ร่อนลงบนดวงดาว [PREVIEW]

Page 1


เก้า มีนานนท์

หนังสือในชุด Life & Inspiration 011 เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-066-5 พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2557 ราคา 325 บาท

ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ เก้า มีนานนท์. ร่อนลงบนดวงดาว. -- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2557. 304 หน้า. 1.นักแสดง--สัมภาษณ์. 2. นักร้อง--สัมภาษณ์. I.ชื่อเรื่อง. 791.028092 ISBN 978-616-327-066-5

ในกรณีที่หนังสือมีตำ�หนิจากการพิมพ์ หรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือนั้นกลับมา ทางสำ�นักพิมพ์จะเปลี่ยนให้โดยไม่มีเงี่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น


ที่ปรึกษา บรรณาธิการที่ปรึกษา บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการเล่ม ผู้ช่วยบรรณาธิการ อาร์ตไดเร็กเตอร์/ออกแบบปก/รูปเล่ม เลขานุการ พิสูจน์อักษร กองบรรณาธิการ ช่างภาพ

การตลาด ผู้จัดการทั่วไป ผู้ช่วยผู้จัดการ ธุรการ ลูกค้าสัมพันธ์ เว็บมาสเตอร์

สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ภูมิชาย บุญสินสุข เจิมสิริ เหลืองศุภภรณ์ สุรเกตุ เรืองแสงระวี อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์ พิมพ์นารา มีฤทธิ์ ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง ณัฐพล วุฒิเพ็ชร์ สลัก แก้วเชื้อ นวลตา วงศ์เจริญ วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ณัฐรดา ตระกูลสม นริศรา เปยะกัง จุฬชาติ รักษ์ใหญ่

บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด สำ�นักพิมพ์ เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 310 โทรสาร 0-2718-1244 E-mail abook9@gmail.com Off ificial Page facebook.com/abookpublishing แยกสีและพิมพ์ บริษัท ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จำ�กัด (มหาชน) โทรศัพท์ 0-2675-5600 จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609


ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์

‘ร่อนลงบนดวงดาว’ คือบทสัมภาษณ์คนบันเทิงจ�ำนวน 16 บท คัดสรรจากคอลัมน์ The Interview ในนิตยสาร HAMBURGER อันเป็น ความตั้งใจของพี่โหน่ง - วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการที่ปรึกษา ผู้เป็นบรรณาธิการบริหารคนแรก รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งนิตยสาร บันเทิงเชิงสาระเล่มนีข้ นึ้ มา เป็นความตัง้ ใจเดียวกับเมือ่ เกือบ 13 ปีทแี่ ล้ว ที่เขาเชื่อว่าวงการบันเทิง ‘มีอะไร’ มากกว่าที่คิด วงการบันเทิงมีดีอะไร หลายปีที่ผ่านมา HAMBURGER พยายาม ตอบค�ำถามนั้น ด้วยการน�ำเสนอเรื่องราวน�้ำดีในวงการบันเทิง สะท้อน แง่มุมที่น่าสนใจ การท�ำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่เข้มข้น ผู้คนที่ น่าศึกษา น่าเอาเป็นแบบอย่าง ซึ่งบทสัมภาษณ์ประจ�ำฉบับทุกครั้ง คือความตัง้ ใจทีจ่ ะถ่ายทอดเรือ่ งราวของคนบันเทิงให้ได้ในความหมายนัน้ เก้า มีนานนท์ นักสัมภาษณ์ประจ�ำของ HAMBURGER เขาท�ำ หน้าทีบ่ นั ทึกชีวติ บางช่วงบางตอนของคนบันเทิงตลอดหลายปีทผี่ า่ นมา เสน่หข์ องเขาอยูท่ คี่ วามเป็นคนคุยสนุก มองโลกในแง่ดี มีอะไรบางอย่าง ทีช่ วนให้ไว้เนือ้ เชือ่ ใจได้ เท่าทีเ่ คยร่วมอยูใ่ นบทสนทนาหลายครัง้ ความ พิถพี ถิ นั ในการท�ำงานของเขาไม่ได้อยูแ่ ค่การคิดค�ำถาม ท�ำการบ้านก่อน สัมภาษณ์ หรือการน�ำค�ำถามค�ำตอบมาเรียบเรียงหลังจากนัน้ แต่ความ ใส่ใจในรายละเอียดเริม่ ตัง้ แต่การเลือกสถานทีน่ งั่ คุย ช่วงเวลา ระยะห่าง ที่เหมาะสม เครื่องดื่มที่วางตรงหน้า ทั้งหมดมวลคือบรรยากาศอันเป็น จุดเริ่มต้นของการสัมภาษณ์ที่ดี และในหลายๆ ครั้ง ผลส�ำเร็จคือการ ที่เหล่าดาราฝากค�ำนิยมกลับมาให้ หลังจากที่บทสัมภาษณ์ได้รับการ ตีพิมพ์ 4


ส�ำหรับดิฉันแล้ว ‘ร่อนลงบนดวงดาว’ ไม่ใช่แค่หนังสือรวมบท สั ม ภาษณ์ มั น คล้ า ยเป็ น บทบั น ทึ ก ของวงการบั น เทิ ง ในช่ ว งไม่ กี่ ป ี ที่ผ่านมา บันทึกเรื่องการเดินทางไปยังดวงดาวต่างๆ ที่เราต้องเก็บ รายละเอียดทีละเล็กละน้อย ค่อยๆ สัมผัสประสบการณ์ตามที่พวกเขา บอกเล่า มีบ้างที่แอบข�ำกับมุกตลก อึ้งไปกับค�ำพูดคมๆ หรือจังหวะ การถามที่บางครั้งลงลึกไปในความลับทึมเทา สิ่งส�ำคัญอย่างหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ตอกย�้ำความแน่นอนของชุดความจริงที่ว่า เรื่องบันเทิง เกี่ยวพันกับชีวิตประจ�ำวันอย่างที่เราแทบไม่รู้ตัว บางคนอาจจะกล่าวหาว่าวงการบันเทิงไม่มอี ะไร แต่มองให้ดๆี มัน กลับเป็นของมีค่า ดาวทุกดวงต่างมีค่าในตัวของมันเอง การท�ำงาน ความคิด ทัศนคติ และการใช้ชีวิตของคนบันเทิงในหนังสือเล่มนี้คือ ความจริงเช่นนั้น เจิมสิริ เหลืองศุภภรณ์ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร HAMBURGER


ค�ำนิยม

เมื่ อ หลายปี ก ่ อ นผมได้ รู ้ จั ก ‘เก้ า มี น านนท์ ’ ในฐานะกองบรรณาธิการคนใหม่ของ HAMBURGER เขาต้องรับภาระหนักอึ้งใน การท�ำคอลัมน์สัมภาษณ์ที่รุ่นพี่สร้างมาตรฐานไว้สูงลิบ ซึ่งเขาก็ท�ำ ออกมาได้ดี และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับคอลัมน์นี้จนกลายเป็น คอลัมน์ที่ผมใจจดจ่อรออ่านแทบทุกฉบับ ผมเคยถามว่าท�ำไมถึงชอบท�ำสัมภาษณ์ เขาบอกว่าชอบพูด ชอบคุย ชอบสนทนา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถคิดบทสนทนากับ คนที่มีชื่อเสียง และท�ำให้คนเหล่านั้นรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ พร้อมจะเล่า ในสิ่งที่อยากเล่า โดยผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด ด้วยค�ำถามที่ชัดเจน ตรงประเด็น บ่อยครั้งที่ผมสงสัยว่าเก้า มีนานนท์ได้รับค�ำตอบเหล่านั้น มาได้อย่างไรโดยที่ใบหน้าไร้ร่องรอยการต่อยตี ถ้าชื่อเสียงคือสิ่งที่ห่อหุ้มตัวตนเอาไว้ เขาค่อยๆ ใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่าค�ำถามกะเทาะเข้าไปถึงตัวตนของคนมีชื่อเสียง และเปิด มุมใหม่ให้เรามองพวกเขาในฐานะบุคคลทีม่ ที งั้ สีขาว เทา ด�ำ ปะปนกัน แน่ น อนว่ า บทสั ม ภาษณ์ จ ะตอบโจทย์ ก็ ต ่ อ เมื่ อ ได้ รั บ ค�ำตอบที่ ค น อยากรู้ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ควรมีค�ำถามที่คนทั่วไป ‘ควรรู้’ สะท้อน ถึ ง ตั ว ตนของผู้ถูกสัมภาษณ์แฝงอยู่ในนั้นด้วย และนี่เองคือเสน่ห์ ของบทสัมภาษณ์ใน HAMBURGER ที่อาจจะหาไม่ได้ในสื่อบันเทิงอื่นๆ


