Fette vol.01

Page 1

Vol. 1


s ’ r o t i Endote

สวัสดีค่ะ FOTTE คือวารสารของสมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป หรือมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ Federation Of Thai language and culture Teachers in Europe จัดทำ�ขึ้นสำ�หรับผู้ที่เป็นสมาชิกและผู้ที่สนใจทั่วไป ซึ่งจัด ส่งให้ทางอีเมล์เท่านั้น หากท่านต้องการพิมพ์ลงกระดาษเพื่อสะดวกในการอ่าน ท่าน ได้รับการอนุญาตจาก FOTTE ให้ทำ�ได้ คุณภาพของสีอาจไม่ได้มาตรฐานของงาน พิมพ์ที่สวยงาม เนื่องจากจุดประสงค์หลักเพื่อความสะดวกในการจัดส่งให้สมาชิกทาง อีเลกโทรนิคเมล์ ผู้ที่ต้องการทราบเกี่ยวกับ FOTTE สามารถอ่าน “เสียงจากยุโรป” และอ่าน บทสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ “How we spread the word” นอกจากนั้นท่านยัง สามารถหารายละเอียดได้ที่ www. fottethaieuro.com สำ�หรับสมาชิกจะได้รับวารสาร FOTTE ทุกฉบับ ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก จะได้รับบ้าง ไม่ได้รับบ้างไม่ต่อเนื่อง ต้องการเป็นสมาชิกของ FOTTE สามารถหา รายละเอียดได้ในฉบับนี้ ศรีจันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน (แม่วาด) บรรณาธิการ

2


เมล์แรกจากประธาน สุพรรณี บุญถูก ถึงคณะกรรมการและที่ปรึกษาของ FOTTE MY FRIENDS AND PARTNERS... LET’S BE LIKE THE GEESE!!!

เราจะเปรียบเทียบตัวเราและเพื่อนร่วมงานเป็นเสมือนห่าน เคยเห็นห่านบ้างไหม เมื่อใดที่คุณเห็นฝูงห่าน อพยพหลบหนาวไปสู่เขตอบอุ่นละก็คุณจะเห็นห่านบินเป็นรูปตัว V แล้วคุณรู้ไหมว่าทำ�ไมถึงเป็นเช่นนั้น การบินเป็นรูปตัว V จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับห่านทั้งฝูงได้ 71% เมื่อเปรียบเทียบกับห่านที่บินโดยลำ�พัง

บทเรียนที่ 1 หากมีเป้าหมายเดียวกัน และทำ�งานร่วมกันเป็นทีมจะทำ�ให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น ความ ร่วมมือร่วมใจในทีมจะก่อให้เกิดความสำ�เร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า เมื่อมีห่านตัวใดตัวหนึ่งหลุดออกจากฝูง การบินโดยลำ�พังห่านตัวนั้นจะรู้สึกถึงแรง ต้านของอากาศซึ่งจะทำ�ให้บินยากขึ้น หาก เมื่อห่านตัวนั้นเร่งความเร็วและบินให้ทัน ฝูง ห่านนั้นจะได้รับแรงพยุงจากฝูงซึ่งบิน อยู่ด้านหน้า บทเรียนที่ 2 เมื่อเราทำ�งานอย่างสอดคล้องไปในทางเดียวกัน จะทำ�ให้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น งานทุกอย่างที่ทำ� จะง่ายขึ้นและไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ทุกคนในทีมก็มีแนวโน้มที่จะยอมรับและให้ความช่วยเหลือกันมาก ขึ้นไปอีก เมื่อผู้นำ�ของฝูงห่านเริ่มอ่อนล้า ภายหลังจากบินมานาน.. ...มันจะบินไปอยู่ด้านท้ายของตัว “V” ในขณะที่จะมีห่านอีกตัวหนึ่งรับหน้าที่เป็นผู้นำ�ฝูง

3


บทเรียนที่ 3 ผลัดกันเป็นผู้นำ� ...สิ่งสำ�คัญประการหนึ่งคือ การให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน ผลัดเปลี่ยนกันแก้ไขปัญหาและภาระยุ่งยากต่างๆ ผสมผสานความรู้ความสามารถ พรสวรรค์ ปัจจัยและ ทรัพยากรต่างๆ ของทีมเข้าด้วยกัน ในขณะที่บินเป็น ตัว “V” นั้น พวกห่านจะส่งเสียงร้องเพื่อให้กำ�ลังใจห่านที่อยู่ ข้างหน้าและช่วยกันรักษาระดับความเร็วให้คงที่

บทเรียนที่ 4 เมื่อมีความกล้าหาญและให้กำ�ลังใจกัน จะส่งผลให้งานที่ทำ�มีความก้าวหน้าสูงกว่า.. ทุกคำ�พูดแห่งกำ�ลังใจจะกระตุ้นและช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น และทำ�ให้เป้าหมายสำ�เร็จได้อย่างดีที่สุด เมื่อมีห่านที่ป่วย บาดเจ็บ หรือเหนื่อยล้า มันจะหลุดออกจากฝูง... ห่านจำ�นวนหนึ่งจะละจากฝูง และบินเคียงคู่ไปกับห่านที่อ่อนแอนั้น พวกมันจะช่วยเหลือกันไปตลอด ทางจนกระทั่งห่านที่ป่วยนั้นตายจากไป หรือไม่ก็จนกว่าห่านที่ป่วยจะแข็งแรงและบินได้อีกครั้ง จาก นั้นพวกมันก็จะบินเข้าฝูง เป็นรูปตัว “V” อีกครั้ง

4


บทเรียนที่ 5 ยืนหยัดเคียงข้างกันและกันเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอุปสรรคอะไรขึ้นก็ตามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาที่ยากลำ�บาก หรือช่วงเวลา ที่มีความท้าทายที่ยิ่งใหญ่รออยู่ หากเรารักและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ด้วยหัวใจของ Teamwork เราสามารถใช้ความแตกต่างของแต่ละคนสร้างผลงานที่ท้าทายร่วมกัน หากเราตระหนักถึงการ เป็นผู้ให้ ชีวิตของเราจะง่ายขึ้น และมีความหมายมากขึ้น MY FRIENDS AND PARTNERS... LET’S BE LIKE THE GEESE!!!

ประธาน สุพรรณี บุญถูก

5


เสียงจากยุโรป “จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด” โดย จันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน

6

ขณะนี้การขยายตัวของสังคมไทยในยุโรปเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่วนมากประกอบด้วยหญิงไทยที่แต่งงานไปกับชาวยุโรป หญิงไทยเหล่านี้มีทั้งที่ มีการศึกษาขั้นสูงไปจนถึงผู้ที่ไม่สามารถอ่านเขียนทั้งภาษาไทยและภาษาต่าง ประเทศ เมื่อประกอบกับการที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่เคยมีความจำ�เป็นที่ จะต้องใช้ภาษาอื่นหรือวัฒนธรรมอื่น จึงทำ�ให้คนไทยส่วนมากมักไม่ค่อยให้ความ สนใจด้านความรู้ทั่วไปนอกประเทศไทย เมื่อจำ�เป็นจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ใน ประเทศอื่น ความสามารถในการปรับตัวให้ได้ดีมีมาตรฐานในสังคมที่ไปอาศัย อยู่จึงไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป ที่มีภาษาพูดที่คนไทยส่วนมาก ไม่คุ้นเคย มีไวยกรณ์ที่ยุ่งยากกว่าภาษาอังกฤษ เช่น ภาษาของประเทศ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก เยอมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เนเธอแลนด์ ฟินแลนด์ รัสเซีย ฯลฯ ดังนั้นเมื่อหญิงไทยที่เข้ามาสร้างครอบครัว มีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอบรมอยู่ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอื่น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก แม่ส่วนใหญ่เลือกวิธีการอบรม เลี้ยงดูลูกคล้อยตามสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนภาษาพูด เพราะเป็นเรื่องง่ายไม่ต้องฝืนสังคม ละเลยการให้ความรู้ทั้ง ด้านภาษาและขนบธรรมเนียมของไทยแก่ลูก กว่าแม่ไทยจะตระหนักว่าได้ทำ� พลาดไปก็เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขเสียแล้ว


