พลิกประวัติศาสตร์นอกตําราตามหาพระยาละแวก

Page 1

พุทธศักราช ๒๑๓๖ กัมพูชาเสียกรุงละแวก “เราได้ออกวาจาไว้แล้วว่า ถ้ามีชัยแก่ท่านเราจะท�ำพิธีประถมกรรม  เอาโลหิ ต ท่ า นล้ า งบาทาเสี ย ให้ ไ ด้ ... พระโหราธิ บ ดี ชี พ ่ อ พราหมณ์  จัดแจงการนั้นเสร็จ จึงเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนเกย  เจ้าพนักงานองครักษ์เอาตัวพระยาละแวกเข้าใต้เกย ตัดศีรษะเอาถาด รองโลหิตขึน ้ ไปช�ำระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห ่ วั  พระโหราธิบดีกล็ น ั่ ฆ้องชัย...” พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา (รัชกาลที่ ๔)

เรื่ อ ง : สุ เ จน กรรพฤทธิ์ ภาพ : สุ เ จน กรรพฤทธิ์    สกล เกษมพั น ธุ ์

พลิก ประวตั ศิ าสตร์ นอกตาํ รา ตามหา

68

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

ภาพจิตรกรรม ผนังที่ ๑๑ ในวิหารวัดสุวรรณดาราราม ใต้ภาพมี ป้ายภาษาไทยและภาษาอังกฤษเขียนว่า “สมเด็จพระนเรศวร เสด็จ  ยกกองทัพหลวงไปตีกรุงก�ำพูชาได้เมืองละแวก จับนักพระสัตถา  เจ้ากรุงก�ำพูชาได้ ทรงท�ำปฐมกรรมแล้วให้ต้อนครัวเชลยกลับก่อน จึงเสด็จพระราชด�ำเนิรกลับคืนสู่พระนครเมื่อ พ.ศ. ๒๑๓๖” ภาพนี้ แม้จะวาดในสมัยรัชกาลที่ ๗ แต่ต่อมากลายเป็นภาพจ�ำของคนไทย ยามนึกถึงพระยาละแวก

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

69


วิหารวัดตรอแฬงแกง อดีต “ศูนย์กลาง” กรุงละแวก พงศาวดารกัมพูชา ระบุว่า วิหารนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส พระพุทธรูปส�ำคัญซึ่ง ภายหลังถูกท�ำลายในรัชกาลนักพระสัตถา ก่อนเสียกรุงละแวกไม่นานนัก

พุทธศักราช ๒๐๒๙  ก�ำเนิดพญาจันทราชา “พระยาละแวกองค์แรก” ในประวัติศาสตร์ “พญาจันทราชา” เคยเสด็จฯ มาลี้ภัยในราชส�ำนัก  กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา ก่ อ นกลั บ ไปกอบกู ้ เ มื อ งกลายเป็ น ปฐมกษั ต ริ ย ์  กรุงละแวก ด�ำเนินนโยบายฟื้นฟู “ความรุ่งเรืองสมัยเมืองพระนคร”  ในรัชสมัยของพระองค์ ละแวกรุง่ เรืองจนมีคำ� กล่าว “ไม่วา่ ม้าทีม ่ ก ี ำ� ลัง มากเพียงใด ก็ไม่สามารถวิ่งรอบก�ำแพงเมืองละแวกได้”

มงกุฎทองเหลืองจ�ำลองตั้งอยู่บนพานใกล้แท่นบูชาพระอัฏฐารสในวิหาร  วัดตรอแฬงแกง คล้ายจะตอกย�้ำความทรงจ�ำว่า ในศตวรรษที่ ๑๗ ที่นี่คือ  ราชส�ำนักอันเรืองโรจน์ของกัมพูชา

70

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

71


พุทธศักราช ๒๐๗๐  ก่อตั้งกรุงละแวก “ท�ำปรางค์มหาปราสาทหลังหนึ่งมี ๕ ยอด เป็นปราสาทส�ำหรับพระมหา กษัตราธิราชบรรทม สร้างพระราชมณเฑียรใหญ่หลังหนึ่ง ส�ำหรับสนมกรม การประจ�ำยาม แล้วท�ำปราสาทหลังหนึ่งมี ๓ ยอด ส�ำหรับพระราชบุตรี... ปราสาทพระราชมณเฑียรใหญ่นอ้ ยล้วนแต่แกะสลักสลัดเสลาลงรักปิดทอง... แล้วพระองค์ให้ขุดสระสรงงดงามในพระนคร”

เอกสารมหาบุรุษเขมร

สภาพ “อดีตกรุงละแวก” ในปี ๒๕๕๕ สิ่งที่เหลือจากอดีตอันเรืองโรจน์คือ วัดตรอแฬงแกง (วัดทางด้านขวา) อดีตศูนย์กลางเมืองและวัดเก่า ๒-๓ แห่ง  คูนำ�้ คันดินด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง  นอกจากนีพ้ นื้ ทีท่ เี่ คยเป็นตัวเมือง ก็มีสภาพเป็นไร่นา ไม่ปรากฏการอนุรักษ์เมืองส�ำคัญทางประวัติศาสตร์  แห่งนี้แต่อย่างใด

72

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

73


พุทธศักราช ๒๑๑๓ พระปรมินทราชา (พระยาละแวกองค์ที่ ๒)  โจมตีกรุงศรีอยุธยา และหัวเมืองรอบนอก “ศักราช ๙๓๒ มะเมียศก พญาละแวกยกพลมายังพระนครศรีอยุทธยา  พญาละแวกยืนช้างต�ำบลสามพิหาร แลได้รบพุง่ กัน และชาวในเมืองพระนคร ยิงปืนออกไป ต้องพญาจามปาธีราชตายกับคอช้าง ครั้งนั้นศึกพญาละแวก เลิกทัพกลับคืนไป”

“ต�ำบลสามพิหาร” ที่พระยาละแวกเคย “ยืนช้าง” ขณะเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันคือที่ตั้งของ “วัดสามวิหาร” ต�ำบลหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  สิง่ ทีเ่ หลือมาจนถึงยุคปัจจุบนั มีเพียงใบเสมาเก่ารอบโบสถ์  ทุกวันนีแ้ ผ่นพับ ของวัดซึ่งท�ำแจกนักท่องเที่ยวยังคงเล่าเหตุการณ์พระยาละแวกมายืนช้าง  ที่นี่เอาไว้อย่างละเอียด

พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์

(ขวาบน)  “ศาลเจ้าพ่อใหญ่” ตัง้ อยูร่ มิ ถนนเลียบคันคลองชลประทาน ต�ำบล บางจาน ถือเป็นต้นต�ำนาน “งานกระจาด” ของชาวต�ำบลบางจาน ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการโจมตีเมืองเพชรบุรีของพระยาละแวกใน อดีต  (ขวา) ปู่พิมพ์ หรือ บุญหลง ทับสี ชาวต�ำบลบางจานอวด “กระจาด” ประจ�ำบ้านที่สานขึ้นเองส�ำหรับใช้ใน “งานกระจาด” ซึ่งจัดขึ้นใน ปีที่มีเดือน ๘ สองหน

74

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

75


พุทธศักราช ๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรตีกรุงละแวก (แต่ไม่ได้ประหารพระยาละแวก) “...ณ วั น  ๖ ฯ๑๐ ๒ ค�่ ำ  เวลารุ ่ ง แล้ ว  ๓ นาฬิ ก า  ๖ บาท เสด็ จ พยุ ห บาตราไปเอาเมื อ งละแวก และ  ตั้ ง ทั พ ชั ย ต� ำ บลบางขวด เสด็ จ ไปครั้ ง นั้ น ได้ ตั ว  พญาศรีสุพรร ในวัน ๑ฯ๑ ๔ ค�่ำนั้น” พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์

(ภาพบนและภาพซ้าย) “ศาลนักตาปาง” (เนี้ยกตา-เสื้อเมือง) ตั้งอยู่บริเวณที่  น่าจะเป็นอดีตแนวก�ำแพงชั้นในและประตูเมืองเดิมของ กรุงละแวก ทุกวันนี้กลายเป็นสนามวิ่งเล่นของเด็กๆ  แถบนั้น (ภาพหน้าขวา) จิ ต รกรรมฝาผนั ง ใน “วิ ห ารพระโค-พระแก้ ว ” เล่ า  “ต�ำนานพระโค-พระแก้ว” ซึ่งถูกกษัตริย์สยาม (สมเด็จ-  พระนเรศวรฯ) ชิงไป ท�ำให้ความเจริญและสรรพวิทยาการหายไปจากดินแดนกัมพูชา

76

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

77


พุทธศักราช ๒๑๓๖   นักพระสัตถาเสด็จฯ ลี้ภัย

“เมื่ อ คนเหล่ า นี้   (คนสเปน) อยู ่ ใ นราชอาณาจั ก รกั ม พู ช าที่ เ มื อ งจั ตุ ร มุ ข  กั บ พระเจ้ า  Langara (ละแวก) กษั ต ริ ย ์ แ ห่ ง กั ม พู ช านั้ น  พระเจ้ า แผ่ น ดิ น  สยามกรี ฑ าทั พ มาโจมตี พ ระองค์ ด ้ ว ยรี้ พ ลและ (กองทั พ ) ช้ า งมากมาย ยึ ด พระนคร พระราชวัง และพระคลังสมบัติได้ พระเจ้ากัมพูชาจึงเสด็จหนีไปเมือง เหนือจนถึงอาณาจักรลาว...”