จนท�ำให้ครั้งหนึ่ง พระเอกซูเปอร์สตาร์อย่าง ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ฝากคนมาบอกผมว่า “รักที่สุดเลยคนนี้ เก็บเขาไว้ให้ดีนะ” นั่นคงพอ จะเป็นค�ำตอบได้ว่า ค�ำถามของเขาน่าจะโดนใจพระเอกที่เคยผ่านการ สัมภาษณ์มาเป็นร้อยครั้งไม่มากก็น้อย เก้า มีนานนท์ บอกสาเหตุที่ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า ‘ร่อนลงบน ดวงดาว’ ก็เพราะบทสัมภาษณ์เหล่านีพ้ าเราเข้าสูโ่ ลกส่วนตัวของบรรดา ดารานักแสดงทีเ่ ปรียบเสมือนดวงดาวบนฟากฟ้าบันเทิงไทย ผมหวังว่า ทุกท่านคงเพลิดเพลินไปกับการนั่งยานอวกาศที่ขับเคลื่อนโดยกัปตัน เก้า มีนานนท์ เขาจะพาคุณส�ำรวจทุกพื้นที่ของดวงดาวที่คุณชื่นชม อย่างสนุกสนาน วีรวัฒน์ อัจจุตมานัส อดีตบรรณาธิการบริหาร นิตยสาร HAMBURGER


ก่อนเดินทางไปดวงดาว

ความจริงก็เขินๆ นะครับที่จะต้องเขียนแนะนำ�เกี่ยวกับผลงาน รวมบทสัมภาษณ์ของตัวเองที่ทำ�ไว้ในคอลัมน์ The Interview ของ นิตยสาร HAMBURGER ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าใครผ่านไปเจอ พ็อคเก็ตบุ๊คเล่มนี้บนแผงหนังสือแล้วรู้สึกว่าชื่อ ‘ร่อนลงบนดวงดาว’ มั นดู ห วื อ หวา น่ า หมั่ น ไส้ ก็ ต้ อ งขออภั ย ไว้ ด้ ว ย เพราะตั ว ตนของ คนทำ�สัมภาษณ์ก็ออกแนวลิเกอะไรแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ความจริงที่มาของหนังสือเกิดขึ้นจากความคิดง่ายๆ ที่ต้องการ รวบรวม ‘16 บทสัมภาษณ์สะท้อนตัวตนคนบันเทิง’ ภาพรวมก็มาจาก แนวคิดหลักของ HAMBURGER ที่เราอยากจะทำ� ‘นิตยสารบันเทิง เชิงสาระ’ สำ�หรับคนอ่านและผู้นิยมเสพข่าวสารบันเทิงมาโดยตลอด ซึ่งแน่นอนว่าก็ตอ้ งรวมไปถึงเนือ้ หาของบทสัมภาษณ์ภายในเล่มด้วย สำ�หรับผม บทสัมภาษณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของ HAMBURGER บางทีก็อาจไม่ได้เหมือนกับนิตยสารเล่มอื่นๆ เพราะสิ่งที่ เราต้องการมากกว่าการสะท้อนตัวตนคือการนำ�เอาเกร็ดชีวติ ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวของคนบันเทิงออกมาให้ลึกซึ้ง มากที่สุด ซึ่งที่มาของชื่อ ‘ร่อนลงบนดวงดาว’ เองก็เกิดขึ้นจากแนวคิด พื้นฐานไม่ต่างกับการทำ�บทสัมภาษณ์ทุกชิ้นของ HAMBURGER เราเรียกคนบันเทิงติดปากว่า ‘ดารา’ บ้างก็แทนความพิเศษให้ หมายความถึงดวงดาว เป็นดาวค้างฟ้าบ้าง เป็นระดับซูเปอร์สตาร์บ้าง ความจริงภาพเหล่านีท้ ำ�ให้ผมนึกถึงเวลาที่เรานั่งมองดวงจันทร์ แน่นอน ว่าสีเหลืองผ่องมองแล้วก็เพลินตา แต่พอยิ่งได้เรียนรู้ ได้ดูภาพถ่าย เราต่างก็รวู้ า่ แท้จริงเบือ้ งหลังความงามกลับเต็มไปด้วยริว้ รอย บาดแผล


และไม่มแี สงสว่างในตัวเอง ดวงจันทร์ไม่มชี น้ั บรรยากาศ เป็นดาวร้างแล้ง ที่ มี ทั้ ง ด้ า นมื ด ทึ ม เทา และด้ า นที่ ส ะท้ อ นแสงสว่ า งจากดวงอาทิ ต ย์ เปรียบไป มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับดวงดาวมากมายในจักรวาลบันเทิงไทย หลายปีที่ผ่านมา เต๋า-สมชาย เข็มกลัด เต็มไปด้วยบาดแผลของ กระแสข่าว ก่อนทีเ่ ขาจะทำ�หน้าทีพ่ ่อคนได้อย่างน่าชื่นชมเอ็นดู - ความสำ�เร็จในวันนี้ของ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ เองก็ไม่ได้ โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตัง้ แต่แรก ย้อนกลับไป ครัง้ หนึง่ เธอเคยเป็นเด็กสาว ทีม่ แี ต่ขา่ วลือสีเทาๆ ตามหน้าสื่อบันเทิงเต็มไปหมด - ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นคนรักแมว ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ หมายความว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เชื่อในชีวิตการแต่งงาน - และที่เห็นๆ กันว่า แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ดูอารมณ์ดี แววตายิ้มๆ แท้จริงเขากลับเป็นคนใจร้อน จุดเดือดต่ำ� และเต็มไปด้วย เรื่องราวดาร์กไซด์ในชีวิตมากมาย ฯลฯ บอกตามตรง การผจญภัยตลอดหลายปีท่ีผ่านมาผมปลื้มปริ่ม เพราะความจริง สิ่งที่ผมได้รับจากทัศนคติและประสบการณ์ชีวิตของ ดาวแต่ละดวง บางทีก็มีสาระสำ�คัญที่เข้ามาช่วยเติมเต็มชีวิตผมให้ดีขึ้น สุดท้าย ผมขอขอบคุณนิตยสาร HAMBURGER สำ�หรับโอกาสที่ ทำ�ให้ได้พบ ได้เจอกับหลากหลายประสบการณ์ดวงดาวตลอดหลายปี ที่ผ่านมา

เดินทางกลางดวงดาวให้สนุกเถิด เก้า มีนานนท์


สารบัญ 14

แสงของผู้ชายชื่อ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

32

ความรักเท่าที่รู้ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ

48

วิธีสื่อสารในแบบ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

64

365 วันแรกในวงการบันเทิงของ จิรายุ ตั้งศรีสุข

80

คุยกับลูกผู้ชายชื่อ สมชาย เข็มกลัด

94 ความเชื่อ-ความฝัน-ความทรงจำ� บันทึกการเดินทาง 3 วัน 3 คืนกับ BODYSLAM 118

ขวบปีที่คลี่คลายของ สินจัย เปล่งพานิช

132

ทางชีวิตอย่างลูกผู้ชาย ศุกลวัฒน์ คณารศ


152

คุยแบบร่วมสมัยกับวัยรุ่นไทย ก่อนชมซี่รี่ส์ ‘ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น’

176 ฟังเสียงหัวใจของ

ณัฐวุฒิ สกิดใจ

194

ระยะทางระหว่าง ‘บ้าน’ กับ ‘ชีวิต’ อนันดา เอเวอริ่งเเฮม

214

การเดินทางตลอดชีวิต ปิยธิดา-นภัสรัญธน์ มิตรธีรโรจน์

230 16 ปีแห่งพลังหนุ่มของ พาราด็อกซ์ 252

ชีวิตบนทิศทางที่เลือกของ เจษฎาภรณ์ ผลดี

270 กุหลาบงามย่อมมีหนาม

เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์

286

รากที่ลงลึกบนแผ่นดินบันเทิงของ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง




01


ตลอดหลายปีทร่ี ว่ มงานกับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ บอกเลยว่า ผมรู้สึกดีทุกครั้ง จำ�ได้ว่าพูดคุยกันครั้งแรกๆ พระเอกหน้าใหม่จาก หนัง เพือ่ นสนิท มาแบบถามคำ�ตอบคำ� แต่ยงิ่ ทำ�งานในแวดวงบันเทิง เพิ่มมากขึ้น ผมรู้สึกว่าซันนี่ค่อยๆ คลี่คลายตัวเอง ไปพร้อมๆ กับ เปิดเผยตัวตนโดยเฉพาะมุมอารมณ์ดีของตัวเองเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากไปกว่านั้น มุมมองของซันนี่ต่อชีวิต สังคม และแวดวง บันเทิงนับวันก็ยง่ิ คมคาย โดยเฉพาะปีหลังๆ มานี้ การได้นง่ั คุยกับเขา ทำ � ให้ ค นทำ � งานนิ ต ยสารอย่ า งผมได้ แ รงบั น ดาลใจในการใช้ ชี วิ ต กลับไปหลายๆ เรื่องด้วยเหมือนกัน


