UNDO ISSUE 05 - DUO CREATIVE : BAD AWARDS 2011

Page 1

issue 05

DUO CREATIVEBAD AWARDS 2011

Duo BAD Creative AWARDS

2011

INTERVIEW CHONG & TEE GREY ADVERTISING LET US GO GREENER NO RICE NO LIFE CRACKER BARREL GOVERNMENT MUSEUM IN BANGALORE UNDO MAG PHOTO CONTEST



editor's talk สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว UNDO MAGAZINE ทุกคนนะครับ ผมและทีมงานได้รับคำ�ติชมมากมาย เป็นข้อดีที่พวกผมจะนำ�ไปพัฒนาเนื้อหา และรูปแบบ ของ MAGAZINE ให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น เพื่อนๆคนใดที่ยังไม่ได้ดาวน์โหลด UNDO MAGAZINE ฉบับก่อนๆ เข้าไปโหลดเก็บไว้ดูกันได้นะครับ http://www.undomag.com/download. php

โอจาก GREY THAILAND ที่จะมาถ่ายทอด ประสบการณ์ให้​้น้อง ๆ ได้รู้ถึงขั้นตอนการทำ �งาน โฆษณา การตัดสินรางวัล แนวคิดการก้าวเข้า สู่อาชีพงานโฆษณา และเรื่องราวของงานประ กวดโฆษณา BAD AWARDS 2011 ของ ประเทศไทย ที่พี่ชงและพี่ตี่เป็นประธานในปีนี้ด้วย มีอีกหนึ่งเป็นการสัมภาษณ์อาจารย์ปิติ วงษ์ ตันติโชดก กับโครงการนิเวศวิทยาทางทะเล ภาคฤดูร้อน หรือที่เรียกว่า ค่ายมารีนอีโค เป็น ค่ายหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากทั่วประเทศไทย ที่อยากเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทะเล ให้มาอยู่อาศัย และใช้ชีวิตร่วมกันที่นี่ ให้เกิดจิตสำ�นึกในการรักษ์สิ่ง แวดล้อม

ฉบับนี้ขอฉีกแนวไปสัมภาษณ์คนโฆษณา คูห่ นึง่ ทีก่ วาดรางวัลงานโฆษณามากมาย ทัง้ ใน ประเทศและต่างประเทศ ทีส่ ำ�คัญ พีท่ ง้ั สองท่านนีเ้ ป็น กรรมการตั ด สิ น งานโฆษณาระดั บโลกที่เมืองคาน ส์มาแล้ว (CANNES LIONS) พี่ชง สุวิทย์ จตุ ริยสัจจกุล และ พี่ตี่ วิชิต เจียมศิริกาญจน์ คู่ดู

free on your style

Sakchai Piyaboon Editor-In-Chief FB: chai.sakchai

เปิ ด พื้ น ที่ สำ � หรั บ นั ก เขี ย นหน้ า ใหม่ ที่ ต้ อ งการนำ � เสนอเรื่องราวของตัวเอง ผ่านงานเขียนบทความ เรื่องสั้น ภาพถ่าย งานศิลปะ งาน Illustrator, Animation, Motion Graphic และหนังสั้น ฯลฯ ผลงานของน้อง ๆ จะได้เผยแพร่ และลงบน

undo magazine undomagazine@gmail.com


03 05 06 07 08 12 16 19 42 49

เขาหวงซาน

INTERVIEW

พี่ปิติวงษ์

56 60 66

EDITOR TALK CONTRIBUTORS CALENDAR MUZIK : KID’SONG CRACKER BARREL SNOW IN UTAH LET US GO GREENER INTERVIEW : DUO CREATIVE : BAD AWARDS 2011 NO RICE NO LIFE INTERVIEW : พี่ปิติวงษ์ กับ ค่ายมารีนอีโค

COOKING BY KIK : สปาเก็ตตี้ซอสเพสโต้

เขาหวงซาน

GOVERNMNET MUSEUM

IN BANGALORE 70 ILLUSTRATION BY PHONE 75 CONCEPT AD 76 STUDENT SHOWCASE : BU 78 GAME : FIGHT NIGHT CHAMPION 90 STUDENT SHOWCASE : WU 94 เก็บเล็กผสมน้อยเรื่องน้องหมา 98 D-ซ้าย ดี-SIGN : ผู้พิการกับการออกแบบ 102 FREE ON YOUR STYLE : รู้หน้าไม่รู้ใจ

SNOW IN UTAH Consults

Sombat Piyaboon Surapong Thammabuht

Editor in Chief Sakchai Piyaboon

Deputy Editor Apinantn S.Pruek

Interviewer

Contributors

Suwanit Downing Kik Rawin Cheasagul Golfie Suthanun Ryan Golff Phone Moobrador Tic Pang

Plengindie Daywalker iza iggy de guy Napak Green Charlie VW

นางสาว วินดี้

Supansa Tubsakool All rights reserved. No part of this publication may be reproduced in whole or in part without permission from publisher. The views expressed in Undo Magazine are those of the respective contributors and are not necessarily shared by the publisher.

WHERE TO FIND US web www.undomag.com facebook www.facebook.com/undomagazine

twitter undomagazine advertising enquiries can be directed to UNDOMAGAZINE@GMAIL.com


Green

ช่างภาพเเละครูสอนศิลปะ ที่รักเเละ สนใจในเรื ่ อ งศาสนาเเละปรั ช ญา การเเดกดันสังคม (ผลงานเขียนจาก Free on your style)

Suwanit Downing

สาวสวยผู้ยอมเสียสละเวลาอันมีค่า ให้ เกียรติมาเขียนเรื่องราวการท่องเที่ยว และใช้ชีวิตที่ Australia ปัจจุบันเธออยู่ท่ี Melbourne รับงานอิสระกับ บริษัทโฆษณา ชื่อดังใน Melbourne และ Sydney

Tic

Kik

สาวโฆษณา ด้วยไลฟ์สไตล์ชอบ Hang Out กับกลุ่มเพื่อน ใจ รักการทำ�อาหาร หลากหลาย เมนูที่เคยผ่านสายตา จึงไม่พลาด ที่จะชวนมาถ่ายทอดสูตรอาหารดีๆ

Moobrador

Creative Group Head จากบริษัท โฆษณาชื่อดัง ได้ให้เกียรติมาเขียนเกี่ยว กับการดูแลสุนัขที่แสนรักด้วยการเขียน ในสไตล์ที่เข้าใจง่าย สามารถดูแลน้องหมา เบื้องต้นได้ด้วยตัวท่านเอง

contributors at

สิ่งที่สวยงามที่สุด มิอาจสัมผัสได้ โดยสัมผัสทางกาย ทว่าต้องรับรู้ ผ่านหัวใจ

Phone iza

ชอบการผจญภัย ชอบฟังเพลง รักธรรมชาติ รักสัตว์

การวาดการ์ตูนน่าจะเหมาะกับ สาวน้อยช่างฝันคนนี้ ทุกภาพที่ วาดออกมาแสดงถึงเรื่องราวได้ มากกว่าคำ�อธิบาย

Golfie Suthanun

สาวสวยที่ อ าศั ย และทำ � ธุ ร กิ จ ส่วนตัวที่อเมริกา จะมาเล่าเรื่อง ราวของการอยู่ แ ละการท่ อ ง เที่ยวที่ Verginia Beach VA อีกทั้งยังมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ หา ดูได้จากที่นี่

Pang

สาวน้ อ ยกั บ ผลงานจิ ต รกรรมผ่ า น งานปักผ้า

Rawin Cheasagul

ภู หนุ่มน้อยที่ไปศึกษาปริญญาโทต่อที่ อเมริกา จะมาเล่าเรื่องราวตั้งแต่การใช้ ชีวิตของนักศึกษา และการท่องเที่ยวใน แง่มุมต่างๆ ปัจจุบันอยู่ที่ Columbia, Missouri

Tomomi Hamada

VW

I met her at Osaka. Nice girl has more good view in lifestyle. I finally persuaded her to write topics about her hometown. ได้ พบสาวญี่ปุ่นใจดีเมื่อครั้งไปโอซาก้า มุมมอง และแนวคิดดี ๆ เลยชวนมาถ่ายทอดเรื่อง ราวต่าง ๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่น

Interior Designer นำ�เสนอมุมมองงาน ออกแบบดีไซน์จากประสบการณ์ที่ล้ำ�ค่า

undo magazine Napak

ดี เ จและเจ้ า ของร่ ว ม colormyjazz.com

DayWalker

ชายหนุ่ ม ผู้ ใ ห้ ค วามสำ � คั ญ กั บ ชีวิต เปิดกว้างกับศิลปะทุกรูปแบบ รักเด็กและสุนัขตัวเล็ก ๆ

นางสาว วินดี้

ส า ว น้ อ ย กั บ ผ ล ง า น จิ ต ร ก ร ร ม ผ่ า น ง า น ปักผ้า

iggy de guy

นั ก เขี ย นคนแรกที่ ไ ด้ รั บ เลื อ กลง บทความจากการเปิ ด พื้ น ที่ ใ ห้ เ ขี ย น Free On Your Style

Charlie

หนุ่มนักวาดภาพประกอบ นำ�เสนอ ภาพสื่อถึงความเป็นตัวตน ความ อิสระในความคิด


calendar The Drum Live in Bangkok วันที่ 24 พ.ค. 2554 @ MUSE ทองหล่อ ซอย 10

พิพิธพาเพลิน ตอน ยุทธ์-ศาสตร์ วันที่ 21 พ.ค. - 4 มิ.ย. 2554 @ มิวเซียมสยาม

Workshop “ของว่าง ชาววัง รูปสวยรวยรส”

วันที่ 21 - 29 พ.ค. 2554 @ มิวเซียมสยาม

หนังสั้น โดย ปันยามูฟวี่คลับ

วันที่ 23 เม.ย. - 18 มิ.ย. 2554 @ ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง กรุงเทพมหานคร

ประกวดภาพถ่าย Happy Korea Photo Contest 2011 หมดเขตส่งผลงาน : 14 มิถุนายน 2554

นิทรรศการ “Material 101 – ไม้” 19 เมษายน - 14 สิงหาคม 2554 @ Material ConneXion® Bangkok, TCDC


muzik

Story by Pleng Indie

KID'SONG KAOTO.od (คิต โมโนโทน) - ศิลปินอิสระรุ่นหลัง จากสังกัดโมโนโทนกรุ๊ป ตามปกติแล้วจะทำ�หน้าที่มือคีย์บอร์ดตัว สำ�รอง และ งานเบื้องหลัง แต่ก็ออกอัลบัมเดี่ยวทำ�มือมาแล้วถึง สองอัลบั้ม ( เพลงนี้อยู่ในอัลบัมที่สอง ที่ชื่อ “Like สาระ”) ใน สังกัด Lo-Q record และ Monotone Record โดยเพลงที่ แต่งมีความหลากหลายตั้งแต่ เพลง Pop ใสๆ แบบเพลงนี้ จน ไปถึง Post Rock , Death Metal , Electronic หรือโหด กว่านั้น.. แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะยังคงลูกเล่น มุข และความกวน ประสาท ไว้ในเกือบทุกเพลง

“...ผมเฉย ๆ คุณ...”

ถูกแต่งขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากอารมณ์ขวางโลก ในขณะที่ฟังเพลงรักต่อด้วย เพลงเศร้า ติด ๆ กันกว่าสิบเพลงตอนที่ขับรถกลับบ้าน ในวันหนึ่งช่วงฤดูฝนปีที่ผ่านมา โดยตั้งใจจะสื่อว่า บางทีถ้าเราไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ ถ้าเราเฉยๆ เราก็ควรจะบอกตามตรงว่า ตอนนี้เราเฉย ๆ แต่เนื้อ เรื่องของเพลงจริง ๆ แล้วนั้น แต่งขึ้นให้ตัวละครรู้สึกโกรธ แต่แอ๊บเฉย ๆ ไว้มากกว่า ถ้าฟังจากเสียง ปาขวดตอนจบ


american Breakfast at Cracker Barrel Old Country Store, Inc. Cracker Barrel (USA) is a chain of “Old Country Stores,” each combining a retail store and a restaurant. The company, founded in 1969 and based in Lebanon, Tennessee, was operating 595 full-service locations located in 42 states in the United States. In 2009, Cracker Barrel was ranked as the top “family dining” chain for the 19th consecutive year in Restaurants & Institutions magazine “Choice in Chains” annual consumer survey. The original Cracker Barrel was located on Highway 109 just north of I-40 in Wilson County, TN. The Cracker Barrel chain is a Southern themed chain, and serves traditional Southern comfort food. Their outlets have traditionally been located along interstate highways, though the company policy on this appears to be changing. Breakfast is served all day, though the breakfast menu is kept separate from the one for lunch and dinner. Both menus include a low-carb section.

พบกันอีกครั้งนะคะเพื่อน ๆ ชาว Undo Magazine คราวนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาหาของเก๋า ๆ เก๋ ๆ ที่ร้าน Cracker Barrel ร้านขายอาหารเช้าที่เปิดขายอาหารเช้าตลอดวัน สไตล์ พื้นบ้านของชาวอเมริกัน ความที่ผู้เขียนเป็นคนที่ชอบทานอาหาร และทานหนักที่มื้อเช้า เลยทำ�ให้เป็นลูกค้าประจำ�ของร้านนี้มานาน มาก ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน ด้วยแนวความคิดเก๋ ๆ ที่ผสมความ เป็นตัวตนของชาวอเมริกัน ทำ�ให้ร้าน Cracker Barrel มีรูป แบบที่แปลกออกไปจากร้านอื่น ๆ และมีสาขามากถึง 42 รัฐใน ประเทศอเมริกา ร้านนี้เลือกทำ�เลที่เป็นย่านชุมชน ใกล้กับถนน ใหญ่ซึ่งสามารถเชื่อมออกไปสู่ถนนสายหลักๆ Interstate Highway ของแต่ละรัฐนั้น ๆ ร้านนี้ใช้แนวคิดว่า “Good Country Cooking For Travelers And Neighbors Alike” ภายนอกของร้าน จะดูคล้าย ๆ กับโรงไม้ สิ่งแรกก็จะ เห็นเก้าอี้ไม้ม้าโยก วางไว้ที่ระเบียงให้ลูกค้านั่ง วางเรียงแถวยาว ขนานกับตัวร้าน ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ประจำ�ของร้านนี้ การตก แต่งหลัก ๆ จะเน้นพวกของเก่า ๆพื้นบ้าน ตั้งแต่อุปกรณ์ทำ�ฟาร์ม ทำ�โรงไม้ กระป๋อง ป้ายโฆษณา รูปภาพ ปฎิทิน ของสมัยโบราณ ที่หาดูยาก และก็มีของขาย เช่นพวกขนม น้ำ�อัดลมที่เป็นที่นิยมใน สมัยก่อน โดยจะอนุรักษ์รายละเอียดของรสชาติและการออกแบบ Packaging ให้คล้าย ๆ ของเดิมมากที่สุด


The outer porch of a Cracker Barrel store has rows of rocking chairs for guests to enjoy before or after eating, and there is usually a fireplace and a checkers table within the dining area for an added country feel; patrons are welcome to sit down for a game. The interior walls of the dining area are decorated with antiques such as photographs, advertisements, and household items. The retail store carries mainly nostalgic merchandise, collectibles, old time toys, classic candies, scented candles, and items used in making Cracker Barrel entrees. Also, a lot of merchandise sold at Cracker Barrel is holiday themed, depending on the time of year. It is known for selling Christmas, Easter, and Halloween ornaments and other decorations.

มีเทียนหอม ครีมที่ทำ�จากธรรมชาติ ของเล่นเด็ก หมวก เสื้อ ของที่ระลึก และอีกเยอะ ๆ มาก เรียกว่ารองรับกับ ลูกค้าได้ทั้งครอบครัวเลยค่ะ

ความที่ผู้เขียนเป็นคนชอบสะสมของตกแต่ง กระจุกกระจิก ก็มักจะชอบแวะมาทานอาหารและซื้อของ เค้าไปประดับขี้ฝุ่นที่บ้านเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อนๆลองนึกถึงบรรยากาศที่ เพลินวาน หัวหินของ บ้านเราดูสิคะ คงให้อารมณ์ประมาณนั้น อาจจะไม่เริ่ดเท่า บ้านเรา แต่ก็มีจุดเด่นและจุดขายที่ตรงกัน


ส่วนเรื่องอาหาร ไม่ต้องพูดถึง อร่อยและให้ ปริมาณเยอะมาก ขอนำ�เสนอเมนูบ้าน ๆ Pancake & Bacon อาจจะฟังแล้วพื้น ๆ แต่ขอบอกว่าแป้งแพนเค๊กที่นี่อร่อย ที่สุดและกรอบนอกนุ่มใน เสริฟ์ด้วย Syrup แบบธรรมชาติ ใส่ในขวดแก้วใส ที่มีโลโก้ของร้าน ทานเสร็จแล้วก็ยังเก็บ ขวดไว้สะสมได้อีก เก๋สุด ๆ ส่วนอีกจานคือเมนู Grandpa Chicken Fried Chicken เสริฟ์พร้อมกับ ไข่ดาวราดซอส ข้นขาว อิ่มตื้อไปเลยทั้งวัน อืมม์..หิวกันรึยังคะเพื่อนๆ

ก่ อ นจากขอฝากไว้ นิ ด ว่ า อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำ�คัญมาก การ ที่ เ ราไม่ ไ ด้ ท านอาหารเช้ า จะทำ � ให้ เ รา ขาดสมาธิ อารมณ์หงุดหงิดง่าย เพื่อ สุขภาพที่ดี อย่าลืมหาอะไรรองท้อง ตอนเช้าที่มากกว่ากาแฟนะคะ

คราวหน้าไว้ถ้าเจอร้านเก๋ ๆ หรือที่เที่ยวสวย ๆ จะเก็บมาเล่าสู่ กันฟังอีก ฉบับนี้อิ่ม..เอ๊ย..จบแล้วค่ะ


Photography & Story by Golfie


SNOW IN UTAH

Photography & Story by

l2aven

สวัสดีชาว Undo magazine ทุกท่านครับ หลังจากฝ่าฟันกับหน้า หนาวมานาน อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้น เข้าฤดูใบไม้ผลิซะที มองไปทางไหน ก็มีแต่ ดอกไม้บาน ต้นไม้แตกใบอ่อน กับหญ้าเขียว ๆ สวยงามไปหมดจริง ๆ แถมวัน ไหนอากาศดี ๆ สาว ๆในมหาวิทยาลัย พากันใส่บิกินี่ นอนอาบแดดตามสนาม หญ้า เต็มไปหมด ^^ ขออนุญาตย้อนเวลา ไปก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวในเล่มที่แล้วซักหน่อยนะ ครับ หลังจากสอบใบขับขี่เสร็จ ญาติก็พาไปซื้อรถ เพราะก่อนหน้านั้น ผมต้อง รบกวนญาติขับรถรับส่งพาผมไปเรียนภาษา เริ่มจาก search หารถมือสอง ใน internet รถที่อเมริกา ถูกกว่าเมืองไทยมาก ๆ ครับ ยิ่ง brand เยอรมัน แพง ๆ เนี่ย ที่นี่ถูกกว่าเมืองไทยสองสามเท่าเลยทีเดียว ที่อเมริกาหารถ Second hand ไม่ได้นะครับ เพราะที่นี่เค้าเรียกรถที่ใช้แล้วว่า Used car


