Map of Siam- Ayutthaya Period 1542-1764

Page 1

ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - การเมือง กับลัทธิอาณานิคมในอาเซียน - อุษาคเนย์ Collected Maps: History - Geography - Politics and Colonialism in Southeast Asia

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ บรรณาธิการ


ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - การเมือง กับลัทธิอาณานิคมในอาเซียน - อุษาคเนย์ Collected Maps: History - Geography - Politics and Colonialism in Southeast Asia บรรณาธิการ : ผู้ช่วยบรรณาธิการ : กองจัดการ : พิมพ์ครั้งแรก : จำ�นวนพิมพ ์: ราคา : ออกแบบปกและรูปเล่ม :

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ สิตานัน รวีฤทธิ์ | สิริกาญจน์ รัตนเกตุ | ชนิสรา โสกันต์ กิตสุนี รุจิชานันทกุล | รัตนา กาญจนรัตน์ | ไอยยเอื้อ รวีฤทธิ์ | วัลลภ วงษ์จริต | กิตติยา ใจใหญ่ | กนกแข เนตรเจริญ | ณัฐนันท์ จิราสุริยนันท์ | ฉัตรศิริ เพียรพยุรเขตร์ | พยงค์ ทับสกุล มกราคม 2555 1,500 เล่ม 1,700 บาท DREAM CATCHER GRAPHIC CO., LTD. Tel. 0 2455 3932, 0 2455 3995

ISBN :

978-616-7202-28-0

จัดพิมพ์โดย มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย Toyota Thailand Foundation 186/1 หมู่ 1 ถนนทางรถไฟเก่า ต.สำ�โรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130 โทรศัพท์ 0 2386 1393-5 โทรสาร 0 2386 2880 186/1 Moo 1 Old Railway Road, T.Samrong Tai, A.Prapadaeng, Samutprakan 10130 Tel. 0 2386 1393-5 Fax. 0 2386 2880 มูลนิธิโครงการตำ�ราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ The Foundation for The Promotion fo Social Science and Humanities Textbooks Project 413/38 ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทร/โทรสาร 0 2433 8713 413/38 Arun-amarin Road, Bangkoknoi, Bangkok, Siam 10700 Tel./Fax. 0 2433 8713 http://www.textbooksproject.com | http://www.textbooksproject.org | www.facebook.com/textbooksproject จัดจำ�หน่ายโดย ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทร. 0 2218 9872 โทรสาร 0 2254 9495 CALL CENTER โทร. 0 2255 4433 http://www.chulabook.com ร้านค้าติดต่อ แผนกขายส่ง สยามสแควร์ ชั้น 14 โทร. 0 2218 9889-90 โทรสาร 0 2254 9495

ผลงานค้นคว้าและวิจัยทางวิชาการชุด “ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคม” นี้ ถือเป็นความคิดเห็นและบทวิเคราะห์ส่วนบุคคลของผู้วิจัยแต่ละท่าน


สารบัญ คำ�นำ� (Introduction)

(8)

ภาค 1 (PART I) แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307 Maps of Siam: Ayutthaya Period 1542-1764 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. 2316-2322 Maps of Siam: Thonburi Period 1773-1779 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช จดหมายเหตุเรื่องแผนที่ “สยาม” หรือ From Siam to Burma Map “แผนที่เส้นทางเดินทัพจากกรุงธนบุรีถึงกรุงอังวะ”

3 93 102

ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตากสินมหาราช

Sino-Thai Map from Bangkok-Thonburi to Ava-Burma ชาญวิทย์ เกษตรศิริ แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2328-2452 Maps of Siam and Thailand: Bangkok Period 1785-1908 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช สนธิสัญญาทอร์เดสซิญาส์: การแบ่งเขตอิทธิพลของโปรตุเกสกับสเปน Treaty of Tordesillas กัณฐิกา ศรีอุดม

115 266

ภาค 2 (PART II) ภูมิกายาและประวัติศาสตร์ Geo-Body and History ธงชัย วินิจจะกูล “เสียดินแดน” เป็นประวัติศาสตร์หลอกไพร่ไปตายแทน

274

ธงชัย วินิจจะกูล วาทกรรมเสียดินแดน Lost Territories Discourse ธำ�รงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์

311

(เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน)

308

บรรณาธิการ: ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (3)


จินตกรรมประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทยกับแผนที่ “เสียดินแดน” จากทศวรรษ 2470 ถึง พ.ศ. 2554 Imagined Thai Historiography and Historical Maps from 1930s to the Present ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เขตแดนพม่ากับเพื่อนบ้าน ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์การเมือง

374

ดุลยภาค ปรีชารัชช แผนที่คดีเมือง แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส

402

Politics of Franco-Siamese Maps 1904-1908 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ อัครพงษ์ ค่ำ�คูณ พรมแดนไทย-ลาว: สนธิสัญญา เขตแดน และแผนที่

412

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ชุดแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2446/47 (ค.ศ. 1904)

433

Boundaries of Burma: History and Political Geography

พ.ศ. 2446/47 (ค.ศ. 1904) และ พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908)

Boundaries of Siam/Thailand-Laos: Treaties, Boundaries and Maps

และ พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908)

333

Franco-Siamese Maps 1904-1908 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี และ อัครพงษ์ ค่ำ�คูณ เงื่อนไขและปัจจัยแห่งความสำ�เร็จ ในการปักปันและปักหลักเขตแดนไทย-มาเลเซีย Boundaries of Siam/Thailand-Malaysia: the Conditions of Achievement อรอนงค์ ทิพย์พิมล และ ธนศักดิ์ สายจำ�ปา

543

บรรณานุกรมคัดสรร (Blibiograhpy) มูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย รายนามคณะกรรมการมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย รายนามคณะกรรมการบริหารมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย กิจกรรมของมูลนิธิโตโยต้าประเทศไทย คำ�แถลงมูลนิธิโครงการตำ�ราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ รายนามคณะกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการตำ�ราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ประวัติผู้เขียน

557 559 560 561 562 563 564 565

(4)

ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมฯ


สารบัญแผนที่ แผนที่สยามประเทศไทยสมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307

5

1. แผนที่โลกคันติโน โดย นักแผนที่นิรนาม ชาวโปรตุเกส พ.ศ. 2045 (ค.ศ. 1502)

6

(Maps of Siam: Ayutthaya Period 1542-1764)

The Cantino Planisphere

2. แผนที่อินเดียแห่งตะวันออก โดย ฌอง รอทซ์ ( Jean Rotz) พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) The Indis of Orient 3. แผนที่บูรพทิศจากอินเดียถึงญี่ปุ่น โดย เฟอร์นาว วาช ดูราโด (Fernão Vaz Dourado) (ราว พ.ศ. 2119/ค.ศ. 1576) 4. แผนที่หมู่เกาะโมลุกกะ โดย เพทรูส พลางคิอุส (Petrus Plancius) พ.ศ. 2138 (ค.ศ. 1595) Insvlae Molvccae 5. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย โยฮานเนส เมเทลลุส ( Johannes Metellus) พ.ศ. 2139 (ค.ศ. 1596) Regnvm Sian 6. แผนที่มะละกา โดย โยโดคุส ฮอนดิอุส ( Jodocus Hondius) พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) Malacca 7. แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา ฉบับซองซอง ดับเบวิลล์ พ.ศ. 2195 (ค.ศ. 1652) Partie de l’Inde au delà du Gange และ Presqv-isle de l’Inde au delà du Gange 8. แผนที่ใหม่ของอินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย โรเบิร์ต มอร์เด็น (Robert Morden) พ.ศ. 2223 (ค.ศ. 1680) A New Map of India beyond Ganges 9. แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย จาคโคโม คานเตลลี ดา วิญโญลา (Giacomo Cantelli da Vignola) พ.ศ. 2226 (ค.ศ. 1683) Penisola dell India di là dal Gange 10. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย ปิแอร์ ดูวัล (Pierre Duval) พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) Carte du Royaume de Siam 11. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย วินเช็นโซ มาเรีย โคโรเนลลี (Vincenzo Maria Coronelli) พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) Royaume de Siam, avec les Royaumes qui luy sont Tributaires 12. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย เมอซิเออร์ เดอ ลามาร์ และ ซิมง เดอ ลาลูแบร์ พ.ศ. 2234 (ค.ศ. 1691) Carte du Royaume de Siam 13. แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) L’ Inde de la le Gange 14. แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคาตามประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โดย แฮรมัน โมล พ.ศ. 2268 (ค.ศ. 1725) India beyond Ganges Agreable to Modern History

14 20 28 30 34 36

42 44 50 60 68 76 84

บรรณาธิการ: ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (5)


15. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม-ตังเกี๋ย-พะโค-อังวะ-อารกัน โดย ฌาค นิโคลาส์ เบลเลง พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) Carte des Royaumes de Siam de Tunquin Pegu, Ava Aracan. &c

90

แผนที่สยามประเทศไทยสมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. 2316-2322

93

(Maps of Siam: Thonburi Period 1773-1779)

16. แผนที่ราชอาณาจักรสยาม-ตังเกี๋ย-พะโค-อังวะ-อารกัน โดย ฌาค นิโคลาส์ เบลเลง พ.ศ. 2316 (ค.ศ. 1773) Carte des Royaumes de Siam de Tunquin Pegu, Ava Aracan. &c 17. แผนที่คาบสมุทรอินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย อากอสติโน ดา ราบาตตา และ จิโอวานนี เดอ บายู พ.ศ. 2322 (ค.ศ. 1779) Penisola di la dal Gange ante. India ultra Gangem di diversi Rè

แผนที่สยามประเทศไทยสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2328-2452 (Maps of Siam and Thailand: Bangkok Period 1785-1908)

94 100

115

18. แผนที่อาณาจักรอารกัน-พะโค-สยาม-กัมพูชา-ลาว โดย อานโตนิโอ ซาตตา พ.ศ. 2328 (ค.ศ. 1785) 116 Regni d’Aracan del Pegu di Siam di Camboge e di Laos 19. แผนที่คาบสมุทรอินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย จิโอวานนี มาเรีย คาสสินี พ.ศ. 2340 (ค.ศ. 1797) 124 La Penisola delle Indie di là dal Gange 20. แผนที่อินเดียนอกพระแม่คงคา-จักรวรรดิพม่า พ.ศ. 2361 (ค.ศ. 1818) 132 India di là dal Gange os sia l’Impero Birmanno 21. แผนที่ตังเกี๋ย-โคชินจีน-สยาม-พม่า โดย เอ. ซี. เลมอส พ.ศ. 2365 (ค.ศ. 1822) 138 Mappa do Tonquin Cochinchina Siam e Birmania) 22. แผนที่อาณาจักรสยามและโคชินจีน ฉบับครอว์เฟิร์ด ( John Crawfurd) พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) 144 Map of the Kingdoms of Siam and Cochin China 154 23. แผนที่พม่า-สยาม-โคชินจีน ฉบับแอร์โรวสมิธ ( John Arrowsmith) พ.ศ. 2375 (ค.ศ. 1832) Burma, Siam, and Cochin China 24. แผนที่อาณาจักรสยาม ฉบับปัลเลอกัวซ์ ( Jean-Baptiste Pallegoix) พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) 164 Carte du Royaume de Siam 25. แผนที่ฉบับร่างแสดงสยามและรัฐใกล้เคียง ฉบับจอห์น แอร์โรวสมิธ ( John Arrowsmith) 172 พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) Sketch of Siam & the Adjacent States 26. แผนที่สยามและประเทศราช ฉบับเซอร์ จอห์น เบาว์ริง พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) 176 Map of Siam and Its Dependencies 27. แผนที่อินโดจีน จากผลการสำ�รวจอย่างเป็นทางการของฝรั่งเศส ฉบับการ์นิเยร์ 186 (Marie Joseph Francis Garnier) พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1873) Carte Générale de L’Indo-Chine (6)

ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมฯ


28. แผนที่ราชอาณาจักรสยามและประเทศราช ฉบับแมคคาร์ธี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) Map of the Kingdom of Siam and Its Dependencies 29. แผนที่แสดงการเปลี่ยนแปลงแนวพรมแดนของสยาม โดย จอห์น จอร์จ บาร์โธโลมิว พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) Map Illustrating the Siamese Frontier Changes 30. แผนที่ราชอาณาจักรสยามและประเทศราช ฉบับแมคคาร์ธี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) Map of the Kingdom of Siam and Its Dependencies 31. แผนที่อินโดจีนตะวันออก ฉบับปาวี พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) Indo-Chine Orient.le 1902 Dressée par A. Pavie, Paris 32. แผนที่พม่าและอินเดียไกล โดย จอห์น จอร์จ บาร์โธโลมิว ( John George Bartholomew) พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) Burma and Farther India 33. แผนที่กองข้าหลวงปันเขตร์แดนระหว่างสยาม-อังกฤษ พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) Anglo-Siamses Boundary Commission 34. แผนที่พระราชอาณาจักร์สยาม โดย กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) Map of Siam 35. แผนที่เส้นทางเสด็จอินโดจีนของฝรั่งเศส ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำ�ไพพรรณี พระราชินี 6 เมษายน-8 พฤษภาคม พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) Voyage de L.L. M.M. Les Souverains du Siam en Indochine Francaise 36. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 1 เมืองคอบ-เมืองเชียงล้อม (Mg.Khop-Mg.Xieng Lom) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 37. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 2 แม่น้ำ�ด้านเหนือ (Haut Me-Nam) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 38. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 3 เมืองน่าน (Mg.Nan) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 39. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 4 ปากลาย (Pak Lay) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 40. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 5 น้ำ�เหือง (Nam Heung) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 41. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 6 ปาสัก (Bassac) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) 42. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 7 โขง (Khong) พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 43. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดแรก ระวางที่ 8 ดงรัก (Dangrek) พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 44. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.1 หรือแผ่นที่ 1 พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 45. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.2 หรือแผ่นที่ 2 พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 46. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.3 หรือแผ่นที่ 3 พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 47. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.4 หรือแผ่นที่ 4 พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 48. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.5 หรือแผ่นที่ 5 (ส่วนที่ 1) พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908) 49. แผนที่ 1 : 200,000 ชุดหลัง ระวาง SECTEUR No.5 หรือแผ่นที่ 5 (ส่วนที่ 2) พ.ศ. 2451/52 (ค.ศ. 1908)

196 206 216 226 234 242 252 258 434 442 450 458 466 474 482 490 500 506 512 520 528 536

บรรณาธิการ: ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (7)


คำ�นำ�

หนังสือ “ประมวลแผนที:่ ภูมศิ าสตร์-ประวัตศิ าสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมในอาเซียน-อุษาคเนย์” (Maps, History, Politics and Colonialism in Siam and Southeast Asia) เล่มนี้ เป็นผลงานสืบเนื่องมาจากหนังสือชุด “เขตแดน ของเรา เพื่อนบ้านอาเซียนของเรา” จำ�นวน 6 เล่ม ที่มูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อต้นปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) และในเล่มนี้ ของเรา ถือได้ว่าเป็นส่วนที่ต่อเนื่องโดยตรงกับเล่มที่ 1 ในชุดนั้น คือ “ประมวลสนธิสัญญา อนุสัญญา ความตกลง บันทึก ความเข้าใจ และแผนที่ ระหว่างสยามประเทศไทย กับประเทศอาเซียนเพือ่ นบ้าน: กัมพูชา-ลาว-พม่า-มาเลเซีย” (Collected

Treaties-Agreements-Memorandum of Understanding and Maps Between Siam/Thailand-Cambodia-Laos-BurmaMalaysia)

