ครอบครัวชะนีประกอบด้วยสมาชิกสองถึงหกตัว แต่ที่พบเห็นส่วนมากจะมีประมาณสี่ตัว ประกอบด้วย พ่อชะนี แม่ชะนี ลูกวัยเด็กถึงวัยรุ่น และลูกชะนีวัยทารก ครอบครัวชะนีมักใช้เวลาอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาพักผ่อนของวัน นี่คือภาพของครอบครัว R
บันทึกชีวิต
เรื่อง : ดร. จันทร์เพ็ญ ศรลัมพ์ ภาพ : กุลพัฒน์ ศรลัมพ์
ใน ๑ วัน
ชะนีผ่านการวิวัฒนาการมาทั้งกายวิภาค สรีระ และพฤติกรรม เพื่อใช้ชีวิตเกือบทั้งชีวิตอยู่แต่บนเรือนยอด มันเคลื่อนที่บนต้นไม้ ทั้งการห้อยโหน (brachiation) การกระโดดระหว่างเรือนยอดไม้ (leaping) การปีนป่าย (climbing) หรือแม้แต่การเดินสองขาบนกิ่งไม้ (bipedal walking) ได้อย่างช�ำนาญและรวดเร็ว โดยเฉพาะเวลาที่ต้องป้องกันอาณาเขตของครอบครัว
๔๑ ปีของ งานวิจัย ในเขาใหญ่ 74
สิงหาคม ๒๕๕๗
สิงหาคม ๒๕๕๗
75-๗๖
กระโดด เพื่ออยู่รอด
80
สิงหาคม ๒๕๕๗
ลูกชะนีวัยรุ่นกระโดดข้ามเรือนยอดตามพ่อแม่เพื่อไปหากิน ด้วยสภาพของเรือนยอดที่สูงต�่ำหรือใกล้ห่าง ต่างกันในธรรมชาติ การกระโดด (leaping) จึงเป็นเทคนิค ส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตของชะนี
สิงหาคม ๒๕๕๗
81
ความจริงเราไม่พบชะนีกระโดดบ่อยนักเมื่อเทียบกับการเคลื่อนที่ แบบอื่น และชะนีที่โตถึงวัยที่พร้อมเท่านั้นจึงจะท�ำได้
ชะนีมักกระโดดที่ต�ำแหน่งเดิมบนเส้นทางเสมอ
แต่หากพื้นที่หากินของมันถูกแบ่งแยกจากการเกิดไม้ล้มหรือถนนตัดผ่าน ชะนีก็จะถูกกดดันให้ต้องกระโดดมากขึ้น หรือบางครั้งจ�ำเป็นต้องลงมาที่พื้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของมันได้
82
สิงหาคม ๒๕๕๗
(ขวา) ลูกชะนีวัยทารกหรือเจ้าบีน ครอบครัว B หัดเดินสองขา (bipedal walking) บนกิ่งไทร ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพ่อแม่ของมัน (ล่างขวา) ชะนีอาจไม่ได้ใช้เพียงแค่แขนทั้งสองข้าง แต่ยังใช้ขาทั้งสองในการเคลื่อนที่และการหากินอีกด้วย บางครั้งเราจะเห็นชะนีใช้แขนโหนกิ่งไม้ และใช้ตีนเกี่ยวกิ่งที่มีลูกผลไม้มาใส่ปากมันด้วย ในภาพนี้คือ “ป้าแอน” หรือ Andromeda ครอบครัว A (ล่างซ้าย) แม่ชะนีพาลูกน้อยกระโดดข้าม เรือนยอดจากต้นไม้หนึ่งไปสู่อีกต้นเพื่อหากิน บางต�ำแหน่งอาจมีเรือนยอดที่ห่างกันมาก แต่ด้วยประสบการณ์และสรีระของชะนีตัวเต็มวัย ท�ำให้มันกระโดดข้ามผ่านไปได้ทุกครั้ง หากกระโดดช่วงกว้างและสูงมากเรามักได้ยิน เสียงลูกชะนีร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
สิงหาคม ๒๕๕๗
83
