2
หนังสือ สุดยอดนักผจญภัย ผู้เขียน ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน © สงวนลิขสิทธิ์โดยส�ำนักพิมพ์สารคดี ในนามบริษัทวิริยะธุรกิจ จ�ำกัด ห้ามการลอกเลียนไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือ นอกจากจะได้รับอนุญาต
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤษภาคม 2555 จ�ำนวนพิมพ์ 4,000 เล่ม ราคา 250 บาท ข้อมูลบรรณานุกรม สุทัศน์ ยกส้าน. สุดยอดนักผจญภัย.--กรุงเทพฯ : สารคดี, 2555. 256 หน้า. 1. การเดินทาง. I. ชื่อผู้แต่ง. 2. การผจญภัยและนักผจญภัย. 910.042 ISBN 978-974-7727-69-2
คณะผู้จัดท�ำ บรรณาธิการเล่ม : ปณต ไกรโรจนานันท์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ : นฤมล สุวรรณอ่อน ออกแบบปก/จัดรูปเล่ม : ชาญศักดิ์ สุขประชา พิสูจน์อักษร : สินี ศิริศักดิ์ ควบคุมการผลิต : ธนา วาสิกศิริ จัดพิมพ์ ส�ำนักพิมพ์สารคดี (ในนามบริษัทวิริยะธุรกิจ จ�ำกัด) จัดจ�ำหน่าย บริษัทวิริยะธุรกิจ จ�ำกัด 28, 30 ถนนปรินายก แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0-2281-6110 (อัตโนมัติ) โทรสาร 0-2282-7003 เพลต เอ็นอาร์ฟิล์ม โทร. 0-2215-7559 พิมพ์ บริษัททวีวัฒน์การพิมพ์ จ�ำกัด โทร. 0-2720-5014 ส�ำนักพิมพ์สารคดี ผู้อ�ำนวยการ : สุวพร ทองธิว ผู้จัดการทั่วไป : จ�ำนงค์ ศรีนวล ที่ปรึกษากฎหมาย : สมพจน์ เจียมพานทอง ผู้อ�ำนวยการฝ่ายการตลาด/โฆษณา : ปฏิมา หนูไชยะ ผู้อ�ำนวยการฝ่ายศิลป์/ฝ่ายผลิต : จ�ำนงค์ ศรีนวล ผู้จัดการฝ่ายตลาด : พิเชษฐ ยิ้มถิน ที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์ : สุดารา สุจฉายา บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ : สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ หนังสือเล่มนี้ใช้หมึกพิมพ์ซึ่งมีส่วนผสมของน�้ำมันถั่วเหลือง ช่วยลดการใช้วัตถุดิบจากน�ำ้ มันปิโตรเลียม ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
สุดยอดนักผจญภัย
3
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
จากส�ำนักพิมพ์ มนุษย์ล้วนมีความกล้าหาญแฝงอยู่ในตัวทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมเสี่ยง ชีวิตตนเองออกผจญภัยไปในดินแดนใหม่ เพื่อหาเส้นทางการค้าใหม่ๆ เพื่อ ให้ได้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เพื่อแสวงหาความร�่ ำรวย เพื่อชื่อเสียง หรือ เพียงเพื่อตอบสนองความมักใหญ่ใฝ่สูงของตน เมื่อมองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่าการผจญภัยของผู้กล้าเหล่านี้ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ ประวั ติ ศ าสตร์ โ ลกและบุ ค คลที่ ไ ด้ ชื่ อ ว่ า มี ค วามส�ำ คั ญ ต่ อ โลก อย่างยิ่ง เช่น การเดินทางของ มาร์โค โปโล ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ชาวยุโรป เข้ า ใจเอเชี ย ว่ ามีอ ารยธรรมสูง บ้า นเมืองโอ่อ่า สวยงามและแปลกพิ ส ดาร ขณะที่ ยุ โ รปมี ป ั ญ หาทางการปกครอง ศาสนา และโรคระบาด และการ เดินทางครั้งนั้นยังสร้างแรงบันดาลใจให้โคลัมบัสเดินทางไปจีนโดยไปทาง ทิ ศ ตะวั น ตกจนพบทวี ป ใหม่ ด ้ ว ย หรื อ หนั ง สื อ ที่ ฮั ม โบลดท์ เ ขี ย นบรรยาย การผจญภั ย ในทวี ป อเมริ ก าใต้ เป็ น แรงบั น ดาลใจให้ ด าร์ วิ น ออกเดิ น ทาง ส�ำรวจโลกบ้าง อย่างไรก็ตามการผจญภัยของชาวตะวันตกหลายครั้งกลับ เป็นการรุกรานที่ท�ำให้อารยธรรมเก่าแก่ล่มสลายไป ดังเช่นที่กอร์เตซรุกราน ชาวแอซเทก และปิซาร์โรรุกรานชาวอินคา หนังสือสุดยอดนักผจญภัย โดย ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน เล่มนี้จะ เล่าเรื่องราวให้คุณผู้อ่านสนุกสนานไปกับการเดินทาง การพิชิตดินแดนใหม่ และการพิชิตสถานที่ที่ยังไม่มีใครไปถึงของนักผจญภัยคนส�ำคัญของโลก ซึ่ง มีทั้งสุขสมหวัง เช่น ฮิลลารีพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ส�ำเร็จ และผิดหวัง เศร้าสะเทือนใจ เช่น สก็อตต์ผู้ไปถึงขั้วโลกใต้หลังอมุนด์เซนเพียงไม่นาน และจบชีวิตในขากลับนั้นเอง หรือบางคนก็จบชีวิตอย่างน่าอนาถ เช่น กัปตัน คุกผู้เลื่องชื่อ ส�ำนักพิมพ์สารคดี
4
จากผู้เขียน เวลาเราเห็นใครท�ำอะไรอย่างไม่กลัวตาย แล้วรอดชีวิต เรามักพูด ว่า ชะตาเขายังไม่ถึงฆาต แต่ถ้าเขาตาย เราก็อ้างว่า เขาท�ำบุญมา แค่นั้น นักส�ำรวจและนักผจญภัยก็เช่นกัน ไม่มีใครรู้เหตุผลทั้งหมด ที่ท�ำให้เขาเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อจะไปถึงขั้วโลกเหนือ-ใต้ หรือ ท่ อ งทะเลที่ มี พ ายุ รุ น แรง เพื่ อ ค้ น หาดิ น แดนใหม่ ที่ ไ ม่ มี ใ ครรู ้ ว ่ า อยู่ที่ใด มีหรือไม่มี แต่ทุกคนก็รู้ว่า หลังจากที่นักผจญภัยกลับถึง บ้านเกิดแล้ว ความกล้าหาญของเขาได้ท�ำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นเมื่อโคลัมบัสเดินทางพบโลกใหม่ หลังจากนั้นไม่นานชาวยุโรป จ�ำนวนมากก็หลัง่ ไหลอพยพไปตัง้ รกรากในอเมริกา สมมติวา่ นักเดินทาง จี น พบทวี ป อเมริ ก าก่ อ นโคลั ม บั ส อเมริ ก าทุ ก วั น นี้ ค งมี ค นจี น ตั้ ง รกรากอยู่เต็มไปหมดเป็นแน่ มนุษย์ทุกคนเป็นนักส�ำรวจมาตั้งแต่เกิด มีใครเห็นประตูบ้าน แล้วไม่รู้สึกอยากออกไปข้างนอกบ้าง แต่นักผจญภัยมีความกล้าหาญ ยิ่งกว่านั้น เขามีความกล้าจะไปให้ถึงสถานที่ที่มีคนน้อยคนสามารถไป และกลับได้อย่างปลอดภัย แม้หนทางจะไกลและเต็มไปด้วยอันตราย แต่สิ่งที่นักผจญภัยทุกคนต้องการคือน�ำข้อมูลที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน
สุดยอดนักผจญภัย
5
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
กลับมาเผยแพร่ให้โลกภายนอกได้รดู้ ว้ ย การผจญภัยจึงมิได้หมายความ เพียงการเดินทางไกล แต่ยังหมายถึงการเปิดโลกทัศน์ใหม่ของมนุษย์ ด้วย หนังสือสุดยอดนักผจญภัยเล่มนี้รวบรวมชีวประวัติของนัก ผจญภัยตั้งแต่ยุคของ มาร์โค โปโล ที่เดินทางไปเมืองจีน จนกระทั่ง ถึงยุคของฮิลลารี ผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ นอกเหนือจากการให้ ข้อมูลว่านักผจญภัยเหล่านี้ท�ำอะไรและผลงานมีความส�ำคัญอย่างไร แล้ว หนังสือยังกล่าวถึงวิถีชีวิตส่วนตัว และแนวคิดของบุคคลส�ำคัญ ที่โลกยกย่องด้วย สุทัศน์ ยกส้าน
กลโมีคเกนัดอยดสุ
6
สารบัญ มาร์โค โปโล โคลัมบัส ปิซาร์โร แม็กเจลแลน กอร์เตซ เดรก คุก ฮัมโบลดท์ บูร์คฮาร์ดท์ บิงแงม
7 21 41 55 71 85 99 117 133 145
รอสส์ ลิฟวิงสโตน เพียรี สก็อตต์ อมุนด์เซน ไฮเยอร์ดาห์ล ฮิลลารี
161 173 185 199 217 231 243
สุดสุยอดนั ดยอดนั กผจญภั กเคมีโลกย
7
มาร์ โ ค โปโล Marco Polo
นักเดินทางผู้เป็นต�ำนาน
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
พ.ศ. 1797-1867
หนังสือ The Travels of Marco Polo ที่ มาร์โค โปโล (Marco Polo) เขียนบรรยาย เกี่ยวกับการผจญภัยของตนในโลกตะวัน ออกโดยเฉพาะในประเทศจีน ถือก�ำเนิดในคุกแห่งเมืองเจนัว ประเทศ อิตาลี เมื่อปี พ.ศ. 1841 ขณะเขาถูกจองจ�ำเป็นเชลยศึก และได้เล่า ประสบการณ์ของตนให้รุสติเกลโล (Rustichello) แห่งเมืองปิซา ผู้ เป็นเพื่อนเชลยฟัง จากนั้นรุสติเกลโลก็ได้น�ำข้อมูลและเรื่องราวที่ มาร์โค โปโล เล่าไปเรียบเรียงเป็นหนังสือชื่อ The Travels of Marco Polo เมื่อหนังสือเล่มนี้ปรากฏชาวยุโรปรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะได้ “เห็น” โลกตะวันออกกลางและโลกตะวันออกไกลเป็นครั้งแรก จาก เดิมที่เคยเข้าใจว่า นครเยรูซาเลมเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโลก และยุโรปเท่านัน้ ทีม่ คี วามเป็นอารยะ กลับเป็นว่า จีนก็เป็นมหาอาณาจักร
