาดผวาที่สุดส�ำหรับวงการ เพลง’ ให้กบั กระแสเคป๊อป แล้วไฉนเลยผมถึงมาทีป่ ระเทศนี้ ได้ แถมนี่ยังเป็นทริปที่นานถึงห้าคืนหกวัน! จริงจังยิ่งกว่า ทัวร์ของบริษัทท่องเที่ยว นี่มันทริปแฟนพันธุ์แท้มาตาม รอยเคป๊อปชัดๆ ขณะที่ยืนนิ่งอยู่กลางความหนาวเหน็บ และมองเห็นว่า อีกยาวไกลกว่าสีช่ ว่ งตึกกว่าจะถึงหน้าโต๊ะขายของทีร่ ะลึกอัน เป็นจุดหมาย ผมเริม่ จมอยูใ่ นห้วงความคิดของตัวเองอีกครัง้ และย้อนคิดไปถึงจุดเริ่มต้นของทริปนี้...



DAY 0


จากอินดี้มาติ่งหู

CHAPTER 1


ตอนที่ผมบอกใครๆ ว่าจะไปเกาหลีเพื่อดูคอนเสิร์ต Big Bang มีแต่กระแสตอบรับในด้านลบทั้งสิ้น บ้างก็ท�ำหน้า เหวอๆ ประมาณว่า “โอ้โห มึงจริงจังไปหรือเปล่า” บ้างก็ ออกสีหน้าอึ้งๆ ประมาณว่า “ไอ้นี่ กู่ไม่กลับแล้ว” บางคนก็ ส่งสายตาชิงชังที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ก็สื่อ ความได้ว่าทริปเดินทางของผมนี่มันช่างเสียสติ ไร้แก่นสาร กลวงเปล่า เบาหวิว และเพ้อเจ้อสิ้นดี ถ้าเป็นเมือ่ สักสามสีป่ กี อ่ น หากมีเพือ่ นมาบอกว่าจะบินไป ดูคอนเสิร์ตที่เกาหลี ผมก็คงมีปฏิกิริยาไม่ต่างจากที่ว่ามา ข้างบนสักเท่าไร เพราะช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจนถึงช่วงเรียน จบใหม่ๆ ผมก็เคยอยูใ่ นคนประเภททีส่ งั คมให้คำ� จ�ำกัดความ ว่าเป็นพวก ‘อินดี้’ มาก่อน ความอินดี้ในที่นี้คือเรื่องของการเสพศิลปะและผลงาน ต่างๆ อย่างเช่นหนัง ก็ต้องเป็นหนังยุโรป หรือหนังจาก ประเทศโลกที่สาม (คือถ้ามีโลกที่สี่ก็จะดู) ยิ่งหนังจากชื่อ ประเทศแปลกๆ นี่ยิ่งชอบ (อย่างอุรุกวัย คาซัคสถาน ชาด)

