ดินแดนแสนดอกไม้

Page 1


1


คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์

2


หนังสือในชุดไตรภาคของ ทรงกลด บางยีข่ นั อันประกอบด้วย ต้นไม้ใต้โลก ดอกไม้ใต้โลก และ ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์ คือหนึ่งในผลงานที่ช่วยนิยามความเป็น อะบุ๊กได้อย่างชัดเจน หนังสือชุดนีเ้ ต็มไปด้วยเรือ่ งเล่าและข้อมูลความรูท้ แี่ สดงความปรารถนาดี ต่อโลกและเพือ่ นมนุษย์ ทัง้ หมดเป็นเรือ่ งราวเล็กๆ ง่ายๆ และไม่วา่ มันจะงอกงาม ขึน้ มาจากการความพยายามจะปัน้ ฝันให้เป็นจริง จากความพยายามทีจ่ ะแก้ปญ ั หา หรือจากน้ำ�ใจที่อยากจะปันให้ผู้อื่นก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้ต่างก็เป็นข้อพิสูจน์ชั้นดี ที่ทำ�ให้เราได้เห็นว่า โลกนี้ยังน่าอยู่ หนังสือยังแสดงความเกี่ยวเนื่องระหว่างชีวิตทุกชนิดประเภทบนโลกนี้ ว่าเราทัง้ หมดล้วนสัมพันธ์กนั ปัญหาทีเ่ ราก่อขึน้ จะโยงใยไปมีผลกระทบต่อชีวติ อืน่ ๆ ได้เสมอ แต่สงิ่ ดีๆ ทีเ่ ราสร้างขึน้ มา ก็จะเอือ้ ประโยชน์ไปสูช่ วี ติ อืน่ ๆ ได้เช่นเดียวกัน แรงบันดาลใจ เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ยากนัก แต่แรงบันดาลใจที่ขับเคลื่อนเราได้ จริงๆ เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายเลย และนั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็น

สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก ตุลาคม 2556


ปลูกดอกไม้

4


เรื่องราวที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้คัดสรรมาจากหนังสือเรื่อง ต้นไม้ใต้โลก ดอกไม้ใต้โลก ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์ และเรือ่ งทีย่ งั ไม่เคยตีพมิ พ์รวมเล่มอีกจำ�นวนหนึง่ ผมเริ่มเขียนเรื่องราวพวกนี้เมื่อ 6 ปีก่อน ยุคนั้นสังคมไทยเริ่มตื่นตัวกับ การออกมาสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม ครั้งนั้น วิธแี ก้ปญ ั หามีอยูไ่ ม่มาก เป็นวิธเี ดิมๆ ทีเ่ ราคุน้ เคย ไม่สนุก และไม่คอ่ ยมีพลัง โลกใบนีด้ แู ลได้หลายวิธี ผมเชือ่ แบบนัน้ เลยพยายามแบ่งปันเรือ่ งราวการดูแลรักษาโลกในแบบอืน่ ๆ ทีแ่ สนจะมีสสี นั สูก่ นั ฟัง ช่วงแรก ผมตื่นเต้นกับความคิดสร้างสรรค์และความเท่ในงานเหล่านี้ แต่พออยู่กับมันนานขึ้น ก็พบว่า ความเจ๋งของงานเหล่านี้ไม่ได้อยู่ท่ีความต่าง หรือความเท่ แต่คณ ุ ค่าแท้จริงทีท่ �ำ ให้งานมีพลังคือ มันช่วยแก้ปญ ั หาได้ ช่วงหลัง ผมเลยสนใจงานที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ เป็นงานที่คิด ขึน้ มาเพือ่ ตัง้ ใจแก้ปญ ั หา ไม่ใช่ตง้ั ใจหาชือ่ เสียง ชือ่ เสียงทีไ่ ด้รบั กลับมาเป็นแค่ผลพลอยได้จากการลงมือทำ�จนสำ�เร็จ จริงอยูท่ โ่ี ลกเราเต็มไปด้วยปัญหา แต่หากมองดีๆ เราก็จะเห็นคนทีพ่ ยายาม แก้ปญ ั หากระจายตัวอยูท่ กุ ที่ คนเหล่ า นี้ก็เ หมือ นดอกไม้ดอกเล็กดอกน้ อยที่เ บ่ งบานเป็ น ความงาม และความหวังท่ามกลางแผ่นดินแห่งปัญหา คนเหล่านีท้ �ำ ให้โลกงดงาม ผมเชือ่ อย่างนัน้ พวกเราทุกคน เป็นส่วนหนึง่ ของความงามนีไ้ ด้ วันนีเ้ ป็นแค่ดนิ แดนแสนดอกไม้ ถ้าได้พวกเรามาเติม โลกของเราก็จะละลานไปด้วยล้านดอกไม้

ทรงกลด บางยี่ขัน


สารบัญ สารบัญ ต้นไม้ใต้โลก ถักไหม ทิง้ ทีท่ ท่ี ง้ิ แปะ แปะ แก้ไม่ได้ ก็ไม่แก้ ดาวน์ TOWN น่าเตะ เครือ่ งบินผลิตดาวตก ฟุตบอลของคนไม่มบี า้ น พึง่ ผึง้ ลูกค้าหน้าเก่า ไม่มลี มิ ติ ชีวติ เกินร้อย ไม่ตอ้ งตาย พิมพ์ผดิ ถ้าคุณเหงาเขาคือเพือ่ น ต้นไม้กบั ระเบิด ้ เสียเหงือ่ ให้กฬ ี าดีกว่าเสียน�ำ ตาให้สงคราม สวยจากภายในถึงภายนอก บ้าน่า! วรรณกรรมปราบอาชญากรรม คนวนขวา ลืมยืม รูแ้ ล้วเหยียบไว้ ความสุขจากมิวสิกวิดโี อ 6

13 17 21 25 29 33 37 41 45 49 53 57 61 65 69 73 77 81 85 89 93 97 101


หน้ามืด จากไปอย่างสงบ สถาบันขิงแก่ ปลอดปล่อย คุณแพะช่วย! พรางชมพู ไอ้เสือปลูก! โฆษณามีพลัง อาหาร ศิลปโอชา

105 109 113 117 121 125 127 131 135

141 147 151 157 161 167 173 177 183 187 191 195 199 205 211 217

ดอกไม้ใต้โลก ... ชาวบ้านผ่านศึก เราต่างยืนอยูบ่ นตีนเขา (คนละข้าง) อย่าหย่า คอนเสิรต์ โลก ดนตรี และ Radiohead ไม่ใส่ไส้ โลกต้องการเพือ่ นเล่น ทีมชาติองั กฤษชุดประหยัดพลังงาน รับรือ้ รัว้ สินค้าปลอดมาเฟีย มอมแมมมอธ ประวัตทิ กุ บุคคลสำ�คัญ เสียชีพ อย่าเสียสัตว์ สุขสโมสร ขอขวด ได้ยนิ แต่ไม่ได้ฟงั

7


ธรรมชาติวาดรูป 221 M(uslim)TV 225 ความสุขรถช็อกโกแลต 229 ความดังไม่ใช่ความดี 233 หาให้ 237 คิด ถึง คิด 241 กฎไม้ กฎหมาย 245 ห่อของฉัน 249 คุณสมบัตขิ องกระดาษทีว่ ทิ ยาศาสตร์ยงั พิสจู น์ไม่ได้ 255 หนังสือเล่มนีเ้ คยเป็นต้นไม้มาก่อน 259 คนดีของเธอ 263 ขอให้ผม 267 เปลีย่ นโลกด้วยการเปลีย่ นกางเกงใน 273 ธนบัตรขัดขืน 279 หนูท�ำ ได้ 285 ลดลง มากขึน้ 289 ปิดปืน 293 คุณค่าของครูคา ่ 299 วันทีเ่ ราเท่ากัน 305 แลกด้วยเลือด 309 เมือ่ เหตุการณ์แบบ Avatar เกิดทีเ่ อกวาดอร์ 313 ตืนก่อนฝัน 317

ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์ คนลดคันเร่ง ส่งเสริมการส่งเสียง เลีย้ งทัง้ ร้าน 8

325 329 333


ร่วมร่ม จนนักแต่รกั จริง ใครไร้บา้ น ลดโรงเรียน รักกันหนา พากันหนี ประโยชน์ใช้สอย ประโยชน์ใช้สวย ฝันซ้อนฝัน คนหาย ของไม่หาย อาสานิยมสังคมเป็นสุข พ่อดีพอดี ตะเกียบตะกาย ตืน่ การ์ตนู พาหนะพาชนะ นมนาน หุน่ ดี ไม่หมด ไม่อด เดีย๋ วสวย อย่าใช้ใจพิกลมองคนพิการ กากล้า ผูป้ ระสงค์จะออกนาม ชราแค่ภาพ งานแต่งงาน ไม้ไกลฝัง่ ภูตนิ อ้ ย ทำ�เยอะ ยากูซา่ อาสา หนอนไม่มตี าแต่วา่ ชอบอ่านหนังสือ

337 341 345 349 353 357 361 365 369 373 377 381 385 389 393 397 401 405 409 413 417 421 427 431 435 441

9


10


ต้นไม้ใต้โลก

11


84


วรรณกรรมปราบอาชญากรรม “การไม่ใช้ความรุนแรงคือพลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ มันมีอานุภาพยิ่งกว่าอาวุธท�ำลายล้างที่ทรงอานุภาพที่สุด ที่มนุษย์คิดสร้างขึ้นมาได้” มหาตมะ คานธี

เม็กซิโก ซิตี้ เป็นเมืองหลวงของประเทศเม็กซิโก แต่ถึงอย่างนั้นเมืองนี้ ก็ยังเต็มไปด้วยประชากรผู้ไม่รู้หนังสือ และพลเมืองผู้ตั้งใจเอาดีทางด้านการ ประกอบอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตสถานีรถไฟใต้ดิน ซาเวียร์ กอนซาเลซ การ์ซา ผู้อ�ำนวยการรถไฟใต้ดินลงมือแก้ปัญหา อาชญากรรมด้วยการใช้วรรณกรรม วิธีคิดและวิธีการไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เขาเชื่อ ว่าถ้าเราได้อา่ นหนังสือดีๆ เราก็จะเป็นคนดี เมือ่ เราเป็นคนดี คิดดี ท�ำดี อัตราการ จี้ปล้นฉกชิงวิ่งราวก็จะลดลงไปเอง ว่าแล้วการ์ซาก็จัดการปรับระบบรถไฟใต้ดิน ทัว่ เมืองเม็กซิโก ซิตใี้ ห้กลายเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ยกั ษ์ มีหนังสือให้หยิบยืมอ่าน กันฟรีๆ ที่สถานีต้นทาง แล้วค่อยส่งคืนที่สถานีปลายทาง หนังสือที่คัดสรรกันมา ส่วนใหญ่เป็นหนังสือขนาดสั้นที่น่าจะอ่านจบได้ภายในระยะเวลาเดินทาง เช่น เรื่องสั้น หรือบทกวี 85