นิตยสาร HAMBURGER เดือน เมษายน 2557 ฉบับที่ 190

แสงของผู้ชายชื่อ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ถ้า ‘Magic Hour’ คือช่วงเวลาที่แสงสวยที่สุดของวัน การ สบสายตาพร้อมกับฟังทัศนคติชีวิตในขวบปีที่คลี่คลายของซันนี่ ก็เหมือนว่ากำ�ลังได้ร่วมสัมผัสกับช่วงวัยที่ทั้งคมคายและสวยงาม ของเขาด้วยเช่นกัน เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ ว่า ‘แสง’ เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่ มนุษย์มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะว่าไปมันก็คือความมหัศจรรย์ของ ธรรมชาติไม่แพ้ต้นไม้ ลำ�ธาร สัตว์ป่า หรือภูเขาลูกไหนๆ บางเวลา มองขึ้นไปบนฟ้า เห็นแสงที่ผสมอยู่ในนั้นแล้วรู้สึกเศร้า บางเวลา รู้สึกเหงา และบางเวลาก็รู้สึกมีความหวังบางอย่างให้กับซีวิต ผู้ชายหน้านิ่งๆ ออกแนวตีมึนคนนี้ชื่อ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ถ้าบอกว่าเวลามองหน้านักแสดงคนนี้ ยิ่งตอนที่นั่งคุยกัน ได้ถาม และฟังทัศนะในเรื่องต่างๆ เราก็รู้สึกอะไรไม่แตกต่างกัน เวลาคุย กับเขา บางเรื่องก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง บางเรื่องก็ดูหม่นๆ เหมือน ท้องฟ้าใกล้จะทิ่มดินเต็มที ไม่นา่ เชือ่ ว่าเรารูจ้ ก ั กับซันนีม ่ ากว่า 9 ปีแล้ว นับตัง้ แต่เขาโด่งดัง จาก ‘เพื่อนสนิท’ หนังที่เขาบอกอยู่บ่อยครั้งว่านอกจากจะเป็นหนัง เรื่องแรก แต่มันยังเป็นงานที่ทำ�ให้เขาได้รู้จักกับอาชีพที่ตัวเองรัก และทำ�มันได้ดีที่สุดในชีวิตอีกด้วย


17


ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาต้องถือว่ารายชื่องานการ แสดงมีจ�ำนวนไม่มาก แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกับซันนี่ใน หลายครั้ง หลายโอกาส เรามักจะพบว่านอกจาก ตัวเลขของอายุเพิ่มขึ้น ซันนี่ยังมีทัศนคติต่อโลกที่ ทั้งคมและสว่างขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดในช่วงที่ซิทคอม ‘เนื้อคู่ The Final Answer’ เพิ่งถ่ายท�ำ˝ˇเสร็จและ ออกอากาศไปได้ไม่กี่ตอน เราชวนเขากลับมานั่งคุย กันอีกครั้งทั้งเรื่องงาน ชีวิต ความรัก ไปจนถึงเรื่อง ทั่วไปใกล้ๆ ตัว ระหว่างที่คุยกัน ซันนี่บอกว่าคนเราจะค่อยๆ อ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น บอกตามตรง ผมไม่รู้ว่านี่คือช่วงเวลา Magic Hour หรือช่วงแสงที่ สวยที่สุดของชีวิตเขาหรือยัง เพียงแต่รู้สึกว่าทุกครั้ง ที่คุยกัน ผมก็มักจะได้เห็นแสงใหม่ๆ เฉดสีใหม่ๆ ออกจากตัวเขาอยู่เรื่อยๆ

หรือไม่ดี จะแนวหรือไม่แนว แต่ผมรู้สึกว่าควรจะมี หนังแบบนีถ้ กู สร้างออกมาบ้าง อะไรทีเ่ ป็นสิง่ ใหม่ มัน ต้องมีคนเริ่ม เราจะเห็นว่าในหนังต่างประเทศ เรื่องราวที่ ถูกเล่าจะหลากหลายมาก มันมีตั้งแต่คนคุยกันไม่กี่ คนจนถึงเรื่องสังคมใหญ่ๆ มันเล่าได้ทุกเรื่อง แต่ใน บ้านเรามีเรื่องราวให้เห็นอยู่ไม่กี่แบบ หนังรัก หนังผี หรือหนังตลกซะส่วนใหญ่ ถ้ามีหนังออกมาเยอะ แต่ ท�ำออกมาเหมือนกันสักร้อยเรื่องมันก็ไม่มีประโยชน์

ซิ ท คอม เนื้ อ คู ่ The Final Answer เพิ่ ง จบไป สดๆ ร้อนๆ ดูจากจ�ำนวนและรายชือ่ ผลงานการแสดง นอกจากหนังเรื่อง ชัมบาลา ดูเหมือนซันนี่แทบจะ เหมารวมผลงานกับค่ายหนัง GTH แว่วว่าผลงาน ชิ้นต่อไปก็ก�ำลังเตรียมจะคุยกับค่ายเดิมอีก ไม่คิดจะ ไปร่วมงานกับคนอื่นบ้างเหรอ

ความจริ ง ผมดู ภ าพรวมทั้ ง หมด แต่ ส� ำ หรั บ บ้านเรา ผมว่าผู้ก�ำกับภาพยนตร์มีผลเหมือนกันนะ บางทีไม่รู้จัก เราก็ไม่รู้ว่าทางเขากับทางเราจะเข้ากัน ได้ไหม เลยต้องมีการพูดคุยกัน ถ้ารู้จักกันมาก่อน ก็เวิร์กหน่อย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง เหมือนเป็นเรื่องของรสนิยม หรือบางทีเนื้อเรื่องมัน ไม่ใช่สิ่งที่อยากท�ำ ผมก็ไม่รู้จะท�ำไปท�ำไมเหมือนกัน นะครับ ต้องลองส่งบทมาให้อา่ นครับ ผมชอบอ่านบท มาก เพียงแต่ที่ผ่านมาเห็นงานผมน้อยๆ เพราะบท มันยังไม่โดนเท่านั้นเอง ถ้าเรื่องงานแสดงผมปล่อยไม่ได้ ผมจะปล่อย

ซันนี่ดูความถูกใจจากอะไรบ้างครับ

ความรู้สึกอย่างเดียวเลยครับ เรื่องพวกนี้ต้อง ใช้ความรู้สึก รายชือ่ ทีมงานเกีย ่ วด้วยไหม ชือ่ ผูก ้ �ำกับ โปรดิวเซอร์ นักแสดงน�ำร่วม หรือความสนิทสนมส่วนตัว ฯลฯ

ความจริงผมก็เปิดรับตลอดนะครับ เพียงแต่ นานๆ จะมีบทถูกใจเราสักที คือผมเลือกท�ำงานทีถ่ กู ใจ น่ะครับ เหมือนหนัง ชัมบาลา ถ้าถูกใจ ผมก็จะเล่น อย่าง ชัมบาลา พอผมอ่านบทแล้วรู้สึกว่าหนัง แบบนี้บ้านเรายังไม่มีให้ดู สุดท้ายไม่ว่าหนังมันจะดี 18


ตัวเองให้ไปเล่นในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของผมไม่ได้ คือถ้าส่งบทมาให้แล้วถูกใจ 5 เรื่อง ผมรับมันทีเดียว ทั้ง 5 เรื่องเลยก็ได้ มันไม่มีเหตุผลอื่นเลยว่าเราจะ ต้องหยุดแสดงไปท�ำอะไร หรือจะต้องหายไปใช้ชีวิต ไปพักผ่อน ไม่มีเลยครับ ถ้าชอบ ผมท�ำงานทุกวัน เลยก็ได้ แต่ถ้ายังไม่เจองานที่ชอบ ผมก็ไม่ฝืนครับ ท�ำอะไรอย่างอื่นไปก่อนก็ได้

อี ก อย่ า ง ระหว่ า งนั้ น ผมก็ จ ะตี ซี้ กั บ คนที่ ผ ม เห็ น ว่ า เขามี ‘โพเทนเชี ย ล’ ที่ อ ยากท� ำ สิ่ ง ที่ ผ ม ต้องการ ตีซี้กับแก๊งนี้ไว้ครับ อย่างเช่น แก๊งผู้กำ� กับ ที่ผมรู้สึกว่าทางนี้จะเป็นทางที่ผมชอบ ยกตัวอย่าง พีเ่ อส (คมกฤษ ตรีวมิ ล - หนึง่ ในทีมผูก้ ำ� กับ แฟนฉัน, เพื่อนสนิท, สายลับจับบ้านเล็ก, หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่ ฯลฯ) ผมก็ตีซี้ไว้ เพราะเล็งเห็นแล้วว่าพี่เอสกับผม มีรสนิยมอะไรคล้ายๆ กัน เราจะอยู่กับเขาไปเรื่อยๆ เพราะเชือ่ ว่าจะมีหนังทีเ่ ราอยากเล่นโผล่ออกมาชัวร์ๆ โดยที่เราไม่ต้องไปเดาทางอะไรมาก

