2
3
คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์ ผมรูจ้ กั ตอง-ชนพัฒน์ มาตัง้ แต่สมัยทีต่ วั เองยังเป็นนักศึกษา เป็นช่วงเดียวกับที่ผมกำ�ลังหลงใหลการถ่ายรูป ในบรรดาช่างภาพ ผมถูกจริตกับผลงานของเขาทีส่ ดุ ด้วยจังหวะทีเ่ รียบง่ายแต่ชา่ งลงตัว มีเสน่ห์ บ้างก็คอนเซปต์จัดจนต้องคารวะ ตอนนั้นผมอยากเป็น ช่างภาพให้ได้อย่างเขาด้วยซ้ำ� เวลาผ่านไปกว่า 6 ปี จากคนที่ปลื้ม ผลงานกลายเป็นคนที่ได้ร่วมงานกัน ชนพัฒน์ยังเป็นคนเดิม – คนที่ ผมรักภาพถ่ายเขาสุดใจ ผมสังเกตว่าถ้าเมือ่ ไรทีเ่ ขาได้ไปเทีย่ วในทีท่ อี่ ยากไป ภาพถ่าย ที่ได้กลับมานั้นจะสวยงามเตะตาเป็นพิเศษ นั่นทำ�ให้ผมอยากลองร่วมทริปกับเขาดูสักครั้ง อยากไปอยู่ ในระหว่างทางก่อนมาเป็นรูปถ่ายสวยๆ แบบที่เคยเห็น view finder ออกไปเจอบอลติก ทำ�ให้ผมรู้สึกเหมือนเป็น หนึง่ ในผูร้ ว่ มทริป ชนพัฒน์คอ่ ยๆ พาไปเห็นบรรยากาศ สัมผัสรสชาติ ใหม่ๆ และรับรูแ้ ง่มมุ ต่างๆ ของแต่ละเมือง ผ่านโลเคชันลับๆ แรร์ๆ เช่น คุกร้างสุดสยิว วิวชายหาดที่มีสไลเดอร์รูปช้างอยู่กลางทะเล ที่เอสโตเนีย หรือแม้แต่ค่ายกักกันนาซีที่โปแลนด์
ตลอดการเดินทาง ชนพัฒน์วางตัวเป็นเพื่อนช่างเม้าท์ ขี้บ่น ชอบแซว แต่ก็ชวนคิดต่าง แถมยังสอดแทรกเนื้อหาสาระให้บ้าง ตามประสาช่ า งภาพ ซึ่ ง ทั้ ง หมดล้ ว นเป็ น การช่ ว ยแต่ ง เติ ม สี สั น และความเป็นกันเอง ตลอดจนต่อเติมมิติที่รูปถ่ายไม่สามารถให้ได้ จริงอยูท่ เี่ มือ่ อ่านหนังสือเล่มนีจ้ บ อาจรูส้ กึ เหมือนได้ตดิ ตาม ไปเที่ยวด้วยมาแล้ว แต่สุดท้ายคงไม่มีอะไรดีเท่าการออกไปเจอมัน ด้วยตัวเองจริงๆ แบบที่ชนพัฒน์ออกไปเจอมาแล้วในหนังสือเล่มนี้ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก
คำ�นำ�ผู้เขียน ตัวละครหลักไร้ชื่อในนิยายเรื่อง A Wild Sheep Chase (หรือ แกะรอย แกะดาว เขียนโดย ฮารุกิ มูราคามิ) มีเหตุให้ต้องไป พัวพันกับผู้มีอิทธิพลจนต้องระหกระเหินจากโตเกียวไปถึงฮอกไกโด เพื่อตามหา ‘แกะ’ ตัวหนึ่ง ด้วยหลักฐานภาพถ่ายที่มีเพียงใบเดียว หากแกะตัวนี้ก็เหมือนๆ กับแกะตัวอื่นแล้ว