ผลเสียที่เกิดขึ้นสำ�หรับทั้งแม่และลูกคือความไม่เข้าใจกันอย่างลึกซื้ง เพราะแม่ไม่สามารถจะสื่อสารกับลูกได้ลึกซื้งในภาษาที่แม่ไม่คุ้นเคยมาแต่เกิด ส่วนลูกย่อมไม่สามารถจะเข้าใจแม่ด้วยภาษาไทยได้ ผลเสียที่จะเกิดแก่ลูกคือ การพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้ภาษา ขนบธรรมเนียมของแม่ที่สามารถนำ�ไปใช้เป็นประโยชน์ในอนาคต ไม่ว่าจะในด้าน การงาน ด้านธุระกิจ รวมทั้งด้านสังคม เพราะขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ บริษัททางตะวันตกนิยมมาลงทุน คนที่สามารถพูดภาษาไทยได้ย่อมมีโอกาสที่ดี กว่าคนทั่วไป และที่สำ�คัญที่สุดคือลูกไม่สามารถจะสื่อสารกับญาติทางแม่ได้ เป็น เรื่องเศร้าที่ ตา ยาย ไม่สามารถจะสื่อสารกับหลานแท้ๆของตัวเองได้ นอกจาก นั้นลูกยังพลาดโอกาสที่จะเรียนภาษาอื่นได้ง่ายกว่าเด็กอื่น เพราะเป็นที่รู้กันว่า หากเด็กลูกครึ่งสามารถพูดภาษาแม่ได้ เขาจะมีความสามารถเรียนภาษาอื่นได้ดี และรวดเร็วกว่าเด็กทั่วไป ส่วนผลเสียที่มักจะเกิดแก่แม่นั้น เมื่อแม่เลี้ยงลูกด้วยภาษาและวัฒนธรรม ของประเทศที่ลูกเกิดและเติบโต ย่อมจะมาถึงวันที่ลูกเก่งกว่าแม่จนแม่ไม่สามารถ จะสอนลูกได้อีก และยิ่งเมื่อลูกไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรมของการเคารพการให้ เกียรติผู้บังเกิดเกล้าแบบไทยๆ แม่ย่อมเผชิญกับความเจ็บช้ำ�เมื่อได้รับการปฏิบัติ จากลูกเสมือนโดนดูถูกดูแคลนจากเลือดในอก

7


FOTTE

ด้วยเหตุดังกล่าวจึงได้มีการรวมกันของกลุ่มคนไทยจากประเทศต่างๆใน ยุโรป 13 ประเทศ จัดตั้งสมาพันธ์ครูอาสาสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยใน ยุโรป ในชื่อภาษาอังกฤษว่า Federation Of Thai language and culture Teacher in Europe (FOTTE) จากการริเริ่มของสถานทูตไทยใน สวิตเซอร์แลนด์ สมัย ฯพณฯ นายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เป็นเอกอัครราชทูต และการสนับสนุนจาก รศ.นราพร จันทร์โอชา (ภริยาท่านผู้บัญชาการทหารบก) เนื่องจากท่านเป็นรองประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และได้มีโอกาสได้เห็นการรวมตัวของกลุ่มคนไทยเพื่อพยายามให้มี การเรียนการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยที่ได้มาตรฐานเดียวกัน ท่านจึงให้การสนับสนุนโดยรับคำ�เชิญเป็นที่ปรึกษาของ FOTTE การสนับสนุนจากกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้ FOTTE เข้าร่วม พิจารณาร่างหลักสูตรภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยสำ�หรับเยาวชนในยุโรป กับ กศน. และ สพฐ. (สำ�นักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย และ สำ�นักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน)โดยใช้หลักสูตรของ อาจารย์ สาลี่ ศิลปสธรรม ที่จัดทำ�ขึ้นจากประสบการณ์ที่เคยเดินทางไปสอนตามโรงเรียน สอนภาษาไทยในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งขณะนี้หลักสูตรนี้ก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้ เป็นแกนกลางในการจัดการเรียนการสอนเยาวชนในต่างประเทศ การสนับสนุนจากกระทรวงต่างประเทศ ทางกรมการกงสุลได้รับที่จะให้การ สนับสนุนกิจกรรมของทาง FOTTE โดยผ่านทางสถานทูตไทยทุกแห่งในยุโรป เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าโครงการณ์ของ FOTTE เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่าง มากต่อคนไทยในต่างประเทศ

8


การสนับสนุนจาก ท่าน ว. วชิรเมธี ทาง FOTTE ได้กราบนมัสการขอให้ ท่านเป็นที่ปรึกษา เนื่องจากท่านได้รับรางวัลการใช้ภาษาไทยดีเด่นแห่งชาติเมื่อปี 2554 ซึ่ง FOTTE มีความปลาบปลื้มเป็นอย่างสูงในความกรุณาของพระ อาจารย์ และแน่ใจว่าพระอาจารย์จะเป็นพลังหนุนให้ FOTTE แข็งแกร่งฝ่าฟัน อุปสรรค์ต่างๆเพื่อทำ�ประโยชน์ให้แก่ลูกหลานชื้อสายไทยนอกประเทศไทยต่อไป ในอนาคต FOTTE มีคณะบริหารที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาบริหารองค์กรที่มี วาระ 2 ปี โดยประธานและรองประธานสองคนนั้นเลือกตามตัวอักษรนำ�ชื่อ ประเทศ ส่วนกรรมการหน้าที่อื่นๆนั้นมีการเลือกตั้งเพื่อหาผู้ที่เหมาะสมตาม ลักษณะงาน และมีผู้แทนประเทศซึ่งเลือกจากสมาชิกของแต่ละประเทศ การ ทำ�งานในวาระต่อไปนั้นสามารถสานต่อได้สะดวก เพราะผู้ที่จะเป็นประธานต่อไป เคยทำ�หน้าที่รองประธานมาก่อน คุณสมบัติของสมาชิกนั้นมีทั้งที่เป็นโรงเรียน สมาคม ผู้ที่เป็นครูสอนภาษา ไทย หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจและสนับสนุนการสอนภาษาและวัฒนธรรมไทย ดู รายละเอียดได้ที่ www.fottethaieuro.com วัตถุประสงค์หลักของ FOTTE นั้นต้องการที่จะเผยแพร่ความรู้ภาษาไทย และวัฒนธรรมไทยให้แก่บรรดาเยาวชนลูกครึ่งไทย เพื่อประโยชน์ของตัวเด็กเอง ประโยชน์ของแม่และญาติโยมของเด็กทางฝ่ายไทย FOTTE เพิ่งจัดการประชุมสามัญประจำ�ปีครั้งแรกขึ้นเมื่อวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา สมาชิกต่างทะยอยกันมาจากประเทศต่างๆในยุโรป ทั้ง 13 ประเทศ มารวมกันที่โรงแรม Novotel กลางกรุงบรัสเซลส์ในประเทศ เบลเยี่ยม ดินแดนที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของสหภาพยุโรป (EU) พวกเราต่าง

9


รู้สึกว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่นัดหมายมาพบกันที่นี่เป็นครั้งแรก เราจะพยายาม ใช้แนวทางของ EU มาใช้บริหารองค์กรของเรา รวมทั้งการยึดหลักความเป็นก ลางในเรื่องศาสนาและการเมือง ช่วงเช้าได้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารชุดแรกมาแทนกรรมการเฉพาะ กิจเดิม ตามกฏเกณฑ์ขององค์กรที่เลือกประธานและรองประธานสองคนตาม อักษรนำ�ชื่อประเทศ คุณสุพรรณี บุญถูก (Belgium) คุณเพียงใจ เจริญศิลป์ (Denmark) คุณปณิธาน ตาบุลเรล (France) เป็นประธาน และรองประธานคนที่ 1 รอง ประธานคนที่ 2 ส่วนตำ�แหน่งอื่นนั้นมีการเลือกตั้งโดยนับคะแนนเสียงจาก สมาชิก คือ คุณทิพวรรณ พิลาตัน (Belgium)เป็น เลขาณุการ ดร.นริสา เชื้่อดุลย์ (United Kingdom) เป็น เหรัญญิก และ คุณศรีจันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน (Norway) เป็นประชาสัมพันธ์ คุณชุมศรี อาร์โนลด์ (United Kingdom) ขอรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยฝ่ายประชาสัมพันธ์และผู้ช่วยฝ่ายหาทุน คุณสุมิตรา ซัลซ์มันน์ (Switzerland) เป็นที่ปรึกษาจากการแต่งตั้งแต่เดิม นอกจากนั้นมีการเลือกกรรมการผู้แทนประเทศทั้งหมด 13 ประเทศ ไม่จำ�กัด จำ�นวนว่าจะมีผู้แทนประเทศละกี่คน เพราะอาณาเขตและจำ�นวนคนไทยในแต่ละ ประเทศในยุโรปมีไม่เท่ากัน

10


แล้วก็มาถึงช่วงสนุกสนานด้วยการฟังการแสดงธรรมของท่าน ว. วชิรเมธี ซึ่งท่านได้เดินทางจากเมืองไทยมาเทศน์ให้แก่บรรดาชาว FOTTE เป็นจำ�นวนถึง ร้อยยี่สิบกว่าคน กลยุทธการแสดงธรรมของพระอาจารย์เรียกเสียงหัวเราะไป พร้อมๆกับความศรัทธาจากบรรดาชาว FOTTE คนไทยที่ห่างไกลจากวิถีการคิด แบบไทยๆมานาน แม้ว่าเวลาที่แสดงธรรมของพระอาจารย์จะเป็นเวลาหลังอาหาร กลางวัน แต่ไม่มีใครสัปหงกเลยแม้เพียงงีบเดียว เนื้อหาหลักเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การใช้ภาษาไทยให้เป็น อาทิเช่นพระอาจารย์ยกตัวอย่างเรื่องภรรยาสองคนที่ ประสบความสำ�เร็จในการซื้อใจของสามีต่างกัน ภรรยาที่ไม่ประสบความสำ�เร็จ เพราะใช้ภาษาไม่เป็น ส่วนภรรยาอีกคนเป็นสมาชิกของ FOTTE รู้หลักการใช้ ภาษาไทย จึงได้ทุกอย่างที่ปรารถนาจากสามีด้วยความเต็มอกเต็มใจของสามี ทำ�ให้พวกเรายืดกันไปตามๆแถมได้ความรู้ไปสะกิดสมองว่าควรจะไปใช้หลักการ พูดภาษาให้ถูกเพื่อหลอกสามีอย่างไรดี นับว่าการแสดงธรรมของพระอาจารย์ได้ ผลอย่างยอดเยี่ยม สามารถซื้อใจชาว FOTTE ให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันทั่วหน้า หลังจากนั้นก็ได้ฮากันอีกจนเกือบจะไม่ได้หุบปากกันเลย จากการโต้วาที ในญัตติเรื่อง “การสอนภาษาไทยลูกไม่ยาก” โดยคนดังจากประเทศต่างๆ มา เฉือนคารมเรียกเสียงเฮฮาไม่ขาดสาย ผู้ดำ�เนินรายการคือ ศรีจันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน (นักเขียนฉายา แม่วาดเมียบียอร์น) เจ้าของนิตยสาร”แม่วาด”ใน สแกนดิเนเวีย

