Fette vol.03

Page 1

Vol. 3


สวัสดีค่ะ

ะจำ�ปี 2012 นะคะ ปร ญ มั สา ม ุ ะช ปร าร ก มี จะ รา เ ่ ี าท วล เ ้ กล ขณะนี้ก็ใ ม ท่านสมาชิกสามารถหา าค ษภ พฤ 13 11 ่ ที น วั ใน ส รี ปา ง รุ ก ่ ซึ่งในปีนี้เราจะจัดกันที านกันมากมายเหมือน สน ก นุ มส ว ร่ มา คง เรา า ว่ ง ั หว ะ ่ ค ้ นี ม ล่ รายละเอียดรายการได้ในเ ปีที่แล้ว ่วมกับสำ�นักงาน พร ภา า ้ เจ น ป็ เ ด้ ไ ก็ ฯ ธ์ น พั มา งส ทา 12 ในช่วงเดือน กรกฏาคม 20 ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ย ลั ยา ท ิ าว มห ต ิ าธ นส ย เรี รง ะโ แล ี ตร ปลัดสำ�นักนายกรัฐมน าวชนเชื้อ สายไทยใน เย บ ั หร � สำ ” าท ลบ ค ุ ะย พร อย มร ตา จัดโครงการ “เรียนรู้วิถีไทย ด้ในเล่มนี้เช่นกัน ยุโรป ซึ่งสมาชิกสามารถหารายละเอียดไ มีนาคม 2012 นเดอร์สัน บรรณาธิการ แอ ญ รู จ ี ศร ์ ทร น ั จ ี ศร เคลเลอร์ พิสูจน์อักษร ์ ย รี จา าพันธ์ฯได้ที่ ท่านสามารถดูรายละเอียดและติดต่อสม http://www.fottethaieuro.com

02


สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน

สมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรปจัดงานการประชุม สามัญประจำ�ปี ๒๕๕๕ ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสในวันที่ ๑๑ ถึง ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ศกนี้ ทางสมาพันธ์ฯเล็งเห็นความสำ�คัญของครูอาสาทุกๆ ท่านที่ได้ทำ�งานใน การสอนเด็กของแต่ละโรงเรียนที่ตนเองรับผิดชอบ เพื่อให้ประสบความสำ�เร็จ ในการทำ�งานอย่างเต็มความสามารถและพวกเราจะได้มาพบปะสังสัรรค์แลก เปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ในการประชุมครั้งนี้หน่วยงานและองค์กรต่างๆเกี่ยวกับการศึกษาใน ประเทศไทยได้ให้ความสำ�คัญของครูอาสา เช่น "นโยบายภาษาแห่งชาติ" โดย ร.ศ.ดร มณีรัตน์ สวัสดิรัตน์ ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มล่ามแปล และกรรมการ นโยบายแห่งชาติ ราชบัณฑิตสถาน ดร.มณีรัตน์จะได้มาพูดอภิปรายในหัวข้อ "นโยบายภาษาแห่งชาติยุทธศาสตร์ภาษาไทยในประเทศไทยและเวทีโลก" และ จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเสนอแนะที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ กับสมาพันธ์ฯมากยิ่งขึ้น ทางสำ�นักงานกรรมาธิการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ภาษาไทย) ได้ตระหนัก และให้ความสำ�คัญเรื่องการสอนภาษาไทยในต่างแดนและยินดีเข้าร่วมงานส่ง เสริมการเรียนการสอนภาษาไทยของสมาพันธ์ฯซึ่งจะได้มีการส่งวิทยากรมาร่วม ประชุมเพื่อให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาศักยภาพของครูอาสาให้บรรลุถึงจุดมุ่ง หมายอย่างต่อเนื่อง สมาพันธ์ฯได้แนบรายละเอียดของโปรแกรมการจัดงานประชุมสามัญ ประจำ�ปี ๒๕๕๕ ที่กรุงปารีสมาพร้อมนี้แล้ว ในการประชุมสามัญประจำ�ปี ๒๕๕๕ นี้ทางสมาพันธ์จะแจกหนังสือ สวัสดีชุด ๑-๓ พร้อมแบบฝึกหัดให้กับสมาชิกสมาพันธ์ที่มาร่วมประชุมทุกท่าน จึงขอเชิญชวนสมาชิกสมาพันธ์ฯเข้าร่วมประชุมในการนี้เพื่อประโยชน์แก่ งานที่ครูอาสาได้ดำ�เนินอยู่อย่างเต็มที่ต่อไป สุพรรณี บุญถูก ประธาน 03


สมาพันธค์ รูสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป ขอขอบคุณ

ดร.เจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี


กำ�หนดการประชุมสามัญประจำ�ปีสมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป ระหว่างวันที่ 11-13 พฤษภาคม 2555 ณ กรุงปารีส

“ครอบครัวสุขสันต์ สานสัมพันธ์ด้วยภาษาไทย” กำ�หนดการย่อ วันที่ 11-13 พฤษภาคม 2555 ที่ Forum de Grenelle, 5 rue de la Croix Nivert, 75015 Paris

- “แนะแนวการใช้หลักสูตรและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทย หนังสือสวัสดี เล่มที่ 1-2” โดยอาจารย์ สาลี่ ศิลปสธรรม เจ้าของหลักสูตร ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ - บรรยายหัวข้อ “การบริหารและการจัดการแบบบูรณาการของโรงเรียนรักษ์ไทย เพื่อให้งานก็ได้ผล คนก็เป็นสุข และแนะนำ�การบริหารจัดการโรงเรียนตามแบบโรงเรียนทอสี” โดย คุณเพียงใจ เจริญศิลป์ ครูใหญ่โรงเรียนรักษ์ไทย ประเทศเดนมาร์ก - “ครอบครัวสุขสันต์ สานสัมพันธ์ด้วยภาษาไทย” เสวนาตามประสาแม่ๆ แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ของ ผู้ปกครองและครูผู้สอนเอง ดำ�เนินรายการโดย นางสิริรัตน์ กุสตาฟสัน และนางพนิตา บุษปภาชน์ - การบรรยายหัวข้อ “พัฒนาการทางภาษาไทยในปัจจุบัน” โดย รศ.ดร.มณีรัตน์ สวัสดิวัฒน์ ณ อยุธยา จากโครงการนโยบายภาษาแห่งชาติฯ - การบรรยายหัวข้อ “การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนวัง ไกลกังวล หัวหิน” โดย รศ.นราพร จันทร์โอชา รองประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม วังไกล กังวล หัวหิน - โครงการสานต่อ “ภาษาไทยในภาษาธรรม” เรื่อง “พุทธปัญญาพัฒนามนุษย์ได้อย่างไร” โดยพระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ - การบรรยายหัวข้อ “การบริหารจัดการโรงเรียนในยุโรป” โดย นางสุมิตรา ซัลส์มันน์ ผู้อำ�นวยการโรงเรียนสอนภาษาไทยบาเซิล สวิตเซอร์แลนด์ - อภิปรายเชิงปฎิบัติการ “จิตวิทยาครู” โดย อาจารย์ฉัตรวิบูลย์ ไพจ์เซล อาจารย์ประจำ�คณะจิตวิทยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - สัมภาษณ์ลูกครึ่งชาวไทย-ยุโรปในวัยต่างๆ เกี่ยวกับความรู้สึก ในการเรียนภาษาไทย เแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ของเด็กลูกครึ่ง โดยนางชนกกมล โพธิศรี และนางดวงฤทัย เร็วการ ติดต่อสอบถามรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมประชุมได้ที่ สมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป Federation of Thai Language and Culture Teachers in Europe (FETTE) 3-9 Rue St-Catherine 1000 Bruxelles. BELGIUM Tel : 003225024032 Fax 003225027424 E-mail : fottesecretary@gmail.comfottesecretary@gmail.com, www.fottethaieuro.com และที่ปารีส : ptabourel@aliceadsl.fr Tel : 0033 0689358137 05


ตีนกา โดย ศ.นพ.ศรีประสิทธิ์ บุญวิสุทธิ์

ทางการแพทย์เราถือว่ารอยจีบที่เป็นรัศมีออกมาจากเปลือกตา โดย เฉพาะทางหางตานั้นเรียกว่า ตีนกา ใจเดียวกับฝรั่งที่เรียกว่า Crows feet ผมดูมามากมายก็ไม่เห็นจะมีลักษณะที่ไปคล้ายกับอวัยวะเบื้องต่ำ�ของเจ้านก ต้วดำ�ๆนี่เลย เจ้ารอยจีบนี้มักจะทอดตัวไปตามแนวขวางกับใบหน้า บางคน เป็นมากๆอาจจะเลยขอบกระบอกตามาจนถึงบริเวณไรผม ส่วนความลึกของ รอยนี้มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป เจ้ารอยจีบนี้เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดรอบดวงตา ซึ่งมีหน้าที่สำ�คัญทีเดียว เมื่อมันหดตัวก็จะทำ�ให้ตาหลับได้อย่างสนิท ถ้าไม่มีกล้ามเนื้อนี้เวลาคนเรา นอนหลับ ตาก็จะลืมโพลงอยู่อย่างนั้น คงจะน่ากลัวดีพิลึกนะครับ คนเราปกติเวลายิ้มกล้ามเนื้อหูรูดนี้จะมีการหดตัวน้อยๆ เพื่อแสดง สีหน้าอารมณ์ดูยิ้มแย้มแจ่มใสดวงตาเป็นประกาย แต่ถ้ากล้ามเนื้อนี้มีแรงหด ตัวมากเกินไป เวลายิ้มก็จะเห็นเส้นตีนกาขึ้นทางด้านหางตา ซึ่งส่วนใหญ่เกิด จากนิสัยที่ยิ้มแล้วกล้ามเนื้อหดตัวค่อนข้างรุนแรง บางคนยังอายุน้อยๆ อยู่ แต่ก็เอาตีนกามาประทับเอาไว้ที่หางตาเสียแล้ว เนื่องจากติดนิสัยยิ้มรุนแรง เกินไป อย่างไรก็ตามแม้พยายามแล้วก็ยังเป็นอยู่ อาจจะเป็นลักษณะทาง กรรมพันธุ์ก็ได้ ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ตีนกามาเยือนเร็วเกินไปควรจะฝึกหัดยิ้มบ่อยๆ หน้ากระจกนะครับ คือให้ยิ้มแบบประพิมพ์ประพายแบบผู้ดีหน่อยว่างั้นเถอะ 06