25


เลิกเรียนก็ไม่ได้มานั่งเมาท์มอยที่ใต้คณะเหมือนเด็กทั่วไป แต่มุ่งตรงไปดูหนังลิโด้ หรือเทศกาลหนังลับแลต่างๆ บางที ถึงขัน้ ยอมโดดเรียนเพือ่ ไปดูหนังโรมาเนีย และหากได้ดหู นัง จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ วันรุ่งขึ้นจะเดินไปเรียนอย่าง ภาคภูมิใจ (คิดเองเออเองไปคนเดียว) ส่วนเพลงที่ฟัง ก็เป็นเพลงประเภทที่ไม่อยู่ใน iPod ของ มนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไป ต้องฟังเพลงวงอินดี้ ยิ่งวงอินดี้ที่ พิมพ์ค้นหาในกูเกิ้ลยังไม่เจอนี่ยิ่งเท่ หนังสือก็ลยุ อ่านพวกนักเขียนทีไ่ ด้รางวัลโนเบล หรือวรรณกรรมที่เขาว่ากันว่าลุ่มลึกทางปรัชญาสุดขีด ไม่อ่านหรอก นิยายรักหวานแหวว ต้องหนังสือที่พูดเรื่องความว่างเปล่า ของชีวิต, อัตลักษณ์ทางตัวตนที่สูญหาย, ความไร้แก่นสาร ของระบบโลก และแน่นอนว่าผมปฏิเสธการดู AF หรือ The Star โดย สิ้นเชิง ด้วยวิถกี ารดูหนังฟังเพลงแบบนี้ เลยพลอยท�ำให้ชวี ติ ของ ผมพาลอินดีไ้ ปด้วย ผมมีเพือ่ นทีค่ ยุ ด้วยรูเ้ รือ่ งน้อยลงเรือ่ ยๆ ผมเริ่มเสพติดการใช้ชีวิตแบบตัวคนเดียว ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ไปคอนเสิรต์ คนเดียว ส่วนเพือ่ นทีพ่ ดู คุยด้วย ก็มักจะเป็นเพื่อนในโลกไซเบอร์ที่มีรสนิยมอินดี้เหมือนกัน ทั้งทางเว็บบอร์ด บล็อก และเอ็มเอสเอ็น แน่นอนว่าในช่วงทีผ่ มยังอยูใ่ นโหมดอินดี้ ผมก็ตอ่ ต้านทุก อย่างที่เป็นกระแสหลัก ไม่ว่าจะหนังเรื่อง The Lord of the Rings, นิยาย Harry Potter รวมถึงกระแสเพลงเกาหลีดว้ ย ผมมักค่อนขอดว่ามันเป็นเพลงที่ฉาบฉวย ขายแต่หน้าตา ศิลปิน ไม่มีคุณค่าอะไรเลย แต่...หลังจากเรียนจบ เริ่มท�ำงาน พยายามขอเงินพ่อแม่

26


ให้น้อยลง และหาเงินเพื่อเลี้ยงตัวเองให้มากขึ้น ผมก็ได้ สัมผัสโลกแห่งความเป็นจริง ผมเริ่มเหนื่อยกับชีวิต และ เหนื่อยกับการเป็นคนอินดี้ นอกจากนัน้ ผมยังเข้าใจด้วยว่าท�ำไมเพือ่ นผมถึงติดละคร หลังข่าว เข้าใจแล้วว่าความสุขของการนั่งดูทีวีหลังกลับมา จากท�ำงานเหนือ่ ยๆ นีม่ นั เป็นยังไง เข้าใจว่าท�ำไมคนถึงเลือก ฟังเพลงของ Bodyslam ระหว่างนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน เข้าใจ ว่าท�ำไมวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เพือ่ นๆ ถึงพากันไปดูหนังอย่าง Transformers อายุทมี่ ากขึน้ ท�ำให้ผมเริม่ ปล่อยวาง เริม่ ผ่อนคลายตัวเอง เริ่มเปิดรับอะไรให้กว้างขึ้น กลายเป็นว่าผมติดซิทคอมเรื่อง เป็นต่อ ชอบเพลงของน้องหวาย Kamikaze และเลิกต้านทาน กระแสเพลงเกาหลี เริม่ คิดได้วา่ จะไปต้านมันท�ำไมล่ะ ก็เป็น เทรนด์ของยุคสมัย ต้านไปก็เหนื่อยเปล่า หาทางเอ็นจอย ไปกับมันดีกว่า ว่าแล้ว ผมก็เลยเริ่มฟังเพลงเกาหลีแบบงูๆ ปลาๆ ไม่ได้ จริงจังอะไรมาก ใช้วิธีดูเอ็มวีตาม Channel [V] เลยได้รู้จัก ดงบังชินกิ, Super Junior และเรน อย่างผิวเผิน ประจวบเหมาะ กั บ ตอนปี 2007 พี่ เ รนมาเล่ น คอนเสิ ร ์ ต บ้ า นเราพอดี ผมก็เลย เอาวะ ลองไปดูซะหน่อย เพื่อซึมซับปรากฏการณ์ เคป๊อปให้เป็นบุญตา (แต่กย็ งั คงคอนเซปต์อนิ ดี้ ไปดูคนเดียว เพราะไม่กล้าชวนใคร เขิน) ปรากฏว่าคอนเสิร์ตพี่เรน...ผมหลับครับ ฮ่าๆ (กุมขมับ) ก็แบบว่าพีแ่ กร้องเพลงช้าเยอะเหลือเกิน แล้วทีน่ งั่ ของผม มันก็ติดรั้วทางเดินพอดี พิงหัวไปมา หลับคร่อกไปเลย เลย ได้ข้อสรุปว่าเรากับพี่เรนคงชะตาไม่ต้องกันเท่าไร จากนั้น ผมก็ฟังเพลงแบบอินดี้กับกระแสๆ แมสๆ สลับ