โครงการนี้เชื่อว่าจะช่วยท�ำให้ชาวเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ น้อยมีโอกาสได้อ่านหนังสือมากขึ้น และน่าจะช่วยให้อัตราการรู้หนังสือเพิ่มขึ้น รวมไปถึงช่วยขัดเกลาจิตใจของชาวเมืองให้หา่ งไกลจากการประกอบมิจฉาชีพด้วย ตอนนี้ภายในห้องสมุดใต้ดินแห่งนี้มีหนังสืออยู่ทั้งหมด 250,000 เล่ม และภายใน 2 ปีนี้ จะถูกขนมาเติมจนครบ 7 ล้านเล่ม! ขอยำ�้ กันอีกครัง้ ว่า 7 ล้านเล่ม! นอกจากจะเป็นทีถ่ กู อกถูกใจหนอนหนังสือแล้ว โครงการนีน้ า่ จะสร้างความตืน่ ตัว ครั้งใหญ่ให้วงการวรรณกรรมของเม็กซิโกได้ด้วย ถ้าสงสัยว่านโยบายหลุดโลกแบบนี้หลุดออกมาได้ยังไง เดาได้ไม่ยาก ก็คงมีแต่ผบู้ ริหารทีร่ กั งานวรรณกรรมเท่านัน้ แหละ ทีเ่ ชือ่ มัน่ ในพลังของวรรณกรรม

86


เห็นเขามีห้องสมุดที่สุดใหญ่ เลยสนใจอยากรู้ให้เต็มที่ หรืออิจฉาที่ท�ำไมเราไม่มี คลิกไปที่ www.metro.df.gob.mx เอย


108


จากไปอย่างสงบ “ค�ำจารึกเหนือหลุมฝังศพ คือค�ำโฆษณาย้อนหลัง ส�ำหรับสินค้าที่หยุดผลิตเป็นการถาวรแล้ว” เออร์วิน เอส. คอบบ์

บ่อยครั้งที่การท�ำบุญทางศาสนากลับกลายเป็นท�ำบาปต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่รู้ตัว อย่างกรณีของงานศพ นอกจากขยะนานัปประเภทแล้ว ระบบการเผาของ เมรุกเ็ ป็นเรือ่ งทีค่ วรใส่ใจ เพราะเมรุจ�ำนวนมากยังคงใช้เตาเผาแบบเก่าทีท่ งั้ เปลือง พลังงานและปล่อยควันพิษ ถ้าจะว่ากันจริงๆ ในบางพื้นที่ก็ถึงขั้นผิดกฎหมาย เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากพิธีเผาศพนั้นทางอินเดียเขาเข้าใจดี เพราะทีน่ นั่ มีความเชือ่ ว่าเมือ่ มอดม้วยมรณาลงต้องน�ำร่างมาประกอบพิธฌ ี าปนกิจ กลางแจ้งริมฝั่งแม่น�้ำ ในแต่ละปีมีการเผาศพเช่นนี้ถึง 8.5 ล้านราย ต้นไม้ 50 ล้าน ต้นเลยถูกโค่นลงมาท�ำฟืน คาร์บอนไดออกไซด์ 8 ล้านตันถูกปล่อยขึน้ สูช่ นั้ บรรยากาศ แต่นี่คือความเชื่อทางศาสนาที่ต้องด�ำเนินต่อไป ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ก็แค่

109


การประดิษฐ์เตาเผาขึ้นมาใช้แทนการสุมไฟเผากันตามเดิม ซึ่งช่วยประหยัดเชื้อ เพลิงไปได้กว่าครึ่งและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ทีแรกประชาชนก็ไม่อยากใช้เตาเผาเนื่องด้วยเกรงจะผิดหลักศาสนา แต่เมื่อทั้ง นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม นักวิชาการ และนักบวชออกมารับรองพร้อมๆ กัน ผู้คนก็เริ่มเห็นดีเห็นงามด้วย ทางฝัง่ อังกฤษเองตืน่ ตัวเรือ่ งนีเ้ ช่นกัน ถึงขนาดมีการท�ำ The Natural Death Handbook หรือคู่มือจัดงานศพด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ในรูปแบบที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม แล้วก็ยังมีการจัดตั้ง Green Burial Council ขึ้นมาเพื่อให้ใบรับรองกับ บริษทั รับจัดงานศพทีไ่ ม่เป็นพิษเป็นภัยต่อโลก รวมไปถึงการแจกรางวัลให้กบั สุสาน เตาเผาศพ ออร์แกไนเซอร์รับจัดงานศพ และบริษัทผลิตโรงศพที่ด�ำเนินงาน อย่างไม่ท�ำร้ายโลก บนเกาะอังกฤษนั้นป่าไม้เหลือน้อย การตัดไม้มาท�ำโลงศพจึงถือเป็นการ ย�่ำยีโลกอย่างแรง ที่นั่นเลยนิยมโลงศพที่ท�ำจากไม้ไผ่ปลูกซึ่งประกอบแล้วส่งมา จากเมืองจีน ทางสกอตแลนด์ก็นิยมโลงที่ท�ำจากปอกระเจา ส่วนทางฝั่งอเมริกา ตอนนี้โลงศพที่ท�ำจากกระดาษรีไซเคิลได้กลายเป็นกระแสหลักไปเรียบร้อยแล้ว โลงที่ว่านี้เมื่อเผาแล้วจะไม่ก่อให้เกิดก๊าซพิษด้วย คนที่นั่นไม่มีใครมองว่ามันเป็น โลงศพกระจอกที่ไม่สมฐานะของผู้ตาย เพราะโดยรูปลักษณ์แล้วดูดีมีราคาทีเดียว และไม่วา่ จะเป็นโลงจ�ำปาทีท่ �ำจากไม้สกั ทัง้ ต้น หรือว่าโลงทีท่ �ำจากกระดาษรีไซเคิล ผู้ตายก็เอาไปไม่ได้ ไม่ช้ามันก็ต้องถูกเผาหรือไม่ก็ย่อยสลายไปอยู่ดี ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าให้ผตู้ ายมีสว่ นร่วมในการท�ำร้ายโลกเพิม่ ขึน้ อีกเลย จะได้จากไปอย่างสงบจริงๆ แม้วา่ ตอนนีก้ ารท�ำความดีในทางสิง่ แวดล้อมยังไม่อาจเรียกว่า ‘ท�ำบุญ’ ได้ อย่างเต็มปาก แต่ทางส�ำนักวาติกันก็เริ่มมองว่าภารกิจของศาสนานั้นไม่ควรจะ ดูแลแค่จิตวิญญาณ แต่ต้องร่วมดูแลโลกด้วย ว่าแล้วพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน

110


ก็เลยเตรียมติดตัง้ แผงโซลาร์เซลล์เพือ่ ผลิตพลังงานส�ำหรับใช้ในหอประชุม Paul VI แล้วก็เตรียมขยายแผงโซลาร์เซลล์นี้ไปทั่วนครวาติกัน จะได้ใช้พลังงานสะอาดกัน ทั้งเมือง ซึ่งถือว่านโยบายนี้เป็นการแสดงท่าทีต่อเรื่องสิ่งแวดล้อมขององค์กร ศาสนาครั้งส�ำคัญ ที่ก็น่าจะท�ำให้เกิดอะไรดีๆ ตามมามากมาย หรื อ ว่ า เข้ า พรรษาครั้ ง หน้ า เราจะซื้ อ แผงโซลาร์ เซลล์ ไ ปบริ จ าคแทน เทียนพรรษาดี

อย่าให้ตอ้ งอุทานว่า “ตายแล้ว! ยังไม่ได้เตรียมตัวเลย” เตรียมตัวตายเสียก่อนตาย สั่งซื้อคู่มือจัดงานศพแบบไม่ท�ำร้ายโลกที่ www.naturaldeath.org.uk ดูแบบ โลงศพไม้ไผ่ที่ www.bamboocoffins.co.uk รวมลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานศพ สุดกรีน www.greenendings.co.uk

111


124


พรางชมพู “ถ้าใช้กฎตาต่อตา ไม่ช้าคงตาบอดทั้งโลก” มหาตมะ คานธี

สงสัยว่าย่านเบอร์ตนั ออนเทรนท์ในอังกฤษ ขโมยขโจรคงจะชุกชุม ข้าวของ เครื่องใช้น่าจะหายกันไม่เว้นวัน และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์คงท�ำงานกันอย่าง เต็มก�ำลังความสามารถแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจยับยั้งการปฏิบัติการของมิจฉาชีพได้ คุณต�ำรวจถึงได้เปลีย่ นแนวคิดในการป้องกันของหายเสียใหม่ จากที่เคยเน้นการจ้องจับและวางก�ำลังรักษา ก็เปลี่ยนมาเป็นแก้ปัญหา ทีต่ น้ เหตุ เมือ่ ข้าวของเครือ่ งใช้มนั ยัว่ ยวนตาก็จดั การพรางมันซะ เลยเกิดเป็นแคมเปญ Paint it Pink ชักชวนให้ชาวบ้านทาสีอปุ กรณ์ท�ำสวน หรือเครื่องมือช่างที่มีราคา และมีโอกาสถูกโจรกรรมได้งา่ ยให้กลายเป็นสีชมพู จะได้ไม่ลอ่ ตาล่อใจโจร เพราะโจร คงไม่อยากเสียเวลาไปทาสีทับ แต่ถ้าไม่ทาสีทับก็ไม่รู้จะเอาของสีชมพูแบบนี้ ไปปล่อยทีไ่ หน และข้อดีอกี อย่างก็คอื ถ้าเจอข้าวของเครือ่ งใช้สชี มพูแบบนี้ ก็เป็น หลักฐานทีน่ า่ จะยืนยันได้วา่ เป็นของขโมยมาอย่างแน่นอน ถ้าใช้อาวุธแล้วยังหยุดไม่ได้ ลองชวนกันวางอาวุธ แล้วเปลี่ยนจากปืน มาเป็นแปรงก็ดเี หมือนกันนะ

125



ดอกไม้ใต้โลก


186


สินค้าปลอดมาเฟีย

เราน่าจะเริ่มต้นเรื่องนี้ด้วยประสบการณ์ที่คนส่วนใหญ่มีส่วนร่วม เคยโดนเรียกเก็บค่าจอดรถกันไหมครับ หมายถึงการจอดอย่างถูกต้องตามกฎหมายริมถนนหลวงที่สร้างขึ้นด้วย เงินภาษีของเรา แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนเดินมาแบมือขอเก็บ ‘ค่าจอดรถ’ จะเรียก ‘ค่าจอดรถ’ คงไม่ถูกนัก เพราะพี่ๆ น้องๆ เหล่านั้นไม่ได้เป็น เจ้าของที่ แล้วจะมีสทิ ธิอ์ ะไรมาเรียกเก็บ ทีถ่ กู ทีค่ วรมันน่าจะเป็น ‘ค่าคุม้ ครอง’ รถ มากกว่า ในทางทฤษฎี น่าจะหมายถึง พวกเขาเหล่านั้นยินดีช่วยคุ้มครองรถเราให้ แคล้วคลาดภยันตรายจากมิจฉาชีพ แต่ในทางปฏิบตั ิ มันหมายถึง การคุม้ ครองรถ จากน�้ำมือของพี่ๆ น้องๆ เหล่านั้นมากกว่า ผมเคยจอดรถริ ม ถนนอั ง รี ดู นั ง ต์ ใ นช่ ว งบ่ า ยวั น อาทิ ต ย์ มี ค นโบกให้ เสร็จสรรพ พอลงจากรถมา เด็กหนุ่มคนที่โบกรถให้ก็เดินมาเก็บค่าจอดรถ เพื่อ สวัสดิภาพของพาหนะ ผมยินยอมพร้อมจ่ายค่าคุ้มครอง ผมถามเขาว่าเท่าไหร่ “สองร้อยบาท” คือค�ำตอบ เขาอธิบายว่าวันนี้มีแข่งม้า ที่จอดหายาก อย่างโน้นอย่างนี้ และเหตุผล บางประการทีไ่ ม่นา่ จะเอามาเล่ากันผ่านสือ่ สาธารณะ ประหนึง่ ว่าต้นทุนมันมาเท่านี้