อย่ายิ้มแบบระเบิดเถิดเทิงหรือยิ้มจนยับเยินไปหมด ระวังจะติดเป็นนิสัย ทีนี้ถ้าเกิดขึ้นแล้วจะทำ�อย่างไรล่ะครับ ในกรณีที่กล้ามเนื้อมันหดตัว รุนแรงนัก การผ่าตัดแก้ไขนั้นก็ทำ�ได้ โดยการไปตัดกล้ามเนื้อหูรูดนี้ตาม ขวาง เพื่อให้คลายตัวลง มีช่องทางที่จะเข้าไปตัดกล้ามเนื้อได้สองช่องทาง ช่องทางแรกเข้า ทางการผ่าตัดเปลือกตาล่าง คือเมื่อเวลาทำ�ตาล่างที่หย่อนยานจะต้องเข้าไป จัดการกับไขมันใต้ตาและดึงหนังตาให้ตึง กรณีนี้ต้องมุดใต้ผิวหนังไปทาง ด้านหางตาเลยไปอีกไกล เพื่อจัดการตัดเจ้ากล้ามเนื้อที่ว่านี้ ดังนั้นโปรด เข้าใจด้วยว่าโดยปกติแล้วในการทำ�ศัลยกรรมตาล่างนั้น ไม่ได้ช่วยแก้ไขเรื่อง ตีนกานะครับ ถ้าจะแก้ไขเรื่องตีนกาพร้อมๆกันไป จะต้องผ่าตัดเลยไปทาง หางตาอีกไกล เรื่องนี้ควรจะพูดกับแพทย์ผู้ผ่าตัดให้รู้เรื่องกันเสียก่อน อีกช่องทางหนึ่งคือเข้าทางแผลผ่าตัดดึงหน้าทางบริเวณขมับ โดยมุด โพรงเข้าไปเจียนกล้ามเนื้อให้คลายตัวออก วิธีนี้ต้องเดินทางมาไกลหน่อย แต่ก็เหมาะสำ�หรับกรณีที่จะทำ�การดึงหน้าอยู่แล้ว สำ�หรับวิธีฉีดสารพิษที่เรียกว่า “โบทูลินุ่มทอกซิน” เข้าไปเพื่อสกัด กระแสจากเส้นประสาท เพื่อไม่ให้มันไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหูรูดรอบดวงตาให้ หดตัวนั้น วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะถ้าพิษมันซึมซาบไปไกลก็อาจจะทำ�ให้ หลับไม่สนิทไปเลย ทั้งยังต้องฉีดบ่อยๆตามระยะเวลา ค่อนข้างจะสิ้นเปลือง กรณีที่บริเวณหางตาเป็นร่องลึกแล้ว การแก้ไขก็อาจจะทำ�ได้โดยการใช้ ยาทาบางจำ�พวกที่จะทำ�ให้ร่องนี้ตื้นขึ้น หรือถ้าเป็นมากอาจจะต้องขัดผิวด้วย เครื่องกรอหรือเลเซอร์ และถ้าเป็นมากๆอีก อาจจะต้องใช้วิธีปลูกเนื้อเยื่อ เข้าไป เพื่อให้ร่องนั้นเต็มตื้นขึ้น ดังนั้นจะเห็นว่าอะไรก็ไม่ดีเท่ากับป้องกันไว้ อย่าให้มันเกิดจะดีที่สุด ท่องคาถาเอาไว้ในใจเลยนะครับว่า “ยิ้มได้แต่อย่าให้ย่น ถ้าย่นก็อย่าให้ยับ” เพราะยับแล้วมันจะคลี่ไม่ค่อยออกจริงไหมครับ

07


อันที่จริงเมนูอันนี้ไม่ควรจะเรียกว่าไข่พะโล้เอาซะเลย เพราะไม่ได้ใส่ผงพะโล้ หรือเครือ่ งเทศใดๆ ของพะโล้เลย แต่เพราะหน้าตาเหมอื นพะโลก้ เ็ ลยเรียกๆ ไปอย่าง นั้นเเพื่อไม่ให้คนกินสับสน อันที่จริงพะโล้นี้เป็นอาหารหลัก ของร้านข้าวแกงเลยแหละ ไปดูได้เลยว่าร้านข้าว แกงร้านไหนไม่มีไข่พะโล้ ร้านของแม่ฉันก็มีทุกวันไม่เคยขาด แต่ของแม่เป็นพะโล้จริงๆ วันหนึ่งมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น เมื่อผู้ช่วยเริ่มทยอยหม้อแกงทั้งหลายออกมาตั้ง หน้าร้าน พอเสร็จ แม่ฉันก็เดินออกมาตรวจดู ปรากฏว่าพะโล้ของแม่หายไปทั้งหม้อ แม่ ก็ถามทุกคนว่า ยกออกมาจากครัวหรือยัง ทุกคนก็ยนื ยันว่าออกมาแล้วเป็นหม้อแรกเลย แหละ ปรากฏว่าภายหลังมีเพื่อนบ้านแถวนั้นมาบอกว่า เด็กวัดแถวบ้านแหละมายกออก ไปทัง้ หม้อ เพราะพะโล้เป็นหม้อแรกทีถ่ กู ยกออกจากครวั ในบ้านตอนตีหา้ มาไว้ทเี่ พิงร้าน หน้าปากซอย เพราะฉะนั้นช่วงนั้น จึงไม่มีคนเฝ้าร้านเพราะผู้ช่วยต้องเดินเข้าเดินออก ทยอยเอาหม้อแกงทั้งหลายออกมา เจ้าเด็กวัดมันเลย self service ซะเลย แม่เลย บอกว่าถือว่าทำ�บุญก็แล้วกัน แหมแต่มันก็น่าจะเอาหม้อมาคืนก็ยังดีนะ พะโล้ของฉันไม่มอี ะไรมากมาย เอาหมมู าหัน่ ให้เป็นชิน้ ใหญ่ๆ มากน้อยตามใจชอบ หมักด้วย ซีอิ๊วขาว (ฉันชอบยี่ห้อ ของเด็กอ้วน เห็ดหอมเจ) ซีอิ๊วดำ�หวาน และน้ำ�ตาล ปี๊บ หมักทิ้งไว้ซักครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อย กระเทียมกลีบใหญ่ๆ ประมาณ 7-8 กลีบ บุบอย่าให้แหลกเวลาผัดจะเละ ราก ผักชีซัก 3-4 ต้น ตั้งกระทะใส่น้ำ�มันให้ร้อน เอากระเทียมและรากผักชีลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้ใหม้ เอาหมูที่หมักลงไปผัดให้สุกหอม แล้วเติมน้ำ�ให้ท่วมหมู พอน้ำ�เดือด พลักๆ ให้ลดไฟลงเพื่อจะเคี่ยวหมูให้นุ่ม ระหว่างนั้นก็คอยช้อนฟองและมันทิ้ง น้ำ�จะได้ ใสดูหน้ากิน ชิมดูวา่ รสชาตเิ ป็นอย่างไร เจีย๊ ะบ่โล๊ะหรือไม่ ก็เติมเครือ่ งปรุงทีห่ มักอีกตาม ใจชอบ รสชาติจะออกหวานเค็ม แล้วก็ใส่ไข่ต้มลงไป ปิดไฟ ปิดฝาหม้อ รอกินพร้อม หน้ากัน ตำ�รานี้ได้มาจากเพื่อนน้องสาวที่เป็นแอร์ เธอบินมาลอนดอนก็จะมาเยี่ยมหา วันหนึ่งแวะมาทำ�ให้กินที่บ้าน ฉันติดใจเลยทำ�เองบ่อยๆ เพราะลูกชอบ หลังๆ รู้สึกจะ ทำ�อร่อยกว่าเจ้าของต้นตำ�หรับ เลยทึกทักเอาเป็นตำ�ราของตัวเองซะเลย จริงๆ แล้วเขา เรียกหมูต้มเค็มใส่ใข่ ตำ�รานี้น่าจะใช้ได้เพราะได้ทำ�ถวาย ท่าน ว.วชิรเมธี มาแล้ว นัยว่าเป็นการกะรันตี ไปในตัวเลย 08


ไข่พะโล้

โดย ชุมศรี อาร์โนลด์ 09


โรคอัลไซเมอร์ น้ำ�มันมะพร้าว กับการใช้

อาการสมองเสือ่ มเกิดจากการตายของเซลล์สมอง และเป็นโรคทีร่ กั ษาไม่หาย หลังมีอาการและไม่ได้รบั การ รักษาความจำ�เสื่อมจะรุนแรงและเสียชีวิตลงภายใน 8 ปี หากได้รับการรักษาอาจอยู่ได้ถึง 20 ปี อาการ ระยะแรกๆ จะขี้หลงขี้ลืมเล็กๆน้อยๆ มี พฤติกรรมและบุคลิกเปลี่ยนไป เช่นลืมของที่ใช้เป็น ประจำ� นึกคำ�พูดไม่ออก สับสนเรื่องเวลา สถานที่ จำ� คนในบ้ า นไม่ ไ ด้ อารมณ์ แ ปรปรวน หงุ ด หงิ ด ง่ า ย ก้าวร้าว มีผลกระทบต่อชีวิตประจำ�วัน จนไม่สามารถ ปฏิบัติกิจวัตรตามปกติได้

10


ปัจจัยเสี่ยง

1. อายุ 80 ปี มีโอกาสเป็น มากกว่าอายุ 65-69 ปีถึง 10 เท่า แต่ปัจจุบันเริ่มมีอาการตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปเป็นได้ทั้งชาย/หญิง 2. กรรมพันธุ์ 3. สุขภาพไม่ดี หรือสาเหตุ ของโรคจากการอักเสบ เช่น - โรคอ้วน - โรคเบาหวาน (ดือ้ อินซูลนิ ) มีโอกาสเสี่ยงถึง 65% - กรดยูริคสูง - ต่อมไทรอยด์พิการ - ระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์บกพร่อง - โรคหัวใจ 4. การขาดสารอาหาร - ขาดโอเมก้า 3 (น้ำ�มันปลามี DHA และ EPA สูง) - มีระดับโฮโมซีสเตอินสูง เพราะขาดวิตามิน B6, B12 และโฟเลต - ขาดวิตามินเค 5. ได้รับสารพิษจากสภาพแวดล้อม - มีธาตุอลูมเิ นียม (หม้อหุงต้ม) ในระดับเป็นพิษ 6. ระดับของสารอะเซติลโคลีนลดลง โคลีนเป็น สารสื่อประสาทช่วยให้มีความทรงจำ� (มีมากในไข่ไก่) 7. ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง สตรีที่หมด ประจำ�เดือน 8. ไขมันทรานส์ 9. สมอง ขาดอาหาร นักวิจัยเพิ่งเข้าใจกลไกว่า

สมองสามารถสร้างอินซูลินได้ด้วยตัวของมันเอง โดย เปลี่ยนน้ำ�ตาลในกระแสเลือดให้เป็นอาหารสมอง เพื่อ การดำ�รงชีวิตของเซลล์สมอง ในปัจจุบนั วงการแพทย์ ยังเชือ่ ว่าโรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคทีร่ กั ษาไม่หายขาด ยิง่ ไปกว่านัน้ อาการจะกำ�เริบ ขึ้นตามอายุ และเสียชีวิต (เหมือนกับประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา โรนัลด์ เรแกน) แต่มีงานวิจัยหลายงาน ที่ใช้สารอาหารและน้ำ�มันมะพร้าว ซึ่งมีกรดไขมันสาย กลางสูงถึง 63% ในการรักษาช่วยทำ� ให้ดีขึ้น และยัง มีบทวิจยั ทีไ่ ด้ศกึ ษาทัว่ โลกว่าประเทศอินเดีย มีประชากร เป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยที่สุดในโลก เพราะอาหารที่ชาว อินเดียทาน คือ แกงกระหรี่ ในแกงกระหรี่ประกอบ ด้วย ขมิน้ ชันกับกะทิ ได้มกี ารศึกษาถึงขมิน้ ชัน สามารถ ซึมผ่านหลอดเลือดฝอย ในสมองและช่วยต้านทาน อนุมูลอิสระซึ่งทำ�ให้เซลล์สมองไม่ถูกทำ�ลาย ขมิ้นชันมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าสารสกัดจากเม็ดองุ่นถึง 50-60 เท่า 11


งานวิจัยที่สนับสนุน

การค้นพบของ Dr.Mary Newport เป็นผู้ อำ�นวยการโรงพยาบาลของ Neonatal Intensive Care Unit, Spring Hill Regional Hospital, Florida ได้รักษาสามีอายุ 59 ปี เป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่เริ่มมีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเข้าร่วมการทดลอง ทางการแพทย์ โดยใช้ตัวยาใหม่สำ�หรับโรคสมองเสื่อม (Dementia) แต่พบปัญหาคือผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้ ป่วยต้องมีส่วนของสมองที่ทำ�หน้าที่ได้อยู่บ้าง ในกรณี ของผูป้ ว่ ยรายนี้ ความพิการของสมองได้เลยจุดนัน้ แล้ว ทาง Dr.Mary จึงได้หาทางรักษาใหม่โดยใช้ น้ำ � มั น มะพร้ า วในการรั ก ษา การรั ก ษาได้ ใ ห้ น้ำ � มั น มะพร้าว 7 ช้อนชา ลงไปในอาหารทุกมื้อ มีสิ่งที่น่าตื่น เต้นเกิดขึ้น ในระยะเวลา 2 เดือน ผู้ป่วยเริ่มมีอาการ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พูดมากขึ้น มีอารมณ์ดีขึ้น ความ ตั้งใจอยู่กับงานดีขึ้น จำ�ชื่อญาติๆได้ ทั้งที่ก่อนนี้ 1 ปี จำ�ใครไม่ได้เลย

