คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์
ทุกครั้งที่เขียนคำ�นำ�ให้หนังสือนวพล ต้องได้เขียนประโยคนี้ “เต๋อเขียนอะไรก็สนุก” และครั้งนี้ เราก็ยังคงขอยืนยันเช่นนั้นตามเดิม
สิ่ ง ที่ เ ต๋ อ เล่ า คื อ เรื่ อ งเก่ า ๆ และเรื่ อ งของเขา แต่ ที่ ส นุ ก คื อ เรือ่ งของเขา ก็เหมือนเรือ่ งของเรา ประสบการณ์มธั ยมปลายทีห่ ลายคน พูดตรงกันว่า เป็นช่วงวัยที่ดีที่สุด สนุกที่สุด เต็มไปด้วยสิ่งน่าจดจำ� มากที่ สุ ด และกระทั่ ง มี ส่ ว นกำ � หนดความเป็ น ตั ว เรามากที่ สุ ด ในช่วงชีวิตต่อๆ มานั้น เต๋อเองก็คิดอย่างเดียวกัน และบอกเล่ามัน ออกมาในรูปของ bulleted pragraph ทีอ่ า่ นง่าย อันเป็นแนวถนัดของเขา น่าแปลกที่ประสบการณ์ ‘4-6’ หลายอย่างของเขา ตรงกัน กั บ ของเรา เหมื อ นอย่ า งกั บ เราได้ รั บ การปลู ก ฝั ง ความจำ � เสมื อ น ชุดเดียวกันลงในสมอง
4-6 เล่มนี้มีที่มาจากเอ็นทรีชุดสั้นๆ จากบล็อกส่วนตัวของ นวพลทีเ่ ราเคยอ่านเจอและชอบมาก เมือ่ เราชักชวนเขามาเปิดคอลัมน์ ใน MONDAY นิตยสารดิจิทัลรายสัปดาห์ เต๋อจึงนำ�มันมาเสนอว่า จะเอาสิ่งนี้มาปลุกผี แล้วปลุกปั้นเป็นซีรีส์ยาว เพราะมันเป็นเรื่อง ของวันวัยที่เขารักและผูกพันเป็นการส่วนตัว จึงอยากเอาที่เขียนค้าง เอาไว้ มาขยายต่อจนจบ เราดีใจที่เต๋อนำ� 4-6 มาเขียนต่อ และยินดีที่มันจะพาคุณผู้อ่าน ย้อนกาลกลับไปสมัยที่เรายังเดียงสากว่านี้ โง่งมกว่านี้ แต่ก็มีความสุข เหลือเกินเมื่อนึกถึงมัน สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก
จุดประสงค์การเรียนรู้ ผมโชคดีอย่างนึงครับ คือ ผมเป็นคนมีความจำ�ดี โดยเฉพาะ เรื่องที่ไม่ต้องจำ�ก็ได้เนี่ย จะจำ�ได้ดีและแจ่มชัดเสมอ ผมจบจากวัยมัธยมมาได้ราวๆ สิบกว่าปีแล้ว ยิง่ ห่างไกลวัยมัธยม นานขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าชีวิตมัธยมปลายนี่เป็น THE BEST OF TIME จริงๆ ถ้ามันเป็นหนังเรื่องหนึ่ง มันจะเป็นหนังที่สามารถเอามา ดูซ้ำ�ได้ไม่รู้จบ แถมแผ่นไม่กระตุกด้วย หลายครั้งที่ผมเดินเที่ยวเล่นตามห้างสรรพสินค้าแถวบ้าน และ ผมก็ได้พบและเห็นเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนโดยบังเอิญ ทั้งในระยะใกล้ และจากระยะไกล ทั้งเรียนห้องเดียวกันและเรียนกันคนละห้อง ทั้งคน ที่เคยคุยกันและไม่เคยคุยกัน ได้พบแบบจำ�กันได้ทั้งคู่และผมจำ�เขา หรื อ เธอได้ เ พี ย งฝ่ า ยเดี ย ว หลายคนเป็ น ไปตามที่ เ คยคาดการณ์ และหลายคนก็หักมุมกลายเป็นอีกคน
แต่ไม่วา่ จะเป็นอย่างไร รูปแบบไหน ใกล้ไกลเท่าไหร่ ผมก็จะรูส้ กึ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นตัวละครในช่วงชีวิตเราตอนนั้น มีพัฒนาการ กลายมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ นัน่ อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยลืมพวกเขาเลย ผมจึงสนุกทุกครัง้ ที่มีโอกาสได้บังเอิญเจอพวกเขาอีกครั้งในสถานที่และเวลาที่เปลี่ยนไป 4-6 คือซีรีส์ที่ผมอยากเขียนมาเป็นเวลานาน ด้วยความรู้สึก มากมาย ทั้ ง กลั ว ว่ า วั น นึ ง จะลื ม ชี วิ ต ช่ ว งนี้ ข องตั ว เอง เลยขอลง บันทึกประจำ�วันเอาไว้เสียหน่อย เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จะว่าด้วยชีวิตมัธยมศึกษาตอนปลาย ของข้าพเจ้า (ช่วงปี 2542-2544) ณ โรงเรียนแห่งหนึง่ แน่นอนว่านีไ่ ม่ใช่ การเอาชีวิต ม.ปลาย ของตัวเองมาประชัน แล้วบอกว่า ชีวิต ม.ปลาย ของผมนี่สนุกที่สุดในโลก เพราะแน่นอนว่าทุกคนย่อมมีชีวิต ม.ปลาย ฮาร์ดคอร์เป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าย่อมมีของบางคนที่สนุกกว่า ของผมอีก แล้วทำ�ไมถึงยังอยากจะเขียนอีกหนา ผมแค่คดิ ว่าชีวติ มัธยมปลายของเรามีจกั รวาลร่วมกัน 2-3 อย่าง ครับ 1. มันคือช่วงเวลาที่ตัวเรามีความกึ่งเด็กกึ่งโต กึ่งโง่กึ่งโง่มาก หลายสิง่ หลายอย่างทีเ่ รียกว่า ‘ครัง้ แรก’ เกิด ณ ช่วงเวลานี้ และแน่นอน ว่าเราจะรับมือกับมันไม่ค่อยได้หรอก (เพราะอย่างที่ว่า เรากำ�ลังกึ่งโง่ กึ่งโง่มากอยู่) หรือบางอย่างก็รอดมาได้เพราะดวงล้วนๆ 2. อารมณ์ในช่วง ม.ปลาย นี่ถูกขับเคลื่อนด้วยฮอร์โมนมาก เหลือเกิน ราวกับมีเมนส์กันทุกวินาทีทั้งหญิงและชาย เราจะโกรธมาก