11


ฝ่ายผู้เสนอญัตติ คือคุณสุมิตรา ซัลซ์มันส์ จากสวิตเซอร์แลนด์ ประธาน สมาคมเพื่อนไทยบาเซิล ที่ตั้งมา 25 ปี โดยได้รับเลือกเป็นประธานมาตลอด ผู้ เป็นเสมือนปูชนียบุคคลสำ�หรับคนไทยในสวิตฯ จนได้รับพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ คุณ ชุมศรี อาร์โนล์ด เจ้าของสมญา ซินเดอเรลล่าออฟลอนดอน ประธานสมาคมหญิงไทยในอังกฤษ ผู้จัดทำ�หนังสือ “อยู่ยังไงในอังกฤษ” ซึ่ง เป็นคู่มือที่ช่วยเหลือคนไทยในประเทศอังกฤษอย่างมาก ทั้งยังจัดให้มีเวบไซท์ สำ�หรับคนไทยเข้ามาถามปัญหาทางด้านกฏหมายได้ นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของ นิตยสาร ThaiSmile ที่แจกฟรีทั่วอังกฤษ เธอออกมาแสดงคารมในการโต้วาที อย่างเผ็ดร้อนว่ามันไม่เป็นเรื่องยากที่จะสอนลูกพูดไทย เพราะลูกชายคนเดียว ของเธอสามารถพูดไทยได้อย่างแตกฉาน แต่จะแยกแยะเรื่องควรไม่ควรแค่ไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะครั้งหนึ่งบนรถไฟฟ้าที่เธอเดินทางไปกับลูกชาย และได้ แสดงความสนใจในเรื่องของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กันมากไปนิด ลูกชาย แอบสะกิดถามว่า “มัมมี๊ครับ ทำ�ไมมัมมี๊ทำ�ท่าเสือกจังครับ!” ทางฝ่ายค้านคือ คุณ ปณิธาน ตาบูเรล จากประเทศฝรั่งเศส ประธาน ชมรมสตรีไทยในฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในยุโรป มีความสามารถ อย่างสูงในการหาทุนดำ�เนินการสำ�หรับองค์กรต่างๆ และพยายามเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างองค์กรในประเทศไทยกับองค์กรของคนไทยในต่างประเทศ ได้ออกมาย อมรับว่าค่อนข้างปอดที่จะต้องมาโต้คารมกับพวกชั้นเทพทั้งหลาย แต่ก็จะสู้เพราะ ฝ่ายเธอเป็นนางฟ้า เธอบอกว่าเธอได้พยายามอย่างหนักที่จะทำ�ให้ลูกพูดภาษา ไทยแต่ก็ไม่ง่าย เคยถึงกับหาครูที่มีชื่อเสียงว่าไทยแท้มาสอนลูก แต่ก็ไม่สำ�เร็จ เพราะครูมาสอนครั้งเดียวแล้วเลิกมาอีก ต่อมาจึงได้ทราบว่าตอนที่ครูไทยมา สอนลูกสาววัยรุ่นของเธอนั้น พยายามตั้งอกตั้งใจเรียน ขนาดว่าเหนื่อยมากยัง อุตส่าห์เอกเขนกยกเท้าขึ้นไปบนโต๊ะยืดตรงไปที่ครู!


คุณ ดวงหทัย เฟรค จากสวิตเซอร์แลนด์ หญิงเก่งและหญิงแกร่งที่ยืน หยัดอยู่ด้วยตัวเอง ทำ�งานในธนาคาร Morgan Stanley Zurich ซึ่งเป็นที่ ยอมรับของธนาคารในความสามารถในการทำ�งานการบริหารข้อมูลและเปิดบัญชี สำ�หรับลูกค้า เป็นกรรมการสมาคมหญิงไทยเพื่อหญิงไทย ทั้งงานราษฏร์งาน หลวงมากมาย จนต้องทิ้งลูกให้ย่าเลี้ยง ลูกเลยได้แต่จ้อภาษาเยอรมัน ในตอนเย็นก่อนถึงเวลาไปรับประธานอาหารร่วมกัน สมาชิกจากประเทศ นอร์เวย์ สวีเดน เนเธอแลนด์ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก ต่างนำ� สันทนาการมาประชันกันในแบบต่างๆไม่น้อยหน้ากันเลย แต่ที่ประทับใจกันจน ชาวไทยในยุโรปน้ำ�ตาซึมไปตามๆกัน คือรายการจากกลุ่มสมาชิกเดนมาร์ก ที่ได้ นำ�เรื่องของพระราชกรณียกิจของในหลวงของเรามาแสดงให้ชาวเราที่ห่างไกลจาก เมืองไทยได้รับรู้ และจบลงด้วยการเชิญชวนให้พวกเราร่วมร้องเพลง “ความฝัน อันสูงสุด” พวกเราทุกคนต่างลุกขึ้นยืนร้องเพลงกันก้องจากหัวใจ โดยเฉพาะ เมื่อถึงประโยค “จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด! วันรุ่งขึ้นพวกเรายกโขยงขึ้นรถบัสไปเที่ยวเยียมชมเมือง Brugge ที่ ยูเนสโกนับเป็นมรดกโลก มีสมญาว่าเมืองเวนิสทางเหนือ ไม่ไกลจากกรุง บรัสเซลส์มากนัก เป็นเมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีลำ�คลองทั่วไป เราพา กันไปนั่งเรือเที่ยวไปตามลำ�คลอง คล้ายๆ ที่เวนิส แต่สวยแตกต่างไปอีกแบบ มีโรงแรมเล็กๆตามคลองน่ารักโรแมนติกมาก เห็นโบสถ์ หอคอย ตึกรามแบบ เก่าๆ ขนาดกะทัดรัดที่อนุรักษ์เอาไว้ในแบบเดิมๆ

13


หลังจากนั้นพวกสมาชิกที่ลางานมาแค่เสาร์อาทิตย์ก็รีบล่ำ�ลากันเพื่อไปจับ เรือบินให้ทันกลับไปประเทศตัวเอง เพื่อจะเริ่มทำ�งานในวันจันทร์รุ่งขึ้น ส่วนพวก ที่ลางานต่อวันจันทร์ก็เที่ยวต่อและกลับมาชุมนุมกันที่ร้านอาหารหรูและเป็น โรงเรียนสอนทำ�อาหาร ของลูกชายรูปหล่อของประธานของเรา คุณสุพรรณี บุญ ถูก ซึ่งเป็นเจ้ามือเปิดครัวเปิดบาร์เลี้ยงกันเต็มที่ ดึกดื่นใกล้เที่ยงคืนแล้วจึง เคลื่อนย้ายกลับโรงแรม พวกที่ต้องออกไปสนามบินแต่เช้าก็ลากันเลย พวกที่ไป สายหน่อยก็มาลากันที่ห้องอาหารเช้าอีกรอบ แต่ไม่ว่าจะอยู่สั้นยาวแค่ไหน พวก เราต่างเก็บเกี่ยวความสนุกสนานกลับไปเติมเต็มให้แก่ชีวิต ที่ห่างไกลจากคนไทย จำ�นวนมากๆและตั้งใจว่าจะได้กลับมาพบกันใหม่ในปีหน้า ลาก่อนสำ�หรับวันนี้.... ขอลาทีทั้งที่อาลัย.... จนกว่าจะพบกันใหม่....