187


แล้ว ลดให้ผมไม่ได้จริงๆ ราคานี้นี่ถูกแล้ว เช็กราคาเจ้าอื่นได้เลย ไม่มีตรงไหนถูก กว่าที่นี่อีกแล้ว ที่จอดรถนะน้อง ไม่ใช่เสื้อยืด! คุยกันอยู่นาน ต่างคนต่างเห็นใจกัน สุดท้ายผมไม่ยอมจ่าย เลยต้อง ย้ายรถไปจอดที่อื่น ท่ามกลางค�ำขอโทษของเขา บ้านเมืองเรานี่มันก็งงๆ ดีนะครับ บ้านเมืองในเขตปกครองตนเองซีซิเลีย ทางตอนใต้ของอิตาลีก็ประสบ เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ ที่นั่นเป็นดงมาเฟียราวกับหนังเรื่อง The Godfather หากใครอยากเปิดกิจการร้านค้า ก็ตอ้ งจ่ายค่าคุม้ ครองให้กบั แก๊งมาเฟีย ซึง่ แบ่งกัน ดูแลเป็นโซนๆ ไม่ข้ามพื้นที่กัน หากไม่จ่าย ก็เตรียมเจอเหตุการณ์ประเภทกระจกหน้าร้านแตก ไฟไหม้ ร้านโดยไม่มีสาเหตุ หรืออยู่ดีๆ ก็มีระเบิดอยู่ใต้ท้องรถได้เลย เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ร้านค้าร้อยละ 80 จึงยินดีจ่ายเงินเดือนละ 10,000-25,000 บาท เพื่อซื้อความสบายใจจากชาวแก๊งสเตอร์ แต่แล้วในฤดูร้อนของปี 2547 มีเพื่อนกลุ่มหนึ่งนัดพบกันเพื่อวาดฝันว่า อยากมี ผั บ เป็ น ของตั ว เอง ใครบางคนถามขึ้ น ว่ า “แล้ ว ถ้ า มี ม าเฟี ย มาเรี ย ก ค่าคุ้มครองล่ะ” “ก็จ่ายมันไปสิ” ไม่ใช่ค�ำตอบในวันนั้น วันถัดมา ชาวเมืองปาแลร์โม่ตนื่ มาพบกับสติก๊ เกอร์พนื้ ขาวตัวอักษรสีนำ�้ เงิน แปะอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ข้อความในสติ๊กเกอร์นั้นบอกว่า ‘คนที่จ่ายค่าคุ้มครอง คือคนที่ไม่มีศักดิ์ศรี’ คุณไม่ได้เสียแค่เงิน คุณเสียศักดิ์ศรีด้วย แคมเปญต่อต้านความไม่ถูกต้องของระบบมาเฟียเริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบๆ ในตอนนั้น

188


แคมเปญนี้ ห าแนวร่ ว มได้ ไ ม่ ย าก เพราะทุ ก คนล้ ว นประสบปั ญ หานี้ เหมือนๆ กัน พวกเขาคิดต่อว่า หากจะหยุดจ่ายค่าคุ้มครองหรือ pizzo ก็ต้องหยุด จ่ายทุกคนพร้อมกัน เพราะถ้าคนท�ำขนมปังยังคงจ่ายเงินให้มาเฟีย เมื่อเราซื้อ ขนมปังก็เท่ากับว่า เราจ่ายเงินให้มาเฟียทางอ้อม ก็เลยเกิดกลยุทธ์ใหม่ทรี่ ณรงค์วา่ ต่อต้านค่าคุ้มครอง ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อ โดยหวังว่าจะสร้างกลุ่ม ผู้ขายและผู้บริโภคที่เห็นความส�ำคัญในเรื่องนี้ ถ้าจะแข็งข้อก็ต้องขยับทั้งระบบ องค์กรเอกชนที่ชื่อ Addiopizzo จึงถูก ตั้งขึ้นมาด�ำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทางสมาคมอุตสาหกรรม Confindustria ก็ ออกมาประกาศว่าบริษทั ไหนจ่ายเงินค่าคุม้ ครองให้มาเฟีย โดนขับออกจากกลุม่ แน่ ไม่รู้ว่าพวกเขาเอาความกล้ามาจากไหน เป็นไปได้วา่ อาจเป็นเพราะหัวหน้าแก๊งมาเฟียตัวใหญ่ตา่ งถูกรวบตัวเข้าไป นอนในซังเตทีละคนสองคน ส่วนที่น่าทึ่งที่สุดในแคมเปญนี้เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มวัย 29 ปีที่ชื่อ ฟาบิโอ เมสสินา ตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่มีมาเปิดซูเปอร์มาร์เก็ต ชื่อ Punto Pizzo free คอนเซ็ปต์ของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนีค้ อื ขายเฉพาะสินค้าทีไ่ ม่จา่ ยเงินให้มาเฟีย ไม่ว่าจะในขั้นตอนไหนๆ ก็ตาม จะเรียกว่าเป็น ‘สินค้าปลอดค่าคุ้มครอง’ ก็ยังได้ ดังนั้น ไม่ว่าเราจะซื้อ แยม กระถางต้นไม้ ชุดนอน หรือนาฬิกาข้อมือ จาก ห้างนี้ ก็สบายใจได้วา่ เราไม่ได้สนับสนุนการจ่ายเงินค่าคุม้ ครองให้มาเฟียทางอ้อม สินค้าราคาถูก อาจเป็นเรื่องส�ำคัญ แต่สินค้าที่ ‘ถูกต้อง’ ส�ำคัญกว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้จะอยู่รอดปลอดภัยได้นานแค่ไหน ยังเป็นค�ำถาม แต่สงิ่ ทีไ่ ม่ตอ้ งถามก็คอื หัวจิตหัวใจของคนทีก่ ล้าออกมาชนกับระบบทีม่ นั ไม่ถูกต้อง ผมเห็นด้วยกับพวกเขา คนที่กล้าเผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้องต่างหากที่ ‘มีศักดิ์ศรี’ www.addiopizzo.org 189


210


ขอขวด

เสื้อยืดเปรียบเสมือนสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ได้ การสกรีนชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของบริษัทห้างร้านแล้วส่งให้คนใส่ เป็นวิธีการโฆษณาแบบหนึ่งที่ใช้กันมาเนิ่นนานตั้งแต่องค์กรธุรกิจไปจนถึงองค์กร ในภาคสังคม สินค้าบางอย่างต้องลงแรงกันแทบตายกว่าจะมีคนยอมเอาเสือ้ ไปใส่ แต่สินค้าบางอย่างที่ประคบประหงมแบรนด์ตัวเองมาอย่างดี อยู่เฉยๆ ก็มีคน แย่งกันขอโลโก้ไปสกรีนใช้ สิง่ ทีต่ อ้ งลงมือกลับเป็นการปฏิเสธ ด้วยกลัวว่าหากโลโก้ ไปอยู่ผิดที่ ผิดคน จะเสียแบรนด์เสียเปล่าๆ คนทีส่ วมใส่เสือ้ ผ้าซึง่ มีโลโก้สนิ ค้าเด่นหรานัน้ แปลความได้หลายอย่าง บ้าง ก็ไม่ได้คดิ อะไรกับโลโก้นนั้ เลย เขาแค่ชอบสี ชอบผ้า หรือชอบลวดลายเพียงเท่านัน้ บ้างก็ชื่นชอบแบรนด์นั้นเป็นการส่วนตัวด้วยเหตุผลต่างๆ นานา บ้างก็รู้สึกว่าถ้าใส่เสื้อแบรนด์เนมแล้วตัวเราจะเป็นอย่างสโลแกนแสนเท่ ของแบรนด์นั้น

211


และบ้างก็อยากประกาศรสนิยมของตัวเองว่า ฉันก็ใช้แบรนด์นี้นะโว้ย! เหตุผลของการใส่เสื้อยืดสกรีนโลโก้แบรนด์ดังเป็นอย่างไร เหตุผลของ การใส่เสื้อยืดสกรีนข้อความรณรงค์ต่างๆ ก็ไม่น่าต่างกัน ในยุคก่อน เสื้อยืด ที่ส่งสารทางด้านสังคม มักมากับบทกวีเพื่อชีวิต หรือข้อความคมๆ ที่บาดทั้งลึก และซึ้ง หรือเสื้อยืดของบางองค์กรก็มาแนวเรียบง่าย พูดในประเด็นที่อยากบอก อย่างตรงไปตรงมา แต่ยคุ นี้ การส่งสารด้านสังคมผ่านเสือ้ ยืด ขยับจากงานขององค์กรเพือ่ สังคม มาสู่กลุ่มคนทุกแขนงอาชีพ โดยเฉพาะผู้คนในวงการแฟชั่น เสื้อยืดที่ออกแบบมาเพื่อแสดงความปรารถนาดีต่อโลกนั้นมีให้เห็นทั่วไป ถ้าจะมีใครออกแบบเพิ่มอีกสักลายสองลาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจขนาดต้องสาด สปอตไลต์เข้าส่อง ต่อให้บอกว่าบริษัทใหญ่อย่างโคคา-โคล่ายอมลงทุนตั้งโรงงาน ผลิตเสื้อยืดเพื่อพูดสิ่งนี้อย่างจริงจังก็เถอะ ในยามที่ทุกส่วนในสังคมเริ่มทบทวนถึงบทบาทของตัวเองว่าได้ก่อมลพิษ อะไรให้กับสิ่งแวดล้อมบ้าง และเริ่มลงมือท�ำอะไรบางอย่างเพื่อลดผลกระทบนั้น เราก็เริ่มเห็นการแก้ปัญหาในวิธีที่ไม่คุ้นตา เช่น บริษัทโค้กเลือกที่จะสกรีนเสื้อยืดขาย ไม่ได้ประชดนะครับ โค้กเขาขยับตัวครัง้ ใหญ่ดว้ ยการท�ำเสือ้ ยืดออกมาขาย จริงๆ แถมยังจับมือกับห้างยักษ์ใหญ่อย่าง Wal-Mart ด้วย ทุกองค์กรล้วนแล้วแต่กอ่ ให้เกิดปัญหาทางสิง่ แวดล้อมทัง้ นัน้ ไม่มากก็นอ้ ย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ธุรกิจน�้ำอัดลมก็ด้วย ผลกระทบหนึ่งที่เกิดจากธุรกิจของโค้ก ซึ่งโค้กมองว่าเป็นเรื่องใหญ่และพร้อมจะแก้ปัญหาเป็นอันดับแรกๆ คือเรื่อง บรรจุภัณฑ์ หรือขวดพลาสติกที่จะกลายเป็นขยะหลังจากน�้ำสีด�ำถูกรินหมดขวด ในยุคก่อน เราดืม่ ด�ำ่ โค้กจากขวดแก้วเป็นส่วนใหญ่ พอดูดหมดก็เอาขวดเก่า ไปเปลีย่ นเพือ่ ซือ้ ขวดใหม่ ทัง้ แบบขวดเล็กและขวดใหญ่ แต่ยคุ นีเ้ รานิยมดูดดืม่ ผ่าน ขวดพลาสติกเพราะสะดวกกว่า ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างขวดแก้วกับขวดพลาสติก อะไรดีกว่าอะไร รู้แค่ว่า ขวดแก้วมีน�้ำหนักมากท�ำให้ต้องใช้พลังงานมากกว่า 212


