ทำ�ไมการให้ธรรมทาน จึงเป็นการสร้างบุญใหญ่ ที่มีอานิสงส์บุญมาก... นั่นเพราะธรรมะได้เปลี่ยนจิต ช่วยชีวิตให้คน จำ�นวนมากได้พบความสุขความเจริญไปทุกภพชาติ เหนือกว่าวัตถุทานทีช่ ว่ ยให้แค่รอดเป็นครัง้ คราว เหนือกว่าอภัยทานที่เป็นเรื่องส่วนตน... ขอบุญรักษา ธ.ธรรมรักษ์
ข้าพเจ้าธ.ธรรมรักษ์และเจ้าภาพทีส่ ร้างหนังสือบุญเพือ่ ธรรมทาน ขอน้อมอุทศิ บุญกุศลแห่งการสร้างหนังสือบุญ เพื่ อ ธรรมทานที่ เ กิ ด ขึ้ น นี้ แ ละบุ ญ กุ ศ ลที่ ไ ด้ ทำ � มา ทุกภพชาติ ทุกกัป ทุกกัลป์ ทุกอสงไขย รวมเป็นมหากุศล น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อโมทนาพระคุณความดี พระมหาบารมี พระมหา กรุ ณ าธิ คุ ณ ขององค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ทุ ก พระองค์ นั บ ตั้ ง แต่ ส มเด็ จ องค์ ป ฐมจนถึ ง องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระปัจเจก พุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า พระอรหันต์เจ้า พระมหาโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ ในทุกกัป ทุกกัลป์ อุทศิ แด่พรหมเทพเทวาทัง้ หลาย สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิท์ วั่ สากลโลก เจ้าทีเ่ จ้าทางผูด้ แู ลปกป้องบ้านเรือน สถานที่ ทำ�งานประกอบธุรกิจทั้งปวง พ่อแม่ผู้ให้กำ�เนิดและ บรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณในทุกภพชาติ โดยเฉพาะในชาติปัจจุบันนี้ อีกทั้งเจ้ากรรมนายเวร
ทั้งหลายทั้งที่กำ�ลังมาส่งผลและที่กำ�ลังรอส่งผล ขอ เมตตาให้ท่านทั้งหลายมาโมทนายินดีในมหากุศลนี้ หากท่านยินดีพอใจรับในมหาบุญกุศลนี้แล้ว ขอได้ โปรดเมตตาให้อโหสิกรรม อดโทษ ยกโทษ ในสิ่งที่ ข้าพเจ้าทั้งหลายละเมิดล่วงเกินท่านทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวและเจตนาหรือไม่เจตนา และขอให้มหาบุญกุศลเป็นพลวปัจจัยส่งผลให้ เหล่าข้าพเจ้าทั้งหลายและครอบครัว ท่านเจ้าภาพที่ สร้างหนังสือบุญเพื่อธรรมทานทั้งหลาย ท่านผู้อ่าน ทุกท่าน พบแต่ความสุข ความเจริญ ความราบรื่น คล่องตัวทุกประการ ทั้งครอบครัว การงาน การเงิน โดยฉับพลันทันทีเทอญ
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
สมาธิ “กุญแจวิเÈษ” ใครทำาได้ ได้ทำา ยิ่งสุข ยิ่งเจริญ
“การทำาสมาธิ” มีปรากฏอยู่ในเกือบทุกศาสนาทั่วทุก มุมโลกมาหลายพันป‚ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนาที่มีการสอนอย่างละเอียด เข้าใจง่าย และเกิด ผลมากที่สุดต่อทุกชีวิต “การทำาสมาธิ” ถ้าไม่ดีจริง ไม่เป็นเรื่องจริงคง ไม่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ต้องหายสาบสูญหรือไม่มี ใครรู้จักแล้ว
6
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หลายคนยังเข้าใจผิดว่าการทำ�สมาธิเป็นเรื่อง เฉพาะของพระสงฆ์ นักบวช นักปฏิบัติธรรมหรือ คนทีเ่ บือ่ โลกหรืออยากหนีโลกแล้วเท่านัน้ หรือเป็นเรือ่ ง ยากที่คนทั่วไปทำ�ไม่ได้ เข้าไม่ถึง ขอให้เข้าใจกันเสีย ใหม่ว่า การทำ�สมาธินนั้ ทำ�ให้ทกุ คนสามารถอยู่ กับโลกแบบมีความสุข และทำ�ได้ทกุ คน ทุกเพศ ทุกวัยแม้แต่เด็กเล็ก แต่เกิดผลจริงแค่ไหน... อยู่ที่ว่าทำ�ถูกต้องและทำ�จริงแค่ไหน! การทำ�สมาธิถอื เป็น “กุญแจวิเศษ” ในการทีจ่ ะใช้ ไขความสุขความเจริญรุง่ เรืองมาสูช่ วี ติ ตน ผูท้ ไี่ ด้ฝกึ ทำ� สมาธิอยู่เสมอนั้นจะทราบดีว่าเกิดความเปลี่ยนแปลง ในชีวิตมากมาย สมาธิทำ�ให้เกิดปัญญานำ�ไปสู่การแก้ไขปัญหา ต่างๆ ได้จริงทั้งปัญหาชีวิต การเงิน การงานได้จริง!
7
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
สมาธิเป็นการฝึกกำ�ลังใจ พลังจิต คนทีม่ พี ลังจิต กล้าแข็งทำ�อะไรก็สำ�เร็จรวดเร็วได้จริง! สมาธิเป็นการสร้างบุญใหญ่ในชีวติ ทีไ่ ม่ตอ้ งเสีย เงินเลยแม้แต่สลึงเดียวได้จริง! สมาธิทำ�ให้รักษาโรคได้ ทำ�ให้หน้าตาอิ่มเอิบ สดใส ให้สวย ให้หล่อได้จริง! สมาธิช่วยหนีกรรมได้ หรือที่เรียกว่าหยุดกรรม พลิกกรรมได้จริง! สมาธิชว่ ยให้หลุดพ้นจนถึงระดับ “ปัญญาธรรม” ไม่กลับมาเกิดคือ ถึงซึ่งแดนนิพพานได้จริง!
ทุกอย่างที่บอกมาอย่าเพิ่งเชื่ออะไร ทั้งนั้น ขอให้พิสูจน์ด้วยตัวท่านเองเลย!
“สมาธิ” มาก
ชี วิ ต ยิ่ ง ดี ม า ก
“สมาธิ” ในความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานทีน่ กั ปราชญ์ทา่ นได้สรุปใจความไว้กค็ อื “ทีต่ งั้ มัน่ แห่งจิต” ซึง่ หมายถึง อาการสำารวมใจให้หยุดนิง่ นำาไปสู่ ความแน่วแน่เพื่อเพ่งเล็งในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยพิจารณา สิ่งนั้นอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดปัญญารู้แจ้งในสิ่งนั้น พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโฺ ต) ครูบาอาจารย์ แห่งแผ่นดินธรรม ท่านได้อธิบายความหมายของสมาธิ ในหนังสือพุทธธรรมไว้ว่า
9
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
“สมาธิเป็นความตั้งมั่นของจิตหรือภาวะจิตใจ ที่แน่วแน่ต่อสิ่งที่กำ�หนด หรือจิตที่มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ไม่มีความฟุ้งซ่านหรือส่ายไป (เอกัคตา)” ส่วนสมาธิในความหมายเชิงการปฏิบัติจริงนั้น หมายถึง “การทำ�ใจให้นิ่ง” ซึ่งแตกต่างจากร่างกาย เพราะหากเรายิ่งเคลื่อนไหวร่างกายก็ยิ่งแข็งแรง แต่ จิตใจนั้นตรงกันข้าม คือถ้าจิตใจหวั่นไหว เคลื่อนไหว มากๆ ส่ายไปส่ายมามากๆ หมายความว่าจิตใจเรานัน้ อ่อนแอ เป็นจิตที่ไม่มีกำ�ลัง แต่ เ มื่ อใดก็ ต ามที่ จิ ต เข้ า สู่ ส ภาวะที่ ห ยุ ด นิ่ ง สงบได้แล้วจะยิ่งมีพลังมาก เป็นการรวมพลังเพื่อพุ่ง กระแสจิตตรงให้รวมกันหรือจุดโฟกัสของแสงให้เป็น จุดเดียวกันที่จะทำ�ให้จุดไฟติดได้ แต่ต้องใช้เวลาที่ เหมาะสมให้นานพออีกด้วย ซึง่ เรามาพิจารณาด้วยกัน ก่อนว่าสมาธิมกี ร่ี ะดับ และแต่ละระดับนำ�มาใช้ประโยชน์ อะไรได้บ้าง
10
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ความเป็นสมาธินนั้ มีระดับซึง่ หมายถึงช่วงระยะ เวลาทีเ่ ป็นสมาธิ ในพระพุทธศาสนาได้จดั แยกสมาธิไว้ ออกเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ๑. สมาธิชั่วขณะ (ขณิกสมาธิ) “สมาธิชวั่ ขณะ” หรือจะเรียกว่า “สมาธิจดจ่อ” ก็ได้ ถือเป็นสมาธิขนั้ ต้นพืน้ ฐานทีจ่ ำ�เป็นสำ�หรับทุกคน ทีจ่ ะ ช่วยเราได้ ทำ�สิง่ ต่างๆ กิจกรรมต่างๆ ให้ส�ำ เร็จได้งา่ ย และเกิดผล เช่น หากเราต้องการทีจ่ ะอ่านหนังสือให้จบ สักหนึง่ เล่ม หรือต้องการฟังการบรรยายให้จบ ได้สาระ ใจความ เราต้องมีสมาธิมาช่วย ถ้าไม่มีสมาธิในขั้นนี้ก็ไม่สามารถเรียนอะไร หรือฟังอะไรได้ประโยชน์เลย เพราะถ้าจิตจะไม่อยู่นิ่ง แวบไปแวบมา คิดเรือ่ งโน้นเรือ่ งนีไ้ ม่อยูน่ งิ่ คงจับใจความ หรือทำ�อะไรไม่ได้สักอย่าง
11
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ใครก็ ต ามที่ มี ส มาธิ ม ากหรื อ นิ่ ง มากก็ จ ะมี กระแสจิตทีแ่ รงกล้า เพราะสมาธิคอื การรวมพลังให้กบั กระแสจิต เหมือนอย่างเวลาที่เรามองใครสักคนหนึ่ง หากเรามองอย่ า งตั้ งใจรวมกระแสจิ ต พุ่ ง มองไปที่ ใครคนนัน้ นัน่ ก็คอื สมาธินนั่ เอง ไม่วา่ ด้วยความรูส้ กึ โกรธ มองอย่างรักหรือมองอย่างเมตตา กระแสสมาธิก็จะ ส่งผ่านไปถึงคนคนนั้นที่ถูกมองได้ ๒. สมาธิเกือบจะแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) สมาธินเี้ ป็นระดับสมาธิขนั้ สูงขึน้ มาอีก เกือบจะ ถึงขัน้ “ฌาน” (อ่านว่า ชาน) เป็นระดับของสมาธิเกือบ จะแน่วแน่ ที่เรียกว่า “อุปจารสมาธิ” แปลว่า ใกล้จะ แน่วแน่หรือเกือบเป็นฌานได้ อุปจารสมาธินี้จะสามารถคุมอารมณ์สมาธิที่ เกิดขึ้นไว้ได้นานพอสมควร ซึ่งสมาธิในขั้นนี้สามารถ กำ�จัดสิ่งที่ขวางกั้นจิตที่ทำ�ให้ไม่เกิดสมาธิที่เรียกว่า “นิวรณ์ทั้ง ๕” คือ
12
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
- กามฉันทะ (ความพอใจในกาม) - พยาบาท (ความขัดเคืองเคียดแค้น) - ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซื่องซึม) - อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุง้ ซ่านและรำ�คาญใจ) - วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) อุปจารสมาธิยงั ไม่เรียกว่า “ฌาน” เพราะยังไม่มี องค์ฌานทั้งห้า ๓. สมาธิระดับแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) เป็นสมาธิทแี่ น่วแน่ คือมีอารมณ์และจิตใจใสขึน้ ในอีกระดับหนึ่ง และจะมีอาการต่างๆ ปรากฏเป็น องค์ฌานทั้ง ๕ ดังนี้ ๓.๑ วิตก คือความกำ�หนดจิตนึกคิดองค์ภาวนา ทีใ่ ช้อยูแ่ ละคงอารมณ์นนั้ ได้นานพอสมควร หรือกำ�หนด รูปกสิณ จิตกำ�หนดอยูไ่ ด้ไม่คลาดเคลือ่ น เช่น กำ�หนด พุท-โธ ยุบหนอ-พองหนอ ฯลฯ ก็สามารถกำ�หนดอยูไ่ ด้ อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ไม่ซัดส่ายไปง่ายๆ
13
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๓.๒ วิจาร เป็นการใคร่ครวญในรูปกสิณนิมติ ที่ จิตถือเอาเป็นนิมติ ทีก่ �ำ หนด จะมีอาการเคลือ่ นไหวหรือ คงที่ มีสีสันวรรณะเป็นอย่างไร เล็กหรือใหญ่ สูงหรือ ต่ำ�จิตก็กำ�หนดรู้ไว้ได้ ถ้าเป็นองค์ภาวนาจะรู้ว่าภาวนาครบถ้วนไหม ผิดถูกอย่างไร กำ�หนดรู้เสมอ ถ้ากำ�หนดลมหายใจก็ กำ�หนดรู้ว่าหายใจเข้า-ออก ยาวหรือสั้น เบาหรือแรง สามารถรู้อยู่ตลอดเวลา เรียกว่า “วิจาร” ๓.๓ ปีติ ความปลาบปลื้มเอิบอิ่มใจ มีจิตใจ ชุม่ ชืน่ เบิกบาน ไม่อมิ่ ไม่เบือ่ ในการเจริญภาวนา มีอารมณ์ ผ่องใส เมื่อหลับตาภาวนาจะไม่เห็นว่ามืดเหมือนเดิม มีความสว่างปรากฏคล้ายใครนำ�แสงสว่างมาวางไว้ ใกล้ ๆ บางคราวก็เห็นภาพและแสงสีปรากฏเป็ น ครัง้ คราว แต่ปรากฏอยูไ่ ม่นานก็หายไป โดยอาการของ ปีติมี ๕ อย่างคือ
14
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
- มีการขนลุกขนชัน ท่านเรียกว่า “ขนพอง สยองเกล้า” - มีน้ำ�ตาไหลจากตาโดยไม่มีอะไรไปทำ�ให้ตา ระคายเคือง - ร่างกายโยกโคลงคล้ายเรือกระทบคลื่น - ร่างกายลอยขึ้นเหนือพื้นที่นั่ง บางรายลอย ไปได้ไกลๆ และลอยสูงมาก - อาการกายซู่ซ่า คล้ายร่างกายโปร่ง และ ใหญ่โตสูงขึ้นอย่างผิดปกติ อาการทัง้ ๕ อย่างนี้ แม้อย่างใดอย่างหนึง่ ก็ถอื เป็นอาการของปีติ ข้อทีค่ วรสังเกตก็คอื อารมณ์จติ ชุม่ ชืน่ เบิกบานเสมอแม้รา่ งกายจะสัน่ หวัน่ ไหว บางรายตัวหมุน เหมือนลูกข่าง แต่จติ ใจก็เป็นสมาธิแนบแน่นไม่หวัน่ ไหว มีสมาธิตั้งมั่นอยู่เสมอ การกำ�หนดจิตเข้าสมาธิก็ง่าย คล่อง พอเริ่มเข้าสมาธิก็สามารถเกิดสมาธิได้ทันที
15
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๓.๔ สุข เป็นความสุขที่ละเอียดอ่อน ไม่เคย ปรากฏมาก่อนเลยในชีวิต จะนั่งสมาธินานแสนนานก็ ไม่รู้สึกปวดเมื่อย อาการปวดเมื่อยจะมีก็ต่อเมื่อคลาย ออกจากสมาธิแล้ว ส่วนจิตใจมีความสุขสำ�ราญตลอด เวลา สมาธิก็ตั้งมั่นมากขึ้น ๓.๕ เอกัคตา ความทีจ่ ติ มีอารมณ์เป็นอันเดียว ซึ่ ง เป็ น ลั ก ษณะของการได้ ส มาธิ ที่ ส มบู ร ณ์ โ ดยตรง เพราะสมาธิโดยตรงนั้นจะต้องมีเอกัคตา คือความที่ “จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว” อย่างแน่วแน่ ไม่ซดั ส่ายไป กับสิ่งอื่นได้เลย เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานสมาบัติและ ได้สมาธิในระดับอัปปนาสมาธินี้ ทรงมีจิตใจที่แน่วแน่ มาก แม้จะมีฟ้าผ่าลงมาใกล้ๆ ก็ไม่ได้ยิน
16
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
โดยมีเรือ่ งจากพระไตรปิฎกกล่าวไว้วา่ บางพรรษา พระองค์ทรงสมาธิอยูต่ ลอดทัง้ พรรษา แต่พระองค์ไม่ได้ ยึดติดในอารมณ์สมาธิ หรืออารมณ์ฌานใดๆ บางครัง้ พระองค์ทรงฌานที่ลึกมาก จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียง ฟ้าผ่าบริเวณกุฏิที่พระองค์พำ�นัก เมื่อทรงออกจาก ฌานจึงตรัสถามผู้คนที่พากันมาอออยู่หน้ากุฏิจำ�นวน มากมายว่า มาทำ�อะไรกัน ชาวบ้านจึงกราบทูลว่าฟ้าผ่าถูกคนเลี้ยงวัวและ วัวตายไปหลายตัว ชาวบ้านเกิดความสงสัยแล้วทูลถาม พระพุทธองค์ต่อว่า พระพุทธองค์ไปอยู่ไหนมาจึงไม่ ได้ยินเสียงฝนตกฟ้าร้องฟ้าผ่าที่เสียงดังถึงขนาดนั้น ทัง้ ทีค่ นเขาได้ยนิ กันทัง้ หมูบ่ า้ น พระพุทธองค์จงึ ตรัสว่า ทรงฌานอยู่จึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น นี่เป็นการได้ สมาธิในระดับสูง
สม�ธิหยุดกรรม
เ ป ลี่ ย น ก ร ร ม ปั จ จุ บั น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร
สมาธิสามารถหยุดกรรม เปลีย่ นกรรมได้จริง เพราะเป็น การแก้ปัญหาลงไปถึงแก่นแท้ แก้ลงไปที่จิตซึ่งเป็น ต้นกำาเนิดแห่งกรรมทัง้ ปวง เป็นการแก้เรือ่ งวิสยั ทีไ่ ม่พงึ ประสงค์ทแี่ ย่ๆ ของแต่ละบุคคลให้ดขี นึ้ ส่งผลให้หยุด กรรมไม่ดี และเปลี่ยนกรรม จนเปลี่ยนอนาคตได้
18
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ในภาษาทางพระพุทธศาสนานัน้ เรียกวิสยั เหล่านี้ ว่า “จริต” ซึง่ หมายถึง ภาวะจิตของคนตามธรรมชาติ ทีม่ อี ยูใ่ นตัวของมนุษย์ทกุ คน มีมากถึง ๖ แบบแตกต่าง กันไป ซึ่งอาจจะมีทั้งหมดในตัวคนเดียวหรือมีน้อย มีมากแตกต่างกันไปตามกรรม ซึ่งก็คือ ๑. ราคจริต คนที่มีราคจริตประจำ�ตัว มักจะเป็นคนมีจิตที่ ประณีตละเอียดอ่อนมาก จิตจะเกาะติดหลงใหลอยูแ่ ต่ ในสัมผัสทัง้ ๕ คือ รูป รส กลิน่ เสียง สัมผัส หรือจะ เรียกว่า “หลงง่ายดาย” ประเภทแค่เห็นก็รกั หลงอยากได้ อยากมี อยากครอบครองทันที ดู จ ากภายนอกมั ก จะเป็ น คนยิ้ ม แย้ ม แจ่ ม ใส มาดดี ชอบอะไรที่สวยๆ งามๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สถานที่ แต่ไม่ได้เน้นเนื้อหาสาระว่าจะมีความสำ�คัญ อย่างไร
19
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมือ่ เจอเพศตรงข้ามทีพ่ งึ พอใจ จะออกอาการที่ จะพยายามสร้างความประทับใจให้มากที่สุดเท่าที่จะ ทำ�ได้ เช่น ยิ้ม ส่งสายตา หรือแสดงจริตอาการเพื่อ ต้องการให้ฝงั่ ตรงข้ามประทับใจอย่างเห็นได้ชดั เวลาพูด ก็จะสามารถควบคุมน้ำ�เสียงให้ออกมาไพเราะนุ่มนวล คำ�พูดที่ออกมาจะเต็มไปด้วยคำ�ที่ไพเราะอ่อนหวาน และส่วนตัวก็ชอบทีจ่ ะฟังคำ�พูดหวานไพเราะ ชอบทีจ่ ะ ไปแสวงหาของอร่อยมากินเป็นประจำ� ในส่วนไม่ดที สี่ ง่ ผลในชีวติ มากก็คอื จะกลายเป็น คนทีใ่ ช้เงินเติบ ใช้ของแบบไม่รคู้ ณุ ค่าจริง ติดกับดักของ คุณค่าเทียม อาจจะเหยียดคนด้วย เป็นคนขีอ้ จิ ฉา ขีโ้ ลภ เห็นใครดีกว่า เหนือกว่าตนเองไม่ได้ แม้จะไม่แสดงอาการออกมาก็จะเดือดร้อนใจ อยู่เสมอจนตนเองไม่มีความสุข คนรอบข้างที่อยู่ด้วย ก็ไม่มีความสุข เพราะดิ้นรนแสวงหาอยู่เสมอ
20