คงจะลำ�บาก ไม่ใช่เล่นในการสืบหา แต่ยังโชคดีที่แกะตัวนี้มีลายรูปดาวอยู่ที่ตัว ของมันทิ้งไว้เป็นเบาะแส มันจึงพิเศษกว่าแกะตัวอื่นๆ และเป็นแกะ ตัวนี้แหละที่ทำ�ให้ตัวละครไร้ชื่อต้องพบกับสถานที่ เรื่องราวและ เหตุการณ์ประหลาดต่างๆ นานา Why sheep chase เราจะตามแกะไปทำ�ไม ถ้าแกะทั้งหลาย มันเหมือนกันไปหมด ก็ไม่แปลกถ้าเราจะลาพักร้อนออกเดินทางสะพายเป้ ลาก กระเป๋ า ไปตามหา ไปแวะถ่ า ยภาพ (แกะ) ตามแลนด์ ม าร์ ก ที่ เหมือนๆ กับ (แกะ) ทีค่ นอืน่ ๆ ก็ถา่ ยภาพมาแล้วนับไม่ถว้ น… ถ้าจะ คิดว่าแกะก็คือแกะ แกะธรรมดาสามัญ
แต่ถา้ วันดีคนื ดีตวั เราเองพบหลักฐานการมีอยูข่ องแกะพิเศษ ที่มีลายรูปดาวบนตัวของมัน แถมเป็นดาวสีแดงจางๆ ที่มีรูปค้อน กับเคียวไขว้กันอยู่บนนั้นด้วย เป็นแกะหายากที่ไม่ค่อยถูกพบเจอ บ่อยนัก แกะที่ไม่รู้ว่าจะทำ�ให้เราได้เจอกับสถานที่ เรื่องราวและ เหตุประหลาดต่างๆ นานาอะไรบ้าง เราจะไม่อยากลองเป็นพระลอตามแกะตัวนี้กันหรือ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ ก่อนจะปีนติดดาวสีทองบนต้นคริสต์มาส 24 ธันวาคม 2016
01
เคยนับมั้ยครับว่าตั้งแต่เกิดมาเคยเป็นติ่งใครกันบ้าง ... ติ่ ง อาจฟั ง ดู ไ ม่ ค่ อ ยดี เอาใหม่ งั้ น ตั้ ง แต่ เ กิ ด มาเคยเป็ น แฟนคลับหรือแอบปลื้มดารานักร้องกันบ้างรึเปล่าครับ อย่างเช่น ร้องเพลงเค้าได้ทุกเพลง ดูหนังที่เค้าเล่นทุกเรื่อง (แม้จะโผล่มาตาย ฉากแรกก็ตาม) รู้ว่าเค้าเกิดวันไหน ไม่ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร เอาอะไรทำ�บุญวันเกิด หรือกระทั่งรู้ชื่อหมาตัวแรกที่ตายไป หรือ ถ้าเป็นแฟนคลับเดนตายหน่อยก็อาจมีทิชชู่ที่เค้าเช็ดเหงื่อใส่กรอบ เก็บไว้ในครอบครอง อี้วววว แต่...บางคนก็ยังบอกว่า “ม่ายอะ ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย เป็นตัวของตัวเองมาตัลหลอดดด” อะ งั้นถ้าไม่ใช่คนเบื้องหน้า เป็นคนที่เราปลื้มผลงานเค้าอยู่ก็ได้ แบบผลงานเค้าดีจัง เห็นแล้ว ก็อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกันต่อๆ ไป อย่าง หว่อง การ์ ไว หรือ
10