ไม่มีมือสองมือสาม แล้วระบบบันทึกเค้าค่อน ข้างดีครับ แต่ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ทั้งหมด แต่เราก็สามารถใส่ VIN number ซึ่งเป็น เบอร์ประจำ�ของแต่ละคัน คล้าย ๆเลขที่ตัวถังรถ ประมาณนั้น มันจะมี Website ( ไม่ free นะ ครับ เราต้องจ่ายเงินประมาณพันกว่าบาท เพื่อ ที่จะดูประวัติรถหนึ่งคัน หรืออาจจะเหมาจ่าย แพงกว่านั้น เพื่อที่จะดูได้ไม่จำ�กัดจำ�นวน ) พอ ใส่ VIN number ลงไป มันก็มีบันทึกแสดงขึ้น มาว่า มีเจ้าของมาแล้วกี่คน เคยมีอุบัติเหตุมากี่ ครั้ง เคยโดน Recall จากบริษัทรึเปล่า แล้ว ก็จะมีประวัติการเอาเข้าศูนย์ไปเช็คสภาพด้วย หลังจากเจอรถที่ถูกใจแล้ว ก็ทำ�เป็นรายการเอา ไว้ แล้วก็ไปดูที่ร้านหลายๆที่ สุดท้ายไปเจอรถ ที่ถูกใจ ก็ไปลองรถ แล้วก็ซื้อเลย ด้วยความที่ กลัวว่า กลับมาอีกครั้ง จะมีคนอื่นมาซื้อไปแล้ว เอากลับมาขับได้อาทิตย์นึง รู้สึกว่า จังหวะเวลา เปลี่ยนเกียร์ (รถเกียร์อัตโนมัติ) รู้สึกว่ามัน เปลี่ยนเกียร์แปลก ๆ ก็เลยเอาไปเช็คที่ศูนย์ ที่ ศูนย์บอกว่า เกียร์โดนแกะซ่อมมาก่อน แต่ไม่ ได้แกะที่ศูนย์ ถ้าจะซ่อมต้องเปลี่ยนเลย ซึ่งตอน นั้นเค้าบอกราคามาประมาณ 4,000 USD (120,000 บาท)!!! แล้วซื้อรถมาแค่ 6,600 USD ก็เลยตัดสินใจเอากลับไปที่ร้านที่ซื้อรถมา บอกเค้าว่าอยากเปลี่ยนคัน ( เจ้าของร้านเป็น พวกตะวันออกกลาง) คนขายนี่ท่าทางเปลี่ยน จากตอนขายเลยครับ มันไม่ยอมให้เปลี่ยน บอก ว่าซื้อคืนได้ แต่จะจ่ายแค่ 3,000 USD…

แต่ถ้าซ่อมเกียร์ เดี๋ยวจะแนะนำ�ร้านซ่อมให้ แล้ว จะซื้อคืนในราคาเดิม ก็เลยตกลง ปรากฎโดน หลอกเข้าเต็มเปาครับ เอาไปซ่อมเป็นเดือน แถม วันที่ร้านโทรมาบอกว่า ซ่อมเสร็จแล้ว พอไปเอา รถ ถอยออกมายังไม่ถึงถนนใหญ่ สายน้ำ�ที่เข้า หม้อน้ำ�ขาด ควันขึ้นเพียบ ต้องเลื่อนรถเข้าไป ซ่อมต่อ แถมที่ร้านยังคิดเงินผมเพิ่มอีก = =” สรุปว่า ซ่อมไป 2,000 USD เสร็จแล้วอาการ ก็ไม่หายนะครับ กลายเป็นว่า เกียร์ไม่ได้เสีย แต่ เป็นตัววัดความเร็วอะไรซักอย่าง ก็เลยลองถาม ที่ร้านดูเพราะว่า ทำ�ตามที่มันบอกแล้ว จะขาย คืน คนขายกลับคำ�อีก บอกว่า ไม่ได้บอกว่าจะ ซื้อ แค่บอกว่ามาฝากขายได้ ตอนนี้มันรู้ว่ารถ มีปัญหาแล้ว ทำ�ไมมันต้องซื้อคืน - - ถ้าจะซื้อ คืนมันก็ยังซื้อราคาเดิม… ก็เลยเอารถกลับมา บ้าน ขับไปเรียนได้อีกแค่อาทิตย์กว่า ๆ โชคไม่ดี ที่ Atlanta ฝนตกเยอะที่สุดในรอบ 90 ปี น้ำ� ท่วมครับ!!! แต่ ! ที่บ้านไม่ได้น้ำ�ท่วมนะครับ น้ำ� ท่วมในรถ > <” ฝั่งข้างคนขับ น้ำ�ท่วมสูงขึ้น มาจากพรมประมาณ 2 นิ้ว T^T งานเข้าครับ วันนั้นต้องเอาผ้ามาซับ เอาเครื่องดูดความชื้น มาใช้ทั้งวัน กว่ามันจะเริ่มแห้ง…


วันรุ่งขึ้น เอาไปให้ช่างคนไทยดู เค้า บอกว่า ให้รีบขายรถ เพราะว่าน้ำ�มันซึมเข้าไป มาก เกือบจะถึงกล่องควบคุมระบบไฟในรถแล้ว ซึ่งถ้าไปถึง แม้แต่จะล็อครถ ยังทำ�ไม่ได้ > <” ซ่อมไปก็ไม่คุ้ม เพราะต้องรื้อออกมาทั้งระบบ ซึ่ง ค่าแรงจะแพงมาก… สุดท้ายก็เอารถกลับไปขาย ที่ร้านเดิม เค้าก็รับซื้อตามราคาที่บอก ต่อราคา ได้เพิ่มมานิดหน่อย คือ 3,300 USD สรุป ขาดทุนไปห้าพันกว่าเหรียญ T^T เครียดมาก ครับ ตอนนั้นเป็นประสบการณ์เลวร้ายสุด ๆ สำ�หรับเด็กที่เพิ่งมาเรียนใหม่ ๆ ต้องเสียเงินหลัก แสน เพราะตัวเองดูรถแต่ภายนอกแท้ ๆ T T กลับมาเข้าเรื่องเรียน คอร์สใหม่นี้มี นักเรียนมาใหม่เยอะมากครับ แถมยังมีนักเรียน ไทยมาใหม่อีกหนึ่งคน ดีใจมากครับ แถมยัง จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่เมืองไทยด้วย :) ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทางโรงเรียนภาษา เค้าจัด งาน International Fair พอดี คือ เค้าจะให้ นักเรียนแต่ละประเทศ ประชาสัมพันธ์ประเทศ

ตัวเอง ต้องทำ� Board ไปวาง พอดีเลยครับ…สองหัว ดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว ^^ งานเลยออกมาดีกว่าที่คิด เอาหนังไปเปิดด้วย เรื่อง Ong Bak (องค์บาก) คน ชอบกันเยอะครับ เพิ่งรู้ว่าที่นี่ องค์บากดังเอามาก ๆ คน ต่างชาติรู้จักกันเยอะ แล้วก็แต่ละชาติ ต้องทำ�อาหาร ไปด้วยหนึ่งอย่าง เลยเลือกทำ�ไก่สะเต๊ะไป ผลตอบรับดี มากครับ หมดเป็นอย่างแรกเลย ^0^


หลังจากเปิดเทอมคอร์สที่สองไปได้ซักเดือน ผลการสมัครเรียนปริญญาโท ก็เริ่มตอบกลับมา แล้วครับ สมัครไปน่าจะแปดที่ได้ ปฏิเสธกลับมาอย่าง เร็วประมาณ 4 ที่… ใจหายเลยครับ ตอนนั้นเริ่มไป สอบ GMAT แล้วก็สมัคร MBA แล้ว เพราะว่า ถ้าสมัครมหาวิทยาลัยที่ตัวเองเรียนภาษา เค้าจะรับ เข้าง่ายกว่า แต่โชคยังดีครับ ปลายๆของคอร์ส มี มหาวิทยาลัยตอบรับมาแล้วหนึ่งที่ คือ Utah State University ตอนนั้นก็ติดต่อคนไทยที่นั่น หาข้อมูล แล้วก็จองตั๋ว เพื่อที่จะบินไปจองบ้าน แล้วก็เจอกับ อาจารย์ที่ปรึกษา แต่ปรากฏว่า ตอนปิดคอร์ส มี อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยตอบรับ คือ University of Missouri ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พ่อเรียนจบมา แต่ คนละวิทยาเขต ก็เลยมีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เลื่อนวัน แล้วก็แวะไปดูมหาลัยที่ Missouri ด้วย หลังจากไปดูมหาวิทยาลัย แล้วก็คุยกับ อาจารย์เรื่องงานวิจัยแล้ว เลยตัดสินใจเรียนที่ University of Missouri เพราะสนใจในงานวิจัย มากกว่า ทั้งๆที่ เค้ารับเข้าแบบ On probation คือ จะต้องได้เกรดเทอมแรกมากกว่า 3.00 และห้ามได้ C เพราะว่าคะแนน GRE ที่ยื่นมันต่ำ�กว่าเกณฑ์ (หลัง จากเรียนภาษาเสร็จ ไม่ได้สอบ GRE แล้วก็ TOEFL ใหม่ ยังใช้คะแนนที่เอามาจากไทยยื่น เพราะค่าสอบ แพงมากครับ) ในขณะที่ Utah State University เสนอทุนให้ แต่ตอนนั้นคิดว่า ต้องอยู่กับงาน ตั้งหลายปี น่าจะเลือกสายที่เราชอบมากกว่า แล้วอีก อย่าง อากาศที่ Utah มันจะหนาวมาก ๆ แล้วก็ หิมะตกเยอะมากครับ วันที่ไปถึงถ้าจำ�ไม่ผิด อุณหภูมิ ประมาณ -17oF (-27oC) มองไปทางไหนก็เห็นแต่ สีขาว เลยคิดว่าอยู่ไม่ไหวแน่ ๆ

แต่ที่ Missouri วันที่ไปไม่มีหิมะ ยังเห็นหญ้าเขียว ๆ อยู่บ้าง อากาศก็ไม่ถึงขนาดติดลบมากมาย ( ไป ช่วงกลางเดืิอนธันวาคม) สุดท้ายเลยส่ง email ไป ขอโทษอาจารย์ที่ Utah แล้วก็ยืนยันกับทาง University of Missouri ว่าจะไปเรียน แล้วก็ไปทำ� เรื่ อ งย้ า ยมหาวิ ท ยาลั ย ที่ เ รี ย นภาษาก็ เ ป็ น อั น เสร็ จ เตรียมตัวไปเที่ยว พักผ่อน ก่อนจะเริ่มเรียนปริญญา โท ตามที่วางแผนกับเพื่อนคนไทยที่เรียนอยู่ที่รัฐอื่นไว้ โล่งใจจริงๆ ครับ สุดท้ายก็มีที่เรียนจนได้ เล่ ม หน้ า เตรี ย มพบกั บ ประสบการณ์ ส นุ ก สนุก ระหว่างไปเที่ยวได้ครับ สำ�หรับเล่มนี้คงต้องจบ แต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ เดือนมิถุนายนครับ ^^^


JUST A THOUGHT

Letgreener us go Year

2010, Bangkok Metropolitan Administration (BMA) figures show that every day, more than 600,000 plastic bags are used in this city of nine million people, Their annual disposal cost more than 600 million baht (18.4 million AUD). There are others problems that we should focus on are air quality and water quality, declining wildlife populations, deforestation, soil erosion, water scarcity, and hazardous waste issues more than just plastic usages, its includes; vehicles — motorcycles make up around 75% of the vehicles on the road in Thailand; diesel trucks and buses also contribute many pollutants. Industry which contribute between 60 and 70 percent of the country’s industrial emissions. Power plants — most energy production relies on burning of fossil fuels, agricultural burning and garbage burning. Bangkok’s air exceed WHO standards by 2.5 times, and other air pollutants are also causing major health impacts.

ทุกๆวันมีถุงพลาสติกมากกว่า 600,000 ใบถูกใช้ใน เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ ที่มีประชากรประมาณ 9 ล้านคน ต้องเสีย ค่าใช้จ่ายในการกำ�จัดขยะมากกว่า 600 ล้านมาก (ประมาณ 18.4 ล้านเหรียญออสเตรเลีย) ข้อมูลจากกรุงเทพมหานครในปี 2010 คุณภาพของอากาศและน้ำ� การรุกทำ�ลายป่าไม้ การ กัดเซาะดิน รวมไปถึงปัญหาปริมาณรถที่มีมากขึ้น มีมอเตอร์ไซต์ วิ่งในกรุงเทพมหานครมากกว่า 70% ของรถบนถนน รถบรรทุก และรถประจำ�ทางก่อมลภาวะมากขึ้น การปล่อยของเสียจากโรงงาน อุตสาหกรรม การเผาขยะ เกิดปัญหาต่อสุขภาพของคน

“We need to make

buildings work with nature and not fight against nature.

Mick Pearce เปลี่ยนแปลงให้คนเกิดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยากร ปีที่แล้ว Tesco Lotus และ Home Pro ออก รณรงค์รักษ์โลก ทั้งโครงการ No Bag, No Baht และ Green Bag Green Point มีการรณรงค์ร่วมกับร้านค้า มากกว่า 5,000 ร้านในตลาดจัตุจักร รณรงค์ให้เอาถุงมาใส่ สินค้าเอง การเปลี่ยนพฤติกรรมการประหยัดและดูแลสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สิ่งแวดล้อมของเราดียิ่งขึ้น Story by Suwanit Downing


There

are many ‘go green’ campaigns that bring many people together to develop and implement their own responses to the climate change and energy security, by changing the way we use energy, travel, eat and grow food, and waste resources. Last year supermarket chain Tesco Lotus and furniture store Home Pro are taking part in the going green project. Before the ‘No Bag, No Baht’ project was relaunched, Tesco Lotus already had its own ‘Green Bag Green Point’ campaign, since then many small businesses are joining in more than 5,000 stores in Bangkok’s famous Chatuchak market participated. Chatuchak market have become a pleasant experience, buyers are encouraged to bring their own bags. The next important step is for more people to get involved. From practicing reduce, reuse, recycle as a way of life, to buying clean energy, or volunteering for one of the many habitat-rebuilding projects. We can all play a significant role in our quest. We can start by going through what we already have, changing the way we use energy, travel, eat and grow food, and waste resources. There are many little things we can do to play a part in saving the planet, to reduce the impact on the environment and to ensure that clean air and water are available for future generations.Power plants — most energy production relies on burning of fossil fuels, agricultural burning and garbage burning. Bangkok’s air exceed WHO standards by 2.5 times, and other air pollutants are also causing major health impacts.

Green Star คืออะไร ระบบการให้คะแนนตึกสูงที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ดูที่การก่อสร้างและ การดีไซน์ให้เข้ากับธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม 4 Star Green Star – signifies ‘Best Practice’ 5 Star Green Star – signifies ‘Australian Excellence’ 6 Star Green Star – signifies ‘World Leadership’ - ปิดไฟเมื่​่อออกจากห้อง ประหยัดพลังงานได้ 5% - ปิดก๊อกน้ำ�ขณะกำ�ลังแปรงฟัน โกนหนวด ล้างจาน - ใช้กระดาษเอกสารทั้งสองหน้าเมื่อต้องปรินท์เอกสาร และนำ� ตลับหมึกกลับมาใช้ใหม่ - อาบน้ำ�ภายใน 5 นาที นานกว่านี้อาจทำ�ให้การใช้น้ำ�อย่างสิ้นเปลือง - ปลูกต้นไม้ให้บ้านมีความร่มรื่น ช่วยบังแดดให้แอร์ทำ�งานน้อยลง - ซื้อผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม

“...ส่งต่อเรื่องราวการรักษ์สิ่งแวดล้อมเรื่องนี้ให้ แก่เพื่อนๆ เพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม จำ�ไว้เสมอว่า สิ่งเล็กน้อยสร้างความแตกต่าง ครั้งยิ่งใหญ่ได้...”

In

year 2005, The City of Melbourne has shown true commitment in achieving Australia’s first 6 star Green Star Office Design project – Council House 2. CH2 consumes only 15% and about 30% of the water of the energy of a regular building. It is located right in the heart of Melbourne’s CBD, on Little Collins Street. Since its completion in 2006, CH2 has changed the landscape of its local area, it is quite possibly the eco-office block of the future, its design principles have been taken from nature and inspired developers and designers across Australia and the world. A few years later, The Melbourne Convention and Exhibition Centre (MCEC) became the first convention centre in the world to achieve a 6 Star Green Star. MCEC has won the prestigious ‘Best Environmental Supplier Award’ at the Asia Pacific’s premier event for the business events industry.

What is Green Star?

It is a voluntary environmental rating system for buildings in Australia, in environmentally sustainable design and/or construction. Awarded by the Green Building Council of Australia (GBCA). Rating from: 4 Star Green Star – signifies ‘Best Practice’ 5 Star Green Star – signifies ‘Australian Excellence’ 6 Star Green Star – signifies ‘World Leadership’ To know more about CH2 go to www.melbourne.vic.gov.au/Environment/CH2


Getting started Switch to compact fluorescent bulbs. Turn off all lights when leaving a room, saving about 5% on energy bills annually.

Run the washer only with full loads. Turn off the tap while brushing, shaving, washing dishes.

Set computers to energy-saving settings and shut down your computers and monitors every night.

uble-sided ever possible. Print do Keep things digital when tridges. car rk, and recycle printer both at home and at wo

Take 5-minute showers, longer than that you’re wasting water.

Plant trees to buffer homes from wind and to help shade air conditioning and windows that get a lot of sun. Recycle everything possible, glass, metal, plastic, paper, cardboard and more. Buy products that are produced in a more environmentally sustainable manner and with less packaging.

Don’t forget to pass it on. Share these tips and your own tips with others. Be part of the responsibility to gogreen. And remember, a little bit can make a big difference.