ชะนีมือขาวกินผลไม้เป็นอาหารหลัก โดยกินมากถึงประมาณร้อยละ ๖๕ ของอาหารทั้งหมด ชะนีจัดเป็นผู้กระจายเมล็ด ที่มีความส�ำคัญล�ำดับต้น ๆ ของป่าเขตร้อน หากประเมินเล่น ๆ ว่าถ้าชะนีอึวันละหกครั้ง แต่ละครั้งมีเมล็ด ประมาณ ๕๐ เมล็ด ชะนีหนึ่งตัวจะช่วยเพาะกล้าไม้ในป่า ถึงปีละ ๑๐๙,๕๐๐ เมล็ดเลยทีเดียว (บน) ชะนีแม่ลูกอ่อนก�ำลังเคี้ยวแมลงอย่างตั้งใจ แมลงถือว่าเป็นอาหารเสริมโปรตีนอย่าง หนึ่งของชะนี (ซ้าย) นิทัศน์ ชะนีตัวผู้ครอบครัว N ก�ำลังอร่อยกับลูกไทรซึ่งจัดเป็นอาหารหลัก ของครอบครัว N ในช่วงเดือนพฤศจิกายน (ขวา) เจ้าชูส์ก�ำลังเบ่งอึก้อนใหญ่ซึ่งมีเมล็ด ผลไม้หลายชนิดจากที่มันกินเข้าไป เมล็ดที่ขับถ่ายออกจากล�ำไส้ชะนี จะงอกได้ดีกว่าเมล็ดที่ไม่ผ่านล�ำไส้ชะนี โดยปรกติชะนีขับถ่ายเฉลี่ยประมาณ หกครั้งต่อวัน
84
สิงหาคม ๒๕๕๗
สิงหาคม ๒๕๕๗
85
ชะนีเล่น
(ซ้าย) เจ้าชูส์ชะนีตัวผู้คอยเอาใจท�ำความสะอาดขน และจัดเรียงขน (grooming) ให้ “ป้าแอน” ชะนีตัวเมียที่นอนสบาย ซึ่งจะท�ำให้ขนไม่เกาะเป็นก้อน และมีสุขภาพดี โดยทั่วไปตัวเมียจะปฏิบัติกับตัวผู้ เช่นเดียวกัน เป็นพฤติกรรมที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ ของคู่ชะนี แต่ยกเว้นส�ำหรับ “ป้าแอน” ที่ไม่ค่อยชอบ ดูแลขนให้ชูส์เท่าไรนัก (ล่าง) เวลาพักผ่อน ชะนีพี่น้องหยอกกันด้วยการถีบ งับขา หรือดึงแขนระหว่างท�ำความสะอาดขนให้กัน
ชะนีใช้เวลาช่วงสาย ๆ และบ่ายส�ำหรับพักผ่อนและมีปฏิสัมพันธ์กัน ส่วนใหญ่ตัวผู้กับตัวเมียเต็มวัยจะผลัดกันท�ำความสะอาดขน และจัดเรียงขนให้กัน แต่ลูก ๆ จะใช้เวลาเล่นซนซึ่งเป็นการฝึกทักษะ การใช้ชีวิตบนเรือนยอดที่ส�ำคัญ การเล่นอาจถึงขั้นผาดโผน หรือเพียงหยอกกันเบา ๆ ระหว่างพี่น้อง 86
สิงหาคม ๒๕๕๗
สิงหาคม ๒๕๕๗
87
สีขนไม่ใช่ลักษณะที่ใช้แบ่งแยกเพศในชะนีมือขาว ตัวผู้หรือตัวเมียก็อาจมีขนสีครีมหรือสีด�ำได้ โดยลักษณะขนสีด�ำเป็นพันธุกรรมที่เด่นกว่าขนสีครีม ครอบครัวชะนี อาจมีสมาชิกสีด�ำทั้งหมด บางครอบครัวอาจมีสีครีมทั้งหมด ส่วนครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่สีด�ำกับสีครีม ก็อาจพบลูกชะนีทั้งสองสี สิ่งที่ชะนีมือขาวทั้งสองสีมีเหมือนกันคือ ขนวงรอบใบหน้า หลังมือ และหลังตีน เป็นสีขาว
ครอบครัวชะนีพร้อมสมาชิกใหม่สีด�ำ อายุไม่ถึง ๓ เดือน ลูกชะนีวัยทารกระยะนี้ มักได้รับการดูแลจากแม่อย่างใกล้ชิด
88
สิงหาคม ๒๕๕๗
สิงหาคม ๒๕๕๗
89
ในครอบครัวชะนีมือขาว แม่จะมีบทบาทหลักในการเลี้ยงดูลูก โดยมีพ่ออยู่ใกล้ชิด
ลูกชะนีวัยทารกจะเกาะอกแม่อยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งอายุได้ ๓-๔ เดือน ลูกชะนีก็จะเริ่มหัดเคลื่อนที่ด้วยตัวเอง แต่เมื่อต้องย้ายไปยังต้นอื่นแม่ก็จะจับลูกชะนีมาเกาะอกและพาเคลื่อนที่ไปด้วย ลูกชะนีจะเกาะอกแม่ไปจนกระทั่งอายุ ๒ ปี-๒ ปีครึ่ง