เกลียดมาก รักมาก ชอบมาก รูส้ กึ กับอะไรเยอะเกินปรอท อินกันซะจน ตอนนีม้ านัง่ คิดดีๆ ก็คดิ ว่าจะทำ�แบบนัน้ กันไปทำ�ไมวะ แฟชัน่ บางอย่าง อุบตั ขิ นึ้ แบบไร้ทมี่ าทีไ่ ป เทรนด์บางอันทำ�ให้เราต้องเหนือ่ ยกันกว่าเดิม และการแหกกฎบางกฎซึ่งบางทีไม่ต้องแหกก็ได้นะ 3. ในหลายครั้ง เมื่อมองย้อนกลับไป ก็จะพบว่า นี่กูผ่านระบบ การศึกษานี้มาได้ไงวะ เขาให้ทำ�อะไรก็ทำ� เป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าการ ออกนอกกรอบคืออะไร อาณาเขตของโลกจบบริเวณตำ�บลอำ�เภอ ของโรงเรียน ตอนนั้นอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่ฮิต เราจึงไม่มีการตั้งคำ�ถาม อะไรทั้งนั้น แต่ในขณะเดียวกัน อีกหลายเรื่องๆ เราก็เพิ่งจะเข้าใจว่า วันนั้น อาจารย์จะทำ�แบบนั้นไปทำ�ไม ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนผ่านไปแค่ไหน ไม่ว่าเทคโนโลยีก้าวหน้า เพียงใด ชีวิตเด็ก ม.ปลาย เมืองไทยก็ยังเป็นแบบเดิมในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญญาอ่อนเหมือนเดิม โง่เหมือนเดิม ต๊องเหมือนเดิม ไร้สาระเหมือนเดิม ไม่มีเหตุผลกันเหมือนเดิม และเหมือนเดิมอีก หลายๆ เหมือนเดิม มันแค่เปลี่ยนฟอร์แม็ตใหม่ในการแสดงความ เหมือนเดิมเท่านั้นเอง ขอให้ความทรงจำ�ชีวิต ม.ปลาย ของผมเป็นเพียงจุดสตาร์ท ที่จะทำ�ให้ผู้อ่านได้เปิดเทอมในใจกันอีกครั้ง และระลึกถึงเรื่องราว ช่วง ม.4–6 ของคุณๆ เอง และถ้าคุณอ่านแล้ว เกิ ด อาการต้ อ งโทรเรี ย กเพื่ อ น ม.ปลาย มารวมตั ว กั น กิ น หมูกระทะในเย็นวันจันทร์ ผมก็รู้สึกสำ�เร็จการศึกษาแล้วครับ นวพล ธำ�รงรัตนฤทธิ์
สารบัญ EP 1
010
EP 10
064
ระเบียบวินอยด์ EP 11
070
เข้าสายศิลป์ จะไปเรียนปราบผีเหรอ
เป้ อาาา...รัก (แถมากครับ ชื่อตอน)
EP 2
EP 12
016
เจ็ดแต่จบ EP 3
022
076
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชา... EP 13
082
เรียนการกุศล มินิมาราธอน อุจจาลับ EP 4
028
EP 14
088
เข้าแถวหน้าเศร้าธง
กลุ่มคนมีสี ตอนที่ 1
EP 5
EP 15
034
094
คาบแรก
กลุ่มคนมีสี ตอนจบ
EP 6
EP 16
040
100
ISO 9002
ห้องมหัศจรรย์
EP 7
EP 17
046
เฮ ไฟไหม้
ไอ้เวร
EP 8
EP 18
052
104 110
ชื่อพ่อง
ท่อง (ไม่) จำ�
EP 9
EP 19
058
หลงทางตอนหลงเธอ (นี่ชื่อตอนหรือชื่อเพลงลูกทุ่ง)
116
ภาระศึกษา
EP 20
122
EP 30
182
ก่อนสอบ
ไม่รอดอ
EP 21
EP 31
128
หลังสอบ
รอดอ
EP 22
EP 32
134
188 194
ห้างใกล้เรือนเคียง
เด็กเก่าเล่าปีใหม่
EP 23
EP 33
140
202
ปิดเทอม (พิเศษไม่งอก)
FORGET ME NOT
EP 24
EP 34
146
208
หัวเน่า
วันแห่งความ SUCK
EP 25
EP 35
152
214
ท่านประธาน
น่าเอ็นท์ดู
EP 26
EP 36
158
220
กระแดะอังกฤษ
ดูผลเอ็นท์
EP 27
EP 37
164
226
กินเพื่ออยู่
ชนกลุ่มน้อย THE GREATEST HITS
EP 28
EP 38
170
บรรลุท่อง บรรลุธรรม EP 29
176
ยังไงดี
236
ปัจฉิมลิขิต EPILOGUE 242 THE VISITOR
EPISODE 5 :
คาบแรก
• พวกเราชอบคาบแรกของวิชา ยามเปิดเทอม • แต่แน่นอนว่าคุณครูย่อมไม่ชอบแน่นอน เพราะวันแรกแห่งการ เปิดเทอมมันจะเป็นหายนะแห่งการคุยในห้องเรียน (เนื่องจาก สมัยนั้นไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์กใดๆ ทั้งสิ้น ทำ�ให้เด็กๆ ในห้องจะเกิด อาการกระเหี้ ย นกระหื อ รื อ และกระหายในการพู ด คุ ย กั บ เพื่ อ น ที่พรากจากกันไปประมาณสามเดือน แต่เราจะคุยกันเหมือนเรา แยกกันไปติดคุกประมาณ 30 ปีแล้วเพิง่ ได้ออกมา เราจะพูดทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นในชีวิต ด้วยอัตราความเร็วดั่งการเขียนสเตตัสเฟซบุ๊ก 300 สเตตัสใน 5 นาที) • ส่วนคุณครูมกั จะชวนนักเรียนคุยด้วยคำ�ถามว่า “อ้า ปีนใี้ ครรูบ้ า้ งว่า พระโคกินอะไรในวันพืชมงคลที่ผ่านมา” • ส่วนพวกเราก็จะคุยกันว่า “อ้า ปีนี้ใครรู้บ้างว่าไอ้บอลกินอะไร ในวันพืชมงคลที่ผ่านมา” 36
• เอาเป็นว่าโดยรวม คือ ครูด่าตลอดเวลาในการปราบปรามจลาจล ด้านการเม้าท์ของเด็กๆ ในห้อง ถ้าครูเป็นคนซอฟต์ๆ ก็จะ “เงียบๆ กั น หน่ อ ยทุ ก คน ไม่ คุ ย นะ” ถ้ า ครู ฮ าร์ ด ๆ ก็ จ ะ “เปิ ด เทอมมา ก็เจี๊ยวใหญ่เลยนะพวกแก” • พวกเราหมู่ชายตกใจกันใหญ่ และไม่ใหญ่ (อันนี้แล้วแต่คน) โอ้ เวรี่ อิ ม แพ็ ก ต์ นี่ มั น วิ ช าภาษาไทย ทำ � ไมครู พู ด เหมื อ นจะสอน วิชาสุขศึกษา (ส่วนผู้หญิงต้องทำ�เป็นเหนียมอายหัวเราะคิกคัก ครูพูดไรอะคะ หนูไม่เห็นเข้าใจเลย... แต่มึงเขินหน้าแดงไปแล้ว) • เทอมหน้า ถ้าครูช่วยเพิ่มคำ�ว่า จ๊าว เข้าไปอีกสักหน่อยจะช่วย พวกผมได้มากเลยครับ • นั่ น แหละ หลั ง จากครู ส ามารถใส่ ต ะกร้ อ ครอบปากเด็ ก ในห้ อ ง ได้สำ�เร็จ พิธีกรรมของคาบแรกของได้เริ่มขึ้น • “สวัสดี นักเรียนทุกคน ครูชื่อ...” ประโยคแพตเทิร์นสำ�หรับคุณครู ทุกคน จากนัน้ ครูกจ็ ะเขียนชือ่ ตัวเองบนกระดาน พร้อมกับกำ�ชับว่า ถ้าเขียนชือ่ ครูผดิ ตอนส่งรายงาน จะหักคะแนน (คือเวลาทำ�รายงาน สิ่งที่ซีเรียสสุดไม่ใช่เนื้อหาข้างใน แต่คือการนั่งเช็กว่ากูเขียนชื่อครู ผิดรึเปล่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง เคยเกิดการถกเถียงกันในหมู่เพื่อน ก่อน ส่งรายงานว่า ครูคนนี้นามสกุล มีชื่น หรือ มีชูชื่น บางคนก็จำ�ได้ว่า มีชื่น บางคนบอกว่ากูเคยเห็น มีชูชื่น จริงๆ นะ สุดท้ายฟันธงกันว่า มีชนื่ เฉยๆ แต่ขา้ พเจ้าเขียนส่งแบบ มีชชู นื่ ไปแล้วคร่าบ เล่มรายงาน วางอยูบ่ นโต๊ะครูหน้าห้อง รูส้ กึ ถึงความฉิบหายมากๆ เพราะครูคนนี้ โหดมาก ถ้าเขียนชือ่ ผิดอาจมีการได้ศนู ย์ เพราะครูคนนีแ้ กแจกศูนย์ ได้สะพัดมาก ง่ายดายเหลือเกิน สุดท้ายต้องเดินเนียนไปหยิบ รายงานกลั บ มา แล้วบอกครูว่าลืมเติมเลขหน้าในรายงานครั บ จากนั้นก็ต้องมาเนียนเอายางลบปากกาลบชื่อครู (ถ้าใช้ลิควิดลบ 37
• •
• •
•
มันจะเห็นร่องรอยการแก้ไขชัดมาก) แล้วต้องลบทั้งชื่อทั้งนามสกุล เลย เพื่อให้เนียนจริงๆ นัยว่าไม่ได้แก้เฉพาะคำ�นะครับ ผมเผอิญ เขียนผิดตำ�แหน่งเฉยๆ อยากจะเขยื้อนเท็กซ์ไปทางซ้ายนิดนึง ส่วนชื่อครูถูกต้องตามปกติครับ ) นั่นคือ ผลร้ายของการไม่จำ�ชื่อครูในวันแรกที่ครูแนะนำ�ตัว (อ้อ อันนี้แถม ใครที่รู้ชื่อเล่นของครูได้นี่จะแบบ เหมือนเป็นเทพ เหมือนล่วงรู้ความลับสวรรค์ มันจะเดินมาพูดแบบ นี่ๆ ส่งการบ้าน ครูแอ๊ว รึยัง, เราก็จะถามว่าครูแอ๊วไหน, มันก็จะตอบว่า อ้าว ไม่รู้ เหรอว่า ครูพัชรีวรรณ ชื่อเล่นชื่อแอ๊ว, เราก็จะตอบว่า กูไม่รู้ กูรู้ แค่ว่ามึงก็เป็นคนเสือกใช้ได้นะ) หลังจากรู้ชื่อจริง (และชื่อเล่น) ของครูไปแล้ว หลังจากนั้นสิ่งที่ เราต้องทำ�คือ การจดจุดประสงค์การเรียนรู้ลงในหน้าแรกของสมุด ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ดูไร้จุดประสงค์มาก จริงๆ แล้วมันเป็นการแนะนำ�ว่าภยันตรายในการเรียนวิชานี้ที่อาจ เกิดขึน้ ในภายภาคหน้าจะมีอะไรบ้าง เหมือนครูพาทัวร์กอ่ นรอบแรก ว่า เนื้อหาของวิชานี้จะมีอะไรบ้าง แต่ประเด็นคือบางทีมี 20 ข้อ แล้วแต่ละข้อนี่เขียนยาวมาก ทุกข้อจะต้องเริ่มด้วยวลี ‘ให้นักเรียน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ...’ แล้วต้องเริ่มด้วยวลีนี้ทุกข้อ อีกทั้ง เราไม่สามารถใช้สัญลักษณ์ บุพสัญญา ละข้อความประโยคบน ได้ด้วย เพราะครูจะด่าว่าเป็นพวกขี้เกียจ (ขอสาธิตการใช้บุพสัญญา สำ�หรับคนที่ลืมไปแล้ว) 1. ให้ นั ก เรี ย นมี ค วามรู้ ค วามเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ การใช้ ต รี โ กณมิ ติ ในการคำ�นวณโครงสร้างเล้าไก่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 2. “-------------------------------------------------” การทำ�ความเข้าใจ
38
• • • • • •
ประวัติศาสตร์สังคมสมัยอยุธยาด้วย อะไรแบบนี้ คุณครูไม่ยอมให้ทำ� ครูคิดว่าถ้าเขียนว่า ‘ให้นักเรียน มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ...’ นักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจ มากขึ้นตามจำ�นวนการเขียน ใช่ จ ริ ง ๆ ครั บ ครู สิ่ ง เดี ย วที่ ผ มมี ค วามรู้ ค วามเข้ า ใจมากขึ้ น คื อ ผมเมื่อยมือ /จบ. หลั ง จากเขี ย นเสร็ จ แล้ ว เราก็ ต้ อ งส่ ง สมุ ด ให้ ค รู ก ลั บ ไปตรวจ (ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าครูเอาการจดจุดประสงค์การเรียนรู้ ไปตรวจอะไร) จากนั้นครูก็เลิกคาบก่อนเวลา เนื่องจากไม่มีอะไรจะสอน เอาไว้ สตาร์ ท ครั้ ง หน้ า พวกเราจึ ง เริ่ ม มี ค วามรู้ ค วามเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ ความดีงามของคาบแรกประจำ�วิชานั้นๆ อยากให้ ทุ ก วั น เป็ น คาบแรก จะได้ นั่ ง เม้ า ท์ จะได้ ไ ม่ ต้ อ งเรี ย น แถมได้เลิกเรียนก่อนเวลา ถึ ง ต้ อ งแลกกั บ การนั่ ง ตอบว่ า พระโคกิ น อะไรในวั น พื ช มงคล กับนั่งจดจุดประสงค์การเรียนรู้หน่อยก็คุ้มนะ
39
EPISODE 8 :
ชื่อพ่อง
• ชื่อพ่อชื่อแม่ คือ ความลับระดับชาติไทย • การปกปิ ด ชื่ อ พ่ อ แม่ ข องตั ว เองไม่ ใ ห้ เ พื่ อ นรู้ เป็ น ภารกิ จ ระดั บ ประเทศไทย • คาดว่านักเรียนฝรั่งคงไม่มีวัฒนธรรมนี้ ยังไม่เคยเห็นฝรั่งคนไหน เล่าว่า ตอนเด็กๆ ด.ช.อาร์โนลด์ โดนเพื่อนทั้งห้องเรียกว่าไอ้สตีฟ เพราะสตีฟเป็นชื่อพ่อ • แล้ววัย ม.ปลาย นี่แหละ เป็นวัยที่เด็กกำ�ลังเหี้ยได้ที่ ได้โปรดระวัง ชื่อพ่อชื่อแม่ของตัวเองเอาไว้ให้ดี • การล่าชื่อพ่อชื่อแม่ของคนอื่นนั้นสามารถทำ�ได้หลายวิธีการมาก เริ่ ม ตั้ ง แต่ ร ะดั บ เบสิ ก โดยการตามล่ า จากจดหมายของโรงเรี ย น ทีผ่ ปู้ กครองแต่ละคนต้องเซ็นรับทราบหรือเซ็นอนุญาตในเรือ่ งต่างๆ ลงไป ในใบนั้นนอกจากจะมีลายเซ็นผู้ปกครองที่อ่านไม่รู้เรื่องแล้ว มั น ยั ง ต้ อ งมี ชื่ อ แบบตั ว บรรจงบรรจุ อ ยู่ ด้ ว ย ...นี่ แ หละคื อ สิ่ ง ที่ เด็กนักเรียนทุกคนต้องปกป้องมันไว้ 54