เรามีความเชื่อว่า วิชา (ความรู้ และ/หรือ ความไม่รู้) ทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ตลอดจนแผนที่ ที่เราได้เล่า เรียน (และไม่ได้เรียน) กันมา ได้เห็น (หรือไม่ได้เห็น) กันมา ตั้งแต่เล็กจนโต จากโรงเรียน จากวิทยาลัย จากมหาวิทยาลัย รวมไปจนถึง “ความรับ (ไม่) รู้” ต่างๆ ทั้งที่เราได้รับถ่ายทอดกันมาจากในและนอกห้องเรียน ทั้งในรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น โดยปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง ตลอดจนได้รับจากสื่อในรูปต่างๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ละคร เพลง หรือ นวนิยาย ทั้งหลายทั้งปวงนั้น มีส่วนในการกำ�หนดความคิดความอ่าน “จินตนาการ” และ/หรือกำ�หนดการกระทำ�ของ เราเอง ในฐานะปัจเจกบุคคล และในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่กว้างขวางออกไป นั่นคือ “ประเทศชาติ” (หรือจะใช้ศัพท์ แสงอื่นๆ เช่น “แผ่นดิน-บ้านเมือง-รัฐชาติ-ราชอาณาจักร” ก็ตาม) ดังนั้น การที่เราจะสามารถหยั่งรู้ได้ถึง “ต้นตอ” ตลอดจน “ข้อมูล” ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ทั้งภูมิศาสตร์ และ แผนที่ (ที่เราอาจจะมองข้ามไปได้โดยง่าย) นั้น ก็น่าจะช่วยให้เราเกิดความเข้าใจใน “ตัวตน” ของเรา และที่สำ�คัญคือ ความ เข้าใจต่อ “สังคม” และ/หรือ “ประเทศชาติ” (หรือจะใช้ศัพท์แสงอื่นๆ เช่น “แผ่นดิน-บ้านเมือง-รัฐชาติ-ราชอาณาจักร” อีก ก็ตาม) ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยรวม (และ “ทุกภาคส่วน”) ได้ดียิ่งขึ้น และนี่ก็เป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ นั่นเอง หนังสือเล่มนี้ของเรา แบ่งออกเป็น 2 ภาคด้วยกัน คือ ภาคหนึ่ง แผนที่ฝรั่ง สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ภาคสอง ในภาค 1 คือ แผนที่ “สยามประเทศไทย” 3 สมัย ดังนี้ (ก) แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307 (Maps of Siam: Ayutthaya Period 1542-1764) นี่เป็นแผนที่ยุคเป็น “แม่แบบ” ของแผนที่ในปัจจุบัน มีทั้งความงดงาม และพลังอย่างมหาศาล ในการทำ�ให้ฝรั่งค่อยๆ พิชิต โลก ยึดครองดินแดนไปเป็นเมืองขึ้นทั่วโลก รวมทั้งอุษาคเนย์ของเรา (ข) แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. 2316-2322 (Maps of Siam: Thonburi Period 17731779) ในส่วนต่อเนื่องจาก (ก) นี้ เราได้แทรกแผนที่แบบตะวันออก “จีน-ไทย” เข้ามาด้วย คือ เรื่องของจดหมายเหตุแผนที่ “สยาม” หรือ From Siam to Burma Map อันเป็น “แผนที่เส้นทางเดินทัพ จากกรุงธนบุรี ถึงกรุงอังวะ” ของสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี ตากสินมหาราช Sino-Thai Map from Bangkok-Thonburi to Ara-Burma ที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญที่กรุงไทเป ไต้หวัน และ (ค) แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2328-2452 (Maps of Siam and Thailand: Bangkok Period 1785-1908)

ในบทนี้ ในส่วนที่เป็น (ก) สมัยอยุธยานั้น เราได้คัดเลือกแผนที่ฝรั่งแผ่นสำ�คัญๆ จำ�นวนมากทีเดียว เริ่มต้นด้วย แผนทีโ่ ลกแผ่นแรกทีเ่ ขียนหลังการเข้ามาของโปรตุเกสในเอเชีย ตามด้วยแผนทีอ่ ษุ าคเนย์แผ่นสำ�คัญทีเ่ ขียนโดยชาวยุโรป จาก นั้นเราได้คัดเลือกแผนที่สยามโดยชาวยุโรปหลากหลายเชื้อชาติ อาทิ เยอรมัน ดัตช์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และโปรตุเกส ฯลฯ

(8)

ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมฯ


ในส่วนเดียวกันนี้ เราได้แทรกทั้งเรื่องราวและแผนที่ส�ำ คัญไว้ด้วย คือ สนธิสัญญาทอร์เดสซิญส์ (Treaty of Tordesillas พ.ศ. 2037 หรือ ค.ศ. 1494) สนธิสัญญานี้ แม้จะมีความสำ�คัญอย่างยิ่งต่อโลก แต่ก็มักเป็นเรื่องที่เข้าใจ “ผิดๆ” ทางประวัตศิ าสตร์กนั กล่าวคือในการล่าอาณานิคมยุคแรกของฝรัง่ ตะวันตกนัน้ กษัตริยโ์ ปรตุเกสกับสเปน (ไม่ใช่สนั ตะปาปา) เป็นผู้กำ�หนด “แบ่งโลก” กันฝ่ายละครึ่ง ถึงขนาดบัญชาให้มีเส้นสมมติ ขีดลากจากขั้วโลกเหนือ ถึงขั้วโลกใต้ แบ่งดินแดน ในพื้นพิภพให้เป็นของโปรตุเกสครึ่งหนึ่ง คือ ส่วนที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ด้านทิศตะวันออก กับอีกครึ่งหนึ่ง คือ ดินแดนทางทิศตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก ที่โคลัมบัสค้นพบขึ้นใหม่ก่อนหน้านี้เพียง 2 ปี ให้ตกเป็นของสเปน (สนธิสัญญานี้ UNESCO ได้จดทะเบียนให้เป็น “มรดกโลก” ร่วมกันระหว่างสองประเทศ และเป็นประเภท Memory of the World เมื่อ พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) ตัวแทนของกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย คือ สเปนและโปรตุเกสได้ลงนาม ณ เมืองทอร์เดสซิญส์ เมื่อ พ.ศ. 2037 (ค.ศ. 1494) ดังนั้น สเปนจึงเป็นเจ้าอาณานิคม ที่มีทั้งดินแดน อำ�นาจ และอารยธรรมอยู่ในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ (ยกเว้น แต่บราซิลที่โดย “อุบัติเหตุ” และ “ความบังเอิญ” ทางประวัติศาสตร์ ถูกขีดเส้นให้เป็นของโปรตุเกส) ในขณะเดียวกัน สนธิ สัญญานี้ ทำ�ให้โปรตุเกสเป็นเจ้าอาณานิคม มีดนิ แดน อำ�นาจ และอารยธรรมอยู่ในแอฟริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก (รวม ทั้งอุษาคเนย์ และสยาม) ยกเว้นก็แต่ฟิลิปปินส์ ที่ตกเป็นของสเปน เจ้าอาณานิคม “ฝรั่งปักษ์ใต้” นี้ จะถูกเจ้าอาณานิคม “ฝรั่งปักษ์เหนือ” อย่าง ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส (รวมทั้งสหรัฐอเมริกา) มาแย่งชิงดินแดนอาณานิคมไปในยุคต่อมา นั่นเอง สำ�หรับในภาค 2 ประกอบด้วยบทความ ที่เป็นข้อคิดข้อเขียนตามลำ�ดับ ดังนี้ คือ ธงชัย วินจิ จะกูล “ภูมกิ ายาและประวัตศิ าสตร์” (Geo-Body and History) และ “เสียดินแดน” เป็นประวัตศิ าสตร์ หลอกไพร่ไปตายแทน (เพราะ “ไทย” ไม่เคยเสียดินแดน) ธงชัยกล่าวถึงข้อเขียนของเขาไว้อย่างน่าสนใจว่า “ภูมิกายา กับความรู้ประวัติศาสตร์ เกี่ยวพันกันอย่างสำ�คัญใน 3 ประเด็นได้แก่ 1) ประวัติศาสตร์นิพนธ์ว่าด้วย ร.ศ. 112 ปิดบังกำ�เนิดของสยามจากแผนที่ แต่กลับยกย่องวีรบุรุษทั้งหลาย ทั้งๆ ที่เขาเหล่านั้น ตกเป็นเครื่องมือของความรู้ภูมิศาสตร์ และแผนที่สมัยใหม่ 2) แทนที่จะยอมรับกำ�เนิดของสยามจากกระดาษ กลับอธิบายว่า เป็นการเสียดินแดนและการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งล้วนแต่เป็นประวัติศาสตร์อคติ ตามอุดมการณ์ราชาชาตินิยมของชนชั้นนำ� 3) ประวัตศิ าสตร์อคติ กลับอาศัยภูมกิ ายา เป็นฐานของการผลิตความทรงจำ�และเรือ่ งเล่า ทีป่ ดิ บังกำ�เนิดของสยาม จากแผนที่ ธำ�รงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ “วาทกรรมเสียดินแดน” (Lost Territories Discourse) ในส่วนนี้ ธำ�รงศักดิ์กล่าว สรุปไว้ว่า “ความรู้เรื่องไทยเสียดินแดน มาจากความเข้าใจประวัติศาสตร์ผิดๆ หลายประการ ที่ส�ำ คัญคือ เข้าใจผิดว่า ดินแดนของรัฐสมัยเก่า กำ�หนดชัดเจนแน่นอนได้ว่า ตรงไหนของใคร และเมืองขึ้นของสยามในสมัยโบราณ เท่ากับเป็น ดินแดนของประเทศสยามสมัยใหม่ด้วย ประวัติศาสตร์การ ‘เสียดินแดน’ กลายเป็นฐานของลัทธิชาตินิยมของไทย รวมทั้ง ที่กำ�ลังบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้” ชาญวิทย์ เกษตรศิริ “จินตกรรมประวัติศาสตร์นิพนธ์ไทย กับแผนที่ “เสียดินแดน” จากทศวรรษ 2470 ถึง พ.ศ. 2554” (Imagined Thai Historiography and Historical Maps from 1930s to the Present) ในบทความนี้ ว่าไป มีที่มาจาก “การค้นพบ” แผนที่ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอนในโรงเรียน และในมหาวิทยาลัย ในช่วงประมาณยุค 1960s ผนวกกับความบันดาลใจจาก 2 นักวิชารุ่นเยาว์วัยกว่าข้างต้น นั่นเอง ดุลยภาค ปรีชารัชช “เขตแดนพม่ากับเพื่อนบ้าน ประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์การเมือง” (Boundaries of Burma: History and Political Geography) บทความนี้ “มุ่งศึกษาประเด็นเขตแดนระหว่างพม่ากับเพื่อนบ้าน ผ่านแนว วิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยผลการศึกษาเผยให้เห็นว่า รัฐพม่า ประสบความสำ�เร็จในการแก้ไขปัญหาพิพาทด้านเขตแดน กับรัฐขนาดใหญ่อย่างจีน กับอินเดีย รวมถึงรัฐขนาดเล็กอย่าง ลาว แต่กระนั้น ความขัดแย้งด้านเขตแดน กับรัฐเพื่อนบ้านอย่างไทย และบังกลาเทศ กลับสร้างความร้าวฉานทางการเมือง ระหว่างประเทศ จนอาจกลายเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาครอบอ่าวเบงกอล

บรรณาธิการ: ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (9)


สำ�หรับกรณีของจีนนัน้ บรรยากาศทางการเมืองในยุคสงครามเย็น และความตัง้ ใจจริง ของรัฐบาลพม่าในการแก้ไข ปัญหาเขตแดน ช่วยส่งเสริมให้พม่าสามารถยุตขิ อ้ พิพาทกับจีนได้ตงั้ แต่ทศวรรษ 1960s ซึง่ นับเป็นนวัตกรรมทางภูมริ ฐั ศาสตร์ ที่น่าสนใจ ส่วนปัญหาเขตแดนกับอินเดียหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษนั้น ก็ได้รับการปรับปรุงผ่านการรวบรวมข้อมูลและ หลักฐานต่างๆ ที่เจ้าอาณานิคมเคยทำ�ไว้ในช่วงที่เคยปกครองทั้งอินเดียกับพม่า ประกอบกับในช่วงต้นสงครามเย็น รัฐบาล เนห์รูของอินเดีย กับรัฐบาลอูนุของพม่า ต่างมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันในฐานะแนวร่วมของกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จึงส่งผลให้บรรยากาศการปักปันเขตแดน เป็นไปด้วยความราบรื่น ในขณะที่เขตแดนระหว่างพม่ากับลาว ก็เป็นตัวอย่างที่ น่าสนใจเกี่ยวกับการแบ่งอำ�นาจระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม ซึ่งส่งผลให้แม่น้ำ�โขง ช่วงที่ไหลผ่านพรมแดน พม่า-ลาว กลายสภาพเป็นแนวกันกระทบ บวกกับเส้นเขตแดนที่ปรากฏในเอกสารของอังกฤษและฝรั่งเศส ก็ล้วนแล้วแต่ แสดงตำ�แหน่งเขตแดนในลักษณะทีค่ ล้ายคลึงกัน จนอาจกล่าวได้วา่ ความชัดเจนของแผนทีอ่ าณานิคมในบางกรณี ก็สามารถ ยับยั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำ�หรับเขตแดนพม่ากับไทยและบังกลาเทศนั้น นับว่าเต็มไปด้วยอุปสรรคนานาประการ โดยเฉพาะ การตีความเขตแดนโดยอาศัยเอกสารและแผนที่กันคนละฉบับ จนส่งผลให้เกิดการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่ทับซ้อนในวง กว้าง นอกจากนัน้ การแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติและและการปะทุตวั ของลัทธิชาตินยิ ม ก็สง่ ให้พม่าต้องเผชิญกับแรงกดดัน จากประเทศเพื่อนบ้าน จนอาจนำ�ไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการเพิ่มกำ�ลังทหารตามแนวชายแดน โดยสำ�หรับบังกลาเทศนั้น พม่าได้เพิ่มเรือรบเข้าประจำ�การในอ่าวเบงกอล พร้อมสร้างรั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนทาง บก เพื่อป้องกันการรุกล้ำ�ที่ทำ�กินจากชาวบังกลาเทศ ขณะที่เขตแดนด้านที่ติดกับไทย รัฐบาลพม่าเริ่มส่งกองกำ�ลังเข้ามาจัด ระเบียบพื้นที่ชายแดนมากขึ้น พร้อมสร้างค่ายทหารประชิดแนวพรมแดนในหลายบริเวณ จนอาจส่งผลต่อการเผชิญหน้า ทางการทหารในอนาคต อัครพงษ์ ค่ำ�คูณ และ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ “แผนที่คดีเมือง แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ระหว่างสยามกับ ฝรั่งเศส พ.ศ. 2446/47 (ค.ศ. 1904) และ พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908)” (Politics of Franco-Siamese Maps 1904-1908) นี่คือชุดแผนที่ ที่สร้างปัญหาให้กับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา และกับลาวมากที่สุด นี่เป็นแผนที่ ที่ทำ�ให้เกิดคดี ขึ้นศาลโลก ในกรณี “ปราสาทเขาพระวิหาร” เมื่อ พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) และนี่ก็เป็นแผนที่ ที่ทำ�ให้มีข้อพิพาทจนเกิดการ “สงคราม” ย่อยๆ ในกรณี “มรดกโลก” เมื่อ พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) สืบมาจนกระทั่งการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ และนี่ก็ เป็นแผนที่ ที่ทำ�ให้มีความขัดแย้ง และพิพาทระหว่างไทยกับลาวมาแล้วเช่นกัน (ดูบทความของ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี) แผนที่ชุดนี้ เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย และได้มีการตีพิมพ์ไว้หลายครั้ง ไม่ว่าจะโดยฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม ไม่ว่า จะเป็นรัฐบาลลาว ในสมัยที่มีความขัดแย้งกับไทย และมีการนำ�ขึ้น websites ไว้แล้วเช่นกัน แต่ในประเทศของเรา แผนที่ “เจ้าปัญหา” ดังกล่าวชุดนี้ กลับไม่ได้เป็นที่รับรู้ และได้เห็นกันเป็นประจักษ์พยาน ดังนั้น การนำ�มาตีพิมพ์โดยสมบูรณ์ทุกแผ่น คือ ชุดแรก 8 แผ่น และชุดหลัง 5 แผ่นนี้ จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่า ยินดี ที่จะทำ�ให้เราเข้าใจว่า เรื่องของพรมแดน เขตแดน นั้น มีส่วนประกอบที่สำ�คัญ คือ ที่มีทั้ง “สนธิสัญญา” และ “แผนที่” ที่ราชอาณาจักรสยาม (Siam) ต้องยอมรับและได้รับไว้แล้ว ตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ยุค “ลัทธิราชาชาตินิยม” ของ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 พร้อมด้วยข้าราชสำ�นักของพระองค์ท่าน ไม่ว่าจะเป็นพลตรี หม่อมชาติเดชอุดม ประธานฝ่าย สยาม (คือ เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ หรือ ม.ร.ว. สท้าน สนิทวงศ์ นามเดิม ม.ร.ว. กลาง) และ/หรือ พลเอก พระองค์เจ้า บวรเดช ที่ได้ไปร่วมตกลงกับตัวแทนของฝ่ายฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) และเปลี่ยนนามประเทศเป็นราช อาณาจักรไทย (Thailand) ผู้นำ�ใหม่ทั้งฝ่ายผู้นำ�ทหาร/พลเรือน เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม หลวงวิจิตรวาทการ ผู้มีส่วน ผลิต “ลัทธิอำ�มาตยาชาตินิยม” กับผู้นำ�รุ่นต่อมา เช่น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และผู้นำ�นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่าง เช่น ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช และ นายควง อภัยวงศ์ ตลอดจนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในยุคของ “ลัทธิชาตินิยมลูกผสม-พันธุ์ ทาง-ราชาอำ�มาตยาชาตินิยม” ไม่รับรอง “แผนที่” ดังกล่าวชุดนี้ อันเป็นผลให้เกิดปัญหาระหว่างสองชาติมาเป็นเวลานานถึง กว่าครึ่งศตวรรษ (พิบูล-วิจิตร-สฤษดิ์-ถนัด-เสนีย์-คึกฤทธิ์-สนธิ-อภิสิทธิ์) สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี “พรมแดนไทย-ลาว: สนธิส­­ญญาเขตแดน ั และแผนที”่ (Boundaries of Siam/ThailandLaos: Treaties, Boundaries and Maps) ในบทนี้ ผู้เขียนได้สรุปไว้ว่า “เขตแดนไทยและลาวในยุคสมัยปัจจุบัน ถูกกำ�หนด (10)

ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์-ภูมิศาสตร์-การเมือง กับลัทธิอาณานิคมฯ


โดยความตกลงระหว่างสยามและฝรั่งเศสอินโดจีน เมื่อกว่า 100 ปีผ่านมาแล้ว การกำ�หนดเส้นเขตแดนในเวลานั้น มีความ สำ�คัญมาก เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงแบบแผนในการสำ�นึกเกี่ยวกับความเป็นชาติใหม่ ของทั้งไทยและลาวเลยทีเดียว ซึ่ง เป็นความสำ�นึกในความเป็นชาติสมัยใหม่ เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดินแดน ขอบเขตของดินแดน และการใช้อำ�นาจอธิปไตยเหนือ ดินแดน เป็นสำ�คัญ และในการสร้างสำ�นึกเกี่ยวกับดินแดนเช่นว่านั้น มีสองสิ่ง ซึ่งมีบทบาทในการกำ�หนดอันได้แก่ ‘สนธิ สัญญาและแผนที่’ ในบทความนี้ พยายามชี้ให้เห็นว่า สนธิสัญญาและแผนที่นั้น สมควรจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกเขตเขตความเป็นประเทศ ของไทยและลาว ได้อย่างชัดเจนที่สุด แต่ทว่า เรื่องราวกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้าม ทั้งสนธิสัญญาและแผนที่ กลายเป็น ปัญหาให้เกิดการถกเถียงกันมากที่สุด หรือในบางกรณีนั้น กลับปรากฏว่า ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ทั้งในเรื่องสนธิสัญญา และแผนที่นั่นเอง ที่ทำ�ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ถือว่าคนส่วนใหญ่นั้น เป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกันแท้ๆ ความขัดแย้งเช่นว่านั้น รุนแรงถึงขั้นใช้กำ�ลังทหารเข้ารบพุ่งกันเลย ทีเดียว ถ้าหากจะถือว่า สนธิสัญญาและแผนที่ ที่ทำ�กันระหว่างสยามและฝรั่งเศส เมื่อศตวรรษที่ผ่านมา ว่าเป็นการสร้าง ตัวตนของชาติทั้งสอง เราอาจจะกล่าวได้ว่า การสร้างตัวตนดังกล่าวนั้น แม้ผ่านกาลเวลามานานแล้ว ก็ยังไม่แล้วเสร็จ และ สาเหตุที่ทำ�กันไม่เสร็จเสียทีนั้น ก็เนื่องมาจาก ความเข้าใจ และ มายาคติ เกี่ยวกับปัญหาดินแดนของทั้งสองชาตินั่นเอง” อรอนงค์ ทิพยพิมล และ ธนศักดิ์ สายจำ�ปา “เงื่อนไข และปัจจัยแห่งความสำ�เร็จ ในการปักปัน และปักหลัก เขตแดนไทย-มาเลเซีย” ผูเ้ ขียนกล่าวสรุปไว้อย่างน่าสนใจยิง่ คือ “การปักปัน และการจัดทำ�หลักเขตแดนระหว่างประเทศไทย กับประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นปัญหาต่อเนื่องยาวนาน กล่าวได้ว่า ยังไม่มีการปักปันและปักหลักเขตแดนสำ�เร็จลุล่วงลงอย่าง สมบูรณ์แม้แต่ด้านเดียว หากแต่ด้านที่ประสบความสำ�เร็จมากที่สดุ นั้น คือ ด้านเขตแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย ที่มีการจัด ทำ�หลักเขตแดนทางบก เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากแต่ยังเหลือหลักเขตที่ไม่สามารถตกลงกันได้เพียง 2 หลัก เท่านั้น โดยเงื่อนไขและปัจจัยแห่งความสำ�เร็จดังกล่าว เกิดจากความสัมพันธ์ส่วนตัว ระหว่างผู้นำ�ของทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคณะเจรจาฯ และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ในการจัดทำ�หลักเขตแดนระหว่าง ไทย-มาเลเซีย บนพื้นฐานที่ว่าการเจรจาและการจัดทำ�หลักเขตแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย เป็นเรื่องทางเทคนิค มิใช่เป็นเรื่อง ของการเจรจาต่อรองในเชิงการเมือง ตลอดทั้งการไม่นำ�เรื่องเขตแดน มาเป็นประเด็นทางการเมือง” ชาญวิทย์ เกษตรศิริ YMCA Metropolitan, Singapore

หลังมหาอุทกภัย สยามประเทศไทย (คริสต์มาส 2011/2554)

บรรณาธิการ: ชาญวิทย์ เกษตรศิริ (11)



ประมวลแผนที่: ประวัติศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - การเมือง กับลัทธิอาณานิคมในอาเซียน - อุษาคเนย์ Collected Maps: History - Geography - Politics and Colonialism in Southeast Asia



ภาค 1 PART I



แผนที่ “สยามประเทศไทย” สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307

Maps of Siam: Ayutthaya Period A.D.1542-1764


(1) แผนที่โลก “คันติโน” โดย นักแผนที่นิรนาม ชาวโปรตุเกส พ.ศ. 2045 (ค.ศ. 1502) The Cantino Planisphere แผนทีต่ วั เขียนไม่มชี อื่ แต่นยิ มเรียกกันว่า “แผนทีโ่ ลกคันติโน” ตามชือ่ ของ อัลแบร์โต คันติโน (Alberto Cantino) ทูตชาวอิตาลี ผูว้ า่ จ้างนักแผนทีน่ ริ นามชาวโปรตุเกส ให้ลกั ลอบเขียนแผนทีโ่ ลก แสดงผลสำ�รวจล่าสุดของโปรตุเกส (Padrão Real) ทีเ่ ก็บรักษาที่ “อาคารอินเดีย” (Casa da Índia) กรุงลิสบอน เดิมที แผนทีแ ่ ยกเป็นสามส่วน ต่อมาประกอบเข้าด้วยกัน มีขนาดความสูง 1,020 มม. ความกว้าง 2,180 มม. คันติโน ส่งมอบแผนที่ให้แก่ แอร์โคเละ เด้สเต้ ดยุกแห่งเฟร์ราระ (Ercole d’Este, the Duke of Ferrara) ใน พ.ศ. 2045 (ค.ศ. 1502) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 หรืออยุธยา ตอนกลาง แผนทีโ่ ลกคันติโน เป็นแผนทีโ่ ลกแผ่นแรกสุด และสำ�คัญสุด ทีเ่ ขียนโดยนักแผนทีโ่ ปรตุเกสในช่วงคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 (กลางพุทธศตวรรษที่ 21- กลางพุทธศตวรรษที่ 22) ความสำ�คัญของแผนที่ มีดังต่อไปนี้ ประการแรก แผนทีโ่ ลกคันติโน เป็นแผนทีแ่ รกสุดทีแ่ สดงเส้นสมมุติ “แบ่งโลก” หรือแบ่งปริมณฑลทางอำ�นาจของโลก เวลานั้น ระหว่างสเปนและโปรตุเกส อันเป็นผลมาจากสนธิสัญญาทอร์เดซิลลาช พ.ศ. 2037 (Treaty of Tordesillas, 1494) ข้อตกลงนี้ แบ่งพื้นที่โลกออกเป็นสองปริมณฑล โดยให้ลากเส้นอยู่ห่างไปทางตะวันตกของหมู่เกาะเคปเวิร์ด (Cape Verde Islands) 370 ลีก (1 ลีก ความยาวประมาณ 4.8 กิโลเมตร) ตรงกับดินแดนที่เป็นบราซิลปัจจุบัน สเปน คุมอำ�นาจอยู่ทาง ตะวันตกของเส้น และโปรตุเกส คุมอำ�นาจอยู่ทางตะวันออก ครอบคลุมตั้งแต่บราซิล แอฟริกา ตลอดไปถึงอนุทวีปอินเดีย และบางส่วนของคาบสมุทรมลายู แผนที่ไม่ระบุว่าเขตปริมณฑลของโปรตุเกสนั้น สิ้นสุดที่ใดในเอเชีย เหตุเพราะความรู้ทาง ภูมิศาสตร์ของนักแผนที่สมัยนั้น ยังมีไม่มาก และทั้งสองมหาอำ�นาจ ต่างต้องการช่วงชิงหมู่เกาะโมลุกกะ (The Moluccas Islands) ซึง่ อุดมไปด้วยแหล่งเครือ ่ งเทศสินค้ายอดนิยม แต่ภายหลัง กองเรือทีน่ ำ�โดย เฟอร์ดนิ านด์ มาเจลแลน (Ferdinand Magellan) เดินทางรอบโลกได้สำ�เร็จ และกลับถึงสเปนใน พ.ศ. 2065 (ค.ศ. 1522) ก็เริ่มมีความชัดเจน เกี่ยวกับเส้นแบ่ง ปริมณฑลในเอเชีย เพียงสองปีต่อมา ก็ปรากฏแผนที่แผ่นแรก ที่แสดงเส้นแบ่งนี้ เป็นแผนที่โลกโดย จวน เวสปุคชี ( Juan Vespucci) นักแผนที่ชาวอิตาลี แผนที่ลากเส้นจากเหนือลงใต้ ตรงเส้นเมอริเดียนที่ 135 องศา พาดผ่านคาบสมุทรมลายู หากยึดตามแผนที่ ในบรรดาหมู่เกาะอุษาคเนย์ มีเพียงสุมาตรา ที่อยู่ทางตะวันตกของเส้น คือภายใต้โปรตุเกส ส่วนหมู่เกาะ ที่เหลือ ทางตะวันออก เช่น ชวา บอร์เนียว และโมลุกกะ ล้วนอยู่ภายใต้สเปน ในการเจรจาช่วงคริสต์ทศวรรษ 1520 เวสปุ คชี ผู้นำ�คณะเจรจาฝ่ายสเปน ได้เสนอแผนที่โลกของตน เป็นหลักฐานในการอ้างสิทธิของสเปน เหนือหมู่เกาะโมลุกกะ แต่ ทางโปรตุเกส ไม่ยอมรับแผนที่นี้ ต่อมาใน พ.ศ. 2072 (ค.ศ. 1529) พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 5 แห่งสเปน ทรงตัดสินพระทัย มอบ สิทธิเหนือหมู่เกาะโมลุกกะ ให้แก่โปรตุเกส แลกเปลี่ยนกับเหรียญทองคำ� มูลค่า 350,000 ดูคัต ซึ่งนับว่ามากโขในขณะนั้น ประการทีส่ อง แผนทีโ่ ลกคันติโน เป็นแผนทีแ่ รกสุด ทีแ่ สดงผลสำ�รวจของโปรตุเกสในยุคของการแสวงหาโลกใหม่ และดินแดนเครื่องเทศ แผนที่แสดงชายฝั่งบราซิล เพียงสองปี หลังการค้นพบโดย เปดรู อัลวารืช กาบราล (Pedro Álvares Cabral) นักสำ�รวจชาวโปรตุเกส หากสังเกต จะพบธงโปรตุเกส ปักอยู่เหนือดินแดนนี้ และดินแดนอื่นๆ บนชายฝั่งตะวัน ออกของอเมริกาใต้ หรือดินแดนทางฝั่งขวา ของเส้นแบ่งปริมณฑลนั่นเอง ส่วนธงสเปนจะพบบริเวณอเมริกาใต้ ตอนบน และหมู่เกาะคาริบเบียน หรือดินแดนทางฝั่งซ้ายของเส้น แผนที่แสดงรูปร่างลักษณะของแอฟริกา ใกล้เคียงความเป็นจริง ทั้งยังบันทึกข้อมูล เกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศของชายฝั่งอย่างละเอียด เป็นเพราะชาวโปรตุเกส ได้ส�ำ รวจชายฝั่งแอฟริกา มา ตั้งแต่ต้นศตวรรษก่อนหน้า และที่สำ�คัญ แผนที่โลกคันติโนเป็นแผนที่แรกสุดที่แสดงดินแดนตะวันออกไกล หลังการ มาถึงเมืองท่ากไลกัฏ/กาลิกูฏ (เขียน Caliqut ในแผนที่) บนชายฝั่งมะละบาร์ของ วาสกู ดา กามะ (Vasco da Gama) ผู้ บัญชาการกองเรือโปรตุเกส ใน พ.ศ. 2041 (ค.ศ. 1498) ที่น่าสังเกตก็คือ ชาวโปรตุเกส เมื่อทำ�แผนที่ดินแดนแถบนี้ในระยะ 6