ในการขนส่ง และต้องการกระบวนการช�ำระล้างก่อนน�ำกลับมาบรรจุใหม่ ส่วนขวด พลาสติกก็กลายเป็นขยะทีด่ อื้ ด้านไม่ยอมย่อยสลายง่ายๆ ถ้าเผามันก็เผยสารพิษ ถ้าทิ้งไว้ก็เป็นส่วนเกินของระบบนิเวศ แถมกว่าจะได้พลาสติกมานั้นก็ต้องขุด ปิโตรเลียมจากใต้โลกขึ้นมาใช้เป็นวัตถุดิบ เชื่อมโยงไปหาปัญหาโลกร้อนอีก โค้ ก พยายามแก้ ป ั ญ หานี้ ด ้ ว ยการเริ่ ม ต้ น ท�ำโครงการ Drink 2 Wear ด้วยการน�ำขวดพลาสติกของโค้กกลับมารีไซเคิลแล้วผลิตเป็นเสื้อยืด ข้อความบนเสื้อที่ว่า Make your plastic fantastic, Rehash your trash หรือ I recycled 4 bottles. All I got was this t-shirt. เลยไม่ใช่แค่ข้อความรณรงค์ แบบเดียวกับที่อยู่ตามเสื้อยืดอื่นๆ แต่มันส่งสารเหล่านั้นด้วยการแสดงให้เห็นถึง ตัวอย่างที่เกิดจากการลงมือท�ำ สิง่ ทีเ่ สือ้ ยืดตัวนีพ้ ยายามบอกผูบ้ ริโภคก็คอื สิง่ เล็กๆ อย่างการรีไซเคิลขวด แค่ไม่กี่ใบก็ช่วยรักษาธรรมชาติได้ เพราะในการผลิตเสื้อแต่ละตัวต้องการขวดโค้ก ประมาณ 3-4 ใบเท่านั้น ผูบ้ ริหารของโค้กมองว่า นีค่ อื ความสนุกอย่างหนึง่ ในการขยายแบรนด์และ การเป็นผูน้ �ำทางความคิดในเรือ่ งสิง่ แวดล้อม เขาว่า “คุณไม่มที างท�ำให้นกั สิง่ แวดล้อม ตั ว จริ ง หั น มารั ก โค้กได้ด้วยเหตุผ ลมากมาย แต่กั บคนที่ เ หลื ออี ก หรื อ 99.9 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทัง้ หมด เราอยากท�ำให้พวกเขาเห็นว่าแบรนด์ของเราสนใจ ในการก�ำหนดจุดยืนที่ถูกต้อง และเราได้ท�ำสิ่งดีๆ ให้กับสิ่งแวดล้อม” เสือ้ ยืดเหล่านีม้ ขี ายในร้าน Wal-Mart กว่า 400 สาขาทัว่ สหรัฐอเมริกา และ สั่งซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ของ Wal-Mart ในราคาตัวละประมาณ 250 บาท โค้กตั้งเป้า ไกลลิบไว้ว่า จะน�ำขวดพลาสติกและกระป๋องโค้กในตลาดสหรัฐอเมริกากลับมา ใช้ใหม่หรือกลับมารีไซเคิลให้ได้ทงั้ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึง่ ต้องใช้งบประมาณราว 2,040 ล้านบาท แล้วโค้กก็ยังไม่หยุดอยู่แค่เสื้อยืด เพราะไหนๆ ก็ตั้งโรงงานขึ้นมาแล้ว พวกเขาเลยเตรียมจะปล่อยสินค้าอย่างกระเป๋า หมวก กระเป๋าสตางค์ และสมุด ตามออกมาอีก มีผลส�ำรวจออกมาว่า คนอเมริกันเกือบ 200 ล้านคน ตื่นตัวกับการซื้อ 213


สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ในปี 2550 มีสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมใหม่เอี่ยมถูกปล่อยสู่ ตลาดอเมริกันเพิ่มขึ้นถึง 328 รายการ หรือคิดเป็น 200 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับ ปีก่อน ในขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อปี 2545 มีการส่งสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ ตลาดแค่ 5 ชิ้นเท่านั้น หลังจากข่าวนี้ออกไป หลายคนก็มองว่านี่คือการ ‘ฟอกเขียว’ อีกครั้งของ บริษทั ยักษ์ใหญ่ เพราะโค้กควรไปแก้ปญ ั หาทีต่ น้ เหตุ อย่างการลดการผลิตมากกว่า จะมาแก้ทปี่ ลายเหตุอย่างการเอาขวดไปรีไซเคิล ซึง่ เรือ่ งนีก้ ค็ งแล้วแต่จะเลือกมอง การเอาขวดน�้ำพลาสติกมารีไซเคิลนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ส�ำหรับบ้านเรา อย่าง โรงงานไทยเนโกโรของเราก็เอาขวดน�้ำพลาสติกมารีไซเคิลท�ำพรมตั้งนานแล้ว มีหลายเนื้อ หลายสี หลายลาย ถ้านับจากวันที่ผมเห็นครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ก็สิบกว่าปีเข้าไปแล้ว แถมราคาก็ถูกแสนถูก พรมเช็ดเท้าผืนหนึ่งแค่ไม่กี่สิบบาท เท่านั้น ถ้าต่อยอดดีๆ ขวดพลาสติกเหล่านี้อาจจะเป็นอะไรต่อมิอะไรที่น่าสนใจ ได้อีกมากมาย เผลอๆ ใช้แล้วอาจจะยืดกว่าใช้สินค้าแบรนด์ดังก็ได้

214


www.walmart.com


228


ความสุขรถช็อกโกแลต

เงินถูกสร้างขึ้นมาเพื่อท�ำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและ บริการ แทนที่จะใช้ระบบแลกสินค้ากันโดยตรงแบบหมูไปไก่มา เวลาล่วงไปนับ พันปี จากเปลือกหอยมาสูเ่ หรียญโลหะ เงินกระดาษจนถึงบัตรพลาสติก เงินยังคง ท�ำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พอมนุษย์เราใช้เงินกันเคยมือและเคยตัวเข้าก็เริ่มเบนเป้าหมายของชีวิต เข้าสู่การเสาะแสวงหาและสะสมเงิน บางคนก็ถึงขั้นเคารพบูชาเงินเหนือสิ่งอื่นใด ในชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้น กิจการงานใดที่ไร้ผลตอบแทนในรูปตัวเงิน หลายต่อหลายคนจึงไม่ใคร่จะข้องแวะ ในขณะทีโ่ ลกของเราก�ำลังหมุนไปหาการแสวงหาความมัง่ คัง่ เดินหน้าเข้าสู่ การค้าเสรี กลับมีคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งวางกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน แล้วหันมา เอาจริงเอาจังกับการแลกเปลี่ยนแบ่งปันสินค้ากัน จากมือสู่มือโดยไม่ผ่านพ่อค้า และแลกเปลี่ยนกันตามความพอใจ หรือคุณค่าส�ำหรับจิตใจเรา ไม่ใช่มูลค่าที่ ก�ำหนดขึ้นมาจากการเอาเส้นอุปทานไปสานกับเส้นอุปสงค์

229


เพทรา บาร์เรน (Petra Barren) หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 32 ปี เป็นผู้หนึ่ง ที่นิยมชมชอบแนวคิดนี้ เธอเลยเอามาปรับใช้กับการเดินทางครั้งใหญ่ของเธอ บาร์เรนเป็นคนที่มีความสุขกับการท�ำขนม ชอบเดินทาง และรักการผจญภัย เธอท�ำงานอยู่ในเรือที่แล่นระหว่างประเทศอยู่ 5 ปี พอกลับมาอังกฤษก็ตั้งใจ ว่าจะเอาวิธีการปรุงช็อกโกแลตของประเทศต้นต�ำรับที่ได้สัมผัสมาเผยแพร่ใน อังกฤษบ้าง เธอเลยตั้งใจท�ำอยู่ 2 อย่างคือ ไปสมัครเป็นพนักงานร้านช็อกโกแลต เพื่อเรียนรู้ระบบธุรกิจของวงการนี้ และอีกอย่างคือ เธอค่อยๆ ทดลองสร้าง สูตรขนมของตัวเองเก็บไว้ เมื่อทุกอย่างสุกงอม บาร์เรนก็เริ่มหารถตู้เพื่อใช้ท�ำร้าน แล้วเธอก็เจอมัน ใน eBay นัน่ ท�ำให้เธอต้องเดินทางจากลอนดอนไปรับรถทีส่ กอตแลนด์ ระยะเวลา 1 สัปดาห์ในช่วงขากลับที่เธอแวะเที่ยวมาตลอดทางกับเพื่อนๆ ท�ำให้เธอเกิด ไอเดียว่า อยากขับรถช็อกโกแลตคันนี้เดินทางทั่วเกาะอังกฤษ เป็นการเดินทาง ที่อาศัยช็อกโกแลตเป็นทูตสันถวไมตรี เธอตัง้ ใจว่าจะขับรถไปเรือ่ ยๆ พอเจอท�ำเลเหมาะๆ หรืองานเทศกาลต่างๆ ก็จอดรถแล้วกางหน้าต่างถ่างหลังคา เปลีย่ นรถให้เป็นร้าน แล้วขายขนม ไอศกรีม และผลิตภัณฑ์ขนมเก๋ไก๋ และในเวลากลางคืน เธอก็หมายมัน่ ว่าจะเอาช็อกโกแลต สุดอร่อยของเธอไปแลกกับอาหารเย็นและที่พัก สาวนักท�ำช็อกโกแลตคนนี้ ไม่ตอ้ งการใช้เงินเป็นสือ่ กลางในการเดินทาง เธอขอมอบหน้าทีน่ นั้ ให้กบั ช็อกโกแลต เมื่อคิดได้ดังนั้น บาร์เรนก็เหยียบคันเร่งพารถช็อกโกแลตบาร์คันแรกของประเทศ ออกทัวร์ทั่วเกาะอังกฤษในช่วงเดือนเมษายนปี 2551 ถ้ า มองในแง่ ข องคนรั ก ช็ อ กโกแลต นี่ คื อ การเดิ น ทางที่ น�ำผลิ ต ภั ณ ฑ์ เกีย่ วกับช็อกโกแลตแสนอร่อยไปเผยแพร่ยงั พีน่ อ้ งอิงลิชชนทัว่ ประเทศ และในมุม ของนักเดินทาง เธอก็ไม่ต่างอะไรจากแบ็กแพ็กเกอร์ที่ต้องการเรียนรู้ชีวิต และ แลกเปลี่ยนบทสนทนากับมิตรใหม่ในแต่ละคืน อย่างที่หญิงสาวผู้นี้เขียนไว้ว่า เธอเดินทางจากความว่างเปล่าเข้าไปในชีวติ ของคนคนหนึง่ แล้วพอถึงเวลา ก็กลับ ออกจากชีวิตคนคนนั้นมาสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง

230


นักแปรรูปช็อกโกแลตบอกว่า คนส่วนใหญ่ที่เธอเจอนั้นดูเหมือนจะดุ แต่ช็อกโกแลตสามารถสลายก�ำแพง และละลายใบหน้าคร�่ำเคร่งให้สนุกสนานได้ หลายคนคงข้องใจในสรรพคุณข้อนี้ของช็อกโกแลตว่าจริงเท็จประการใด บาร์เรน ยืนยันว่า ก็เพราะเจ้าช็อกโกแลตนีแ่ หละทีท่ �ำให้เธอทีม่ พี กั มีอาหารคำ�่ กินมาตลอด การเดินทาง บาร์ เรนบอกว่ า ขนมที่ เ ธอท�ำออกมาเป็ น การน�ำเอาสิ่ ง ที่ ค นอั ง กฤษ รักที่สุด 2 อย่างมารวมกัน นั่นก็คือ ช็อกโกแลตและพุดดิ้ง และด้วยความที่มัน เป็นขนมที่ปรุงสดๆ จากสูตรสุดพิเศษ ก็เลยเป็นขนมที่สวยแปลกตา และอร่อย แปลกลิ้น ถึงมีเงินก็ใช่ว่าจะหากินกันได้ง่ายๆ ดังนั้น พอเธอยื่นข้อเสนอแลกขนม กับที่พักให้กับเพื่อนใหม่ที่ได้พบเจอระหว่างทาง เธอเลยไม่ค่อยโดนปฏิเสธ หากอยากเห็นว่าช็อกโกแลตของบาร์เรนท�ำงานได้ดแี ค่ไหน ลองคลิกเข้าไป ในเว็บไซต์ของเธอ เราจะเห็นภาพทีพ่ กั และอาหารเย็นทีบ่ าร์เรนใช้ชอ็ กโกแลตแลก มาในแต่ละวัน ที่พ�ำนักที่เธอได้รับกลับมานั้นมีตั้งแต่ปราสาทไปจนถึงบ้านของ ชาวนา อาหารที่ได้ก็มีแต่ตั้งอาหารง่ายๆ ไปจนถึงอาหารสุดหรู นอกจากการเสี่ยงดวงไปหาที่พักเอาดาบหน้าแล้ว เธอยังใช้วิธีประกาศ แผนการเดินทางทั้งหมดล่วงหน้า แล้วถามหาว่ามีใครอยากเอาที่พักกับอาหารค�่ำ มาแลกช็อกโกแลตสุดอร่อยบ้าง รวมไปถึงให้เพื่อนพ้องช่วยประกาศหาอีกแรง เจ้าของรถช็อกโกแลตเล่าว่า การเดินทางครั้งนี้น่าประทับใจมาก และมี คุณค่ามาก เพราะมันก�ำลังบอกโลกว่า เกาะอังกฤษไม่ได้แล้งน�้ำใจ เราสามารถน�ำ มิตรภาพมาแลกเปลี่ยนกันได้ เธอสรุปว่า อังกฤษที่เธอได้เจอไม่ใช่เมืองแห่ง ฟิชแอนด์ชิพส์ แต่เป็นประเทศของนักฝันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

www.chocstar.co.uk

231


258


หนังสือเล่มนี้เคยเป็นต้นไม้มาก่อน

หนังสือทุกเล่มที่คุณอ่านเคยเป็นต้นไม้มาก่อน ข้อความแรกบนหน้าเว็บไซต์ของ Eco-Libris บอกผู้มาเยือนอย่างนั้น เราถู ก ปลู ก ฝั ง มาแต่ เ ล็ ก แต่ น ้ อ ยว่ า การอ่ า นหนั ง สื อ เป็ น กิ จ กรรมที่ ดี มีประโยชน์ และเหมือนยังไม่เคยมีใครออกมาพูดถึงโทษของมันเลยด้วยซ�้ำ เหล่าหนอนหนังสือเลยค่อนข้างภูมิอกภูมิใจในกิจกรรมโปรดของตนว่าดูดีมีคลาส กว่าการเปิดทีวี ดูหนัง ฟังเพลง เป็นไหนๆ ยังไม่เคยมีใครเฉลียวใจว่า การอ่านนัน้ ส่งผลกระทบในแง่รา้ ยต่อสิง่ แวดล้อม เช่นกัน Eco-Libris สื่อสารกับคนที่รักการอ่านด้วยประโยคสั้นๆ เพียงว่า หนังสือ ทุกเล่มที่คุณอ่านเคยเป็นต้นไม้มาก่อน ยิ่งในชีวิตนี้เราอ่านหนังสือมามากแค่ไหน เราก็ท�ำร้ายต้นไม้โดยไม่รู้ตัวมากแค่นั้น เมื่อรู้ตัวเช่นนั้นแล้ว ไม่อยากจะท�ำอะไร เพื่อรับผิดชอบต่อปัญหาที่เราสร้างบ้างเลยหรือ เว็บไซต์แห่งนี้ชวนผู้อ่านทุกคนมาช่วยกันปลูกต้นไม้ทดแทนการโค่นต้นไม้ เพื่อเอาไปท�ำหนังสือ ในอัตราส่วน ต้นไม้ 1 ต้น ต่อหนังสือที่เราอ่าน 1 เล่ม

259


ในความเป็นจริง หนังสือ 1 เล่ม คงล่วงเกินชีวิตต้นไม้ไม่ถึง 1 ต้น แต่การ ‘ให้’ มากกว่า ‘รับ’ กับบางเรื่องนั้น ก็ไม่น่าจะนับว่าขาดทุน วิธที ี่ Eco-Libris น�ำมาเสนอ ไม่มอี ะไรยุง่ ยาก แค่ระบุจ�ำนวนหนังสือทีอ่ ยาก จะปลูกต้นไม้ทดแทน จากนั้นก็คลิกช�ำระเงินผ่านบัตรเครดิต สนนราคาหนังสือ 1 เล่ม หรือต้นไม้ 1 ต้น เท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐฯ จากนั้น ทางทีมงานจะประสานงานต่อไปยังองค์กรท้องถิ่นที่ท�ำงานด้าน การปลู ก ป่ า อยู ่ ที่ นิ ก ารากั ว เบลี ซ กั ว เตมาลา ฮอนดู รั ส ปานามา ในทวี ป อเมริกากลาง และมาลาวีในแอฟริกา เพื่อให้น�ำต้นไม้ไปลงในพื้นที่ซึ่งจะเกิดเป็น ประโยชน์ทั้งต่อธรรมชาติและชาวบ้าน Eco-Libris ไม่ใช่องค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ พวกเขาประกาศตัว ชัดเจนว่าเป็นหน่วยงานธุรกิจที่ ‘หวังผลก�ำไร’ แต่ก็เป็นธุรกิจเพื่อสังคมและ สิ่งแวดล้อม เพราะเขาเชื่อว่า มันคือวิธีการท�ำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ต่อทุกฝ่าย พวกเขายืนยันว่าต้นไม้ทเี่ ราปลูกนัน้ จะเติบโตยืนต้นได้แน่ ถ้าเราต้องการ ปลูก 10 ต้น พวกเขาจะปลูกให้เรา 13 ต้น เพื่อรับประกันว่า หากต้นไม้ล้มตาย ไปบ้าง ท้ายที่สุดก็ยังจะได้จ�ำนวนถูกต้องครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้ และในแต่ละ ปีก็จะมีการประเมินผลตรวจนับยอดกับองค์กรที่ปลูกและดูแล นั่นคงเป็นความ จริงจังและประสิทธิภาพแบบองค์กรธุรกิจที่พวกเขาหมายถึง เมื่อช�ำระเงินส�ำหรับการปลูกต้นไม้แล้ว เรา (ไม่ว่าอยู่มุมไหนของโลก) จะได้รับสติ๊กเกอร์ Ex-Libris ซึ่งเป็นกระดาษรีไซเคิล มีข้อความว่า ‘One tree was planted for this book’ เพื่อน�ำมาแปะบนปกหนังสือของเรา Ex-Libris คือ ‘ตรา’ ทัง้ ในรูปแบบของการประทับและแปะลงบนปกหนังสือ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาลนานโพ้น นักอ่านหรือ เจ้าของหนังสือแต่ละคนนั้นจะมีตราประจ�ำของตัวเองซึ่งได้รับการออกแบบมา อย่างสวยงามและไม่ซ�้ำใคร เนื่องจากมีการระบุชื่อเจ้าของหนังสืออย่างชัดเจน Eco-Libris ก็คือ Ex-Libris นั่นเอง เพียงแต่เป็นเวอร์ชั่นที่แสดงออกถึง ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

260


เว็บไซต์แห่งนี้ตั้งเป้าอันแสนจะยิ่งใหญ่ว่าภายในปี 2551 จะปลูกต้นไม้ ทดแทนหนังสือให้ได้ 5 แสนเล่ม พวกเขาไม่ได้ท�ำงานอย่างโดดเดี่ยว เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับหนังสือหลายแห่ง ขอมีส่วนร่วมด้วย www.bookswim.com ซึ่งเป็นชมรมเช่าหนังสือออนไลน์ก็มี แคมเปญกับลูกค้าว่า หากสั่งซื้อ Gift Card 1 ใบ ทางเว็บจะสมทบทุนช่วยปลูก ต้นไม้ 1 ต้น หรือ www.textbookflix.com ก็ประกาศว่า เมื่อมีคนเช่าต�ำราเรียน 1 เล่ม พวกเขาจะปลูกต้นไม้ทดแทนให้ 1 ต้น ไม่ใช่แค่ในเว็บไซต์เท่านั้น ร้านหนังสือหลายแห่งในสหรัฐฯ ก็พร้อมใจกัน ร่วมโครงการนี้ ถ้าซือ้ หนังสือกับทางร้าน ทางร้านจะรับผิดชอบหนังสือเล่มนัน้ ด้วย การปลูกต้นไม้ทดแทนให้ และแปะสติ๊กเกอร์ Eco-Libris ให้ทันทีเมื่อซื้อ แล้วก็ยังท�ำโครงการกับส�ำนักพิมพ์และนักเขียนโดยตรง พวกเขาสามารถ รับผิดชอบต่อหนังสือของเขาได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอให้คนอ่านเป็นผู้ลงมือท�ำ ทั้งความคิดและสิ่งที่ Eco-Libris ท�ำ นับว่าเป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงและ ค�ำชื่นชมอย่างมากจากผู้คนในแวดวงสิ่งแวดล้อม หากมองเผิ น ๆ มั น ก็ คื อ ธุ ร กิ จ ประเภทหนึ่ ง ที่ ก วั ด แกว่ ง เครื่ อ งมื อ ทาง การตลาดอย่างช�ำนิช�ำนาญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคิดและความปรารถนาดีที่ อยู่เบื้องหลังผลประโยชน์นั้นน่าสนใจ และสร้างแรงบันดาลใจ หากนิยมความสะดวกสบาย หรือชอบในเครือ่ งหมายตรา ก็เชิญคลิกเข้าไป ใช้บริการของ Eco-Libris แต่ถ้าอยากลงมือปลูกด้วยตัวเอง การตามหากระถาง ดิน และพันธุ์ไม้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหตุผลที่จะบอกตัวเองให้ลงมือปลูกต่างหากที่ยากกว่า เหตุผลดีๆ มีเป็นร้อยเป็นพัน แต่ส�ำหรับหนอนหนังสือนั้น ข้อเดียว ก็เกินจะพอ หนังสือทุกเล่มที่คุณอ่านเคยเป็นต้นไม้มาก่อน www.ecolibris.net 261