8
หนังสือ The Travels of Marco Polo หรือ Il Milione
ที่ยิ่งใหญ่ และมีอารยธรรมที่สูงส่งยิ่งกว่าหลายประเทศในยุโรปยุคนั้น เสียอีก ณ วันนี้ หนังสือต้นฉบับที่รุสติเกลโลเรียบเรียงได้สูญหายไป จากโลกแล้ว บรรดาเล่มทีป่ รากฏเหลืออยู ่ บ้างได้รบั การดัดแปลง ตัดต่อ แต่งเติม และเนื้อหาบางตอนถูกขีดฆ่าออกโดยนักลอกข้อความตลอด เวลาร่วม 700 ปีทผี่ า่ นมา จนเป็นไปได้วา่ เมือ่ หนังสือนีไ้ ด้รบั การตีพมิ พ์ ใหม่ทุกครั้งอาจมาจากต้นฉบับที่แตกต่างจากต้นฉบับเดิมอย่างสิ้นเชิง ก็ได้ ดังนั้นเมื่อหนังสือมิได้กล่าวถึงก�ำแพงเมืองจีน ประเพณีมัด เท้าของหญิงจีนในสังคมชั้นสูง หรือตะเกียบ ฯลฯ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ของจีน นักประวัติศาสตร์หลายคนจึง ปักใจเชื่อว่า มาร์โค โปโล ไม่เคยไปเมืองจีนเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ เห็นสรรพสิ่งเหล่านี้ และเล่าเนื้อหาต่างๆ โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิที่ฟัง จากบรรดานักเดินทางและพ่อค้าชาวอาหรับ แล้วน�ำมาเล่าอีกทอดหนึง่
สุดยอดนักผจญภัย
9
ในเบื้องต้น มาร์โค โปโล ตั้งใจจะใช้ชื่อหนังสือที่เรียบเรียง ว่า Description of the World แต่ก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อ The Travels of Marco Polo เพราะตระหนักว่าการเดินทางของตนมิได้ครอบคลุม ทุกภูมิภาคของโลก ถึงกระนั้น คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านจบ ก็รู้ว่า นี่คือการบันทึกข้อมูลภูมิศาสตร์และสังคมศาสตร์ของเอเชีย ที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งท�ำให้เกิดผลกระทบที่กว้างไกล เช่น ช่วยให้คน ยุโรปเข้าใจคนเอเชียมากขึ้นและดีขึ้น จนถึงระดับที่ยอมรับว่า เอเชีย มีอารยธรรมที่สูงส่ง แปลก และพิสดารหลายเรื่อง ในขณะที่ยุโรป ก�ำลังมีปัญหาเกี่ยวกับชนชั้นปกครองที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปัญหา สงคราม ศาสนา และปัญหากาฬโรคระบาดที่ร้ายแรง เช่น มาร์โค โปโล บรรยายเกี่ยวกับจักรพรรดิกุบไลข่านว่า ทรงเป็นกษัตริย์ผู้เฉลียวฉลาดแห่งอาณาจักรคาเทย์ (Cathay ชาว ยุโรปในสมัยนั้นเรียกจีนว่าคาเทย์) และมหาอาณาจักรนี้กว้างใหญ่
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
หางโจวเจริญรุ่งเรืองกว่าเวนิสก่อน มาร์โค โปโล ไปเยือนเสียอีก
20
ในปี พ.ศ. 1838 คณะผจญภัยเดินทางถึงคอนสแตนติโนเปิล แล้วแล่นเรือสู่เวนิส หลังจากที่ได้จากบ้านไป 24 ปี สภาพร่างกาย ของคนทั้งสามได้เปลี่ยนไปจนสมาชิกในครอบครัวจ�ำไม่ได้ และต่าง ไม่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งคนทั้งสามน�ำอัญมณีมีค่ามาให้ดูเป็น หลักฐานเพื่อแสดงว่าได้ไปเยือนต่างประเทศที่ร�่ำรวยและอุดมสมบูรณ์ จริง ญาติทุกคนจึงเชื่อ ในปี พ.ศ. 1839 เมื่อเกิดสงครามระหว่างเมืองเวนิสกับเมือง เจนัว มาร์โค โปโล ได้สมัครเป็นทหารเรือในกองทัพแห่งเวนิสและถูก ทหารเจนัวจับเป็นเชลยศึก ขณะอยู่ในห้องขัง มาร์โค โปโล ได้พบ รุสติเกลโลแห่งเมืองปิซา และตกลงใจเขียนหนังสือเกีย่ วกับการเดินทาง ของตน โดย มาร์โค โปโล เป็นคนเล่า และรุสติเกลโลเป็นคนเขียน ในปี พ.