• ดังนั้นเวลาเราส่งจดหมายตอบรับเหล่านี้ สิ่งที่ห้ามทำ�เด็ดขาดคือ การฝากเพื่อนส่งไปยังหน้าห้อง เพราะระหว่างทางจะเต็มไปด้วย เหล่ามารทีเ่ ตรียมล้วงความลับของเรารออยูแ่ ล้ว วิธกี ารทีด่ ที สี่ ดุ คือ เดินไปส่งกับครูด้วยตัวเอง หรือมีอีกทางหนึ่งคือให้ญาติคนอื่น เซ็ น เช่ น อาอี๊ ห รื อ น้ า สาวที่ ไ ม่ ไ ด้ ใช้ น ามสกุ ล เดี ย วกั บ เราเซ็ น ตลอดเวลา เพราะไม่มีใครมันล้อชื่อน้า หรือล้อชื่ออี๊กัน • แต่ สำ � หรั บ พวกที่ โ ดนสอยชื่ อ พ่ อ ไปเรี ย บร้ อ ย ก็ ต้ อ งให้ พ่ อ เซ็ น ตลอดเวลา อย่าได้เอาแม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้อีก • วงการการค้นหาชือ่ พ่อชือ่ แม่คนอืน่ นี้ ไม่ได้จบลงง่ายๆ ทีห่ อ้ งเรียน พวกมัน (จริงๆ ก็คอื พวกเรา) จริงจังกว่าการค้นหาศัพท์ในดิกชันนารี ตัวอย่างเช่น มีเพื่อนผมคนนึงเป็นลูกชายของอาจารย์ที่ทำ�งาน อยู่ห้องทะเบียน ด้วยความที่เพื่อนคนนี้จะเป็นแนวไม่ค่อยสู้คน อะไรมาก มันจึงโดนบังคับให้ได้รบั บัญชาจากพวกหลังห้องทีต่ อ้ งการ จะรู้ชื่อพ่อชื่อแม่ของเพื่อนอีกคน (ซึ่งไอ้นี่มันสามารถเก็บความลับ ของชื่อพ่อแม่ได้เก่งมาก เก็บยาวมาหลายปี) ให้ไปสืบชื่อพ่อชื่อแม่ ของไอ้นี่จากแฟ้มประวัติในห้องทะเบียน ไอ้ลูกอาจารย์คนนี้มันก็ ต้องแอบลักลอบทำ�ทีเข้าไปหาแม่ที่ห้องทะเบียนและแอบเอาแฟ้ม มาค้น จนได้ชื่อพ่อชื่อแม่ของเพื่อนคนนั้นมาได้สำ�เร็จ • (คำ�ถามจากนวพล วัย 29 ปี คือ พวกมึงจะทุ่มเทเรื่องพวกนี้ทำ�ไม ไอ้ลูกอาจารย์คงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น ทอม ครูซ ใน Mission Impossible ในช่วงเวลานั้น) • เหตุ ผ ลที่ ไ ม่ มี ใ ครอยากให้ ช าวโลกได้ รู้ ชื่ อ พ่ อ ชื่ อ แม่ ข องตั ว เอง เนื่ อ งจากวั ฒ นธรรมการล้ อ ชื่ อ นี่ มั น จะมาแบบไม่ ป รานี ม นุ ษ ย์ หน้าไหนจริงๆ ตัวอย่างเช่น 55
• เพื่อนของผมคนนึงมีพ่อชื่อเทียนชัย ทุกครั้งที่จะถึงวันพ่อ 5 ธันวา มหาราช ที่ ห น้ า เสาธงโรงเรี ย นตอนเช้ า จะต้ อ งมี ก ารพู ด ถึ ง การ จุดเทียนชัยถวายพระพร ก็นั่นแหละครับ ในแถวหน้าเสาธง ทุกคน ก็จะพูดถึงการจุดเทียนชัยราวกับอยากจะจุดเทียนชัยกันตรงนัน้ เลย เน้นกันจัง จุดเทียนชัย จุดเทียนชัย จุดเทียนชัย ประเด็นคือ วันที่ 5 ธันวา มีงานทุกปี เพื่อนคนนี้จึงได้รับการจุดเทียนชัยจากเพื่อนๆ ทุกปีเช่นกัน • หน้าเสาธงมันเพิ่งจะเบสิก บางรายโดนกันกลางคาบเรียน เช่น วั น นี้ ค รู จ ะสอนบทที่ 5 ว่ า ด้ ว ยเรื่ อ งเอกภพของจั ก รวา.. (‘เอก ภ้ พ พพพพพ...’ -เสี ย งลอยล่ อ งจากประชาชนในห้ อ งเรี ย นดั ง ทะลุความรู้มาก อยู่ดีๆ พวกมึงก็อยากรู้เรื่องเอกภพขึ้นมาซะงั้น) ครูบางคนก็จะดีใจ ว้าว เด็กกระตือรือร้นในการเรียน แต่ครูบางคน ก็จะถามต่อเลยว่า ทำ�ไม มันชื่อพ่อใครเหรอ • อีกอันเป็นเหตุการณ์คลาสสิก ไอ้ประเภทล้อชื่อพ่อเขาจนติดปาก แล้วโทรไปหาเพื่อนที่บ้าน แล้วขอสายเทียนชัยหน่อย ปรากฏว่า ได้เทียนชัยตัวจริงมารับสาย (พ่อเพื่อน) กับอีกแบบหนึ่งคือ ขอสาย เที ย นชั ย หน่ อ ย แล้ ว คุ ณ แม่ ที่ เ ป็ น คนรั บ สายนั้ น แอดวานซ์ ม าก จนรู้ว่า เทียนชัย ในที่นี้คือลูกตัวเอง ไม่ใช่สามี (คือแม่ก็อาจเคย ล้อชื่อพ่อเพื่อนมาก่อนเหมือนกันเลยเข้าใจดี) • กับอีกเคสนึง บางคนโดนล้อชือ่ พ่อ จนเพือ่ นลืมชือ่ จริงๆ ว่าชือ่ อะไร ยังไม่เท่าไหร่ เพราะ ระดับปริญญาเอกของเคสนี้คือ มีคนเคย เอาลิควิดไปลบชื่อเพื่อนในใบรายชื่อแล้วแก้เป็นชื่อพ่อเพื่อนแทน มั น ทำ � แบบนี้ ทุ ก วั น จนฝ่ า ยทะเบี ย นพริ น ต์ ใ บมาให้ ใ หม่ เ ป็ น ชือ่ พ่อเพือ่ น เพือ่ นมันก็ตอ้ งไปตามแจ้งทีห่ อ้ งทะเบียนอีก เป็นเรือ่ ง เป็นราวโดนด่ากันไป 56
• หลายคนนั้นหลังจากโดนล้อมาถึง ม.6 พวกมันก็วางแผนจะลบล้าง อดี ต อั น บอบช้ำ � ออกให้ ห มดหลั ง จากเรี ย นจบ แล้ ว ไปเริ่ ม ชี วิ ต ด้วยชื่อจริงของตัวเองในมหาวิทยาลัย • ปรากฏว่าแม่งสอบติดที่เดียวกันกับเพื่อนชุดเดิม • เทียนชัยไปอีก 4 ปี • จบ.
57
EPISODE 12 :
รายงานนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา...
• การทำ�รายงานในยุคอดีตเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตมัธยมปลาย • จงรับรู้ว่า ยุคข้าพเจ้าที่ต้องทำ�รายงานส่งอาจารย์นั้น เป็นยุคที่ อินเทอร์เน็ตยังไม่เบิกบานมากนัก กูเกิ้ลยังไม่มา มีแค่ยาฮู ส่วน วิกิพีเดียยังไม่มี พวกเราจึงอยู่ในวิกฤติพีเดียแทน • เขียนแบบนี้แล้ว ก็แก้คำ�ให้ใหญ่ขึ้นหน่อยว่า การทำ�รายงานใน ยุคนั้นเป็นเรื่องโลกแตกของชีวิต • เริ่มง่ายๆ จากการที่รายงานบางหัวข้อนั้น ครูจะสั่งเป็นหัวข้อเดียว กันหลายๆ ห้อง สิ่งที่จะเริ่มต้นขึ้นคือ ศึกชิงหนังสือในห้องสมุด ซึ่งอัตราส่วนระหว่างนักเรียนที่ต้องทำ�รายงานเรื่องนี้ กับหนังสือ หัวข้อนี้ในห้องสมุดนั้น อยู่ที่ประมาณ 70 ต่อ 1 คือ ถ้าพักกลางวัน วันที่อาจารย์สั่งรายงานนั้น ใครเสือกลงไปกินข้าวโรงอาหารเนี่ย มึงไม่มีหนังสือมาทำ�รายงานแน่นอน แล้วพอหนังสือเล่มนั้นโดน ยืมไปแล้ว อย่าหวังว่าจะได้คืนระหว่างฤดูกาล เพราะมันจะกลับมา อยู่ที่หิ้งหนังสืออีกทีเอาตอนรายงานเสร็จกันหมดแล้ว 78
• แน่ น อน มั น จะต้ อ งมี ค นที่ ช่ ว งชิ ง ไม่ ทั น มากมาย แต่ ไ ม่ เ ป็ น ไร เงินช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ แค่เราเดินทางไปห้องสมุดที่มีสมุดเยอะ มากๆ นั่นคือ ร้านศึกษาภัณฑ์ แหล่งอุดมปัญญาราคาไม่แพงมาก หรื อ ถ้ า จะหรู ก ว่ า นั้ น คื อ ร้ า นแพร่ พิ ท ยา ณ เซ็ น ทรั ล ลาดพร้ า ว ร้านสุดฮิตของเด็กนักเรียนทั่วประเทศ ซื้อกันกระหน่ำ� ว่าง่ายๆ คือ อาจารย์สั่งรายงานหนึ่งที สองร้านนี้แม่งจะรวยไปเลย • หลังจากได้หนังสือมาแล้ว ก็เป็นเรื่องของการกระจายกำ�ลังกันไป ทำ�งาน ในกรณีที่เป็นงานกลุ่ม ซึ่งแน่นอน เราจะแบ่งงานกันเป็น แผนกหาข้อมูล (เอาหนังสือมาขีดไฮไลต์ส่วนที่สำ�คัญ) แผนกพิมพ์ (พิมพ์ลอกข้อความมาจากหนังสือทีไ่ ด้มาจากศึกษาภัณฑ์) และแผนก นายทุน ( คือไอ้พวกที่ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับเราแต่ขี้เกียจ อยู่ไป มึงก็ไม่ทำ�อะไร งั้นมึงออกทุนค่าหนังสือ ค่าหมึก ค่าซีร็อกซ์ไป) • ความหุยฮาของการทำ�รายงานยังไม่สนิ้ สุด เนือ้ หาเป็นรอง ฟอร์แม็ต มาก่อน ซึ่งแปลว่า สิ่งที่เราต้องเผชิญคือ การเขียนคำ�นำ� สารบัญ บรรณานุกรม • การเขียนคำ�นำ�นัน้ บางทีไม่รจู้ ะเขียนไปทำ�ไม อาจารย์อา่ นด้วยเหรอ เพราะกูเขียนเหมือนกันทุกรายงาน แทบจะก๊อปมาแปะแล้วเปลีย่ น ชื่อวิชา หลักการของมันคือว่า เขียนอะไรก็ได้ บรรยายโลกสวยงาม วิชานี้มีคุณค่าต่อมนุษยชาติ หัวข้อรายงานนี้สร้างประโยชน์ต่อ กลุ่มประเทศอาเซียน อ้างเข้าไป ชนิดที่เขียนรายงานทีเดียว ขจัด ปัญหาความยากจนในประเทศซูดานได้เลย (แต่หัวข้อรายงานมึง เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของถั่วงอกในสภาพความชื้นต่ำ�บริเวณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะ) • หลังจากพรรณนาความสุดยอดเสร็จ คำ�นำ�จะสมบูรณ์ได้ต่อเมื่อ ท่านเขียนวลีปิดท้ายที่มีใจความประมาณว่า ‘ถ้ารายงานฉบับนี้ 79
•
•
• •
มีข้อบกพร่องประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย’ แค่นี้แหละ เป็น คำ�นำ�แล้ว สารบัญคือ สิง่ หยุมหยิม เป็นอะไรทีข่ เี้ กียจทำ� รายงานเป็นร้อยหน้า เราจะไม่ว่าอะไร แต่บางทีรายงาน 5 หน้า ก็จะเกิดคำ�ถามว่า กูต้อง ทำ�สารบัญด้วยเหรอ เพราะสภาพที่ออกมาคือ คำ�นำ� หน้า 1, สารบัญ หน้า 2, เนื้อหา หน้า 3, บรรณานุกรม หน้า 5 /จบ. แม่งเวรีเ่ ปลืองกระดาษ รายงานเล่มบางยังกะผ้าอนามัยซูเปอร์สลิม อาจารย์พลิกหาเลยจะเร็วกว่านะครับ ส่วนบรรณานุกรมนีเ่ ฮีย้ นกว่าสารบัญ เพราะมันจะต้องมีฟอร์แม็ตที่ เคร่งครัดมากกว่า เช่น ชื่อหนังสือเป็นตัวปกติ แต่ชื่อนักเขียนเป็น ตัวเอียง หลังชือ่ นักเขียนต้องมีลกู น้�ำ ต่อด้วยชือ่ โรงพิมพ์ ชือ่ เจ้าของ โรงพิ ม พ์ วั น เกิ ด เจ้ า ของโรงพิ ม พ์ ชื่ อ ลู ก สาวเจ้ า ของโรงพิ ม พ์ อะไรเยอะแยะเต็มไปหมด เวลาเขียนบรรณานุกรมส่งวิชาอื่นๆ จะไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะคาดว่าครูวิชาอื่นก็จะไม่รู้เหมือนกันว่า ไอ้ บ รรณานุ ก รมที่ ถู ก ต้ อ งมั น เป็ น แบบไหน แต่ เ มื่ อ ท่ า นต้ อ งทำ � รายงานส่งวิชาภาษาไทยนี่แทบจะต้องไปติวเขียนบรรณานุกรมเลย เพราะครูภาษาไทยจะซีเรียสมากๆ นึกว่าบรรณานุกรมหมดแล้วจะจบ... ยัง... มันยังเหลือหน้าปก ซูเปอร์ฟอร์แม็ตแห่งหน้าปก 1. รายงาน (คำ�ว่ารายงานตัวหนาๆ ใหญ่ อยูก่ ลางกระดาษด้านบน) 2. เรื่อง (ชื่อเรื่องและหัวข้อ) 3. จัดทำ�โดย (ชื่อคนทำ�พร้อมรหัสนักเรียน) 4. ส่ง (ชือ่ อาจารย์... ในรายงานเขียนอะไรผิดก็ได้้ จะบอกว่าฮิตเลอร์ ก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ได้ แต่ชื่ออาจารย์ห้ามผิด ไม่งั้นจะเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3) 80
5. รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา (ชื่อวิชาและรหัสวิชา ห้ามผิด พอๆ กับชื่ออาจารย์ โลกแตกเหมือนกัน) • ท้ายสุด ปกรายงานจะสมบูรณ์ได้ด้วยการพรินต์ปกด้วยกระดาษ หนังช้าง พร้อมด้วยเทปพันสายไฟสีๆ ติดทีส่ นั รายงาน ถ้าใครอยาก ดูดเี ป็นชนชัน้ สูง ต้องใช้กระดูกงูเข้าเล่ม (มีผลต่อคะแนนในบางครัง้ ) บางคนอยากไปสูงกว่านั้น ก็จะมีการใส่แผ่นใสอีกหนึ่งแผ่นเป็นปก ของปกอีกที • เขียนแล้วรู้สึกว่า ฉันกำ�ลังเขียนรายงานเรื่องการทำ�รายงานอยู่นี่... มันเยอะและซับซ้อนมาก ฉะนั้น ถ้ารายงานฉบับนี้มีข้อบกพร่อง ประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
81
EPISODE 19 :
ภาระศึกษา
• การเรียนวิชาพละนั้น ถือเป็นวิชาในฝันของเด็กๆ • อย่างแรกคือ อาจารย์พละมักเป็นอาจารย์ผชู้ ายใจดี ไม่เครียด ขีเ้ ล่น (โดยเฉพาะกับนักเรียนหญิง), สองคือ นั่นทำ�ให้พวกเราสามารถ คุยเรื่อยเปื่อยได้ในคาบวิชาเรียน, สามคือ วันนั้นจะเป็นวันที่เรา ได้ใส่ชดุ พละ ซึง่ มักจะเป็นชุดทีส่ บายมากๆ เอาเสือ้ ออกนอกกางเกง ได้อย่างไม่ผิดกฎโรงเรียน ผู้หญิงได้ใส่กางเกงวอร์มขายาวใส่สบาย จนบางรายนีม่ นั ใส่ชดุ พละมาเรียนเกือบทุกวัน อยากออกกำ�ลังกาย กันเหลือเกิน • ที่ สำ � คั ญ คื อ อย่ า งน้ อ ยพวกเราก็ ไ ด้ อ อกมาจากห้ อ งเรี ย นบ้ า ง มาเรี ย นอะไรที่ ไ ม่ ต้ อ งอ่ า นหนั ง สื อ สอบ มาสู ด อากาศข้ า งนอก มองนก มองไม้ รับอากาศบริสุทธิ์บ้าง • (นี่คือเรียนวิชาพละหรือเพิ่งออกมาจากคุกบางขวาง) • ชีวิตดีมากๆ 118
• “เทอมนี้ ครูจะทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย พวกเธอต้องวิง่ รอบ สนามให้ครบ 100 รอบ โดยสามารถเก็บแต้มได้ตลอดทั้งเทอม”... • “เทอมนี้ สิง่ ทีจ่ ะสอบคือ ต้องเดาะวอลเลย์บอลให้ได้ 100 ครัง้ โดยที่ มีโอกาสตกพื้นได้ 1 ครั้ง”... • “เทอมนี้ สิ่งที่จะเก็บคะแนนคือ ต้องเดาะลูกแบดฯ ให้ได้ 250 ครั้ง โดยที่มีโอกาสตกพื้นได้ 1 ครั้ง”... • “เทอมนี้ สอบรำ�ดาบ ต้องจำ�ท่าให้ได้”, “เทอมนี้ สอบเดาะลูก ปิงปอง”, “เทอมนี้ สอบเดาะบอล”... • เดาะหลายทีจนรู้สึกว่าแขนขากูเริ่มจะเดาะตามลูกปิงปองละ • ผมอยากกลับไปติดคุก ขอไปจำ�ศัพท์ภาษาอังกฤษดีกว่า • แต่ มั น ก็ ส ายไปแล้ ว จากที่ รู้ สึ ก ว่ า เป็ น วิ ช าพละ ก็ รู้ สึ ก ว่ า มั น คื อ วิชาภาระมากกว่า • การฝึกซ้อมเพื่อที่จะเอาไปสอบวิชาพละนั้นก็เริ่มต้นขึ้น ไอ้ประเภท วิ่งเก็บแต้มนั้นไม่เท่าไหร่ แค่ใช้เวลาเยอะ และต้องไปวิ่งทุกเย็น สนามวิ่งทั้งสนามก็อยู่ในสายตาอาจารย์หมด จะวิ่งโกงรอบก็ไม่ได้ วิ่งไปได้ 7 วัน ได้แค่ 10 รอบ เหลืออีก 90 รอบ แม่งรู้สึกว่ากำ�ลัง แก้ บ นอะไรสั ก อย่ า งมากๆ, อาจารย์ ค รั บ ไว้ ผ มเอ็ น ท์ ติ ด แล้ ว ผมมาวิ่งชดเชยได้ไหม ขอติดหนี้ไว้ก่อน • ที่เหนือกว่าวิ่งเก็บแต้มนั้นคือประเภท เดาะวอลเลย์บอล 100 ครั้ง นีแ่ หละ คือว่าจำ�นวนนักเรียนในโรงเรียนนัน้ มีระดับชัน้ ละประมาณ 500-600 คน แต่ลูกวอลเลย์บอลห้องพละนั้นมี 10 ลูก /จบ. • คื อ ไปๆ มาๆ แย่ ง ชิ ง ลู ก วอลเลย์ บ อลนี่ เ หนื่ อ ยกว่ า การเดาะ วอลเลย์บอลอีก ลูกน้อยไม่เท่าไหร่ บางทีอุตส่าห์ไปแย่งกันมาได้ แล้ว ปรากฏว่าลูกแฟบ แฟบไม่พอ เอาไปสูบลมแล้วก็ยังแฟบ สรุปคือ ลูกมันรั่ว จบเกม 119
• บางคนถึงขั้นลงทุนไปซื้อลูกวอลเลย์บอลมาซ้อมเองเลย กะว่า สอบเดาะผ่านแล้ว จะไปสมัครทีมชาติต่อ • การสอบเดาะวอลเลย์ บ อลนี้ จ ะสนุ ก มาก แขนแต่ ล ะคนจะแดง สวยงามมาก ถ้าใครมีสีม่วงๆ ฟกช้ำ�นี่จะเวรี่เท่ แต่ถ้าจะเท่กว่านั้น ต้องเล่นวอลเลย์บอลแล้วนิ้วซ้น ท่านจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ประจำ�ชั้นทันที “เฮ้ย ไอ้บอลแม่งนิ้วซ้นเลยนะเว่ย ทุ่มเทมาก” ไอ้บอลอาจจะอยากนิ้วซ้นให้ครบห้านิ้วไปเลย รู้สึกภูมิใจ • ส่วนทีเ่ ด็กผูช้ ายจะมีความสุขกันมากๆ คือสอบเตะบอล เพราะปกติ มันจะเล่นกันอยูแ่ ล้ว คราวนีเ้ ล่นแล้วได้คะแนนด้วย ทำ�ไมจะไม่เวิรก์ แต่ในเคสเด็กเตะบอลไม่เป็นอย่างข้าพเจ้านี่ เตรียมตัวคะแนนห่วย ได้ เ ลย การสอบเตะบอลนั้ น จะมี ก ารให้ แข่ ง ระหว่ า งห้ อ งด้ ว ย บางแม็ตช์นั้น ลูกบอลไม่ถึงเท้ากูเลย วิ่งไล่อย่างเดียว จนสงสัยว่า นี่คือสอบวิ่งแข่งหรือสอบเตะบอล • แต่ที่พีคสุดของวิชาพละคือ การเรียนลีลาศ • การเรียนลีลาศนั้นไม่เน้นความรุนแรงทางกาย แต่จะเน้นความ รุ น แรงทางใจ เนื่ อ งจากจะต้อ งมีการถูกเนื้อ ต้อ งตัว กั น ระหว่ า ง สองเราสาวหนุ่ ม การจั บ คู่ เ ลื อ กคู่ นั้ น มี ค วามละเอี ย ดอ่ อ นมาก อาจกระทบความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเพื่ อ นตลอดไป (เริ่ ม พู ด เป็ น นิยายรักนักศึกษา) • ช่วงจับคู่เต้นวันแรกนี่จะแบบเหงื่อแตกกันมาก มีการละล้าละลังว่า จะเอาไงดีสูงมาก ถ้าเราอยากจับคู่กับเธอ เธอจะเอาด้วยไหม ถ้ า ไปขอคู่ ด้ ว ยแล้ ว เขาไม่ เ อาจะหน้ า แหกมั้ ย หรื อ ไม่ เ อาดี ก ว่ า ในขณะที่ คิ ด อยู่ ปรากฏว่ า มี เ จ๊ ท อมประจำ � ห้ อ งมาขอคู่ ด้ ว ย โดยกล่าวว่า ตอนวิชาอังกฤษกูชว่ ยมึง วิชาลีลาศนีม่ งึ ต้องช่วยกูเลย
120