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แรก จะเน้นการสำ�รวจทางน้ำ� ตามเกาะแก่ง และชายฝั่งทะเลมากกว่าพื้นที่ตอนใน เพื่ออำ�นวยความสะดวกในการเดินเรือ ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์การค้าทางทะเลของตนในขณะนั้น นอกจากนี้ เมืองท่าชายฝั่ง ยังเป็นเมืองที่ใช้เป็นฐาน สำ�หรับ การสถาปนาอำ�นาจรัฐของโปรตุเกส (Estado da Índia หรือ “รัฐแห่งอินเดีย”) เมืองสำ�คัญบนคาบสมุทรมลายู ที่ปรากฏชื่อ ในแผนที่ได้แก่ Malaqua (มะละกา) nagaingor (นครศรีธรรมราช เดิมเรียก นครลิกอร์) เหนือขึ้นไปคือ Cerener (เชอ เรอเนอร์ เพี้ยนมาจากคำ�อาหรับ “ชะฮริ เนาว์” อันแปลว่า “นครแห่งเรือและคูคลอง” ใช้เรียกอาณาจักรสยาม และกรุง ศรีอยุธยา) champocachim (พิเคราะห์จากตำ�แหน่งที่ตั้งในแผนที่ทำ�ให้อนุมานได้ว่าคือ กัมโพช/กัมพูชา มากกว่า จามปา) และ chinacochim (โคชินจีน ชื่อเดิมของดินแดน ที่เป็นเวียดนามกลางในปัจจุบัน) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แผนที่โลกคันติโน ไม่ใช่แผนที่ฝรั่งแรกสุดที่ระบุชื่อและตำ�แหน่งของเมืองในอุษาคเนย์ แผนที่แผ่น แรก ที่ระบุชื่อจามปา (janpa) คือ แผนที่จากสมุดแผนที่คาตาลัน (Catalan Atlas) โดย อับราฮัม เครสคูส์ (Abraham Cresques) นักแผนที่ชาวยิว เขียนเมื่อ พ.ศ. 1918 (ค.ศ. 1375) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 โดยอาศัย ข้อมูลจากบันทึกของ มาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางชาวอิตาลีที่แวะเยือนจามปา และชวาในช่วง พ.ศ. 1835-38 (ค.ศ. 1292-95) ตรงกับปลายแผ่นดินพ่อขุนรามคำ�แหง ส่วนแผนที่แรกสุด ที่ระบุชื่อกรุงศรีอยุธยาคือ แผนที่โลกโดย บาทหลวง เมาโร (Fra Mauro) นักบวชชาวอิตาลี เขียนเมื่อ พ.ศ. 2002 (ค.ศ. 1459) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระบรม ไตรโลกนาถ โดยให้ชื่อว่า Scierno (แชร์โน) ซึ่งต่อมาถ่ายเสียงเป็นภาษาโปรตุเกสว่า Cerener (เชอเรอเนอร์) ดังที่ปรากฏ ในแผนที่โลกคันติโน อย่างไรก็ตาม แผนที่โดยบาทหลวงท่​่านนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “แผนที่โปรตุเกส” เพราะผู้เขียนได้รับ ว่าจ้างจากพระเจ้าอฟงซูที่ 5 (Affonso V ) แห่งโปรตุเกส ชื่อเมืองและเกาะในอุษาคเนย์ ที่ปรากฏครั้งแรกในแผนที่ได้แก่ พะโค (paigu) ตะนาวศรี (tauasari) ทวาย (taua) เมาะตะมะ (marthaban) มะละกา (melacha) กุย (choy) เพชรบุรี (biçipuri) สุโขทัย (Sciechutai) ชวา (GIAVA) และ สุมาตรา (TAPROBANA) แผนที่อ้างอิงข้อมูลจากบันทึกของ มาร์โค โปโล และ นิโคโล ดิ กงติ (Nicolò di Conti) นักแสวงโชคชาวอิตาลี เป็นหลัก ทั้งยังอาจได้ข้อมูลเพิ่มเติม จากคำ� บอกเล่าของพ่อค้ามุสลิม ที่แวะเวียนยุโรปอยู่เนืองๆ เพราะปรากฏหลักฐานว่าพ่อค้ามุสลิมและแขกมัวร์จากเมกกะ ได้แวะ ผ่านเมืองท่าฝั่งตะวันตกของสยามในยุคนั้น จึงไม่แปลกใจที่ปรากฏชื่อเมือง ที่มีรากศัพท์จากคำ�อาหรับ เช่น แชร์โน (กรุง ศรีอยุธยา) ในแผนที่ สรุปก็คือ ชื่อเหล่านี้ปรากฏในแผนที่ฝรั่ง อย่างน้อยสี่ทศวรรษ ก่อนที่โปรตุเกสจะเข้ามาสู่บริเวณนี้ ประการที่สาม นอกจากข้อมูลทางภูมิศาสตร์ แผนที่ยังให้รายละเอียด เกี่ยวกับเส้นทางการค้า เมืองท่า แหล่ง เครื่องเทศและอัญมณี ซึ่งเป็นที่หมายปองของชาวยุโรปในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างเช่น บริเวณตำ�แหน่งเมืองท่ากไลกัฏ/กาลิกูฏ จะพบธงโปรตุเกส ปักอยู่เด่นสง่าพร้อมข้อความว่า “ที่นี่คือกไลกัฏ/กาลิกูฏ เมืองสำ�คัญที่สุดแห่งหนึ่ง ค้นพบโดยพระเจ้าดง มานูแอล กษัตริย์โปรตุเกส ที่นี่ เป็นแหล่งของกำ�ยาน พริกไทย และสรรพสินค้าจากแหล่งต่างๆ อาทิ เครื่องเทศอบเชย ขิง กานพลู กำ�ยาน ไม้จันทน์หอม อัญมณีล้ำ�ค่าหลากหลายชนิด รวมถึงไข่มุก” ข้อความข้างเกาะสุมาตราบันทึกไว้ว่า “เกาะนี้เรียกว่าโทปอร์บานา เป็นเกาะที่ส�ำ คัญที่สุดในโลก รุ่มรวยไปด้วย ทุกสิ่งทุกอย่าง อาทิ ทอง เงิน อัญมณี ไข่มุก ทับทิมเม็ดงามใหญ่ เครื่องเทศต่างๆ ผ้าไหม และผ้าแพร อนึ่ง ผู้คนบูชารูป เคารพ มีอัธยาศัยดีเป็นกันเอง และชอบคบค้ากับชาวต่างถิ่น สินค้าจำ�นวนมากจากที่นี่ได้ส่งออกจำ�หน่ายยังที่อื่น ส่วนสินค้า ทีข่ าดแคลนก็จะถูกนำ�เข้า” ทัง้ ให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับเมืองท่ามะละกาว่า “ในเมืองมะละกาแห่งนีม้ สี นิ ค้าทุกชนิดทีม่ ายังกไลกัฏ เช่น กานพลู กำ�ยาน ว่านหางจระเข้ ไม้จันทน์ โกฐน้ำ�เต้า งาช้าง อัญมณี ไข่มุก สารกลิ่นชะมด เครื่องถ้วยชามคุณภาพดี และ สินค้าอื่นๆ อีกมากมาย โดยสินค้าส่วนใหญ่นำ�เข้าจากประเทศจีน” จะเห็นว่ามะละกาในยุคนั้นเป็นชุมทางการค้าที่สำ�คัญ กล่าวอีกนัยคือเป็น “จุดเชื่อม” หรือจุดตัดของเส้นทางการ ค้าในมหาสมุทรอินเดีย เชื่อมโยงมหาสมุทรอินเดียส่วนใหญ่เข้ากับจีนตอนใต้ สอดคล้องกับบันทึกร่วมสมัยของโตเม่ ปิรืช (พ.ศ. 2058/ ค.ศ. 1515) ที่รายงานว่า “มะละกาเป็นเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อสินค้าเหมาะกว่าเมืองอื่นใดในโลก สุดเขตมรสุมและ เริม่ เขตอืน่ ๆ มะละกาตัง้ อยูต่ รงกลางมีดนิ แดนแวดล้อม การค้าพาณิชย์ระหว่างประเทศต่างๆ ทีอ่ ยูห่ า่ งไปหนึง่ พันลีกโดยรอบ ต้องมาที่มะละกา” แผนที่ยังบันทึกข้อมูลสินค้าส่งออก ที่สำ�คัญของนครศรีธรรมราชอย่างรวบรัดว่า “นครลิกอร์ ที่นี่มีทุกสิ่ง ที่ได้กล่าวมาก่อนหน้า ทับทิม และอัญมณีหลากหลาย” และถัดจากชื่อเมือง “เชอเรอเนอร์” หรือ กรุงศรีอยุธยา แผนที่ระบุ อย่างรวบรัดเช่นกันว่า “ที่นี่มีสินค้าทุกชนิดที่ได้กล่าวมาก่อนหน้า” จากที่คัดมาโดยสังเขป แสดงถึงความมั่งคั่งของดินแดน แถบนี้ และเป็นประจักษ์พยานชี้ชัดว่า แผนที่เขียนเพื่อสนองผลประโยชน์ทางการค้าของโปรตุเกสในยุคนั้น ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 7


ข้อมูลที่เขียนกำ�กับไว้ข้างชื่อเมืองต่างๆ เป็นข้อมูลร่วมสมัยที่ทรงคุณค่า นับเป็นโชคดีของเรา ที่นักเขียนแผนที่ยุค แรก สำ�รวจหรือรับรู้ข้อมูลเพียงแค่เกาะแก่ง และเมืองท่าตามชายฝั่งทะเล แต่แทนที่จะปล่อยให้พื้นที่ตอนใน ที่ยังไม่สำ�รวจ นั้นว่างเปล่า นักแผนที่กลับเติมเต็มพื้นที่ว่าง ด้วยภาพประดับแสดงผู้คนชาวพื้นเมือง สิงสาราสัตว์ และพรรณไม้นานาชนิด ทั้งบันทึกข้อมูล เกี่ยวกับเมืองที่ได้สำ�รวจและสินค้าที่สามารถหาได้ในเมืองเหล่านี้ นอกจากแผนที่โลกคันติโนแล้ว แผนที่ โบราณอืน่ ๆ ทีบ่ นั ทึกข้อมูลรายละเอียดสำ�คัญในแผนทีค่ อื แผนทีใ่ นสมุดแผนทีค่ าตาลัน พ.ศ. 1918 (ค.ศ. 1375) และแผนที่ โลกโดย บาทหลวงเมาโร พ.ศ. 2002 (ค.ศ. 1459) เป็นต้น ข้อน่าสังเกต อีกประการหนึ่งคือ แม้ว่าแผนที่โลกคันติโนจะวาดเค้าโครงคาบสมุทรอินเดียได้ค่อนข้างถูกต้อง เมื่อ เปรียบเทียบกับแผนที่ปโตเลมีที่แพร่หลายในยุโรปขณะนั้น แต่คาบสมุทรมลายู กลับมีขนาดกว้างใหญ่กว่าความเป็นจริง โดยพาดยาวไปเกือบถึงเส้นรุ้งเขตใต้ (Tropic of Capricorn) อันเกิดจากความสับสนและยุ่งยากของนักเขียนแผนที่สมัย นั้น ในการผสมผสานข้อมูลใหม่กับข้อมูลปโตเลมี ที่เขียนตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 2 (ปลายพุทธศตวรรษที่ 7) ปลาย คาบสมุทรมลายูก็เช่นเดียวกัน แทนที่จะหันไปทางทิศตะวันออกหรือทางเกาะชวา กลับ “หันผิดด้าน” ไปทางทิศตะวันตก เหตุผลก็เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของ “แหลมทอง” หรือ Avrea Chersonesvs ในแผนที่ปโตเลมี แผนที่แผ่นแรกที่ “หัน” ปลายคาบสมุทรมลายูถูกด้านคือแผนที่ “คาบสมุทรมลายูและเกาะสุมาตราตอนบน” โดย ฟรานซิสกู รูดริเกวซ (Francisco Rodrigues) นักเขียนแผนที่และคนนำ�ร่องชาวโปรตุเกสที่เดินทางมามะละกาพร้อมกับกองเรือของ อฟงซู ดือ อัลบูแกร์เกอ (Afonso de Albuquerque) เขียนราว พ.ศ. 2056 (ราว ค.ศ. 1513) ตรงกับกลางรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ที่สำ�คัญ ยังเป็นแผนที่ฝรั่งแรกสุดที่วาดเน้นบริเวณดินแดนของสยาม โดยคนนำ�ร่องฝรั่งคนแรกที่เข้ามาในน่านน้ำ�อุษาคเนย์ และ เป็นแผ่นแรกสุดที่ใช้ชื่อ “อัมส์เซียม” (Amssiam) หรือ “สยาม” สำ�หรับราชอาณาจักร แทนชื่อเรียกเดิม แชร์โน/เชอเรอเนอ ร์ ที่แผลงมาจากภาษาอาหรับ ส่วนแผนที่แรกสุดที่วางตำ�แหน่งปลายคาบสมุทรมลายูให้อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร คือ “แผนที่ อินเดียตะวันออก” โดย โลปู โฮเมม (Lopo Homem) และ เปดรู เรยเนล (Pedro Reinel) นักแผนที่ชาวโปรตุเกส เขียน ราว พ.ศ. 2062 (ราว ค.ศ. 1519) ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แผนที่สองแผ่นหลังเขียนขึ้นเพียงไม่กี่ปี หลังโปรตุเกสเข้ามาสำ�รวจน่านน้ำ�อุษาคเนย์ แผนที่โลกคันติโน ปัจจุบันเก็บรักษาที่หอสมุดเอสเต็นเซ่ (Biblioteca Estense) เมืองโมเดน่า (Modena) ประเทศ อิตาลี แผนที่ต่อมาได้ถูกคัดลอกโดย นิโคโล คาเวรี (Nicolo Caveri) ชาวอิตาลี ในราว พ.ศ. 2048 (ค.ศ. 1505) แผนที่โลก ฉบับคาเวรี ปัจจุบันเก็บรักษาที่หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส (Bibliothėque Nationale de France) กรุงปารีส อนึ่ง การเข้ายึด ครองมะละกาของโปรตุเกสใน พ.ศ. 2054 (ค.ศ. 1511) ได้กระตุ้นความสนใจของชาวยุโรป ที่มีต่อดินแดนตะวันออกไกล จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพียงสองปีต่อมา มาร์ติน วาลซีมึลเลอร์ (Martin Waldseemüller) นักแผนที่ชาวเยอรมนี ได้พิมพ์เผย แพร่แผนที่เอเชียอาศัยต้นแบบจากแผนที่โลกคันติโนโดยให้ชื่อ TABVLA MODERNA INDIAE หรือ “แผนที่อินเดีย ใหม่” เนื่องจากฝรั่งสมัยนั้นยังไม่มีความรู้ทางภูมิศาสตร์เกี่ยวกับเอเชียที่ชัดเจน คำ�ว่า “อินเดีย” จึงหมายรวมถึงเอเชีย ทั้งหมด ความสำ�คัญของแผนที่นี้คือเป็นแผนที่ดินแดนตะวันออกไกลแผ่นแรกสุดที่พิมพ์ขึ้นหลังการเข้ามาในน่านน้ำ�อินเดีย ของโปรตุเกส กล่าวโดยสรุปคือ แผนที่โลกคันติโน มีความสำ�คัญในฐานะเอกสารชั้นต้น ที่ให้ข้อมูลไม่ปรากฏในจดหมายเหตุ ประเภทอื่น ยืนยันหรือขยายความข้อมูลประวัติศาสตร์ที่เรารับทราบกันอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่แผนที่นี้ ยังไม่ได้รับความ สนใจในหมู่นักประวัติศาสตร์ไทยเท่าที่ควร แผนที่โลกคันติโนไม่เพียงเผยแพร่ข้อมูลด้านกายภาพ เช่น ที่ตั้งของเมืองท่า ลักษณะภูมิประเทศ เส้นทางการค้าเครื่องเทศและผลิตผลของป่า แต่ยังแสดงให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกใน “ยุค สมัยแห่งการค้นพบ” (The Age of Discovery) หากนำ�มาตรวจสอบข้อมูลกับจดหมายเหตุโปรตุเกสร่วมสมัย เช่น “เรื่อง ย่อจากตะวันออก” (The Suma Oriental) โดย โตเม่ ปิรืช (Tomé Pires) “หลายทศวรรษในเอเชีย” (Décadas da Ásia) โดย ดิโอกู ดู โกตู (Diogo do Couto) และ จูอาว ดือ บาร์รูช ( João de Barros) “การแสวงบุญ” (Peregrinação) โดย ฟืร์เนา เมนดืช ปินตู (Fernão Mendes Pinto) และ “บันทึกสิ่งที่พบเห็นและได้ยินในถิ่นตะวันออก” (Livro do que viu e ouviu no Oriente) โดย ดูอาร์ตือ บาร์โบซา” (Duarte Barbosa) เป็นต้น อาจช่วยให้เข้าใจบริบทของประวัติศาสตร์ความ สัมพันธ์ ระหว่างสยามและโปรตุเกสในระยะเริ่มแรก และประวัติศาสตร์ยุคสำ�รวจ และการขยายตัวของโปรตุเกส ในดิน แดนตะวันออกไกลได้มากยิ่งขึ้น 8