12

หลังจากใช้น�้ำ มันมะพร้าวผ่านไป 1 ปีครึง่ อาการ ที่ก้าวเดินไม่ได้เมื่อก่อน ดีขึ้นจนสามารถ วิ่งได้ อ่าน หนังสือเข้าใจ ความทรงจำ�ระยะสัน้ ดีขนึ้ แทบจะรูส้ ึกว่า กลับคืนสู่ปกติแล้ว Dr.Mary ให้เหตุผลของการฟื้นจากอัลไซเมอร์ ว่าเป็นผลของน้ำ�มันมะพร้าวทีม่ กี รดไขมัน สายกลางสูง ต่างจากกรดไขมันสายยาวที่มีอยู่ทั่วไปในน้ำ�มันพืชทุก ชนิด เพราะมันมีขนาดโมเลกุลที่สั้นกว่า จึงถูกดูดซึม และถูกใช้เปลีย่ นให้เป็นพลังงานในตับและแทนทีจ่ ะเก็บ ไว้ในรูป ไขมัน กลับเปลี่ยนเป็นคีโตน(Ketone)ที่เป็น แหล่งของพลังงานทดแทนของร่างกาย คีโตน เป็นสารทีร่ า่ งกายสร้างขึน้ เพือ่ เปลีย่ นไขมัน ให้เป็นพลังงานและแหล่งของคี โตนก็คือ กรดไขมัน สายกลาง(MCT)ที่มีอยู่ในน้ำ�มันมะพร้าวคีโตนช่วยฟื้น เซลล์สมองกลับ คืนมา ป้องกันการตายของเซลล์สมอง และ ยังใช้รักษาโรค เช่น - โรคพาร์คินสัน (Parkinson’s Disease) - โรค Multiple Sclerosis (ALS) - โรค Lou Gehrig’s Disease - โรคลมชักที่ดื้อยา - โรคเบาหวานชนิดที1่ และชนิดที2่ (ดือ้ อินซูลนิ ) - ช่วยฟื้นฟูอาการโรคหัวใจหลังจากอาการหัวใจ วายอย่างรุนแรง - ช่วย ฟื้นฟูสมองจากการขาดออกซิเจน - ทำ�ให้เนื้องอกที่เป็นมะเร็งหดตัว - โรคในกลุม่ อาการดาวน์ (Down's Syndrome) ออติสติก ในกรณีของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ เซลล์ประสาท ในสมองบางส่วนไม่สามารถนำ�น้ำ�ตาลเข้าไปได้ เพราะ


เกิดการดือ้ อินซูลนิ และเซลล์คอ่ ยๆตายไป เป็นขบวนการ 4. ทานไข่แดง วันละ 1-2 ฟอง (เป็นยางมะตูม) ที่เกิดขึ้นใช้เวลานับเป็นสิบๆปี 5. ทานวิตามิน B6, B12 และโฟเลต ความทุกข์ทรมานของผูต้ อ้ งดูแล คนในครอบครัว 6. ผัก/ผลไม้ปลอดสารพิษ ต้องเป็นภาระหนักอย่างยิ่ง ก่อนที่อาการจะปรากฏ ถ้า ข้อแนะนำ� น้ำ�มันมะพร้าวมีฤทธิ์ร้อน ควรทาน เราดูแลโดยเข้าใจทำ�ให้เซลล์สมองมีคีโตน สมองจะยัง อาหารที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดร้อน เช่นพืชตระกูลแตง มีชีวิตอยู่ได้และคงทำ�หน้าที่ได้ตามปกติ เก็กฮวย จับเลีย้ ง น้�ำ ใบบัวบก ย่านาง ถัว่ เขียวต้ม ฯลฯ

วิธีการดูแลและป้องกัน อาหารที่ควรทาน/เพิ่ม

อาหารที่ควรลด/เลิก

- แป้งขาว/น้ำ�ตาลทรายขาว/น้ำ�ตาลเทียม (แอส 1. ใส่น้ำ�มันมะพร้าว 7 ช้อนชาลงในอาหารทุกมื้อ ปาร์เทมทำ�ลายเซลล์สมอง) อาจมีอาการระบายท้อง ควรเริ่มทานจากน้อยๆแล้ว - ไขมันผ่านกรรมวิธีและไขมันทรานส์ ค่อยๆเพิ่ม - แอลกอฮอล์และคาเฟอีน 2. น้ำ�มันปลา (โอเมก้า-3) มี DHA EPA บำ�รุง - ภาชนะที่เป็นอลูมิเนียม สมอง - ยาต่อต้านอะเซติลโคลีน เช่น ยาลดปวด ยา 3. ขมิ้นชัน แก้แพ้ ยานอนหลับ ยาระงับความเครียด Assoc.Prof.Dr.Jariya Boonjawat Southeast Asia START Regional Center Chulalongkorn University 5th Floor, Chulawich 1 Bldg., Henry Dunant Road Pathumwan, Bangkok 10330 Tel: +66- 2218-9466 Fax: +66-2251-9416 13


เตรียมโครงการ “เรียนรู้วิถีไทย ตามรอยพระยุคลบาท” โดย แม่วาด

สำ�นักงานปลัดสำ�นักนายกรัฐมนตรี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ร่วมกับ สมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรม ไทยในยุโรป (FEderation of Thai language and culture Teachers in Europe - FETTE) ได้เล็งเห็นถึงความสำ�คัญของเยาวชน ไทยในยุโรป ที่ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตไทย และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ในเรือ่ งการพัฒนาแนวคิดและความเป็น อยู่ของประชาชนชาวไทย ตลอดจนการขาดโอกาสในการเรียนรู้ศิลป วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย ซึ่งเป็นรากฐานที่สำ�คัญที่สร้าง จิตสำ�นึกความเป็นส่วนหนึ่งของไทยให้แก่เยาวชนเหล่านี้ จึงได้ร่วมมือกัน จัด “โครงการเรียนรู้วิถีไทย ตามรอยพระยุคลบาท” ขึ้น โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่ได้จัดพาคณะเยาวชน เชือ้ สายไทยจากยุโรปเยีย่ มชมวิถไี ทยและโครงการตามรอยพระราชดำ�ริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางตอนเหนือของประเทศไทย โดยเยาวชน เหล่านี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเดินทาง รถ เรือ เรือบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ส่วนผู้ปกครองที่ ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วยเสียค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยตลอดรายการ เป็นเวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ส่วนในปีนี้ (2555) จะมีการจัดลักษณะ เดียวกัน หากแต่จะลงไปทางใต้ เพรชบุรี หัวหิน ซึ่งมีโครงการตามพระ ราชดำ�หริอยู่หลากหลาย รวมทั้งพาเด็กดูวิถีไทยต่างๆ เริ่มจากวันที่ 24 กรกฏาคม ถึง 29 กรกฏาคม 14


คณะกรรมการดำ�เนินการแต่ละท่านมีท่าทีที่มีความสามารถสูงไปตามแนวทางที่ถนัดและนำ�มาใช้ในโครงการนี้ ตามรายชื่อดังนี้ ประธานกรรมการ ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ (ปลัดสำ�นักนายกรัฐมนตรี) รองประธาน นายสมลักษณ์ จันทร์น้อยง (ผ.อ.ร.ร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน) รองประธาน ผศ.ชัยศักดิ์ ลีลาจรัสกุล รองประธาน นางอรพินธุ์ คนึงสุขเกษม กรรมการ รศ.ชวลี ดวงแก้ว กรรมการ นางศรีจันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน (แม่วาด) กรรมการ นางวนิดา สมิทธิวรรธน์ กรรมการ นายจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา กรรมการ ดร.ชูเกียรติ วงศ์เทพเตียน กรรมการ นายสุภวัส วรมาลี กรรมการ นางสาวยุพิน พุทธาพิพัฒน์ กรรมการ นางสาวกาญจนา ถาวร กรรมการและเลขานุการ นางศิริรัตน์ ถิรานุชิต และคณะที่ปรึกษา ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล, นายดำ�ฤทธ์ วิริยะกุล, นายฐาปน สิริวัฒนภักดี, พันเอกศราวุธ กาพย์เดโช, ผศ.วัลลีพันธุ์ สถิตยุทธการ และโรงแรมริเวอร์ไซด์ แม่ ว าดได้ รั บ เชิ ญให้ เ ข้ า ร่ ว มเป็ น หนึ่ งในคณะ กรรมการโครงการ จึงได้มโี อกาสนำ�เบือ้ งหลังมาเล่าสูก่ นั ฟัง การประชุมวางแผนการร่วมกันจัดขึน้ ทีโ่ รงเรียนสาธิต มหาวิ ท ยาลั ย ศรี น คริ น ทรวิ โ รฒ ปทุ ม วั น แม่ ว าด พยายามหาชุดพอเหมาะที่จะไปร่วมประชุมกับรรดา ด๊อกเตอร์ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ตามปกติแม่วาดไม่ได้ มีชีวิตประจำ�วันอยู่ในประเทศไทย เสื้อผ้าส่วนมากจะ ออกแนวสบายๆ เสียมากกว่า รองเท้าส่วนมากก็ลาก ‘อีแตะ’ แต่ก็คว้ามาได้คู่หนึ่งที่เก็บเอาไว้ที่เมืองไทยพอ มองดูสุภาพหน่อยแต่กส็ ุภาพไปได้ไม่นาน ระหว่างที่นงั่ ประชุ ม อยู่ ม องลงไปใต้ โ ต๊ ะ จึ งได้ เ ห็ น ว่ า มี ก องสี ข าว เหมือนปูนปาสเตอร์กองอยู่ใต้เท้า เพราะพื้นรองเท้ามัน สิน้ สภาพเนือ่ งจากทิง้ ไว้ในตูน้ านมาแล้ว อยากจะร้องไห้

เป็นที่สุดแต่ร้องไปก็เปล่าประโยชน์เพราะการประชุมยัง ไม่เสร็จ เอาไว้ค่อยคิดแก้ปัญหาเมื่อสิ้นสุดการประชุม ระหว่างการประชุมมีช่วงเวลาที่ให้เราแอบ ‘เมาท์’ กับคนข้างๆพอผ่อนคลายบ้าง แม่วาดนั่งข้างๆ คุณจุล ภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา หนึง่ ในคณะกรรมการทีเ่ ป็น ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านประวัตศิ าสตร์ เราพูดคุยกันเรือ่ งน้�ำ ท่วม เมืองไทยทีเ่ ป็นเรือ่ งทัว่ ไปทีส่ นทนากันอยูใ่ นเมืองไทยใน ช่วงนี้ ท่านเลยพูดถึงความรู้ความสามารถของวิศวกร ไทยในสมัยโบราณ ที่สามารถสร้างวัดอรุณฯซึ่งมีพระ ปรางค์สูงใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ�เจ้าพระยามาเป็นร้อยๆปี แล้ว จวบจนถึงบัดนี้กลับไม่มีการโอนเอียงมากนักทั้งๆ ที่ดินอ่อน สาเหตุเพราะที่ฐานของพระปรางค์นั้นได้ทำ� เหมือนกล่องทีม่ ชี อ่ งตาตารางอยูท่ วั่ เหมือนกล่องใส่ขวด 15