78

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

ทางไปเมืองสตรึงเตรง เมืองที่นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า นักพระสัตถาเสด็จไปประทับระหว่างลี้ภัย

จดหมายเหตุของ ดร. อันโตนิโอ เดอ มอร์ก้า (สเปน)

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

79


พุทธศักราช ๒๑๖๖ ร่องรอย  “พระยาละแวกองค์สุดท้าย” “...ปีฝรั่ง ๑๖๒๓ พระบาทสมเด็จพระไชยเชฏฐาธิ-  ราชพระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี ทรงสร้างเจดีย์คู่บน พนมราชทรัพย์ พระเจดียด์ า้ นตะวันตกในเขตส�ำโรง ทอง ท�ำบุญบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระ  มหินทราชาธิราช (พระสัฏฐา)...” ศิลาจารึกพระเจ้าสีสุวัตถิ์ (ศรีสวัสดิ์) ปี ๑๙๑๗/๒๔๖๐

เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่วัดเจดีย์ทนฺทึม ทางด้านทิศเหนือของเนินเขาพระราช-  ทรัพย์ เมืองอุดงค์มีชัย อดีตเมืองหลวงเก่ายุคหลังกรุงละแวก ได้รับการ บันทึกว่าเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระมหินทราชา (นักพระสัตถาพระยาละแวก) ในสมัยพระเจ้าศรีสวัสดิ์ (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕) ด้านข้าง เจดีย์นี้ไม่ไกลนักยังปรากฏเจดีย์บรรจุอัฐิสมเด็จพระศรีสุริโยพรรณด้วย

เย็นวันหนึ่งกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕  เมืองละแวก จังหวัดก�ำพงฉนัง ราชอาณาจักรกัมพูชา อุณหภูมิกว่า ๔๐ องศาเซลเซียสท�ำเอาผมเหงื่อชุ่มขณะที่ตระเวนหาร่องรอย “กรุงละแวก”  ประเมินด้วยสายตา พื้นที่อดีต “เมืองหลวงของชาติศัตรู” ในประวัติศาสตร์ไทยขณะนี้ ถูกยึดครอง  โดยที่นาและป่าไผ่ซึ่งกระจายตัวเป็นหย่อมๆ สลับกับบ้านเรือนของประชาชน  ร่องรอยเก่าแก่ของเมือง คือ วัดเก่า ๖ แห่ง วัตถุโบราณไม่กี่ชิ้น คูน�้ำคันดินด้านทิศตะวันตกและ  ทิศเหนือที่ยังเหลือสภาพอยู่ส่วนหนึ่ง  กาลเวลาท�ำให้สิ่งที่ผมเห็นต่างสิ้นเชิงกับที่พงศาวดารให้ภาพว่ากรุงละแวกนั้น  “ไม่ว่าม้าจะมีก�ำลังมากเพียงใด ก็ไม่สามารถวิ่งรอบก�ำแพงเมืองนี้ได้”  เพราะในอดีตเมืองนี้มีก�ำแพงถึง ๕ ชั้น มีป้อมปืนทุกประตู มีป่าไผ่ขึ้นหนาแน่นเป็นปราการธรรมชาติ ล้อมรอบพระนคร และใจกลางเมืองคือหมู่ราชปราสาท ๕ ยอดที่ประดับด้วยทองค�ำอย่างงดงาม  ทั้งหมดนี้คืออาณาจักรที่คนไทยคุ้นชื่อและมีภาพจ�ำว่า “กรุงละแวก เมืองศัตรู” แบบเรียนประวัติศาสตร์ ชาตินิยมบอกเราว่าผู้ครองกรุงหรือพระยาละแวกคือกษัตริย์กัมพูชาที่มักโจมตีกรุงศรีอยุธยาแบบ “ฉวยโอกาส” ในช่วงที่กรุงศรีอยุธยาท�ำศึกติดพันอยู่กับกรุงหงสาวดี ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะยกทัพไป “เอาคืน”  และเกิดฉากจบที่ติดตรึงความทรงจ�ำคนไทยคือกรุงละแวกแตก สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงท�ำพิธีปฐมกรรม  ประหารพระยาละแวกแล้ว “เอาเลือดล้างพระบาท”  ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ “ไว้ใจไม่ได้” ของกัมพูชาถูกแทนที่ด้วยเรื่องเล่าเหล่านี้ ทั้งยังเป็นที่มาของ  ค�ำประณามหยามเหยียดว่า “ลูกหลานพระยาละแวก” “เขมรไว้ใจไม่ได้” หนักยิ่งกว่าคือประณามกัมพูชา  ว่าเป็น “สุนัขลอบกัด”  ทว่าเมื่อสืบค้นหลักฐานอย่างรอบด้าน ผมกลับพบความจริงอันน่าตะลึง  ข้อความจากพงศาวดารอาจเป็นเรื่องแต่ง เรา (คนไทย) ไม่รู้ว่า ก�ำลัง “ชิงชัง” พระยาละแวกองค์ไหน เหตุการณ์จริงเป็นอย่างไร และเรา  ควรเอาอดีตมาปนกับปัจจุบันหรือไม่ กลางปี ๒๕๕๕ ผมเดินทางไปตามเมืองประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง  กับพระยาละแวกทั้งในไทยและกัมพูชา

พลิก ประวตั ศิ าสตร์ นอกตาํ รา ตามหา

เพื่อค้นหา “พระยาละแวกพระองค์จริง” และ “ความจริง” อีกชุดที่คนไทยไม่คุ้นเคย

เรื่อง : สุเจน กรรพฤทธิ์ ภาพ : สุเจน กรรพฤทธิ์  สกล เกษมพันธุ์ 80

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

พฤษภาคม  ๒๕๕๖

81


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.