ศ. 1842 เมือ่ สงครามระหว่างเจนัวกับเวนิสสงบ เชลย ศึกได้รบั การปลดปล่อยเป็นอิสระ มาร์โค โปโล จึงเดินทางกลับเวนิสเพือ่ ท�ำธุรกิจต่อ และเริ่มสร้างชีวิตครอบครัว แต่ผู้คนจ�ำนวนมากเมื่อได้อ่านหนังสือที่เขาเขียน กลับแทบ ไม่มีใครเชื่อว่าเรื่องทุกเรื่องที่เขาเขียนเป็นเรื่องจริง มาร์โค โปโล จึง ตกเป็นเป้าให้ชาวเมืองหัวเราะเยาะเย้ยว่าเป็นจอมลวงโลก จนรู้สึก ผิดหวังและตั้งใจจะไม่เขียนหนังสืออีกเลย เพราะรู้สึกท้อแท้ที่ไม่มี ใครเชื่อสิ่งที่เขาเล่า เมือ่ ใกล้จะสิน้ ใจ บาทหลวงถาม มาร์โค โปโล ว่า จะสารภาพ บาปที่โกหกอะไรหรือไม่ มาร์โค โปโล กล่าวตอบว่า “ไม่” แล้วเสริม ว่าที่เล่าๆ ไปนั้น “ยังไม่ถึงครึ่งของที่ได้เห็นเลย” มาร์โค โปโล เสียชีวิตในปี พ.ศ. 1867 สิริอายุ 70 ปี
สุดสุยอดนั ดยอดนั กผจญภั กเคมีโลกย
21
โคลั ม บั ส Columbus ผู้พบอเมริกา แต่หลงคิดไปว่าเป็นเอเชีย
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
พ.ศ. 1994-2049
บุรุษที่ชาวอิตาลีรู้จักในนาม คริสโตโฟโร โคลอมโบ (Cristoforo Colombo) คือ คริส โตบัล โคลอน (Cristobal Colon) ของชาว สเปน และ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ของโลก ถึงเวลาจะผ่านไปนานกว่า 5 ศตวรรษ แต่ปริศนาชีวิตของ นักผจญภัยผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนนี้ก็ยังคงความลึกลับอยู่ต่อไป ทั้งๆ ที่นักประวัติศาสตร์มีบันทึกของเขาที่หนา 2,500 หน้า จดหมายที่เขา เขียนถึงเพื่อน 80 ฉบับ ตารางเดินเรือ และมรดกอีกมากมาย แต่ หลักฐานเหล่านีก้ ระจัดกระจายไปทัว่ ทัง้ ยุโรปและอเมริกาจนผูเ้ ชีย่ วชาญ ไม่สามารถรู้ชัดว่าเอกสารใดแท้จริงหรือแท้ปลอม คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เกิดทีเ่ มืองเจนัว ประเทศอิตาลี ระหว่าง วันที่ 25 สิงหาคมถึงปลายตุลาคม 1994 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระ บรมไตรโลกนาถ) ในบ้านซึง่ ตัง้ อยูใ่ กล้ประตูเมืองชือ่ ปอร์ตา โซปราโน
22
บิ ด า โดเมนิ โ ก โคลั ม บั ส (Domenigo Colombus) เป็ น ช่ า งทอ ขนแกะ ขายสุ ร า ท� ำ เนยแข็ ง และธุ ร กิ จ โรงแรม ส่ ว นมารดาชื่ อ ซูซานนา ฟอนตานารอสซา (Susanna Fontanarossa) ครอบครัวนี้ มีลูกหกคน คริสโตเฟอร์เป็นบุตรคนโต มีน้องชายสี่คน และน้องสาว หนึ่งคน ในวัยเด็ก โคลัมบัสต้องท�ำงานหนัก เช่น ช่วยบิดาขายเหล้า และทอขนแกะ ท�ำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ กว่าจะได้เข้าเรียนเขาก็อายุ ตั้ง 9 ขวบ ที่โรงเรียนเขาได้เรียนภาษาละติน เพราะชาวเมืองเจนัว ใช้ภาษาละตินเป็นหลัก ต�ำราวิชาการต่างๆ ก็เขียนเป็นภาษาละติน นอกจากนี้โคลัมบัสยังได้เรียนภาษาสเปนและโปรตุเกสด้วย เพราะ พ่อค้าเมืองเจนัวมีการค้าขายกับนักเดินเรือชาวสเปนและโปรตุเกสค่อน ข้างมาก ดังนั้นการรู้ภาษาต่างด้าวจึงเป็นเรื่องจ�ำเป็น เจนัวเมื่อ 500 ปีก่อนเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา แต่ไม่มีเจ้าเมือง ดังนั้นชาวเมืองจึงต้องสรรหาคนที่มีบารมีสูงมาเป็นหัวหน้า ตามปกติ แล้ ว ชาวเมื อ งเจนั ว ท�ำ งานหนัก รู้ จั ก เก็ บ หอมรอมริ บ และค้ า ขาย สินค้าประเภทข้าวสาลี เกลือ ทองค�ำ เหล้าองุ่น และขนแกะ อีก ทั้ ง สนใจซื้ อ สิ น ค้ า จากโลกตะวั น ออก เช่ น น�้ ำ ตาลและเครื่ อ งเทศ ดังนั้นเมื่ออาณาจักรอิสลามถึงยุคเรืองอ�ำนาจ และจักรพรรดิอาหรับ ทรงบัญชาให้ปิดเส้นทางที่ชาวยุโรปใช้เดินทางไปตะวันออก ชาวเจนัว จึงต้องแสวงหาเส้นทางไปเอเชียเส้นใหม่ โดยเดินเรือข้ามมหาสมุทร แอตแลนติกแทน โคลัมบัสเริ่มเดินเรือเป็นครั้งแรกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลักฐานต่างๆ ที่ได้จากการอ่านจดหมายที่โคลัมบัสเขียนติดต่อกับ เพื่อน ท�ำให้เรารู้ว่า โคลัมบัสเคยเดินทางถึง มาร์เซย อารากอน ซิซิลี ซาร์ดีเนีย คอร์ซิกา และคีออส ประสบการณ์เช่นนี้ท�ำให้โคลัมบัสเป็น นักเดินเรือที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง
สุดยอดนักผจญภัย
23
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
แผนทีี่ของโคลัมบัส
ในปี พ.ศ. 2019 โคลัมบัสแล่นเรือจากเจนัวผ่านช่องแคบ ยิบบรัลตาออกมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อไปอังกฤษ แต่ขณะผ่าน แหลมเซนต์วนิ เซนต์ ขบวนเรือถูกสลัดฝรัง่ เศสโจมตี จนเรืออับปางและ ลูกเรือหลายคนจมน�้ำเสียชีวิต โชคดีที่โคลัมบัสเกาะขอนไม้หนีขึ้นฝั่ง ที่เมืองลากอสในโปรตุเกสได้ จากที่นั่นเขาเดินทางต่อไปเริ่มชีวิตใหม่ ที่กรุงลิสบอน โดยตั้งใจว่าจะท่องเที่ยวไปในมหาสมุทรแอตแลนติกอีก ทั้งๆ ที่เป็นพื้นน�้ำที่ผู้คนในสมัยนั้นหวาดกลัว เพราะเชื่อว่ามีคลื่นและ พายุพัดรุนแรงตลอดเวลา อีกทั้งมีสัตว์ลึกลับแฝงตัวอยู่ใต้น�้ำด้วย ดังนั้นกะลาสีจึงใช้วิธีแล่นเรือเลียบฝั่งในการเดินทางทุกครั้งไป ไม่เพียงแต่ชาวยุโรปเท่านัน้ ทีเ่ กรงกลัวแอตแลนติก ชาวอาหรับ เองก็ผวากลัวไม่น้อยเช่นกัน จนขนานนามแอตแลนติกว่า ทะเลมืด (Sea of Darkness) และวาดแผนที่มียักษ์ยกมือห้ามนักเดินเรือทุกคน ไม่ให้ไปทางทิศตะวันตกอย่างเด็ดขาด ถึงจะขยาดและหวาดกลัวสักเพียงใด แต่เจ้าชายเฮนรีแห่ง โปรตุเกสก็ยังทรงสนับสนุนนักส�ำรวจให้เดินทางในมหาสมุทรแอต-
24
แลนติก เพื่อให้นักผจญภัยหาเส้นทางเดินเรือไปทวีปเอเชียให้จงได้ พระราชด�ำริดังกล่าวท�ำให้นักเดินเรือชาวโปรตุเกสหลายคนประสบ ความส�ำเร็จในการเดินทางถึงหมูเ่ กาะมาไดรา ในปี พ.ศ. 1963 และอีก 12 ปีต่อมา หมู่เกาะอะซอเรสก็ได้รับการส�ำรวจ ลุถึงปี พ.ศ. 2013 นักเดินเรือชาวโปรตุเกสก็เดินเรือผ่านเส้นศูนย์สูตรเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2022 โคลัมบัสหนุม่ วัย 28 ปี เข้าพิธสี มรสกับ ฟิลปิ า โมนิซ เปเรสเตรลโล (Filipa Moniz Perestrello) สตรีผู้มั่งคั่งและ มีฐานันดรศักดิ์สูง การสมรสนี้ท�ำให้โคลัมบัสมีโอกาสเข้าเฝ้ากษัตริย์ แห่งโปรตุเกสบ่อยๆ และพระองค์โปรดให้โคลัมบัสได้อ่านจดหมาย ที่ เปาโล ดาล ปอซโซ ตอสกาเนลลี (Paolo dal Pozzo Toscanelli) เขียนถึงพระองค์ ซึง่ มีใจความส�ำคัญว่า มาร์โค โปโล ออกเดินทางจาก เวนิสไปทางทิศตะวันออกถึงจีนโดยทางบก และคาดหวังว่า นักผจญภัย คนอื่นๆ คงเดินทางถึงอินเดียและจีนโดยใช้เส้นทางตะวันออกเช่น กัน จดหมายฉบับนั้นยังกล่าวถึงเกาะแอนทิลลาและซิปังโกะ (ญี่ปุ่น) ด้วย ว่าเป็นดินแดนที่มีเครื่องเทศและอัญมณีอุดมสมบูรณ์ จดหมาย ยังกล่าวอีกว่า จักรพรรดิจีนได้ทรงส่งทูตมาเข้าเฝ้าองค์สันตะปาปา เพื่อทูลขอครูและนักบวชไปสอนคริสต์ศาสนาให้คนจีนด้วย การได้อ่านจดหมายที่มีข่าวน่าตื่นเต้น อีกทั้งยังได้เห็นแผนที่ แสดงเส้นทางการผจญภัยของ มาร์โค โปโล อย่างละเอียด ท�ำให้ โคลัมบัสอยากเดินทางไปบ้าง จึงเริ่มเก็บหลักฐานและเอกสารที่มีเรื่อง เล่าเกี่ยวกับดินแดนอันไกลโพ้น ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร แอตแลนติก โดยเชื่อมั่นว่า ไกลจากแหลมเซนต์วินเซนต์ออกไปทาง ทิศตะวันตก จะต้องมีแผ่นดินที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างแน่นอน จาก การที่ได้เห็นขอนไม้ที่มีรอยแกะสลักรูปร่างประหลาดๆ มาลอยติด ฝั่งที่เซนต์วินเซนต์เนืองๆ ด้วยเหตุนี้ โคลัมบัสกับน้องชายที่ชื่อบาร์โทโลมิวจึงเริ่มอาชีพรวบรวมแผนที่ขาย เพราะต้องการข้อมูลของ