นักแสดงหลายคนพอผลงานเรื่องก่อนหน้าประสบ ความส� ำ เร็ จ หลั ง จากนั้ น งานทุ ก สิ่ ง อย่ า งก็ มั ก จะ รุมล้อมเข้ามา งานแสดงก็เยอะ งานโฆษณาก็มาก คุณไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้กับเขาบ้างเหรอ

ในพาสปอร์ต ซันนี่ไปเที่ยวไหนมาบ้างครับ

หลักคิดเราคนละแบบกันไงฮะ สิ่งที่ท�ำให้ผม มีค วามสุข มัน ไม่ ใ ช่ ตัวเงิน ความสุขคือ ระหว่างที่ เราก�ำลังท�ำกับตอนที่เราท�ำมันเสร็จแล้ว เราอยาก ไปกองถ่ายเพือ่ ไปท�ำในสิง่ นี้ ท�ำเสร็จแล้วรูส้ กึ ดีกบั มัน เงินมันก็ดีฮะ แต่มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ผมต้องการ ชีวิต มันก็ต้องใช้เงินน่ะแหละ ทุกคนก็อยากได้ เพียงแต่ มันไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงของผม ส่วนที่ส�ำคัญที่สุดส�ำหรับผมคือคุณค่าของงาน ที่เราท�ำก่อนที่จะได้เงินมา ผมรู้สกึ ว่าจะดูรวยกว่านะ ถ้าเราท�ำงานแล้วมีความสุข มันจะสุขกว่าการได้เงิน มาเฉยๆ แล้วขี้เกียจท�ำงาน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะรักแค่เงิน แต่ไม่มีสิ่งยึดที่เรารักเลย ถ้าคุณมี แนวคิด ว่ า รวยเมื่อ ไหร่จะเลิก ท� ำงาน งั้นแสดงว่า งานที่คุณท�ำอยู่ทุกวันนี้คุณไม่ได้รักมันเลยเหรอ พ้อยท์ของผมคือเงินมาทีหลัง สิง่ ทีผ่ มท�ำ ผมรัก ก่อน จากนั้นเงินคือผลของมัน

ความจริงไม่กี่ประเทศหรอกครับ ญี่ปุ่น อิตาลี เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฮ่องกง จีน ทิเบต แถวๆ นี้แหละฮะ อย่างประเทศญีป่ ่นุ ผมก็ชอบมากครับ เราโตมา กับเรื่องพวกนี้ อย่างของเล่น การ์ตูนญี่ปุ่น ประเทศ เขาอยู่กันแบบง่ายๆ ของกินก็ดี อากาศก็ดี การ คมนาคมก็เข้าใจง่าย ไปไหนมาไหนไม่มีใครมายุ่ง กับเรา เพราะพูดกับเราไม่รู้เรื่อง ชอบมาก ผมยัง ไม่เคยเห็นใครไปประเทศญี่ปุ่นแล้วกลับมาบอกว่า ไม่ชอบประเทศนี้เลย ประเทศโซนยุโรปผมก็อยากไปให้ครบเลย ผม ชอบความคลาสสิ ก ของทวี ป เขาครั บ ทั้ ง อากาศ บ้านเมือง ผู้คน จากที่ผมเห็นตามทีวีก็รู้สึกได้ถึง ความคลาสสิก

เงินที่หามาได้จากการแสดงในช่วงที่ท�ำงาน คุณเอา ไปใช้ท�ำอะไรบ้าง ใช้หมดไหม

จริงๆ ผมไม่ค่อยได้ใช้เลยนะ ถ้าไม่ไปเดินเล่น ระหว่ า งนั้ น ก็ ใ ช้ ชีวิต ไปเรื่อ ยฮะ ท�ำ โน่ น ท�ำ นี่ ผมก็ไปช้อปปิ้ง แล้วเวลาช้อปปิ้งผมก็ไปซื้อเสื้อผ้า ไปเที่ยวกับเพื่อน ผมชอบไปเที่ยว นี่คือการใช้ชีวิต ตามสวนจตุจักร ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์กับรายได้ ของผม ท�ำแล้วมีความสุข ทีผ่ า่ นมา ผมว่าผมได้ใช้ไปประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์เอง ช่วงรองานที่ชอบ ระหว่างนั้นคุณเอาเวลาไปท�ำอะไร

19


ผมไม่ค่อยได้ใช้ตังค์ครับ เพราะผมซื้อทุกอย่าง กล้าพูดว่าตัวเองมีอาชีพ นั่นคืออาชีพนักแสดง ที่ผมต้องการแล้ว ยิ่งตอนนี้ซื้อบ้านให้แม่แล้ว บ้าน ก่อนหน้านัน้ ตัง้ แต่สมัยเรียน หรือสมัยไหนก็ตาม ตัวเองก็มีแล้ว ที่เหลือก็ไม่รู้จะอยากได้อะไรแล้วฮะ ผมไม่เคยท�ำอะไรแล้วรู้สึกดีกับมัน หรือสามารถท�ำ มันได้โดยไม่เบื่อเลย อย่างก่อนหน้านี้ที่ผมเล่นดนตรี ครั้งหนึ่งคุณเคยบอกว่าบ้านคือความฝันอย่างหนึ่ง กับเพื่อนมา 3 ปี ผมก็รู้สึกว่าไม่อยากท�ำแล้ว เล่น ในชีวิต แสดงว่าวันนี้ไปถึงความฝันนั้นแล้ว ดนตรีมันสนุกนะครับ มันสนุกเหมือนเราเตะบอล จริงๆ การมีบา้ นมันไม่เชิงเป็นความฝันหรอกฮะ กับเพื่อน แต่ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพหรือสิ่งที่เรา แต่มันคือความอยากได้ อยากซื้อให้ครอบครัวเรา สามารถจะต่อยอดจนมั่นใจและเรียกมันว่าอาชีพได้ กับตัวเรา ให้มันดู... ดูเป็นผู้ใหญ่หน่อย ที่เหลือ แต่พอได้มาแสดงหนัง ผมรู้สึกดีกับมัน อยากออก ตอนนี้ ผ มไม่ อ ยากได้ อ ะไรแล้ ว รถยนต์ ผ มก็ ยั ง จากบ้านไปกองถ่ายทุกวัน ก่อนนอนพอรู้ว่าวันไหนจะ ได้ไปกองถ่าย ผมไม่เคยรูส้ กึ ขีเ้ กียจตืน่ เลย สิง่ เหล่านี้ ไม่อยากได้ มันท�ำให้ผมมั่นใจว่า อ๋อ นี่แหละมันคือสิ่งที่ผมจะ ท�ำไมถึงไม่อยากมีรถเป็นของตัวเอง ท�ำได้อย่างไม่มีวันเบื่อ ไม่ว่าผมแก่หรืออายุเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่ามันเต็มเมืองไปหมดแล้วไง แล้วก็ดู ผมอยากจะท�ำมันทุกวัน อยากท�ำอย่างที่ไม่ต้องมี ที่ความจ�ำเป็น ส�ำหรับผมมันยังไม่ถึงขนาดที่จะต้อง วันหยุด และผมอยากท�ำมันต่อไปเรือ่ ยๆ อยากแสดง มีรถยนต์ไว้ใช้ แต่ก่อนมาสัมภาษณ์วันนี้รถยนต์ อะไรที่สร้างสรรค์ในทางที่ดีขึ้น ไม่อยากท�ำอะไรย�่ำ จ�ำเป็นนะฮะ (หัวเราะ) วันนีแ้ ท็กซีไ่ ม่มา แล้วฝนตกอีก อยู่ที่เดิม ก็เลยรับเฉพาะงานที่อ่านบทแล้วเรารู้สึกดี คือนานๆ ถึงจะเห็นความจ�ำเป็นของมันสักที ผมมีความภูมิใจอย่างหนึ่ง คือเวลาเห็นคนเขา เชือ่ ใจ อยากให้เราไปเล่น แล้วมาคุยด้วย ผมรูส้ กึ ดีนะ การเป็นพระเอกหนังแต่ไม่มีรถขับ ไม่เป็นไรใช่ไหม หลังจากนัน ้ ถ้าผมอ่านบทแล้วชอบ ผมก็อยากท�ำงาน กับเขา แต่ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบ หรือไม่มีอะไรใหม่ๆ ไม่คิดว่าเสียลุค เสียภาพอะไร ไม่ เ ป็ น ไรฮะ ทุ ก วั น นี้ ผ มเดิ น ทางด้ ว ยแท็ ก ซี่ ให้ท�ำ เหมือนแสดงไปงั้นๆ ผมก็ไม่อยากเล่น รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินครับ ผมรู้สึกว่าหน้าที่ของนักแสดงไม่ใช่แค่ไปโผล่ หน้ากล้อง แต่มันเหมือนว่าเราเป็นนักออกแบบที่ บ้านที่ซื้อให้แม่กับให้ตัวเองเป็นเงินเก็บของซันนี่เอง ก�ำลังท�ำงานศิลปะ ผมชอบการนั่งคุยกับผู้ก�ำกับว่า ทั้งหมดเลยหรือเปล่า เราเห็นภาพตรงกันหรือเปล่า มันเหมือนเราไปวาดภาพ ใช่ครับ เพราะชีวิตมีงานการแสดงนี่แหละครับ ให้เขาดู ผมวาดแล้วคุณชอบไหม ถ้าเขาชอบ ผมก็ เลยมีอย่างทุกวันนี้ได้ รู้สึกดี ไม่ใช่มาบอกว่าผมต้องท�ำอย่างนั้น หันหน้า อย่างนี้สิ ส�ำหรับผมนั่นไม่ใช่นักแสดง คือถ้าสิ่งที่ นี่ขนาดรายชื่อผลงานการแสดงไม่เยอะนะ ผมท�ำมันเป็นรูปแบบตายตัว ผมก็ไม่รู้จะท�ำมันไป นั่ น ก็ เ พราะว่ า เรามี ค วามสุ ข ในสิ่ ง ที่ ท� ำ ไงฮะ ท�ำไม มันเหมือนไม่ได้ท�ำหน้าที่นักแสดงของตัวเอง การแสดงคือสิ่งเดียวและสิ่งแรกในชีวิตเลยที่รู้สึกว่า ครบถ้วน เราแค่ไปยืนท�ำตามที่เขาบอกแล้วเอาเงิน มันมีความหมายส�ำหรับผม มันเป็นสิ่งเดียวที่ผม นั่นไม่ใช่อาชีพ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมรัก 20


