ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ แม้จะเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมกัน ยังต้องขอสารภาพว่า ต้นฉบับหนังสือเล่มใหม่ที่ ภาณุมาศ ทองธนากุล ส่งมาให้อา่ นนัน้ พ้นไปจากจินตนาการและการคาดเดาของเราไปอย่างสิ้นเชิง ภาณุมาศยังคงพูดเรื่องที่เป็นหัวใจของเขา แต่บอกเล่า ในรูปแบบ ‘ฟิกชัน’ ที่เราอ่านแล้วถึงกับอุทานออกมาว่า นี่มัน เหนือชั้น! มันไม่ได้เหนือชั้นด้วยภาษาชั้นสูงที่งดงาม ตรงกันข้าม ถ้อยค�ำทีใ่ ช้กลับง่ายดาย จริงใจ และตรงไปตรงมา แต่การผูกเรือ่ ง ที่สนุกสนานให้เข้ากันอย่างกลมกลืนกับสารที่เขาต้องการจะสื่อ นั้นถูกสร้างสรรค์ด้วยกลวิธีที่น่าทึ่ง และนั่นคือสิ่งที่เราประทับใจ เพราะไม่มีใครเคยพูดกับเราในเรื่องนี้ ด้วยวิธีการแบบนี้ มาก่อน นวนิยายเรื่องนี้เริ่มต้นอย่างเนิบนาบจนเกือบจะนิ่งเนือย แต่เมือ่ ตัวหนังสือเดินทางไปเพียงไม่กหี่ น้า ตัวละครเล็กๆ คนหนึง่
ที่ดูไม่สลักส�ำคัญอะไร กลับได้เรียนรู้ว่าตนก�ำลังกลายเป็นส่วน ส�ำคัญของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทันใดนั้นทุกอย่างก็ถูกฉุดไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว พาเราหักเลี้ยวอีกหลายครั้งไปในทิศทางที่นึกไม่ถึง และยังด�ำดิ่งลงไปในสิ่งที่ลึกล�้ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นี่น่าจะเป็นหนึ่งในหนังสือที่ความรู้สึกตอนอ่านหน้าแรก กับความรู้สึกตอนอ่านหน้าสุดท้าย แตกต่างกันมากที่สุด นี่คือสิ่งส�ำคัญ เป็นงานเขียนสะท้อนภาพทุนนิยมที่ใช้ เปลือกอันเหนือจริง หุม้ ห่อแก่นสารทีส่ มจริงเอาไว้ ในบรรยากาศ ของความเป็น fantasy ปะแล่มๆ แซมด้วย mystery ให้เราได้ร่วม ขบคิดไขปริศนาไปตลอดทาง อีกทั้งยังมี comedy หล่อเลี้ยงไว้ ให้อ่านลื่น ส�ำนักพิมพ์อะบุ๊กไม่คิดว่า นี่คือสิ่งส�ำคัญ จะเป็นหนังสือ ทีย่ งิ่ ใหญ่ดว้ ยตัวมันเองแต่อย่างใด แต่เราเชือ่ ว่ามันจะสร้างความ เปลีย่ นแปลงทีย่ ง่ิ ใหญ่ได้ ทัง้ ในระดับความคิดของแต่ละปัจเจกชน และในระดับทัศนคติของสังคมโดยรวม เพราะไม่ต่างจากหนังสือทุกเล่มในโลก มันไม่ส�ำคัญว่า หนังสือจะวิเศษสักแค่ไหน แต่มันอยู่ที่ใครเป็นคนอ่าน และเขา เอาสิ่งที่ได้ไปขยายผลต่ออย่างไรต่างหาก และตอนนี้เราก�ำลังรอดูอยู่ว่า เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ จบแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น ส�ำนักพิมพ์อะบุ๊ก
ค�ำนิยม ผมได้รบั ต้นฉบับหนังสือเล่มนีจ้ ากกองบรรณาธิการ a book พร้อมทัง้ ข้อความทีร่ ะบุวา่ อ่านแล้วนึกถึงผม อยากให้อา่ นมากๆ ท�ำเอาผมใจเต้นแรงรีบพลิกต้นฉบับอ่านโดยพลัน อ่านจบแล้วก็ไม่แปลกใจเลย ว่าท�ำไมพี่ๆ a book ถึงคิดว่าผมน่าจะชอบ เพราะตัวหนังสือของเต้ยช่างเต็มไปด้วย อารมณ์ขนั เสียดสีแดกดัน อันเป็นอาหารจานโปรดของผมอยูแ่ ล้ว ซึ่งรสชาติตลกร้ายๆ แบบนี้ ผมว่ามันหาอ่าน หาชิมได้ยากนักแล ในแวดวงวรรณกรรมไทย แถมรายละเอียดเหนือจริงหลายๆ อย่าง ก็ราวกับฉากในหนังแฟนตาซี ทีห่ ยิกกัดสังคมทุนนิยมได้อย่าง โคตรแสบ
แต่ยิ่งไปกว่านั้น พออ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนถูกหนังสือ เล่มนี้ตบหน้า จับไหล่ แล้วเขย่าตัวแรงๆ ให้ผมถามตัวเองว่า อะไรกันแน่วะ คือสิ่งส�ำคัญในชีวิต ยิง่ ถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนทีก่ ำ� ลังตัง้ ค�ำถามกับตัวเองว่า เราก�ำลังท�ำอะไรอยู่ แล้วท�ำไปเพื่ออะไร ผมว่าสิ่งที่เต้ยเขียน มันอาจจะกลายเป็น GPS ที่จูงมือคุณไปถึงจุดหมาย และชี้ให้ คุณเห็นว่า ไอ้นี่แหละคือสิ่งส�ำคัญ ตามชื่อหนังสือเลยครับ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล
ค�ำน�ำผู้เขียน การเขียนเคยเป็นกิจกรรมสุดโปรดที่ผมสามารถทิ้ง ทุกสิง่ ในโลกเพือ่ ท�ำมัน แต่นกี่ ห็ ลายปีมาแล้วทีผ่ มไม่ได้เขียนอะไร อีกเลยนับตั้งแต่ การลาออกครั้งสุดท้าย และ เราจะมีชีวิตที่ดี ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษครับ ผมไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว จริงๆ เหมือนได้บอกสิ่งที่อยากบอกกับคนใกล้ชิดไปหมดแล้ว สั่งเสียกันเรียบร้อย ไม่มีอะไรติดค้างอีกต่อไป หมดห่วงละทีนี้ ตายตาหลับได้สมใจ คร่อก... หรือคงคล้ายกับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการมีลูกติดๆ กันมา แล้วรู้สึกอยากพักเสียหน่อย แต่ก็อย่างที่เห็นครับ ในมือทุกท่านตอนนี้คือหนังสือเล่ม ล่าสุดของผม ผมท้องอีกแล้ว มันทิ้งช่วงจากเล่มก่อนเกือบสามปี