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่โลกคันติโน โดยนักแผนที่นิรนาม ชาวโปรตุเกส พ.ศ. 2045 (ค.ศ. 1502) (The Cantino Planisphere)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 9


10

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 11


12

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307



(2) แผนที่ “อินเดียแห่งตะวันออก” โดย ฌอง รอทซ์ (Jean Rotz) พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) The Indis of Orient แผนที่ “อินเดียแห่งตะวันออก” [The Indis of Orient] (ขนาด 300 x 520 มม.) โดย ฌอง รอทซ์ ( Jean Rotz) ช่างแผนที่แห่งสำ�นักเดียปป์ (Dieppe) ประเทศฝรั่งเศส เริ่มเขียนเมื่อราว พ.ศ. 2083 (ค.ศ. 1540) หรืออยุธยาตอนกลาง หรือประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตรงกับกลางรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช อันเป็น “ยุคแห่งการค้นพบ” (The Age of Discovery) ที่ชาวยุโรปเข้ามาบุกเบิกสำ�รวจทวีปและประเทศต่างๆ และล่าอาณานิคมทั่วโลก สันนิษฐานว่ารอทซ์ อาจเคยเดินทางเข้ามาในภูมิภาคอุษาคเนย์ โดยเฉพาะที่เกาะสุมาตรา โดยร่วมอยู่ในทีมสำ �รวจของชาวฝรั่งเศสที่นำ�โดย ฌอง พามองตีเยร์ ( Jean Parmentier) ในช่วง พ.ศ. 2072 - 2073 (ค.ศ. 1529 - 1530) คำ�ว่า Indis หรือ India ในที่นี้ เป็นชื่อที่ชาวยุโรปคุ้นเคยและเรียกกันมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ มีความหมายไม่ เฉพาะเพียง “ชมพูทวีป” หรือ “ประเทศอินเดีย” แต่รวมถึงดินแดนที่อยู่ระหว่าง “ชมพูทวีป” กับประเทศจีน ดังนั้นจึงมีคำ� ขยายความอีกว่า Intra Ganges กับ Extra Ganges ถอดความได้ว่า “ในลุ่มน้ำ�คงคา” คือประเทศอินเดีย กับ “นอกลุ่มน้ำ� คงคา” หมายถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือุษาคเนย์ นั่นเอง แผนที่ “อินเดียแห่งตะวันออก” รวมอยู่ในสมุดแผนที่ The Boke of Idrography ซึ่งเดิมทีรอทซ์ตั้งใจทำ�ขึ้นเพื่อ ถวายแด่ราชสำ�นักฝรั่งเศส แต่เมื่อรวบรวมเสร็จ พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) เขากลับตัดสินใจนำ�ขึ้นถวายแด่พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ดังนั้นจึงมีคำ�ภาษาอังกฤษปรากฏอยู่ คือ The Indis of Orient ตรงบริเวณที่เป็นภาคใต้ของสยาม หรือ แหลม มลายู แผนที่มีลักษณะพิเศษดังนี้ ประการแรก เป็นแผนที่ตัวเขียนที่วิจิตรอลังการมาก ผู้เขียนไม่เพียงให้ตำ�แหน่งของเมืองท่าต่างๆ ยังเติมเต็มพื้นที่ ว่างด้วยการวาดภาพกระท่อม ช้างป่า แมกไม้ และขบวนแห่ผู้คนชาวอุษาคเนย์ ฯลฯ ทั้งยังล้อมกรอบแผนที่ด้วยภาพไม้ ประดับที่สวยงาม ประการที่สอง ผู้เขียนวางทิศใต้ไว้ด้านบน ผืนแผ่นดินใหญ่ทางด้านบนของแผนที่ สันนิษฐานว่าอาจเป็นทวีป ออสเตรเลีย ด้านล่างของแผนที่คือประเทศอินเดียและแผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ ประการที่สาม เป็นแผนที่โดยชาวยุโรปแผ่นแรกที่ครอบคลุมภูมิภาคอุษาคเนย์ ให้รายละเอียดเมืองท่าสำ�คัญทาง ชายฝั่งทะเลอันดามันและทะเลจีนใต้ เช่น เมาะตะมะ (Martamam) ไทรบุรี (Quedaa) มะละกา (Mellaca) ปัตตานี (Patane) สิงคโปร์ (Sinca pura) และเกาะสุมาตรา (Trapobana) น่าสังเกตว่าช่างแผนที่สมัยนั้นยังไม่ได้เข้าสำ�รวจเกาะ บอร์เนียว (borneo) อย่างจริงจัง จึงให้รายละเอียดเฉพาะเมืองท่าตอนบนของเกาะ ที่สำ�คัญที่สุดคือ เป็นแผนที่ฝรั่งแผ่น แรกสุดที่แสดงภาพบ้านเรือนและเครื่องแต่งกายของชาวอุษาคเนย์ (ที่อาจเป็นคนไทยสยาม หรือคนพม่า หรือคนมอญหรือ เขมรก็ได้) กระท่อมที่มีใต้ถุนสูง บริเวณปากอ่าวสยามคือสัญลักษณ์แทนกรุงศรีอยุธยา

14

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่อินเดียแห่งตะวันออก โดย ฌอง รอทซ์ ( Jean Rotz) พ.ศ. 2085 (ค.ศ. 1542) (The Indis of Orient) (ภาพจาก หอสมุดแห่งชาติอังกฤษ กรุงลอนดอน)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 15


16

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 17


18

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 19


(3) แผนที่ “บูรพทิศจากอินเดียถึงญี่ปุ่น” โดย เฟอร์นาว วาช ดูราโด (Fernão Vaz Dourado) (ราว พ.ศ. 2119/ค.ศ. 1576)

แผนที่ไม่มีชื่อ แต่ขอเรียกว่าแผนที่ “บูรพทิศจากอินเดียถึงญี่ปุ่น” (ขนาด 386 x 505 มม.) เป็นหนึ่งในชุดแผนที่ ตัวเขียนจำ�นวน 20 แผ่น โดย เฟอร์นาว วาช ดูราโด (Fernão Vaz Dourado) นักแผนที่ชาวโปรตุเกส เขียนเมื่อราว พ.ศ. 2119 (ค.ศ. 1576) หรือ 7 ปีหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2112/ค.ศ. 1569) นี่เป็นแผนที่ฝรั่งแผ่นแรกๆ ที่เขียนขึ้นภายหลังการเสียกรุงฯ จึงไม่ปรากฏชื่อสำ�หรับราชอาณาจักรสยาม เพราะถูก แทนที่โดยหงสาวดี (Pegu) ส่วนชื่อ สยาม (Siam) และ โอเดีย (odia) ในแผนที่ หมายถึงกรุงศรีอยุธยา (ในตำ�แหน่งที่ต่าง กัน เกิดจากความสับสนของช่างแผนที่ยุคนั้น) แผนที่จำ�นวนหนึ่งที่เขียนขึ้นช่วงนั้นไม่ปรากฏชื่อสยาม อาทิ แผนที่ China Regio Asiae และ แผนที่ India Orient โดย ฟิลลิปป์ กัลเลอร์ (Philippe Galle) พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงแอนท์เวิร์ป ประเทศ เบลเยียม พ.ศ. 2131 (ค.ศ. 1588) และ พ.ศ. 2138 (ค.ศ. 1595) ตามลำ�ดับ แผนที่โดยดูราโด แสดงตำ�แหน่งหัวเมืองสำ�คัญๆ ในอดีต อาทิ ปัตตานี (patane) กุยบุรี (cui) ชะอำ� (cham) ทวาย (tauai) มะริด (mirgim) ตะนาวศรี (tanasari) ภูเก็ต (jumsalaö) และ ไทรบุรี (queda) แผนที่ให้รายละเอียด เฉพาะหัวเมืองชายฝัง่ ทะเล โดยไม่ระบุต�ำ แหน่งหัวเมืองชัน้ ใน เพราะในสมัยนัน้ แทบจะไม่เคยมีชาวยุโรปได้เข้าไปสำ�รวจพืน้ ที่ ชั้นใน

20

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่บูรพทิศจากอินเดียถึงญี่ปุ่น โดย เฟอร์นาว วาช ดูราโด (Fernão Vaz Dourado) (ราว พ.ศ. 2119/ค.ศ. 1576) (ภาพ จากหอสมุดแห่งชาติโปรตุเกส กรุงลิสบอน)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 21


22

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 23


24

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 25


26

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 27


(4) แผนที่ “หมู่เกาะโมลุกกะ” โดย เพทรูส พลางคิอุส (Petrus Plancius) พ.ศ. 2138 (ค.ศ. 1595) Insvlae Molvccae แผนที่ Insvlae Molvccae (ขนาด 395 x 555 มม.) โดย เพทรูส พลางคิอุส (Petrus Plancius) นักแผนที่ชาว ฮอลันดา อนุมานว่าคัดลอกมาจาก “แผนที่ลับ” ของโปรตุเกสที่เขียนโดย บาร์โทโลเมล ลาสโซ (Bartolomeo Lasso) พ.ศ. 2133 (ค.ศ. 1590) แผนที่โดย พลางคิอุส พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2138 (ค.ศ. 1595) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร มหาราช หรือช่วงอยุธยาตอนกลาง ต่อมาแทรกอยู่ในหนังสือประมวลการเดินทาง Itinerario ที่เรียบเรียงโดย ยาน ฮอยเก็น ฟาน ลินโชเท็น ( Jan Huyghen van Linschoten) ชาวฮอลันดา ตีพิมพ์ครั้งแรกที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปีถัดมา หนังสือชุดนี้ได้รับความนิยมแพร่หลายในยุโรป จึงได้มีการพิมพ์ซ้ำ�หลายครั้ง แผนที่แผ่นที่คัดมาลงในหนังสือ เป็นฉบับพิมพ์ซ้ำ� พ.ศ. 2160 (ค.ศ. 1617) แผนที่แผ่นนี้เป็นประจักษ์พยานว่าเครื่องเทศจากอุษาคเนย์ เช่น พริกไทย กานพลู ดอกจันทน์เทศ ไม้จันทน์หอม ชาด ครั่ง พิมเสน กำ�ยาน ล้วนเป็นที่ต้องการในหมู่พ่อค้าชาวยุโรป สังเกตจากจำ�นวนเรือสินค้าและความหลากหลายของ เครื่องเทศที่ปรากฏในแผนที่ นอกจากนี้ ยังเป็นแผนที่แรกสุดที่เขียนเส้นแบ่งพรมแดน (border) ระหว่างสยามและอาณาจักรใกล้เคียง (เส้น ประในแผนที่) แสดงว่าการกำ�หนดเส้นพรมแดนในแผนที่ฝรั่งมีมากว่าสี่ศตวรรษแล้ว แม้ว่าแนวคิดนี้จะยังไม่ปรากฏในรัฐ ประเพณีของโลกตะวันออกก็ตาม สังเกตชื่อสำ�หรับสยาม (SIAN) ได้หวนคืนมาอีกครั้ง และเป็นชื่ออาณาจักรแห่งเดียว ในแผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ที่เขียนด้วยอักษรตัวใหญ่ ชื่ออาณาจักรอื่นๆ เช่น หงสาวดี (Pegu) กัมพูชา (Camboia) จามปา (Chanpa) โคชินจีน (Cochinchina) และ ตังเกี๋ย (Tunquin) ล้วนเขียนด้วยอักษรตัวเล็ก แสดงให้เห็นว่าสยามกลับมา โดดเด่นอีกครัง้ ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึง่ ก็สอดคล้องกับข้อมูลในจดหมายเหตุโปรตุเกสทีเ่ ขียนโดย จูอาว ดือ บารูช ( João de Barros) ที่ระบุว่า สยามเป็นหนึ่งในสามจักรวรรดิสำ�คัญในอุษาทวีป (นอกเหนือจากจีนและวิชัยนคร หรือ จามปา) และเป็นที่น่าสังเกตอีกว่าสยามในแผนที่ จำ�กัดอยู่แค่ดินแดนภาคกลาง เหนือ และตะวันออก เท่านั้น ชื่ออื่นๆ ที่ เกี่ยวข้องกับสยามในแผนที่คือ แม่น้ำ�เจ้าพระยา (Menan fluvius) แม่น้ำ�โขง (Mecon fluvius) เชียงใหม่ (Iangoma) กรุง ศรีอยุธยา (Sian Diam al. Odia) กุยบุรี (Cui) ตะนาวศรี (Tanacerim) นครศรีธรรมราช (Lugu) ปัตตานี (Patane) และกลันตัน (Calatao) แผนที่ “หมูเ่ กาะโมลุกกะ” แม้จะได้รบั การตีพมิ พ์หลายครัง้ ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 (ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 22) แต่ยงั คงเป็นทีต่ อ้ งการมากในหมูน่ กั สะสมแผนทีโ่ บราณ กอปรกับคุณค่าทางประวัตศิ าสตร์ และศิลปะ ทำ�ให้ได้ชื่อว่าเป็นแผนที่อุษาคเนย์ฉบับพิมพ์ที่หายากที่สุดและมีราคาแพงที่สุด

28

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่หมู่เกาะโมลุกกะ โดย เพทรูส พลางคิอุส (Petrus Plancius) พ.ศ. 2138 (ค.ศ. 1595) (Insvlae Molvccae) (ภาพ จากหนังสือ Portugaliae monumenta cartographica ภาคที่สาม พิมพ์ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส พ.ศ. 2503/ค.ศ. 1960)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 29