หลายๆขวด ในแต่ละตารางมีสงิ่ ประดิษฐ์คล้ายโอ่งใหญ่ อยู่ในนั้น กลายเป็นฐานที่เหมาะสมสำ�หรับสิ่งก่อสร้าง สูงๆในเมืองไทย วาว... แม่วาดฟังแล้วรู้สึกสนุกและได้ ความรูอ้ ย่างสุดๆ ไม่เคยได้ยนิ มาก่อนเลย ทำ�ให้รสู้ กึ ว่า พวกทีม่ าท่องเทีย่ วตามรอยพระยุคลบาทคราวนีอ้ อกจะ โชคดีเอามากทีเดียว ที่จะได้รับความรู้ใหม่ๆจากผู้ เชี่ยวชาญของเรา ในการประชุมคราวนี้ได้มอบหมายให้ รศ.ชวลี ดวงแก้ว นางศิริรัตน์ ถิรานุชิต (เลขาฯ) และแม่วาด เดินทางไปดูตามโครงการและที่พักต่างๆแถบเพชรบุรี และหัวหิน เพือ่ เตรียมไว้ส�ำ หรับจัดโครงการในปีนี้ จาก นั้นก็เลิกประชุม ถึงเวลาที่แม่วาดจะต้องแก้ปัญหากอง วัสดุสีขาวใต้เท้าตัวเอง รู้สึกอับอายพอสมควรเพราะ นอกจากจะทำ�ให้หอ้ งประชุมเขาเปรอะเปือ้ นไปหมด ตัว เองยังต้องเดิน ตุ้มเผลก... ตุ้มเผลก... ไปขึ้นรถ เพราะ ส้นรองเท้ามันสูงต่�ำ ไม่เท่ากัน เฮ้อ... ไม่รคู้ ณะกรรมการ คิดดีหรือเปล่าที่อัญเชิญอิฉันไปร่วมหอด้วย อาทิตย์ต่อมาเราสามคนที่ได้รับมอบหน้าที่ ได้ ออกเดินทางด้วยรถตูม้ คี นขับชือ่ มิสเตอร์เอส พาเราออก แต่เช้าไปยังโครงการต่างๆ และไปแวะรับ อาจารย์สาลี่ ศิลปสธรรม ที่โรงเรียนดอนขุนห้วย ที่อาจารย์สาลี่ ประจำ � อยู่ ต อนที่ แ กไม่ ไ ด้ ม าอบรมพวกเราในยุ โ รป อาจารย์สาลี่เป็นผู้ชำ�นาญอยู่แถวนี้จึงได้พาเราไปดูโน่น ดูนี่ ทำ�ให้เราได้ชอปปิง้ ของหวานอาหารใหม่ๆสดๆของ โครงการ’ โอทอป’ แถวนั้นกันจนเต็มรถ เพราะฉะนั้น ใครจะมาร่วมโครงการนี้อย่าลืมพกเงินไทยกันมาด้วย นะคะ จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆ ...สุดถูก...สุดดี... หลังจากนัน้ จึงได้ขอ้ สรุปออกมาคร่าวๆ ว่ารายการ จะเป็นดังนี้ 16


วันอังคารที่ 24 กรกฏาคม พ.ศ.2555 10.00 น. 12.00 น. 13.00 น. 13.50 น. 14.00 น. 16.00 น. 18.00 น. 21.00 น. 22.00 น.

ลงทะเบียน ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค รับประทานอาหารกลางวัน ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค ออกเดินทางไปโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน พิธีต้อนรับ จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (ลอดซุ้มธง มีวงโยธวาธิตบรรเลง นำ�เข้าสู่ห้องประชุม) แถลงข่าว ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน โดยเรียนเชิญอธิการบดีมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ และปลัดสำ�นักงานปลัดสำ�นักนายก รัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน ออกเดินทางจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ล่องเรือชมพระนคร ล่องเรือกลับถึงโรงแรมริเวอร์ไซด์ กลับถึงโรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค

วันพุธที่ 25 กรฏาคม พ.ศ. 2555

โรงเรียนบ้านควาย สุพรรณบุรี ตลาดน้ำ�ลำ�พญา ฟาร์มกล้วยไม้แอร์ออคิดส์

09.00 น. เข้าพบนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางสู่ โรงเรียนบ้านควาย จังหวัดสุพรรณบุรี ให้รู้จักวิธีการทำ�นาตามแบบฉบับ ภูมิปัญญาไทย ร่วมฟังการบรรยายจากวิทยากร ชมกิจกรรมทางด้านการเกษตร ฝึกให้รู้จักการ ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คันไถ แอก และคราด และการเรียนพิเศษอื่นๆบ้าง เช่น ฝึกการไหว้กราบ สวัสดี 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 น. เดินทางไปตลาดน้ำ�ลำ�พญา ชมฟาร์มกล้วยไม้ แอร์ออคิดส์ 18.00 น. เดินทางเข้าสู่ที่พัก ณ คุ้มหม่อมไฉไล และรับประทานอาหารเย็น

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรฏาคม พ.ศ. 2555

พระราชวังสนามจันทร์ – โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย 07.00 น. 08.00 น.

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารคุ้มหม่อมไฉไล ออกเดินทางสู่อำ�เภอเมือง จังหวัดนครปฐม เข้าชมพระราชวังสนามจันทร์ โดยสร้างขึ้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว ครั้งยังทรงดำ�รงพระยศเป็นสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ภายในพระราชวังได้มีอาคารพระตำ�หนัก และพระที่นั่งอยู่หลาย อาคาร โดยการสร้างอาคารแต่ละหลังจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น พระที่นั่งพิมานปฐม 17


2.00 น. 13.00 น. 17.00 น.

พระที่นั่งองค์แรกในพระราชวังสนามจันทร์ อาคาร 2 ชั้น แบบตะวันตก ก่อสร้างด้วยอิฐ มีช่อง ระบายลมและระเบียงลูกกรง ฉลุสลักเป็นลวดลายแบบศิลปะไทย พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี อาคาร 2 ชั้น อยู่ด้านใต้ของพระที่นั่งพิมานปฐม และ พระที่นั่งวัชรีรมยา อาคารทรงไทย 2 ชั้น หลังคาซ้อน ยอดปราสาทมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ มีช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ โดยลอกแบบมาจากพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ เป็นต้น และในปัจจุบัน พระราชวังบางส่วนใช้ เป็นที่ทำ�การศาลากลางจังหวัดนครปฐม และอีกส่วนเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขต พระราชวังสนามจันทร รับประทานอาหารกลางวัน ออกเดินทางสู่ อำ�เภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเข้าชมโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนา สิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเรียนรู้ เรื่อง การบำ�บัดน้ำ�เสียและกำ�จัดขยะตามแนวพระราชดำ�ริ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ ได้มีการส่งเสริม เผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยร่วมกับวิทยาลัย ประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางเข้าสู่ที่พัก นักเรียนพักที่ โรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน ผู้ปกครองพักที่ สวนสนประดิพัทธ์

วันศุกร์ที่ 27 กรกฏาคม พ.ศ.2555

โรงเรียนดอนขุนห้วย พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน โครงการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร และโรงเรียนภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน 07.00 น. 08.30 น. 09.00 น. 12.00 น. 13.00 น. 18

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ร่วมร้องเพลงชาติไทยในพิธีชักธงชาติและทำ�กิจกรรมนักเรียนตอนเช้า ณ โรงเรียนภัทราวดี มัธยมศึกษา หัวหิน ออกเดินทางสู่ โรงเรียนดอนขุนห้วย จังหวัดเพชรบุรี โรงเรียนในโครงการพระราชดำ�ริ จากผืน ป่าที่ได้รับพระราชทานที่ดินและพัฒนาเป็นโรงเรียนสหกรณ์และอนามัย ด้วยปรัชญา เศรษฐกิจ พอเพียง นักเรียนโรงเรียนดอนขุนห้วยเล่นดนตรีไทยให้ชมและ สาธิตวิธีการทำ�ขนมครก ไปชม ภูมิปัญญาชาวบ้านในการทำ�สับปะรดกวนที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี ชมโครงการ OTOP สี่ดาว และสมุนไพรไทย รับประทานอาหารกลางวัน ออกเดินทางเข้าชมโครงการอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร เป็นโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยา


17.30 น. 21.00 น.

เชิงประวัติศาสตร์ และพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เป็นแนวทางในการดำ�เนินงานให้อุทยานเป็นเสมือน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ตลอดจนเผยแพร่ พระเกียรติคุณและพระปรีชาสามารถในด้านการ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และเป็นสถานที่ศึกษา หาความรู้ทางด้านการฟื้นฟูป่าชายเลน ป่าชายหาดป่าเบญจพรรณ และที่อยู่อาศัยของสัตว์นานา ชนิด ตลอดจนเป็นสถานที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเชิงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ของประเทศไทยและของโลก รับประทานอาหารเย็น สัมผัสศิลปการรับประทานอาหาร “The Art of Eating” ทำ� workshop ดนตรีไทย สอนการนุ่งโจงกระเบน ที่โรงเรียน ภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน เพื่อให้นักเรียนในโครงการได้ศึกษาด้านการเรียนการสอน แลก เปลี่ยนระหว่างนักเรียนของโรงเรียน ชมวิกหัวหิน อันเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานอันน่า ประทับใจของนักเรียนและครู รวมทั้งนำ�การแสดงที่มีคุณภาพจากทั่วโลกมาให้ผู้ที่สนใจได้รับชม เพื่อสร้างสุนทรียะ และเปิดโลกทัศน์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในหัวหิน ทางด้านศิลปะและการแสดงที่เหมาะทั้งต่อชาวไทยและชาวต่างประเทศ นักเรียนพักที่โรงเรียน ภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน ผู้ปกครองพักที่ สวนสนประดิพัทธ์

วันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคม 2555

ตลาดนัำ�หัวหิน

07.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ โรงเรียน ภัทราวดีมัธยมศึกษา หัวหิน 08.30 น. ชมตลาดเพลินวาน ตลาดจักจั่น ตลาด Sicada 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.30 น. เดินทางสู่สวนสนประดิพัทธ์ ว่ายน้ำ�ทะเล พักผ่อนตามอัธยาศัย 17.00 น. รับประทานอาหารเย็น และมอบเกียรติบัตร ณ สวนสนประดิพัทธ์ 19.00 น นักเรียนและ ผู้ปกครองพักที่ สวนสนประดิพัทธ์

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฏาคม พ.ศ. 2555 ครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำ�ริ 07.00 น. 08.00 น.

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำ�ริ อำ�เภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเข้าศึกษาการบริหาร 19


ทรัพยากรแบบบูรณาการโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายาม เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยคาดว่าอนาคตจะเป็นอีกแหล่งเรียนรู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไปได้

12.00 น. 14.00 น. 17.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน แวะซื้อของที่ระลึกระหว่างทาง กลับสู่กรุงเทพมหานคร โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน

ผู้ที่ต้องการจะเข้าร่วมโครงการมีข้อกำ�หนดดังนี้

1. เด็กเชื้อสายไทยที่มีถิ่นที่อยู่ในยุโรป อายุระหว่าง 10-17 ปี จำ�นวนไม่เกิน 60 คน ต้องสมัครมา ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 หากมีผู้เข้าร่วมครบจำ�นวนที่กำ�หนดก่อน ทางโครงการจะปิดรับสมัครก่อน แต่ผู้สนใจสามารถลงชื่อไว้สำ�หรับปีหน้าได้ 1.1 เด็กไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ตั้งแต่การลงทะเบียนเข้าพักที่โรงแรม 1.2 เขียนชื่อภาษาอังกฤษ (ภาษาไทยถ้ามี) สะกดถูกต้อง ระบุวันเดือนปีเกิด ตรงกับหนังสือเดินทาง 1.3 ระบุที่ติดต่ออย่างชัดเจน ที่อยู่ทางอีเมล์ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์และรหัสประเทศ 1.4 ตรวจเช็คข้อมูลถูกต้องระมัดระวัง ก่อนส่งมายัง maewaadmagazine@hotmail.com 2. ผู้ปกครองของเด็กหรือบรรดาครูอาสาที่ต้องการเข้าร่วมโครงการด้วย จำ�นวนไม่เกิน 80 คน ต้อง สมัครมาก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 หากมีผู้เข้าร่วมครบจำ�นวนที่กำ�หนดก่อน ทางโครงการจะปิดรับสมัคร ก่อน แต่ผู้สนใจสามารถลงชื่อไว้สำ�หรับปีหน้าได้ 2.1 ต้องเสียค่าที่พัก อาหาร ค่าเดินทาง ตลอดโครงการ คนละ 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) โดยโอนเงินเข้าบัญชีชื่อ โครงการเรียนรู้วิถีไทย ตามรอยพระยุคลบาท ซึ่งทางกรรมการจะได้แจ้งรายละเอียด วิธีการโอนให้ทราบต่อไปเมื่อท่านได้รับพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการแล้ว 2.2 เขียนชื่อภาษาอังกฤษ (ภาษาไทยถ้ามี) สะกดถูกต้อง ตรงกับหนังสือเดินทาง 2.3 ระบุที่ติดต่ออย่างชัดเจน ที่อยู่ทางอีเมล์ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์และรหัสประเทศ 2.4 ตรวจเช็คข้อมูลถูกต้องระมัดระวัง ก่อนส่งมายัง maewaadmagazine@hotmail.com