สุดยอดนักผจญภัย ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
25
มหาสมุทรแอตแลนติกให้มากที่สุด รวมถึงพยายามสนทนากับกะลาสี และชาวเกาะที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย ในขณะ เดียวกันก็เพิ่มพูนประสบการณ์เดินเรือ โดยเดินทางไปปอร์โตซานโต อังกฤษและไอร์แลนด์ด้วย และขณะไปไอร์แลนด์ โคลัมบัสได้เห็น ศพคนรูปร่างประหลาดลอยน�้ำมา ในที่สุด โคลัมบัสก็เริ่มวางแผนเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ประสบการณ์ท�ำให้เขารู้ว่า บริเวณตอนเหนือของมหาสมุทร แอตแลนติกมีอากาศหนาวจัดและพายุพัดรุนแรง ดังนั้นจึงไม่ปลอดภัย ส�ำหรับการเดินเรือ แต่ถา้ แล่นเรือลงทางใต้กอ่ น สูห่ มูเ่ กาะคานารีและ เคปเวิร์ด แล้วอาศัยลมสินค้าพัดพาเรือไปทางทิศตะวันตก จากนั้นก็ พยายามแล่นเรือขึ้นทางทิศเหนือ แล้วอาศัยลมสินค้าพัดพาเรือกลับ คืนสู่ยุโรปในที่สุด เมือ่ ได้แผนการเดินทาง และร่างกายสมบูรณ์พร้อม ในปี พ.ศ. 2026 โคลัมบัสจึงขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจอห์นที่ 2 แห่งโปรตุเกส เพื่อ ขอให้พระองค์ทรงอุปถัมภ์โครงการน�ำเรือและกะลาสีเดินทางไปญี่ปุ่น และอินเดียโดยใช้เส้นทางใหม่ คือ ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก หลัง จากที่พระเจ้าจอห์น ที่ 2 ทรงปรึกษาบรรดาปราชญ์ประจ�ำราชส�ำนัก แล้ว เหล่านักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ได้กราบทูลพระองค์ว่า โคลัมบัสค�ำนวณระยะทางเดินเรือผิดพลาด คือสั้นกว่าความเป็นจริง เพื่อเป็นการตรวจสอบ พระเจ้าจอห์นที่ 2 จึงทรงให้เรือในพระองค์ เดินทางตามเส้นทางที่โคลัมบัสเสนอ และก็พบว่า เมื่อถึงต�ำแหน่ง ที่โคลัมบัสคิดว่ามีแผ่นดิน กลับไม่พบเกาะใดเลย ดังนั้นพระเจ้า จอห์นที ่ 2 จึงทรงปฏิเสธการอุปถัมภ์โครงการ ปี พ.ศ. 2027 จึงเป็นช่วงเวลาทีโ่ คลัมบัสรูส้ กึ หดหูม่ าก เพราะ โครงการเดินทางข้ามแอตแลนติกล่ม และภรรยาสุดที่รักเสียชีวิต เขา จึงตัดสินใจเลิกอาชีพพ่อค้าแผนที่ และตั้งใจเป็นนักเดินเรืออาชีพ
40
นอกจากเหตุผลนี้แล้ว นักประวัติศาสตร์บางคนก็อ้างว่า เรือ ยุโรปในสมัยนั้นไม่นิยมใช้ระฆัง นอกจากนี้การวัดอายุของระฆังก็พบ ว่ามันมีอายุเพียง 400 ปีเท่านั้นเอง ดังนั้นจึงไม่น่าจะใช่ระฆังใบที่ โคลัมบัสใช้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลโปรตุเกสก็อ้างว่า มัซซาราได้ขโมย หลักฐานส�ำคัญทางประวัตศิ าสตร์ของโปรตุเกสออกนอกประเทศ เพราะ ระฆังเป็นของโปรตุเกส แต่รัฐบาลสเปนก็อ้างว่า ระฆังอยู่บนเรือของ สเปน ดังนั้นสเปนจึงควรเป็นเจ้าของระฆัง อย่างไรก็ตามการซื้อขาย ก็เป็นเรื่องไม่ควรท�ำ เพราะระฆังควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ส่วนจะเป็นของ ชาติใดนั้น ยังไม่มีการตกลง ในวารสาร History ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 มีรายงาน ยืนยันว่า โคลัมบัสเป็นคนโหดร้ายมากทีไ่ ด้สงั หารชาวเกาะฮิสปานิโอลา ทั้งเกาะ เมื่อพบว่าชาวเกาะฆ่ากะลาสีเรือผู้เป็นเพื่อนเขา ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่า แม้โคลัมบัสจะเสียชีวิตไปนานกว่า 5 ศตวรรษก็ตาม แต่ชวี ติ และผลงานของเขาก็ยงั เป็นปริศนาให้คนรุน่ หลัง ได้ครุ่นคิดและถกเถียงกันต่อไป อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นจากความ ทารุณโหดร้ายของเขา ท�ำให้ชื่อทวีปใหม่ที่เขาพบมิได้ตั้งตามชื่อของ เขา แต่กลับตั้งตามชื่อของเพื่อนที่ชื่อ อเมริโก เวสปุกชี (Americo Vespucci) ในปีที่โคลัมบัสเสียชีวิตนั่นเอง