Duo BAD Creative AWARDS

Interview พี่ชง สุวิทย์ จตุริยสัจจกุล พี่ตี่ วิชิต เจียมศิริกาญจน์ Executive Creative Director จาก GREY ADVERTISING

2011

คนไทยเก่ง ๆ มีอยู่มากมาย หลากหลายอาชีพ บางคนไม่ได้เป็นข่าวให้เรา ได้รับรู้ แต่ในเวทีต่างประเทศ ดังสุดๆ วันนี้ทาง UNDO MAGAZINE ได้รับเกียรติมาสัมภาษณ์คนโฆษณาคู่หนึ่งที่กวาดรางวัลระดับโลกมา มากมาย CANNES, ADFEST และ BAD AWARDS ด้วยผลงาน เป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก ทำ�ให้พี่ ๆ ทั้งสองได้รับเกียรติเป็นกรรมการตัดสิน งานโฆษณาระดับโลกอย่าง CANNES พี่ทั้งสองท่าน จะมาเปิดมุมมอง แนวคิด การสร้างไอเดียคิด งานโฆษณา ประสบการณ์ของพี่ทั้งสอง จะสร้างบันดาลใจ ให้น้องๆ ที่อยากก้าวไปทำ�งานด้านโฆษณาได้


ประวัติเล็กน้อยของพี่ชง และ พี่ตี่

ปัจจุบันนี้ทำ�งานอยู่ที่ GREY ADVERTISING บริษัท โฆษณาขนาดกลาง สบายๆ ก่อนหน้านีท้ ำ�งานหลายบริษัท โฆษณาระดับอินเตอร์มาก่อน เช่น SPA HAKUHODO MCCANN , CREATIVE JUICE \G1 ทำ�งานคู่กัน มาเกือบ 10 ปี

เวลาพี่ ๆ คิดงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง เริ่มต้นคิด ไอเดียจากอะไร พี่ตี่ - เริ่มจากโจทย์ของลูกค้าว่า ลูกค้าอยากพูดอะไร อยากนำ�เสนออะไร ต้องเข้าใจและตีโจทย์ให้ได้ชัดเจน อีก ส่วนหนึ่ง คือ ใช้ประสบการณ์ที่เคยเจอมา เอามาผูก เรื่องให้น่าสนใจอีกที พี่ชง – ที่พี่ตี่พูดว่า ประสบการณ์ที่เคยเจอมา คือ ประสบการณ์ของ Creative เองกับประสบการณ์ของ กลุ่มเป้าหมายต้องคิดตรงกัน ผู้บริโภคหรือคนที่เราจะ สื่อสารมีประสบการณ์ร่วมกัน จะเกิดความรู้สึกอินกับสิ่ง ที่เราสื่อสาร บวกกับโจทย์ของลูกค้าว่า จุดขายอยู่ตรงไหน พี่ตี่ - ในด้าน Marketing อาจจะตอบว่า ลูกค้าคิดยัง ไงกับสินค้าหรือมีนิสัยในการบริโภคสินค้าอย่างไร เข้าใจ ลักษณะพฤติกรรมเหล่านี้ ทำ�ให้เราคิดงานได้ตรงเป้า หมายมากขึ้น

เสนอไอเดี ย แล้ ว ไม่ ต รงความต้ อ งการของ ลูกค้าบ้างไหม พี่ชง – ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ต้องคุยกัน เราหวังดีกับ ลูกค้าเสมอ อยากทำ�ให้สินค้ามีจุดขาย มี concept ที่ แข็งแรง พยายามจูน พยายามแชร์ความคิดเข้าหากัน พี่ตี่ - ไม่มีถูก ไม่มีผิด อยู่ที่ความสบายใจของลูกค้าว่า อยากนำ�เสนอลักษณะบุคลิกยังไง พี่ชง – นอกจากคำ�พูดที่เสนอออกไป อยู่ที่โทนด้วย อย่างเช่น หนังโฆษณาของไทย มาเร็วเคลมเร็ว หรือโทน เท่ห์ ๆ ซึ้ง ๆ

ปีนี้พี่ ๆ เป็นประธานงานประกวดโฆษณา BAD AWARDS อยากให้พูดถึง Concept งาน ในปีนี้

พี่ชง – จริง ๆปีนี้มีคิด Concept ของงานไว้แล้ว แต่ขอ อุบไว้ก่อน แต่จะพูดถึงวัตถุประสงค์สำ�คัญ งาน BAD AWARDS ในแต่ละปี จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ แก่คนในวงการโฆษณา คนรุ่นใหม่ ๆ และคนภายนอก ได้รับรู้พัฒนาการของวงการโฆษณาในเมืองไทย โลก มัน connect กันหมดแล้ว อย่างเช่น คานส์ (เวทีงาน ประกวดโฆษณาระดับโลก ) จะได้รู้ว่าเมืองไทยมีมาตรฐาน งานที่ดี พี่ตี่ - คำ�ว่า โฆษณา อาจจะฟังดูแคบไปแล้วสำ�หรับ วงการโฆษณา มันคือการสื่อสารทั้งหมด แต่ก่อนอาจจะ


แยกกันว่า โฆษณาก็คือโฆษณา การสื่อสารก็แยก จากกัน ทุกปีสื่อมีการเปลี่ยนแปลง อยากให้รู้ว่า มีอะไร ใหม่ จุดประสงคของเวที BAD AWARDS คือ กระตุ้น ความคิดสร้างสรรค์ วงการนี้ก็ต้องสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ พี่ชง – อยากให้งานใหม่ งานล้ำ�สมัย บวกความเข้มข้น และวิธีการคิด พี่ตี่ - ปีนี้จะมีการเพิ่มหมวดใหม่ ๆ ในการส่งประกวด โฆษณา เช่น หมวด Best Use of Celebs เนือ่ งจาก โฆษณาปัจจุบนั นีม้ กี ารใช้คนดัง ดารา มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ยังไม่เคยมีการประกวดว่า จะเอาคนเหล่านี้มาทำ�ให้โฆษณา มันสร้างสรรค์ได้ดว้ ย นอกจากนัน้ ยังมีการประกวดในหมวด หมู่สื่อ Promo กับ Direct

พี่ชงและพี่ตี่ ได้รับเลือกเป็นประธาน BAD AWARD 2011 ได้ยังไง

พี่ชง – ย้อนหลังไป แต่ก่อนถูกก่อตั้งโดย คุณภาณุ อิง คะวัต (GREYHOUND) สมัยที่ยังเป็นครีเอทีฟแนว หน้า ได้ก่อตั้ง BAD AWARDS เพื่อให้เป็นสังคมคน โฆษณา วิธีคงอยู่ของสมาคมนี้ คือ เลือกเฟ้นคนที่มีผล งาน หรือ เป็นที่รู้จักในกลุ่ม CREATIVE จะมีเปลี่ยน ในทุกปี อาจจะถึงช่วงเวลาของเรา แต่ก่อนก็เป็นทีมงาน แต่มาปีนี้อาจจะเห็นว่า เราสองคนเหมาะสม มีผลงานมา บ้าง อาจจะเป็นมาตรฐานในปีต่อ ๆ ไป เพราะการทำ�งาน ให้กับ BAD เป็นการทำ�งานที่ต้องเสียสละ ถ้าจะเลือก คนทำ�งาน ต้องมีใจ มีเวลา ทุ่มเทในการทำ�งานตรงนี้

อยากให้พูด ถึ งความแตกต่างระหว่างองค์ กร ใหญ่กับองค์กรเล็กในวงการโฆษณา

พี่ชง – องค์กรใหญ่ลำ�ดับขั้นก็จะเยอะขึ้น คนเยอะ ขึ้น ข้อดี คือ บริษัทใหญ่มีประสบการณ์ มีระบบ ระเบียบ คนในองค์กรมีประสบการณ์เยอะ แต่บางที การขยาย หรือ การตัดสินใจ อาจต้องใช้เวลาและขั้น ตอนมากหน่อย เพราะต้องตามลำ�ดับขั้น องค์กรเล็ก ก็อาจจะสลับกันไป แต่ไม่เสมอไป บางองค์กรมีการ จัดการที่ดี ก็ Move ได้เร็ว คล่องตัว ทำ�ได้เร็วขึ้น

พี่ ๆ เป็นกรรมการตัดสินงานคานส์ งานโฆษณา ระดับโลก เค้ามีวิธีตัดสินรางวัลกันอย่างไร

พี่ตี่ – คล้ายๆกัน พี่ชงเป็นกรรมการปี 08 พี่เป็น ประธานปี 10 ความแตกต่างระหว่างงานประกวดต่าง ประเทศกับเมืองไทย คือ จำ�นวนชิ้นงานประกวดต่าง กันมาก ต้องแบ่งงานเป็นกลุ่ม ๆในรอบแรก สมมติมี งาน 2,000 ชิ้น กรรมการ 5 คนดูงาน 600 ชิ้น นี้ อีก 5 คนดูอีก 600 ชิ้น สุดท้ายแล้วนำ�มารวมกัน เหลือกี่ชิ้น กรรมการทั้งหมดจะได้เห็น แต่งานประกวดใน ไทย กรรมการทุกคนเห็นทุกชิ้นงาน เพราะจำ�นวนงาน ที่ส่ง ไม่ได้มากเป็นพัน ๆ งานประกวดในไทยก็พยายามดู มาตรฐานของต่างประเทศถึงวิธีการตัดสิน เอามาปรับใช้ จะได้มีมาตรฐานสากลมากขึ้น


พี่ชง – ความสากลจะเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ละประเทศมี เอกลักษณ์ แต่ต้องใส่ความสากลในเรื่องที่พูดเข้าไปใน เรื่องราวที่จะบอก อย่างเช่น ร้อน หรือ หนาว ถ้ามัน ชัดเจนก็จะเห็นภาพ แต่ก็ต้องมีความใหม่เรื่อยๆ เหมือน ความเคยชินของคน แต่เราเคยเห็นงานแบบนี้มาก่อน กรรมการระดับโลกหลายคนก็เคยเห็นแล้ว ไอเดียถ้าไม่ ใหม่จริง ก็จะตกไปเร็ว วงการโฆษณาปัจจุบันนี้แตกต่างจากแต่ก่อนมากไหม พี่ชง – แตกต่างเพราะมันเร็วขึ้น เหมือนที่บอก ว่า องค์กรใหญ่กับองค์การเล็กไม่ค่อยต่างกันก็ตรงที่ เทคโนโลยีที่ใช้ ลูกค้าไม่ต้องรอนานเหมือนสมัยก่อน พี่ตี่ – ทำ�ให้ยากขึ้นด้วย ไอเดียก็จะคิดยากขึ้น เห็นงาน กันเยอะขึ้น ทันโลกกันหมด คิดอะไรก็ซ้ำ�กัน การคิดไอเดีย ไม่ให้ซ้ำ�เป็นเรื่องยาก พี่ชง – ข้อดี คือ ทำ�ให้เราศึกษาได้เร็วขึ้น ขยัน ๆ ก็ได้ ความรู้เพิ่มมากขึ้น

ตัวอย่างงานที่ความสำ�คัญมากกว่าการคิด ไอเดียรึเปล่า

พี่ชง – มันคือกระบวนการมากกว่า ก่อนที่จะคิดไอเดีย ได้ เหมือน ไก่กับไข่ CREATIVE จะคิดงานได้

ต้องมีข้อมูลในตัวบ้าง ไอเดียก็ต้องมีและต้องมีประสบการณ์ ด้วย เหมือนที่เราเรียน อาจารย์จะบอกว่าอยากจะ เป็น CREATIVE ต้องดูหนังเยอะๆ ตอนนั้นก็คิดว่า ดู หนังก็สนุกดี จริงๆดูเพื่อให้เรากว้างขึ้นและหยิบไปใช้ได้ รวดเร็ว

แนะนำ�น้องๆที่อยากทำ�งานวงการโฆษณา ควรเตรียมตัวอย่างไร

พี่ชง – ทำ�งานจริง เป็นงานที่เครียด มีหลายอย่างที่มา บีบ deadline ที่ต้องเค้นไอเดีย ลูกค้าคาดหวังว่า Creative ต้องคิดงานได้สนุกแน่ ๆ คำ�ว่า “สนุกแน่ ๆ” คือ ความคาดหวัง ต้องเตรียมยังไงว่า คิดให้สนุก พี่ตี่ – อยากทำ�อะไรในบริษัทโฆษณา เด็กบางคนส่งใบ สมัครแล้วบอกว่า อยากทำ�ตำ�แหน่งอะไรก็ได้ในบริษัท โฆษณา ต้องชัดเจนก่อนว่า อยากเป็น CREATIVE, AE หรืออยากทำ� MEDIA ต้องรู้ตัวเองก่อน อย่างเช่น อยากเป็น CREATIVE ต้องรู้ว่า เราชอบเขียนหรือ ถนัดความสวยงาม สามารถสร้างสรรค์ภาพได้ดีกว่า แต่บางคนมาแบบอะไรก็ได้ ขอให้ได้เข้ามาก่อน พี่ชง – โลกมันหมุนเร็ว บางทีข้อได้เปรียบของเด็กรุ่น ใหม่ คือ เห็นหมดทุกอย่างทาง internet ไม่ต้องรอ ช้า สมัยก่อนต้องรอเจ้านายไปดูงานต่างประเทศแล้วหิ้ว หนังสือมาให้ดูเป็นแนวไอเดีย สมัยนี้สามารถ search หาได้เอง น้องๆอาจะชะล่าใจว่า มันง่าย แต่จริง ๆ ต้อง อาศัยทักษะในการคิด (THINKING)


พรสวรรค์กับพรแสวงมีผลต่อเด็กรุ่นใหม่ที่ อยากทำ�โฆษณาไหม พี่ชง – ต้องมีทั้งคู่ แต่พรแสวงมักจะได้เปรียบ กว่า เผลอๆจะเก่งกว่าที่มีพรสวรรค์ เพราะมี การพัฒนาเรื่อยๆ พี่ตี่ – ขยันคิดเยอะๆ มีงานที่โดนบ้าง ถ้ามี พรสวรรค์ แต่ไม่ได้ขยันคิด ก็จะไม่รอด

“...เด็กบางคนส่งใบสมัครแล้วบอกว่า อยากทำ�ตำ�แหน่งอะไรก็ได้

ในบริษัทโฆษณา ต้องชัดเจนก่อนว่า อยากเป็น CREATIVE, AE หรืออยากทำ� MEDIA ต้องรู้ตัวเองก่อน อย่างเช่น อยากเป็น CREATIVE ต้องรู้ว่า เราชอบเขียนหรือถนัดความ สวยงาม สามารถสร้างสรรค์ภาพได้ดีกว่า แต่บางคนมาแบบอะไรก็ได้ ขอให้ได้เข้ามาก่อน...”


Portfolio by TEE & CHONG













La Isla de los Alcatraces

Photography by l2aven



“La Isla de los Alcatraces” means “The Island of Pelicans”. It is currently an abandoned prison and the site of the oldest operating lighthouse on the west coast of the United States. The island became a Federal Bureau of Prisons federal prison in August 1934 after it had been used for military prison since 1861. Alcatraz had been used as a federal prison for 29 years and it was closed in March 21, 1963. It was also known as “The Rock”. During its 29 years of operation, the penitentiary claimed no prisoners had ever successfully escaped. Thirty six prisoners were involved in 14 attempts, two men trying twice; 23 were caught, six were shot and killed during their escape, and three were lost at sea and never found.


Because it was far more expensive to operate than other prisons (nearly $10 per prisoner per day, as opposed to $3 per prisoner per day at Atlanta), and due to half a century of salt water saturation which severely eroded the buildings, the penitentiary was closed on March 21, 1963 by decision of Attorney General Robert F. Kennedy. Another contributing factor for the closure was the pollution produced by the sewage deposited into San Francisco bay from the approximately 250 inmates and 60 Bureau of Prisons families on the island.


After the prison was closed, the Alcatraz Island was occupied by a group of Native Americans to use as a education, ecology and cultural center from 1969 to 1971. Alcatraz became a national recreation area since 1972 and it was further declared a national historic landmark in 1986.


Because it was far more expensive to operate than other prisons (nearly $10 per prisoner per day, as opposed to $3 per prisoner per day at Atlanta), and due to half a century of salt water saturation which severely eroded the buildings, the penitentiary was closed on March 21, 1963 by decision of Attorney General Robert F. Kennedy. Another contributing factor for the closure was the pollution produced by the sewage deposited into San Francisco bay from the approximately 250 inmates and 60 Bureau of Prisons families on the island.

Many movies have been shot on Alcatraz since 1937, the example of some popular movies would be “The Birdman of Alcatraz (1962)”, “Escape from Alcatraz (1979)”, “Star Wars: Episode V - The Empire Strikes Back (1980), “Batman Forever (1995)”, “The Rock (1996)”, “Catch Me If You Can (2002)”, and “The Book of Eli (2010)”. References: Wikipedia and IMDb


Photography & Story by Tomomi Hamada

no rice no life Since a long time ago, rice has been loved by Japanese people as stable food on a dining table and it goes well with any dishes. There are many kinds of way to have rice so I would like to introduce some on here.

ข้ า วเป็ น ส่ ว นสำ � คั ญ ในวั ฒ นธรรมอาหารของ คนญี่ปุ่น มีหลายหลายเมนูที่ใช้ข้าวมาเป็นส่วน ประกอบ เช่น OKAYU (ข้าวต้ม) , ข้าวผัด เนื้อที่เรียกว่า YAKI MESHI ,ONIGIRIข้าวปั้น สไตล์ญี่ปุ่นที่ทุกคนรู้จักกันดี , ข้าวอบทรงเครื่อง (TAKI KOMI GOHAN) , ข้าวใส่ไข่ราดซอส (TAMAGO KAKE GOHAN) , ข้าวเทมปุระ ราดซอส (TEN DON) For example, we boil rice for rice porridge called “Okayu”, fry rice with vegetable and meat called “Yaki meshi”, put curry on the top, make rice ball with some pickle inside called “Onigiri”, cook rice with seasonings and vegetable called “Taki komi gohan”, put a raw egg on the rice with soy sauce called “Tamago kake gohan”, put tempura on a rice bowl with sweet sauce called “Ten don” and more!


Those are almost Japanese cuisine but there are some dishes came from another Asian countries and some are mixed with European foods or American foods. For example, we have “Omu rice” which is mixed with Omelet and rice. “Omu rice” is one of the Japanese dishes now with ketchup rice, fried vegetables and meat and rolled with egg and put ketchup on it. This is more familiar to Japanese people rather than Omelets in Japan. For example, we have “Omu rice” restraint and each shops have many kinds of sauce which puts on it such as cream, tomato sauce, curry sauce sometimes and as well as with mash room, grated radish and fish stock soup called Japanese style. It sounds like “pasta” doesn’t it??

อาหารญี่ปุ่นบางชนิดมีการผสมอาหารจากชาติอื่นด้วย เช่น EMU RICE ข้าวไข่คน ใส่ผัก เนื้อ ราดซอสมะเขือเทศ เป็นที่นิยมมากสำ�หรับคนญี่ปุ่นแทนไข่คน ที่รู้จักกันในอาหารตะวัน ตก บางร้านในญี่ปุ่นมีการปรับเมนูข้าวไข่ด้วยการใส่ซอสที่แตกต่างกันไป เช่น ครีมซอส ซอส มะเขือเทศ พริกแกง อาจจะมีเห็ด หัวไชเท้า และซุปปลาในสไตล์ญป่ี นุ่ ฟังดูคล้ายพาสต้าอิตาลี เหมือนกัน เมนูอาหารง่ายๆ ฉันมักจะทำ�กินหลังจากกลับบ้าน คือ DON มีความหมายว่า ข้าว แต่จานโปรด สุดๆที่มักทำ�กินเป็นประจำ� ได้แก่ AVOCADO DON นึกภาพถึง ข้าวใส่ผลอะโวคาโด ทูน่า ราดนำ�้​้มันงา ซอสถั่วเหลือง และใส่ NATTO (ถั่วเหลืองหมัก ) โรยด้วยผักดอง รสชาติถูกใจ


As I come back home late and want to cook easily and quickly, I usually cook “Don” menu quite often. Again “Don” means a bowl of rice. If you have a cup of rice then it will very easy and useful recipe. My favorite one is “Avocado don”. As you can imagine, I put avocado and tuna which mixed with soy sauce and sesame oil, Natto which made of soybeans and put cut green perilla leaf on the top. Rice is really filling and last long rather than noodle or bread. Japanese people start a day with having rice in the morning with some pickles and miso soup, having Onigiri, rice ball as lunch or bringing their lunch box with half rice and dishes and finish with having rice at home as dinner. As a history of rice, people were paying tax by bringing their pack of rice to the boss in an old times and every autumn people held a festival for their harvest. Sumo, Japanese traditional sport has been told that it was originally come from one of a ritual ceremony to pray for a good harvest. Not only the white rice, we have other kinds of rice such as brown rice and red rice. Recently brown rice is getting more popular around the world because it is good for your health. As for the red rice, we have this rice when people celebrate someone as graduation and birthday (especially on the 20th birthday). It is a bit sticky and it has a soy beans in it. It was special menu before but now you can find “Red rice ball” at any convenience stores. Even the food’s culture has been changed, people still love their way of having “Rice” and I hope they keep a beautiful scenery with rice fields as it has been passed down from generation to generation.