มูราคามิ หรือจะ ไมเคิล เบย์ ก็ตามใจ คิดว่าคงมีภาพใครขึ้นมาในใจ บ้างแล้วใช่มั้ย เอ่อ...ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ไม่ยัดเยียดแล้วก็ได้ งั้นมาดูกันว่าคนที่เป็นแฟนคลับเค้าทำ�อะไรเพื่อแสดงการ เคารพบูชาคนทีช่ อบกันบ้าง สมัยเด็กๆ บางคนก็อาจจะไปดูหนังเค้า 9 รอบ ซือ้ อัลบัม้ 9 แผ่นพร้อมแผ่นพิเศษ หรือต่อคิวซือ้ ตัว๋ คอนเสิรต์ ที่ต้องไปเข้าคิวซื้อตั้งแต่เที่ยงคืนราคาหลายพันบาทจนพ่อแม่เริ่ม สงสัยว่าแอบเอาเงินค่าขนมไปเลีย้ งแฟนรึเปล่า พอทำ�งานหาเงินเอง ได้ บางคนก็ไปตามรอยสถานที่ถ่ายหนังของเค้า สูดดมกลิ่นอากาศ แถวๆ นั้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการดูซ้ำ�รอบที่ 52 หรืออาจจะสืบหา ตำ�แหน่งของฉากเมืองนอกเมืองนาในหนังสือที่เค้าเขียน (ทั้งๆ ที่ คนเขียนอาจจะนั่งมโนเขียนอยู่แถวฟู้ดคอร์ตเมกาบางนาก็เป็นได้) บางคนก็พรินต์รูปมาแปะที่โต๊ะทำ�งาน ข้าวของเครื่องใช้ต้องมีโลโก้ หรือใบหน้าศิลปินคนโปรดอยูบ่ นนัน้ ตัง้ รูปเป็นสกรีนเซเวอร์ เว่อร์จน คนรอบข้างกลอกตาใส่ ก็แล้วแต่ความเคร่งครัดในการเอาใจใส่ศาสดา มันคือความสุขเนอะ ใครไม่เคยเป็นแฟนคลับไม่เข้าใจร้อก กลับมาถามตัวเอง แล้วผมล่ะเป็นแฟนคลับใครบ้าง อืม นับตั้งแต่เด็กนี่ก็เซนต์เซย่าเลย การ์ดสะสม สติกเกอร์ โปสเตอร์ ทั้งหลายนี่คือมีหมด พอโตขึ้นมาก็ชอบวงดนตรีเยอะแยะ ทั้งดู คอนเสิร์ต ซื้ออัลบั้ม ซื้อเสื้อยืดเท่าที่จะสามารถทำ�ได้ตั้งแต่ยังได้ แค่ค่าขนมล้วนๆ ส่วนตอนนี้ก็ชอบลุงมูราคามิ นักเขียนญี่ปุ่นที่ตาม ปลื้มตามอ่านหนังสือเค้าทุกเล่ม ตอนเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นก็ตามไปดูว่า ที่ไหนนะที่ตัวละครเรื่องนั้นเรื่องนี้เค้าไปนั่งคุยกัน จนกระทั่งผลบุญ ที่บูชาท่านศาสดามูฯ จากการคอยเชียร์ให้คนรอบข้างอ่านหนังสือ ลุงมูก็ส่งผลให้หนังสือ ชายไร้สีกับปีแสวงบุญ ฉบับแปลภาษาไทย
11