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ในหลักของการแก้ไขของคนที่มีราคะจริตมาก ทางพระพุทธศาสนาจะให้ใช้หลักการพิจารณาถึงสิ่งที่ ไม่สวยไม่งามของผูอ้ นื่ (อสุภกรรมฐาน) หรือพิจารณา สิ่งที่ไม่สวยไม่งามในร่างกายของตนเอง (กายคตาสติ กรรมฐาน) เป็นการแก้ทางกันให้ผทู้ มี่ รี าคะจริตมากได้คลาย จริตหรือถ่ายถอนกิเลสทีย่ ดึ ติดเรือ่ งความสวยงามต่างๆ ลงได้ ซึ่งต้องหมั่นพิจารณาอยู่เสมอ ๒. โทสจริต คนทีม่ โี ทสจริต มักเป็นคนทีม่ บี คุ ลิกภาพขีโ้ กรธ ง่ายหรือขีโ้ มโหเป็นประจำ� เป็นคนประเภท “จอมหลักการ” และ “ชอบบงการ” คิดไปเองว่าโลกและคนอื่นจะต้อง เป็นไปตามที่ตนเองคิดเอาไว้ เป็นคนทีค่ อ่ นข้างมีระเบียบวินยั สูงกว่าคนทีม่ จี ริต แบบอืน่ ๆ จึงมักจะเดือดร้อนใจเสมอหากได้เจอกับคน ที่ทำ�อะไรผิดกฎ แม้แต่การผิดนัดหรือไม่ตรงต่อเวลา
21
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
คนกลุม่ นีย้ งั เป็นคนทีม่ นี สิ ยั ตรงไปตรงมา บางที ก็เถรตรงมากจนเกินไป ยืดหยุน่ ไม่เป็น ไม่ได้ดโู ลกตาม ความเป็นจริง ไม่ได้ดูว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไรแตกต่าง กับตนอย่างไร อันทีจ่ ริงแล้วคนกลุม่ นีก้ แ็ ทบจะไม่สนใจ คนอื่นอยู่แล้ว แต่เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน มักโหยหา ความรักความอบอุน่ จากคนรอบข้าง เพราะในชีวติ อาจ ไม่ได้รับความรักเท่าที่ควรจึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำ�ใจ เมือ่ ไม่เคยได้รบั การตอบสนองจึงยึดเอากฎเกณฑ์ความ ถูกต้องมาเป็นเกราะป้องกันตน เมื่อสร้างเกราะป้องกันขึ้นมามากเกินไปจึงอาจ เป็นการขังให้ตนเองติดอยู่ในกรอบของความขุ่นเคือง ในใจอยู่เป็นนิจ ในหลักของการแก้ไขของคนที่มีโทสจริตมาก ทางพระพุทธศาสนาจะให้ใช้หลักการพิจารณาพรหมวิหาร ๔ คือ เจริญเมตตา กรุณา มุทติ า และวางอุเบกขา ให้เป็นนิจ
22
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หากจิ ต ขุ่ น มั ว ต้ อ งรี บ ดึ ง กลั บ มาอยู่ ใ นกรอบ พรหมวิหาร ๔ นี้เป็นการแก้จริตที่โกรธง่าย โมโหง่าย ทำ�ให้ปล่อยวางความโกรธต่างๆ ได้เร็ว ๓. โมหจริต คนที่มีลักษณะโมหจริต มักจะเป็นคนมีวิสัย ซึมเซา ง่วงเหงาหาวนอนเป็นประจำ� ชอบหลบนอนหลับ ได้ในทุกทีท่ กุ โอกาส มีความเบือ่ ง่ายเป็นวิสยั จะทำ�อะไร ก็รสู้ กึ ว่าเรือ่ งมันยากไปหมด มักไม่คอ่ ยจะมีความพยายาม มีสมาธิค่อนข้างต่ำ� พลังจิตอ่อนที่จะทำ�งาน ทำ�อะไร ไปสักนิดสักหน่อยจะรู้สึกว่าเบื่อจนงานไม่เสร็จ พวก ท่าดีทีเหลว นอกจากนั้นมักเป็นคนที่มีความเศร้าอยู่ในใจ มักคิดถึงตัวเองในทางไม่ดีอยู่เสมอ มักจะคิดว่าตัวเอง ไม่มคี ณุ ค่า น้อยเนือ้ ต่�ำ ใจ รูส้ กึ ตัวเองต่�ำ ต้อย ไร้ความ สามารถ ไร้วาสนา ชอบนั่งกลุ้มใจกับเรื่องของตัวเอง เสียใจกับปัญหาของตัวเอง จนแทบไม่คิดว่าคนอื่นๆ อาจมีปัญหาที่หนักหนากว่าตัวเองรออยู่อีกมาก
23
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
และเพราะการทีม่ วั แต่จมกับความคิดความรูส้ กึ ของตนเองมากเกินไป จึงทำ�ให้ดเู หมือนเป็นคนมีจติ ใจ ค่อนข้างคับแคบ ไม่สนใจคนอื่นๆ มากนัก ข้อดีของคนทีม่ โี มหจริตคือ เป็นคนดีทเี่ รียบง่าย ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม ไม่คดิ อิจฉาริษยาใคร ไม่คดิ ทำ�ร้ายใคร ไม่คดิ จะทำ�ให้ใครเดือดร้อน เพราะไม่อยาก ไปยุง่ เกีย่ วกับใครหรือเปลีย่ นแปลงอะไรอยูแ่ ล้ว ไม่เคย คิดอะไรทีซ่ บั ซ้อน วันๆ ชอบนัง่ ฝันแต่กไ็ ม่สามารถนำ� ความฝันไปสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้เพราะไม่กล้าพอ บุคลิกภาพจึงแสดงออกมาแบบเป็นคนไม่ค่อย พูด หรือพูดจาเบาๆ การแสดงออกทางบุคลิกภาพ ด้านอืน่ ๆ ก็ดจู ะไม่คอ่ ยมัน่ ใจ เดินแบบขาดจุดมุง่ หมาย ทำ�งานง่ายๆ ก็ดูเหมือนจะไม่เสร็จเสียที แม้แต่งาน ที่ง่ายๆ อย่างการทำ�ความสะอาดกวาดบ้านก็ตาม
24
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ในหลักของการแก้ไขสำ�หรับคนทีม่ โี มหจริตมาก ทางพระพุทธศาสนาจะให้ใช้หลักของอานาปานัสสติ คือ การพิจารณาลมหายใจเข้าออก ซึง่ เป็นกรรมฐานทีง่ า่ ย สะดวก ปลอดภัย ไม่ตอ้ ง คิดอะไรมาก รับรู้แต่ลมที่เข้าออกของตัวเองก็พอ ๔. วิตกจริต คนทีม่ วี สิ ยั วิตกจริตมักเป็นคนพูดมาก ชอบแสดง ความคิดเห็น พูดเร็ว มีคำ�ถามเยอะ คิดมาก สมอง เต็มไปด้วยความคิด ฟุง้ ซ่านง่าย มีความสับสนวุน่ วาย ในตัวเอง ทำ�งานแล้วรูส้ กึ ว่าจะยุง่ อยูต่ ลอดเวลา เพราะ ไม่สามารถเรียงลำ�ดับความสำ�คัญหรือจัดระบบไม่ได้ คนอื่นอาจมองว่าคนที่วิตกจริตจะเป็นคนที่ดูมี ปัญญาสูง เพราะเป็นคนทีส่ ามารถคิดได้เร็ว พูดได้มาก ชีวิตเต็มไปด้วยประเด็นต่างๆ ที่ต้องพูดต้องวิจารณ์ เต็มไปหมด
25
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ฟังเผินๆ แล้วน่าประทับใจถ้าไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าฟังแบบวิเคราะห์แล้วบางทีจะพบว่าหาสาระ ไม่คอ่ ยเจอ โดยวิสยั แล้วคนกลุม่ นีม้ กั มองโลกในแง่รา้ ย มักคิดว่าโลกชัว่ ร้าย คนอืน่ จะพยายามเอารัดเอาเปรียบ ตนเอง ไม่สามารถเชื่อใจใครได้ คิดแต่เรือ่ งอัปมงคล จนส่งผลไปสูก่ ารแสดงออก ทีช่ อบย้�ำ คิดย้�ำ ทำ�อยูเ่ สมอ หน้าตาก็จะบึง้ ตึง ไม่คอ่ ยมี รอยยิ้มดูเรียบเฉย แต่อาจแสดงอารมณ์ออกมาอย่าง รุนแรงได้หากได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ ควบคุมคำ�พูดตนเองไม่ได้ ชอบใช้วาจาทำ�ร้ายจิตใจผูอ้ นื่ โดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ประมาณว่าอดพูดไม่ได้ อย่างไรก็ตามคนที่มีลักษณะวิตกจริตจะเป็น คนที่ขยันขันแข็ง ลุกลี้ลุกลน แต่ก็มักเป็นคนหยาบๆ ที่ทำ�อะไรไม่ประณีต ผลงานที่ทำ�ออกมาจึงไม่ค่อยมี ประสิทธิภาพหรือได้รับการยอมรับมากนัก
26
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ชอบทำ�เรือ่ งง่ายให้เป็นเรือ่ งยาก ชอบเจ้ากีเ้ จ้าการ มีอตั ตาสูง คิดว่าตนเองฉลาดกว่าคนอืน่ คนกลุม่ นีจ้ งึ เป็น กลุ่มที่จะถูกติฉินนินทาว่าร้ายได้ง่ายที่สุด ในด้านบุคลิกภาพภายนอก มักจะแต่งกายให้ ดูโดดเด่นฉูดฉาดแต่ไม่สวยงาม ชอบสะสมสิง่ ของมาก ชอบเก็บสิ่งของเอาไว้ แม้ไม่ใช้ก็จะเก็บไว้จนดูเป็นคน ตระหนี่ มีความโลภ ที่อยู่อาศัยก็มักรกรุงรังเพราะมี ข้าวของเต็มไปหมด หาความสงบในบ้านไม่ค่อยได้ เพราะต้องทำ�อะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ในหลักของการแก้ไขคนที่มีวิตกจริตมาก ทาง พระพุทธศาสนาให้ใช้หลักของอานาปานัสสติเช่นกัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก อารมณ์ที่ตกอยู่ในอำ�นาจ ของความวุน่ วายครุน่ คิดฟุง้ ซ่าน ตัดสินใจไม่คอ่ ยได้นนั้ ก็จะสงบระงับไป
27
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๕. สัทธาจริต คนที่มีสัทธาจริตในตัวสูงจะเป็นผู้ที่รักดีใฝ่ดี ตั้งใจที่จะเป็นคนดี มีลักษณะอุดมคตินิยม ต้องการ เปลี่ยนแปลงตนเองและสภาพแวดล้อมไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เป็นนักต่อสูเ้ พือ่ ตนเองและผูอ้ น่ื ให้ความเคารพต่อบุคคล ทีน่ า่ ศรัทธาอย่างแรงกล้า เป็นคนจริงจังพูดจาดูมหี ลักการ ให้ความเคารพต่อระเบียบกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด คนที่มีสัทธาจริตอย่างรุนแรงโดยไม่มีปัญญา ประกอบนัน้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นคนทีม่ ปี ญั ญาน้อย เพราะคนที่มีศรัทธาในสิ่งใดมากโดยขาดปัญญามักจะ หลงในศรัทธานั้นได้ง่าย มักยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อ ที่ตนเองเชื่ออย่างไม่เสื่อมคลาย โดยไม่ได้พิจารณาว่า ชีวิตของตนเองจะดีขึ้นหรือแย่ลง นอกจากนี้ ค นกลุ่ ม นี้ ไ ม่ ช อบอย่ า งยิ่ ง ที่ จ ะ ประนีประนอมเรือ่ งใดๆ กับใครทีข่ ดั แย้งกับความเชือ่ มัน่ ของตนเอง
28
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
มองโลกสองแบบคือขาวและดำ� ใครคิดไม่เหมือน เราคือคนชัว่ หากคิดเหมือนกันคือคนดี โลกนีไ้ ม่มสี เี ทา และชอบที่จะทำ�ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ของตนเอง แม้วิธีการนั้นจะเป็นวิธีการที่ผิดก็สามารถ ทำ�ได้โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา ในหลักของการแก้ไขคนทีม่ สี ทั ธาจริตมาก ทาง พระพุทธศาสนาให้ใช้หลักของ “อนุสติ ๖ ประการ” คือ - พุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า - ธัมมานุสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม - สังฆานุสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ - สีลานุสติ ระลึกถึงศีลของตนเอง - จาคานุสติ ระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว - เทวตานุสติ ระลึกถึงคุณที่ทำ�บุคคลให้เป็น เทวดา นั่นคือธรรมที่เรียกว่า “หิริโอตตัปปะ” การพิจารณาถึงอนุสติ ๖ ประการเป็นการพิจารณา ทีแ่ สดงถึงความเป็นเหตุเป็นผล ทำ�ให้ไม่หลงไปสุดโต่ง แบบซ้ายสุดขวาสุด
29
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
มีใจเป็นกลางมากขึ้นและทำ�ให้ศรัทธาตั้งมั่น อยู่ได้ด้วยเหตุผล และจิตใจมีความผ่องใสตรงกับ ความเป็นจริง ๖. พุทธจริต คนที่มีลักษณะนิสัยเป็นพุทธจริตจะพูดอะไร เป็นเหตุเป็นผล มองโลกทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่ ชอบเรือ่ งการปรุงแต่ง เป็นคนทีพ่ ร้อมจะรับความคิดเห็น เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น สูงขึ้น จึงยอมรับความคิด ใหม่ๆ ซึ่งมีเหตุผลมากกว่าได้ คนเหล่านีเ้ รียกได้วา่ เป็นคนทีช่ อบความยุตธิ รรม ไม่เอาเปรียบใคร มีความเมตตาสูง เพราะคิดตาม ความเป็นจริง มองโลกในแง่บวกเสมอ ต้องการพัฒนา ขัดเกลาจิตใจตลอดเวลา จึงเห็นปัญหาและทางแก้ เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความลำ�บากไม่เป็นธรรม มี ปัญหาจึงเกิดความเมตตาต้องการจะช่วยเหลือเสมอ สามารถมองปัญหาเปรียบได้ดั่งสายน้ำ�และก้อนเมฆ ที่มาแล้วก็ไป
30
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
บุคลิกภาพภายนอกจึงดูเป็นคนทีห่ น้าตาผ่องใส ดวงตาเป็นประกาย ไม่ทกุ ข์ มีความคิดริเริม่ สร้างสรรค์ มาก มีความสามารถในการเรียนรู้งานได้เร็วอยู่แล้ว จึงทำ�ให้คนเหล่านีม้ กั เป็นเจ้าของกิจการ ผูป้ ระกอบการ มากกว่าคนที่จะเป็นลูกจ้าง พุทธจริตนับได้ว่าเป็น กัลยาณมิตรของคนอืน่ ๆ ให้ได้พงึ่ เสมอ เพราะเป็นคน ทีม่ คี ณุ ธรรม น่าเชือ่ ถือ ต้องการให้คนอืน่ เจริญก้าวหน้า อย่างไรก็ตามคนทีม่ พี ทุ ธจริตมากๆ ก็เป็นผลเสีย คือมีความเฉือ่ ยชา ไม่ตอ้ งการพัฒนาจิตวิญญาณ ชีวติ ราบรื่นมาตลอด หากต้องเผชิญพลังด้านลบ อาจเอา ตัวไม่รอด และไม่มีความเป็นผู้นำ� จึงต้องมีการแก้ไข ด้วยการใช้หลักการพิจารณาธรรมด้วย “กรรมฐาน ๔” คือ - มรณานุสติกรรมฐาน การระลึกถึงความตาย อยู่เป็นประจำ�
31
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
- อุปมานุสติกรรมฐาน การระลึกคุณของพระ นิพพานเป็นอารมณ์ - อาหาเรปฏิกลู สัญญา การระลึกถึงความเป็น ธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดย ใช้อาหารเป็นเครื่องพิจารณาธรรม - จตุธาตุววัฏฐาน นัน้ แปลว่า “ธาตุ ๔” คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ� ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุทั้ง ๔ นี้เป็น โครงร่างเป็นทีอ่ าศัยของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และจิตที่มีอำ�นาจบัญชาการในความคิดต่างๆ ความคิดอ่านต่างๆ เป็นเรือ่ งของจิต ความรับรู้ ที่เรียกว่ารู้สึกหนาว ร้อน หิว กระหาย เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด รู้การสัมผัสว่าอ่อน แข็ง นิ่ม เป็น ความรูส้ กึ ของวิญญาณทีไ่ ด้รบั บัญชามาจากจิต โดยจิต บัญชาว่าอย่างนัน้ เป็นอะไร วิญญาณก็รบั ทราบตามนัน้
32
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ความจดจำ�เรือ่ งราวต่างๆ เป็นหน้าทีข่ องสัญญา รวมความแล้วธาตุ ๔ ที่เป็นเรือนร่างอาศัยของคนเรา นัน้ ไม่มคี วามรับรูอ้ ะไรเลย มีสภาพเหมือนบ้านเรือนทีม่ ี คนอาศัย บ้านจะสวยหรือจะผุพัง บ้านเรือนไม่มีทุกข์ แต่เจ้าของบ้านคือคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั่นเองเป็น ผู้ทุกข์ ซึ่งเป็นหลักพิจารณาให้ปล่อยวางในธาตุขันธ์ อารมณ์จริตที่กล่าวมา ๖ ประการนี้ บางคนมี อารมณ์ทั้ง ๖ อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มี มากน้อยกว่ากันตามการอบรมเลีย้ งดู สิง่ แวดล้อม รวม ไปถึงอำ�นาจวาสนาบารมีทมี่ ตี ดิ ตัวมา อารมณ์ของจริต ที่มีอยู่นั้นอาจมีความคล้ายคลึงกัน แต่ความเข้มข้น รุนแรงไม่เสมอกัน การจะควบคุมจริตทั้งหลายที่มีอยู่ใน ตัวได้ก็ต้องอาศัย “สมาธิ” มาช่วยเป็นตัว ควบคุม
33
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ซึง่ ในทางพุทธศาสนาเรียกว่า “การทำ�กรรมฐาน” พระพุทธองค์ได้แสดงพระธรรมเทศนาไว้ถงึ ๔๐ วิธหี รือ “กรรมฐาน ๔๐ กอง” ทุกวิธลี ว้ นเป็นไปเพือ่ จุดหมายเดียว คือการทำ�ให้จิตใจสงบ การทีพ่ ระพุทธองค์ก�ำ หนดกรรมฐานไว้มากมาย ถึง ๔๐ วิธกี เ็ พือ่ ให้ตรงกับความเหมาะสมกับพืน้ ฐานนิสยั ของแต่ละคน เป็นเสมือนคู่ปรับของจริตนั้นๆ
การฝึกสมาธิจึงเป็นกระบวนการเพื่อ อบรมบ่มใจให้ดำ�รงอยู่ในสภาวะอันสงบ ใสกระจ่าง รู้สึกถึงความกว้างใหญ่ในจิต มีความเบาสบาย เพือ่ ให้กลายเป็นความงาม ของใจ เมื่อใจสบายแล้วก็ย่อมน้อมไปสู่ การปฏิบตั แิ ก้ปญ ั หาต่างๆ ในชีวติ ได้ถกู ต้อง ซึ่งเป็นการ “แก้ไขกรรมต่างๆ” ที่ให้ผล โดยตรง
สม�ธิ
กั บ ก า ร รั ก ษ า โ ร ค
ครูบาอาจารย์แห่งแผ่นดินธรรมท่านรู้ถึงเรื่องนี้ เป็นอย่างดี เพราะยามที่ท่านออกธุดงค์เข้ากรรมฐาน ในสถานทีห่ า่ งไกลผูค้ น ยามเมือ่ ท่านเจ็บป่วยท่านจะใช้ สมาธิ วิ ปั ส สนากรรมฐานในการบำาบัดรักษาโรคมา ตลอดมีการบันทึกไว้มากมาย แต่กอ่ นอืน่ เราต้องเข้าใจ ภาวะเจ็บไข้ได้ปว่ ยซึง่ ถือเป็นของธรรมดาของโลก โดย โรคต่างๆ นัน้ สามารถแบ่งได้อยู ่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ
35
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๑. โรคทางจิต คือโรคที่เป็นต้นกำ�เนิดในการ ทำ�ลายสันติและก่อให้เกิดพาหะนำ�ไปข้ามภพข้ามชาติ ได้ อาจจะเรียกได้วา่ เป็น “โรคทีม่ าจากกรรมเก่า” เช่น เกิดมาก็มีสติปัญญาพิกลพิการ ฟั่นเฟือน สมาธิสั้น ภาวะทางอารมณ์บกพร่อง ดาวน์ซินโดรม ฯลฯ ๒. โรคทางกาย คือโรคที่ทำ�ลายรูปธรรมให้พบ แต่ความชำ�รุด เสือ่ มสภาพจนเกิดเวทนาอย่างแรงกล้า หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นโรคที่เกิดมาจากกรรมใหม่และ กรรมเก่าผสมกัน เช่น ป่วยเป็นโรคมะเร็ง หรือป่วยเป็น โรคเรื้อรังใดๆ ที่รักษาไม่หาย ใช้เวลารักษานานมาก ก็ยังไม่หายขาด อาการทรงๆ ทรุดๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึงความ เจ็ บ ป่ ว ยทั้ ง หลายนั้ น ว่ าไม่ ไ ด้ เ ป็ น เพราะกรรมเก่ า แต่สถานเดียว แต่เป็นสิง่ ทีส่ ามารถเกิดขึน้ ได้จากสาเหตุ อื่นด้วย
36
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