ข้าวก็เทียบได้กับก๋วยเตี๋ยวหรือขนมปัง คนญี่ปุ่นเริ่มวันใหม่ ด้วยการกินข้าว ผักดอง และซุปมิโซะ ในตอนเช้า ข้าวปั้น หรือข้าวกล่องในมื้อกลางวัน และทำ�ข้าวกินที่บ้านในตอนเย็น ในประวัติศาสตร์ข้าวนั้น ชาวบ้านจ่ายภาษีด้วยการนำ�ข้าวมา ให้เจ้านายและฤดูใบไม้ร่วงในทุกปี จะเริ่มเทศกาลเพาะปลูกข้าว เหมือนอย่างเช่น ซูโม่ กีฬาประจำ�ชาติญี่ปุ่น ต้นกำ�เนิดจริงๆ กำ�เนิดมาจากประเพณีการเล่น เพื่อการเพาะปลูกที่ดีขึ้น ญี่ปุ่นมีข้าวหลายชนิด ข้าวขาว ข้าวซ้อมมือ และข้าวกล้อง ข้าวกล้องเป็นที่นิยมในทั่วโลกเพราะช่วยให้สุขภาพดี คนญี่ปุ่น จะมีประเพณีการกินข้าวซ้อมมือใส่ซอสถั่วเหลือง (ข้าวปั้นซ้อม มือ) เพื่อเฉลิมฉลองการเรียนจบหรือวันเกิด ( โดยเฉพาะการ ฉลองวันเกิดอายุครบ 20 ปี) ปัจจุบันนี้สามารถหาซื้อข้าวปั้น ซ้อมมือตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป

“...ถึงแม้ว่าวัฒนธรรมอาหารในปัจจุบัน จะเปลี่ยนไป คนยังคงรักและนิยมกิน ข้าว ฉันวาดฝันบรรยากาศทุ่งข้าวอัน สวยงามชั่วลูกชั่วหลานต่อไป...”



Illustrated by CHARLIE




INTERVIEW WITH

อาจารย์ปิติวงษ์ กับ ค่ายมารีนอีโค ค่ายความรู้เรื่องทะเล เล็กๆแบบเอ๊กซ์ตรีม พอพูดถึงคำ�ว่าค่าย ผมว่าทุกคนต้องเคยไป แหละ ไม่ว่าจะเป็นค่ายพักแรม ค่ายพัฒนาบุคลิกภาพ ค่ายอาสา รวมถึงค่ายส่งเสริมการเรียนรู้และค่ายอื่นๆ อี ก มากมายที่ ผุ ด ขึ้ น มาเพื่ อ ให้ เ ป็ น ที่ จั ด กิ จ กรรมร่ ว ม กัน ค่ายมารีนอีโคนี้ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งครับ ที่เปิดโอกาส ให้นักศึกษาจากทั่วประเทศไทย ที่อยากเรียนรู้เรื่องราว เกี่ยวกับทะเล ให้มาอยู่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกันที่นี่ และ ร่วมเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับทะเลไปด้วยกัน และค่ายนี้ นะครับ... แม้ว่าจะรับจำ�นวนเด็กที่เข้ามาร่วมกิจกรรมใน ค่ายไม่มากนัก นั่นก็คือประมาณ 30-35 คน แต่ผม ว่าทุกๆคน ที่ได้เข้ามาในค่ายนี้ต้องได้รับประสบการณ์ ดีๆ ได้เรียนรู้เรื่องราวดีๆ และนำ�เรื่องราวดีๆเหล่า นั้ น ไปแบ่ ง ปั น กั บ เพื่ อ นๆของพวกเขาต่ อ อย่ า งแน่ น อน และในวันนี้นะครับ ผู้ที่จะมาให้ความรู้กับเรา เกี่ยวกับเรื่องราวของค่ายมารีนอีโคนี้ ก็เป็นอาจารย์ท่าน หนึ่งที่เป็นผู้ดูแลค่ายนี้ครับ รวมถึงอาจารย์เองก็ยังคง เป็นอาจารย์ผู้ติว ผู้ดูแลนักเรียนไทยที่จะไปแข่งชีววิทยา โอลิมปิกด้วยนะครับ ก็ขอแนะนำ�ให้รจู้ กั กับอาจารย์ปติ วิ งษ์ ตันติโชดกครับ!! สวัสดีครับอาจารย์

สวัสดีครับ! ผมกายครับ และคอลัมน์ Sci & ‘Tist ในวันนี้ ผมเองก็ยังคงอยู่ในภูเก็ตเหมือนเดิมครับ ก็ ยังไม่ได้เปลี่ยนสถานที่ไปไหน แต่ภูเก็ตในวันนี้มีอะไรพิเศษ อย่างหนึ่งเกิดขึ้นครับ เพราะว่าตอนนี้ผมกำ�ลังอยู่ในค่าย ค่ายหนึ่งที่มีชื่อว่า ค่าย มา รีน อี โค!!!!! ฮิ่ว-ว!!! นะครับ ก็... ค่ายมารีนอีโค หรือชื่อเต็มว่า โครงการนิเวศวิทยา ทางทะเลภาคฤดูร้อน ก็เป็นค่ายส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยว กับสิ่งแวดล้อมทางทะเลครับ ก็จัดขึ้นเป็นประจำ�ทุกปี ปีละ ประมาณ 1 เดือน ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ 19 แล้ว ส่วนสถานที่ ในการจัดค่ายนี้ก็คือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทาง ทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ตครับ เจ้า เก่าครับ เจ้าประจำ�ของผมเอง

ภาพ : บรรยากาศการเรียนตอนเช้าครับ พอดีวันนี้เรียน เกี่ยวกับแพลงก์ตอน ตอนเช้าก็จะเป็นการให้ความรู้ในเรื่อง ของความหลากหลายของแพลงก์ตอน และตอนบ่ายก็จะ เป็นภาคปฏิบัติการ ออกภาคสนาม เก็บตัวอย่าง และมา หาชนิดของแพลงก์ตอนที่เก็บมาได้กัน


ภาพ : น้องๆ ก็ต้องลงมือทำ�เอง ทั้งในการเตรียม อุปกรณ์และการเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอนขึ้นมา จากน้ำ�ทะเล

ภาพ : วิทยากรสุดแนวกำ�ลังอธิบายถึงวิธีการเก็บ แพลงก์ตอน อาจารย์ ปิ ติ ว งษ์ ต อนนี้ ก็ เ ป็ น อาจารย์ ประจำ�อยู่ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ครับ จังหวัด นครศรีธรรมราช ก็รับหน้าที่ดูแลค่ายนี้มาตั้งแต่เริ่ม ต้นครับ ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ส่วนสาเหตุที่ ต้องมาจัดค่ายกันที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากร ทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต นี่ก็เพราะ... อาจารย์เล่าให้ฟังว่า... ที่นี่เป็นห้องเรียน ธรรมชาติทิ่ยิ่งใหญ่ครับ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า มีสิ่งอำ�นวยความสะดวกที่ส่งเสริมการเรียนรู้ได้ดี มี บุคลลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่จะมาให้ความ รู้กับนักศึกษาได้อย่างดี แล้วก็ในส่วนของอาจารย์ เองที่เคยเป็นนักเรียนรุ่นแรกที่ได้มาเรียนที่นี่ เคยเป็น ศิษย์เก่าของที่นี่ ก็เลยอยากจะตอบแทนด้วยการที่ให้ เด็กรุ่นใหม่ ๆ ได้มีโอกาสมาเรียนรู้ด้วยเหมือนกัน ก็... ค่ายนี้ก็เปิดรับนักศึกษาจากทั่วประเทศครับ ทั้งจาก มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือ อีกหลายๆแห่ง ที่อยากจะมาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ ทะเล อย่างเช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ที่ไม่มีวิชาสอนเกี่ยวกับทะเลเลย ที่นี่ก็เปิดรับ เช่นกันครับ

และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย... เพราะอาจารย์บอกว่า เด็กที่มาที่ นี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลยครับ... สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สปอนเซอร์ครับ ก็คือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ครับ ที่เอื้อเฟื้อ ในเรื่องของบุคคลากร สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ที่เอื้อเฟื้อสถานที่และ วิทยากร และสุดท้ายครับบริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำ�รวจและ ผลิตจำ�กัดที่สนับสนุนทุนให้กับค่าย... ก็ โอเคนะครับ เกริ่นกันมา นาน ก็ขอเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่านะครับ... ภาพ : การทิ้งถุงเก็บแพลงก์ตอน ลงในทะเล เพื่อเก็บตัวอย่าง


Story & Photo by

IGGY’ De Guy

ผมว่านะครับ ค่ายหลายๆค่ายถูกจัดมาเนี่ย ก็มีจุดประสงค์หลักอย่างหนึ่งก็คือ ให้ผู้คนที่มาอยู่ในค่ายนี้ได้ทำ�กิจกรรมร่วม กัน และสิ่งที่จะทำ�ให้ค่ายแต่ละค่ายแตกต่างกันก็คงจะเป็นในเรื่องของรายละเอียด ในเรือ่ งของกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของแต่ละ ค่าย แล้ว... จุดเด่นของค่ายมารีนอีโคนี้ คืออะไรเหรอครับอาจารย์?

“จุดเด่นของค่ายนี้... จุดเด่นมากๆเลยประการแรกก็คือ นักศึกษาได้เรียนรู้จากอาจารย์ที่มี ประสบการณ์โดยตรงครับ ก็จะมีผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้าน เช่นอาจารย์คนนี้เชี่ยวชาญเรื่องพะยูน อาจารย์คนนี้เชี่ยวชาญเรื่องปะการัง อาจารย์คนนี้เชี่ยวชาญ เรื่องแพลงก์ตอนหรือสิ่งเล็กๆในทะเล รวมถึงด้านอื่นๆ เด็กก็จะได้มาเรียนรู้โดยตรง ประการที่สองคือ เด็กได้เห็นของจริงๆ อย่าง ปูทางไว้สำ�หรับนักศึกษาหรือนักวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ เช่น เด็กบางคนมาจากขอนแก่น เด็กบางคนมาจากเชียงใหม่ ทางทะเลรุ่นใหม่ ๆ น่ะครับ” แม้แต่เด็กมหิดลเองก็เรียนกันมาจากห้องเรียน ไม่เคยเห็น ของจริงเลย สัตว์ตัวนี้เป็นยังไง หรือสิ่งมีชีวิตนี้เป็นยังไง และนี่ก็เป็นจุดเด่นที่ว่า เออ นี่ได้เห็นของจริงๆ ได้สัมผัส ได้ ภาพ : รับประสบการณ์จริงๆที่เกิดจากการลงมือทำ� อย่างเช่น เข้า ป่าชายเลน หรือไปดำ�น้ำ� หรือไปอะไรต่อมิอะไร เค้าก็จะได้ไป เมื่อเก็บตัวอย่างน้ำ�ทะเลมา เรียนรู้ ไม่ใช่ไปนั่งจินตนาการอยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว ผม ได้แล้ว ก็นำ�น้ำ�ทะเลที่ได้มา กลัวว่า ถ้าเราไปสอนที่กรุงเทพฯ หรือที่อื่นๆเนี่ย มันอาจจะ บรรจุใส่ขวดเก็บตัวอย่าง แห้งไป เพราะว่ามันไม่ได้เห็นของจริง นักเรียนต้องวาดภาพ ก่อนทีจ่ ะนำ�ไปหาชนิดแพ เอา ก็... มีการเรียนการสอนส่วนใหญ่ในภาคเช้า และภาค ลงก์ตอนกันต่อไป บ่ายก็จะจัดให้มีการออกภาคสนามครับ นอกจากนี้ จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือ นักศึกษาทั้ง หลายได้มาพบปะกัน เพราะว่าเขามาจากสถานที่ต่างๆ คือ... หลังจากที่เค้าจบไปแล้วเนี่ย ถ้าเค้ายังวนเวียนอยู่ในสาขา อาชีพนี้ เค้าก็จะได้รู้จักกัน เค้าก็จะได้ทำ�งานร่วมกันต่อไป รวมทั้งการติดต่อกับผู้สอน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะยังคงติดต่อกัน อยู่ เพื่อที่จะให้มีความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต ก็เป็นการ


ครับ... แล้ว เอ่อ เด็กที่เข้ามาในค่ายนี้เค้า ต้องทำ�อะไรบ้างเหรอครับ อาจารย์สอนอะไรบ้าง? “ในค่ายนี้นี่ เด็กไม่ต้องจ่าย ไม่ต้องเสียอะไร เลย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อยู่ฟรี กินฟรี เรียนฟรี ตลอด 1 เดือน นะครับ... เค้าต้องทำ�อะไรบ้าง... เค้าก็ต้องตั้งใจ เรียน บางคนก็เคยแอบมาสารภาพว่า นึกว่าจะมาเที่ยว ทะเล มาใช้ชีวิตภาคฤดูร้อน แต่ว่าจริงๆแล้วมันต้องมา เล่าเรียน เรียนหนักครับ เพราะบางทีก็ต้องเรียนช่วง กลางคืน อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมานี่ก็เรียนภาคกลางคืน ด้วยนะครับ แล้วก็เหนื่อย แม้จะเหนื่อยแต่ว่าสนุก เพราะ ว่าได้ออกภาคสนาม ได้ไปผูกเชือกกับเรือบ้าง ได้ไปทำ� วิจัยในทะเล เด็กก็จะได้ประสบการณ์ และช่วงสุดท้ายของคอร์สนี้นี่ก็จะมีการทำ�วิจัย เล็กๆครับ นักศึกษาก็จะรวมกลุ่มกัน อาจจะ 6-7 คน บ้าง 5 คนบ้าง แล้วก็ทำ�วิจัย 1 ชิ้น ซึ่งอาจารย์ที่นี่เอง หรืออาจารย์จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เองก็จะร่วมกัน เป็นที่ปรึกษา เมื่อทำ�วิจัยเสร็จแล้ว เค้าก็ต้องมานำ�เสนอ ผลงานวิจัย ก็เหมือนกับการนำ�เสนอผลงานทั่วไปเลย ก็ ฝึกให้เค้าเป็นนักวิจัยตั้งแต่เด็กๆน่ะครับ” แล้ ว ...นอกเหนื อ จากสิ่ ง ที่ มี อ ยู่ ใ นตาราง สอนแล้ว อาจารย์หวังว่าเด็กที่ได้เข้ามาอยู่ในค่ายนี้จะ ได้อะไรกลับไปบ้างครับ? “อย่างแรกนะ... ที่สำ�คัญ... ผมว่าเค้าได้ เพื่อน เพื่อนนี้คือเพื่อนที่เคยทั้งสุขทั้งทุกข์ และก็เคย ร่วมทำ�งานมาด้วยกัน แล้วก็... เค้าก็จะได้เป็นเกลอ ทางวิชาการต่อไป เพราะผมบอกไปแล้วว่า

เด็กเหล่านี้อาจจะได้ไปทำ�งานร่วมกัน เพราะฉะนั้นมัน ก็จะเป็นการทำ�ความรู้จักกัน รวมทั้งการรู้จักกับเจ้า หน้าที่หรือนักวิทยาศาสตร์ที่นี่ด้วย ก็จะง่ายขึ้นที่จะมี ความร่วมมือในการทำ�งานต่อไปในอนาคต และนอกจากความรู้ เราก็ยังปลูกฝัง จิตสำ�นึกในเรื่องของการอนุรักษ์ด้วยว่าเราจะช่วยกัน รักษาทะเล รักษาสิ่งแวดล้อมของเราได้อย่างไร”

ภาพ : น้องๆก็นำ�น้ำ�ทะเล ที่ได้มาส่องใต้ กล้องจุลทรรศน์ เพื่อหาแพลงก์ตอนครับ

ภาพ : อันนี้เป็นภาพที่ถ่ายได้จาก กล้องจุลทรรศน์ ก็เป็น แพลงก์ตอนพืชชนิดหนึ่ง


ครับ แล้วก็ พอดีผมสืบทราบมาว่า เด็ก ที่ จ ะเข้ า มาในค่ า ยนี้ ต้ อ งผ่ า นการคั ด เลื อ กมาก่ อ น คือ... ผมเห็นในค่ายอื่นๆเขาก็ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร มาก แค่สมัครก็เข้ามาได้เลย อาจจะจำ�กัดในเรื่อง ของจำ�นวน แต่ในค่ายนี้เนี่ย เด็กต้องผ่านการคัด เลือกเข้ามา... ทำ�ไมถึงต้องคัดเลือกเหรอครับ และ อาจารย์มีเกณฑ์ในการคัดเลือกอย่างไร? “เนื่องมาจากว่าต้องมาอยู่กับเรา 1 เดือน เนี่ย... ประการแรกเลย เด็กต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง ครับ เราก็จะพยายามคัดเลือกนักศึกษาที่สามารถ พึ่งพาตัวเองได้ และต้องว่ายน้ำ�เป็น และแน่นอน เด็กต้องมีพื้นฐานทางชีววิทยา และนิเวศวิทยาเบื้องต้นมาก่อน พอเค้ามาเรียนรู้ที่ นี่ เค้าก็จะได้เข้าใจถึงเรื่องราวที่เป็นไป เพราะว่าเรา จะมาปูพื้นฐานตั้งแต่ต้นไม่ได้ นักศึกษาต้องมีพื้นฐาน มาบ้างก่อนแล้ว แล้วก็... ต้องมีใจรักครับ ต้องอดทน สม บุกสมบัน คือ... บางทีเราก็ทราบนะครับว่าเด็กบาง คนเนี่ยถูกประคบประหงมมา พอมาภูเก็ตก็มาเที่ยว มาอะไร แต่ที่นี่ต้องมาล้างดิน ล้างกรวด ล้างทราย ต้องมาทำ�อะไรต่อมิอะไรเอง คือ... เด็กที่จะมาที่นี่ต้องมีสุขภาพแข็งแรง มีพื้นฐานที่ดี มีใจรัก และอดทน ครับ”

สุดท้ายครับ อาจารย์มีอะไรที่อยากจะ ฝากไปถึงนักศึกษา หรือประชาชนทั่วไปที่อยากจะ จัดค่ายส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและ การอนุรักษ์บ้างครับ? “ครับ ผมว่า โลกของเรานี่ มีการ เปลี่ยนแปลงเยอะในเรื่องของสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้ง ที่เกิดจากมนุษย์เป็นผู้เปลี่ยนแปลง และที่เกิดขึ้นเอง โดยธรรมชาติ แต่คราวนี้เนี่ย เนื่องจากมนุษย์มีเยอะ ขึ้นเรื่อยๆ ประเทศแต่ละประเทศก็จะมีประชากรล้น ไปหมดแล้ว มนุษย์เนี่ย ใช้ประโยชน์โดยรู้เท่าไม่ถึง การณ์ และก็ใช้ประโยชน์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมมาก เกินไป มากเกินกว่าขีดจำ�กัดที่สิ่งแวดล้อมจะรองรับ หรือป้อนให้ได้ ทีนี้ เราก็ต้องหันมาดู มาดูแลสิ่ง แวดล้อมของเรา เพราะว่าสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชา ติเนี่ย อยู่ได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์ แต่มนุษย์เนี่ย อยู่ไม่ ได้ถ้าไม่มีสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติที่ดี เพราะฉะนั้น เราจะต้องมาช่วยกัน และค่ายต่างๆเนี่ย ผมว่ามี ประโยชน์ที่จะมาใช้ปลูกฝังจิตสำ�นึก เพราะกลยุทธ์ ของการทำ�ค่ายทั้งหลายก็คือ ทำ�ให้สนุก แต่ในขณะ เดียวกัน เด็กก็ต้องได้รับข้อมูล หรือ แมสเสจ ที่ บอกไปด้วยว่า เราต้องช่วยกันรักษาโลกของเรา”