โดย จันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน

(ต่อจากฉบับที่แล้ว) พูดถึงวิธีการจำ� โดยนำ�ไปเทียบกับอะไรต่ออะไร นี่ พวกฝรั่งเขาทำ�เหมือนเรานะคะ แม่วาดเคยทำ�งาน เป็นเลขานุการิณีของฝรั่งชาวอเมริกันคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ เมืองไทยมานานพูดภาษาไทยได้ และยังพยายามที่จะ ลอกเลียนแบบการดำ�เนินชีวิตแบบไทยๆ เวลาทีอ่ ยูใ่ นทีท่ �ำ งานจะพูดแต่ภาษาอังกฤษ เนือ่ ง มาจากบรรดาพนักงานต่างพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเจ้า นายพูดไทย ประกอบทั้งแกต้องวางตัวให้ดูเป็นที่น่า เคารพไม่ใช่ตัวตลกที่พูดไม่ชัด ดังนั้นแกคงเรียนภาษา ไทยจากพวกคนขับรถหรือตามแหล่งท่องเทีย่ วกลางคืน ซึ่งแน่นอนคำ�ที่เรียนรู้ก่อนอื่นคือคำ�ด่าและพวกอวัยวะ ต่างๆ โดยเฉพาะพวกทีต่ �่ำ กว่าสะดือ วิธดี �ำ เนินชีวติ แบบ ไทยๆนั้นแกเรียนรู้แม้แต่การเล่นหวยใต้ดิน

วันหนึ่งเป็นวันที่ลอตเตอรี่จะออก พวกพนักงาน ในบริษัทหลายคนซื้อหวยใต้ดิน โดยมีคนทำ�ความ สะอาดชื่อ “อ้น” รับเงินเอาไปให้เจ้ามือแทงหวยที่อื่น วันนั้นเผอิญเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เจ้านาย ของแม่วาดต้องติดอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้า ตัวแม่ วาดต้องทำ�หน้าที่เป็นเลขาฯในที่ประชุม เข้าไปนั่งจด รายงานการประชุมเช่นกัน แต่ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะ ไม่เคยเล่นหวย เวลาผ่านไป.. เจ้านายชักนั่งไม่ค่อยติด แม่วาด ไม่รเู้ รือ่ งอะไร นัง่ อยูข่ า้ งๆเจ้านาย เห็นแกนัง่ ก้มหน้าก้ม ตาเขียนอะไรง่วนอยู่ เสร็จแล้วยื่นมาให้แม่วาด แม่วาด รับมาเห็นเป็นตัวเลข นึกว่าเป็นลายละเอียดอะไรที่ ต้องการให้ลงในรายงานการประชุม แต่แกกลับบอกว่า ให้เอาไปให้ “อ้น” แม่วาดก็รอว่านายจะสั่งอะไรต่อ 21


เจ้านายบอกว่า “ฮ้วย ฮ้วย” เอ๋.. ยิ่งงงใหญ่ ไม่ เห็นรู้จักใครชื่อฮ้วย นั่งทำ�ตาโตมองหน้านาย นาย รำ�คาญเต็มทีเลยบอกว่าเอาตัวเลขนีไ่ ปให้นายอ้นแล้วกัน แม่วาดจึงถือแผ่นกระดาษนั้นเดินออกจากห้องมาโดย ไม่รู้ว่าเป็นโพยหวย ทีนเี้ รามาอธิบายเรือ่ งหวยกันคร่าวๆเสียหน่อยนะ คะ เพือ่ ท่านผูอ้ า่ นทีไ่ ม่คอ่ ยรูเ้ รือ่ งหวยเหมือนแม่วาดใน ตอนนัน้ หวยใต้ดนิ นัน้ เป็นเรือ่ งผิดกฎหมายแต่นา่ แปลก ที่เป็นเรื่องที่เล่นกันเป็นที่แพร่หลายทั่วไป (บางสมัยต่อ มาเปลี่ยนเป็นหวยบนดิน) หวยใต้ดินออกพร้อมกับการออกสลากกินแบ่ง ของรัฐบาล โดยใช้ตัวเลขที่ออกของสลากรัฐบาลนั่นเอง แต่ใช้เฉพาะเลขสามตัวท้ายของเลขรางวัลทีห่ นึง่ และเลข ท้ายสามตัวล่าง เลขท้ายสองตัวล่าง ถ้าแทงเลขท้ายตัวบนตรงตัวเรียกว่า “เต็ง” ถ้า แทงถูกจะได้รางวัลสูง แต่ถา้ แทงเลขท้ายสามตัวบนแบบ ผกหน้าผกหลังเรียกว่า “โต๊ด” ถ้าแทงถูกได้รางวัลน้อย หน่อยเพราะมีโอกาสถูกมากกว่า ดูซคิ ะ...เจ้านายแม่วาดแกซ่าขนาดไหน รูไ้ ปหมด.. แต่นั่นแหละค่ะ เก่งอย่างไรก็คงจำ�ไม่ค่อยได้ ขนาดเรา คนไทยฟังยังไม่ค่อนคุ้น “โต๊ด!” เจ้านายแกคงใช้วธิ จี �ำ คำ�นีว้ า่ ใกล้เคียงกับคำ�ทีแ่ ปล ว่าอวัยวะส่วนล่าง คือคำ�ว่า “ตูด” ซึ่งไม่แปลกอะไร เพราะ เมือ่ แม่วาดได้ยนิ คำ�นีค้ รัง้ แรกก็คดิ แบบนีเ้ หมือน กัน นานๆจะพูดคำ�นี้สักที เวลาจะพูดต้องตั้งสติให้ดี ก่อน หลังจากแม่วาดเดินออกมาจากห้องประชุมพร้อม ทัง้ ใบแทงหวย ชะรอยเจ้านายจะนึกได้วา่ แกต้องการแทง หวยแบบผกหน้าผกหลังจึงวิ่งตามออกมา ทันแม่วาดที่ 22

หน้าแผนกบัญชีที่มีพนักงานบัญชีนั่งคิดเลขง่วนอยู่เต็ม ทุกโต๊ะ อารามรีบร้อนเจ้านายคงนึกคำ�ไม่ออก เลยต้อง นึกถึงอวัยวะเบื้องล่าง แหม.... แต่เจ้ากรรม! แกเกิดไป นึ ก สั บ ที่ กั น ค่ ะ คื อไปนึ ก ว่ า คำ � นั้ น ออกเสี ย งเหมื อ น อวัยวะเบื้องล่างด้านหน้าของแก จึงวิ่งตะโกนเป็นภาษา ไทยมาลั่น “แทง _วย ด้วย! แทง _วย ด้วย!” ต๊าย.. เป็นลม! ...พนักงานบัญชีหงายหลังตกเก้าอี้ กันทุกโต๊ะ! ตัง้ แต่นนั้ มารูส้ กึ ว่าคำ�ว่า “โต๊ด” ในบรรดานักแทง หวยของบริษัทไม่ค่อยนิยมใช้กัน ใครๆก็นิยมจะแทง แบบเจ้านาย สมัยก่อนที่บ้านคุณยายแม่วาดมีหัวหน้าลูกจ้าง เป็นชาวฮ่องกง เราเรียกแกว่า “อาสัม” ถ้าแม่พาแม่วาด ไปเยี่ยมคุณยาย...อาสัมจะทำ�หน้าที่เป็นพี่เลี้ยงอาบน้ำ� ป้อนข้าวให้แม่วาดเสมอ พอแกเจอหน้าต้องถามว่า “โช๊ง หล่วงแม่ง” แปลว่าอาบน้ำ�หรือยัง ถ้าเผลอสั่นหน้าว่าไม่ เข้าใจแกเป็นต้องจับไปอาบน้ำ�ใหม่ แม่วาดเลยต้อง พยายามจำ�ว่า “ช้าง หลวง แม่ง” พอแกถามอะไรเสียง คล้ายๆอย่างนี้ แม่วาดเป็นต้องพยักหน้าหงึกหงักอย่าง เข้มแข็งไว้ก่อน เพราะฉะนั้นถึงเวลาจะล่วงเลยมาถึงป่านนี้ แม่ วาดยังพอจำ�ภาษากวางตุง้ ได้นะคะ “จู๋ สัน่ แรงๆ” แปล ว่า “สวัสดีสวยๆ” นี่ก็แม่นมากเหมือนกัน แกสั่งให้ทำ� เมื่อไรแม่วาดไม่เคยพลาด เล่นเอาพวกเสี่ยใหญ่ๆที่มา เยีย่ มคุณยายถูกอกถูกใจแจกเงินแม่วาดทีละมากๆ แต่ ถ้าเป็นพวกพีช่ ายแม่วาดทีน่ านๆจะตามแม่มาหาคุณยาย จึงไม่ค่อยคุ้นกับสำ�เนียงอาสัมพอได้ยินแกสั่งเป็นต้อง สับสนทำ�หน้าเบ้ ไม่รู้จะทำ�แบบกวางตุ้งหรือแบบไทย


คราวที่แล้วกลับมาเที่ยวเมืองไทย พอดีกับที่ หลานๆแม่วาดกำ�ลังเตรียมตัวที่จะเข้าสอบเทียบชั้นม. 3ของกระทรวงศึกษาธิการ ตามปกติพวกเขาเรียนอยู่ โรงเรียนนานาชาติด้วยความจำ�เป็นบางประการความรู้ ภาษาไทยจึ งไม่ ค่ อ ยดี สำ� หรั บ แม่ ว าดเห็ น เป็ น เรื่ อ ง น่ า อั บ อายมากที่ เ กิ ด มาเป็ น คนไทยแล้ วไปมี ค วามรู้ ความสามารถ ในภาษาของคนชาติอื่น มากกว่าภาษา ของตัวเอง แม่วาดเองแม้จะแต่งงานกับฝรั่งมังค่ามีสังคมกับ คนต่างชาติเสียมาก แต่ยังคงพยายามรักษาคำ�พูด และ วิธีการพูดให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทยอยู่เสมอ ถึงแม้ บางครัง้ จำ�เป็นต้องละทิ้งขนบธรรมเนียมของตัวเองเพื่อ ให้เหมาะสมกับสภาพและโอกาส พวกหลานๆแม่วาดซื้อหนังสือแบบทำ�ข้อสอบที่มี ขายอยู่ทั่วไป มานั่งอ่านคำ�ถามคำ�ตอบ เพื่อเตรียมตัวที่ จะไปสอบให้ผ่านเท่านั้น ...เห็นแล้วเศร้าใจ คิดถึงท่าน อาจารย์ภาษาไทยที่เคี่ยวเข็ญให้เรานั่งท่องนั่งจำ�หลัก ภาษาต่างๆ ขู่เข็ญเฆี่ยนตีสารพัดเพื่อใส่ความรู้เข้ามาใน สมองของเราและเราเป็นอย่างมากก็เท่านีเ้ อง ต่อไปพวก หลานๆเราเขาจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องพูดกันถึงสุนทรภู่ ศรีปราชญ์ หรือ เจ้าฟ้ากุง้ ฯลฯ แม่วาดชักจะไม่แน่ใจ ว่า ถ้าบอกว่า “นี่หมา” เขาจะคิดว่าเป็น “ลิง” หรือเปล่า เช้าวันที่ไปสอบแม่วาดเป็นคนช่วยขับรถไปส่งที่ สนามสอบ ลองทดสอบความรู้ของพวกที่เตรียมพร้อม จะไปสอบ ถามเรื่องคำ�เป็น คำ�ตาย คำ�สมาส คำ�สนธิ ไม่รเู้ รือ่ งเลยค่ะ พวกแกบอกว่าอธิบายไม่เป็น ต้องบอก คำ�ตอบมาให้เลือกถึงจะเลือกถูก เพราะท่องข้อสอบมา ไม่ได้เรียนมา กลุ้มไหมคะคนเป็นพ่อเป็นแม่ แม่วาด ต้องพยายามอธิบายอย่างสั้นที่สุดและเร็วที่สุด เท่าที่