“หากใครเห็ น ว่ า โรคภั ย ไข้ เ จ็ บ ที่ เกิดขึ้นล้วนเกิดมาจากกรรมทั้งสิ้น ย่อม เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน” เพราะโรคภัยไข้เจ็บนั้นเกิดขึ้นได้จากหลาย
สาเหตุ กรรมเก่าเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำ�ให้เกิดโรค ขึ้นมาเท่านั้น ในทางพระพุทธศาสนาได้แบ่งกฎเกณฑ์การเจ็บ ป่วยไว้อย่างแยบคาย ๕ ประการ ๑. เกิดจากอุตนุ ยิ าม เป็นกฎธรรมชาติทเี่ กีย่ วกับ สภาพดินฟ้าอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น ความร้อน ความหนาวที่มากเกินไป เกิดอุทกภัย วาตภัย อันถือ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ�ให้เกิดโรค ๒. เกิดจากพืชนิยาม เป็นกฎธรรมชาติของ พืชพันธุ์หรือเกิดจากพันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์
37
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๓. เกิดจากจิตตนิยาม เป็นกฎธรรมชาติเกีย่ วกับ สภาพจิตใจ หรืออุปาทานความนึกคิดที่อาจปรุงแต่ง จนเกินไปได้ อาจมีผลกระทบต่อภาวะจิตใจและส่งผล ต่อไปถึงร่างกาย ๔. เกิดจากกรรมนิยาม เป็นกฎธรรมชาติเกีย่ วกับ พฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดจากการกระทำ�หรือการ แสดงเจตนา เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรงคือ ตนเองเป็นคนสร้างการกระทำ�ที่ทำ�ให้เกิดโรคขึ้นมา จึงต้องรับผลแห่งการเป็นโรคนั้นๆ ด้วยตนเอง เช่น โรคที่เกิดจากความเสื่อมสภาพของร่างกายทั้งหลาย ๕. เกิดจากธรรมนิยาม เป็นกฎที่ว่าด้วยเรื่อง เหตุและผล เช่น ทำ�ดีได้ดี ทำ�ชั่วได้ชั่ว สิ่งทั้งหลาย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป การเกิดโรคก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีการเกิดโรคย่อมมีการหายจากโรค หรือมีการ ดำ�เนินของโรคนั้นไปตามความเป็นจริง
38
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
โรคภั ยไข้ เ จ็ บ ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ ทุ ก คนนั้ น มีสาเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ อาจเกิดมาจากการกระทำ�ที่ส่งผลให้เกิดโรค หรืออาจเกิดได้ตามกฎแห่งธรรมชาติ การ เสื่อมของสังขาร หากเราเป็นคนทีไ่ ม่รจู้ กั รักษาสุขภาพของตัวเอง ไม่รบั ประทานอาหารให้ครบทัง้ ๕ หมูท่ รี่ า่ งกายต้องการ หรือรับประทานอย่างหนึง่ อย่างใดมากเกินจนล้น จนเกิน ความพอดีก็ทำ�ให้เกิดโรคได้ เพราะได้รับการติดเชื้อ จากโรคต่างๆ ด้วยการขาดความรู้ การไม่ระมัดระวัง ตัวเองให้ดี หรือไม่ยอมดูแลสุขภาพอย่างที่ควร แต่ยงั มีคนเป็นจำ�นวนมากทีม่ คี วามเชือ่ ว่า การ ที่คนเราเจ็บป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี้มาจากกรรมเก่าเพียง อย่างเดียว โดยเฉพาะโรคเวรโรคกรรมที่รักษากัน อย่างไรก็ไม่หายเสียที
39
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ซึ่งต้องทำ�ความเข้าใจว่า คำ�ว่า “กรรมเก่า” หมายถึงผลของกรรมหรือการกระทำ�ที่ส่งผลข้ามภพ ข้ามชาติอาจเป็นหลายพันชาติกไ็ ด้ จึงทำ�ให้เกิดผลกรรม ทีต่ ามผูกพันกัน ซึง่ มาจากการได้เคยกระทำ�กรรมไม่ดี ให้กับคนหรือสัตว์ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาก่อน มีตัวอย่างมากมายในสมัยพุทธกาลที่โด่งดัง เช่น พระนางโหริณซี งึ่ เป็นน้องสาวของพระอนุรทุ ธเถระ ผู้เป็นหนึ่งในเอตทัคคะสาวกของพระพุทธเจ้าผู้เป็น เอกในด้านการมีทิพยจักษุ พระนางโรหิณีนั้นทรงป่วย เป็นโรคผิวหนังอย่างรุนแรง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต้อง อยู่ด้วยความอับอายจนไม่อาจจะออกมาพบกับผู้ใดได้ เลย เมือ่ พระอนุรทุ ธเถระเดินทางมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์ เพือ่ มาโปรดพระญาติ พวกพระญาติตา่ งก็มาชุมนุมกัน เพื่อต้อนรับ
40
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เว้นแต่พระนางโรหิณเี พียงคนเดียว พระอนุรทุ ธะ จึงถามหาน้องสาว ก็ทราบความว่าพระนางเป็นโรค ผิวหนังขั้นรุนแรง รักษาไม่ได้ พระอนุรุทธเถระเป็นผู้มีทิพยจักษุเป็นเลิศได้ มองเห็นกรรมในอดีตของพระน้องนาง จึงให้ไปเชิญ พระนางออกมาแล้วทรงแนะนำ�ให้ทำ�บุญโดยให้ขาย เครื่องประดับต่างๆ เท่าที่มีอยู่ แล้วนำ�ทรัพย์มาสร้าง ศาลาโรงฉัน โดยขอแรงพระญาติที่เป็นชายให้ช่วยกัน สร้างโรงฉันให้เรียบร้อย พระนางโรหิณที รงเชือ่ และปฏิบตั ติ าม เมือ่ สร้าง โรงฉัน ๒ ชัน้ เสร็จแล้วก็ทรงปัดกวาดเอง ทรงตัง้ น้�ำ ใช้ น้�ำ ฉันสำ�หรับพระภิกษุสงฆ์เอง ถวายทานด้วยน้�ำ สะอาด และอาหารอันประณีตแก่ภิกษุสงฆ์เป็นประจำ�ทุกวัน นอกจากนีย้ งั ทรงรักษาศีลอุโบสถอย่างเคร่งครัด ทำ�ให้ โรคผิวหนังของพระนางค่อยๆ หายไปทีละน้อยจนผิว เกลี้ยงเกลาในที่สุด
41
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การที่พระนางโรหิณีต้องป่วยด้วยโรคนี้เป็นโรค ทีเ่ กิดแต่กรรม ต้องใช้บญุ ช่วยรักษา ลดอิทธิพลแห่งกรรม จนไม่มอี านุภาพในการให้ผลอีกต่อไป เหมือนคนกินยา เข้าไปปราบเชื้อโรคได้สำ�เร็จ สร้างความประหลาดใจ และความตื่นตะลึงในอานุภาพแห่งการสร้างบุญบารมี ครั้งนี้มากมาย วันหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาเสวยที่โรงฉันของ พระนางโรหิณี แล้วตรัสให้พระนางทราบเกี่ยวกับเหตุ แห่งโรคที่รักษาไม่หายว่า โรคนั้ น เกิ ด ขึ้ น เพราะกรรมของพระนางเอง ในอดีตกาล พระนางโรหิณีได้เกิดเป็นอัครมเหสีของ พระเจ้ากรุงพาราณสี แต่มจี ติ ริษยาหญิงนักฟ้อนคนหนึง่ ของพระราชา ได้สร้างกรรมหนักคือเอาผลเต่าร้าง หรื อ หมามุ่ ย มาโรยลงบนร่ า งกายของหญิ ง นั ก ฟ้ อ น คนนัน้ นอกจากนีย้ งั ให้บริวารเอาผงเต่าร้างไปโปรยบน ที่นอนของหญิงนักฟ้อนคนนั้นอีกด้วย
42
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หญิ ง นั ก ฟ้ อ นเมื่ อ สั ม ผั ส ถู ก ผลเต่ า ร้ า งก็ เ กิ ด อาการคันอย่างทุกข์ทรมานจนร่างกายเป็นผื่นพุพอง ขึ้นมา ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส นี่คือบุพกรรมของ พระนางโรหิณีอันเป็นเหตุให้พระนางต้องเผชิญหน้า กับโรคร้ายเช่นนั้น พระพุทธเจ้าตรัสเตือนพระนางโรหิณวี า่ ต่อไปนี้ จงพึงละความโกรธความถือตัวเสีย เพราะจะเป็นเหตุ ให้ผดิ ศีลข้อที่ ๑ คือการเบียดเบียนร่างกายของผูอ้ นื่ ให้ เกิดทุกข์และอาจเลยเถิดไปถึงการฆ่าเอาชีวิตกันได้ และต้องได้รับผลของกรรมนั้นๆ ไป การแก้ไขกรรมของพระนางโหริณีนั้นเป็นการ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมแล้วหันมาสร้างบุญ ด้วยทานและรักษาศีลให้ดี พระนางจึงค่อยๆ หาย จากโรคได้
43
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ส่วนความเชือ่ เรือ่ งการเจริญสมาธิแล้วจะช่วยให้ โรคทั้งหลายหายไป หรือมีอาการดีขึ้นนั้นจะเป็นไปได้ หรือไม่นั้น มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่า สามารถใช้ระงับโรคต่างๆ ได้จริง ความเชื่อนี้จึงเปลี่ยนเป็นองค์ความรู้ที่สามารถ พิสูจน์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ๒,๕๐๐ กว่าปีพระพุทธองค์ ก็พิสูจน์ด้วยตนเองมาแล้ว ซึ่งต้องขอย้ำ�อีกครั้งว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มีการ พิสูจน์แล้วว่า สมาธิมีผลต่อการรักษาโรค ทั้งหลายให้ดีขึ้นได้จริง การรักษาโรคด้วยพลังสมาธินนั้ มีการกล่าวถึงมา นาน เช่น ในสมัยรุ่งเรืองของอียิปต์ ในชาวจีนโบราณ ฯลฯ จนในที่สุดก็มีคำ�ศัพท์เรียกพลังเร้นลับที่มีใน ตัวมนุษย์นี้ว่า “พลังจิต” ที่น่าสนใจก็คือมีการทดลอง ทางการแพทย์ ส มั ยใหม่ เ กี่ ย วกั บ สมาธิ ใ ช้ รั ก ษาโรค ที่ประเทศรัสเซียในปีพ.ศ. ๒๔๙๙
44
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
โดยดร.เอส ซีรอฟ และดร.เอ. โทรสกิน ทีร่ ะบุ ชัดว่าพลังจิตมีความสัมพันธ์กบั การเพิม่ หรือลดจำ�นวน ของเม็ดเลือดขาวอันเป็นระบบภูมคิ มุ้ กันทีส่ ำ�คัญภายใน ร่างกายของมนุษย์ โดยหากเพิม่ อารมณ์ทางบวกแก่ผปู้ ว่ ยเม็ดเลือดขาว จะมีจ�ำ นวนเพิม่ ขึน้ และหากทำ�ให้อารมณ์ผปู้ ว่ ยเป็นลบ เม็ดเลือดขาวจะมีจำ�นวนลดลง สิ่งนี้อาจสอดคล้อง กั บ การค้ น พบที่ ว่ า ร่ า งกายของคนเราจะหลั่ ง สาร อย่ า งหนึ่ ง ออกมาเมื่ อได้ อ อกกำ � ลั ง กายอย่ า งเต็ ม ที่ และหลังจากการนั่งสมาธิเพื่อทำ�จิตใจให้สงบ คือ “สารเอ็นโดรฟิน” หรือทีค่ นทัว่ ไปเรียกกันว่า “สารแห่ง ความสุข” เมื่อร่างกายหลั่งสารตัวนี้ออกมาจะมีผลทำ�ให้ เกิดความชุ่มชื่นแก่ร่างกาย และทำ�ให้ร่างกายของเรา แข็งแรงขึ้นได้
45
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมื่อคนเราเกิดความเครียด สมองจะหลั่งสาร บางอย่างออกมา ซึง่ เป็นตัวการทำ�ให้เกิดเม็ดเลือดขาว เพิม่ อย่างมากมายในร่างกาย การเพิม่ ขึน้ ของเม็ดเลือดขาว ในร่ า งกายนี้ เ องทำ �ให้ ผู้ ที่ มี ค วามเครี ย ดเกิ ดโอกาส เสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดสูง ในทางตรงกั น ข้ า ม ผู้ ที่ นั่ ง สมาธิ จิ ตใจสงบ ปลอดโปร่งปราศจากความเครียด นอกจากร่างกาย จะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง แล้ว ยังสามารถลดปริมาณเม็ดเลือดขาวที่มีมากเกิน ปกติในร่างกายได้อีกด้วย มีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งหลายรายซึ่งบางรายก็มี อาการร้ายแรงอยู่ในระยะสุดท้ายไม่สามารถรักษาให้ หายได้ แต่กลับหายขาดจากการเป็นโรคมะเร็งได้ด้วย การฝึกสมาธิ ตัวอย่างเช่น คนไข้ชายรายหนึ่งซึ่งป่วย เป็นโรคมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย สาเหตุทปี่ ว่ ยก็เนือ่ ง มาจากการสูบบุหรี่อย่างหนักต่อวันไม่ต่ำ�กว่า ๑ ซอง
46
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
คนไข้ ช ายรายนี้ เ มื่ อ ได้ รู้ ตั ว ว่ า ตนป่ ว ยเป็ น โรคมะเร็งระยะสุดท้าย ในตอนแรกก็มคี วามคิดทีจ่ ะฆ่า ตัวตาย แต่ทำ�ไม่สำ�เร็จ จึงมีผู้ชักนำ�ให้เข้าวัดทำ�บุญ ฟังเทศน์ฟังธรรมเพื่อสร้างกุศลไว้ก่อนที่ตนจะตายไป เมื่อเวลาผ่านไปคนไข้รายนี้ก็เกิดความเลื่อมใส ในพระศาสนา จึงอุทศิ เวลาทีเ่ หลืออีกไม่มากนักของตน เพือ่ การปฏิบตั ธิ รรมโดยการบวชเป็นพระภิกษุและออก ธุดงค์ไปในป่า นัง่ สมาธิปฏิบตั ธิ รรมอย่างเคร่งครัด เวลา ทีเ่ หลืออยูอ่ กี ไม่กเี่ ดือนก็ดเู หมือนจะยาวนานขึน้ จนผ่าน มาถึงสามปีเต็ม พระภิกษุรปู นัน้ จึงเดินทางออกจากป่า และมาตรวจรักษาอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่าโรคมะเร็ง ที่ได้เป็นอยู่กลับหายไปจนหมดสิ้น ปัจจุบนั คนไข้รายนีก้ ย็ งั คงบวชเป็นพระภิกษุและ ออกธุดงค์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งนับว่าเป็นผลการพิสูจน์เรื่อง พลังอำ�นาจของสมาธิว่ามีผลรักษาโรคได้จริง
47
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
อย่างไรก็ตาม การปฏิบตั สิ มาธิกไ็ ม่ได้หมายความ ว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทุกโรค ขอให้ทำ� ความเข้าใจไว้ว่า “สมาธิ” เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งใน จำ�นวนหลายๆ ชนิด ในการจะนำ�มาช่วยรักษาหรือ บรรเทาอาการเจ็ บ ปวดต้ อ งปฏิ บั ติ ร่ ว มกั น กั บ การ รักษาโรคด้วยวิธีต่างๆ ด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการรั ก ษาอาการเจ็ บ ป่ ว ยได้ ต ามแต่ อ าการป่ ว ย หรือตามแต่โรคที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคคล หากบุคคลมีอาการป่วยทางจิตประสาท การ ปฏิบัติสมาธิเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ณ เวลาหนึ่งที่ สามารถเป็ น เครื่องช่วยในการรักษาอาการทางจิ ต ประสาทให้สงบระงับลง แต่ ก็ ต้ อ งประกอบด้ ว ยเครื่ อ งมื อ ชิ้ น อื่ น ๆ ผสมผสานกันเพื่อรักษาอาการให้ทุเลาหรือหายขาดได้ เช่น การโภชนาการ การให้ผู้ป่วยได้ทำ�สิ่งที่ชอบ การ ออกกำ�ลังกายและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ
48
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ส่วนโรคภัยไข้้เจ็บอื่นๆ อันเกี่ยวกับระบบการ ทำ�งานของร่างกาย เช่น เบาหวาน โรคเกีย่ วกับกระดูก กล้ามเนือ้ โรคเกีย่ วกับทางเดินอาหาร การปฏิบตั สิ มาธิ อาจจะไม่มีผลหรือไม่สามารถช่วยได้โดยตรง เหตุ เพราะบางโรคเกิดจากเชื้อโรคเป็นสาเหตุ ต้องรักษา ด้วยยาทีม่ ฤี ทธิท์ ำ�ลายเชือ้ โรคเท่านัน้ หรือจำ�ต้องได้รบั การพักผ่อน หรือเดิน ยืน นั่ง นอน ให้ถูกท่า ถูกวิธี รวมไปถึงต้องมีการรับประทานยาตามแพทย์สั่ง และ บางโรคต้องอาศัยการออกกำ�ลังกาย การโภชนาการ เป็นส่วนประกอบหรือเป็นปัจจัยเพิ่มเติมในการรักษา กำ�ลังใจเป็นสิง่ สำ�คัญอย่างหนึง่ ในการรักษาโรค กำ�ลังใจย่อมได้มาจากคนรอบข้าง รวมไปถึงความมี จิตใจหนักแน่น ความมีจติ ใจตัง้ มัน่ จิตสงบ ไม่ฟงุ้ ซ่าน ซึง่ ในปุถชุ นทำ�ได้ไม่งา่ ย นัน่ ก็หมายความว่าการปฏิบตั ิ สมาธิมีส่วนช่วยให้การรักษาโรคภัยไข้เจ็บของแต่ละ บุคคลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
49
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เพราะมีผลต่อเรื่องของจิตใจเป็นสำ�คัญ เมื่อ จิตใจดี สงบ เย็น ร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตกลับไป เป็นผลดีเอง ดังที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติสมาธิต้อง ค่อยๆ ปฏิบตั ิ ค่อยๆ ฝึกทำ�กันไปวันละเล็ก ละน้อยอย่างมีระบบ ไม่เช่นนัน้ ก็ยอ่ มไม่เกิด ผลใดๆ ที่จะนำ�ไปสู่การแก้ปัญหาที่แท้จริง ได้
สม�ธิ
ช่ ว ย ใ ห้ ร ว ย ขึ้ น ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร
มีความเชื่อที่แพร่หลายว่า นั่งสมาธิหรือฝึกทำา สมาธิบ่อยๆ นั้นช่วยหนุนนำาให้คนเรารวยขึ้นได้อย่าง น่าอัศจรรย์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นความเข้าใจที่ไม่ ครบถ้วน เพราะพลังอำานาจของสมาธิไม่ได้มีพลังไป กำาหนดให้ใครร่ำารวยขึ้นมาจากการนั่งสมาธิอย่างเดียว ลืมตาแล้วมีเงินมากองตรงหน้า แบบนั้นเป็นไปไม่ได้ เพ้อเจ้อมาก
51
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การจะรวยหรือทำ�อะไรให้ส�ำ เร็จเกิดผลนัน้ ต้อง ทำ�เหตุให้ตรงมีปัจจัยช่วยสนับสนุน ต้องลงมือทำ�งาน เพื่อให้ได้เงินขึ้นมาด้วย ดังที่พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตาให้คาถามหา เศรษฐี “อุ อา กะ สะ” ซึง่ หมายถึง ขยันหาทรัพย์ รูจ้ กั รักษาทรัพย์ คบมิตรดี และใช้ชีวิตให้เหมาะกับฐานะ หากใครทำ�ตามแล้วจะร่ำ�รวยขึ้น ไม่ใช่แค่ท่องคาถา แล้วรวย มันเป็นไปไม่ได้ และคนที่มีทรัพย์สินเงินทอง มากมายร่ำ�รวยมีความสุขนั้น เหตุเพราะเขาได้เคย สร้ า งกรรมดี ไ ว้ ก่ อ นทั้ งในภพก่ อ นและในภพนี้ ก็ ทำ � กรรมดีเพิ่ม จึงได้รับผลเป็นความร่ำ�รวยที่เราได้เห็น กันในปัจจุบัน กรรมทีท่ �ำ ให้คนเราร่�ำ รวยขึน้ มา ต้องเริม่ มาจาก “ใจ” จากใจไปสูก่ รรมดี ซึง่ เป็นเหตุที่ ทำ�ให้รวย!