304


วันที่เราเท่ากัน

ผมเคยร่ ว มในงานประกาศผลรางวั ล โฆษณาที่ ใ หญ่ ที่ สุ ด ในโลกอย่ า ง Cannes Lions 4 ครั้ง เมื่อพิธีกรประกาศชื่อผู้ได้รับรางวัลโกลด์ ซึ่งจะได้ขึ้นไปรับบนเวที ผู้ชม ในหอประชุมต่างก็มปี ฏิกริ ยิ าทีห่ ลากหลาย บ้างปรบมือตามมารยาท บ้างปรบมือ เป่าปากแสดงออกว่าชอบงานนีม้ าก บ้างก็โห่ใส่ เพราะไม่เข้าใจว่า งานห่วยๆ แบบนี้ ได้รางวัลได้ยังไง แต่ผมยังไม่เคยเจองานชิน้ ไหนทีผ่ ชู้ มเกือบทัง้ หอประชุมลุกขึน้ ยืนปรบมือให้ จนกระทั่งวันนี้ เมื่อพิธีกรประกาศชื่องาน Integration Day นี่คือแคมเปญโฆษณา ในวันดาวน์ซินโดรมโลก ขององค์กร CoorDown ประเทศอิตาลี มี SAATCHI & SAATCHI Milan เป็นเจ้าของงาน CoorDown เป็นองค์กรที่พยายามรณรงค์ให้ชาวดาวน์ซินโดรมมีชีวิต ร่วมกับคนอืน่ ๆ ในสังคมได้อย่างปกติ ถ้าพวกเขาอยูใ่ นเงือ่ นไขทีเ่ หมาะสมก็สามารถ อยู่ร่วมกับทุกคนได้ เรียนหนังสือได้ ท�ำงานได้ เล่นกีฬาได้ ในวันที่ 21 มีนาคม 2012 ซึ่งเป็นวันดาวน์ซินโดรมโลก CoorDown เลยจัดแคมเปญชุดใหญ่ขึ้นมา เพือ่ บอกว่า ชาวดาวน์ซนิ โดรมอยูร่ ว่ มกับทุกคนในสังคมได้ ด้วยวิธกี ารทีค่ าดไม่ถงึ

305


CoorDown ขอความร่วมมือกับแบรนด์ดังทั้งระดับประเทศและระดับโลก เช่น กาแฟ illy รถ Toyota ผ้าอ้อม Pampers บัตรเครดิต CartaSi และเหล้า Averna สิ่งที่ CoorDown ต้องการคือ ขอให้เปลี่ยนหนังโฆษณาของสินค้าเหล่านี้ ทีอ่ อกอากาศทางโทรทัศน์ในวันนีเ้ ป็นการชัว่ คราว 1 วัน จะเรียกเปลีย่ นหนังโฆษณา ก็คงไม่ถูกนัก เพราะ CoorDown ต้องการแค่ให้เปลี่ยนนักแสดง เรื่องเดิม โปรดักชั่นเดิม มุมกล้องเดิม ตัดต่อแบบเดิม เปลี่ยนแค่นักแสดง จากตัวแสดงสวยหล่อ เป็นชาวดาวน์ซินโดรม ให้ใส่เสื้อผ้าแบบเดิม เล่นแบบเดิม พูดง่ายๆ คือ เป็นโฆษณาที่เหมือนเดิม ต่างไปแค่นักแสดง เมื่ อ ผู ้ ช มทางบ้ า นเปิ ด โทรทั ศ น์ ม าจะเห็ น โฆษณาที่ ม องผ่ า นๆ นึ ก ว่ า เป็นหนังโฆษณาตัวเดิม แต่พอตั้งใจดูดีๆ ถึงรู้ว่า นักแสดงเป็นดาวน์ซินโดรม ไม่ใช่แค่หนังโฆษณา แต่การเปลี่ยนตัวแสดงยังลามไปถึงโฆษณาบนสื่อ สิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์ในวันนั้น ซึ่งมีแบรนด์ท้องถิ่นเข้าร่วมด้วยอีกหลายเจ้า รวมไปถึง ให้ชาวดาวน์ซินโดรมอ่านสปอตโฆษณาทางวิทยุด้วย นอกจากโฆษณาแล้ว รายการทอล์กโชว์ชื่อดังของอิตาลีก็ยังชวนชาวดาวน์ซินโดรมมาเป็นแขกรับเชิญ แทนคนมีชื่อเสียงอย่างที่ท�ำเป็นปกติ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบอกว่า วันนี้เราเท่ากัน คนธรรมดา และดาวน์ซินโดรม ไม่แตกต่างกัน ชาวดาวน์ซนิ โดรมสามารถอยูร่ ว่ มกับคนอืน่ ๆ ในสังคมได้สบายมาก ผลจากแคมเปญนี้ท�ำให้มีองค์กรต่างๆ ในอิตาลีติดต่อมายัง CoorDown เพื่อร่วมโครงการรับชาวดาวน์ซินโดรมเข้าท�ำงาน เพิ่มขึ้นถึง 600 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นแคมเปญที่ประสบความส�ำเร็จอย่างมากในอิตาลี ผมเคยเห็นแคมเปญนี้แล้ว ก็คงเหมือนคนอื่นๆ ที่กะเก็งว่า มีโอกาส คว้ารางวัลใหญ่จากเทศกาล Cannes Lions แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะคว้ารางวัลโกลด์ มาได้จากทัง้ 3 หมวดทีป่ ระกาศผลในคืนนี้ ทัง้ Promo & Activation, Pr และ Direct จากทัง้ หมดทัง้ ปวงทีเ่ ล่ามา ดูเหมือนว่าแคมเปญนีไ้ ม่นา่ จะต่างอะไรกับงาน ส่งเสริมสังคมดีๆ อีกหลายชิ้น แต่ท�ำไมคนทั้งหอประชุมถึงลุกขึ้นยืนปรบมือให้ ทั้งที่ก็ไม่ได้คว้ารางวัลใหญ่ที่สุด 306


พอสิ้นเสียงประกาศชื่องานของพิธีกร ผู้ที่เดินขึ้นมารับรางวัลบนเวทีเป็น หนุ่มสาวดาวน์ซินโดรม ทั้งคู่เดินขึ้นมาเหมือนครีเอทีฟคนอื่นๆ ที่ขึ้นมารับรางวัล ก่อนหน้านี้ เดินขึ้นมาอย่างประหม่าเล็กน้อยเหมือนคนอื่น รับรางวัลเหมือน คนอื่น ชูถ้วยรางวัลเหมือนคนอื่น ดีใจเหมือนคนอื่น และเดินกลับลงไปเหมือน คนอื่น แต่ทิ้งความรู้สึกอะไรมากมายไว้ให้กับคนทั้งหอประชุม ไม่ส�ำคัญว่าเขาทั้งสองเป็นคนคิดงานหรือเป็นแค่ตัวแทนขึ้นมารับรางวัล แต่เขาท�ำให้คนทั้งหอประชุมรู้สึกว่า เราไม่ต่างกัน และวันที่เราเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีแค่วันที่ 21 มีนาคม

307


322


ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์

323


324


คนลดคันเร่ง

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวล�้ำน�ำสมัย มีความมุ่งมั่นในแววตา มีสัญชาตญาณของการเป็นนักประดิษฐ์อยู่ในสายเลือด โลกเลยได้เห็นนวัตกรรม แปลกประหลาดจากดินแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ไม่ขาด บ้างเป็นงานที่ตอบโจทย์ แก้ปัญหาได้อย่างลงตัว บ้างเป็นงานที่ไอเดียดี ใช้งานได้ แต่ไม่ต้องมีก็ได้อย่างที่ หลายๆ คนชอบพูดกันว่า “ท�ำมาท�ำไมวะ” ผมว่างานประเภท “ท�ำมาท�ำไมวะ” นี่แหละที่ยืนยันกับเราว่า ความไฮเทคของญี่ปุ่น ไม่ได้ท�ำให้ชาวปลาดิบกลายเป็น หุน่ ยนต์ พวกเขายังมีสมั ผัสทีต่ อบสนองต่อความอ่อนโยนของมนุษย์อยูเ่ ต็มเปีย่ ม แค่สร้างถนนสักสายยังใช้สมองแทบจะทุกหยัก ฌิซึโอะ ฌิโนะดะ เป็นนักวิทยาศาสตร์ในสังกัดสถาบันวิจัยอุตสาหกรรม ฮอกไกโด มีอยู่วันหนึ่ง เขาขับรถแทร็กเตอร์แล้วท�ำให้เกิดรอยครูดบนผิวถนน โดยบังเอิญ ที่บังเอิญไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเขาขับรถยนต์ผ่านถนนตรงช่วงที่มี