เวลาที่ติดการจราจรอยู่จะอำ�นวย บอกให้เขาจำ�ว่า อักษรสูงมี 11 ตัว คือ ผฝถฐขซสศษหฉ โดยจำ�ว่า ผี ฝาก ถุง (ฐุ) ข้าว (ข) สาร (ษ ศ) ให้ ฉัน อักษรกลางมี 9 ตัว คือ กจดฎตฏยปอ ไก่ จิก เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน ปาก โอ่ง ปรากฏว่าเย็นนั้นหลานกลับมาบอกว่ามีข้อสอบ ออกจริงๆและพวกเขาทำ�ข้อนีก้ นั ได้ แถมบอกว่าจำ�อย่าง ที่อาวาดสอนง่ายดีจัง นี่ขนาดหัดให้จำ�แบบที่เขาจำ�กัน ทั่วๆไปนะคะ สงสัยต้องพยายามสอนวิธีจำ�แม่นแบบ แม่วาดเสียแล้ว เพื่อบางทีจะช่วยหลานได้บ้าง

23


า ษ า ภ ง อ ส ก ็ ด เ น ็ ป เ ก ู ล ้ ห ใ ม อ ้ ร พ เตรียม โดย สุมิตรา ซัลซ์มันน์

การศึกษาเกี่ยวกับเด็กที่เรียนรู้สองภาษา หรือ หลายๆ ภาษาพร้อมกัน โดย ศ.ดร.แพทริเซีย เค. คูห์ล ศาสตราจารย์แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์การพูด และการ ฟัง และเป็นผู้ช่วยผู้อำ�นวยการศูนย์ศึกษาทางจิต สมอง และการเรียนรู้ ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในเมืองซีแอต เทิล สหรัฐอเมริกา อธิบายทฤษฎี “Native Language Magnet Theory (NLM)” ของเธอไว้ว่า ทารกแรก เกิดทุกคนนั้นเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเรียน รู้ภาษาใดๆ ก็ได้ การวิจัยของ ดร.คูห์ลแสดงให้เห็นว่า ใน 6 เดือนแรก เด็กทารกจะมีการบันทึกรูปแบบของ เสียงที่เขาได้ยินไว้ในสมองขึ้นอยู่กับภาษาที่เปิดรับ เขา สามารถเรียนรู้เสียง และลักษณะของน้ำ�เสียงที่แตกต่าง กัน แล้วจะเริ่มเปล่งเสียงตามภาษาที่ได้ยินออกมา เมื่อ ครบขวบปีเขาจะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในภาษาที่เขาได้ยิน เป็นประจำ� (ภาษาแม่) จากนั้นความสามารถในการ จำ�แนกลักษณะทีแ่ ตกต่างของเสียงจะค่อยๆ สิน้ สุดลง จึง หมายความว่า หากเด็กได้ยินสำ�เนียงภาษามากกว่าหนึ่ง ภาษาตั้งแต่ช่วงขวบปีแรกจะสามารถเรียนรู้และพูดภาษา 24

นั้นตามได้โดยอัตโนมัติประดุจภาษาแม่ ยิ่งหากได้ยิน สำ�เนียงที่แท้แบบเจ้าของภาษามาเอง โอกาสเลียนแบบ การพูดทีถ่ กู ต้องก็ยงิ่ มีมากขึน้ การเรียนรูน้ จี้ ะเป็นพืน้ ฐาน ช่วยเพิม่ พูนความสามารถในการเรียนภาษาอืน่ ๆ ทีห่ ลาก หลายได้ในเวลาต่อมา ทฤษฎีนี้ช่วยอธิบายข้อสงสัยที่ว่า ทำ �ไมเด็ ก ลู ก ครึ่ ง หรื อ ชาวต่ า งชาติ ใ นเมื อ งไทยบาง ครอบครัวจึงสามารถพูดได้ทงั้ ภาษาของชาตินนั้ และภาษา ไทยตั้งแต่เริ่มหัดพูด ทฤษฏีนเี้ ป็นการยืนยันว่า คุณแม่ คุณพ่อ ชาวไทย ที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาใช้ชีวิตในต่างแดนต้องพูด ภาษาไทยกับลูกเท่านัน้ และคุณพ่อก็จะพูดภาษาทีค่ ณ ุ พ่อ พูดมาตัง้ แต่เกิดกับลูก เพือ่ ทีล่ กู จะได้เรียนภาษาทีถ่ กู ต้อง เพราะทั้งพ่อและแม่เป็นเจ้าของภาษา เมื่อลูกไปโรงเรียน หรือมีเพือ่ นเล่นทีใ่ ช้ภาษาท้องถิน่ ลูกจะเรียนรูไ้ ด้เองโดย อัตโนมัติ งานวิจัยด้านจิตเวชหลายรายงาน ยืนยันว่าการ เรียนภาษาหลายๆ ภาษาตัง้ แต่เด็กจะง่ายกว่าเรียนเมือ่ โต แล้ว การใช้เทคนิคจำ�ลองภาพกิจกรรมของสมองใน


ผูใ้ หญ่ทมี่ สี ขุ ภาพแข็งแรงด้วยแรงสัน่ สะเทือนของแม่เหล็ก โดยนักวิจัยจากศูนย์โรคมะเร็งสโลน-เค็ทเทอร์ริ่ง ใน นิวยอร์ค พบว่าผู้ใหญ่ที่เรียนสองภาษาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เล็กๆ มีการเก็บภาษาทั้งสองไว้ด้วยกันในพื้นที่เดียวกัน ในสมอง จึงสามารถใช้ภาษาทีส่ องได้เหมือนกับเป็นภาษา แม่อกี ภาษาหนึง่ หากคนที่เรียนภาษาที่สองตอนที่โตแล้ว จะใช้เนื้อที่ในสมองคนละส่วนกัน ดังนั้นเขาจึงแนะนำ� ว่าการให้เด็กเรียนรู้ภาษาที่สองหรือสามควรเริ่มตั้งแต่ ตอนเป็นเด็กเล็กๆ ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะหากเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แล้วจะยิ่งเรียนรู้ได้ยากขึ้น เข้าทำ�นองไม้อ่อนดัดง่าย ไม้ แก่ดัดยาก นั่นเอง การที่ลูกได้เรียนรู้ภาษาไทย อ่าน ออก เขียนได้ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วไม่ได้นำ�มาใช้ เนื่องจากต้องเรียนวิชา ต่างๆในโรงเรียนเพิ่มมากขึ้น มีกิจกรรมต้องทำ�มากขึ้น ทำ�ให้ไม่สามารถเรียน อ่าน เขียน ภาษาไทยระดับสูงขึ้น ต้องหยุดพักการเรียนภาษาไทย นั้นไม่ได้หมายความว่า การเรียนรูภ้ าษาไทยทีผ่ า่ นมาจะไม่มปี ระโยชน์ แต่ตรงกัน ข้าม สิ่งที่เด็กได้เรียนรู้นั้น สามารถนำ�มาต่อยอดได้ เมื่อ เขาโตขึ้น และต้องการเรียนรู้ภาษาแม่ต่อไป เมื่อเปรียบ เทียบกับผู้ที่ไม่เคยเรียนรู้ภาษาไทยมาก่อนเลย โอกาส ด้านอาชีพ การทำ�งาน ของผู้ที่รู้หลายภาษา ย่อมจะมี โอกาสดีกว่าผู้ที่ไม่รู้ภาษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์และในยุโรปหลายประเทศมีการลงทุน และไปตั้งโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งติดต่อทางด้าน ธุรกิจกับประเทศไทยมากมาย บางคนคงสงสัยว่าการให้เด็กพูดสองภาษาพร้อมๆ กันจะทำ�ให้เด็กสับสน แต่การวิจยั หลายชิน้ ยืนยันว่า เด็ก ที่พูดได้สองภาษาตั้งแต่เล็กๆ นอกจากจะไม่สับสนแล้ว ยังจะเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้เร็ว และมีทักษะในการแก้

ปัญหาได้ดีกว่า ศ.เอลเลน ไบลี่สต็อค ศาสตราจารย์ด้าน จิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยยอร์ค จากแคนาดา ผู้ศึกษา ด้านพัฒนาการทางภาษาในเด็กหลายร้อยคนมามากกว่า 20 ปี เชื่อว่าการใช้สองภาษาควบกันจะฝึกเด็กรู้จักลำ�ดับ ความสนใจ เพราะเขาจะต้องหยุดอีกภาษาหนึ่งไว้ขณะที่ กำ�ลังใช้อีกภาษาหนึ่ง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า เมื่อ เด็กสองภาษา และหนึง่ ภาษาถูกขอร้องให้แก้ปญ ั หาอย่าง ใดอย่างหนึ่งซึ่งเกิดจากเนื้อหาที่ทำ�ให้เข้าใจผิด จะเห็นว่า เด็กที่พูดสองภาษามีลำ�ดับในการคิดแก้ปัญหาที่ดีกว่า และสามารถมองเห็นเนือ้ หาทีท่ �ำ ให้เข้าใจผิดนัน้ ความคิด ของพวกเขาจะก้าวหน้ากว่าเด็กทีพ่ ดู ภาษาเดียวอย่างน้อย 1 ปี สิ่งที่ตามมาคือทำ�ให้เด็กกลุ่มนี้มีความเป็นผู้นำ� และ เชื่อมั่นในตัวเองเมื่ออยู่ท่ามกลางเด็กคนอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีทักษะในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ซึ่งมักจะพบว่าเด็กกลุ่ม นี้สามารถทำ�คะแนนวิชาอื่นที่โรงเรียนได้ดีอีกด้วย ดังนั้นการที่พ่อแม่ชาวไทยที่มาตั้งรกรากอยู่ในต่าง ประเทศ สนับสนุนให้ลกู หลานได้เรียนรูภ้ าษาไทย ซึง่ เป็น ภาษาแม่ เป็นการเสริมสร้างโอกาสให้แก่บุตรหลานของ คุณนำ�ไปใช้ในการพัฒนาด้านวิชาชีพ ให้มคี วามมัน่ คงทัง้ ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ มีโอกาสดีกว่าผูท้ ไี่ ม่มโี อกาส ได้เรียนรู้ภาษาไทย และทั้งภาษาไทยยังเป็นเอกลักษณ์ ประจำ�ชาติไทย เป็นสื่อที่แสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ด้านวัฒนธรรมและประเพณี ภาษาไทยจึงเป็นสมบัติของ พวกเราชาวไทยทุกคนที่ควรค่าต่อการเรียนรู้ ที่พวกเรา ต้องช่วยกันอนุรักษณ์และสืบสานให้คงอยู่ตลอดไป ข้อมูลจากนิตยสาร Healthtoday

25


ว.วชิรเมธี

คู่แท้

หลายปีมานีม้ นี กั จิตวิทยาชาวตะวันตกหลายคนหันมาศึกษาพระพุทธ ศาสนาเชิงลึก โดยเฉพาะอย่างยิง่ เรือ่ ง “การกลับชาติมาเกิด” หนังสือหลาย เล่มของนักวิทยาศาสตร์ สายจิตวิเคราะห์เหล่านี้ขายดีเป็นเทน้ำ�เทท่า งาน เชิงวิเคราะห์นตี้ อ้ งผ่านกระบวนการศึกษาอ้างอิงเป็นเวลากว่าสิบปีจงึ นำ�ออก มาเผยแพร่สสู่ าธาณชนได้ ปลุกกระแสความสนใจให้คนในโลกตะวันตกหัน มาศึกษาเรื่องจิตวิญญาณกันยกใหญ่ การกลับชาติมาเกิดมีการเอ่ยถึงคำ�ว่า “Soul mate” ไว้เป็นที่เข้าใจ ได้กว้างขวางทั่วกันว่าหมายถึง”คู่แท้” นั่นเอง อันที่จริงในการเลือกคู่ครอง ใครๆก็ต้องการพบคู่แท้ทั้งนั้น แต่โดย มากมักไม่สมหวัง พลาดพลั้งไปเจอคู่แบบอื่นใน 4 ประเภทนี้ 1. คู่สร้างคู่สม 2. คู่ชื่นชมคู่ระกำ� 3. คู่ศีลธรรมคู่ความดี 4. คู่ถูกหน้าที่ต่อกัน

26


คู่แท้นั้นพอจะอนุโลมจัดเข้าอยู่ในประเภทที่หนึ่ง คือ คู่สร้างคู่สมได้ จากการค้นคว้าของนักจิตวิทยาชั้นนำ�ชาวตะวัน ตก โดยให้ผู้เข้าร่วมศึกษาวิจัยทำ�การย้อนระลึกชาติไป ไกลกว่าร้อยชาติ ได้ข้อสรุปว่า คนเรามักมี “คู่แท้” ที่ เคยครองอยู่ด้วยกันมาแต่ชาติปางก่อนหลายต่อหลาย ชาติ และหากมีโอกาสก็ยงั คงเวียนว่ายตายเกิดมาพบกัน อยู่เสมอ ทฤษฎีคู่แท้ของโลกตะวันตกนี้มีกล่าวถึงบ้าง ในพุทธศาสนา และไม่ใช่เพียงแค่กล่าวถึงเท่านั้น ยัง แสดงวิธีการที่จะทำ�ให้คนสองคนอยู่เป็นคู่แท้กันไปทุก ภพทุกชาติด้วย พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่คนสองคนจะรักกันได้ นั้น เพราะมีสาเหตุ 2 ประการ (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือ ทั้งสองอย่างประกอบกัน) คือ 1. เคยเป็นคู่แท้กันมาแต่ปางก่อน 2. เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ข้อแรกเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะคนที่เคยเป็นคู่แท้ กันมาก่อนสายสัมพันธ์เดิมดีอยูแ่ ล้ว เจอกันเมือ่ ไรก็เกิด อาการ”ปิง๊ ”ทันที บางคูเ่ คยผ่านชีวติ สมรสกับคูเ่ ทียมของ ตัวเองมาแล้วทัง้ สองฝ่าย พอมาเจอกันเมือ่ ตะวันชิงพลบ ก็ยังคงรักกันได้อย่างสนิทใจและดูดดื่มเหมือนเป็นรัก แรกพบ บางคนรู้ทั้งรู้ว่าไม่อยู่ในฐานะจะรักกันได้ แต่ อาศัยสายสัมพันธ์เก่าอันยาวนานแต่ปางก่อนคอยเป็น เชื้อชนวนอยู่ เห็นทีไรหัวใจยังสั่นวูบวาบ หวั่นไหว เมื่อ อยู่ด้วยกันไม่ได้ขอเป็น “กิ๊ก” ทางใจก็ยังดี อิทธิพลของคูแ่ ท้นนั้ หมายรวมถึงคนทีเ่ ป็นพ่อ แม่ ลูก พี่น้อง เพื่อนฝูง กันมาแต่ปางก่อนด้วย ฝรั่งบาง คนมาเทีย่ วเมืองไทยไปเจอเด็กสลัมแล้วถูกชะตา พาไป เลีย้ งดูสง่ เสียให้เรียนจนจบ มีงานมีการทำ�กลายเป็นสาว ไฮโซอเมริกันไปเลย หรือคนบางคนรู้สึกดีกับคนที่ไม่ เคยรูจ้ กั เพียงเห็นหน้าครัง้ แรกก็อยากช่วยเหลือเกือ้ กูล

เขาตลอดไป โดยไม่สนใจในเรื่องบุญคุณ พฤติกรรม อย่างนี้ (บางทีเท่านั้นไม่ใช่ทุกคน) เป็นเพราะอิทธิพล ของการเป็นคู่แท้กันมาแต่ปางก่อนนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่สองในกรณีที่คนทั้งคูไ่ ม่ได้เป็นคูแ่ ท้ กันมาก่อน เพิ่งมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เอาในภพนี้ มูล เหตุที่ทำ�ให้คนสองคนรักกันได้ คือ การที่ต่างฝ่ายต่าง เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เช่นทั้งคู่เคยทำ�งาน ที่เดียวกัน ประทับใจในฝีไม้ลายมือหรือสติปัญญาของ กันและกัน เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมฝ่าวิกฤติแห่งชีวิต และงานด้วยกันอย่างทรหดจนเกิดความเห็นอกเห็นใจ แล้วพัฒนากลายเป็นความรักแท้และอาจเป็นคูแ่ ท้ตอ่ ไป ในอนาคต ใครที่ได้แต่งงานกับคู่แท้ ถึงแม้ลำ�บากแค่ไหน สุดท้ายก็ยงั คงอยูด่ ว้ ยกันไปจนแก่เฒ่า แต่ถา้ ได้แต่งงาน กับคู่ไม่แท้ คือจากเดิมเมื่อแรกพบเคยคิดว่า เขาเป็น โซลเมท เพราะตอนนั้นกำ�ลังอยู่ในช่วยโปรโมชั่น น้อง ต้องการอะไรพีย่ นิ ดีจดั ให้ทกุ อย่าง แต่พอหลังโปรโมชัน่ อาจถูกลดสถานภาพกลายเป็นแค่รูมเมท ก็คงต้องหัด ทำ�ใจให้ชาชิน หรือมิเช่นนั้นก็ก้าวหน้าไปฝึกดูใจ (ฝึก วิปัสสนากรรมฐาน) ให้อยู่เหนือความรักกันไปเลย แต่ ถ้าไม่เข็ดหลาบถึงขัน้ นัน้ ควรหาวิธเี รียนรูท้ จี่ ะอยูด่ ว้ ยกัน สุขทุกข์อย่างไรถือเสียว่าลิ้นกับฟันกระทบกันเป็นเรื่อง ธรรมดา ถ้าหากพยายามแล้วแต่ไม่อาจอยูด่ ว้ ยกันได้อกี ต่อไป คงต้องหาทางลี้ภัยให้ตัวเองอย่างนิ่มนวล โดย ไม่จำ�เป็นต้อง “แฉ” ให้สังคมรับรู้ เพราะ “กินในที่ลับ ไขในที่แจ้ง” โบราณถือ คัดจาก ธรรมะทอรัก สำ�นักพิมพ์อมรินทร์

27


ะ า ร เ ว ั ห า ่ ท ก า จ น อ่านค 28


หัวเราะปากกว้าง

มาสังเกตท่าหัวเราะของใครสักคน ถ้าเขาอ้าปาก กว้างและปล่อยก๊ากอย่างเต็มที่ขณะหัวเราะ พร้อมทั้ง ส่งเสียงดังเต็มที่แสดงว่าคนผู้นั้นเป็นคนที่ไม่มีลับลม คมในกับใคร เป็นคนที่มีน้ำ�จิตน้ำ�ใจกว้างขวาง ชอบ สนุก ชอบพูดคุยสังสรรค์ ขี้หลงขี้ลืม แต่ก็มีความ เป็นระบบระเบียบกับชีวิตตัวเองเหมือนกัน และมี รสนิยมในการเลือกที่จะสนใจเพศตรงข้ามที่ค่อนข้างดู ดี ดูเด่นกว่าใครๆ

หัวเราะเอามือปิดปาก

ท่านใดก็ตามที่ชอบยกมือปิดปากไว้ด้วยขณะ เมื่อหัวเราะสนุกสนาน แสดงว่าเจ้าของท่าทีเช่นนี้เป็น คนมีความเกรงอกเกรงใจคนอื่นเสมอ คือเป็นคนแคร์ ความรู้สึกของผู้อื่น เป็นคนที่มีความเป็นมิตรไมตรีสูง และต้องการให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรหรือพึงพอใจตนตอบ ด้วย นอกจากนี้ยังเป็นคนช่างคิดและมีชั้นเชิงมี เล่ห์เหลี่ยมพอควร

หัวเราะง่าย

หัวเราะหมือนม้า

เสียงหัวเราะที่ค่อนข้างแหลม และต่อเนื่องในลำ� คอ บ่งบอกถึงความเป็นคนรักสนุก ชอบให้คนสนใจ ชอบความโดดเด่น ภายในใจมีความกดดันและเก็บ กดจากความทุกข์ที่มักซ่อนเร้นเอาไว้เสมอ

หัวเราะเหมือนยิ้ม

คนที่หัวเราะน้อยๆ ไม่ค่อยอ้าปาก ไม่ค่อยส่ง เสียงจนดูคล้ายกับแค่อาการยิ้มๆเท่านั้น ส่วนใหญ่ แล้วเป็นคนที่มีความเขินอาย มักขาดความมั่นใจใน ตนเอง และไม่อยากจะเปิดเผยตัวออกมามากนัก เป็น คนไม่มีพิษภัย เพียงแต่ไม่ใช่คนสดใสเริงร่านัก และ ไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับใครอย่างชิดใกล้เป็นกันเองนัก

หัวเราะลั่น

คนที่รู้สึกขำ�แล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดัง คนที่มักจะมีท่าทีหัวเราะง่ายๆ คือหัวเราะได้ บ่อยหรือหัวเราะได้เสมอนั้น แสดงว่าเป็นคนที่มีจิตใจ ลั่นนั้น เป็นคนที่นิสัยเหมือนเด็กๆ ไร้เดียงสา มีความ ดี มองโลกในแง่ดี มีความสดชื่นร่าเริงเสมอ มีความ จริงใจเสมอ และเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง เป็นตัวของตัวเองสูง และมักมีรสนิยมในการชอบเพศ ตรงข้ามที่แปลกแยกแตกต่างไปจากคนทั่วไป ที่มา อ่านคนจากกิริยาท่าทางของ เกรียงชัย เหรียญวิริยะกุล สำ�นักพิมพ์ไพลิน 29


พิมพ์วดีสื่อวิญญาณ

เรื่องจริง...จากปากของนายแพทย์อาจินต์ บุญญเกตุ

ด้วยความสนใจพยาบาลหัวหน้าตึกได้ไปค้น ประวัติของผู้ป่วยในตึกนี้ ในปี พ.ศ. 2502-2503 ค้น อยู่นานเพราะไม่ทราบชื่อผู้ป่วย และในที่สุดก็ค้นพบ ว่า... ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งป่วยและถึงแก่กรรมด้วย โรคอ้วนในห้องนี้จริง ความประหลาดใจในหมู่คนที่รู้เรื่องก็ชักจะกลาย เป็นความเชื่อขึ้นมาทีละน้อยๆ แต่พยาบาลที่เฝ้าเธอ บอกว่า เด็กที่มาหาคุณหมอที่บอกว่าเป็นลูกในชาติ ก่อนเมื่อคืนนี้มาบอกว่าจะถูกผ่าตัดเช้าวันนี้ พอรุ่งขึ้น เช้าอาจารย์อุดมก็มาเอาตัวไปจริงๆ ...แปลกนะเธอ ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อ... พยาบาลสาวพึมพำ�กันทั้งตึก และจาก ตึกนี้ไปตึกโน้น ไปจนทั่วโรงพยาบาลโดยไม่กี่วัน 30

อาจารย์หมออุดมท่านเคยรักษาโรคนี้ให้ผมมา สองสามครั้งแล้ว โดยฉีดยาเข้าไปในกะโหลกศีรษะ หมายจะให้ยาไปทำ�ลายประสาทส่วนที่ปวดแต่ไม่ได้ผล มันเหมือนกับตีงูให้หลังหัก โรคก็อาละวาดใหญ่ ที่ ฉีดยาเข้าไปในศีรษะนี้ประมาณ 4 ครั้งในสองปี เมื่อ ฉีดยาไม่ได้ผลท่านก็เลยผ่าลงไปในสมอง ตัดปม ประสาทเสียเลย โดยเจาะกะโหลกศีรษะด้านขวาขึ้นมา หน่อย คงจะเหมือนกับชาติก่อนที่ไปบีบขมับเขาตามที่ แม่หนูบอก เจาะแล้วเอากระดูกกะโหลกออกมา ขนาด ราวๆเหรียญสองสลึง ทำ�ให้มีรูเกิดขึ้น จากนั้นก็เอามีด เอากรรไกรเข้าไปตัดเส้นประสาทที่ห้า แต่อาจารย์ท่าน ว่าการผ่าตัดทำ�ได้ด้วยความยากลำ�บากมาก เพราะ