52
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การฝึกทำ�สมาธินั้นจะช่วยให้ใจหรือจิตนั้นมี พลังฝ่ายดีมาก เห็นความจริงแท้ที่เป็นอยู่ เห็นปัญหา และพบทางแก้ไข รู้ถึงการพัฒนาตนเอง เป็นการเกิด “ปัญญา” เห็นความจริง หรือพูดตามภาษาชาวบ้านก็คอื “เห็นทางรวย” หรือ “รูท้ างรวย” เพราะทัง้ แก้ไขในสิง่ ที่ ไม่ดี และสร้างสิ่งดีๆ เข้ากับตนเอง ขอให้ทราบไว้วา่ แม้จะขยันทำ�งานแค่ไหน หรือ รักษาศีลมาดีอย่างไร แต่ถ้า “ไม่มีปัญญา” มองเห็น ความจริงที่จะทำ�ให้รวยได้อย่างยั่งยืน เราก็จะยังคง ยากจนหรือไม่รจู้ กั พอต่อไป ประเภท “ขยันผิดที่ สูผ้ ดิ ทาง ร้อยชาติก็ไม่รวย”
อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ สำ � คั ญ คื อ เมื่ อ เกิ ด ปัญญาแล้วจะเห็นได้ว่าตัวที่ทำ�ให้คนเรา ยากจนลงทุกวันนีก้ ค็ อื ใจทีต่ ระหนีข่ องเรา เอง
53
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
แต่ใครจะรู้ทันความตระหนี่ของตนเองได้บ้าง โดยทีไ่ ม่ได้ลงมือทำ�อะไรเลย คำ�ตอบก็คอื เป็นเรือ่ งยาก ทีจ่ ะรูต้ วั แม้จะมีคนอืน่ มาบอกให้รกู้ ย็ งั ปลงใจให้เชือ่ ได้ ยาก คนทีจ่ ะรูต้ วั ได้จติ ต้องมีความนิง่ สงบมากพอคือต้อง มีสติรู้ตัว และสิ่งที่ทำ�ให้คนเรามีสติเกิดขึ้นก็คือการทำ� สมาธินั่นเอง พระมหาเถระในสมั ย พุ ท ธกาลเองก็ เ คยตั้ ง คำ�ถามนีก้ บั ตัวท่านเองเช่นกัน อย่างพระมหากัจจายนะ ท่านนั้นได้ชื่อว่าเป็นภิกษุที่มีบุญมีบารมีมากในหลายๆ ด้าน ทัง้ สามารถอธิบายความย่อให้พสิ ดารได้ และเป็น ผู้ที่มีบุญในโภคทรัพย์มาก กล่าวคือเมื่อไปที่ไหนแล้ว รั บ รองได้ ว่ าไม่ ต้ อ งอดอยากหรื อ เดื อ ดร้ อ นในด้ า น ความเป็นอยู่เลย ครัง้ หนึง่ พระพุทธเจ้าได้น�ำ เหล่าภิกษุเดินทางไป ยังที่หมายแห่งหนึ่งซึ่งมีทางให้เลือกสองทาง ทางหนึ่ง เป็นทางลัดและจะสามารถถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว คือใช้เวลาเพียง ๑ วัน
54
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
แต่ปัญหาก็คือเป็นทางรกร้างไม่มีผู้คนอาศัย น่าจะทำ�ให้บิณฑบาตได้ยาก ส่วนอีกทางเป็นทางอ้อม แต่ มี ผู้ ค นอยู่ อ าศั ย มาก ไม่ ต้ อ งลำ � บากเรื่ อ งการ บิณฑบาตและที่พัก ความเห็นในหมู่ภิกษุเริ่มแตกเป็นสองฝ่ายว่า ควรจะใช้ ท างใด พระพุทธองค์จึงได้ตรัสเรี ย กหา พระมหากัจจายนะว่าเดินทางมาด้วยหรือไม่ เมื่อได้ ทราบคำ�ตอบว่าพระมหากัจจายนะเดินทางมาด้วย พระพุทธองค์จึงมีรับสั่งให้เดินทางเส้นทางตรงที่เป็น ทางลัดทันที พระมหากัจจายนะเกิดความสงสัยจึงได้เข้า สมาธิยกมือปิดหน้าเพื่อรำ �ลึกถึงอดีตชาติที่ผ่านมา ท่ า นจึ งได้ ท ราบว่ า อดี ต ชาติ ห นึ่ ง ท่ า นเคยเกิ ด เป็ น นายแพทย์รักษาผู้ป่วยโดยที่ไม่ได้คิดค่าตอบแทนอะไร เป็นบุญกุศลที่ส่งผลให้ท่านเกิดมาเป็นผู้มากด้วยลาภ สักการะเมื่อถึงเวลาตกทุกข์ได้ยาก
55
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
และก็เห็นผลทันตา ในระหว่างทางมีทั้งเหล่า มนุษย์และเทวดาทัง้ หลายมาคอยใส่บาตรด้วยอาหารที่ ประณีตมากมาย ทำ�ให้พระพุทธองค์และเหล่าภิกษุทั้ง ห้าร้อยรูปทีเ่ ดินทางมาไม่ตอ้ งเดือดร้อนเรือ่ งภัตตาหาร อีกต่อไป สมาธิภาวนาจึงเป็นเครื่องมือช่วยทำ�ให้เกิด ปัญญาเห็นธรรม รู้ความจริงว่า
คนที่รู้จักให้ ยิ่งให้ยิ่งได้ คำ�ว่า “ยิ่งได้” นั้นมีความหมายสองทางคือ ยิ่งได้บุญมาก และยิ่งได้ทางโลก
การไม่ตระหนี่นั้นทำ�ให้เป็นคนที่จะร่ำ�รวยได้ ทำ � อะไรก็ จ ะมี แ ต่ ค วามช่ ว ยเหลื อ เข้ า มาและช่ ว ย เกือ้ หนุนให้ชวี ติ เจริญก้าวหน้า นักบริหารชัน้ นำ�หลายคน ก็ใช้หลักการของสมาธิมาช่วยให้ชีวิตพ้นวิกฤตและ ร่ำ�รวยขึ้น เพราะเราจะพบว่าใจเรานิ่ง เมื่อใจนิ่งแล้ว การคิดเรื่องอะไรก็ตามจะเป็นไปอย่างถูกต้องเสมอ มีความพอดีด้วยตัวของมันเอง
56
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
แล้ ว คำ � ตอบในการแก้ ไ ขปั ญ หาที่ ถู ก ต้ อ งจะ มาเอง เมื่อใจเราสงบแล้วบุญจะทำ�หน้าที่ดึงดูดสิ่งดีๆ โอกาสดีๆ การแก้ปัญหาอย่างถูกวิธีจะเข้ามาเอง และแน่นอนว่ าการแก้ปัญหาความยากจนที่ ให้ผลชัดที่สุดก็คือ การทำ�บุญให้ทานอย่างมีปัญญา ประกอบอย่างถูกต้องจะช่วยให้พน้ จากความยากจนได้ ในหลักการทำ�ทานนัน้ ขึน้ อยูก่ บั “เจตนา” เป็น สำ�คัญ ไม่ใช่ตอ้ งใช้เงินมากถึงจะได้บญุ มาก ขึน้ อยูก่ บั เจตนาทั้งสิ้น เจตนามากก็บุญมาก บุญที่ทำ�ง่ายที่สุด และเป็นพื้นฐานในบุญทุกประเภทก็คือการให้ทาน จะ เห็นได้ว่าเมื่อกล่าวถึงการทำ�บุญขึ้นมาคนเราก็มักจะ นึกถึงการให้ทานก่อน เป็นการเสียสละในสิ่งที่เรามี เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน เมื่อทำ�แล้ว ก็เกิดความสบายใจทันที ซึ่งในปุถุชนคนธรรมดาจะมี ความตระหนี่ในใจอยู่แล้วมากน้อยต่างกันไป
57
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การทำ�ทานจึงเป็นการทำ�ให้ใจบริสุทธิ์ขึ้นมา ในระดับพื้นฐานและทำ�ให้จิตใจผ่องใสได้ แต่การจะ ทำ � ทานให้ ไ ด้ พ ลั ง บุ ญ มากนั้ น จำ � ต้ อ งมี วิ ธี ก ารและ องค์ประกอบที่ถูกต้องด้วย ซึ่งองค์ประกอบที่สำ�คัญ ทีส่ ดุ ก็คอื “เจตนาแห่งการให้” นัน่ เอง หากมีเจตนาที่ ไม่ดีก็ให้ผลน้อย หากมีเจตนาดีก็ให้ผลมาก เจตนาที่ทำ�ให้ไม่เกิดผลแห่งทานเป็น อย่างไร ในพระสูตรกล่าวถึงเจตนาแห่งการทำ�ทานที่ ปรากฏในทานสูตรและวัตถุสูตรในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก ว่า “บางคนให้ทานด้วยจิตผูกพันในผลแห่งการให้ ทาน คือมุ่งสั่งสมการให้ทานเพราะคิดว่าเมื่อตายไป แล้วเราจะได้รบั ผลของทานนัน้ บางคนก็ให้ทานเพราะ หวังว่าบุญจะก่อให้เกิดความสุขความสบายจึงให้ทาน
58
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
บางคนก็ให้ทานด้วยคิดว่า เขาให้เราแล้วเราต้อง ให้ตอบเพราะไม่อยากเอาเปรียบ บางคนให้เพราะนึก ชอบพอกันจึงให้ บางคนก็ให้เพราะความโกรธ ให้ประชด ถือสาไม่ให้อภัย บางคนก็ให้เพราะหวังจะรักษาชือ่ เสียง วงศ์ตระกูล มีจิตอยากได้ความยกย่องสรรเสริญ บางคนก็ให้ทานเพราะความกลัว ให้ด้วยความ จำ�ใจ บางคนให้ดว้ ยความยึดติดจำ�เพาะเจาะจง เลือก ที่รักที่ชอบเท่านั้น บางคนก็ให้ทานแต่ไม่คิดว่าการ ให้ทานเป็นของดี แต่ให้เพราะคิดว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย เคยทำ�มา เราก็ควรทำ�ตาม บางคนก็ให้ทานเพราะความงมงาย ทำ�ตามที่ เขาบอก เช่น ให้เงิน ให้เครื่องอำ�นวยความสะดวก ให้ของเสพติดแก่พระโดยไม่รู้ว่าเป็นการกระทำ�ที่ผิด วินัยอันจะทำ�ให้เสื่อมเสียพระศาสนา เหมือนยื่นมีด ให้โจร
59
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การทำ�ทานด้วยเจตนาเหล่านี้เป็นการให้ทานที่ ไม่ใช้ปญั ญา เป็นการให้ทานทีไ่ ม่ถกู ต้อง ประกอบไปด้วย ความโลภ ความโกรธ และความหลงทัง้ สิน้ ทานเหล่านี้ ไม่มีอานิสงส์มาก” แล้วเจตนาทีใ่ ห้ทานแล้วได้อานิสงส์มาก เป็นอย่างไร? พระพุทธองค์ตรัสไว้ในพระสูตรเดียวกันว่า “บางคนให้ทานโดยไม่หวังผลแห่งทาน จิตไม่ ผูกพันในผลแห่งการให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมผล การ ให้ทานเป็นการสร้างสมทานบารมี ปัญญาบารมี และ เมตตาบารมี บางคนก็ให้ทานด้วยคิดว่าเราทำ�มาหากิน มาได้ แต่สมณะเหล่านี้ไม่ได้ท�ำ มาหากินแล้วจะไม่ให้ ทานแก่สมณะผูไ้ ม่ตอ้ งทำ�มาหากินแล้วไม่ควร เป็นการ สร้างสมทานบารมี ปัญญาบารมีและเมตตาบารมี
60
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
บางคนให้ทานโดยไม่คิดว่า เมื่อตายไปแล้วจะ ได้รับผลของทานนี้ แต่คิดว่าการให้ทานนี้เป็นการดี เป็นการสร้างสมทานบารมี ปัญญาบารมี และเมตตา บารมี บางคนก็ให้ทานด้วยจิตเมตตา สงสารปรารถนา จะเกื้อกูลโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นการสร้างสม ทานบารมี ศีลบารมี ปัญญาบารมี และเมตตาบารมี และบางคนก็ให้ทานเพื่อการขัดเกลากิเลส ความ ตระหนี่ หวงแหน เป็นการชำ�ระจิตใจให้บริสทุ ธิผ์ อ่ งใส เป็นการสร้างสมทานบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี เมตตาบารมีนี้เป็นการให้ทานที่ให้ ‘ปัญญาประกอบ’ เป็นการให้ด้วยจิตบริสุทธิ์ ไม่ประกอบด้วยความหลง ความโลภ ความโกรธมาเจือปน จึงเป็นการให้ทานที่มี ผลมาก มีอานิสงส์มาก”
เจตนาถือเป็นเรือ่ งอันดับหนึง่ และข้อ ต่อมาก็คือเรื่องของวัตถุทานที่จะนำ�มาทำ� เป็นปัจจัย
61
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
โดยวัตถุทจ่ี ะนำ�มาทำ�ทานนัน้ ต้องมีความบริสทุ ธิ์ ในตัวของมันเอง ขอให้เป็นสิ่งของอะไรก็ได้ทเี่ ราหามา ได้ดว้ ยน้�ำ พักน้�ำ แรงของเราเอง ไม่ได้เบียดเบียนใครมา หรือไปฆ่าไปแกงสัตว์ใดมาทำ�ทานก็นับว่าวัตถุทานนั้น ถึงพร้อมแล้ว เหมาะสมแล้วที่จะใช้ทำ�ทานได้ คนทีม่ จี ติ ใจแห่งการให้ รู้จกั เอือ้ เฟื้อ มีทศั นคติ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องความรวยที่ยั่งยืน คือนอกจาก ทำ�ทานแล้วยังต้องขยันทำ�มาหากินอย่างสุจริตและ มีจิตอันเกษมเป็นพื้นฐาน ย่อมเป็นคนที่ร่ำ�รวยได้ อย่างยาวนาน
บทต้นๆ ทีย่ กมาให้พจิ ารณานี้ เพือ่ จะได้ ทราบก่ อ นถึ ง ผลวิ เ ศษแห่ ง การทำ � สมาธิ ต่อไปจะเข้มข้นบอกหมดถึงวิธีทำ�สมาธิที่ ได้ผลและเร็วจากพระอริยเจ้าบูรพาจารย์ และผูป้ ฏิบตั ธิ รรมชัน้ สูงเพือ่ ให้ตรงจริตของ ท่านเอง
หยุดกรรมด้วยสม�ธิ
จ ะ เ ริ่ ม อ ย่ า ง ไ ร
คนที่จะฝึกปฏิบัติสมาธิได้ สิ่งสำาคัญมากก็คือ ต้องเริม่ จากการ “รักษาศีล” มาก่อน คือหากยังรักษาศีล ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝึกสมาธิ ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะว่า “ศีล” เป็นพื้นฐาน เบื้องต้นของความเป็นสมาธิที่ดี เป็นความบริสุทธิ์ เบื้ อ งต้ นในทางความประพฤติ แ ละมี ค วามเชื่ อ มั่ น ในความบริสุทธิ์ของตนเอง จิตใจจึงจะไม่ฟุ้งซ่าน
63
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
โดยธรรมชาติในขณะที่กำ�ลังฝึกเข้าสมาธิแล้ว เราไม่เคยรักษาศีลเลย แม้เพียงมีแมลงหรือยุงมาเกาะ ที่แขนเราก็จะรับรู้ความรู้สึกและตียุงหรือแมลงให้ตาย ทันที โทษฐานที่มารบกวนการทำ�สมาธิของเรา อย่าง นี้แม้จิตจะนิ่งไปได้สักพักแต่เมื่อมีอะไรมากวนเพียง เล็กน้อยจิตก็จะส่ายไปให้คิดถึงเรื่องอื่นๆ ได้ง่าย คนที่ไม่รักษาศีลให้ครบ เช่น คนที่ติดเหล้าจู่ๆ จะมาฝึกสร้างสมาธิเลยก็เป็นไปได้ยาก ก็เพราะจิตใจ หลงเพลินติดไปกับการร่ำ�สุรา ความครื้นเครงที่จะได้ สังสรรค์กับคนอื่นๆ อยู่เสมอ เพราะจิตมันหลงยึดติด ไปกับสิ่งล่อใจอย่างสุราเป็นประจำ�เสียแล้ว การจะฝึก สมาธิใดๆ ให้ได้ผลจึงจำ�เป็นทีจ่ ะต้องรักษาศีลให้ดเี สีย ก่อน ครองศีลให้ดีเป็นพื้นฐาน
64
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
วิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะสมาทานรักษาศีลคือ ใน ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนแล้วเราก็ดื่มน้ำ�สะอาดอุ่นๆ สัก หนึ่งแก้ว แล้วรวบรวมสติให้ตั้งมั่นและจิตนิ่งโดยที่ ควบคุมไม่ให้ง่วงหรือเผลอสติคิดไปที่อื่นให้ได้ก่อน หลังจากนั้นให้ตั้งใจสมาทานรักษาศีล โดยจะ กระทำ�บนทีน่ อนเลยหรือจะไปกระทำ�ทีห่ น้าพระพุทธรูป บูชาทีบ่ า้ น หรือหากแขวนพระแขวนเหรียญไว้ทคี่ อก็ก�ำ พระกำ�เหรียญนัน้ ขึน้ มาประนมมือ พร้อมตัง้ ใจอธิษฐาน ว่า ปาณาติปาตา เวระมะณี วันนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ฆ่าสัตว์ อะทินนาทานา เวระมะณี วันนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ลักทรัพย์ กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี วันนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติล่วงประเวณีกับผู้ใด ที่ไม่ใช่คู่ครองของข้าพเจ้า
65
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
มุสาวาทา เวระมะณี วันนี้ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเท็จ สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี วันนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรายาเมาทุกชนิด เมื่อทำ�เช่นนี้เสร็จแล้วก็เป็นการให้ปฏิญญาว่า จะรักษาศีลแล้ว ต่อไปก็พยายามตั้งใจรักษาปฏิญญา นัน้ ให้ดี ต้องนึกอยูเ่ สมอว่าตัวเองได้สมาทานศีลมาแล้ว ต้องถือรักษาศีลนั้นไว้ให้ดีทั้งวันให้ได้ จากนัน้ เมือ่ เวลาผ่านไปจนก่อนจะเข้านอนให้ฝกึ ทบทวนการกระทำ�ทีผ่ า่ นมา ๑ วันนี้ นัง่ นึกย้อนทบทวน เหตุการณ์ตั้งแต่เราเปิดประตูก้าวเท้าออกจากบ้าน จนกระทั่งกลับมาสวมชุดนอนนี้ว่า วันนี้เราได้เผลอทำ� ผิดศีลข้อใดไปแล้วบ้าง
66
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมื่อคิดทบทวนได้แล้วก็ให้จับข้อศีลที่เราได้ทำ� ขาดหรือด่างพร้อยไปนั้น แล้วทำ�การให้ปฏิญญาใหม่ อี ก ครั้ ง ว่ า “วั น พรุ่ ง นี้ จ ะไม่ ทำ � ผิ ด ศี ล แบบเดิ ม อี ก ” พยายามนึกให้ออก ทบทวนให้ละเอียดจนครบ หากจำ� ได้ไม่หมดก็ให้บันทึกลงในกระดาษทีละครั้งทุกครั้ง ที่นึกออก เมื่อทบทวนได้จนครบแล้วก็จะพบรายละเอียด ในแต่ละวันว่าวันนี้เราได้ทำ �ผิดศีลอะไรไปบ้างโดย ละเอียด ซึ่งพอตั้งใจไว้แล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ทำ�ผิด เหมือนเดิมอีก จิตก็จะให้ความระมัดระวังในศีลข้อนั้น ไปเอง หลังจากนั้นก็ให้สวดมนต์ก่อนนอนไปตามปกติ เมื่อสามารถทบทวนทำ�เช่นนี้ได้ทุกวัน “จิต” ของเราก็จะพึงให้ความระมัดระวังในการกระทำ�แต่ละ วันไปโดยอัตโนมัติ
67
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมือ่ จิตมัวแต่คอยระวังว่าจะไม่ให้ผดิ ศีล อย่างนี้ ไม่ ว่ า ทำ � อะไรก็ จ ะให้ ค วามระมั ด ระวั ง มากขึ้ น และ สามารถรักษาศีลได้ดีอย่างสมบูรณ์ จิตก็จะตั้งมั่นใน เรื่องต่างๆ ทำ�ให้เกิดสมาธิได้เร็วขึ้น อุปสรรคที่ต้องพบในการทำ�สมาธิ ๑. การเกิดนิวรณ์ ๕ “นิวรณ์” แปลว่า “เครือ่ งปิดกัน้ ” และเป็นอุปสรรค โดยตรงของการทำ�สมาธิ หากจิตใจถูกนิวรณ์ครอบงำ� แล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่เราจะเข้าถึงความเป็นสมาธิหรือ เกิดสติตั้งมั่นใดๆ ได้เลย ได้แก่ ๑.๑ ความยินดีพอใจหรือเพลิดเพลินในกามคุณ อารมณ์ “กามฉันทะ” หมายความว่าตัวเราเองยังติด อยู่กับความยินดี พอใจในรูป เสียง กลิ่น รส และสิ่ง สัมผัสทางกาย