เค้าใช้รูปที่ผมถ่ายเป็นรูปบนปก! กรี๊ดเสียจริต พูดจาไม่รู้เรื่องอยู่ สามวัน เหมือนได้เข้าไปแตะข้อศอกกรวดน้ำ�ร่วมกับลุงเลยทีเดียว จนมาล่ า สุ ด ที่ ไ ปหลงปลื้ ม นี่ เ ป็ น ชายชาวญี่ ปุ่ น เหมื อ นกั น ชื่อว่า ฮิเดอากิ ฮามาดะ ผมพบเค้าจากภาพถ่ายในเว็บไซต์ญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยยังไม่มีอินสตาแกรมบนโลก ได้รู้ว่าเค้าเป็นพ่อลูกสอง ทีช่ อบ (แอบ) ถ่ายรูปลูกตัวเองในปางพิลกึ ๆ ด้วยภาพโทนสีและแสง พาสเทลๆ สว่างๆ แบบญี่ปุ่นที่เราเห็นกันบ่อยๆ จนตอนนี้เจ้าพวก เด็กๆ ก็อยูป่ ระถมปลายๆ แล้ว แต่รปู ก็ยงั แก่นกะโหลกเป็นธรรมชาติ ทำ�ให้อยากมีลูกเป็นของตัวเองเอาไว้ถ่ายเล่นบ้าง แต่ตอนนั้นก็แค่ ดูรูปไปผ่านๆ เข้าไปดูบ้างเป็นระยะ เพราะรู้สึกว่าก็เหมือนคนญี่ปุ่น อีกหลายๆ คนที่ถ่ายอะไรๆ ประมาณนี้เหมือนกัน ยังคิดเลยว่า “คอยดูเถอะเดี๋ยวพอลูกโตแล้วก็คงไม่รู้จะถ่ายอะไรแล้วล่ะ” จนกระทั่งนิตยสาร คินโฟล์ก ได้เข้ามาเทียบท่าหัวเมือง บางกอกกลายเป็นต้นตระกูลฮิปสเตอร์ให้กับบ้านเราด้วยภาพถ่าย ที่นุ่มนวลกว่าแมกกาซีนตามท้องตลาดทั่วไป เกิดเทรนด์การถ่าย รู ป สว่ า งๆ คลี น ๆ และใน คิน โฟล์ก แห่ง นั้น เองผมก็ได้ เจอกั บ คุณฮามาดะอีกรอบอย่างเป็นทางการในเซกชันญี่ปุ่นที่พี่แกมาถ่าย ให้อยู่เรื่อยๆ ฮืม คนอะไรนอกจากถ่ายรูปลูกตัวเองได้โคตรดีแล้ว มาถ่ายผ้าปูโต๊ะ ถ่ายถ้วยชามที่วางเฉยๆ ก็ยังสวยอีก มันชักจะ เกินไปแล้ว แล้วก็มาพีคกระชากหัวใจกันอีกทีตอนที่เค้าถ่ายรูป นักเรียนหญิงยืนเรียงๆ กันหลอนๆ กันในทุ่ง ตามโขดหิน ถ่ายรูป เห็นตัวกันอยู่ไกลๆ มาปฏิวัติวงการถ่ายรูปรับปริญญาไทยไปอีก จนช่างภาพไทยต้องเอาชาวบัณฑิตไปยืนตามทุ่ง ตามโขดหินเรียงๆ กัน ถ่ายไกลๆ บ้าง ผมก็ยง่ิ ปลืม้ เข้าไปอีก ไม่นา่ เชือ่ ว่าช่างภาพคนนึง จะส่งผลต่อสไตล์การถ่ายภาพของคนจำ�นวนมากในประเทศหนึ่ง
12
ได้ขนาดนี้ ผมเลยเริ่มตามดูงานเค้าอย่างจริงจัง จนมาสังเกตเห็น อะไรบางอย่างจากอินสตาแกรมว่าหลายๆ ครั้งที่เค้าทิ้งลูกทิ้งเมีย เดินทางไปถ่ายรูปทั่วโลกนอกจาก สวิส อเมริกา อียิปต์ เยอรมนี แล้ว อีกประเทศทีโ่ ผล่ไปบ่อยมากคือ ลิทวั เนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย ทีค่ ณ ุ ฮิเดะแกน่าจะไปมาแล้วไม่ต�่ำ กว่าสามครัง้ ทัง้ ๆ ทีไ่ ม่ใช่ประเทศ ฮิตอะไรเลย ภาพที่แกถ่ายมามักเป็นภาพตามตรอกซอกซอยมุม ถนนทัว่ ๆ ไป แต่รปู ดันงามงดเป็นฝรัง่ บ้านทุง่ ย้อนอดีตไปเมือ่ สีห่ า้ สิบปี ที่แล้ว ต่างจากความเป็นยุโรปที่อื่นอย่างชัดเจน หืมมม เกิดความ สงสั ย ขึ้ น มาตงิ ด ๆ ว่ า ทำ � ไมมั น เหมื อ นจะสวยทุ ก สามร้ อ ยเมตร ขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ
13
02
ตัดภาพมาในชีวิตประจำ�วันที่ทุรนทุรายกับรถที่ติดมหาติด ทุกเช้าเพื่อไปทำ�งานที่เลือกไม่ได้ในบางครั้ง แม้จะได้ทำ�สิ่งที่รัก จนหลายๆ คนอิจฉา แต่บางคนก็ไม่รู้ว่าการเป็นช่างภาพได้ถ่ายรูป ก็ไม่ได้มีความสุขทุกครั้งหรอก เพราะบางครั้งเราก็ต้องถ่ายสิ่งที่เรา ไม่ได้อยากถ่ายอยู่ซ้ำ�แล้วซ้ำ�เล่า จนบางครั้งเห็นกล้องแล้วน้ำ�ตา จะไหลก็มี คิดถึงสมัยก่อน อยากถ่ายรูปแบบเมื่อก่อน แบบที่อยาก จะถ่ า ยอะไรก็ ถ่ า ยได้ ก็ เ ลยคิ ด ว่ า คงต้ อ งพั ก ร้ อ นเอากล้ อ งไป พักผ่อนสักที หาที่ที่อยากกดชัตเตอร์รัวๆ ให้กล้องได้เป็นกล้องที่ เราอยากจับอีกสักครัง้ โครงการพากล้องไปท่องโลกเลยถือกำ�เนิดขึน้ อืม ไปญี่ปุ่นก็ดี ใกล้ด้วย คุ้นเคยด้วย ถ่ายอะไรก็สนุก ถ่าย ยังไงก็สวย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งคุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่ชอบเดินทาง นามแฝงว่า เจบอย เกี่ยวกับการออกเดินทางบ่อยๆ ของคนญี่ปุ่น
15
“ทำ�ไมคนญี่ปุ่นชอบไปเที่ยวเมืองนอก” ผมถามเจบอยผู้ที่ ออกท่องโลกเป็นว่าเล่น “ก็เก็บญี่ปุ่นไว้ให้คนไทยเที่ยวไง” มันตอบทีเล่นทีจริง “เอาจริงๆ ทำ�ไมชอบไปที่แปลกๆ กันอะ หลายที่ที่ดูไปยาก ดูอันตรายอย่างพวกคิวบา เม็กซิโก หรือประเทศในแอฟริกาก็ยัง เห็นคนญีป่ นุ่ ไปกันเยอะแยะ ทัง้ ๆ ทีค่ นญีป่ นุ่ ก็ดทู า่ ทางน่าจะโดนซิว ง่ายๆ เพราะไม่มีพิษภัย น่าจะโดนหลอกง่าย ไม่กลัวเหรอวะ” “ก็ไม่รสู้ ิ เราว่าโลกมันไม่ได้มแี ค่ประเทศญีป่ นุ่ ไง” เจบอยตอบ ใช่ โลกไม่ได้มีแต่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ ด้วย เราเข้าออกญี่ปุ่น กันจนรู้จักมันแทบจะมากพอๆ กับประเทศไทยกันแล้ว จนญี่ปุ่น กลายเป็นคอมฟอร์ตโซนอีกแห่งนึงไปแล้ว สนุกก็จริง สบายใจก็จริง แต่ความตืน่ เต้น ความรูส้ กึ ของการได้คน้ พบได้คน้ หา มันหายไปจาก ที่นั่นซะแล้ว งั้นผมไปไกลๆ บ้างก็ดี จะไปแพ้คนญี่ปุ่นได้ยังไง เลยเริ่มเล็ง หาเมืองแปลกๆ เพราะถ้าจะไปสถานที่มหาชนอย่างหอไอเฟล เทพีเสรีภาพ สะพานโกลเด้นเกตส์ ลอนดอนอาย มาชูปิกชู สฟิงซ์ อะไรพวกนั้น ก็คงโดนถ่ายรูปมาทุกมุมทุกองศาแล้วมั้ง แถมผมเอง ก็ไม่ได้ถ่ายรูปเก่งอะไร มีคนเก่งกว่าเยอะมาก เทพๆ โปรๆ กัน ทั้งนั้น ผมว่าถ้าอยากเก่งกว่าอาจจะต้องหามุมใหม่ๆ ทีใ่ หม่ๆ ทีส่ วย กว่าให้ได้ อันนี้สิทั้งเก่งทั้งคูล ไปที่ที่ไม่ค่อยมีคนไปดีกว่า คู่แข่งน้อย กว่าเห็นๆ เผื่อจะได้มีรูปเอามาขายได้อีก หึๆๆ พอเสิรช์ ดูไปเรือ่ ยๆ ก็เจอทีท่ ถี่ กู โหวตให้เป็นเมืองทีน่ า่ ใช้ชวี ติ อยู่ที่สุดในโลกเข้า ชื่อว่า เมืองริก้า (Riga) แห่งประเทศลัตเวีย โห ไม่ได้ยินชื่อประเทศนี้นานแล้วแฮะ น่าสนใจๆๆ พอค้นดูก็เจอว่า
16
ลัตเวียเค้ารวมตัวกับลิทัวเนียและเอสโตเนียกลายเป็นกลุ่มประเทศ แถบทะเลบอลติก ฮืมมมม ทะเลบอลติกนีก่ ไ็ ม่ได้ยนิ มานานแล้วตัง้ แต่ สมัยเรียนมัธยม ลึกลับน่าค้นหายิ่ง โซเวียตยิ่ง เห็นว่าค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพก็ไม่แพงอย่างยุโรปโซนอื่นๆ เค้าด้วย แถมสามประเทศนั่นมันคือเมืองที่คุณฮิเดะแกไปโผล่บ่อยๆ ด้วยนี่นา เฮ้ยยยยย จะรออะไร น่าจะตามรอยไปเมืองเหล่านี้สักที อยากรู้ว่ามันสวยอยู่แล้วหรือฝีมือตาฮิเดะเค้าดีกันแน่ และจะได้บอกให้โลกรูด้ ว้ ยว่าเราก็ไปทีอ่ นื่ นอกจากญีป่ นุ่ ก็เป็น
17
03
ช่วงที่ตั้งใจเข้าเหยียบแผ่นดินบอลติกเป็นช่วงต้นฤดูร้อน คาดว่าจะเดินทางกันได้สบายๆ ไม่ล�ำบาก แต่มันล�ำบากที่ประเทศ พวกนี้มันไม่ฮิต ไกด์บุ๊กหรือรีวิวพันทิปมันก็เลยหาไม่ค่อยได้ตาม ไปด้วย ไปคนเดียวท่าทางจะไม่ง่าย เพื่อให้การเดินทางนี้ไม่ง่อย จึงจ�ำเป็นต้องมีตัวช่วย มีเพื่อนไปล�ำบากด้วยกันคงจะดี ผมเลย ตั้งสเตตัสถามหาเพื่อนร่วมทาง โดยมีโจทย์ว่าทริปนี้เราจะเน้น เดินตามถนนเดินตามซอกซอย ท�ำตัวเป็นกูเกิลสตรีทวิว คงเดินเยอะ มากๆ ไม่เน้นทีฮ่ ติ ๆ มหาชน เดินดูคนดูตกึ ไปเรือ่ ยๆ โดยมีภาพถ่าย ของคุณฮิเดะเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแครอทที่ผูกเชือกห้อยไว้ที่ ปลายไม้เอาไว้ล่อให้ลาเดิน แรกๆ ก็กลัวว่าจะไม่มีคนไปด้วย แต่แล้วก็โชคดีได้ผู้ร่วม ชะตากรรมข้ามโลกที่พอจะคุ้นเคยกันมาสามชีวิต คือ ‘เฮีย’ เจ้าของ กิจการท�ำรูปปัน้ ทองเหลืองประดับสวน, ‘นิว’ น้องร่างยักษ์หนุม่ สมุย
19
เป็นสองคนที่ได้รู้จักตอนที่ไปออกทริปถ่ายรูปที่เมืองจีน และ ‘เอ็ม’ หนุ่มมหา’ลัยที่เคยไปเที่ยวอินเดียด้วยกันมาแล้วรอบนึงและรัก คุณฮิเดะสุดใจเหมือนกัน ช่วงเตรียมตัวก่อนขอวีซ่าไม่ค่อยเท่าไหร่ พอจะรู้แล้วว่าต้อง ท�ำยังไงบ้าง แต่ครั้งนี้ได้ประสบการณ์ใหม่คือ เรื่องการขอวีซ่า สามประเทศแห่งบอลติก (ลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย) เพราะ สามประเทศนี้ไม่มีสถานทูตในไทย แต่จะมีสถานทูตประเทศอื่นๆ คอยรับเรื่องแทน โดยปกติถ้าเราจะเข้าประเทศกลุ่มวีซ่าเชงเก้น ประเทศไหนเป็นอันดับแรก ก็ควรจะไปขอที่สถานทูตประเทศนั้น ซึง่ พวกเราจะเข้าแตะลิทวั เนียเป็นประเทศแรก ก็เลยจะต้องไปขอวีซา่ กับสถานทูตเยอรมนีทเี่ ป็นคนรับเรือ่ งแทน แต่กไ็ ด้ขา่ วว่าการขอวีซา่ เยอรมนีนี่วุ่นวายพอดู ประเทศฮิต คนไปเที่ยวเยอะ คิวยาวแหงๆ เราเลยใช้หลักการขอวีซ่าอีกข้อนึงคือ ถ้าอยู่ประเทศไหนนานที่สุด ให้ขอวีซ่าของประเทศนั้น ก็เลยมาตกที่ลัตเวีย ซึ่งต้องไปขอวีซ่า ที่สถานทูตฮังการี แต่ก็ไม่ได้จะไปแต่เขตบอลติกเลยซะทีเดียว ครั้งนี้เราเพิ่ม เมืองคาลินนิ กราดของรัสเซียเข้ามาในทริปด้วย เพราะขณะทีว่ างแผน เดินทางในเขตบอลติกอยูน่ นั้ เกิดเอะใจตอนเห็นเขตดินแดนทีแ่ ทรก อยู่ระหว่างโปแลนด์และลิทัวเนียที่เรียกว่าคาลินินกราด เป็นเมือง ของรัสเซียเมืองเดียวที่หลุดมาอยู่ในวงล้อมของยุโรป น่าสนใจอะไร แบบนี้ ท�ำให้พวกเราอยากแบ่งเวลาเดินทางไปทีน่ นั่ ด้วย เพราะอยาก รู้ว่ามันจะมีอะไร แถมพอเป็นรัสเซียก็เลยไม่ต้องขอวีซ่าให้เหนื่อย ด้วย ว่าแต่ ต้องกลับไปรัสเซียอีกแล้วสินะ...
