ตลาดสีเขียว
พฤศจิกายน - ธันวาคม 2555 l ปีที่ 5 ฉบับที่ 26
▲ “เราปลู ก ผั ก เพื่ อ สุ ข ภาพ
ของคนกิน” - เกษตรนนท์ ▲ เอสวี เ อ็ น อะวอร์ ด รางวัล แด่คนช่างฝัน ▲ คู ่ มื อ กิ น เพื่ อ วิ ถี สี เ ขยว ▲ ปฏิ รู ป ตลาดเกษตรอิ น ทรี ย ์ ชุมชนด้วยพลังของการ มีส่วนร่วม
วารสารคุณภาพบริษัทสวนเงินมีมา
EDITOR จาก บ.ก. > หากมีรางวัลให้กับวารสารที่ออกล่าช้าที่สุดในรอบปี
เห็นที ตลาดสีเขียว ได้ถ้วยมาเชยชมเป็นแน่...ไม่ได้ภาคภูมิใจในความไร้วินัยของตัวเองหรอกค่ะ และ อยากชี้ แ จงถึ ง เหตุ ที่ ไ ม่ ต รงเวลาอย่ า งยิ่ ง แต่ ก็ ก ระอั ก กระอ่ ว นใจ เพราะเมื่ อ ใดที่ มนุษย์ตั้งใจจะใช้เหตุผล ไม่มากก็น้อย มันก็ต้องฟังขึ้นอยู่วันยังค�่ ำ บทบาทของ มันไม่ต่างกับค�ำแก้ตัวนัก ตลาดสีเขียวฉบับนี้ ทีมงานปั่นกันเต็มเหนี่ยวแล้วล่ะค่ะ ในที่สุดก็ได้คลอดออกมาสบตาคุณผู้อ่านอีกครั้ง...ขอบคุณในความอดทนอดกลั้น และยังไม่ทิ้งกันเสียทีเดียวนะคะ :)
❝ พันธกิจของวารสารตลาดสีเขียว
เพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยง ผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และผู้บริโภค ที่ค�ำนึงถึงความยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
❞
ที่ปรึกษา
ด้วยส�ำนึกในความผิดซ�้ำซาก เราจึงทยอยไถ่บาปบางส่วน ด้วยการน�ำสารของงาน ใหญ่ 2 งานมาฝากค่ะ หน้าตาฉบับนี้จึงดูแปลกตาไปบ้าง แถมหนาขึ้นอีกเล็กน้อย ลองมาดูรายละเอียดกันทีละงานนะคะ งานแรกที่อยากบอกกล่าวและเชิญชวนผู้คนทั่วราชอาณาจักรมาเข้าร่วมเป็นที่สุด คื อ ‘งานแสดงผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ แ ละผลผลิ ต ตลาดสี เ ขี ย วชุ ม ชน’ หรื อ ที่ คุ ้ น หู กั น ในชื่อ ‘งานกรีนแฟร์’ ซึ่งบริษัทสวนเงินมีมาของเราจัดมา 5 ครั้งแล้ว ในครั้งที่ 6 นี้พิเศษกว่าปีที่ผ่านๆ มาหน่อย เพราะได้แรงสนับสนุน ช่วยกันลุ้นช่วยกันดันจาก เพื่อ นเครือ ข่ า ยภาคี ไม่ว ่า จะเป็น มูลนิธิเกษตรกรรมยั่ง ยืน (ประเทศไทย) มูล นิธิ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) มูลนิธิชีวิตไทย โครงการกินเปลี่ยนโลก โครงการ สวนผักคนเมือง เครือข่ายร้านกรีน กลุ่มกินข้าวในสวน ฯ ทั้งยังได้แรงเสริมด้านทุน ทรัพย์ส่วนหนึ่งจาก สสส. กรีนแฟร์เที่ยวนี้จึงดีดูมีสง่ากว่าเคย จากเดิมที่จัดกันตาม สวนบ้าง ตามลานกลางแจ้งบ้าง บรรยากาศชิลล์ๆ แต่ร้อนสุดกู่ ก็ได้อัพสถานะมา จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (9 – 12 พ.ค 2556) มีรั้วรอบขอบชิดกว่าเดิม การจัดการง่ายขึ้น การเดินทางก็สะดวก และหวังว่าจะร้อนน้อยลง
นายกษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกิจ นางนาถฤดี นาครวาจา นายประวิทย์ เยี่ยมแสนสุข นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นางพอทิพย์ เพชรโปรี นางวัลลภา แวนวิลเลี่ยนส์วาร์ด นายสุเทพ กุลศรี นางสุธาทิพย์ แสงวัฒนกุล นางสุวรรณา หลั่งน�้ำสังข์ บรรณาธิการ
วรนุช ชูเรืองสุข
กองบรรณาธิการ
กรณ์รวี เก่งกุลภพ, จุฬาลักษณ์ ทิวกระโทก ธนกร เจียรกมลชื่น, ธนพล เขียวละม้าย สรารินทร์ รัตนาภิบาล, อธิพาพร เหลืองอ่อน สันติ ศรีรอดปาน ศิลปกรรม
ธี ม งานปี นี้ เ รามุ ่ ง ไปที่ ‘ผู ้ บ ริ โ ภค’ เพราะเราเชื่ อ ว่ า ‘พลั ง ผู ้ บ ริ โ ภค สามารถ เปลี่ยนแปลงโลกได้’ (ถ้ามีใจและมุ่งมั่นจริง) จึงให้ชื่องานว่า “พลังผู้บริโภคสีเขียว สู่เส้นทางเกษตรอินทรีย์ชุมชน” มีกิจกรรมทั้งสาระและบันเทิง นิทรรศการ การสาธิต การพูดคุยแลกเปลี่ยน และแน่นอน มีสินค้าเกษตรอินทรีย์มากมายจากหลากหลาย แหล่งให้ชม ชิม ช้อปกัน
บริษัท สวนเงินมีมา จ�ำกัด
ส่วนอีก 1 งานที่อยากบอกดังๆ เช่นกันคือ การประชุมนานาชาติเรื่อง “นวัตกรรม ตลาดทางเลื อ กสู ่ ค วามมั่ น คงและอธิ ป ไตยทางอาหาร” ซึ่ ง เริ่ ม ตั้ ง แต่ 7-12 พ.ค รายละเอีย ดมีแจงไว้ แล้ วในเล่ ม ขอบอกว่า งานนี้น่ าสนใจมาก นานทีเ ราถึ งจะมี โอกาส มีทุน (แต่ยังไม่พอ) ได้จัดเวทีที่รวมพลคนภาคการเกษตรจากหลายประเทศ มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ดังนั้นหากใครพอจะแวะเวียนมาได้ ก็อย่าพยายามพลาด โอกาสนะคะ :)
สนับสนุนการจัดพิมพ์โดย
ติดต่อเพื่อลงโฆษณาและสมัครสมาชิกวารสารได้ที่
ชาคริต ศุภคุตตะ ภาพปก
จามร ศรเพชรนรินทร์ ผู้จัดท�ำ
บริษัท สวนเงินมีมา จ�ำกัด เลขที่ 77, 79 ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0 2622 2495-6, 0 2622 0955, 0 2622 0966 โทรสาร 0 2622 3228 อีเมล: greenmarketthai@gmail.com Fb: www.facebook.com/thaigreenmarket เว็บไซต์: www.thaigreenmarket.com
CONTENT
สารบัญ p.21
p.4
p.6
p.15 p.36 〰
Green Channel • คนปลูกผัก คุยเรื่องผัก • ปลุกพลังผู้บริโภคีเขยว สู่งานกรีนแฟร์ ครั้งที่ 6 • สายลมแห่งความหวังของเครือข่ายตลาดสีเขียวในวันนี้
▲
4 6 8
▲
Green Living
〰
▲
Green Production
〰
▲
Green Movement
〰
• CIY กระเจี๊ยบเขียวสอดไส้ลาบหมูทอดปลอดสาร
10
• เราปลูกผักเพื่อสุขภาพของคนกิน - กลุ่มเกษตรนนท์ • เปลี่ยนผักบนแปลง งานทดลองเพื่อเกษตรกร ของ ดร. ดุสิต อธินุวัฒน์ • • • • •
▲
11 15
เอสวีเอ็นอะวอร์ด รางวัลแด่คนช่างฝัน ปฏิรูปตลาดเกษตรอินทรีย์ชุมชนด้วยพลังของการมีส่วนร่วม International Forun on Innovating Alternative Markets เวทีประชุมนานาชาติ นวัตกรรมตลาดทางเลือกสู่ความมั่นคง และอธิปไตยทางอาหาร รวมพลังลดถุงพลาสติก ลดโลกร้อน
21 24 26 28 34
〰
Green Etc.
• คู่มือกินเพื่อวิถีสีเขียว - หิ้วตะกร้าตามหาผักบ้านบ้าน - ช่างเลือก ช่างกิน
36
ตลาดสีเขียว 3
GREEN CHANNEL
CSA
เรื่อง/ภาพ: ป. จุฬารัก
คนปลูกผัก คุยเรื่องผัก
เมื่อวันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2556 โครงการคนไทยบริ โ ภคผั ก ไร้ ส ารพิ ษ ด้วยกลไกการเชื่อมโยงเกษตรกร ผู้ประกอบ การ และผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ โดยการ ด�ำเนินงานของเครือข่ายตลาดสีเขียว บริษัท สวนเงิ น มี ม า ได้ ชั ก ชวนลุ ง ป้ า น้ า อา เกษตรกรที่เ ข้ า ร่ ว มโครงการ ไปศึก ษาแลก เปลี่ ย นดู ง านกัน ไกลปู ๊ น ถึง จัง หวัด เจีย งใหม่ น่ ะ เจ้ า ฉั น เลยถื อ โอกาสอั น ดี นี้ น� ำ ประเด็ น ที่น่าสนใจทั้งเรื่องการเก็บเมล็ดพันธุ์ ระบบ สมาชิกผัก CSA ของกลุ่มกัลยาณมิตร และ ตลาดนั ด เกษตรอิ น ทรี ย ์ จั ง หวั ด เชี ย งใหม่ มาฝากพวกเรา เริ่ ม ต้ น การดู ง านกั น ที่ ศู น ย์ เ กษตร อิ น ทรี ย ์ เชี ย งใหม่ (Green Net Organic Center Chiangmai) ที่ จั ด ตั้ ง ขึ้ น ในปี พ.ศ. 2554 โดยมู ล นิ ธิส ายใยแผ่ น ดิ น และสหกรณ์ ก รี น เนท มี วั ต ถุ ป ระสงค์ เ พื่ อ อนุ รั ก ษ์ พั น ธุ ์ พื้ น บ้ า นสร้ า งความยั่ ง ยื น ให้ กั บ ระบบ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ยั่ ง ยื น ผลิ ต เมล็ ด พั น ธุ ์ ผั ก อินทรีย์ ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเมล็ดพันธุ์ เกษตรอิ น ทรี ย ์ เ พื่ อ จ� ำ หน่ า ย และเป็ น ศู น ย์ ถ่ า ยทอดความรู ้ ประสบการณ์ เ รื่ อ งเมล็ ด พั น ธุ ์ ใ ห้ กั บ ผู ้ ที่ ส นใจ ซึ่ ง ขณะนี้ ท างศู น ย์ ฯ ▲
4 ตลาดสีเขียว
ได้ ท ดสอบ ทดลองจนสามารถผลิ ต เมล็ ด พัน ธุ์ เ พื่อ จ�ำ หน่ า ยได้ แ ล้ ว 13 พั น ธุ ์ ด ้ ว ยกั น และได้ แ บ่ ง การเก็ บ เมล็ ด พั น ธุ ์ อ อกเป็ น 4 ประเภท คือ การเก็บเมล็ดจากผลแห้ง (พวก บวบ) การเก็ บ เมล็ ด จากผลเมื่ อ เริ่ ม สุ ก แก่ (ข้าวโพด ถั่วต่างๆ) การเก็บเมล็ดพันธุ์เมื่อ ผลแก่ (มะระ มะเขือ) และการเก็บเมล็ดพันธ์ุ ที่มีสารหุ้มเมล็ด (มะละกอ มะเขือเทศ พืช ตระกูลแตง) ภายในศูนย์ฯ เราได้เห็นเมล็ด ของผักหลายชนิดที่ไม่เคยเห็น เช่น ต้นคะน้า ที่สูงใหญ่พอๆ กับความสูงของพวกเราก�ำลัง ออกดอกออกฝั ก ที่ ข ้ า งในมี เ มล็ ด อยู ่ เ ป็ น จ�ำนวนมาก หรือเมล็ดของผักสลัดอย่าง เรดโอ๊ค เป็นต้น ออกจากศู น ย์ เ กษตรอิ น ทรี ย ์ จั ง หวั ด เชียงใหม่ เราเดินทางต่อไปแลกเปลี่ยนเรียน รู ้ ร ่ ว มกั บ กลุ ่ ม เกษตรกรรุ ่ น ใหม่ ที่ ตั้ ง ชื่ อ กลุ ่ ม ตั ว เองว่ า ‘กลุ ่ ม ผั ก อิ น ทรี ย ์ กั ล ยาณมิ ต ร’ ตัวแทนเกษตรกรรุ่นใหม่ ซึ่งยังละอ่อนก�ำลัง ดี ทั้ง 2 หนุ่ม “ต้น” และ “อั๋น” ได้เล่า ให้ ฟ ั ง ถึ ง ที่ ม าที่ ไ ปของกลุ ่ ม ตั ว เอง และการ จั ด การระบบสมาชิ ก ผั ก CSA ว่ า เริ่ ม ต้ น ตั้ ง แต่ ที่ รุ ่ น พ่ อ แม่ ไ ด้ ท� ำ เกษตรกรรมยั่ ง ยื น มาตั้งแต่ปี 2529 เนื่องมาจากมีปัญหาเรื่อง
การใช้สารเคมี การตลาดหลักๆ ในสมัยนั้น ใช้รถเร่ขายไปตามสถานที่ราชการ มีหน่วย งานที่ เ ป็ น องค์ ก รพั ฒ นาเอกชนเข้ า มาช่ ว ย ประชาสั ม พั น ธ์ ใ ห้ ค นในชุ ม ชนรู ้ ว ่ า ผั ก ไม่ ใ ช้ สารเคมีดีอย่างไร ช่วงแรก ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อ หรอก มีแต่คนคลางแคลงสงสัยว่าท�ำได้จริง หรือ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่คุ้นชินกับการ ใช้สารเคมีในการผลิตทั้งนั้น แต่ก็พยายาม พู ด คุ ย และให้ ข ้ อ มู ล ว่ า ท� ำ ได้ อ ย่ า งไร ส่ ว น เรื่ อ งการตลาดก็ พ บว่ า การขายตรงน่ า จะ เป็ น ทางออกที่ ดี ที่ สุ ด เลยเริ่ ม ต้ น กั น ที่ ก าร ท� ำ ตลาดนั ด สี เ ขี ย ว ช่ ว งแรกปลู ก ทุ ก อย่ า ง ยั ง ไม่ รู ้ ฤ ดู ก าลการผลิ ต ว่ า ควรจะปลู ก อะไร อย่างไร เพราะที่ผ่านมาปลูกโดยมีสารเคมี เป็ น ตั ว ช่ ว ยส� ำ คั ญ ซึ่ ง สามารถควบคุ ม ได้ ทุกอย่าง จึงเริ่มศึกษาเรียนรู้กันว่าผักอะไร ควรปลูกช่วงไหน อย่างไร คนก็เริ่มรู้จักกัน เยอะขึ้ น ทางกลุ ่ ม เองก็ พ ยายามจะเรี ย นรู ้ ว่าผู้บริโภคต้องการอะไรบ้าง “อั๋ น ” หนุ ่ ม น้ อ ยหน้ า อ่ อ นผู ้ อู ้ ค� ำ เมือ ง ได้เสนาะหูยิ่ง บอกว่าพอมาท�ำสวนรู้สึกว่า มี อิ ส ระ อยากพั ก ตอนไหนก็ ไ ด้ รายได้ จ ะ ขึ้นอยู่กับตัวเอง และระบบที่พ่อแม่สร้างมา ก็รู้ สึกว่ าเป็ นระบบที่ดี คิดว่ าน่ าจะต่อ ยอด
ได้ โจทย์แรกๆ ที่ชักชวนเพื่อนฝูงทั้ง 5 คน มานั่งคุยกันคือ จะท�ำอย่างไรให้ผักที่มัดละ 5 บาท ขายได้สัก 10 บาท ระบบ CSA จึง ถูกน�ำมาพูดถึงกันในวง และเป็นจุดเริ่มต้น ของการด�ำเนินการระบบสมาชิก CSA ของ กลุ ่ ม ผั ก อิ น ทรี ย ์ กั ล ยาณมิ ต ร อั๋ น บอกว่ า สิ่ ง ส�ำคัญที่ตัดสินใจใช้ระบบนี้เป็นช่องทางการ ตลาดให้กับผลผลิตของกลุ่ม ก็เพราะ CSA เน้ น เรื่ อ งความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งคนปลู ก กั บ คนกิน เหมือนเป็นเช่นสหาย หรือเครือญาติ และทั้งสองฝ่ายยังออกมาร่วมรับความเสี่ยง ด้วยกัน หากเทียบกับเมื่อก่อน ถ้าไม่มีเงิน ท�ำการเกษตรก็ต้องไปธนาคารเพื่อกู้เงินมา ลงทุน ซึ่งระบบนี้ก็คล้ายคลึงกัน แต่ต่างกัน ตรงที่ ไ ม่ ใ ช่ ค วามสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเกษตรกร กั บ ธนาคาร แต่ เ ป็ น ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง ผู ้ ผ ลิ ต และผู ้ บ ริ โ ภคที่ ร ่ ว มลงทุ น ด้ ว ยกั น รั บ ความเสี่ยงด้วยกัน เมื่อสมาชิกในกลุ่มเห็นตรงกัน ทั้งหมด เลยเอาความรู ้ ค วามสามารถของแต่ ล ะคน มารวมกัน ใช้เวลาพูดคุยวางกลยุทธ์กันอยู่ ราว 3-4 เดือน จึงตัดสินใจเริ่มทดลองส่งผัก ในระบบสมาชิก CSA ไปที่ โรงพยาบาลใน ตั ว อ� ำ เภอ ช่ ว งแรกๆ ภายในกลุ ่ ม แบ่ ง เงิ น กันได้สูงสุดคนละ 80 บาท คิดทบทวนกัน ใหม่พบว่าส่วนมากผู้คนในชุมชนแต่ละบ้าน ต่างก็ปลูกผักชนิดเดียวกัน ประเภทเดียวกัน ผั ก ที่ ท างกลุ ่ ม ปลู ก ได้ น ่ า จะเหมาะกั บ คนที่ อยู ่ บ ้ า นจั ด สรร คนท� ำ งานที่ ไ ม่ มี เ วลาและ ไม่มีพื้นที่ปลูกผัก หรือบ้านที่มีคนท�ำอาหาร ให้ โชคดี ที่ ข ณะนั้ น มี ลู ก ค้ า ที่ เ ป็ น ชาวต่ า ง ประเทศสนใจอยากได้ ผั ก ที่ เ ป็ น อิ น ทรี ย ์ ไ ป ท�ำ อาหารที่ร ้ า น ทางกลุ่ม เลยเสนอแนวคิด
เรื่อง CSA ซึ่งลูกค้าที่เป็นชาวต่างประเทศ ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับระบบนี้มาก่อน การท�ำ ระบบสมาชิ ก CSA กั บ ผู ้ อ าศั ย ในตั ว เมื อ ง เชียงใหม่จึงเริ่มจากจุดนี้เอง เรื่ อ งการจั ด การระบบสมาชิ ก ผั ก นั้ น ก่อนถึงวันอังคารสมาชิกในกลุ่มทั้ง 5 คนจะ ส่งรายการผักจากแปลงตัวเองว่ามีอะไรบ้าง ดู ว ่ า ผู ้ บ ริ โ ภคมี กี่ ค นจะเก็ บ ผั ก กั น อย่ า งไร แล้ ว แบ่ ง เงิ น ราคาผั ก เท่ า ๆ กั น โดยอ้ า งอิ ง ราคาผักจากตลาดนัดสีเขียว บวกกับค่าใช้ จ่ายต่างๆ หลังจากนั้นก็จะน�ำผักมารวมกัน เพื่อเตรียมจัดส่งให้กับผู้บริโภค แรกๆ ต้อง ชวนผู้บริโภคมานั่งคุยกันว่าผลิตอะไรได้บ้าง มีปัญหาอะไร อย่างไร ทุกปีก็จะจัดกิจกรรม เยี่ ย มชมฟาร์ ม การท� ำ มาตรฐานที่ ส� ำ คั ญ ที่สุด คืออยากให้ผู้ บริโภคได้ เห็นแปลงจริงๆ ปัจจุบันเก็บล่วงหน้าอยู่ที่ 10 สัปดาห์ พอ ท�ำๆ ไปผู้บริโภคก็มากขึ้น จากจุดแรกที่ไปส่ง ที่โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ ตอนนี้ก็ขยาย ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางกลุ่มเองก็ไม่หยุดที่จะเรียน รู้และพัฒนาตนเอง “เรียนรู้และต่อสู้เพื่อยืน อยู่ในถิ่นฐานของตัวเอง” ต้น หนุ่มมาดเข้ม เปรยวลีเข้มพอกันให้เราได้คิด สถานที่ ดู ง านแหล่ ง สุ ด ท้ า ยของเราอยู ่ ที่ ต ลาดนั ด เกษตรอิ น ทรี ย ์ จั ง หวั ด เชี ย งใหม่ มีแม่กาดมาร่วมเล่าประสบการณ์การก่อตั้ง ตลาดและคิดเผื่อไปถึงลูกถึงหลาน โดยร่วม กัน จัด ตั้ง กองทุ น เพื่ อ สร้ า งเกษตรอิ น ทรี ย ์ ใ น เชียงใหม่ด้วยกัน อนาคตจะยั่งยืนหรือไม่ วัน นี้กลุ่มเกษตรอินทรีย์ที่เชียงใหม่ก�ำลังร่วมมือ ร่วมใจกันอย่างแข็งขัน เพราะเชื่อว่าเกษตร อินทรีย์จะท�ำให้ลูกหลานของตนอยู่ได้อย่าง มีคุณภาพและยั่งยืน....
〰
เทคนิคการเก็บเมล็ดพันธุ์จาก ศูนย์เกษตรอินทรีย์ จังหวัดเชียงใหม่
การเก็บเมล็ดจากผลแห้ง เช่น บวบ วิธี การ เก็บผลแห้งมาตาก 1-2 แดด แล้วน�ำมา กะเทาะเมล็ดออก หลังจากนั้นคัดเมล็ดสียอ อกตากแดดอีก 2-3 ครั้ง บรรจุใส่ถุงกระดาษ หรือถุงซิป เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-5 ปี การเก็บเมล็ดจากผลเมื่อเริ่มสุกแก่ เช่น ข้าวโพ ถั่วต่างๆ วิธีการ เก็บฝักสีน�้ ำตาล (เก็ บ ในช่ ว งเช้ า ) น� ำ ไปตากแดด 2-3 แดด แล้วน�ำมาขยี้เอาเปลือกออกท�ำความสะอาด ไม่ควรทิ้งฝักให้แห้งคาต้น เพราะเปลือกจะ ดูดอาหารออกจากเมล็ด แล้วคัดเมล็ดที่ไม่ ดี อ อก บรรจุ ใ ส่ ถุ ง กระดาษหรื อ ถุ ง ซิ ป เก็ บ ไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-5 ปี การเก็บเมล็ดพันธุ์เมื่อผลแก่ เช่น มะระ มะเขือ วิธีการ เก็บผลสุก สีเหลือง ผ่าเอา เมล็ด ออกล้ างให้ ส ะอาด ตากเมล็ดไว้ 2-3 แดด บรรจุ เ มล็ ด ใส่ ถุ ง กระดาษหรื อ ถุ ง ซิ ป เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 3-5 ปี การเก็บเมล็ดพันธุ์ที่มีสารหุ้มเมล็ด เช่น มะละกอ มะเขือเทศ พืชตระกูลแตง วิธีการ เก็บผลสุกผ่าเอาเมล็ดออกหมดทิ้งไว้ 2 คืน แล้วล้างเมือกที่หุ้มเมล็ดออกให้หมด ผึ่งลม ทิ้งไว้ให้หมาดแล้วน�ำไปตากแดด 2-3 แดด บรรจุเมล็ดใส่ถุงกระดาษหรือถุงซิป เก็บไว้ ในตู้เย็นได้นาน 3-5 ปี 〰 ตลาดสีเขียว 5
GREEN CHANNEL
Green Fair
เรื่อง: ธนากร เจียรกมลชื่น ภาพ: กุลธวัช เจริญผล
ปลุกพลังผู้บริโภคสีเขียว สู่งาน Green Fair’ 06
▲
เมื่อวันที่ 14 -16 กุมภาพันธ์ 2556 ที่
ผ่ า นมา เครื อ ข่ า ยตลาดสี เ ขี ย วได้ จั ด งาน Green Consumer Society Fair คู่กับ งานนิทรรศการอาหาร “เส้นทางกิน (พอดี) สู่ชีวีมีสุข” ของสสส. ขึ้น ณ ศูนย์เรียนรู้สุข ภาวะ (บ้านใหม่ของสสส.) นั่นเอง งาน Green Consumer Society Fair หรือ งานเครือข่ายผู้บริโภคสีเขียว ถือเป็นหนึ่งใน กิ จ กรรมใหญ่ ข องโครงการการสร้ า งสั ง คม ผู ้ บ ริโ ภคสีเ ขีย ว อัน มีเ ป้า หมายที่จะสร้า งผู้ บริโ ภคให้ เ ข้ า มาร่ ว มสนับสนุน เกษตรกร ผู้ ประกอบการ ผู้ผลิตอาหารอินทรีย์ ภายในงาน ผู้บริโภคได้เรียนรู้เรื่องราว ตั้งแต่แหล่งผลิตอาหารอินทรีย์ (ข้าว พืชผัก ผลไม้ ปศุสัตว์ ฯลฯ) ที่เข้ามาสู่ผู้บริโภคคน เมืองผ่านช่องทางการตลาดสีเขียว (CSA, การส่งวัตถุดิบเข้าครัว LDC, ร้านจัดจ�ำหน่าย สิ น ค้ า เพื่ อ สุ ข ภาพ, ตลาดนั ด สี เ ขี ย ว) ผ่ า น นิ ท รรศการ “เส้ น ทางอาหารปลอดภั ย จากฟาร์ ม สู ่ ช ่ อ งทางการตลาดสี เ ขี ย ว” แ ล ะ ร ่ ว ม แ ล ก เ ป ลี่ ย น ค ว า ม คิ ด เ ห็ น กั บ ผู้ประกอบการและเกษตรกร ผู้มีส่วนช่วยกัน ขับเคลื่อนตลาดนัดสีเขียวและระบบสมาชิก 6 ตลาดสีเขียว
ผัก CSA ในกรุงเทพฯ พร้อมค้นหาแนวทาง การผลั ก ดั น ต่ อ ไปในเวที ส าธารณะ ตลาด สี เ ขี ย ว แหล่ ง อาหารปลอดภั ย ของคน เมือง และ CSA หุ้นส่วนการสร้างเส้นทาง อาหารปลอดภัยส�ำหรับคนเมือง นอกจากกิ จ กรรมความรู ้ ผู ้ บ ริ โ ภค ยั ง สามารถพบปะและอุ ด หนุ น เกษตรกร ผู ้ ประกอบการจากกลุ่มตลาดนัดสีเขียวและผู้ ขับเคลื่อน CSA ในเมืองไทย พร้อมกิจกรรม ความบันเทิงที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นลาน ศิลปะ กิจกรรมการแสดงและเวทีสาธิต ซึ่ง เราจั ด ไว้ เ ป็ น พิ เ ศษส� ำ หรั บ ผู ้ บ ริ โ ภคหั ว ใจ สี เ ขี ย ว ให้ ส ามารถเข้ า มาร่ ว มสนุ ก ได้ ทั้ ง ครอบครัว ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น กิ จ กรรมการวาดภาพระบายสี จ ากดอกไม้ โดยคุณต้องการ, เมนูแซนวิชด์ดอกไม้, การ ท�ำวุ้นจากสีธรรมชาติ, การแสดงคนหน้าขาว และอีกมากมาย เต็มเหยียดตลอด 4 วัน ส� ำ หรั บ ท่ า นใดที่ เ ที่ ย วงานแรกยั ง ไม่ สะใจและไม่เต็มอิ่ม ต้องการจะก้าวเข้าสู่การ เป็นผู้บริโภคสีเขียวเต็มตัว เราก็อยากเชิญ ชวนมาสั ง สรรค์ ค รั้ ง ใหญ่ กั บ เรากั น อี ก ครั้ ง ในงานแฟร์ ข องชาวตลาดสี เ ขี ย ว ที่ ค ราวนี้
กลั บ มาในธี ม ของ งานแสดงผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ แ ละผลผลิ ต ตลาดสี เ ขี ย วชุ ม ชน ครั้งที่ 6 (Green Fair’ 06) “พลังผู้บริโภค สีเขียว สู่เส้นทางเกษตรอินทรีย์ชุมชน” ปี นี้ พ วกเรามี โ อกาสเข้ า ไปจั ด งาน ณ ศู น ย์ ป ระชุ ม แห่ ง ชาติ สิ ริ กิ ติ์ ระหว่ า งวั น ที่ 9 - 12 พฤษภาคม 2556 คู่กับงาน Organic and Natural Expo ของกระทรวงพาณิ ช ย์ ถื อ เป็ น การรวมพลั ง ครั้ ง ใหญ่ ข องงานแฟร์ เกษตรอินทรีย์ในบ้านเรา โดยท่านจะได้พบ นิ ท รรศการ “เส้ น ทางน�ำ อาหารกลั บ บ้ า น” และเกม “ก้ า วย่ า ง...สู ่ ก ารเป็ น ผู ้ บ ริ โ ภค สี เ ขี ย ว” ซึ่ ง คุ ณ จะพบว่ า การบริ โ ภคของ คุ ณ สามารถเปลี่ ย นโลกได้ จริ ง เท็ จ แค่ ไ หน มาร่ ว มค้ น หาแรงบั น ดาลใจในการสร้ า งวิ ถี ผู้บริโภคสีเขียวในแบบของตัวท่านผ่านเรื่อง ราวของ 8 ผู้บริโภคสีเขียวต้นแบบและพบปะ ผู ้ บ ริ โ ภคสี เ ขี ย วตั ว จริ ง เสี ย งจริ ง กั บ เวที เสวนา “ปั่น ปลูก ปรุง เปลี่ยน เป็นผู้บริโภค สีเขียวกันนะ” นอกจากนี้ ท่ า นจะได้ พ บปะและ อุดหนุนเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและ จั ด จ� ำ หน่ า ยผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ แ ละสิ น ค้ า ที่
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กว่า 200 รายจาก ทั่วประเทศ พร้อมเพลิดเพลินกับการแสดง ศิ ล ปวั ฒ นธรรมพื้ น บ้ า นและดนตรี ร ่ ว มสมั ย กับผ่อนพักด้วยกิจกรรมท�ำมือและเวทีสาธิต อาทิ ย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ ท�ำน�้ำตาลอ้อย ธรรมชาติ ถุงผ้าท�ำมือ ปรุงจานเด็ดเกษตร อินทรีย์ ฯลฯ ่พิเศษสุดๆ เฉพาะงานนี้เ ท่ านั้น *จั ด ไว้และที ส� ำ หรั บ นั ก ช้ อ ปหั ว ใจสี เ ขี ย วที่ หิ้ ว ตะกร้ า หรื อ ถุ ง ผ้ า มาเที่ ย วงาน สามารถรอ ลุ ้ น รั บ ของรางวั ล น่ า รั ก น่ า ชั ง ได้ ณ จุ ด ลง ทะเบียน เรียกว่า งานนี้ ตะกร้าเดียวเที่ยว ทั่วงานจ้า...
รายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม สามารถเข้ า ไปดู ไ ด้ ที่ www.thaigreenmarket.com และ FB: Greenfairpage หรือติดต่อสอบถาม คุณแก้ว โทร. 0-2622-2495-6, 0-2622-0955, 0966
ตลาดสีเขียว 7
GREEN CHANNEL
Green Community
เรื่อง/ภาพ: ไผ่พิม
สายลมแห่งความหวังของเครือข่าย ตลาดนัดสีเขียวในวันนี้
▲
“อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มี
โรค เป็นลาภอันประเสริฐ” พุทธภาษิตนี้จริง แท้ แ ละน่ า เชื่ อ ถื อ ยิ่ ง เมื่ อ หลากหลายผู ้ ค น ต้องประสบกับโรคภัย ท�ำให้คนยุคนี้ตื่นตัว หั น มาใส่ ใ จสุ ข ภาพมากขึ้ น จนกลายเป็ น กระแส…อะไรๆ ก็ต้องเฮลธ์ตี้ จริง ไม่จริง เชื่อถือได้ ไม่ได้ ไม่รู้ ขออิงเกาะกระแสอิน เทรนด์ ไว้ ก่ อน แต่ ผู้ ใ ส่ ใ จท�ำจริงก็มีไม่น้อย ทั้งให้ความส�ำคัญกับอาหารการกินเป็นอันดับ แรก ด้ ว ยเหตุ นี้ เ อง ท� ำ ให้ เ ครื อ ข่ า ยตลาด สีเขียวได้เกิดและเติบโตขึ้น ท�ำหน้าที่เชื่อมโยง ผู ้ ผ ลิ ต เกษตรกรที่ ป ลู ก พื ช ผั ก ผลิต อาหาร ในวิ ถี เ กษตรอิ น ทรี ย ์ มาพบผู ้ บ ริ โ ภคหั ว ใจ สีเขียว เพื่อมาเกื้อหนุนกันให้ได้ผลิตภัณฑ์ ที่ดีทั้งต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม นั บ จากจุ ด เริ่ ม ต้ น การรวมตั ว ของ ผู ้ ผ ลิ ต ผู ้ ป ระกอบการสี เ ขี ย ว และบริ ษั ท สวนเงินมีมา ก่อเกิดตลาดสีเขียวขึ้นที่อาคาร รีเจ้นท์ เปิดจ�ำหน่ายพืชผัก อาหาร ข้าวของ เครื่ อ งใช้ ที่ ป ลอดภั ย ไร้ ส ารเคมี แ ก่ ค นทั่ ว ไป ที่ ใ ส่ ใ จสุ ข ภาพ และขยายสู ่ ต ลาดสี เ ขี ย ว ในโรงพยาบาลต้นแบบ ซึ่งได้รับการส่งเสริม จากส� ำ นั ก งานกองทุ น สนั บ สนุ น การสร้ า ง เสริ ม สุ ข ภาพ (สสส.) โดยเริ่ ม จากตลาด สี เ ขี ย วโรงพยาบาลปทุ ม ธานี เ ป็ น แห่ ง แรก ก้ า วสู ่ โ รงพยาบาลบางโพ ต่ อ มาที่ โ รง พยาบาลมิ ช ชั่ น โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิ ม พระเกี ย รติ ศู น ย์ รั ง สิ ต โรงพยาบาล กรุงธน1 โรงพยาบาลนครธน และอาคาร 3 ส� ำ นั ก ปลั ด กระทรวงสาธารณสุ ข ในรู ป แบบ ตลาดนัดสีเขียว สัปดาห์ละครั้ง จนปัจจุบัน นับเนื่องได้เกือบ 4 ปี 8 ตลาดสีเขียว
อี ก ทั้ ง ขยายสู ่ ต ลาดสี เ ขี ย วสั ญ จรไป ตามหน่วยงาน องค์กร สถานที่ราชการและ เอกชน ที่ เ ห็ น ความส� ำ คั ญ ของเรื่ อ งอาหาร การกิน ที่ดีต ่ อ สุข ภาพและสิ่ง แวดล้อมในวิถี เกษตรอิ น ทรี ย ์ ท� ำ ให้ เ ห็ น ความเคลื่ อ นไหว ของการเปลี่ ย นแปลง และความรู ้ ค วาม เข้ า ใจที่ ยั ง กระท่ อ นกระแท่ น ของผู ้ ค น ที่ ส่วนใหญ่ยังสับสนกับค�ำว่า ผักปลอดภัย ผัก ไฮโดรโปนิกส์ คิดว่าสะอาดปลอดภัย แต่ที่ จริงแล้วยังเคลือบแฝงสารเคมี และทางเครือ ข่ายฯ ก็พยายามส่งเสริมความรู้และผลักดัน ให้ เ กษตรกรในเครื อ ข่ า ยก้ า วมาผลิ ต พื ช ผั ก แบบไร้ ส ารเคมี เพื่อ ความปลอดภัย ทั้ง ของ คนปลูกและคนกิน การท� ำ งานของผู ้ ผ ลิ ต ผู ้ ป ระกอบ การในเครื อ ข่ า ยจึ ง ไม่ ใ ช่ แ ค่ ก ารขายสิ น ค้ า ผลิ ต ภั ณ ฑ์ แต่ คื อ การบอกเล่ า เรี่ อ งราว รณรงค์ ใ ห้ ค วามรู ้ แ ลกเปลี่ ย นข่ า วสาร ระหว่ า งผู ้ ผ ลิ ต สู ่ ผู ้ บ ริ โ ภคด้ ว ยน�้ ำ ใสใจจริ ง และสิ่ ง ส� ำ คั ญ คื อ มาตรฐานสี เ ขี ย วของ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ส ร้ า งความเชื่ อ มั่ น น� ำ เสนอต่ อ ผู้บริโภค หากแต่การท�ำงานในระยะเวลาที่ ผ่ า นมา บางแห่ ง ก็ ก ้ า วรุ ด หน้ า บางแห่ ง ก็ ซบเซาตามภาวการณ์ ข องพื้ น ที่ ท�ำ ให้ ต ้ อ ง มีการปรับตัวและร่วมแก้ไข ปั จ จั ย นี้ เ องที่ น� ำ มาสู ่ แ นวคิ ด การจั ด ตั้ ง คณะกรรมการเครื อ ข่ า ยจากผู ้ ผ ลิ ต ผู ้ ประกอบการในตลาด มาร่ ว มบริ ห ารงาน ให้เป็นรูปธรรมขึ้น จึงมีการนัดประชุมผู้ผลิต จากทุกตลาดมาพบปะสังสรรค์เมื่อวันนที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และคัดเลือกตัวแทนผู้
ผลิตจากตลาดแต่ละแห่งๆ ละ 2 คนมาท�ำ หน้าที่ในการวางทิศทางการท�ำงานของเครือ ข่ า ย การควบคุ ม ดู แ ลมาตรฐานสี เ ขี ย วให้ เข้มแข็ง และการร่วมแก้ไขปัญหาของแต่ละ พื้นที่ให้ชัดเจนและเป็นจริงอีกทั้งการเตรียม ตั ว คั ด กรองผู ้ ผ ลิ ต จากตลาดสี เ ขี ย วเข้ า ร่ ว ม งานกรีนแฟร์ครั้งที่ 6 ซึ่งจะจัดในวันที่ 9 - 12 พ.ค. นี้ จากการประชุมครั้งนั้น เราได้ตัวแทน ผู้ผลิตมา 10 คนเพื่อท�ำหน้าที่ดังกล่าว… และในวั น ที่ 14 มี น าคมที่ ผ ่ า นมา มี การนั ด ประชุ ม ตั ว แทนผู ้ ผ ลิ ต 10 คน เพื่ อ วางทิศทางการก่อร่างเครือข่ายตลาดสีเขียว ให้เป็นปึกแผ่น โดยตัวแทนของแต่ละตลาด บอกเล่าสถานการณ์ภายในพื้นที่แลกเปลี่ยน ซึ่ ง กั น และกั น เช่ น ตลาดสี เ ขี ย วรี เ จ้ น ท์ วั น นี้ พื้ น ที่ ตั้ ง ตลาดถู ก ย้ า ยจากโถงกลาง อาคาร ไปอยู ่ ภ ายในห้ อ งกระจกซึ่ ง เป็ น มุมอับ ท�ำให้ยอดขายตก ผู้คนไม่รู้ที่ตั้งของ ตลาด เป็ น เหตุ ใ ห้ ต ลาดไม่ คึ ก คั ก เหมื อ น ก่อน เช่นเดียวกับตลาดสีเขียวโรงพยาบาล บางโพ และโรงพยาบาลมิ ช ชั่ น ซึ่ ง ออก จากระบบประกั น สั ง คม เป็ น เหตุ ใ ห้ ลู ก ค้ า หายไปมาก ส่ ว นตลาดที่ ยั ง ด� ำ เนิ น กิ จ การ ไปได้ ด ้ ว ยดี คื อ ตลาดสี เ ขี ย วโรงพยาบาล ปทุม ธานี ด้ วยเพราะตลาดติดแล้ วมีลูกค้ า ประจ� ำ ทั้ ง ใกล้ ส ่ ว นราชการต่ า งๆ ของ จั ง หวั ด อี ก ทั้ ง คณะกรรมการบริ ห ารตลาด และเจ้ า หน้ า ที่ โ รงพยาบาลเข้ ม แข็ ง มี ก าร ประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง อี ก แห่ ง ที่ ลู ก ค้ า มากมายคื อ ตลาดสี เ ขี ย ว โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เ ฉลิ ม พระเกี ย รติ ศูนย์รังสิต เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาด ใหญ่ มี ผู ้ ใ ช้ บ ริ ก ารมาก อี ก ทั้ ง ตลาดได้ รั บ
การประชาสั ม พั น ธ์ ท างที วี อ ย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่ขายแต่พืชผัก และ อาหารสด แปรรูปเท่านั้น ท�ำให้ตลาดติดจน ต้องขยายวันเป็นสัปดาห์ละ 2 วัน อีกทั้งมี การควบคุ ม มาตรฐานสี เ ขี ย วอย่ า งเข้ ม งวด สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี เหล่ า นี้ เ ป็ น ข้ อ มู ล แลกเปลี่ ย นกั น เพื่ อ น� ำ ไปวิ เ คราะห์ พั ฒ นาตลาดสี เ ขี ย วแต่ ล ะ แห่ ง ที่ ป ระสบปั ญ หา สิ่ ง ส� ำ คั ญ คื อ การ ประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้ ง ต้ อ งควบคุ ม ดู แ ลเรื่ อ งมาตรฐานสี เ ขี ย ว อย่ า งเข้ ม งวด เป็ น หลั ก ประกั น สร้ า งความ มั่นใจแก่ผู้บริโภค อีกหนึ่งที่น�ำเสนอคือทาง เครื อ ข่ า ยควรมี ส ถานที่ ข องตนเองให้ ผู ้ ผ ลิ ต จากทุ ก ตลาดมาร่ ว มกั น เปิ ด ตลาด และจั ด กิ จ กรรมประจ� ำ ทุ ก สั ป ดาห์ จะมี ค วามคิ ด เห็นเช่นไร ซึ่งยังต้องมองหาพื้นที่และท� ำเล ที่เหมาะสมต่อไป ด้ ว ยภาระหน้ า ที่ ข องตั ว แทนผู ้ ผ ลิ ต ที่ เข้ า มาท� ำ หน้ า ที่ บ ริ ห ารเครื อ ข่ า ย ไม่ ว ่ า จะ เป็ น การแก้ ไ ขปั ญ หาเรื่ อ งพื้ น ที่ ต ่ า งๆ การ ควบคุมดูแลมาตรฐานสีเขียวให้เข้มแข็ง การ วางทิ ศ ทางการก้ า วไปของเครื อ ข่ า ย ล้ ว น ต้ อ งอาศั ย ความเสี ย สละ ความทุ ่ ม เททั้ ง กายใจในการท� ำ งาน เหล่ า นี้ คื อ สิ่ ง ท้ า ทาย ที่ต้องการเวลาพิสูจน์ แต่เป้าหมายคือการ ด� ำ รงอยู ่ อ ย่ า งมั่ น คงของตลาดสี เ ขี ย ว ที่ จ ะ เป็นตลาดเพื่อสุขภาพและแหล่งเรียนรู้เรื่อง วิถีเกษตรอินทรีย์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย และ ยั ง ประโยชน์ ต ่ อ ชุ ม ชน สั ง คม ที่ เ ราตั้ ง ใจ และทุกคนร่ วมสร้ างด้ วยกันทั้งผู้ผลิตและผู้ บริโภค… ตลาดสีเขียว 9
GREEN LIVING เรื่อง/ภาพ: Fusion Passion
กระเจี๊ยบเขียวสอดไส้ ลาบหมูทอดปลอดสาร
CIY
(ส�ำหรับ 4-5 ที่)
▲
คอลัมน์ Cook It Yourself วันนี้ ฉันจะพาท่านไปรู้จักกับเมนูฟิวชั่นเพื่อ สุขภาพ ที่คัดสรรวัตถุดิบจากผักพื้น บ้านอินทรีย์ และเนื้อหมูปลอดสาร อั้ย ย่ะ! เกริ่นมาน่าหม�่ำขนาดนี้ ก็อย่ารอ ช้า มาลงครัวกันเล้ย
〰 ส่วนผสม วัตถุดิบเครื่องโขลก ตะไคร้ซอยคั่ว 10 กรัม ข่าซอยคั่ว 4 กรัม กระเทียมคั่ว 4 กรัม หอมแดงคั่ว 4 กรัม 〰 วัตถุดิบแป้งชุบทอด แป้งเอนกประสงค์ 100 กรัม ไข่ไก่ชีวภาพ (ใช้เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง น�้ำเย็น 200 มล. น�้ำมันร�ำข้าวส�ำหรับทอด 〰 วัตถุดิบกระเจี๊ยบเขียว ลาบหมู กระเจี๊ยบเขียวอินทรีย์ 15-20 ฝัก หมูสับปลอดสาร 300 กรัม หอมแดงซอย 20 กรัม ผักชีฝรั่งซอย 10 กรัม ต้นหอมซอย 20 กรัม น�้ำปลา 40 กรัม น�้ำมะนาว 40 กรัม พริกป่น 15 กรัม ข้าวคั่วป่น 15 กรัม แป้งข้าวโพด 15 กรัม 10 ตลาดสีเขียว
ลงมือท�ำ 〰 กระเจี๊ยบเขียว ลาบหมู • ล้างกระเจี๊ยบ ผ่าด้านข้างตามยาวโดยไม่ให้ขาดจากกัน แกะเมล็ดในออก พักไว้ • โขลกส่วนผสมเครื่องโขลกทั้งหมดให้ละเอียด • ผสมหมูสับ เครื่องที่โขลกไว้ พริกป่น ข้าวคั่ว น�้ำปลา น�้ำมะนาว แป้งข้าวโพด หอมแดง ซอย ผักชีฝรั่ง ต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน (เคล็ดลับคือไม่ควรใส่น�้ำมะนาวในเนื้อหมู โดยตรง เพราะจ�ำท�ำให้เนื้อหมูร่วน ไม่เกาะกัน) • น�ำไปยัดไส้กระเจี๊ยบเขียวที่เตรียมไว้ 〰 ผสมแป้งและชุบทอด • ผสมส่วนของแป้งโดยน�ำไข่แดงผสมกับน�้ำเย็น แล้วค่อยๆ เทใส่แป้งอเนกประสงค์ คนให้เข้ากัน • ตั้งกระทะใส่น�้ำมันร�ำข้าว พอกระทะร้อน น�ำกระเจี๊ยบที่ยัดไส้ไว้ชุบแป้งลงทอดให้สุก เหลือง พร้อมรับประทาน!! 〰 สิ่งละอัน พันละน้อย กระเจี๊ยบเขียว (Okra) เป็นไม้ล้มลุกสูง 1-2 เมตร นิยมกินผลอ่อนมีรสชาติจืด มีสารอาหาร ครบครัน อาทิ คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนี เ ซี ย ม เหล็ ก วิ ต ามิ น เอ วิ ต ามิ น ซี วิ ต ามิ น บี 1 วิ ต ามิ น บี 2 ไนอาซิ น ช่ ว ยรั ก ษาโรค กระเพาะ และลดความร้อนในร่างกาย ลาบ (Spicy Salad) เป็นอาหารที่นิยมท�ำถวายพระและเลี้ยงคนในงานบุญ งานเทศกาล ส�ำคัญ ส�ำหรับต้อนรับญาติมิตรที่มาร่วมงานและรับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งผู้จัดงานมี ความเชื่อว่าลาบเป็นอาหารมงคล จะน�ำโชคลาภมาสู่ตนเองและครอบครัว
GREEN PRODUCTION
Green Producer
เรื่อง/ ภาพ: อรุณวนา สนิกะวาที
“เราปลูกผักเพื่อสุขภาพของคนกิน”
สด สะอาด ปลอดภัย กับผักปลอดภัย “เกษตรนนท์ ”
▲
แผง ผั ก ขนาดเล็ ก ที่ ตั้ ง ตรงประตู
ท า ง เ ข ้ า โ ร ง เ รี ย น เ อ ก ช น ชื่ อ ดั ง ก ล า ง กรุ ง เทพมหานครเป็ น สิ่ ง ที่ เ ราไม่ คุ ้ น เคยนั ก แต่ ทุ ก เช้ า ตรู ่ วั น อั ง คารครู อ าจารย์ แ ละผู ้ ปกครองหลายคนก็ ต ้ อ งยอมลงจากรถคั น หรูเพื่อมาจับจ่ายพืชผักบนแผงนี้ เพราะผัก ทุ ก ชนิ ด การั น ตี จ ากโครงการตลาดสี เ ขี ย ว แล้ ว ว่ า “สด สะอาด ปลอดภั ย จากสาร พิษ” ที่ส�ำคัญราคาถูกมากเมื่อเทียบกับผัก มาตรฐานเดียวกันที่วางขายอยู่ในห้างสรรพ สิ น ค้ า เพราะราคาเริ่ ม ต้ น ที่ 10 บาทต่ อ ถุ ง นอกจากผักที่เป็นที่นิยมอย่างคะน้า กวางตุ้ง มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว ฯลฯ ก็ยังมีผักพืชบ้าน แปลกๆ เวียนมาตามฤดูหรือผลไม้ตามที่ชาว บ้ า นจะเก็ บ ได้ แต่ ทุ ก ชนิ ด มั่ น ใจได้ เ ลยว่ า ไม่ มีก ารปนเปื ้ อ นของสารเคมีเพราะเกษตร กลุ่มนี้เขาใช้ปุ๋ยอินทรีย์และไม่ใช่สารเคมีใน การปราบศัตรูพืชใดๆ ทั้งสิ้น และเพราะอยากเห็นกับตาว่าผักเขียว สดหน้ า ตาหมดจดที่ ก ารั น ตี ค วามปลอดภั ย ของผู ้ บ ริ โ ภคนั้ น มี ที่ ม าที่ ไ ปจากที่ ไ หน พวก เราชาวขณะจึ ง นั ด หมายกั บ พี่ ๆ เกษตรกร กลุ ่ ม นี้ เ พื่ อ ลงไปเที่ ย วชมให้ เ ห็ น เป็ น บุ ญ ตา และในที่สุดก็ได้เดินทางไปถึงนนทบุรีเพื่อพบ กั บ พี่บุญ เชิด คงดั่น เกษตรกรหน้ า ตาใจดี หนึ่งในสมาชิกของ “กลุ่มเกษตรนนท์” ที่ เราก�ำลังพูดถึง
“ดั้งเดิมผมไม่ได้เป็นชาวสวน ผมเป็น ชาวนา...” พี่ บุ ญ เชิ ด เกริ่ น ให้ เ ราฟั ง ระหว่ า งพา เดิ น ชมแปลงผั ก ที่ บ างส่ ว นถู ก เก็ บ ไปขาย บ้ า งแล้ ว จากเคยปลู ก ข้ า ว เมื่ อ แต่ ง งานมี ครอบครั ว ก็ เ ปลี่ ย นมาปลู ก บั ว เพื่ อ ตั ด ดอก ขายตามอาชีพของภรรยา เห็นสวยๆ อย่าง นั้น เบื้องหลังดอกบัวตูมสวยๆ ใหญ่ๆ ที่ขาย ให้คนไปไหว้พระก็ต้องบอกว่าสาหัสสากรรจ์ พอสมควร “ปลูกบัวเก็บดอกต้องใช้สารเคมีวันต่อ วัน ฉีดยา (ก�ำจัดศัตรูพืช) ก็ยากมาก เพราะ ฉีดแล้วยาไม่ค่อยติด เหมือนที่เราเคยได้ยิน นั่นแหละว่าน�้ำกลิ้งบนใบบัวเพราะน�้ำไม่ติด ใบ แล้วบัวก็เป็นพืชที่สูง ต้องลุยลงไปฉีดใต้ ใบ เราเป็นคนฉีดก็รับยามาตลอด แต่เราก็ สู้เพราะเราได้ตังค์ แต่พอขายได้มาก ทาง สุพรรณฯ ท�ำตาม บัวก็ล้นตลาด จากก�ำละ 30-40 บาท เหลือ 4-5 บาท...” “เลิกบัวมาปลูกผักบุ้งน�้ำ เก็บผลผลิต ไปขายได้วันละ 2-3 ตัน ทางสุพรรณฯ ก็เลิก ท�ำบัวมาปลูกผักบุ้งน�้ำ คือเขาพื้นที่เยอะมาก และปลูกเยอะ แล้วก็มาตีตลาด ตลาดก็ตาย บางครั้งขายได้ครึ่งนึง ต้องทิ้งครึ่งนึง เพราะ คนมาขายเยอะกว่าคนซื้อ” การแข่ ง ขั น ที่ สู ง ในตลาดขายส่ ง จน ท�ำให้เสียมากกว่าได้ จึงมองหาช่องทางอื่น
อีกครั้ง และดูเหมือนสถานการณ์จะกลับมา ดีขึ้นเมื่อพี่บุญเชิดได้ช่องทางใหม่ คือน�ำส่ง วัตถุดิบให้โรงงานแห่งหนึ่งโดยตรง เบื้องหลังกล่องอาหาร...
โรงงานจะน�ำวัตถุดิบเช่นผักชนิดต่างๆ ไปผลิตเป็นอาหารกล่องเพื่อส่งป้อนให้ร้าน สะดวกซื้ อ ชื่ อ ดั ง 24 ชั่ ว โมงที่ อ ยู ่ ใ นเครื อ บริษัทเดียวกัน “หน้ า ที่ เ ราคื อ ไปขอสเปกจากฝ่ า ยจั ด ซื้อของโรงงาน แล้วประมูลราคาโดยแฟกซ์ ราคาของเรากลับเข้าไป คนคิดเมนูก็คิดไป คนท�ำอาหารก็ท�ำไป คนปลูกก็ปลูกไป” พี่ บุ ญ เชิ ด อธิ บ ายให้ ฟ ั ง ว่ า การเป็ น ซัพพลายเออร์ให้โรงงานนั้น จะประมูลราคา วั ต ถุ ดิ บ กั น วั น ต่ อ วั น เช่ น วั น นี้ ท างโรงงาน ต้ อ งการวั ต ถุ ดิ บ ในการประกอบอาหาร 20 รายการก็ จ ะแฟกซ์ คุ ณ สมบั ติ ที่ ต ้ อ งการไป ให้กับซัพพลายเออร์เจ้าต่างๆ เช่น ต้องการ หอมใหญ่ 4-6 ลูกต่อหนึ่งกิโลกรัม แต่ละเจ้า ก็จะเสนอราคาของตัวเองส่งกลับเข้าไป เจ้า ไหนเสนอราคาถูกที่สุดก็ได้รับเลือกและค่อย ไปหาซื้อผัก คัดแยก และน�ำส่งโรงงานในวัน นั้นๆ “เป็นซัพพลายเอร์อยู่ได้สัก 4-5 ปี ก็เริ่ม มีกองทุนหมู่บ้านเข้ามา เพื่อนบ้านเลือกเรา เป็นประธาน เราก็ต้องไปอบรมไปประชุมใน ตลาดสีเขียว 11
ฐานะประธาน เริ่มมีกิจกรรมเยอะขึ้น...” เมื่อเริ่มท�ำงานต่างๆ ให้กับชุมชน การ เข้าตลาดเพื่อติดตามราคาพืชผลก็กลายเป็น สิ่งที่ไม่ได้ท�ำเป็นประจ�ำเสียแล้ว ท�ำให้ช่วง หลัง ๆ ประมู ล ไม่ ค ่ อ ยได้ บ้า งก็เสนอราคา ผิดถึงกับขาดทุนไปหลายหมื่น “วัน นึง แฟนก็เ ลยให้ เ ราตัด สิน ใจเลือ ก ถ้ า จะท� ำ งานชุ ม ชนต่ อ ไปก็ ต ้ อ งเลิ ก เป็ น ซัพพลายเออร์ แต่ถ้าเลือกจะท� ำส่งโรงงาน ต่อก็ต้องเลิกรับงานของชุมชน...” พี่ บุ ญ เ ชิ ด จึ ง ก ลั บ ม า ตั้ ง ห ลั ก คิ ด ทบทวน “ระบบของโรงงานเขาก็ พ ยายาม หาซั พ พลายเออร์ ใ ห้ ไ ด้ ม ากรายเพื่ อ มาดั น ราคากั น เพื่ อ ให้ โ รงงานได้ ร าคาถู ก ที่ สุ ด ไหนจะยั ง ค่ า ตรวจสารพิ ษ ในผั ก ที่ โ รงงาน เรียกเก็บจากซัพพลายเออร์อีกปีละ 6-7 พัน คื อ สุ ด ท้ า ยโรงงานได้ ป ระโยชน์ ทุ ก ทางแต่ เกษตรกรแข่ ง กั น เจ๊ ง ...ก็ เ ลยตั ด สิ น ใจเลื อ ก ท�ำ งานให้ ห มู ่ บ ้ า น ไม่ ท�ำผัก ส่ง โรงงานแล้ว เพราะตอนนั้นเราก็พออยู่พอกินแล้ว” สู่เส้นทางเกษตรกรปลอดสารพิษ
ย้อนไปช่วงที่ยังส่งผักให้โรงงาน บ้าน พี่ บุ ญ เชิ ด ที่ เ ปลี่ ย นจากผั ก บุ ้ ง น�้ ำ มาปลู ก โหระพาก็ จ ะมี เ จ้ า หน้ า ที่ เ กษตรอ� ำ เภอแวะ เวี ย นมาถามสารทุ ก ข์ สุ ก ดิ บ และพู ด คุ ย เรื่อ งการเพาะปลู ก อยู ่ เ สมอ จนมาลงเอยที่ ค�ำ ถามกึ่ง เชิญ ชวนว่ า “อยากปลูก ผัก แบบ ลดต้นทุนมั้ย ผักปลอดสาร...” 12 ตลาดสีเขียว
พี่ บุ ญ เชิ ด สนใจเกื อ บจะในทั น ที แต่ เป็ น เพราะว่ า ในตอนนั้ น คิ ด จะปลู ก ผั ก ดี ใ ห้ ตรงสเปกที่ โ รงงานต้ อ งการ ยั ง ไม่ ไ ด้ คิ ด จะ ปลดแอกตั ว เองออกจากระบบที่ เ กษตรกร ต้องเป็นฝ่ายยอมอยู่ร�่ำไป... “เราก็อยากรู้ต้องท�ำอย่างไร เจ้าหน้า ที่ฯ บอกว่ามีวิธี แต่ขอเปิดโรงเรียนเกษตรกร โดยใช้ พื้ น ที่ ข องเรา รวบรวมเกษตรกรแถว นี้ ม าเรี ย นรู ้ ร ่ ว มกั น บ้ า นไหนที่ ป ลู ก ผั ก เป็ น อาชี พ อยู ่ แ ล้ ว เราก็ ล งไปชวนว่ า สนใจไหม สุดท้ายมากันประมาณ ๓๕ หลัง เจ้าหน้าที่ แบ่งเราเป็น ๒ กลุ่ม ท�ำสองแปลง เปรียบ เทียบกัน แปลงหนึ่งระบบปลอดภัยอีกแปลง ก็ ร ะบบเคมี คื อ แบ่ ง กั น คนละร่ อ ง แปลง ขนาดเท่ากันหมด คุณอยู่แปลงไหนมีวิทยา ยุ ท ธอะไรเอาออกมาให้ ห มด ที่ ข าดก็ เ สริ ม หาความรู้มาให้” ผักที่ใช้ทดลองตอนนั้นคือ คะน้า ปลูก ในแปลงขนาด 5 คูณ 80 เมตร เท่ากันไม่ ขาดไม่ เ กิ น และมี ก ารจดบั น ทึ ก ทุ ก ขั้ น ตอน ตั้งแต่เริ่มลงแปลงจนถึงเก็บเกี่ยว “ผลปรากฏว่ า แปลงที่ ใ ช้ ส ารเคมี ไ ด้ ผลผลิ ต มากกว่ า ผั ก แปลงปลอดสารไม่ ถึ ง ร้ อ ยโล แต่ ต อนเอาไปขาย หั ก ลบต้ น ทุ น เบ็ดเสร็จแล้ว ผักปลอดสารได้ก�ำไรมากกว่า 2,400 บาท” นั่น หมายความว่ า ปลู ก ผั ก ปลอดสาร คุ ้ ม กว่ า ...เมื่ อ เห็ น ผลลั พ ธ์ อ อกมาว่ า ท� ำ ได้ จากเกษตรกร 35 หลังคาที่มาเรียนรู้ร่วมกัน
เหลือ 25 บ้านที่ตกลงใจตั้งกลุ่มเป็นของตัว เอง “ที่ ไ ม่ เ ข้ า กลุ ่ ม เพราะยั ง ไม่ เ ชื่ อ ใจใน เรื่องตลาด ถ้าดีดตัวออกจากพ่อค้าคนกลาง มาปลูกผักปลอดสารส่งขายกันเอง แล้วกลุ่ม จะรับประกันได้แค่ไหน สุดท้ายก็เหลือ 29 คนที่มาลุยด้วยกัน” พี่บุญเชิดยอมรับว่า เจ้าหน้าที่เกษตร สอนปลู ก แต่ ไ ม่ เ ก่ ง เรื่ อ งสอนขาย แต่ ก็ พยายามที่จะช่วยหาตลาดให้ จนกระทั่งได้ ลูกค้า “เมื่ อ ก่ อ นระบบผั ก ปลอดภั ย ยั ง ไม่ ค่อยติดหูติดตลาด มีแต่ตลาดบนที่รู้จักและ บริโภค แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็หาคนกลางมา รับซื้อผักจากเราได้ประมาณ 5 ราย วิธีการ ก็คือขอใบสั่ง (order) มาจากลูกค้า แล้วมา วางแผนการปลูก ใครจะปลูกอะไร วันที่เท่า ไหร่ เขียนขึ้นกระดานไว้ มีคะน้า ฮ่องเต้ ผัก กาดขาว ผักบุ้ง ผักชี ใครจะปลูกอะไร ใน 29 คนนี้ ก็ ต ้ อ งมาต่ อ คิ ว กั น ให้ ผ ลผลิ ต มั น เวีย นกัน เสร็จ แล้ ว เราก็จ ะรวบรวมผลผลิต และเอาไปส่งตามออเดอร์ ทุก 15 วันก็จะ เสนอราคาหนึ่งครั้ง และเก็บเงิน ตกลงกัน ล่วงหน้าเลยว่าจะหักเข้ากลุ่มเป็นค่าบริหาร จั ด การเท่ า ไร เป็ น ราคาที่ เ ราก� ำ หนดกั น ใน กลุ ่ ม ผั ก ตั ว ไหนจะต้ อ งขึ้ น ราคาก็ม าคุย กัน แล้วเอาราคาไปเสนอลูกค้า” ทุกวันที่ 2 กับ 16 ของเดือน คือวันที่ นั ด หมายให้ ส มาชิ ก มารั บ เงิ น จากผลผลิ ต ที่
กลุ่มน�ำไปขาย โดยใช้บ้านของพี่บุญเชิดเป็น ศูนย์กลาง สองวันนี้จะเป็นวันที่สมาชิกกลุ่ม มาพบปะ คุย แลกเปลี่ยนความรู้ทั้งเรื่องการ ปลูกผักและเรื่องต่างๆ “ถ้ า มาตอนนั้ น จะเห็ น เลยว่ า คุ ย กั น เจี๊ ย วจ๊ า วไปหมด เงิ น ที่ เ หลื อ จากบริ ห าร จั ด การก็ ซื้ อ อาหารมาเลี้ ย งกั น สนุ ก สนาน มาก ทุกคนแฮปปี้มากในตอนนั้น ผมก็ภูมิใจ มากที่เรารวมกันได้” พี่ บุ ญ เชิ ด เล่ า ไปยิ้ ม ไปจนคนฟั ง ก็ ยั ง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความรื่นเริงของ เกษตรกรกลุ ่ ม หนึ่ ง ที่ ดู เ หมื อ นอนาคตยั ง ไป ได้อีกไกล... แต่...ถ้านี่เป็นนิยาย จุดพลิกผันก็ได้ เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้ จุดเปลี่ยน...อีกครั้ง
ขณะที่ กิ จ การก� ำ ลั ง ไปได้ ดี เกษตรกร มี ค วามสุ ข ผั ก ปลอดสารเคมี ก็ ข ายได้ แต่ พ่ อ ค้ า ห้ า รายที่ สั่ ง สิ น ค้ า เริ่ ม ไม่ จ ่ า ยเงิ น ตรง ตามก�ำหนดเวลา ครั้งแรกๆ พี่บุญเชิดส�ำรอง จ่ า ยให้ ส มาชิ ก ในกลุ ่ ม ไปก่ อ นแล้ ว ค่ อ ยไป เก็บเงินจากลูกค้าทีหลัง แต่หลายครั้งเข้าก็ ไม่ไหว “จากหั ว หน้ า กลุ ่ ม ก็ เ ลยเป็ น หั ว หน้ า กลุ้ม สุดท้ายก็ต้องประชุมบอกกับกลุ่มตรงๆ ว่าผมไม่ไหวแล้ว และไม่อยากให้แต่ละคน คลางแคลงใจด้วยว่าท�ำไมขายแล้วไม่ได้เงิน ก็เลยให้แยกย้ายกันไป ต่างคนต่างหาตลาด กันเอง.. บางคนก็ได้ไปขายในตลาดนัด บาง คนก็กลับไปท�ำเกษตรเคมีแบบเดิม สุดท้าย ตอนนี้เหลือกันแค่ 9 ราย “ถ้ า ตอนนั้ น ลู ก ค้ า จ่ า ยเงิ น ครบถ้ ว น และตรงเวลา กลุ ่ ม พวกเราก็ ต ้ อ งอยู ่ กั น ต่ อ ไปได้แน่...” นี่ คื อ ช่ ว งตอนหนึ่ ง ในอดี ต ที่ ไ ด้ จ บไป แล้วอย่างน่าเสียดาย แมวเก้าชีวิต
แม้จะเหลือกันเพียงเท่านี้ แต่เมื่อก้าว มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปต่อให้สุด ๆ “9 รายเราก็ยังบุกอยู่ตลอด เจ้าหน้าที่ เกษตรฯ ก็ช่วยหาตลาดให้อีก จนสุดท้ายเรา ได้ ต ลาดท้ อ ปส์ ซุ ป เปอร์ ม าร์ เ ก็ ต ท้ อ ปส์ ใ ห้ เราเลือก / ทาง คือ ขายขาด แต่ราคาของเรา ต้องไปอิงกับซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่ส่งอยู่ เดิม ถ้าไม่เอาตัวเลือกนี้ก็มีทางเลือกที่สอง คือ ฝากขาย เราตั้งราคาเอง ดูแลคุณภาพ เอง ถ้าไม่ดีก็คือเขี่ยลงจากชั้น เราก็ขอเลือก
แบบที่สอง...” “ผั ก ที่ ส ่ ง เป็ น ของสมาชิ ก ทั้ ง หมด รับรองคุณภาพได้ และท้ อปส์ ก็มีการตรวจ คุ ณ ภาพปลายทางด้ ว ย ถ้ า ตรวจเจอว่ า ไม่ เป็ น ไปตามมาตรฐานก็ ย กเลิ ก สั ญ ญา ใน กลุ ่ ม ก็ คุ ย กั น ว่ า เราต้ อ งรั ก ษามาตรฐานเรา ไว้เพื่ออาชีพของเรา “แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้างคือเราจัดการ ได้ไ ม่ ค รบวงจรเท่ าที่ ค วร ไม่ มี ค นดู แ ลเรื่ อง การเอาผั ก ขึ้ น วางชั้ น ผู ้ จั ด การแต่ ล ะสาขา ก็ ไ ม่ เ หมื อ นกั น บางสาขาก็ เ อาผั ก ของเรา ขึ้นเร็ว บางที่ก็เอาของบริษัทขึ้นก่อน พวกที่ ฝากขายอย่างเราค่อยวางทีหลัง แต่ถ้าเทียบ กับขายกับพ่อค้าคนกลาง กับท้อปส์เรายัง พอดู แ ลได้ กั บ พ่ อ ค้ า คนกลางปั ญ หาเยอะ กว่ามาก...” เพราะซื่ อ สั ต ย์ กั บ ลู ก ค้ า ท� ำ ให้ ก ลุ ่ ม เกษตรนนท์ ก็ ไ ด้ ค ้ า ขายกั บ ท้ อ ปส์ ซู เ ปอร์ มาร์ เ ก็ ต มากว่ า 5-6 ปี แ ล้ ว และท้ อ ปส์ ยั ง เคยชั ก ชวนให้ ก ลุ ่ ม เพิ่ ม ปริ ม าณผั ก ที่ ส ่ ง เพื่ อ กระจายไปยังสาขาอื่นๆ ของเขาอีก “ที่จริงเขาก็ขอให้เราขยายสาขาอีกแต่ เราขอเท่านี้ก่อน เรายังเหนื่อยกับการบริหาร จั ด การ และห้ า งเขาก็ ยั ง หาซั พ พลายเออร์ รายอื่นอยู่เรื่อยๆ ส�ำหรับเราก็ถือว่าตลาดยัง ไม่มั่นคง ก็เลยขอท�ำเท่านี้ก่อน จนสุดท้าย ก็ได้รับการประสานงานจากตลาดนัดสีเขียว ให้ไปร่วมเข้าโครงการ...” เราจึงได้พบปะและรู้จักกับกลุ่มเกษตร นนท์ ก็ ต อนที่ ไ ปจั บ จ่ า ยในตลาดสี เ ขี ย วนี่ แหละ แม้ แ ต่ ภ าวะวิ ก ฤตอย่ า งช่ ว งน�้ ำ ท่ ว ม ปลายปี พ.ศ. 2554 ที่บ้านและสวนผักของ สมาชิกกลุ่มเกษตรนนท์ก็โดนไปกับเขาด้วย เราก็ยังได้เป็นพี่บุญเชิดมาร่วมด้วยช่วยงาน อาสากับ เครือข่ ายตลาดสีเ ขียวอยู่ ดี และก็ คงจะเป็นเหตุผลคล้ายกันว่า ณ วันนี้ให้กลับ ไปปลูกผักระบบสารเคมีอีกก็คงจะไม่... “คนที่มาปลูกระบบปลอดภัยเขาไม่ กลับไปปลูกแบบใช้สารเคมีแล้วล่ะ มอง แค่ เ รื่ อ งต้ น ทุ น มั น ก็ คุ ้ ม กว่ า กั น ส่ ว นตั ว ผมท�ำอย่างอื่นเช่นขายของช�ำก็เลี้ยงตัว เองและครอบครั ว ได้ แ ล้ ว แต่ ที่ ยั ง ปลู ก ผักไร้สาร เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อคน กิน...”
ตลาดสีเขียว 13
ยากง่ายไม่เหมือนกัน “ปลู ก ผั ก ระบบปลอดสารใช้ เ วลาเยอะ กว่าท�ำระบบเคมีนะ ต้องดูแล ต้องดายหญ้า ต้องท�ำด้วยแรงงานคน ยกตัวอย่างหญ้าที่ขึ้น ที่แปลงผักของผม ถ้าท�ำระบบไม่ติดดาว เขา อาจใช้ ย าตั ว หนึ่ ง ที่ ฉี ด ไปแล้ ว สามารถก� ำ จั ด หญ้ า ได้ เ ลย ผั ก ไม่ ต าย แต่ ว ่ า มั น จะมี ส าร ตกค้ า งอยู ่ ร ะดั บ หนึ่ ง แต่ ข องผมใช้ ค นถอน หญ้ า แล้ ว ก็ ป ล่ อ ยให้ มั น รกแบบนั้ น แหละ ถ้ า ไม่ ทั น ก็ ไ ม่ ถ อน เคยไปดู ง านแปลงเกษตร อิ น ทรี ย ์ ที่ โ คราช คนญี่ ปุ ่ น มาซื้ อ ที่ น่ า จะถึ ง 100 ไร่ มีคนงานประมาณ 30 คน ปรากฏ เขามี ห ญ้ า เยอะกว่ า เราอี ก เราเห็ น ของเรา แค่ นี้ เรายั ง ไม่ ค ่ อ ยสบายใจแล้ ว เราเคยชิ น กับแปลงโล่ง ๆ แต่ตอนนี้เราก็พยายามปรับ พฤติกรรมนะ เราจะไต่ไปถึงอินทรีย์ เราต้อง ปล่ อ ยให้ ห ญ้ า มี บ ้ า ง เพราะหญ้ า มั น จะช่ ว ย เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงอะไรพวกนั้นด้วย ถ้า เราไปก�ำจัดมันเตียนโล่งเลย แมลงมันก็จะไป อยู่กับผักเราแทน “ใครอยากเริ่มท�ำ ก็แนะน�ำให้แบ่งพื้นที่ เรีย นรู ้ ก ่ อ น เพราะการใช้ ชี ว ภั ณ ฑ์ ก� ำ จั ด ศั ต รู พื ช ไม่ ไ ด้ ใ ช้ อ ย่ า งเดี ย วเอาอยู ่ ห มด มั น ต้ อ ง ผสมผสาน จะเห็ น แปลงผมมี เ ตยปลู ก แซม 14 ตลาดสีเขียว
ด้ ว ย เพราะขายก็ ไ ด้ แ ละยั ง ใช้ เ ป็ น แนวกั น แมลงด้ ว ย เตยไม่ มี แ มลงรบกวน และเราก็ ปลู ก ระหว่ า งแปลงเพื่ อ ไม่ ใ ห้ มั น ข้ า มไปกิ น แปลงอื่น เรื่องพวกนี้เราสังเกตไปด้วย ท�ำไป ด้วย หาวิธีพัฒนาไปเรื่อยๆ พอเราท�ำได้ครบ วงจรแล้วไม่ต้องเสี่ยงแล้ว ดูอย่างคะน้า สวย ไหม เมื่อก่อนผมไม่เคยได้กิน แต่ก็เปลี่ยนการ ปลู ก สลั บ แปลงไปเรื่ อ ยๆ หลายๆ อย่ า งเรา ต้องเรียนรู้ ผมเองเวลาไปดูงานที่อื่น ก็จะฟัง ให้หมด ไม่พูดเลยฟังอย่างเดียว แล้วเอามา ปฏิบัติ มาปรับกับแปลงของเรา เราต้องท�ำตัว เป็นน�้ำพร่องแก้ว... “ถ้ า เป็ น เรื่ อ งกระบวนการผลิ ต ณ วั น นี้ เราผ่านความยากตรงนั้นไปแล้ว เดิมยาก เพราะเราไม่ รู ้ จุ ด จ� ำ หน่ า ยชี ว ภั ณ ฑ์ เช่ น พวก บาซิลลัส กากน�้ำตาล ฯลฯ ไม่รู้จะไปหาจาก ไหน แต่ตอนนี้เราท�ำมาหลายปีแล้ว เรารู้แล้ว ว่าอยากได้อะไรจะต้องไปหาตรงไหน “เรื่ อ งที่ ยั ง หนั ก ใจอยู ่ ก็ เ ลยเป็ น เรื่ อ งการ ตลาด ถ้ า จะท� ำ กั บ เราก็ ต ้ อ งมาวางแผนว่ า จะเอาอย่างไร ไม่ใช่มาปุ๊บ สั่งปั๊บ... ณ วันนี้ เรายังไม่มีตลาดที่มั่นคง เราอยากก้าวไปต่าง ประเทศเหมือนกัน แต่บอกตรงๆ ว่าแผนการ ตลาดในอนาคตก็ยังมืดมนอยู่”
เรื่องหมู หมู “จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหมู ส่วนตัว ไม่อยากเลี้ยงสัตว์ แต่กระบวนการเกษตรแบบ ปลอดภั ย มั น จ�ำ เป็ น ต้ อ งมี เพราะถ้ า เราปลู ก พืชอย่างเดียว จะต้องเอาวัตถุดิบจากที่อื่นเข้า มา ต้นทุนก็จะสูง แล้วเลี้ยงหมูมีประโยชน์คือ 1. ค่าใช้จ่ายเรื่องแก๊สลดลง เพราะใช้ขี้หมูท�ำ แก๊ส 2. ต้นทุนลดลงเรื่อยๆ 3. เอาพืชที่เหลือ ในแปลงในสวนนั่ น แหละให้ มั น กิ น ไม่ เ สี ย เปล่า และก็ได้ขายหมูด้วย “ที่จริงพ่อผมค้านมาก ไม่อยากให้เลี้ยง กลั ว บาป แต่ ผ มก็ ท� ำ ความเข้ า ใจกั บ แกว่ า ถ้ า เราจะเริ่ ม ท� ำ ขบวนการเกษตรปลอดภั ย มั น เป็ น วงจรที่ มั น ต้ อ งใช้ เราไปซื้ อ เองก็ ไ ด้ แต่ ถ ้ า เราไปซื้ อ ขี้ ห มู ใ นฟาร์ ม ที่ เ ขาใช้ โ ซดาไฟ เพื่ อ ฆ่ า หนอนในมู ล ของมั น เสร็ จ แล้ ว เรามา ใช้ในแปลง มันก็สะสมสาร และใช้อินทรีย์ตัว อื่ น ร่ ว มด้ ว ยมั น ก็ ไ ม่ ดี มี ทั้ ง โซดาไฟฆ่ า หนอน น�้ำยาราดกันแมลงวัน ฯลฯ แต่เลี้ยงแบบของ เรา เราปล่อยแบบธรรมชาติ ถ้าจะท�ำอินทรีย์ จริ ง ๆ เขาบอกว่ า ต้ อ งเป็ น วั ต ถุ ดิ บ ที่ ม าจาก ฟาร์ ม เดี ย วกั น ต้ อ งหมุ น วนอยู ่ ใ นแปลง แต่ เอาวัตถุดิบจากภายนอกเข้ามาเราตรวจสอบ ไม่ได้ว่าเอามาจากไหน “คอกหมูของเรามีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เขต มาประเมินแล้วว่าไม่มีผลกระทบต่อชุมชนใน เรื่ อ งกลิ่ น เรื่ อ งมลภาวะ เพราะว่ า เราใช้ EM บ�ำบัดกลิ่นในฟาร์มตลอด เราจะขยายเชื้อไว้ ราดในเล้า อาหารเมื่อก่อนก็ไปเอากากถั่วมา จากโรงงานท� ำวุ้นเส้นแต่ตอนนี้มีบริษัทมารับ ซื้อไปหมดแล้ว ก็ไม่เหลือขายให้เรา แต่ตอน ที่ซื้อกากถั่วมาผสมกับร�ำกับส่วนผสมอื่นๆ ให้ หมูกิน หมูจะโตไวมาก เก็บเศษผักให้มันกิน ด้วย แล้วเวลาล้างคอก มูลก็จะไหลมาใต้ดิน แล้วก็จะเข้าถังหมักแก๊ส ต่อท่อเล็กๆ จากถัง หมักแก๊สตรงเข้าไปในครัว ใช้เป็นแก๊สหุงต้ม วิธีการต่างๆ ก็คือเราไปดูงานมาแล้วกลับมา ท�ำเอง”
ในสวนของคนปลูกพรรณไม้
GREEN PRODUCTION เรื่อง/ ภาพ: ปราชญ์ อันดามัน
เปลี่ยนผักบนแปลง งานทดลองเพื่อเกษตรกร
ของ ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์
หลาย เดื อ นมาแล้ ว ที่ ผ มต้ อ งตื่ น ตั้ ง แต่ ย�่ำ รุ่ ง ด้ ว ยมีนัด หมายที่ส�ำ คัญ กับ ทีม วิจัย อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งที่ผมกับ ทีมวิจัย ซึ่งมี ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ และปริ้นซ์ หรือว่า นคร ลิมปคุปตถาวร ร่วมอยู่ ในที่นี้ ผมอยากกล่าวถึง ดร.ดุสิต อธินุวัฒน์ คนที่ ผมเรียกสั้นๆ ว่า ‘อาจารย์’ จนติดปาก จ�ำได้ ว่าผมรู้จักกับอาจารย์ตอนที่ไปตั้งวงประชุม เรื่องการท�ำอย่างไรให้คุณภาพชีวิตเกษตรกร ไทยดี ขึ้ น ที่ ค ลี น ฟาร์ ม จั ง หวั ด สระบุ รี ด้ ว ย เห็นถึงความสนใจในเรื่องเกษตรอินทรีย์ของ อาจารย์เป็นพิเศษ เราจึงได้เข้าไปท�ำความ รู ้ จั ก พู ด คุ ย กั น ก่ อ นจั บ พลั ด จั บ ผลู ไ ด้ ม า ท�ำงานร่วมกันในที่สุด ทราบมาบ้ า งว่ า อาจารย์ มี ภู มิ ล�ำ เนาที่ เมืองแปดริ้ว - ฉะเชิงเทรา จบการศึกษาระดับ ปริ ญ ญาตรี (เกี ย รติ นิ ย มอั น ดั บ หนึ่ ง ) จาก ภาควิชาโรคพืช คณะเกษตร มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ก� ำ แพงแสนและได้ ศึ ก ษา ต่อที่นี่ในสาขาเดียวกัน จนจบปริญญาเอก ▲
จากมหาวิ ท ยาลั ย คอร์ เ นลล์ สหรั ฐ อเมริ ก า ปั จ จุ บั น เป็ น อาจารย์ ป ระจ� ำ หลั ก สู ต รวิ ท ยา ศาสตรมหาบั ณ ฑิ ต สาขาวิ ช าการจั ด การ เกษตรอิ น ทรี ย ์ คณะวิ ท ยาศาสตร์ แ ละ เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พี่เกษร เกษตรกรจากนนทบุรีเคยแอบ กระซิบกับผมว่า “ทีแรกนึกว่าไม่ใช่อาจารย์ เพราะดู รู ป ร่ า งแล้ ว นึ ก ว่ า พวกท�ำ งานบริ ษั ท ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่พอเห็นว่าอาจารย์แก มาลงแปลง ท�ำทุกอย่างเหมือนที่เราท�ำ แดด ก็ร้อน เปื้อนดินเลอะโคลนก็ไม่เคยบ่นแล้ว ชั ก เปลี่ ย นใจ เคยเห็ น พวกดอกเตอร์ ส ่ ว น ใหญ่ ช อบชี้ นิ้ ว สั่ ง มากกว่ า แต่ อ าจารย์ ไ ม่ เลย ความรู้เรื่องต่างๆ แกบอกหมด จับจอบ ขุดดิน น่าประทับใจมาก” ผมยังจ�ำรอยยิ้ม ของพี่เกษรในวันนั้นได้ดี อาจารย์ดุสิตเคยบอกผมถึงเรื่องปัญหา หลัก ๆ ของเกษตรกรที่ท� ำเกษตรอินทรีย์ ว่ า ประชากรส่ ว นใหญ่ ข องไทยประกอบอาชี พ เกษตรกรรม ทั้งเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน
และส่ ง ไปขายยั ง ตลาดในและต่ า งประเทศ แต่เกษตรกรกลับยากจนลงทุกวัน ส่งผลให้ ปัญหาเรื่องปากท้องทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่ อ งจากความไม่ แ น่ น อนของสภาพดิ น ฟ้าอากาศ ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรได้ ไม่ตรงตามความต้องการ เกษตรกรมีรายได้ น้อยและไม่แน่นอน ปริมาณผลผลิตคุณภาพ ตกต�่ ำ ล� ำ พั ง เกษตรกรเองก็ ไ ม่ มี อ� ำ นาจต่ อ รองราคา ประกอบกับสภาพดินมีความอุดม สมบู ร ณ์ ต�่ ำ พื ช ที่ ป ลู ก จึ ง ให้ ผ ลผลิ ต น้ อ ย คุณภาพไม่ดี รวมทั้งอ่อนแอต่อโรค แมลง และศัตรูพืชอื่นๆ มิหน�ำซ�้ำศัตรูพืชยังดื้อสาร เคมี ที่ เ คยใช้ ท� ำ ให้ ต ้ อ งพึ่ ง พาปุ ๋ ย เคมี แ ละ สารเคมี ก� ำ จั ด ศั ต รู พื ช ที่ ต ้ อ งน� ำ เข้ า จากต่ า ง ประเทศ ท�ำให้ต้นทุนการผลิตสูง สวนทาง กับรายได้ เกษตรกรจึงหลุดเข้าไปอยู่ในวง โคจรของเกษตรพั น ธะสั ญ ญาและหนี้ น อก ระบบ เป็ น วงจรที่ ไ ม่ น ่ า พึ ง ประสงค์ แ ละไม่ น่าจะเกิดขึ้นกับเกษตรกรไทย ด้วยเหตุนี้คนรุ่นหลังจึงไม่ต้องการ 〰> ตลาดสีเขียว 15
สื บ ท อ ด อ า ชี พ เ ก ษ ต ร ก ร ร ม ต า ม ร อ ย บรรพบุ รุ ษ และเกษตรกรรุ ่ น พ่ อ แม่ เ องก็ ไม่ ต ้ อ งการให้ บุ ต รหลานล� ำ บากเหมื อ นรุ ่ น ตนเอง เกษตรกรรุ่นใหม่และแรงงานเกษตร จึ ง ลดน้ อ ยลงทุ ก วั น ๆ อี ก ทั้ ง ในปั จ จุ บั น นโยบายขยายเมื อ งและอุ ต สาหกรรมท� ำ ให้ ที่ ดิ น มี ร าคาสู ง ขึ้ น มาก เป็ น แรงจู ง ใจให้ เกษตรกรขายที่ ดิ น ท� ำ กิ น เป็ น จ� ำ นวนมาก ป่ า คอนกรี ต จึ ง ผุ ด ขึ้ น บนพื้ น ที่ เ กษตรอย่ า ง รวดเร็ว พื้นที่ทางการเกษตรลดลงอย่างน่า ใจหาย จัดเป็นคนความน่าสลดของดินแดน ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นประเทศกสิกรรม อาจารย์ยังบอกผมอีกว่า ปัญหาหลัก ของภาคเกษตรคือ เกษตรกรรุ่นเก่าถือครอง ที่ ดิ น จ� ำ นวนมากเกิ น ก� ำ ลัง ของตนเอง และ ไม่ มี ลู ก หลานสื บ ทอดอาชี พ เกษตรกรรม กอปรกั บ สภาวะโลกร้ อ นในปั จ จุ บั น ส่ ง ผล ให้ฤดูกาลและสภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ไปจากอดีต ศัตรูพืชที่ระบาดอยู่แล้วระบาด รุนแรงมากขึ้น หรือศัตรูพืชที่ไม่เคยระบาดใน อดีตกลับมาอาละวาดใหม่ วิทยาการใหม่ๆ ในการจัดการระบบการปลูกพืชแบบง่าย ๆ และต้นทุนต�่ำ จึงเป็นที่ต้องการส� ำหรับการ บริหารจัดการฟาร์มในปัจจุบัน ปัจจัยส�ำคัญ อี ก ประการหนึ่ ง คื อ พื ช จั ด เป็ น ปั จ จั ย 4 ที่ ส�ำคัญกับทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ที่อยู่ อาศัย ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม ตลอด จนป่าไม้ที่คอยอุ้มซับน�้ำเอาไว้ท�ำให้ทุกชีวิต มีน�้ำไว้อุปโภคและบริโภค หากเรายังคงใช้ สารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี จะท� ำให้ เราใกล้ ชิ ด กั บ สารพิ ษ ที่ อ าจปนเปื ้ อ นมากั บ ผลผลิตทางการเกษตรและตกค้างในสภาวะ แวดล้อมและน�้ำเพิ่มมากขึ้น ปัญหาสุขภาพ และโรคใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสาร พิษต่าง ๆ อาจติดตามมาในระยะเวลาอัน ใกล้ ประเด็ น หนึ่ ง ที่ อ าจารย์ คิ ด ว่ า เป็ น ปัญหาหลักของเกษตรกรที่ท�ำเกษตรอินทรีย์ นอกจากปั ญ หาปากท้ องของเกษตรกรแล้ว การเช่ า ที่ ดิ น ท� ำ กิ น การเปลี่ ย นแปลงวิ ถี ปฏิบัติท างการเกษตรและความเคยชิน ของ เกษตรกร จั ด เป็ น ปั ญ หาที่ ส� ำ คั ญ ในล� ำ ดั บ ต้นๆ ทีเดียว เพราะเกษตรกรมองว่าการท�ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ที่ จ ะต้ อ งค่ อ ยๆ สร้ า งสมดุ ล ทางธรรมชาติ ให้ ธ รรมชาติ ค วบคุ ม กั น เอง 16 ตลาดสีเขียว
ไม่เห็นผลทันตา ศัตรูพืชตายไม่ทันใจ เกิด ความไม่ แ น่ ใ จกั บ ปริ ม าณและคุ ณ ภาพของ ผลผลิตที่จะได้รับ นั่นคือความไม่มั่นคงของ รายได้ ท� ำ ให้ เ กษตรกรไม่ นิ ย มท� ำ เกษตร อินทรีย์ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรที่จะคิดแบบนั้น แม้ ก ารท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ จ ะเห็ น ผล ไม่ทันใจ แต่จะคุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งจริง ๆ แล้ ว หากเรานึ ก ถึ ง ป่ า ไม้ จะเห็ น ได้ ว ่ า ไม่ มี ใครใส่ ปุ ๋ ย ให้ กั บ ป่ า แต่ ต ้ น ไม้ ใ นป่ า กลั บ เจริญเติบโตออกดอกและผล ให้มนุษย์และ สัตว์ใช้เป็นปัจจัย 4 ได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ การปรับเปลี่ยนความเคยชินจากการท�ำการ เกษตรแบบเดิ ม ที่ มี ก ารใช้ ส ารเคมี ม ากว่ า 50 ปี มาท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ สภาพดิ น และ สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมไปมากแล้ว การ ท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ใ นปี แ รกหรื อ 2-3 ปี แ รก พืชจะให้ผลผลิตมากไปได้อย่างไร นอกจาก นี้การไม่มีตลาดกลางหรือช่องทางการค้าไว้ รองรั บ ผลผลิ ต ก็ เ ป็ น อี ก ปั จ จั ย หนึ่ ง ที่ ส ร้ า ง ความลั ง เลและกั ง วลใจแก่ เ กษตรกรอย่ า ง ยิ่ ง หากทุ ก ภาคส่ ว นร่ ว มมื อ กั น ก้ า วผ่ า น ปั ญ หาต่ า งๆ ที่ ก ล่ า วมาข้ า งต้ น จะท� ำ ให้ ประเทศไทยมีพืชผลทางด้านเกษตรอินทรีย์ ที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคทุก ระดับ ตลอดจนปัญหาโรคภัยไข้เจ็บก็จะลด ลงตามไปด้วย อาจารย์ เ น้ น ว่ า ผั ก อิ น ทรี ย ์ ค วรเป็ น ที่ ต้องการของผู้บริโภคทุกระดับ (ไม่ใช่เฉพาะ ผู้บริโภคที่มีก�ำลังซื้อสูงเท่านั้น) ช่องทางการ ตลาดหรื อ ช่ อ งทางการกระจายผั ก อิ น ทรี ย ์ จึ ง ต้ อ งมี ห ลายระดั บ ทั้ ง ในระดั บ ท้ อ งถิ่ น ระดับสถาบัน ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพ สินค้า ซึ่งแต่ละช่องทางการตลาดจะต้องมี มาตรฐานที่เข้มงวดแตกต่างกัน รวมถึงราคา ผั ก ที่ ต ้ อ งแตกต่ า งกั น ตามระดั บ ความยาก ง่ า ยของมาตรฐานในตลาดแต่ ล ะระดั บ อี ก ด้วย เพื่อร้อยเรียงผู้ผลิตให้มีมาตรฐานและ จุ ด มุ ่ ง หมายเดี ย วกั น ในการผลิ ต ตลอดจน เชื่ อ มโยงผู ้ ผ ลิ ต ไปยั ง ผู ้ ซื้ อ โดยการก�ำ หนด ราคาของแต่ ล ะตลาดท� ำ การโฆษณา จน กระทั่ ง ท� ำ การขาย การมี ส ่ ว นร่ ว มกั น จาก หลายภาคส่วนในการเชื่อมโยงองค์ประกอบ ต่างๆ ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค นักวิชาการ นักส่ง เสริม วิส าหกิ จ ชุ ม ชน และแหล่ ง สนั บ สนุ น จากทั้ ง ภาครั ฐ และเอกชน จึ ง จั ด เป็ น ยุท ธศาสตร์ ที่ส�ำคัญในการขับเคลื่อนตลาด
เกษตรอินทรีย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตลาดผั ก อิ น ทรี ย ์ ใ นปั จ จุ บั น ยั ง มี อ ยู ่ น้ อ ยมากและยั ง ไม่ ไ ด้ รั บ ความนิ ย มแพร่ หลาย เนื่ อ งจากผู ้ ผ ลิ ต และผู ้ บ ริ โ ภคหลาย รายยั ง ไม่ เ ข้ า ใจหลั ก การของการท� ำ เกษตร อิ น ทรี ย ์ รวมทั้ ง การสนั น สนุ น จากภาครั ฐ มี อยู ่ อ ย่ า งจ� ำ กั ด หรื อ เฉพาะบางพื้ น ที่ เ ท่ า นั้ น ท�ำให้พื้นที่การผลิตผักอินทรีย์ถูกจ�ำกัดอยู่ใน วงแคบ ส่งผลกระทบต่อราคาค่าขนส่งและ กระบวนการขนส่งผลผลิตผักสดไปจ�ำหน่าย ในตลาดต่ า งๆ นอกจากนี้ ก ารก่ อ ตั้ ง ตลาด กลางผั ก อิ น ทรี ย ์ เ ป็ น อี ก หนึ่ ง ทางเลื อ กเพื่ อ ลดปั ญ หาการเปรี ย บเที ย บด้ า นรู ป ลั ก ษณ์ ภายนอกระหว่ า งผั ก อิ น ทรี ย ์ แ ละผั ก ทั่ ว ไป อีกทั้งผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ต้องการจ�ำหน่าย ผลผลิ ต ในราคาที่ คุ ้ ม ค่ า กั บ การลงทุ น และ การเอาใจใส่ ซึ่ ง อาจจะสู ง กว่ า ผลผลิ ต ที่ มี การใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีเข้าร่วม (ปฏิบัติ ตามตารางบริ ษั ท ก� ำ หนด บริ ห ารจั ด การ ง่ า ย) เป็ น ผลท�ำ ให้ ค ่ า แรงงานที่ ต ้ อ งเอาใจ ใส่ ดู แ ลพื ช ผั ก อิ น ทรี ย ์ เ พิ่ ม มากขึ้ น ขณะที่ ผู ้ บ ริ โ ภคกลั บ มองว่ า การท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ สามารถประหยัดต้นทุนด้านปัจจัยการผลิต ดั ง นั้ น การขั บ เคลื่ อ นองค์ ป ระกอบต่ า ง ๆ ของตลาดดังได้กล่าวไว้ข้างต้นให้เกิดความ สมดุ ล เช่ น การมี ส ่ ว นร่ ว มในการก� ำ หนด มาตรฐานและราคาของตลาด การตรวจ สอบรั บ รอง การตรวจสอบย้ อ นกลั บ และ การโฆษณา เป็นต้น จะส่งผลให้เกิดพลวัต และพลังในการขับเคลื่อนตลาดไปได้ตัวของ ตลาดเอง อาจารย์ดุสิตบอกผมว่า เป้าหมายของ การเลือกมาท�ำงานแบบนี้ก็เพราะ ต้องการ เผยแพร่ อ งค์ ค วามรู ้ ด ้ า นการก� ำ จั ด ศั ต รู พื ช ทางเลื อ กให้ แ ก่ เ กษตรกรและผู ้ ที่ ส นใจใน การลดและเลิกใช้สารเคมีก�ำจัดศัตรูพืช เพื่อ ลดต้นทุนการผลิตอย่างยั่งยืน โดยหันมาใช้ จุลินทรีย์ ศัตรูธรรมชาติ และสารสกัดจาก ธรรมชาติทดแทนการใช้สารเคมี ฮอร์โมนพืช สังเคราะห์ และปุ๋ยเคมี และที่ส�ำคัญเพื่อให้ เกษตรกรสัมผัสกับสารเคมีก�ำจัดศัตรูพืชให้ น้อยที่สุด อันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของ เกษตรกรเอง ผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม และอยากกระตุ ้ น ให้ เ กษตรกรปรั บ เปลี่ ย น ทั ศ นคติ ว ่ า การปลู ก พื ช ผลไว้ จ� ำ หน่ า ยคื อ การปลู ก พื ช ผลไว้ กิ น เอง ยิ่ ง ไปกว่ า นั้ น การ
ตลาดสีเขียว 17
รั ก ษาสภาพแวดล้ อ มไม่ ใ ห้ ป นเปื ้ อ นจาก สารเคมี ห รื อ มี ก ารปนเปื ้ อ นน้ อ ยที่ สุ ด จั ด เป็ น การอนุ รั ก ษ์ ส ภาพแวดล้ อ มที่ ดี ใ ห้ อ ยู ่ นานเท่านานส�ำหรับรุ่นลูกหลาน ยิ่งไปกว่า นั้ น คื อ การขยายพื้ น ที่ ก ารผลิ ต พื ช อิ น ทรี ย ์ ให้ เ พี ย งพอต่ อ การบริ โ ภคภายในท้ อ งถิ่ น และภายในประเทศ ขณะเดีย วกัน การให้ ข้อมูลหรือผลงานวิจัยเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ และข้ อ มู ล การใช้ ส ารเคมี แ ก่ ผู ้ บ ริ โ ภค จะ เป็นอีกแนวทางหนึ่งให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจ ปั ญ หาสุ ข ภาพและสิ่ ง แวดล้ อ ม ตลอดจน เกิ ด ความเห็ น ใจเกษตรกร โดยเฉพาะผู ้ ที่ ท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ที่ ต ้ อ งยากล� ำ บากในการ ผลิ ต พื ช อาหารปลอดภั ย ให้ เ รากิ น จึ ง เป็ น อี ก หนึ่ ง แรงจู ง ใจให้ เ กษตรกรหั น กลั บ มาท�ำ เกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น นั่นคือเรื่องราวของอาจารย์ดุสิต อธินุวั ฒ น์ นั ก วิ ช าการหนุ ่ ม ที่ แ ม้ ม าดไม่ เ ข้ ม แต่ หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ผมไม่รู้ เหมือนกันว่า จะมีด็อ กเตอร์หรืออาจารย์สัก กี่ ร ายในประเทศนี้ ที่ ท� ำ งานเรี ย นรู ้ ร ่ ว มกั บ เกษตรกรเพื่อค้นหาทางเลือกที่แตกต่างออก ไปจากวงจรเดิมๆ ผมอดดี ใ จแทนเกษตรกรผู ้ ป ลู ก ผั ก หลายคนไม่ ไ ด้ ผมว่ า พวกเขาโชคดี ที่ ไ ด้ ท�ำงานร่วมกับอาจารย์หนุ่ม ไม่ได้ต้องการ อุด มการณ์ ที่ต้ อ งล้ น เหลือแต่อาจารย์ไ ด้น�ำ สิ่งที่ค้นพบจากการเรียนรู้ วิชาการในต�ำรา มากางขึ ง บนแปลงต่ อ หน้ า เกษตรคนปลู ก ผักได้อย่างมีท่วงท�ำนอง ผมไม่ไ ด้ลังเลมาแต่ต ้นที่ชวนอาจารย์ มาท�ำงานบนแปลงทดลองร่วมกับเกษตรกร เจออาจารย์ท่านอื่นๆ มาหลายคน แต่หลาย คนก็มีข้อจ� ำกัดกับหัวโขนที่สวมทับอยู่ในรั้ว มหาวิ ท ยาลั ย ไม่ ไ ด้ น� ำ พาความรู ้ เ หล่ า นั้ น มาถึ ง คนระดั บ รากหญ้ า อย่ า งพี่ เ กษรหรื อ เกษตรกรคนอื่นๆ ได้เท่าที่ควรจะเป็น ผมอยากยกตั ว อย่ า งงานทดลองบน แปลงผัก ของเกษตรกรที่อาจารย์ดุสิต ได้ท� ำ ที่นนทบุรีและที่ปทุมธานีมาเล่าให้ฟังกัน อาจารย์ ดุ สิ ต บอกว่ า กระบวนการที่ ส� ำ คั ญ ที่ ที ม วิ จั ย ท� ำ ก็ คื อ เราเริ่ ม ลงส� ำ รวจ ตรวจแปลงตั้ ง แต่ เ มื่ อ เดื อ นมกราคม เน้ น ไปที่ ก ลุ ่ ม เกษตรนนท์ เ พื่ อ วางแผนกระบวน ทดลองในเบื้ อ งต้ น กั บ ทางกลุ ่ ม ก่ อ นที่ จ ะ นั ด คุ ย หารื อ ร่ ว มทั้ ง สามกลุ ่ ม ในสั ป ดาห์ ถั ด ไป ซึ่งการประชุมร่วมทั้งสามกลุ่มคือ จาก 18 ตลาดสีเขียว
หนองเสือ บึงช�ำอ้อ และกลุ่มเกษตรนนท์ ที่ ห้ อ งประชุ ม สาขาการจั ด การเกษตรอิ น ทรี ย ์ คณะวิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี มหาลั ย ธรรมศาสตร์ รังสิต ก็เพื่อก�ำหนดรูปแบบการ ท�ำงานร่วมกันระหว่างเกษตรกรและทีมวิจัย ที่มีอาจารย์ดุสิตเป็นหัวหน้าทีม ซึ่ ง การพู ด คุ ย ก็ เ พื่ อ หาข้ อ สรุ ป ในการ ท�ำงานเรื่องแปลงทดลอง ดังนี้คือ 1) แปลงทดลองมีจ�ำนวน 3 แปลง คือ กลุ ่ ม พี่ เ ชิ ด ใช้ แ ปลงของพี่ บุ ญ มา (พี่ พิ ม ) มี แปลงที่ยาว 40 วา กลุ่มพี่เรียมใช้แปลงของ พี่ เ รี ย มเลย กลุ ่ ม น้ า ด� ำ รงใช้ แ ปลงของน้ า ด�ำรง แต่น้าเสนอให้ใช้เนื้อที่จ� ำนวน 1 ไร่ พร้อมทั้งคิดค่าใช้จ่ายมาให้เสร็จเลย (รวม ค่ า จ้ า งแรงงานด้ ว ย) ซึ่ ง น้ า ต้ อ งการให้ เ ห็ น ต้นทุนของการผลิตจริงๆ 2) การทดลองในแต่ ล ะแปลงต้ อ ง ให้ เ กิ ด ความรู ้ เ รื่ อ ง โรค แมลง วั ช พื ช และ การบ� ำ รุ ง ดิ น ซึ่ ง อาจารย์ ดุ สิ ต เน้ น เรื่ อ งการ ใช้ วั ส ดุ ท ้ อ งถิ่ น มาพั ฒ นาให้ ส ามารถใช้ ไ ด้ คุ ณ ภาพมากที่ สุ ด ยกตั ว อย่ า งเช่ น เรื่ อ ง น�้ำส้มควันไม้ กลุ่มพี่เชิดบอกว่าที่ใช้อยู่มัน ใช้ไ ม่ไ ด้ผล อยากให้ อาจารย์ ช่ วยหาแหล่ ง ผลิ ต ให้ ใ หม่ ซึ่ ง อาจารย์ บ อกว่ า เอาของเก่ า นั้น ล่ะมาใช้ แต่ ล องมาช่ วยกันทดลองดูว่ า ท� ำ อย่ า งไรจึ ง จะพั ฒ นาคุ ณ ภาพของมั น ให้ สามารถใช้ได้ผล 3) กระบวนการจะท� ำ การนั ด หมาย ลงพื้นที่ครั้งแรกเพื่อส�ำรวจพื้นที่ วัดพื้นที่และ เก็บดินมาส�ำรวจในแต่ละแปลง 4) ในการท� ำ แปลงทดลองของแต่ ล ะ พื้ น ที่ อาจารย์ ดุ สิ ต ที ม วิ จั ย และตั ว แทน เกษตรกรจะต้ อ งร่ ว มกั น ค้ น หาโจทย์ วิ จั ย เล็กๆ เฉพาะพื้นที่ร่วมกัน
ในการวางแผนการผลิตของเกษตรกรมาเล่า ดังนี้ ประเด็ น โจทย์ เ ฉพาะของแต่ ล ะพื้ น ที่ ตอนนี้ชัดเจน คือ 1) แปลงพี่บุญมา เกษตรนนท์ต้องการ เรียนรู้เรื่องแมลง การบ�ำรุงดิน โดยการเรียน รู้จากการปลูกคะน้าและกวางตุ้งฮjองเต้ 2) แปลงพี่ เ รี ย ม การจั ด การวั ช พื ช เปลี่ ย นมุ ม มองใหม่ ว ่ า หญ้ า เป็ น ปุ ๋ ย โดย การทดลอง 4 แบบคือ แบบที่ 1 ที่พี่เรียม ท�ำอยู่ เ ดิมคือใช้ พลาสติกคลุมหญ้า แบบที่ 2 ตัดหญ้าแล้วไถ แบบที่ 3 ตัดหญ้าไถแล้ว ใช้น�้ำส้มควันไม้ แบบที่ 4 แบบใช้จุลินทรีย์ ย่อยตอซัง 3) แปลงน้ า ด�ำ รงต้ อ งการพิ สู จ น์ เ รื่ อ ง การตอบมาตรฐาน 17 ข้อของ LDC (ศูนย์ เรี ย นรู ้ ก ารรั บ และกระจายผลผลิ ต อิ น ทรี ย ์ ชุ ม ชน) และสะท้ อ นต้ น ทุ น ที่ แ ท้ จ ริ ง รวมทั้ ง การตั้ ง ราคาผั ก ไร้ ส ารพิ ษ ที่ ผ ่ า นมาตรฐาน โดยเรียนรู้จากการปลูกถั่วฝักยาว
แปลงพี่ บุ ญ มา กลุ ่ ม เกษตรนนท์ เป็ น การลงเพื่ อ แบ่ ง แปลงเป็ น ล็ อ กๆ โดย วัดแบ่งเป็นจ�ำนวน 16 แปลงย่อย หลังจาก นั้ น ได้ ท� ำ การสุ ่ ม เก็ บ ตั ว อย่ า งของดิ น เพื่ อ น� ำ ไปเข้ า ห้ อ งแล็ บ ที่ ค ณะวิ ท ยาศาสตร์ แ ละ เทคโนโลยี มธ.รั ง สิ ต นอกจากนี้ ไ ด้ แ วะไป เยี่ ย มแปลงของลุ ง สมคิ ด ที่ มี ป ั ญ หาในเรื่ อ ง ของโรคที่เกิดกับต้นมะเขือ ซึ่งทางอาจารย์ ดุสิตได้แนะน�ำวิธีการจัดการกับโรคพืชที่เกิด ขึ้น อย่ า งไรก็ ต าม จากการที่ ล งพื้ น ที่ นั้ น ก็ ไ ด้ มี ข ้ อ คิ ด เห็ น ในเรื่ อ งของการท� ำ งานใน แปลงสาธิต ซึ่งมีเรื่องราวต่างๆ ที่มีประโยชน์
การสนับสนุนของโครงการ มี 2 แบบ 1) สนั บ สนุ น ปั จ จั ย การผลิ ต ในแปลง ทั้งหมดแต่ไม่รวมค่าแรง (แปลงพี่บุญมาและ แปลงพี่เรียม) แต่ให้มีการบันทึกการท�ำงาน ในแปลงสาธิ ต ของเกษตรกรเพื่ อ สะท้ อ น ต้ น ทุ น จริ ง และใช้ ใ นการค� ำ นวณราคาของ LDC ที่จะเข้าไปรับซื้อผลผลิต 2) สนั บ สนุ น ปั จ จั ย การผลิ ต ทั้ ง หมด รวมทั้งค่าแรง ตามความเป็นจริง (แปลงน้า ด�ำรง) มีการบันทึกการท�ำงานในแปลงเพื่อ สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง การจัดการผลผลิตของ LDC คร่าวๆ ที่ มีการพูดคุยกันมี 2 แบบ คือ
กระบวนการท�ำงานของทีมวิจัย 1) ท�ำร่างกระบวนการแปลงสาธิต ซึ่ง อาจารย์ ดุ สิ ต จะเสนอมาเป็ น กระบวนการ วิจัย 2) ท�ำร่างกระบวนการโรงเรียนชาวสวน เพื่อเข้ามาช่วยการขยายผลงานแปลงสาธิต ให้กับสมาชิกกลุ่มเกษตรกรทั้ง 3 กลุ่ม 3) นัดหมายลงพื้นที่ตามกระบวนการ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งต่อกลุ่ม 4) LDC ของวิสาหกิจชุมชนคนสานใจ ไร้สารพิษ ลงพื้นที่เพื่อประกันราคาผลผลิต 5) LDC รับซื้อผลผลิตตามเงื่อนไขและ ข้อตกลงที่ท�ำไว้
1) ในกรณี ที่ โ ครงการเป็ น คนออก ค่าแรงให้ มี 2 แนวคือ เมื่อผลผลิตออกมา ผลผลิตนั้นเป็นของ LDC เลย หรือ ผลผลิต เป็นของเกษตรกร LDC ลงไปประกันราคา ตามปกติ แ ต่ ต ้ อ งหั ก ค่ า แรงออกไปเพราะ โครงการได้จ่ายแล้ว 2) ในกรณี ไ ม่ ไ ด้ จ ่ า ยค่ า แรง LDC ประกันราคา อย่ า งไรก็ ต ามค� ำ ว่ า ‘แปลงสาธิ ต ’ ที่ ใช้ในการท�ำงาน โดยเฉพาะในประเด็นของ การสื่อ สารให้ ชัด เจนกับ ผู ้ ที่มีส ่ ว นเกี่ย วข้ อ ง และสาธารณะนั้ น ผมได้ เ สริ ม ค� ำ เพิ่ ม เป็ น ‘แปลงทดลองสาธิต’ ด้วยเหตุผล คือ 1. เพราะเราก�ำลังท�ำ ‘การทดลอง’ ใน แปลงดังกล่าว และการทดลองนี้เรามีโจทย์ ที่ ต ้ อ งการจะเปรี ย บเที ย บวิ ธีก ารผลิ ต ตาม มาตรฐานฯ กับวิธีของเกษตรกร เพื่อสร้าง การเรี ย นรู ้ ร ่ ว มกั น ในกระบวนการทดลองที่ เริ่มจาก (1) การสังเกต -->ว่ามีความเป็นไปได้ ในการไม่ใช้สารเคมี (2) การตั้ ง สมมุ ติ ฐ านการทดลอง --> การไม่ ใ ช้ ส ารเคมี ห รื อ การท� ำ ผั ก ไร้ ส ารพิ ษ มี ผ ลผลิ ต ต�่ ำ กว่ า มี ค ่ า แรงสู ง กว่ า นี่ คื อ สมมุติฐานการทดลองที่รอพิสูจน์ (3) การวางแผน (ออกแบบ) การทดลอง -->การก�ำหนดพืชที่จะปลูกและแปลงเปรียบ เที ย บระหว่ า งวิ ธีก ารแบบไร้ ส ารพิ ษ กั บ วิ ธี เดิมของเกษตรกรในระยะเวลาเดียวกัน
(4) การด�ำเนินการทดลอง -->การปลูก และดู แ ลรั ก ษาตามกรรมวิ ธีที่ ว างแผนไว้ ทั้ ง สองวิธีการ (5) การเก็บข้อมูล --> ที่ใช้เป็นตัวแทน ในการบอกค่าความแตกต่างระหว่างทั้งสอง วิธีการได้ เช่น วัดการเปลี่ยนแปลงของความ อุ ด มสมบู ร ณ์ ข องดิ น ก่ อ นและหลั ง การปลู ก วัดผลการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูก (ล�ำต้น ใบ ทรงพุ ่ ม ฯลฯ) การเข้ า ท� ำ ลายของโรค แมลง จ� ำ นวนแมลงศั ต รู พื ช และแมลงศั ต รู ธรรมชาติ (แมลงปฏิปักษ์ของศัตรูพืช) การ ให้ผลผลิต (น�้ำหนัก ขนาดและคุณภาพอื่นๆ ของผลผลิ ต ) วั ด ต้ น ทุ น และรายได้ จ ากทั้ ง สองวิธีการ เป็นต้น (6) การวิเคราะห์และน�ำเสนอข้อมูล--> เพื่อวิเคราะห์และแสดงให้เห็นถึงเหตุปัจจัย ของผลการทดลองที่ ไ ด้ และประเมิ น ผลว่ า ได้เป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ ได้ เรี ย นรู ้ แ ละสามารถสั ง เคราะห์ บ ทเรี ย นที่ ไ ด้ จากทดลองบ้าง 2. การใช้ค�ำว่า ‘แปลงทดลองสาธิต’ นั้ น เป็ น ที่ อ ้ า งอิ ง ได้ ต ามประเภทของการ ทดลองในทางวิชาการด้วย โดยประเภทของ การทดลองนั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ (1) การทดลองขั้ น ต้ น (Preliminary Experiment) การทดลองประเภทนี้มักใช้กับ การวิ จั ย เบื้ อ งต้ น ที่ ไ ม่ มี ข ้ อ มู ล พื้ น ฐานของ การวิ จั ย มาก่ อ น ท� ำ ไปเพื่ อ การสั ง เกตผล
เบื้องต้นของแนวคิดที่ต้องการน�ำมาทดสอบ ส่ ว นใหญ่ ไ ม่ มี ค วามจ� ำ เป็ น ต้ อ งใช้ ส ถิ ติ ใ น การวางแผนการทดลองเพี ย งดู ลั ก ษณะ ทั่วไปแบบไม่เจาะจงนักหรือค� ำนวนค่าสถิติ พื้นฐาน เพื่อแสดงกลุ่มของข้อมูลเท่านั้น (2) การทดลองขั้ น วิ ก ฤต หรื อ การ ทดลองเพื่อยืนยันผล (Critical Experiment) เป็นการทดลองที่จ�ำเป็นต้องใช้สถิติเพื่อการ วางแผนการทดลองที่เหมาะสม ทั้งแผนการ ทดลองและการวิเคราะห์ ตั้งแต่สถิติพื้นฐาน จนกระทั่ ง การใช้ ส ถิ ติ ที่ ซั บ ซ้ อ นซึ่ ง ขึ้ น อยู ่ กั บ สาระของกทดลองตามวัตถุประสงค์ (3) การทดลองสาธิต (Demonstration Experiment) เป็ น การเปรี ย บเที ย บกั น ระหว่ า งวิ ธีดั้ ง เดิ ม กั บ วิ ธีใ หม่ ห รื อ วิ ธีที่ น� ำ มา เปรี ย บเที ย บ โดยทั่ ว ไปจะไม่ ใ ช้ ส ถิ ติ ที่ ซั บ ซ้อน อาจจะเป็นเพียงเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย หรื อ ค่ า สถิ ติ พื้ น ฐาน มั ก น� ำ ไปใช้ ใ นการส่ ง เสริ ม เผยแพร่ ห รื อ สร้ า งการเรี ย นรู ้ จ ากชุ ด ข้ อ มู ล ที่ ไ ด้ รั บ การยื น ยั น จากการทดลองใน ขั้นวิกฤตมาแล้ว ในบริบทของเรานี้เ ห็นว่า การทดลอง ของเราสอดคล้ อ งกั บ การทดลองประเภทที่ 3 คือ การทดลองสาธิต เนื่องจากเป็นการ เปรี ย บเที ย บวิ ธีก ารผลิ ต ผั ก ดั้ ง เดิ ม ของ เกษตรกรกั บ วิ ธีก ารผลิ ต ผั ก ไร้ ส ารพิ ษ ที่ ไ ด้ รับชุดข้อมูลที่ผ่านการทดลองยืนยันมาแล้ว เช่น จากการวิจัยของอาจารย์ดุสิต ส่ ว นผลลั พ ธ์ ที่ ไ ด้ ทั้ ง ในงานพั ฒ นา และงานวิ จั ย วิ ช าการในงานนี้ ก็ ขึ้ น อยู ่ กั บ
ตลาดสีเขียว 19
ความต่ อ เนื่ อ งของกระบวนการและการ มี ส ่ ว นร่ ว มของทุ ก ฝ่ า ยที่ เ กี่ ย วข้ อ ง ตั้ ง แต่ การวางแผนออกแบบกระบวนการทั้ ง การ ทดลองและการพัฒนา การด�ำเนินงาน การ ติ ด ตามผล และการปรั บ ปรุ ง กระบวนการ อย่ า งสม�่ ำ เสมอ ซึ่ ง ไม่ อ ยากให้ ถ ่ อ มตั ว ว่ า สอบตกในกระบวนการเรี ย นรู ้ ซึ่ ง เห็ น ว่ า กระบวนการเรี ย นรู ้ ก� ำ ลั ง เริ่ ม ด� ำ เนิ น ไป แม้ จะเร่งเครื่องยาก แต่ก็ด้วยประสบการณ์และ พลังของทุกคนในทีม รวมทั้งเกษตรกรทุกคน อาจารย์ดุสิตบอกผมว่า เราจะเดินต่อไปและ มีโอกาสก้าวหน้าได้ เรื่ อ งเวลาและข้ อ จ� ำ กั ด ทั้ ง หลายนั้ น ที ม วิ จั ย เห็ น ด้ ว ยว่ า เป็ น อุ ป สรรคไม่ น ้ อ ย จึ ง ไม่ ข อกล่ า วถึ ง อะไร และเห็ น ว่ า ที ม เรา ท� ำ ได้ อ ย่ า งสมสถานการณ์ แ ล้ ว แต่ ห าก จะมองเป็ น ประเด็ น ในงานพั ฒ นา ในแง่ ของการพั ฒ นาผู ้ ผ ลิ ต แล้ ว ตามความเห็ น ของที ม วิ จั ย ขณะนี้ เ กษตรกรส่ ว นใหญ่ ใ น พื้นที่นนทบุรี บึงช�ำอ้อและหนองเสือ ก�ำลัง อยู ่ ใ นกระบวนทั ศ น์ ว ่ า ‘เกษตรอิ น ทรี ย ์ / ไร้ สารพิ ษ คื อ แนวทางหรื อ เทคนิ ค การลด ต้ น ทุ น ’ ซึ่ ง ยั ง ไม่ ไ ด้ ไ ปถึ ง จุ ด ที่ เ ราเชื่ อ กั น ว่ า ‘เกษตรอินทรีย์/ไร้สารพิษ คือ โอกาส ความ 20 ตลาดสีเขียว
สุ ข และความยั่ ง ยื น ’ กั บ เรื่ อ งนี้ เ องผมจึ ง เห็น ด้ว ยกับ ประเด็นเรื่องงานพัฒนากับการ ทดลองว่ า ไม่ ไ ด้ แ ยกออกจากกั น จึ ง ควร อาศั ย โอกาสในงานทดลองนี้ เป็ น เครื่ อ ง มื อ ให้ กั บ กระบวนการเรี ย นรู ้ ใ นงานพั ฒ นา ที่ จ ะด� ำ เนิ น ไปอย่ า งเป็ น เนื้ อ เดี ย วกั น อาจ เรียกได้ว่าเป็นจุดกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ โรงเรี ย นชาวสวนอย่ า งเป็ น ธรรมชาติ โดย มี ก ารทดลองอย่ า งมี ส ่ ว นร่ ว มเป็ น เชื้ อ ให้ ไ ฟ ลุ ก โชนสว่ า งไสวขึ้ น มาอี ก ครั้ ง ดั ง นั้ น เป้ า หมายอี ก ประการหนึ่ ง ของงานนี้ ก็ คื อ การ สัง เกตและศึ ก ษากระบวนการเปลี่ ย นแปลง กระบวนทัศน์ของเกษตรกร ซึ่งผมคิดว่าเป็น ประเด็นด้านวิธีคิดที่ท้าทายต่อกระบวนการ ท� ำ งานของเรา และช่ ว ยส่ ง เสริ ม ให้ มี ไ ฟใน การท�ำงานได้อย่างแข็งขันมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดอาจารย์ดุสิตบอกผมว่า การ ท�ำงานวิจัยบนแปลงทดลองร่วมกับชาวบ้าน เป็นอีกทางออกให้เกษตรกรหันมาที่ปลูกผัก อิ น ทรี ย ์ แต่ อ ย่ า งไรก็ ต ามเกษตรกรต้ อ งมี ใจในการคิ ด ที่ จ ะท�ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ เ สี ย ก่ อ น หากไม่ มีใ จเสี ย แต่ ต ้ น ทางแล้ ว ก็ ไ ม่ ค วรจะ ไปบังคับหรือยื่นข้อเสนอชี้น� ำ เกษตรกรเรา
ถู ก หล่ อ หลอมด้ ว ยการใช้ ส ารเคมี แ ละปุ ๋ ย เคมีมากว่า 50 ปี คงไม่แปลกอะไรที่เราจะ ไปบอกให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาท�ำเกษตร อิ น ทรี ย ์ แล้ ว เกษตรกรไม่ เ ชื่ อ และเมื่ อ ได้ คนที่มีใจมาร่วมทีมแล้ว เราก็ต้องพยายาม กระตุ ้ น ให้ เ ขาปฏิ บั ติ เ ข้ า ร่ ว มในทุ ก ขั้ น ตอน การผลิ ต ให้ ไ ด้ ตั้ ง แต่ ก ารเตรี ย มปั จ จั ย การ ผลิ ต การเตรี ย มพื้ น ที่ การปลู ก การดู แ ล รั ก ษา จนกระทั่ ง เก็ บ เกี่ ย ว เพื่ อ ให้ เ กิ ด การ เรียนรู้และปฏิบัติจริง สามารถแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้า ตลอดจนเห็นการเปลี่ยนแปลง ด้วยตนเอง จึงจะเข้าใจถ่องแท้และศรัทธา ในการท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ จ นกระทั่ ง ปรั บ เปลี่ ย นมาท� ำ เกษตรอิ น ทรี ย ์ ซึ่ ง เราอาจ จะต้ อ งเป็ น พี่ เ ลี้ ย งให้ ใ นระยะแรก และใน ระยะต่ อ ไปเกษตรกรจะมี ค วามเชี่ ย วชาญ จนกระทั่งสามารถพึ่งตนเองได้ ต่อ จากนั้น เกษตรกรเหล่านี้จะเป็นผู้สืบทอดองค์ความ รู ้ ใ นการถ่ า ยทอดสู ่ รุ ่ น ลู ก หลานและเพื่ อ น เกษตรกรด้ ว ยกั น เอง จั ด เป็ น การอนุ รั ก ษ์ อาชี พ เกษตรกรรมและขยายพื้ น ที่ สี เ ขี ย ว ปราศจากสารเคมี ป นเปื ้ อ นไปอี ก ทางหนึ่ ง ด้วย สิ่ ง ที่ ส� ำ คั ญ ที่ สุ ด ในการลงพื้ น ที่ ป ฏิ บั ติ ร่ ว มกั บ เกษตรกร คื อ การเอาใจเขามา ใส่ ใ จเรา เกษตรกรเหนื่อยเราก็ต้ องเหนื่อ ย เช่นกัน และเนื่องจากเกษตรกรจะไม่เข้าใจ เทคโนโลยีที่เราพยายามน�ำไปให้ จึงต้องการ การสาธิ ต และพี่ เ ลี้ ย งในการก� ำ กั บ ดู แ ลใน ระยะแรกจนกระทั่งเกษตรกรมีความเข้มแข็ง และช่วยเหลือตนเองตลอดจนเพื่อเกษตรกร ด้ ว ยกั น เองได้ อย่ า งไรก็ ต ามการปรั บ เทคโนโลยี ก ารผลิ ต แบบเกษตรอิ น ทรี ย ์ เ ข้ า ร่วมกับภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือสิ่งที่เกษตรกร เคยชิ น อย่ า งลงตั ว เป็ น อี ก หนึ่ ง กลยุ ท ธ์ ที่ จ ะ หล่อหลอมเกษตรกรให้ปฏิบัติร่วมกันกับเรา ได้อย่างกลมกลืน รถตู ้ พ าเราออกจากมหาลั ย เกษตรศาสตร์มุ่งตรงไปยังแปลงผักอีกครั้ง อาจารย์ ดุ สิ ต บอกผมว่ า รู ้ สึ ก มี ค วามสุ ข ทุ ก ครั้ ง ที่ ได้ ล งแปลง แม้ จ ะต้ อ งตื่ น ตั้ ง แต่ ตีห ้ า ด้ ว ย เพราะเราต่ า งก็ มี ค วามฝั น ที่ ต ้ อ งไปให้ ถึ ง ความฝันเหล่านั้นไม่ได้เป็นของเราแต่ผู้เดียว แต่ มี อี ก หลายคนที่ เ ฝ้ า รอสร้ า งฝั น นั้ น ให้ ปรากฏจริง
GREEN MOVEMENT
Social Entrepreneur
เรื่อง: วัลลภา แวนวิลเลียนส์วาร์ด ภาพ: เครือข่ายเอสวีเอ็น
เอสวีเอ็นอะวอร์ด รางวัลแด่คนช่างฝัน จากฮิปปี้สู่ธุรกิจกับสังคม
01
▲
เครือข่ายเอสวีเอ็นในประเทศไทย
มี อ ายุ ก ว่ า 15 ปี โดยที่ อ าจารย์ สุ ลั ก ษณ์ ศิ ว -รั ก ษ์ ได้ ริ เ ริ่ ม การประชุ ม เรื่ อ งธุ ร กิ จ กั บ สั ง คมขึ้ น ในปี 2541 ในเวลาไล่ ห ลั ง จาก การประชุม นานาชาติเรื่อง “ทางเลือกออก จากบริ โ ภคนิ ย ม” ซึ่ ง จั ด ขึ้ น ก่ อ นหน้ า นั้ น ในปี 2540 เวที ป ระชุ ม เรื่ อ งทางเลื อ กออก จากบริ โ ภคนิ ย มได้ เ ปิ ด โอกาสให้ มี ก ารแลก เปลี่ยนของกลุ่มคนที่ริเริ่มแนวทางเลือกด้าน ต่างๆ อาทิ การศึกษาทางเลือกที่เรียกร้องให้ มีการปฏิรูปการศึกษาที่มีเด็กเป็นศูนย์กลาง ก็ดี หรือการเกิดขึ้นของ เสมสิกขาลัย หน่วย งานด้านการศึกษาใต้ร่มมูลนิธิเสฐียรโกเศศนาคะประทีป ที่เน้นเรื่องหัวสมอง หัวใจและ การลงมือปฏิบัติ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ เกิดขึ้นแก่ผู้เรียน Head, Heart and Hands เศรษฐศาสตร์ ท างเลื อ ก อาทิ งานเขี ย น ของ เอ.เอฟ. ชูมาร์เกอร์ เรื่อง เล็กนั้นงาม (Small is Beautiful) ที่ ส ร้ า งแรงกระเพื่ อ ม
เรื่ อ งเศรษฐศาสตร์ แ ละธุ ร กิ จ ที่ มี ข นาดของ มนุ ษ ย์ (human-scale economy/business) หรื อ แม้ แ ต่ ก ารเมื อ งทางเลื อ กที่ ผ สมผสาน แนวคิดการเมืองสีเขียว ซึ่งในยุโรป พรรคกรีน ที่ ป ระเทศเยอรมนี ใ นช่ ว งหนึ่ ง ได้ มี บ ทบาท ต่อเวทีการเมืองระดับประเทศและยุโรป ใน การก� ำ หนดนโยบายที่ เ อื้ อ ต่ อ สั ง คมและสิ่ ง แวดล้อม ที่ ยั ง ขาดอยู ่ คื อ เรื่ อ งราวของธุ ร กิ จ ทาง เลื อ ก ซึ่ ง ในช่ ว งทศวรรษ 80 เหล่ า ฮิ ป ปี ้ (hippy) ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหล่าบุปผาชนใน ช่ ว งปลายทศวรรษ 60 ถึ ง ต้ น ทศวรรษ 70 ฝั น ถึ ง โลกที่ ดี ก ว่ า ร่ ว มกั บ นั ก กิ จ กรรมขั บ เคลื่ อ นสั ง คม ทั้ ง เรื่ อ งความเป็ น ธรรมและ ในฐานะนักสิ่งแวดล้อม คนเหล่านี้เริ่มผันตัว เองมาประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตัวเองและ ครอบครัว บางคนเริ่มกิจการธุรกิจของตนแม้ ครั้งหนึ่งจะเคยปฏิเสธมันในฐานะที่ธุรกิจคือ ตัวแทนของทุนนิยมที่ตนเองเคยต่อต้าน พอ
03
มาท�ำธุรกิจ พวกเขาและเธอก็พกพาค� ำถาม ต่างๆ มาด้วย จะท�ำธุรกิจอะไรดีที่สอดคล้อง กั บ แนวคิ ด ของตน จะท� ำ ให้ ธุร กิ จ ดี ขึ้ น ได้ ไหม ธุรกิจไม่ควรเป็นเรื่องการการแสวงหา ก�ำไรเพียงอย่างเดียว ต่อมารูปแบบกิจการ ของเหล่าอดีตฮิปปี้ก็มีให้เห็นมากขึ้น ค�ำว่า ‘Corporate and Social Responsibility’ หรือ CSR ‘ธุ ร กิ จ กั บ ความรั บ ผิ ด ชอบทางสั ง คม’ ก็กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนจากฝั่งอเมริกา ข้ามมายุโรป Social Venture Network หรือ SVN กลายเป็นที่รวมตัวของอดีตเหล่าฮิปปี้ ที่ ผั น มาเป็ น ยั ป ปี ้ (yuppie) หรื อ คนรุ ่ น เบบี้ บูม ตอนนี้พวกเขาต้ องการสร้ างครอบครัว และกิจการกันบ้างแล้ว และความหวังที่จะ สร้างโลกที่ดีกว่าก็ไม่ได้หายไปไหน มันยังคง ฝังอยู่ ณ ก้นบึ้งหัวใจ การลงทุนเพื่อสังคม ท� ำ ให้ ค วามหมายของการท� ำ กิ จ การหรื อ ธุรกิจมีพลัง และสร้างแรงขับเคลื่อนมากกว่า การแสวงหาก�ำไรแบบธุรกิจเหมือนอย่างเคย ตลาดสีเขียว 21
ในยุคแรกของเครือข่ายเอสวีเอ็นทั้งใน อเมริกาและยุโรป รวมทั้งการขับเคลื่อนเรื่อง ‘ธุ ร กิ จ และความรั บ ผิ ด ชอบทางสั ง คม’ ยั ง มี ก ลิ่ น อายแบบนั ก กิ จ กรรมทางสั ง คมผสม กั บ แนวทางใหม่ ข องการท� ำ ธุ ร กิ จ แม้ จ ะ ผลิตแชมพู สบู่ ผลิตภัณฑ์บ�ำรุงผิว อดีตนัก เคลื่ อ นไหวทางสั ง คมเหล่ า นี้ ก็ ห าวิ ธีใ ส่ ใ จ สิ่ ง แวดล้ อ ม และสื่ อ สารกั บ ผู ้ บ ริ โ ภคเพื่ อ สร้ า งความตระหนั ก อาทิ การน� ำ บรรจุ ภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ (reuse ) รีฟิล (refill) รีไซเคิล (recycle) หรือไม่น�ำสัตว์มาทดลอง กั บ ขบวนการผลิ ต เครื่ อ งส� ำ อางที่ แ อนนิ ต า ร็ อ ดดิ ก เริ่ ม กั บ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ เ ครื่ อ งส� ำ อางใน ร้าน ‘บอดี้ช้อป’ (Body Shop) ที่ก่อตั้งขึ้น ในปี 2519 จนกลายมาเป็ น ต� ำ นานของ อาณาจักรบอดี้ช้อปที่มีสาขากระจายอยู่ 47 ประเทศ ร้านบอดี้ช้อปมักติดป้ายรณรงค์ให้ กับองค์กรด้านสังคม อาทิ Green Peace ก็ ดี World Wide Life Fund (WWF) ก็ดี ทั้งยัง เคยเชื้อเชิญองค์ทะไลลามะมาร่วมกิจกรรม ในร้านอีกด้วย เรื่ อ งราวของธุ ร กิ จ ทางเลื อ กนี้ ยั ง มา สมทบกั บ ขบวนการเกษตรอิ น ทรี ย ์ ที่ เ ริ่ ม น� ำ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ เ ข้ า มาปะทะสั ง สรรค์ ในระบบการค้ า สมั ย ใหม่ ไม่ เ ก็ บ ตั ว อยู ่ แ ต่ ในชุ ม ชนทางเลื อ กเพี ย งอย่ า งเดี ย วอี ก ต่ อ ไป สิ น ค้ า อิ น ทรี ย ์ เ ริ่ ม พบเห็ น ในห้ า งสรรพ สิ น ค้ า วิ ว าทะที่ จ ะสร้ า งโลกใหม่ เ ริ่ ม ขยั บ มาประนี ป ระนอมกั บ ระบบที่ เ ป็ น อยู ่ หรื อ อี ก นั ย หนึ่ ง คื อ การเปลี่ ย นแปลงกลไกของ สังคมจากข้างในระบบที่มีอยู่นั่นเอง การร่วม 22 ตลาดสีเขียว
สมทบของขบวนการเกษตรอิ น ทรี ย ์ ที่ น� ำ สินค้ามาเข้าห้าง มีการเปิดกิจการร้านกรีน ตามที่ต่างๆ ช่วยสร้างเรื่องราวให้กับธุรกิจ ทางเลื อ กเพิ่ ม หมวดสิ น ค้ า ใหม่ ๆ อาทิ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ น ม โยเกิ ร ์ ต เนย ไอศกรี ม ที่ ใ ช้ วั ต ถุ ดิ บ อารมณ์ ดี emotional ingredients อย่างที่ไอศกรีมยี่ห้อเบนแอนด์เจอรรี่ (Ben & Jerry) ใช้เป็นค�ำขวัญ โดยบอกเล่าเรื่อง ราวการผลิ ต คุ ณ ภาพจากส่ ว นประกอบ อาหารอินทรีย์ อาทิ การเลี้ยงวัวในทุ่งหญ้า ธรรมชาติ แ บบปล่อยฝู ง บ้านเราก็ มี ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ข องแดรี่ โ ฮมที่ มี ลั ก ษณะคล้ า ยๆ กั น นี้ และในการมอบรางวั ล เอสวี เ อ็ น ประเทศไทยเมื่ อ ค�่ ำ วั น ที่ 12 กุ ม ภาพั น ธ์ 2556 ที่ผ่านมา บริษัทแดรี่โฮมก็เป็นหนึ่งใน ผู้รับรางวัลเอสวีเอ็นประจ�ำปีนี้ด้วย ร่วมกับ กิจการอื่นๆ อีก (ดูรายละเอียดในหมายเหตุ ท้ายบทความ) แล้วธุรกิจใหญ่ก็หันมาร่วมขบวน CSR
กั บ เขาด้ ว ย การมาร่ ว มของกิ จ การใหญ่ ที่ วางอยู่คนละระนาบของความคิดความเชื่อ ระนาบของกิ จ การใหญ่ อ าจจะไม่ มี ค� ำ ถาม เรื่ อ งวิ ธีก ารและเป้ า หมาย เพราะจุ ด หมาย ปลายทางของธุ ร กิ จ ใหญ่ ร วมทั้ ง ธุ ร กิ จ ข้ า ม ชาติ คื อ ก� ำ ไรสู ง สุ ด ภาพลั ก ษณ์ ที่ ดี จึ ง เป็ น สิ่ ง ที่ กิ จ การเหล่ า นี้ อ ยากได้ ในตอนแรกวิ ธี คิดนี้คล้ายกับการที่สินค้าอินทรีย์แต่งตัวไป เข้าห้างสรรพสินค้า เพราะต้องการเข้าไปอยู่ ในช่องทางกระแสหลัก ท�ำให้คนซื้อผู้บริโภค เห็ น สิ น ค้ า เหล่ า นี้ ม ากขึ้ น ดั ง นั้ น การปะทะ สังสรรค์กับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่จะท�ำให้ การเรี ย นรู ้ เ รื่ อ งความรั บ ผิ ด ชอบทางสั ง คม ความตระหนั ก เรื่ อ งสิ่ ง แวดล้ อ มเกิ ด ขึ้ น กั บ ธุรกิจเหมือนอย่างเคย เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลง โลกได้มากขึ้น ส่งผลกระทบมากตามไปด้วย กับขนาดอันใหญ่โตนี้ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ค�ำ ว่า ‘ซีเอสอาร์’ ถูกเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ถูกใช้ไปในทางการตลาดการประชาสัมพันธ์
องค์กรธุรกิจ ที่บางครั้งมีปัญหาการด�ำเนิน กิจการ เพราะไปแย่งชิงทรัพยากรจากชุมชน ท้ อ งถิ่ น ขุ ด ถลุ ง เอาทรั พ ยากรธรรมชาติ ม า ใช้ ม ากเกิ น เพื่ อ ก� ำ ไรของตนเพี ย งฝ่ า ยเดี ย ว หรือพร�่ำพูดถึงซีเอสอาร์แต่ขาดธรรมาภิบาล มี ป ั ญ หาคอร์ รั ป ชั่ น ขาดความเป็ น ธรรมใน การกระจายรายได้ อาทิ เงินเดือนเจ้าหน้าที่ บริ ห ารอาวุ โ สสู ง กว่ า พนั ก งานทั่ ว ไปถึ ง เก้ า สิบเท่า เป็นต้น ห า ก ถ า ม ว ่ า ซี เ อ ส อ า ร ์ ที่ เ ข ้ า ไ ป ปฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ กิ จ การธุ ร กิ จ ใหญ่ ดี ห รื อ ไม่ เรื่ อ งนี้ค งตอบได้ ย าก เพราะธุร กิจ กรีน หรือ สิ น ค้ า อิ น ทรี ย ์ ที่ เ ข้ า สู ่ ร ะบบ จะยั ง คงจิ ต วิ ญ ญาณของการเปลี่ ย นแปลงเพื่ อ โลกที่ ดี กว่าหรือไม่ ทุกวันนี้ก็ยังบอกได้ยาก ธุรกิจ ใหญ่ที่แฝงตนในเสื้อคลุมซีเอสอาร์ก็มีเยอะ แต่ ที่ เ ปลี่ ย นแปลงอย่ า งแท้ จ ริ ง อย่ า งมี คุ ณ ภาพก็ มี ใ ห้ เ ห็ น เช่ น บริ ษั ท Interface Inc. ของนายเรย์ แอนเดอร์สัน ผู้ผลิตพรม อุตสาหกรรมและพรมบ้านรายใหญ่ที่สุดของ โลก เรี ย กว่ า ยู เ ทิ ร ์ น กิ จ การพรมแบบ 360 องศาก็ ว ่ า ได้ โดยหมุ น เวี ย นน� ำ พรมเก่ า มา เข้ า ขบวนการผลิ ต ใหม่ ท� ำ ให้ กิ จ การพรม เป็นการเช่ามิใช่ซื้อขาด เปลี่ยนสายพานการ ผลิตพรมด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Mission Zero ลดผลกระทบจากขบวนการผลิต ที่จะ มี ต ่ อ โลกเท่ า กั บ ศู น ย์ แรงบั น ดาลใจหนึ่ ง ที่
เขามั ก เล่ า ให้ ผู ้ ค นฟั ง คื อ การอ่ า นหนั ง สื อ เรื่อง The Ecology of Commerce ที่เขียน โดย พอล ฮอว์ เ กน (หนั ง สื อ เล่ ม นี้ ส� ำ นั ก พิ ม พ์ ส วนเงิ น มี ม าจะจั ด พิ ม พ์ เ ผยแพร่ ไ ด้ ในราวสิ้ น ปี นี้ ) เขาบอกว่ า สาระหนั ง สื อ นั้ น กระแทกหัวใจเขาอย่างแรง ผู้เขียนเองก็เชื่อ ว่า การจะลดการท�ำลายล้างที่บรรษัทใหญ่ มีต่อโลกได้นั้น จะต้องน�ำบรรษัทเหล่านี้มา ร่วมขบวนการ ธุรกิจกับความรับผิดชอบทาง สังคมด้วยให้ได้ ไม่ ว ่ า ประวั ติ ศ าสตร์ จ ะถู ก เขี ย นขึ้ น อย่ า งไร โดยที่ ต อนจบยั ง มาไม่ ถึ ง เพราะ ขณะนี้เราเองก� ำลังอยู่ ใ นกระบวนการสร้ าง ประวัติศาสตร์ การจะบอกว่าควรมีโลกทาง เลือกเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งของเราเองหรือไม่ หรื อ การปะทะสั ง สรรค์ ร ะหว่ า งองค์ ก รทาง เลือกกับธุรกิจกระแสหลักจะยังด�ำเนินต่อไป อย่างไร รางวัลเอสวีเอ็นประเทศไทยที่มีขึ้นนี้ อย่า งน้อ ยก็ ช ่ ว ยให้ กิ จ การเล็ ก ๆ ที่ ส ร้ า งผล กระทบเชิงบวกทางสังคม สร้างความหวังให้ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่อยากก้าวเดินไปบน เส้นทาง ผู้ประกอบการสังคม มีความหวัง ว่า กิจการแบบนี้ท�ำได้และเป็นไปได้ และที่ ส�ำคัญเป็นก�ำลังใจแด่คนช่างฝัน แม้ความ หวั ง และความฝั น เรื่ อ งโลกที่ ดี ก ว่ า จะยั ง อยู ่ ไกลลิบก็ตาม
หมายเหตุ 1. เครือข่ายเอสวีเอ็นเริ่มมาตั้งแต่ปี 2530 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมาข้ามไปยังฝั่ง ประเทศยุโรป เช่น เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยี่ยมและประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น นั ก ธุ ร กิ จ ที่ มี พื้ น เพเป็ น นั ก กิจกรรมทางสังคมมาก่อน ปัจจุบันมีสมาชิก ประมาณ 500 องค์กร ทั้งที่เป็นองค์กรธุรกิจ และองค์ ก รไม่ แ สวงหาก� ำ ไร ในปี 2540 อาจารย์ สุ ลั ก ษณ์ ศิ ว รั ก ษ์ ไ ด้ รั บ เชิ ญ เป็ น วิ ท ยากรในการประชุ ม เอสวี เ อ็ น ที่ ป ระเทศ อัง กฤษ และได้น� ำ แนวคิด นี้มาก่อ หวอดใน สังคมไทย โดยริเริ่มจัดการประชุมเอสวีเอ็น เป็นครั้งแรกในปี 2541 และมีประธานเครือ ข่ายเอสวีเอ็นประเทศไทย ได้แก่ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง และ นายวีระเดช สมบูรณ์เวชชการ ตามล�ำดับ 2. รางวัลเอสวีเอ็นประเทศไทย เริ่มขึ้น ในปี 2542 ซึ่งมุ่งส่งเสริมคัดสรรจากองค์กร
ธุ ร กิ จ ขนาดเล็ ก และขนาดกลาง หลาย องค์ ก รได้ ชื่ อ อยู ่ ใ นท� ำ เนี ย บผู ้ ป ระกอบการ สั ง คมของส� ำ นั ก ต่ า งๆ โดยในปี 2555 มี องค์ ก รธุร กิ จ ที่ ไ ด้ รั บ รางวั ล นี้ ได้ แ ก่ บริ ษั ท ป่าใหญ่ครีเอชั่น บริษัท (โรงแรม) พระนคร นอนเล่น บริษัทแดรี่โฮม บริษัทสยามแฮนดส์ (เสื้อยืดแตงโม) บริษัทวันเดอร์เวิล์ด บริษัท ซองเดอร์ บริ ษั ท สยามคาตามารั น (สวน นายด�ำ) บริษัทอี-เอสเทอร์ (กรุงเทพฯ) และ บริษัทสวนเงินมีมา โดยการมอบรางวัลเอสวี เอ็นประจ�ำปี 2555 จัดขึ้นที่สยามสมาคม ใน วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา โดยมี อดีตนายกรัฐมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุน และ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ร่วมในการ มอบรางวัลครั้งนี้ด้วย 3. บริษัทสวนเงินมีมา หนึ่งในบริษัทที่ได้รับ รางวัลในปีนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 2544 ชื่อสวนเงิน มี ม า มี ที่ ม าคื อ พื้ น ที่ ส วนของอาจารย์ สุ ลั ก ษณ์ บ นถนนเจริ ญ นคร เขตคลองสาน
ซึ่งมอบให้มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ส่ ว น เงิ น มี และมา เป็ น ชื่ อ ยายทั้ ง สาม ของอาจารย์สุลักษณ์ เพื่อระลึกถึงพระคุณ อาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งบริษัทแห่ง นี้ บริษัทสวนเงินมีมามีกิจการและกิจกรรม หลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. ส�ำนักพิมพ์กระบวนทัศน์ใหม่ 2. ส่งเสริมสินค้าชุมชน ซึ่งต่อมา ได้น�ำไปสู่การก่อตั้งเครือข่ายตลาดสีเขียวใน พื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงขึ้นในปี 2549 3. เวทีแลกเปลี่ยนและการประชุม โดย ในปี 2550 บริษัทสวนเงินมีมาร่วมกับองค์กร ต่ า งๆ ทั้ ง ภาครั ฐ เอกชนจั ด การประชุ ม นานาชาติความสุขมวลรวมประชาชาติ ครั้ง ที่ 3 ขึ้นที่จังหวัดหนองคายและกรุงเทพฯ ต่อ มาได้จัดตั้ง School for Wellbeing Studies and Research และโครงการเครือข่ายเกษตร อินทรีย์เอเชีย (Towards Organic Asia-TOA)
ตลาดสีเขียว 23
GREEN MOVEMENT เรื่อง: TOA Team
Towards Organic Asia-TOA
ปฏิรูปตลาดเกษตรอินทรีย์ชุมชน ด้วยพลังของการมีส่วนร่วม (“Greening” the organic grassroots: Small-scale farmers’ movements join hands)
▲
เกษตรอินทรีย์มักถูกมองว่าเป็น
ธุรกิจเพื่อท�ำเงิน โดยสร้างแรงจูงใจทาง ด้ า นราคาให้ เ กษตรกรเพื่ อ ให้ ย อมรั บ เงื่ อ นไขกฎระเบี ย บของระบบตรวจสอบ รั บ รองที่ เ ข้ ม งวด ช่ อ งทางการตลาดก็ มักจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตของกลุ่มลูกค้า ระดั บ บน ร้ า นอาหาร หรื อ แม้ ก ระทั่ ง ส่ ง ออกไปขายในต่ า งประเทศ อย่ า งที่ สิงคโปร์ ฮ่องกง รวมทั้งยุโรป และอเมริกา เพราะว่ากลุ่มผู้บริโภคในประเทศเหล่านี้ มีความต้องการและสามารถที่จะจับจ่าย สิ น ค้ า เหล่ า นั้ น นวั ต กรรม “ตลาดทาง เลื อ ก” จึ ง เป็ น ความพยายามที่ จ ะสร้ า ง โอกาสในการเข้ า ถึ ง อาหารปลอดภั ย ส� ำ หรั บ กลุ ่ ม ผู ้ บ ริ โ ภคส่ ว นใหญ่ ทั่ ว ไป ตัวอย่างช่องทางการท�ำตลาดของตลาด ทางเลือกนี้ ได้แก่ โรงพยาบาล โรงเรียน โรงอาหารของบริษัท และตลาดนัดสีเขียว ซึ่ ง ตลาดส่ ว นนี้ จ ะโตได้ ก็ ต ่ อ เมื่ อ ผู ้ ที่ ส ่ ว น เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วน (เกษตกร, ผู้ บริโภค, ผู้ประกอบการสังคม, หน่วยงาน 24 ตลาดสีเขียว
รัฐบาล, โรงเรียน และมหาวิทยาลัย) ร่วม มื อ กั น ในการที่ จ ะสร้ า งระบบการตรวจ สอบรับรองคุณภาพ ที่ตั้งอยู่บนฐานของ เครือข่า ยทางสัง คม การร่ว มแรงร่ วมใจ และการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ระบบการรั บ รองอย่ า งมี ส ่ ว นร่ ว ม (PGS) เป็ น แนวทางอั น หลากหลายที่ จ ะ ท�ำให้ก ารปฏิบัติการนี้เ กิดขึ้น ได้ ดัง เช่ น ตั ว อย่ า งที่ เ กิ ด ขึ้ น อย่ า งเป็ น รู ป ธรรมใน หลายประเทศทั่ ว โลก การที่ ร ะบบการ รั บ รองอย่ า งมี ส ่ ว นร่ ว มถู ก น� ำ ไปใช้ ใ น หลายพื้นที่ คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ระบบเศรษฐกิ จ ใหม่ ส ามารถที่ จ ะเติ บ โต และขยายตัวจากระดับท้องถิ่น เพื่อท�ำให้ โลกนี้ เ กิ ด ความยั่ ง ยื น ขึ้ น ได้ อ ย่ า งแท้ จ ริ ง ด้ ว ยวิ ถี ท างเช่ น นี้ คนรุ ่ น ใหม่ จ ะรั บ เอา แนวคิ ด เรื่ อ งเกษตรเชิ ง นิ เ วศไปสานต่ อ เพื่ อ ร่ ว มกั น รั บ ประกั น ความปลอดภั ย ของอาหารและสุ ข ภาพส� ำ หรั บ ทุ ก คนใน สั ง คม ซึ่ ง รวมถึ ง ไปการจ้ า งงานในภาค การเกษตรและการจัดการสิ่งแวดล้อม
เนื่องในวาระครบรอบปีที่ 40 ของการ ก่ อตั้ง สมาพัน ธ์ เ กษตรอิน ทรีย์ นานาชาติ (IFOAM) เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2555 ทางเครื อ ข่ า ยตลาดสี เ ขี ย ว และบริ ษั ท สวนเงินมีมา ผู้ประกอบการสังคม ร่วม กั บ กลุ ่ ม องค์ ก รภาคี ทั้ ง ในประเทศไทย และต่ า งประเทศ ได้ เ สนอตั ว เป็ น เจ้ า ภาพในการจัดประชุมคณะกรรมการด้าน ระบบการรับรองอย่ า งมีส่ ว นร่ ว ม (PGS) ของ IFOAM ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยพร้อมกับการประชุมครั้งนี้ จะมีการ รวมตั ว กั น ของเครื อ ข่ า ยผู ้ ที่ ท� ำ งานใน ระบบชุ ม ชนสนั บ สนุ น เกษตรกร (CSA) ของเอเชียในนาม URGENCI Asia ที่มุ่ง เน้นการสร้างความเป็นพันธมิตรโดยตรง ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค วัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชุม นานาชาติ เรื่ อ ง “นวั ต กรรมตลาดทาง เลื อ กสู ่ ค วามมั่ น คงและอธิ ป ไตยทาง อาหาร” ที่ จ ะจั ด ขึ้ น ระหว่ า งวั น ที่ 7 -
12 พฤษภาคม นี้ คื อ การสร้ า งตลาด ส� ำ หรั บ เกษตรกรอิ น ทรี ย ์ ร ายย่ อ ย รวม ถึ ง เกษตรกรที่ ยั ง อยู ่ ใ นระยะปรั บ เปลี่ ย น ผ่านการเชื่อมโยงผู้ผลิตกับผู้บริโภค รวม ทั้ ง ผู ้ บ ริ โ ภคระดั บ องค์ ก รที่ มี ค วามเข้ า ใจ และมี จิ ต ส� ำ นึ ก ในการร่ ว มสร้ า งชุ ม ชน เกษตรอิ น ทรี ย ์ ในการที่ จ ะน� ำ ระบบ เศรษฐกิจอาหารกลับสู่ท้องถิ่น ผู้ประกอบ การสังคมเป็นผู้ที่มีบทบาทส�ำคัญในการ สร้ า งและน� ำ พาให้ เ กิ ด ความเป็ น ภาคี ระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภคผ่านระบบ PGS โดยความพยายามนี้คือการฟื้นคืน คุ ณ ค่ า ดั้ ง เดิ ม ของ IFOAM ที่ เ กี่ ย วข้ อ ง กับการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้า ตั้งแต่ ครั้ ง เริ่ ม ก่ อ ตั้ ง องค์ ก รในปี 1972 ที่ ก รุ ง แวร์ซายด์ ประเทศฝรั่งเศษ IFOAM เป็น องค์กรที่ให้การสนับสนุน PGS มาตั้งแต่ เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา IFOAM มี ส่ ว นอย่ า งมากในการท� ำ ให้ ต ลาดสิ น ค้ า เกษตรอิ น ทรี ย ์ ทั่ ว โลกเติ บ โตมากขึ้ น
แต่ ต ลาดเกษตรอิ น ทรี ย ์ ที่ โ ตขึ้ น มั ก เป็ น ตลาดของผู ้ บ ริ โ ภคระดั บ บนและตลาด ส่ ง ออก ซึ่ง เห็น ได้ ชัด จากส่ ว นต่ า งราคา ของอาหารอิ น ทรี ย ์ กั บ ที่ ม าจากระบบ อุ ต สาหกรรมอาหารที่ สู ง มากจนท� ำ ให้ ผู ้ บริโภคทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ถึงแม้ว่าราคา ผลผลิตจากระบบเกษตรอุตสาหกรรมจะ ถูกลง อันเนื่องมาจาก "ต้นทุนภายนอก" ที่ถูกซ่อนเอาไว้ รวมทั้งการที่ระบบเกษตร อุ ต สากรรมได้ รั บ การสนั บ สนุ น ทางอ้ อ ม ด้ า นการวิ จั ย ระบบโครงสร้ า งพื้ น ฐาน การบั ง คั บ ใช้ ก ฎหมาย (โดยเฉพาะเรื่ อ ง การถื อ ครองที่ ดิ น และทรั พ ย์ สิ น ทาง ปัญญา) ที่เอื้อต่อกลุ่มธุรกิจการเกษตร ดังนั้นระบบ PGS ที่ท�ำให้การรับรอง และควบคุมคุณภาพเป็นเรื่องความรับผิด ชอบร่ ว มกั น ของทุ ก ภาคส่ ว นที่ เ กี่ ย วข้ อ ง จึงเป็นแนวทางที่ตรงข้ามกับระบบรับรอง ที่ ว ่ า จ้ า ง “บุ ค คลที่ ส าม” เข้ า มาเป็ น ผู ้ ต รวจสอบรั บ รอง ซึ่ ง เป็ น ต้ น ทุ น ที่ สู ง
ส�ำหรับเกษตรกรรายย่อย โดยความเป็น พั น ธมิ ต รของผู ้ เ กี่ ย วข้ อ งจากหลายภาค ส่ ว นเพื่ อ สร้ า งตลาดทางเลื อ กให้ เ กิ ด ขึ้ น นี้ คื อ การยอมรั บ ในแนวทางของการมี ทรั พ ย์ สิ น ส่ ว นรวม (common property) และการแบ่ ง ปั น ความรั บ ผิ ด ชอบเพื่ อ สุ ข ภาวะของทุกคนรวมถึงธรรมชาติ ลาเวียคัมเปซีนา ซึ่งเป็นเครือข่าย ของเกษตรกรรายย่อยจากทั่วโลก ก็จะมี ส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้ เพื่อจะสาน ความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายอื่นๆใน การสนั บ สนุ น ตลาดทางเลื อ กเพื่ อ จะน� ำ ไปสู ่ ก ารสร้ า งเศรษฐกิ จ ใหม่ ที่ ตั้ ง อยู ่ บ น ฐานของความมั่ น คงและอธิ ป ไตยทาง อาหาร ความ ยุ ติ ธ รรมทางสั ง คม และการ
พัฒนาที่ยั่งยืน
ตลาดสีเขียว 25
GREEN MOVEMENT
Towards Organic Asia-TOA
International Forum on Innovating Alternative Markets Bangkok, 7 - 12 May 2013 “Greening” the organic grassroots. Small-scale farmers’ movements join hands. Organic agricultu re is often perceived as “high end”-business providing farmers a price incentive if they are able to comply with stringent regulations of official certification. Sales channels are mainly upper class supermarkets, restaurants as well as export to Singapore, Hong Kong or Europe and USA. Because the consumers can and are willing to pay more. Innovating “alternative markets” is a growing effort to provide equal access to healthy, organic food for the middle and lower range consumers. Typical trade channels are hospitals, schools, company canteens and “Green Markets”. This market segment can only grow if all stakeholders (farmers, consumers, social entrepreneurs, governments, schools and universities) join hands in an approach to quality-support and -control based on social networking, mutual collaboration and full engagement. Participatory Guarantee Systems (PGS) are diverse ways to make this happen as practiced all over the world. PGS initiatives are examples of how a “new economy” can grow from the grassroots in order to make our world truly sustainable. 26 ตลาดสีเขียว
In this way future generations will inherit an agro-ecology1 system that secures food-safety and health for all. As well as smart employment in agriculture and environmental management. ▲ st
As
an Asian contribution to the 40 anniversary of IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movements), celebrated at the IFOAM Headquarters in Bonn, Germany, November 2012, the Thai Green Market Network and Suan Nguen Mee Ma social enterprise, in response to the “IFOAM birthday wishlist”, cordially facilitate together with partners a global meeting of the IFOAM PGS Committee at Chulalongkorn University, Bangkok. The meeting is arranged to coincide with a gathering of the newly formed URGENCI Asia group. URGENCI is the network of CSA (Community Supported Agriculture) initiatives, the most direct approach to farmers’ - consumers’ partnerships. The aim of the International Forum on Innovating Alternative Markets, Bangkok, 7 - 12 May 2013, is to create markets for small-scale “organic” (or: “in transition to” organic) farmers by connecting them directly with mindful consumers, and their organizations. In order to bringing the food economy home2 . A special role is perceived for social enterprises that help facilitate building partnerships based on
Participatory Guarantee Systems (PGS). This effort revitalizes the grassroots origin of IFOAM which was founded in 1972 in Versailles, France, at the initiative of Nature et Progrès, the organization that at that time already promoted and practiced “PGS”, and does so until today. Over the years IFOAM facilitated a remarkable growth of the organic food market all over the world. But this growth tends to be based on convenience markets and exports, marked by a price difference with industrial agri-business products that discourages many ordinary consumers. Even if they know that prices of chemical agriculture are deflated due to hidden “externalities”, that is: indirect support from public means for research, infrastructure, legislation and enforcement (land ownership and intellectual property) that favours industrial agri-business. Participatory Guarantee Systems (PGS) place the responsibility for quality support and control in the common hands of the diversity of stakeholders involved, in contrast to “third party” certification systems which incur high costs that cannot be met by small-scale farmers. Multi-stakeholder partnerships can create “alternative markets”, characterized by a spirit of common property and shared
responsibility for the wellbeing of nature and people.
and Iona Foundation, the Netherlands. More organizations are expected to join.
La Via Campesina, the International Peasants Movement, with millions of memberfarmers all over the world, will participate in the meeting in order to explore partnershipbuilding towards “alternative markets” that aim to constitute a new economy based on food security, food sovereignty, social justice and sustainable development.
Keynote speakers will be André Leu, Australia, President, IFOAM; and Pablo Soloón, Executive Director, Focus on the Global South, former Ambassador to the UN for Bolivia.
The International Forum will be hosted at Chulalongkorn University, Bangkok; and for the last two days at the Queen Sirikit National Convention Center where the 6th Green Fair will be held in conjunction with the Organic and Natural EXPO of the Ministry of Commerce, Thailand. A two-day Symposium will be organized: for one day, Friday 10 May, by the ministry, and the other day, Saturday 11 May, by the organizers of the International Forum. These are: Green Market Network (including the Alternative Agriculture Network, BioThai, and others), Suan Nguen Mee Ma social enterprise, Towards Organic Asia (TOA) project, School for Wellbeing Studies and Research, and others; with the support of Chula Global Network, the Chulalongkorn Indian Studies Centre, the Organic Agriculture Innovation Network, the Asia Today team of Maejo University, Chiangmai, CCFD - Terre Solidaire, France
IFOAM PGS Committee members from India, Peru, Spain, New Zealand, South Africa, USA and Brazil will present their work together with practitioners of community supported agriculture from Japan, India and China, united in URGENCIAsia. Members of the Towards Organic Asia network include resource persons from the Mekong region: Myanmar, Laos, Cambodia, Vietnam + Bhutan. Thailand will be represented by “community organic”networks from four regions: North, NorthEast, Central and Bangkok+region. Please contact Rita Phetphudhong rita. innovationforum@gmail.com, Thanapol Kheolamai thanapol@schoolforwellbeing. org or Hans van Willenswaard hans@ schoolforwellbeing.org for more information and registration for 2 or 4-day participation packages.
〰 1
Altieri, M.A. 1995. Agroecology: The science of sustainable agriculture. Westview Press, Boulder, CO. Revised and expanded edition. 2 Bringing the Food Economy Home: Local Alternatives to Global Agribusiness by Helena Norberg-Hodge, Todd Merrifield, Steven M. Gorelick, 2002. Translated into Thai by Suan Nguen Mee Ma publishers. 〰 ตลาดสีเขียว 27
เวทีประชุมนานาชาติ
นวัตกรรมตลาดทางเลือกสู่ความมั่นคง และอธิปไตยทางอาหาร
“การเติบโตของระบบชุมชนสนับสนุนการเกษตร (CSA) และระบบ การรับรองอย่างมีส่วนร่วม(PGS) สู่การสร้างเศรษฐกิจใหม่” ระหว่างวันที่ 7-9 พฤษภาคม ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 10-11 พฤษภาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เวทีการประชุมนานาชาติจัดขึ้นเป็นเวลา ชีววิถี, กินเปลี่ยนโลก และกลุ่มสวนผัก รายการหลักของเวทีประชุมนานาชาติฯ 5 วัน ซึ่งจัดโดยเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ คนเมือง • รายการก่ อ นการประชุ ม วั น ที่ 7 - 9 เอเชีย (Towards Organic Asia -TOA), พฤษภาคม 2556 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายตลาดสีเขียว, บริษัทสวนเงิน- เวที ก ารประชุ ม ครั้ ง นี้ จ ะจั ด ควบคู ่ ไ ป • เวที ป ระชุ ม นานาชาติ ฯ วั น ที่ 10 - 11 มีมา ผู้ประกอบการสังคม, เครือข่าย กั บ งานแสดงผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ แ ละ พฤษภาคม 2556 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ นวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ , School for ผลผลิตตลาดสีเขียวชุมชน หรือ กรีน สิริกิติ์ Wellbeing Studies and Research, ร่วม แฟร์ ครั้ ง ที่ 6 ภายใต้ หั ว เรื่ อ ง “พลั ง • รายการหลังการประชุม วันที่ 12 พฤษภาคม กั บ สหพั น ธ์ เ กษตรอิ น ทรี ย ์ น านาชาติ ผู ้ บ ริ โ ภคสี เ ขี ย ว...สู ่ เ ส้ น ทางเกษตร 2556 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (IFOAM), เครื อ ข่ า ย CSA นานาชาติ อินทรีย์ ชุมชน” จัดโดย บริษัทสวนเงิน- • งานแสดงผลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ละสิ น ค้ า เกษตร (URGENCI) ร่ ว มทั้ ง องค์ ก รพั น ธมิ ต ร มีมา ผู้ประกอบการสังคม ซึ่งจะตรงกับ อินทรีย์ วันที่ 9 - 12 พฤษภาคม 2556 ที่ ต่างๆ มากมาย อาทิ เครือข่าย Asia การจัดงาน Organic & Natural Expo ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Today โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัด 2013 + Organic Symposium ณ ศูนย์ เชี ย งใหม่ , เครื อ ข่ า ยเกษตรกรรมทาง การประชุ ม แห่ ง ชาติ สิ ริ กิ ติ์ ที่ จั ด โดย เลือก, มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน, มูลนิธิ กระทรวงพาณิชย์
ก�ำหนดการ
• รายการก่อนการประชุม (7 - 9 พฤษภาคม 2556) วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 17.30-20.00 น. งานเลี้ยงต้อนรับ (ส�ำหรับผู้ที่รับเชิญเท่านั้น) สถานที่: เรือนจุฬานฤมิตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 09.00-12.30 น. การประชุ ม ร่ ว มของ URGENCI, La Via Campesina และ Towards Organic Asia: วัตถุประสงค์ วิสัย ทัศน์ และความร่วมมือ สถานที่: Dipak C. Jain Hall อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การประชุ ม ร่ ว มของตั ว แทนจากขบวนการเคลื่ อ นไหวเรื่ อ งเกษตร เชิ ง นิ เ วศและเกษตรอิ น ทรี ย ์ น านาชาติ เพื่ อ แลกเปลี่ ย นมุ ม มอง และทรรศนะต่ อ การเชื่ อ มโยงปฏิ บั ติ ก ารระดั บ ท้ อ งถิ่ น เพื่ อ การ เปลี่ยนแปลงระดับโลก 13.30-17.00 น. ประชุมเชิงปฏิบัติการ “การริเริ่มระบบชุมชน สนับสนุนเกษตร: ประสบการณ์ของประเทศไทย ญี่ปุ่น และ อินเดีย” สถานที่: Dipak C. Jain Hall อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่ ว มแลกเปลี่ ย นบทเรี ย นของการริ เ ริ่ ม และการก่ อ ตั้ ง ระบบชุ ม ชน สนับสนุนเกษตรจากหลากหลายบริบททางวัฒนธรรม กับ Joy Daniel (URGENCI อินเดีย) Etona Orito (URGENCI ญี่ปุ่น) เจนและประยงค์ ศรีทอง (กลุ่ม CSA ผักประสานใจ จ.สุพรรณบุรี) และภาคีเครือข่าย CSA ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล วันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤษภาคม 09.00-12.30 น. ประชุมร่วมและวงเสวนา “ขบวนการเคลื่อนไหว เรื่ อ งอาหารจะช่ ว ยสร้ า งอนาคตของภาคการเกษตรและ อธิปไตยทางอาหารในระดับท้องถิ่นได้อย่างไร” สถานที่: Dipak C. Jain Hall อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่ ว มแลกเปลี่ ย นความคิ ด เห็ น และวางแผนเพื่ อ ความร่ ว มมื อ ใน อนาคตของขบวนการเคลื่อนไหวเรื่องอาหาร กับตัวแทนจาก IFOAM, URGENCI, La Via Campesina และ Towards Organic Asia 13.30-16.00 น. วงเสวนา “ระบบการรับรองอย่างมีส่วนร่วม: ประสบการณ์และบทเรียนจากทั้ง 4 ภูมิภาค ของประเทศไทย” สถานที่: Dipak C. Jain Hall อาคารศศนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่ ว มเสวนาแลกเปลี่ ย นกั บ นั ก ปฏิ บั ติ จ ากสี่ ภู มิ ภ าคที่ ท� ำ งานส่ ง เสริ ม และน�ำ PGS ไปใช้ในการท�ำงานระดับท้องถิ่น ได้แก่ภาคเหนือ ภาค อีสาน ภาคใต้ ภาคกลางรวมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17.00-20.00 น. ร่ ว มพบปะกั บ สื่ อ มวลชน “พลวั ต ใหม่ ข อง ขบวนการเคลื่ อ นไหวเพื่ อ การเปลี่ ย นแปลงเรื่ อ งอาหารและ การเกษตร: IFOAM, URGENCI, La Via Campesina และ Towards Organic Asia” สถานที่: เรือนจุฬานฤมิตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมรับฟังแถลงการณ์และเสนอความเห็นในเรื่องอนาคตของการขับ เคลื่อนเกษตรเชิงนิเวศและเกษตรอินทรีย์ กับตัวแทนจาก IFOAM, URGENCI, La Via Campesina, และ Towards Organic Asia
• เวทีประชุม (10 - 11 พฤษภาคม) วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม เวลา 08.30 - 17.30 น. Organic Symposium 2013 (จัดโดยกระทรวงพาณิชย์) สถานที่: ห้องประชุม 1 และ 2, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภาคเช้า: เป็นภาษาไทย และล่ามแปลภาษาอังกฤษ (หูฟัง) ภาคบ่าย: เป็นภาษาไทยเท่านั้น วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม เวทีประชุมนานาชาติ นวัตกรรมตลาดทางเลือกสู่ความมั่นคง และอธิปไตยทางอาหาร สถานที่: ห้องประชุม 1 และ 2, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ การบรรยายเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด มีล่ามแปลภาษาไทย (หูฟัง) / เวิล์ดคาเฟ่ มีทั้งกลุ่มที่ใช้ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 09.00 - 10.00
-กล่าวเปิดงานและปาฐกถาน�ำ “ระบบการรับรอง อย่างมีส่วนร่วมกับอนาคตเกษตรอินทรีย์”โดย อัง เดร ลิว ประธานสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (President of IFOAM) -การบรรยาย “อธิปไตยทางอาหารและนวัตกรรม ตลาดทางเลื อ ก: เสริ ม สร้ า งความเข้ ม แข็ ง ขบวนการเกษตรอิ น ทรี ย ์ สู ่ เ ศรษฐกิ จ ใหม่ ” โดย พาโบล โซลอน ผู ้ อ� ำ นวยการบริ ห าร Focus on The Global South และอดีตเอกอัครราชทูตประเทศ โบลิเวียประจ�ำสหประชาชาติ -สาส์ น จากการปะชุ ม สมั ช ชาโลก (World Social Forum 2013) ประเทศตูนิเซีย โดยผู้แทนจาก ลา เวียคัมเปซิน่า (La Via Campesina)
10.00 - 10.30 10.30 - 11.30
อาหารว่าง -การอภิปราย “จากการริเริ่มของกลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่น (Teikei) สู่เครือข่าย CSA นานาชาติ: อดีต ปัจจุบัน และวิสัยทัศน์เพื่ออนาคต CSA แห่งเอเชีย” ร่วมแลกเปลี่ยน: อิโตโน โอริโตะ (ญี่ปุ่น) จอย ดา เนียล (อินเดีย) โจ ซาแลง พารอท (ฝรั่งเศส) วัลลภ า แวนวิลเลียนส์วาร์ด (ไทย) และชิ ยัน (จีน)
11.30 - 12.30
-เวิล์ดคาเฟ่ 1 “นวัตกรรมการตลาดทางเลือกและ การสร้างเศรษฐกิจใหม่” (วงสนทนาก่ อ พลั ง ปั ญ ญาระหว่ า งผู ้ เ ข้ า ร่ ว มและ วิทยากร) ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ “CSA จากประเทศ ต่างๆ” บทบาทของสมาชิกผู้บริโภค CSA เชิงสถาบันและ การหนุนเสริมผู้ประกอบการสังคม ขบวนการ CSA จะร่วมสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ได้อย่างไร? อาหารกลางวัน
12.30 - 13.30
13.30 - 15.30
15.30 - 17.00
17.00 - 18.00
-การอภิปราย “นวัตกรรมตลาดทางเลือกและการ สร้างทุนแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ด้วยระบบ การรับรองอย่างมีส่วนร่วม” ร่วมแลกเปลี่ยน: แมททิว จอน (อินเดีย) คริส เมย์ (นิวซีแลนด์) เอว่า ทอเรโมซ่า (สเปน) เจเนต วิลล่า นูวา (เปรู) ชมชวน บุญระหงส์ (ไทย) ฟาม มินห์ ดุค (เวียดนาม) เวิล์ดคาเฟ่ 2 “ระบบการรับรองอย่างมีส่วนร่วม: ธุรกิจออร์แกนิกเหมือนอย่างเคย หรือหนทางใหม่ สู่นวัตกรรมการตลาดทางเลือก” การสร้ า งการมี ส ่ ว นร่ ว มจากหลายฝ่ า ย มี ประสิ ท ธิ ภ าพในการสนั บ สนุ น และดู แ ลคุ ณ ภาพ เกษตรอินทรีย์ชุมชนหรือไม่? ประสบการณ์ PGS จากหลากหลายกลุ ่ ม และ ประเทศต่างๆ บทบาทของผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ประกอบการสังคม หน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัยและ สถาบันการศึกษา ด้ า นการเกษตร ต่ อ การสนั บ สนุ น และการดู แ ล คุณภาพควรเป็นอย่างไร พิธีปิดและวงสนทนา “การขั บ เคลื่ อ นร่ ว มกั น ของ ผู ้ ผ ลิ ต รายย่ อ ย ผู ้ บริ โ ภคสี เ ขี ย ว ผู ้ ป ระกอบการสั ง คม องค์ ก รผู ้ บริโภค ฯลฯ : เราจะสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่อยู่บน ฐานการเกษตรเชิ ง นิ เ วศได้ อ ย่ า งไร?” โดยผู ้ แ ทน จากกลุ่ม เครือข่ายและองค์กรต่างๆ)
• รายการหลังการประชุม (12 พฤษภาคม) วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 14.00 - 16.00: เสวนา “เครือข่ายตลาดสีเขียวสี่ภาค: โอกาส และความท้ า ทายในการผลั ก ดั น อาหารปลอดภั ย สู ่ ชุ ม ชนและ การสร้างความเป็นธรรมของชุมชนเกษตรอินทรีย์” สถานที่: เวทีด้านในฮอลล์เอ, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่ ว มเสวนากั บ ตั ว แทนเครื อ ข่ า ยตลาดสี เ ขี ย วจากภาคเหนื อ ภาค อีสาน ภาคใต้ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ใน ประเด็นโอกาสและความท้าทายของการขับเคลื่อนขบวนการตลาด สีเขียวในประเทศไทย • • •
งานแสดงผลิตภัณฑ์และผลผลิตตลาดสีเขียวชุมชน (9 - 12 พฤษภาคม 2556) สถานที่: ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรีนแฟร์ ครั้งที่ 6 "เกษตรอินทรีย์ชุมชน: พลังผู้บริโภคสีเขียว... สู่เส้นทางเกษตรอินทรีย์ชุมชน” (ฮอลล์เอ, ห้องบอลรูม และโซนด้านนอกติดทางขึ้นรถใต้ดิน) Organic and Natural Expo 2013 (โซน Plenary)
คณะผู้จัดงานและผู้ให้การสนับสนุนหลัก School for Wellbeing Studies and Research Towards Organic Asia Alliance IFOAM - International Federation of Organic Agriculture Movement URGENCI - The International Network of Community Supported Agriculture CCFD - Terre Solidaire เครือข่ายนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ เครือข่ายจุฬานานาชาติ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย การลงทะเบียน ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมรายการต่างๆ ของงานประชุมฯ ได้ โ ดยไม่ ค ่ า ใช้ จ ่ า ย โปรดกรอกใบลงทะเบี ย นและส่ ง มาที่ rita. innovationforum@gmail.com ติดต่อเรา ส�ำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการต่างๆ ของเวทีประชุมฯ และ ข้อมูลของวิทยากร สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.schoolforwellbeing. org หรือติดต่อ rita.innovationforum@gmail.com
International Forum
on Innovating Alternative Markets towards Food Security and Food Sovereignty 7 – 12 May 2013 Chulalongkorn University and Queen Sirikit National Convention Center Bangkok, Thailand
Five days’ International Forum jointly organized by Towards Organic Asia (TOA), the Green Market Network, Suan Nguen Mee Ma social enterprise, Organic Agriculture Innovation Network and School for Wellbeing Studies & Research with: URGENCI, the global network of CSA initiatives and the International Federation of Organic Agriculture Movements (IFOAM), together with partner organizations, including the Asia Today initiative of Maejo University, Chiang Mai, the oldest agricultural institution in Thailand. In association with the 6th annual Green Fair “community organic”, organized by Suan Nguen Mee Ma social enterprise; and the Organic and Natural Expo 2013 + Organic Symposium of the Ministry of Commerce, Thailand. ABOUT THE FORUM As an Asian contribution to the 40st anniversary of IFOAM (International Federation of Organic Agriculture Movements), celebrated at the IFOAM Headquarters in Bonn, Germany, November 2012, the Thai Green Market Network and Suan Nguen Mee Ma social enterprise, in response to the “IFOAM birthday wishlist”, cordially facilitate together with partners a global meeting of the IFOAM PGS Committee at Chulalongkorn University, Bangkok. The meeting is arranged to coincide with a gathering of the newly formed URGENCI Asia group. URGENCI is the network of CSA initiatives, the most direct approach to farmers’ – consumers’ partnerships. The aim of the International Forum on Innovating Alternative Markets, Bangkok, 7 – 12 May 2013, is to create markets for small-scale “organic” (or: “in transition to” organic) farmers by connecting them directly with mindful consumers, and their organizations.
In order to bringing the food economy home, a special role is perceived for social enterprises who help facilitate building partnerships based on Participatory Guarantee Systems (PGS). This effort revitalizes the grassroots origin of IFOAM which was founded in 1972 in Versailles, France, at the initiative of Nature et Progrès, the organization that at that time already promoted and practiced “PGS”, and does so until today. Over the years IFOAM facilitated a remarkable growth of the organic food market all over the world. But this growth tends to be based on high-end markets and exports, marked by a price difference with industrial agri-business products that discourages many ordinary consumers. Participatory Guarantee Systems place the responsibility for quality support and control in the common hands of the diversity of stakeholders involved, in contrast to “third party” certification systems, which incur high costs that cannot be met by small-scale farmers. La Via Campesina, the International Peasants Movement, with millions of member-farmers all over the world, will participate in the meeting in order to join hands with the major organizations in the field of partnership building towards “alternative markets” that aim to constitute a new economy based on food security, food sovereignty, and sustainable development. FORUM COMPONENTS • Pre-symposium events [7 – 9 May]: Chulalogkorn University • Symposium [10 – 11 May]: Queen Sirikit National Convention Center (QNCC) • Post-symposium events [12 May]: QNCC • Organic exhibitions [9 – 12 May]: QNCC FORUM SCHEDULE • PRE-SYMPOSIUM EVENTS: 7 – 9 May Tuesday 7 May 17.30-20.00: Pre-conference dinner (by invitation)
Venue: Chula Narumit, Chulalongkorn University, Bangkok Welcome Dinner with IFOAM PGS Committee, URGENCI the global network of community supported agriculture (CSA) initiatives, La Via Campesina, Towards Organic Asia (TOA), partner organizations and International Forum participants. Wednesday 8 May 09.00-12.30: “URGENCI, La Via Campesina and Towards Organic Asia: our aims, vision, strategies and common ground” Venue: Dipak C. Jain Hall SASA International House, Chulalongkorn University, Bangkok Meeting with representatives from international alternative movements for agro-ecology; URGENCI, La Via Campesina and TOA to exchange on the future prospect for connecting local actions for global changes. 13.30-17.00: Shaping CSA Initiatives – Experiences from Japan, India and Thailand Venue: Dipak C. Jain Hall SASA International House, Chulalongkorn University, Bangkok Shaping Community Supported Agriculture initiatives in your own cultural context. With Joy Daniel, the new URGENCI Asia network, Etona Orito, Teikei Japan, Jane and Payong Srithong, CSA Bangkok and partners. Thursday 9 May 09.00-12.30: “How alternative food movement can help shaping the future of agriculture and local food sovereignty?” Venue: Dipak C. Jain Hall SASA international House, Chulalongkorn University, Bangkok Joint exchange and planning meeting with all partners and the global Committee on Participatory Guarantee Systems (PGS) of the International Federation of Organic Agriculture Network. Report and discussion on the previous 2-day meeting of the committee at Chulalongkorn University.
13.30-16.00: “Community organic” and PGS practices in four regions of Thailand: Experience and lesson-learned Venue: Dipak C. Jain Hall SASA International House, Chulalongkorn University, Bangkok Representative practitioners from the four region of Thailand shares their experience and lesson-learned on PGS in local contexts. 17.00-20.00: “IFOAM, URGENCI, Towards Organic Asia and La Via Campesina First Encounter in Thailand: New dynamic of alternative food movement towards local food sovereignty Venue: Chula Narumit, Chulalongkorn University, Bangkok Joint meeting and statements on the future of “agroecology” by partner organizations: IFOAM PGS Committee, URGENCI Asia, La Via Campesina, TOA, Asia Today and others. Exchanges with media and dinner.
13.30 – 15.00
15.00 – 15.30 15.30 – 17.30
• SYMPOSIUM AND INTERNATIONAL FORUM: 10 - 11 May Friday 10 May Organic Symposium 2013 (organized by Thailand’s Ministry of Commerce) Venue: Meeting Room 1 & 2, Queen Sirikit National Convention Center Morning in Thai with translation in English; Afternoon workshops will be in Thai language only. 08.30 – 09.00 09.00 – 09.15 09.15 – 09.45
10.00 – 10.15 10.15 – 10.45 10.45 – 12.30
12.30 – 13.30
Registration Welcoming Speech by Ms. Nuntawan Sakuntanaga: Deputy Permanent Secretary, Thaland’s Ministry of Commerce Opening Ceremony and Keynote Speaker on “Policy towards Boosting Organic Market” by the Minister of Commerce, Thailand (TBC) Coffee break “Global Organic Prospect” By Representative of IFOAM World Board (Mr. Andre Leu, President of IFOAM) “Global Organic: Vision for the Future” Potential Organic Products and Providers in Thailand” (Mr. Sittiporn Bangkaew: Head of Office of Surin Commercial Affairs) Aims and Experiences of Thai Organic Growers (Mr. Prinya Pornsirichaivatana: Rangsit Farm) Good Life b(u)y Organic” (Mrs. Suwanna Langnamsang: Lemon Farm) Organic Challenges in Global Market (Mr. Son Chomdee: Khaokho Talaypu Co., Ltd.) ASEAN: Destination for Organic Opportunities (Mr. Vitoon Panyakul: Thai Organic Trade Association) Mr. Buncha Coomchaivate (Moderator: TBC) Lunch
(Room 1) Panel discussion: “How to be Organic growers?” Presented by Thai Organic Trade Association (TOTA) Mr. Wanlop Pichpongsa Mr. Peerachote Charanwong Mr. Vitoon Panyakul: Moderator (Room 2) Panel Discussion: Go Organic: Nourishing Good Body and Soul” by Representative from Thai Social Enterprise Office (TBC) Coffee break (Room 1) Panel Discussion: “Dynamic: Organic Thailand” by Dr. Unchalee Sanguangpong (Organic Innovation Network) Mrs. Varatip Veerakit (Earth Net Foundation) Representative from Thailand’s National Bureau of Agriculture Commodity and Food Standards (TBC) Mrs. Boonticha Chomchern (Agriculture Land Reform Office) (Room 2) Panel Discussion: “Anti-cancer and Other Diseases by Organic Dietary” Mrs. Suwanna Lungnumsag (Lemon Farm) Representative from Khonkaen University’s Faculty of Medicine (TBC) Mrs. Supa Petcharit: Moderator
Saturday 11 May International Forum “INNOVATING ALTERNATIVE MARKETS TOWARDS FOOD SECURITY AND FOOD SOVEREIGNTY” Venue: Meeting Room 1 & 2, Queen Sirikit National Convention Center All Meeting will be in English with Thai translation; World Café with English and Thai language groups. 08.30 – 09.00 09.00-10.00
Registration Opening speech by Andre Leu, Australia, President, IFOAM: Participatory Guarantee Systems and the Future of Organic Agriculture. Keynote speech by Pablo Solón, Executive Director, Focus on The Global South; former Ambassador to the UN for Bolivia: Food Sovereignty and Innovating Alternative Markets: strengthening the movement towards a New Economy Message from the World Social Forum 2013 in Tunis, Tunisia.
10.00-10.30 10.30-11.30
Statement by delegation of La Via Campesina. Break Panel Discussion “From Teikei initiative in Japan to global URGENCI network, History and Future Vision of ‘Community Supported Agriculture’ in Asia.” Etono Orito (Japan), URGENCI Joy Daniel (India), URGENCI Wallapa van Willenswaard (Thailand), Thai Green Market Network Shi Yan (China), URGENCI
11.30-12.30
12.30-13.30 13.30-15.30
15.30-17.00
World Cafe Innovating Alternative Markets and the emergence of a New Economy? Informal round-table discussions among resource persons and participants Exchanges of Community Supported Agriculture (CSA)- experiences between countries The roles of “institutional” CSA- members; and of enabling “social enterprises”? How can the CSA movement contribute to a “new economy”? Lunch Panel Discussion: Innovating Alternative Markets and building “social transformation capital” by creating and applying Participatory Guarantee Systems (PGS) Mathew John (India), IFOAM Chris May (New Zealand), IFOAM Eva Torremocha (Spain), IFOAM Janet Villanueva (Peru), IFOAM Chomchuan Boonrahong (Thailand), Maejo University / Towards Organic Asia Alliance Pham Minh Duc (Vietnam), Ecolink / Towards Organic Asia Alliance World Cafée (including break) PGS: organic “business as usual” or the innovation of alternative markets? Is a multi-stakeholder approach effective towards support & control of “community organic” quality? Experiences with PGS in various countries and groups What are the distinct roles of producers, consumers, social entrepreneurs, governments and universities/agriculture schools towards quality support & control?
17.00-18.00
Closing Panel. Vision: “movement” of small-scale producers and mindful consumers, social enterprises, consumers’ associations and independent government agencies: can we work together to induce “a new economy” based on agro-ecology? Selection of resource persons from all sessions and key participants. Closing ceremony.
19.00-21.00
Dinner for foreign participants and core-group (by invitation)
• POST-SYMPOSIUM EVENT: 12 MAY Sunday 12 May 14.00-16.00: Thai Assembly Green Market Network (Four regions of Thailand) Venue: Hall A, Queen Sirikit National Convention Center Exchange and discussion on how to move forward the “green market” movement in Thailand? • ORGANIC EXHIBITIONS: 9 – 12 MAY Green Fair 6 “Community Organic” Venue: Hall A, Ballroom and outdoor zone, Queen Sirikit National Convention Center • Organic and Natural Expo 2013 Venue: Plenary Hall, Queen Sirikit National Convention Center ORGANIZERS AND SPONSORS OF THE FORUM School for Wellbeing Studies and Research Towards Organic Asia Alliance IFOAM - International Federation of Organic Agriculture Movement URGENCI - The International Network of Community Supported Agriculture CCFD – Terre Solidaire Thailand’s Organic Agriculture Innovation Network Chula Global Network, Chulalongkorn University HOW TO REGISTER? The registration for this forum is free of charge. Please fill in the registration form and send to rita.innovationforum@gmail.com CONTACT US Information about the forum, keynote speakers and registration, are available on www.schoolforwellbeing.org. If you have further inquiry, please contact rita.innovationforum@gmail.com
ตลาดสีเขียว 33
GREEN MOVEMENT
บทความพิเศษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เรื่อง/ภาพ: กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมพลัง ลดถุงพลาสติก ลดโลกร้อน
ก า ร แ ก ้ ไ ข ป ั ญ ห า จ า ก ข ย ะ ถุ ง พลาสติกที่เราทุกคนสามารถช่วยกันได้ง่ายๆ อย่างแรกเลยก็คือ ต้องเห็นพ้องและยอมรับ ก่อนว่า ถุงพลาสติกที่ใช้กันเป็นปรกติวิสัยใน ชี วิ ต ประจ�ำ วั น นั้ น เป็ น ตั ว สร้ า งปั ญ หาและ ภาระหนักหน่วงให้กับสิ่งแวดล้อมและระบบ นิเวศ ล�ำดับต่อมาก็ต้องเห็นถึงความจ�ำเป็น เร่งด่วนที่ต้องช่วยกันแก้ปัญหาและร่วมกัน ลดปริ ม าณการใช้ อ ย่ า งจริ ง จั ง เท่ า นี้ เ ราก็ จะสามารถช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพลังงานได้อย่างมหาศาล การลดปริ ม าณการใช้ ถุ ง พลาสติ ก นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ ขยะแล้ ว ยั ง ช่ ว ยลดคาร์ บ อนไดออกไซด์ ซึ่ ง เป็ น ต้ น เหตุ ข องก๊ า ซเรื อ นกระจกได้ อี ก ด้ ว ย จากข้ อ มู ล ของกรุ ง เทพมหานครใน ปี 2550 พบว่ า มี ข ยะจากถุ ง พลาสติ ก จ�ำนวนถึง 1,800 ตัน/วัน จากปริมาณขยะที่ ▲
34 ตลาดสีเขียว
กรุงเทพมหานครเก็บขนได้จ�ำนวน 8,500 ตัน/ วัน มีค่าใช้จ่ายในการเก็บขนถึง 1.78 ล้าน บาท/วัน หากเราสามารถลดการใช้ลงได้ นั่น หมายความว่ า เราจะสามารถประหยั ด ค่ า ใช้จ่ายได้ถึง 650 ล้านบาท/ปี และสามารถ ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 1 ล้านตัน/ปีทีเดียว หากคนไทยทั้ ง ประเทศซึ่ ง มี ป ระชากร ราว 67 ล้านคน เพียงช่วยกันลดการใช้ถุง พลาสติกลงคนละ 1 ใบต่อวัน เพียงปีเดียว เราก็จะสามารถลดถุงพลาสติกได้ถึง 24,455 ล้านใบ ไม่ใช้ถุงพลาสติก...แล้วจะใช้อะไรแทน
โลกปั จ จุ บั น นี้ มี ก ารคิ ด ค้ น นวั ต กรรม ขึ้ น มาให้ เ ราได้ ใ ช้ ป ระโยชน์ ม ากมาย ไม่ เว้ น แม้ ใ นประเภทบรรจุ ภั ณ ฑ์ ซึ่ ง สามารถ ใช้ทดแทนถุงพลาสติกได้ เช่น
- พลาสติ ก ไซเบอร์ พ ลาส (Cyberplast) เป็ น ผลิ ต ภั ณ ฑ์ พ ลาสติ ก ประเภทถุ ง หิ้ ว ถุ ง มื อ และหลอดดู ด ที่ ย ่ อ ยสลายได้ ด ้ ว ย แสงอาทิตย์ - ถุงพลาสติกประเภทย่อยสลายได้ด้วย แสงอาทิ ต ย์ แ ละย่ อ ยสลายได้ ท างชี ว ภาพ เช่น ถุงร้อน-ถุงเย็นที่ใช้ใส่อาหาร อันที่จริง ถุงพลาสติกประเภทนี้มีมานานแล้ว ถุงแบบ นี้ จ ะผสมผสานสารย่ อ ยสลาย ซึ่ ง จะแทรก ตั ว อยู ่ ใ นโมเลกุ ล ของเม็ ด พลาสติ ก สาร ย่ อ ยสลายนี้ เ มื่ อ เจอกั บ แสงอาทิ ต ย์ ก็ จ ะท� ำ ปฏิ กิ ริ ย ากั บ เม็ ด พลาสติ ก ให้ โ มเลกุ ล แตก สลาย ถุงประเภทนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการย่อยสลาย สังเกตได้จากความเหนียว ของถุงจะลดลงเรื่อยๆ กระทั่งหมดไป - ถุงกระดาษ ถุงผ้า ปิ่นโต ตะกร้า เป็นต้น พฤติกรรมการใช้ถุงกระดาษของผู้คนในต่าง ประเทศ โดยเฉพาะแถบยุโรปหรืออเมริกา มี
ให้พบเห็นเป็นปกติในชีวิตประจ�ำวัน อย่าง เวลาเราดูหนัง ดูสารคดี มักจะเห็นภาพฝรั่ง เดิ น อุ ้ ม ถุ ง กระดาษออกจากซู เ ปอร์ ม าร์ เ ก็ ต หรือร้านค้าต่างๆ อยู่เสมอ และล่าสุดในบาง เมืองใหญ่ๆ ของอเมริกาถึงกับออกมาตรการ ลดใช้ ถุ ง พลาสติ ก ในห้ า งสรรพสิ น ค้ า เป็ น ศู น ย์ เพราะเล็ง เห็น ถึง ข้อเสีย ของมัน อย่า ง ถ่องแท้ น�ำถุงผ้าหรือภาชนะไปใส่ของแทน แล้ว บอกพนักงานขายว่า “ไม่ต้องใส่ถุงค่ะ/ ครับ” หรือน�ำกล่องใส่อาหารไปใส่
อย่ า งไรก็ ต าม แม้ ถุ ง ผ้ า จะไม่ ใ ช่ ค� ำ ตอบของการลดขยะถุงพลาสติก เพราะมัน ใช้ พ ลั ง งานในการผลิ ต สู ง กว่ า แต่ ห ากเรา น�ำถุงผ้ามาใช้ซ�้ำไปจนกว่าจะหมดอายุการ ใช้งานของมัน ก็จะช่วยประหยัดทรัพยากร ไม่น้อยทีเดียว มีการเก็บข้อมูลออกมาแล้ว
ว่า ถ้าเราใช้ถุงผ้าเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน จะ ช่ ว ยลดการใช้ ถุ ง พลาสติ ก ได้ ม ากกว่ า 100 ล้านถุงต่อปี ว่าแล้ว เราลองมาดูข้อดีอื่นๆ ของการ ใช้ถุงผ้ากันดีกว่า • ซักท�ำความสะอาดได้ง่าย นุ่มสบาย มือน่าใช้ และไม่ก่อให้เกิดการกดทับฝ่ามือ อย่างรุนแรงเท่าถุงพลาสติก • ใช้ง่าย ขาดยาก ตกแต่งได้ตามสไตล์ ที่ชอบ • ย่ อ ยสลายได้ ไม่ ต กค้ า งจนเป็ น ปัญหาสิ่งแวดล้อม • ทนทานและใช้ซ�้ำได้มากครั้งกว่าถุง พลาสติก • ช่วยลดปริมาณขยะมูลฝอย ไม่ท�ำให้ เกิดก๊าซเรือนกระจก • ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน • บ่งบอกภาวะรับผิดชอบต่อสังคมและ
สิ่งแวดล้อมของผู้ใช้ • ใช้ถุงผ้าไปได้ทุกที่ ใส่ของได้ปริมาณ มาก • ใช้ เ ป็ น สื่ อ ในการรณรงค์ เ สริ ม สร้ า ง ความเข้ า ใจและความตระหนั ก ในเรื่ อ งสิ่ ง แวดล้อมได้อย่างกว้างขวาง • ถุงผ้าจะช่วยลดการเกิดและการปน เปื้อนของสารประกอบไดออกซิน ซึ่งเป็นสาร ก่อมะเร็งที่มีอันตรายต่อชีวิต • พกพาง่าย มีติดตัว ติดรถไว้ พร้อม ใช้งานได้ทุกโอกาส • ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม เพราะช่วยให้เมืองไทยไร้ขยะ เรามาเริ่มใช้ถุงผ้ากันตั้งแต่วันนี้ดีกว่า และแบ่งปันถุงผ้าที่มีให้แก่ผู้อื่น เพื่อขยาย วงของความพยายามลดก๊ า ซเรื อ นกระจก และภาวะโลกร้อน ตลาดสีเขียว 35
GREEN ETC.
Green Recommendation
เรื่อง/ภาพ:
คู่มือกินเพื่อวิถีสีเขียว
(Food for Living Green Together Guide Book) ใน ช่ ว งระยะเวลาเจ็ ด ถึ ง แปดปี ม านี้ บริ ษั ท สวนเงิ น มี ม าได้ ริ เ ริ่ ม และบริ ห ารงาน เครือข่ายตลาดสีเขียวในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จังหวัดใกล้เคียงร่วมกับกลุ่มผู้ผลิตเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยได้รับการ สนั บ สนุ น จากส� ำ นั ก งานกองทุ น สนั บ สนุ น การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อเชื่อมโยง ให้เกิดช่องทางตลาดทางเลือกที่เป็นมิตรกับ สุ ข ภาพ สิ่ ง แวดล้ อ ม และความเป็ น ธรรม ทางสั ง คมในรู ป กิ จ การและกิ จ กรรมต่ า งๆ ได้แก่ ตลาดนัดสีเขียว ซึ่งกระจายตัวอยู่ใน เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งที่เป็นตลาด นั ด สี เ ขีย วประจ� ำ ทุก สัป ดาห์ แ ละตลาดนัด สี เขี ย วสั ญ จร มี ก ารน� ำ ผลผลิ ต พื ช ผั ก ไร้ ส าร พิษสู่ครัวโรงพยาบาลและโรงเรียน มีระบบ สมาชิ ก ผั ก กล่ อ งส่ ง ตามบ้ า นหรื อ ที่ ท� ำ งาน มีกิจการรับจัดเลี้ยงสีเขียวที่ตอบสนองความ ต้องการอาหารว่างและอาหารกลางวันที่ดีมี ประโยชน์ในที่ประชุมและวงสัมนา เกิดการ รวมตั ว ของร้ า นกรี น อิ ส ระและร้ า นอาหาร สุขภาพ รวมทั้งการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนเพื่อ ท�ำหน้าที่เป็นศูนย์เรียนรู้การรับและกระจาย ผลผลิตอินทรีย์ชุมชน นอกจากรู ป แบบกิ จ การดั ง ที่ ก ล่ า วมา แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย ได้ แ ก่ การพั ฒ นาผู ้ ผ ลิ ต และเกษตรกร กิ จ กรรมการให้ ค วามรู ้ ผู ้ บ ริ โ ภค อาทิ การ เยี่ ย มแปลงเกษตรและสถานประกอบการ การจั ด เสวนาพู ด คุ ย แลกเปลี่ ย นในหลาก หลายหัวเรื่อง ที่เกี่ยวกับการสร้างจิตส�ำนึกผู้ บริโภค ทั้งในโรงเรียน โรงพยาบาล องค์กร รัฐ องค์กรธุรกิจ เป็นต้น อีกทั้งมีการจัดงานกรีนแฟร์ งานแสดง ผลิ ต ภั ณ ฑ์ อิ น ทรี ย ์ แ ละผลผลิ ต ตลาดสี เ ขี ย ว ชุมชน ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2550 งาน กรี น แฟร์ นี้ ไ ด้ จั ด มาทุ ก ปี และในปี 2556 เป็ น การจั ด งานกรี น แฟร์ ค รั้ ง ที่ 6 ซึ่ ง จั ด ระหว่ า งวั น ที่ 9-12 พฤษภาคม 2556 ณ ศู น ย์ ก ารประชุ ม แห่ ง ชาติ สิ ริ กิ ติ์ ภายใต้ หั ว เรื่อง “พลังผู้บริโภคสีเขียว สู่เส้นทางเกษตร อินทรีย์ชุมชน” โดยจัดพร้อมกับการประชุม นานาชาติเรื่อง “นวัตกรรมตลาดทางเลือก สู่ความมั่นคงและอธิปไตยทางอาหาร การ ▲
36 ตลาดสีเขียว
เติ บ โตของระบบชุ ม ชนสนั บ สนุ น เกษตรกร (CSA-Community Supported Agriculture) และระบบการรับรองอย่างมีส่วนร่วม (PGSParticipatory Guarantee System)” การขับเคลื่อนเครือข่ายตลาดสีเขียวนี้ ยั ง ได้ ด� ำ เนิ น การควบคู ่ ไ ปกั บ การสื่ อ สาร ต่ อ สาธารณชนวงกว้ า งในรู ป แบบต่ า งๆ ได้แก่ เว็บไซต์ www.thaigreenmarket.com วารสารตลาดสี เ ขี ย ว และการผลิ ต หนั ง สื อ เล่ม โดยเฉพาะชุดกรีนไกด์บุ๊ก (Green Guide Book) ที่ให้ชื่อว่า “วิถีสีเขียวร่วมกัน” (Living Green Together) ซึ่งได้จัดพิมพ์ครั้งแรกใน ปี 2551 เพื่ อ เผยแพร่ เ รื่ อ งราวของผู ้ ผ ลิ ต กลุ่มเกษตรกรรายย่อย ร้านอาหารสุขภาพ และร้ า นกรี น รวมทั้ ง เรื่ อ งราวของผู ้ บ ริ โ ภค ที่ฝ ่ า ด่ า นความคุ ้ น ชิ น มาสู ่ ก ารพึ่ ง พาตนเอง แล้ ว ก่ อ ตั ว เป็ น พลั ง ผู ้ บ ริโ ภคสีเ ขี ย วกระจาย ตั ว อยู ่ ใ นสั ง คม เป็ น ผู ้ บ ริ โ ภคที่ ไ ปพ้ น เรื่ อ ง สุ ข ภาพตนเอง หากรวมเอาความเกื้ อ กู ล แบ่ ง ปั น อยู ่ ใ นเส้ น ทางเพื่ อ ร่ ว มสร้ า งเกษตร อินทรีย์ชุมชน ด้วยตระหนักว่า หากขาดการ สนับสนุนอย่างแท้จริงจากผู้บริโภคที่เข้าอก เข้าใจแล้ว การปรับทิศทางเกษตรเคมีก็แทบ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ความห่วงใยนี้ยังเผื่อ แผ่ไปยังธรรมชาติแวดล้อม เพราะเห็นว่ารูป แบบการใช้ ชี วิ ต และการกิ น ของเราทุ ก คน ล้ ว นส่ ง ผลต่ อ การแก้ ไ ขปั ญ หาสิ่ ง แวดล้ อ ม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และส�ำหรับหนังสือชุดคู่มือกินเพื่อวิถีสีเขียว (Food for Living Green Together Guide Book) นี้ เป็ น ความร่ ว มมื อ ของ ส� ำ นั ก พิ ม พ์ ส วนเงิ น มี ม าและมู ล นิ ธิชี ว วิ ถี ที่ มี โ ครงการกิ น เปลี่ ย นโลก ร่ ว มกั น จั ด ท� ำ ขึ้ น โดยทั้ ง สององค์ ก รได้ ด� ำ เนิ น งานด้ า น กิ จ กรรมผู ้ บ ริ โ ภคในช่ ว งปี ที่ ผ ่ า นมา และ ต้ อ งการสื่ อ สารข้ อ มู ล กั บ คนอ่ า นทั่ ว ไปใน เรื่องการกินตามแนวทางวิถีผู้บริโภคสีเขียว ผ่ า นหนั ง สื อ ที่ จั ด พิ ม พ์ เ ผยแพร่ อ อกมา 5 เรื่ อ งได้ แ ก่ (1) หิ้ ว ตะกร้ า ตามหาผั ก บ้ า น บ้าน การค้นหาผักบ้านท่ามกลางแผงผักที่ ขายแต่ผักจีน (กวางตุ้ง ผักคะน้า ผักกาด ขาว ฯลฯ) และผักฝรั่ง (ผักสลัด แครอต ฯลฯ) แต่ ต ลาดสดบางแห่ ง ยั ง มี แ ม่ ค ้ า น�ำ ผั ก บ้ า น
มาเสนอขาย (2) ช่างเลือก ช่างกิน หากจะ รั บ ประทานอาหารนอกบ้ า น ก็ แ วะชิ ม ตาม ร้ า นกรี น ร้ า นอาหารสุ ข ภาพที่ พิ ถี พิ ถั น กั บ การคั ด กรองวั ต ถุ ดิ บ มาสู ่ ค รั ว (3) ชวนกั น ปรุง ช่วยกันชิม ในยุคที่อาหารส�ำเร็จรูปแช่ แข็งก�ำลังแพร่ระบาดอยู่ทุกมุมเมือง การปรุง อาหารเองดู จ ะเป็ น เรื่ อ งล้ า สมั ย ไปเสี ย แล้ ว (4) เลียบเลาะสวนผักชานเมืองบางกอก การ ออกเยี่ ย มสวนผั ก ชานเมื อ งอาจน� ำ ไปสู ่ ก าร ผู ก โยงกั บ เกษตรกรตามสวนผั ก ชานเมื อ ง และเป็นที่มาให้กับระบบสมาชิกผัก CSA ก็ เป็นได้ (5) เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม ความ หลากหลายของรสชาติอาหารที่นับวันจะถูก ก� ำ หนดโดยอุ ต สาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ ด้ ว ยการลดทอนรสชาติ ค วามหวาน ความ เค็ม ความเปรี้ยวให้เหลือเพียงวัตถุดิบเพียง ไม่ กี่ ช นิ ด เพื่ อ การผลิ ต แบบพื ช เชิ ง เดี่ย วอัน น� ำ มาสู ่ วั ฒ นธรรมการกิ น แบบเชิ ง เดี่ ย วใน ที่ สุ ด หวั ง ใจว่ า ผู ้ อ ่ า นหนั ง สื อ ในชุ ด ดั ง กล่ า ว นี้ จ ะเห็ น ถึ ง ความส� ำ คั ญ ในเรื่ อ งการกิ น ของ เราทุกคนว่ามีส่วนช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ มากขึ้นได้
〰 หิ้วตะกร้าตามหาผักบ้านบ้าน คู่มือกินเพื่อวิถีสีเขียว เล่มที่ 1
เขียน: อัญญรัตน์ อ่อนสุทธิ, ธนพร ศรีสุขใส, อรุณวนา สนิกะวาที ภาพ: จามร ศรเพชรนรินทร์ ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมา ราคา 290 บาท
ในยุค ที่ก ารเข้ า ถึง ข้ อ มู ล ท�ำ ได้ ง ่ า ยดาย แต่ การเข้ า ถึ ง ‘ตลาดสด’ และ ‘ผั ก พื้ น บ้ า น’ กลั บ ยากเย็ น และแทบเป็ น ไปไม่ ไ ด้ เ อาเลย ส�ำหรับชีวิตคนเมือง ไม่รู้จะด้วยเพราะความ สะดวกที่ ม ากเกิ น ไป หรื อ ความใส่ ใ จที่ ไ ม่ มากพอ หรื อ เพราะไม่ มี เ วลา หรื อ ไม่ เ ห็ น คุ ณ ค่ า ของการท� ำ เช่ น นั้ น จึ ง ท� ำ ให้ เ ราเพิ ก เฉย มองข้ามสิ่งที่ผูกโยงมากับวิถีวัฒนธรรม การกินอยู่ไปอย่างสิ้นเชิง ศักดิ์ศรีของความเรียบง่าย ความเป็น ท้องถิ่นดูจะไม่อยู่ในขบวนรถไฟ (อินเทรนด์) ของยุคสมัยนี้ ยุคสมัยที่ไม่ค่อยมีใครตื่นเช้า ไปเดินตลาดสด ไม่เชื่อในพลังของคนเล็กคน น้อย พลังของปัจเจก พลังของความธรรมดา ที่ ส ามารถเปลี่ ย นโฉมหน้ า โลกได้ แต่ ก ลั บ เชื่ อ ในทุ ก อย่ า งที่ ถู ก ตี ต รา ติ ด แบรนด์ อยู ่ ในกระแส และส�ำเร็จรูป จนชีวิตเล็กๆ อย่าง พืชผักพื้นบ้าน พ่อค้าแม่ขายรายย่อย ไม่มี ที่ทางในสังคม จะว่ า ไป ตลาดสดคื อ วิ ถี ที่ อ ยู ่ คู ่ สั ง คม ไทยมาช้ า นาน อั ต ลั ก ษณ์ อั น โดดเด่ น และ เปี ่ ย มเสน่ ห ์ ย ากจะเลี ย นแบบของมั น คื อ ความสดใหม่ เมื่ออยู่ในตลาดสด เราจะได้ ปะทะสั ง สรรค์ กั บ ความมี ชี วิ ต ชี ว าของผู ้ ค น และข้าวของ ความโกลาหลรอบกาย ความ เป็นธรรมชาติที่คาดเดาไม่ได้ และลักษณะ ทางกายภาพที่ อ าจไม่ ส วยงามสะอาดตา แต่กลับมากด้วยสีสัน เราอาจได้กลิ่นที่ชวน น�้ำ ลายสอและชวนคลื่น ไส้ในคราวเดีย วกัน เราอาจลื่นหัวคะม�ำเพราะความชื้นแฉะ หรือ อาจอกสั่นขวัญผวาที่จู่ๆ ปลาตัวเขื่องก็ไถล มาอยู ่ ที่ ป ลายเท้ า หรื อ ไม่ ก็ เ ผลอชนรถเข็ น ผั ก เข้ า โครมใหญ่ เสี ย งร้ อ งตะโกน เสี ย ง โหวกเหวก ก่ น ดา เสีย งต่อรองราคาอย่า ง ออกรส… บรรยากาศเหล่ า นี้ ไ ม่ มี ใ นห้ า ง สรรพสิ น ค้ า หรื อ ซู เ ปอร์ ม าร์ เ ก็ ต ที่ ทุก อย่ า ง ถูกจัดวางอย่างแห้งแล้งตายตัว บรรยากาศตลาดสดกลางเมื อ งใหญ่ หลายแห่ ง ก� ำ ลั ง อั บ เฉาสิ้ น แรง ไม่ ต ่ า งจาก ชะตากรรมของผักพื้นบ้าน ผักท้องถิ่นริมรั้ว ผั ก สวนครั ว ที่ ขึ้ น ตามฤดู ก าล ปลู ก กั น ตาม สวนหลั ง บ้ า น หรื อ ท้ อ งไร่ ท ้ อ งนา ที่ นั บ วั น จะพบเห็นยากขึ้น และคนที่กินเป็นก็มีน้อย ลง พืชผักเหล่านี้เติบโตตามวิถีของฤดูกาล สอดคล้องกับเงื่อนไขของธรรมชาติ แต่ด้วย เงื่ อ นไขของสัง คมบริโ ภคนิย ม ส่ ง ผลให้ พืช ผั ก เหล่ า นี้ ห ่ า งหายไปจากแผงผั ก ในตลาด และโต๊ะอาหารในบ้านเรา การ ‘กินผักไม่เป็น’ ของคนปัจจุบันจึง กลายเป็ น ประเด็ น ร้ อ นที่ ห ลายฝ่ า ย หลาย องค์ ก รลุ ก ขึ้ น มาพู ด ถึ ง และหาทางออก เพราะตระหนั ก ดี ว ่ า วงจรชี วิ ต ‘ผั ก ’ และ
ชี วิ ต ‘คน’ ต่ า งส่ ง ผลถึ ง กั น เราจะเห็ น ได้ ว่ า เส้ น ทางอาหารในปั จ จุ บั น นี้ ถู ก ตอนไป จากการรั บ รู ้ ข องคนทั่ ว ไป เพราะเราส่ ว น ใหญ่หาอาหารจากห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์ มาร์เก็ต หรือคอนวีเนียนสโตร์ วิถีเช่นนี้ยิ่ง ผลั ก ให้ เ ราห่ า งไกลจากตลาดสดใกล้ บ ้ า น และพื ช ผั ก ตามฤดู ก าลมากขึ้ น จนน� ำ ไปสู ่ ปัญหาเชิงซ้อนมากมาย อาทิ ท�ำให้การพึ่ง ตนเองถูกมองข้าม ความเป็นชุมชนผุกร่อน วั ฒ นธรรมการพึ่ ง พาแบบไทยๆ อ่ อ นแรง และเศรษฐกิจท้องถิ่นล่มสลาย ใครเลยจะคาดคิ ด ว่ า การกระท� ำ อั น แสนสามั ญ เพี ย งแค่ เ ดิ น จ่ า ยตลาดสด การ บริ โ ภคพื ช ผั ก พื้ น บ้ า น จะส่ ง ผลพลอยได้ ยิ่ ง ใหญ่ ใ ห้ กั บ โลกทั้ ง ใบ ช่ ว ยด� ำ รงไว้ ซึ่ ง วิ ถี วัฒนธรรมของการเกื้อกูล ช่วยรักษาพืชพันธุ์ ท้ อ งถิ่ น ไม่ ใ ห้ สู ญ สลาย ช่ ว ยฟื ้ น ฟู สุ ข ภาพ ดิ น น�้ ำ และชี วิ ต เล็ ก ๆ น้ อ ยๆ ในแหล่ ง เพาะปลูก ช่วยให้บรรยากาศโลกดีขึ้น ช่วย ให้ทรัพยากรยั่งยืนไปถึงคนรุ่นต่อไป และที่ ส�ำคัญ ช่วยให้ชีวิตตลาดสดและผักพื้นบ้าน ยังคงมีลมหายใจ ยังไม่กลายเป็นเพียงเรื่อง เล่าขานในหน้าประวัติศาสตร์… หนังสือเล่มนี้ ทีมผู้เขียนพยายามฉาย ภาพแม่ ค ้ า พ่ อ ขายรายเล็ ก รายน้ อ ย ที่ น� ำ ผั ก พื้ น ถิ่ น ผั ก บ้ า นๆ มาตั้ ง แผงวางขายใน ตลาดสดจ�ำนวน 63 ตลาดในเขตต่างๆ ของ กรุงเทพฯ เพื่อให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าจะถาวรหรือชั่วคราว ได้มาจับจ่ายไป ท� ำ กิ น กั น เรื่ อ งราวสั้ น กระชั บ ของแต่ ล ะ ตลาด พอจะช่วยให้เราเห็นภาพบรรยากาศ ของตลาดสดแห่งนั้นๆ และมีข้อมูลพอที่จะ ช่วยน�ำทางว่าแม่ค้าพ่อขายที่น�ำผักพื้นบ้าน มาจ�ำหน่าย กี่ราย มีแผงตั้งอยู่ตรงมุมไหน พืชผักมีมากน้อยชนิดแค่ไหน เน้นผักพื้นถิ่น ใดบ้าง พร้อมภาพถ่ายสี่สีที่เต็มไปด้วยชีวิต ชีวาของบรรยากาศตลาดตลอดทั้งเล่ม วั น หยุ ด นี้ ห ากยั ง ไม่ มี นั ด ที่ ไ หน ลอง แวะไปตลาดสดแถวบ้าน เลือกซื้อผักไทยๆ มาอย่ า งละนิ ด ละหน่ อ ย แล้ ว เข้ า ครั ว ควง ตะหลิว ท�ำอาหารเลี้ยงตัวเองสักวันดูเป็นไร
ใครว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก แต่หนังสือเล่มนี้บอกว่ากินดีชีวียืนยาว แล้ว ยั ง ช่ ว ยเปลี่ ย นโลกได้ เข้ า ท� ำ นองกิน ดีอ ยู ่ ดี ช่วยสร้างให้เกิด well-being ความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งของคนกิน คนปลูก และโลกของเรา กินดี นี้ไม่ใช่แค่กินอร่อย แต่คือ ‘กินเพื่อวิถีสีเขียว’ ในเล่ ม นี้ ผู ้ เ ขี ย นจะตระเวนพาเราไป รู ้ จั ก สรรพคุ ณ ของร้ า นอาหารดี มี คุ ณ ภาพ 24 แห่ ง ที่ พิ ถี พิ ถั น ในการเลื อ กวั ต ถุ ดิ บ ที่ ปลอดภัย ไร้สารพิษ พิถีพิถันกับการปรุง ไม่ ใส่ ผงชูรส สารกันบูดกันเสีย สารแต่งกลิ่น แต่ ง รส ผู ้ ป ระกอบการร้ า นอาหารเหล่ า นี้ รู ้ ดี ว ่ า รสชาติ อ าหารต้ อ งควบคู ่ กั บ คุ ณ ภาพ วั ต ถุ ดิ บ และการปรุ ง บางร้ า นก็ เ น้ น แนว อาหารสุ ข ภาพตั้ ง แต่ แ นวแมคโครไบโอติ ก ส์, รอว์ฟู้ด หรือมังสวิรัติ ส่วนบางร้านเน้น การลดอาหารรสจัด รวมไปถึงลดหวาน ลด มัน ลดเค็ม เพื่อน�ำสุขภาพดีคืนมา บางร้าน อาหารก็ มี หั ว ใจและความเป็ น ศิ ล ปิ น ด้ า น อาหารอย่างน่ายกย่องชื่นชม เข้าท�ำนองว่า ธุรกิจมาทีหลัง ขอท�ำอาหารตามใจปรารถนา กลายเป็นบุคลิกร้านอาหารเฉพาะตน โดด เด่นไม่เหมือนใคร ดังนั้น ช่างเลือก ช่างกิน จึ ง หมายถึ ง ผู ้ บ ริ โ ภคหรื อ คนกิ น ที่ เ ลื อ กสรร การกินอันให้ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านทั้ง ห่วงโซ่อาหาร ทั้งคนกิน คนปลูก ทั้งโลกเรา เลยก็ว่าได้ หวั ง ว่ า ผู ้ อ ่ า นจะมี โ อกาสแวะไปชิ ม ไป ให้ก�ำลังใจกับร้านอาหารดีๆ มีคุณภาพ ให้ กิ จ การของผู ้ ใ ส่ ใ จในจิ ต วิ ญ ญาณอาหาร เหล่ า นี้ อ ยู ่ ไ ด้ และเป็ น แนวทางให้ มี ค น สนใจหั น มาท� ำ กิ จ การร้ า นอาหารคุ ณ ภาพ กันมากๆ ร้านอาหารที่คัดมาลงในหนังสือนี้ นอกจากจะมีคุณภาพแล้วราคาก็ไม่ได้แพง จนเกินไป ที่จริงยังมีร้านอาหารในลักษณะ นี้ ก ระจายตั ว อยู ่ ใ นที่ ต ่ า งๆ อี ก มาก ที่ คั ด สรรมานี้ เ ป็ น เพี ย งส่ ว นหนึ่ ง ของร้ า นอาหาร ดีมีคุณภาพ ก็หวังว่าจะมีโอกาสน�ำมาเสนอ เพิ่มเติมในคราวต่อไป
〰
ช่างเลือก ช่างกิน คู่มือกินเพื่อวิถีสีเขียว เล่มที่ 2
เขียน: ภาศานต์ ภาพ: จิตติ เอื้อนรการกิจ, อักษิกา อัมพุชนานนท์, ภาศานต์ ส�ำนักพิมพ์สวนเงินมีมา ราคา 310 บาท ตลาดสีเขียว 37
เวที ‘เปดิเลม เปดิเรือง’
¨Ò¡ "ÍÅËÁÒè ¹¡Òá¹Ô" ÊèÙ "§ÒèÂæ ÊäµÅ¤ì ¹àÁÍק" วนัพฤหสับดทีี 9 พฤษภาคม 2556 เวลา 14.00 - 15.30 น. ฮอลล เอ ศนูยก ารประชมุแหง ชาตสิริกิติิ Å é Í Áǧ¤Ø  â´Â :
อภชิยั ประจงสาร
อาหารปลอดภยัในมอืพอ “¢ÒÂàºà¡ÍÃÕ è · Õ è ¤ Ñ ´ ÊÃÃÇ Ñ µ ¶Ø ´ Ô º ´ é Ç Â㨠·ÓÍÂè Ò §äÃãË é ¤ ¹¡ Ô ¹ ÊØ ¢ áÅ é Ç äÁè · Ø ¡ ¢ì · Õ Ë Å Ñ § ”
วลยักร สมรรถกร
ธนสิรา แกว อนิทร
ครบูลัเลตผ หู ลงเสนหก ารปลกูอาหาร
นกัเขยีน นกัวาดสาวโสด
“»ÅÙ ¡ ¼ Ñ ¡ àͧáÅ é Ç àÃÒ¡ç Ã Ù é ¤ Ø ³ ¤è Ò ¡Çè Ò ¨Ðä´ é Á Ò...¡Çè Ò ¨Ðâµ”
“¼Ù é ¼ è Ò ¹¡Òá Ô ¹ ẺÍÅËÁè Ò ¹ÁÒÊÙ è ¡ Òô٠á ÅÊØ ¢ ÀҾẺࢠé Á ”
เพยีงพร ลาภคลอยมา
วทิยากรดา นธรรมชาตกิบัการเยยีวยา “¤ é ¹ ¾ºáÅ é Ç Çè Ò Ç Ô ¶ Õ · Õ è Ê Í´¤Å é Í §¡ Ñ º ¸ÃÃÁªÒµ Ô áÅФÇÒÁÊØ ¢ Ê Ñ Á ¾ Ñ ¹ ¸ì ¡ Ñ ¹ ÍÂè Ò §äÔ
นงลกัษณ สขุใจเจรญ ิ กจิ คนชวนคยุ / ส มวลชนและคนเขยีน งายๆ สไตลคนเมอืง “¾Ô È Á Ñ Â ¡ÒÃãªé ª Õ Ç Ô µ ·Õ è à »ç ¹ ÁÔ µ á Ñ º µ Ñ Ç àͧ ¤¹Ãͺ¢ é Ò § áÅÐÊ Ñ § ¤ÁáÇ´Å é Í Á”
¨ Ñ ´ â´Â : สำนกั พมิพส วนเงนิมมีา
77,79 ถนนเฟองนคร แขวงวดัราชบพธิ เขตพระนคร กรงุเทพฯ 10200 โทรศพัท 02-622-0955, 02-622-0966, 02-622-2495-6 โทรสาร 02-622-322 เวบ็ไซต www.suan-spirit.com เฟซบกุ www.facebook.com/suan2001
7-9 พฤษภาคม ณ จุฬาลงกรณมหาวิ ทยาลัย; 10-12 พฤษภาคม ณ ศูนยการประชุ มแหงชาติ สิริกิติ์ TOWARDS FOOD SECURITY AND FOOD SOVEREIGNTY
7-9 May at Chulalongkorn University; 10-12 May at Queen Sirikit NCC