68
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เช่น มองไปทีท่ วี เี ห็นดารารูปร่างหน้าตาสวยหล่อ หรือน่ารัก เกิดความใคร่ พอใจ ชอบ และหลงไปกับรูป ทำ�ให้อยากได้มาเป็นเจ้าของ อยากเห็นตัวจริง อยาก ได้ยินเสียงด้วยการพูดคุย อยากลองสัมผัสมือ หรือ กอดเอาไว้ เป็นต้น คำ�ว่า “กามฉันทะ” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความ ต้องการเรื่องทางเพศเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการซึ่ง ความสุขและพอใจในสัมผัสทั้ง ๕ ด้วย หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็ลองเอา ภาชนะอะไรก็ได้ใส่น้ำ�สะอาดมา ซึ่งปกติถ้ามองลงไป ในภาชนะก็จะเห็นเงาใบหน้าตัวเอง เสร็จแล้วก็ลองเอา สีน�้ำ แบบต่างๆ หลายๆ สี ผสมปนกันไว้ ต่อให้คนเรา ตาดีแค่ไหนเวลามองดูเงาหน้าของตนในภาชนะน้ำ�นั้น ก็จะมองไม่ออกว่าสิง่ ทีส่ ะท้อนขึน้ มาเป็นใบหน้าของเรา จริงเพราะถูกสีผสมเจืออยู่จนมองไม่เห็นอะไรอีก
69
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๑.๒ ความโกรธ ความไม่พอใจ ขัดเคืองใจ หรือ “พยาบาท” เวลาทีค่ นเรามีจติ หงุดหงิดเคียดแค้น โกรธเคือง หรือพยาบาทใดๆ ก็ตามจะทำ�ให้จติ เดือดขึน้ มา เปรียบ ง่ายๆ ก็เหมือนเราเอาภาชนะใส่น�้ำ มองดูลงไปเห็นหน้า ตัวเอง แต่หากมีพยาบาทมาผสมอยู่ ก็เหมือนเอาน้�ำ นัน้ ไปต้มให้เดือด แทนที่จะได้เห็นเงาในน้ำ�ใสๆ เย็นๆ ก็ กลับมองไม่เห็นอะไร ซ้�ำ ร้ายยังจะถูกไอน้�ำ ร้อนทีพ่ วยพุง่ ขึ้นมากระทบใบหน้าให้ร้อนแสบยิ่งขึ้นไปอีก ย่อมไม่ สามารถมองเห็นอะไรในน้ำ�เดือดนั้นได้เลย ๑.๓ ความหดหู่ท้อถอยและความง่วงเหงา หาวนอน หรือ “ถีนะมิทธะ” ความหดหู่และง่วงเหงา หาวนอนนั้นมีอาการแสดงออกที่คล้ายกันมาก คือ ทำ�ให้เกิดอาการเซื่องซึมเหมือนกัน แต่มสี าเหตุทตี่ า่ งกันคือ ถีนะเป็นกิเลสชนิดหนึง่ เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ทำ�ให้เกิดความย่อท้อ เบื่อหน่าย ไม่มีกำ�ลังที่จะทำ�ความเพียรต่อไป
70
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ส่วนมิทธะนั้นเกิดจากความเมื่อยล้าอ่อนเพลีย ของร่างกายหรือจิตใจจริงๆ เนือ่ งจากตรากตรำ�มามาก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอหรือไม่ก็เกิดจากการ รับประทานอาหารทีม่ ากเกินไป มิทธะนีไ้ ม่จดั เป็นกิเลส (พระอรหันต์นนั้ จะไม่มถี นี ะอยูใ่ นตนแล้ว แต่ยงั มีมทิ ธะ ได้เป็นบางครั้ง) หากเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น ให้ลองตักน้ำ� ใส่ภาชนะเหมือนเดิมนำ�ไปตากแดดไว้ก็จะเกิดเป็น ตะไคร่น้ำ� สาหร่าย หรือจอกแหนมาปกคลุมน้ำ�ที่ใสๆ นั่นเอาไว้ กลายเป็นน้ำ�ที่มีสีเขียวขุ่น หากเป็นในบ่อน้�ำ ใสๆ ใหญ่ๆ ก็จะมองเป็นเหมือน สนามหญ้า มองไม่เห็นอะไรทีอ่ ยูใ่ ต้น�้ำ เลย เจ้าถีนะและ มิทธะนี่ก็เปรียบเสมือนสาหร่ายจอกแหนที่กั้นไม่ให้เรา มองเห็นความใสของน้ำ�สะอาดได้
71
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๑.๔ ความฟุง้ ซ่านของจิตและความรำ�คาญใจ หรือ “อุทธัจจกุกกุจจะ” ข้อนีส้ ามารถแยก “อุทธัจจะ” คือการที่จิตไม่สามารถยึดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็น เวลานาน ทำ�ให้เกิดอาการฟุง้ ซ่านเลือ่ นลอยไปเรือ่ งนัน้ ทีเรื่องนี้ทีอยู่ตลอดเวลา ส่วน “กุกกุจจะ” นัน้ เกิดจากความกังวลใจหรือ ไม่สบายใจถึงอกุศลความชั่วที่ได้ทำ�ไปแล้วในอดีต ว่า ไม่น่าทำ�ไปอย่างนั้นเลย หรือบุญกุศลต่างๆ ที่ควรทำ� แต่ยังไม่ได้ทำ�ว่าน่าจะได้ทำ�อย่างนั้นอย่างนี้ ๑.๕ ความลังเลสงสัย หรือ “วิจกิ จิ ฉา” สิง่ นีค้ อื ไม่แน่ใจ ไม่ปักใจเชื่อว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดหรือควรทำ� แบบไหนดี จิตจึงไม่อาจมุง่ มัน่ ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึง่ ได้อย่างเต็มที่ สมาธิจึงไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะมัวแต่ ลังเลสงสัย ไม่ได้ลงมือกระทำ�เสียที
72
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เปรียบเทียบให้ง่ายขึ้นคือเอาภาชนะมาตักน้ำ� แต่น�้ำ ทีต่ กั คราวนีไ้ ม่ใช่น�้ำ สะอาด เป็นน้�ำ ขุน่ ๆ เจือด้วย สิง่ สกปรก เจือด้วยโคลนแถมยังต้องเอาภาชนะทีม่ นี �้ำ ขุน่ ไปวางไว้ในที่มืดๆ อีกต่างหาก ต่อให้เราตาดีแค่ไหน เราก็ไม่มีวันมองเห็นใบหน้าตัวเองที่จะสะท้อนขึ้นมา จากน้ำ�ขุ่นที่วางอยู่ในที่มืดนี้ได้ นิวรณ์ทงั้ ๕ ประการนีม้ เี ฉพาะอุทธัจจะเท่านัน้ ที่เกิดขึ้นตัวเดียวได้ ส่วนนิวรณ์ตัวอื่นๆ เมื่อเกิดแล้ว จะเกิดขึ้นร่วมกับอุทธัจจะเสมอ นิวรณ์จึงเป็นอุปสรรค อันดับแรกของคนที่ต้องการฝึกสมาธิให้ได้ผล หาก ต้องการเจริญก้าวหน้าและประสบความสำ�เร็จในการ ทำ�สมาธิก็ต้องเอาชนะนิวรณ์ให้ได้ก่อน ๒. การเกิดนิมิต นิมิตที่เป็นอุปสรรคในการทำ�สมาธินั้นหมายถึง “ภาพทีเ่ ห็นในใจ” ซึง่ มีความหมายค่อนข้างกว้าง กล่าว ได้ว่าเป็นภาวะจิตใจที่ยังไม่มีความตื่นตัวเต็มที่
73
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
คนที่อยู่ในสภาวะจิตที่มีนิมิตนี้อาจจะเห็นภาพ ในใจที่เกิดจากอาการจิตปรุงแต่ง หรือภาพที่เกิดจาก สิ่งเก่าๆ ที่จิตเคยกำ�หนดไว้ หรือเรื่องราวที่จ�ำ เอาไว้ ในอดีต (เรียกว่า สัญญา) คนทีม่ นี มิ ติ มาขวางกัน้ ในการทำ�สมาธิกค็ อื คนที่ อยู่ในภาวะที่นอนหลับไม่สนิทจะมีนิมิตปรากฏออกมา เรียกว่า “ภาพในฝัน” หรือ “สุบินนิมิต” จะตื่นอยู่ ก็ยังไม่ใช่ จะหลับหรือก็ยังไม่เชิง การที่เราเห็นนิมิตนั้น ภาพนิมิตอาจเป็นภาพที่ ถูกปรุงแต่งขึ้นมาอีกที ทำ�ให้จิตใจเริ่มจะเขวออกจาก สมาธิ ภาพเหล่านี้อาจเห็นเป็นภาพที่มีความสวยงาม เห็นเป็นแสงสีอะไรต่างๆ ที่ทำ�ให้เราถูกใจ เกิดความ พอใจ หรืออาจเป็นภาพของสถานที่ที่ไม่เคยเห็น ภาพ ของบุคคลที่เราชื่นชอบหรือบูชา ทำ�ให้จิตติดเพลินอยู่ กับสิ่งนั้น
74
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าภาพที่เห็นเหล่านั้นไม่ได้ เป็นภาพทีส่ วยงาม กลับกลายเป็นของน่าเกลียดน่ากลัว เพราะว่าตนเองเคยมีความทรงจำ�อะไรบางอย่างหรือ ผูกพันกับอะไรสักอย่างทีจ่ ติ ของเราไปปรุงแต่งขึน้ เช่น เห็นเป็นภาพฝัน เห็นว่างูจะมากัดมารัด เห็นเป็นภาพ ผีสางที่น่ากลัวแล้วก็ทำ�ให้ตกใจ คิดว่าสิ่งนั้นจะกลาย เป็นความจริง นัน่ ก็ถอื เป็นภาพนิมติ ร้ายทีเ่ ป็นปัญหาในการฝึก สมาธิเช่นเดียวกัน ไม่ควรถือเป็นจริงเป็นจัง แต่ให้รับ รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่จิตปรุงแต่งขึ้น และเป็นเพียง อุปสรรคหนึง่ ทีม่ าขวางกัน้ การทำ�สมาธิให้เกิดผลเท่านัน้ เมื่อระลึกได้แล้วก็จะทำ�ให้หันกลับมากำ�หนดจิตที่เป็น สมาธิหรือกรรมฐานแท้ๆ ต่อไป
75
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๓. การหลงในฤทธิ์ของสมาธิ โดยปกติ แ ล้ ว ถ้ า เราฝึ ก สมาธิ ต ามหลั ก ของ กรรมฐานที่ ถู ก ต้ อ งย่ อ มส่ ง ประโยชน์ แ ก่ ตั ว เราเอง และผู้อื่น แต่ก็ยังมีตัวอย่างของผู้ที่ฝึกสมาธิแล้วนำ�ไป ใช้ผิดที่ผิดทางได้ เพราะความหลงในสมาธิ จิตยังมี ความโลภ มีความถือดีและกิเลสต่างๆ อีกมากมาย ในการฝึกสมาธินั้น แม้จะฟันฝ่าอุปสรรคที่มา ขั ด ขวางการเกิ ด สมาธิ อ ย่ า งนิ ว รณ์ ๕ หรื อ นิ มิ ต ทั้งหลายแล้ว แม้จิตที่เป็นสมาธิและสำ�เร็จได้เป็น ฌานก็ยังเป็นปัญหาหากนำ�ไปใช้ไม่ถูกวิธี นอกจากจะ ทำ �ให้ ตั ว เองเสื่ อ มเสี ย แล้ ว ยั ง ทำ �ให้ ผู้ อื่ น เกิ ด ความ ไขว้เขวในความคิด หากเป็นปุถุชนในยุคปัจจุบันก็จะเห็นได้ถึงการ นำ � ผลของสมาธิ ม าใช้ ใ นทางที่ ผิ ดในรู ป แบบต่ า งๆ เช่น พวกที่เล่นคุณไสยมนตร์ดำ� หรือพวกที่อ้างว่าตน เป็นร่างทรงเทพ
76
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
คนเหล่านีอ้ าจมีการฝึกสมาธิเพือ่ ให้จติ แข็งกล้า ก็จริง แต่นำ�มาใช้ในทางที่ผิดเพื่อการก่อบาปกรรมให้ คนอื่น ทั้งหลอกลวง ทำ�ร้ายร่างกาย และก่อความ เดือดร้อนให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ สุดท้ายก็มักจะประสบ เคราะห์กรรมหายนะไปตามกฎแห่งกรรม อย่างไรก็ตามสำ�หรับคนที่ยังไม่เป็นหรือไม่เคย หัดทำ�สมาธิมาก่อนนั้นขอให้เข้าใจในพื้นฐานของการ ทำ�สมาธิก่อนว่า มีทั้งแบบที่เป็น “แบบแผน” และ แบบที่ “ไม่มีแบบแผน” ผู้ที่จะฝึกสมาธิใหม่ๆ นั้นครูบาอาจารย์ท่านให้ เริ่มฝึกไปตามแบบแผนก่อนจนเกิดความชำ�นาญแล้วก็ จะสามารถทำ�สมาธิโดยไร้รูปแบบได้ เพราะจิตที่ได้รับ การฝึกฝนมาแล้วไม่วา่ จะนัง่ จะนอน จะยืน หรืออะไร ก็ตามก็จะสามารถทำ�ได้ทั้งสิ้น
77
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ปัจจัยสำ�คัญในการเริ่มฝึกสมาธิให้สำ�เร็จ คนทีจ่ ะฝึกสมาธิควรต้องเตรียมพร้อมใน ๒ สิง่ ก่อนคือ ๑. สถานที่พร้อม อันว่าการค้าขายยังต้องการทำ�เลทีด่ จี งึ จะมีสว่ น ช่วยให้ประสบความร่ำ�รวย การรบก็ต้องการชัยภูมิที่ ได้เปรียบจึงจะส่งผลให้ประสบชัยชนะ การทำ�สมาธิก็ เหมือนกัน ไม่ว่าจะมีหรือไร้รูปแบบ เราก็ควรต้องหา สถานที่ที่เหมาะสมกับการจะสร้างสมาธิให้เกิดขึ้นได้ หากสภาพแวดล้อมในทีท่ เี่ ราอยูเ่ ต็มไปด้วยเสียง อึกทึกครึกโครมหรือมีสงิ่ ล่อตาล่อใจอยูม่ ากมาย ต่อให้ เป็นผู้ที่ฝึกสมาธิมาแข็งกล้าแค่ไหนก็มีสิทธิ์ที่สมาธิจะ หลุดไปได้ง่ายๆ หรือแม้แต่วดั ก็เช่นกัน สถานทีท่ เี่ หมาะสมสำ�หรับ การทำ�สมาธิและเจริญภาวนา หากเป็นวัดก็มีการระบุ ไว้ด้วยคำ�ว่า “สัปปายะ”
78
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หมายถึงสิง่ ทีเ่ หมาะสมกัน เป็นสิง่ ทีเ่ กือ้ กูล ช่วย สนับสนุนในการบำ�เพ็ญภาวนาให้ได้ผลดี ช่วยให้สมาธิ ตั้งมั่นไม่เสื่อมถอยได้ง่ายๆ ได้แก่ - อาวาสสัปปายะ หมายความว่ามีที่อยู่ซึ่ง เหมาะ ไม่พลุกพล่านจอแจเกินไป - โคจรสัปปายะ ทีห่ าอาหารทีเ่ ทีย่ วบิณฑบาต มีความเหมาะสมดี เช่น มีหมูบ่ า้ นหรือชุมชนทีม่ อี าหาร บริบูรณ์อยู่ไม่ใกล้หรือไม่ไกลเกินไป - ภัสสสัปปายะ มีการพูดคุยที่เหมาะสม คือ มีพระอยู่ไม่มากและไม่น้อยเกินไป สามารถพูดคุยกัน แต่ในธรรมและพูดแต่เพียงพอประมาณ - ปุคคลสัปปายะ มีบคุ คลทีถ่ กู กัน เหมาะสมกัน หมายความว่ามีผู้ทรงคุณธรรม ทรงภูมิปัญญาเป็นที่ ปรึกษาอยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วย - โภชนสัปปายะ มีอาหารทีเ่ หมาะกัน คืออาหาร ถูกกับร่างกาย เกื้อกูลต่อสุขภาพ หาฉันได้ไม่ยาก
79
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
- อุตสุ ปั ปายะ มีดนิ ฟ้า อากาศ และธรรมชาติ แวดล้อมทีเ่ หมาะสม เช่น ไม่หนาวเกินไป ไม่รอ้ นเกินไป หรือเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ง่ายๆ - อิรยิ าบถสัปปายะ มีการจัดอิรยิ าบถทีเ่ หมาะ กันกับผูท้ จี่ ะมาทำ�สมาธิ เช่น บางคนถูกจริตกับจงกรม ก็มที ใี่ ห้เดิน บางคนถูกกับนัง่ ก็มที ใี่ ห้นงั่ อย่างสงบตลอด จนมีการเคลื่อนไหวที่พอดี ถ้าเป็นปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ขอให้พึง พิจารณาตามหลักของพระท่านดูว่า สถานที่ที่เราพอ จะทำ�สมาธิได้ง่ายๆ เริ่มต้นได้ทันทีนั้นอยู่ตรงไหน บางคนก็อาจเป็นบ้านของตัวเองที่มีทำ�เล หรือสภาพที่ เหมาะสมอยูแ่ ล้ว บางคนอาจเป็นทีอ่ นื่ เช่น วัดใกล้บา้ น หรือห้องห้องหนึ่งที่เป็นสถานที่ส่วนตัว
80
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ทีส่ �ำ คัญคือสถานทีน่ นั้ ๆ ไม่วา่ จะเป็นทีไ่ หนก็ตาม ต้องไม่มีเสียงรบกวนโสตประสาท หรือไม่มีสิ่งที่จะ รบกวนเราได้ ไม่มีเสียงโทรศัพท์มือถือ ไม่มีโทรทัศน์ หรือสิ่งหันเหความสนใจไม่ว่าทางใด ๒. ร่างกายต้องพร้อม การทำ�สมาธิให้ได้ผลดีนั้นร่างกายต้องพร้อม เคยมีคำ�กล่าวถึงขนาดที่ว่า ถ้าหิวก็ต้องกินให้อิ่มก่อน หรือจะเป็นอะไรมาก็ต้องทำ�ให้ร่างกายเบาสบายก่อน จึงจะสามารถปฏิบัติสมาธิได้ ไม่ควรฝืนเอาร่างกาย ที่ไม่สมบูรณ์หรือกำ�ลังเจ็บป่วยหนักอยู่มาฝืนทำ�สมาธิ การจะฝึกสมาธิให้ได้ผลหลังจากเสร็จจากธุระ ภารกิจต่างๆ ในชีวติ ประจำ�วันแล้วจึงจะมาฝึกได้ เช่น หลังจากอาบน้�ำ แล้ว ขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มนี ดั หมาย กับใครแล้ว ไม่มีเรื่องกังวลใดๆ แล้ว จึงค่อยเริ่มฝึก
สม�ธิáบบไหน
ใ ห้ ผ ล ดี แ ล ะ ยิ่ ง ใ ห ญ่ ที่ สุ ด
การฝึกสมาธิมหี ลากหลายรูปแบบมากถึง ๔๐ วิธี ที่พระพุทธองค์กล่าวถึงเป็นกองกรรมฐาน ๔๐ กอง ซึ่ ง หนึ่ งในวิ ธี ป ฏิ บั ติ ที่ ใ ห้ ผ ลยิ่ งใหญ่ ที่ สุ ด ก็ คื อ หลั ก ของ “อานาปานัสสติ” ถือว่ามีความสำาคัญมากเป็น อันดับหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่า
82
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๑. เป็นวิธีที่เจริญสมาธิที่สะดวกที่สุด การเจริญสมาธิแบบนี้จะใช้ลมหายใจ ซึ่งเป็น ปกติวิสัยของคนที่เราทุกคนต้องหายใจเข้าออกอยู่แล้ว ใช้ได้กับทุกเวลาทุกสถานที่ที่เราต้องการ ไม่ต้องมี เครือ่ งมืออะไรหรือสิง่ ของใดๆ มาช่วยกำ�หนด ในเวลา เดียวกันก็เป็นอารมณ์ที่เป็นรูปธรรมที่กำ�หนดได้อย่าง ชัดเจน ไม่ตอ้ งนึกเอาและไม่มคี วามละเอียดลึกซึง้ มาก เพียงแค่เอาสติของเราเองไปกำ�หนดลมหายใจ ไม่ตอ้ ง คิดมาก ผู้ที่ใช้สมองเหนื่อยล้ามาแล้วทั้งวัน ไม่ว่าจาก การทำ�งาน หรือเครียดอยู่ที่บ้าน พอเริ่มลงมือปฏิบัติ ก็ได้ประโยชน์ทนั ทีตงั้ แต่ตน้ ทัง้ ยังไม่ตอ้ งรอจนเกิดเป็น ผลสมาธิทชี่ ดั เจน เมือ่ ทำ�แล้วกายและใจจะได้พกั ทันที จิตสงบซาบซึ้งลงไปเรื่อยๆ
83
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๒. เป็นวิธีที่ไม่กระทบกระเทือนต่อสุขภาพ อานาปานั ส สติ เ ป็ น การกำ � หนดสมาธิ ด้ ว ย การหายใจ ทำ�ให้กายไม่ลำ�บาก ไม่วา่ ส่วนไหนๆ ของ ร่างกายก็ยังสามารถดำ�รงอยู่ได้อย่างเป็นปกติ ต่อให้ เป็นผู้พิการหมดทั้งตัว แต่ถ้ายังมีสติและหายใจได้ก็ ทำ�ได้ ไม่เหมือนกรรมฐานบางอย่างทีต่ อ้ งอาศัยการยืน การเพ่งจ้อง วิธีนี้จึงถือเป็นการช่วยให้ร่างกายได้รับ การพักผ่อนไปโดยธรรมชาติ การที่ลมหายใจได้รับการปรับและฝึกให้เดิน เรียบอยู่เสมอนี้ โดยธรรมชาติทางวิทยาศาสตร์การ แพทย์กน็ บั ว่าเป็นประโยชน์ตอ่ ร่างกายอย่างมากอยูแ่ ล้ว เรียกได้ว่าเป็นวิถีทางที่ชาญฉลาดต่อสุขภาพมาก