(5) แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม” โดย โยฮานเนส เมเทลลุส (Johannes Metellus) พ.ศ. 2139 (ค.ศ. 1596) Regnvm Sian แผนที่ในชื่อภาษาละติน Regnvm Sian (ขนาด 154 x 227 มม.) โดย โยฮานเนส เมเทลลุส ( Johannes Metellus) นักแผนทีช่ าวเยอรมัน จากหนังสือ Theatrum, oder schawspiegel พิมพ์ครัง้ แรกทีก่ รุงโคโลนจ์ ประเทศเยอรมนี พ.ศ. 2139 (ค.ศ. 1596) ตรงกับอยุธยาตอนกลาง ต้นรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือสามปีหลังสมรภูมิหนองสาหร่ายที่สยาม ได้ประกาศแยกจากหงสาวดี แผนที่พิมพ์ซ้ำ� พ.ศ. 2142 (ค.ศ. 1599) พ.ศ. 2143 (ค.ศ. 1600) และ พ.ศ. 2145 (ค.ศ. 1602) นี่เป็นแผนที่แรกสุดที่ใช้ชื่อสยามในกรอบจารึก (Regnvm Sian คำ�ละตินหมายถึงราชอาณาจักรสยาม) ชื่อเรียก กรุงศรีอยุธยาปรากฏถึงสามครั้ง (SIAN, Odia และ Scierno) ในตำ�แหน่งที่ต่างกัน อันเกิดมาจากความสับสนของผู้เขียน ซึ่งไม่เคยเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร มีชื่อเมืองในอดีตที่ปรากฏในแผนที่คือ เชียงใหม่ (Iangoma) เพชรบุรี (Perperi) นครศรีธรรมราช (Nucaon) เมาะตะมะ (Martabam) ทวาย (Tauay) ตะนาวศรี (Tanazarim) มะริด (Mareguim) ภูเก็ต (Iucaloa) ไทรบุรี (Quedaa) กลันตัน (Calantan) และ ปัตตานี (Patane) ทั้งยังปรากฏชื่อและตำ�แหน่งของ “ทะเลสาบ เชียงใหม่” (Chianaÿ lacus) ทะเลสาบในจินตนาการที่นักแผนที่สมัยนั้นเชื่อว่าเป็นต้นน้ำ�ของแม่น้ำ�สายสำ�คัญในอุษาคเนย์ อาทิ อิระวดี สาละวิน และเจ้าพระยา ทะเลสาบแห่งนี้ยังเคยถูกอ้างถึงในจดหมายเหตุ หรือบันทึกการเดินทางผจญภัย อัน เป็นวรรณกรรมเอกเรื่อง Peregrinação โดย เฟอร์นาว เมนดืช ปินตู (Fernão Mendes Pinto) ชาวโปรตุเกสที่เข้ามาสยาม ในรัชสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช และจดบันทึกการเดินทางไปทั่วอุษาทวีป

30

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย โยฮานเนส เมเทลลุส (เอื้อเฟื้อภาพโดย Dawn F. และ James P.Rooney)

( Johannes Metellus)

พ.ศ. 2139 (ค.ศ. 1596)

(Regnvm Sian)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 31


32

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 33


(6) แผนที่ “มะละกา” โดย โยโดคุส ฮอนดิอุส (Jodocus Hondius) พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) Malacca แผนที่ Malacca (ขนาด 92 x 131 มม.) โดย โยโดคุส ฮอนดิอุส ( Jodocus Hondius) นักแผนที่ชาวฮอลันดา จากสมุดแผนที่ Tabularum geographicarum contractarum เรียบเรียงโดย เพทรูส เบอร์ติอุส (Petrus Bertius) พิมพ์ ครั้งแรกที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม หรือ อยุธยาตอนกลาง แผนที่พิมพ์ซ้ำ� พ.ศ. 2161 (ค.ศ. 1618) และ พ.ศ. 2163 (ค.ศ. 1620) ผูเ้ ขียนอาศัยแม่แบบจากแผนทีอ่ ษุ าคเนย์ (India Orientalis) ทีต่ นเขียนเมือ่ ทศวรรษก่อนหน้า แผนทีว่ างทิศตะวัน ตกไว้ด้านบน แม้ใช้ชื่อ “มะละกา” ในกรอบจารึก แต่ถือเป็นแผนที่แรกสุดของฝรั่งที่เขียนเฉพาะเจาะจงแผ่นดินสยาม เมือง สำ�คัญทีป่ รากฏในแผนทีค่ อื กรุงศรีอยุธยา (หรือ Sian มีลกั ษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่บริเวณปากอ่าวสยาม) มะริด (Mirgira) ตะนาวศรี (Tanaçerim) กุยบุรี (Cui) ภูเก็ต (Iunsalam) นครศรีธรรมราช (Luga) ปัตตานี (Patane) ไทรบุรี (Quedan) กลันตัน (Calatao) เปรัก (Pera) มะละกา (Malacca) ตลอดจนสุมาตรา (Sumatra) และบอร์เนียว (Borneo) รายละเอียด ที่น่าสนใจในแผนที่ คือ เส้นประแสดงพรมแดนระหว่างสยาม (SIAN) และกัมพูชา (Camboya) อนึ่ง แผนที่มีความคลาด เคลื่อนอย่างน้อยสามประการคือ ประการแรก ตำ�แหน่งของกรุงศรีอยุธยาที่วางบริเวณปากอ่าวสยาม ประการที่สอง แม่น้ำ� โขง (Mecon fluviu) ไหลเป็นเส้นตรงโดยมีปากแม่น้ำ�อยู่ในกัมพูชา แทนที่จะไหลโค้งไปออกทะเลจีนใต้ที่เวียดนาม และ ประการสุดท้าย อ่าวเมาะตะมะมีขนาดกว้างใหญ่กว่าความเป็นจริง fl

34

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่มะละกา โดย โยโดคุส ฮอนดิอุส ( Jodocus Hondius) พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) (Malacca) (ภาพจากห้องสมุดส่วน บุคคล ธวัชชัย ตั้งศิริวานิช : ธวช)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 35


(7) แผนที่ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” ฉบับซองซอง ดับเบวิลล์ พ.ศ. 2195 (ค.ศ. 1652) Partie de l’Inde au delà du Gange และ Presqv-isle de l’Inde au delà du Gange แผนที่ Partie de l’Inde au delà du Gange และ Presqv-isle de l’Inde au delà du Gange (ขนาด 190 x 252 มม.) โดย นิโคลาส์ ซองซอง ดับเบวิลล์ (Nicolas Sanson d’Abbeville) “นักภูมิศาสตร์แห่งราชสำ�นัก” (Geographe du Roy) ชาวฝรั่งเศส จากสมุดแผนที่ L’Asie en plusiers cartes nouvelles พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2195 (ค.ศ. 1652) ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรืออยุธยาตอนปลาย แผนที่พิมพ์ซ้ำ�ที่กรุงปารีส พ.ศ. 2201 (ค.ศ. 1658) พ.ศ. 2205 (ค.ศ. 1662) และ พ.ศ. 2210 (ค.ศ. 1667) ดังที่กล่าวมาแล้ว คำ�ว่า Inde หรือ India ในที่นี้ เป็นชื่อที่ชาวยุโรปใช้เรียกดินแดนนี้มาแต่โบราณ มีความหมาย ไม่เฉพาะเพียง “ชมพูทวีป” หรือ “ประเทศอินเดีย” เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมดินแดนระหว่าง “ชมพูทวีป” กับมหาจักรวรรดิ จีน ดังนั้นจึงมีคำ�ขยายความอีกว่า l’Inde au delà du Gange ถอดความว่า “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” ซึ่งก็หมายถึง อุษาคเนย์ นั่นเอง นี่เป็นแผนที่สองแผ่นประกบคู่กัน แผ่นซ้ายครอบคลุมพื้นที่จากอินเดียถึงจีนตอนใต้ และส่วนที่เป็นพม่า-สยาม ตอนบน-เวียดนาม-กัมพูชา โดยปรากฏแว่นแคว้นที่บางแห่งก็มีพรมแดน บางแห่งก็ไม่ปรากฏอย่างแจ้งชัด ที่น่าสนใจคือ สยามภาคกลางและเหนือ มีชื่อเมืองปรากฏ เช่น สุโขทัย (Sacottay) และอยุธยา (Odiaa als Aiothia) แผ่นขวาครอบคลุม พื้นที่ตามแนวชายฝั่งอ่าวสยามและทะเลอันดามัน โดยระบุเมืองท่าสำ�คัญ เช่น อ่างหิน หรือ อ่างศิลาในชลบุรี? (Ogmo) มะริด (Mirgim) ตะนาวศรี (Tanacerim) ภูเก็ต (Iuncalaon) กุย (Cin) มะเดื่อ หรือ ชุมพรในปัจจุบัน (Berdio) ปากน้ำ� หลังสวนในชุมพร? (Patanor) ขนอมในสุราษฎร์ธานี? (Cornane) นครศรีธรรมราช (Ligor) พัทลุง (Bordelong) สงขลา (Singora) เคดะห์ (Queda) และปัตตานี (Patane) ที่สำ�คัญ เป็นแผนที่ฉบับพิมพ์แผ่นแรกที่ระบุชื่อและตำ�แหน่งของ บางกอก (Banckock) และอ่าวสยาม (Golfe de Sian) เลยจากสยามไป ก็มีตังเกี๋ย (Tunquin) จามปา (Chiapaa) และ กัมพูชากับเมืองหลวงละแวก (CAMBOIA, Rauecca)

36

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา ฉบับซองซอง ดับเบวิลล์ พ.ศ. 2195 (ค.ศ. 1652) (Partie de l’Inde au delà du Gange และ Presqv-isle de l’Inde au delà du Gange) (ธวช)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 37


38

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 39


40

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 41


(8) แผนที่ใหม่ของ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” โดย โรเบิร์ต มอร์เด็น (Robert Morden) พ.ศ. 2223 (ค.ศ. 1680) A New Map of India beyond Ganges

แผนที่ A New Map of India beyond Ganges (ขนาด 124 x 105 มม.) โดย โรเบิร์ต มอร์เด็น (Robert Morden) นักแผนที่ชาวอังกฤษ จากหนังสือ Geography rectified: or, a description of the world พิมพ์ครั้งแรกที่กรุง ลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2223 (ค.ศ. 1680) ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรืออยุธยาตอนปลาย พิมพ์ซ้ำ�ที่กรุงลอนดอน พ.ศ. 2231 (ค.ศ. 1688) พ.ศ. 2236 (ค.ศ. 1693) และ พ.ศ. 2243 (ค.ศ. 1700) นี่เป็นแผนที่สยามแผ่นแรกที่พิมพ์โดยชาวอังกฤษและพิมพ์ขึ้นที่เกาะอังกฤษ แผนที่ให้ชื่อแผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ หรือคาบสมุทรอินโดจีน ว่า India beyond Ganges หรือ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” อันเป็นชื่อเรียกดินแดนที่ตั้งของสยาม และประเทศอื่นๆ ในแถบนี้มาแต่โบราณ ชื่ออื่นๆ ที่ชาวยุโรปใช้เรียกแผ่นดินสยามในอดีตคือ แผ่นดินทอง (Regio aurea) และ Macin (มหาจีน?) เมืองสำ�คัญที่ปรากฏในแผนที่คือ สุโขทัย (Sacotai) เมาะตะมะ (Martaban) มะริด (Mirgin) เพชรบุรี (Pipili) ตะนาวศรี (Tanacerim) ภูเก็ต (Iuncalaon) นครศรีธรรมราช (Ligor) ไทรบุรี (Queda) ปัตตานี (Palane) สงขลา (Singora) บางกอก (Banckok) และ กรุงศรีอยุธยา (Siam) นอกจากนี้ ยังเป็นแผนที่สยามแผ่นแรกที่ระบุตำ�แหน่ง ของเมืองสิงขร? (Tulingu) เหนือตะนาวศรี เมืองสำ�คัญบนเส้นทางข้ามคาบสมุทรระหว่างทะเลอันดามันและอ่าวสยาม ข้อที่น่าสังเกตและพึงระวังในการ “อ่าน” แผนที่แผ่นนี้คือ การระบายสีเพื่อกำ�หนดพรมแดนของอาณาจักรต่างๆ เช่น เบงกอล (Bengala) อารกัน หรือ ยะไข่ (Aracan) พะโค (Pegu) มะละกา (Malacca) สยาม (SIAM) กัมพูชา (CAMBODIA) จามปา (CHIAMPA) โคชินจีน (Cochin China) ตังเกี๋ย (TONQUIN) รวมทั้งเกาะไหหลำ� (Ainan) และเกาะสุมาตรา (SUMATRA) การระบายสีโดยนักเขียนแผนที่อาจสร้างความสับสนในเรื่องของอาณาเขตและพรมแดน ของแต่ละรัฐหรืออาณาจักร ก็เป็นได้ ในกรณีนี้ ผู้ระบายสีแผนที่แบ่ง “สยาม” ออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนสีเหลืองและส่วน สีเขียว โดยมีแม่น้ำ�เจ้าพระยา (Menam R.) คั่นกลาง น่าสังเกตอีกว่า พรมแดนสยามตอนบนสิ้นสุดที่ (แต่ไม่รวม) สุโขทัย (Sacotai)

42

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่ใหม่ของอินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย โรเบิร์ต มอร์เด็น (Robert Morden) พ.ศ. 2223 (ค.ศ. 1680) (ธวช)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 43


(9) แผนที่ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” โดย จาคโคโม คานเตลลี ดา วิญโญลา (Giacomo Cantelli da Vignola) พ.ศ. 2226 (ค.ศ. 1683) Penisola dell India di là dal Gange

แผนที่

(ขนาด 528 x 408 มม.) โดย จาคโคโม คานเตลลี ดา วิญโญลา (Giacomo Cantelli da Vignola) นักแผนที่ชาวอิตาลี แม้แผนที่จะระบุที่กรอบจารึกตรงมุมขวาล่างว่าเขียนเมื่อ พ.ศ. 2226 (ค.ศ. 1683) แต่ปรากฏครั้งแรกในสมุดแผนที่ Mercvrio geografico พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ราว พ.ศ. 2227 (ค.ศ. 1684) หรือราวปีถัดมา ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรืออยุธยาตอนปลาย แผนที่พิมพ์ซ้ำ�ที่ กรุงโรม ราว พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) และ พ.ศ. 2235 (ค.ศ. 1692) นี่เป็นแผนที่แผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ที่มีสยามอยู่ตรงกลาง และมีส่วนที่เป็นคาบสมุทร คือ แหลมมลายูและเกาะ สุมาตรา และเป็นแผ่นแรกที่พิมพ์โดยชาวอิตาลี ประดับด้วย “กรอบจารึก” (cartouche) ที่วิจิตรพิสดาร ขนาบด้วยภาพลาย เส้นชายมุสลิมกำ�ลังหยอกล้อกับเสือดาว เป็นแผ่นแรกที่ระบุตำ�แหน่งของละโว้ (Lauo) และปราณบุรี (Pra) และเป็นแผ่น แรกๆ ที่แสดงอาณาเขตของอาณาจักรโบราณในอุษาคเนย์ โดยใช้คำ�ว่า “Regno di ...” (คำ�อิตาเลียนหมายถึง “อาณาจักร แห่ง...”) มีการระบายสีแบ่งพรมแดนอย่างชัดเจน อาทิ อาณาจักรยะไข่หรืออารกัน (REGNO D ARACAN) อาณาจักร พะโค (REGNO DI PEGV ) ซึ่งมีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองพะโค (หงสาวดี) และมีพรมแดนครอบคลุมไปถึงเชียงใหม่ (Iancoma) อาณาจักรอังวะ (Regno d’Aua) อาณาจักรพม่า (Regno di Brema) อาณาจักรเมาะตะมะ (Regno di Martaban) อาณาจักรตะนาวศรี (Regno di Tanasserin) อาณาจักรกัมพูชา (REGNO DI CAMBODIA) ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่เมือง ละแวก (Lauuech) อาณาจักรโคชินจีน (REGNO DI COCINCINA) อาณาจักรตังเกี๋ย (REGNO DI TVNQVIN) และอาณาจักรจามปา (REGNO DI CIAMPAA) ทั้งยังแสดงอาณาจักรต่างๆ ที่ปลายคาบสมุทรมลายู อาทิ ปัตตานี (Regno di Patane) และเคดาห์หรือไทรบุรี (Regno di Queda) น่าสนใจที่ว่าสำ�หรับอาณาจักรสยาม หรือ REGNO DI SIAN นั้น มีชื่อ เรียกกรุงศรีอยุธยาว่า “สยาม โอเดีย หรือ อโยธยา” (Sian ats Odia et Aiothia) บางกอก (Bankok) ปรากฏเด่นชัดในฐานะเมืองหน้าด่านบริเวณปากอ่าวสยาม Penisola dell India di là dal Gange

(Golfo di Sian)