14


วิธีอาบน้ำ�ร้อนในเมืองหนาว

การอาบน้ำ�ร้อนในประเทศที่มีอากาศหนาวนั้นทำ�ให้ผิวแห้งมาก โดยเฉพาะผิวบริเวณใบหน้าและลำ�คอ ผิวบริเวณนี้เมื่อถูกน้ำ�ร้อนจัด จะยิ่งแห้งหนักขึ้น โดยเฉพาะน้ำ�ประปาในเมืองหนาวนั้นมีแรงส่งสูง ถ้าเปิดเต็มที่น้ำ�ร้อนที่มาปะทะใบหน้าและลำ�คอด้วยกำ�ลังแรงทุกวันจะ ยิ่งทำ�ให้ผิวบอบบางมากขึ้น บางคนมองเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน ดังนั้นเวลาอาบน้ำ�ไม่ควรเปิดน้ำ�ให้แรงเต็มที่ และปรับอุณหภูมิ ให้ร้อนน้อยลง แต่ให้มีไอน้ำ�อบอวลอยู่ในห้องน้ำ� ก่อนอาบน้ำ�ให้ทา ครีมม้อยส์เจอไรเซอร์ชนิดเข้มข้น Heavy Duty Moisturizer ทา ให้ทั่วบริเวณใบหน้า ลำ�คอ ไหล่ หน้าอกช่วงบน ไอน้ำ�ที่อบอวลจะช่วยให้ครีมซึมลงในผิวช่วยแก้ผิวแห้งได้ ใน เวลาเดียวกันครีมก็ช่วยปกป้องและบำ�รุงผิวด้วย เมื่ออาบน้ำ�ชำ�ระ ร่างกายส่วนอื่นจนทั่วแล้ว จึงล้างหน้าและผิวส่วนที่ทาครีมไว้หลังสุด เสร็จแล้วกระชับผิวด้วยโลชั่นหรือโทนเนอร์

15


เรื่องจริงจากปากของนายแพทย์อาจินต์ บุญญเกตุ เรื่องเป็นอย่างไร เท็จจริงแค่ไหน ผมกำ�ลังจะ เล่าให้คุณฟัง ณ. บัดนี้ ประมาณช่วงกลางปี พ.ศ.2504 ปีฉลู ได้มี หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ซึงมักจะตีพิมพ์ เรื่องเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเกี่ยวกับจิตวิญญาณ และเกี่ยว กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งอภินิหารต่างๆ เป็นหนังสือที่ ดังระดับหนึ่งในสมัยนั้น หนังสือพิมพ์ฉบับนี้พาดหัว ข่าวว่า “วิญญาณของเด็กมาช่วยรักษานายแพทย์ใหญ่” ที่จริงผมไม่ใช่แพทย์ใหญ่ ไม่มีใครแต่งตั้งให้ ผมเป็นที่กรมกระทรวงใด แล้ววิญญาณเด็กก็ไม่ได้มา รักษาผม หนังสือพิมพ์นี้ได้ลงตีพิมพ์ต่อเนื่องกัน ประมาณ สองอาทิตย์ พร้อมทั้งพิมพ์รูปถ่ายของผม ลงประกอบในข่าวนั้นด้วย ทำ�ให้ฮือฮากันไปทั่วบ้านทั่ว เมือง โดยเฉพาะญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่พอจะทราบเรื่อง

16

เลาๆ บ้างได้ซื้ออ่านเป็นการใหญ่ รวมทั้งพระคุณเจ้า บางองค์ ซึ่งพระคุณเจ้าหลายรูปยังมีชีวิตอยู่ และ ท่านได้นำ�เรื่องราวของผมไปตีพิมพ์ในหนังสือธรรมะ ท่านเจ้าคุณรูปนี้เดี๋ยวนี้ท่านจำ�พรรษาอยู่ที่วัดโสมมนัส วิหาร ท่านก็นำ�เรื่องของผมไปเขียนด้วยเหมือนกัน อันที่จริงเรื่องที่ปรากฏกับผมนั้นมีไม่มาก ไม่มี อภินิหารมโหฬารอย่างที่ได้พิมพ์ไว้นั้นเลย ทีนี้เมื่อเล่า กันต่อๆไปปากต่อปาก สาวความยาวออกไปจนผม อ่านแล้ว นี่เรื่องของผมหรือใครกันแน่ เพราะมันออก จะเกินเรื่องของความจริงไปเยอะ เหตุที่ผมจะนำ�เรื่องนี้มาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง เพราะในปลายปี 2529 ต่อกับวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2530 คณะพรรคสูงอายุหลายท่าน ซึ่งผมขออนุญาตเอ่ยนาม ของท่านไว้ ณ.ที่นี้ คือ คุณหญิงวัลลีย์ วีระปีย์


พล.ร.ต. ประจวบ และ แพทย์หญิงอำ�ภิกา พลกล้า คุณสมบัติ คงจำ�เนียร และ ม.ร.ว.ทอศรี ภรรยา ศ.จ.น.พ.สมบัติ สุคนธพันธ์ แห่งโรงพยาบาลศิริราช น.พ. สมพงษ์ บุรุษรัตนพันธ์ ผู้อำ�นวยการสำ�นักการ แพทย์ กทม, พล.ต.กมลพิจิตร คดีพล คุณเสนาะ นิลกำ�แหง อดีต เสรีไทย สายอังกฤษในสมัย สงครามโลกครั้งที่สอง และอีกหลายท่านรวมทั้งผม ด้วย ได้จัดคณะท่องเที่ยวสูงอายุไปพักผ่อนทางเหนือ พร้อมกัน และแวะเล่นกอล์ฟกัน ทุกสนามที่ผ่าน ได้แก่ นครสวรรค์ พิษณุโลก แม่เมาะ ลำ�ปาง และ สุดท้ายที่เชียงใหม่ สมาชิกที่ได้ไปเที่ยวกันคราวนี้ร่วม สามสิบคน อายุรวมกันเห็นจะกว่า 1,640 เราออก เดินทางตั้งแต่เช้ามืดวันที่ 9 ธ.ค. และกลับกรุงเทพฯ ตอนคำ�่ วันที่ 2 ม.ค. เลยปีใหม่หนึ่งวัน และในปี 30-31 ก็ประพฤติกันแบบนี้อีกไม่รู้จักเบื่อหน่ายกัน บ้างหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ในระหว่างการเดินทางไปและกลับ ในรถทัวร์ที่ เช่าเขาไปเพื่อบรรเทาง่วงเราก็เฮฮากันไป ซึ่งหนุ่มสาว คงหาว่าเราเชยเต็มที เพราะมีนิทานเก่าๆ เอามาเล่ากัน เพลงที่ร้องกันในรถก็โน่น เอาเพลงของ พรานบูรณ ของจำ�รัส สุวคนธ์ ของท่าน ม.ล.พวงร้อย นานๆทีจึง จะมีเพลงปัจจุบันสักเพลงสองเพลง อย่างดีก็มีของ ครูเอื้อ นานๆก็มีเพลงของ ดนุพล แก้วกาญจน์ สุชา ติ ชวางกูร สักเพลงสองเพลง ซึ่งถ้าหากเจ้าตัวมานั่ง ฟังอยู่ด้วย คงจะพูดว่า อนิจจังเพลงของเราเป็นอย่าง นี้ไปแล้ว หรือนี่? เป็นอันว่าการท่องเที่ยวเล่นกอล์ฟก็ได้สิ้นสุดลงที่ สนามเชียงใหม่ พอวันที่ 2 ม.ค. เราก็เดินทางกลับ ออกจากเชียงใหม่ราวๆ 8 นาฬิกา พอรถออกไปได้ หน่อยก็ประพฤติอย่างขาไปอีก ทีนี้พอถึงนครสวรรค์ หลังอาหารกลางวันซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าเก่าเท่านั้น แหละ เราก็ออกเดินทางต่อ พรรคพวกในคณะต้อง

การเปลียน บรรยากาศ จึงขอให้คุณหญิงวัลลีย์บอก ผมว่าขอฟัง เรื่องวิญญาณที่ผมพบในรูปของเด็กหญิง พิมพ์วดีที่ยังติดอยู่ในใจหลายๆคน หลายคนที่ได้อ่าน เรื่องของผมที่ท่านศาสตราจารย์ เอียน เฟลมมิ่ง นัก วิญญาณศาสตร์มาสัมภาษณ์ผม และนำ�มาพิมพ์เป็น เรื่องหนึ่งในหนังสือของท่าน เผยแพร่ในอเมริกาเมื่อ ราวๆ พ.ศ. 2506 หรือ 2507 ก็สนใจ และรวมทั้ง บางท่านที่เคยอ่านหนังสือรายสัปดาห์ฉยบับนั้นด้วยว่า เป็นจริงอย่างไร ทุกคนในรถเงียบสงบอย่างกับฟังปาฐกถาที่น่า ฟัง ในเมื่อผมได้พูดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้กับตัว ผม ไม่ว่าจะพูดที่ไหนกี่สิบที่กี่ร้อยครั้งก็อย่างนี้ ผม จึงเริ่มเล่าเรื่องว่า... ผมได้ป่วยด้วยโรคปวดประสาทสมองเส้นที่ห้า (ประสาทสมองมีสิบสองคู่) เริ่มเป็นมาตั้งแต่วัยรุ่นอายุ ราวๆ 16-17 ปี ตอนนั้นพอดีเกิดสงครามอินโดจีน แล้วก็เป็นเรื่อยมาระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นๆ หายๆโดยมีอาการปวดประสาทด้านขวา ตั้งแต่เบ้าตา ขึ้นไป ถึงกลางกระหม่อม ปวดอยู่ซีกเดียว ตอนนั้น ยังเป็น หนุ่มแน่นอายุยังน้อยอาการก็ไม่ค่อยทรมาน รุนแรง มากนัก กินยาแก้ปวดแรงๆก็พอบรรเทาไป ได้ เคยให้อาจารย์ที่ศิริราชตรวจ ท่านก็บอกว่าสายตา มีส่วนช่วยให้ปวดได้ เพราะสายตาไม่ดี ผมก็เลยสวม แว่นมาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนถึงบัดนี้ สรุปว่าผมป่วยเป็นโรคนี้มานานเป็นสิบๆปี ตอนที่เป็นนายแพทย์ผู้อำ�นวยการที่จังหวัดภูเก็ตก็ยัง เป็น ตอนไปศึกษาต่อที่อเมริกาก็เป็นทั้งสามปี แพทย์ ที่อเมริกาชวนผมผ่าตัด ผมก็ยอมแต่พอจะผ่ามันก็ เกิดหายปวด เพราะมันเป็นๆหายๆ หมอที่นั่นก็เลยไม่ กล้าผ่า พอศึกษาจนจบก็กลับมารับราชการต่อ ตาม โรงพยาบาลอีกหลายแห่ง ตอนปี พ.ศ. 2504 ผมเป็น รองผู้อำ�นวยการโรงพยาบาลสงฆ์ ฝ่ายวิชาการ เกิด