84
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๓. อานาปานัสสติเป็น “กรรมฐานเย็น” กรรมฐานบางชนิดที่เรียกว่าการเพ่งกสิน หรือ อสุภกรรมฐาน เป็นกระบวนการทำ�สมาธิทตี่ อ้ งเพ่งจ้อง ไปยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำ�ให้คนปฏิบัติเกิดความร้อนหรือ เกิดกิเลสในจิตใจได้ ยกตัวอย่างเช่น การเพ่งมองดูศพ ของสตรีที่ตายใหม่ๆ ศพยังไม่มีการเน่าเปื่อย สภาพ จึงเหมือนคนนอนหลับ แต่ศพอยูใ่ นสภาพเปลือยเพราะ เขาถอดเอาเสื้อผ้าของศพออกไปแล้ว หากเป็นผู้ที่ฝึก ใหม่หรือแม้แต่พระที่บวชใหม่ก็ตาม ก็จะเห็นสภาพ เหมือนสตรีที่นอนหลับและเปลือยกายอยู่ การเพ่งกรรมฐานนี้ทำ�ให้ผู้ปฏิบัติอาจเกิดกิเลส ราคะและทำ�ให้สติกระเจิงไปอยูก่ บั ซากศพนัน้ แทน แต่ การทำ�สมาธิด้วยการกำ�หนดลมหายใจนั้น ลมหายใจ ของเราถือเป็นของปกติที่อยู่กับเราทุกเวลา ไม่ต้องใช้ อะไรช่วย จิตใจไม่เกิดความเร่าร้อนฟุง้ ซ่าน จึงเรียกได้ ว่าเป็นวิธีปฏิบัติกรรมฐานเย็นนั่นเอง
85
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๔. ไม่ท�ำ ให้ผปู้ ฏิบตั เิ กิดความไขว้เขวทางความ คิด การปฏิ บั ติ ห รื อ ความเชื่ อ บางอย่ า งที่ บ างที คิดว่าเป็นสิง่ ทีถ่ กู แต่บางครัง้ ก็กลายเป็นความไขว้เขว ทางความคิดได้ อย่างเช่นคำ�สอนของลัทธินอกศาสนา บางลัทธิ สอนเรือ่ งความตายเป็นการสิน้ สุด ตายไปแล้ว ก็หายไปเลย หรือว่าตายแล้วจะได้ไปยังภพใหม่ทดี่ กี ว่า ทำ�ให้คนทีห่ ลงเชือ่ พากันไปฆ่าตัวตายก็มปี รากฏในข่าว ให้เห็นมากมาย
ก�รเจริญÍ�น�ป�นÑสสµิ
ด้ ว ย วิ ธี ข อ ง ค รู บ า อ า จ า ร ย์
• แนวทางหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่มั่นท่านได้เมตตาให้ความหมายและ วิธีการเจริญสมาธิภาวนาไว้ว่า เป็นวิธีการ “สังเกต ตนเอง” โดยการสังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิกไม่อยู่เป็น ปกติสุข ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของ จิต โดยมี “ธรรมบท” ใดธรรมบทหนึง่ เป็นคำาบริกรรม เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุข
87
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ขณะทีภ่ าวนาหลักทีใ่ ห้ผลดีคอื “อานาปานัสสติ” คือการกำ�หนดลมหายใจเข้าออก ด้วยคำ�ภาวนาว่า “พุท-โธ” พยายามบังคับใจให้อยูก่ บั อารมณ์แห่งธรรมบท อยูเ่ สมอ ด้วยความไม่ลดละพากเพียร จิตทีเ่ คยทำ�บาป ก็จะได้รสู้ กึ ตัวและปล่อยวางไปเป็นลำ�ดับ มีความสนใจ หนักแน่นในหน้าที่ของตนเองเป็นประจำ� จิตที่สงบตัว ลงจะเป็นจิตที่มีความสุขและเย็นใจมากและจำ�ไม่ลืม ท่านอาจารย์แนะนำ�ให้ผู้ฝึกพึงนั่งขัดสมาธิคือ นั่งตามแบบพระพุทธรูป โดยวางขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้ายไว้บนตัก ตัง้ ร่างกายให้ตรงธรรมดา อย่าให้กม้ นัก เงยนัก อย่าให้เอนเอียงซ้ายหรือขวาจนผิดธรรมดา ไม่กดหรือ เกร็งอวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ อันเป็นการบังคับร่างกายให้ ลำ�บาก ปล่อยวางอวัยวะทุกส่วนไว้ตามปกติธรรมดา
88
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
พอเริ่มต้นทางจิตภาวนาแล้วไม่ควรกังวลกับ ทางกายต่อไปอีกเวลาภาวนา ไม่ตอ้ งไปสนใจหรือเกรง ว่าท่านัง่ นัน้ จะเคลือ่ นจากเดิม ไม่วา่ จะเป็นการก้มเกินไป หรือเงยเกินไป เอียงซ้ายหรือเอียงขวามากเกินไป ซึ่งเป็นอาการกังวลกับอาการทางกายมากกว่าทางจิต ตั้งหน้าทำ�งานทางจิตต่อไปจนถึงวาระสุดท้าย การเริม่ ต้นทางจิตภาวนานัน้ พึงตัง้ ความรูส้ กึ คือ ขอให้จติ ลงเฉพาะหน้าที่ เรียกว่า “ปัจจุบนั ธรรม” อันเป็น ทางรู้ความเคลื่อนไหวของจิตของธรรมารมณ์ต่างๆ ในเวลานั้นได้ดีมากกว่าเวลาอื่นๆ มีสติระลึกรู้อยู่กับใจ อันเป็นการเตือนตนให้รู้ ว่าจะเริม่ ทำ�งานในเวลานัน้ ต้องระวังไม่ให้จติ ส่งออกไป สู่อารมณ์ต่างๆ ทั้งอดีตและอนาคต ทั้งดีและชั่วที่ นอกจากงานบริกรรมภาวนาซึ่งกำ�ลังทำ�อยู่ในเวลานั้น
89
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
“วิธกี ารตัง้ จิตเฉพาะหน้า” หมายความว่าจิตนัน้ เป็นผูร้ โู้ ดยธรรมชาติเท่านัน้ ไม่มคี วามแยบคายในตัวเอง เป็นเพียงความรูค้ ดิ รูน้ กึ รูเ้ ย็นร้อนจากประสาทสัมผัส ต่างๆ จิตไม่รู้จักความผิดถูกชั่วดีได้ด้วยตัวเองลำ�พัง ต้องอาศัย “สติ” และ “ปัญญา” เป็นตัวรู้และวินิจฉัย สติปญั ญาจึงมีอ�ำ นาจเหนือจิต แล้วต่อด้วยการภาวนา ด้วยการบริกรรม การนึกคำ�บริกรรมภาวนานั้นจะนึกให้ตรงกับ ธรรมบทใดบทหนึง่ ตามนิสยั ก็ได้ เช่น พุทโธ ธัมโม สังโฆ สามจบแล้วกำ�หนดเอาเพียงบทเดียว ทำ�ติดต่อกันไป ด้วยความมีสติ แต่ไม่ว่าจะเลือกเอาบทไหนมาบริกรรมก็ตาม นอกจากสามบทนีแ้ ล้ว ก่อนจะทำ�ขอให้ร�ำ ลึกถึงธรรมบท สามบทคือ “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” เสียสามครัง้ อันเป็นทีต่ งั้ ของพระรัตนตรัยเสียก่อน จากนั้นค่อยบริกรรมบทที่ ตนเองถนัดหรือต้องการต่อไป โดยจะใช้หลักของอานาปานัสสติหรือหลักบริกรรมใดๆ ก็ได้
90
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การที่หลวงปู่มั่นให้มีคำ�บริกรรมภาวนาเป็นบท กำ�กับใจในเวลานัน้ ๆ หรือในเวลาอืน่ ก็เพือ่ เป็นอารมณ์ เครื่องยึดของใจให้เกิดความสงบ เพราะใจเป็นของ ละเอียดตามธรรมชาติและไม่สามารถพึ่งพาตัวเอง ได้เพราะจิตยังไม่แข็งแรงและเป็นตัวของตัวเองโดย สมบูรณ์ การบริกรรมภาวนาในบทใดก็ตามขออย่าได้ “คาดหมายผลทีจ่ ะบังเกิดขึน้ ” ในเวลานัน้ เช่น ความสงบ จะเกิดขึ้นในลักษณะของนิมิตต่างๆ หรืออาจจะเห็น นรกสวรรค์ขุมใดหรือสวรรค์ชั้นใด ทั้งหมดเป็นการ คาดคะเนหรือเดา ซึ่งนิมิตเหล่านั้นจะทำ�ให้จิตใจ ไม่สงบไปเสียเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร และอาจทำ� ให้เกิดความท้อถอยหรือหวาดกลัวไปต่างๆ ทำ�ให้ผิด จากจุดมุ่งหมายของการภาวนาให้เกิดสมาธิ ข้อสังเกตและข้อพึงระวังในขณะที่ภาวนา คนส่วนใหญ่โดยมากแล้วมักจะคิดและพูดกัน เสมอว่าภาวนาเพื่อไปดูนรก สวรรค์ ดูกรรมดูเวรของ ตนเอง
91
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ข้อนี้ขอให้สังเกตขณะที่ภาวนาว่า จิตได้มีส่วน เกีย่ วข้องหรือผูกพันกับเรือ่ งดังกล่าวหรือไม่ ถ้ามีกต็ อ้ ง ระวังอย่าให้เกิดขึ้นได้ เพื่อความสงบเย็นและเห็นผล เป็นความสุขทางใจทีแ่ ท้ ไม่เช่นนัน้ หากเกิดนิมติ ต่างๆ ไปอยู่บ่อยๆ แล้วอาจทำ�ให้เห็นไปในทางที่ผิด เพราะทำ�ให้ผู้ที่ปฏิบัติอยู่นั้นเกิดความเชื่ออย่าง ผิดๆ ว่านัน่ เป็นผลทีแ่ ท้จริง ก็จะทำ�ให้เกิดความมัน่ ใจ อย่างหนักแน่นว่าสิง่ ทีเ่ ห็นนัน้ เป็นของจริงและอาจชักนำ� ให้ผู้อื่นคิดและปฏิบัติตามนั้นไปด้วย ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ แก้ไขได้ยากภายหลัง ซึง่ การเห็นนิมติ ท่านหมายความ ว่า การที่เราเห็นนิมิตนั้นเป็นอาการที่เราเห็นจริง แต่ สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่เป็นความจริง วิธีการเดินจงกรมภาวนา การเดินจงกรมเป็นการทำ�สมาธิอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ การเดินเป็นการกำ�หนดสติ ก่อนจะเดินจงกรมให้เกิด สมาธินั้น ต้องพึงกำ�หนดหนทางที่ตัวเองจะเดินว่าสั้น
92
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หรือยาวแค่ไหน กำ�หนดว่าเราจะเดินจากทีน่ ไี่ ปถึงทีน่ นั้ หรือเตรียมเส้นทางการเดินไว้ก่อนให้เรียบร้อยตาม ความต้องการ ผู้ที่จะเดินต้องไปยืนที่ต้นทางการเดินที่กำ�หนด ไว้ ยกมือทัง้ สองขึน้ มาประนมไว้เหนือหว่างคิว้ ระลึกถึง คุณพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ที่ตนเองถือเป็นสรณะเป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจ และ รำ�ลึกถึงคุณของพ่อแม่ ครูอาจารย์ อุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนผูท้ เี่ คยมีบญุ คุณแก่ตน จบแล้วให้ระลึกถึงความ มุ่งหมายที่เรากำ�ลังจะทำ�ด้วยความตั้งใจเพื่อให้เกิด ผลสัมฤทธิ์ จากนัน้ ปล่อยมือลงเอามือขวาทับมือซ้าย ทบกัน ไว้ที่บริเวณใต้สะดือตามแบบพุทธรำ�พึง เจริญพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทติ า อุเบกขา แก่สตั ว์ทงั้ หลาย จบแล้วก็ให้ทอดสายตาลงต่ำ� อยู่ในท่าสำ�รวม ตั้งสติ กำ�หนดจิตและธรรมที่เคยนำ�มาบริกรรมกำ�กับใจหรือ พิจารณาธรรมทั้งหลายที่เคยบริกรรมในอิริยาบถอื่นๆ
93
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เสร็จแล้วออกเดินจากต้นทางสูป่ ลายทางจงกรม ที่ได้กำ�หนดไว้ เดินกลับไปกลับมาในท่าสำ�รวม มีสติ อยู่เสมอในการระลึกบทธรรม ไม่ส่งจิตไปที่อื่น การเดินต้องระวังไม่ให้แขนแกว่งไกว ไม่เอามือ ไปขัดหลัง ไม่เอามือกอดอก ไม่เดินมองไปทางโน้น ทางนี้อันถือว่าเป็นกิริยาที่ไม่สำ�รวม การหยุดเดินสามารถทำ�ได้โดยไม่ต้องกำ�หนด ว่าเป็นที่ต้นทางการเดิน หรือกลางทางจงกรมก็ได้ เพื่อเป็นการพักพิจารณาธรรม เมื่อเข้าใจแล้วก็ให้ก้าวเดินต่อไป แต่อย่างไร ก็ตามต้องให้สติอยู่กับตัวตลอด ต้องสนใจสติให้มาก เท่ากับที่สนใจต่อธรรมที่น�ำ มาบริกรรมขณะเดิน หาก ขาดสติเพียงนิดแม้คำ �บริกรรมภาวนาจะยังดำ �เนิน ติดต่อกันไปเพราะความเคยชิน แต่ผลแห่งความสงบ และสมาธิที่แท้ก็จะไม่เกิดขึ้น
94
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
• แนวทางพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ ดูลย์ อตุโล) วิธีเจริญจิตภาวนาตามแบบของหลวงปู่ดูลย์ ท่านกล่าวสอนไว้ว่า ๑. “เริ่มต้นด้วยอิริยาบถที่สบาย” การเริม่ ทำ�สมาธิเจริญภาวนา ท่านว่าจะยืน เดิน นัง่ หรือนอนก็ได้ตามความสะดวก ทำ�ความรูต้ วั เต็มที่ และรู้อยู่กับที่โดยไม่ต้องรับรู้อะไรอื่น หมายความว่ารูต้ วั เองไว้อย่างเดียว ให้รกั ษาจิต เช่นนี้เอาไว้เรื่อยๆ ให้ “รู้อยู่เฉยๆ” ไม่ต้องไปจำ�แนก แยกแยะอะไร และอย่าบังคับหรือพยายาม แต่กไ็ ม่ปล่อย ให้ล่องลอยไปตามยถากรรม เมื่ อ รั ก ษาจิ ตไว้ ไ ด้ สั ก ครู่ แ ล้ ว จิ ต จะคิ ดไปยั ง อารมณ์ตา่ งๆ โดยไม่มที างทีเ่ จ้าของจิตจะรูท้ นั ก่อน ซึง่ เป็นของธรรมดาสำ�หรับผูท้ ฝี่ กึ ใหม่ๆ ต่อเมือ่ จิตแล่นไป ในอารมณ์นั้นๆ จนอิ่มแล้วก็จะรู้สึกตัวขึ้นมาเอง
95
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
พอรู้สึกตัวแล้วให้พิจารณาเปรียบเทียบภาวะ ของตนเองระหว่างทีม่ คี วามรูอ้ ยูก่ บั ที่ และระหว่างทีจ่ ติ คิดไปในอารมณ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรเพื่อเป็น กลอุบายสอนจิตให้จดจำ�ได้ จากนั้นค่อยๆ รักษาจิตให้อยู่ในสภาวะ “รู้อยู่ กับที”่ ต่อไป หากเผลอรักษาจิตไม่ดพี อ จิตก็จะแล่นไป ข้างนอกอีกจนอิ่มแล้วก็จะกลับมารู้สึกตัว พอรู้สึกตัว แล้วก็พิจารณาและรักษาจิตต่อไปด้วยอุบายแบบนี้ ในเวลาไม่นานนักก็จะสามารถควบคุมจิตได้และบรรลุ ซึง่ “สมาธิ” ในทีส่ ดุ ก็กลายเป็นผูฉ้ ลาดในพฤติแห่งจิต โดยไม่ต้องปรึกษาหารือใครเลย ข้อห้ามทีส่ �ำ คัญ ในเวลาทีจ่ ติ มีความฟุง้ ซ่านเต็มที่ นั้นขออย่าได้ทำ�สมาธิต่อไป เพราะจะไม่เกิดประโยชน์ ใดๆ และยังเป็นการบั่นทอนพลังความเพียรในการทำ� สมาธิครั้งต่อไป
96
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หากยังไม่สามารถจะทำ�ได้ในขณะนัน้ ๆ ให้ลองนึก พิจารณาคำ�ว่า “พุท-โธ” หรือคำ�อะไรก็ได้ทไี่ ม่เป็นเหตุ เย้ายวนใจหรือขัดเคืองใจไปเรื่อยๆ แล้วสังเกตดูว่าคำ� ที่นึกชัดที่สุดที่ตรงไหน ที่ตรงนั้นคือ “ฐานแห่งจิต” ข้อควรจำ� ในการกำ�หนดจิตนั้นต้องมีเจตนาที่ แน่วแน่ในอันที่จะเจริญจิตใจให้อยู่ในสภาวะที่ต้องการ เจตจำ�นงนี้คือตัว “ศีล” เพราะการบริกรรมพุท-โธไป แต่เปล่าๆ โดยไม่มีเจตจำ�นงในศีลที่ชัดเจนจะไม่เกิด ประโยชน์อะไรเลย กลายเป็นเครื่องบั่นทอนความเพียรทำ�ให้เสีย กำ�ลังใจในการทำ�ครัง้ ต่อไปอีก แต่ถา้ มีเจตจำ�นงทีม่ นั่ คง การเจริ ญ จิ ต ภาวนาให้ เ ป็ น สมาธิ จ ะเกิ ด ผลทุ ก ครั้ ง ในการนึกพุท-โธต้องนึกอย่างต่อเนือ่ ง มีความสอดส่อง ถึงความชัดเจนไม่ขายสาย เจตจำ�นงทีไ่ ม่ลดละนี้ หลวงปูท่ า่ นเคยเปรียบเอา ไว้ว่ามีลักษณะประหนึ่งเหมือนชายที่จดจ้องสายตาอยู่ ทีค่ มดาบทีข่ า้ ศึกเงือ้ ง่าสุดแสนและพร้อมทีจ่ ะฟันลงมา
97
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ชายผูน้ น้ั ก็จอ้ งคอยทีอยูว่ า่ ถ้าคมดาบได้ฟนั ลงมา แล้วตนจะหนีให้พน้ คมดาบได้อย่างไร เจตจำ�นงประเภท นี้เองที่เป็นเจตจำ�นงที่แน่วแน่ จึงจะยังผลให้สมาธิเกิด ขึ้นได้ เมื่อจิตค่อยๆ หยั่งลงสู่ความสงบไปทีละน้อย อาการที่จิตแล่นไปสู่อารมณ์ภายนอกก็จะค่อยๆ ลด ความรุนแรงลง ถึงแม้มันจะออกไปบ้างก็เป็นชั่วครู่ เดียว สามารถรู้สึกตัวได้เร็วในตอนนี้ คำ�บริกรรมที่ว่า พุทโธนั้นก็จะขาดหายไปเอง เพราะว่าคำ�บริกรรมที่ ว่าเป็นอารมณ์หยาบ เมื่อจิตล่วงพ้นความหยาบและ คำ�บริกรรมขาดไปแล้วไม่ต้องย้อนถอยมาบริกรรม อีก เพียงแต่รักษาจิตไว้ในฐานที่กำ�หนดเดิมไปเรื่อยๆ และสังเกตดูความรู้สึกพฤติแห่งจิตที่ฐานนั้นๆ ๑. ดูจิตเมื่ออารมณ์สงบแล้ว ให้สติจดจ่ออยู่ที่ฐานเดิมเช่นนั้น เมื่อมีอารมณ์ อะไรก็ตามเกิดขึ้นมาอีกก็ให้ละอารมณ์เหล่านั้นไป มา ดูทจี่ ติ ต่อไปอีกไม่ตอ้ งกังวลใจ พยายามประคับประคอง รักษาจิตให้อยู่ในฐานที่ตั้งเสมอ
98
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
สติจะคอยกำ�หนดควบคุมจิตไปเองอย่างเงียบๆ ไม่ต้องวิจารณ์ กิริยาจิตใดๆ ที่เกิดขึ้นกำ�หนดว่ารู้แล้ว ก็ละทิง้ ไปเท่านัน้ เป็นเช่นนีไ้ ปเรือ่ ยๆ ก็จะเข้าใจกิรยิ า ของจิตได้เองว่า “จิตของเราปรุงกิเลส” หรือว่า “กิเลส ปรุงจิต” หมายความว่า สังเกตทำ�ความเข้าใจอารมณ์ ความนึกคิดทัง้ สามอย่าง ได้แก่ ราคะ โทสะ และโมหะ ๒. อย่าส่งจิตออกนอก กำ�หนดรู้อยู่ในอารมณ์เดียวเท่านั้นอย่าให้จิต ซัดส่ายไปในอารมณ์ภายนอก เมื่อจิตเผลอคิดไปก็ให้ ตั้งสติระลึกถึงฐานกำ�หนดเดิม รักษาความรู้ตัวให้ สมบูรณ์อยูเ่ สมอ ซึ่งการระวังไม่ให้จิตออกข้างนอกนัน้ ให้สังเกตการหวั่นไหวของจิตตามอารมณ์ที่รับมาทาง ประสาทสัมผัส ๓. จงทำ�ญาณให้เห็นจิต เมือ่ เราสังเกตกิรยิ าของจิตไปเรือ่ ยๆ จนเข้าใจถึง เหตุปจั จัยของอารมณ์ความนึกคิดต่างๆ ได้จนหมดสิน้ แล้ว จิตก็จะค่อยๆ นึกเท่าทันการเกิดของอารมณ์ตา่ งๆ เจ้าอารมณ์ความนึกคิดต่างๆ ก็จะค่อยๆ ดับไปเรื่อย ของมันเองจนจิตว่างจากอารมณ์