นะครับ... เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเรื่อง ราวของค่ายมารีนอีโค ซึ่งผมรู้สึกว่า ถ้าเรามีการ จัดทำ�ค่ายส่งเสริมการเรียนรู้แบบนี้กันมากขึ้น อาจจะ สอนในเรื่องอื่นก็ได้ อย่างเช่น ต้นไม้ใบไม้ ป่าเขา แม่น้ำ� ลำ�ธาร และสิ่งอื่นๆ ผมว่าประเทศของเราก็น่าจะมี เมล็ดพันธุ์ดีๆที่จะมาช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และ มาช่วยกันส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศ ของเราได้มากทีเดียว

ก็... ผมกายและคอลัมน์ Sci & ‘Tist ในวันนี้นะครับ ก็ต้องขอขอบคุณ Undo Magazine บ้านของพวกเรา ขอบคุณอาจารย์ปิติวงษ์มาก ครับ ที่สละเวลามาให้ความรู้กับเราในวันนี้ ขอบคุณ มากครับอาจารย์ ขอบคุณน้องๆและพี่ๆสต๊าฟค่ายมา รีนอีโคด้วยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณสถาบันวิจัย และพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่า ชายเลน จังหวัดภูเก็ตครับ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ และ... ขอบคุณโลกใบนี้ครับ ที่เป็นทั้งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เรียน รู้ และดับไปของพวกเรา ขอบคุณมากครับ และพบกัน ใหม่ใน Sci & ‘Tist ฉบับหน้าครับ สำ�หรับวันนี้... สวัสดีครับ

ภาพ : ตัวนี้เป็นแพลงก์ตอนพืชอีกชนิดที่มีชื่อว่าไดโนไฟ ซิส(Dinophysis)ครับ มันมีความสำ�คัญอยู่อย่างหนึ่ง คือ มันเป็นแพลงก์ตอนที่สร้างสารพิษ ถ้ามันไปสะสมอยู่ในตัวสัตว์ ทะเล(โดยเฉพาะหอยทะเล) เมื่อมนุษย์นำ�สัตว์ทะเลนั้นมากินก็อาจ ก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้ ภาพ : น้องๆก็ต้องทำ�การวาด ภาพแพลงก์ตอนที่เห็นใต้ กล้อง และระบุชนิดของ แพลงก์ตอน

ภาพ : อันนี้ภาพจากกล้องของวิทยากรครับ (สังเกต แพลงก์ตอนที่มีลักษณะเป็นแท่งต่อกันสี่แท่งโค้งๆ ทางด้านขวามือ) แพลงก์ตอนพืชตัวนี้มีชื่อว่า ภูเก็ตเอนซิส (Dactyliosolen phuketensis) สาเหตุที่มันได้ชื่อว่าภูเก็ตเอนซิส เป็นเพราะมันถูก ค้นพบเป็นครั้งแรกในจังหวัดภูเก็ตครับ



สปาเก็ตตี้ซอสเพสโต้ พร้อมปลาดอลลี่พริกไทยดำ�

***ซอสเพสโต้นี้ สามารถทำ�คราวเดียว แล้วเก็บไว้ใช้ได้นานมากๆๆๆค่ะ โดยแช่ไว้ในตู้เย็น ซึ่งสามารถนำ� มากินคู่กับขนมปังอบ หรือ หอยลายผัดกระเทียมก็เด็ด มากมาย*** นำ�ปลาดอลลี่ที่ล้างสะอาดแล้ว 2วางในกระทะที ่ร้อน เติมเกลือ พริกไทยดำ� คอยกลับด้านไปมา ไม่ให้ไหม้ แต่ให้พอเหลืองทอง ก็เสร็จเรียบร้อย

กันก่อนนะคะ 1มาทำ�ซอสเพสโต้ - เริ่มจากนำ�กระเทียมแกะเปลือก ใส่โถปั่นรวมกับเนยและน้ำ�มันมะกอก เล็กน้อย - ต่อจากนั้นพอส่วนแรกละเอียด ก็ใส่ใบโหระพา (เด็ดเอาเฉพาะใบ) รากผักชี ลงไปปั่นต่อ (ปริมาณประมาณ 2-3 กำ�มือ) - พอละเอียดใส่ผักชีลงไปปั่น (ผักชีควรหั่นให้เล็ก ๆ ก่อน เพื่อจะได้ ปั่นได้ง่ายขึ้น) - เติมเกลือ เม็ดพริกไทยดำ� และนำ�ถั่วแมคคาเดเมีย หรือ มะม่วงหิมพานต์ก็ได้ (ทางที่ดี ควรตำ�ให้ถั่วแหลกละเอียดก่อนนำ�ไปปั่น จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะเลย) ลงไปปั่นให้เข้ากันทั้งหมด


Photography & Story by Kik

3ใส่ลวกเส้ นสปาเก็ตตี้ในน้ำ�เดือด เกลือเล็กน้อย ประมาณ 8

นาที แล้วราดด้วยน้ำ�เย็นจัด หลังจากนั้นพักไว้โดยใส่น้ำ�มันไป เล็กน้อย เพื่อไม่ให้เส้นติดกัน

วยนมคาร์เนชั่น 5สัพริตามด้ กครึ่งกระป๋องเล็ก เติม กไทย เกลือ พามีซานชีส

ชิมรสจนชอบใจ และปล่อยให้ เดือดในกระทะสักพัก เพื่อรอ ให้ซอสข้นขึ้น

ละลายเนยในกระทะแล้วใส่หอยลาย 4ลงไปผั ด พร้อมด้วยซอสเพสโต้ (กะเอาให้ชุ่ม ๆ เยอะ ๆ ไว้ก่อน)

นำ�เส้นที่พักไว้ 6ลงไปคลุ กกับซอสที่ปรุงเสร็จ เรียบร้อยแล้ว คนให้เข้ากัน เส้น จะกลายเป็นสีเขียวเล็ก ๆ

***หากใครชอบรสชาติเผ็ด ก็เติมพริกแห้งทอดลงไป กิน คู่กันก็จะทำ�ให้มีรสชาติขึ้นค่ะ เสร็จเรียบร้อยเมนูง่ายดาย แสนรสชาติเยี่ยมมาก ๆ***


government museum in

BANGALORE

สวัสดีคะ่ เพือ่ นๆ undomagazine ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ เราจะไปเทีย่ วคลายร้อนทีไ่ หนกันดีนะ จะไป ดูหนัง เดินห้าง กินไอติม หรือจะไปทะเล แต่ว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยนี่นา ไปไหนดีนะ นึกออกแล้ว วันนี้เราไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ กันดีกว่าค่ัะ มาดูกนั ว่าในสถานทีบ่ งั กาลอร์ พิพิธภัณฑ์เค้าเป็นยังไง พิพิธภัณฑ์ที่เรา จะไปเยีย่ มชมนีต้ ง้ั อยูบ่ นถนน Kasturba Gandhi เป็นพิพธิ ภัณฑ์ทอ่ี ยูใ่ จกลางเมือง เมื่อเรานั่งรถแล้วผ่านจะสะดุด ตากับ เครื่องบินที่จัดตั้งแสดงไว้หน้าตึก พิพิธภัณฑ์นี้มีชื่อว่า Visvesvaraya Industrial Technological Museum (VITM) ถัดไปก็เป็นตึกสีแดง มีชื่อ ว่า Government Museum และตึก สุดท้ายเป็นหอศิลป์ชื่อ Venkatappa Art Gallery

เอาละค่ะเรามาเริ่มเยี่ยมชมที่ Government Museum เจ้าตึกแดงนี้กันก่อน นะคะ อาคารนี้ได้รับการออกแบบโดย พันเอก Sankey เริ่มเปิดให้เยี่ยมชมในปี 1886 ค่าผ่านประตูกค็ นละ 4 รูปี อุแม่ เจ้าประมาณ 2 บาทเองค่ะ ไม่รอช้าควัก กล้องออกมาเตรียมจะถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ รีบเดินมาบอกว่าห้ามถ่ายรูป จริง ๆมัน ก็มีป้ายบอกห้ามถ่ายรูปอยู่นะคะ แต่ไม่ทันได้มอง คิดแต่จะถ่ายรูปเก็บภาพ มาฝากอย่างเดียวค่ะ ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ ได้มีการจัดแสดงวัตถุโบราณ เช่น เทวรูป ต่างๆ ซึ่งแกะสลักอย่างสวยงาม การจัด แสดงอาวุธ โล่ห์ป้องกัน ชุดเกราะ เครื่อง ดนตรี เป็นรูปนกยูง รูปจระเข้ ข้าวของ เครื่องใช้ใน สมัยโบราณ และ เหรียญ กษาปณ์ เป็นต้น


Story by iza

เมื่อเราออกจาก Government Museum เราก็จะพบตึก Venkatappa Art Gallery หอศิลป์นี้ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องชื่นชม จิตรกรที่ชื่อ K. Venkatappa และผลงาน ของเขาก็ได้จัดแสดงในแกลอรีนี้ ค่าผ่านประตู เราก็ใช้บัตรผ่านประตูอันเก่านี่ละค่ะ แสดงให้ เจ้าหน้าที่ดู ที่นี่มีการจัดแสดงประติมากรรม หิน เครื่องปั้นดินเผา การแกะสลักไม้ของ C.P. Rajaram การแสดงภาพวาดของ Venkatappa, K.K Hebbar และผลงาน ของจิตรกรอื่นๆ

ตึกสุดท้ายที่เราจะไปเยี่ยมชม คือ พิพิธภัณฑ์ เทคโนโลยีอุตสาหกรรม Visvesvaraya Industrial Technological Museum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1962

และได้ตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแด่ Sir. M. Visvesvaraya ที่นี่มักจะมีการจัด นิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ มีการจัด ฉายภาพยนตร์ในหัวข้อทางวิทยาศาสตร์ ในพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ นี้ จ ะมี ก ารจำ � ลองการ ทำ�งานของเครือ่ งจักร เครือ่ งยนต์ มอเตอร์ ต่างๆ การนำ�พลังงานต่างๆ มาใช้ประโยชน์ ตั้งแต่อดีตและพัฒนาเรื่อยมา มีการจัด แสดงเกี่ ย วกั บ เทคโนโลยี อิ เ ล็ ค โทรนิ ก ส์ Space Gallery จัดแสดงเกี่ยวกับ ประวัติของจรวด และการเดินทางไป นอกโลก เรียกว่า มีครบทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ซึง่ เหมาะสำ�หรับผูท้ ม่ี คี วามสนใจ ในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

“...ฉันคิดว่าการมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ นั้นไม่ว่าจะเป็นของประเทศไหน สิ่งที่เรา ได้รับนอกเหนือจากความรู้แล้ว เรายังได้เห็นร่องรอยในอดีต ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม ซึ่งถือว่า ของขวัญหรือสมบัติอันล้ำ�ค่า ที่พวกเรา ควรดูแลและรักษาเอาไว้...”


Photography & Story by colormyjazz.com

ตามหา “เซียน” ที่ “เขาหวงซาน” หลับตาเคลิ้มๆ หลังจากได้ยินไกด์กิติมศักดิ์ว่าเรามีโอกาสจะ ได้เจอ “เซียน” ตัวเป็นๆภายหลังจากทริปสัมนาวิชาการอัน แสนทรหดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่เซี่ยงไฮ้ ก่อนกลับเมืองไทย กรุ๊ปชรา เอ๊ย สัมมนามีโอกาสโหวตที่ท่อง เที่ยวได้เพียง “ที่เดียว” เนื่องจากเวลารัดตัวติ้ว จะพริ้วหลาย ที่ก็ไม่ได้ เลยหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้เซี่ยงไฮ้ ที่สามารถ ไปและกลับได้ และด้วยแรงเชียร์บวกวลี “เจอเซียนตัวเป็นๆ” จึงทำ�ให้คณะสัมมนาเทโหวตกระจาย ให้กับทริปเขาหวงซาน แบบถล่มทลาย โดยหารู้ไม่ว่าทริป “เขาหวงซาน“ หรือชื่อ ตามตำ�นานว่า ภูเขาเหลือง จะเป็นทริป “ลองสังขาร” จน “ฟ้า เหลือง” ของคณะสัมมนาชราภาพ ในเช้าวันเดินทาง ....


เขาหวงซานประกอบไปด้วยยอดเขาจำ�นวนมาก มียอดภูเขาที่มีชื่อ 72 ยอด และมีอยู่ 77 ยอดที่มีความสูงมากกว่า 1,000 เมตร ยอด เขาที่สูงที่สุด 3 อันดับแรกในเทือกเขาคือ ยอดเขาเหลียนหัว ความ สูง 1,864 เมตร ยอดเขากวงหมิง ความสูง 1,840 เมตร และ ยอดเขาเทียนตู่ ความสูง 1,829 เมตร เขาหวงซานเป็นมรดกโลก ประกอบด้วยบริเวณเทือกเขาซึ่งมีพื้นที่ 154 ตารางกิโลเมตร และ รอบๆ เทือกเขาอีก 142 ตารางกิโลเมตร

เราออกเดินทางด้วยรถบัสจากสถานีขนส่งเซี่ยงไฮ้สายใต้ Shanghai South Station ไปตามทางหลวงสายใต้ถึงมณฑล อันฮุย แถมก่อนขึ้นรถไกด์กิตติมศักดิ์ แนะนำ�ให้เราจัดหนักด้วย เบียร์ชิงเตา (เบียร์ประจำ�มณฑล) แล้วให้นอนหลับไปตลอดทาง … ก็สมแล้วหล่ะที่ให้จัดหนักกันตั้งแต่ไก่โห่ เนื่องจากสภาพรถเฉียด รถคอกหมูเล็กน้อย และที่สำ�คัญเพื่อกำ�จัดความเสียวจากการเดิน ทาง เพราะอาเฮียคนขับตีนผีมากๆ พอขึ้นทางด่วนได้อาเฮียเหยียบ จมคันเร่งสมใจ คณะชราเสียวทั้งขาขึ้นขาล่อง เพราะอาเฮียเหยียบ เบรค “นับครั้งได้” ใช้เวลาราว 5 ชั่วโมง จ่ายค่าเสียวหัวละ 150 หยวน ถึงที่หมายแบบหายเมาปลิดทิ้ง หลังจากนั้นนั่งรถหกล้อ หลังคาผ้าใบ ไต่ขึ้นเขาจากท่ารถถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้าเขาหวง ซานอีกคนละ 50 หยวน

ที่หมายแรกคือ จุดชมวิวทะเลเมฆ Yunhai ส่วนใหญ่นักท่อง เที่ยวจะอยู่ตรงนี้ค่อนข้างมาก อากาศเย็นเจี๊ยบ มีฝนปรอยๆ สลับกับเมฆหมอก สวยงามสมแล้วกับเป็นที่สิงสถิตย์เหล่า เวียนในแวดวงยุทธภพกิมย้ง




“...เซียนที่ว่ากันนี้หลายคนอาจจะ นึกถึงผู้วิเศษที่เหาะเหิรเดินอากาศ ได้ แต่ผมว่าเซียนสำ�หรับผม คือ ลูกหาบชาวเขาหวงซานมากกว่า เพราะสามารถแบกของขึ้นลงเขา วันละหลาย ๆ รอบได้...” เทียบพลังกันแล้วพวกลูกหาบเหล่านี้คือเซียนดี ๆ นี่เอง เพราะหลัง จากผ่านจุดชมทะเลเมฆ จะต้องเดินไปยัง Flying Stone คณะ ชราก็เข่าแทบหักกันแล้วล่ะ มีแต่ลูกหาบที่เดินนำ�ทางไปอย่างเงียบๆ ตอนแรกๆก็เก็บภาพวิว ภาพดอกไม้กันสนุกสนานดี พอเจอทาง ปราบเซียนเข้า ขวัญกระจุยกันเลยทีเดียวเชียว จากเสียงเฮฮาเป็น เสียงหอบซี่โครงบานเป็นแถวๆ

สิริรวมขึ้นและลงเขาหวงซานจากเช้าจรดเย็นพอดี กลับ ถึงเซี่ยงไฮราวตีส่ีของอีกวันหนึ่ง ในสภาพสะบักสบอม ถ้าท่านข้อเข่ายังมีกำ�ลัง ขอแนะนำ�ให้ไปเดินขึ้นเขาซักครั้ง ในชีวิต เพราะวิวสวยสมใจติดลำ�ดับโลก จึงไม่แปลก ใจเลยที่ “เขาหวงซาน” เป็นแรงดลใจให้ศิลปินและกวี นิพนธ์ชาวจีนถ่ายทอดจินตนาการเกี่ยวกับ “เขาหวงซาน” มานานนับพันปี แต่สำ�หรับกระผม นับเป็นการเดินขึ้นเขาที่ทรมานสังขาร ขั้น ” ฟ้าเหลือง” จนระลึกได้ในความทรงจำ� เลยนำ�เอา มาเล่าสู่กันฟัง ....


“...จึงไม่แปลกใจเลยที่ “เขาหวงซาน” เป็นแรงดลใจให้ศิลปินและกวีนิพนธ์ชาวจีน ถ่ายทอดจินตนาการเกี่ยวกับ “เขาหวงซาน” มานานนับพันปี แต่สำ�หรับกระผม นับเป็นการเดินขึ้นเขา ที่ทรมานสังขารขั้น “ฟ้าเหลือง” จนระลึกได้ในความทรงจำ� เลยนำ�เอามาเล่าสู่กันฟัง...”


Story by Napak

“...ข้าวเฉโป...”