325


รอยครูดนั้น เขาพบว่าตอนที่ยางรถยนต์สัมผัสกับเส้นลึกๆ บนผิวถนนท�ำให้เกิด เสียงสูงต�่ำหลายโทน เหมือนเวลาที่เราขับรถผ่านเนินชะลอความเร็วเล็กๆ ที่เรียง กันเป็นชุด นอกจากแรงสั่นสะเทือนแล้ว เรายังได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังก้อง อยูใ่ นห้องโดยสาร แล้วก็เป็นหลักการเดียวกับการทีเ่ ราขับรถขึน้ ลงทางลาดทีม่ กี าร เซาะร่องเล็กๆ ไว้บนพื้นผิวกันลื่น แล้วได้ยินเสียงสะท้อนดังขึ้นมาจากพื้นถนน เสียงเหล่านี้เกิดจากการสะท้อนของเสียงผ่านร่องเล็กๆ บนพื้นถนน ถ้าทุกร่องมีระยะห่างเท่ากัน เสียงทีไ่ ด้ยนิ จะเป็นโทนเดียว แต่ถา้ เว้นระยะไกลบ้าง ใกล้บ้าง เราจะได้ยินเสียงในโทนสูงต�่ำต่างกันออกไป จากความคิดนี้ท�ำให้ทีมของ ฌิซึโอะ ฌิโนะดะ ตั้งใจจะสร้างเสียงดนตรีบนพื้นถนนเมื่อมีรถแล่นผ่าน พอพัฒนาไอเดียมาได้สักระยะ ก็ส่งต่อให้วิศวกรของสถาบันในเมือง ซัปโปะโระช่วยปรับปรุงให้ดีขึ้น เนื่องจากวิศวกรกลุ่มนี้เพิ่งท�ำงานกับเทคโนโลยี สุดล�้ำที่ใช้แสงอินฟราเรดเพื่อตรวจหาพื้นผิวถนนที่เป็นอันตราย เลยมีความ ช�ำนิช�ำนาญในด้านผิวหน้าของถนนเป็นพิเศษ ในที่สุด ถนนดนตรี หรือ Melody Road ก็พัฒนาขึ้นจนส�ำเร็จ เป็นถนน ช่วงสั้นๆ ที่มีความยาว 250 เมตร ถ้าเราขับรถผ่านด้วยความเร็วที่เหมาะสม ประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเราจะได้ยินเสียงดนตรีดังก้องอยู่ในห้องโดยสาร โดยมีเงื่อนไขเพิ่มว่าต้องปิดหน้าต่างรถให้สนิท ถ้าขับรถเร็วไปจะได้ยินเสียงดนตรี เหมือนกดปุ่ม Fast Forward แต่ถ้าขับช้าไปก็จะได้ยินเสียงเหมือนเทปยืด เพื่อให้ ง่ายต่อการสังเกต ทางเจ้าหน้าที่จึงเพนต์รูปตัวโน้ตสีสันสดใสไว้บนพื้นถนนของ ถนนดนตรีดว้ ย ตอนนีม้ ถี นนดนตรีทงั้ หมด 12 สาย ในหลายส่วนของญีป่ นุ่ (ล่าสุด ขยายผลไปทั่วโลกแล้ว) มีถนนสายหนึ่งน�ำท�ำนองเพลงป๊อปญี่ปุ่นมาใช้ด้วย ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวนี้ ผมซูฮกในความคิดและฝีมือ แต่เมื่อเก็บมาคิดต่อ ก็เริ่มสงสัยว่า เราจะเสียเวลาท�ำเรื่องแบบนี้ท�ำไม เพราะมันไม่ได้จ�ำเป็นอะไร กับชีวิตเราเลยแม้แต่น้อย คิดแบบนั้นไหม

326


เสียงดนตรีจากถนนไม่ได้ไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเพลงที่เราฟังผ่าน เครือ่ งเสียงในห้องโดยสาร กว่าจะได้ยนิ ก็ชา่ งยากเย็นแสนเข็ญ ประโยชน์ของถนน ดนตรีจึงเหมือนสร้างเพื่อความสะใจมากกว่าเหตุผลอื่น กระทั่งมีคนออกมาบอกว่า นี่คือวิธีช่วยให้คนลดความเร็วลงในช่วงถนน อันตรายที่จูงใจกว่าปักป้ายบอก โครงการนี้ก็สมบูรณ์แบบขึ้นมาทันที เหตุผลของ การผ่อนคันเร่งบนทางหลวงมีเป็นร้อย แต่ไม่มเี หตุผลไหนจะน่ารักไปกว่าการชะลอ ความเร็วลงจนเท่ากับที่ป้ายก�ำหนด จะได้ฟังเสียงดนตรีที่ดังขึ้นมาจากพื้นถนน เป็นแรงจูงใจในแง่บวก และเป็นความรื่นรมย์เล็กๆ ที่ได้รับจากการท�ำ ถูกต้องตามข้อก�ำหนดกฎหมาย

http://melodyroad.dunlop.co.jp

327


344


ใครไร้บ้าน

Homeless ไม่ได้ Hopeless โดยความเข้าใจทั่วไป ชาวโฮมเลสหมายถึง ผู้ไร้บ้าน เลยต้องกินนอนตาม ที่สาธารณะ ชาวโฮมเลสในประเทศที่เจริญแล้วมีความเป็นอยู่ไม่แย่นัก เพราะได้ เงินจากรัฐ ไม่กไ็ ด้เป็นอาหาร นับว่ามีคณ ุ ภาพชีวติ ดีกว่าชาวไร้บา้ นในบ้านเราเยอะ คนทั่วไปมักมองคนปูเสื่อนอนตามข้างถนน สวนสาธารณะ หรือว่าปักหลักถาวร ใต้สะพานว่าเป็นปัญหา ทัง้ ในส่วนความไม่เรียบร้อยของเมือง และความไม่พนู สุข ของชาวไร้บ้านเอง แต่บางครั้งก็อาจคิดกันไปเอง สถาปนิกแดนปลาดิบนาม เคียวเฮ ซะกะงุชิ นึกสนุกออกตามเก็บข้อมูล เกี่ยวกับบ้านของชาวไร้บ้านทั่วญี่ปุ่น แล้วพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือชื่อ 0 Yen House หรือ บ้านศูนย์เยน หนังสือเล่มนี้ท�ำให้คนมีบ้านเปลี่ยนมามองคนไร้บ้าน ในมุมใหม่ ชาวไร้บา้ นในญีป่ นุ่ ไม่ได้อาศัยในกองขยะ บ้านของพวกเขาถูกสร้างขึน้ อย่าง ฉลาด พับเก็บได้ง่าย บางหลังก็ดูดีมาก มีเสื่อทะตะมิด้านใน มีกระถางบอนไซ

345


ด้านนอก สถาปนิกผู้นี้บอกว่า ในยุคแห่งการผลิตซ�้ำจ�ำนวนมหาศาล (mass production) เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างผลิตกล่องสี่เหลี่ยมออกมาขาย ผู้คนแล้วเรียกมันว่า ‘บ้าน’ ทั้งที่มันไม่ใช่ บ้านราคาศูนย์เยนเหล่านี้ต่างหาก ที่ควรค่ากับการถูกเรียกว่าเป็นการออกแบบบ้านที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะ หลังจากอุบัติเหตุทางเศรษฐกิจเมื่อ 15 ปีก่อน คนญี่ปุ่นจ�ำนวนมากได้ แปรสภาพจากคนมีบา้ นมาเป็นคนไร้บา้ น ปี 2546 มีคนไร้หลังคาเรือนตามทะเบียน จ�ำนวน 25,296 คน แต่คาดว่าจ�ำนวนจริงน่าจะมากกว่านั้นสัก 2 เท่า คนไร้บ้าน ในญี่ปุ่นตรงข้ามกับคนไร้บ้านที่อื่น และตรงข้ามกับภาพจ�ำของเราที่คิดว่าต้อง เกีย่ วข้องกับอาชญากรรม ยาเสพติด โสเภณี หรือไม่กเ็ ป็นตัวก่อปัญหาต่างๆ ด้วย ลั ก ษณะนิ สั ย แบบชาวญี่ ปุ ่ น เป็ น ทุ น เดิ ม ชาวไร้ บ ้ า นในแดนอาทิ ต ย์ อุ ทั ย เลย ออกแนวคนดีขอี้ าย มีทอี่ ยูอ่ าศัยเป็นระเบียบเรียบร้อย จนได้รบั การยกย่องว่าบ้าน ของพวกเขาเป็นที่พ�ำนักของโฮมเลสที่เป็นระเบียบและสะอาดที่สุดในโลก การปลูกสร้างอาคารในที่สาธารณะนั้นผิดกฎหมาย แต่ชาวไร้บ้านที่อยู่ อาศัยตามสถานทีส่ าธารณะก็ไม่รจู้ ะย้ายไปไหน เจ้าหน้าทีร่ ฐั ทราบความจริงข้อนีด้ ี แต่ก็ต้องรักษากฎหมาย เลยประนีประนอมด้วยการออกตรวจเป็นปกติ แต่ก่อน ไปจะแจ้งชาวไร้บ้านให้ทราบล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ก่อนเจ้าหน้าที่จะมา ชาวชุมชน ไร้ บ ้ า นก็ ต ้ อ งจั ด การแยกบ้ า นเป็ น ชิ้ น ส่ ว นต่ า งๆ แล้ ว ขนหลบไปบริ เวณอื่ น พอเจ้าหน้าที่จากไป ก็กลับมาประกอบใหม่ โครงสร้างบ้านของพวกเขาจึงต้อง ยืดหยุ่นที่สุด พร้อมจะถูกถอดตลอดเวลา เลยใช้ระบบเสาไม้กับเชือกแทนตะปู ถ้าน�้ำท่วมก็ยกไปไว้บนพาเล็ตต์ หรือลังเบียร์พลาสติก บ้านของพวกเขาใช้วัสดุที่หลากหลาย โดยมากสร้างจากลังกระดาษ ผ้าใบ และไม้ บ้างก็สร้างจากหนังสือการ์ตนู เล่มหนาทีห่ าได้ตามถังขยะ มองข้างนอกเห็น เป็นก้อนเหลีย่ มๆ แต่ขา้ งในเป็นเหมือนบ้านทัว่ ไป ทีต่ อ้ งถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน มีเตาส�ำหรับท�ำอาหารและให้ความอบอุน่ ในฤดูหนาว มีชนั้ วางอาหารและหนังสือ มีผ้าห่ม เสื่อ บางหลังก็มีโทรทัศน์และวิทยุ ที่ต่อไฟฟ้ามาจากจานพลังงาน

346


แสงอาทิตย์ ในวันแดดแรง พวกเขามีไฟฟ้าให้ดูทีวีได้ 6-7 ชั่วโมง บางหลังก็มี คาราโอเกะ บางหลังมีพื้นที่ส�ำหรับเลี้ยงหมา และบางหลังก็สร้างแบบสองชั้น! (พร้อมถอดประกอบ) บ้านของพวกเขาเป็นผลงานออกแบบที่ใช้สมองแทนเงิน บางชุมชนมีการรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือกัน การมีชีวิตในเมืองท�ำให้เรา ไม่จ�ำเป็นต้องรู้ว่าเพื่อนบ้านของเรามีทักษะอะไร แต่ที่นี่ทุกคนจ�ำเป็นต้องรู้ว่า เพื่อนบ้านของพวกเขาท�ำอะไรได้บ้าง จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ใครเป็น ช่างไม้ก็มักจะได้รับมอบหมายให้ท�ำหน้าที่ออกแบบโครงสร้าง พวกเขาบอกว่า บ้านของพวกเขาไม่เคยสร้างเสร็จ อยู่ไป พัฒนาไป เคียวเฮ ซะกะงุชิ บอกว่า บ้านของคนไร้บ้านบางหลังก็อยู่กัน 2 คน สามีภรรยา แม้ว่าบ้านเหล่านี้จะไม่มีเลขที่บ้าน แต่เขาไม่อยากเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ‘คนไม่มีบ้าน’ เพราะทุกคนล้วนมีบ้าน เคียวเฮบอกว่า เขาไม่มีบ้านของตัวเอง ต้องเช่าบ้านอยู่ เขาต่างหาก ที่สมควรจะเรียกว่าคนไร้บ้าน