17


ปวดมากจนทนไม่ไหว ต้องเข้ารับการรักษาที่โรง พยาบาลศิริราช ตอนนั้นเองโรคนี้ไม่รู้ส่าเหตุ แต่เดี๋ยว นี้คุณหมอสิระ บุณยะรัตเวช หัวหน้าศัลยกรรมโรง พยาบาลรามาธิบดี ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรม สมองและประสาท ท่านผู้นี้เองที่รักษาผมหายขาด ด้วยการฉีดยาเข้าในสมอง ไปทำ�ลายต้นตอของ ประสาทเส้นนี้ให้หมดสภาพไปเลย ท่านบอกว่าหนึ่งใน สาเหตุของโรคนี้ คือเส้นโลหิตในสมองเส้นหนึ่งไป เบียดสมองเส้นที่ห้านี้ เมื่อเส้นโลหิตขยายตัวตาม จังหวะการเต้นของหัวใจ มันก็จะเบียดเบียนกระตุ้น เส้นประสาทเส้นนี้ทุกที คนโบราณเรียกว่า”ลม ตะกัง” หมอปัจจุบันเรียกว่า “ไมเกรน” หรือ ติ๊ด เตอรารูไทรเจมินัลนิวราลเจีย เป็นชื่อเดียวกัน การ รักษายากมาก

นอนหลับตา เอามือกุมขมับข้างที่ปวดแล้วก็ภาวนา บริกรรมพุทโธๆๆๆ ทำ�อาณาปานสติไปเรื่อยๆ ที่ผม ทำ�แบบนี้ได้เพราะเมื่อปี พ.ศ.2500 ผมบวชพระที่วัด ราชาธิวาส หนึ่งพรรษา วัดนี้เป็นวัดวิปัสสนากรรมฐาน ผมก็ได้รับการอบรมเรื่องนี้มาด้วย พอทำ�สมาธิ วิปัสสนาสักครู่ อาการปวดก็สงบลง มันก็เป็นเช่นนี้คือ ปวดสักพักแล้วก็บรรเทา พอสงบผมก็สงบจิตทำ�สมาธิ ต่อไป.... ประมาณสามทุ่มเศษๆ ผมหลับตาเห็น... เด็ก หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างเตียง ก็ลืมตาถามภรรยาและ พยาบาลพิเศษที่เฝ้าอยู่สองคนนี้ว่า “ใครมา?” ได้รับคำ�ตอบว่า “ดึกแล้ว ไม่มีใครมาหรอก” ผมก็หลับตาเข้าสมาธิต่อ พอสักครู่ก็เห็นชัดว่ามี เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างอ้วนเหลือกำ�ลัง อ้วนยังกับ ตอนปี พ.ศ.2504 นั้นคุณหมอสิระยังไม่กลับ เป็นโรคชนิดหนึ่ง แต่หน้าตายังเด็ก มายืนอยู่ข้างเตียง จากการศึกษาต่อจากอังกฤษ ท่านเรียนจบสำ�เร็จเป็น เธอแต่งตัวด้วยชุดของโรงพยาบาล เมื่อเห็นเช่นนั้นผม ราชบัณฑิตในวิชาศัลยศาสตร์แห่งประเทศอังกฤษ ก็เอ่ยปากออกถามว่า... ท่านกลับมาตอน พ.ศ.2507 หรือราวๆนั้น ท่าน “หนูเป็นใคร มาทำ�ไมที่นี่?” ศาสตราจารย์ น.พ.อุดม โปษฤกษณะ เป็นผู้รักษาผม ผมพูดออกมาดังๆ เพื่อให้สองคนนั้นได้ยิน มีศาสตราจารย์ น.พ.วิชัย บำ�รุงผล แห่งภาควิชา รวมทั้งคุณใบ กล้าหาญ ซึ่งรับราชการอยู่ที่โรง ศัลยกรรม และศาสตราจารย์ น.พ.สมบัติ สุคนธพันธ์ พยาบาลสงฆ์จนทุกวันนี้ และไปเฝ้าผมอยู่ด้วย ฝ่ายโรคทางยามาร่วมด้วย ทั้งสองท่านเหล่านี้เป็น ภรรยาผมมาเขย่าแขนแล้วพูดว่า... เพื่อนกันก็เลยตั้งใจมากเป็นพิเศษแต่ก็ไม่หาย “เธอ นี่อยู่นี่ๆ” ก็คงคิดว่าผมป่วยมากจนเพ้อ ผมได้ถูกรับตัวไว้เพื่อตรวจละเอียดและรักษาที่ ผมก็บอกว่า ตึกวิบูลลักษณ์ชั้นล่าง ห้องที่เท่าไรจำ�ไม่ได้เสียแล้ว ได้ “ไม่ได้เพ้อ หรือเสียสติอะไรหรอก ... แต่ว่ามี รับการดูแล เยียวยารักษาอย่างดีจากครูบาอาจารย์ ใครเห็นไหม? หนูอ้วนมานั่งอยู่ข้างเตียงนี่...” สองคน และเพื่อนฝูง แต่อาการปวดประสาทก็รุนแรงมาก นั่นตอบว่า แทบจะผูกคอตายไปหลายหน “ไม่มีใครอีกแล้ว...” คืนหนึ่งเวลาประมาณสองทุ่มเศษๆ โรคปวด ผมสังเกตเห็นว่าสองคนนั้นขยับตัวเข้ามาชิดกัน ประสาทมาเอาผมอีก ทีนี้ปวดดิ้นเลย พยาบาลจะให้ ภรรยาทำ�ท่าจะสวดมนต์หรือพนมมือไหว้ปลกๆ แต่ กินยาตามแพทย์สั่งไว้ก็ไม่สงบ เมื่อเป็นเช่นนั้นผมก็ ผมก็ยังข้องใจ เพราะหนูคนนั้นยังนั่งอยู่อย่าง

2.

18


สงบเสงี่ยม ผมก็เลยพูดออกมาดังๆกับภรรยาและ พยาบาลในห้องว่า “จะคุยกับหนูคนนี้นะ ช่วยจดๆจำ�ๆไว้ด้วย” แล้วผมก็ถามเสียงดังๆ ว่า “หนูเป็นใคร...มาทำ�ไมในห้องนี้?” แม่หนูตอบว่า “หนูเคยป่วยในห้องนี้ และตายในห้องนี้เมื่อ ประมาณสองปีมาแล้ว” ภรรยาผมคอยฟังและคอยจด... อ้อ! หนูเคยมาป่วยในห้องนี้ ...หนูเป็นอะไร ตาย?” “ป่วยด้วยโรคอ้วนตายค่ะ” ภรรยาและพยาบาล ช่วยกันจดใหญ่ “หนูเป็นลูกหลานใครกันจ๊ะ?” “ตาหนูเป็นพระยาค่ะ ชื่อของท่านขึ้นต้นด้วยตัว ‘อ’ ลงท้ายด้วย ‘สิริ’” ผมทวนคำ�พูดของเธอดังๆให้ ได้ยินกันทุกคน “งั้นหนูก็เป็นหลาน...” ผมพยายามนึกสักครู่ก็ นึกออกแล้วพูดออกมาว่า “หลานเจ้าคุณอัชราชทรงสิริใช่ไหมล่ะ” หนูคน นั้นก็ตอบว่า “ใช่ค่ะ คุณอาเก่งมาก” “แล้วพ่อของหนู่ล่ะ” “คุณอาไม่รู้จักหรอกค่ะ” ผมถามต่อไปว่า “หนูมีพี่น้องกี่คน?” “มีสามคน หนูเป็นผู้หญิงคนเดียว” ผมทบทวน คำ�พูดดังๆทุกคำ�เพื่อที่กำ�ลังฟังได้ยินด้วย “หนูมานี่มีความประสงค์อะไรจ๊ะ?” “หนูมีเพื่อนคนหนึ่งเขาเสียชีวิตเมื่อปีกลายที่ตึก เด็ก เขาบอกว่าเขาเป็นลูกคุณอาเมื่อชาติที่แล้ว เขา อยากจะมาหาและมาช่วยคุณอาให้หายป่วยจากโรคนี้ เขาให้หนูมาบอกคุณอาก่อนค่ะ” จากนั้นแม่หนูอ้วนก็หายไป หายวับไปเลย ผมก็ ลุกขึ้นนั่งเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้กับภรรยาและพยาบาล ฟัง พยาบาลคนนั้นตื่นเต้นมากพลางบอกกับผมว่าพรุ่ง