ถ้าพูดถึง ข้าวเฉโป หลายคนคงอาจจะทั้งเคยได้ยินและไม่เคยได้ยิน ส่วนคนที่เคย ผมก็เชื่อว่าก็คงมีหลายคนที่คงไม่เคยได้ทาน และคนที่ เคยได้ทาน บางทีกอ็ าจจะไม่คอ่ ยติดใจ เพราะข้าวเฉโปสมัยนีห้ าทีอ่ ร่อยๆ ทานยากเหลือเกินครับ พอดีเมื่อวันก่อนผมได้มีโอกาสกลับไปทานข้าว เฉโป เจ้าเดียวและเจ้าประจำ�ที่ผมชอบทานมาก วันนี้เลยขอเขียนถึง ข้าวเฉโปซ่ะหน่อย

เกริ่นถึงที่มาของ ข้าวเฉโปก่อนละกันน่ะครับ แต่ก่อน ข้าวเฉโปไม่มี ชื่อเรียกหรอกครับ แต่จะเป็นอาหารราคาถูกของคนจีนที่ชอบเล่น ไฮโลแล้วเสียการพนัน พอเล่นไฮโลเสียแล้ว ไม่มีเงินกินข้าวแกงก็ต้อง มากินข้าวเฉโปแทน เพราะราคาถูกกว่า

“...ส่วนคำ�ว่า เฉโป นัน้ เพีย้ นมาจากคำ�ว่า เสียไฮโล ครับ...” ข้าวเฉโปทำ�จากข้าวสวย โปะด้วยเนื้อสัตว์ราคาถูกเช่น หนังไก่ทอด หู หมู ไส้หมู กุนเชียง ฮื่อก๊วยบาง ๆ หมูกรอบ แกล้มด้วยผักกาดหอม และแตงกวา แล้วราดน้ำ�พะโล้ กินกับน้ำ�ส้มพริกตำ� เท่านี้แหละครับ

ข้าวเฉโปทีม่ ขี ายอยูใ่ นกรุงเทพส่วนใหญ่ จะตัง้ ขาย อยูแ่ ถวเยาวราชน่ะครับ แต่เจ้าทีผ่ มจะแนะนำ� เป็นเจ้าดัง้ เดิมที่ ขายอยูบ่ นถนนสีลมมากว่ายีส่ บิ ปีแล้วครับ เป็นรถเข็น ขาย มายังไงเมือ่ ยีส่ บิ ปีทแ่ี ล้ว วันนีก้ ย็ งั เป็นอย่างนัน้ เจ้านี้เค้าขายช่วงเย็นๆ ไปถึงหัวค่ำ�ของทุกวัน ครับ แต่บางวันผมตัง้ ใจจะไปทานก็ดนั ปิดซ่ะงัน้ ก็เลยบอก ไม่ได้แน่นอนครับว่าจะเปิดวันไหน เวลาไหน เคยว่าจะไปถาม เฮียเจ้าของร้าน แต่ดเู ฮียแกยุง่ กับการเสริฟเ์ หลือเกิน แถมดูข้ี หงุดหงิดด้วย ผมเลยถอยดีกว่า เจ้านีถ้ า้ ช่วงหัวค่ำ�คนจะ เยอะมากครับ บางทีตอ้ งรอนาน โต๊ะก็จำ�กัด แต่ยงั ไงก็ตามน่ะ ครับ คิดซ่ะว่า ช้าหน่อยแต่อร่อยชัวร์ เฮียเจ้าของร้านเองถึง แม้วา่ จะดูดๆุ แต่แกก็ดเุ ฉพาะกับลูกน้องกับเมียแกครับ (ฟังแก ตามอาหารให้ลกู ค้าทีน่ี ผมก็มเี หวอๆอยูเ่ หมือนกัน เสียแกทัง้ ดัง ทัง้ ดุ...)


เอาล่ะ มาพูดถึงข้าวเฉโปดีกว่า ครับ เครือ่ งเคราสำ�หรับข้าวเฉโปทีน่ ต่ี อ้ ง บอกว่าถึงใจมากครับ เพราะเฮียแกจัดให้เยอะ และแต่ละ่ อย่าง ก็มคี วามอร่อยในตัวมันจริงๆ เช่น หนังไก่ทอดทีท่ อดมาอย่างแห้งกรอบ และขนาดเล็กพอดีคำ� กุนเชียงและหมูกรอบที่ ย่างมากลิน่ หอมดีมาก และน้ำ�พะโล้กร็ สชาติ กลมกล่อมครับ ไม่ใสจนเกินไป ขนาดจานที่ นี่ ผมถือว่าใหญ่นะ่ ครับ

เฮียแกให้ข้าวให้เครื่องเยอะ ยังไงก็ดูจากรูปน่ะครับ เครื่องเคราวางปนกัน จนไม่เห็นข้าวสวยที่อยู่ด้านล่างเลย เพราะฉะนั้น ใครหิวโซมา อย่างหน้ามืดสั่งพิเศษน่ะครับ ถ้าคุณไม่ใช่คนกระเพราะใหญ่จริง อาจจะกินไม่หมดได้ ทีเด็ดที่นี่มี อีกอย่างครับ คือ ซุปแกงจืด จะมีให้เลือกสองอย่างคือ แกงจีดสาหร่าย กับ แกงหัวไชเท้า อร่อยทั้งคู่ครับ เพราะน้ำ�ซุปเคี่ยว มานาน มีเศษเนื้อ และกลิ่นสมุนไพรจีน อบอวนหอมดีครับ ถ้าจะมาทานข้าวเฉโป ผมก็แนะนำ�ให้ลองซดน้ำ�ซุปดูด้วยน่ะครับ ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวสีลมก็ลองไปทานดูน่ะครับ ร้านตั้งอยู่บนถนนสีลมช่วงสี่แยกตัดกับถนนนราธิวาสฯ สังเกตร้านอาหารแชงกรีล่าครับ เพราะตั้งอยู่ติดกัน จอดรถได้บนถนนนราธิวาสฯและเดินมากินครับ


เพราะคุณคือโคบาล?! เมือ่ เดือนเมษาทีผ่ า่ นมา มีใครไปเทีย่ วสงกรานต์ บ้างครับ? งานเทศกาลดีงามที่ปัจจุบันถูกโลกเสรีธิป ไตยหล่อหลอม ให้กลายเป็นงานรวมพลคนสาดน้ำ�ใส่ ใครก็ได้ที่เราไม่รู้จัก โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฝ่ายตรง ข้ามสวนกลับมาด้วยจุดยืน (ส้นเท้า) รึเปล่า… หรือ ในอีกมุมนึงก็คอื งานเทศกาลทีโ่ ลกโซเชียลเน็ทเวิร์คหล่อ หลอมให้เยาวชนกลายเป็น “โคบาล” หรือคนเลี้ยง ”วัวนม” กลางถนนสีลมได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ และ ที่อะเมซซิ่งกว่านั้นคือ ในช่วงที่ข่าวนี้กำ�ลังแรง เรา กลับสามารถหาดูเว็บล้มเจ้าในโลกไซเบอร์ได้ง่ายกว่า คลิป 3 สาวโคบาลซะอีก เย้ย! มันใช่เหรอวะครับท่าน!? ในช่ ว งเวลาที่ ค นเหล่ า นั้ น กำ � ลั ง สนุ ก สนาน สราญกันเต็มที่นั้น ผมกลับต้องไปนั่งประชุมงานใน ยามค่ำ�คืน และ ณ จุดนี้เอง ผมจึงมีประเด็นที่น่าสนใจ มากๆเอามาเล่าสู่กันฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ในขณะที่ผมกำ�ลังนั่งคุยงาน กับผู้บริหารค่ายเพลงอินดี้ค่ายหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็ มีมือเบสของวงป๊อบน่ารัก ๆ ซึ่งถือเป็นวงโปรดของผม วงนึงได้เข้ามาร่วมโต๊ะสนทนาด้วย ซึ่งหลังจากเธอได้ ทักทายปราศรัยกับท่านผู้บริหาร และตัวผมแล้ว เธอ ก็ได้บรรยายความอัดอั้นตันใจ (นอย) ของเธอให้กับผู้ บริหารท่านนั้นฟัง ในความนอยของเธอมีอยู่ว่า หลังจากไปเล่นคอนเสิร์ตตามสถานที่ต่าง ๆ เธอได้ เข้าไปเช็คแฟนเพจของวงใน fb แล้วปรากฏว่า มี ข้ อ ความจากแฟนเพลงของวงเธอโพสข้ อ ความ ประมาณว่า..... “ โหย...ใครพลาดงานนี้นี่เสียดายมาก เพราะอดฟัง Cover เพลงพี่เบิร์ด ธงไชย หรือ เพลง เซโรงังของพี่เป้สเลอเลยนะฮ๊าฟฟฟ.... เลิฟวิ่งยู ทูมัช โซมัช เวรี่มัช ไร๊ท์น๊าวววว เซโรงังตั้งแต่เช้า โพนยาง คำ�ก็ปิดแล้ว กินได้ก็แต่แห้ว!”

สิ่งที่เธอนอยคือ ตกลงแฟนเพลงของวงเธอ อินกับเพลงพี่เบิร์ด ซาบซ่านไปกับเพลงพี่เป้ มากกว่าเพลงของวงเธอกระนั้นหรือ สิ่งที่วง เธอพยายามบากบั่น สร้างผลงานที่ดีมาตลอด หลายปี จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยหยุดเดินหน้า มันมีคา่ น้อยกว่าเพลงของพีเ่ บิรด์ ทีว่ งเธอนำ�มา Cover หรืออย่างไร? ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ พวกเธอบรรจงสร้างสรรค์ผลงานอย่างดีระดับ มาสเตอร์พีซมาโดยตลอดมันจะมีค่าอะไร ในเมื่อ ขนาดแฟนเพลงวงเธอ ยังไม่อินกับผลงานของ วงเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้บริหารค่ายเพลงท่านนั้น ได้บอกประโยคคลาส สิคๆที่ผมรู้สึกว่า เป็นประโยคสั้น ๆง่าย ที่ตอบ โจทย์ของทุกปัญหาได้อย่างชัดเจน ตรรกกะ ของผู้บริหารท่านนี้มีว่า.....


Story by ryan

golff

อาชีพของเรา หากจะมองให้มันเท่ห์แล้ว มันก็คือ อาชีพในวิถีแห่งศิลปินนั่น แหละ คำ�ว่าศิลปินถ้ามองให้ยาก มันก็จะตีความหมายไปอย่างเยิ่นเย้อ จนยากเกินที่ จะสื่อสาร ตรงกันข้าม หากเราให้นิยามศิลปินอย่างเรา ๆง่ายๆว่าแท้ที่จริงแล้ว “มัน ก็คืออาชีพเต้นกิน รำ�กินนั่นเอง”..... ถามว่าเต้นกินรำ�กินมันสำ�คัญยังไง ก็เพราะ อาชีพเรามันมีหน้าที่ “ ให้ความสุขกับคนด ู” อะไรที่เราทำ�แล้วคนดูมีความสุข นั่น หมายความว่า “เราได้ทำ�ตามจุดมุ่งหมายของอาชีพนี้แล้ว” ที่เราตัดสินใจประกอบ อาชีพนี้ ก็เพราะเราอยากทำ�ให้คนมีความสุขไม่ใช่เหรอ ถ้าคนมาดูเราแล้วมีความสุข นั่นก็ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องเสียใจอีกแล้ว ผมนั่งฟังแล้วก็เข้าใจสัจธรรมที่เกิดขึ้นหมาดๆนี้ทันที ในขณะเดียวกันก็ อยากจะบอกมือเบสท่านนั้นว่า ผมก็เคยรู้สึกตื่นเต้นกับการที่วงของเธอนำ�เพลงของ ศิลปินอื่นมา Cover เหมือนกันครับ เพียงแต่ที่ผมตื่นเต้นนั้น ไม่ใช่เพราะเพลงที่นำ� มา Cover หากแต่มันโฟกัสไปที่ความรู้สึกว่า เฮ้ย! วงนี้เจ๋งว่ะ กล้าฉีกกรอบของวง เพื่อเอ็นเตอร์เทนคนดู ใครจะนึกว่าวงอินดี้ๆที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง มั่นใจในงานที่ ตัวเองสร้างสรรค์มาอย่างดี จะกล้าแหกกรอบมาเล่นเพลง ตลาดๆแบบวง Mainstream บ้านๆ ความเจ๋งที่คนดูแบบผมและอีกหลายคนตื่นเต้นนั้น มันมีบ่อเกิดมากจาก ตัวตนของวงล้วนๆ ส่วนเพลงที่นำ�มา Cover มันก็เป็นองค์ประกอบเล็กๆน้อยๆเสริม บารมีก็เท่านั้น ผมภูมิใจในความเป็นวงดนตรีของเธอและเชื่อมั่นว่าแฟนเพลงของ วงเธอก็คิดแบบเดียวกับผมเช่นกันแน่นอนครับ จากตรรกกะของท่านผู้บริหารค่าย เพลงดังกล่าว ผมเลยนึกพิเรนทร์นำ�มาปรับใช้กับกลุ่มชายหื่นกามที่ตะโกนเชียร์ 3 สาวโคบาลในงานสงกรานต์สีลมว่า “ถอดเลยๆๆๆ!” นั่นแหละครับ......เพียงแต่มันไม่ เหมือนกันตรงที่ 3 สาวโคบาลนั้นไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการให้ความสุขคนดูเฉกเช่น หน้าที่ของผู้ประกอบอาชีพศิลปิน แต่การถอดเสื้อของเธอนั้น มันกลับไปลดคุณค่า ความมีสติยั้งคิดของเธอ และทำ�ให้กลุ่มชายที่ตะโกนเชียร์ดังกล่าวกลายเป็นกลุ่มคนไร้ เกียรติก็แค่นั้นเอง..... ขอแสดงความเสียใจกับคุณพ่อ-คุณแม่ ของ 3 สาว และคุณพ่อ-คุณแม่ของกลุ่ม ชายไร้เกียรติพวกนั้นด้วยอย่างสุดซึ้งครับ

ขอขอบคุณภาพจาก : http://campus.sanook.com/teen_zone/star_04303.php?theme_id=1&page=0


Story and illustrated by Phone






CONCEPT AD : Bangkok University at facebook.com/cubicstudio

PUMP IT UP! energy drink นำ�เสนอด้วยแนวคิดเพิ่มความสดชื่น แสดงถึงความกระชับกระเฉง โดนใช้ไทโปมาทำ�เป็นภาพประกอบ ทำ�ให้สไตล์ต่างไปจากเดิม


SHOWCASE : Bangkok University at facebook.com/cubicstudio



GA ME

Story by DayWalker

ที่มาของภาพ www.godkings.com

สวัสดีอีกครั้งครับเพื่อนๆ ชาว UNDO Mag ทุกท่าน มาพบกันอีกแล้ว เช่นเดียวกันกับทุกๆครั้งครับ เราจะมา แลกเปลี่ยนข้อมูลกันเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ที่น่าสนใจกัน และเช่นเคยครับ ฉบับนี้เรามามาพูดถึงเกมแนวใหม่ ๆ ที่ ผมยังไม่เคยได้มีโอกาสแนะนำ�กับเพื่อนๆ มาก่อนเลย เพราะที่จริงแล้วผมก็ไม่ใช่สายที่จะชอบเล่นเกมแนว Sport ซักเท่าไหร่ แต่ Fight Night: Champion นี้ มีดีอยู่ในตัวมากพอ ที่เรียกร้องความสนใจของผมได้เลยครับ ในคราวนี้ FF3 ได้พอร์ตใหม่มาลงใน iPhone ซึ่งแตกต่างไปจาก FF1 & 2 ที่เป็นภาพแบบ 8 bit แบบ ที่เราคุ้นตากันในเครื่อง famicom แต่ในภาค 3 นี้ ได้พอร์ตมาจากเครื่อง NDS ทำ�ให้ภาพที่ได้ดูทันสมัย น่าเล่นเพิ่มมากขึ้นสำ�หรับผู้เล่นที่ไม่ทันสมัย Famicom แล้วก็ยังได้อารมณ์รูปแบบการเล่นของ RPG ยุค เก่า ๆ สำ�หรับผู้เล่นที่โหยหาอดีต

ที่มาของภาพ www.ps3.mmgn.com

เกม Fight Night: Champion นี้เป็นภาค ล่าสุดของซีรียส์ Fight Night ซึ่งว่ากันว่าได้มี การปรับปรุงเรื่องภาพ ระบบแสงและเงาให้สมจริง ยิ่งกว่าเดิมเพิ่มเข้าไป แน่นอนครับ ซีรียส์ Fight Night จะมีชื่อเสียงเรื่องการนำ�เอานักมวยต่าง ๆ ที่ มี อ ยุ่ จ ริ ง มาสร้ า งเป็ น ตั ว ละครให้ เ ราได้ เ ล่ น กั น และแน่นอนครับ ในภาคนี้ ก็ยังมีนักมวยระดับ ตำ�นานทั้งหลาย ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตไป แล้วมาโลดแล่น ปรากฎบนสังเวียนเวทีผืนผ้าใบให้ เราได้เสพกันเต็มอิ่มครับ


ในภาคนี้ โหมดเนื้อเรื่อง Champion เรา จะได้เล่นเป็น Andre Bishop ครับ เป็น นั ก มวยที่ กำ � ลั ง มี อ นาคตแต่ โ ดนแผนการ ร้ายจากเจ้าพ่อในวงการให้ต้องระเห็ดไปใช้ ชีวิตในคุกอยู่หลายปี พอพ้นโทษออกมาก็ กลับเข้ามาสู่วงการชกมวยใหม่พร้อมกับทำ� น้ำ�หนักขึ้นไปชกในรุ่นใหญ่กว่า โดยมีเป้า หมายต้องการจะชิงแชมป์มาจากแชมเปี้ยน รุ่นเฮฟวี่เวทคนปัจจุบัน เนื้อเรื่องของภาคนี้ เขียนบทออกมาได้เหมือนภาพยนต์ฮอลีวู๊ด

ที่มาของภาพ www.ps3.mmgn.com

เลยครับ มีการปูพื้นที่มาที่ไปของตัวละคร เขียนเหตุการณ์สถานการณ์ให้เราได้อินไป กับเนื้อเรื่อง การผ่านด่านของ เนื้อเรื่อง ก็จะมีเงื่อนไขในการผ่านด่านซึ่งก็ไม่ได้ยาก หรือง่ายจนเกินไปนัก สนุกกำ�ลังดี เรียก ได้ ว่ า เล่ น เอาผมเปิ ด เล่ น โหมดเนื้ อ เรื่ อ ง ตั้งแต่เริ่มต้น จนมาเจอบอสเลยนี่แหละ ที่มาของภาพ www.ps3.mmgn.com

นอกเหนือจากโหมดเนื้อเรื่องแล้ว ก็ยังมีโหมดปั้นนักชก ซึ่งให้เราสร้างนักชกของเราขึ้นมาเอง แล้วค่อยๆฝึกฝนจนกระทั่ง สามารถไต้เต้าขึ้นไปสู่การเป็นแชมเปี้ยน แล้วก็โหมดเล่นอิสระ ซึ่งเราสามารถจะเลือกนักมวยคนไหนมาชกปากกับใครก็ได้ ทั้งชกกับคอมฯ หรือจะต่อออนไลน์ไปฟาดปากกับเค้าที่อีกฟากโลกหนึ่งก็ยังได้ 555+


ที่มาของภาพ www.gaming-oasis.com

การบังคับตัวละคร เกมได้มีการสอนเราเรื่องของการบังคับ ตัวละคร การใช้งานปุ่มต่างๆบนจอยของเรา เรียกได้ว่าเกม นี้ ทำ�ให้เราต้องใช้งานกันแทบจะทุกปุ่มเลยเชียว เช่น การกด ปุ่มที่นิ้วชี้ซ้าย เป็นการย่อตัวลงต่ำ�ประกอบกับปุ่มซ้ายบน/ ขวาบน เป็นการตัดลำ�ตัวโดยหมัดแย็บ ซ้ายล่าง/ขวาล่าง เป็นหมัดหนัก การโยกอนาล๊อกขวาเพือ่ ต่อยอัพเปอร์คทั โยก อนาล๊อกซ้ายเพื่อโยกลำ�ตัวหลบหมัด ซึ่งเราจะต้องวางแผน การชกของเราให้เหมาะสมกับสถานการณ์

“เกมนี้ไม่ใช่แค่กดปุ่มชกมั่ว ๆ แล้วจะสามารถผ่านด่านไปแต่ละด่านได้ง่ายๆ”

เพราะยิ่งเราออกหมัดมากขึ้นเท่าไหร่ ค่าระดับความเหนื่อยของเราก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตาม พอเราเหนื่อยมากๆ การออก หมัดก็จะเชื่องช้าลง เป็นโอกาสให้คู่ต่อสู้ถลุงหมัดใส่เราได้ง่ายยิ่งขึ้น และยิ่งเราโดนโจมตีมากขึ้นเท่าไหร่ ค่าความเสียหายก็ จะเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำ�ให้เรามีโอกาสถูกน๊อคลงได้ง่ายเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำ�หรับเพื่อนๆที่เริ่มเบื่อ ๆกับเกมแอคชั่นทั้งหลายแหล่ หรือเกมแนว shooting ที่เคยแนะนำ�กันมา แล้วอยาก เปลี่ยนรสชาติของการเล่นเกมแนวใหม่ ๆ เนื้อเรื่องที่สนุกชวนติดตาม ระบบการเล่นที่ไม่ยุ่งยาก และระดับความ ท้าทายที่ชวนให้ลิ้มลอง


PHOTO

CONTEST

ประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ UNDO MAG IMPRESSIONISTS หมดเที่ยงคืนวันที่ 17 พ.ค. เราได้ผู้ชนะจากการประกวดภาพถ่าย สนุกๆ ตัดสินจากคะแนนที่เพื่อนๆ กด “LIKE” กัน

facebook.com/undomagazine ภาพส่งประกวดทั้งหมดในครั้งนี้ มี 17 ภาพสวยๆ กับคำ�ประทับใจ ของภาพโดนๆ 3 คนแรกที่ได้คะแนนมากสุดจะได้เสื้อจากเราแน่นอน ส่​่วนใครที่ไม่ได้ รางวัลในครั้งนี้ไม่ต้องเสียใจ จะมีกิจกรรมสนุกๆมันส์ๆอีกแน่นอน

1เด็วักยสนุคือกวัยที่ฉลาดรู้. .ฉลาดเล่น เป็นวัยที่

ไม่ต้องคิดอะไร อะไรที่มันหนักหนาจนเกินตัว ซึ่งข้าพเจ้ามองภาพนี้ ทำ�ให้รูhสึกอยากกลับ ไปวัยนี้อีกครั้ง ถ้ามีโอกาส . . .