27


ไปมามัว่ ไปหมด ไม่มกี ารตัง้ กฎเกณฑ์อะไรกับตัวเองอีกต่อไป แล้ววันหนึ่งขณะนั่งดูทีวีอยู่ ผมก็ได้เจอกับห้าหนุ่มจาก เกาหลีที่ชื่อว่า Big Bang ได้ฟังครั้งแรกก็ชอบเลย เพลงของ พวกเขามีสว่ นของป๊อป, อาร์แอนด์บี และฮิปฮอป ดูหนักแน่นดี ต่ า งจากวงบอยแบนด์ อื่น ๆ ที่ มั ก จะเน้ น ขายความน่ า รั ก สดใสลัล้ ลา ช่วงนัน้ ก็เข้าอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลยกใหญ่วา่ Big Bang นี่เป็นใคร มาจากไหน ชื่ออะไรกันบ้าง ยิ่งค้นเจอว่า พวกนี้แต่งเพลงกันเอง ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ไม่กี่วันถัดมา ขณะเดินอยู่ในร้านซีดี ผมก็เหลือบไปเห็น แผ่นของวง Big Bang เข้าให้ สองจิตสองใจอยู่นานว่าจะซื้อ ดีมั้ยเพราะนี่จะถือเป็นแผ่นเพลงเกาหลีแผ่นแรกในชีวิตของ ผมเลยทีเดียว เดินวนอยู่ในร้านประมาณสามรอบในที่สุดก็ ตัดสินใจซือ้ จ�ำได้วา่ ตอนจ่ายตังค์ยงั ท�ำท่าลับๆ ล่อๆ ยังกะซือ้ หนังโป๊ เพราะกลัวมีคนรู้จักมาเห็น(ยังคีปคูลแอบห่วงภาพลักษณ์อนิ ดีข้ องสมัยก่อนอยู)่ เดินออกจากร้านยังมีความรูส้ กึ สับสนปนละอายใจตามหลอกหลอน นีก่ ซู อื้ แผ่นเพลงเกาหลี หลี หลี หลี หลี (เสียงเอคโค่ในหัว) ทว่าพอกลับมาฟังที่บ้าน ก็พบว่าเพลงของ Big Bang นั้น ถูกอกถูกใจอย่างยิง่ วันรุง่ ขึน้ เลยไปเหมาแผ่นของวงนีม้ าแบบ ครบชุด จัดไปเลยหกแผ่นรวด ทั้งอัลบั้ม มินิอัลบั้ม บันทึก การแสดงสด สรุปว่ากลายเป็นแฟนคลับวงนี้ไปซะงั้น แต่ยัง ไม่กล้าประกาศให้โลกรับรูม้ ากนัก เครียดอยูใ่ นใจว่าถ้ากูบอก ว่าชอบวงบอยแบนด์เกาหลี คนอืน่ จะมองกูแปลกๆ หรือเปล่า หว่า อารมณ์เหมือนต้องสารภาพกับแม่วา่ “แม่ฮะ ผมติดยา” หรือต้องบอกพ่อว่าตัวเองเป็นตุ๊ด ปี 2008-2009 กระแสเคป๊อปยังคงรุง่ เรืองต่อไป วงเกิรล์ กรุ๊ปเริ่มเป็นที่นิยมในบ้านเรามากขึ้น เริ่มจากกระแสของวง