99
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
แล้วในที่สุดจิตก็จะเป็นอิสระอยู่ห่างจากเวทนา ของรูปกายอยู่ในฐานที่กำ�หนด การเห็นจิตนี้เป็นการ เห็นจิตด้วยปัญญา เรียกได้ว่า “คิดเท่าไรก็ไม่มีวันรู้ ต่อเมื่อเราหยุดคิดจึงจะรู้” ๔. แยกรูปถอด ด้วยวิชชามรรคจิต คำ�ว่า “แยกรูปถอด” หมายความถึงแยกรูป วิญญาณ เมื่อเราสามารถเข้าใจได้ว่าจิตกับร่างกายอยู่ กันคนละส่วน แล้วให้ดทู จี่ ติ ต่อไปว่ายังมีอะไรหลงเหลือ อยู่ที่ฐานกำ�หนดจิตอีกหรือไม่ พยายามให้สติสังเกตดู ทีจ่ ติ ทำ�ความสงบอยูใ่ นจิตไปเรือ่ ยๆ จนสามารถเข้าใจ ได้ อ ย่ า งละเอี ย ดตามขั้ น ตอนจนจิ ต ว่ า งปราศจาก ความคิดที่ปรุงแต่งใดๆ อีก ๕. เหตุต้องละ ผลก็ต้องละ เมือ่ จิตปราศจากความคิดปรุงแต่งแล้วก็ไม่ตอ้ ง อิงอาศัยกับกฎเกณฑ์ความเป็นเหตุเป็นผลใดๆ จิตก็ จะอยูเ่ หนือภาวะแห่งความนึกคิดต่างๆ เป็นอิสระจาก สิ่งใดๆ เรียกได้ว่าเป็น “สมุจเฉทธรรม”
100
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
๖. ใช้หนี้ก็หมดพ้นเหตุเกิด หมายความว่า เมื่อจิตบริสุทธิ์จะเพิกรูปที่เล็ก ที่สุดของกรรมชั่วที่เคยอยู่ในจิต ทำ�ให้มันหมดโอกาส ที่จะให้ผลต่อไป การเพิ่มหนี้กรรมก็หยุดลง เหตุปัจจัยใดๆ ไม่ว่าภายนอกหรือภายในที่มา กระทบจิ ต นั้ น จะได้ เ พี ย งแต่ สั ก มากระทบโดยไม่ มี ผลสืบเนื่องต่อไป เมื่อหมดเรื่องราวภาวะผูกพันที่ต้อง เกิดมาใช้หนี้กรรมเพราะกรรมชั่วที่เป็นเหตุให้ต้องเกิด อีกไม่อาจส่งผลต่อไปได้ เหตุนี้จึงเรียกว่า “จิตพ้นเหตุ เกิด” ๗. ธรรมที่แท้คือ “ไม่มีธรรม” ผู้ที่ตรัสรู้แล้วเขาจะไม่พูดว่าเขารู้อะไร เมื่อ ธรรมทั้งหลายถูกถ่ายทอดออกไปสิ่งที่เรียกว่าธรรมนั้น ไม่ใช่ธรรม แต่สงิ่ ทีไ่ ม่มธี รรมนัน้ เป็นธรรมอยูแ่ ล้วในตัว ของมันเอง (จิตว่าง)
101
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมือ่ จิตเกิดเป็นความว่างจาก “พฤติแห่งจิต” จะ ทำ�ให้ไม่ตอ้ งสังเกตอะไรอีกต่อไป จิตนัน้ ไม่มรี ปู ร่าง มัน รวมเข้าไปอยู่กับความว่าง ในความว่างนั้นก็ไม่มี ขอบเขตไม่มีประมาณ ซึมซาบอยู่ในทุกสิ่ง และจิตกับ ผู้รู้ก็กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อเราสามารถเจริญจิตเข้าถึงสภาวะเดิมที่ แท้จริงได้อย่างนี้แล้ว จิตก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมติ ทัง้ ปวง เหนือความมีอยูท่ งั้ ปวง เป็นธรรมชาติทบี่ ริสทุ ธิ์ และสว่างของจักรวาล เดินไปสู่จุดหมายที่เรียกว่า “นิพพาน” ตามหลักคำ�สอนของหลวงปูด่ ลู ย์สว่ นใหญ่นนั้ จะ ปรากฏอยูเ่ ป็น “ปริศนาธรรม” ไม่ใช่การบรรยายธรรม ดังนั้นคำ�สอนในด้านต่างๆ ของท่านจึงสั้น จำ�กัด ความหมายในธรรมไม่ให้ฟมุ่ เฟือยเพราะอาจทำ�ให้ผฟู้ งั เกิดความสับสน
102
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หมายความว่าผู้ใดได้ปฏิบัติก็จะ “เข้าใจเอง” กิริยาอาการของจิตก็เช่นกัน เกิดขึ้นด้วยมีมากมาย หลายอย่างและเป็นการยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ ด้วยเหตุนที้ า่ นจึงได้ใช้ค�ำ ว่า “พฤติของจิต” แทนกิรยิ า อาการทั้งหลายของจิตเหล่านั้น หากผู้ใดที่มีจิตศรัทธาในทางปฏิบัติเพื่อการ เจริญจิตภาวนาตามแบบของหลวงปูด่ ลู ย์ ตามธรรมดา ผูป้ ฏิบัติจะค่อยๆ มีความรู้ความเข้าใจด้วยตนเองเป็น ลำ�ดับไป เพราะมีการใส่ใจกำ�หนดรู้ภาวะแห่งจิตอยู่ ตลอดเวลา แต่ถ้าหากเกิดปัญหาในทางปฏิบัติก็ต้อง เข้าไปปรึกษาผู้รู้หรือครูบาอาจารย์โดยเร็ว เพราะหาก เกิดความผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะกลายเป็นปัญหาที่ ตามมาแก้ไขได้ยาก การเจริญจิตภาวนาให้เข้าถึงที่สุดนั้น หลักที่ มุ่งเน้นก็คือการเข้าถึงพร้อมด้วยวิสุทธิศีลและวิสุทธิ ธรรมทัง้ กาย วาจา และใจ จึงจะทำ�ให้เข้าถึงความสงบ และลุล่วงในความเป็น “ที่สุดแห่งทุกข์” ได้สำ�เร็จ
103
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
• แนวทางพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อ ฤๅษีลิงดำ�) หลวงพ่อฤาษีลงิ ดำ�เป็นพระเถราจารย์ทม่ี ชี อ่ื เสียง ทำ�ให้มีพุทธศาสนิกชนมากมายได้มีจดหมายมาขอวิธี ปฏิบตั กิ รรมฐานแบบง่ายๆ เพือ่ ฝึกด้วยตนเอง ท่านจึง ได้เขียนวิธีฝึกกรรมฐานด้วยตนเองขึ้นเป็นแบบฝึกใน หมวด “สุกขวิปสั สโก” คือฝึกแบบง่ายๆ เอาไว้ให้เป็น หลักปฏิบัติตามดังต่อไปนี้ ๑. ขอให้ มี อ ารมณ์ ที่ ต้ อ งการในขณะปฏิ บั ติ อารมณ์ที่ต้องการในขณะปฏิบัติ ท่านกล่าวเอาไว้ว่า เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่าเวลานัน้ ต้องการอารมณ์สบาย ไม่ใช่อารมณ์เครียด เมื่อมีอารมณ์เป็นสุขถือว่าใช้ได้ อารมณ์เป็นสุขไม่ใช่อารมณ์ดับสนิทจนไม่รู้อะไร เป็น อารมณ์ธรรมดาแต่มีความสบายเท่านั้นเอง ยังมีความ รู้สึกตามปกติทุกอย่าง แล้วเริ่มทำ�สมาธิ
104
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การเริ่มทำ�สมาธิใช้วิธีง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง มาก ใช้ธูปเทียนเท่าที่มีบูชาพระ ใช้เครื่องแต่งกาย ตามที่แต่งอยู่แล้ว ไม่จำ�เป็นต้องใช้เครื่องแต่งตัวสีขาว ทั้งหมดเพราะไม่สำ�คัญที่เครื่องแต่งตัว ความสำ�คัญ อยูท่ ใี่ จ ให้คมุ อารมณ์ใจให้อยูต่ ามทีเ่ ราต้องการก็ใช้ได้ ๒. อาการนัง่ ถ้าอยูท่ บี่ า้ นของตนเองตามลำ�พัง เราสามารถจะนั่งอย่างไรก็ได้ตามสบายจะนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั่งห้อยเท้าบนเก้าอี้ หรือนอน ยืน เดิน ตามแต่ท่านจะสบาย ทั้งนี้หมายถึงหลังจากที่ได้บูชา พระแล้ว เสร็จแล้วก็เริ่มกำ�หนดรู้ลมหายใจเข้าและ หายใจออกคำ�ว่า “กำ�หนดรู”้ คือหายใจเข้าก็รู้ หายใจออก ก็รู้ ถ้าต้องการให้ดมี ากก็ให้สงั เกตด้วยว่าหายใจเข้ายาว หรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้น ขณะที่รู้ลมหายใจนี้ และเวลานั้นจิตใจไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ เข้าแทรกแซง ก็ ถือว่ามีสมาธิแล้ว
105
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การทรงอารมณ์รเู้ ฉพาะลมหายใจเข้าออกโดยที่ อารมณ์อื่นไม่แทรกแซง คือไม่คิดเรื่องอื่นในเวลานั้น จะมีเวลามากหรือน้อยก็ตามได้ชอื่ ว่าผูป้ ฏิบตั ไิ ด้มสี มาธิ แล้วคือตั้งใจรู้ลมหายใจโดยเฉพาะแล้ว การเจริญกรรมฐานโดยทั่วไปนิยมใช้คำ�ภาวนา ด้วย เรื่องคำ�ภาวนานี้หลวงพ่อท่านไม่ได้จำ�กัดว่าต้อง ภาวนาอย่างไร เพราะแต่ละคนมีอารมณ์ไม่เหมือนกัน บางคนก็นยิ มภาวนาด้วยถ้อยคำ�สัน้ ๆ บางคนก็นยิ มใช้ คำ�ภาวนายาวๆ ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่ความพอใจ โดยหลวงพ่อท่านจะแนะนำ�คำ�ภาวนาอย่างง่าย คือ “พุท-โธ” คำ�ภาวนาบทนี้ง่าย สั้น เหมาะแก่ผู้ฝึก ใหม่มอี านุภาพและมีอานิสงส์มาก เพราะเป็นพระนาม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความศักดิส์ ทิ ธิ์ และเป็นคำ�ที่ดี เหมาะกับการทำ�ให้อารมณ์สงบเพราะ ได้นึกถึงพระองค์นั่นเอง
106
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เมื่อภาวนาควบคู่กับรู้ลมหายใจแล้วจงทำ�ดังนี้ เวลาหายใจเข้านึกว่า “พุท” เวลาหายใจออกนึกว่า “โธ” ภาวนาควบคูก่ บั รูล้ มหายใจตามนีเ้ รือ่ ยๆ ไปตามสบาย ถ้าอารมณ์ใจสบายก็ภาวนาเรือ่ ยๆ ไป แต่ถา้ เกิดอารมณ์ ใจหงุดหงิดหรือฟุ้งจนตั้งอารมณ์ไม่อยู่ก็จงเลิกเสีย จะเลิกเฉยๆ หรือดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุ หรือหาเพือ่ น คุยให้อารมณ์สบายก็ได้เพื่อเป็นการผ่อนคลายอารมณ์ สิง่ สำ�คัญคือ อย่ากำ�หนดเวลาตายตัวว่าต้องนัง่ ให้ครบเวลาเท่านั้นเท่านี้แล้วจึงจะเลิก เพราะถ้าไป กำ�หนดอย่างนั้นเวลาเกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านขึ้นมาแล้วคิด จะเลิกก็เกรงว่าจะเสียสัจจะทีก่ ำ�หนดไว้ ใจก็จะยิง่ เพิม่ ความฟุง้ ซ่านมากยิง่ ขึน้ และไม่กอ่ เกิดประโยชน์ใดๆ เลย จะเห็นได้ว่าการเจริญสมาธิภาวนาด้วยหลัก อานาปานัสสตินนั้ เป็นการทำ�สมาธิให้เกิดความสงบนิง่ ที่มีความปลอดภัยสูง เป็นที่นิยม และครูบาอาจารย์ ทุกท่านต่างก็ใช้หลักการนีใ้ นการทำ�สมาธิดว้ ยกันทัง้ สิน้
107
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์สูงก็คือ หากเจริญ บ่อยๆ แล้ว อย่างสูงก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ อย่างต่�ำ ก็ได้บรรลุเป็นพระอนาคามีตามที่พระพุทธองค์ทรง ตรั ส สรรเสริ ญ คุ ณ ของการเจริ ญ สมาธิ ต ามแบบ อานาปานัสสติเอาไว้ว่า
“ดูกรภิกษุทงั้ หลาย อานาปานัสสติอนั ภิกษุเจริญแล้ว กระทำ�ให้มากแล้วอย่างนี้ พึงหวังได้ผลสองประการอย่างใดอย่างหนึง่ คือ อรหัตผลในปัจจุบันหรือเมื่อยังมีความ ถือมั่นอยู่เป็นพระอนาคามี”
สม�ธิÅดกรรม
ข อ ข ม า ข อ อ โ ห สิ ก ร ร ม
เจ้�กรรมน�ยเวร
เรื่องนี้บอกทางแก้ไขไว้เฉพาะคนที่เชื่อเรื่องเจ้ากรรม นายเวรเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อขอให้อ่านผ่านเลยไปหรือไม่ ต้องอ่านก็ได้ ก่อนที่เราจะขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือที่ไม่มีชีวิตเป็นจิตวิญญาณ หัวใจ สำาคัญที่สุดก็คือเราต้องเข้าใจในเรื่องของอโหสิกรรม เสียก่อน
109
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หากเรามีความรู้ที่ถูกต้อง เราจะนำ�ไปใช้อย่าง มีประโยชน์ ถ้าเราไม่เชื่อก็จะไม่มีผลอะไร ในคำ�ว่า “อโหสิกรรม” นัน้ มาจากคำ� ๒ คำ� คือ “อโหสิ” เป็นคำ�ภาษาบาลีแปลว่า “ได้มแี ล้ว” หมายความ ว่าได้ให้ผลเสร็จสิ้นแล้ว กับคำ�ว่า “กรฺรม” ซึ่งเป็นคำ� ภาษาสันสกฤตแปลว่า “การกระทำ�” หมายถึงการกระทำ� ที่มีเจตนา อโหสิกรรม แปลรวมให้เข้าใจง่ายๆ ว่า กรรมที่ ยุ ติ ไ ม่ ส่ ง ผลแก่ ผู้ ก ระทำ � กรรมอี ก ต่อไป กรรมที่ยุติส่งผลไม่ได้อีกมีหลายประการ จะ อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจคือ กรรมไม่รู้จะส่งผลกับใคร เพราะได้บรรลุธรรมชั้นสูงไปซึ่งพระนิพพานแล้ว จึง ยุติไป
110
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
หรือกรรมนัน้ ได้รบั การชดใช้กนั ไปแล้ว หรือ กรรม นัน้ ไม่สามารถส่งผลได้เพราะมีกรรมทีห่ นักกว่าส่งผลอยู่ คอยจะส่งผลแต่ส่งผลไม่ได้สักที จนหมดหน้าที่ หมด เวลา หมดลำ�ดับของกรรม อย่างไรก็ตามคนที่ทำ�กรรมดีหรือกรรมชั่วโดย มีเจตนาในการทำ�กรรมนั้นจะต้องได้รับผลกรรมตาม แก่การกระทำ�ของตน ทำ�ดีต้องได้ดี ทำ�ชั่วต้องได้ชั่ว คนทีเ่ คยทำ�ร้ายทำ�ลายผูอ้ นื่ ไม่วา่ จะเป็นกาย วาจา ใจ ทรัพย์สนิ ถือว่าได้สร้างเจ้ากรรมนายเวรทีไ่ ด้ผกู พันกรรม ตามล้างตามผลาญกันไปทุกภพชาติจนกว่ากรรมนัน้ จะ เป็นอโหสิกรรม ถ้ากรรมนัน้ ยังไม่อโหสิกรรมก็จะต้องได้รบั ผลกรรม ทีท่ �ำ มา ซึง่ อาจส่งผลเหมือนทีท่ �ำ มาในภพก่อน เช่น เคย กลั่นแกล้งคนอื่นให้ติดคุกทุกข์ทรมาน ชาตินี้ก็อาจจะ ได้รบั โทษถูกจำ�คุกหรือลูกหลานประสบเคราะห์รา้ ยต่างๆ ทำ�ให้ตนต้องเสียใจทุกข์ทรมานเสียทรัพย์สิน เหมือน ถูกกักขังในกรงกรรม
111
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
อยากให้ทราบตรงนี้เลยว่า แม้ยังไม่ได้รับผล กรรมในชาตินี้ ก็ไม่ได้แปลว่าไม่เคยสร้างกรรมหรือไม่มี เจ้ากรรมนายเวร แต่กรรมและเจ้ากรรมนายเวรจะ ติดตามไปส่งผลในชาติหน้าและชาติต่อๆ ไปจนกว่า กรรมนั้นจะเป็นอโหสิกรรมหรือกรรมยุติไปตามที่บอก ไปแล้ว ระหว่างนั่งรอรับผลกรรม กับการที่จะ ลงมือทำ�ให้กรรมนั้นยุติ อะไรดีกว่ากัน ลอง พิจารณาดู ครูบาอาจารย์ทา่ นเมตตาแนะวิธกี ารอโหสิกรรม ทีถ่ กู ต้องและได้ผล เพือ่ ลดกรรม ขอขมา ขออโหสิกรรม เจ้ากรรมนายเวรไว้ โดยต้องทำ�พร้อมกันทั้ง ๒ อย่าง คือ หนึ่ง เราต้องให้อโหสิกรรม สอง เราต้องขออโหสิกรรมไปพร้อมๆ กัน
112
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ทำ�ไมต้องให้อโหสิกรรมก่อน??? เพราะการที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันนั้นเราต้อง มีกรรมร่วมกันก่อน อาจจะไม่ใช่ฝ่ายเจ้ากรรมนายเวร ที่ถูกกระทำ�ฝ่ายเดียว เราเองอาจจะโดนกระทำ�ก่อน เล็กน้อยหรือมากก็ตาม เราจึงโกรธแค้นอาฆาตจนต้อง ไปสร้างกรรมก่อกรรมกับเขา และอาจรุนแรงกว่า หนัก กว่าจนเป็นเจ้ากรรมนายเวรข้ามภพข้ามชาติกันมา การให้อโหสิกรรมเพื่อให้กรรมเวรฝ่ายเราระงับ ก่อน จึงเหมือนการปล่อยเชือกในมือเราก่อน แสดงความ จริงใจว่าเรามีจิตที่บริสุทธิ์ ไม่เอาแล้ว ไม่คิดอาฆาต ยกโทษให้ ถ้ายกโทษให้ต้องยกให้แบบจริงใจ แบบยก ให้ขาด เมือ่ เวลาผ่านล่วงเลยไปนานแค่ไหนก็ตามเราก็ ไม่ควรพูดถึงไม่ควรเอ่ยชือ่ เขา ถ้าไม่จ�ำ เป็นก็ไม่ควรเล่า ให้ใครฟัง
113
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เพราะการเล่านั้นมักจะเป็นการรื้อฟื้นเรื่องราว ความรูส้ กึ เดิมว่าเขาได้ท�ำ กับเราอย่างนัน้ อย่างนี้ จะทำ� ให้ใจเราไม่สงบ ฉะนั้นก็ไม่ควรเล่า ให้เรื่องที่ผ่านมา มันตายไปกับตัวเราเลยได้ยิ่งดี ให้กรรมดีให้บุญของ การให้ อ ภั ย ส่ ง ผลและติ ด ตั ว ของเราไปตลอดกาล ในทุกชาติภพ และเมือ่ เราตัง้ ใจให้อโหสิกรรมแล้วจะต้อง ทำ�จริง ให้มาจากหัวใจทีพ่ ร้อมจะอภัยในทุกเรือ่ ง ต้อง เป็นผูใ้ ห้เสียก่อน เราต้องให้อโหสิกรรมต่อผูอ้ นื่ รวมถึง เจ้ากรรมนายเวรทั้ง ๒ ประเภทเสียก่อน ขอย้�ำ ว่าทุกเรือ่ ง การให้อโหสิกรรมไม่วา่ เขาเคย โกงเงินเรา เคยทำ�ความเดือดร้อนให้เรา เคยทำ�ให้เรา เสียใจ ขอให้คิดว่าเคยเป็นเพียงกรรมที่เราเคยทำ�มา กับเขา ยิง่ เราเจ้าคิดเจ้าแค้น สิง่ ทีจ่ ะโดนมันจะมอดไหม้ และไม่ใช่คู่กรณีแต่เป็นเรา เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ให้ ผ่านไป อย่าไปยึดติดยึดถือว่ามันยังคงอยูแ่ ละเป็นของ ของเราตลอดกาล
114
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