สุดสุยอดนั ดยอดนั กผจญภั กเคมีโลกย
41
ปิPiซzาร์ โ ร arro
นายทัพนักส�ำรวจ ผู้พิชิตอาณาจักรอินคา
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
พ.ศ. 2018-2084
เมื่อ เอร์นัน กอร์เตซ (Hernan Cortes) สามารถเข้ายึดครองอาณาจักรแอซเทกได้ โดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อมาก ความส�ำเร็จ นี้ได้เป็นแรงจูงใจให้นายทหารสเปนอีกท่านหนึ่งต้องการออกส�ำรวจ ล่าอาณานิคมที่ไม่มีใครรู้จักในโลกใหม่บ้าง จนในที่สุดก็สามารถ พิชิตอาณาจักรอินคาในทวีปอเมริกาใต้ได้ และการยึดครองนี้มีผลท�ำ ให้อารยธรรมอินคาต้องล่มสลายไปในที่สุด ในปี พ.ศ. 2056 ที่ วาสโก นูเนซ เด บัลโบ (Vasco Nunez de Balboa) ได้เห็นมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นครั้งแรกนั้น เขาถือโอกาส ประกาศว่า ผืนน�้ำนิรนามและบรรดาเกาะน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่ในทะเล นี้ ล ้ ว นเป็ น พื้ น ที่ ใ นความปกครองของกษั ต ริ ย ์ ส เปนทั้ ง สิ้ น บั ล โบ สร้างเมืองใหม่ชื่อปานามาขึ้นมา ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่บนฝั่งของมหาสมุทร แปซิ ฟ ิ ก เพื่ อ ให้ เ ป็ น เมื อ งท่ า ส� ำ หรั บ เรื อ สิ น ค้ า และเรื อ โดยสารได้
42
ทองค�ำคือยอดปรารถนาของนักล่าอาณานิคมชาวสเปน
เดินทางขึ้นเหนือหรือล่องใต้ตามฝั่งของมหาสมุทร โดยตั้งใจจะให้ เรือค้นหาคลองหรือแม่น�้ำที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับ มหาสมุทรแปซิฟิกด้วย แต่บรรดานักเดินทางที่ได้แล่นเรือลงทางใต้กลับมารายงานให้ รู้ทั่วกันว่า ดินแดนทางใต้มีอาณาจักรหนึ่งที่ร�่ำรวยด้วยทองค�ำ ที่นั่น ประชาชนมีเครื่องมือและเครื่องใช้ที่ล้วนท�ำด้วยทองค�ำ และบุคคล หนึ่งที่ได้ยินค�ำร�่ำลือนี้คือ ฟรังซิสโก ปิซาร์โร (Francisco Pizarro) ฟรังซิสโก ปิซาร์โร เกิดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2018 ที่เมือง ทรูฮีโ ญ ซึ่ ง อยู ่ ห ่ า งจากมาดริดประมาณ 200 กิโลเมตรไปทางทิ ศ ตะวันตกเฉียงเหนือในบริเวณที่แห้งแล้งชื่อเอสเตรอมาดูรา บิดาชื่อ ดอน กอนซาโล ปิซาร์โร (Don Gonzalo Pizarro) มีอาชีพเป็น นายทหาร ส่วนมารดาชื่อ ฟรังซิสกา กอนซาเลส (Francisca Gon zales) เป็นลูกสาวชาวนา นักประวัติศาสตร์ไม่มีข้อมูลวัยเด็กของ ปิซาร์โรมาก เราจึงรู้เพียงว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส และความยากจน ของครอบครัวท�ำให้ไม่ได้รับการศึกษาเลย ดังนั้นเขาจึงอ่านหนังสือ ไม่ออก เขียนหนังสือก็ไม่ได้ มารดาจึงให้ท�ำงานเป็นเด็กเลี้ยงหมูและ แกะ
สุดยอดนักผจญภัย ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
43
เพราะค่านิยมของสังคมในสมัยนั้นคือความร�่ำรวย หรือไม่ก็ เป็นนักรบผู้พิชิตในสงคราม ดังนั้นเมื่ออายุ 19 ปี ปิซาร์โรจึงไปสมัคร เป็นทหาร และเพื่อหนีความยากจนเขาจึงขวนขวายที่จะเดินทางไป แสวงโชคในทวีปอเมริกา ซึ่งโคลัมบัสเพิ่งพบใหม่ๆ ปิซาร์โรบรรลุความตั้งใจเมื่ออายุ 27 ปี เพราะผู้ว่าราชการ แห่งเกาะฮิสปานิโอลาชื่อ นิโกลัส เด โอวันโด (Nicolas de Ovando) ได้รับปิซาร์โรเข้าเป็นทหารในขบวนเรือที่จะเดินทางไปหมู่เกาะเวสต์อินดีส ขณะอยู่ที่ฮิสปานิโอลา ปิซาร์โรได้รับการฝึกฝนให้เป็นทหาร เต็มรูปแบบ เช่น สามารถใช้ดาบแทงศัตรูที่ไม่มีเกราะหุ้มได้อย่าง เลือดเย็น ชอบการต่อสู้ และโปรดปรานการผจญภัย ในปี พ.