ยิง่ พอได้มาเรียนการแสดงกับครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ - แอ็คติง้ โค้ช) มันเริม่ เข้าใจการแสดง เหมือน เปิดโลกผมเลยครับ คือถ้าตอนเล่นเรื่อง เพื่อนสนิท ผมไม่ได้เจอกับครูเงาะ ผมอาจจะไม่เข้าใจหรือรู้สึก เกีย่ วกับการแสดงอย่างทีเ่ ป็นอยูใ่ นตอนนีก้ ไ็ ด้ ตอนนี้ ผมเข้าใจการแสดงในแบบนี้ จะผิดหรือเปล่าผมไม่รนู้ ะ แต่ผมรู้สึกว่านี่คือทางชีวิตผม

งานที่ผ่านมา คุณชอบบทภาพยนตร์เรื่องไหนของ ตัวเองมากที่สุด

ทีร่ สู้ กึ ชอบเลยคือ รัก 7 ปี ดี 7 หน ในตอนของ ผมก็ชอบนะฮะ (ตอน 21/28) ถ้าชอบแล้วมันก็จะเป็น อย่างนี้ ต่อให้ผมรู้ว่าหนังเรื่องนี้มันจะได้ตังค์หรือ ไม่ได้ตังค์ ต่อให้ตัดสินใจร้อยครั้ง ต่อให้เอาเรื่องอื่น มาแลกแล้วได้เงินกี่ร้อยล้าน ผมก็ยังจะเลือกแบบนี้ เพราะผมรู้สึกว่ามันดีมากส�ำหรับผมในตอนนั้น

เข้าใจมันขนาดนี้ แล้วทุกวันนีย้ งั ต้องเรียนการแสดง อยูอ่ ก ี ไหม

เกี่ยวไหมว่านั่นคือหนังของ GTH หรือเพราะถูกใจ ที่บท หรือทีมผู้ก�ำกับที่มีรสนิยมเดียวกัน

ความจริงถ้าจะเรียนก็เรียนได้ แต่ผมว่ามันเป็น เรื่องของความเข้าใจ ผมเป็นคนไม่เชื่อในเรื่องการ ฝึกฝนนะครับ การแสดงมันคือความเซ้นสิทีฟของ ตัวเรา (คิด) …คือถ้าการเรียนมันจะช่วยได้ มันคือการ ท�ำให้ตัวเองมีสมาธิ เพราะเรื่องพวกนี้มันส�ำคัญมาก ในกองถ่ายมีปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อหนัง ทีมงาน และนักแสดงเต็มไปหมด ฉะนั้นพอไปถึง กองถ่ายแล้วเราก็ต้องงัดเอาอารมณ์ความรู้สึกใน คาแร็คเตอร์ของเราออกมาให้ได้ ไม่วา่ จะเล่นซ�ำ้ กีค่ รัง้ เราต้องท�ำให้มันเหมือนว่านี่คือเหตุการณ์ครั้งแรก ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตเรา ที่เ หลือ นอกจากนั้น ผมไม่ อ ยากเรีย นอีก แล้ ว เพราะผมรู้สึกว่าคนเราสามารถค้นหาทางของเรา ได้เอง ถ้าเราเข้าใจแก่นของมัน เข้าใจในสิ่งที่มัน เป็น ที่เหลือก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะสร้างสรรค์อะไรจาก คาแร็คเตอร์ที่ได้รับออกมาได้บ้าง ไม่งั้นเอาใครที่ หน้าเหมือนผมมาเล่นก็ได้ หนังเรื่องหนึ่งเรียกนักแสดง 2 คนมาแคสติ้ง ยังเล่นไม่เหมือนกันเลย การแสดงมันไม่ใช่เรื่องของการฝึกฝน แต่เป็น เรื่องของการท�ำความเข้าใจ ถ้าจะฝึกฝน ผมว่าควร ฝึกฝนเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะของตัวเอง หรือเอา สิ่ ง ที่ เ จอในชี วิ ต มาใช้ ประสบการณ์ ส� ำ คั ญ มาก

ผมว่าด้วยอะไรหลายๆ อย่างครับ ทั้งทัศนคติ เจตนาทีด่ ใี นจุดทีค่ นเหล่านีส้ ร้างหนัง เขาไม่ได้ทำ� มัน อย่างลวกๆ แล้วเวลาทีผ่ มเจอคนมีเจตนาทีด่ ี อยากท�ำ อะไรดีๆ ผมจะอยากสนับสนุน เหมือนอย่างตอนผม ไปเล่นเรื่อง ชัมบาลา ผมคุยแล้วรู้สึกว่าเจตนาของ ผู้ก�ำกับเขาดี (ปัญจพงศ์ คงคาน้อย - ผู้ก�ำกับ) ผม ไม่รู้หรอกว่าเขาไม่เคยท�ำอะไรพวกนี้มาเลย สุดท้าย หนังมันอาจจะพังไม่เป็นท่าก็ได้ แต่เราจะสู้ด้วยกัน ทุกคนช่วยกันทุกทาง พยายามให้หนังมันออกมาดี ตอนถ่ายหนังเรื่องนี้ผมสนุกมาก คิดว่าตัวเองโชคดีไหมที่ 9 ปีที่แล้วได้มาเล่นหนัง เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’

โชคดีมากครับ ไม่งั้นผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตผม จะชอบอะไร หรือผมจะมีอาชีพอะไร เกี่ยวไหมว่าเพราะหนัง ‘เพื่ อ นสนิ ท ’ เป็นงานของ เอส-คมกฤษ ตรีวิมล เป็นหนังของค่าย GTH คุณ เลยรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่ใช่ เป็นการแสดงในแบบ ที่ชอบ

ไม่แน่เหมือนกันนะฮะ สมมติว่าผมไปเริ่มต้น เล่นเรื่องอื่น ผมอาจจะไม่รู้สึกแบบนี้ก็ได้

21


22


23


ส�ำหรับนักแสดง ถ้ามีประสบการณ์ เราจะสามารถ ดึงความรู้สึก หรือดึงสิ่งที่เคยสัมผัสจากจิตใต้ส�ำนึก ออกมาได้ ประสบการณ์เหล่านีม้ นั อยูใ่ นตัวเรานีแ่ หละ เพียงแต่เราต้องค้นหามันให้เจอ”