• แต่ดว้ ยความทีอ่ ยูห่ อ้ งสายศิลป์-ภาษา ประชากรชายนัน้ จำ�เป็นต้อง รั บ เหมาเป็ น คู่ ใ ห้ ส าวในห้ อ งอย่ า งหลี ก เลี่ ย งไม่ ไ ด้ เรี ย กได้ ว่ า ขายแรงงานอย่างแท้จริง (ส่วนห้องไหนที่มีสาวประเภทสองหรือ ชายประเภทสามนัน้ แม้วา่ ในใจของเขานัน้ จะอยากเต้นกับหนุม่ มาก แค่ไหนก็ตาม คนคนนัน้ ก็จะต้องรับภาระเต้นกับสาวเยอะเป็นพิเศษ เพราะผู้หญิงไม่เขินในการจับมือ เด็กผู้ชายจะอิจฉามาก เพราะ สาวสวยๆ จะชอบรีบไปจับคู่กับแก๊งสาวประเภทสองเพื่อความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน) • การจำ�ท่าเต้นนั้น ง่ายกว่าการพยายามจับมือกันครั้งแรก ถ้าได้เจอ เพื่ อ นสาวเขิ น ๆ นี่ จ ะยากมาก เพราะมั น จะไม่ ก ล้ า จั บ มื อ เรา แต่ถ้าได้ประเภทเจ๊ประจำ�ห้อง หรือทอมประจำ�ห้อง นี่จะไร้ความ รู้สึกใดๆ เพราะเหมือนจับมือกับแม่ที่บ้าน รู้สึกราวกับเต้นรำ�กับ เพื่อนชาย ไม่มีอาการเขินใดๆ ด้านชาอย่างเดียว • สุดท้ายผมก็ไม่ได้เต้นรำ�กับสาวทีช่ อบหรอกครับ ชีวติ มันเลือกไม่ได้ • แต่ ถ้ า ได้ เ ต้ น ด้ ว ยกั น ผมคิ ด ว่ า มั น น่ า จะเป็ น การเรี ย นวิ ช าพละ ที่โรแมนติกที่สุดในโลก
121
EPISODE 20 :
ก่อนสอบ
• การสอบ เป็ น กิ จ กรรมเข้าจัง หวะที่สำ�คัญ กิจกรรมหนึ่ งของเด็ ก นักเรียนทุกคน แต่ในช่วงชีวิตวัย ม.4-6 จะเป็นช่วงที่สำ�คัญมาก เป็นพิเศษ เข้าจังหวะจนหลายครั้งก็เกิดอาการคร่อมจังหวะด้วย เช่นกัน • ในยุคสมัยของข้าพเจ้านั้นเป็นช่วงที่เริ่มการนำ�คะแนนสอบของ ช่วง ม.ปลาย มาประมวลผลรวมกันเป็นคะแนนเสริมในการสอบ เอ็นทรานซ์ หรือทีเ่ รียกว่าค่า GPA และ ค่า PR (สมัยนัน้ ยังไม่มสี อบ โอเน็ตโอท็อปอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงการสอบเอ็นทรานซ์สองรอบ แล้วให้เลือกคะแนนที่ดีที่สุดจากสองรอบนั้นมารวมกัน) ดังนั้น มันไม่ใช่เรือ่ งเล่นๆ ทีจ่ ะมาสอบเอามัน หรือสอบเน้นความเพลิดเพลิน เพราะมันมีผลต่อการกำ�หนดอนาคตมากๆ • ด้วยความเป็นคนเนิรด์ สงครามระหว่างบุคคลก็ได้เริม่ ขึน้ ผมยอมรับ ว่าผมเนิร์ดมากจนอยู่อันดับต้นๆ ของห้อง ในเมื่อขึ้นหลังเสือแล้ว 124
•
•
•
•
ก็ลงยาก ดังนั้นจึงได้มีโอกาสขี่เสืออยู่สามปีเต็ม ซึ่งเวรี่เหนื่อย การแข่งขันกันบนหลังเสือเพิ่มความระทึกให้กับชีวิต เวลาอ่าน หนังสือนี่ไม่ได้คิดว่าจะเอ็นทรานซ์อะไรทั้งนั้น อ่านเอาไว้ก่อน คิดแค่ว่าเทอมนี้กูต้องท็อปวิชาอังกฤษ ท็อปภาษาไทย ท็อปสังคม เครียดเหี้ยๆ เพราะตอนนั้นเวลาจะชนะจะแพ้กัน มันจะตัดกัน 1-2 คะแนนเท่านั้น และมันจะอยู่ในเลเวลช่วงคะแนน 90 กว่าๆ เต็ม 100 ให้ความรู้สึกว่ากำ�ลังเดินไต่เชือกข้ามหน้าผามากครับ เวลาทำ�ข้อสอบจะรู้สึกว่า ห้ามไม่มั่นใจเกิน 10 ข้อ ในการจะได้คะแนนเยอะขนาดนั้น เราก็มีสิ่งต้องทำ�หลายอย่าง เช่นอย่างแรก คือ การจับทางอาจารย์ขณะสอน บางครั้งอาจารย์ จะชอบพูดไกด์บางอย่างว่าตรงนี้ออกสอบแน่นอน แต่อาจารย์ จะไม่ยอมพูด ว่ า ออกสอบแน่น อน ออกมาตรงๆ แต่ แกจะมา ในคีย์เวิร์ดบางอย่าง เช่น “ดูดีๆ นะ” พอพูดคำ�นี้ปั๊บ กาดอกจัน บนหนังสือกันแทบไม่ทนั หรือบางครัง้ ก็จะมีการได้แนวข้อสอบลับๆ มาจากไหนก็ไม่รู้ ถือได้ว่าลับจริงๆ แต่เอาเถอะ กูไม่สนว่าลับไม่ลับ แต่ตอนนี้ขอรับมากาดอกจันกันก่อน กิจกรรมที่สำ�คัญอีกอย่างคือ การติวหนังสือเป็นหมู่คณะ ในระดับ ชั้ น นั้ น ๆ จะต้ อ งมี ศ าสดาองค์ ห นึ่ ง ที่ ทำ � หน้ า ที่ ติ ว หนั ง สื อ ให้ กั บ มวลชน เราจะเห็นการจับกลุม่ ติวกัน ซึง่ กิจกรรมนีจ้ ะเป็นสวรรค์มาก สำ�หรับพวกที่ไม่ได้อ่านเหี้ยอะไรมาเลย แม้ว่ามะรืนนี้จะสอบแล้ว ก็ตาม แต่หลายครัง้ เวลาผ่านไป ศาสดาหลายคนก็เลิกติว เนือ่ งจาก ติวแล้ว ศาสดาเสือกได้คะแนนน้อยกว่าไอ้พวกลูกศิษย์แก๊งหลังห้อง ที่เพิ่งมาติวสองวันก่อนสอบ /จบ. หากศาสดาอำ�ลาวงการไปแล้ว หรือศาสดาประกาศตัวว่า กูก็อ่าน ไม่ทนั เหมือนกัน การติววิชาต่างๆ ด้วยตัวเองนัน้ มีรปู แบบมากมาย 125
หลายประการ โดยปกติแล้วเรามักจะตั้งปณิธานในช่วงต้นเทอมว่า เทอมนีเ้ ราจะเริม่ ต้นทำ� short note เพือ่ สรุปเนือ้ หาต่างๆ เพือ่ จะได้ ง่ายต่อการอ่านในช่วงก่อนสอบ แต่การตั้งใจว่าจะทำ� short note มันก็ short จริงๆ ทำ�ไปได้หนึ่งบท ก็จะเริ่มบอกตัวเองว่า “เดี๋ยว เรียนไปสามบท ค่อยทำ�ทีเดียวดีกว่า” ตัดภาพไป ก่อนสอบสามวัน ยังคงมี short note แค่บทที่ 1 /จบ. • เมื่อขี้เกียจทำ� short note เราก็จะพัฒนาตัวเองสู่การขีดไฮไลต์แทน บางคนก็มีปากกาไฮไลต์สีเดียวในชีวิต บางคนก็มีแม่ง 7 สีเลย มึงจะระบายสีหนังสือส่งประกวดหรือกระไร ทำ�ไมมันเยอะขนาดนี้ การขีดไฮไลต์นั้นทำ�ให้ชีวิตง่ายขึ้นและรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะ ไม่เหนือ่ ยเท่าเขียน short note ขึน้ มาใหม่ หลักของการขีดไฮไลต์คอื เราจะขีดเฉพาะส่วนสำ�คัญของเนือ้ หา เพือ่ ให้ดงู า่ ยยามกลับมาอ่าน อีกครั้ง อะไรคิดว่าอาจออกสอบ ขีดไปให้หมด อะไรสำ�คัญมากๆ ขี ด ไปให้ ห มด ขี ด ไปขี ด มา ขี ด แม่ ง หมดทั้ ง หน้ า เลย สั ด สำ � คั ญ ทุกบรรทัดในหน้านัน้ เลย ตกลงก็ตอ้ งอ่านหมดนี่ มองไกลๆ หนังสือ นี่เป็นลายสวยงามมาก ยิ่งไอ้พวกมีปากกา 7 สีนี่ แต่ละหน้ากูนึกว่า ภาพแอ็บสแตร็กต์ • โชคยังดี ที่โรงเรียนมีการให้หยุดอ่านหนังสือสอบ เป็นโครงการ ไถ่ชีวิตนักเรียนมากๆ ให้ได้มีเวลาหายใจสักเล็กน้อย ความเศร้า จะอยูต่ รงทีส่ อบมิดเทอมบางปีจะใกล้กบั ช่วงปีใหม่ หรือช่วงเทศกาล รื่นเริง ช่วงนั้นจะทรมานมาก นี่เราหยุดกันไปเพื่ออะไร ฉลองปีใหม่ ด้วยปากกาไฮไลต์ ฉลองเทศกาลด้วยการอ่านเรือ่ งราวของสงคราม เก้าทัพในหนังสือวิชาสังคม • อะไรก็ไม่ตนื่ เต้นเท่าหนึง่ วันก่อนสอบ มันจะเป็นวันทีผ่ สมกลมกลืน ระหว่างความรู้สึกมากมาย จะมีความก้ำ�กึ่งว่า “เราต้องอ่านให้มาก 126