28


Wonder Girls กับเพลง Tell Me ที่ท�ำนองเพลงนุ้งนิ้งน่ารัก แถมเนื้อเพลงติดหู้ติดหู “เทลมี เทลมี ทะแด่ดแท่ดตะแดด แท่ด เทลมี” ช่วงนี้ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่าง ชัดเจน นัน่ คือบรรดาเพือ่ นผูช้ ายต่างแห่มาฟังเพลงเกาหลีกนั ทัง้ ทีบ่ างคนไม่เคยสนใจเพลงแนวนีเ้ ลย บางคนเคยด่าด้วยซ�้ำ ว่าเพลงกากๆ ปัญญาอ่อน มีแต่พวกติงต๊องเท่านัน้ ทีฟ่ งั แต่พอ วง Wonder Girls มาโชว์ตวั ทีล่ านสยามพารากอนปุบ๊ กูเห็น พวกมึงไปยืนรอทันที (แล้วที่มึงเคยด่าๆ นั่นคืออะไร กูไม่ ลืมนะ) หลังจากนั้นก็มีเพลงของเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังมากๆ คือเพลง Gee ของวง Girls’ Generation ซึง่ ตอนแรกผมร�ำคาญเพลงนี้ มาก เพลงอะไรวะ ร้องแต่ จี่ จี่ จี่ จี่ วนไปวนมาทั้งเพลง (นี่ มึงเป็นคนหรือจิง้ หรีด) แต่ขณะเดียวกันก็รสู้ กึ ได้วา่ คนรอบ ตัวเริ่มมาฟังเพลงเกาหลีกันเกือบหมดแล้ว เวลาเล่นเฟซบุ๊ค เพื่อนๆ ก็จะพร้อมใจกันแชร์คลิปเคป๊อปโดยมิได้นัดหมาย เด้งมาจาก news feed เต็มไปหมด และจุดเปลี่ยนส�ำคัญของชีวิตผมก็คือวันที่ผมได้ดูเอ็มวี เพลง Genie ของ Girls’ Generation ขณะทีด่ ผู มรูส้ กึ เหมือน ตกอยูใ่ นภวังค์ เริม่ จากภาพเด็กสาวในชุดไปรเวทหยอกล้อตี หมอนกันอย่างสนุกสนาน ตามด้วยภาพแสงไฟสีชมพูวบู วาบ และการปรากฏตัวขึ้นของหญิงสาวเก้าคนในชุดทหารเรือ สี ข าว (แต่ ดู ท หารเรื อ กลุ ่ ม นี้ จ ะใส่ ก างเกงสั้ น เป็ น พิ เ ศษ อืมมม...) ต่อด้วยท่าไม้ตายเต้นไขว้ขาแบบพร้อมเพรียงหมู่ คณะ พลังท�ำลายล้างสูงส่ง จนผมจ้องจอทีวีตาไม่กะพริบ เป็นเวลาสี่นาทีกว่าๆ วันนั้นผมได้ค้นพบในภายหลังว่า... ผมตกหลุมรักสาวๆ เก้าคนนี้เข้าให้แล้ว

29


หลังจากนั้นผมค้นข้อมูลของ Girls’ Generation อย่างบ้า คลั่ง ตามสืบเสาะประวัติของพวกเธอ ไล่ย้อนหลังฟังเพลง เก่าๆ นั่งไล่ดูเอ็มวีที่เคยออกมาก่อนหน้านั้น ไปเหมาซีดีมา แทบยกร้าน และตัดสินใจประกาศก้องกับเพื่อนสนิทมิตร สหาย และออลเฟรนด์ในเฟซบุ๊คว่าขณะนี้ข้าพเจ้าได้เป็น แฟนคลับวง Girls’ Generation อย่างเต็มตัวแล้วเฟร้ยยยย! แน่นอนว่าเหล่าเพื่อนสมาคมอินดี้ของผมก็ล้วนอึ้งไป ตามๆ กัน บางคนถึงกับส่งหลังไมค์มาแสดงความผิดหวังที่ ผมฟังเพลงเกาหลี (กูทำ� ผิดขนาดนัน้ เชียวหรือนี)่ แต่ในทาง กลับกัน ผมก็ได้เพือ่ นกลุม่ ใหม่ๆ และพวกเขาก็แนะน�ำเพลง ของวงเกาหลีอื่นๆ ให้ผมฟังอีกหลายสิบวง จนผมไม่ต้อง หลบๆ ซ่อนๆ การฟังเคป๊อปอีกต่อไป ไม่ว่าจะวงผู้ชายหรือ วงผู้หญิง เป็นความรู้สึกหลุดพ้นเหมือนพระเอกนางเอกใน นิยายโรมานซ์ทไี่ ม่ตอ้ งรักกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ หรือถ้าอินดี้ หน่อย คงอารมณ์ประมาณ พีจ่ นี วง Futon ทีเ่ คยแต่งตัวมาด แมนแฮนด์ซั่ม แต่ตอนนี้สามารถแต่งหญิงเดินไปเดินมา กลางถนนได้อย่างเต็มภาคภูมิ และนั่นเองเป็นจุดหักเหของการเปลี่ยนจากคนอินดี้ ไปสู่ คนแมสกระแสหลักฟังเพลงเกาหลี เมือ่ อาการคลัง่ ไคล้เคป๊อป ของผมหนักข้อมากขึ้นเรื่อยๆ (เช่น โพสต์คลิปเกาหลีวันละ สามเวลา + ก่อนนอน จนเฟรนด์ในเฟซบุค๊ บอกว่า ไม่ตอ้ งเข้า เว็บข่าวบันเทิงแล้วล่ะ เข้าเฟซบุ๊คมึงนี่แหละ อัพเดทสุด) เพื่อนบางคนก็เริ่มแซวผมว่า “มึงนี่ ติ่งจริงๆ” ติง่ ในทีน่ มี้ าจากค�ำว่า ‘ติง่ หู’ เป็นค�ำทีบ่ า้ นเราใช้เรียกแฟน คลับเพลงเกาหลี มีที่มาจากทรงผมนักเรียนหญิงที่สั้นจนถึง ใบหู เป็นการเรียกด้วยน�ำ้ เสียงเหยียดหยาม หลายคนไม่ชอบ