2อีหยดน้ ำ�ยามเช้า กมุมหนึ่งที่คนทั่วไปอาจไม่เห็น เป็นมุมเล็ก ๆ ของเช้าที่สดใส

3เป็ยิน้มภาพที แฉ่งให้กล้อง ่ถ่ายตอนไปเซอร์เวกับคณะตอนต้นปีค่ะ เลยมีโอกาสได้ไปในหมู่บ้าน

ทางภาคเหนือแห่งหนึ่ง พอลงจากรถเด็กในหมู่บ้านพากันตื่นเต้นกันใหญ่ แล้วก็ ชอบให้ถ่ายรูปมาก เหตุผลที่ประทับใจเพราะ รอยยิ้มของเด็กๆทุกคนค่ะ ไม่คิด ว่าแค่การกดชัตเตอร์ของเราจะทำ�ให้เด็กมีความสุขได้ขนาดนั้น พอเราถ่ายรูป เสร็จ เด็กๆ ก็เล่นถ่ายรูปกันเองใหญ่เลย (โดยใช้กล้องที่ทำ�จากมือของตัวเอง) เป็นความทรงจำ�เล็กๆที่ทำ�ให้รู้สึกดีจริงๆค่ะ


แต่งตัวตามการ์ตูน ชอบแต่งตัวค้ะ ปกติเราจะแต่งตัวให้ตุ๊กตา แต่อันนี้เรา เล่นappแต่งตัวในมือถือก่อน แล้วเราค่อยแต่งตาม สนุกดีค่ะ แค่แต่งตัวหนุกๆในว่างของเรา ก็เป็นวันพิเศษแล้วคร้า ความสุข เป็นรูปที่บังเอิญถ่ายได้ริมทะเลครับ ผมว่าปั๊กเป้าตัวนี้ มันยิ้มอยู่^^


home is where the heart is... มีความทุกข์ทีไร อยากกลับบ้านหาแม่ทุกที ไม่ว่าจะตอนเด็ก หรือตอนนี้

คิดถึง ไม่มีคำ�บรรยาย มีแต่ความรู้สึก


ต้องซ่อม แค่รู้สึกว่า พุทธศาสนาบ้านเรากำ�ลังอยู่ในช่วง “เสื่อม” เลยคิดว่าซ่อมบำ�รุงหน่อยก็น่าจะดีนะ (ซีเรียสไปรึเปล่า แต่มันมาจาก inside จริงๆ ^^)

อยากหยุดเวลา เนื่องจากความรู้สึกส่วนตัวที่ช่วงเทศกาลที่ผ่านมาที่ทุกคนเค้าได้หยุดกัน แต่ชีวิต ของผมไม่หยุดไปกับคนอื่นด้วย แถมต้องอยู่ทั้ง 24ชม. ทุกวัน พอพ้นเทศกาลก็ได้ ไปเที่ยว ได้หยุดพัก ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆเพียง1วัน


เหมียขี้เซา เจ้าเหมียวเพื่อนเล่นยามเหงาของ กระผมเองครับ

เส้นทางแห่งชีวิต เป็นแสงไฟที่เห็นเป็นเส้นๆ เหมือนกับการ ดำ�เนินชีวิตที่พยายามจะก้าวต่อไป อย่างไม่ หยุดยั้ง


GIRL เพื่อนผมเองแหละครับ แอบถ่ายมาตอนเค้าเผลอ ไม่ได้พิศวาสอะไรเป็นพิเศษน่ะครับ แค่ชอบลายเส้นเฉยๆ...

^__^ แอบถ่ายเด็กฝรั่งที่จตุจักร... ใส่เสื้อกระทิงแดงด้วย น่า รักดี

ทุ่มเท! ในงานตักบาตรพระ 10,000 รูป เมื่อ ปลายปีที่ผ่านมา จัดขึ้นที่หาดใหญ่ ชาว ต่างประเทศก็เข้าร่วมงานด้วย ในภาพก็เป็นชาวต่างประเทศ..ที่ “ทุ่มเท” เหลือเกินเพื่อภาพที่ต้องการ


... ความสนุก และรอยยิ้ม ยังไม่หมดไปจากคำ�ว่ามนุษย์

The Deck :::: ดื่ม mocktail ชมวัดอรุณ ภาพที่คนถ่ายเองประทับใจ มักมีคุณค่า มากกว่าความสวยงาม เพราะมันมีชีวิตอยู่ในนั้น....

Refreshing..? ดูภาพนี้ทีไร รู้สึกสดชื่นทุกที เป็นเหมือนกันรึเปล่า?


รักไม่เคยจากไปไหน แม้เวลาจะผ่านไป... ความรักก็ยังคงอยู่ที่เดิม ...แต่ที่ยังรู้สึกเหงา หรือเพราะตัวเรา ที่เดินจากมันไปเอง... ... Always 1 : ไม่ว่าจะอีก 30 หรือ 50 ปี.. พระอาทิตย์ตก ก็ยังดูสวยงามเสมอ Always 2 :พระอาทิตย์ตกยามเย็น ยังคงสวยเสมอ.. ถ้าฉันได้อยู่ดูด้วยกันกับเธอ...

แผ่นดินไทยแผ่นดินทอง ถึงแม้จะอยู่ส่วนไหนของประเทศนี้ ทุกที่นั้นคือ แผ่นดินทองของเรา จงภูมิใจในการเป็นไทยของเรา


student Showcase : Walailak university at facebook.com/cubicstudio





เก็บเล็กผสมน้อยเรื่องน้องหมา Story by Moobrador

“รู้เค้ารู้เรา... รัก 100 ครั้ง ได้กลับมา 1000 ครั้ง”

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก แป๊ปเดียวก็ เดือนที 5 ย่างเดือนที่ 6 ใครแพลนอยากทำ�อะไรปีนี้ รีบๆทำ�นะครับ เพราะเวลาไม่เคยคอยใครจริงๆ ไม่ เหมือนกับเพื่อนที่แสนรู้ของเราที่คอยเราเสมอมา ไม่ ว่าจะนานแค่ไหนเค้าก็เต็มใจที่จะคอย สำ�หรับ เก็บเล็ก ผสมน้อยเรื่องของน้องหมาใน Undo ฉบับนี้ก็ยังอยู่ใน เรื่องราวของการเฝ้าสังเกต การศึกษาชีวิต ตลอดจน การฝึกทักษะบางอย่างของน้องหมาอยู่อะครับ เคยสงสัยมั้ยครับว่า เวลาน้องหมาเห่าแต่ละ ครั้ง ด้วยโทนที่แตกต่างกันแต่ละโทนเสียงมันให้ความ หมายอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าของน้องหมาทุกคน ควรจะรู้ ไม่ใช่แค่หมาเห่าก็เพราะมันเป็นหมา มันเลย ต้องเห่าเดี๋ยวเอาไม้ฟาดมันไปมันก็เงียบเอง วันนี้เลย

อยากชวนเพื่อนๆให้มาร่วมเรียนรู้ เรื่องลึกๆจากก้นบึ้ง ของเพื่อนซี๊ ที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากคุณนอกจากคำ� ว่า รัก ในตอนที่ชื่อว่า รู้เค้ารู้เรา…. รักไป100ครั้ง ได้กลับมา1000 ครั้ง มารู้เค้าก่อนดีก่า เป็นเรื่องที่ หลายๆคนสงสัยว่า น้องหมามันเห่าตีความเสียงของ มัน มันเห่าเพื่ออะไร มันต้องการอะไร และจะรับมือ กับการเห่าแบบนี้อย่างไร ลองจินตนาการตามด้วย นะครับ 1. เห่าเพื่อเตือน เป็นการเห่า เมื่อเจอคน แปลกหน้าหรือผู้บุกรุกเข้ามา ในอาณาเขตของเค้า มันจะทำ�หน้าที่ของมันอย่างเต็มภาคภูมิ เสียงมันก็ จะดังไม่ต่างอะไรกับไซเรน อาจทำ�ให้ใครบางคน สะดุ้ง บ้างละ บางครั้ง เห่าแบบ nonstop ไม่มีใครอยู่ตรง หน้าแล้ว น้องหมาเราก็ยังเห่าอยู่


2.เห่าเพือ่ เรียกร้องความสนใจ ส่วนมาก ลูกสุนขั จะใช้วธิ นี ้ี ในการทำ�ให้คณ ุ ต้องแจ้นเข้าไปหา หลังจากมัน่ ใจว่า เค้าเห่าเพือ่ เรียกร้องความสนใจ ทางแก้กค็ อื อย่าไปสนใจ เดีย๋ วเค้าก็จะเงียบเอง อิอิ 3.เห่าเพราะตืน่ เต้น หรือ ต้องการเล่น การเห่าแบบนี้ โทนเสียงของเค้าจะสัน้ และแหลม อันนีเ้ ห็นได้ชดั ตอนเค้ารูว้ า่ เรากลับบ้านมาแล้ว เสียงมันคล้ายจะบอกว่า “ดีใจ ดีใจจัง เธอมาแล้ว” 4.เห่าเพือ่ แสดงตัว อันนีด้ ไู ม่ยาก มัน ต้องการจะบอกว่า ฉันอยูน่ ่ี อันนีผ้ มโดนบ่อย ตอน เรียกมันเข้ากรง หาว่ามันอยูไ่ หน เรียกชือ่ มัน มัน ก็เห่าตอบ เรียกมันมาหา มันก็เห่าให้เราไปหามัน เหมือนกัน 5.เห่าเพราะเบื่อน้องหมาหลายสายพันธ์ ไม่รู้วันวัน จะทำ�อะไรดี เดินไปเดินมา นอนในกรง เดี๋ยวก็กิน เดี๋ยวก็นอน อะได้เวลาถ่าย มันเบื่อครับ เบื่อที่รอเจ้านายมาเล่นกลับมัน การเห่าในลักษณะ นี้จะตามมาด้วย การรื้อข้าวของ การขุดคุ้ย แทะ กัด สารพัด คล้ายกับคนเวลาเบื่อ เซ็ง นั่นแหละ ทางออกที่ผมมีให้กับพวกเค้าก็จะเป็นการเล่นขว้าง ของ กอดรัดฟัดเหวี่ยง พาไปว่ายน้ำ� ออกกำ�ลังกาย

ให้หายเครียด คนเบื่อได้ ทำ�ไมหมาจะเบื่อไม่ได้ 6.เห่าเพราะเหงา หรือกังวลใจ หดหู่ คิดถึง สังเกตจากน้องหมาที่จากบ้านมาใหม่ๆ หรือ เจ้านายหายไปไกล ไม่ตดิ ต่อกลับมา โทนสียงจะยาว บางทีจะฟังคล้ายกับหอน เศร้าในที 7.เห่าเพราะตกใจ เห่าแบบนี้เหมือนที่เค้า ว่า หมาเห่าใบตองแห้ง เจอเสียงอะไรแปลกๆ เห่า แหลก บางตัวถึงกับร้องเสียงหลง อย่างเช่น ฝนตก ฟ้าร้อง น้องหมาก็เลยร้องตาม เป็นนิสัยที่ต้องรีบ แก้ไขด่วน พอเราสังเกตได้แล้วว่า น้องหมาเราเห่าแบบนี้ แบบ นั้นได้ เราก็ลองมาฝึกนิสัยการเห่าของน้องหมากัน ถ้าสังเกตุ น้องหมากับพี่บุรุษไปรษณีย์ หรือคนส่ง หนังสือพิมพ์ เด็กขี่จักรยาน ทุกครั้งที่คนแปลก หน้าเหล่านี้ มาหยุดที่หน้าบ้าน น้องหมาคุณ ก็จะโชว์พลังเสียงกันเซ็งแซ่ เพราะเค้ามีความคิด ว่า พวกเค้าเก่งจริง ๆที่เห่าไล่คนพวกนี้ไปจากหน้า บ้านชั้นได้ ด้วยสาเหตุนี้มันจะกลายเป็นปัญหา พัฒนา จนกลายเป็นนิสัยซึ่งวิธีแก้โดยป้องกันไม่ให้ เค้าพบคนอื่นเลยคงจะไม่ใช่


อย่างแรกเลยที่จะฝึกเค้าได้ไม่ให้เห่า พร่ำ�เพรือ่ หรือเห่าเพือ่ ขอของกิน คือเราต้องไม่ให้ รางวัลอะไรเลยกับการเห่าของเค้า ปฏิเสธการเห่า เพือ่ เรียกร้องเค้า ด้วยเสียงทีน่ ง่ิ และเรียบ ถ้าเค้าเห่า ต่อยหอยแบบไม่หยุด คุณคงต้องให้สญ ั ญาณบาง อย่างกับเค้าเพือ่ แสดงให้เค้าชะงักอย่างเช่น เคาะที่ ประตู ( ถ้าอยูใ่ กล้ประตู ) แล้วพูดว่า “เงียบ” “หยุด” พอเค้าหยุดคุณ ให้รางวัลเค้า แต่ถา้ เค้าจะเห่าต่อก็ปรามด้วยการ เคาะประตูอกี ให้รางวัลพร้อมกับคำ�ชม “พอแล้ว” “พอแล้ว” ถ้าเค้ายังมีอาการจะเห่าอีกเอาขนมไปใกล้ จมูกให้เค้าดม แล้วชมเค้า พอแล้ว เก่งมากๆ ถ้า เค้านิ่งและเงียบจริงๆ คุณก็ให้รางวัลกะคำ�ชม เค้าอีก ระหว่างที่ทำ�การฝึกอยากให้คิดว่า เรา ต้องการให้เค้าเงียบ ดังนั้นคำ�สั่งเราต้องเรียบง่าย น้ำ�เสียงเราต้องนิ่ง ไม่ตะโกนใส่มัน เพราะถ้าตะโกน ด่า ตะโกนว่า นั่น จะทำ�ให้มันเข้าใจได้ว่า เราสนับสนุนการทำ�ให้เกิด เสียงดัง (ผมเห็นมานักต่อนักแล้ว คนเสียงดังกว่า หมา ซึ่งนั่น ผิดครับ) การฝึกทุกอย่างต้องใช้เวลา ใช้ความอดทน ที่สำ�คัญ อย่าใส่อารมณ์นะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นเห่าแข่งกะน้องหมาไปเสียนั่น ช้า หรือเร์วอยู่ที่ตัวคุณ ความอดทนในตัวคุณ หลัง จากคุณฝึกเค้าสำ�เร็จ คุณจะรู้สึกภูมิใจมาก อีก อย่างผมไม่สนับสนุนให้ใช้การ ทำ�โทษเฆีย่ นตี

เพือ่ ให้เค้าเชือ่ ฟังเพราะมันจะทำ�ให้กลายเป็น ไม่เชือ่ ฟัง แล้วยังกลัวคุณอีก หมากลัวเจ้านาย เสียหมาไปเลย นะ จะบอกให้ การออกกำ�ลังกายก็เป็นอีกทางเลือก ที่ดีอีกทางหนึ่งที่ทำ�ให้ มันอารมณ์ดี น้องหมาที่มา ว่ายน้ำ�ที่ all about dog แทบทุกตัวเจ้าของเล่า ให้ฟังว่า อาการซ่าๆเห่าไม่เลิก ดีขึ้นผิดหูผิดตาไป เลย อาการกระวนกระวายใจ เบือ่ เหงาเศร้าสารพัด มาว่ายน้ำ�ทีน่ ่ี ดูจะดีไปหมด อันนี้ เค้าบอกมา

สำ�หรับเพือ่ นๆ ทีส่ นใจอยากพาน้องหมามาว่ายน้ำ� ที่ all about dog สามารถดูรายละเอียดเพิม่ เติมได้ใน www.facebook/moobrador ได้ ครับ เราเป็น private dog swimming pool แห่งเดียวในไทย ทีด่ แู ลสุนขั อย่างใกล้ชดิ ไม่วา่ มา ว่ายเพือ่ บำ�บัด หรือเพือ่ ออกกำ�ลังกาย ก็สนุก สนานเฮฮาได้ครบ สอบถามได้ท่ี พีห่ มู 081-626-8169



Story by VW

D-ซ้าย ดี-SIGN

ผู้พิการกับการออกแบบ

สวัสดีเดือนพฤษภาคม ผ่านเดือนที่ 4 เข้าเดือนที่ 5 ของ ปี 2554 อย่างเร็วรวด ก่อนที่จะเริ่มเนื้อหาที่ไร้สาระ ผมขอเริ่มด้วยสาระเนื้อๆที่จะบอกว่า ถ้าท่านใดต้อง ความรู้ในเชิงวิชาการ ต้องการเนื้อหาสาระ หรือข้อความ ที่อ่านแล้วสวยหรูถูกไวยกรณ์ ขอให้ทุกท่านข้ามหน้านี้ ไปได้เลยครับ ท่านที่อ่านคงจะงงๆว่า แล้วจะอ่านไปหา.. ความรู้อะไร เสียเวลาป่าว อันนี้แล้วแต่ท่านครับ แต่ทาง กลับกัน ผมเปิดรับทุกความคิดเห็น ทุกเพศวัย สำ�หรับ ผู้ที่มีหัวใจรักการ Design ในทุกสาขาวิชาชีพครับ เมือ่ เราพูดถึงคำ�ว่า Design หรือการออกแบบ อาจจะรู้สึกว่ามันกว้าง จนเราไม่สามารถหาคำ�จำ�กัดความ ได้ หลักวิชาการคงมีคำ�อธิบายมากมายจนเต็มห้องสมุด แต่สำ�หรับผมแล้วการ Design หรือการออกแบบนั้น ง่ายมาก ๆ คือการใช้หัวสมองบวกความรู้สึก สัมผัส เป้าหมายและสภาพแวดล้อม เพียงแค่นั้นพวกท่านก็ สามารถทำ � งานออกแบบให้ สำ � เร็ จ ได้ ไ ม่ ย ากเย็ น นั ก