(บน) ลูกชะนีในภาพนี้คือตัวเดียวกับลูกชะนี ในภาพหน้าที่แล้วเมื่อยังอ่อนวัยกว่า ถึงลูกชะนีวัยทารกจะยังเคลื่อนที่เองไม่ได้ แต่มนั ก็เริม่ แสดงความสนใจสิง่ แวดล้อมรอบ ๆ ตัว บางครั้งมันจะคอยยื่นมือออกมาเมื่อแม่มันนั่งพัก
90
สิงหาคม ๒๕๕๗
(ขวา) “ป้าแอน” ก�ำลังผสมพันธุ์กับชูส์ สามีตัวที่ ๔ ซึ่งมีอายุน้อยกว่า ภาพฉากรักของชะนีมือขาว เกิดขึ้นเมื่อชะนีตัวเมียเต็มวัยแสดงความพร้อม และเคลื่อนไปบนกิ่งที่เหมาะสม โดยตัวเมียจะ หันก้นให้ตัวผู้เข้าผสมพันธุ์จากด้านหลัง ซึ่งใช้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างผสมพันธุ์ ชะนีตัวผู้จะเอามือข้างหนึ่งเกาะหลังตัวเมีย ขณะที่มืออีกข้างเกาะกิ่งไม้ไว้ โดยตัวผู้ส่งเสียง ครางเล็กแหลมออกมาด้วย เมื่อผสมพันธุ์เสร็จ ตัวผู้มักจะท�ำความสะอาดขนให้ตัวเมีย
สิงหาคม ๒๕๕๗
91
ในชะนีมงกุฎเราใช้สีขนแบ่งแยกเพศได้ โดยชะนีตัวผู้มีขนสีด�ำ ส่วนตัวเมียมีขนสีครีมและมีแถบขนสีด�ำที่หน้าอกมาถึงท้อง ทั้งคู่มีขนที่กระหม่อมสีด�ำ ขนคิ้วเรื่อยไปถึงขนข้างหัวเป็นสีขาว และขนที่หลังมือและตีนเป็นสีขาว ที่สังเกตได้ง่ายคือขนรอบ อัณฑะเป็นสีขาวเด่นชัด ดังนั้นการแยกชะนีมงกุฎตัวผู้กับชะนี มือขาวตัวผู้สีด�ำจึงไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ดูขนที่ใบหน้า และลูกอัณฑะ
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นหนึ่งในสามพื้นที่ในโลกเท่านั้น ที่พบการผสมข้ามสายพันธุ์ของชะนีตามธรรมชาติ โดยพบการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างชะนีมือขาวกับ
ชะนีมงกุฎ
92
สิงหาคม ๒๕๕๗
สิงหาคม ๒๕๕๗
93
ภาพ : ทิวา โอ่งอินทร์
บันทึกชีวิต
(บน) ปัจจุบันอาจารย์วรเรณ บรอคเคลแมน (ขวาสุด) ยังคงเดินป่าและท�ำวิจัยเรื่องชะนีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับให้ความรู้ นักวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในภาพอาจารย์ก�ำลัง ให้ค�ำแนะน�ำนักวิจัยจากประเทศอินเดียและผู้เขียน เกี่ยวกับการ ประเมินประชากรชะนีโดยการฟังเสียง ซึ่งนักวิจัยชาวอินเดียน�ำไปใช้ ศึกษาชะนีฮูล็อก (Hoolock hoolock) ในประเทศอินเดีย (ซ้าย) แอนโดรเมดานอนบนต้นนอนปลายกิ่งสูง ก่อนนักวิจัยกลับบ้าน เรายังเห็น “ป้าแอน” แอบมองลงมาที่พวกเรา เหมือนอยากจะบอก ว่า “พรุ่งนี้ก็คงเจอกันอีกสินะ”
ใน ๑ วัน ๔๑ ปีของ งานวิจัย ในเขาใหญ่ 94
สิงหาคม ๒๕๕๗
เรื่อง : ดร. จันทร์เพ็ญ ศรลัมพ์ * ภาพ : กุลพัฒน์ ศรลัมพ์
* นักวิจัยชะนี อาจารย์ประจ�ำหลักสูตรชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี