Fette vol.06

Page 1

Vol. 6



สวัสดีค่ะ

อ ศรีจันทร์ ศรีจรูญ แ

นเดอร์สัน

ช่วงนี้ก็มาถึงเวลาที่ปีนี้จะลาจากไปแล้วนะคะ ในปีหน้าย่อมมี สิ่งแปลกๆใหม่ๆเข้ามาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามกฎเกณฑ์แห่งชีวิต สำ�หรับสมาพันธ์ฯของเราคณะกรรมการบริหารก็อยู่ครบสองปีตาม กำ�หนดวาระ ย่อมจะต้องเปลี่ยนไปตามระเบียบข้อบังคับทั้งคณะ ยกเว้นท่านประธานของเรา คุณสุพรรณี บุญถูก ที่จะเปลี่ยนตำ�แหน่ง เป็นกรรมการบริหารพิเศษ มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดสำ�หรับคณะ กรรมการบริหารชุดใหม่ คณะกรรมการบริหารชุดใหม่จะต้องได้รับเลือกตั้งจากเสียงข้าง มากของสมาชิกในการประชุมสามัญประจำ�ปี 2013 ที่จะถูกจัดขึ้นที่ เมืองโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก ตั้งแต่วันที่ 10-11 พฤษภาคม 2013 หรืออาจจะลงคะแนนเสียงทางอีเมล์ส�ำ หรับสมาชิกทีไ่ ม่สามารถ มาร่วมประชุมได้ ประธานคนต่อไปนั้นคือผู้ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุม โดยผู้ลง สมัครจะต้องเป็นสมาชิกจากประเทศเดนมาร์ก ตามระเบียบข้อบังคับ ของสมาพันธ์ฯที่ต้องเลือกประธานจากประเทศที่เรียงกันไปตามตัว อักษรภาษาอังกฤษ หวังว่าพวกเราคงจะมาประชุมพร้อมเพรียงกันนะคะ เพราะ นอกจากจะมาช่วยกันเลือกกรรมการบริหารแล้ว เรายังได้มาพบปะ กันแค่ปีละไม่กี่วัน มาเข้าร่วมทำ� ‘เวิร์คช็อป’ ต่างๆที่จะมีบรรดาคุณครู ผู้มีคุณวุฒิหลายท่านจากเมืองไทยมาร่วมให้ความรู้แก่ท่านเกี่ยวกับ เรื่องการสอนภาษาไทยและการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย สำ�หรับปีใหม่ที่จะมาถึง ทางสมาพันธ์ฯขอส่งความปรารถนาดี มายังสมาชิกทุกท่านค่ะ ศรีจันทร์ ศรีจรูญ แอนเดอร์สัน บรรณาธิการ ธันวาคม 2012

i

ติดต่อสมาพันธ์ฯได้ที่ www.fottethaieuro.com ail.com fettesecretariat@googlem

3


สวัสดีค่ะสมาชิกสมาพันธ์ฯและท่านผู้อ่านทุกท่าน FETTE VOL. 6 ฉบับนี้เป็นฉบับสิ้นปี 2555 แล้วนะคะ สมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยใน ยุโรปได้ก่อร่างสร้างเป็นองค์กรมาเข้ามาเป็นปีที่ 3 ในปีหน้า 2556 นี้แล้วนะคะ การร่วมมือร่วมใจในการทำ�งานร่วมกันของกรรมการบริหาร และกรรมการฝ่ายวิชาการได้รว่ มกันปฏิรปู องค์กรให้มีกฎระเบียบแบบแผน เพื่อความเข้มแข็งและความมั่นคงในการปฏิบัติงานร่วมกันจึงเป็นเรื่อง สำ�คัญ สมาชิกสมาพันธ์ฯจะได้รับทราบพร้อมกัน ในการประชุมสามัญประจำ�ปี 2556 เดือนพฤษภาคม ที่ กรุงโฮเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ขณะนี้มีสมาชิกหลายโรงเรียน ต้องการหนังสือสวัสดี ตั้งแต่เล่ม 1-6 เป็นจำ�นวนมาก และบางโรงเรียน ก็ตอ้ งการด่วนเพือ่ ให้ได้ใช้ทนั การเปิดโรงเรียน แต่เนือ่ งจากหนังสือพิมพ์ทีเ่ มืองไทย และสถานทีจ่ ดั เก็บรักษา ก็อยู่ที่เมืองไทย ทางสมาพันธ์ฯจึงได้กำ�หนดระเบียบในการขอเบิกหนังสือสวัสดี ซึ่งมีดังต่อไปนี้ 1) ต้องเป็นสมาชิกสมาพันธ์ฯ โดยจ่ายค่าสมัครสมาชิกตามสถานะ เช่น โรงเรียน, บุคคลหรือสมาคม เป็นต้น 2) การเบิกจ่ายจำ�นวนหนังสือขึ้นอยู่กับสถานภาพของผู้สมัคร ซึ่งรายละเอียดเรื่องนี้ จะแจ้งให้สมาขิก ทราบทางเมลที่ขอมา อนึ่ง ทางสมาพันธ์ฯ ขอแจ้งให้สมาชิกที่ต้องการการสนับสนุนจากสมาพันธ์ฯ เช่น เรื่องการอบรมครู อาสา หรือ การให้การสนับสนุนทางด้านสื่อการเรียนการสอนทางเทคโนโลยี กรุณาแจ้งให้กรรมการบริหาร ทราบล่วงหน้ามาก่อน 3 เดือนในการเตรียมการและร่วมมือกันเพือ่ ประโยชน์สงู สุดแก่สมาชิกสมาพันธ์ฯทุกๆ ประเทศ จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง สุดท้ายนี้ ขออาราธนาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกอำ�นวยอวยพรให้สมาชิก สมาพันธ์ฯ และผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกายสุขใจในเทศกาล Christmas และปีใหม่ที่กำ�ลังจะมาถึงนี้โดย ถ้วนหน้าทุกๆท่านนะคะ ด้วยความปรารถนาดี สุพรรณี บุญถูก ประธานสมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป

4


ประกาศ ประกาศ ประกาศ ประกาศ ประกาศ กรรมการบริหารของสมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป จะครบวาระการบริงานใน การประชุมสามัญประจำ�ปี 2013 ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองโคเปนฮาเกนประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวันที่10-12 พฤษภาคม 2013 ทางสมาพันธ์ฯขอประกาศรับสมัคร สมาชิก ผู้สนใจที่จะเข้ามาร่วมบริหารสมาพันธ์ฯตามตำ�แหน่ง และคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ตำ�แหน่ง ประธานสมาพันธ์ฯ คุณสมบัติ 1. เป็นสมาชิกจากประเทศเดนมาร์ก 2. เป็นสมาชิกขององค์กรที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฯ มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. เป็นตัวแทนสมาพันธ์ฯ ติดต่อกับบุคคลภายนอก 2. เป็นประธานในการประชุมและการจัดกิจกรรมต่างๆของสมาพันธ์ฯ 3. ออก-รับ จดหมายต่างๆในฐานะตัวแทนสมาพันธ์ฯ 4. เขียนสรุปข่าวกิจกรรมของสมาพันธ์ฯทุก 3 เดือน ประกาศให้สมาชิกทราบโดยลงในนิตยสาร เวบไซท์ ของสมาพันธ์ฯ และส่งให้กรรมการประเทศ เพื่อประสานส่งต่อให้สมาชิกทั่วไป ตำ�แหน่ง รองประธาน คุณสมบัติ 1. เป็นสมาชิกขององค์กรที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฯ 2. เป็นที่รู้จักกว้างขวางในหมู่สมาชิกจากประเทศต่างๆ มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. ทำ�หน้าที่แทนประธาน หากประธานไม่ว่าง ป่วย หรือไปร่วมไม่ได้ 2. ดูแลเรื่องทะเบียนสมาชิก รับผิดชอบเรื่องการจัดลงทะเบียนสมาชิก 3. ตอบคำ�ถามสมาชิกเกี่ยวกับกิจของสมาพันธ์ฯ 4. ทำ�งานร่วมกับเหรัญญิกติดตามค่าสมาชิก 5. ทำ�งานร่วมกับกรรมการประเทศ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมาชิก

5


ตำ�แหน่ง กรรมการผู้จัดการ คุณสมบัติ 1. เป็นสมาชิกขององค์กรที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฯ 2. สามารถทำ�งานประชาสัมพันธ์ได้กว้างขวาง 3. มีประสบการณ์ในการจัดทำ�วารสารหรือนิตยสาร 4. มีประสบการณ์ด้านการบริหารองค์กร 5. ระดับการศึกษาไม่น้อยกว่า ปริญญาตรี มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. รับผิดชอบเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ของสมาพันธ์ฯ 2. รับผิดชอบเรื่องการทำ�นิตยสารของสมาพันธ์ฯ 3. วางแผนจัดประชุมและจัดกิจกรรมต่างๆของสมาพันธ์ฯ 4. ทำ�หน้าที่ประสานเรื่องทั่วไปต่างๆในสมาพันธ์ฯ 5. เป็นตัวแทนสมาพันธ์ฯในการจัดโครงการต่างๆกับองค์กรภายนอกเพื่อเผยแพร่สมาพันธ์ ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง 6. รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการต่างๆ ตำ�แหน่ง เหรัญญิก คุณสมบัติ 1. มีประสบการณ์การทำ�บัญชีบริษัทหรือองค์กร 2. ระดับการศึกษาไม่น้อยกว่า ปริญญาตรี มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. ดูแลระบบบัญชี การเงินเข้า ออก ของสมาพันธ์ฯ ทำ�งานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำ�ซึ่งดูแล บัญชีของสมาพันธ์ฯ ทั้งที่ประเทศเบลเยียม และประเทศไทย ซึ่งผู้ดูแลบัญขีทั้งสองที่มี หน้าที่ต้องแจ้งให้เหรัญญิก รับทราบทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวเงินในบัญชี 2. เก็บไฟล์เรื่องเกี่ยวกับการเงินทุกอย่าง 3. ติดตามเรื่องการเรียกเก็บเงินค่าสมาชิก(ทำ�งานร่วมกับรองประธานสมาพันธ์ฯและ คณะกรรมการประเทศ) 4. ติดตามเมื่อมีรายได้เข้ามายังสมาพันธ์ฯจากแหล่งต่างๆ 5. ออกหลักฐานการรับและจ่ายเงินของสมาพันธ์ฯ 6


ตำ�แหน่ง เลขาณุการ คุณสมบัติ 1. มีประสบการณ์การจัดเก็บเอกสาร 2. มีประสบการณ์การจดรายงานการประชุม มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ 1. ออกระเบียบวาระการประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนการประชุมทุกครั้ง 2. จัดการประชุมระหว่างกรรมการบริหาร 3. จดรายงานประชุมทุกครั้ง รับผิดชอบจัดผู้ไปทำ�การแทนหากไม่สามารถไปร่วมประชุมได้ 4. เก็บรายงานการประชุมทั้งหมดทั้งฝ่าย บริหาร และฝ่ายวิชาการ 5. จัดการแนบรายงานการประชุมของครัง้ ก่อนพร้อมวาระการประชุมของการประชุมกรรมการ บริหารครั้งต่อไป ส่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมตรวจดูก่อนเพื่อรับรองรายงานการประชุมถูกต้อง ในที่ประชุม 6. ทำ�สำ�เนาการโต้ตอบทางอีเมล์ในเรื่องต่างๆของกรรมการ 7. รับผิดชอบเปิดอีเมล์ที่ส่งมายังสมาพันธ์ฯ สมาชิกผู้สนใจสมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหารประเภทต่างๆดังกล่าวมา กรุณาติดต่อ สมาพันธ์ฯเพื่อทราบขั้นตอนการสมัครเข้ารับเลือกตั้งที่ this.is.FETTE@gmail.com สมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป

ประกาศ ประกาศ ประกาศ ประกาศ ประกาศ

7


ศ า ง ้ ั ก ต ะ ก อ ื ร ล เ ป มการจัดการ

ร ร ก ุ น อ ะ ณ ค ง ้ ั ต ง ่ แต

เนื่องจากคณะกรรมการบริหารของสมาพันธ์ครูภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยได้ทำ�หน้าที่จนครบ

วาระในเดือนพฤษภาคม 2013 ในการประชุมสามัญประจำ�ปี 2013 ที่กรุงโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก ทางสมาพันธ์ฯจึงจะได้จัดการให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น โดยจัดคณะอนุกรรมการจัดการ เลือกตั้งขึ้นตามรายชื่อดังนี้

1. ศุจิรา วงค์จันทน (แต้ว) sujira2720@gmail.com

(นอร์เวย์) จบปริญญาตริครุศาสตรบัณทิต สาขาการศึกษา จบปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำ�แหง เคยเป็นข้าราชการครู “แต้วเคยมีประสบการณ์เล็กๆน้อยๆในการได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะ กรรมการเลือกตั้งต่างๆ... เคยเป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง การเลือกตั้งต่างๆใน ท้องถิ่นสมัยรับราชการครู”

2. มัทนา เคสเตอร์ (น้ำ�) matanakester@hotmail.com

(เนเธอแลนด์) จบ ป.ตรี คณะรัฐศาสตร์ (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ จบ ป.โท 1 ด้าน International Social Development จาก U.of New South Wales, Sydney, Australia จบ ป.โท 2 ด้าน Migration studies จาก U. Utrecht Netherlands “น้ำ�ไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นกรรมการเลือกตั้งเลยค่ะ ..เรียนรัฐศาสตร์มา ก็ยังคงพอจะพอมีความรู้ในหลักการและทฤษฎีอยู่บ้าง”

8


3. ดวงฤทัย เร็วการ (แอน) areokarn@yahoo.com (สเปน) การศึกษา ปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส (วรรณคดี) ไมเนอร์บริหารธุรกิจ ประกาศณียบัตรชั้นสูงทางด้านการตลาดการท่องเที่ยว Université de Savoie ประเทศฝรั่งเศส “เรื่องเลือกตั้งใหญ่ๆแอนไม่มีประสบการณ์ค่ะ มีแต่สมัยทำ�สภานักเรียนสาธิต ...เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ก่อนที่ จะมาเรียนต่อที่ฝรั่งเศสค่ะ”

4. สาลินี ซัลส์มันน์ (ปุ๋ย) puii15@hotmail.com

(สวิตเซอร์แลนด์) จบ ปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) จบ ปริญญาโท MBA สาขา International Business จาก National University, San Diego, California, USA “ปุ๋ยเองไม่เคยมีประสบการ์ณเกี่ยวกับการเลือกตั้งเลย ...ทำ�งานที่บริษัท Blumental Richter and Sumet Law Office เป็น Personal Assistance of Law Firm Partner”

5. สุวพันธ์ เงินสะอาด (เล็ก) suwaphan.n@hotmail.com

(เดนมาร์ก) คนใจบุญประจำ�เดนมาร์ก ใครต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกเล็ก ถ้าช่วยได้ เล็กไม่เคยปฏิเสธ เต็มใจเสมอ เป็นผู้บุกเบิกเปิดโรงเรียนรักษ์ไทยมาแต่แรก ช่วยเหลืองานสังคมสงเคราะห์ไม่ว่าที่ไหนโดยไม่เกี่ยงงานหนักเบา เล็กเป็นคน ที่ชอบปิดทองหลังพระ หากมีเวลาว่างใครปวดเมื่อยเล็กยังช่วยนวดให้อีก เล็ก เป็นขวัญใจชาวสมาพันธ์ฯ 9


บ อ ต องคนไทยในตา่ งแดน

ถาม

ข ย า ม ห ฎ ั หาก ปญ

อยากทราบสิทธิประโยชน์และสถานะหลังจากแต่งงานกับเกย์ ชาวเดนมาร์ก สวัสดีครับ ผมเป็นคนไทยมีแฟนชาวเดนมาร์ก เรากำ�ลังจะจดทะเบียน เป็น partnership กันที่เดนมาร์กครับ ผมกับแฟนเป็นเกย์ และที่เดนมาร์ก อนุญาตให้จดทะเบียนกันได้ ทีนี้ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของผม หลังจากจดทะเบียนครับ ๑. ผมยังจะได้รับสิทธิต่างๆตามปกติเมื่อผมเดินทางกลับเมืองไทยหรือไม่ ๒. ผมจะถูกยกเลิกหรือถูกบังคับให้สละสัญชาติไทยหรือไม่ ๓. สินทรัพย์ก่อนสมรสและหลังสมรสจะถูกจัดการอย่างไรครับ ๔. กฎหมายการจดทะเบียนที่เดนมาร์กจะบังคับใช้กับผมที่ประเทศไทย ได้หรือไม่ครับ ตอบ ตามที่คุณได้สอบถามมาว่าคุณเป็นคนไทยมีแฟนเป็นชาวเดนมาร์ก และ กำ�ลังจะขอจดทะเบียนเป็น partnership กันที่เดนมาร์ก คุณกับแฟนเป็นเกย์ และที่เดนมาร์กอนุญาตให้จดทะเบียนได้ แต่ทีนี้คุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิ ประโยชน์ของคุณหลังจดทะเบียนกัน 10


ทางสำ�นักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ ประชาชนระหว่างประเทศจึงขอตอบคำ�ถามของ คุณดังต่อไปนี้ 1. คุณจะยังได้สิทธิ*ต่างๆตามปกติเหมือน เดิมเมื่อคุณเดินทางกลับมาประเทศไทย เหตุผล เนื่องจากคู่สมรสเพศเดียวกัน กฎหมายไทยไม่ รับรอง เช่น สมรสถูกต้องตามกฏหมายเดนมาร์ก กฎหมายไทยไม่รับรองการสมรสดังกล่าวว่า สมบูรณ์ตามกฎหมายไทย เพราะประมวลกฎหมาย แพ่งพาณิชย์ มาตรา 1448 บัญญัติว่า การสมรสจะ ทำ�ได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ แล้ว หมายถึงการสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายไทย ต้องสมรสระหว่างชายกับหญิงเท่านั้น กฎหมาย ไทยยังไม่ได้ให้การรับรองสิทธิ*ของบุคคลเพศ เดียวกันในการสมรสกัน ดังนั้นเมื่อกฎหมายไทยไม่ รับรองการสมรสของคู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน ตาม กฎหมายไทยท่านยังคงเป็นชายไทยที่มีสัญชาติ ไทยเหมือนเดิม จึงได้รับสิทธิ์ต่างๆตามปกติเมื่อ เดินทางกลับประเทศไทย 2. คุณจะไม่ถูกยกเลิกหรือถูกบังคับให้สละ สัญชาติไทย ยกเว้นคุณต้องการที่จะสละสัญชาติ ไทยด้วยความสมัครใจ (ดูเหตุผลจากข้อ ๑) 3. สินทรัพย์ก่อนสมรสและหลังสมรสจะถูก จัดการอย่างไรนั้น กรณีดังกล่าวขอแยกตอบเป็น ๒ ข้อคือ a. การจัดสินทรัพย์ในประเทศเดนมาร์ก เนื่องจากกฎหมายเดนมาร์กรับรองการสมรสของคู่ สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน ดังนั้นการจัดสินทรัพย์ของ คู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน จึงเป็นไปตามกฎหมาย

เดนมาร์กที่กำ�หนดให้คู่สมรสมีหน้าที่จะต้องให้ ความช่วยเหลือทางการเงินซึ่งกันและกัน หลัก ทั่วไปของกฏหมายเดนมาร์ก คือทรัพย์สินทั้งหมด ของคุณและคู่ partnership ชาวเดนมาร์ก จะถูก รวมเข้าด้วยกัน และต้องจัดการทรัพย์สินร่วมกัน b. การจัดทรัพย์สินในประเทศไทย เมื่อคุณ เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจาก กฎหมายไทยไม่รับรองการสมรสของคู่สมรสที่เป็น เพศเดียวกัน กรณีคนเพศเดียวกันแต่งงานกัน จึงไม่มี ฐานะเป็นคู่สมรส จะใช้กฎหมายไทยว่าด้วยเรื่อง ครอบครัว มรดก มาใช้บังคับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินที่หามาได้ระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้น ตาม กฎหมายไทยถือว่าเป็นหุ้นส่วนและเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ร่วมกัน โดยมีสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ได้มา ตามส่วนที่ตนหามาได้ ในเรื่องกรรมสิทธิ์รวมนั้นให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของรวมมีส่วนใน ทรัพย์สินเท่ากัน เว้นแต่คุณและแฟนชาวเดนมาร์ก ของคุณจะพิสูจน์ให้เห็นว่าส่วนของแต่ละคนใน ทรัพย์สินแตกต่างจากข้อสันนิษฐานของกฎหมาย 4. กฎหมายการจดทะเบียนเป็น partnership ของคู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกันที่เดนมาร์กจะบังคับ ใช้กับคุณที่ประเทศไทยไม่ได้ (ดูเหตุผลข้อ ๑ ๒ และ ๓ ดังกล่าวข้างต้น) สำ�นักอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิ ประชาชนระหว่างประเทศ www.humanrights.ago.go.th 11


โดย ชุมศรี อาร์โนลด์

แกะเพชรตัดเพชร

คราวนี้มาลองอาหารลูกครึ่งดูบ้าง เพราะฉันแต่งงานกับฝรั่งชาวอังกฤษ ลูก ที่เกิดมาก็เลยเป็นลูกครึ่ง แต่พูดไปลูกฉันควรจะเรียกว่าลูกผสมเพราะจริงๆแล้ว สามีฉันนั่นแหละลูกครึ่ง เพราะพ่อเขาเป็นคนอังกฤษแม่เป็นแขกอินเดียซึ่งตอน สาวๆสวยมากกกกก ส่วนฉันก็มีส่วนผสมของชาวต่างชาติเช่นกัน แม่ฉันนั้นน่า จะไทยแท้แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะแม่มาจากเชียงคาน จ.เลยซึ่งติดกับลาว แต่ ช่างเถอะไทยลาวเราก็บ้านพี่เมืองน้อง ส่วนเตี่ยนั้นเกิดในเมืองไทย ก๋งฉันเป็นจีน

12


แท้ๆมาจากซัวเถา ส่วนย่าฉันไทยแท้ๆจากสุโขทัยแท้ขนาดไหนดูจากทรงผมดอก กระทุ่มของย่าได้เลย พ่อฉันพอโตขึ้นอายุได้สี่ขวบก๋งก็ส่งไปเรียนเมืองนอก(จีน) กลับมาเมืองไทยตอนอายุสิบเจ็ดพูดไทยไม่ได้เลย เตี่ยกับแม่อายุห่างกันเกือบ ยี่สิบปี เตี่ยตอนนั้นค้าขายเดินทางทั่วประเทศไทย ไปเจอแม่ที่เชียงคาน แม่ฉัน ตอนสาวๆก็สวยไม่เบา เตีย่ เลยสูข่ อแม่ฉนั กับยาย ยายก็ยกให้ ฉันถามแม่วา่ ทำ�ไม แม่ยอมแต่งงานกับเตี่ย แม่บอกว่าเมื่อยายเห็นดีแม่ก็ต้องเห็นด้วย เพราะการเชื่อ ฟังพ่อแม่เป็นหน้าทีท่ ลี่ กู ทีด่ พี งึ ปฏิบตั (ิ อันนีก้ ไ็ ม่แน่ใจว่าแม่แอบกัดลูกคนไหนหรือ เปล่า) ยายก็น่าจะคิดถูกเพราะเตี่ยและแม่ก็อยู่ด้วยกันดีมากว่าสี่สิบปี จนเตี่ย เป็นฝ่ายตีจากแม่ไปสวรรค์ซะก่อน เมนูลูกครึ่งของฉันอันนี้ ได้มาจากเพื่อนสาวคนหนึ่งในลอนดอน แกะที่ใช้นี้ เป็นลูกแกะ (lamb) และเราใช้ตรงส่วนที่เรียกว่า rack of lamb ซึ่งเป็นส่วนซี่โครง ของลูกแกะ ตามร้านเขาจะหั่นเป็นชิ้นๆให้ บางที่เขาขายทั้งแพ็คเราก็เอามาหั่น เองเมนูนี้อาจจะไฮโซไปนิด เพราะว่าแกะที่บ้านเรามันแพง เพราะต้องนำ�เข้ามา จากนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ครั้งหนึ่งปุ๊ยน้องรักพาพวกเป็นต่อไปอาศัยนอน ที่บ้านที่ลอนดอนฉันก็เลยทำ�แกะนี้เป็นบาร์บีคิวบนสวนบนดาดฟ้าบ้านฉัน ก็เป็น ที่ติดอกติดใจของพวกเขา เจี๊ยบเป็นต่อก็สั่งแหม่มภรรยาสุดที่รักของเขาให้จด สูตรเอาไว้จะได้กลับไปทำ�ให้เจีย๊ บกินทีบ่ า้ นและเมือ่ วันเกิดเจีย๊ บมาถึง แหม่มก็ได้ โทรมาถามฉันถึงสูตรแกะนี้ว่าที่เธอจดจำ�มาทั้งหมดนี้ถูกต้องไหม และตอนหลัง เธอก็มาเล่าให้ฟังว่า ไม่นึกว่าแกะมันจะแพงขนาดนี้ ซื้อทีเป็นหมื่นเพราะต้องซื้อ เยอะหน่อย เธอจึงต้องมีมาตรการสองมาตรฐาน พวกเพื่อนตลกของเจี๊ยบก็กิน อาหารอย่างอืน่ ไป พอถึงพวกกองเป็นต่อชาคริตและเกลือมาก็จะจูงไปอีกมุม แล้ว แอบย่างแกะนี้มาให้ !!! เธอบอกว่าก็ของมันแพงนะพี่ก็เลยต้องเก็บไว้ให้พวกที่ เคยกินได้กินกันรำ�ลึกถึงความหลังเมื่อครั้งไปลอนดอน เพื่อนฉันเขาหมักแกะยัง ไงจำ�ไม่ได้ แต่วา่ ฉันได้ไอเดียจากเขาแล้วฉันค่อยๆเอามาปรับใหม่จนกระทัง่ ลงตัว ทำ�กี่ครั้งให้ใครๆกิน ทุกคนก็จะชอบและขอสูตรไป ขนาดชาคริต แย้มนามยังเอา ไปออกรายการของเขาเลย ซึ่งฉันไม่เคยหวงห้าม ให้แบบไม่หมกเม็ด บางคนไม่ ชอบแกะเพราะไม่ชอบกลิ่นของมันที่ค่อนข้างแรง ฉันก็จะเซ้าซี้ว่าลองของฉัน หน่อยรับรองไม่เหม็น(มาก) ที่ฉันเรียกเมนูนี้ว่าเพชรตัดเพชรเพราะ ฉันใช้เครื่อง ปรุงกลิ่นแรงๆ มาดับกลิ่นแกะ 13


เครื่องปรุงที่จะหมักแกะมีดังนี้ กระเทียมสับหยาบๆ ใบสะระแหน่สับหยาบๆ พริกไทยป่นเยอะๆ cranberry sauce (หาซื้อได้ตามห้างไฮโซ หรือที่วิลล่า ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ใช้ สตอเบอรี่แยมก็ได้) น้ำ�ปลา ๔ ส่วน น้ำ�มันหอย ๓ ส่วน (ฉันชอบตราหมีแพนด้า) น้ำ�มันงา ๒ ส่วน เอาส่วนผสมทั้งหมดนี้คลุกเคล้าให้เข้ากับแกะ หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นซักสอง สามชั่วโมง แล้วเอามาย่าง ถ้าได้ย่างกับเตาถ่านจะเริด...มาก เมนูนี้เข้าเตาอบไม่ เวิร์คเลยนะ ทุกอย่างที่บอกมานี้มีกลิ่นแรงอยู่หลายรายการเวลาทำ�ให้ใครกินไม่มีใครรู้ เลยว่ามน้ำ�ปลาเป็นส่วนผสมเพราะไม่มีกลิ่นเลย ฉันคิดเอาเองว่าไอ้เจ้าน้ำ�ปลานี่ แหละเป็นเพชรน้ำ�เอกของฉันดับที่ดับกลิ่นแกะ ตามด้วยกระเทียมกลิ่นวายร้าย และใบสะระแหน่ จริงๆฉันชอบใบ mint ของฝรั่งมากกว่า 14


เพราะบางทีสะระแหน่ไทยเล่นตัวคือไม่มีกลิ่นเอาซะอย่างนั้น ถามว่าทำ�ไม ต้องมี cranberry sauce ที่ต้องมีเพราะผลไม้หมักกับเนื้อสัตว์จะทำ�ให้เนื้อนุ่ม และที่เมืองนอกเวลาเสิร์ฟแกะ เขาจะมี mint sauce และ cranberry sauce มา เสิร์ฟเป็นเครื่องเคียง หลายคนคงสงสัยว่าทำ�ไมฉันไม่บอกส่วนผสมเป็นช้อนโต๊ะช้อนชา ต้องขอบ อกว่าทำ�ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ที่ทำ�กับข้าวจะใช้วิธีกะเอาเอง ถ้าออกมาอร่อยก็ ถือว่าฝีมือดี ถ้าไม่อร่อยก็ลองทำ�ใหม่ก็แล้วกันแต่เพื่อนส่วนใหญ่จะกินของฉัน ก่อนเวลากลับไปทำ�เองเขาก็พอกะกันได้เพราะรู้แล้วว่ารสชาติของต้นตำ�รับนั้น เป็นเช่นไร ให้ตำ�รานี้กับเพื่อนไปหลายคน สามีบอกว่าอย่าให้ใครเยอะนัก เก็บไว้เป็น อาหาร signature ของตัวเองเถอะ ฉันก็ว่าจะทำ�อย่างนั้น แต่ปรากฏว่าเจอพี่อู๊ด พี่อี๊ด ไทยรัฐมาขอก็เลยให้ไทยรัฐลงไปเลย ทีนี้ก็เลยได้สูตรกันทั้งประเทศไปซะ เลย จบข่าว

เตารีด

ช่วยให้ไขน๊อตได้ง่าย

น๊อตที่เป็นสนิมจะยากแก่การที่จะไขออก เมื่อพยายามใช้ไขควงหมุนไปมาหัวน๊อตก็จะหลวมไขไม่ ได้ ควรใช้เตารีดร้อนๆนาบบนหัวน๊อต 2-3 ครั้ง ไขควงจะไขน๊อตให้คลายออกได้ง่ายขึ้น ในทำ�นองเดียวกันถ้าจะถอนตะปูที่เป็นสนิมให้ออกจากไม้ได้ง่าย ควรใช้น้ำ�ร้อนราดตรงบริเวณนั้น น้ำ�ร้อนจะขยายเนื้อไม้ทำ�ให้ดึงตะปูออกได้ง่าย 15


แม่ วาดเมี ย บี ย อร์ น ตอน

ต่างความเคยชิน การแต่งงานอยู่กินกับคนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างขนบธรรมเนียมประเพณี ต่างแม้กระทั่งวิธีการ คิดนั้น ไม่ง่ายนะคะ เคราะห์ดีที่เสียงที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ ซึ่งไม่ใช่เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปาก นั้น มีเสียงเหมือนกันทุกชาติทุกภาษา ถ้าไม่เช่นนั้น บางเสียงหากได้ยินแล้วเกิดไปหลงสูดดมเข้าล่ะแย่ เชียว บี ย อร์ น กั บ แม่ ว าด ยั ง มี ส่ ว นสู ง ที่ ต่ า งกั น อี ก อย่างหนึ่ง บียอร์นสูงเกือบสองเมตร แม่วาดสูงแค่ หนึ่งร้อยหกสิบเซนต์ต่างกันเกือบครึ่งเมตรนะคะ ไม่ 16

เป็นราย...เรือ่ งจ้อย เราก็หาอุปกรณ์อืน่ ช่วยเหลือซิ... คะ เช่นตรงทางเข้าออก ที่อพาร์ตเมนต์ที่นอร์เวย์ เป็นห้องสำ�หรับถอดเสื้อโค้ท ถอดบูท เก็บถุงมือ เก็บ หมวก เก็บร่ม หรือสมบัติ “กะรุงกะรัง” สารพัดอย่าง แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปชั้นในอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมาก ทุกบ้านในประเทศที่หนาวมากๆต้องมีประตูสองชั้น ก่อนเข้าภายในตัวบ้าน มีห้องสำ�หรับถอดและเก็บ เสื้อโค้ททุกบ้าน ที่ ห้ อ งนั้ น แม่ ว าดจะหาเก้ า อี้ สี่ ข าเตี้ ย ๆ ที่ สู ง


ประมาณ 30 ซ.ม.ตั้ ง เอาไว้ มี ป ระโยชน์ ทั้ ง ใช้ ใ ส่ รองเท้าและใช้ต่อขาแม่วาดให้สูงกำ�ลังพอเหมาะกับ บียอร์น เวลาบียอร์นกลับจากทำ�งาน แม่วาดออกไป เปิดประตูแล้วกระโดดขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ จุ๊บบียอร์น ได้สบายๆหนึ่งจุ๊บ เท่านี้ปัญหาใหญ่มันก็กลายเป็น ปัญหาเล็ก แทนที่จะมัวแต่นั่งปลงอยู่ แต่ถ้าหาอุปกรณ์มาช่วยได้ทุกครั้งที่มีปัญหา มันก็ดีหรอกค่ะ ทีนี้มันไม่อย่างนั้นน่ะซิคะ บางครั้ง มันเป็นความเคยชินและไม่เคยชินระหว่างเรากับเขา มีทั้งสิ่งเล็กๆน้อยๆและใหญ่ๆโตๆ ทำ�ให้มีเรื่องงัดข้อ กันอยู่เรื่อย ตัวอย่างเช่น ถ้ามีการแสดงท่ายิงปืนสั้น แม่ วาดจะยื่นนิ้วออกไปสองนิ้วคือนิ้วชี้และนิ้วกลาง นิ้ว นอกนั้นกำ�รวมกันไว้แล้วร้องว่า “โป้ง โป้ง” หากเป็นบียอร์นทำ�ท่ายิงปืนบ้าง เขาจะยื่นนิ้ว ออกไปสองนิว้ เหมือนกัน แต่เป็นนิว้ ชีก้ บั นิว้ หัวแม่มอื แล้วกระดิกนิ้วหัวแม่มือแทนนกปืน พร้อมทั้งขยับข้อ มือทำ�เสียง “แบง แบง” ทีนี้จะเกิดการกระแนะกระแหนกันขึ้น ว่าปืน ของอีกฝ่ายหนึ่งมันสุดแสนจะงี่เง่า หมาก็เหมือนกันนะคะ เราฟังอย่างไร๊...อย่างไร มันก็เห่าดัง “โฮ่ง โฮ่ง” แต่เขาเกิดฟังว่า “วู๊ฟ วู๊ฟ” แต่ เรื่องนี้พออะลุ่มอล่วยกันได้ ว่าหมามันเห่าต่างภาษา กัน เลยสงบสติอารมณ์กันไปได้ เห็นไหมคะ แม้แต่พูดคุยเล่นกันมันก็ติดขัด ไปหมด ไม่เหมือนคุยกับคนไทยด้วยกัน พออ้าปาก

บอกว่า ปู๊น ปู๊น ...รถไฟมา จ๋อม ...ตกน้ำ� โครม ... ถ้าเป็นภาษาไทย ใครๆก็รู้ หมายถึง เสียงชนกัน แต่คำ�นี้ภาษาฝรั่งออกเสียงว่า กุ้ม...ฟือ... โปรดสังเกต! คนไม่มีฟันพูดภาษาฝรั่งไม่ได้ เพราะภาษาของเขา มีคำ�ที่มีเสียงลงท้ายเป็นเสียง สะท้อนตามเสียงพยัญชนะตัวท้าย มีไม่น้อยที่ออก เสียงดัง “ซื่อ...” “ฟื่อ...” แม่วาดค่อนข้างแน่ใจว่า นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทันตแพทย์ที่เมืองนอกมีงานหนักมาก เพราะไม่เช่น นั้นชาวประชาพูดกันไม่รู้เรื่อง ส่ ว นภาษาไทยเราสะดวกกว่ า มาก ทั้ ง ด้ า น ไวยากรณ์และการออกเสียงคำ�ท้าย คนแก่ฟันหลุด หมดปาก ยังด่ากันเองขรม ฟังกันรู้เรื่องหมดถ้าหูไม่ ตึงกันไปก่อน เพราะท้ายคำ�ภาษาไทยเป็นเสียงตาย คือไม่ ออกเสียง ด้วยเหตุนคี้ นไทยจึงติดนิสยั นำ�ไปใช้ในการ พูดภาษาต่างประเทศ แม้แต่ครูสว่ นมากทีส่ อนภาษา อั ง กฤษที่ โ รงเรี ย นไทยๆ ยั ง คงไม่ ค่ อ ยออกเสี ย ง พยัญชนะท้ายคำ�ในภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง กลับ เกรงไปว่าการพยายามออกเสียงให้ถูกต้องตามเสียง ของพยัญชนะของเขาเป็นการ “กระแดะทำ�เป็นฝรั่ง” อย่างเช่น “โฟ..รึ ไฟ..วึ ซิก..ซึ เสเวน..นึ เอท..ทึ นาย.. นึ ” ไม่ เ ข้ ม งวดกวดขั น ให้ เ ด็ ก ออกเสี ย งให้ ถู ก ต้ อ ง กลับกลายเป็น “โฟ ฟ๊าย ซิก เซเว่น เอ๊ด นาย” ไม่มี 17


เสียงสะท้อนของพยัญชนะตัวท้าย ใครจะรูว้ า่ วันหนึง่ ข้างหน้า วิชาภาษาอังกฤษที่อุตส่าห์ท่องศัพท์เรียน ไวยากรณ์กันมาแทบตาย พองัดออกมาใช้... ไม่ สามารถสื่อสารได้ ฝรั่งได้แต่ยืนยิ้มไม่เข้าใจว่าเรา พยายามจะพูดอะไร หรืออาจเข้าใจผิดไปเลย แล้ว มั น น่ า เจ็ บ ใจไหมคะ ที่ ส าเหตุ เ ป็ น เพี ย งเราไม่ ไ ด้ ฝึกหัดสิ่งเล็กๆน้อยๆนี้มาให้ถูกต้อง ภาษาอังกฤษ คือภาษาอังกฤษ ภาษาไทยคือภาษาไทย ต้องฝึก อ่านพูดเขียนให้ถูกต้องตามหลักของแต่ละภาษา ไม่ใช่เป็นเรื่อง “กระแดะ!” ครั้งหนึ่งแม่วาดเคยเตือนเพื่อน (ที่จบปริญญา ตรี) ว่าออกเสียงให้ถูกๆ “ชูส” (เลือก) หรือ “ชู้ต” (ยิง) เดี๋ยวคุยกับฝรั่งมันไม่รู้เรื่อง “เฮ้ย.. เรื่องมากน่า มันก็ไอ้ ชูด ชูด* เหมือนกัน นี่แหละ” ปรากฏว่าครั้งนั้นเพราะ “ไอ้ชูดชูด...เหมือน กัน” นี่ เพื่อนแม่วาดเสียคน เสียงาน เสียการ เสียเงิน เสียความเชื่อถือไปมากมาย จนสาบานว่าจะไม่ขอ พูดภาษาอังกฤษอีก ลองคิดดูซคิ ะ แม้แต่ภาษาไทย ถ้าฝรัง่ ต้องการ พูดว่า “พระเจ้าแผ่นดินทรงม้าสีหมอก” แต่เพีย้ นเป็น ว่า “พระเจ้าแผ่นดินทรงหมาสีหมอก” อย่างนี้เราคน ไทยเจ้าของภาษายอมรับได้ไหมคะว่ามันไม่ต่างกัน ทั้ ง ๆที่ ฝ รั่ ง คนที่ พู ด แกก็ บ อกว่ า “มั น ก็ ไ อ้ มา มา เหมือนกันนี่แหละ” สำ�หรับแม่วาดคิดว่าการพูดภาษาต่างประเทศ นั้น ถ้าทำ�ไม่ได้ก็ไม่จำ�เป็นต้องพะวงเลียนสำ�เนียง ของเขามากนัก ทำ�ให้แลดูเหมือนพวกตัวตลกใน ทีวีที่พูดสำ�เนียงภาษาอินเดียหรือภาษากวางตุ้งได้ 18

เหมือนเปี๊ยบ แต่หาความหมายไม่ได้ ควรจะต้องพยายามออกเสียงพยัญชนะของ แต่ละคำ�ทีต่ อ้ งการสือ่ สารให้ชดั เจน แม้วา่ จะต้องพูด ช้ามาก หากยังมีคนอยากพูดด้วยมากกว่า เพราะเขา เข้าใจว่าเราพูดอะไรต้องการอะไร ไม่ใช่พดู ได้เร็วปรือ๋ เลียนสำ�เนียงได้เหมือนเจ้าของภาษาเปี๊ยบ แต่จับ ความหมายไม่ค่อยได้เหมือนนกแก้ว นกขุนทอง ที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องของการออกเสียงและ การฟังที่ต่างกัน แต่บางอย่างก็เข้าใจกันดีค่ะ เช่น “สวีทฮาร์ท” “ดาร์ลิ่ง” แต่ถึงจะเข้าใจกันดีมันก็รู้สึก “งั้นๆ” ล่ะค่ะ ไม่ลึกซึ้งกระแทกหัวใจเหมือนได้ยิน ประโยคว่า “เมียจ๋า! มาหาผัวหน่อย” ชาติ นี้ แ ม่ ว าดคงไม่ มี ว าสนาจะได้ ยิ น เหอะ น่า... มันอาจไม่ได้ยินอย่างที่ฝันก็ได้ อาจเพี้ยนเป็น “อีแก่! มานี่ซิ” ดีแล้วล่ะค่ะ ไอ้ฮาร์ทๆ ลิ่งๆ เนี่ย มันเพี้ยนไป เป็นอย่างอื่นยาก นอกจากความเข้าใจในภาษาธรรมชาติจะต่าง กันแล้ว วิธีการหยอกเอินการแหย่เย้าก็ไม่เหมือนกัน บางเรื่องพอทนผสมผเสไปได้ บางเรื่องก็เหลือจะทน วันหนึ่งแม่วาดกับบียอร์นนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน แม่วาดเกิดอารมณ์นา่ รักอ่อนหวานสุดขีด ทำ�นิว้ เป็น ปูไต่ขึ้นไปตามแขนของบียอร์น พร้อมทั้งออกเสียง นุ่มๆ “ดุ๊บ ดุ๊บ” ปรากฏว่าคุณบียอร์นเธอทำ�หน้าเหมือนเหม็น ขี้หมา “ไม่ อาว ไม่ ชอบ ดุ๊บ ดุ๊บ” ดูซิคะ น่าจะดีดไป


ไกลๆไหมคะ หลั ง จากทำ� ร้ า ยจิ ต ใจแม่ ว าดแล้ ว ชะรอยบี ยอร์นคงพอจะรูต้ วั จึงพยายามจะทำ�ท่าแบบคิดแล้ว ว่าน่ารัก ทีนี้พวกฝรั่งส่วนมากชอบสัตว์ บียอร์นจึง แกล้งเป็นหมา ทำ�เสียงขู่ “แฮ่ แฮ่” คลานมาทำ�ท่า ดมๆ เลียๆ แม่วาด ฝ่ายไอ้เราคนไทยถือนักเชียวเรื่องไปเปรียบกับ หมานี่ แถมตั ว เองสู ง ตั้ ง สองเมตรแล้ ว มาทำ � ท่ า เหมื อ นเปรตคลานได้ แ บบน ดู แ ล้ ว อุ จ าดนั ย น์ ต า มากกว่า อารมณ์น่ารักในค่ำ�คืนนั้นจึงผันแปรไป แต่ใน ที่สุดก็อดหัวเราะกันไม่ได้ บียอร์นขำ�ตัวเองจนน้ำ�หู น้ำ�ตาไหล หลังจากที่แม่วาดแปลให้ฟังว่า “เปรต” แปลว่าอะไร แต่ถึงอย่างไรแม่วาดก็ไม่ต้องการรับ ฟังว่า เขาคิดถึง “ดุ๊บ ดุ๊บ” อย่างไร ท่านผูอ้ า่ นเคยดูหนังจีนไหมคะ บางครัง้ จะเห็น พระเอกเอานิ้วชี้ ชี้ที่ปลายจมูกแล้วทำ�ตาเขๆ มองที่ ปลายนิ้วพลางสั่นหน้ากระด๊อกกระแด๊ก แบบสุด น่ารักให้นางเอกดู ถ้าแม่วาดเป็นนางเอก สงสัยยัน เปรี้ยงไปไกลๆเลยค่ะ แม่วาดเคยทำ�งานอยู่ที่สถานทูตที่ออสโล ได้ รู้จักผู้ชายไทยคนหนึ่ง แกพำ�นักพักพิงอยู่ที่นอร์เวย์ เป็นเวลากว่ายี่สิบปีมาแล้ว แต่เดิมแกเป็นคนลำ�ปาง เป็นเด็กกำ�พร้าแต่ เรียนดีได้ทนุ มาเรียนกรุงเทพฯ อาศัยอยูก่ บั พระในวัด หลั ง จากเรี ย นจบม.ศ.5 สอบได้ ทุ น ของประเทศ นอร์เวย์อีก ได้ไปเรียนที่ประเทศของเขา ระหว่างนั้น พระภิกษุรูปนั้นถึงแก่มรณภาพ แกจึงไม่คิดกลับมา เมืองไทยอีก ทำ�มาหากินแต่งงานแต่งการมีลูกเมีย

เป็ น คนที่ นั่ น ไป ตั ว แกเองพยายามเปลี่ ย นชี วิ ต ความเป็นอยู่ วิธีการกิน การคิด เป็นแบบทางโน้นไป ทั้งหมด แม่วาดเคยถามแกว่า เคยคิดถึงเมืองไทยบ้าง ไหมแกบอกว่า ไม่เคย.. ไม่รู้จะคิดถึงใคร น่าสงสาร นะคะ แต่ข้อมูลที่เล่ามานี่ ไม่ใช่ได้มาโดยสะดวก เหมือนที่ท่านผู้อ่านกำ�ลังอ่านนะคะ กว่าจะทำ�การ สื่อสารกันได้ ยากเสียกว่าการพยายามพูดกับชาว นอร์เวย์แท้ๆอีก บ่อยครัง้ ทีแ่ ม่วาดต้องเป็นผูช้ ว่ ยท่านทูต ในการ สื่อสารกับแก “คุณวาด ช่วยมาแปลทีเถอะ ผมมันตื้อๆ คุย กับคุณนี่แกไม่ค่อยรู้เรื่อง ปวดศีรษะไปหมด” นีข่ นาดทูตนะคะ ....ยังถอย บางครัง้ แม่วาดอด ไม่ได้ ต้องติดเบรกแกเสียหน่อย “เอ๊... ยูบอกว่า ยูเคยสอบชิงทุนมาเรียนที่นี่ได้ “ชัวร์ วาย” “ไม่ใช่อะไร.. ไอ สงสัยว่า ยูคงใช้มันสมองหมด ไปตอนนั้นมั้ง” “ม่าย ข้าว จาย” “ก็ภาษาพ่อภาษาแม่ พูดมาตัง้ แต่เลิกร้องอุแว้ ดันจำ�ไม่ได้” แถมยังแนะนำ�ไปให้อีกหน่อย “ยู อย่าออกไปนอกประเทศนี้นา เรือบินมันยิ่ง ชอบดีเลย์อยู่ เดี๋ยวไปยืนเบ๊าะๆ แบ๊ะๆอยู่ที่ไหน” จริงไหมคะท่านผู้อ่าน ภาษาตัวเองยังลืมเสีย เกือบสนิท แล้วนับประสาอะไรกับภาษาอื่น ไม่ลืม เสียในพริบตาหรือ แม่วาดเป็นห่วงกลัวว่าถ้าพูดกัน ไม่รู้เรื่อง เขาดูหน้าแล้วอาจจับส่งไปเขมรหรือลาว แทนที่จะส่งกลับไปหาลูกหาเมีย 19


อาหารกลางวั น แกพกแซนด์ วิ ช มากิ น มี แอปเปิ้ลติดมาลูกหนึ่ง ต๊าย ตาย ... เป็นเราตายแน่ๆ คงติดอยูแ่ ค่คอหอย พวกคนไทยเราแม้จะเป็นอาหาร กลางวันก็ต้องพยายามให้ครบเครื่อง อยู่สถานทูต ไทยนี่คะกลัวอะไร จะเอาอะไรล่ะ ส่งตรงเป๊ะมาจาก กรุงเทพฯ น้ำ�พริกอ่อง น้ำ�พริกลงเรือ ปลาร้า ปลาเจ่า เหม็นหึ่งไปทั้งสถานทูต ทำ�ให้นึกถึงเวลากลับมาเมืองไทย พอมาถึง สนามบิน อื้อหือ... สถานที่หรูหราหมาเห่ากันสามวัน ไม่เลิก แต่พอเร่เข้าไปติดต่อตามเค้าน์เตอร์ต่างๆ บางครั้งได้กลิ่นส้มตำ�น้ำ�พริกไก่ย่างฉุนกึ้ก...ไปหมด แม่วาดเองขนาดคุ้นๆกับกลิ่นกระเทียมยังต้องทำ� หน้าเบ้ กลิ่นอาหารนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่เมื่อได้ กลิน่ อยูใ่ นสถานทีๆ่ ไม่เหมาะสม มันทำ�ให้นา่ รังเกียจ มาก เรื่องก็ทำ�นองเดียวกันกับที่สถานทูตไทย พอ อีตาคนนั้นแกเดินผ่าน แกถือโอกาสศอกกลับพวก เราทันที “เหม็น !” พวกเราเลยจ๋อย ต้องพยายามญาติดีกับแก โดยการชวนแกร่วมวงด้วย ชะรอยแกคงอยากแก้ สัมพันธภาพ ที่ออกจะขมึงตึงให้หย่อนหน่อย จึงรับ เชิญโดยดีจดั การคลุกข้าวกับน้�ำ พริก ทำ�ท่ากะร่องกะ แร่งกว่าจะกินได แต่จากนั้นมา ดูเหมือนแกพยายาม มาเจริญสัมพันธไมตรีอยู่ ทุกวั๊น ทุกวัน... วั น หนึ่ ง ถึ ง กั บ หอบหม้ อ หุ ง ข้ า วไฟฟ้ า มาเอง บอกว่าอุตส่าห์ไปหาซื้อมา “ไอจะได้หงุ ของไอกินคนเดียว ไม่ตอ้ งกวนพวก 20

ยู วันหลังไอฝากซื้อน้ำ�พริกพวกนี้หน่อยนะ” ว่าแล้วก็เทน้�ำ พริกลงไปคลุกในหม้อเลยทีเดียว ไม่ต้องจงต้องจานกันหล่ะ เอามือลงไปขยำ�แล้วเปิบ เลย ทำ�ท่าเหมือนลูกศิษย์วัดไม่มีผิด เห็นไหมคะ ความคุ้นเคยแต่เดิมถึงปิดบังอย่างไร โอกาสอำ�นวย เมื่อไรก็ปรากฏขึ้นมาเอง เมื อ งไทยมี อ ากาศร้ อ นและชื้ น ผู้ ค นทั่ ว ไป อาบน้ำ�กันทุกวันจนเป็นความเคยชิน ไม่ว่าอากาศ ร้ อ นหรื อ หนาว ถ้ า วั น ไหนไม่ อ าบน้ำ � แล้ ว เข้านอน ต้องเป็นความลับขั้นสุดยอด แต่ที่นอร์เวย์อากาศหนาวและแห้งมาก เมื่อ อากาศเย็นความสามารถในการอุ้มน้ำ�ของอากาศ น้อย พอความชื้นในอากาศน้อย ย่อมไม่เกิดความ เหนียวเหนอะหนะตามร่างกาย ถ้าเอาแก้วใส่น้ำ�แข็งตั้งไว้ ไม่มีหยดน้ำ�เกาะ ตามแก้ว ไม่จำ�เป็นต้องใช้จานรองแก้ว พวกของกิน กรอบๆสามารถตั้ ง ตากลมไว้ โดยไม่ ต้ อ งเก็ บ ใส่ ภาชนะปิดแน่นเหมือนบ้านเราก็ยังคงกรอบใหม่อยู่ หลายวัน บางครัง้ แม่วาดทำ�ความสะอาดบ้าน ดูดฝุน่ อยูค่ นเดียวเหงาๆ พบถัว่ อบเนยตกอยูใ่ ต้โต๊ะ เลยเก็บ กิน...เพลินๆ รสและกลิ่นรวมทั้งความกรอบยังเกือบ เหมือนเดิม แม้ว่าอาจตกอยู่ตรงนั้นหลายวันแล้ว ลักษณะอากาศเหมือนอากาศในตู้เย็น เพราะฉะนั้น เวลาอยู่เมืองไทย เราจึงสามารถเก็บรักษาของที่ไม่ ต้องการให้ชื้นไว้ในตู้เย็นได้ดี ด้ ว ยเหตุ ดั ง กล่ า วชาวนอร์ เ วย์ จึ ง ไม่ มี ค วาม จำ�เป็นที่จะอาบน้ำ�ทุกวัน ไม่เกิดความเคยชินแบบ คนไทย พวกเขาอาบน้ำ�เหมือนการถูเรือนบ้านเรา แล้วแต่ๆละคนทำ�ไม่เหมือนกัน บางคนถูเรือนทุกวัน


บางคนสองสามวันครั้ง บางคนเป็นอาทิตย์ แต่บาง คนบี ย อร์ น ชี้ ใ ห้ ดู ว่ า แกอาบน้ำ � ทุ ก วั น ... ก่ อ น คริสต์มาส ! แม่วาดติดนิสัยไปจากเมืองไทย ต้องอาบน้ำ� ทุกวันแต่อาบเฉพาะตอนเย็น อาบน้ำ�แล้วต้องทา แป้ ง ฝุ่ น ตามความเคยชิ น ของคนไทย ทำ � ให้ รู้ สึ ก สดชื่นสบายตัว บียอร์นก็ไม่เข้าใจอีก “ทำ�ไม ยูถึงต้อง เอาแป้งทาก้น มาทาหน้า” ความจริงมันคือแป้งเด็กค่ะ คนไทยเราใช้กัน มาตัง้ นานไม่เห็นเป็นเรือ่ งประหลาด พอมาถึงทีน่ ีเ่ ขา ใช้ทาแต่ก้นเด็กอย่างเดียว บางทีทาก้นผู้ใหญ่ด้วย เพื่อกันความชื้น บี ย อร์ น บ่ น ว่านอนตอนกลางคืน หันมาทาง แม่วาด พอได้กลิ่นแล้วนึกว่า ไม่ใช่หน้า! แม่วาดเลย เปลี่ยนเป็นประดินสอพองกลิ่นจะได้แปลกๆไป ไม่ ไปก่อความรู้สึกเคยชินประหลาดๆให้บียอร์น “ยูจะให้ไอได้นอนสบายๆหน่อยได้ไหม ตอนนี้ เกิดมาทำ�เป็นอีบ้า นอนลายพร้อยอยู่ข้างๆอีกแล้ว” ดูซิคะ แกดูเป็นงั้นไป ไอ้เรากลับรู้สึกว่า ดูแล้ว สบ๊าย... สบาย ประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีอากาศหนาว เย็นเป็นเวลายาวนานต่อปี บางปีแม้นในฤดูร้อนก็ ยังคงมีอากาศหนาวอยู่ ผูค้ นจึงมีความเคยชินอาศัย อยู่ แ ต่ ภ ายในบ้ า นเรื อ นเพื่ อ ให้ ไ ด้ รั บ ความอบอุ่ น มากกว่าออกไปไหนต่อไหน ทั้งยังเป็นประเทศที่มี พื้นที่กว้างขวาง ส่วนใหญ่เป็นป่าและภูเขา แต่มี ประชากรน้อยมาก บ้านเรือนตั้งอยู่ห่างๆกัน ฉะนั้นผู้คนจึงมีการสมาคมสังสรรค์กันน้อย ไม่ เหมื อ นผู้ ค นในประเทศทางแถบเขตร้ อ น ปลู ก ฝั ง

ลักษณะนิสัยให้ผู้คนทางแถบนี้ เป็นคนสันโดษไม่ ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ถ้าไม่รู้ จักกันจะทำ�สีหน้าเย็นชา เหมือนมีน้�ำ แข็งฉาบอยูบ่ น ใบหน้า...ไร้ความรู้สึก พวกผู้ ห ญิ ง ส่ ว นมากมี ลั ก ษณะตื่ น กลั ว ตก ประหม่าเวลาออกสังคม แต่หากคุ้นเคยแล้วจะเห็น ถึงลักษณะแข็งกร้าว มีความต้องการอย่างรุนแรง ที่ จะยกระดับความเป็นอยู่ให้เสมอเท่าเทียมกับผู้ชาย เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ในประเทศนี้โดยเฉพาะในกรุง ออสโล รู้สึกเหมือนว่าเมืองนี้พิการ ไม่มีผู้หญิง ไม่มี ความอ่อนหวาน แม่วาดไม่ทราบว่าผู้คนชาติอื่นๆ มองลักษณะ นี้ด้วยความชื่นชมหรือเปล่า สำ�หรับตัวแม่วาดเอง หญิงไทยๆคนหนึง่ มองแล้วไม่ชอบค่ะ ดูแข็งกระด้าง ทั้งๆที่พวกผู้หญิงของเขา ส่วนมากดูสวยงาม ผมสี อ่อน ตาสีฟ้า ปากแดง ผิวพรรณขาวนุ่มนวล เหมือน ตุ๊กตาผมทองที่เคยเล่นตอนเด็กๆ บียอร์นนั้นมีลักษณะของคนชาติของเขาอย่าง สมบูรณ์แบบ เวลามาเมืองไทยเขารูส้ กึ อึดอัดเพราะ ผู้คนชอบมองดู เนื่องจากเขาชอบทำ�หน้าตาเฉยชา มองอะไรข้างหน้าเป็นอากาศโปร่งใสไปหมด คนคง คิดว่าไม่ตาบอดก็ตอ้ งเป็นบ้า แม่วาดต้องคอยกำ�กับ ให้เขาเดินอมยิม้ ไปเรือ่ ยๆ ค่อยบรรเทาความเป็นตัว ประหลาดในเมืองไทยไปได้บ้าง แต่ประเดี๊ยว...เดียว หน้าหงิกอีกแล้ว กลุ้ม! ความเคยชินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยน โดย เฉพาะถ้ า เป็ น ความเคยชิ น ที่ เ ป็ น ความรู้ สึ ก ลึ ก ๆ บางทีตัวเราเองเกือบไม่รู้ว่ามีอยู่ อาจมีอำ�นาจมากที่ จะเปลี่ยนความรู้สึกของคนเราได้ทันที 21


แม่วาดได้แต่หวังว่า ระหว่างแม่วาดกับบียอร์น คงจะไม่ผ่านวิกฤตการณ์อะไร ทำ�นองที่พ่อเฉิดญาติ ของแม่วาดเคยผ่านมาแล้ว พ่อเฉิดแกเดินทางไปสัมมนาที่ฮ่องกง พร้อมๆ พรรคพวกมากมายหลายคน และอย่างว่านะคะ ตาม ประสาหนุ่มๆที่ไม่โสด พอได้โอกาสละก้อ...ต้องไป หากำ�ไรชีวิต โดยการเตร่ไปตามสถานเริงรมย์ต่างๆ ในที่สุดไปสิ้นสุดอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่ง มีนักร้อง สาวชาวจีน สุดสวยรวยเสน่ห์ที่สุดที่พ่อเฉิดเคยเห็น กำ�ลังวาดลวดลายทั้งร้องทั้งเต้นอยู่บนเวที เพื่อนฝูงทั้งกลุ่มพยายามแข่งขันกันเรียกร้อง ความสนใจจากแม่สาวน้อยคนนี้ ไม่มีใครประสบ ความสำ�เร็จ ทำ�ให้ดูยิ่งมีค่ามากขึ้น แต่ชะรอยจะถูก ชะตากั บ พ่ อ เฉิ ด จึ ง ส่ ง สายตาหวานเชื่ อ มมายั ง พระเอกของเราอยู่บ่อยๆ ข้างฝ่ายพ่อเฉิด ก็พยายามระงับสติอารมณ์ เพราะรู้ตัวว่าแม่ผีเสื้อสมุทรที่บ้าน มีกรรมวิธีคุมเกม ค่อนข้างโหด จึงไม่อยากประพฤตินอกลู่นอกทาง เผื่อจะมีปากหอยปากปูไปรายงาน แต่แหม... “ขาวจั๊วะ น่าเจี๊ยะ จริงๆ” เพื่อนฝูง เชียร์กันลั่น เห็นทีว่าถ้าปล่อยผ่านไป ชาตินี้ทั้งชาติ คงไม่มีโอกาสทองอย่างนี้ผ่านมาอีกแล้ว ลูกเมียก็ไม่ ได้มาด้วย ดูซิ... กวาดสายตาหวานเชื่อมมาอีกแล้ว ปาก ก็แสนจะห้อยย้อยน่าจูบ อื้อหือ... ดูไอ้คู่ที่กระเพื่อมๆ เวลาสูดลมเข้าปอด เพื่อที่จะเค้นเสียงออกมาร้อง เพลงซิ อย่างกับลูกมะพร้าวยังไม่ได้ปอกเปลือก เอาก็เอาวะ! กลัวอะไรกะผีเสื้อสมุทร เรามัน พระอภัยฯ ซะอย่าง 22

ในที่สุดเรื่องทำ�ท่าจะจบลงในห้องที่สุดแสนจะ โรแมนติก หอมหวนไปด้วยน้�ำ ยากลิน่ กุหลาบ ทีแ่ สน จะเหมาะกับบรรยากาศแห่งความรักในค่ำ�คืนนี้ ยิง่ อยูด่ ว้ ยกันในห้องสองต่อสองอย่างนี้ ยิง่ เห็น เสน่ห์ที่แสนเย้ายวน โอ้... ลมอะไรหนอ หอบเอาบุญ วาสนาอย่างนี้มาตกแปะลงบนตักของเฉิด ยิ่งได้มา เห็นใกล้ๆในเครื่องนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้ แม่คุณ เอ๋ย... เฉิดยอมทุกอย่าง ไม่มีอะไรในโลกนี้อีกแล้ว จะมาหยุดความปรารถนาของเฉิด ไม่มอี ะไรในโลกนีจ้ ริงๆ ทีจ่ ะหยุดความรูส้ กึ ของ เฉิดที่ต้องการแต่เธอ เพื่อเธอ...เฉิดยอมเสมอ...ทำ� ทุกสิ่ง... เหตุการณ์เริ่มดำ�เนินไปตามครรลอง ราวกับ เรื่องของพญาครุฑกับนางกากี พ่อเฉิดเพิ่งเข้าใจ ซาบซึ้งถึงบทกลอนของสมเด็จเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ที่ เรียนมาแต่เล็กแต่น้อยก็ครั้งนี้แหละ กางกรอุ้มโอบแก้ว เจ้างามแพร้วสบสรรพางค์ ปีกปกอกเอวนาง พลางคลึงเคล้าเต้าจรจรัล ฉวยฉาบคาบนาคา เป็นภักษาพาผกผัน หางกระหวัดรึงรัดพัน ดั้นเมฆามาฉิมพลี ดลสถานพิมานมาศ เกลียวกลมสวาทนาฏกากี เหิมหวนยวนกามี ปรีดาแนบแอบอิงองค์ แม่สาวจีนครางเบาๆ หลับตาบิดตัวสยิวไปตาม อารมณ์ที่ถูกเร้า เปล่งเสียงหวานเสนาะหูออกมา อย่างสุดแสนลิงโลดจากขั้วหัวใจ “ไอ้หยา!” ทันทีทันใดนั้นนางกากีหายวับไปกับตา เหลือ


แต่ “อาหมวยเกีย๊ ” นอนดิน้ ปัด๊ ๆอยู่ เล่นเอาพญาครุฑ ของเราหางหดไปทีเดียว อยากจะเหลือแต่ปีกจะได้ บินหนีให้เร็วที่สุด พอบินกลับมาถึงบ้านกลางดึกคืนนั้นได้ ความ รู้สึก “กึ๊กกึ๋ย” แปลกๆจึงค่อยจางหายไป เมียทำ�ท่า งงถามว่า “อ้าวไหนพ่อ โทรทางไกลมาบอกว่า เรื่องที่จะ ประชุมสำ�คัญมาก ยังกลับคืนนี้ไม่ได้ไงจ๊ะ” “คิดถึงจ้ะ ไม่รู้เป็นไง มันเกิดอยากได้ยินเสียง กรนของแม่” ท่านผูอ้ า่ นพอเห็นด้วยไหมคะ ว่าความเหมือน กันของกลุ่มคนที่เราเกิดมาอยู่ร่วมกันนั้น มีมากมาย

ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ� การที่จะไป ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ต่างกัน ไม่ว่าจะต่างชาติ ต่าง สังคม ต่างการศึกษา ต่างการอบรม หรือต่างความ เชือ่ ถือนัน้ อาจเป็นเหตุทีก่ อ่ ให้เกิดผลทีไ่ ม่ดมี ากมาย ในการใช้ชีวิตร่วมกัน ปัญหาจึงไม่ใช่แต่เพียง การที่ จะต้องพูดภาษากันเข้าใจเท่านั้น

ขอขอบคุณ

คุณเมตตา อุทกะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำ�กัด (มหาชน) ที่กรุณาบริจาคเงินสมทบค่าใช้จ่ายในการจัดทำ�นิตยสารอิเล็คโทรนิคของ สมาพันธ์ครูสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยในยุโรป (Federation of Thai language and culture Teachers in Europe – FETTE)

23


ดูน ิ ส ั ย คน จากกรุ๊ปเลือด

กรุ๊ปเลือดของแต่ละคนจะบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของเจ้าของได้ รวมถึงจะเกี่ยวโยงใน เรื่องของการงานด้วยว่า คนแต่ละกรุ๊ปเลือดจะมีลักษณะการทำ�งานอย่างไร

คนที่มีเลือดกรุ๊ป

A

หนุ่มสาวเลือดกรุ๊ป A จะมีความรอบคอบทำ�อะไรสม่ำ�เสมอ จึงชอบที่จะก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว อย่างมัน่ คง ถึงแม้จะช้าไปบ้างก็ไม่ใช่เรือ่ งใหญ่ เมือ่ จะลงมือทำ�อะไรก็จะวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อน จาก นั้นก็จะวางแผนล่วงหน้า คาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าและเตรียมรับมือ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือเกิดน้อยที่สุด ทำ�ทุกอย่างด้วยใจรักแม้จะยากลำ�บากแค่ไหน คนกรุ๊ป A จะเป็นคนสม่ำ�เสมอ ไม่วอกแวก ไม่โลดโผน จึงจะแสดงออกมาให้เห็นในงานที่ทำ� จะ ก้าวย่างไปตามทางของตนเองอย่างเงียบๆ ลักษณะของคนกรุ๊ป A เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีสติปัญญา ลักษณะพิเศษ และจะทำ�อะไรตามระบบระเบียบเงื่อนไข การเลือกงานของคนกรุ๊ป A ปัจจัยแรกจะต้องเป็นงานที่มั่นคง เพราะงานเป็นสิ่งที่คนกรุ๊ป A จะ แสดงความสามารถให้คนอื่นเห็นได้ แต่การแข่งขันเพื่อแย่งตำ�แหน่ง ในงานต่าง ๆ นั้นก็มีผลกระทบต่อ คนกรุ๊ป A เนื่องจากเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายอาจทำ�ให้ไม่สามารถ แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา คนกรุ๊ป A จะให้ความสำ�คัญกับชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาหรือสถานที่ทำ�งาน ดังนั้นเขาหรือเธอ จะเลือกเรียนในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง และเข้าทำ�งานที่ตัวเองคาดหวังไว้นั้นก็จะรู้สึก พอใจอย่างยิ่ง

24


คนที่มีเลือดกรุ๊ป

B

พระเจ้ า ประทานความคิ ด สร้ า งสรรค์ ม าให้ กั บ หนุ่ ม สาวกรุ๊ ป B อย่ า ง เหลือเฟือ นอกจากเป็นคนมีไอเดียเริด ยังเป็นคนเก่ง จับจุดได้เก่ง และชอบออก ความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ แต่บางครั้งก็ออกความเห็นของตนเองโดยไม่ใส่ใจ ความรู้สึกของผู้อื่น แต่บางครั้งเรื่องกระจิ๊บกระจ้อยของตัวเองกลับไม่สามารถ จัดการให้เรียบร้อยเข้าที่เข้าทางได้ ชอบเป็นผู้นำ�มากกว่าเป็นผู้ตาม มีความเป็น ตัวของตัวเองสูง เกลียดการอยู่ในกฎในเกณฑ์ หรือมะงุมมะงาหราอยู่ในเรื่องที่ น่าเบื่อ หนุ่มสาวเลือดกรุ๊ป B ไม่เหมาะที่จะทำ�งานบริษัทหรือรับราชการ ที่จะต้อง มาตอกบัตรเข้าออกหรือทำ�งานอยูใ่ นกรอบ คนกรุป๊ B ควรทำ�งานทีค่ อ่ นข้างอิสระ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อใช้ความสามารถที่ออกมาจากมันสมองให้เต็มที่ และ ด้วยความที่เป็นคนที่กล้าและชอบการท้าทาย จึงอยากจะทำ�ในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ� แม้สิ่งนั้นหรืองานนั้นจะยากเกินไปสำ�หรับผู้หญิง แต่สาวกรุ๊ป B ก็บ่ยั่นที่จะทำ� อย่างเช่น เป็นนักบินสาว เป็นสาววิศวกรโครงสร้างอาคาร เป็นต้น แต่ข้อเสียอยู่ตรงที่เป็นคนเบื่อง่าย จะมีเวลาสนใจในสิ่งที่ทำ�ไม่นานนัก ดัง นั้นหากคนกรุ๊ป B คิดจะทำ�อะไรก็ต้องรีบลงมือในทันที อย่างที่บอกแล้วว่ากรุ๊ป เลือดของแต่ละคนจะบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของเจ้าของได้ และจะเกี่ยวโยงในเรื่อง ของลักษณะการทำ�งานด้วย

25


คนที่มีเลือดกรุ๊ป

AB

หนุ่มสาวเลือดกรุ๊ป AB จะมีบุคลิกร่าเริงสดใส รักสันติ ชอบผูกมิตรและเข้า กันได้ดีกับทุก ๆ คน เกลียดการทะเลาะเบาะแว้ง หลีกเลี่ยงการวิวาทกับคนอื่น อย่างทีบ่ อกแล้วว่าเป็นคนชอบผูกมิตร ดังนัน้ ไม่วา่ จะทำ�งานอะไรหรือต้องพบปะ* คุณก็จะเข้ากันดีกับเพื่อนร่วมงาน งานที่เหมาะกับคนกรุ๊ป AB จึงเป็นงานที่ต้องประสานกับผู้คนหลาย ๆ ฝ่าย อย่างเช่น การเป็นเลขานุการ เป็นที่ปรึกษา ซึ่งจะดึงความสามารถที่มีอยู่มาใช้ได้ อย่างเต็มที่ หนุ่มสาวเลือดกรุ๊ป AB ยังเป็นคนรักสวยรักงาม หากหยิบตรงนี้มาทำ � ประโยชน์อย่างเช่น การเปิดร้านเสื้อผ้า กิ๊ฟท์ชอปเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะทำ�ให้สนุกกับ งานมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็น คนมีความสามารถรอบด้าน และมีพรสวรรค์ ไม่ ว่าจะทำ�อะไรคุณจึงมักไม่ต้องพยายามมากเหมือนคนอื่น แต่กม็ ขี อ้ เสียตรงทีเ่ ป็นคนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เวลาเกิดอุปสรรคนิดๆ หน่อยๆ ก็อาจจะทำ�ให้ท้อได้ แถมยังเป็นคนขาดความเชื่อมั่นอย่างร้ายกาจ คุณจึงไม่ เหมาะจะทำ�งานที่ต้องการการตัดสินใจมาก ๆ หรืองานที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันเพื่อ ให้ได้มาซึ่งตำ�แหน่งสูง ๆ 26


คนที่มีเลือดกรุ๊ป

O

คนเลือดกรุ๊ป O จะเป็นคนมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้หรือท้อถอยต่ออุปสรรค ลองได้ ตั้งความหวังอะไรไว้ ถึงแม้จะไกลสุดกู่หรือเป็นไปได้ยาก คุณก็จะพยายามเพื่อ ก้าวไปสู่จุดนั้นให้ได้ นอกจากจะไม่ยอมแพ้คนอื่นแล้วคุณยังชอบที่จะเอาชนะใจ ตัวเอง โดยถือคติว่าหากชนะใจตัวเองก็เหมือนชนะใจคนอื่นไปแล้วครึ่งหนึ่ง และ ยิ่งมีคู่แข่งก็จะยิ่งมีความพยายามมากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม หากเป็นงานที่ ไม่ถนัด หรือไม่อยู่ในความสนใจก็จะเลิกล้มง่าย ๆ ถึงแม้จะทำ�งานในบริษัทใหญ่ โตและมั่นคงก็ตาม หนุ่มสาวกรุ๊ป O จะมีความทะนงตัวเองมาก จึงไม่ชอบที่จะเป็นลูกน้องใคร หรือต้องทำ�ตามคำ�สั่งของใคร ชอบที่จะทำ �ตามความคิดของตัวเองเป็นหลัก มากกว่า คนเลือดกรุ๊ปนี้จึงไม่เหมาะที่จะมานั่งตอกบัตรเข้าออกและทำ�งานตาม ระบบที่เจ้านายสั่ง คุณชอบที่จะเป็นผู้นำ�ของคนอื่น หรือให้คนอื่นทำ�ตามที่คุณ ต้องการมากกว่า คุณจึงเหมาะที่จะเป็นเจ้านายของตัวเอง คือทำ�งานในบริษัทที่ คุณเป็นเจ้าของเอง จะทำ�ให้สามารถคิดหรือทำ�งานได้อย่างที่คุณต้องการ คนเลือดกรุ๊ป O ชอบให้คนรอบข้างสนใจในตัวเอง และเป็นคนมีความ พยายามมาก หากเป็นนักกีฬาจะเป็นคนที่มีน้ำ�ใจนักกีฬาและจะเป็นหัวหน้าทีม เป็นแกนนำ�ที่ดีที่น่ายกย่อง ไม่ว่าจะทำ�อะไรคุณจะมีความพยายามมากกว่าคน อื่น 2-3 เท่า เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย แต่ข้อที่ต้องระวังก็คือ คุณเป็นคนเชื่อมั่น ในตนเองมากเกินไปและชอบออกคำ�สั่งให้คนอื่นทำ�ตามเสมอ คงไม่มีใครคอย รองรับอารมณ์คุณได้นานนักหรอก จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

27


น้ำ�ตาที่ไหลริน ศ.นพ.อ ศรีประสิทธิ์ บุญวิสุทธิ์ sisbv@mahidol.ac.th

สุภาพสตรีท่านหนึ่งมีถุงใต้ตา ซึ่งหลายๆท่านคงจะมักคุ้นกับสตรีวัยกลางคนที่เริ่ม มีถุงไขมันใต้ตา สังเกตง่ายๆก็คือถุงนั้นจะโป่งพองออกมาค่อนข้างนิ่มและขอบของถุง ด้านล่างก็อยู่แนวเดียวกับขอบของกระดูกของกระบอกตาด้านล่างนั่นเองลองใช้นิ้วมือ คลำ�ดูก็ได้ครับ แต่เมื่อให้เธอยิ้มถึงจะเห็นถุงพองออกมาอีกชั้นหนึ่ง อยู่สูงกว่าถุงใบแรก มีความ กว้างประมาณ 4-5 มิลลิเมตร อยู่ชิดขอบตาล่างต่ำ�กว่าขนตาลงมา ลองถามดูก็พบว่า ลักษณะนีเ้ ป็นมาตัง้ แต่สาวๆ คือเวลายิม้ แล้วจะมีถงุ เป็นเส้นขึน้ มาใต้ขอบตาล่าง ลักษณะ สองอย่างนี้ไม่เหมือนกันนะครับ ถุงใบแรกเกิดจากความเสื่อมสภาพธรรมดาของร่างกายมนุษย์(ไม่อยากใช้คำ�ว่า ‘ชรา’ ให้แสลงหูเลย) เนื่องจากว่ากระบอกตานั้นนอกจากบรรจุลูกนัยน์ตา ประสาทรับ ภาพ เส้นประสาทรับความรู้สึก เส้นประสาทเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อที่กรอกลูกตาไปมา หลอดเลือด หลอดน้ำ�เหลืองแล้ว ก็ยงั มีไขมันซึง่ เหมือนกระดาษฝอยๆทีใ่ ส่ไว้ในกล่อง เพือ่ ประคับประคองโคมไฟ ซึ่งเปรียบเหมือนลูกตาได้ยังไงยังงั้น ปากกล่องมีเยื่อบางๆคลุม ปิดกระบอกตาเอาไว้ เหลือแต่ช่องที่อยู่ระหว่างขอบตาบนกับขอบตาล่างเท่านั้น นานๆ ไปเยื่อคลุมนี้ก็หย่อนยานเอนห้อยออกมาข้างนอกทำ�ให้ดูโป่งย้อยออกมาเป็นถุงไขมัน ส่วนถุงทีอ่ ยูเ่ หนือขึน้ ไปนัน้ แท้จริงเป็นเพียงเส้นของกล้ามเนือ้ ซึง่ ปกติธรรมดาบริเวณ เปลือกตาจะมีกล้ามเนื้อหูรูดล้อมรอบอยู่แล้ว กล้ามเนื้อหูรูดนี้มีไม่กี่แห่งในร่างกาย เช่น หูรูดรอบตาเมื่อหลับตาปี๋จะเห็นเส้นแนวซึ่งตั้งฉากกับลายของกล้ามเนื้อหูรูดปรากฏขึ้น คนไทยเราเรียกว่า “ตีนกา” นั่นเอง ตรงกับที่ฝรั่งเรียกว่า Crow’s Feet (แต่คุณผู้ชายที่ 28


รำ�คาญฝ่ายภรรยาที่วุ่นวายกับเรื่องตีนกามาก ก็ แกล้งเสแสร้งไปเรียก “ตีนกู” ก็มี) กล้ามเนื้อรอบช่อง ปากนั่นก็อีกตัวอย่างหนึ่ง สามารถทำ�ให้ปากจู๋ได้ กล้ามเนื้อรอบรูทวารหนักก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอีก อย่างหนึ่ง กล้ามเนื้อรอบเปลือกตานั้นจะมีสามส่วน คือ ส่วนทีอ่ ยูห่ น้าแผ่นกระดูกอ่อนของเปลือกตา(ถ้าท่าน ที่ยังไม่ทราบว่าเปลือกตามีแผ่นกระดูกอ่อนก็ลอง ทำ�ตาปลิ้นหลอกกันดู ในสมัยก่อนเด็กๆไม่มีของเล่น มากเหมือนในปัจจุบัน ก็ปลิ้นตาหลอกกันก็มี) ส่วน ถัดออกมาคือบริเวณหน้าต่อมถุงไขมันที่ว่านั่นเอง ส่ ว นนอกสุ ด อยู่ ว งกว้ า งออกมารอบกระบอกตาที่ เป็นกระดูก เจ้าส่วนที่อยู่วงในสุดนั่นเอง ในคนบางคนโดย เฉพาะคนเอเซียผิวเหลืองอย่างเรา เวลายิ้มเป็นสัน นูนเด่นขึ้นมา ลองสังเกตดูดีๆ ดาราหลายคนก็เป็น นะครับ บางคนก็ดูเก๋ดี แต่บางคนก็ดูว่าน่าเกลียด อยากจะเจียนออกเสียบ้าง สรุปสุภาพสตรีรายนี้ก็เป็นถุงทั้งสองแบบ ใบ แรกจากความชรา และใบที่อยู่เหนือกว่าเป็นมาตั้ง แต่สาวๆ การผ่าตัดแก้ไขนั้นก็สามารถทำ�ได้ตรงไป ตรงมาเหมือนกับการผ่าตัดทำ�เปลือกตาล่างทั่วไป คือเอาไขมันออกเสียบ้างดึงเปลือกตาล่างให้กระชับ และเจียนกล้ามเนื้อออกเสียบ้างนั่นเอง ในสุภาพสตรีรายนี้หางคิ้วและหางตาตกด้วย จึงปรึกษาหารือกันว่าอยากจะขอทำ�ดึงหางคิว้ หางตา ไปพร้อมกัน ถึงวันนัดก่อนทำ�การผ่าตัดก็ได้พดู คุยกัน ถึงรสนิยมของคุณสุภาพสตรีซึง่ ผูเ้ ขียนคะเนจากอายุ แล้ว ก็เชื่อว่าน่าจะชอบเพลงเมื่อ 30-40 ปีก่อน

ระหว่ า งผ่ า ตั ด หมอกั บ คนไข้ พู ด กั น อย่ า งน่ า สนใจสักพักเดียวน้ำ�ตาก็เอ่อล้นท่วมจอขึ้นมาดื้อๆ แบบทำ�นบแตก เล่นเอาผู้เขียนงงทีเดียว เนื่องจาก ไม่เคยพบมาก่อน และแว่นขยายที่ใส่ผ่าตัดยิ่งช่วย ทำ�ให้ลักษณะน้ำ�ตาเหมือนทำ�นบเขื่อนแตกยังไงยัง งั้น รีบถามคุณเธอไปว่า เจ็บหรือครับ ได้คำ�ตอบว่า ไม่ใช่หรอกค่ะ แต่เพลงที่เปิดเหมือนกับชีวิตหนูเหลือ เกิน! เพลงทีเ่ ปิดเป็นเพลงของ Agnes ชือ่ Nobody’s child ที่เธอร้องเสียจนซาบซึ้งกินใจ ทำ�ให้สุภาพสตรี ท่านนี้นึกไปถึงวัยเด็ก ซึ่งคงจะมีความน้อยเนื้อต่ำ�ใจ อะไรอยู่ ก ระมั ง เลยทำ � ให้ เ กิ ด อารมณ์ ส ะเทื อ นใจ อย่างหนัก ผู้เขียนก็เลย “อึ้งกิมกี่” ไปชั่วครู่ก่อนที่จะ กล่าวว่า “เดี๋ยวนี้คงไม่เป็นอย่างนั้นแล้วใช่ไหมครับ” คุณเธอถึงยิ้มออกมาได้ เรื่ อ งดนตรี ใ นห้ อ งผ่ า ตั ด และการใช้ ด นตรรี บำ�บัดช่วยคลายความเครียดในห้องผ่าตัดนั้นได้ผล ดีในทุกราย แต่บางครัง้ ก็เกิดอารมณ์สะเทือนใจอย่าง ไม่คาดคิดก็ได้เหมือนกันนะครับ แต่ก็ happy ending ด้วยการ recall ความรู้สึกเก่าๆ แล้วก็เปรียบ เทียบกับความเปลี่ยนแปลงปัจจุบันในเชิงบวก ออกจากห้ อ งผ่ า ตั ด ได้ คุ ย กั บ คุ ณ สุ ภ าพสตรี ท่านนี้อีกสักพักด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสซึ่งกันและ กัน จึงขอเปิดเพลงนี้ให้ฟังอีกสักครั้งเป็นการคลาย เครียด “No mummy’s kisses and no daddy’s smiles Just like a flower I’m nobody’s child….” 29


มันอยู่ใน

สมอง แดนเจอร์

ใครจะคาดคิดว่าพืชผักใบเขียวที่มีคุณอเนก อนั น ต์ วั น หนึ่ ง จะแปรสภาพเป็ น ตั ว นำ � สายพั น ธุ์ มรณะเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว ต่อเมื่อมันค่อยๆคืบ คลานและรุกรานอาณาเขตของอวัยวะสำ�คัญที่สุด แล้ว เมื่อนั้นความร้ายกาจเป็นอย่างไรคงไม่มีใคร ตอบได้เท่าหญิงสาวคนนี้ “เหตุ ก ารณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น กั บ ดิ ฉั น ครั้ ง นี้ เป็ น อุทาหรณ์ให้อกี หลายๆคนได้รเู้ ท่าทันถึงภัยทีม่ าเหนือ เมฆ เพราะใครจะเชื่อว่าจากสภาพร่างกายภายนอก ที่ดูแข็งเรงสมบูรณ์ แต่จริงๆแล้วอวัยวะภายในผ่าน การทำ�ศึกกับกองทัพพยาธิติดต่อกันอย่างยาวนาน กว่าจะรูก้ เ็ กือบเอาชีวติ ไม่รอด แม้คราวนีด้ ฉิ นั จะโชค ดีแต่ต้องเจียดพื้นที่สมองบางส่วนให้เป็นที่สิงสถิต ของพยาธิไปตลอดชีวิต 30

ตั้งแต่จำ�ความได้ดิฉันเติบโตมาในบ้านที่ต้อง มีผักสดอยู่บนโต๊ะอาหารทุกมื้อ ยิ่งหลังบ้านเป็นคูน้ำ� ก็จะมีผักบุ้งไทยเติบโตทอดยอดงดงาม แม่ครัวเด็ด ยอดอ่อนๆมาผัดกับน้ำ�มันบ้าง ทานสดกับน้ำ�พริก บ้ า ง สลั บ ขึ้ น โต๊ ะ เป็ น ประจำ � กระทั่ ง ดิ ฉั น เรี ย น มหาวิทยาลัย ความที่เป็นคนรูปร่างผอม แขนขายาว เก้งก้าง ผู้ใหญ่เห็นจะทักว่าผอมจังทำ�ไมกินเท่าไรไม่ อ้วน สงสัยพยาธิช่วยกินหมด ยิ่งเพื่อนผู้ชายที่คณะ บอกว่าทานยาถ่ายพยาธิแล้วน้ำ�หนักขึ้นสองกิโล ยิ่ง ตอกย้ำ�ความเชื่อนั้นเข้าไปอีก ดิฉันอยากอ้วนเลยซื้อยาถ่ายพยาธิยี่ห้อเดียว กั น มาทานโดยไม่ ป รึ ก ษาใคร อ่ า นจากเอกสาร ประกอบยาว่าสามารถถ่ายพยาธิได้ทุกชนิด ซึ่งตาม เกณฑ์อายุต้องกินสี่เม็ดและยังบอกอีกว่า ถ้าอยาก


เห็นตัวพยาธิให้ทานยาถ่ายอย่างแรงตามไปด้วย แต่ ดิฉันเลือกที่จะทานยาถ่ายพยาธิอย่างเดียว น้ำ�หนัก ขึน้ สมใจ แม้ไม่พรวดพราดแต่อย่างน้อยรูส้ กึ ว่าพยาธิ ออกไปแล้ว ร่างกายน่าจะสมบูรณ์ขึ้น หลังจากจบจากอเมริกาได้ทำ�งานในสายการ บินแห่งหนึ่ง ชีวิตดำ�เนินไปตามปกติจึงไม่ทันระวัง สังเกตถึงความผิดปกติที่ค่อยๆเกิดขึ้นในร่างกาย วัน หนึ่งดิฉันนั่งท้าวแขนรู้สึกมีตุ่มขึ้นที่ท้องแขน ถัดมา ไม่ น านบริ เ วณนิ้ ว ก้ อ ยด้ า นซ้ า ยมื อ มี ก้ อ นเนื้ อ แข็ ง เหมื อ นกระดู ก ปู ด ขึ้ น มาอี ก รวมทั้ ง ที่ เ หงื อ กก็ เ ช่ น เดียวกัน จนกระทัง่ มีซสี ต์ขึน้ บริเวณหน้าอก ตลอดมา ดิฉันผ่าตัดออกทุกครั้ง แต่ก็เริ่มเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมีการปวดหัวไมเกรนร่วมด้วย หมอบอกว่าซีสต์ เป็นเรือ่ งธรรมดา ซึง่ จากผลการตรวจพบว่าอัตราการ เสี่ยงที่จะกลายเป็นเนื้อร้ายนั้นต่ำ �มากจึงไม่ใส่ใจ ส่วนอาการไมเกรนก็รักษาด้วยการกินยาตลอดมา ที่สุดความผิดปกติที่มีมาตลอดสิบปีก็แสดง ตัวอย่างชัดเจน ดิฉันไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวัน นั้นเลย ประมาณห้าโมงเย็นดิฉันขับรถออกจากที่ ทำ�งานแถวสยามสแควร์ไปธุระที่สุขุมวิท ขณะที่ถึงสี่ แยกราชประสงค์ ตาเริ่มพร่า ภาพข้างหน้าเป็นจุด ดาวเต็มไปหมดมองอะไรเกือบไม่เห็น ใจคอไม่ดีเกิด มาไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้มาก่อน ซึ่งตอนนั้นสุขุมวิท ยังวิ่งรถสวนกันได้ ประเมินจากอาการถ้าฝืนขับรถ ต่ อ เกิ ด เป็ น อะไรกลางทางอาจเสี่ ย งต่ อ การเกิ ด อุบัติเหตุได้ จึงตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาเข้า โรงแรมเอราวัณ วินาทีนั้นกลัวตาบอดมาก เพราะจำ� คำ�ที่พ่อบอกตั้งแต่เด็กได้ว่าตาคือตะเกียงส่องชีวิต ถ้าเราไม่มีตาก็อ่านหนังสือไม่ได้ ยิ่งดิฉันเป็นคนรัก

การอ่านก็ยิ่งเป็นกังวลมาก ดิฉันจอดรถแล้วพยายามคลำ�ทางเดินไปให้ถึง ทีรูม บอกตัวเองว่าต้องโทรศัพท์หาแม่ จำ�ได้ว่าแป้น ยังเป็นแบบหมุนอยู่เลย ทั้งที่ตามองไม่เห็นแล้ว ดิฉัน ใช้มือค่อยๆคลำ�เลขทีละตัว จนได้ยินเสียงแม่ ดิฉัน บอกท่านว่า “ลูกไม่สบายจ้ะ ตามองไม่เห็น” พอแม่รู้ว่าอยู่โรงแรมยิ่งเป็นห่วงจะมารับ ดิฉัน พยายามนึกชื่อโรงแรมเท่าไรก็นึกไม่ออก เหมือน ความทรงจำ�หายไป บอกได้แต่วา่ อยูใ่ กล้ทที่ �ำ งาน แม่ ไล่ชื่อโรงแรมแถวนั้นทุกที่แต่ยกเว้นเอราวัณ ท่าน บอกว่าค่อยๆคิดว่ามีอะไรเป็นจุดสังเกตบ้าง ความที่ ทานเอแคลร์ของโรงแรมนี้ตั้งแต่เด็ก ก็บอกท่านว่า โรงแรมที่มีเอแคลร์ ท่านจึงรู้และบอกให้ดิฉันรออยู่ ตรงนั้น เพราะพ่ อ ทำ � งานอยู่ แ ถวซอยนานาจึ ง มาถึ ง โรงแรมก่อน ภาพแรกทีท่านเห็นคือลูกสาวฟุบอยู่ที่ โต๊ะ น้ำ�ส้มที่สั่งมายังไม่ได้ดื่ม ท่านตกใจมากนึกว่า ลูกสาวโดนมอมยา จึงพยุงตัวไปส่งโรงพยาบาลใน สภาพทีห่ มดสติ เหตุการณ์ตอ่ จากนัน้ พ่อเล่าว่า ขณะ ที่แม่กำ�ลังถอยรถเห็นดิฉันตัวเกร็ง พ่อลงไปจับหัว แล้วนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่นับถือ จากนั้นได้ ยินเสียงคร่อกพร้อมกับตัวที่เกร็งก็เริ่มคลาย ดิฉันถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที เพื่อนเล่าให้ ฟังทีหลังว่าเขามองจากช่องเล็กๆทางประตูเห็นดิฉัน ลุกจากเตียงและชักเกร็งอีกครั้ง หลังจากนั้นก็สลบ ไปสามวันสามคืน วินาทีแรกที่รู้สึกตัวหมอถามว่า เคยทานยาถ่ายพยาธิหรือเปล่า แล้วจากนั้นมีซีสต์ ปรากฏตามตัวไหม ซึ่งคำ�ตอบก็ใช่หมด เท่านั้นหละ 31


หมอสั่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ปรากฏว่า เจอแผลเป็นจุดๆทางสมองซีกขวาประมาณ 6-7 จุด ซึ่งเกิดจากตัวอ่อนของพยาธิขึ้นไปตายอยู่นาน จน สมองสร้างแอนตีบ้ อดีเ้ คลือบเป็นก้อนแคลเซียมแข็ง มีขนาดใหญ่พอไปบล็อกเส้นโลหิตฝอยจึงทำ�ให้เกิด อาการชัก โดยหมอสันนิษฐานจากที่ดิฉันชอบกินผัก บุ้งไทย เป็นไปได้ว่าพยาธิอาจมาจากผักบุ้งที่อยู่ใน ปล้องล้างอย่างไรก็เอาออกไม่ได้ พร้อมกับให้ความ เห็นว่าถ้าจะผ่าตัดออก ก็เปรียบเหมือนมีคฤหาสน์ หลังใหญ่ แล้วเผอิญมีกล่องสมบัติเล็กฝังอยู่ใต้บ้าน คุณต้องพังบ้านเพื่อเอาสมบัตินั้นมันไม่คุ้ม ฉันใดก็ ฉั น นั้ น กั บ การผ่ า ตั ด สมอง ซึ่ ง เสี่ ย งมากใช้ วิ ธี คุ ม อาการด้วยยากันชักน่าจะดีกว่า ผลจากการชักสองครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน มี ผลให้รอยหยักในเนื้อสมองบวมขึ้น เพราะฉะนั้นการ พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล นอกจากพ่อแม่ที่เฝ้าทั้ง คืนทั้งวันแล้ว ดิฉันจึงจำ�ใครไม่ได้เลย ขนาดเพื่อนที่ ทำ�งานมาเยีย่ ม ดิฉนั มองหน้าเพือ่ นกับแม่สลับกันไป มานึกว่าเป็นแขกท่าน กระทั่งนายฝรั่งมาเห็นอาการ ซึ่งเขาเล่าให้ฟังทีหลังว่า วันรุ่งขึ้นเขาบอกผู้จัดการ ฝ่ายบุคคลเลยว่าให้เตรียมหาคนใหม่ เพราะดิฉันคง กลับมาทำ�งานไม่ได้แล้ว จากนั้นหมอแนะนำ�ให้เล่นครอสเวิร์ด หรือฝึก วิธีคิดว่าเมื่อวานทำ�อะไร แล้วค่อยๆถอยหลังกลับไป เป็นสองวันที่แล้ว วันนี้ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เป็นการฝึก สมองและฟื้ น ความทรงจำ � ดิ ฉั น ไม่ เ คยท้ อ แท้ ใ จ เพราะแน่ ใ จว่ า เราอยู่ ใ นความดู แ ลของหมอทาง สมองที่เก่งที่สุดของเมืองไทย และพยายามคิดในแง่ บวกตลอดว่า โชคดีกว่าหลายๆคนที่ตำ�แหน่งของ 32

แผลเป็นไม่สำ�คัญมาก ดิฉันเคยเห็นคนไข้บางคนที่ พยาธิขึ้นสมองไปที่จุดสำ�คัญ ทำ�ให้นั่งคอตกตลอด เวลา หลังจากพักฟื้นประมาณสามเดือน ดิฉันยังจำ� วันแรกที่กลับไปทำ�งานได้เลยว่ารับสภาพตัวเองไม่ ได้ เพราะจากทีเ่ ป็นสาวทำ�งานคล่องแคล่ว กลายเป็น ว่าแค่นัง่ หน้าคอมพิวเตอร์ยงั ไม่รูจ้ ะเอามือวางไว้ตรง ไหน วิตกกังวลว่าจะทำ�งานไม่ได้ พอยิ่งเครียดก็ยิ่ง ไม่เป็นผลดีกับร่างกาย ความที่สมองยังมีรอยแผล เป็นอยู่ ดิฉันจึงมีโอกาสกลับมาชักได้ตลอดเวลา จึง ต้องทานยากันชักทุกวัน วันละ 3 เวลา นอกจากนั้น ยังต้องไปตรวจเช็คร่างกายสม่ำ�เสมอทุกเดือน เพื่อดู เกี่ยวกับประสาทความสมดุลของการทรงตัว และ พยายามหลีกเลี่ยงแสงไฟวูบวาบในดิสโก้เธค ไม่ นอนดึก และบำ�รุงสุขภาพให้แข็งแรง ทุกครั้งหมอยืนยันว่าความจำ�จะกลับมา ยิ่ง ทำ�ให้มกี ำ�ลังใจขึน้ พยายามฝึกปฏิบตั อิ ย่างเคร่งครัด นอกจากเล่นครอสเวิร์ดยังจดไดอารี่ว่าวันนี้ทำ�อะไร บ้าง เพื่อไว้ตรวจเช็คความถูกต้องว่าตัวเองจำ�ได้จริง หรือเปล่า รวมทั้งเพื่อนร่วมงานให้ความช่วยเหลือ อย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกคนในครอบครัวเป็น ห่วงมาก อยากให้หายเป็นปกติ ใครบอกว่ามีหมอมี พระที่ไหนเก่ง ไม่ว่าไกลแค่ไหนพ่อแม่ก็พาไปรักษา หนึ่งปีผ่านไปความจำ�กลับมาเป็นปกติ พร้อม กับความถี่ในการไปหาหมอก็ค่อยๆห่างไป ในที่สุด หมอให้หยุดยากันชัก หลังจากทานมาสิบปีเต็ม แต่ ผลจากการใช้ยาอย่างต่อเนือ่ งและยาวนาน ประกอบ กับวัยที่มากขึ้น ทำ�ให้มีอาการของโรคกระดูกพรุน และเหงือกร่น ที่สำ�คัญหมอไม่แนะนำ�ให้มีลูกเพราะ


อาจได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ยา ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่ง ต้องระวังการชัก ถ้าล้มป่วยตอนนี้คงไม่สนุก ดิฉัน พยายามรักษาสุขภาพจิต และสุขภาพกายให้ดี คิด ทางบวกเสมอ ใช้ชีวิตร่วมกับมันอย่างปกติสุข ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น เวลาไปทานข้าวนอก บ้าน ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคารหรู หรือโรงแรมห้าดาว ถ้าไม่แน่ใจในความสะอาดจะไม่ยอมตามใจปาก โดยเฉพาะผักบุ้งเลิกทานเด็ดขาด ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง โรงพยาบาลจุฬา โรคติดเชื้อทางสมองที่มีสาเหตุจากพยาธิที่พบ มากในประเทศไทยมีอยู่ 3 ชนิด คือ 1. พยาธิหอยโข่ง พบมากในกลุม่ ทีช่ อบบริโภค หอยโข่ง กิ้งก่า หรือแย้ดิบ เมื่อผ่านกระเพาะและ ลำ�ไส้เข้าสู่เส้นเลือด บริเวณที่พบมากคือในเยื่อหุ้ม สมอง ถ้าพยาธิมีจำ�นวนมากและแข็งแรงมากพอ จะ สามารถไชลึกเข้าไปในจุดสำ�คัญ ทำ�ให้คนไข้เกิดการ ตกเลือดในสมอง กระทั่งเสียชีวิต 2. พยาธิตัวจี๊ด พบมากในกลุ่มที่บริโภคเนื้อ สัตว์ดบิ ทุกประเภท จะไชเข้าทางรากประสาททีว่ งิ่ เข้า ไขสันหลังและรากประสาทสมอง อาการเริ่มแรกจะ ปวดจี๊ดๆ ความที่เนื้อเยื่อคนไม่ใช่ที่อยู่ของพยาธิ มัน จึงพยายามดิ้นรนหาทางออกไปตามที่ต่างๆ เผอิญ เป็นพยาธิที่มีขนาดใหญ่ ก็จะเข้าไปตัดเนื้อเยื่อต่างๆ เช่ น ถ้ า ตั ด ไขสั น หลั ง จะมี อ าการขาสองข้ า งเป็ น อัมพาต ถ้าตัดก้านสมองจะเกิดการตกเลือดในสมอง ถ้ามีขนาดใหญ่จนไปกดทับสมองบริเวณข้างเคียง คนไข้จะมีอาการอัมพาต ไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตใน ที่สุด

3. พยาธิตวั ตืด พบมากในกลุม่ ทีบ่ ริโภคเนือ้ หมู ดิบ รวมทั้งผักที่ไม่สะอาด พยาธิจะกระจายไปตาม ส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทัง้ สมอง โดยฟอร์มตัวเป็น ซีสต์ ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือปล่อยสารที่ต่อต้านการ มองเห็นของระบบการต่อสูเ้ ชือ้ โรคในร่างกายออกมา ทำ�ให้ไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่ถ้าซีสต์นั้นมี ขนาดใหญ่มากจนอุดทางเดินน้ำ�หล่อเลี้ยงสมอง มี ผลทำ � ให้ ค วามดั น ในสมองสู ง ก็ เ ป็ น อั น ตรายได้ กระทั่ ง สารนั้ น หลั่ ง ออกมาหมดจนภู มิ คุ้ ม กั น ใน ร่างกายเริ่มมองเห็นและปล่อยสารอักเสบมาต่อสู้ ก็ จะมีอาการปวดศีรษะ ต่อเมือ่ พยาธิตายและมีหนิ ปูน จับจนกลายเป็นแผลเป็นคนไข้จะเกิดการชัก ถ้าอยู่ ในตำ�แหน่งที่รบกวนการเชื่อมโยงประสานงานของ คลื่นไฟฟ้าในสมอง คนไข้จะเป็นโรคลมชักไปตลอด ชีวิต โรคที่ติดเชื้อทางสมองที่เกิดจากพยาธิ ยังไม่มี ยารักษาเฉพาะเจาะจงต้องให้วงจรชีวิตของพยาธิ ตายไปเอง วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ งดอาหารดิบทุก ประเภท ไม่ว่าเนื้อสัตว์หรือผัก ดื่มน้ำ�ที่สะอาด ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่เกิดจากโรคทางสมอง ได้ที่ www.cueid.org

33


วิญญาณ

เอลวิส เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผมเมื่อเดือนมีนาคม ปี 1982 ขณะนั้นผมมีปัญหา กับลูกชายคนเล็กของผมชื่อโทนี่ เขาชอบคบกับพวกเด็กเกเร เด็กพวกนี้ตอนหลัง ถูกจับฐานลักขโมยของในร้ า นค้ า แห่ ง หนึ่ ง เรารู้ ว่ า โทนี่ ติ ด กั ญ ชาแต่เราก็ไม่ สามารถจับเขาได้สักครั้ง ตอนนั้นเขาเรียนอยู่จูเนียร์ไฮสคูล ผลการเรียนของเขา ตกต่ำ�ลงมาก ตอนนั้นภรรยาผมเข้าผ่าตัดสันหลังทำ�ให้ต้องอยู่โรงพยาบาลเกือบ เดือน ช่วงนั้นเราจึงไม่ได้เอาใจใส่โทนี่มากนัก แต่หลังจากนั้นทุกอาทิตย์เราต้อง มีเรื่องดุว่าเขาอยู่เสมอ เพราะเขามักจะดื่มเหล้าและคบเพื่อนเลวมากขึ้นทุกวัน จนมาถึงวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ ปีนั้น เขากลับบ้านมาประมาณตีสามเมามาก ผมกับภรรยารู้สึกเป็นห่วงเขามาก ก่อนนั้นผมเอารถออกตระเวนหาเขาอยู่เกือบ สองชัว่ โมงแต่ไม่พบ เราเลยเหลืออดด่าว่าเขาอย่างรุนแรง ซึง่ เราไม่เคยทำ�มาก่อน เขาไม่พูดกับเราอยู่หลายวัน เมื่อกลับเข้าบ้านก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องเปิดเพลงเอ ลวิสฟัง เขาชอบเอลวิสมาก ห้องเขาเต็มไปด้วยรูปของเอลวิส ส่วนตัวผมเองนั้น เฉยๆกับเอลวิส และไม่เคยเห็นเขาด้วย

34


โทนี่มีความคิดว่าเขาจะไปทำ�งานที่แคลิฟอร์เนียเพื่อเข้าสู่วงการแสดง เขา เก็บเงินไว้ได้เกิน 2,000 เหรียญ อีกอาทิตย์หนึ่งหลังจากที่เราทะเลาะกัน เขาก็ เก็บของกับเงินหนีออกจากบ้านไป ภรรยาผมเสียใจร้องไห้อยู่เกือบสองอาทิตย์ ผมก็สูบบุหรี่หนักขึ้น ผมคิดว่า เขาไปแคลิฟอร์เนียจริงๆ แต่ผมก็รู้ว่าถ้าเขาอยู่นานแล้วไม่มีงานทำ�เงินเขาก็ต้อง หมด และเขาก็อาจจะทำ�อะไรที่ไม่ดีได้ ผมกับลูกชายอีกหนึ่งที่ทำ�งานกับกรม ตำ�รวจของแอตแลนต้า จึงได้วางแผนที่จะช่วยกันออกค้นหาโดยมุ่งไปที่ลอสแอง เจลิสก่อน โดยกะกันว่าจะออกเดินทางประมาณวันที่ 3 มีนาคม ที่ต้องออกช้า เพราะภรรยาผมเกิดเป็นโรคนอนไม่หลับและกระสับกระส่ายตลอดมา คืนวันที่ 1 ขณะที่ผมกำ�ลังนอนหลับอยู่นั้น ผมฝันว่าเอลวิสได้เข้าไปหาผม ที่ออฟฟิศ เขาบอกว่าเขามีข้อมูลเกี่ยวกับโทนี่จะมาบอก เท่าที่จ�ำ ได้นั้นเขาบอก ว่า “ผมรู้สึกเป็นห่วงโทนี่ครับ โทนี่เป็นแฟนเพลงของผม เขาไปอยู่ที่แอลเอ แต่ผม ก็ไม่สามารถจะเข้าไปหาเขาได้” ในความฝันนั้นผมเห็นเอลวิสใส่ชุดธรรมดาๆ ยกเว้นตรงที่เขาติดตราตำ�รวจ ไปบนเสื้อแจ็คเก็ต ตรงหลังโต๊ะทำ�งานของผมมีแผนที่ของเมืองอยู่ แต่ในฝันผม กลับเป็นมันเป็นแผนที่ของเมืองแอลเอ เขาชี้ไปที่ถนนสายหนึ่งในแอลเอ แต่ผม ไม่เคยไปที่นั่นจึงไม่รู้ว่ามันเป็นย่านไหน หรือถนนอะไร เอลวิสก็รู้สึกจนใจเขาจึง เริ่มพูดกับผม เขาว่า “นี่ฟังนะ โทนี่น่ะ อยู่ในบ้านที่เป็นห้องแบ่งเช่า” แล้วภาพๆ หนึ่งก็ปรากฏให้ผมเห็น มีถนนสายสั้นสายหนึ่ง มีร้านขายยาอยู่ตรงมุมถนน และ แผงลอยขายอาหารอยูฝ่ ัง่ ตรงข้าม แล้วผมก็รูส้ กึ ว่าผมกับเอลวิสได้ไปอยูท่ ีน่ ัน่ เรา เดินไปตามถนนสายนั้น แต่ทุกอย่างรู้สึกลางเลือน ผมมองเห็นไม่ถนัด เอลวิส พยายามชี้โน่นชี้นี่ให้ผมดูเพื่อจะให้ผมจำ�ให้ได้ เช่นบอกว่า “นี่คุณต้องมองตรงนี้ไว้นะ มันสำ�คัญนะครับ” เขาชี้ให้ผมดูบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านแบ่งเช่าที่มีหญ้าขึ้นรกรุงรัง เอลวิส พูดว่า “นี่คุณ ลูกคุณกำ�ลังติดยาเสพติด คุณต้องช่วยเขานะ” เอลวิสพยายามให้ผมดูบ้านเก่าหลังนั้น ผมมองเห็นแมวตัวหนึ่งอยู่ตรง บันไดบ้านนั้น มันพยายามที่จะเข้าไปข้างใน ดูเหมือนมันจะเป็นแมวของบ้านนี้ มันมีลายสีน้ำ�ตาล เอลวิสพยายามที่จะให้ผมจำ�ชื่อของถนนนั้นให้ได้ แต่ผมก็จำ� 35


elvis presley

ไม่ได้ ในความฝันนั้นเอลวิสสูงประมาณ 6 ฟุต และดูมีอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น ผมตื่นจากความฝันด้วยอาการมึนงง แต่ก็ยังจำ�เหตุการณ์ในความฝันนั้น ได้ดี ผมกับลูกชายชื่อ ฮาร์โรลด์ จูเนียร์ บินไปแอลเอ วันที่ 3 มีนาคม เราไปติดต่อ กับตำ�รวจทีน่ นั่ ซึง่ ก็ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างดี พวกเขาพยายามรือ้ ค้นแฟ้มต่างๆ และแนะนำ�ให้เราไปหาโทนี่ในถิ่นที่มีพวกติดยาอาศัยอยู่ แต่เราก็ไม่พบโทนี่แถว ที่เขาบอก ฮาร์โรลด์เช่ารถคันหนึ่งเพื่อการนี้ พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม ผมก็ขับรถผ่านไป ยังบริเวณทีผ่ ูเ้ ชีย่ วชาญแนะนำ�เราเอาไว้ ผมเห็นร้านขายยาร้านหนึง่ และแผงลอย ขายแฮมเบอร์เกอร์ที่ผมจำ�ได้ว่า เคยเห็นในความฝัน แล้วผมก็หันไปบอกฮาร์โร ลด์ว่า “ตรงนี้แหละ ที่เราจะพบโทนี่” ซึ่งเขาก็คงแปลกใจเพราะผมไม่ได้เล่าเรื่อง ความฝันของผมให้เขาฟัง ผมหาที่จอดรถตรงหน้าร้านยา แล้วเดินไปทางขวา ประมาณสักช่วงครึ่งตึก ผมก็เห็นบ้านเก่าๆสามหลัง ตอนนี้ผมเริ่มชินกับถนนนั้น แล้ว ตอนแรกผมไม่รู้ว่าบ้านไหนเป็นบ้านที่เอลวิสบอกผมในผัน แต่สิ่งที่ผมจำ�ได้ คือประตูหน้าและบันได ผมจึงเข้าไปดูประตูใกล้ๆ ก็เห็นว่ามีอยูห่ ลังหนึง่ ใกล้เคียง กับความฝันมาก ผมจึงเข้าไปเคาะประตูมหี ญิงแก่คนหนึง่ ถือไม้เท้าเปิดประตูออก มาแล้วถามว่า “มีอะไรหรือคุณ ฉันจะช่วยอะไรได้” ผมเลยถามเธอว่า “ที่นี่มีเด็กชื่อโทนี่ เวลซ์ อยู่บ้างหรือเปล่าครับ” เธอตอบว่า “ใช่ มีอยู่คนหนึ่ง” ผมบอกเธอว่าผมเป็นพ่อของเขา เขาหนีออกมาจากบ้าน เธอชี้ให้ผมดูห้อง ชั้นบน ผมก็ขึ้นไปทันที เมื่อไปถึงห้องของเขา ผมเคาะประตู เขาบอกว่า “เข้ามาซิ” ผมก็เปิดประตู เข้าไป เห็นเขานอนอยู่บนเตียง กำ�ลังอ่านหนังสืออยู่ ผมมองเขาและยิ้มให้ เขา หน้าซีดเผือดถามผมว่า “พ่อรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ได้ยังไง” แล้วก็ร้องไห้กระโดดเข้ามาก อดผมไว้แน่น บอกผมว่า “พ่อครับผมอยากกลับบ้าน” ผมจึงพาโทนี่ออกมาจาก บ้านหลังนั้น ตลอดทางกลับโรงแรมลูกของผมทั้งสองคนพยายามถามผมว่า ผม รู้ได้อย่างไรว่าโทนี่อยู่ที่นั่น แต่ผมก็ไม่อยากเล่าอะไรให้เขาฟัง เพราะเขาอาจเห็น ว่าเป็นเรื่องตลกก็ได้ คืนนั้นในโรงแรมที่เราพัก โทนี่กับผมคุยกันอยู่เป็นเวลานาน เขาบอกผมว่า

36


“พ่อครับ แปลกเหลือเกินตั้งแต่ผมจากพ่อมาอยู่ที่นี่ ผมฝันถึงเอลวิสถึง 2 ครั้ง เขาบอกว่าเขาเป็นห่วงผมมาก เขาบอกว่าเขาจะต้องช่วยผมให้ได้” ผมเริ่มร้องไห้เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องความฝันของผมให้ เขาฟัง จนกระทัง่ เดีย๋ วนีผ้ มก็ยงั ไม่ได้บอก แต่เดีย๋ วนีผ้ มเริม่ กล้าขึน้ แล้ว และตัดสิน ใจจะบอกเขาในไม่ช้า เป็นความจริงที่เอลวิสบอกผมว่า โทนี่สูบยาเสพติด ซึ่งเรา ก็ได้ช่วยเขานับตั้งแต่นั้น และเขาก็พยายามอย่างมาก ตอนนี้เขาหายดีแล้ว ผมไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน และไม่ทราบว่าจะคิดอย่างไรดี ผม ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง แต่ผมคิดว่าบางทีเอลวิสอาจจะเป็นห่วงลูกของผมมาก จึง ได้มาเข้าฝันเพื่อจะช่วยเขา และเอลวิสก็ทำ�ได้ จากเรื่อง Elvis After Life เขียนโดย ดร.เรย์มอนด์ มูดี้ ผู้เชี่ยวชาญและผู้ ค้นคว้าทางด้านชีวิตหลังความตาย

37


“ให้ทานด้วยการสละสติปัญญาเป็นทาน”

การแบ่งปันวิชาความรู้ของตนให้แก่ผู้อื่น ถือเป็นการ “ให้ทานด้วยการสละสติปัญญาเป็นทาน” ความรูท้ ีเ่ ราแบ่งปันด้วยการอบรมสัง่ สอนหรือให้การแนะนำ�แก่ผูไ้ ม่รู้ ให้เกิดมีความรู้ นำ�ความรูน้ ีไ้ ปใข้ ประโยชน์ได้ ถือเป็นการให้ทานที่เป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าการสละทรัพย์ใดๆ เราสามารถทำ�บุญให้ทานเป็น ความรู้เช่นนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาความรู้สายใด แขนงใด หากสามารถแนะนำ�ให้ผู้อื่นได้ ก็ถือว่าเป็นการแบ่ง ปันความรู้และสติปัญญาให้ทานแก่คนที่เขาขาดความรู้ การให้ทานเป็นความรู้นี้ผู้ให้จะได้อานิสงส์มาก บุญนี้จะส่งผลให้เกิดความสุขความรุ่งเรือง จะมี สติปัญญาปราดเปรื่องยิ่งขึ้นและมีบารมีเพิ่มพูนมาก

38

แก้ว สุพรรโณ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.