ท่านกล้าลองเล่นหรือป่าวครับ การแข่งกีฬา คนพิการที่กำ�เนิดเกิดขึ้นจากที่ทหารสหรัฐฯ ที่ได้รับบาด เจ็บบริเวณกระดูกสันหลัง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี ค.ศ 1948 และทำ�การแข่งขันกันภายในจน พัฒนาเป็นการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิค ท่านผู้อ่านคงจะ เห็นว่าการออกแบบสิ่งที่เรียกว่า Wheelchair เพื่อใช้ใน การแข่งขันแตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ Extreme Wheelchair และ Wheelchair ทางเรียบ โดยใช้ หัวสมองบวก ความรู้สึก สัมผัส เป้าหมายและสภาพแวดล้อมอีกเช่นกัน

“แล้วถ้าโลกใบนี้ ไม่มีโรคหรือการบาด เจ็บที่กระดูกสันหลัง แล้วจะมี Wheelchair ใช้กันหรือป่าว แล้วเราจะใช้รูป สัญลักษณ์อะไรแทนความหมายของคน พิการกันนะ !!??” ผมนำ�รูปการแข่งขันกีฬาคนพิการมานำ�เสนอ บางท่าน อาจจะไม่เข้าใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกับ Design แต่อยาก ให้สังเกตล้อรถเข็นที่มีองศาความเอียง และศอบเข้าหา กันซึ่งมันเกิดจากการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้ งาน โดยใช้หัวสมองบวกความรู้สึก สัมผัส เป้าหมาย และสภาพแวดล้อม


แม่เจ้าโว๊ย. . . ใครช่างคิดออกแบบ Wheelchair แห่งอนาคต เปรียบเสมือนจักรยาน เพื่อคนพิการ !! ชื่อเล่นสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้คือ Elevating Wheelchair Design ส่วนภาพนี้ ได้นำ�ห้องน้ำ�สำ�หรับคนพิการมาให้ ดูครับ ปัจจุบันสำ�หรับการออกแบบอาคารบาง ประเภทในบ้านเรา มีกฎหมายบังคับให้ออกแบบ ห้องน้ำ�สำ�หรับคนพิการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และก็จะมีคนที่ไม่พิการ เข้าไปใช้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นเดียวกันครับ “เพื่อนของ ผมเล่าให้ฟังกันขำ�ๆว่า สงสัยมีนักกฎหมายหรือ สถาปนิกที่พิการเป็นคนคิดกฎหมายฉบับนี้”

ตัวอย่างทั้งหมดที่ผมนำ�เสนอนี้ คือการ Design สิ่งของเครื่องใช้ทั้งจำ�เป็นและไม่จำ�เป็นต่อการ ดำ�เนินชีวิตของผู้พิการ ในรูปแบบวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน ซึ่งท่านอาจจะรู้สึกว่ามันคือเรื่องทั่วไป เรื่องใกล้ตัว ผม ขออนุญาตตั้งคำ�ถามกับคุณที่อ่านบทความนี้ว่า ท่านได้ ออกแบบอะไรบ้างให้กับผู้พิการ ???? ตราบใดท่านได้ เพียงแค่คิดว่า, ใครๆก็คิดได้, นึกไว้อยู่แล้ว, เรื่องกลัวยๆ หรือ อืม. เคยคิดไว้เหมือนกัน ตราบใดถ้าสิ่งที่ท่านคิดแต่ ไม่ได้ทำ�มัน ไม่ได้ออกแบบมันออกมา มันก็คิดความว่าง เปล่า ในองค์ประกอบของการ Design ส่วนประกอบที่ สำ�คัญควบคู่กับกระบวนการคิด คือการทำ�มันออกมาให้ คนรอบตัวคุณเห็น ไม่ว่าจะเป็นชิ้นงานรูปแบบใดๆก็ตาม หรืออาจจะเรียกว่า Presentation ก็ได้ เป็นสิ่งที่เป็น ตัวแทนความคิดของคุณออกมา สิ่งหนึ่งที่อยากจะเขียนถึงคือ ผู้พิการที่ต้อง ใช้สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ ที่พวกเราทุกคนที่อยู่ในวงการ Design ไม่สามารถออกแบบให้พวกเขาเหล่านั้นได้คือ สมอง (วิธีคิด) และหัวใจ (ความเข้มแข็ง) พวกเขาได้ Design การดำ�เนินชีวิตของพวกเขาเอง ถ้าปราศจากสอง สิ่งนี้ ผมว่าอาจจะไม่มีคนที่แข่งขัน Wheelchair ห้องน้ำ� อาจจะไม่จำ�เป็นต้องมีอุปกรณ์ติดอยู่บนผนัง เพราะผู้ พิการเหล่านี้มีเป้ามายที่ชัดมากว่า ทำ�เพื่ออะไร เช่นเพื่อ ให้คนธรรมดาร่างกายไม่พิการรู้ว่า เขาสามารถแข่งกีฬา ได้ การ Design ไม่ได้จำ�กัดอยู่แค่เพียงสิ่งของ วัตถุ เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการวางแผนการทำ�งาน ให้ เป็นไปตามขั้นตอน เหมาะสมกับเงื่อนไขต่างๆ เช่น เวลา งบประมาณ สภาพแวดล้อม ฯลฯ ผู้พิการที่จะต้องการ แข่งขันไม่ได้อยู่ดี ๆ จะนั่งรถแล้วแข่งได้เลย ต้องมีการฝึก ซ้อม ทดสอบความพร้อมทั้งจิตใจ ร่างกาย ทักษะต่างๆ จนพร้อมลงแข่งขัน ต้องมีแรงบันดาลใจในการที่จะลุก ขึ้นมากระทำ�อะไรบ้าง อย่างมีการออกแบบกระบวนการ คิดไม่แตกต่างกับนักออกแบบ ที่ทำ�ชิ้นงานออกมานั้นเอง พบกันเดือนมิถุนายนครับ VW ที่มา สมาคมกีฬาคนพิการ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี handymandoubleb.com

www.instring.com www.cafepress.com


สวัสดีค่ะ พบกันอีกแล้วนะคะ ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้วซึ่ง เป็นผลงานตัวจบจบของมาคราวนี้ มีขั้นตอนวิธีการทำ�ผลงาน

1 . เริ่มจากวาดสเก็ตใน Photoshop ก่อนนะคะ โดยเส้นสีชมพูบอกถึงการตัดแยกเป็นชิ้นๆ เส้นสีฟ้า คือ การตีตาราง เพื่อง่ายต่อการ วาดลงกระดาษบรูฟซึ่งเป็นแพทเทินค่ะ ลูกศรสีเหลือง แสดงทิศทางของภาพ เป็นการวางองค์ประกอบที่ดูได้ทุกทิศทางค่ะ 2. จากนั้นวาดแบบลงบน กระดาษที่มีขนาดเท่าจริงค่ะ ลงสีฟ้าในส่วนของ แบล็กกราว แล้ววางบน ผ้าสามชิ้น ได้แก่ ผ้าชิ้นหน้าสีดำ� ใยโพลีฟูๆ และผ้ารองชิ้นหลัง

3. ตัดชิ้นส่วนที่เป็นสีฟ้าออก จากนั้น แยกเป็นชิ้นๆตามเส้นสีชมพูจากสเก็ต ใน ข้อที่ 1

ผ้านี้เกิดจากการย้อมเอง ทั้งหมดค่ะ เป็นการเพิ่มสีสัน ให้กับผ้า เพื่อให้งานมีความ น่าสนใจยิ่งขึ้นค่ะ

4. ตัดสีฟ้าออกให้หมด แล้วนำ�เฉดสีของผ้า ใน แต่ละส่วนมาวางเรียงกัน เพื่อง่ายต่อการใช้งานค่ะ

5 . การตัดผ้า เริ่มจาก นำ�แพทเทินกระดาษไปวางบนผ้า แล้วตัดโดยเผื่อตะเข็บไว้นิดหน่อย จากนั้นตัดผ้าไปวางแทนที่ กระดาษที่เป็นแพทเทินอันเดิมค่ะ ตัดไปเรื่อยๆ อย่าลืมกลัดเข็มหมุดไว้ด้วยนะคะ เดี๋ยวผ้า เคลื่อน ไม่ตรงตามแบบแย่เลยค่ะ ตัดผ้าให้ครบทุกชิ้นส่วนย่อยๆ เก็บกระดาษแพทเทินแยก ไว้ในถุง เพื่อง่ายต่อการทำ�งานค่ะ เพราะถ้ามีทั้งผ้า ทั้งเศษ กระดาษปะปนกันอยู่ จะเพิ่มความงงงวย ให้เราได้โดยไม่รู้ตัวค่ะ ^^ ส่วนผ้าที่ตัดใช้แล้ว แยกใส่ถุงหรือกล่องเก็บไว้ แม้แต่เศษผ้าก็ต้องเก็บนะคะ เพราะเศษผ้าสามารถนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้อีกเยอะเลยค่ะ

story by Pang

อีกไม่กี่ขั้นตอนผลงานนี้ ก็จะเสร็จเรียบร้อย แล้วค่ะ


7. ตัดผ้าให้ครบทุกชิ้นแล้วนำ�มาต่อกัน

8. จากนั้นนำ�มาเย็บ โดยใช้ลายซิกแซ็ก เย็บตามขอบผ้า ในขณะที่เย็บให้ระวังเข็ม หมุดที่กลัดตามผ้าไว้ด้วย ถ้าไม่ระวังเข็มจักร อาจหักได้ ทำ�ให้เสียตังค์ ซื้อเข็มเพิ่ม และเสียเวลาเปลี่ยนเข็มอีกด้วยค่ะ

ในบางจุดที่ต้องการลวดลาย ความนูนของผ้า อาจจะต้องใช้ตีนผีพิเศษ เข้าช่วย ในรูปนี้ใช้ตีนผีฟรีโมชั่น สามารถบังคับทิศทางของเส้นด้ายง่าย สร้างลวดลายที่เราต้องการได้อย่างดีเยี่ยม

9. ขั้นตอนสุดท้าย นำ�ชิ้นส่วนย่อยๆมาเย็บต่อกัน จนเป็นผืนใหญ่ ดูองค์ประกอบโดยรวม แล้วเพิ่ม น้ำ�หนัก ระยะ ด้วยการลงสีย้อมผ้า ไม่อยากเลยใช่มั้ยค่ะ ทดลองทำ�ได้นะคะ คราว หน้าเจอกันในงานชิ้นที่ 2 ค่ะ ขอบคุณที่อ่านจน จบนะค๊า า า .....


FREE ON YOUR STYLE Story by Green

รู้หน้าไม่รู้ใจ ต่างคน ต่างร้อยพ่อ พันแม่ ไม่มีใครเป็นผู้วิเศษ ที่รับรู้ใจของใครต่อใครได้ รู้เหรอ? เดาใจได้เหรอ ไม่มีหรอก ใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น ต่างคนต่างคิด ว่าภายใต้หน้ากากต่างคนต่างมีของดี เปล่าเลย มันไม่มีอะไรเลย มีแต่ความว่าง เปล่า ความเหงา โดดเดี่ยว หวาดกลัว ต่างคน ต่างหลอกหลอน แม้แต่ตัวเอง หลายคนมั่นใจกับตัวตนของตัวเอง แต่บางคนก็กลับไม่มั่นใจ ไม่มีใครรู้ว่าอะไร จะเกิดขึ้น ทั้งภายนอกจิตใจ และภายใจจิตใจ แน่ใจแล้วเหรอ ว่ารู้จักตัวเองดีพอ

น้อง Green อีกหนึ่งในนักเขียนหน้าใหม่ใน UNDO MAGAZINE ที่พวกเราเปิดโอกาสให้คนที่ อยากเขียนเรื่องราว มีสาระภายใต้หัวข้อ FREE ON YOUR STYLE ใครมีเรื่องราวดี ๆ หรืออยากให้เราสัมภาษณ์ใครที่เป็นแรงบันดาลใจส่งมาได้ที่ undomagazine@gmail.com หรือทาง www.facebook.com/undomagazine





Story by tic

ความรักคืออาหารใจ ชีวิตที่ขาดความรักไม่ใช่ ชีวิตความรักคือแรงผลักดัน ให้ชีวิตก้าวเดินไปข้างหน้า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ทำ�ให้โลกใบนี้มีสีสัน ทุกคนต่างปรารถนา ที่จะมีรักกันทั้งนั้น คงไม่มี ใครที่จะปฏิเสธว่าไม่จริงมีคนเคยกล่าวไว้ว่า “ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีทุกข์”… สองสิ่งนี้ มันจะมาคู่ กันเสมอ เพราะทุกสิ่งย่อมทั้งข้อดีและข้อเสีย ในตัวของมันเอง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของ…ความรัก… ความรักมีอานุภาพ ที่สามารถทำ�ให้คนที่อ่อนแอ เข้มแข็งขึ้นมาได้ ในทางกลับกันอานุภาพของมัน ก็สามารถที่จะทำ�ให้คนที่เข้มแข็งห้าวหาญกลับ กลายเป็นคนที่อ่อนแอได้เช่นกัน สาเหตุเพราะรักนั้น ไม่สมดั่งปราถนาขึ้นมา บางคนยอมทำ�ทุกอย่าง เพื่อที่จะให้ตนเองสมหวังกับความรัก เพื่อที่จะได้ รักนั้นมาครอบครอง แต่กว่าจะได้มานั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

ชีวิต คือ ความรัก ... น้อยคนที่จะสมหวังกับ สิ่งนี้น้อยคนที่ไม่เคยรู้ จักคำ�ว่า..“อกหัก”ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บ ปวดความเสียใจจาก สิ่งเหล่านี้บางคนกลัวที่จะมีความรัก ด้วยเหตุที่ว่าเมื่อมีรักแล้วนั้น ตนเองเป็นทุกข์แต่ก็มีคน อีกจำ�นวนไม่น้อย ที่มองหาความรักและยอมเสี่ยงที่จะมีความทุกข์


จากมันบางคนเข็ดที่จะมีความรัก.. เพราะชีวิตนี้ไม่เคยสมหวังกับความรักเลย ยิ่งวิ่งไล่ล่าไขว่คว้าให้ได้มา ก็ยิ่งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ แต่คนส่วนมากที่ยังเดินทางตามหาความรักกันต่อไป เพราะต่างก็เชื่อว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริง”..และพรลิขิตนั้น จะนำ�พาหัวใจของใครบางคนมาให้เราครอบครองเป็นเจ้าของ เข้าใจถึงสภาวะของธรรมชาติ..(ธรรมะ) ที่ทุกสิ่งนั้น ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนเลยสักอย่าง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของ..“ความรัก”… เมื่อเราทำ�ความเข้าใจในสัจธรรมข้อนี้ได้แล้ว เราก็จะไม่ยึดติดยึดถือว่า คนนี้คนนั้นสิ่งนี้สิ่งนั้นเป็นของๆเรา..

.

ทุกคนล้วนเกิดมาเปลือยเปล่าเหมือนกันหมด สิ่งของนอกกายที่เราใช้สอยกัน อยู่นี้มันเป็นของๆโลกทั้งสิ้น เรามาอาศัยอยู่ มายืมสิ่งของต่างๆใช้ในช่วงของชีวิตเท่านั้น เพราะเมื่อหมดลมหายใจ เราทุกคนก็ต้องวางทุกสิ่งทุกอย่าง ไว้บนโลกใบนี้ดังเดิมไม่มีใครที่จะเอาติดตัวไปได้แม้แต่คนเดียว สิ่งนี้เองคือความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิต เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็พร้อมที่จะมีความรักได้ โดยที่ว่าชีวิตนี้ จะผิดหวังสักกี่ครั้ง จะร้องไห้ให้กับความรัก สักกี่คราคุณก็ยังยิ้มได้เสมอ

แล้วคุณก็จะได้ลิ้มรสของความสุขจากความรัก และถึงแม้ว่าจะต้องเจอะเจอความทุกข์ก็ แน่นอนคุณอาจจะเศร้าเสียใจบ้าง เมื่อความรักไม่สมหวังขึ้นมา แต่เชื่อสิว่าคุณก็จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ไม่นานนักเพราะว่าหัวใจของคุณ มีธรรมะนำ�ทางให้เดินไปอย่างมีสติและ คุณก็เข้าถึงสัจธรรมของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ด้วยว่าบนโลกนี้ไม่มี สิ่งใดเที่ยงแท้และแน่นอน เว้นแม้แต่เรื่องของความรักที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเช่นกัน …..…อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา…….…


มองความทุกข์ด้วยใจที่สงบ มองให้มันดูเป็นสิ่งธรรมดา เพื่อให้ใจเราสบาย จะทุกข์ใจไปทำ�ไมกัน ในเมื่อมันผ่านมาแล้ว ยอมรับความจริง เพราะความเสียใจคงไม่ทำ�ให้อะไรดีขึ้น หันกลับมาทำ�ในสิ่งที่ควรทำ�ดีกว่า เพราะเราไม่อาจย้อนเวลากลับไป แก้ไขอะไรดีขึ้นได้ คนเรานี่ก็แปลกนะ แขนขาก็มีเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เวลาที่ล้มลง ก็ไม่อยากที่จะลุกขึ้น ชอบทำ�ตัวเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องความสงสาร ความเห็นใจและต้องการกำ�ลังใจจากคนอื่นๆ ต้องการที่จะให้คนอื่นๆ มาเข้าใจตัวเรา ก็แม้แต่ตัวเราเองยังไม่เข้าใจ ตัวเองเลยแล้วคนอืน่ ๆจะมาเข้าใจตัวเรา ได้ดไี ปกว่าเราได้อย่างไรกันจริงไหม

“ถ้าเราล้มลงตรงไหน ให้เราลุกตรงนั้น” และพยายามลุกขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะชีวิตยังคงต้องดำ�เนินต่อไป อย่ามาเสียเวลากับความเจ็บปวด ความอ่อนแอของตัวเอง คนเราในยามท้อแท้ อ่อนแอ สิ้นหวัง ขาดกำ�ลังใจ ก็ไม่ต่างอะไรกับ เหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำ� กำ�ลังใจเปรียบเสมือนน้ำ� ที่จะช่วยชุบชีวิตต้นไม้ ที่แห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา ให้กลับมาเป็นต้นไม้ที่เขียวชอุ่มดูสดใสได้อีกครั้ง โลกใบนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจและมีสิ่งงดงามมากมาย รอให้เราสัมผัส มัน.. ไม่มชี วี ติ ของใครทีด่ ที ส่ี ดุ ไม่มชี วี ติ ของใครทีด่ ที กุ อย่าง อยูท่ เ่ี รียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน และทำ�สิ่งนั้นให้ดีที่สุด.. คนที่แข้งแกร่งคือผู้ที่อยู่รอด คนที่เข้มแข้งคือคนที่ไม่เคยหมดกำ�ลังใจ กำ�ลังใจที่เข้มแข้งเท่านั้น ที่จะทำ�ให้เราผ่านสภาวะที่เลวร้ายทุกอย่างได้ จงหมั่นเติมกำ�ลังอยู่เสมอ แล้วสักวันชีวิตจะเจริญงอกงาม ดั่งต้นไม้ที่ได้รับสายฝนที่เย็นฉ่ำ� พร้อมที่จะผลิดอกออกผล อวดสายตาผู้ที่ผ่านไปมาได้อย่างภาคภูมิใจ


DOWNLOAD ALL ISSUES

ISSUE 01 - LAUGH IN PENGUIN JAY JETTAMON / PENGUIN VILLA

ISSUE 02 - MAGIC ROOKIES TYM MAGIC FAMILY

ISSUE 03 - KING OF UKULELE

P’ CANOON / UKUCAFE’ DOCTOR FAH

ISSUE 04 - SEEABLE AND TOUCHABLE AJARN TOTO / DOCTOR KONGKIAT

www.undomag.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.