สำ�หรับพรมแดนรอบๆ ของสยาม ถูกเขียนให้พรมแดนด้านตะวันออกติดอาณาจักรกัมพูชา ส่วนพรมแดนทางด้าน เหนือเลยเมืองสุโขทัยไปไม่ไกลนัก และไม่ครอบคลุมถึงเชียงใหม่ (Iancoma) และทางด้านตะวันตกแม้จะมีพรมแดนติดทะเล อันดามัน แต่ก็ไม่รวมอีกสองอาณาจักร คือ เมาะตะมะ และตะนาวศรี ส่วนทางด้านใต้แม้แผนที่จะระบายเส้นพรมแดนสี เหลืองไปจนจรดอาณาจักรมะละกา ยะโฮร์ และเกาะสิงคโปร์ (Regno di Malaca, Regno di Ihor, Sincapura I.) แต่ก็มี เส้นประแสดงพรมแดนระหว่างสยามกับอาณาจักรปัตตานีและไทรบุรี สรุปว่าในแผนที่แผ่นนี้ อาณาเขตทางทิศใต้ของสยาม สิ้นสุดที่สงขลา (Singora)

44

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย จาคโคโม คานเตลลี ดา วิญโญลา (Giacomo Cantelli da Vignola) พ.ศ. 2226 (ค.ศ. 1683) (Penisola dell India di là dal Gange) (ธวช)


46

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 47


48

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 49


(10) แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม” โดย ปิแอร์ ดูวัล (Pierre Duval) พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) Carte du Royaume de Siam แผนที่ Carte du Royaume de Siam (ขนาด 478 x 336 มม.) โดย ปิแอร์ ดูวัล (Pierre Duval) นักแผนที่ชาว ฝรั่งเศส พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช หรืออยุธยาตอนปลาย นี่เป็นแผนที่แผ่นแรกที่เขียนหลังการเข้ามากรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) ของราชทูตฝรั่งเศส เชวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ (Alexandre Chevalier de Chaumont พ.ศ. 2183-2253/ค.ศ. 1640-1710) ท่านราชทูตผู้มี ชื่อเสียงโด่งดังผู้นี้ เป็นผู้แทนพระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ท่านราชทูตพร้อมด้วยบาทหลวงสำ�คัญ 3 รูป คือ บาทหลวง เดอชัวซี (Abbé de Choisy คณะเยซูอิต) บาทหลวงกีย์ ตาชาร์ด และบาทหลวงเบนีน วาเชต์ (Guy Tachard, Father Bénigne Vachet: Société des Missions Étrangères de Paris) ได้เข้าเฝ้าและถวายพระราชสาส์นแด่สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) คณะราชทูตของฝรั่งเศสชุดนี้มี จุดประสงค์ที่จะโน้มน้าวให้สมเด็จพระนารายณ์ฯ หันไปนับถือคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก พร้อมทั้งการได้เมืองมะริด และบางกอกเป็นของฝรั่งเศสด้วย และก็เป็นผู้นำ�ราชทูตสยามชุดของออกพระวิสุทธสุนทร (โกษาปาน) เมืองอาณานิคม ไป เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซายส์ในปีถัดมา ราชทูตสยามชุดโกษาปาน กลับคืนสู่กรุงศรีอยุธยาพร้อมด้วย คณะราชทูตฝรั่งเศสชุดต่อมา คือ ชุดของเซเบเรต์ (Claude Céberet du Boullay) และซิมง เดอ ลาลูแบร์ (Simon de la Loubère) ในปี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) แผนที่ฉบับนี้มีความวิจิตรตระการตา ประดับประดาด้วยภาพลายเส้นแสดงขบวนเรือกำ�ปั่นของคณะราชทูต ฝรั่งเศส 2 ลำ� คือ L’Oiseau และ La Maligne ที่แล่นอ้อมทวีปแอฟริกา ผ่านแหลมกู๊ดโฮป เข้ามายังมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน ผ่านช่องแคบซุนดา (Destroit de La Sonde) เข้ามาในอ่าวสยาม (Golfe de Siam) เรือพระที่นั่งฯ และ ช้างเผือกคู่บารมีแห่งพระเจ้ากรุงสยาม แผนที่นี้ มีความเหมือนกับแผนที่ในยุคสมัยเดียวกัน ที่เราได้เห็นมาแล้ว (แผนที่หมายเลข 6-7-8) กล่าวคือ มีการ แสดงพรมแดนของอาณาจักรต่างๆ พร้อมทั้งระบายสีแบ่งแยกให้เห็นชัดอีกด้วย ดังนั้น อาณาจักรสยาม หรือ Royaume de Siam ก็มีพรมแดนทางเหนือจรดอาณาจักรพะโค (Royaume de Pegu) ทางตะวันออกจรดอาณาจักรลาว (Lao Royaume) และอาณาจักรกัมพูชา (R. de Camboia) ส่วนพรมแดนทางใต้สิ้นสุดและรวมถึงเคดะห์หรือไทรบุรี (Queda) ในขณะที่ ปัตตานี ปาหัง เปรัก และมะละกา (Patane, Pahang, Pera, Malaca) อยู่นอกอาณาเขตสยาม น่าสนใจที่ว่าเมืองสำ�คัญๆ ที่ปรากฏในแผนที่นี้ มีทั้งกรุงศรีอยุธยา (SIAM al IUDIA) ละโว้ (Louvo) พิษณุโลก (Porcelut) ชัยนาท (Chenat) พระบาท (สระบุรี) (Prabat) สามโคก (ปทุมธานี) (Sancok) ตลาดแก้ว (นนทบุรี) (Tlakieu) และบางกอก (BancoK) ฯลฯ และในส่วนของชายฝั่งทะเลอันดามันนั้น แผนที่วาดให้ดินแดนตั้งแต่ เมาะตะมะ ทวาย มะริด ตะนาวศรี และเคดะห์หรือไทรบุรี (Martaban, Tavay, Mirgin, Tanacerin, Queda) อยู่ในอาณาเขตของสยาม แผนที่แผ่นนี้เป็นที่หมายปองและมีราคาสูงในหมู่นักประวัติศาสตร์และนักสะสม เพราะมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และวิจิตรศิลป์ แผนที่มีทั้งฉบับที่เขียนโดยดูวัลและโดยบาทหลวงพลาซิด (R.P. Placide) นักแผนที่ชาวฝรั่งเศส : ซึ่งพิมพ์ที่กรุงปารีสในปีเดียวกัน ทั้งยังปรากฏซ้ำ�ในสมุดแผนที่ Carte de geographie โดย บาทหลวงพลาซิด พิมพ์ราว พ.ศ. 2257 (ค.ศ. 1714) แม้แผนที่จะมีการพิมพ์ขึ้นหลายครั้งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 แต่ก็นับเป็นแผนที่ราชอาณาจักรสยามที่หายากที่สุด เป็นที่ต้องการที่สุด และมีมูลค่าสูงสุดในปัจจุบัน 50

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ภาพจำ�ลองเหตุการณ์ที่ราชทูตฝรั่งเศส เชวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ (Chevalier de Chaumont) ผู้แทนพระองค์ของพระเจ้า หลุยส์ที่ 14 พร้อมด้วยบาทหลวงสำ�คัญ 3 รูป คือ บาทหลวงเดอชัวซี (Abbé de Choisy คณะเยซูอิต) บาทหลวงกีย์ ตาชาร์ด และ บาทหลวงเบนีน วาเชต์ (Guy Tachard, Father Bénigne Vachet: Société des Missions Étrangères de Paris) เข้าเฝ้าและถวายพระ ราชสาส์นแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท กรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) ด้านล่าง ซ้ายออกญาวิชเยนทร์ (ฟอลคอน) หมอบกรานเข้าเฝ้าอยู่ด้วย พร้อมแสดงมือส่งสัญญาณให้ราชทูตฝรั่งเศสยื่นพระราชสาส์นให้สงู ขึ้น ไปถึงพระหัตถ์ของพระองค์ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 51



แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย ปิแอร์ ดูวัล (Pierre Duval) พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) Carte du Royaume de Siam (ธวช)


54

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 55


56

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 57


58

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 59


(11) แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม” โดย วินเช็นโซ มาเรีย โคโรเนลลี (Vincenzo Maria Coronelli) พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) Royaume de Siam, avec les Royaumes qui luy sont Tributaires แผนที่ Royaume de Siam, avec les Royaumes qui luy sont Tributaires (ขนาด 613 x 451 มม.) โดย วินเช็นโซ มาเรีย โคโรเนลลี (Vincenzo Maria Coronelli) นักแผนที่ชาวอิตาลี จัดพิมพ์โดย ฌอง บัปติสต์ โนแลง ( Jean Baptiste Nolin) ที่กรุงปารีส พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687 ระบุปีพิมพ์ที่ด้านล่างของกรอบจารึก) มีจำ�หน่ายทั้ง ฉบับแยกพิมพ์ และรวมอยู่ในหนังสือ Histoire naturelle et politique du Royaume de Siam แต่งโดย นิโคลาส์ แชรแวส (Nicolas Gervaise) หรือจดหมายเหตุแชรแวส พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2231 (ค.ศ. 1688) ตรง กับปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรืออยุธยาตอนปลาย พิมพ์ซ้ำ�ที่กรุงปารีสในปีถัดมา แผนที่นี้เขียนโดยอาศัยข้อมูลจากนักบวชเยซูอิต ที่เข้ามาสยามพร้อมคณะราชทูตฝรั่งเศส เดอ โชมองต์ ใน พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) เมื่อเปรียบเทียบกับแผนที่ Carte du Royaume de Siam ที่เขียนในปีก่อนหน้า แผนที่โดย โคโรเนลลี อาจด้อยกว่าในแง่สุนทรียรส แต่ก็แทนที่ด้วยข้อมูลภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นหรือ “รัฐบรรณาการ” ที่อยู่ทางใต้ของเมืองหลวงของสยาม รายละเอียดที่น่าสนใจคือ แม้แต่การสะกด ชื่อกรุงศรีอยุธยาด้วยอักษรฝรั่งเศส ก็ใช้ตัวสะกดที่หลากหลายดังนี้ JUDTIJA, ODIAN, JUDIA และ UPIA นอกจาก นี้ นีเ่ ป็นแผนทีร่ าชอาณาจักรสยามแผ่นแรกทีร่ ะบุต�ำ แหน่งป้อมปราการของเมืองหน้าด่านตัง้ แต่ปากอ่าวสยามเรือ่ ยจนถึงกรุง ศรีอยุธยา ได้แก่ ป้อมเพชรบุรี (Pipelis Forteresse) ป้อมทีบ่ ริเวณคลังสินค้าบางปลากด (Demeure des Hollandois) ป้อม บางกอก (Forteresse de Bankok ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ�เจ้าพระยา) ป้อมตลาดแก้ว (Fort Tlakieu ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ�) และ ป้อมตลาดขวัญ (Tlaquan) แผนที่แสดงตำ�แหน่งหัวเมืองและแม่น้ำ�สายต่างๆ ตลอดชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวสยาม จนถึงละโว้ (LOUVO, Maison Royale) ทั้งยังระบุเส้นทางเรือของคณะราชทูตฝรั่งเศสจากกรุงปัตตาเวีย (BATAVIA, ou IACATRA) สู่กรุงศรีอยุธยา โปรดสังเกตบรรดาอาณาจักรที่แวดล้อมอาณาจักรสยาม (LE ROYAUME DE SIAM) อยู่คืออาณาจักรเมาะ ตะมะ (ROY[AUME] DE MARTABAN) อาณาจักรกัมพูชา (ROYAUME DE CAMBOYE) อาณาจักรตังเกี๋ย (TUNQUIN) อาณาจั ก รโคชินจีน (COCHINCHINE) อาณาจักรจามปา (ROY[AUME] DE CIAMPA) และ อาณาจักรมะละกา (MALACCA, ou SORNAU) อย่างไรก็ตาม แผนที่ไม่ครอบคลุมพื้นที่ทางเหนือของสยาม เพราะ ก่อนหน้านั้นแทบไม่เคยมีผู้ใดได้ไปสำ�รวจดินแดนแถบนั้น จะมีก็แต่เพียง ราล์ฟ ฟิทช์ (Ralph Fitch) พ่อค้าชาวอังกฤษที่ แวะเยือนเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2130 (ค.ศ. 1587) อนึ่ง แม้จะเป็นแผนที่โดยชาวอิตาลีที่ทำ�งานให้กับราชสำ�นักฝรั่งเศส แต่ก็ให้ความสำ�คัญกับบทบาทของฮอลันดา ในสยาม โดยแผนที่ระบุตำ�แหน่งบ้านฮอลันดาใต้กรุงศรีอยุธยา (Dem. des Hollandois) และคลังสินค้า “อัมสเตอร์ดัม” ที่ บางปลากด (Demeure des Hollandois) ใกล้ปากแม่น้ำ�เจ้าพระยา นับเป็นแผนที่ฝรั่งที่ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสยาม ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่ดีที่สุด แผนที่สยามที่พิมพ์ขึ้นภายหลัง ไม่ว่าจะโดย ปิแอร์ มอร์ติเยร์ (Pierre Mortier, พ.ศ. 2243/ค.ศ. 1700) อองรี อับราฮัม ชาเทอลอง (Henri Abraham Châtelain, พ.ศ. 2262/ค.ศ. 1719) หรือ โยอาฮิม อ็อตเท็นส์ (Joachim Ottens, 60

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ราว พ.ศ. 2273/ค.ศ. 1730) ล้วนใช้แผนที่แผ่นนี้เป็นแม่แบบ สังเกตว่าในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (หรือ หลังจากนั้นไม่นาน) มีการพิมพ์แผนที่สยามขนาดใหญ่ถึงสี่ครั้ง คือ แผนที่โดย วิญโญลา โดย ดูวัล โดย พลาซิด และโดย โคโรเนลลี ทั้งยังมีการจัดพิมพ์จดหมายเหตุเกี่ยวกับสยามออกเผยแพร่ในยุโรปอีกหลายฉบับ อาทิ จดหมายเหตุโดยราชทูต เดอ โชมองต์ (พ.ศ. 2229/ค.ศ. 1686) จดหมายเหตุโดยบาทหลวงตาชาร์ด (พ.ศ. 2229/ค.ศ. 1686 และ พ.ศ. 2232/ค.ศ. 1689) จดหมายเหตุโดย บาทหลวงแชรแวส (พ.ศ. 2231/ค.ศ. 1688) และจดหมายเหตุโดย ราชทูตเดอ ลาลูแบร์ (พ.ศ. 2234/ค.ศ. 1691) ฯลฯ แผนที่และจดหมายเหตุเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและความสำ�คัญของสยามในสายตา ของชาวยุโรปสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 61



แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย วินเช็นโซ มาเรีย โคโรเนลลี (Vincenzo Maria Coronelli) พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) (ธวช)


64

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 65


66

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 67


(12) แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม” โดย เมอซิเออร์ เดอ ลามาร์ และ ซิมง เดอ ลาลูแบร์ พ.ศ. 2234 (ค.ศ.1691) Carte du Royaume de Siam แผนที่ Carte du Royaume de Siam (ขนาด 337 x 166 มม.) โดย เมอซิเออร์ เดอ ลามาร์ (M. de la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศส ที่เข้ามารับราชการในสยาม ช่วงปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมา ซิมง เดอ ลาลูแบร์ (Simon de la Loubère) ราชทูตฝรัง่ เศสทีเ่ ข้ามาสยามในเวลาไล่เลีย ่ กัน ได้น�ำ มาปรับปรุงเพือ่ พิมพ์ลงในหนังสือ Du royaume de Siam par Monsieur de La Loubere หรือ “จดหมายเหตุ เดอ ลาลูแบร์” พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2234 (ค.ศ. 1691) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา หรืออยุธยาตอนปลาย แผนที่สยามโดย เดอ ลามาร์/เดอ ลาลูแบร์ ภายใต้ชื่อนี้ พิมพ์ใหม่เป็นภาษาฝรั่งเศสที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ในปีเดียวกัน (แต่ใช้แม่พิมพ์ต่างกัน) และ พ.ศ. 2243 (ค.ศ. 1700) พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) และ พ.ศ. 2257 (ค.ศ. 1714) ทั้งยังพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2236 (ค.ศ. 1693) โดยใช้ชื่อแผนที่ว่า A Mapp of the Kingdome of Siam