ที่สุดเท่าที่เวลาจะยังเหลืออยู่” กับ “ยังไงก็ไม่ทันแล้วล่ะ อ่านไป ก็ไม่เข้า เลิก /จบ.” คืนวันนั้นนี่จะรู้สึกหดหู่สิ้นหวังมาก แล้วบอกกับ ตัวเองว่า “เทอมหน้าเราจะต้องทำ� short note ให้ได้” ...ซึ่งเป็น ประโยคเดียวกับที่พูดเมื่อปลายเทอมที่แล้ว • คืนวันก่อนสอบ ไม่มีใครนอนหลับหรอกครับ ส่วนตื่นเช้ามาเป็น อย่างไร ติดตามต่อตอนหน้า
127
เกี่ยวกับผู้เขียน นวพล ธำ�รงรัตนฤทธิ์ • เป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส เข้ากับเพื่อนๆ ได้ง่าย การเรียนพอใช้ อาจมีบ้าง ที่ส่งการบ้านไม่ตรงเวลา แต่งานก็ออกมาเรียบร้อยดี • มีสมาธิในห้องเรียนเฉพาะวิชาทีช่ อบ ดือ้ กับครูบา้ งเป็นบางครัง้ แต่ไม่เคย เถียงครู เน้นไปทางงอนแต่ไม่พูด แล้วเก็บไปเขียนหนังสือมากกว่า • สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี มีสวิ บ้างประปราย ชอบลืมทานอาหาร ไม่คอ่ ย ดื่มนม ดื่มแต่กาแฟ • ต้องปรับปรุงเรื่องพูดจาไม่สุภาพ และ ชอบเขียนหนังสือเนื้อหาที่ขัด กับศีลธรรมอันดีของสังคม การบ้านที่ผ่านมา • ที่โรงภาพยนตร์ไกลบ้านคุณ, เมดอินไทยแลนด์ / สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก • เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ, TOP SECRET วัยรุ่น พันล้าน, รักเจ็ดปี ดีเจ็ดหน / ค่าย GTH • เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง HOME ความรัก ความสุข ความทรงจำ� / กำ�กับ โดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล • กำ�กับเอ็มวีเพลง หมุน / โดย GREASY CAFE อัลบั้ม THE JOURNEY WITHOUT MAPS • กำ � กั บ ภาพยนตร์ ข นาดสั้ น เรื่ อ ง มั่ น ใจว่ า คนไทยเกิ น หนึ่ ง ล้ า นคน เกลียดเมธาวี และ SORRY • กำ�กับภาพยนตร์ขนาดยาว เรื่อง 36 และ MARY IS HAPPY, MARY IS HAPPY
เกี่ยวกับผู้วาด กษิดิ์เดช เหมพรหมราช • จบ ม.ปลายจากโรงเรียนทวีธาภิเศก โรงเรียนชายล้วน ใกล้บ้านสุดๆ แต่ก็ไปสายประจำ� ตอนเรียนก็เรียนเรื่อยๆ ขำ�ๆ จนเอ็นท์ เข้ามหา’ลัยได้ ถึงได้เริม่ ค้นพบว่าชอบวาดรูป เลยซิว่ ไปเดินตามความฝัน บัดนีฝ้ นั เป็นจริงได้วาดรูปในแอนิเมชัน่ สตูดโิ อแล้ว แต่กย็ งั ชอบฝันร้ายว่า เฮ้ย เรียนไม่จบนะเรา ตื่นแล้วแต่งตัวไปโรงเรียน ไปเรียนให้จบซะดีๆ กึ๋ย
ขอบคุณ • พี่บิ๊ก • พี่โบลด์ • พิมพ์นารา • พี่ทราย • เบส • จิ้ว • ชาวนิตยสาร MONDAY • เพื่อนๆ สมัยมัธยมปลายทุกคน • โรงเรียนมัธยมศึกษาของผม • ระบบการศึกษาของประเทศไทย
หนังสือในชุด Life & Inspiration ลำ�ดับที่ 007 เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-029-0 พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2556 ราคา 225 บาท ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ
นวพล ธำ�รงรัตนฤทธิ์. 4-6. -- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2556. 248 หน้า. 1. ความเรียง. I. กษิดิ์เดช เหมพรหมราช, ผู้วาดภาพประกอบ. II. ชื่อเรื่อง. 895.914 ISBN 978-616-327-029-0
บรรณาธิการที่ปรึกษา วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการบริหาร ภูมิชาย บุญสินสุข ผู้ช่วยบรรณาธิการ สุรเกตุ เรืองแสงระวี อาร์ตไดเร็กเตอร์ บพิตร วิเศษน้อย กราฟิกดีไซเนอร์ เพกา เจริญภักดิ์ กราฟิกดีไซเนอร์ เมธาสิทธิ์ กิตติกุลยุทธ์ เลขานุการ/พิสูจน์อักษร พิมพ์นารา มีฤทธิ์ กองบรรณาธิการ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ การตลาด วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล ประสานงานการผลิต อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ ดิจิทัลคอนเท็นต์มาสเตอร์ วิศรุต วิสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ลูกค้าสัมพันธ์ นริศรา เปยะกัง เว็บมาสเตอร์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่
สำ�นักพิมพ์
บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด
เลขที่ 3 ซอยเจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2726-9996 ต่อ 22 โทรสาร 0-2714-4252 E-mail abook9@gmail.com Official Page facebook.com/abookpublishing แยกสีและพิมพ์ บริษัท ทีเอส อินเตอร์พริ้นท์ จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2174-4252 จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609 สั่งซื้อหนังสือราคาพิเศษ 0-2726-9996 ต่อ 49 E-mail member@daypoets.com
ในกรณีที่หนังสือชำ�รุด หรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือนั้นมาตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ ทางสำ�นักพิมพ์ยินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ให้ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น