ความจริงไม่ต้องฮอลลีวู้ดก็ได้ อย่างหนังฝรั่ง หนังต่างประเทศหลายๆ เรือ่ งทีม่ าฉายกันในเมืองไทย คนเข้าไปดูออกมาบอกว่าสุดยอดเลย ลองถ้าเอา เรือ่ งพวกนีม้ าเสนอให้นายทุนบ้านเราคงไม่ได้ท�ำชัวร์ อีกอย่าง ฐานอายุการเป็นนักแสดงของฝรั่งก็กว้าง ส� ำ หรั บ ซั น นี่ แอ็ ค ติ้ ง โค้ ช มี ป ระโยชน์ อ ะไรบ้ า ง เพราะเขาเล่าเรื่องของคนหลายวัย บ้านเราเริ่มต้น ในกองถ่าย จากวัยซีรี่ส์ ฮอร์โมนส์ฯ ยันคนอายุประมาณสัก 30 “มีประโยชน์มากครับ อย่างที่บอกว่าปัจจัยใน นี่คือจบแล้วนะประเทศไทย กองถ่ า ยมั น เยอะมาก เวลาที่ เ ราวอกแวกไปผิ ด ทิศทาง แอ็คติ้งโค้ชคือคนที่สามารถดึงสติของเรา ถ้าจอร์จ คลูนีย์ มาอยู่ประเทศไทยล่ะก็… ให้กลับมามีสมาธิได้ พอเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง คลูนีย์จะกลายเป็นลุงธรรมดา ยืนรดน�้ำต้นไม้ ผู้ก�ำกับจะเป็นคนคอยบีบ คอยปรับให้เราเลี้ยวไป อยู่ในฉาก เก็ทไหมฮะ ไม่ผดิ ทาง เราจะเล่นแค่ในทิศทางของตัวเองโดยมอง ไม่เห็นภาพรวมของเขาไม่ได้ เพราะภาพยนตร์เป็น อาจจะเล่นเป็นบทพ่อ… ให้ไปเล่นอะไรก็ไม่รู้ด้วย เพราะบทพ่อที่เป็น งานของเราทั้งคู่ ตั ว ละครส� ำ คั ญ ในหนั ง ก็ ไ ม่ ค ่ อ ยมี ฐานอายุ ข อง เถียงผู้ก�ำกับบ้างได้ไหม นักแสดงน�ำในบ้านเรามันมีอยู่แค่นี้จริงๆ ครับ คน ได้สิฮะ มีซีนหนึ่งในหนัง สายลับจับบ้านเล็ก ประเทศอื่นหลังจากอายุ 30-40 เขาไม่ได้ตายเลย ที่ผมจ�ำฝังใจและรู้สึกดีมาตลอด คือมีอยู่ฉากหนึ่งที่ นะฮะ ชีวิตเขาหลังจากนั้นยังมีอีกหลายสิ่งที่น่าเล่า ผมเดินไปบอกกับพีเ่ อสซึง่ เป็นผูก้ �ำกับว่า “พีเ่ อส ผม ไม่ใช่มาบอกว่า ก็คนดูหนังคือคนระหว่างช่วงวัยรุ่น ว่าฉากนีม้ นั ไม่ควรเป็นแบบนัน้ ผมว่าเราท�ำแบบนีน้ า่ จะ กับวัยท�ำงาน มันไม่เกี่ยว ไม่ว่าคนอายุเท่าไหร่เขาก็ ดีกว่าไหม” แล้วพีเ่ อสก็บอกกลับมาว่า “เออ กูต้อง ไปดูหนังได้ เชือ่ มึงสิ เพราะมึงเป็นนักแสดง” แล้วเขาก็เดินไปเลย ความจริงมันอาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้ให้ค่า (ยิ้ม) สิ่งที่ถูกต้องมันควรจะเป็นอย่างนี้แหละฮะ หรือให้ความส�ำคัญกับเรื่องอะไรพวกนี้ก็ได้นะฮะ เราแค่บอกว่าคนพวกนี้เป็นดาราแค่นั้นเอง ดารา ตอนนี้ เนื้อคู่ The Final Answer คืองานล่าสุด ท�ำอะไรก็ได้ เขาต้องเป็นนักร้องได้ ต้องเดินแบบได้ หลังจากนีพ ้ ระเอกชือ่ ซันนีก ่ ำ� ลังรอคอยบทแบบไหนอยู่ แสดงหนังได้ แสดงละครได้ เป็นพิธีกรได้ ต้องเป็น ถ้าผมเป็นนักแสดงฮอลลีวู้ด ผมคงมีความสุข ได้ทุกอย่าง นี่คือดารา แล้วถ้าไม่ออกงานอีเว้นท์ ทุกวัน คือผมเห็นนักแสดงแต่ละคนเล่นหนังกันแล้ว ไม่มีข่าว ไม่มีละครเล่น นั่นคือคุณไม่ดังแล้ว คุณ แบบ… เขาคงมีความสุขมากเวลาอ่านบทที่ส่งมาถึง ตกกระป๋อง สรุปคือถ้าผมยังอยากมีงานแสดง ผม ตัวเขา ได้เจอบทดีๆ พล็อตดีๆ ส่งมาทุกวัน แล้วเวลา จะต้องท�ำอะไรก็ไม่รู้ไปตลอด ท�ำไปเรื่อยๆ ทั้งปีเพื่อ เขาไปเเคสติ้งกันก็คงรู้สึกดีมาก โอ้โห นี่คือสุดยอด ให้มีคนมาบอกว่าคนนี้เจ๋ง เพราะยังมีกระแส ซึ่ง ในความฝันเลยนะที่จะได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) มันไม่เกี่ยว แล้วผมก็ไม่รู้จะท�ำไปท�ำไม 24


ถ้ามีคนติดต่อให้ไปออกงานอีเว้นท์ทุกวันจะไปไหม

ตอนแรกมันก็ตรงกันแหละครับ หลังๆ ก็เริ่ม กลับกลายเป็นว่ายังมีคนอื่นอีกที่คิดตรงกันกับคุณ มากกว่า (หัวเราะ) แล้วสุดท้ายเราก็ต้องแยกจาก กันไป เพราะเราโตขึ้น มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นกับชีวิต ความคิดและความต้องการบางอย่างในชีวิตเราก็ เริ่มเปลี่ยน เริ่มคิดไม่เหมือนกัน ชีวิตมันเป็นอย่างนี้ แหละฮะ

หลังๆ เพื่อนร่วมงานคุณทยอยแต่งงานกันเรื่อยๆ พอลล่า เทเลอร์ ก็แต่งงานแล้ว โอปอล์ ปาณิสรา ก็ เพิ่งสดๆ ร้อนๆ เพื่อนทักบ้างไหมว่าเมื่อไหร่ซันนี่จะ แต่งงาน

ที่พูดนี่แสดงว่าคงจะไม่มีความรักไปอีกนาน

ได้ฮะ ติดต่อมาสิ ผมไปได้ แต่มันไม่เกี่ยวว่า การที่ผมท�ำแบบนี้เพื่อให้คนมองว่าเรายังมีกระแส มันคนละจุดประสงค์ ส�ำหรับผม งานอีเว้นท์ก็คือ งานชิ้น หนึ่ง ผมก็อ ยากท�ำอะไรให้คุ้ม ค่ากับคนที่ เขาจ้างเราไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นสายงานแสดง ก็เถอะ

ไม่หรอกฮะ ผมอยากให้มนั เป็นแค่วา่ เราไม่ตอ้ ง เป็นอะไรกันก็ได้ เพียงแค่ผมรู้สึกดีกับคุณ แต่คุณ ไม่ต้องมาเปลี่ยนผม แล้วผมก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน ผมอยากให้เรารู้สกึ ดีต่อกัน ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ มันจบลงแบบมองหน้ากันไม่ติด หรือท�ำเหมือนคน ไม่เคยรู้จักกัน แล้วสุดท้ายก็ไม่เจอกันอีกเลย ผม เกลียดเหตุการณ์อะไรแบบนี้มากครับ

ก็มีทักบ้างฮะ แต่ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับเรื่อง พวกนี้อยู่แล้ว ใครอยากแต่งงานก็แต่ง ส่วนเรายัง ไม่อยาก ท�ำไมเห็นคนอื่นแต่งงานแล้วเราต้องอยาก แต่งตาม (หัวเราะ) เอาเป็นว่าตอนนี้ผมยังไม่คิด แต่คนเราพอโตขึ้นอาจจะเจอใครที่เป็นจุดเปลี่ยน ของชีวิตก็ได้ฮะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มี

หมายถึ ง ต้ อ งการความสั ม พั น ธ์ แ บบรั ก กั น แต่ ไม่ ต ้ อ งเป็ น แฟนกั น เพราะถ้ า คบกั น ไปแล้ ว มั น จะ มี ข ้ อ จ� ำ กั ด บางอย่ า งที่ คุ ณ ไม่ ต ้ อ งการ คุ ณ ต้ อ ง โทรหาฉั น ก่ อ นสิ ต้ อ งมารั บ ฉั น ก่ อ นนอนท� ำ ไม ไม่โทรมา อะไรอย่างนี้เหรอ

หมายความว่าตอนนี้ยังโสด

โสดครับ คือผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันมีวันหมดอายุน่ะฮะ แล้วผมรูส้ กึ ว่าผูช้ ายกับผูห้ ญิงมันอยูด่ ว้ ยกันไม่ได้หรอก เพราะมนุษย์สองเพศนี้เขาคิดไม่เหมือนกัน รวมถึง ความต้องการในชีวติ ทีไ่ ม่เหมือนกันตัง้ แต่แรก แต่สิ่ง ที่ท�ำให้บางคู่ยังอยู่กันได้ก็เพราะมันพยายามจูนกัน ทุกวิถที างแล้ว เหมือน iOS กับ Android น่ะครับ ระบบ ปฏิบัติการมันไม่เหมือนกัน (หัวเราะ) มันเป็นเรื่อง ธรรมชาติที่เปลี่ยนไม่ได้ (น�้ำเสียงประชดประชัน)