วันนี้บ้าน รถ เงินในบัญชี ลูก เมีย ผัวยัง เป็นของเรา แต่วนั หน้าเมือ่ เราตายไปมันก็ไม่ใช่ของเรา อีกต่อไปแล้ว เอาแค่เมือ่ วาน หรือเมือ่ ๕ นาทีทผี่ า่ นมา เรื่องที่เราทำ�ก็เป็นเรื่องของอดีตไปแล้ว อีกไม่นาน เราก็ต้องจากไปแล้ว เมื่อเราจากไป แม้แต่น้ำ�ที่เขา พากันมารดมือเราแม้แต่หยดเดียวเรายังเอาติดตัวไป ไม่ได้เลย มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วที่เราต้องนำ�ไปด้วย ทุกภพทุกชาติเท่านั้น เราต้องอยูก่ บั ปัจจุบนั กรรม ทำ�วันนี้ และเดีย๋ วนี้ ให้ดี เพือ่ จะให้สง่ ผลทีด่ ใี นปัจจุบนั เชือ่ มต่อไปทีอ่ นาคต และไปลบล้างสิ่งที่เราเคยทำ�ไม่ดีในอดีต เมื่อเราให้อโหสิกรรมแล้ว การขออโหสิกรรม สำ�หรับเจ้ากรรมนายเวรที่มีชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราจะไปขอโทษ ขอให้เขาให้อภัยในความผิดพลาด ที่เราเคยทำ�กับเขา ไปด้วยความรู้สึกสำ�นึกผิด ไม่ใช่ ไปเพราะต้องการจะเอาตัวรอดให้พ้นไปวันๆ
115
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
คนทุกคนเขาไม่ได้โง่ ยิ่งเจ้ากรรมนายเวรนั้น เขาเฝ้าดูเรามาตลอด ถ้าเราโชคดีหน่อย เจอเจ้ากรรม นายเวรที่เคยร่วมสร้างบุญสร้างบารมีที่มีวิบากกรรม ร่วมกันมา การขออโหสิกรรมนัน้ คงง่ายดายมาก แต่ถา้ เราไปเจอเจ้ากรรมนายเวรที่เขามีแต่ความโกรธแค้น เราก็ต้องใช้บุญและปัญญาเป็นตัวช่วย เมื่อเข้าทางตรงไม่ได้ เข้าหน้าเจ้ากรรมนายเวร ไม่ตดิ ก็ตอ้ งพยายามทำ�บุญใหญ่ดว้ ยการทำ�สมาธิ ทำ� วัตถุทาน เช่น ตักบาตร ทำ�สังฆทาน แล้วอนุโมทนา อุทิศบุญกุศลไปให้เขาด้วย กล่าวออกชื่อ ออกที่อยู่ จะยิ่งดีถ้าเรารู้ตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้ตัวจะใช้คำ�ว่า “ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี สัตว์ใกล้ตวั คนใกล้ตวั เทวดาใกล้ตวั ” ก็ได้ และกล่าว ขอให้อโหสิกรรมและขออโหสิกรรมกับเขา และพยายาม ทำ�ทุกครั้งที่มีการสมาทานศีล
116
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
การทำ�บุญ ทำ�ทาน การทำ�สมาธิ ขอให้เชือ่ เถอะ ว่าบุญนั้นจะช่วยเราได้ทุกอย่าง เจ้ากรรมนายเวรเมื่อ เขาได้รับบุญที่เราอุทิศไปให้ เขาก็จะเริ่มใจอ่อนเพราะ บุญนัน้ ไปมีสว่ นช่วยให้เขามีบญุ มีบารมีมากขึน้ วันหนึง่ เขาจะเข้าใจเรื่องของการให้อโหสิกรรมแน่นอน เรื่องของการทำ�บุญนั้นอาจจะเปรียบได้เหมือน กับการที่เราตั้งใจเอาเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไปชำ �ระ แต่ตราบใดที่เจ้าหนี้เขายังไม่พอใจ หนี้ก็ยังไม่จบ การ ทำ�สมาธิเพื่อขออโหสิกรรมต้องทำ�ด้วยความสำ�นึกผิด เท่านั้นและเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรพอใจ และถ้าเขา รับอโหสิกรรมก็เท่ากับหนีก้ รรมทีเ่ คยคัง่ ค้างกันไว้กท็ เุ ลา ลงหรือหมดไป
117
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
จะบอกวิธกี ารง่ายๆ ทีจ่ ะทำ�ให้เจ้ากรรมนายเวร เขาพอใจ และเลิกราวางมือไปจากชีวิตของเรา และ จะช่วยทำ�ให้บุญทั้งหมด ในอดีตชาติ ชาติภพปัจจุบัน ได้ส่งผลออกดอกได้อย่างเต็มที่ ชีวิตก็จะมีแต่ความ รุ่งเรืองมีความสุข เมือ่ กล่าวให้อโหสิกรรมแล้วให้กล่าว ขออโหสิกรรมต่อไปดังนี้ การอุทิศบุญ เพื่อขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ขอให้เริ่มทำ�สมาธิโดยทำ�จิตให้นิ่ง สาเหตุที่ ครูบาอาจารย์ให้ทำ�แบบนี้ก็เพื่อจะปรับสภาพตัวเรา ให้เหลือเพียงจิตที่บริสุทธิ์ที่สุด เป็นสภาวะจิตเหมือน เจ้ า กรรมนายเวรที่ เ ราต้ อ งการไปขออโหสิ ก รรม คือเปลี่ยนสภาพตัวเราให้เหมือนวิญญาณไปสื่อสาร กับเขาได้
118
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เราจะทำ�สมาธิวิธีไหนก็ได้ แบบใดก็ได้อย่างที่ กล่าวมาแล้วทัง้ หมดในสายครูบาอาจารย์ทกี่ ล่าวมาแล้ว และเมือ่ เราทำ�สมาธิเข้าทีแ่ ล้ว เรารูส้ กึ ว่าจิตเริม่ นิง่ แล้ว ให้ตั้งจิตกล่าวตามคำ�ที่อยู่ในใบอโหสิกรรมนี้ จะอ่าน แบบออกเสียงก็ได้ หรือจะอ่านในใจก็ได้แนะนำ�ว่า พยายามจำ�เนื้อหาใจความให้ได้และทำ�ทุกครั้งเพื่อทำ� สมาธิ
119
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ใบกล่าวขออโหสิกรรม ข้าพเจ้า.............................................. ขอเมตตา ขออำ�นาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระคุณของ ครูบาอาจารย์และผูม้ พี ระคุณ และบุญกุศลทัง้ หมดทีเ่ คย ทำ�มาในอดีตชาติ ชาติปจั จุบนั และในอนาคต (ทีต่ อ้ ง ทำ�การอธิษฐานขออำ�นาจบุญบารมีนี้ก็เพื่อให้ท่านมา คุ้มครองเราในขณะที่เราทำ�สมาธิอยู่ เพราะในโลกที่ แตกต่ า งจากเราไปนั้ น เต็ ม ไปด้ ว ยวิ ญ ญาณต่ า งๆ มากมายทัง้ ประสงค์ดแี ละประสงค์รา้ ย เราไม่ตอ้ งไปกลัว ให้นึกอยู่เสมอว่าในเวลานี้เรามีทั้งพระพุทธเจ้า พระ ธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ครูบาอาจารย์ ผูม้ พี ระคุณ และ บุญกุศลมหาศาลที่เราเคยทำ�และอยู่เหนือเจ้ากรรม นายเวรหลายชัน้ และในขณะทีเ่ ราทำ�สมาธินบี้ ญุ บารมี จะคุ้ ม ครองเราอยู่ เ ป็ น เกราะเพชรชั้ น ดี ที่ ไ ม่ มี ใ คร สามารถจะเจาะเข้ามาได้) ถึงเจ้ากรรมนายเวร
120
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ขณะนีล้ กู /ข้าพเจ้า……… (เอ่ยชือ่ ตัวเอง บางคน เปลี่ยนชื่อก็ใช้ชื่อปัจจุบันก็ได้เจ้ากรรมนายเวรเขาตาม เราทีจ่ ติ จะเปลีย่ นรูปร่างหน้าตา หรือเปลีย่ นชือ่ อย่างไร เขาก็รู้ทั้งนั้น) กำ�ลังทำ�สมาธิ เจริญภาวนาถึงเจ้ากรรม นายเวรของลูก/ข้าพเจ้า (ควรบอกเจาะจงชือ่ เจ้ากรรม นายเวรที่มีชีวิต แนะนำ�ว่าหากระดาษมาจดเตรียมชื่อ เตรียมไว้ก่อนเพื่อให้ได้ผลดี รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ เป็นวิญญาณ ถ้าเรารูแ้ ล้ว เพือ่ ต้องการไปขออโหสิกรรม ต่อเขา หรือถ้าเรายังนึกไม่ออกและไม่รจู้ ริงๆ อยากจะ บอกแบบครอบคลุมก่อนก็ได้) เทวดาใกล้ตวั คนใกล้ตวั สัตว์ใกล้ตวั ญาติกด็ ี ไม่ใช่ญาติก็ดี ที่มาถึงตัวแล้วและกำ�ลังจะมาถึงตัวใน ชาตินี้ บัดนี้ ลูก/ข้าพเจ้ารูด้ แี ล้วว่าได้สร้างกรรมทำ�เข็ญ ไว้มากมายให้แก่ทา่ น ทำ�ให้ทา่ นได้รบั การพลัดพรากจาก สิ่งที่ท่านรัก
121
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ทำ�ให้ทา่ นต้องสูญเสียคนรัก ของรัก หรือชีวติ และ ทุกสิง่ ทีล่ กู /ข้าพเจ้าได้ท�ำ ไปกับท่านทัง้ ในอดีตชาติ ชาติ ปัจจุบนั และในอนาคต (ในบางคนทีส่ มาธิดจี ะเห็นภาพ ที่เจ้ากรรมนายเวรเขาอยากจะให้เราเอ่ยปากขอโทษ ไม่ตอ้ งไปกลัว ให้นกึ อยูเ่ สมอว่าในเวลานีเ้ รามีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ ผูม้ พี ระคุณคุม้ ครองเราอยู่ การทีเ่ รา พูดถึงอนาคตเพื่อเป็นการไปขออโหสิกรรมล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดกรรมที่เราอาจไม่รู้ตัว เป็นการผ่อนหนัก เป็นเบาและไม่ประมาทในกรรม) ซึง่ มาในบัดนีก้ รรมดังกล่าวกำ�ลังส่งผลให้กบั ลูก/ ข้าพเจ้า ทำ�ให้ลูก/ข้าพเจ้าประสบกับ………… (บอก ทุกเรือ่ งทีท่ �ำ ให้เราเป็นทุกข์ ทัง้ เรือ่ งการเจ็บป่วย การงาน การเงิน การค้าที่ติดขัด ขอย้ำ�ว่าต้องทุกเรื่อง เพื่อให้ เจ้ากรรมนายเวรในเรื่องต่างๆ ที่มีหลายชุดหลายเรื่อง ได้รับรู้
122
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เหมือนกับเราบอกให้เขารับรู้ในสภาวะเป็นจริง ว่าเรากับอดีตชาตินน้ั เป็นคนละคนกัน เราไม่สามารถรู้ ว่าชาติก่อนเราทำ�อะไรไว้ แต่ผลกรรมยังตามมาอยู่ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าผลกรรมมีจริง จากการที่ลูกประสบ ปัญหาต่างๆ) และลูก/ข้าพเจ้าได้สำ�นึกผิดแล้ว สำ�นึกในบาป บุญคุณโทษที่เคยทำ�มา ถ้าท่านพอใจการทำ�สมาธินี้ และบุญกุศลทีล่ กู /ข้าพเจ้าได้อทุ ศิ ไปให้ทา่ นตลอดเวลา ทีผ่ า่ นมาและจะกระทำ�อุทศิ บุญกุศลไปให้ทา่ นตลอดไป นับแต่บัดนี้ ลูกขอให้อโหสิกรรมต่อท่านทัง้ หลาย และขอให้ ท่านได้อโหสิกรรมให้ลูก/ข้าพเจ้าด้วย ขอให้หนี้เวร หนี้กรรม เศษเวรเศษกรรมที่มีอยู่จงหมดสิ้นกันไป นับตัง้ แต่บดั นี้ และขอให้ทา่ นนำ�เอาสิง่ ต่างๆ ทีไ่ ม่ดที ไี่ ด้ เกิดขึ้นกับลูก/ข้าพเจ้ากลับคืนไปด้วย
123
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
****และเมื่อเรากล่าวคำ�ขออโหสิกรรมทั้งหมด เสร็จสิน้ อย่าเพิง่ ออกจากสมาธิ ทำ�สมาธิตอ่ ไปอีกจนถึง จุดที่เราพอใจ เมื่อออกจากสมาธิแล้วต้องทำ�การอุทิศ บุญและแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรอีกครั้ง เน้น อีกครั้งว่าให้อุทิศบุญและแผ่เมตตาและกล่าวตามใบ ขออโหสิกรรมอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากคำ�ว่า “กำ�ลังทำ�สมาธิ” เป็น “บุญกุศลจากการทำ�สมาธิ” ก็ จะถือว่าเราทำ�การขออโหสิกรรมเสร็จสิ้นสมบูรณ์ วิธีการทำ�สมาธิขออโหสิกรรมให้ผู้อื่น การทำ�สมาธิอโหสิกรรมนั้นนอกจากที่เราจะ ทำ�ให้กับตัวเราเองแล้ว เราสามารถทำ�ให้ผู้อื่นได้ด้วย แต่ตอ้ งเป็นญาติสายตรงเท่านัน้ เป็นพ่อแม่ พีน่ อ้ ง ตาม สายเลือด เพราะเนือ่ งจากคนเหล่านีเ้ ป็นผูท้ ม่ี คี วามผูกพัน กันอย่างใกล้ชิดในอดีตชาติที่ผ่านมา เป็นเจ้ากรรม นายเวรของเราด้วย
124
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
และด้วยบุญกุศลทีม่ กี ารทำ�ร่วมกันมาจึงมาเกิด ในสายเลือด มีความใกล้ชดิ มีสว่ นประกอบของบุญและ กรรม เลือดเนือ้ จากแหล่งเดียวกัน และในบางวิบากกรรม นั้นเรามีส่วนร่วมอยู่ในเหตุนั้นๆ ด้วย ซึ่งการทำ�สมาธิขออโหสิกรรมให้ผู้อื่น ทำ�ได้ใน กรณีท่ีคนเหล่านี้เจ็บป่วยจนไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สามารถทำ�สมาธิได้ อาจจะหมดสติหรือมีวบิ ากกรรม ขวางไว้ โดยวิธีที่ทำ�นั้นเหมือนกันทุกประการ เพียง เพิ่มเติมชื่อคนที่เราจะทำ�แทน ให้เปลี่ยนคำ�จาก ถึงเจ้ากรรมนายเวร ขณะนี้ลูก/ข้าพเจ้า…...… (เอ่ยชือ่ ตัวเอง) กำ�ลังทำ�สมาธิ เจริญภาวนาถึงเจ้ากรรม นายเวรของ….. (เอ่ยชือ่ คนทีเ่ ราทำ�สมาธิอโหสิกรรมแทน และถึงแม้เขาจะเปลี่ยนชื่ออย่างไรก็ใช้ได้ทั้งนั้นทั้ง ชื่อเก่าชื่อใหม่ และจะใช้ชื่อปัจจุบันก็ได้ อย่างที่บอก เจ้ากรรมนายเวรเขารู้ทั้งนั้น)
125
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ซึ่ง มาในบัดนี้กรรมดังกล่าวกำ �ลังส่งผล…… (บอกทุกเรื่องที่ทำ�ให้คนที่เราทำ�แทนเป็นทุกข์ ทั้งเรื่อง การเจ็บป่วย การงาน การเงิน การค้าที่ติดขัด ขอย้ำ� ว่าต้องทุกเรือ่ ง เพือ่ ให้เจ้ากรรมนายเวรในเรือ่ งต่างๆ ที่ มีหลายชุดหลายเรื่องได้รับรู้เหมือนกับเรา บอกให้เขา รับรู้ในสภาวะเป็นจริงว่า คนที่ เ ราทำ � แทนนั้ น ปั จ จุ บั น กั บ อดี ต ชาติ นั้ น เป็นคนละคนกัน ไม่สามารถรู้ว่าชาติก่อนได้ทำ�อะไร ไว้ แต่ผลกรรมยังตามมาอยู่ ตอนนี้คนที่เราทำ�แทนรู้ แล้วว่าผลกรรมมีจริง จากการที่เขาต้องประสบปัญหา ต่างๆ) และ………….. (เอ่ยชือ่ คนทีเ่ ราทำ�สมาธิอโหสิกรรม แทน) ได้สำ�นึกผิดแล้ว สำ�นึกในบาปบุญคุณโทษที่เคย ทำ�มา ถ้าท่านพอใจการทำ�สมาธินี้และบุญกุศลที่ลูก/ ข้าพเจ้าได้อุทิศไปให้ท่านตลอดเวลาที่ผ่านมาและจะ กระทำ�อุทิศบุญกุศลไปให้ท่านตลอดไปนับแต่บัดนี้
126
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
ให้อโหสิกรรมต่อท่านทั้งหลาย และขอให้ท่าน ได้อโหสิกรรมให้……….….. (เอ่ยชื่อคนที่เราทำ�สมาธิ อโหสิกรรมแทน) ด้วย ขอให้หนี้เวรหนี้กรรมเศษเวร เศษกรรมที่มีอยู่จงหมดสิ้นกันไปนับตั้งแต่บัดนี้ และ ขอให้ทา่ นนำ�เอาสิง่ ต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ กับ…… (เอ่ยชือ่ คน ที่เราทำ�สมาธิอโหสิกรรมแทน) กลับคืนไปด้วย ***และเมื่อเรากล่าวคำ�ขออโหสิกรรมทั้งหมด เสร็จสิ้นอย่างเพิ่งออกจากสมาธิ ต้องทำ�การอุทิศบุญ และแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนที่เราทำ� แทนอีกครั้ง ก็จะถือว่าเราทำ�การขออโหสิกรรมเสร็จ สิ้นสมบูรณ์ ที่สำ�คัญเราสามารถที่จะทำ�สมาธิอโหสิกรรมนี้ ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ และทำ�ได้วันละหลายๆ ครั้ง ยิง่ ทำ�มากก็เหมือนกับเราเพียรพยายามเอาหนีไ้ ปชดใช้ เขาตลอดเวลา
127
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย
เจ้ากรรมนายเวรเขาจะพอใจเป็นอย่างมาก และอโหสิกรรมให้เราแน่นอน วิบากกรรมทีเ่ ราได้รบั จะ หมดสิ้นไปในไม่ช้า อย่าด่วนใจร้อน ทำ�แค่วนั สองวันจะสำ�เร็จลงได้ อย่างไร เพราะกรรมที่เราทำ�ไว้กับเขามันมากมายนัก หลายร้อยชาติ จึงมีเจ้ากรรมนายเวรหลายร้อยชุด เช่นกัน เมื่อชุดไหนเขายินดีในสิ่งที่เราทำ�เขาก็จากไป ชุดใหม่ก็เข้ามา พยายามทำ�ไปทุกๆ วันเหมือนเรา เตรียมพร้อมไว้เสมอสำ�หรับกรรม หากใครได้ทำ�สมาธิตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จากหนังสือเล่มนี้ ถือเป็นการสร้างบุญใหญ่ให้กับชีวิต ง่ายๆ ในทุกวัน และหากได้อุทิศบุญ แผ่เมตตา ขอ อโหสิกรรมทุกครัง้ และได้เป็น “ต้นบุญ” เผยแพร่เป็น ธรรมทาน หลังจากนี้เป็นต้นไปชีวิตจะพบแต่ความสุข ความเจริญ ปลอดภัย แคล้วคลาด สมหวังในชีวิต ทุกประการ
สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย โดย ธ.ธรรมรักษ์
สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามนำ�ส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียน ทำ�สำ�เนา ถ่ายเอกสาร หรือนำ�ไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต หรือสือ่ ชนิดอืน่ ๆ ไม่วา่ ในรูปแบบใด นอกจากจะได้รบั อนุญาตเป็น ลายลักษณ์อกั ษรเท่านัน้ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ ธ.ธรรมรักษ์ สมาธิหยุดกรรม ทำ�ให้รวย.--กรุงเทพฯ : ไตรวรินท์, ๒๕๕๙. ๑๒๘ หน้า ๑.สมาธิ. I. ชื่อเรื่อง. ๒๙๔.๓๑๒๒ ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๒๙๒-๓๗๘-๔ พิมพ์ที่
บริษัท โรงพิมพ์มิตรสัมพันธ์กราฟฟิค จำ�กัด
๕๒๐-๕๓๐ ซอยเพชรเกษม ๔ ถนนเพชรเกษม แขวงท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ๑๐๖๐๐
จัดทำ�โดย website
สำ�นักพิมพ์ไตรวรินท์ ๑๕/๑๐๗ ม.๑๘ ต.คูคต อ.ลำ�ลูกกา จ.ปทุมธานี ๑๒๑๓๐ โทรศัพท์ ๐๖๒-๙๕๙๔๕๑๔, ๐๘๙-๔๔๕๖๑๔๙ www.trivarin.com
จัดทำ�รูปเล่มโดย แฮปปี้กราฟิก
ท่านที่ต้องการหนังสือสร้างบุญนี้เป็นจำ�นวนมากเพื่อใช้ในการสร้างบุญต่างๆ ใช้แจกเป็นธรรมทานหรือเป็นหนังสือที่ระลึกในวาระโอกาสสำ�คัญ ติดต่อได้ที่ ๐๙๔-๖๕๖๑๕๖๕
ราคา ๔๙ บาท