นี้เช้าจะไปถามหัวหน้าตึก ขอค้นประวัติและขอทราบ ว่าที่ ตึกนี้และห้องนี้ เมื่อประมาณปี 2502 มีเด็กผู้ หญิงถึง แก่กรรมที่ตึกนี้ห้องนี้หรือเปล่า? เพราะเธอ แปลกใจ และสนใจมากที่ผมพูดกับแม่หนูคนนั้นเป็น เรื่องเป็นราวตั้งนาน จากนั้นผมก็เข้านอนโดยไม่ลืมภาวนาบริกรรม พุทโธๆๆไปด้วย ประมาณห้าทุ่มคืนเดียวกันนั้นเอง ด้วยอาการปวดประสาทอย่างรุนแรงทำ�ให้ผมตื่นขึ้นมา อีก แต่สองคนที่อยู่ในห้องหลับไปแล้ว ตอนนี้เงียบ สงัดแต่ผมนอนกุมขมับ กุมศีรษะด้านขวาอยู่คนเดียว ด้วยความปวดที่ออกจะรุนแรงเอาการอยู่ ผมก็ได้ยิน เสียงแว่วๆที่หูว่า “เธอ พ่อเธอนอนอยู่นี่ยังไง... เข้ามาซิ” ผม ลืมตาขึ้นมองก็ไม่เห็นอะไร ... แต่พอหลับตาก็ได้ยิน เสียงขึ้นอีกว่า “เข้ามาซิ เข้ามาเถอะ!” ผมลืมตาขึ้นอีกที ทีนี้ เห็นเด็กสองคนมายืนอยู่ข้างเตียงผม คนหนึ่งอ้วนก็ คนเก่า อีกคนอยู่ในวัย 12 ขวบ หน้าตาน่ารักน่า เอ็นดู เธอเดินมาข้างเตียงผมแล้วพูดว่า “พ่อ! หนูมาช่วยพ่อ” ผมจึงเรียกภรรยาและนาง พยาบาลให้ตื่นและถามว่า “เห็นเด็กผู้หญิงสองคนตรงนี้ไหม?... เด็กๆมา ยืนอยู่ที่นี่แน่ะ” พยาบาลเปิดไฟในห้องสว่างพรึ่บแล้ว บอกว่า “ไม่เห็นมีใครมาสักคนนี่คะ” “มีซิ มีแม่หนูสองคนมาเยี่ยม แล้วก็ยืนอยู่ตรง นี้ นี่ไงล่ะ” พลางผมก็ยื่นมือออกไปชี้ที่ตัวเด็ก คุณใบ ยกเก้าอี้มาสองตัวให้แขกที่มองไม่เห็นนั่งข้างเตียง ทันที.... (อ่านต่อฉบับหน้า)

19


กฏหมสำสม�าหรรสยับกัคบนนไคนตทย่าที่ารงช่ าตู้ ิ

คนต่างชาติ น ็ สเป มร ส ่ ู ค ี ม ่ ี ยท นไท งค ขอ ไทย ทศ ระเ ในป น ิ ด ่ ที อ ้ ซื าร ก ฑ์ เกณ ก ั หล

ข้อมูลจาก กฏหมายน่ารู้สำ�หรับคนไทยที่สมรสับคนต่างชาติ กรมอัยการสูงสุด

20


1. หากคู่สมรสต่างชาติอยู่ในประเทศไทย นลายลักษณือักษรร่วมกันใน เป็ น ยั น ื ย ่ คู ง ้ ั ท ให้ น กั มรส นส ย ี ะเบ ดท จ ่ ที มรส ส ่ คู น ป็ เ ่ ี ท ี a. กรณ ิกรรมว่า เงินทั้งหมดที่นำ�มาซื้อที่ดิน ต ิ ละน แ ธิ ท ิ นส ย ี ะเบ จดท น นวั ใ ่ ที า ้ หน า เจ้ งาน ก ั พน อ ต่ รอง หนังสือรับ เป็นสินส่วนตัวของคนไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว ยันเป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกันใน น ื ย ่ คู ง ้ ั ท ให้ น กั มรส นส ย ี ะเบ ดท จ ด้ ไ ม่ ไ ่ ที มรส ส ่ คู น ป็ เ ่ ี ท ี b. กรณ ิกรรมว่า เงินทั้งหมดที่นำ�มาซื้อที่ดีน ต ิ ละน แ ธิ ท ิ นส ย ี ะเบ จดท น นวั ใ ่ ที า ้ หน า เจ้ งาน ก ั พน อ ต่ รอง หนังสือรับ เป็นทรัพย์ส่วนตัวของคนไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว มีเหตุให้ไม่สามารถดำ�เนินการข้าง แต่ ไทย ทศ ระเ นป ใ ่ ยู ามอ ต ็ ก ไม่ อ รื นห ย ี ะเบ ดท จ ่ ที มรส ส ่ คู c. หาก ต่างชาติไปยื่นขอบันทึกถ้อยคำ�ใน มรส ส ่ ะคู ยแล นไท ค ให้ รรม ก ิ ต ิ ละน แ ธิ ท ิ นส ย ี ะเบ จดท น ต้นได้ในวั สินส่วนตัว หรือ ทรัพย์ส่วนตัว ของ น เป็ น ิ ด ่ ที อ ้ ื มาซ � ำ น ่ ี ดท หม ง ้ ทั น เงิ า ว่ น ยั น ยื อ ่ เพื ) ด.9 (ท. รอง หนังสือรับ คนไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว 2. หากคู่สมรสต่างชาติอยู่ต่างประเทศ ล หรือโนตารีพับลิค บันทึกถ้อยคำ� งสุ นก สถา ต ชทู รรา ค อั เอก นท สถา อ ต่ ด ิ ปต ไ ติ งชา า ต่ มรส ส ่ ู ให้ค ที่ดินนั้น เป็นสินส่วนตัวหรือทรัพย์ส่วน อ ้ ื ไปซ � ำ น ่ ี ดท หม ง ้ ทั น เงิ า ว่ รอง บ รั อ สื ง นั นห ใ ว้ ไ ติ งชา า ต่ ของคู่สมรส ัน ทางราชการจึงจะออกใบรับรองว่า มก ว ่ ร ้ าได มาห � ำ ท ่ ี ท ย์ พ ทรั อ รื รสห สม น ิ ส ช่ ใ มิ ไทย คน มรส ตัวของคู่ส บคู่สมรสคนไทยจริง จากนั้นผู้ที่ไป ากั ย ริ ภ ามี ส ท์ น ฉั น กั น ิ ก ่ อยู อ หรื มรส ส ่ คู น เป็ น ้ นั อ สื ง ั หน � าทำ บุคคลที่ม ะเบียนสิทธิและนิติกรรมใน จดท การ � ำ ท ่ ี ท ่ ที า ้ หน า จ้ เ ห้ อบใ ปม ไ ้ นี รอง บ รั อ สื ง ั หน � นำ ารถ ซื้อที่ดินสาม ประเทศไทยต่อไป หมาย แสดงหลักฐานได้ว่าเงิน ยกฎ ว ้ อบด ช ิ ละม อบแ ช ่ ที ง ้ ั ท ติ งชา า ต่ มรส ส ่ ู ค ี ม ่ ี ยท นไท ค ่ ี ท ี กรณ เอง สามารถดำ�เนินการจดทะเบียนสิทธิ ตน ของ ว ั นต ว ่ ส ย์ พ ทรั อ หรื ว ั นต ว ส่ น สิ น เป็ น ิ ด ่ ที อ ้ ื มาซ � ำ น ่ ี ทั้งหมดท และนิติกรรมได้โดยไม่ต้องมีหนังสือรับรอง และมิชอบด้วยกฏหมายที่ซื้อหรือถือ ชอบ ง ้ ั ท ติ งชา า ต่ มรส ส ่ ู ค ี ม ่ ี ยท นไท ค ห้ รนใ นป อ ผ่ การ น เป็ อ ่ เพื 3. ที่ 23 มีนาคม 2542 น นวั อ ก่ โสด น เป็ า ่ ว ่ ที า ้ หน า เจ้ อ ต่ จ เท็ ง แจ้ ดย รสโ สม ง ั หล น ิ ครองที่ด ่วมกันในหนังสือรับรองต่อเจ้าหน้าที่ว่า ษรร ก ั อ ์ ษณ ก ลั ลาย น เป็ น ยั น ื ย ติ งชา า ต่ มรส ส ่ ะคู ยแล นไท ค ให้ ัวของคนไทย เงินทั้งหมดที่นำ�มาซื้อที่ดินเป็นสินส่วนตัวหรือทรัพย์ส่วนต ลิค รับรองว่าบุคคลที่ทำ�หนังสือนั้นเป็นคู่ บ ั พ าลี โนต อ หรื ล งสุ นก สถา ต ชทู รรา ค อั เอก ถาน ส ให้ ว แล้ หนังสือรับรองดังกล่าวมามอบให้เจ้า � นำ อ ้ ื ซ ้ ู ผ ให้ ว แล้ ง จริ ไทย คน บ ากั ย ริ ภ ามี ส ท์ น ฉั น กั น ิ ก ่ อยู อ สมรสหรื หน้าที่เพื่อเก็บเรื่องเข้าสารบบ