คณะราชทูตฝรัง่ เศสชุดทีส่ องทีน่ �ำ โดย เซเบเรต์ (Claude Céberet du Boullay) ผูอ้ �ำ นวยการบริษทั อินเดียตะวันออก ของฝรั่งเศส และ เดอ ลาลูแบร์ นี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากคณะราชทูตชุดแรกของ เดอ โชมองต์ (Chevalier de Chaumont) ซึ่งได้เข้าเฝ้าและถวายพระราชสาส์นต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในปี พ.ศ. 2228 (ค.ศ. 1685) คณะราชทูตฝรั่งเศสชุดที่ สองนี้ เป็นผู้นำ�คณะราชทูตสยามชุดของโกษาปานกลับมาพร้อมกันในเดือนกันยายน พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) แผนที่แสดงอาณาเขตหรือพรมแดนของสยาม โดยแบ่งออกเป็น “สยามตอนบน” หรือ Haut Siam กับ “สยาม ตอนล่าง” หรือ Bas Siam “สยามตอนบน” คืออาณาบริเวณที่อยู่เหนือกรุงศรีอยุธยาขึ้นไปตามแม่น้ำ�เจ้าพระยา (Menam) ตามลำ�ดับ คือ ชัยนาท (Tchainat) นครสวรรค์ (Laconsevan) กำ�แพงเพชร (Campengpet) สุโขทัย (Socotàï) พิษณุโลก (Porselouc) สวรรคโลก (Sanquelouc) พิชัย (Pitchiàï) ละครไท/นครไทย (Locontàï) เมืองฝาง (Meuangfang) เหนือ สุดของสยาม คือ แม่ตาก (Metac) โดยที่ เชียงใหม่ (Chiamàï) อยู่นอกเส้นประของอาณาจักรสยาม และอยู่สุดขอบของ แผนที่นี้ ในส่วนของดินแดนที่อยู่ระหว่าง “สยามตอนบน” กับ “สยามตอนล่าง” และเยื้องไปทางทิศตะวันออกนั้น พรมแดน จะสิ้นสุดและจรดกับ “อาณาจักร” อื่นๆ คือ “ล้านช้าง เมืองหลวงของลาว” (Lantchang Cap.le de Laos) ที่อยู่ทั้งสองฝั่ง ของแม่น้ำ�ของ หรือ โขง (Mecon R) กับอาณาจักรของกัมพูชา (Camboya) ผู้เขียนแผนที่นี้ มีความรู้ทางสภาพภูมิศาสตร์ ของลาวหรือกัมพูชาค่อนข้างจำ�กัด เช่น แม่น้ำ�ของ-โขงดูจะไหลเป็นเส้นตรง ไม่มีหักโค้งลดเลี้ยวแต่อย่างใด แล้วก็ออกสู่ ทะเลไปตรงบริเวณใกล้ๆ กับที่เรียกว่า “แหลมกัมพูชา” (Cap. de Camboya) ดังนั้น ดินแดนทางด้านนี้จึงไม่ปรากฏภาค อีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยกเว้น Corazema ซึ่งน่าจะหมายถึง “โคราชสีมา” (นครราชสีมา หรือ โคราช) และทาง ทิศตะวันออกมี Periou และ Bangplasói (แปดริ้ว หรือ ฉะเชิงเทรา และ บางปลาสร้อยในจังหวัดชลบุรีปัจจุบัน) และก็ สิ้นสุดที่เมืองและแม่น้ำ� Chante Bon ซึ่งก็น่าจะหมายถึง “จันทบูร” หรือ “จันทบุรี” นั่นเอง สำ�หรับ “สยามตอนล่าง” หรือ Bas Siam ไล่เลาะลงไปทางทิศใต้จาก Siam หรือกรุงศรีอยุธยานั้น ก็จะมีเมืองสำ�คัญ คือ Bancok (บางกอก) Prapri (ราชบุรี) Pipeli (เพชรบุรี) Pram (ปราณ) Coüil (กุย) Merguy (มะริด) Tenasserim (ตะนาวศรี) Ialingue (จาลิง ซึ่งอาจ หมายถึงด่านสิงขร?) Clàï (ไชยา?) Bangeri (บางคลี ชื่อเดิมของเมืองถลางในสมัยอยุธยา ปัจจุบันคือตำ�บลบางคลี ขึ้นกับ อำ�เภอตะกั่วทุ่งในจังหวัดพังงา) Ligor (ลิกอร์ หรือ นครศรีธรรมราช) Isle de Iunsalam (Junk Ceylon หรือ เกาะภูเก็ต) Bordelong (พัทลุง) Singor (สงขลา) เป็นอันสุดแดนสยาม จากนั้นเป็นเส้นประ ... แล้วก็มีเมืองสำ�คัญ คือ Patane และ 68

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


(ปัตตานีและเคดะห์) ขอแทรกตรงนี้ว่า ในแผนที่ฉบับที่เหมือนกันนี้ (A Map of the Kingdome of Siam) ซึ่งพิมพ์ ที่กรุงลอนดอน ไม่มีเส้นประหรือพรมแดนระหว่างสยามกับ Patane และ Queda (ปัตตานีและเคดะห์) ในเรื่องเกี่ยวกับ อาณาเขตหรือดินแดนนี้ หากเราจะศึกษาเปรียบเทียบกับแผนทีอ่ นื่ ๆ ในสมัยเดียวกัน ก็จะเห็นได้วา่ ขณะทีแ่ ผนทีโ่ ดยดูวลั และ พลาซิต พ.ศ. 2229 (ค.ศ. 1686) วางตำ�แหน่งเมาะตะมะ และเคดะห์ไว้ในสยาม และแผนที่โดยโคโรเนลลี พ.ศ. 2230 (ค.ศ. 1687) ระบุว่าทั้งเคดะห์และปัตตานี อยู่ในเช่นกัน แต่เมาะตะมะกลับอยู่นอกอาณาเขตสยาม ข้อมูลสำ�คัญที่ปรากฏครั้งแรก คือ เส้นทางโบราณจากเมืองท่าฝั่งอันดามัน สู่อ่าวสยามโดยผ่านตะนาวศรีและเมือง Ialingue (ด่านสิงขร?) จดหมายเหตุ ฝรั่งเศสฉบับแรกสุด ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสยาม (Relation du voyage ... Par M. De Bourges) โดย ฌาค เดอ บูร์เฌอร์ ( Jacques de Bourges) พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตรงกับต้นรัชสมัยสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช ระบุวา่ เป็นเส้นทางทีช่ าวฝรัง่ เศสใช้เพือ่ เลีย่ งการเผชิญหน้ากับคูแ่ ข่งชาวโปรตุเกสและฮอลันดา ปัจจุบนั ได้มี ความพยายามที่จะรื้อฟื้นเส้นทางนี้ด้วยการสร้าง “แลนด์บริดจ์” เชื่อมเมืองมะริดในพม่าผ่านด่านสิงขรสู่เมืองท่าฝั่งอ่าวสยาม ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ Queda

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 69



แผนที่ราชอาณาจักรสยาม โดย เมอซิเออร์ เดอ ลามาร์ และ ซิมง เดอ ลาลูแบร์ พ.ศ. 2234 (ค.ศ. 1691) (Carte du Royaume de Siam) (ธวช)


72

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 73


74

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 75


(13) แผนที่ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” โดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) L’ Inde de la le Gange แผนที่ L’ Inde de la le Gange (ขนาด 222 x 298 มม. เฉพาะแผนที่ และ 264 x 384 มม. รวมกรอบประดับ) โดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา (Pierre van der Aa) นักแผนที่ชาวฮอลันดา จากสมุดแผนที่ Le nouveau théatre du Monde, ou la Géographie Royale พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) ตรงกับต้นรัชสมัย พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ หรืออยุธยาตอนปลาย พิมพ์ใหม่ที่เดียวกันในปีถัดมา และที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ราว พ.ศ. 2278 (ค.ศ. 1735) แผนที่ฉบับพิมพ์ใหม่มีขนาดเล็กกว่าเพราะไร้กรอบประดับ นี่เป็นแผนที่สยามช่วงอยุธยาตอนปลายที่งดงามเป็นพิเศษ โดยเฉพาะภาพลายเส้นแสดงชาวพื้นเมืองอุษาคเนย์ ที่ประดับกรอบจารึกบริเวณมุมซ้ายล่าง เต็มไปด้วยชื่อเมือง หมู่เกาะ และแม่น้ำ�สายต่างๆ มากมาย และนับเป็นแผนที่สยาม โดยชาวฮอลันดาที่หายากที่สุดแผ่นหนึ่ง อาณาเขตของสยามใกล้เคียงกับในแผนที่โดยราชทูตฝรั่งเศส เดอ ลา ลูแบร์ โดย กำ�หนดให้พรมแดนทางทิศเหนือหรือ Haut Siam สิ้นสุดที่แม่ตาก (Metac) และเมืองฝาง หรือ สวางคบุรี (Mepang fang) ทิศใต้หรือ Bas Siam ก็ยังคุมทวาย-มะริด-ตะนาวศรี (Tavai-Mergui-Tenacerim) อยู่ และไปสิ้นสุดที่สงขลา (Singor) โดยไม่รวมเคดะห์ (Queda) หรือ ปัตตานี (Patane) ในส่วนทีเ่ ป็นพรมแดนของสยาม แผนทีน่ วี้ าดให้เห็นว่าอาณาจักรสยาม หรือ Royaume de Siam นัน้ แวดล้อมไปด้วย อาณาจักรอื่นๆ เช่นเดียวกับแผนที่ในยุคใกล้เคียงกัน คือ Roy. du Pegou-Ava-Laos-Camboge-Ciampa-CochinchineTonquin หรืออาณาจักรพะโค-อังวะ-ลาว-กัมพูชา-จามปา-โคชินจีน-ตังเกี๋ย

76

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา โดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) (L’ Inde de la le Gange) (ธวช)

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 77


78

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 79


80

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 81


82

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 83


(14) แผนที่ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคาตามประวัติศาสตร์สมัยใหม่” โดย แฮรมัน โมล พ.ศ. 2268 (ค.ศ. 1725) India beyond Ganges Agreable to Modern History

แผนที่

(ขนาด 255 x 195 มม.) โดย แฮรมัน โมล นักแผนที่ชาวเยอรมัน จากหนังสือ Modern History: or, the present state of all nations พิมพ์ครั้ง แรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2268 (ค.ศ. 1725) ตรงกับปลายรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ หรืออยุธยาตอน ปลาย พิมพ์ซ้ำ�ที่กรุงลอนดอน พ.ศ. 2282 (ค.ศ. 1739) พ.ศ. 2287 (ค.ศ. 1744) และที่กรุงดับลิน เกาะไอร์แลนด์ พ.ศ. 2298 (ค.ศ. 1755) ปรับปรุงจากแผนทีเ่ ดิมของเขาทีใ่ ช้ชอื่ The East Part of India, or India beyond the R. Ganges (พ.ศ. 2255/ค.ศ. 1712) สังเกต “ทะเลสาบเชียงใหม่” (Chaamay L.) ในอาณาจักรอังวะที่ด้านบนของแผนที่ ทะเลสาบในจินตนาการแห่งนี้ (อ้างถึงในจดหมายเหตุปินตู) มีขนาดเล็กลงเมื่อเทียบกับแผนที่อื่นๆ ที่เขียนศตวรรษก่อนหน้า ผู้เขียนระบายสีแผนที่แสดงพรมแดนของอาณาจักรต่างๆ อย่างชัดเจน อาณาเขตสยามในแผนที่นั้น ใกล้ เคียงกับแผนที่ “อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคา” ที่เขียนโดย ปิแอร์ ฟาน เดอ อา เมื่อราวทศวรรษก่อนหน้า โดยให้ทิศเหนือ สิ้นสุดที่เมืองฝาง (Menang fang) ทิศใต้สิ้นสุดที่สงขลา (Singor) ทิศตะวันออกสิ้นสุดที่นครราชสีมา (Corozena) จันทบูร (Chautebonn) ฯลฯ ทิศตะวันตกครอบคลุมมะริด (Merguy) ตะนาวศรี (Tenasserim) แต่ไม่รวมเมาะตะมะ (Herman Moll)

India beyond Ganges Agreable to Modern History

(Martaban)

84

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่อินเดียนอกลุ่มน้ำ�คงคาตามประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โดย แฮรมัน โมล พ.ศ. 2268 (ค.ศ. 1725) Ganges Agreable to Modern History) (ธวช)

(India beyond


86

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 87


88

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 89


(15) แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม-ตังเกี๋ย-พะโค-อังวะ-อารกัน” โดย ฌาค นิโคลาส์ เบลเลง พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) Carte des Royaumes de Siam de Tunquin Pegu, Ava Aracan. &c แผนที่ Carte des Royaumes de Siam de Tunquin Pegu, Ava Aracan. &c (ขนาด 265 x 264 มม.) โดย ฌาค นิโคลาส์ เบลเลง ( Jacques Nicolas Bellin) นักแผนที่ชาวฝรั่งเศส จากสมุดแผนที่ Le Petit atlas maritime ภาคที่ 3 พิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) ตรงกับปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ นี่เป็นแผนที่สุดท้ายที่พิมพ์ในสมัยที่กรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีของสยาม ก่อนที่จะเสียกรุงฯ ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 (ค.ศ. 1767) หรืออีกเพียง 3 ปีตอ่ มาเท่านัน้ แผนทีน่ ปี้ รับปรุงจากแผนทีช่ อื่ เดียวกันทีเ่ บลเลงเขียนตัง้ แต่ พ.ศ. 2292 (ค.ศ. 1749) ดังนั้น สิ่งที่น่าสังเกตจากแผนที่ฉบับนี้ ก็คือ ในตอนปลายของกรุงศรีอยุธยานั้น เราก็จะทราบได้ว่ามีอาณาจักร ต่างๆ ที่ร่วมสมัยกันอยู่ดังต่อไปนี้ คือ Royaume d Aracan-Ava-Pegu-Siam-Laos-Camboie-Tunquin-Cochinchine หรือ อารกัน-อังวะ-พะโค-สยาม-ลาว-กัมพูชา-ตังเกี๋ย-โคชินจีน เมืองฝาง (Mevangfong) ในแผนที่นี้อยู่นอกอาณาเขต สยาม ที่น่าสังเกตอย่างยิ่งคืออาณาจักรจามปาได้หายไปจากแผนที่แล้ว (หายไปตั้งแต่แผนที่สยาม พ.ศ. 2292/ค.ศ.1749 โดย เบลเลง) และน่าสังเกตอีกว่า บางกอก ไม่ปรากฏในแผนที่ และไม่อยู่ในแผนที่สยามแผ่นแรกของเขาเช่นกัน

90

ภาค 1: แผนที่สยามประเทศไทย สมัยอยุธยา พ.ศ. 2085-2307


แผนที่ราชอาณาจักรสยาม-ตังเกี๋ย-พะโค-อังวะ-อารกัน โดย ฌาค นิโคลาส์ เบลเลง พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) Royaumes de Siam de Tunquin Pegu, Ava Aracan. &c) (ธวช)

(Carte des

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และธวัชชัย ตั้งศิริวานิช 91


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.