1 minute read

THEN AND NOW

Next Article
DAY OFF

DAY OFF

วัดกลางวรวิหาร

Advertisement

ตำานานอมตะคู่วิถีไทย Wat Klang Worawihan An immortal legend by the Thai way of life

ไม่มีปรากฏเป็นหลักฐานว่า “วัดกลางวรวิหาร” นั้น ได้เปลี่ยน ชื่อเดิมจาก “วัดตะโกทอง” มาเป็นชื่อปัจจุบันในสมัยใด นอกเสียจาก บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกว่า ชาวบ้านในยุคสมัยแผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๓ (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) แห่ง กรุงศรีอยุธยา พากันเรียกขานวัดแห่งนี้ว่า “วัดตะโกทอง” ซึ่งมี ที่มาจากเรื่องเล่าเก่าแก่ เมื่อครั้งพระอาจารย์ชูออกเดินทางมาจาก วัดเชิงหวาย ล่องเรือหาเสนาสนะอันสมควร จนมาจอดอยู่ที่ชายตลิ่ง ของสวนจากฝั่งเหนือ Although when “Wat Klang Worawihan” changed its name from “Wat Tako Thong” remains unclear, townspeople in the reign of King Boromma Rachathirat III (King Borommakot) of Ayutthaya Kingdom called the temple “Wat Tako Thong”. According to an old folk story, When Phra Ajarn Chu sailed from Wat Choeng Wai in search for a proper dwelling place and docked by the shore of a farm in the north.

อุบาสกผู้เฒ่าผู้หนึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ฝั่งใต้ เห็นพระอาจารย์ชู มีวัตรปฏิบัติดี ประพฤติพรหมจรรย์ประกอบด้วยศีลาจารวัตร สมควร แก่สมณเพศ จึงเกิดความเลื่อมใส ชักชวนราษฎรที่มีจิตศรัทธา ให้มา ช่วยกันสร้างวัดขึ้นในคลองบางฆ้อง ซึ่งครั้งนั้นมีอุบาสิกาหม้าย ๓ คน นำาเอาใบจองสวนจากของตนไปแลกกับที่สวนจากในคลองบางฆ้อง ซึ่งเวลานั้นยังรกเป็นป่าอยู่ เมื่อเริ่มทำาการก่อสร้าง ชาวบ้านก็ได้พบ แหวนทองคำาโบราณวงหนึ่งใต้ต้นตะโก และเห็นเป็นนิมิตหมายอันดี จึงตั้งชื่อให้ในช่วงแรกว่า “วัดตะโกทอง” การสร้างวัดใช้เวลา ๔-๕ ปี จึงแล้วเสร็จ (พ.ศ. ๒๒๙๙) และ ชาวบ้านได้อาราธนาพระอาจารย์ชูเป็นเจ้าอาวาส แต่เมื่อกรุงศรีอยุธยา เสียกรุง วัดก็ถูกทิ้งร้าง จนสมัยกรุงธนบุรีจึงได้มีการทำานุบำารุงวัด ขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์จักรี ได้ยกฐานะ วัดกลางวรวิหารขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท นับได้ว่าเป็นวัด ที่มีตำานานยาวนานและอยู่คู่บ้านคู่เมืองเป็นที่นับถือของประชาชน มาหลายยุคหลายสมัย An old layman living in the south became faithful for the monk guru’s virtuous practices and invited faithful villagers to build a temple in Khlong Bang Khong area, which three widows traded their nipa-palm farmland booking document with a dense one in Khlong Bang Khong. At the beginning of the construction, villagers discovered an ancient golden (Thong in Thai) ring under an Ebony tree (Tako in Thai). Believing it was an auspicious sign, the temple was called “Wat Tako Thong”. After 4-5 years, the construction completed (in 1756) and villagers invited Phra Ajarn Chu as the first abbot. The temple was left deserted at the fall of the Ayutthaya Kingdom and restored in the Thonburi Kingdom. Then, in 1916, His Majesty King Vajiravudh, the sixth monarch of the Chakri dynasty, raised Wat Klang Worawihan as a second-class royal monastery. The temple has a long history and remains highly respected through generations.

This article is from: