คำลวงของล้อก ลาโมรา ทดลองอ่าน

Page 1

บทน�ำ

เด็กชายผู้ขโมยมากเกินไป 1 วันหนึง่ ในช่วงอากาศร้อนทีส่ ดุ ของฤดูรอ้ นอันยาวนานและฝนตกชุกในปีทเี่ จ็ดสิบ เจ็ ด แห่ ง เซนโดวานิ นั ก ปั ้ น ขโมยแห่ ง คามอร์ ไ ด้ ม าพบนั ก บวชไร้ ต าที่ วิ ห าร เพเรแลนโดรอย่างกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เขาหวังสุดจิตสุดใจว่าจะขายเด็ก ชายลาโมราให้นักบวชได้ “ข้ามีข้อเสนอเด็ดมาให้เจ้า!” นักปั้นขโมยเริ่มพูด บางทีอาจส่อพิรุธมาก ไปหน่อย “เด็ดเหมือนคาโลกับกัลโดล่ะสิ” นักบวชไร้ตาพูด “ตอนนีข้ า้ ก็ยงั วุน่ วาย ฝึกเด็กปัญญาอ่อนจอมหัวเราะคู่นั้นให้เลิกนิสัยเสียทุกอย่างที่ได้มาจากเจ้า แล้ว แทนที่ด้วยนิสัยเสียที่ข้าต้องการ” “ไม่เอาน่า เชนส์” นักปั้นขโมยยักไหล่ “ตอนตกลงกันข้าก็บอกเจ้าแล้ว ว่าพวกนั้นเป็นลิงน้อยเหลือขอ แล้วมันก็ดีพอส�ำหรับเจ้าตอน...”

“หรือว่าเด็ดเหมือนซาเบธาล่ะ” เสียงที่เข้มกว่าและทุ้มกว่าของนักบวช


ไล่ค�ำโต้แย้งของนักปั้นขโมยกลับลงคอไปทันที “คงจ�ำได้นะว่าเจ้าเรียกราคาสูง จนข้าแทบสิ้นเนื้อประดาตัว เหลือแค่ข้อเข่าของแม่ข้าที่ตายไปแล้วเท่านั้นที่เจ้าไม่ คิดจะเอา ข้าน่าจะจ่ายเป็นเหรียญทองแดงทั้งหมด เผื่อเจ้าจะเป็นไส้เลื่อนตาย ตอนพยายามขนมันไป” “แหม แต่นางพิเศษมากนะ แล้วเด็กชายคนนี้ เด็กคนนีก้ พ็ เิ ศษเช่นกัน” นักปั้นขโมยพูด “มีคุณสมบัติทุกอย่างที่เจ้าขอให้ข้ามองหาหลังขายคาโลกับ กัลโดให้ ทุกอย่างที่เจ้าชอบในตัวซาเบธา! เขาเป็นคามอร์ แต่เป็นลูกครึ่ง เลือด ผสมเธรินกับวาดราน รักการขโมยจนล้นหัวใจเหมือนขี้ปลาล้นทะเล อีกทั้งข้ายัง ยินดีขายให้เจ้าพร้อม...ส่วนลด” นักบวชไร้ตาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นาน “ยกโทษให้ข้าด้วย” เขาพูดในที่สุด “หากประสบการณ์แนะให้ขา้ ตัง้ รับน�ำ้ ใจแบบไม่คาดคิดของเจ้าด้วยการหาอาวุธมา ป้องกันตัวแล้วหันหลังชนก�ำแพง” นักปั้นขโมยพยายามเรียกความจริงใจให้ปรากฏบนใบหน้า แต่กลับดู ไม่สมจริงเพราะเขากระสับกระส่ายจนเห็นได้ชัด เขาแสร้งยักไหล่ให้ดูผ่อนคลาย “เด็กคนนี้มี เอ่อ ปัญหาก็จริงอยู่ แต่ปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อเขาอยู่ในปกครอง ของข้า หากเขามาอยู่กับเจ้า ข้าแน่ใจว่าปัญหาก็จะ... เอ่อ... หายไปเอง” “แม่เจ้าโว้ย เจ้ามีเด็กวิเศษงั้นสิ ท�ำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ” นักบวช เกาหน้าผากใต้ผ้าปิดตาไหมสีขาว “เยี่ยม ข้าจะปลูกเขาไว้ในดินเวรตะไลแล้ว ปล่อยให้เถาวัลย์งอกขึ้นไปถึงดินแดนมนตราใต้เมฆก็แล้วกันนะ” “โอ๊ย! โอ๊ยๆๆๆ ข้าเคยลิ้มรสค�ำถากถางแบบนั้นของเจ้ามาก่อนแล้ว เชนส์” นักปัน้ ขโมยแกล้งโค้งค�ำนับแบบขัดๆ “แค่บอกว่าสนใจนีย่ ากมากนักหรือ” นักบวชไร้ตาถุยน�ำ้ ลาย “สมมติวา่ คาโล กัลโด และซาเบธาอยากได้เพือ่ น เล่นใหม่ หรืออย่างน้อยก็กระสอบทรายสักใบ สมมติวา่ ข้ายินดีจา่ ยสักสามเหรียญ ทองแดงกับน�ำ้ ลายอีกชามแลกกับเด็กลึกลับทีข่ า้ ไม่เคยเรียกร้องต้องการผูน้ ี้ บอก มาซิว่าปัญหาของเด็กนี่คืออะไร” 8


“ปัญหาของเขา” นักปั้นขโมยพูด “ก็คือ ถ้าข้าขายเขาให้เจ้าไม่ได้ ก็จะ ต้องเชือดคอเขาแล้วโยนลงอ่าว แถมต้องท�ำคืนนี้ด้วย”

2 ในคืนที่เด็กชายลาโมรามาอยู่ภายใต้การปกครองของนักปั้นขโมย สุสานเก่าบน เนินเขาเงามืดเต็มไปด้วยเด็กมากมายทีย่ นื ระวังตรงเงียบกริบ รอพีน่ อ้ งชายหญิง หน้าใหม่ที่จะถูกพาเดินเข้ามาในห้องเก็บศพ เด็กในปกครองของนักปั้นขโมยทุกคนถือเทียนไข แสงสีฟ้าเย็นตาส่อง ทะลุม่านหมอกสีเงินจากแม่น�้ำ ไม่ต่างจากแสงตะเกียงริมถนนส่องผ่านกระจก หน้าต่างที่โดนควันรมจนมัวหม่น แสงไฟเหมือนวิญญาณเรียงต่อกันเป็นสาย คดเคีย้ วลงไปจากยอดเนิน ผ่านแผ่นหินจารึกและทางเดินส�ำหรับพิธกี รรม ลงไป จนถึงสะพานแก้วกว้างใหญ่เหนือคลองควันถ่านซึ่งมองเห็นได้รางๆ ท่ามกลาง หมอกชื้นจากล�ำคลองที่เหมือนกระดูกเปียกของคามอร์ในคืนฤดูร้อน “เร็วเข้าทีร่ กั ของข้า อัญมณีของข้า สมบัตชิ นิ้ ใหม่ของข้า เร่งฝีเท้าหน่อย เถิด” นักปัน้ ขโมยกระซิบขณะต้อนเด็กก�ำพร้าจากเขตเริงไฟคนสุดท้ายในบรรดา สามสิบคนโดยประมาณให้ข้ามสะพานควันถ่าน “แสงไฟพวกนั้นก็แค่เพื่อนใหม่ ของเจ้า มาน�ำทางเจ้าขึน้ เนินเขาของข้า ไปกันได้แล้ว สมบัตขิ องข้า เราจะสูญเวลา ยามฟ้ามืดไปเสียเปล่าๆ แถมเรายังมีเรื่องต้องคุยกันมากมายด้วย” • ในช่วงเวลาล�ำพองอันหาได้ยากยิง่ นักปัน้ ขโมยมักคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนศิลปิน อันทีจ่ ริงคือนักปัน้ หรือปฏิมากร โดยมีเด็กก�ำพร้าเป็นดินเหนียวและสุสานเก่าบน เนินเขาเงามืดเป็นห้องท�ำงาน คนแปดหมื่นแปดพันคนผลิตขยะปริมาณสม�่ำเสมอ ขยะนี้รวมถึงเด็กถูกทิ้งที่ หลงทางและไร้ค่าด้วย แน่นอนว่าผู้ค้าทาสได้เด็กไปบางส่วน แล้วขนไปยัง 9


ทัลเวอร์ราร์หรือหมูเ่ กาะเจเรไมท์ ตามหลักถือว่าการค้าทาสเป็นเรือ่ งผิดกฎหมาย ในคามอร์ แต่ถ้าไม่มีใครเหลือมาปกป้องเหยื่อ ทางการก็มักมองข้ามไป ดังนั้นเด็กบางส่วนจึงเสร็จผู้ค้าทาส บางส่วนเสร็จความโง่ดักดานของ ตัวเอง ความอดอยากและโรคทีม่ าพร้อมกันก็เป็นทางเลือกส�ำหรับเด็กทีข่ าดความ กล้าหรือไร้ทักษะในการหาสิ่งยังชีพจากสภาพแวดล้อมรอบตัว แน่นอนว่าพวกที่ กล้าแต่ไร้ทกั ษะก็จะได้ไปห้อยต่องแต่งจากราวสะพานด�ำหน้าวังแห่งความอดทน คณะตุลาการของดยุคสัง่ ประหารขโมยเด็กด้วยเชือกเส้นเดียวกับขโมยผูใ้ หญ่ แต่ ก็คอยดูแลห้อยตุ้มน�้ำหนักไว้ที่ข้อเท้าเด็กด้วยเพื่อให้ห้อยจากราวสะพานได้ สมดุล เด็กก�ำพร้าคนไหนเหลือรอดจากความเป็นไปได้อันมีสีสันเหล่านี้จะถูก นักปัน้ ขโมยกวาดไปอยูใ่ นสังกัด โดยจะถูกพามาทีละคนหรือเป็นกลุม่ เล็กๆ เพือ่ ฟังเสียงรื่นหูของเขาและกินอาหารร้อนๆ ไม่นานทุกคนจะได้เรียนรู้ว่าชีวิตแบบ ไหนรออยูใ่ ต้สสุ านซึง่ เป็นหัวใจแห่งอาณาจักรของนักปัน้ ขโมย ทีซ่ งึ่ เด็กเหลือเดน ร้อยยี่สิบคนต้องคุกเข่าให้ชายแก่หลังค่อมคนเดียว “เดินเร็วเข้า เด็กน้อยน่ารักของข้า ลูกสาวลูกชายคนใหม่ของข้า ตาม แสงนั่นแล้วก้าวไปยังยอดเนิน เราเกือบถึงบ้านแล้ว เกือบได้อิ่มท้องแล้ว เกือบ ได้พ้นจากฝน หมอก และความร้อนน่าร�ำคาญแล้ว” โรคระบาดเป็นช่วงเวลาแห่งโอกาสพิเศษส�ำหรับนักปั้นขโมย แถมเด็ก ก�ำพร้าเริงไฟเหล่านีย้ งั รอดชีวติ จากโรคระบาดชนิดทีเ่ ขาโปรดปรานมากทีส่ ดุ ด้วย นั่นคือเสียงกระซิบสีด�ำ มันเล่นงานเขตเริงไฟจากจุดไหนไม่มีใครรู้ โรคถูกกักไว้ (ใครก็ตามทีพ่ ยายามข้ามคลองหรือหนีทางเรือจะโดนส�ำเร็จโทษด้วยธนูยาว) ทัน เวลา ท�ำให้เขตอืน่ ในเมืองรอดพ้นจากทุกอย่างยกเว้นความอึดอัดและหวาดระแวง เสียงกระซิบสีด�ำหมายถึงความตายอันทารุณส�ำหรับใครก็ตามที่อายุสิบเอ็ดหรือ สิบสองปีขึ้นไป (เท่าที่แพทย์วิเคราะห์ได้ เพราะดูเหมือนโรคระบาดนี้ไม่สนใจจะ ท�ำตามกฎเคร่งครัดนัก) ใครที่เด็กกว่านั้นจะแค่ตาบวมแก้มแดงไปสองสามวัน แล้วก็หาย

10


เมื่อถึงวันที่ห้าของการกักโรคก็ไม่มีเสียงหวีดร้องและไม่มีใครพยายาม ข้ามคลองอีก ดังนั้นเขตเริงไฟจึงไม่ต้องระเริงไฟเหมือนชะตากรรมที่เกิดกับมัน มาแล้วหลายครั้งในปีที่โรคระบาดเรื้อรัง เมื่อถึงวันที่สิบเอ็ดซึ่งทางการยกเลิก ค�ำสั่งกักโรคและกองทัพนักรบภูตของดยุคเข้าไปส�ำรวจความเสียหาย ก็มีเด็ก ประมาณหนึง่ ในแปดจากทัง้ หมดสีร่ อ้ ยคนรอดชีวติ อยู่ พวกนีไ้ ด้ตงั้ แก๊งขึน้ มาเพือ่ ปกป้องคุ้มครองกันเองและเรียนรู้ความจ�ำเป็นอันโหดร้ายของชีวิตที่ปราศจาก ผู้ใหญ่ นักปั้นขโมยรอคอยขณะเด็กพวกนี้ถูกต้อนออกจากความเงียบน่ากลัว ของย่านที่อยู่อาศัยเดิม เขาจ่ายเหรียญเงินอย่างงามเพือ่ แลกกับเด็กสามสิบคนทีด่ ที สี่ ดุ แถมยัง ต้องจ่ายมากกว่านัน้ เป็นค่าปิดปากนักรบภูตและต�ำรวจทีเ่ ขาไปรับเด็กมา จากนัน้ ก็พาบรรดาเด็กหน้ามึน แก้มตอบ และตัวเหม็นเหมือนนรกเหล่านัน้ เข้าไปในความ มืดและม่านหมอกจากไอน�ำ้ ร้อนแห่งค�ำ่ คืนในคาร์มอร์ มุง่ หน้าสูส่ สุ านเก่าบนเนิน เขาเงามืด เด็กชายลาโมราอายุนอ้ ยทีส่ ดุ และตัวเล็กทีส่ ดุ ในกลุม่ นี้ แค่หา้ หรือหกปี ได้ มีแต่กระดูกปูดโปนภายใต้ผวิ หนังเปือ้ นดินเกรอะกรังและเต็มไปด้วยเหลีย่ ม มุมซูบซีด นักปั้นขโมยไม่ได้เลือกเขามาด้วยซ�้ำ ลาโมราแอบมากับคนอื่นราวกับ เป็นหนึง่ ในกลุม่ นี้ นักปัน้ ขโมยรูว้ า่ เกิดอะไรขึน้ แต่สำ� หรับเขาแล้วเด็กก�ำพร้าโรค ระบาดที่ได้มาฟรีแค่คนเดียวก็ถือเป็นลาภลอยอันไม่ควรมองข้าม มันเป็นฤดูรอ้ นในปีทเี่ จ็ดสิบเจ็ดแห่งกานโดโล บิดาแห่งโอกาส เจ้าแห่ง เหรียญและการค้า นักปั้นขโมยเดินไปในราตรีมืดสลัว น�ำแถวเด็กที่เดินเป๋ไปมา หลังจากนั้นแค่สองปี เขากลับต้องท�ำทุกอย่างเพื่อขอร้องให้หลวงพ่อ เชนส์หรือนักบวชไร้ตารับเด็กชายลาโมราไปให้พ้นมือ แถมยังต้องลับมีดเผื่อไว้ ด้วยหากนักบวชปฏิเสธ

11


3 นักบวชไร้ตาเกาคอที่มีตอหนวดสีเทา “ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม” “ไม่แม้แต่น้อย” นักปั้นขโมยล้วงลงไปในเสื้อที่เกินค�ำว่าโทรมมาหลายปีแล้ว หยิบกระเป๋าหนัง ร้ อ ยเชื อ กอย่ า งดี อ อกมา กระเป๋ า ใบนี้ ถู ก ย้ อ มเป็ น สี ส นิ ม เหมื อ นเลื อ ดแห้ ง “ไปหานายใหญ่และขออนุญาตแล้วด้วย ข้าจะเชือดคอเด็กนี่จากหูถึงหูแล้วส่งไป เลาะฟัน” “เทพเจ้าช่วย สุดท้ายก็เรื่องน�้ำเน่า” ทั้งที่ได้ชื่อว่านักบวชไร้ตา นิ้วของ เขากลับจิม้ โดนกระดูกอกของนักปัน้ ขโมยอย่างรวดเร็วแม่นย�ำ “ไปหาไอ้โง่คนอืน่ มารับภาระจากความรู้สึกผิดของเจ้าเถอะ” “ความรู้สึกผิดบ้านเจ้าสิเชนส์ ข้าก�ำลังพูดถึงความโลภอยู่ต่างหาก ทั้ง ของเจ้าและของข้านั่นแหละ ข้าเก็บเด็กนี่ไว้ไม่ได้ ก็เลยมาเสนอโอกาสพิเศษให้ เจ้า เป็นการแลกเปลี่ยนที่ตรงไปตรงมา” “ถ้าเด็กนี้แสบมากจนคุมไม่อยู่ ท�ำไมเจ้าไม่สั่งสอนมันแล้วปล่อยให้โต จนขายได้ราคาล่ะ” “ลืมไปได้เลย เชนส์ ข้ามีทางเลือกจ�ำกัด ข้าจะไปเที่ยวสั่งสอนเฉยๆไม่ ได้หรอก เพราะไม่อยากให้ไอ้พวกตัวเล็กตัวน้อยรู้ว่าเจ้านี่ เอ่อ ท�ำอะไรลงไป... เทพเจ้าช่วย! ถ้ารู้เข้าคงก�ำราบกันไม่อยู่แน่ ถ้าไม่รีบฆ่าเด็กก็ต้องรีบขาย ฆ่าไม่มี ก�ำไร ขายยังได้เงินเล็กน้อย เดาดูแล้วกันว่าข้าเลือกแบบไหน” “เด็กนีท่ ำ� บางอย่างทีเ่ จ้าไม่กล้าพูดต่อหน้าเด็กอืน่ งัน้ หรือ” เชนส์นวดหน้า ผากเหนือผ้าปิดตาแล้วถอนหายใจ “บ้าเอ๊ย ฟังดูเป็นเรือ่ งประเภททีข่ า้ น่าจะอยาก ฟังเสียด้วยสิ”

4 ภาษิตเก่าแก่ของคามอร์บอกไว้ว่า สิ่งเดียวที่แน่นอนในจิตวิญญาณมนุษย์คือ 12


ความไม่แน่นอน อะไรก็อาจพ้นยุคพ้นสมัยได้เสมอ ต่อให้เป็นบางอย่างที่มี ประโยชน์อย่างเนินเขาซึ่งอัดแน่นไปด้วยศพก็ตาม เนินเขาเงามืดคือสุสานแบบเป็นเรื่องเป็นราวแห่งแรกในประวัติศาสตร์ คามอร์ ตัง้ อยูอ่ ย่างเหมาะสมในต�ำแหน่งทีช่ ว่ ยให้กระดูกของอดีตผูม้ อี นั จะกินอยู่ พ้นเงื้อมมือเค็มๆ ของทะเลเหล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดุลอ�ำนาจก็เปลี่ยนมือใน บรรดาตระกูลช่างสร้างห้องเก็บศพ สัปเหร่อ และคนแบกโลงมืออาชีพ มีงาน คุณภาพในเนินเขาเงามืดน้อยลงเรื่อยๆ ขณะเนินเขาเสียงกระซิบที่อยู่ใกล้เคียง เสนอพื้ น ที่ ม ากกว่ า ส� ำ หรั บ อนุ ส รณ์ ส ถานที่ ใ หญ่ ก ว่ า และโอ่ อ ่ า กว่ า พร้ อ ม ค่าธรรมเนียมทีส่ งู กว่าเป็นเงาตามตัว สงคราม โรคระบาด และเล่หเ์ พทุบายท�ำให้ มัน่ ใจได้วา่ จ�ำนวนครอบครัวทีย่ งั รอดชีวติ มาบ�ำรุงรักษาอนุสรณ์ในเนินเขาเงามืด ลดจ�ำนวนลงเรือ่ ยๆ เมือ่ ผ่านไปหลายสิบปีเข้า ในทีส่ ดุ ผูม้ าเยือนเป็นประจ�ำก็เหลือ แค่นักบวชหญิงชายแห่งอะซากิลลาผู้นอนในสุสานระหว่างฝึกฝน กับเด็กก�ำพร้า ไร้บ้านที่ซุกหัวนอนอยู่ท่ามกลางฝุ่นและความมืดของห้องเก็บศพขาดการดูแล นักปั้นขโมย (แน่นอนว่าตอนนั้นเขายังไม่ได้ฉายานี้) มาลงเอยอยู่ในห้องเก็บศพ ห้องหนึ่งในช่วงตกต�่ำของชีวิต ตอนนั้นเขาเป็นแค่คนประหลาดน่าเวทนา เป็น นักล้วงกระเป๋าผู้นิ้วหักถึงเก้านิ้ว ตอนแรกความสัมพันธ์ของเขากับเด็กก�ำพร้าแห่งเนินเขาเงามืดนั้นเป็น แบบก�้ำกึ่ง บางครั้งโดนกลั่นแกล้ง บางครั้งต้องวิงวอนร้องขอ เศษเสี้ยวความ รู้สึกที่อยากมีคนดูแลคุ้มครองท�ำให้พวกนั้นไม่ฆ่าเขาตอนหลับ ส่วนเขาเองก็เริ่ม อธิบายลูกเล่นในการท�ำมาหากินของตัวเองให้พวกนัน้ ได้เรียนรูอ้ ย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อนิ้วของเขาค่อยๆ หาย (ในระดับหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่คงดูเหมือน กิง่ ไม้ทโี่ ดนหักสองรอบตลอดไป) เขาก็เริม่ สัง่ สอนความรูเ้ จ้าเล่หใ์ ห้เด็กสกปรกที่ เข้ามาหลบฝนและนายตรวจอยู่ด้วยกัน จ�ำนวนเด็กพวกนี้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ รายได้ พวกเขาเริ่มหาพื้นที่ให้ตัวเองเพิ่มขึ้นในห้องหินเปียกแฉะแห่งสุสานเก่า เมือ่ เวลาผ่านไป นักล้วงกระเป๋าก็กลายเป็นนักปัน้ ขโมย แล้วเนินเขาเงามืดก็กลาย เป็นอาณาจักรของเขา 13


เด็กชายลาโมรากับเพื่อนเด็กก�ำพร้าเริงไฟเข้ามาในอาณาจักรนี้หลังก่อตั้งมาได้ ประมาณยี่สิบปี สิ่งที่พวกนี้เห็นในคืนนั้นคือสุสานที่ไม่ได้ลึกไปกว่ากองดินเหนือ หลุมศพเก่า มีอุโมงค์และทางเดินขุดเป็นเครือข่ายใหญ่เชื่อมระหว่างห้องหลัก ผนังดินอัดแน่นแทรกด้วยไม้ค�้ำยันเหมือนซี่โครงมังกรไม้ที่ตายไปนานแล้ว ผู้ อาศัยเดิมถูกขุดขึ้นมาแล้วทิ้งลงอ่าวไปเงียบๆ ตอนนี้เนินเขาเงามืดเป็นเหมือน รังมดของเด็กก�ำพร้าหัวขโมย เด็กก�ำพร้าเริงไฟเดินลงสู่ปากสีด�ำของห้องเก็บศพชั้นบนสุด จากนั้นก็ เดินไปตามอุโมงค์ที่มีไม้ค�้ำยัน แสงสว่างมาจากไฟสีเงินวิบวับในลูกแก้วแปรธาตุ เย็นๆ ไอหมอกเหนอะหนะไล่ตอดข้อเท้า เด็กก�ำพร้าแห่งเนินเขาเงามืดมองมาจาก ทุกซอกมุม ดวงตาเย็นชาแต่สงสัยใคร่รู้ อากาศอบอ้าวในอุโมงค์อิ่มตัวด้วยกลิ่น ดินยามกลางคืนและกลิน่ ตัวเหม็นเปรีย้ ว นีค่ อื กลิน่ ทีเ่ ด็กก�ำพร้าเริงไฟจะช่วยเพิม่ เป็นทวีคูณในอีกไม่ช้า “เข้าไป! เข้าไปเลย!” นักปัน้ ขโมยร้องพลางถูมอื ไปมา “บ้านของข้า บ้าน ของเจ้า ขอต้อนรับ! พวกเราทุกคนที่นี่มีสิ่งหนึ่งร่วมกัน เราไม่มีพ่อแม่ น่าเศร้าก็ จริงแต่ตอนนีพ้ วกเจ้ามีพนี่ อ้ งมากเท่าทีต่ อ้ งการแล้ว แถมยังมีดนิ แห้งๆ คุม้ หัวอีก ต่างหาก! มีที่อยู่...มีครอบครัว” เด็กก�ำพร้าแห่งเนินเขาเงามืดเดินเรียงแถวลงอุโมงค์ตามหลังมา พลาง ดับเทียนสีฟ้าน่าขนลุกจนเหลือเพียงแสงสีเงินของลูกแก้วบนผนังคอยส่องทาง กลางอาณาจักรของนักปั้นขโมยคือโพรงอบอุ่นกว้างใหญ่ที่มีพื้นเป็นดินอัดแน่น เพดานดูเหมือนจะสูงเป็นสองเท่าของคนตัวสูง กว้างยาวอย่างละสามสิบหลา เก้าอี้ พนักสูงท�ำจากไม้แม่มดสีดำ� ขัดมันตัง้ อยูต่ ดิ ผนังด้านใน นักปัน้ ขโมยหย่อนตัวลง นั่งบนนั้นพร้อมถอนหายใจอย่างเป็นสุข มีผ้ากะด�ำกะด่างนับโหลปูอยู่บนพื้น บนผ้าคืออาหาร ทั้งชามใส่ไก่ผอม แห้งหมักไวน์อลั มอนด์ราคาถูก หางปลาทีท่ บุ จนนุม่ พันเบคอนแช่นำ�้ ส้มสายชู และ ขนมปังสีน�้ำตาลทาไขมันไส้กรอก ยังมีถั่วและเล็นทิลเค็ม เช่นเดียวกับชามใส่ มะเขือเทศกับลูกแพร์ที่สุกจนเละ ไม่ใช่ของดีอะไร แต่มีปริมาณและความ 14


หลากหลายแบบที่เด็กก�ำพร้าเริงไฟส่วนใหญ่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทุกคนจู่โจม ใส่มันทันทีโดยไม่ได้นัดหมาย นักปั้นขโมยยิ้มพอใจ “ข้าไม่โง่พอจะเข้าไปขวางระหว่างพวกเจ้ากับอาหารดีๆ หรอกนะเด็ก น้อย ดังนั้นจงกินให้อิ่มเกินอิ่ม ชดเชยเวลาที่เสียไป เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง” ขณะเด็กก�ำพร้าเริงไฟสวาปามกันเต็มที่ พวกเด็กก�ำพร้าเนินเขาเงามืดก็ มาออกันอยู่รอบๆ มองดูโดยไม่พูดอะไรเลย ไม่นานห้องนั้นก็แน่นขนัด อากาศ ยิ่งอับมากขึ้นไปอีก การกินด�ำเนินต่อไปจนกระทั่งไม่มีอะไรเหลืออย่างแท้จริง ผู้ รอดชีวติ จากโรคระบาดเสียงกระซิบสีดำ� ดูดน�ำ้ ส้มสายชูและไขมันหยดสุดท้ายจาก นิ้ว จากนั้นก็มองไปทางนักปั้นขโมยกับสมุนอย่างหวาดๆ นักปั้นขโมยชูนิ้วคดๆ ขึ้นมาสามนิ้วราวกับรอเวลานี้อยู่ “เรื่องส�ำคัญ!” เขาร้อง “มีเรื่องส�ำคัญอยู่สามเรื่องด้วยกัน “เรื่ อ งแรก” เขาพูด “พวกเจ้ามาอยูท่ นี่ เี่ พราะข้าจ่ายเงินซือ้ มา ข้าจ่ายราคาพิเศษเพือ่ ให้ได้พวก เจ้ามาก่อนใคร รับประกันได้วา่ เพือ่ นตัวน้อยทุกคนทีข่ า้ ไม่ได้ซอื้ มาไปอยูก่ บั พ่อค้า ทาสแล้ว ไม่มีทางอื่นส�ำหรับเด็กก�ำพร้า ไม่มีที่อยู่ ไม่มีใครรับเลี้ยง นายตรวจ ขายพวกเจ้าเป็นค่าไวน์นะเด็กๆ หัวหน้าหน่วยก็ไม่เขียนถึงพวกเจ้าในรายงาน หัวหน้ากองก็ไม่สนใจจะสืบสาวราวเรือ่ ง “อีกอย่าง”” เขาพูดต่อ “ตอนนีเ้ มือ่ ยกเลิก การกักโรคทีเ่ ขตเริงไฟแล้ว ผูค้ า้ ทาสและว่าทีผ่ คู้ า้ ทาสทุกคนจะตืน่ เต้นและตืน่ ตัว มาก พวกเจ้ามีอิสระที่จะลุกแล้วเดินออกจากเนินเขาแห่งนี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่ข้ารับประกันได้อย่างมั่นใจว่าไม่นานคงได้ไปลงเอยในซ่องหรือโดนล่ามติด พายไปชั่วชีวิตแน่” “ว่าแล้วก็มาถึงเรื่องที่สอง เพื่อนทุกคนของข้าที่พวกเจ้าเห็นอยู่รอบๆ นี้”เขาผายมือไปยังเด็กก�ำพร้าเนินเขาเงามืดที่ยืนเรียงแถวติดผนัง “ก็จากไปได้ ทุกเมื่อที่ต้องการ ส่วนใหญ่ไปไหนก็ได้ที่อยากไป เพราะข้าคอยคุ้มครองพวกเขา อยู่ ข้ารู้ดี” เขาพูดด้วยใบหน้าอมทุกข์เคร่งขรึม “ว่าข้าดูไม่น่าเกรงขามอะไรใน ฐานะมนุษย์ผหู้ นึง่ แต่อย่าเข้าใจผิด ข้ามีเพือ่ นผูท้ รงอิทธิพลนะหนูๆ สิง่ ทีข่ า้ มอบ ให้ได้คือความปลอดภัยผ่านความช่วยเหลือของเพื่อนที่ว่านี้ หากมีใครหน้าไหน 15


ก็ตาม เช่น พ่อค้าทาสสักคน กล้ามาแตะต้องเด็กชายหญิงแห่งเนินเขาเงามืดละ ก็ เป็นได้โดนสั่งสอนแบบทันทีทันควันและสาสม...อย่างไร้ปรานี” เมือ่ ผูม้ าใหม่ไม่มที า่ ทีตอบสนองอย่างกระตือรือร้นสนใจนัก นักปัน้ ขโมย ก็กระแอม “ข้าจะจัดการให้ไอ้สารเลวหน้าโง่นั่นตายไปเลย เข้าใจไหม”

ทุกคนเข้าใจดี

“ซึ่งก็น�ำมาสู่เรื่องที่สามได้อย่างพอดิบพอดี มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวก เจ้าทุกคนไงล่ะ ครอบครัวเล็กๆ นี้ต้องการพี่น้องหญิงชายหน้าใหม่อยู่เสมอ ขอ ให้ถือว่าพวกเจ้าได้รับการเชิญชวนให้เข้ามาท�ำความรู้จักคุ้นเคยกับเราแบบถาวร ขอให้ถอื ว่าเนินเขาแห่งนีเ้ ป็นบ้านของพวกเจ้า ตัวข้าเองเป็นนายของพวกเจ้า และ เด็กชายหญิงผู้แสนดีเหล่านี้เป็นพี่น้องที่ไว้ใจได้ พวกเจ้าจะมีอาหาร ที่พัก และ การปกป้องคุ้มครอง หรือจะจากไปตอนนี้แล้วลงเอยเป็นเด็กใหม่ในซ่องสักแห่ง ที่เจเรมก็ได้ มีใครสนใจจะไปตอนนี้ไหม”

เด็กใหม่เงียบกันหมด

“ข้านึกแล้วว่าพวกเจ้าต้องเข้าใจ อัญมณีจากเขตเริงไฟของข้า” นักปั้น ขโมยกางแขนกว้างแล้วยิ้ม เผยให้เห็นฟันที่เหมือนจันทร์เสี้ยวและเป็นสีน�้ำตาล ราวน�้ำในบึง “แต่แน่นอนว่าพวกเจ้าต้องท�ำงาน มีให้ก็ต้องมีรับ ยื่นหมูยื่นแมว อาหารไม่ได้งอกจากก้นข้า กระโถนไม่ได้เทเอง เข้าใจความหมายของข้าไหม”

เด็กก�ำพร้าเริงไฟประมาณครึ่งหนึ่งพยักหน้าอย่างลังเล

“กฎง่ายๆ! อีกไม่นานก็จ�ำได้ขึ้นใจ ส�ำหรับตอนนี้เอาแค่นี้ก่อน ใครที่ กินต้องท�ำงาน ใครที่ท�ำงานจะได้กิน ซึ่งก็น�ำมาถึงเรื่องที่สี่...โอ๊ะโอ เด็กๆ เด็กๆ ช่วยคนแก่ใจลอยสักคนด้วยเถอะ ช่วยจินตนาการทีว่าเมื่อกี้เขาชูสี่นิ้ว นี่คือเรื่อง ส�ำคัญเรื่องที่สี่ที่ข้าจะบอก “คืออย่างนี้ เรามีงานต้องท�ำบนเนินเขาแห่งนี้ แต่กม็ งี านต้องท�ำทีอ่ นื่ ด้วย เช่นกัน งานอื่น...งานที่ต้องทุ่มเท งานที่ไม่ธรรมดา งานที่สนุกและน่าสนใจ เรา มีงานทั่วเมืองเลย บางอย่างต้องท�ำตอนกลางวันและบางอย่างต้องท�ำตอน 16


กลางคืน งานพวกนีต้ อ้ งใช้ความกล้าหาญ ความคล่องตัว และ เอ่อ ความรอบคอบ เราคงดีใจมากหากได้ความช่วยเหลือจากพวกเจ้าในการท�ำภารกิจ...พิเศษนี้” เขาชีเ้ ด็กชายคนทีไ่ ด้แถมมา เด็กทีเ่ หมือนปลิงตัวเล็ก ตอนนีเ้ งยหน้าขึน้ มองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าวเคร่งขรึมเหนือปากที่ยังเปื้อนไส้มะเขือเทศ “เจ้า ไอ้เด็กส่วนเกิน คนที่สามสิบเอ็ดจากสามสิบ เจ้าจะว่าอย่างไร เจ้า เป็นพวกชอบท�ำประโยชน์หรือเปล่า เจ้ายินดีจะช่วยพีน่ อ้ งหญิงชายคนใหม่ทำ� งาน ที่น่าสนใจไหมล่ะ”

เด็กชายคิดเรื่องนี้อยู่สองสามวินาที

ของ”

“ท่านหมายความว่า” เขาพูดด้วยเสียงสูงแผ่วเบา “อยากให้เราขโมย

ชายชราก้มลงจ้องเด็กชายตัวเล็กอยู่นานมาก ขณะเด็กก�ำพร้าแห่งเนิน เขาเงามืดแอบปิดปากหัวเราะคิกคัก “ใช่” นักปั้นขโมยพูดในที่สุดพลางพยักหน้าช้าๆ “ข้าอาจหมายความ อย่างนั้นก็ได้ แต่เจ้ามีมุมมองที่เหมือน เอ่อ ขวานผ่าซากมากไปหน่อย เกี่ยวกับ กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ส่วนบุคคล ซึ่งเราอยากเรียกด้วยชื่อที่ สวยงามกว่านั้น ใช่ว่าข้าจะหวังให้เจ้าเข้าใจเรื่องนั้นหรอกนะ เจ้าชื่ออะไรล่ะ ไอ้หนู”

“ลาโมรา”

“พ่อแม่เจ้าต้องเป็นคนตระหนี่มากแน่ๆ ถึงให้เจ้ามีแต่นามสกุลแบบนี้ พวกเขาเรียกเจ้าว่าอะไรอีกไหม”

เด็กชายดูเหมือนคิดหนักมากกับค�ำถามนี้

“คนเรียกข้าว่าล็อก” เขาพูดในที่สุด “ตามชื่อพ่อข้า”

“ดีมาก เรียกง่ายคล่องปากดี เอาละ ล็อก-ตาม-ชื่อ-พ่อ ลาโมรา เจ้า มาคุยกับข้าตรงนี้ ส่วนพวกที่เหลือจะไปไหนก็ไป พี่น้องของเจ้าจะบอกให้รู้ว่า 17


คืนนี้นอนที่ไหน เขาจะบอกเจ้าด้วยว่าให้เอานี่ไปเทที่ไหนและเอานั่นไปไว้ที่ใด... งานบ้านน่ะ เข้าใจนะ ตอนนีแ้ ค่เก็บกวาดห้องนีก้ อ่ นก็พอ แต่วนั ต่อๆ ไปจะมีงาน ให้ท�ำมากกว่านี้ ข้าสัญญาว่าพวกเจ้าจะเข้าใจเองเมื่อรู้ว่าคนอื่นในโลกนอกเนิน เขาเล็กๆ แห่งนี้เขาเรียกข้าว่าอะไร” ล็อกเดินไปยืนข้างนักปัน้ ขโมยผูน้ งั่ อยูบ่ นบัลลังก์พนักสูง กลุม่ ผูม้ าใหม่ ลุกขึน้ แล้วเดินไปมาจนกระทัง่ เด็กก�ำพร้าแห่งเนินเขาเงามืดทีต่ วั ใหญ่กว่าและอายุ มากกว่าเริ่มเข้ามาต้อนและออกค�ำสั่งง่ายๆ ไม่นานล็อกกับเจ้าแห่งเนินเขาเงามืด ก็อยู่กันตามล�ำพังเท่าที่จะเป็นไปได้ในสถานที่แบบนี้ “ไอ้หนู” นักปั้นขโมยพูด “ข้าเคยต้องฝึกลูกชายลูกสาวคนใหม่ที่เพิ่งมา ถึงเนินเขาเงามืดให้เลิกสงวนท่าที รู้ไหมว่าการสงวนท่าทีคืออะไร” เด็กชายลาโมราส่ายหน้า ผมหน้าม้ามันย่องสีน�้ำตาลเหมือนฝุ่นแนบติด เหนือใบหน้ากลมเล็ก คราบมะเขือเทศที่เปื้อนรอบปากเริ่มแห้งและดูน่าเกลียด มากกว่าเดิม นักปั้นขโมยใช้ปลายแขนเสื้อคลุมสีฟ้าปุปะเช็ดให้อย่างอ่อนโยน เด็กชายไม่ผงะหนี “มันแปลว่าพวกนั้นถูกสอนมาว่าการขโมยเป็นสิ่งผิด ข้าจึงต้องหาทาง กล่อมจนพวกนั้นยอมรับความคิดนี้ เข้าใจไหมล่ะ ทีนี้ดูเหมือนเจ้าไม่รู้จักสงวน ท่าทีอะไรเลย ดังนั้นเจ้ากับข้าอาจเข้ากันได้ดี เคยขโมยมาก่อนใช่ไหม”

เด็กชายพยักหน้า

“ก่อนโรคระบาดอีกรึ”

พยักหน้าอีก

“ก็ว่างั้นแหละ หนูเอย หนูน้อย...เจ้าไม่ได้ เอ่อ เสียพ่อแม่ไปเพราะโรค ระบาดใช่ไหม”

เด็กชายก้มลงมองเท้าแล้วส่ายหน้านิดเดียว

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ดูแลตัวเองมาได้สักพักแล้วสิ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร 18


เลย มันอาจท�ำให้ใครๆ นับถือเจ้าด้วยเมื่ออยู่ที่นี่ ถ้าเพียงแต่ข้าหาทางทดสอบ เจ้าได้ละก็...” เด็กชายลาโมราตอบสนองต่อค�ำพูดนีด้ ว้ ยการล้วงลงไปใต้เสือ้ ทีเ่ หมือน ผ้าขีร้ วิ้ แล้วยืน่ บางอย่างให้นกั ปัน้ ขโมย กระเป๋าหนังใบเล็กสองใบหล่นลงบนฝ่ามือ ชายชรา มันเป็นของราคาถูก หนังแข็งและเปื้อน สายหนังรอบปากถุงเปื่อยรุ่ย

“ไปได้มาจากไหนละเนี่ย”

“นายตรวจ” ล็อกกระซิบ “นายตรวจบางคนอุ้มเราแล้วแบกเราออกมา”

นักปั้นขโมยผงะราวกับเพิ่งโดนงูพิษฝังเขี้ยวที่มือ เขาจ้องมองกระเป๋า อย่างไม่อยากเชือ่ “เจ้าล้วงกระเป๋านีม่ าจากนายตรวจรึ จากพวกเสือ้ เหลืองใช่ไหม”

ล็อกพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นมากขึน้ “พวกนัน้ อุม้ เราแล้วพาออกมา”

“เทพเจ้าช่วย” นักปั้นขโมยกระซิบ “โอ๊ย เทพเจ้าช่วยด้วยเถิด เจ้าอาจ ท�ำให้เราวอดวายกันหมดนะโว้ย ไอ้เด็กล็อก-ตาม-ชื่อ-พ่อ ลาโมรา หายนะมา เยือนแน่แล้ว”

5 “เขาท�ำลายข้อตกลงสันติภาพลับตั้งแต่คืนแรกที่ข้ารับมาอยู่ด้วย ไอ้สารเลวน้อย ตัวร้าย” ตอนนี้นักปั้นขโมยนั่งท่าสบายขึ้นในสวนบนดาดฟ้าวิหารของนักบวช ไร้ตา โดยมีไวน์ใส่ถ้วยหนังยาน�้ำมันดินอยู่ในมือ มันเป็นไวน์เกรดต�่ำรสชาติ เปรี้ยวที่สุดที่เกือบเข้าขั้นเป็นน�้ำส้มสายชูด้วยซ�้ำ แต่นี่ก็เป็นสัญญาณอีกอย่างที่ บ่งบอกว่าอาจตกลงธุรกิจกันได้ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก เลย” “ใครบางคนสอนเขาให้ปะเหลาะคนในเครือ่ งแบบ แต่ไม่ได้บอกว่าห้าม ป่วนพวกนายตรวจเสื้อเหลือง” หลวงพ่อเชนส์เม้มปาก “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ คาปาบาร์ซาวิที่รักของเราคงอยากเจอคนแปลกเช่นนี้” 19


“ข้าไม่รหู้ รอกว่าหมอนัน่ เป็นใคร เด็กมันอ้างว่าสอนตัวเอง แต่เหลวไหล ทั้งเพ เด็กห้าขวบทั่วไปยังเล่นกับปลาตายและขี้ม้าอยู่เลยนะเชนส์ ไม่มีคนไหน คิดวิธีมือเบาล้วงกระเป๋าได้เองหรอก”

“แล้วท�ำอย่างไรกับกระเป๋าพวกนั้น”

“ข้ารีบเผ่นกลับไปยังสถานีที่เขตเริงไฟ แล้วแทบจะเลียก้นกับรองเท้า ของพวกนัน้ จนลิน้ ด�ำน่ะสิ อธิบายให้ผกู้ องทีโ่ ดนล้วงรูว้ า่ เด็กใหม่คนหนึง่ ไม่เข้าใจ ว่าอะไรเป็นอะไรในคามอร์ บอกว่าข้าเอากระเป๋ามาคืนพร้อมดอกเบี้ย วิงวอน ขอโทษอย่างสุดจิตสุดใจสุดก�ำลังและสุดอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน”

“แล้วพวกนั้นยอมรับไหม”

“เงินท�ำให้คนอารมณ์ดไี ด้ เชนส์ ข้ายัดเหรียญเงินใส่กระเป๋าพวกนัน้ จน เต็ม จากนั้นก็แจกเงินค่าเหล้าให้ทุกคนในกองเมาได้นานห้าหรือหกคืน จากนั้น เราทุกคนก็ตกลงกันว่าจะดื่มสักสองสามแก้วแด่สุขภาพของคาปาบาร์ซาวิผู้ไม่ จ�ำเป็นต้อง เอ่อ กลุ้มใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการที่นักปั้นขโมยผู้ซื่อสัตย์ ของเขาท�ำพลาด ปล่อยให้เด็กห้าขวบท�ำลายสัญญาสันติภาพบ้าบอนั่น” “แล้ว” นักบวชไร้ตาพูด “นั่นก็แค่คืนแรกที่เจ้าได้รู้จักเด็กปริศนาราคา ถูกเหมือนลาภลอยของข้าสินะ” “ข้าดีใจที่เจ้าเริ่มมีแนวโน้มอยากรับไอ้ค�ำสาปน้อยนี่ไปนะเชนส์ เพราะ เรื่องราวหลังจากนี้ยิ่งมีสีสันมากขึ้นไปอีก ข้าไม่รู้จะเล่าอย่างไรดี ข้ามีเด็กที่สนุก กับการขโมย ข้ามีเด็กทีไ่ ม่ได้ชอบหรือเกลียดการขโมย แล้วข้าก็มเี ด็กทีจ่ ำ� ใจขโมย เพราะรู้ว่าไม่มีอย่างอื่นท�ำ แต่ไม่มีสักคน ไม่มีเลยจริงๆ ที่กระหายอยากขโมย เหมือนคนนี้ ถ้าเด็กนี่ได้แผลโดนปาดคอจนเลือดอาบ แล้วมีนักเวชศาสตร์ พยายามเย็บแผลให้ ลาโมราก็อาจขโมยเข็มกับด้ายแล้วหัวเราะจนตาย เขา...ขโมย มากเกินไป” “ขโมยมากเกินไป” นักบวชไร้ตาร�ำพึง “ขโมยมากเกินไป นี่เป็นค�ำบ่น ที่ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากชายผู้หาเลี้ยงชีพด้วยการฝึกเด็กให้เป็นขโมย” 20


“เชิญหัวเราะไปเถอะ” นักปั้นขโมยพูด “ข้าจะเล่าเรื่องเด็ดสุดให้ฟัง”

6 เวลาผ่านไปหลายเดือน ผ่านพาร์ธีสมาถึงเฟสเทลก่อนจะเป็นออริม พายุฝนปน หมอกชื้นแห่งฤดูร้อนเปิดทางให้ฝนที่หนักกว่าและแรงกว่าแห่งฤดูหนาว ปีที่ เจ็ดสิบเจ็ดแห่งกานโดโลกลายเป็นปีท่ีเจ็ดสิบเจ็ดแห่งมอร์กานเต บิดาแห่งเมือง เจ้าแห่งบ่วงและพลั่ว เด็กก�ำพร้าเริงไฟแปดคนจากสามสิบเอ็ดคนปรับตัวได้นอ้ ยกว่าเพือ่ นใน ภารกิจอันละเอียดอ่อนและน่าสนใจของนักปั้นขโมย จึงถูกแกว่งร่างจากสะพาน ด�ำหน้าวังแห่งความอดทน ชีวิตด�ำเนินต่อไป พวกที่รอดก็วุ่นวายกับภารกิจอัน ละเอียดอ่อนและน่าสนใจของตัวเองเกินกว่าจะใส่ใจ ไม่นานล็อกก็ค้นพบว่าสังคมแห่งเนินเขาเงามืดแบ่งเป็นสองกลุ่มอย่าง ชัดเจน นัน่ คือกลุม่ ถนนกับกลุม่ หน้าต่าง กลุม่ หลังมีจำ� นวนน้อยกว่าและมีอภิสทิ ธิ์ มากกว่า จะออกท�ำงานทุกอย่างหลังตะวันตกดิน พวกนี้ย่องไปตามหลังคาและ ไต่ลงปล่องไฟ สะเดาะกลอนและลอดผ่านช่องก�ำแพงติดลูกกรง ขโมยทุกอย่าง ตั้งแต่เหรียญ เครื่องประดับ ไปจนถึงก้อนมันหมูในครัวที่ไม่มีคน ตรงข้ามกับเด็กชายหญิงแห่งท้องถนนผู้ตระเวนไปตามตรอกซอกซอย และสะพานข้ามคลองในคามอร์ตอนกลางวัน พวกนี้ท�ำงานเป็นทีม เด็กที่โตกว่า และมีประสบการณ์มากกว่า (นักฉก) ลงมือกับกระเป๋าเสื้อ กระเป๋าเงิน และแผง ขายของ ในขณะที่เด็กอายุน้อยกว่าและมีประสบการณ์น้อยกว่า (นกต่อ) คอย สร้างสถานการณ์เบี่ยงเบนความสนใจ เช่น ร้องไห้หาแม่ที่ไม่มีอยู่จริง หรือแกล้ง ป่วย หรือวิ่งพล่านไปทั่วทุกทิศทางพลางร้องว่า “หยุดนะ! หัวขโมย!” ในขณะที่ นักฉกหนีไปพร้อมของที่ฉกได้ เด็กก�ำพร้าแต่ละคนจะถูกเด็กทีอ่ ายุมากกว่าหรือตัวใหญ่กว่าจับเขย่าเมือ่ กลับมาถึงสุสานหลังออกไปท�ำอะไรก็ตามข้างนอก ของทีข่ โมยมาได้หรือแอบซ่อน 21


ไว้จะถูกส่งต่อไปตามล�ำดับชัน้ ของพวกขาใหญ่และอันธพาลจนถึงนักปัน้ ขโมยใน ทีส่ ดุ เขาไล่รายชือ่ ในใจได้แม่นย�ำจนน่ากลัวเมือ่ ผลงานประจ�ำวันทยอยกันเข้ามา ใครได้งานก็ได้กิน ใครไม่ได้งานก็ต้องฝึกหนักเป็นสองเท่าในคืนนั้น คืนแล้วคืนเล่าที่นักปั้นขโมยเดินไปทั่วรังโจรแห่งเนินเขาเงามืดพร้อม กระเป๋าเงิน ผ้าเช็ดหน้าไหม สร้อยคอ กระดุมโลหะจากเสื้อคลุม และของเล็กๆ น้อยๆ อีกนับสิบอย่างที่มีค่าคู่ควรขโมย ลูกศิษย์ของเขาจะโผล่มาเล่นงานจากที่ ซ่อนหรือแกล้งจัดฉากอุบัติเหตุ พวกที่เขาพบเห็นหรือรู้สึกตัวตอนลงมือจะถูก ท�ำโทษทันที นักปัน้ ขโมยไม่ชอบเฆีย่ นคนแพ้ในเกมฝึกนี้ แต่เด็กๆ จะโดนบังคับ ให้ดมื่ น�ำ้ มันขิงเข้มข้นจากขวดในขณะทีเ่ พือ่ นเข้ามาล้อมวงส่งเสียงเยาะเย้ย น�ำ้ มัน ขิงคามอร์เป็นของแรง อาจเปรียบได้ (ตามความเห็นของนักปัน้ ขโมยเอง) กับการ กลืนขี้เถ้าไม้โอ๊กพิษที่ยังกรุ่นๆ ใครไม่ยอมอ้าปากจะโดนกรอกจมูกขณะทีถ่ กู เด็กโตจับห้อยหัวลง เรือ่ ง นี้ไม่เคยเกิดขึ้นซ�้ำสองกับใครทั้งนั้น เมื่อเวลาผ่านไป แม้แต่พวกที่ลิ้นพองคอบวมเพราะขิงก็ยังเรียนรู้หลัก พื้นฐานในการล่อนายตรวจและ “หยิบยืม” สินค้าจากพ่อค้าผู้ไม่ระมัดระวัง นัก ปั้นขโมยสอนโครงสร้างของเสื้อเข้ารูป เสื้อกั๊ก โค้ตยาว และกระเป๋าห้อยเข็มขัด ให้เด็กๆ อย่างกระตือรือร้น คอยปรับข้อมูลให้ทนั สมัยอยูเ่ สมอเมือ่ มีเสือ้ ผ้าแบบ ใหม่ๆ มาจากท่าเรือ ลูกศิษย์ของเขาเรียนรู้ว่าอะไรตัดได้ อะไรฉีกได้ และอะไร ต้องใช้นิ้วมืออันว่องไวล้วงมา “เด็กๆ ทีร่ กั เอ๋ย ประเด็นส�ำคัญคืออย่าไปวนเวียนอยูร่ อบขาเหยือ่ เหมือน หมา หรือจับมือพวกเขาไว้เหมือนเด็กหลง การโดนตัวกันแค่ครึ่งวินาทีก็มักจะ นานเกินไป นานเกินไปมากเลย” นักปั้นขโมยท�ำท่าเอาห่วงเชือกมาคล้องคอแล้ว แลบลิ้นจุกปาก “พวกเจ้าจะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับกฎศักดิ์สิทธิ์สามข้อ ข้อแรก ต้องมั่นใจเสมอว่าเหยื่อโดนเบี่ยงเบนความสนใจไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยนกต่อหรือ เหตุบังเอิญที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ เช่น การต่อสู้หรือไฟไหม้บ้าน เป็นต้น ถ้าเกิดไฟ ไหม้บ้านก็ยิ่งเหมาะส�ำหรับจุดประสงค์ของเรา จงใช้มันให้คุ้มค่า ข้อสองคือ 22


พยายามลดปฏิสัมพันธ์กับเหยื่อให้น้อยที่สุด และข้าหมายถึงน้อยที่สุดจริงๆ ต่อ ให้ความสนใจของเหยือ่ ถูกเบีย่ งเบนไปแล้วก็ตาม” เขาปล่อยตัวเองจากห่วงเชือก ล่องหนแล้วยิม้ เจ้าเล่ห์ “ข้อสุดท้าย เมือ่ ท�ำภารกิจเสร็จแล้ว ให้รบี ออกจากบริเวณ นั้นทันที ต่อให้เหยื่อดูทึ่มทื่อยิ่งกว่าค้อนเต็มลังก็ตาม ข้าสอนไว้ว่าอย่างไรฮึ”

“ฉกได้ให้วิ่ง” นักเรียนท่อง “ฉกซ�้ำโดนแขวน!”

เด็กก�ำพร้าหน้าใหม่ไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มเล็กๆ เด็กโตดูเหมือนออก จากเนินเขาทุกสองสามสัปดาห์โดยไม่มีพิธีรีตองอะไร ล็อกคิดว่านี่เป็นหลักฐาน ยืนยันว่ายังมีกรอบควบคุมอื่นนอกเหนือจากน�้ำมันขิง แต่เขาไม่เคยถาม เพราะ สถานะยังต�่ำเตี้ยเกินกว่าจะกล้าเสี่ยง ต่อให้ได้ค�ำตอบก็อาจไม่ใช่ความจริง ส่วนเรือ่ งการฝึกของเขาเองนัน้ ล็อกออกไปทีถ่ นนหลังจากมาถึงเนินเขา ได้วนั เดียว แล้วก็โดนจับไปรวมกับพวกนกต่อทันที (เขาคิดว่าคงเป็นการลงโทษ) เมือ่ สิน้ สุดเดือนทีส่ อง ฝีมอื ของเขาก็ทำ� ให้ได้เลือ่ นขัน้ เป็นนักฉก นับเป็นการเลือ่ น สถานะทางสังคมก็วา่ ได้ แต่ดเู หมือนมีลาโมราคนเดียวในหุบเขาทีย่ งั อยากท�ำงาน กับพวกนกต่อทั้งที่เลิกได้แล้ว เขาบึ้งตึงและไร้เพื่อนเมื่ออยู่ในหุบเขา แต่จะกลายเป็นศิลปินโดย ธรรมชาติทันทีเมื่อท�ำงานนกต่อ มันท�ำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมา เขาฝึกใช้กลีบส้มที่ เคี้ยวจนยุ่ยเละมาปลอมเป็นอาเจียน หากเป็นนกต่อคนอื่นก็คงแค่กุมท้องแล้ว ร้องครวญคราง แต่ล็อกจะเพิ่มความสมจริงให้การแสดงด้วยการพ่นของเหลว สีขาวอมส้มอุน่ ๆ ออกมารดเท้าผูท้ ตี่ งั้ ใจจะหลอก (หรือถ้าเขาอารมณ์บดู เป็นพิเศษ ก็อาจพ่นให้เปื้อนชายกระโปรงหรือถุงเท้ายาวไปเลย) อุปกรณ์อีกอย่างที่เขาชอบใช้คือกิ่งไม้แห้งยาวซ่อนไว้ในขากางเกงข้าง หนึ่งโดยมัดติดกับข้อเท้า เมื่อคุกเข่าลงเร็วๆ กิ่งไม้ก็จะหักจนเกิดเสียงดัง ตาม ด้วยการแผดร้องเสียงแหลมสูงของเขา นับเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจและ ความสงสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากเกิดขึน้ ใกล้ลอ้ เกวียน เมือ่ เขา เรียกร้องความสนใจจากฝูงชนได้นานพอแล้วก็จะมีนกต่อคนอื่นๆ อีกหลายคน มาช่วย พวกนี้จะประกาศเสียงดังว่าจะ “พาเขากลับบ้านไปหาแม่” จะได้ไปพบ 23


นักเวชศาสตร์ พอโดนแบกเลี้ยวโค้งไปเขาก็จะกลับมาเดินได้ทันทีราวปาฏิหาริย์ อันทีจ่ ริงเขาคิดค้นรายการลูกเล่นอันมีศลิ ปะได้รวดเร็วมากจนนักปัน้ ขโมยมีเหตุ ให้ต้องเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวรอบที่สอง (เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังล็อกจัดการให้ กระโปรงและเสือ้ รัดรูปของสุภาพสตรีสาวผูห้ นึง่ หลุดในทีส่ าธารณะด้วยการสะบัด มีดพกอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง) “ฟังนะ ล็อก-ตาม-ชื่อ-พ่อ ลาโมรา” นักปั้นขโมยพูด “รับรองว่า คราวนี้ไม่มีน�้ำมันขิง แต่ข้าอยากให้เจ้าเลิกเบี่ยงเบนความสนใจเหยื่อโดยเน้น ความบันเทิงแล้วกลับไปเน้นประสิทธิภาพได้แล้ว”

ล็อกเอาแต่จ้องมองเขาและขยับเท้าไปมา

“ถ้าอย่างนัน้ ข้าจะพูดตรงๆ ละนะ นกต่อคนอืน่ ออกไปดูเจ้าทุกวัน โดย ไม่ยอมท�ำงานท�ำการอะไรเลย ข้าไม่ได้หาเลี้ยงคณะละครส่วนตัวนะโว้ย เจ้าต้อง ท�ำให้พวกนกต่อน้อยๆ ของข้ากลับไปท�ำงาน ส่วนเจ้าเองก็เลิกท�ำตัวเด่นดังเวลา งานได้แล้ว”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ราบรื่นดีอยู่พักหนึ่ง

แต่แล้ว หลังมาถึงเนินเขาได้ไม่ถึงหกเดือนดี ล็อกก็เผาร้านเหล้า เอลเดอร์กลาสไวน์โดยไม่ได้ตงั้ ใจ แถมยังไปปลุกระดมการจลาจลกักโรคทีเ่ กือบ ท�ำให้แดนแคบหายไปจากแผนที่คามอร์อีกด้วย แดนแคบเป็นหุบแห่งกระต๊อบและบ้านเรือนแออัดที่ปลายด้านเหนือสุดในย่าน เสือ่ มโทรมของเมือง รูปทรงเหมือนไตและโครงสร้างเหมือนอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ ใจกลางเกาะอยู่ต�่ำกว่าขอบรอบนอกสี่สิบกว่าฟุต บ้านพักอาศัยและร้านค้าไร้ หน้าต่างเรียงเป็นแถวเอียงๆ ยื่นออกมาจากชั้นต่างๆ ในชามอ่างยักษ์แออัดนี้ ก�ำแพงล้มพิงก�ำแพง ตรอกก็ซ้อนตรอกที่เต็มไปด้วยหมอกมัว ดังนั้นจึงไม่มีชั้น ไหนในแดนแคบที่เดินเรียงหน้ากระดานได้เกินสองคน

ร้านเหล้าเอลเดอร์กลาสไวน์ตั้งอยู่บนแผ่นหินปูถนนเส้นที่ผ่านไปทาง 24


ตะวั น ตกจนถึ ง สะพานหิ น ที่ เ ชื่ อ มแดนแคบกั บ ความเขี ย วชอุ ่ ม ของ มาราคามอร์ราซซา มันเป็นอาคารไม้กร�ำแดดกร�ำฝนหลังใหญ่สามชัน้ ทีก่ ำ� ลังทรุด มีบนั ไดง่อนแง่นส�ำหรับเข้าออกซึง่ ท�ำให้ลกู ค้าเจ็บตัวอย่างน้อยสัปดาห์ละคน (อัน ที่จริงมีวงพนันกันอย่างคึกคักว่าขาประจ�ำคนไหนจะหัวแตกเป็นรายต่อไป) มัน เป็นแหล่งซ่องสุมของนักสูบกล้องและผู้เสพติดเกซ พวกนี้จะบีบหยดยาล�้ำค่าใส่ ลูกตาต่อหน้าผูค้ นแล้วนอนตัวสัน่ ไปกับภาพมายาขณะคนแปลกหน้าเข้ามาค้นข้าว ของหรือใช้ล�ำตัวแทนโต๊ะ ปีที่เจ็ดสิบเจ็ดแห่งมอร์กานเตเพิ่งเริ่มต้นเมื่อล็อกลาโมราบุกเข้าไปใน ห้องกลางของเอลเดอร์กลาสไวน์ในสภาพสะอึกสะอื้นยกใหญ่ แก้มแดง เลือด ไหลจากริมฝีปาก และดวงตาฟกช�้ำ ทั้งหมดเป็นลักษณะของผู้ป่วยโรคระบาด เสียงกระซิบสีด�ำ “ได้โปรด นายท่าน” เขากระซิบบอกนักเลงคุมร้านผู้ตื่นตระหนก ใน ขณะที่นักพนัน คนคุมบาร์ โสเภณี และหัวขโมยต่างก็หยุดกิจกรรมหันมาจ้อง มอง “ได้โปรด แม่กับพ่อป่วย ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร ข้าเป็นคนเดียวที่ขยับ ตัวได้ ท่านต้อง...” สะอื้น “ช่วยด้วย! ได้โปรดเถิดท่าน...” อย่างน้อยนัน่ ก็คอื ค�ำพูดทีท่ กุ คนน่าจะได้ยนิ หากนักเลงคุมร้านไม่จดั การ อพยพคนครั้งใหญ่จากเอลเดอร์กลาสไวน์ด้วยการแผดร้องสุดเสียงว่า “เสียง กระซิบ! เสียงกระซิบสีด�ำ!” ไม่มีเด็กตัวเท่าล็อกคนไหนจะรอดชีวิตจากความ อลหม่านของการผลักไสและความแตกตื่นเช่นนี้ หากไม่มีอาการป่วยบนใบหน้า ท�ำหน้าที่ดียิ่งกว่าโล่ใดๆ ลูกเต๋ากระเด็นกระดอนไปบนโต๊ะ ไพ่ก็ร่วงตกเหมือน ใบไม้ เหล้าราคาถูกสาดกระเซ็นเมือ่ ถ้วยสังกะสีและถ้วยหนังเคลือบน�ำ้ มันดินตก กระแทกพื้น โต๊ะล้มคว�่ำ มีดและไม้พลองถูกใช้จี้คนอื่นให้เร่งฝีเท้า คนมุงดูถูก เหยียบเมือ่ คลืน่ มนุษย์ไร้ระเบียบเผ่นออกจากประตูทกุ บาน ยกเว้นบานทีล่ อ็ กยืน อยู่ ยังคงวิงวอนอย่างไร้ผล (หรือได้ผล) ต่อผู้คนที่หวีดร้องและหันหลังให้ เมื่ อ ร้ า นเหล้ า ว่ า งเปล่ า เหลื อ เพี ย งคนที่ เ สพติ ด เกซสองสามคนที่ ครวญคราง (หรือไม่ขยับตัว) เพื่อนร่วมงานของล็อกก็แอบเข้ามาด้านหลัง 25


พวกนีค้ อื นักฉกและนกต่อผูว้ อ่ งไวทีส่ ดุ สิบสองคนในกลุม่ ถนนทีล่ าโมราเชือ้ เชิญ มาเป็นพิเศษเพื่องานนี้ พวกเขากระจายกันไปตามโต๊ะล้มและหลังบาร์โทรมๆ หยิบฉวยทุกอย่างทีม่ คี า่ ทัง้ เหรียญทีถ่ กู ทิง้ ไว้กำ� มือหนึง่ มีดดีเล่มหนึง่ ชุดลูกเต๋า กระดูกวาฬฝังสะเก็ดโกเมนแทนตัวบอกแต้ม ห้องครัวก็มขี นมปังหยาบแต่กนิ ได้ หลายตะกร้า เนยเค็มในกระดาษกันไขมัน และไวน์อีกสิบสองขวด ล็อกให้เวลา ครึ่งนาทีโดยนับในใจขณะเช็ดสีที่ทาไว้บนหน้าออก เมื่อนับครบแล้วเขาก็ส่ง สัญญาณให้เพื่อนร่วมงานกลับออกไปสู่ความมืดยามราตรี มีผตู้ กี ลองสัญญาณเรียกนายตรวจแล้ว เหนือเสียงทีด่ งั เป็นจังหวะนีย้ งั มีเสียงขลุ่ยแผ่วๆ ชุดแรกที่ท�ำเอาหนาวไปถึงกระดูก นี่คือสัญญาณเรียกนักรบ ภูตของดยุคหรือหน่วยกักโรคนั่นเอง ผู้มีส่วนร่วมในการผจญภัยหลอกต้มแล้วฉกทรัพย์ของล็อกลัดเลาะไป ท่ามกลางชาวแดนแคบผูส้ บั สนและแตกตืน่ จากนัน้ ก็ใช้เส้นทางอ้อมเพือ่ กลับบ้าน ผ่านมาราคามอร์ราซซาหรือไม่ก็เขตควันถ่าน พวกเขากลับไปพร้อมข้าวของและอาหารมากที่สุดในความทรงจ�ำของ เด็กก�ำพร้าแห่งเนินเขาเงามืด แถมยังมีเหรียญทองแดงครึ่งบารอนกองโตกว่าที่ ล็อกหวังไว้ (เขาไม่รวู้ า่ คนเล่นพนันลูกเต๋าหรือไพ่จะเอาเงินออกมาวางไว้ตรงหน้า เพราะในเนินเขาเงามืดนัน้ เกมแบบนีส้ งวนไว้เฉพาะเด็กโตทีส่ ดุ และดังทีส่ ดุ เท่านัน้ ซึ่งล็อกไม่ใช่ทั้งสองอย่าง)

นักปั้นขโมยได้แต่งงอยู่สองสามชั่วโมง

คืนนัน้ คนเมาผูต้ นื่ ตระหนกจุดไฟเผาเอลเดอร์กลาสไวน์ จากนัน้ คนอีก หลายร้อยก็พยายามหนีออกจากแดนแคบเมื่อนายตรวจหาตัวเด็กต้นเหตุไม่เจอ กลองเตือนภัยดังจนถึงรุ่งสาง สะพานถูกปิดกั้น และพลธนูของดยุคนิโควานเต ล่องเรือท้องแบนลาดตระเวนคลองรอบแดนแคบพร้อมลูกธนูที่ยิงได้ทั้งคืนเป็น อย่างน้อย เช้าวันต่อมานักปั้นขโมยต้องคุยกับเด็กก�ำพร้าโรคระบาดตัวเล็กที่สุด ของเขาเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง 26


“ปัญหาของเจ้านะ ไอ้เด็กล็อก-เวรตะไล-ลาโมรา ก็คือเจ้าไม่รอบคอบ รู้ไหมว่ารอบคอบคืออะไร”

ล็อกส่ายหน้า

“ข้าจะอธิบายให้ฟงั แบบนีก้ แ็ ล้วกัน ร้านเหล้านัน่ มีเจ้าของ เจ้าของท�ำงาน ให้นายใหญ่คาปาบาร์ซาวิ เช่นเดียวกับข้า เจ้าของร้านเหล้านั่นจ่ายเงินให้คาปา เพือ่ เลีย่ งเหตุรา้ ย เช่นเดียวกับข้า แต่เจ้าท�ำให้เขาประสบเหตุรา้ ยแรงครัง้ ใหญ่ ทัง้ ที่เขาจ่ายเงินแล้วและไม่ควรต้องเกิดเหตุใดๆ ดังนั้นถ้าเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดมาละ ก็ ขอบอกว่าการยั่วยุให้ไอ้พวกขี้เมาหน้ามืดฝูงนั้นเผาร้านนั่นจนไม่เหลือดีโดย ปล่อยข่าวโรคระบาดปลอมๆ ถือเป็นสิ่งตรงข้ามกับการปฏิบัติงานอย่างรอบคอบ ทีนี้พอจะเดาความหมายได้หรือยังล่ะ”

ล็อกฟังออกว่าตอนไหนควรพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

“ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนที่เจ้าพยายามจะส่งข้าลงหลุมก่อนเวลาอันควร ครัง้ นีข้ า้ เอาเงินถางทางหนีไม่ได้ ต้องขอบคุณเทพเจ้าทีข่ า้ ไม่จำ� เป็นต้องท�ำ เพราะ หายนะครั้งนี้ใหญ่มาก พวกนายตรวจเสื้อเหลืองเอาไม้พลองตีหัวคนไปสองร้อย เมื่อคืนนี้ ก่อนจะคิดได้ว่าไม่มีใครติดโรคเสียงกระซิบ ดยุคก็ประกาศมาตรการ บ้าบอตามปกติและก�ำลังจะสั่งให้ใช้น�้ำมันไฟขัดล้างแดนแคบทั้งหมด เอาละ เหตุผลเดียว และข้าหมายถึงเหตุผลเดียวจริงๆ ที่เจ้าไม่ได้ไปลอยอืดอยู่ในท้อง ปลาฉลามด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีดก็เพราะร้านเหล้าเอลเดอร์กลาสไวน์กลาย เป็นกองขี้เถ้าไปแล้ว จึงไม่มีใครรู้ว่ามีของถูกขโมยจากที่นั่นก่อนมันกลายเป็น กองขี้เถ้า ไม่มีใครรู้ ยกเว้นพวกเรา” “ดังนัน้ เราทุกคนจะตกลงกันว่าไม่มใี ครในเนินเขานีร้ เู้ ห็นอะไรเกีย่ วกับ เรื่องที่เกิดขึ้น เจ้าจะต้องกลับไปเรียนรู้เรื่องการสงวนท่าทีที่ข้าเคยพูดถึงตอนมา ที่นี่ครั้งแรก จ�ำการสงวนท่าทีได้ใช่ไหม”

ล็อกพยักหน้า

“ข้าไม่ตอ้ งการอะไรจากเจ้ามากมายเลยนะลาโมรา ข้าอยากให้เจ้าท�ำงาน 27


ชิน้ เล็กๆ ได้ดแี ละเรียบร้อย ข้าอยากได้กระเป๋าเงินสักใบ ไส้กรอกสักชิน้ ข้าอยาก ให้เจ้ากล�้ำกลืนความทะเยอทะยาน ทิ้งมันไปเหมือนอาหารเน่า แล้วท�ำตัวเป็นนก ต่อน้อยๆ ที่รอบคอบไปอีกสักล้านปี เจ้าท�ำให้ข้าได้ไหมล่ะ ห้ามขโมยจากพวก เสื้อเหลืองอีก ห้ามเผาร้านเหล้าที่ไหนอีก ห้ามท�ำให้เกิดจลาจลบ้าบออะไรอีก แค่ แกล้งท�ำเป็นหัวขโมยตัวเล็กสมองกลวงแบบพี่น้องของเจ้าก็พอ เข้าใจชัดไหม”

อีกครั้งที่ล็อกพยักหน้า พยายามตีหน้าเศร้าสุดชีวิต

“ดี ทีนนี้ ะ” นักปัน้ ขโมยพูดขณะหยิบน�ำ้ มันขิงเกือบเต็มขวดออกมา “เรา จะมาท�ำการ เอ่อ ตอกย�้ำค�ำสั่งของข้ากันสักหน่อย” หลังจากนัน้ ทุกอย่างก็ราบรืน่ ดีอยูพ่ กั หนึง่ (หลังจากล็อกกลับมาพูดและ หายใจได้เป็นปกติแล้ว) แต่ปที เี่ จ็ดสิบเจ็ดแห่งมอร์กานเตกลายเป็นปีทเี่ จ็ดสิบเจ็ดแห่งเซนโดวานิ แม้ล็อกปิดบังการกระท�ำไม่ให้นักปั้นขโมยรับรู้ได้ส�ำเร็จระยะหนึ่ง แต่ก็มี เหตุการณ์ส�ำคัญอีกอย่างที่เขาสอบตกอย่างยิ่งในการท�ำตัวรอบคอบ เมื่อนักปั้นขโมยรู้ว่าเด็กผู้นี้ท�ำอะไรลงไป เขาก็ไปพบคาปาแห่งคามอร์ และขออนุญาตจบชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงคิดได้ว่าควรไปหา นักบวชไร้ตา ไม่ใช่เพราะมีเมตตา แต่เพราะอยากมีโอกาสหาก�ำไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งสุดท้าย

7 ท้องฟ้าเป็นสีแดงจางๆ และแสงที่เหลืออยู่ของวันก็เป็นเพียงเส้นสีทองอร่ามที่ ค่อยๆ คล้อยลงสูเ่ ส้นขอบฟ้าทิศตะวันตก ล็อก ลาโมราเดินอยูภ่ ายใต้เงายาวของ นักปัน้ ขโมยผูก้ ำ� ลังพาเขาไปขายทีว่ หิ ารเพเรแลนโดร ในทีส่ ดุ ล็อกก็ได้รวู้ า่ เด็กโตๆ หายไปไหนกัน ซุ้มประตูแก้วใหญ่โตพาพวกเขาออกจากฐานด้านตะวันตกเฉียง เหนือของเนินเขาเงามืดไปยังขอบด้านตะวันออกของเขตวิหารอันยาวและกว้าง ใหญ่ เมื่อถึงบริเวณสูงสุดของโค้งสะพาน นักปั้นขโมยก็หยุดแล้วจ้องมองไปทาง 28


เหนือ ข้ามบ้านมืดมิดไร้แสงไฟของเขตเงียบ ข้ามผืนน�้ำคลุ้มหมอกของแม่น�้ำ แองเจไวน์ที่ไหลเชี่ยว ไปยังคฤหาสน์ในเงามืดและถนนหินสีขาวที่มีต้นไม้ เรียงรายบนเกาะอัลเซกรานเต ดูงามหรูใต้ความสูงลิบลิ่วของห้าหอคอย ห้าหอคอยเป็นสิ่งปลูกสร้างจากเอลเดอร์กลาสที่เด่นสะดุดตาที่สุดใน เมืองซึ่งหนาแน่นไปด้วยวัตถุลึกลับ หอเล็กที่สุดและหรูหราน้อยที่สุดคือหอรอ รุ่งสาง กว้างแค่แปดสิบฟุตและสูงเพียงสี่ร้อยฟุต สีสันแท้จริงของหอคอยเรียบ ลืน่ แต่ละหลังตอนนีผ้ สมปนเปกับสีเหมือนไฟในเตาเผาของแสงอาทิตย์ยามอัสดง เครือข่ายสายระโยงและตะกร้าขนส่งของระหว่างยอดหอคอยแทบล่องหนบน ท้องฟ้าสีแดงส้ม “เราจะรออยู่ที่นี่สักครู่นะ ไอ้หนู” นักปั้นขโมยบอกด้วยน�้ำเสียงโหยหา ผิดวิสยั “บนสะพานของข้านีแ่ หละ น้อยคนนักทีใ่ ช้เส้นทางนีไ้ ปเนินเขาเงามืด มัน จึงเหมือนเป็นสะพานส่วนตัวของข้าไปแล้ว” ลมดยุคทีพ่ ดั จากทะเลเหล็กตอนกลางวันหยุดพัดแล้ว ยามค�ำ่ คืนถูกยึด ครองโดยลมเพชฌฆาตร้อนชื้นที่พัดจากแผ่นดินออกสู่ทะเลเช่นเคย มันคลุ้งไป ด้วยกลิ่นเรือกสวนและหนองบึงเน่าเหม็น “ข้าก�ำลังหาทางก�ำจัดเจ้า รู้ไว้ด้วย” นักปั้นขโมยพูดต่อ หลังจากผ่านไป ครู่หนึ่ง “ข้าไม่ได้ เอ่อ ล้อเล่นนะ ลาก่อนชั่วนิรันดร น่าเสียดายที่เจ้าขาดบาง อย่าง...อาจเป็นสามัญส�ำนึกกระมัง” ล็อกไม่พดู อะไร แต่จอ้ งมองขึน้ ไปยังหอคอยแก้วสูงใหญ่ขณะสีสนั หาย ไปจากท้องฟ้าด้านหลัง ดาวสีขาวอมฟ้าสว่างไสวขึ้นมาและล�ำแสงสุดท้ายของ ดวงอาทิตย์หายไปทางทิศตะวันตกเหมือนดวงตาใหญ่ปิดลง เมื่อสัญญาณแรกของความมืดมิดแท้จริงดูเหมือนปกคลุมลงมาเหนือ เมือง แสงใหม่ทอี่ อ่ นจางวิบวับก็ลอยขึน้ มาไล่มนั กลับขึน้ ไป แสงนีส้ ว่างอยูภ่ ายใน ตัวห้าหอคอยเอลเดอร์กลาสนั่นเอง รวมถึงภายในแก้วโปร่งแสงของสะพานซึ่ง พวกเขายืนอยูด่ ว้ ย มันสว่างขึน้ ทุกลมหายใจเข้าออก เพิม่ พลังจนกระทัง่ อาบเมือง ด้วยแสงเรืองรองอ่อนละมุนเหมือนตอนกลางวันที่ฟ้าครึ้ม 29


ชั่วโมงแห่งแสงเทียมมาเยือนแล้ว

จากห้าหอคอยสูงลิบไปถึงเขื่อนแก้วกว้างใหญ่ด�ำมืดราบเรียบ จนถึง ปะการังเทียมใต้คลืน่ สีเหมือนหินชนวน แสงเทียมส่องจากทุกพืน้ ผิวและเศษเสีย้ ว ของเอลเดอร์กลาสในคามอร์ จากทุกสะเก็ดของวัตถุแปลกประหลาดที่ถูกทิ้งไว้ เมื่อนานมาแล้วโดยสิ่งมีชีวิตที่ริเริ่มก่อร่างสร้างเมืองนี้ ทุกคืนเมื่อดวงอาทิตย์ถูก กลืนหายไปทางทิศตะวันตก สะพานแก้วก็จะกลายเป็นเส้นใยแสงหิง่ ห้อย หอคอย แก้ว ถนนแก้ว และสวนประติมากรรมแก้วประหลาดจะสว่างเรืองด้วยแสงสีม่วง สีฟ้า สีส้ม และสีขาวไข่มุก แสงจันทร์และแสงดาวจะซีดเป็นสีเทา นี่คือยามสนธยาในคามอร์ เวลาสิ้นสุดการท�ำงานส�ำหรับแรงงานยาม กลางวันชุดสุดท้าย เป็นสัญญาณเรียกนายตรวจกะกลางคืนให้ออกท�ำงานและ ปิดประตูเข้าออกเมืองทางบก เป็นหนึง่ ชัว่ โมงแห่งแสงเหนือธรรมชาติทอี่ กี ไม่นาน จะเปิดทางสู่ราตรีแท้จริง “ไปท�ำธุระของเรากันดีกว่า” นักปั้นขโมยพูด แล้วทั้งสองก็ออกเดินลง สู่เขตวิหารท่ามกลางแสงเรืองประหลาดนั้น

8 ช่ ว งเวลาแสงเที ย มคื อ ชั่ ว โมงสุ ด ท้ า ยที่ วิ ห ารในคาร์ ม อร์ จ ะเปิ ด ท� ำ การตาม ธรรมเนียม นักบวชไร้ตาแห่งวิหารเพเรแลนโดรไม่ยอมปล่อยเวลาที่เหลืออยู่ให้ สูญเปล่าในการหาเงินมาเติมหม้อบริจาคตรงหน้าบนขั้นบันไดวิหารเก่าโทรม “เด็กก�ำพร้า!” เขาตะเบ็งเสียงที่เหมาะจะดังในสนามรบมากกว่า “จะเร็ว จะช้า เราทุกคนก็ต้องเป็นเด็กก�ำพร้าไม่ใช่หรือ น่าเวทนาพวกที่ถูกพรากจากอก แม่ทั้งที่ยังเป็นทารกอยู่แท้ๆ!” เด็กชายอายุน้อยร่างเพรียวสองคนที่คาดว่าเป็นเด็กก�ำพร้านั่งประกบ หม้อใส่เงิน พวกเขาสวมชุดยาวสีขาวมีฮดู้ ความเรืองรองประหลาดของแสงเทียม ดูเหมือนท�ำให้สีด�ำคล�้ำใต้ดวงตาที่จ้องมองมาดูเด่นยิ่งขึ้น ขณะทั้งสองมองชาย 30


หญิงผู้รีบร้อนท�ำภารกิจในจัตุรัสและถนนแห่งเทพเจ้า “น่าเวทนา” นักบวชพูดต่อ “ผู้ที่ถูกโชคชะตาโหดร้ายไล่ออกมาเผชิญ โลกเลวทรามซึ่งไม่มีที่ทางส�ำหรับพวกเขา โลกที่พวกเขาไร้ค่าไร้ประโยชน์ โลก กดพวกเขาเป็นทาส! ทาสหรือถ้าแย่กว่านั้นก็เป็นของเล่นสนองตัณหาของคนชั่ว และคนผูไ้ ม่ยำ� เกรงเทพเจ้า บีบบังคับพวกเขาให้ใช้ชวี ติ ไม่เต็มคนด้วยความอัปยศ เกินค�ำบรรยายใดๆ เมือ่ เทียบกันแล้ว การตกเป็นทาสเฉยๆ ยังเหมือนได้รบั พร!” ล็อกทึ่ง เพราะเขาไม่เคยเห็นการแสดงบนเวทีหรือฟังนักพูดผู้ผ่านการ ฝึกฝนมาก่อน นีค่ อื ค�ำต่อว่าอันร้อนแรงจนอาจท�ำให้นำ�้ เดือดเป็นไอจากหิน นีค่ อื ค�ำตัดพ้อทีท่ ำ� ให้ชพี จรของเขาเต้นรัวด้วยความละอายใจยิง่ ยวด ทัง้ ทีต่ วั เขาเองก็ เป็นเด็กก�ำพร้า เขาอยากฟังชายเสียงใหญ่ผู้นี้ตะโกนต่อไปอีกสักหน่อย ชือ่ เสียงของหลวงพ่อเชนส์หรือนักบวชไร้ตานัน้ โด่งดังมากจนแม้แต่ลอ็ ก ยังเคยได้ยนิ ชายวัยกลางคนตอนปลายผูม้ อี กกว้างเหมือนโต๊ะอาลักษณ์ ไว้เครา เกาะบนใบหน้ายับย่นเหมือนฝอยขัดหม้อ ผ้าปิดตาสีขาวหนาปกคลุมหน้าผาก และดวงตา เสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีขาวส�ำหรับนักบวชห้อยลงมาถึงข้อเท้าเปล่า มี กุญแจมือเหล็กสีด�ำคู่หนึ่งคล้องข้อมืออยู่ โซ่เหล็กหนาหนักโยงกุญแจมือนี้กลับ ขึน้ บันไดวิหารเข้าประตูทเี่ ปิดอยูไ่ ปสูด่ า้ นใน ล็อกเห็นว่าโซ่เกือบตึงขณะหลวงพ่อ เชนส์ท�ำไม้ท�ำมือสื่อสารกับผู้ฟัง เขาใช้อิสระที่มีจนเกือบเต็มพิกัดแล้ว ต�ำนานอันโด่งดังเล่าว่าหลวงพ่อเชนส์ไม่เคยย่างเท้าไปไกลเกินบันได วิหารเป็นเวลาสิบสามปีแล้ว เขาแสดงความจงรักภักดีต่อเพเรแลนโดร บิดาแห่ง ความเมตตา เจ้าแห่งผู้ถูกมองข้าม ด้วยการล่ามตัวเองไว้กับผนังห้องชั้นในของ วิหารผ่านกุญแจมือเหล็กที่ไม่มีทั้งตัวล็อกหรือกุญแจ แถมยังจ้างนักเวชศาสตร์ ให้มาควักดวงตาออกท่ามกลางคนมุงดูด้วย “เจ้าแห่งผู้ถูกมองข้ามคอยปกปักบุตรธิดาทุกคนของผู้ตาย เรื่องนี้ข้า รับรองกับพวกท่านได้! ผู้ได้รับพรในสายตาพระองค์คือผู้มอบความช่วยเหลือ และความอบอุ่นให้ผู้ไร้บิดามารดาแม้ปราศจากพันธะทางสายเลือด...”

แม้รู้กันดีว่าหลวงพ่อเชนส์ทั้งตาบอดและมีผ้าปิดตาอีกที ล็อกก็แทบ 31


สาบานได้วา่ ศีรษะของหลวงพ่อหันมาทางนักปัน้ ขโมยกับตัวเขาเองทีก่ ำ� ลังเดินตัด จัตุรัสเข้าไปหา “...ด้วยความดีงามอันบริสทุ ธิใ์ นหัวใจ พวกเขาได้บำ� รุงเลีย้ งและปกป้อง เด็กๆ แห่งคามอร์ ไม่ใช่ด้วยความโลภแห่งจิตวิญญาณอันเย็นชา แต่ด้วยความ กรุณาโดยไม่เห็นแก่ตวั ! ผูไ้ ด้รบั พรอย่างแท้จริง” เขาพ่นค�ำพูดออกมาอย่างมีชวี ติ ชีวา “คือผู้พิทักษ์เด็กก�ำพร้าแห่งคาร์มอร์ผู้อ่อนโยนและยากไร้” เมื่อนักปั้นขโมยเดินถึงขั้นบันไดวิหารและเริ่มก้าวขึ้น เขาก็ไม่ลืม กระแทกส้นเท้ากับหินเพื่อประกาศการมาถึง

“ใครบางคนเข้ามา” หลวงพ่อเชนส์พูด “สองคน ถ้าหูข้าฟังไม่ผิด!”

“ข้าพาเด็กชายที่เราเคยคุยกันไว้มาให้ไงล่ะ หลวงพ่อ” นักปั้นขโมย ประกาศเสียงดังพอให้คนผ่านไปมาได้ยนิ หากมีใครฟังอยู่ “ข้าพยายามเต็มทีเ่ พือ่ เตรียมเขาให้พร้อมส�ำหรับ เอ่อ การทดสอบเพื่อเป็นศิษย์และเข้าสู่วิหาร” นักบวชเดินเซลงบันไดมาหาล็อก พลางลากโซ่ดังกึงกังมาด้านหลังด้วย เด็กที่สวมฮู้ดเฝ้าหม้อใส่เงินเหลือบมองมาครู่หนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร “งัน้ รึ” มือของหลวงพ่อเชนส์ยนื่ ออกมาด้วยความแม่นย�ำจนน่ากลัว นิว้ หยาบกร้านไต่เหมือนแมงมุมไปบนหน้าผาก แก้ม จมูก และคางของล็อก “เด็ก ชายตัวเล็ก ดูเหมือนเป็นเด็กชายตัวเล็กมาก แต่ขา้ คิดว่ามีบคุ ลิกชัดเจนบางอย่าง ในความผอมซูบแบบคนขาดอาหารของเด็กก�ำพร้าผู้น่าเวทนานี้” “ชื่อของเขา” นักปั้นขโมยพูด “คือล็อก ลาโมรา ข้ากล้าพนันว่านิกาย เพเรแลนโดรจะได้ประโยชน์มากมายจาก เอ่อ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในระดับ ที่ไม่ธรรมดาของเขา” “จะดีกว่านัน้ นะ” นักบวชบ่น “ถ้าเขามีความจริงใจ รูจ้ กั ส�ำนึกผิด ซือ่ สัตย์ และยินดีเชือ่ ฟังท�ำตามระเบียบ แต่ขา้ ไม่สงสัยเลยว่าคุณสมบัตเิ หล่านีค้ งถูกปลูก ฝังไว้แล้วด้วยการดูแบบอย่างระหว่างช่วงทีเ่ จ้าดูแลเขาด้วยรัก” เขาตบมือสามครัง้ “เด็กๆ ภารกิจของเราวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว เก็บรวบรวมเงินบริจาคของคนดีแห่ง 32


คามอร์ แล้วพาผู้ที่อาจเป็นสมาชิกใหม่ของเราเข้าไปในวิหารเถิด” นักปั้นขโมยบีบไหล่ล็อกเร็วๆ จากนั้นก็ผลักเขาขึ้นบันไดไปหานักบวช ไร้ตาอย่างค่อนข้างกระตือรือร้น เมื่อเด็กชายผู้สวมชุดยาวสีขาวหิ้วหม้อทองแดง เสียงดังกรุง๋ กริง๋ ผ่านไป นักปัน้ ขโมยก็โยนกระเป๋าเงินหนังใบเล็กลงไปในนัน้ แล้ว กางแขนกว้างก่อนโค้งออกท่าออกทางดูเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับ ภาพสุดท้ายที่ล็อก เห็นเขาคือตอนเขาเดินจ�้ำตัดเขตวิหาร แขนคดและไหล่ผอมเกร็งนั้นโยกไปมา อย่างร่าเริง นี่คือท่าเดินของชายผู้เป็นอิสระ

9 ห้องชั้นในของวิหารเพเรแลนโดรเป็นห้องหินชื้นๆ มีน�้ำขังเป็นหย่อมๆ ผ้าทอขึ้น ราบนผนังเสื่อมสภาพจนใกล้จะเหลือแต่เส้นด้าย ห้องสว่างด้วยแสงอ่อนนวลตา ของแสงเทียมและความพยายามอย่างไม่เต็มใจจากลูกแก้วแปรธาตุสขี าวขุน่ มัน ตัง้ อยูอ่ ย่างหมิน่ เหม่บนแท่นเหนือแผ่นเหล็กทีย่ ดึ โซ่ลา่ มนักบวชไร้ตาไว้กบั ก�ำแพง ห้อง ล็อกเห็นประตูติดม่านที่ผนังด้านในสุด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีก “คาโล กัลโด” หลวงพ่อเชนส์พดู “ช่วยท�ำตัวเป็นเด็กดีแล้วจัดการประตู หน่อยได้ไหม” เด็กชายสวมชุดยาวทั้งสองวางหม้อทองแดงลงแล้วเดินไปยังผ้าทอผืน หนึ่งบนผนัง พวกเขาช่วยกันเลิกผ้าไปด้านข้างแล้วดึงอุปกรณ์ที่ซ่อนอยู่ กลไก ใหญ่บางอย่างส่งเสียงดังลั่นในผนังห้อง ประตูบานคู่ที่เปิดออกไปยังบันไดวิหาร เริ่มปิดเข้าหากัน เมื่อมันปิดสนิทพร้อมเสียงหินครูดหินแล้ว ลูกแก้วแปรธาตุก็ เปล่งแสงสว่างไสวขึ้นมาทันที “เอาละ” นักบวชไร้ตาพูดขณะคุกเข่าลง ปล่อยให้โซ่ซ้อนทับกันเป็น กองเตี้ยๆ รอบตัว “มานี่ซิ ล็อก ลาโมรา ดูซิว่าเจ้ามีพรสวรรค์ใดๆ ที่จ�ำเป็น ส�ำหรับการเป็นสมาชิกวิหารแห่งนี้หรือไม่”

เมื่อหลวงพ่อเชนส์คุกเข่า หน้าผากของล็อกกับของเขาก็แทบจะแตะกัน 33


ได้ ล็อกตอบสนองมือทีก่ วักเรียกของเชนส์ดว้ ยการก้าวเข้าไปใกล้แล้วรอ นักบวช ย่นจมูก “ข้ารู้ละว่านายเก่าของเจ้ายังคงไม่เคร่งครัดเรื่องความสะอาดของผู้อยู่ ในปกครอง ช่างเถอะ เรื่องนั้นจะได้รับการแก้ไขในไม่ช้า ส�ำหรับตอนนี้ ยื่นมือ มาให้ข้าสิ” เชนส์จับมือเล็กๆ ของล็อกไว้แน่นแต่อ่อนโยน แล้วยกขึ้นไปวางทาบ ไว้เหนือผ้าปิดตาของเขา “เอาละ...แค่หลับตาแล้วมีสมาธิ...มีสมาธิ ปล่อยให้ความ คิดดีใดๆ ที่เจ้ามีอยู่ในตัวผุดขึ้นมา ปล่อยให้ความอบอุ่นในจิตวิญญาณอันมี เมตตาลอยออกมาจากมืออันบริสุทธิ์ของเจ้า...อา ใช่ แบบนั้นแหละ...” ล็อกกึ่งตกใจกึ่งข�ำ แต่ริ้วรอยบนใบหน้าหยาบกร้านของหลวงพ่อเชนส์ กดลึก ไม่นานปากของเขาก็อ้าค้างอย่างคาดหวัง “อา....” นักบวชกระซิบ เสียงเปี่ยมอารมณ์ “ใช่ ใช่ เจ้ามีความสามารถ บางอย่าง...พลังบางอย่าง...ข้ารู้สึกได้...มันเกือบเป็น...ปาฏิหาริย์!” ตอนนัน้ เองทีเ่ ชนส์แหงนศีรษะขึน้ ล็อกกระโดดถอยหลัง โซ่กระทบกัน เสียงดังขณะนักบวชยกแขนทีใ่ ส่กญ ุ แจมือขึน้ ไปยังผ้าปิดตาแล้วกระชากมันออก อย่างง่ายดาย ล็อกหดตัวหนี ไม่แน่ใจว่าเบ้าตาว่างเปล่านั้นมีลักษณะอย่างไร แต่ ตาของนักบวชดูค่อนข้างปกติ อันที่จริงเชนส์หรี่ตาเหมือนเจ็บปวดและขยี้มันอยู่ หลายครั้ง นิ่วหน้าสู้แสงสว่างจากลูกแก้วแปรธาตุ “อา...ฮา ฮา ฮา!” เขาร้องพลางยื่นมือออกมาหาล็อก “ข้าหายแล้ว! ข้า หายแล้ว! ข้ามองเห็นอีกครั้งหนึ่งแล้ว!” ล็อกสะดุ้ง อ้าปากค้างเหมือนคนปัญญาอ่อนเป็นครั้งที่สองของคืนนั้น ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไร เด็กสวมฮู้ดสองคนด้านหลังล็อกเริ่มหัวเราะคิกคัก แล้ว คิ้วของล็อกก็ขมวดด้วยความระแวงสงสัย

“ท่านไม่ได้...ตาบอดจริง” เขาพูด

“ส่วนเจ้าก็ไม่ได้โง่เลยสักนิด!” เชนส์ร้องพลางกระโดดลุกขึ้นอย่างดีใจ ท�ำเอากระดูกสะบ้าหัวเข่าลั่น เขาโบกมือที่ถูกพันธนาการไว้เหมือนนกที่พยายาม 34


จะบิน “คาโล! กัลโด! ถอดของบ้านี่ออกจากข้อมือข้าสิ เราจะได้นับเงินท�ำบุญ ประจ�ำวันกัน!” เด็กชายสวมฮูด้ สองคนรีบเข้ามาท�ำบางอย่างกับกุญแจมือซึง่ ล็อกดูไม่ทนั มันอ้าหลุดแล้วตกลงบนพื้นเสียงดังลั่น เชนส์ถูผิวบริเวณที่ถูกกดทับเบาๆ มัน เป็นสีขาวเหมือนเนื้อปลาตาย “ท่านไม่ใช่...นักบวชจริงๆ!” ล็อกพูดเสริม ขณะชายผูน้ นั้ เรียกเลือดกลับ มาที่ปลายแขน “โอ๊ย ไม่ใช่อย่างนั้น” เชนส์บอก “ผิดแล้ว ข้าเป็นนักบวชจริง เพียงแต่ ไม่ใช่นักบวชแห่ง...เอ่อ...เพเรแลนโดร ศิษย์ของข้าก็ไม่ใช่นักบวชฝึกหัดแห่ง เพเรแลนโดร เจ้าเองก็จะไม่ใช่นักบวชฝึกหัดแห่งเพเรแลนโดร ล็อก ลาโมรา กล่าวทักทายคาโลกับกัลโด ซานซาเสียสิ” เด็กชายสองคนในชุดยาวสีขาวเอาฮูด้ ออก แล้วล็อกก็เห็นว่าทัง้ สองเป็น แฝด อายุน่าจะมากกว่าเขาปีสองปีได้ แต่ดูแกร่งกว่ามาก พวกนี้มีผิวสองสีและ ผมด�ำแบบคามอร์แท้ ทว่าจมูกยาวคล้ายตะขอทีเ่ หมือนกันเปีย๊ บนัน้ ดูแปลกตาอยู่ บ้าง ทั้งคู่ยิ้มขณะจับมือกันแล้วโค้งต�่ำอย่างพร้อมเพรียง

“เอ่อ สวัสดี” ล็อกพูด “ใครเป็น...ใครล่ะ”

“วันนี้ข้าเป็นกัลโด” คนที่อยู่ทางซ้ายของล็อกพูด

“พรุ่งนี้ข้าอาจเป็นกัลโดก็ได้” อีกคนว่า

“หรือบางทีเราทั้งคู่อาจอยากเป็นคาโล” คนที่พูดก่อนเสริม

“อีกหน่อย” หลวงพ่อเชนส์พูดขัด “เจ้าก็จะดูออกว่าใครเป็นใครจาก รอยบนก้นทีโ่ ดนข้าเตะ คนหนึง่ จะมีมากกว่าอีกคนเสมอ” เขายืนอยูห่ ลังล็อกและ วางฝ่ามือกว้างหนักทั้งสองข้างไว้บนไหล่ “ไอ้พวกปัญญาอ่อน นี่คือล็อก ลาโมรา ก็อย่างที่พวกเจ้าเห็นนั่นแหละว่าข้าเพิ่งซื้อเขามาจากอดีตผู้ปกครองของพวกเจ้า นายใหญ่แห่งเนินเขาเงามืด” 35


“เราจ�ำเจ้าได้” คนที่น่าจะเป็นกัลโดพูด

“เด็กก�ำพร้าเริงไฟ” คนที่น่าจะเป็นคาโลพูด

“หลวงพ่อเชนส์ซื้อตัวเราหลังเจ้ามาถึงไม่นาน” พวกนั้นพูดพร้อมกัน อย่างยิ้มแย้ม “เลิกท�ำบ้าๆ ได้แล้ว” หลวงพ่อเชนส์พูด เสียงเขาฟังดูทรงอ�ำนาจอย่าง บอกไม่ถูก “พวกเจ้าสองคนเพิ่งอาสาท�ำอาหารค�่ำ ลูกแพร์กับไส้กรอกในน�้ำมัน พิเศษเป็นสองเท่าส�ำหรับน้องชายคนใหม่ ไปท�ำได้แล้ว ล็อกกับข้าจะจัดการเรื่อง หม้อเงินเอง “นั่งลงสิ ไอ้หนู มาคุยเรื่องงานที่นี่กันสักหน่อยดีกว่า” เชนส์หย่อนตัว กลับลงไปบนพืน้ ชืน้ ๆ ในท่าขัดสมาธิ แล้วจ้องมองล็อกด้วยสายตาครุน่ คิด “นาย เก่าของเจ้าบอกว่าเจ้าค�ำนวณง่ายๆ ได้ เป็นความจริงหรือไม่”

“จริงครับ นายท่าน”

“อย่าเรียกข้าว่า ‘นายท่าน’ มันท�ำให้ข้าขี้หดตดหาย เรียกข้าว่าหลวงพ่อ เชนส์ก็พอ ไหนๆ เจ้าก็นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว จงเทหม้อแล้วนับเงินทั้งหมดในนั้นสิ” ล็อกพยายามดึงหม้อให้ล้มไปข้างหนึ่ง เขาออกแรงเต็มที่ เข้าใจแล้วว่า ท�ำไมคาโลกับกัลโดต้องช่วยกันแบก เชนส์ชว่ ยดันฐานหม้อแล้วของในนัน้ ก็เทลง บนพื้นข้างล็อกในที่สุด “หนักแบบนี้จะได้ขโมยยากหน่อยไงล่ะ” เชนส์พูด “ท่านท�ำ...ท่านแกล้งท�ำเป็นนักบวชได้อย่างไร” ล็อกถามขณะแยกเหรียญ ทองแดงแบบเต็มเหรียญกับแบบเศษเป็นกองเล็กๆ “ท่านไม่กลัวเทพเจ้าหรอก หรือ ไม่กลัวเพเรแลนโดรลงโทษเอาหรือ” “กลัวสิ” เชนส์ตอบพลางเอานิ้วสางพุ่มเคราที่ยุ่งเหยิง “ข้ากลัวมากเลย ก็อย่างที่บอกว่าข้าเป็นนักบวช เพียงแต่ไม่ใช่นักบวชแห่งเพเรแลนโดร ข้าเป็น นักบวชผู้รับใช้เทพนิรนามองค์ที่สิบสาม ผู้คุ้มครองหัวขโมย ผู้พิทักษ์คนโฉด ผู้ อุปถัมภ์ บิดาแห่งข้ออ้างจ�ำเป็น” 36


“แต่...มีแค่สิบสองเทพนี่นา”

“น่าขันที่คนมากมายได้รับข้อมูลผิดพลาดไปมากในประเด็นนี้ เจ้าหนู เอ๋ย ลองนึกภาพดูสวิ า่ เทพทัง้ สิบสองบังเอิญมีนอ้ งชายทีเ่ ป็นแกะด�ำ แล้วเทพองค์ นีก้ ป็ กป้องผูท้ บี่ งั เอิญเป็นหัวขโมยอย่างข้ากับเจ้า แม้เทพทัง้ สิบสองไม่ยอมให้ใคร เอ่ยชือ่ หรือได้ยนิ ชือ่ น้องชายผูน้ ี้ ก็ยงั มีเยือ่ ใยเอ็นดูกลุม่ คนตัวแสบผูต้ ดิ ตามเทพ องค์นี้อยู่บ้าง ดังนั้นตาแก่จอมแอบอ้างอย่างข้าจึงไม่โดนฟ้าผ่าหรืออีการุมจิกทึ้ง โทษฐานมาซุกหัวอยูใ่ นวิหารของเทพเจ้าอย่างเพเรแลนโดรซึง่ มีผนู้ บั ถือมากกว่า”

“ท่านเป็นนักบวชแห่ง...เทพองค์ที่สิบสามรึ”

“ใช่ นักบวชของหัวขโมยและนักบวชหัวขโมย อย่างที่คาโลกับกัลโดจะ เป็นในวันหนึง่ และเจ้าเองก็อาจได้เป็น หากเจ้ามีคา่ คูค่ วรกับเศษเงินทีข่ า้ จ่ายไป” “แต่...” ล็อกเอื้อมไปคว้ากระเป๋าของนักปั้นขโมย (กระเป๋าหนังสีแดง สนิม) จากกองทองแดงแล้วส่งให้เชนส์ “ถ้าท่านจ่ายเงินซื้อข้ามา ท�ำไมนายเก่า ของข้าถึงทิ้งเงินบริจาคไว้ล่ะ” “อา มั่นใจได้เลยว่าข้าจ่ายเงินซื้อเจ้าจริง แถมยังถูกมากด้วย นี่ไม่ใช่ เงินบริจาค” เชนส์แก้เชือกที่ปากถุงใบเล็กแล้วเทของในนั้นลงบนฝ่ามือ มันคือ ฟันฉลามสีขาวซีห่ นึง่ ยาวเท่านิว้ โป้งของล็อก เชนส์โบกมันตรงหน้าเด็กชาย “เคย เห็นของแบบนี้มาก่อนไหม”

“ไม่...มันคืออะไร”

“มั น คื อ เบี้ ย มรณะ เขี้ ย วฉลามหมาป่าเป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ป ระจ� ำ ตั ว คาปาบาร์ซาวิ เจ้านายของอดีตผู้ปกครองเจ้า อันที่จริงก็เป็นเจ้านายของข้าและ ของเจ้าด้วย นั่นแปลว่าเจ้าเป็นไอ้เด็กเวรตะไลดื้อด้านกะโหลกหนา จนนายเก่า ของเจ้าต้องไปหาคาปาเพื่อขออนุญาตฆ่าเจ้า”

เชนส์ยิ้ม ราวกับว่าสิ่งที่เล่าเป็นแค่มุกตลกหยาบๆ ล็อกตัวสั่น

“มันท�ำให้เจ้าต้องหยุดคิดอะไรบ้างใช่ไหมล่ะไอ้หนู ดี จ้องมองสิ่งนี้ไว้ นะล็อก มองมันให้ดีให้นาน นี่แปลว่ามีผู้ซื้อความตายของเจ้าแล้ว ข้าได้สิ่งนี้จาก 37


นายเก่าของเจ้าเมื่อข้าซื้อตัวเจ้าในราคาแสนถูก นั่นแปลว่าต่อให้ดยุคนิโควานเต รับเจ้าไปเลีย้ งวันพรุง่ นีแ้ ละประกาศให้เจ้าเป็นทายาทของเขา ข้าก็ยงั ตีหวั เจ้าแตก แล้วเอาศพไปตอกตะปูติดเสาได้โดยที่ทุกคนในเมืองนี้ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย” เชนส์ยดั เขีย้ วฉลามกลับเข้าถุงสีแดงอย่างคล่องแคล่ว จากนัน้ ก็เอาสาย หนังเส้นบางที่ร้อยปากถุงคล้องคอล็อก “เจ้าจะต้องห้อยมันไว้” ชายสูงวัยพูด “จนกว่าข้าจะคิดว่าเจ้าคู่ควรปลดมันออก หรือจนกว่าข้าจะใช้สิทธิ์นั้น...ฉึ่บ!” เขา ปาดสองนิ้วไปในอากาศเหนือคอล็อก “เอาซ่อนไว้ใต้เสื้อผ้า ให้มันอยู่ติดตัวเจ้า ตลอดเวลาเพือ่ เตือนใจว่าคืนนีเ้ จ้าเฉียดโดนปาดคอมากขนาดไหน ถ้านายเก่าของ เจ้ามีความโลภน้อยกว่าความเจ้าคิดเจ้าแค้นอีกแค่นิดเดียว ข้ามั่นใจว่าป่านนี้ศพ เจ้าคงลอยอยู่ในอ่าวแล้วละ”

“ข้าท�ำอะไรผิด”

เชนส์มองมาด้วยสายตาทีส่ ง่ ผลให้ลอ็ กรูส้ กึ จ๋อยโทษฐานพยายามแก้ตวั ล็อกขยับตัวอย่างอึดอัดแล้วเล่นกับกระเป๋าใส่เบี้ยมรณะ “ไม่เอาน่า ไอ้หนู อย่าเริม่ ต้นด้วยการทีเ่ ราคนใดคนหนึง่ ดูหมิน่ สติปญ ั ญา อีกฝ่ายเลย มีสามคนในชีวติ ทีเ่ จ้าไม่มวี นั หลอกได้ นัน่ คือผูร้ บั จ�ำน�ำ โสเภณี และ แม่ ในเมือ่ แม่ของเจ้าตายแล้ว ข้าจึงเข้ามาแทนทีน่ าง ดังนัน้ ข้าจึงเป็นผูท้ เี่ จ้าโกหก ไม่ได้” เสียงเชนส์จริงจังมากขึ้น “เจ้ารู้ดีอยู่แล้วว่าท�ำไมนายเก่าถึงไม่พอใจ”

“เขาบอกว่าข้าไม่...รอบคอบ”

“รอบคอบ” เชนส์พูดย�้ำ “นั่นเป็นค�ำที่ดี เจ้าไม่รอบคอบเลย เขาเล่าทุก อย่างให้ข้าฟังแล้ว” รึ”

ล็อกเงยหน้าขึ้นจากกองเหรียญ ตาโต และเกือบมีน�้ำตาปริ่ม “ทุกอย่าง

“ใช่ ทุกอย่าง” เชนส์จ้องเด็กชายเขม็งอยู่นาน จากนั้นก็ถอนหายใจ “วันนี้พลเมืองดีแห่งคามอร์บริจาคให้เพเรแลนโดรเท่าไหร่กัน”

“ข้าคิดว่ายี่สิบเจ็ดเหรียญทองแดงบารอน” 38


“อืม ถ้าอย่างนั้นก็เกินสี่เหรียญเงินโซลอนมานิดหน่อย ไม่ดีเท่าไรนัก แต่ก็ดีกว่าการขโมยทุกรูปแบบที่ข้ารู้จัก”

“ท่านขโมยเงินนี้จากเพเรแลนโดรด้วยรึ”

“แน่นอนอยู่แล้วไอ้หนู ข้าบอกแล้วใช่ไหมล่ะว่าเป็นหัวขโมย แต่ไม่ใช่ หัวขโมยแบบที่เจ้าคุ้นเคยหรอกนะ ดีกว่านั้นอีก เมืองคามอร์นี้เต็มไปด้วยคนโง่ ที่ท�ำเรื่องโง่ๆ แล้วถูกแขวนคอ ทั้งหมดเป็นเพราะพวกนั้นคิดว่าการขโมยคือสิ่งที่ ท�ำด้วยมือ” หลวงพ่อเชนส์ถุยน�้ำลาย

“เอ่อ...แล้วท่านขโมยด้วยอะไรล่ะ หลวงพ่อเชนส์”

นักบวชไว้เคราใช้น้ิวสองนิ้วเคาะขมับ จากนั้นก็ยิ้มกว้างแล้วเคาะฟัน “สมองกับปากไงเล่า ไอ้หนู สมองกับปาก ข้ามาปักหลักจนรากงอกทีน่ เี่ มือ่ สิบสาม ปีกอ่ น แล้วไอ้พวกโง่ดกั ดานในคามอร์กเ็ อาเหรียญมาประเคนให้ขา้ นับแต่นนั้ อีก ทั้งข้ายังโด่งดังจากเอมเบอร์เลนไปถึงทัลเวอร์ราร์เลยด้วย แต่หลักๆ ข้าก็ท�ำเพื่อ เงินนั่นแหละ” “ไม่ล�ำบากหรอกหรือ” ล็อกถามพลางมองสภาพย�่ำแย่ภายในวิหารรอบ ตัว “ที่ต้องอยู่ในนี้ ไม่เคยได้ออกไปไหน” “ห้องซอมซ่อหลังเวทีนี้ไม่ใช่วิหารแท้จริงของข้า เหมือนที่บ้านเก่าของ เจ้าไม่ใช่สุสานจริงๆ นั่นแหละ” เชนส์หัวเราะ “พวกเราที่นี่เป็นหัวขโมยอีกแบบ นะลาโมรา เครื่องมือของเราคือการหลอกลวงและล่อให้หลงผิด เราไม่เชื่อเรื่อง การท�ำงานหนัก ในเมื่อแค่สวมหน้ากากและใช้ค�ำพูดโกหกเนียนๆ ก็ท�ำอะไรได้ มากกว่านั้นแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น...ท่านก็เหมือน...นกต่อสินะ”

“ก็อาจใช่ ถ้าบอกว่าถังใส่น�้ำมันไฟเทียบกับพริกแดงหนึ่งหยิบมือได้ละ ก็ และนัน่ คือสาเหตุทขี่ า้ ซือ้ ตัวเจ้า ไอ้หนู ทัง้ ทีเ่ จ้าขาดความยัง้ คิดยิง่ กว่าหัวแครอท เจ้าโกหกได้เนียนยิ่งกว่าพรมปูพื้น พูดจาวกวนคดเคี้ยวยิ่งกว่าสันหลังนัก กายกรรม ข้าใช้ประโยชน์จากเจ้าได้แน่ๆ ถ้าข้าตัดสินใจว่าไว้ใจเจ้าได้” 39


ดวงตาค้นหาของเขามาหยุดอยูท่ ลี่ อ็ กอีกครัง้ เด็กชายเดาว่าควรต้องพูด อะไรสักอย่าง

“ข้าชอบนะ” เขากระซิบ “จะให้ข้าท�ำอะไรล่ะ”

“เริ่มต้นด้วยการพูดก็ได้ ข้าอยากฟังวีรกรรมของเจ้าที่เนินเขาเงามืด เรื่องบ้าบอที่เจ้าก่อจนท�ำให้นายเก่าโกรธ”

“แต่...ท่านบอกว่ารู้ทุกอย่างแล้ว”

“รู้แล้ว แต่ข้าอยากฟังจากปากเจ้าอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน ข้า ต้องการฟังเรื่องที่สมบูรณ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เล่า ห้ามเล่าย้อนกลับไปกลับมา ห้าม เล่าข้าม ถ้าเจ้าพยายามปิดบังอะไรที่ข้ารู้ว่าควรเปิดเผยละก็ ข้าก็จ�ำต้องลงความ เห็นว่าเจ้าไม่มีค่าคู่ควรกับความไว้วางใจของข้า แล้วสิ่งที่ข้าจะใช้ต่อไปก็ห้อยอยู่ รอบคอเจ้าแล้ว”

“จะให้เริ่ม” ล็อกถาม เสียงกระตุกเพียงเล็กน้อย “จากตรงไหน”

“เริ่มจากการฝ่าฝืนค�ำสั่งครั้งล่าสุด มีกฎข้อหนึ่งที่พี่น้องแห่งเนินเขา เงามืดห้ามละเมิดเด็ดขาด แต่นายเก่าของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าละเมิดไปถึงสองครั้ง แล้วคิดว่าตัวเองฉลาดพอจะเอาตัวรอดไปได้”

แก้มของล็อกแดงก�่ำ เขาก้มลงมองนิ้ว

“บอกข้าซิ ล็อก นักปั้นขโมยบอกว่าเจ้าวางแผนฆาตกรรมเด็กชายสอง คนแห่งเนินเขาเงามืด เขาไม่รู้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องจนกระทั่งเกิดเรื่องกับรายที่ สองไปแล้ว” เชนส์ประกบปลายนิว้ มือตรงหน้าแล้วจ้องมองเด็กชายผูม้ เี บีย้ มรณะ ห้อยคออย่างใจเย็น “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าฆ่าพวกเขาท�ำไม ข้าอยากรู้ว่าเจ้าฆ่าพวกเขา ด้วยวิธีใด และข้าอยากฟังจากปากของเจ้าเอง เดี๋ยวนี้”

40


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.