พู ด มาเลยครั บ พู ด มาเรื่ อ ยๆ พู ด ยั ง ไงก็ ถู ก (หัวเราะ) ชีวิตมันจะใช้ยากขึ้นมาทันทีเวลาอีกฝ่าย มีความต้องการอะไรแบบนั้น ซึ่งเราไม่อยากท�ำ

ไม่ใช่ไม่อยากท�ำ มันท�ำได้ แต่มันไม่ใช่เหตุผล ว่าถ้าไม่ท�ำแล้วสุดท้ายต้องมาเลิกกัน แยกกัน ต้อง มาเกลียดกัน ถ้าสุดท้ายแล้วผมไม่ได้ดั่งใจคุณเนี่ย คุณจะไม่คบผมเลยนะ คุณจะไม่เจออยากผม แล้ว คุณก็จะหายไปจากชีวิตผมเลยใช่ไหมเพราะเรื่อง แบบนี้

มันไม่ใช่ว่าที่ผู้ชายกับผู้หญิงแต่งงานกัน มาใช้ชีวิต ร่วมกัน เพราะเขามองเห็นอนาคตในแบบเดียวกัน หรอกเหรอ 25


อินครับ แล้วก็ชอบดูด้วย มันคนละประเด็นกัน ผมชอบดู แต่ ก็รู ้ ว ่ า ความจริง มัน เป็ น ยัง ไง อย่ า ง ล่ า สุ ด ผมก็ ดู ซี รี่ ส ์ เ กาหลี You Who Came From The Star ซึ่งเรื่องมันโคตรโม้เลย (หัวเราะ) แต่มัน ก็นา่ รักมาก ดูแล้วผมก็อิน ท�ำให้ผมอยากมีความรัก ขึ้นมาเลย ซีรี่ส์อย่างนี้แหละที่มันท�ำให้ผมอยากมี ความรัก เพื่อที่ผมจะได้รู้ว่าเรื่องจริงบนโลกมันเป็น ยังไง

ครัง้ สุดท้ายทีค ่ ณ ุ รูส ้ ก ึ ชอบคนๆ หนึง่ เป็นพิเศษ อยาก เข้าไปจีบเขาจัง ผ่านมานานแค่ไหนแล้ว

ผมไม่เคยอยากจีบผู้หญิงเลย แล้วผมก็ไม่เชื่อ เรือ่ งการมานัง่ จีบกัน รูส้ กึ ว่ามันฝืนๆ ยังไงไม่รู้ คุยกัน ไปเรือ่ ยๆ ให้สถานการณ์พาไปเอง ผมว่าคลาสสิกกว่า ผมเกลียดการที่จะต้องเข้าไปจีบเพื่อที่จะท�ำ เหมือนว่าเป็นแฟนกัน แล้วสุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม แต่ถา้ ผมรูส้ กึ ดีกบั ใครผมจะบอก ผมชอบคุณมากเลย และถ้าคุณอยากไปเจอใครคุณก็ไป ผมไม่อยากมา บีบบังคับให้คุณต้องอยู่ตรงนี้ เพียงแต่ผมรู้สึกดีกับ ผู้หญิงที่เป็นแฟนกับซันนี่จะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ได้ดั่งใจแน่นอนฮะ บอกไปก็เท่านั้นแหละ คุณมาก และผมจะไม่เปลี่ยน ต่อให้เราพยายามแค่ไหน สุดท้ายมันก็เหมือนเดิม ดูเหมือนจะเป็นคนเชี่ยวชาญเรื่องความรักประเภท อกหัก เลิกรา ไม่สมหวัง

ไม่หวาน ไม่โรแมนติก

ไม่หรอกฮะ ก็เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้ แล้วผมก็ รู้สึกอย่างนี้จริงๆ เคยดูหนังเรื่อง Blue Valentine ไหมฮะ ผมว่าหนังเรื่องนี้คือเรื่องจริงของชีวิต คือ อารมณ์ประมาณว่ามีคนเดินมาบอกเด็กคนหนึ่งว่า โลกนี้ไม่มีซานตาคลอส นี่แหละคือความจริง แต่ คนเราก็ชอบมองโลกสวยงาม คนเราต้องมีความหวัง ต้องมีปาฏิหาริย์ มีพรหมลิขิต เนื้อเรื่องใน Blue Valentine มันมีทั้งความรัก ในช่วงที่หวานเหลือเกิน ตอนจีบกันใหม่ๆ รักกัน เหลือเกิน แต่ขณะเดียวกันมันก็เล่าตัดสลับ 2 ด้าน จากความรักที่เริ่มจากศูนย์ ค่อยๆ รู้สึกรักกันมาก จนสุ ด ท้ า ยก็ ต ้ อ งแยกจากกัน ซึ่ง ผู ้ ช ายกั บ ผู ้ ห ญิ ง เวลาดู ห นั ง เรื่ อ งนี้ จ ะคิ ด ว่ า ฝั ่ ง ตั ว เองนี่ แ หละที่ ถู ก ผมถึงได้บอกว่าระบบปฏิบัติการณ์มันไม่เหมือนกัน (หัวเราะ) คือผมไม่ได้บอกว่าตัวเองมองโลกในแง่ร้าย หรือ มองโลกในมุม ดาร์ก อะไรนะ แต่เรื่อ งจริงมัน เป็นอย่างนี้

ไม่เชิงหรอก ผมก็ไม่ใช่ไม่หวาน ไม่โรแมนติกนะ ผมก็มีอะไรของผม สักวันเราจะมีโอกาสได้เห็นข่าวซันนีข่ อใครแต่งงานไหม

ช่วงนี้ไม่มีชัวร์ครับ แต่ถ้าโตขึ้นกว่านี้ไปเรื่อยๆ ก็ ไ ม่ รู ้ เ หมื อ นกั น เพราะอย่ า งที่ บ อกว่ า คนเรามั น อ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ หรือวันหนึ่งอาจจะเจอกับคนที่ เรารู้สึกว่ามันคุ้มที่จะอยู่ด้วย อยู่เพื่อที่จะหมดเวลา ไปด้วยกัน ผมอาจจะแต่งก็ได้ …แต่งทั้งๆ ที่รู้ว่า สุดท้ายแล้วผมจะต้องโดนทิ้งอยู่ดีเนี่ยแหละ อีกเรือ่ งทีท ่ ราบมาคือเมือ่ ก่อนซันนีน ่ บ ั ถือศาสนาคริสต์ แต่ตอนนี้คุณเลือกจะไม่นับถือศาสนาอะไรแล้ว ขอรู้ ที่มาที่ไปหน่อยได้ไหม

ความจริ ง เหมื อ นเรารู ้ ห ลั ก ของค� ำ สอนใน ศาสนาพุ ท ธและศาสนาคริ ส ต์ แ ล้ ว ว่ า มั น คื อ อะไร คือทุกศาสนาสอนให้เราท�ำในสิ่งดี ฉะนั้นถ้าเราเชื่อ ในความดี ก็เหมือนว่าเรามีสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ อยู่แล้ว แต่มันจะมีคนประเภทที่คิดว่านับถือแล้วจะ

เป็นคนมีมุมคิดแบบนี้ เวลาดูหนังรักจะอินไหม 26


27


28


ต้ อ งไปสวดมนต์ ต้ อ งอธิ ษ ฐานขออะไรสั ก อย่ า ง หวังให้ใครมาช่วย หวังให้รวย หวังให้ได้ถูกหวย ทั้ง ที่ค วามจริง แล้ ว ศาสนาพุทธเขาไม่ได้ส อนให้ ต้องไปพึ่งคนอื่นเลยนะครับ แต่ศาสนาพุทธสอนให้ เชื่อในตนเอง ให้เชื่อว่าไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต สุดท้ายเราพึ่งพาได้แค่คนเดียวคือตัวเอง ศาสนาคริสต์เสียอีกทีส่ อนว่ามีอะไรให้พงึ่ พระเจ้า สวดอ้อนวอนได้เลย หวังได้เลยว่าจะมีคนช่วยคุณ ผมยังเชื่อในพระเจ้าอยู่นะครับ แล้วนักบุญ ก็ยังอยู่ในตัวผมด้วย เพราะผมเคยรับศีล มันไม่ใช่ ว่าเราไม่มีศาสนา แต่สิ่งพวกนี้เราไม่อยากพึ่งพา พระเจ้าก็แค่นั้นเอง คือหลังจากผมได้เรียนรู้ค�ำสอน ผมก็รู้สึกว่า ตัวเองต้องเป็นคนดีอยู่แล้ว เพียงแต่ผมก็ไม่อยาก พึ่งพาใคร ไม่อยากอธิษฐานขอความช่วยเหลือจาก ศาสนา ผมเลยเลิกนับถือคริสต์ เพราะศาสนาคริสต์ บอกให้เราพึง่ พาพระเจ้า ผมไม่อยากขอ ผมอยากพึง่ ตัวเองก็แค่นั้น ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปลบหลู่ศาสนาหรือ ความเชื่อของใครด้วยนะฮะ