ศ. 2052 ปิซาร์โรวัย 34 ปีได้เข้าร่วมการส�ำรวจอ่าว อูราบา (ทางตอนเหนือของโคลัมเบีย) ที่อยู่บนฝั่งแปซิฟิก ภายใต้การ น�ำของ อลองโซ เด โอเฮดา (Alonso de Ojeda) หลังการส�ำรวจ เขา ได้รับการไว้วางใจให้ดูแลผู้คนที่จะมาตั้งรกรากที่อ่าวอูราบา อีก 4 ปี ต่อมา ปิซาร์โรได้เข้าร่วมขบวนเรือส�ำรวจของบัลโบไปศึกษาพื้นที่ที่ เป็นประเทศโคลอมเบียในปัจจุบัน ท�ำให้ได้รู้จักกับผู้ว่าราชการเมือง ปานามา เพราะปิซาร์โรชอบคบหาผูม้ อี ทิ ธิพล เขาจึงใช้ความสนิทสนม นี้ในการท�ำธุรกิจเกษตรกรรม เหมืองแร่ และค้าทาสจนร�่ำรวย ในเวลาต่อมาผู้ว่าราชการปานามาขอให้ปิซาร์โรเดินทางไป ส�ำรวจดินแดนทีเ่ ป็นประเทศเปรูในปัจจุบนั เพือ่ ค้นหาอารยธรรมทีผ่ คู้ น ร�่ำลือว่าร�่ำรวยมาก และมอบเรือส�ำรวจกับเรือติดตาม รวมถึงกะลาสี อย่างครบครันเพื่อใช้ในการเดินทาง ในปี พ.ศ. 2067 ปิซาร์โรวัย 49 ปี แล่นเรือออกจากปานามา ไปทางใต้ ลัดเลาะเลียบฝั่งของมหาสมุทรแปซิฟิกไปตลอดทาง และ ได้สู้รบกับกองทหารอินเดียนแดงบนฝั่งอย่างประปราย จนกระทั่ง เสบียงอาหารขาดแคลนและใกล้หมด ขบวนเรือส�ำรวจจึงต้องเดินทาง
54
จับตัว ตูปัก อมารู (Tupac Amaru) ผู้เป็นบุตรของมันโกมาตัดศีรษะ ในที่สุดความโหดเหี้ยมและความเจ้าเล่ห์ของปิซาร์โรก็ถึงเวลา สิ้นสุด เพราะเขาถูกสังหารเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2084 ที่ลิมา โดย บุตรของอัลมาโกร ซึ่งอ้างว่าเป็นการแก้แค้นที่บิดาของตนถูกน้องของ ปิซาร์โรฆ่าตาย ทหารสเปนได้ใช้ดาบแทงปิซาร์โรจนล้มลง ก่อนสิน้ ใจ ปิซาร์โรได้ขอเวลาสารภาพบาป แต่บุตรของอัลมาโกรไม่ยินยอมให้ โอกาสนั้น และได้ทุ่มแจกันหินใส่ใบหน้าของปิซาร์โรจนกะโหลกศีรษะ แตกตาย ทุกวันนี้ ปิซาร์โรได้ชื่อว่าเป็นผู้พิชิตอาณาจักรอินคา และเป็น นายทหารผู้มีความสามารถ แต่เป็นนักบริหารเจ้าปัญหา เขาได้ขน ทองค�ำไปสเปนในปริมาณที่มากกว่าที่ชาวอินคาน�ำมาไถ่ตัวอตาวาลปา หลายเท่า จนท�ำให้สเปนได้เป็นชาติมหาอ�ำนาจที่มั่งคั่งที่สุดแห่งยุค และการเข้ายึดครองอาณาจักรอินคาของปิซาร์โรในครั้งนั้นได้ท�ำให้ คริสต์ศาสนาเข้ามาแทนทีศ่ าสนาอินคาอย่างสมบูรณ์ และทุกวันนี ้ 30% ของชาวเปรูเป็นลูกครึ่งระหว่างอินคากับสเปน ในส่วนของข้อเสียและความบกพร่องของปิซาร์โรก็คอื เขาเป็น คนที่ชอบท�ำการทุกอย่างโดยผู้บังคับบัญชาไม่รู้เรื่อง และเป็นคนโหด เหี้ยมที่ไม่เคยรับผิดชอบใดๆ และนี่คือความผิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
สุดสุยอดนั ดยอดนั กผจญภั กเคมีโลกย
55
แม็กMagel เจลแลน lan ผู้ค้นพบมหาสมุทรแปซิฟิก
ศ. ดร. สุทัศน์ ยกส้าน
พ.ศ. 2023-2064
ยุโรปเมื่อ 500 ปีก่อนไม่มีแม้แต่มะเขือเทศ ข้าวโพด ชา หรือกาแฟ ส�ำหรับรสชาติของ อาหารบนโต๊ะนั้นก็จืดชืด เพราะขาดเครื่อง เทศ ดังนั้นเมื่อชาวโรมันได้ลิ้มชิมรสเครื่องเทศเป็นครั้งแรก ต่างก็พา กันตกหลุมเสน่ห์ของรสชาติจนรู้สึกว่าชีวิตในอนาคตคงขาดเครื่องเทศ ไม่ได้ แต่เครื่องเทศมีราคาแพงมาก เช่น ขิงหรืออบเชยที่มีตามร้าน จะถูกขลิบเป็นแง่งขายในราคาแพง พริกไทยด�ำจะนับขายเป็นเม็ด ในราคาที่เทียบเคียงกับโลหะเงินที่มีนำ�้ หนักเท่ากัน ทั้งนี้เพราะเครื่อง เทศเป็นสินค้าประเภทที่ถูกน�ำเข้าจากเอเชียและตะวันออกไกล ซึ่ง อยู่ไกลมาก การขนส่งน�ำเข้าต้องฝ่าโจรผู้ร้ายและสลัดทะเลตลอดทาง ภัยเช่นนีเ้ ป็นเหตุผลหนึง่ ทีช่ กั น�ำให้ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และ บาร์โตโลมิว ดิอัส แสวงหาเส้นทางเดินเรือไปยังเกาะเครื่องเทศในเอเชียที่