เป็นระยะเวลาที่ได้หยุดพักอย่างจริงจังหลังจากเขียนหนังสือมา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง ผมได้ไปพบประสบการณ์ บางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง นาทีนผี้ มต้องการใครสักคนทีไ่ ว้ใจได้ เพือ่ บอกเล่าสิง่ ส�ำคัญ ทั้งหมดที่ได้พบมา เพราะมันอาจช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของ พวกเราได้ โชคดีมาก ที่ใครคนนั้นอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้แล้ว แค่อยากให้แน่ใจก่อนว่า คุณก�ำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ ในห้องที่ประตูปิดสนิท ข้างนอกนั่น...เราไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง มันคงเป็นการ ปลอดภัยกว่าหากเราจะคุยกันอย่างลับๆ ซึ่งคุณจะทราบเหตุผล ที่ว่านั้นทันทีเมื่ออ่านวรรณกรรมเรื่องนี้จบลง ขอต้อนรับสู่ ‘สิ่งส�ำคัญ’ ของผมครับ ภาณุมาศ ทองธนากุล ผู้สังเกตการณ์
CHAPT E R
1
บัวลอยเปลี่ยนโลก
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
15
1
มนุษย์ดิสไลค์
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นที่นี่ บนชั้นสี่ของออฟฟิศที่เงียบเชียบ และเซื่องซึม พนักงานก้มหน้าท�ำงานกันหงอยๆ ภายในคอกของ ตัวเอง ไม่มีใครคุยกับใคร แต่ละคนขยับเขยื้อนกันเอื่อยเฉื่อย แววตาเลื่อนลอยไร้ซึ่งความหวัง ดูเผินๆ ราวกับที่นี่เป็นแหล่ง ซ่องสุมของฝูงผีดิบตายซากมากกว่าจะเป็นส�ำนักงาน ภาพแบบนี้แหละ ที่ ‘วินัย’ ต้องเห็นอยู่ทุกวัน วินัย เป็นพนักงานธุรการของบริษัทขายที่นอนแห่งนี้ มาได้หลายปีแล้ว ช่วงแรกๆ เขาเคยข้องใจว่าท�ำไมที่ท�ำงาน ต้องเปิดแอร์หนาวขนาดนี้ นี่ถ้าไม่เอาแจ็กเก็ตมาใส่คงแย่แน่ แต่วันนี้เขารู้เหตุผลแล้ว...
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
16
โถ...ที่แท้เจ้านายก็เป็นห่วงลูกจ้างนี่เอง เลยปรับแอร์ ซะเย็นเป็นห้องแช่แบบนี้ เหล่าผีดิบจะได้อยู่รับใช้นายท่านไปได้ นานๆ โดยที่ร่างไม่เน่าเปื่อยไปเสียก่อน เขาเกือบระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมงาน คนหนึ่งที่ก�ำลังเดินสะโหลสะเหลไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร แล้วชน เข้ากับอีกคนที่เดินตาปรือๆ เหมือนจะหลับ ชนกันจนหน้าหงาย แต่ชนเสร็จก็เดินเตาะแตะแยกย้ายกันไป มีใครเห็นอย่างทีเ่ ขาเห็นมัย้ ! ผีดบิ เดินชนกัน! วินยั กลัน้ ข�ำ นั้นไว้ด้วยการอมยิ้ม ซึ่งยิ้มได้เดี๋ยวเดียวก็ต้องนั่งทอดถอนใจ เพราะอีกไม่นาน เขาคงจะถูกบรรยากาศของที่นี่กลืนกินจน กลายเป็นซากศพเดินได้ไม่ต่างจากคนอื่นในแผนก ตอนเข้ามาท�ำงานใหม่ๆ วินัยเต็มไปด้วยความมั่นใจ เป็นคนรุน่ ใหม่ไฟแรง เปีย่ มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ เป็นคนประเภท ที่ใครเห็นก็รู้สึกว่า หมอนี่ช่างแตกต่างจากคนอื่น “ข้ามาแล้วโลกเอ๋ย ข้าจะประกาศความยิ่งใหญ่ให้เจ้า ได้รู้จัก!” เขาเชิดหน้าเข้าสูโ่ ลกการท�ำงานด้วยความรูส้ กึ ดัง่ ผูบ้ กุ เบิก ที่เพิ่งแล่นเรือมาเทียบท่าดินแดนแห่งโอกาส วินยั ค่อยๆ ตาสว่างหลังผ่านการท�ำงานมาเพียงไม่กเี่ ดือน ที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ มันไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นเลย เขาก็แค่ไอ้เด็กจบใหม่ธรรมดาๆ เป็นเพียงแรงงานดาดๆ ที่หาได้ ทั่วไป ดูจากแบบฟอร์มภาษีเงินได้ที่ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร ก็รู้แล้วว่าควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวไว้หน่อย เพราะมันบอกไว้ว่า เขาอยู่ในหมวด ‘บุคคลธรรมดา’
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
17
หรือเวลาจะซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้าประเภท 30 วัน วินัย อยากซื้อบัตรของบุคคลพิเศษก็ท�ำไม่ได้ เพราะมีแค่บัตรส�ำหรับ ‘บุคคลทั่วไป’ ช่วงเวลาที่เค้าเรียกกันว่า โปรเบชัน นั้น จริงๆ แล้วมันคือ โปรโมชัน มากกว่า เพราะเป็นช่วงที่วินัยยังสามารถท�ำผิดพลาด ได้นดิ หน่อยโดยไม่มใี ครว่ากล่าว ความกดดันต่างๆ ก็อยูใ่ นระดับ ที่รับได้ แต่พอพ้นช่วงนี้ไปแล้ว วินัยก็เริ่มตระหนักทีละน้อยๆ ว่า ‘นรก’ ของจริงเป็นยังไง ผ่านไปหลายปี วินยั ทีเ่ คยเป็นชายหนุม่ โลกสวย มองอะไร ก็ดีงาม ได้กลายเป็นวินัยคนใหม่ที่เห็นแต่ความเฮงซวยของโลก การท�ำงาน ไอ้แบบที่มีสายรุ้งและทุ่งดอกไม้นั่นน่ะ ดับสูญจาก สายตาของเขาไปเรียบร้อยแล้ว หากมองโลกผ่านมุมมองของวินยั ในวันนี้ จะเหมือนเราเอาแว่นตาไปจิ้มขี้โคลนแล้วเอามาสวมใส่ วินัยคิดว่าประกาศรับสมัครงานตามหน้าหนังสือพิมพ์ เหมือนเป็นประกาศตามหาคนที่ยินยอมจะถูกเอาเปรียบ ต้องการคนสู้งานหนัก อดทนสูง รับแรงกดดันได้ กลับดึกได้ สะดวกในการท�ำงานวันเสาร์-อาทิตย์ มีรถส่วนตัว ฯลฯ “แหม...น่าจะเติมไปด้วยว่า ต้องการคนที่มีลักษณะคล้าย หุ่นยนต์ ทนค่าแรงต�่ำๆ ได้ ไม่แคร์เรื่องสุขภาพ และไม่ใส่ใจ ครอบครัวตัวเอง! คนท�ำงานเค้าก็มีชีวิตส่วนตัวเหมือนกันนะ!”
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
18
วินัยเบ้ปากอย่างประชดประชัน หากมีใครสงสัยว่าท�ำไมวินัยถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ ก็โปรด ให้ความเมตตาต่อเขาสักหน่อย ตั้งแต่เข้ามาในโลกการท�ำงาน ก็เจอแต่การเอารัดเอาเปรียบและการแทงข้างหลัง ที่บริษัทเคย สัญญาว่าถ้าตั้งใจท�ำงานแล้วจะได้เพิ่มเงินเดือน จะได้เลื่อนขั้น ก็ไม่เห็นเคยท�ำตามสัญญา มีแต่จะเรียกร้องเอาจากคนท�ำงาน มากขึ้น...มากขึ้น... แปรผกผันกับความจริงใจของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีแต่จะน้อยลง...น้อยลง... จะว่าไป วินัยถือเป็นคนหนุ่มที่น่าเห็นใจที่สุดคนหนึ่งเลย เขาเคยคาดหวังกับการสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการท�ำงาน แต่ตอนนีก้ ารท�ำงานกลับท�ำให้เขารูส้ กึ เป็นคนไร้คา่ ไร้ความส�ำคัญ เคยสังเกตไหม เวลาเราชอบคลิปในยูทูบสักคลิป แม้จะ รู้สึกว่าดีเพียงใด แต่เดี๋ยวก็จะมีคนจ�ำนวนหนึ่งมากดดิสไลค์ (dislike) ให้จนได้ นั่นแหละวินัย เป็นมนุษย์ดิสไลค์แบบนั้นเลย แถมนี่ไม่ใช่ การท�ำเป็นดิสไลค์สวนกระแสเสียด้วย เขาชิงชังโลกการท�ำงาน ด้วยความบริสุทธิ์ใจ! ในความคิดของวินัยแล้ว ผู้คนที่อยู่ในโลกแบบนี้ ล้วนอยู่ กันอย่างไร้อนาคตสุดๆ สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่การท�ำงานหนัก แต่กลัวที่จะต้องท�ำ มันไปจนชั่วกัลปาวสาน... เจ้านายของวินัยเป็นลูกคนรวยที่มาสานต่อธุรกิจที่รุ่น คุณปู่คุณย่าสร้างไว้ ไม่ได้บุกเบิกมาด้วยน�้ำพักน�้ำแรงตัวเอง จึง
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
19
ไม่ได้มงุ่ มัน่ ตัง้ ใจกับการท�ำงานเท่าทีค่ วร วินยั ไม่เข้าใจเลยว่าท�ำไม ระบบมันถึงกลับหัวกลับหางแบบนี้ เขาและเพื่อนๆ ท�ำงานกัน หามรุ่งหามค�่ำ แต่แทบไม่เห็นเจ้านายมาท�ำงานเลย มาบ้าง ไม่มาบ้าง วันไหนที่มาก็มาสาย และเอาแต่นั่งเล่นเกมในห้อง ท�ำงาน บางทีก็มาตวาดๆ สั่งงานพวกเขา แถมมีลงไม้ลงมือด้วย คนที่เคยโดนก็ ‘อมร’ เพื่อนร่วมแผนกนี่แหละ อมรเป็นคนตัวผอมๆ สูงๆ เหมือนกับ...เอิ่ม...เหมือนกับ อะไรดีนะ...เปรตละกัน ไม่ใช่แค่รูปร่างที่เหมือน อมรยังเป็น คนที่แทบจะไม่เคยมีปากมีเสียงเล็ดรอดออกมาจากรูปากเล็กๆ ของเขาด้วย ครัง้ นึงอมรโดนเจ้านายตบหัวและตะคอกอย่างรุนแรง เนื่องจากตอบค�ำถามไม่ได้ เจ้านายตบหัวเขาหลายที ตบแล้ว ตบอีก วินัยเห็นยังตกใจเลยที่คนที่นี่ท�ำกันขนาดนี้ แต่อมรก็หงอ เกินไป โดนกระท�ำขนาดนั้นยังจะยกมือไหว้ขอโทษให้เจ้านาย หัวเราะเยาะอีก ส่วนชีวิตส่วนตัวเจ้านายน่ะเหรอ ช่างหรูหรา ไปเที่ยว เมืองนอกเป็นว่าเล่น ซิง่ รถสปอร์ตมาบริษทั แทบไม่ซำ�้ คัน กินข้าว ก็ต้องเป็นร้านหรูๆ เท่านั้น มาท�ำงานก็ช้า กลับก็เร็ว หนีรถติด ได้อย่างน่าอิจฉา ผิดกับเขาและเพื่อนๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างอัตคัด ต้องเบียดเสียดแออัดบนท้องถนนแย่งกับผู้คนที่ต้องเผชิญ ชะตากรรมเดียวกัน กินก็แต่อาหารสกปรกขาดโภชนาการทีเ่ ต็นท์ ข้างออฟฟิศอยู่ทุกวัน ไม่ยุติธรรมเลย ยิง่ เปรียบเทียบ วินยั ก็ยง่ิ เจ็บปวด เพราะลูกกะจ๊อกเงินเดือน จิ๊บจ๊อยอย่างเขาล�ำพังแค่เอาตัวรอดไปแบบเดือนชนเดือนได้ ก็นับว่าหรูแล้ว ในขณะที่เจ้านายเคยมาเปรยเล่นๆ ให้พวก
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
20
รุ่นเก่าๆ ในบริษัทได้หมั่นไส้ว่า “ที่ยังต้องท�ำงานอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อหาเงินซื้อนาฬิกา นี่แหละ” วินัยรู้เรื่องนี้เพราะรุ่นพี่คนหนึ่งเอามานินทาในห้องกิน กาแฟเมื่อวันก่อน “นาฬิกาน่ะ เป็น boy’s toy ของเจ้านาย ผู้ชายทุกคน มีความเป็นเด็ก ยังอยากได้ของเล่นกันทั้งนั้นแหละ ไปดูได้เลย ยิ่งมีเงินมากๆ ก็ยิ่งนึกถึงของเล่นที่เคยอยากได้ เมื่อก่อน อยากได้หุ่นยนต์ รถบังคับ อยากมีของเจ๋งๆ ไว้อวดเพื่อนยังไง โตขึ้นก็ยังเป็นอยู่ อะไรบ้างล่ะ ก็อย่างมีสาวเอ็กซ์ๆ ไว้ควงโชว์ ได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ ได้ขับรถสปอร์ต โตขึ้น-ของเล่นมันก็แค่ ใหญ่ขึ้น แพงขึ้น...ก็เท่านั้น” วินัยฟังแล้วก็สงสัยว่านี่ตกลงเขาขายวันเวลาให้บริษัท เพื่อสานฝันให้เด็กคนนึงได้ซื้อนาฬิกามาสะสมเหรอนี่ น่าภูมิใจ เสียนี่กระไร ถ้าเลือกได้นะ-เขาอยากไปรับใช้คนที่เข้าท่ากว่านี้หน่อย มองดูเจ้านายผู้เอาแต่ใจแล้ววินัยก็รู้สึกเอือม คนแบบนี้เหรอ ที่พวกเขาต้องคอยก้มหัวรับใช้ งานหนัก...วินัยคิดว่าสู้ได้นะ เงินน้อยหน่อย...ก็ยังพอทนไหว ขอให้ช่วยงานเสาร์-อาทิตย์...เอ้า ช่วยก็ช่วย ที่ยอมอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้มาท�ำงานแค่ร่างกาย กับสมอง วินัยยังให้ ‘ใจ’ ไปด้วย แต่เหมือนเจ้านายจะไม่เคยดูแลหัวใจคนท�ำงานเลย
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
21
เจ้านายจะรูไ้ หมนะ คนท�ำงานจะเทใจใส่ในงาน ตราบเท่าที่ หัวใจดวงนั้น…ยังไม่ถูกท�ำลาย “ที่ท�ำงานอื่นจะเป็นเหมือนที่นี่ไหมนะ?” วินัยล่ะสงสัย เขามักคิดถึงเรือ่ งเหล่านีท้ กุ ครัง้ ทีม่ เี วลาว่าง เวลาอยูบ่ นท้องถนน วินยั จะมองดูเหล่าคนท�ำงานในทีต่ า่ งๆ ด้วยสายตาเห็นใจ เพราะ ก็หัวอกเดียวกัน คือเป็นคนน่าสงสารที่ต้องทนทุกข์ทรมาน จากการถูกกดขี่ เขาไม่คดิ ว่าสภาพโลกการท�ำงานแบบนีจ้ ะมีใครมีความสุขได้ วินยั เริม่ สงสัยมาสักพักแล้วว่า ทีค่ นจ�ำนวนมากต้องท�ำงาน หนัก แต่ชีวิตยังล�ำบากยากแค้น และไม่มีวันจะมีอิสรภาพ... เหล่านีอ้ าจเป็นสิง่ ทีถ่ กู สร้างขึน้ ก็ได้ เป็นไปได้ไหมว่ามีใครบางคน ที่ฉลาดมากๆ วางแผนหลอกให้คนมาก้มหัวคอยรับใช้แบบนี้ วินยั เคยเอาเรือ่ งนีไ้ ปคุยกับอมร อมรหัวเราะหึๆ แล้วบอก วินัยว่า มึงมันบ้า! วินัยคิดว่า ถ้าเขาบ้า แล้วอมรล่ะ? โหมงานทั้งวันทั้งคืน จนไอออกมาเป็นเลือดเมื่อเดือนก่อน อมรไม่บ้าเหรอ? ไม่รแู้ หละ เขาจะไม่ขออยูอ่ ย่างยอมจ�ำนนแบบนีอ้ กี ต่อไป แล้ว! ในบ่ายวันหนึ่งของการท�ำงาน จู่ๆ วินัยก็ลุกออกจากโต๊ะ ตัวเอง แล้วเดินไปเคาะประตูห้องเจ้านาย บางคนคิดว่าเขาไปลาออก แต่เปล่า...วินัยไปขอท�ำโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในที่ ท�ำงาน โดยขอใช้พนื้ ทีห่ อ้ งประชุม 3 เป็นทีท่ ำ� กิจกรรมหลังเลิกงาน
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
22
เพื่อนๆ ต่างคิดว่าวินัยหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ งานก็เยอะ จะตายอยู่แล้ว คิดอะไรของมัน เขาให้เหตุผลกับเจ้านายว่า คนทุกคนล้วนมีความพิเศษ บางอย่างซ่อนอยู่ แต่บางทีตัวเองก็ไม่รู้ เราเลยจะเปิดโอกาสให้ พวกเขาได้มีส่วนในการช่วยเหลือคนอื่น ให้คนเก่งภาษาอังกฤษ เก่งท�ำโฟโต้ช็อป เก่งใช้โปรแกรมเอ็กเซล หรือมีความรู้ดีๆ อะไร ก็ได้ มาหมุนเวียนเป็นอาสาสมัครเปิดคอร์สสอนฟรีให้พนักงาน ที่สนใจ แม้แต่ป้าแม่บ้าน วินัยก็คิดว่าถ้ามีใครเปิดเวทีให้ ป้าอาจ สอนวิธีท�ำความสะอาดห้องน�้ำแบบเปลืองแรงน้อยที่สุดให้ พวกเราเอาไปใช้ได้ “ถ้าพนักงานมีความสามารถเพิ่มขึ้น ก็น่าจะเป็นผลดี ต่อผลก�ำไรของบริษัทนะครับ” วินัยหว่านล้อมเจ้านาย แต่นั่นมันแค่เหตุผลบังหน้า! ความจริงวินัยไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลย เขาไม่แคร์เรื่อง ผลก�ำไรของบริษัทซะหน่อย นั่นเป็นเพียงกิจกรรมอ�ำพราง ความปรารถนาลึกๆ ของวินัยไปไกลกว่านั้น เขารู้สึกว่าถ้าดึงคน ให้เข้ามามีส่วนร่วมได้มากๆ บางทีมันอาจพัฒนาจนเป็นชุมชน ใต้ดินเล็กๆ ที่พนักงานมาสุมหัวเพื่อปรับทุกข์ และช่วยกันหา ลู่ทางใหม่ๆ เพื่อแหกคุกแห่งการท�ำงานนี้ไปให้ได้ แม้จะกลัวอยู่ลึกๆ แต่วินัยก็ไม่อยากเป็นคนที่ยอมจ�ำนน โดยยังไม่ได้ลองสู้ ถ้ายังพอดิ้นรนท�ำอะไรได้ เขาจะท�ำ เขาจะ กระตุ้นให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเอง ถ้ามี ความสามารถเพิ่มขึ้น อาจมีโอกาสในชีวิตที่ดีกว่าเดิม
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
23
สู้กันดูสักตั้งนะ! ถ้าไม่ท�ำอะไรสักอย่างในวันหนึ่งคงต้อง จมปลักเป็นพนักงานชั้นผู้น้อยแบบนี้ไปอีกนานเท่านาน วินยั รูส้ กึ ตืน่ เต้นกับโครงการนีม้ าก เพราะอยากเห็นความ เปลีย่ นแปลงเกิดขึน้ กับเพือ่ นๆ เขาไม่อยากเห็นคนในแผนกมีชวี ติ แบบหมดอาลัยตายอยากอีกแล้ว คืนนั้นวินัยคิดแต่อยากให้ถึง พรุ่งนี้เช้าเร็วๆ อยากเริ่มโครงการแล้ว เขาลงมือท�ำป้ายประกาศ เชิญชวนด้วยตัวเอง ท�ำไปก็ยมิ้ ไป แถมยังร่างบทพูดทีจ่ ะกล่าวต่อ ทุกคนในวันเริ่มต้นกิจกรรมด้วย “เราต้องลุกขึ้นมาท�ำอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ ชีวิตเรา จะได้ดีขึ้น...เราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองได้ นะครับ!” ฮึกเหิมน่าดู ที่จริงโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั่นน่าจะเวิร์กนะ เพราะ มีขอ้ ดีตงั้ หลายอย่าง ถ้ามองในมุมคนเรียน แทนทีเ่ ลิกงานแล้วจะ ต้องออกไปเจอรถติด ก็อยู่ออฟฟิศต่ออีกสักนิด นั่งเรียนรู้อะไร เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ก็น่าจะดีจริงไหม แต่ผลคือ แทบจะไม่มีใคร เข้าร่วมเลย หลายคนสารภาพกับวินยั ว่า ท�ำงานแต่ละวันก็เหนือ่ ย จะแย่อยู่แล้ว ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มไม่ส�ำคัญเท่าได้กลับไปนอนพัก ที่บ้านหรอก ถึงรถจะติดหน่อย แต่ก็เล่นมือถือฆ่าเวลาได้ แล้วคนก็ค่อยๆ หายกันไปทีละคนสองคน แม้แต่อมร ทีอ่ ยูเ่ ป็นผูร้ ว่ มกิจกรรมคนสุดท้าย ก็ขอถอนตัวในอีกสองวันถัดมา จนในที่สุดห้องจัดกิจกรรมก็มีเพียงวินัยนั่งหัวโด่อยู่คนเดียว วินัยนั่งดูห้องประชุมอันว่างเปล่าอย่างเสียก�ำลังใจ เขา ชวนทุกคนให้ท้าชนกับก�ำแพงแห่งชนชั้น แต่ไม่มีใครเอาด้วยเลย
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
24
ท�ำไมใจไม่สู้กันเลยนะ! วินยั ไม่ยอมแพ้ หลังจากวันนัน้ ก็ยงั พยายามคิดหาโครงการ เก๋ๆ มาแปะประกาศหาแนวร่วม เขาคิดว่าโครงการเดิมอาจ ไม่ค่อยมีเสน่ห์ จึงสรรหากิจกรรมพัฒนาตัวเองต่างๆ มาเสนอ ในแผนกแทบทุกเดือน แต่ทุกครั้งก็เหมือนครั้งก่อนหน้า คือ จบแบบจ๋อยๆ เพราะไม่มีใครเอาด้วย เคยได้ยนิ ค�ำกล่าวนีไ้ หม “เมือ่ คุณแตกหักแล้วเท่านัน้ แหละ คุณจึงจะรู้ว่าคุณถูกสร้างขึ้นจากอะไร” วินัยที่ดูเป็นคนเข้มแข็ง แต่เมื่อความหวังต้องพังทลายลง ครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็ได้พบว่า เขาถูกสร้างขึ้นจากบางสิ่งที่ อ่อนโยนและเปราะบาง นี่เป็นจุดอ่อนของวินัย การเสียก�ำลังใจอย่างต่อเนือ่ ง ท�ำให้แผลจากความผิดหวัง ค่อยๆ เหวอะหวะ จนเหมือนจะรักษาให้หายได้ยาก เขาไม่รู้จะ โทษใครดี ระหว่างโครงการที่ไม่น่าสนใจของเขา หรือเพื่อนๆ พนักงานที่ไม่เอาไหน เมื่อถึงจุดที่ความอดทนสิ้นสุด เขาก็ปลง “งั้นต่างคนต่างอยู่ไปแล้วกันโว้ย!” เขาบ่นอย่างน้อยใจ เพราะหมดแรงจะคิดอะไรใหม่ๆ แล้ว หลังจากวันนั้น ไฟในการท�ำงานวูบสุดท้ายของวินัยก็ดับ ลง ไม่ต้องพูดถึงกิจกรรมใหม่ๆ เลย ล�ำพังงานที่ต้องรับผิดชอบ ก็ขเี้ กียจท�ำจะแย่ งานอันซ�ำ้ ซากจ�ำเจค่อยๆ สูบพลังชีวติ ไปเงียบๆ เผลอแป๊บเดียว วินัยก็ท�ำงานที่นี่มาเกือบ 7 ปีแล้ว วันเวลาอันมี
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
25
จ�ำกัดในชีวิตถูกย่อยสลายกลายเป็นนาฬิกาเรือนทองฝังเพชรที่ เจ้านายเอาแต่นั่งเช็ดทั้งวัน ในสายตาคนทั่วไปตอนนี้ วินัยเป็นแค่ไอ้เฉื่อยชาคนหนึ่ง เขาติดแหง็กอยู่ที่นี่ ที่ที่ไม่มีอะไรให้ภูมิใจในตัวเองเลยสักอย่าง เขารู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในชีวิตที่น่าสะอิดสะเอียน จะให้ หนีไปที่อื่น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหนีไปไหน บางครั้งวินัยรู้สึกว่าแอร์ที่บริษัทหนาวจัง แต่เขาก็ไม่เคย ปริปากบ่นเรื่องนี้เลย เพราะเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่า ท�ำไมเจ้านายต้องเปิดแอร์เย็นขนาดนี้
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
27
2
มันอยู่ในกระเป๋า สิ่งที่บริษัทมอบให้วินัยในวันครบรอบท�ำงานปีที่ 7 คือ ร่างกายและจิตใจที่คล้ายจะกลายเป็นผีดิบไปแล้วเกินครึ่งตัว เขามีสติรับรู้เป็นบางเวลา รู้สึกตัวขึ้นมาแต่ละทีก็งงๆ เอ๋อๆ อ๋อ...นี่อยู่บ้าน อ๋อ...นี่อยู่ที่ท�ำงาน ยามรู้สึกตัว เขาก็หวัง ให้มีหมอผี ผีหมอ หรือหมอหมีอะไรก็ได้ มาร่ายมนตร์วิเศษ ให้บรรยากาศออฟฟิศกลับคืนเป็นสถานที่ที่เหมาะส�ำหรับให้ สิ่งมีชีวิตด�ำรงอยู่ซะหน่อย หรือไม่กใ็ ห้นกั แสดงในซีรสี ซ์ อมบีอ้ ย่าง The Walking Dead ขนพลกันมาระดมยิงอาวุธอะไรก็ได้ใส่พนักงานในบริษัทนี้ ยิงหัว เขาให้ด้วยก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง ทุกอย่างจะได้จบๆ ไปเสียที แต่ฝันไปเถอะ! เขารู้ดี ไม่มีฮีโร่ที่ไหนจะมาช่วยได้ ที่นี่เป็น แบบนี้มากี่สิบปีแล้ว ไอ้กระจอกอย่างเขาเป็นใคร ริอ่านจะมา เปลี่ยนแปลงระบบ ที่นี่จะเป็นอย่างที่มันเคยเป็นมาต่อไป ชั่วกาลนาน
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
28
ยิ่งผ่านไปแต่ละวันเขายิ่งเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ต้องมีใคร สักคนที่ออกแบบระบบมาให้เป็นแบบนี้ ให้คนที่เข้ามาท�ำงาน ทุกคนได้รับค่าตอบแทนเพียงแค่พออยู่รอด และต้องท�ำงาน ไปตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ ถึงเขาจะหมดลมไปในวันนี้ เขาก็ยงั ต้องกลายเป็นผีตายซาก ที่ดักดานอยู่กับบริษัทขายที่นอนแห่งนี้ไปจนโลกถึงกาลอวสาน รู้ไว้ด้วย! เรือ่ งนีท้ ำ� ให้วนิ ยั นึกถึงสมัยเด็ก ในวันทีเ่ ขาลงไปดิน้ กับพืน้ งอแงกับยายว่าท�ำไมพ่อแม่ไม่กลับบ้าน ตอนพ่อแม่ยงั อยู่ เขาจ�ำได้วา่ พ่อพูดถึงแต่เรือ่ งงาน เรือ่ งเงิน ไม่พอใช้ และพ่อแม่ก็ทะเลาะกันเสียงดังอยู่บ่อยๆ และในวันเกิดเหตุ ประโยคทีย่ ายบอก เขายังจ�ำจนถึงวันนี้ “คืนนี้พ่อแม่จะอยู่ท�ำโอที” ตอนนัน้ วินยั เด็กเกินกว่าจะรูว้ า่ โอทีคอื อะไร แต่เขาก็ชงิ ชัง มันนับแต่นั้น เพราะหลังจากวันนั้นพ่อแม่ก็ไม่เคยกลับมาหาเขา อีกเลย ปีศาจโอทีมันจับตัวพ่อแม่ไป ถ้ามีใครมาช่วยปราบภูตผีปีศาจในโลกการท�ำงานได้ เด็กๆ มากมายคงดีใจ ที่จะได้พ่อแม่ของพวกเขากลับคืน จากวันนัน้ ถึงวันนีก้ ย็ สี่ บิ ปีแล้ว วินยั ไม่เคยได้รบั การติดต่อ ใดๆ จากคนทั้งสอง เขาชอบประชดตัวเองว่า ถ้าพ่อแม่กลับมา หาเขาวันนี้ คงกลับมาพร้อมกับเงินก้อนโตแหงๆ เพราะท�ำโอทีอยู่ ตั้งยี่สิบปี
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
29
ที่โต๊ะท�ำงาน วินัยหาวปากกว้าง เหยียดแขนบิดขี้เกียจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเขย่งหันรีหันขวางดูบริเวณรอบข้าง เมื่อเห็น ทางสะดวก ก็ค่อยๆ ก้าวออกจากคอกของตัวเองมาเงียบๆ ท�ำทีว่าไปเข้าห้องน�้ำ แต่ความจริงตั้งใจไปเอนหลับสักงีบในที่ที่ ปลอดภัยทีส่ ดุ นัน่ ก็คอื ในรถของเขาซึง่ จอดอยูท่ ลี่ านจอดรถชัน้ บน ก่อนออกมา-เขาไม่ลืมที่จะยกหูโทรศัพท์ออก เพื่อไม่ให้ มันท�ำตัวขี้ฟ้องว่าเขาไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ วินัยหันซ้ายหันขวาให้แน่ใจว่า ไม่มีใครเห็นเขาก�ำลัง กดลิฟต์ขึ้นไปที่ลานจอดรถ ที่พึ่งเล็กๆ ในวันที่แสนจะอ่อนล้า เขาเซ็งทุกเช้าทีจ่ ะต้องขับวนหาทีจ่ อดรถ วนแล้ววนอีก วน จนจะทะลุยอดตึกอยู่แล้ว เปลืองน�้ำมันเป็นบ้า หงุดหงิดทุกครั้ง ที่เห็นที่จอดรถชั้นล่างว่างโล่ง ที่จอดพวกนั้นถูกระบุเลขทะเบียน กันไว้ให้คนที่ได้ทั้งเงินเดือนสูงกว่าเขาและท�ำงานสบายกว่าเขา ลิฟต์มาแล้ว ในนั้นไม่มีใคร สบายล่ะ เขากดชั้น 12A แล้ว เร่งกดปิดลิฟต์ถี่ๆ ให้มันรีบพาเขาไปให้พ้นจากนรกชั้นนี้ซะที วินัยเคยได้ยินคนพูดกันว่า พวกชั้นสี่นี่ถือว่าเป็นที่กอง รวมกันของพวกเฉือ่ ยชาในบริษทั งานส่วนใหญ่เป็นงานทีไ่ ม่มใี คร อยากท�ำ ถือเป็นพวกไร้อนาคตที่สุดแล้วในองค์กร ส่วนชั้นที่สูง ขึ้นไปนั้น บางชั้นมีสภาพแตกต่างจากชั้นที่เขาอยู่อย่างสิ้นเชิง ผู้คนบนนั้นเป็นคนส�ำคัญ ท�ำงานยุ่งจนหัวฟู มีอะไรให้ท�ำเต็มมือ ไปหมด เคลื่อนไหวกันรวดเร็วอย่างกับกดรีโมตเร่งสปีด ใครจะ อิจฉาชีวิตแบบนั้นก็อิจฉาไป เขาคนหนึ่งแหละที่ไม่ และก็ไม่อิจฉาชีวิตตัวเองทุกวันนี้ด้วย!
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
30
วินัยลืมไปแล้วว่าตอนแรกๆ ที่เข้ามาท�ำงานที่นี่ เขาเคย กลัวตัวเองจะกลายเป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่สภาพ ความเป็นผีดิบเกาะกินจนถึงเนื้อใน ตอนนีเ้ ขาก�ำลังชินชากับสภาวะไร้ชวี ติ ชีวาทีเ่ ขาไม่ได้ชอบ เขาไม่ค่อยสงสัยอะไรแบบเมื่อก่อน ไม่ใส่ใจที่จะพัฒนา ตัวเอง ไม่สนใจอีกต่อไปว่าทุกวันนี้ก�ำลังมีชีวิตที่ตัวเองปรารถนา อยู่หรือเปล่า ทุกวันนี้ก็แค่ประคองตัวให้รอดไปวันๆ ท�ำงานแค่ไม่ให้ ถูกด่าก็พอแล้ว บางทีเวลาอาจใกล้จะสิ้นสุดแล้วก็ได้ เชื้อผีดิบอาจก�ำลัง แทรกซึมเข้าไปถึงสมองและหัวใจ ถ้าทะลายประตูเข้าไปได้ เมื่อไหร่ก็เป็นอันจบกัน ภายในลิฟต์ เขานึกภาพตัวเองเอนกายภายในห้องอันเงียบ สงบ อากาศถ่ายเทเย็นสบาย เขานอนอย่างเอกเขนกบน ที่นอนนุ่มๆ รุ่นพรีเมียมดีลักซ์ที่บริษัทเขาท�ำขาย นึกแล้วก็ ยิม้ พริม้ ตา แม้ความจริงทีก่ ำ� ลังจะเจอก็แค่ได้เอนนอนในรถบุโรทัง่ ที่อาศัยแค่การแง้มเปิดหน้าต่างให้อากาศพอเข้ามาได้ โอ๊ย ท�ำไมลิฟต์ขึ้นช้าจัง! เขาร้อนใจ เมื่อถึงแค่ชั้น 11 ลิฟต์ก็เปิดออก โว้ย!...ใครวะเนี่ย หวังว่าเจ้านายจะไม่โผล่มานะ ป้าแม่บ้านเข้ามา เอื้อมไปกดชั้น 12 แล้วหันมายิ้มให้ วิ นั ย ยิ้ ม ตอบ แล้ ว แอบด่ า ในใจ “ก็ เ พราะแบบนี้ ไ ง บริษัทถึงไม่เจริญ แค่ชั้นเดียวป้าแม่งใช้ลิฟต์”
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
31
อึดใจเดียว หลังป้าเดินออกไปที่ชั้น 12 พอประตูลิฟต์ ปิดลง ไฟในลิฟต์ก็ดับ พรึ่บ! มืดตื๋อ พัดลมระบายอากาศด้านบน หยุดท�ำงาน เฮ่ย! เขาทุบที่แผงควบคุมอย่างแรงไปตั้งสองที แล้วเกิดฉุกคิด ได้วา่ ในลิฟต์มกี ล้องวงจรปิดที่อาจสืบสาวตามมาเก็บค่าเสียหาย จากเขาได้ เลยสูดหายใจลึกๆ ควบคุมตัวเองให้อยู่ในอาการ สงบเสงี่ยมเจียมตัว เขายืนสงบสติอารมณ์อยู่นาน ก่อนจะล้วงมือเข้าไป ในกระเป๋ากางเกงอย่างจนปัญญา แล้วเขาก็ได้สัมผัสกับมัน! วินยั ค่อยๆ หยิบมันออกมา เขาไม่รแู้ น่ชดั ว่ามันคืออะไร เพราะตอนนีใ้ นลิฟต์มืดมาก เท่าที่ลองคล�ำด้วยสองมือ มันเป็น ถุงพลาสติกตุงๆ ถูกมัดปากถุงด้วยหนังสติ๊ก ข้างในเหมือนบรรจุ ของเหลวอยู่ ใช่ มันเป็นของเหลว เขย่าดูแล้ว มีเสียงเหมือนน�้ำ กระฉอก แล้วมันมาอยู่ในกระเป๋าเขาได้ไง? ปึง้ ! ลิฟต์สนั่ สะเทือนจนวินยั สะดุง้ ไฟในลิฟต์กลับมาสว่าง อีกครั้ง พัดลมระบายอากาศเริ่มท�ำงาน เขาค่อยๆ ยกสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นมาดูในระดับสายตา… อะไรวะเนี่ย! บัวลอย! 1 ถุง!
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
32
แล้วลิฟต์กเ็ ปิดออกทีช่ นั้ 12A ถ้าเดินไปไม่กกี่ า้ วก็สามารถ ทะลุไปยังที่จอดรถ เพื่อไปเอนนอนในรถสักงีบตามที่ตั้งใจ แต่ตอนนี้วินัยกลับไม่อยากนอนแล้ว สิ่งที่เขาอยากมากกว่า คืออยากรู้ว่า ไอ้บัวลอยนี่มันมา ยังไง! ประตูลิฟต์ปิดลง เขากดลิฟต์เพื่อจะกลับไปที่ชั้น 4 นรกชั้นเดิมของเขา วินัยยืนถือถุงบัวลอยอย่างงุนงงอยู่แป๊บเดียว ลิฟต์ก็เปิด ออกที่ชั้น 12 แม่บ้านคนเดิมอีกแล้ว ป้าเดินเข้ามา ยิ้มให้ แล้วก็ กดชั้น 11 พอถึงชั้น 11 ขณะเดินออกไป ป้าหันมาแซวว่า บัวลอย น่ากินนะ เขาไม่ได้ตอบโต้ ได้แต่หรี่ตามองด้วยความข้องใจว่า ป้ามหาภัยนี่รึเปล่าที่แอบเอาบัวลอยมาใส่กระเป๋ากางเกงเขา เพราะตอนเดินออกมาจากโต๊ะท�ำงาน เขามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ ว่าในกระเป๋ามีแค่กุญแจรถกับโทรศัพท์มือถือ แต่เมือ่ ทบทวนเหตุการณ์แล้วก็พบว่าไม่นา่ เป็นไปได้ เพราะ ตอนป้าขึ้นลิฟต์มารอบแรก เขาเห็นกับตาว่าแกยืนชิดประตูอยู่ ข้างหน้า แถมมีเวลาแค่ขึ้นลิฟต์เพียงชั้นเดียว ถึงเขาจะง่วง แต่กไ็ ม่ซอื่ บือ้ จนปล่อยให้ใครเอาอะไรงีเ่ ง่าๆ มาใส่กระเป๋ากางเกง ได้หรอก ลิฟต์ลงมาถึงชั้นท�ำงานของเขาแล้ว วินัยทิ้งถุงบัวลอย ในมือลงถังขยะหน้าลิฟต์ แล้วเตรียมใจกลับสูโ่ ลกทีน่ า่ เบือ่ ใบเดิม
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
33
เขาเปิดประตูเข้าสู่แผนก สายตาเลื่อนลอย ถอนหายใจ ด้วยความเบื่อหน่าย โดยยังไม่รู้ตัวว่า ในนาทีต่อมา ชีวิตของเขาจะไม่เหมือน เดิมอีกต่อไป เพราะทันทีที่เขาก�ำลังเดินกลับไปที่โต๊ะท�ำงานตัวเอง กระเป๋ากางเกงด้านขวาก็ค่อยๆ ตุงขึ้นมาอีกครั้ง วินัยชะงัก ก่อนจะล้วงมือเข้าไป... เฮ่ย...บัวลอยโผล่มาอีกถุง!
ภา ณุ ม า ศ ท อง ธ น า กุ ล
248
นีwww.facebook ่คือสิ่ง
นี่ คื อ สิ่ งส� ำ คั ญ
249
งส� ำ คั ญ k.com/NKSSK
ผลงานอื่นๆ ของผู้เขียน • • • • • • • • • •
การลาออกครั้งสุดท้าย เราจะมีชีวิตที่ดี เสียดาย...คนอินเดียไม่ได้อ่าน ฟินแลนด์ไม่มีแขน หัดเยอรมัน ติดเกาะ เจ้าชัยน้อย เซียนน้อย มุมมองของใบพัด 1 (ขอขอบใจในความไม่สะดวก) มุมมองของใบพัด 2 (โปรดหาเรื่องใส่ตัว)
ติดตามใบพัด
facebook.com/baipadPage
เกี่ยวกับนักวาดภาพประกอบ
นี่คือสิ่งสำ�คัญ ภาณุมาศ ทองธนากุล
หนังสือในชุด Fiction พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2558 ราคา 235 บาท เลขมาตรฐานสากลประจ�ำหนังสือ 978-616-327-102-0
ข้อมูลบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ ภาณุมาศ ทองธนากุล. นี่คือสิ่งสำ�คัญ.-- กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, 2558. 256 หน้า. 1. นวนิยายไทย. I. ขมเอิร์ทมิก, ผู้วาดภาพ ประกอบ. II ชื่อเรื่อง. 895.913 ISBN 978-616-327-102-0
ในกรณีที่หนังสือชำ�รุดหรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือเล่มนั้น มาตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊กยินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ ให้ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น
สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก บรรณาธิการที่ปรึกษา วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการบริหาร ภูมิชาย บุญสินสุข ผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ สุรเกตุ เรืองแสงระวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล บรรณาธิการ นทธัญ แสงไชย บรรณาธิการศิลปกรรม บพิตร วิเศษน้อย บรรณาธิการศิลปกรรมเล่ม/ภาพปก KHUNKHOM ภาพประกอบ ฐาปัฐว์ กิจรุจิภาคย์ อธิกวัฒน์ วัฒนเดชาชาญ เฉลิมชัย ณ บางไทร ศิลปกรรม เมธาสิทธิ์ กิตติกุลยุทธ์ พิสูจน์อักษร ชลธร จารุสุวรรณวงค์ ประสานงานการผลิต อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ สื่อสารการตลาด เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์
บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด ที่ปรึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย นิติพัฒน์ สุขสวย ผู้จัดการทั่วไป จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผู้จัดการฝ่ายขายออนไลน์ พิมพ์นารา มีฤทธิ์ ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์ ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ วิมลพร รัชตกนก ลูกค้าสัมพันธ์ อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค เว็บมาสเตอร์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่ แยกสีและพิมพ์ บริษัท ธนาเพรส จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2530-4114
จัดพิมพ์โดย ส�ำนักพิมพ์ ในเครือ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จ�ำกัด เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 310 โทรสาร 0-2718-0690 จัดจ�ำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2751-5999