21


ชีวิตต้องเทียมด้วยควายสองตัว โดย จันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน

นำ�เสนอในการประชุมเพื่อสืบสานปณิธานของท่านพุทธทาสภิกขุ ณ องค์การยูเนสโกโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

22


ท่านพุทธทาสภิกขุได้บรรยายธรรมไว้ ณ สวนโมกขพลาราม ไชยา เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2513 ถึงหลักในการดำ�เนินชีวิตให้มีความสุขความพอดีว่า ให้ดำ�เนินชีวิตเหมือนชาวนาที่ไถนาด้วยควายสองตัว ในสมัยก่อนควายสองตัวที่ชาวนาใช้เทียมคู่กับคันไถนั้น ตัวหนึ่งฉลาดกว่าอีกตัวแต่อาจจะตัวเล็กกว่า เรียกว่า "ตัวรู้" ส่วนอีกตัวหนึ่งแข็งแรงบึกบึนหากไม่ฉลาด เรียกว่า "ตัวแรง" ขณะไถนาเมื่อชาวนาออก คำ�สั่ง ตัวรู้เข้าใจคำ�สั่งและทำ�ตามได้ แต่ตัวแรงไม่เข้าใจใช้แรงเดินไปเรื่อยแม้ว่าชาวนาจะสั่งให้ "หยุด" ควายทั้งคู่ถูกเทียมติดไว้ด้วยกัน เดินไปทางไหนตัวเดียวไม่ได้ เมื่อตัวรู้ฟังคำ�สั่งแล้วหยุด ตัวแรงไม่ เข้าใจเดินไปเรื่อยๆย่อมต้องเดินวนเลี้ยวไปตามทางที่ชาวนาต้องการให้ได้งาน ถ้าใช้ควายตัวแรงตัวเดียว ไม่มีตัวรู้คอยถ่วงให้ใช้แรงไปในทางที่ได้ประโยชน์ ตัวแรงย่อมเดินดุ่ยไปเรื่อยทำ�ให้ผลงานที่ออกมาเสีย มากกว่าได้ แต่ถ้าใช้ เพียงตัวรู้ตัวเดียวถึงแม้จะไม่เกิดการเสียหายแต่ก็จะไม่ได้งานนัก ท่านพุทธทาสได้เปรียบเทียบว่า ความตัวรู้นั้นคือความสว่างไสวทางวิญญาณของมนุษย์ แสงสว่างนี้ ได้ปรากฏขึ้นมาในโลกในรูปแบบที่แตกต่างกันไป แม้วิธีแนะแนวปฏิบัติให้แก่ผู้เลื่อมใสให้เห็นถึงแสง สว่างนั้นจะแตกต่างกัน ความสว่างไสวเหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นมากในแถบตะวันออก ในรูปแบบของศาสนา ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกศาสนาเกิดขึ้นทางตะวันออก ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นมุ่งแต่จะพัฒนาการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเพราะสภาพของธรรมชาติที่โหดร้าย ทำ�ให้ทุ่มเทคิดค้นหาเทคโนโลยี่ให้มีประสิทธิภาพขึ้นเรื่อยๆ ผลิตวัตถุเพื่อความสะดวกสบายขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีแต่ควายตัวแรงที่เดินดุ่ยไปเรื่อยและในที่สุดวัตถุที่มากเกินไปนั้น ได้กลายเป็นผลร้ายต่อชีวิตทั้ง ทางตรงและทางอ้อมเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นมากมายในโลก "ความโลภเกินแล้วลามก" เป็นหลักที่ศาสนา (ความสว่างไสวทางวิญญาณ) ทุกศาสนายึดหลักเดียวกันหมด หมายความว่าการโลภเกินไปนั้นเป็นบาป ให้แสวงหาและมีไว้แต่ความพอเหมาะพอดี คนไทยจำ�นวนมากที่มาใช้ชีวิตร่วมกับฝรั่งในโลกตะวันตก มี การศึกษาน้อยกว่าฝรั่งหรืออาจไม่มีการศึกษาเลย หากคนไทยเกือบทุกคนมีความสว่างไสวทางวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่สอนให้เกิดความกตัญญูรู้คุณอย่างลึกซึ้ง บางคนมีมากจนยอมเสียสละได้ทุกอย่างยอมเสีย เปรียบ เสียทรัพย์สมบัติ เสียตัว แม้แต่เสียชีวิต เพื่อให้ได้เกิดผลตอบแทนต่อผู้มีพระคุณ สิ่งเหล่านี้ฝรั่งไม่เข้าใจ ฝรั่งเชื่อว่าการมีชีวิตที่ดีนั้นจะต้องเท่าเทียมกันไม่มีการได้เปรียบเสียเปรียบ กันไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะมีบ้างถ้าไม่ทำ�ให้ฝรั่งเดือดร้อนแม้แต่เพียงนิดเดียว การ ดำ�เนินชีวิตของฝรั่งจึงคล้ายเครื่องจักรที่สำ�เร็จจากเทคโนโลยีดังนั้นเมื่อคนไทยมาใช้ชีวิตอยู่กับฝรั่ง จึง ควรระวังที่จะไม่เห็นตามฝรั่งไปซะหมด ความสว่างไสวทางวิญญาณต้องรักษาเอาไว้ แต่นำ�หลักการของ ฝรั่งเข้ามาปรับให้เกิดความพอดีเหมือนเทียมควายตัวรู้และตัวแรงสองตัวไว้กับชีวิตตามหลักธรรมของ ท่านพระพุทธทาสภิกขุ ชีวิตก็จะมีทั้งความสุขและความเจริญควบคู่กันไป

23


า ษ า ภ ง อ ส ก ็ เด น ็ เป ก ู ล ้ ให ม อ ้ เตรียมพร

(Bilingual)

การศึกษาเกีย่ วกับเด็กทีเ่ รียนรูส้ องภาษา (bilingual) หรือหลายๆ ภาษาพร้อมกัน (multilingual) โดย ศ.ดร.แพทริเซีย เค. คูห์ล ศาสตราจารย์แห่งภาค วิชาวิทยาศาสตร์การพูด และการฟัง และเป็นผู้ช่วยผู้ อำ�นวยการศูนย์ศึกษาทางจิต สมอง และการเรียนรู้ ของมหาวิ ท ยาลั ย วอชิ ง ตั น ในเมื อ งซี แ อตเทิ ล สหรัฐอเมริกา อธิบายทฤษฎี "Native Language Magnet Theory (NLM)" ของเธอไว้ว่า ทารกแรก เกิดทุกคนนัน้ เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเรียน รู้ภาษาใดๆ ก็ได้ การวิจัยของ ดร.คูห์ลแสดงให้เห็นว่า ใน 6 เดือนแรก เด็กทารกจะมีการบันทึกรูปแบบของ เสียงที่เขาได้ยินไว้ในสมองขึ้นอยู่กับภาษาที่เปิดรับ เขา สามารถเรียนรูเ้ สียง และลักษณะของน้�ำ เสียงทีแ่ ตกต่าง กัน แล้วจะเริ่มเปล่งเสียงตามภาษาที่ได้ยินออกมา เมื่อ ครบขวบปีเขาจะเชีย่ วชาญเป็นพิเศษในภาษาทีเ่ ขาได้ยนิ เป็นประจำ� (ภาษาแม่) จากนั้นความสามารถในการ จำ�แนกลักษณะที่แตกต่างของเสียงจะค่อยๆ สิ้นสุดลง

24

จึงหมายความว่า หากเด็กได้ยินสำ�เนียงภาษามากกว่า หนึง่ ภาษาตัง้ แต่ชว่ งขวบปีแรกจะสามารถเรียนรูแ้ ละพูด ภาษานั้นตามได้โดยอัตโนมัติประดุจภาษาแม่ ยิ่งหาก ได้ยนิ สำ�เนียงทีแ่ ท้แบบเจ้าของภาษามาเอง โอกาสเลียน แบบการพูดที่ถูกต้องก็ยิ่งมีมากขึ้น การเรียนรู้นี้จะเป็น พืน้ ฐานช่วยเพิม่ พูนความสามารถในการเรียนภาษาอืน่ ๆ ที่หลากหลายได้ในเวลาต่อมา ทฤษฎีนี้ช่วยอธิบายข้อ สงสัยทีว่ า่ ทำ�ไมเด็กลูกครึง่ หรือชาวต่างชาติในเมืองไทย บางครอบครัวจึงสามารถพูดได้ทงั้ ภาษาของชาตินนั้ และ ภาษาไทยตั้งแต่เริ่มหัดพูด หลายงานวิจัยด้านจิตเวชยืนยันว่าการเรียนภาษา หลายๆ ภาษาตัง้ แต่เด็กจะง่ายกว่าเรียนเมือ่ โตแล้ว การ ใช้เทคนิคจำ�ลองภาพกิจกรรมของสมองในผู้ใหญ่ที่มี สุขภาพแข็งแรงด้วยแรงสัน่ สะเทือนของแม่เหล็กโดยนัก วิจัยจากศูนย์โรคมะเร็งสโลน-เค็ทเทอร์ริ่ง ในนิวยอร์ค พบว่าผู้ใหญ่ที่เรียนสองภาษาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ มี การเก็บภาษาทัง้ สองไว้ดว้ ยกันในพืน้ ทีเ่ ดียวกันในสมอง