เรื้อรังมานาน ประกอบกับได้รับการฉีดแอลกอฮอล์ เข้าไปหลายหน มันก็เกิดพังผืดขึ้น ผลการผ่าตัดไม่ ค่อยน่าพอใจเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าคงได้ผลมิน้อย การผ่าตัดประสาทสมองนี้กินเวลาราวๆ สี่ชั่วโมง เพราะความยากลำ�บากดังกล่าว พอราวๆ เที่ยงเขาก็ เข็นรถกลับมาที่เดิม ที่ในห้องผมมีแม่ผม ภรรยา พ่อตา แม่ยาย ซึ่งทั้งสองท่านนี้มีศักดิ์เป็นลุงเป็นป้า ผมด้วย ทุกคนคิดว่าผมคงตายไปแล้ว เพราะนาน เหลือเกินระหว่างที่คอยรอรับผมที่ห้อง ภรรยาและ พยาบาลได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกท่านฟัง ต่างก็รับฟัง โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ ค่ำ�วันนั้นก็เกิดอาการปวดขึ้นมาอีก ทีนี้ปวดสอง อย่าง คือปวดเจ็บในสมองที่ผ่าปวดแผล มิหนำ�ซ้ำ�โรค ปวดเดิมก็ไม่ทุเลา ทำ�ให้เกิดทุกข์ทรมานมากกว่าเก่า มือทั้งสองก็กุมที่แผล กุมศีรษะ ร้องปวดดิ้นไป และ แล้วก็นึกขึ้นได้... “หนู... ช่วยพ่อด้วย” ผมตะโกนออกมาดัง ในห้องนั้นมีญาติพี่น้องมา เยี่ยมกันมากมาย ต่างก็ได้รับฟังเรื่องราวโดยละเอียด ต่างก็สงบ มีแต่ผมผู้เดียวทุรนทุรายอยู่บนเตียง... ชั่ว อึดใจเดียวก็ปรากฏร่างของเด็กหญิงที่เคยบอกว่าเป็น ลูกผมเมื่อชาติก่อนมานั่งอยู่ข้างเตียง ผมจึงถามว่า “มาแล้วหรือลูก ช่วยพ่อที ตอนนี้ปวดเหลือจะ ทนแล้ว” แม่หนูก็เอามือมาวางที่ศีรษะแล้วพูดว่า “เดี๋ยวจะทุเลา” ก็เป็นจริงดังว่าอาการปวดทุเลา พยาบาลซึ่งถือ เข็มฉีดยามาก็เลยไม่ต้องฉีด คุณใบก็ช่วยยกเก้าอี้มา ให้แขกที่แลไม่เห็นนั่งอย่างเคย... แม่หนูก็นั่งข้างเตียงเอามือเท้าคางตามเดิม ผมก็

ถามว่า “หนูอ้วนไปไหนล่ะ” เธอตอบว่า “วันนี้ไม่ได้มา” ทุกคนในห้องฟังผมคุยกับแม่ หนู ผมถามต่อไปว่า “หนูชื่ออะไรจ๊ะ” เธอตอบว่า “ก่อนที่จะตายนี้หนูชื่อพิมพ์วดี” “หนูเป็นอะไรตาย?” “หนูเป็นไข้เลือดออกตายค่ะ” “ตายที่นี่หรือ?” “ตายที่ตึกเด็กค่ะ” “ตายเมื่อไหร่จ๊ะ?” “ตายเมื่อปี 2502 ค่ะ” “หนูมีพี่น้องกี่คนจ๊ะ?” “มีสามคนค่ะ” “ผู้หญิงผู้ชายกี่คน?” “หนูเป็นผู้หญิงคนเดียว” “พ่อแม่คงจะเสียใจมากที่หนูตายไป?” “พ่อแม่เสียใจมากเพราะหนูเป็นลูกผู้หญิงคน เดียว พ่อสร้างศาลาอุทิศส่วนกุศลให้หนูที่วัดมกุฏฯเอา ชื่อหนูไปตั้ง ศาลานี้มีรูปหนูและมีคำ�จารึก มีกระดูกที่ เผาแล้วของหนูฝังอยู่ในนี้ด้วยค่ะ... พ่อดีขึ้นแล้ว หนู ลาไปก่อน แล้วจะมาหาพ่ออีกค่ะ” คำ�พูดทุกคำ�ระหว่างแม่หนู่พิมพ์วดีกับผม ทุก คนในห้องได้ยินได้ฟัง และฟังอย่างตั้งอกตั้งใจจริงๆ พยาบาลฉีดยาให้ผมอีก และผมก็หลับไปจนเช้าโดย ไม่มีอาการปวดรุนแรงมารบกวนอีกเลยในคืนนั้น เหมือนกับผมยังไม่สิ้นเวรกรรม อาการของโรค ที่สงบไปในคืนหนึ่งนั้น พอรุ่งขึ้นเช้ามาก็เอาอีก ปวด อีก ทุรนทุรายร้องครวญครางอีก อาจารย์ท่านมาดูทุก 31


เช้าทุกวัน สังเกตการณ์ รักษาทุกวัน เช้าสบาย สาย หนูพิมพ์ก็มา ผมก็ถามว่า ปวด กลางวันสบาย บ่ายปวดดิ้น หรือพอตอนเย็น “ผ่าตัดแล้วทำ�ไมยังไม่หายอีก” หนูพิมพ์ตอบว่า สบายชื่นฉ่ำ� พอค่ำ�ก็ร้องครวญคราง เป็นอยู่อย่างนี้อีก “ยังไม่หาย ยังไม่หมดเวรหมดกรรมที่ทำ�ไว้” สามหรือสี่วัน ทุกครั้งที่ปวดผมจะนึกถึงหนูพิมพ์วดี “แล้วเมือ่ ไรจะหาย?” เธอตอบว่า ทันที ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ถ้าเป็นกลางวันก็จะ “ก็ราวๆอีกสี่ปี พ.ศ. 2508 นั่นแหละ” ผมก็ถา ได้ยินเสียงพูดว่า “พ่อ... หนูมาแล้ว” แล้วเธอก็เอามือ มดังๆต่อไปว่า มาช่วยกุมที่ปวดจนผมทุเลา คำ�พูดที่ผมพูดก็คือ “มา “แล้วจะทำ�อย่างไรต่อไป” เธอตอบว่า แล้วหรือลูก...” ทุกๆคนที่มาเยี่ยมผมหรือมาอยู่ในห้อง “พรุ่งนี้แปดโมงเช้าหมอจะเอาตัวไปผ่าตัดอีก จะ จะเงียบสงบคอยฟังคำ�พูดของผม ที่พูดกับวิญญาณ ต้องผ่าอีกสองครั้ง รวมเป็นสี่ครั้งในคราวนี้...” ในเรือนร่างของหนูพิมพ์อย่างใจจดใจจ่อเหมือนนัดกัน (อ่านต่อฉบับหน้า) ไว้ ในเย็นวันนั้นเย็นมากแล้ว ฯพณฯ ทวี บุณย เกตุ ซึ่งเป็นพี่ชายของผม ท่านได้ไปเยี่ยมพร้อมบุตร ชายของท่านชื่อ คุณวีระวัฒน์ บุณยเกตุหรือที่ญาติ เรียกชื่อเล่นว่า “บู๊” เป็นคนขับรถพี่ชายผมไปที่ศิริราช และพี่ชายผมท่านถึงแก่อนิจกรรมไปแล้วจะเหลือก็คุณ วีระวัฒน์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ดำ�รงตำ�แหน่งเป็นรองอธิบดีกรม ส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม คุณทวี เป็นประจักษ์พยานอีกท่านหนึ่ง โดยในขณะนั้นอาการ ปวดของผมกำ�เริบปวดมากขึ้นมากๆ ผมนอนร้องเรียก หนูพิมพ์ให้มาช่วย คุณทวีก็ทราบเรื่องอยู่บ้างแล้วจาก คำ�บอกเล่าของญาติๆ ท่านก็เลยนั่งอยู่ ซึ่งปกติท่านไป เยี่ยมบ่อยมากแต่ไปนั่งไม่นาน เพราะท่านทนความ สงสารในความทุกข์ทรมานของผมไม่ไหว เย็นนั้นท่าน นั่งอยู่นานหน่อย พอดีผมปวดมากและร้องเรียกหาหนู พิมพ์ว่า “ลูก... มาช่วยพ่อที” คุณทวีทราบเรื่องนั้นจากญาติพี่น้องหลายครั้ง แล้ว ครั้งนี้ท่านมาเห็นพอดี คือพอผมเรียกหนูพิมพ์ 32


กฏหมายน่ารู้สำ�หรับคนไทยที่สมรสกับคนต่างชาติ ทรัพย์ส่วนตัว กับ สินส่วนตัว ต่างกันอย่างไร? คำ�ว่า “ทรัพย์” หมายความว่า วัตถุมีรูปร่าง ส่วนคำ�ว่า “ทรัพย์สิน” หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มี รูปร่างซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้ นับแต่สามีภรรยาได้จดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยกฎหมาย คูส่ มรสได้ทรัพย์สนิ มาถือว่าเป็นสินสมรส เมือ่ มีการจดทะเบียนหย่า ตาย หรือว่าการสมรสได้สิ้นสุดลง คู่สมรสอีกฝ่ายขอแบ่งสินสมรสได้ สินส่วนตัวได้แก่ทรัพย์สิน 1. ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส 2. ที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับกายตามแก่ฐานะ หรือเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ อาจจำ�เป็นในการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 3. ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรส โดยการรับมรดก หรือการให้โดยเสน่หา ไม่ต้องระบุเป็นสินส่วน ตัวก็มีผลเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวตามกฎหมาย 4. ของหมั้นที่ชายหมั้นหญิง สินส่วนตัวนัน้ ถ้าได้แลกเปลีย่ นเป็นทรัพย์สนิ อืน่ ก็ดี นำ�เงินส่วนตัวไปซือ้ ทรัพย์สนิ อืน่ มาก็ดี หรือขายได้เป็น เงินมาก็ดี ทรัพย์สินอื่นหรือเงินที่ได้มานั้นก็เป็นสินส่วนตัว เช่น นำ�เงินส่วนตัวไปซื้อที่ดิน รถ ทรัพย์สินที่ได้มา ถือว่าเป็นสินส่วนตัว ขายที่ดินได้เงินมา เงินนั้นเป็นสินส่วนตัว แต่ดอกผลของสินส่วนตัว เช่น ดอกเบี้ย ค่าเช่า ที่ดิน ฯลฯ ถือเป็นสินสมรส เพราะเป็นการได้ทรัพย์สินมาระหว่างสมรส สินส่วนตัวของ คู่สมรสฝ่ายใด ให้ฝ่าย นั้นเป็นผู้จัดการ ส่วนที่เรียกแตกต่างกันระหว่างคำ�ว่า “ทรัพย์ส่วนตัว” กับ “สินส่วนตัว” นั้น เป็นถ้อยคำ�ที่กรมที่ดินใช้แยก ความแตกต่างระหว่างคนไทยที่สมรสกับคนต่างชาติโดยชอบด้วยกฎหมายกับที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย หากเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคนไทยที่สมรสโดยชอบด้วยกฏหมายแล้ว ก็จะใช้คำ�ว่า “สินส่วนตัว” ซึ่งเป็น ถ้อยคำ�ในกฎหมาย เรียกทรัพย์สนิ ระหว่างสามีภริยา แบ่งกันระหว่าง “สินสมรส” กับ “สินส่วนตัว” แต่ถ้าเป็นการ สมรสที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะเรียกทรัพย์สินส่วนตัวของคนไทยดังกล่าวว่า “ทรัพย์ส่วนตัว” เพื่อมิให้เกิด สับสนเท่านั้นเอง ที่มา: สำ�นักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ สำ�นักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำ�นักงานอัยการสูงสุด 33



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.