30


แฟนคลับเคป๊อปเท่าไร เพราะพวกติ่งสร้างวีรกรรมไว้เยอะ พอตัว เช่น เวลานักร้องมาทีส่ นามบิน วันนัน้ สุวรรณภูมแิ ทบ จะเกิดสงครามกลางเมือง เหล่าแฟนคลับนับพันจะแห่แหน ไปต้อนรับศิลปิน จนผู้โดยสารคนอื่นเดินแทบไม่ได้ พร้อม เสียงกรีดร้องท�ำลายโสตประสาท จนนักท่องเที่ยวบางคน คงอยากตีตั๋วกลับบ้านเกิดทันที หรือเวลามีใครตั้งกระทู้วิจารณ์ศิลปินที่ตัวเองชอบในทาง ลบ เหล่าติง่ หูกจ็ ะปกป้องนักร้องในดวงใจอย่างหน้ามืดตามัว ยิ่งกว่าองครักษ์พิทักษ์ราชัน ตัวผมเองก็ร�ำคาญแฟนคลับ ประเภทนี้เช่นกัน และเคยด่าคนกลุ่มนี้อย่างดูถูกดูแคลนว่า “โอ๊ย อีพวกติ่งหู!” แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ชีวติ เต็มไปด้วยความพลิกผัน ในวันที่ผมหันเหมาชอบฟังเพลงเกาหลี คนรอบข้างจ�ำนวน หนึง่ ก็จดั ประเภทผมให้เป็นพวกแฟนคลับคลัง่ นักร้องจนขาด สติ กลายเป็นว่า ตอนนี้ผมนี่แหละที่กลายมาเป็น ‘ติ่งหู’ เสียเอง! ถึงกระนัน้ ผมก็ไม่เว้าวอนอุทธรณ์ขอความเป็นธรรมจาก ใคร คงเป็นชะตากรรมทีเ่ ราต้องยอมรับ เปล่าประโยชน์ทจี่ ะ เสียเวลาอธิบายอะไรให้มากความ ปล่อยให้คนอื่นเขาเข้าใจ เราในแบบที่เขาอยากจะเข้าใจไปเถิด ส่วนเราก็ระเริงร่า ชะชะช่ากับเคป๊อปต่อไป พร้อมอยู่ร่วมกับความเป็นติ่งหู อย่างเต็มใจ “ใช่ กูเป็นติ่งหู เป็นอย่างเต็มใจด้วย 555” ผมตอบ สเตตัสเพื่อนไปแบบนั้น และแม้จะใส่ 555 ต่อท้ายให้ดูข�ำขัน แต่ผมก็พิมพ์ ประโยคนั้นด้วยความจริงใจ

31



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.