จึงสามารถใช้ภาษาที่สองได้เหมือนกับเป็นภาษาแม่อีก ภาษาหนึง่ หากคนทีเ่ รียนภาษาทีส่ องตอนทีโ่ ตแล้วจะใช้ เนื้อที่ในสมองคนละส่วนกัน ดังนั้นเขาจึงแนะนำ�ว่าการ ให้เด็กเรียนรูภ้ าษาทีส่ องหรือสามควรเริม่ ตัง้ แต่ตอนเป็น เด็กเล็กๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะหากเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้วจะ ยิ่งเรียนรู้ได้ยากขึ้น เข้าทำ�นองไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ ดัดยาก นั่นเอง อี ก สิ่ ง หนึ่ ง ที่ สำ � คั ญ ก็ คื อ การให้ เ ด็ ก ได้ เ จอกั บ เจ้าของภาษาจริงๆ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะจัดหา เครื่องมือเช่น เทปเพลง หนังสือนิทาน หรือวิดีโอ ภาพยนตร์ ก าร์ ตู น ที่ เ ป็ น ภาษาอั ง กฤษ เพื่ อ เพิ่ ม พู น ประสบการณ์ในการฟังให้กบั เด็ก การพูดกับเด็กบ่อยๆ หรื อ การหากลุ่ ม เพื่ อ นเล่ น แม้ ก ระทั่ ง พาเด็ กไปเข้ า โรงเรียนที่ใช้สองภาษาตั้งแต่แรกเริ่มก็เป็นวิธีฝึกฝนลูก ให้มีพื้นฐานทางภาษาต่างประเทศที่ดีไปจนโต แต่หาก ปัจจัยไม่เอื้ออำ�นวยในประการหลังนี้คุณพ่อคุณแม่อาจ จะทดแทนด้วยการหมัน่ พูดหรืออ่านภาษาอังกฤษให้ลกู ฟังเสมอๆ ให้เขาได้คุ้นเคยและโต้ตอบ ที่สำ�คัญมาก ทีส่ ดุ คือการสนับสนุนและให้ก�ำ ลังใจลูกในการพูดภาษา อังกฤษและชี้แนะวิธีการพูดที่ถูกต้อง บรรยากาศที่ สนุกสนานเพลิดเพลินในการอ่านนิทานหรือดูการ์ตูน ร่วมกับลูกจะเป็นกุญแจในการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการ เปิดรับภาษาอังกฤษให้กับลูกน้อยของคุณ บางคนคงสงสั ย ว่ า การให้ เ ด็ ก พู ด สองภาษา พร้อมๆ กันจะทำ�ให้เด็กสับสน แต่การวิจัยหลายชิ้น ยืนยันว่า เด็กทีพ่ ดู ได้สองภาษาตัง้ แต่เล็กๆ นอกจากจะ ไม่สับสนแล้ว ยังจะเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้เร็ว และมี

ทักษะ ในการแก้ปัญหาได้ดีกว่า ศ.เอลเลน ไบลี่สต็อค ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยยอร์ค จาก แคนาดา ผู้ศึกษาด้านพัฒนาการทางภาษาในเด็กหลาย ร้อยคนกว่า 20 ปี เชื่อว่าการใช้สองภาษาควบกันจะฝึก เด็กรูจ้ กั ลำ�ดับความสนใจ เพราะเขาจะต้องหยุดอีกภาษา หนึง่ ไว้ขณะทีก่ �ำ ลังใช้อกี ภาษาหนึง่ ผลการทดลองแสดง ให้เห็นว่า เมื่อเด็กสองภาษา และหนึ่งภาษาถูกขอร้อง ให้แก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่ทำ�ให้ เข้าใจผิด จะเห็นว่าเด็กทีพ่ ดู สองภาษามีล�ำ ดับในการคิด แก้ปัญหาที่ดีกว่า และสามารถมองเห็นเนื้อหาที่ทำ�ให้ เข้าใจผิดนัน้ ความคิดของพวกเขาจะก้าวหน้ากว่าเด็กที่ พูดภาษาเดียวอย่างน้อย 1 ปี สิ่งที่ตามมาคือทำ�ให้เด็ก กลุ่มนี้มีความเป็นผู้นำ� และเชื่อมั่นในตัวเองเมื่ออยู่ ท่ามกลางเด็กคนอืน่ ๆ นอกจากนีย้ งั มีทกั ษะในการเรียน รู้สิ่งต่างๆ ซึ่งมักจะพบว่าเด็กกลุ่มนี้สามารถทำ�คะแนน วิชาอื่นที่โรงเรียนได้ดีอีกด้วย จากนิตยสาร healthtoday

25


How we spread

By Sopaporn Kurz Special to The Nation Published on June 10, 2011

the word

More half-Thai youngsters in Europe can now learn their ‘roots’ language effectively

guage, and some said they weren’t fluent in central Thai, only their own regional dialect.

Duangruethai Reokarn founded the Samakkee Thai School in Barcelona after discovering how many half-Thai youngsters in the Spanish city had never learned the language, despite having Thai mothers.

So Duangruethai opened a ‘roots’ school for the foreign-born half-Thai kids-only to discover how difficult it is to teach Thai to ‘foreigners’, even with the help of the Primary 1 textbook. She entered a Thai-teacher training programme in Belgium and at her school began using the book ‘Sawasdee’ by Salee Silapasatham, who’s been recognised as Thailand’s best teacher of English. Four years on, Duangruethai's school

Married to a Spaniard herself, she asked the mums why their kids didn't speak Thai. Some said they were too poorly educated to pass it on, some said their children didn’t like this “weird” lan-

26


is doing all right, though she admits there's still much more room for improvement. The founding of the Federation of Thai Language and Culture Teachers in Europe (Fotte) last year has proved a boon. Duangruethai attended its inaugural annual meeting last month in Brussels. Fotte president Supannee Boontook says the gathering drew nearly 120 appointed “representatives of Thais” from 13 European countries, underlining the need for such an organisation. “Many of them were teachers from established Thai schools in Europe looking for ways to improve the teaching and curriculum.” Supannee says anyone can join the federation, and Thai parents who want to their children to speak the language are particularly welcome. In what's seen as a major achievement, the Fotte course “Basic Thai Language for People Living Abroad”, developed in close consultation with Salee, has been officially endorsed by the Thai Education Ministry. Salee explains that the curriculum is designed to meet the needs of Thai and part-Thai children born and raised abroad, whether they understand the language or not.

“Just using the Primary 1 textbook that’s widely used in Thailand to teach the alphabet wouldn’t work,” he says. “First you have to make them understand and speak Thai.” It’s similar to Thais learning English, she says: Learning through games, conversation and music is more effective than memorising the alphabet and grammar. Her six “Sawasdee” books include many such activities designed to instil knowledge. The curriculum has six levels, each with its own clear objectives. Students learn to speak Thai as well as native Primary 1 pupils in Thailand. Fotte is seeking certification for the curriculum so that students can continue learning up to Primary 6 and Secondary 3 and 6 levels with the Office of Non-Formal and Informal Education. “We're like the bridge between Thai kids growing up abroad and the education system in Thailand,” says Supannee. She points out that anyone earning a bachelor’s degree abroad is eligible to work for the Thai government if they have Primary 6 Thai-language equivalent. “These kids will have a future in Thailand too should their parents ever decide to move back.”

27


The best way to get kids speaking Thai is for their parents to speak Thai to them, says Supannee, and the earlier the better. But it’s not always easy convincing Thai mums to do so, sometimes because their European husband forbids a language that he doesn't understand himself. In other cases, she says, parents fear that their child will be at a learning disadvantage in school, a concern she calls baseless. It's well known that bilingual youngsters are better able to learn a third language, further improving their chances of getting a better job. In many cases too, Salee notes, it’s the Thai mothers who believe it's “cooler” to speak to their children only in the Western language of their husband. This suggests they’re simply not proud of the language or of being Thai, she says. Salee says many expatriate Thai mothers have confided in her that their older children look down on them for being unable to speak a European language properly. As a result, they don’t expect their mother to be able to teach them anything. “So one of the keys to success is that the parents agree to have a bilingual

28

home, because they're the ones spending the most time with the kids. We teachers see the children only once a week.” Duangruethai says it’s clear that her young son and his classmates speak Thai better thanks to their lessons every Sunday. They’re less shy about expressing themselves in Thai. Some of these children ask why they have to learn another language. Duangruethai tells them they'll be able to talk to their grandparents and other relatives when they go to visit Thailand. “And you're half-Thai,” she reminds them. “Aren't you proud to be able to speak the language of your mother?” Fotte facts << The Federation of Thai Language and Culture Teachers in Europe was founded in Lugano, Switzerland, in March 2010 to develop methods and curriculum for teaching the Thai language and culture in existing schools and support new ones. << It currently has 153 members in Belgium, Denmark, France, Germany, Italy, Luxembourg, Netherlands, Norway, Spain, Sweden, Switzerland and Britain.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.