www.0yenhouse.com

347


372


พ่อดีพอดี

โลกใบนี้หมุนไปด้วยแรงกายของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผมไม่คิดว่าผู้หญิงมีความรู้ความสามารถด้อยกว่าผู้ชาย แต่ที่เป็นเช่นนี้คง เพราะผู้หญิงมีภาระที่มากกว่าผู้ชาย คือ เปลก็ไกว ดาบก็แกว่ง ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องท�ำ พลังและสมาธิเลยถูกแบ่งไปใช้ใน 2 งาน เมื่อชายหญิงจับคู่เป็นครอบครัว ผู้ชายมีหน้าที่ออกหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผูห้ ญิงมีหน้าทีเ่ ลีย้ งลูกและดูแลครอบครัว ความอ่อนโยนของผูห้ ญิงคงเหมาะ จะท�ำหน้าทีน่ มี้ ากกว่าผูช้ าย เมือ่ ภาระหน้าทีเ่ ลีย้ งลูกเป็นของผูห้ ญิง การหาเสบียง มาเลี้ยงครอบครัวจึงเป็นของผู้ชาย การมีลูกสักคนเลยส่งผลกระทบต่อชีวิตของ ผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจ�ำนวนไม่น้อยลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกแบบเต็มเวลา ส่วนกลุ่มที่ ยังคงท�ำงานต่อไปตามปกติก็แบ่งพลังชีวิตส่วนหนึ่งจากงานมาใช้เลี้ยงลูก จากที่ เคยมีเป้าหมายทะเยอทะยานด้านการงาน อาจหันมาเอาจริงเอาจังกับการเลี้ยง ลูกให้ดีตามความหมายของตัวเอง

373


ส่วนผู้ชาย การมีลูกไม่ได้ลดระดับความบ้าคลั่งในการท�ำงานลงสักเท่าไหร่ เพราะความเป็นพ่อในยุคนี้ เหมือนเลี้ยงลูกเป็นงานอดิเรก ในขณะที่แม่เลี้ยงลูก เป็นงานประจ�ำ แล้วท�ำงานประจ�ำเป็นงานอดิเรก พ่อจ�ำนวนมากเลยให้เวลากับ งานมากกว่าลูก Fathering Japan จึงถือก�ำเนิดขึ้นมาเพื่อสอนความเป็นพ่อให้กับพ่อ Fathering Japan เป็นองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่อยากเปลี่ยนแปลงโลก ในวันพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นด้วยไอเดียใหม่ๆ ชื่อองค์กรบอกอยู่ทนโท่ว่าท�ำเรื่อง ‘พ่อ’ แต่ ยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า ไม่ได้ต้องการสร้างพ่อที่ดี แต่อยากเพิ่มปริมาณ ‘พ่อที่มี รอยยิ้ม’ ให้กับสังคม Fathering เป็นค�ำกริยา ใช้ส�ำหรับพ่อที่มีความสุขเวลา เลีย้ งลูก ค�ำว่า พ่อทีม่ รี อยยิม้ เลยหมายถึง พ่อทีส่ ามารถบาลานซ์ชวี ติ ระหว่างงาน และครอบครัวได้ ประเทศญี่ปุ่นยุคนี้ คุณพ่อหลายคนซาบซึ้งดีว่า การใช้เวลาอยู่กับลูก เป็นสิ่งที่มีค่า แต่การบริหารจัดการเวลาแบบงานหลวงก็ไม่ให้ขาด งานราษฎร์ ก็ไม่ให้เสียนั้นต้องใช้ความกล้าอย่างมาก เพราะบริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่น ไม่ได้ใส่ใจ กั บ บทบาทของพ่ อ ในการเลี้ยงลูกเท่าใดนัก ในขณะที่ บริ ษัท ก็ เรี ยกร้ องเวลา และความมุ่งมั่นในการท�ำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางฝ่ายภรรยาก็คาดหวังว่าสามี จะมาช่วยแบ่งเบาภาระในการเลีย้ งลูกให้มากกว่านี้ แล้วคุณพ่อมือใหม่จะบาลานซ์ ชีวิตยังไง แคนาดาคล้ายญี่ปุ่นตรงที่ก�ำลังเป็นดินแดนแห่งพลเมืองอาวุโส แต่สิ่งที่ ต่างกันคือ รัฐบาลแคนาดาสนใจการเพิ่มบทบาทในครอบครัวให้กับพ่อมากกว่า ญีป่ นุ่ อย่างเทียบกันไม่ได้ อย่างเช่น คุณพ่อทีแ่ คนาดาสามารถลาคลอดได้ ถึงแม้วา่ ตัวเองไม่ได้คลอด แต่ก็ควรหยุดงานไปรับผิดชอบกับหน่อเนื้อเชื้อไขที่เพิ่งลืมตา ดูโลก ส่วนญีป่ นุ่ การลางานเพือ่ ใช้เวลาอยูร่ ว่ มกับครอบครัวเป็นเรือ่ งทีไ่ ร้สาระมาก ในมุมมองของผู้บริหาร บริษัทในญี่ปุ่นอยากให้พนักงานสนใจงานมากกว่าครอบครัว แต่งานวิจัย จ�ำนวนมากพิสูจน์แล้วว่า ผู้ชายที่มีส่วนร่วมและมีบทบาทส�ำคัญในครอบครัว 374


เป็นพนักงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ชายที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลากับครอบครัว บริษัทต่างๆ ในยุโรปเลยหันมาเริ่มนโยบายบาลานซ์ชีวิตงานและครอบครัวให้กับ พนักงาน เหตุผลง่ายๆ ก็คือ การมีพนักงานระดับกลางที่มีประสิทธิภาพหมายถึง การมีผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพในอนาคต การอนุญาตให้พนักงานได้ใช้เวลากับ ครอบครั ว มากขึ้ น จะท�ำให้ พ วกเขาท�ำงานอย่ า งมี ค วามสุ ข และรู ้ สึ ก รั ก บริ ษั ท หมายความว่า ถ้าชีวิตครอบครัวของพนักงานดี บริษัทก็ดี Fathering Japan พยายามจัดกิจกรรมมากมายเพื่อสร้างพ่อที่สามารถ บาลานซ์ชีวิตงานและครอบครัวได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมพูดคุยเสวนา จัดอีเวนต์ สร้างเครือข่ายพ่อที่มีรอยยิ้ม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อแนะน�ำคุณพ่อผู้บ้างาน ทั้งหลายให้หาทางปรับตัวมาแบ่งเวลาให้กับครอบครัวบ้าง คุ ณ พ่ อ ที่ อ ยากท�ำงานให้ ดี มากกว่ า อยากเลี้ ย งลู ก ให้ ดี คงสงสั ย ว่ า ท�ำไมเราต้องสนใจแบ่งเวลาให้ครอบครัวขนาดนั้น Fathering Japan มี 1 ค�ำตอบ กับ 1 ค�ำถาม ค�ำตอบแรก เขาว่า ถ้าครอบครัวเข้มแข็ง สังคมก็เข้มแข็ง ค�ำถามหลัง เขาถามกลับว่า ยังมีอะไรที่ส�ำคัญกับสังคมของเรา มากกว่า ลูกหลานของเราอีกหรือ

www.fathering.jp 375


เกีย่ วกับผูเ้ ขียน ทรงกลด บางยีข่ นั ร่�ำ เรียนด้านเศรษฐศาสตร์สง่ิ แวดล้อมปริญญาตรีและโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เคยเป็นนักวิจยั ด้านเศรษฐศาสตร์สง่ิ แวดล้อม เคยเป็นเจ้าหน้าทีร่ ณรงค์ของ WWF ซึง่ เป็นองค์กรด้านสิง่ แวดล้อมทีใ่ หญ่ทส่ี ดุ ในโลก เป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสาร a day มา 10 ปี เป็นพิธกี รรายการโทรทัศน์บา้ ง สอนหนังสืออยูบ่ อ่ ยๆ และจัดกิจกรรมชวนผูอ้ า่ นเดินทางเพือ่ เรียนรูเ้ รือ่ งราว เกีย่ วกับสิง่ แวดล้อม สังคม และชีวติ อย่างสม่�ำ เสมอ facebook.com/ZcongklodPage instagram @zcongklod twitter @zcongklod zcongklod@yahoo.co.uk www.lonelytrees.net

444


เกีย่ วกับผูอ้ อกแบบ รุง่ นภา คาน ปัจจุบนั เป็นนักออกแบบอิสระ และผูก้ อ่ ตัง้ สตูดโิ อไซส์เล็กเชิงทดลองชือ่ treetimesstudio ชอบคิดมาก รักการออกแบบหนังสือ และรักสิง่ แวดล้อมมากเป็นพิเศษ

ผลงานทีเ่ คยทำ�ร่วมกับผูเ้ ขียน ต้นไม้ใต้โลก ดอกไม้ใต้โลก ต้นไม้ใต้ดวงอาทิตย์

445


ดินแดนแสนดอกไม้ ทรงกลด บางยีข่ นั

หนังสือในชุด Knowledge & Creativity ลำ�ดับที่ 003 เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-032-0 พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2556 (Limited Edition) ราคา 395 บาท

ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ ทรงกลด บางยี่ขัน. ดินแดนแสนดอกไม้. -- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2556. 448 หน้า. 1. รวมเรื่อง. I. รุ่งนภา คาน, ผู้วาดภาพประกอบ II. ชื่อเรื่อง. 089.95911 ISBN 978-616-327-032-0

ในกรณีที่หนังสือมีตำ�หนิจากการพิมพ์หรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือเล่มนั้นกลับมา ตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ ทางเรายินดีเปลี่ยนให้ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

สั่งซื้อหนังสือราคาพิเศษ 0-2726-9996 ต่อ 49 E-mail member@daypoets.com


บรรณาธิการที่ปรึกษา วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการบริหาร ภูมิชาย บุญสินสุข ผู้ช่วยบรรณาธิการ สุรเกตุ เรืองแสงระวี อาร์ตไดเร็กเตอร์ บพิตร วิเศษน้อย กราฟิกดีไซเนอร์ เพกา เจริญภักดิ์ กราฟิกดีไซเนอร์ เมธาสิทธิ์ กิตติกุลยุทธ์ ภาพปก/ภาพประกอบ/ออกแบบรูปเล่ม รุ่งนภา คาน เลขานุการ/พิสูจน์อักษร พิมพ์นารา มีฤทธิ์ พิสูจน์อักษร ศศิวรรณ โมกขเสน กองบรรณาธิการ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ การตลาด วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล ประสานงานการผลิต อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ ดิจิทัลคอนเท็นต์มาสเตอร์ วิศรุต วิสิทธิ์ ผู้จัดการทั่วไป จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ลูกค้าสัมพันธ์ นริศรา เปยะกัง เว็บมาสเตอร์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่

สำ�นักพิมพ์ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด

เลขที่ 3 ซอยเจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0-2726-9996 ต่อ 22 โทรสาร 0-2714-4252 E-mail abook9@gmail.com Official Page facebook.com/abookpublishing แยกสี/พิมพ์ บริษัท โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (1987) จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2428-7500 จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.