คิดถึงการเล่นดนตรีบ้างไหม

ถ้าให้เล่นสนุกๆ ก็พอได้ แต่ถ้าให้ไปเล่นเป็น วงดนตรีผมเฉยๆ มีกีตาร์อยู่ที่ห้องไหม

มีฮะ มีตัวเก่งอยู่ ทุกวันนี้ก็เล่นอยู่

ทุกวันนี้มีคนตามอินสตาแกรมซันนี่เท่าไหร่

ประมาณ 3 แสนกว่าคนฮะ

เวลาจะโพสต์รูปอะไร การใส่ Hashtag น่าจะเป็นอีก ความสุ ข ของซั น นี่ น ะ เพราะเห็ น ว่ า คนที่ ติ ด ตามก็ ชื่นชอบกันมาก

ก็ถือเป็นความสุขของเราอย่างหนึ่งนะ เวลามี คนตาม เลยเหมือนเป็นหน้าที่ของเราว่าต้องลงรูป หายไปเลยไม่ได้ ผมอยากให้คนมีความสุขมากกว่า ไม่ใช่แค่เห็นรูปอย่างเดียว ต้องมีค�ำอะไรให้เขาได้ยมิ้ ได้ฮากันบ้าง (ยิ้ม) แน่นอน ถ้าใครตามอินสตาแกรมก็คงจะรู้ว่าซันนี่ ชอบแมว

ชีวต ิ หลังความตายล่ะ คุณเชือ่ ว่ามีไหม เป็นคนกลัวผี หรือเปล่า

ผมว่าแมวมันตลก บุคลิกมันดูไม่เอาอะไรจาก ผมกลัวผีครับ เราดี รู้สึกถูกชะตา เห็นแล้วชอบ ผมชอบนั่งดูบุคลิก หรือท่าทางมัน ให้นงั่ ดูแมว ผมนัง่ ดูได้ทงั้ วันนะ ไม่ตอ้ ง ทีเรื่องผีท�ำไมเชื่อว่ามี ท�ำอะไรเลยก็ได้ นั่งมองดูมันเดินไปเดินมา สักพัก ก็มนั มีคนเคยเจอผีบนโลกนีก้ นั เยอะแยะ ผมก็ยงั มันก็จะเดินมาท�ำท่าตลกๆ ให้เราดู ไม่เคยเจอนะ แต่มคี วามรูส้ กึ ว่าถ้ามันมา ผมจะท�ำยังไง เพราะผมสวดอ้อนวอนอะไรก็ไม่ได้ดว้ ย (หัวเราะ) มัน ชีวิตผู้ชายอายุเลขสามเป็นอย่างไรบ้างครับ มีบ้าน เป็นปมปัญหาในชีวติ ผมมาก จนตอนนีก้ ย็ งั คิดไม่ออก แล้ว มีเงินเก็บแล้ว น่าจะพอใจกับมันพอสมควร ไม่เกี่ยวเลยฮะ คนชอบคิดว่าพออายุขึ้น 30 แล้วถ้าวันหนึ่งต้องไปเล่นหนังผี แล้วต้องมีความมัน่ คง ต้องมีบา้ น ต้องมีรถ ความจริง กลัวครับ ไม่กล้า ตอนเจอยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้า มันเป็นแค่ค่านิยมที่คนอื่นคิดว่าเราควรจะมีอะไร ตามกลับมาด้วยนี่ขี้ราดเลยนะฮะ หรือต้องไปท�ำอะไร ต้องรวย ต้องแต่งงาน ต้อง 29


สร้างเนือ้ สร้างตัว มันคือความจริงในบางอย่าง แต่ผม สิ่งต่างๆ ที่เคยท�ำมาในอดีต ผมไม่เคยอยาก ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เราจะเป็นคนงี่เง่าไปจนอายุ 50-60 กลับไปแก้ไขอะไรเลย เพราะมันท�ำให้เราเป็นคน เลยก็ได้ คนเราไม่จ�ำเป็นต้องมีทิศทางที่เหมือนกัน แบบนี้ แล้วผมเข้าใจค�ำว่าเก๋าเลยนะว่าคือแบบไหน ยิ่งโตคนจะยิ่งเก๋า ถ้าประสบการณ์ไม่ถึง คนเราจะ ชีวิตคุณไม่ต้องมั่นคงก็ได้ ถ้าสิ่งที่ท�ำคือความสุข ไม่รู้ตรงจุดนี้ เหมือนสมัยก่อนเราเคยเขียนอะไรไว้ ในชีวิต พออี ก สิ บ ปี เ รากลั บ มาอ่ า น ความคิ ด เราไม่ ไ ด้ อย่างผมเคยไปเจอกับพี่โจน จันได ที่เขาสอน เปลี่ยนนะ แต่เราไม่สามารถเขียนอะไรอย่างนั้นได้ เรื่องการสร้างบ้านดิน คนแบบนี้คุณจะบอกว่าเขา อีกแล้ว เพราะตัวเรามันกลมกล่อมขึน้ ไปอีกขัน้ หนึง่ แล้ว ไม่มั่น คงหรือ เปล่ า ล่ ะ ถ้าสิ่งที่เขาท� ำคือ ความสุข ในแบบของเขา อย่างที่บอก ความสุขในชีวิตผม ถ้ามีเงินสักสิบล้านตอนนี้ คุณจะเอาเงินก้อนนี้ไป ตัวเงินมันไม่ใช่เป้าหมาย แต่มันคือสิ่งที่เราได้ท�ำ ท�ำอะไร ผมคิดไม่ออกจริงๆ นะ คงเอาไปไว้ในธนาคาร แล้วมีความสุขมากกว่า ผมอยากท�ำเหมือนอย่างที่ในหลวงท่านตรัส เพราะตอนนี้ ผ มยั ง ไม่ มี ค วามต้ อ งการในสิ่ ง ใหม่ ในเรื่องของความพอเพียง ต้องถามว่าจริงๆ แล้ว เพิ่มขึ้นมาเลย ถ้าให้ผมสิบล้านตอนนี้นะ ผมไม่ได้ใช้ คุณ มองจุด ของความสุขว่าอยู่ที่ต รงไหนมากกว่า หรอก คงเอาไว้ที่เดิม ให้คุณคืนไปก่อนก็ได้ เดี๋ยว เพราะจริ ง ๆ แล้ ว คุ ณ จะท�ำ อาชี พ อะไรก็ ส ามารถ ผมอยากใช้เมื่อไหร่ค่อยไปเอา เพราะไม่ได้ใช้ชัวร์ๆ มีความสุขได้ ของอย่างนี้มันอยู่ที่มุมมองความคิด ผมขอเปลี่ยนเป็นบทหนังดีๆ สักเรื่องแทนได้ไหม ซึ่งไม่จ�ำเป็นว่าคุณจะต้องรวย ต้องมีสิ่งโน้นสิ่งนี้ เพราะผมเชื่อว่านั่นจะท�ำให้ผมมีความสุขกับการได้ ใช้ชีวิตมากกว่าเงินที่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปท�ำอะไร แล้วถึงจะมีความสุข อย่างบ้านเรา ประเด็นคือคนส่วนใหญ่ท�ำงาน เพื่อให้ได้เงิน เพราะคิดว่านั่นคือความมั่นคง นั่นคือ มีความสุข แต่เขามองไม่เห็นคุณค่าและความสุขใน อาชีพของตัวเองว่าคืออะไร หรือเราอยากจะมีชีวิต อยู่บนโลกนี้ไปเพื่ออะไร คุ ณ ค่ า ของชี วิ ต คื อ ถ้ า มี ค วามสุ ข กั บ สิ่ ง ไหน เราก็ทำ� ในสิ่งนั้น ไม่จ�ำเป็นต้องไปเชื่อที่สังคมบอกว่า สิ่ ง นี้ ใ ช่ สิ่ ง นี้ ดี แล้ ว ก็ พ ากั น เดิ น ตามไปในสิ่ ง นั้ น เพราะชีวิตเป็นของเรา ผมอายุ 30 ถ้าเป็นฝรั่งเขาจะบอกว่าเป็นวัย ที่ก�ำลังเริ่มต้นชีวิต แต่ถ้าเป็นคนไทยจะบอกว่าแก่ ผมไม่ เ คยคิ ด ว่ า คนเราจะแก่ เพราะสมองคนเรา มั น เติ บ โตไปได้ เ รื่ อ ยๆ สิ่ ง ที่ เ ราท� ำ กลมกล่ อ มขึ้ น ได้เรื่อยๆ 30




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.