20
ตัดภาพแฟลชแบ็กกลับไปตอนนั่งเครื่องบินออกจากรัสเซีย เมื่อสี่ปีก่อน ผมสาบานปฏิญาณตนไปนับสิบรอบด้วยเสียงกระซิบ กับแอร์โฮสเตสสาวตาคมที่ก�ำลังสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ชูชีพอยู่ ข้างหน้าว่าจะไม่กลับมาเหยียบประเทศนี้อีก เพราะนิสัยเย็นชา ของผู้คนในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กท�ำให้ผมฝังใจว่า คนที่นี่ ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยว หน้าบึ้งตั้งแต่เป็นตัวอ่อนในครรภ์ และ ดูกราดเกรี้ยวคิ้วขมวดขมูขีตลอดเวลา ท�ำให้การเดินทางครั้งนั้น เหนื่อยใจมากกว่าเหนื่อยกาย น�้ำตาไหลแหมะสามหยด แต่นนั่ มันสีป่ ที แี่ ล้ว และครัง้ นีผ้ มจะไปคาลินนิ กราดทีเ่ คยเป็น ส่วนหนึ่งของอาณาจักรปรัสเซีย (เยอรมนี) มาก่อน เป็นดินแดน รัสเซียที่อยู่นอกรัสเซีย แถมเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ความเป็น บ้านพี่เมืองน้องของคาลินินกราดกับรัสเซียก็เหมือนตัดขาดกันไป แถมบางทีก็แอบเป็นอริกันอีกต่างหาก โรคเย็นชาอาจแพร่มาไม่ถึงกันก็ได้
ค�ำว่าโซเวียต (Soviet) แปลว่า Council (สภา) ในภาษาอังกฤษ สมัยนั้นรัสเซียและประเทศ รอบๆ ยากจนมากจึงรวมตัวกันเป็นกลุม่ โซเวียต ต่างๆ เพื่อเพิ่มอ�ำนาจในการต่อรอง แล้วพอ โซเวียตหลายๆ โซเวียตมารวมกัน ร่วมมือกัน (ภายใต้ระบบคอมมิวนิสต์) ก็เลยเรียกว่า สหภาพ โซเวียต โดยมีรัสเซียเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม เลยเกิดภาพจ�ำว่าโซเวียตคือรัสเซียขึ้นมา
first day
04
และขณะนี้ ผมวาร์ปมาอยู่เหนือน่านฟ้าประเทศรัสเซียแล้ว ครับ (จะตัดภาพไวไปไหน) พวกเรานั่ ง เครื่ อ งบิ น แปดชั่ ว โมงจากประเทศไทยมาลงที่ มอสโก เพื่อขึ้นเครื่องบินในประเทศต่ออีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เพื่อไป ลงที่คาลินินกราด และอย่างที่รู้กันว่าชาวไทยไม่จ�ำเป็นต้องขอวีซ่า เข้ารัสเซีย ซึ่งควรจะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เรื่องน่ายินดีนี้ก็เหมือนจะรู้ กันแค่เฉพาะกับคนไทย เพราะพี่ ตม.มอสโก เค้ามักจะไม่รับรู้เรื่อง ทีไ่ ม่ตอ้ งขอวีซา่ จึงไม่รว่ มยินดีกบั เราด้วย (สีป่ ที แี่ ล้วผมถูกซักประวัติ อยู่ตั้งนาน) แต่ครั้งนี้โชคดีที่ในแถวตรวจคนเข้าเมือง เจอพี่ผู้ชาย คนไทยที่ท�ำงานเข้าๆ ออกๆ มอสโกต่อคิวอยู่ข้างหน้า ผมถามแก ว่าเดี๋ยวนี้ ตม.รัสเซียไม่มึนแบบเมื่อก่อนแล้วใช่มั้ย พี่เค้าก็บอกว่า โอเคแล้ว เดี๋ยวนี้ ตม.พูดรู้เรื่องขึ้น ผมก็อุ่นใจไปได้เปลาะหนึ่ง คิดว่า พี่เขาคงช่วยเคลียร์ให้ได้ว่าคนไทยน่ะไม่ต้องใช้วีซ่า
24
พอถึงคิว พี่คนนั้นยืนอยู่หน้า ตม.สาวอยู่นานแสนนาน จะว่าจีบกันก็ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ ตม.สาวหน้าตาซีเรียสเอาแต่พลิก พาสปอร์ตถามหาวีซา่ รัสเซียสลับกับพีผ่ ชู้ ายทีอ่ ธิบายกลับเป็นภาษา รัสเซีย โอ้ นีข่ นาดใช้ภาษารัสเซียสูก้ นั แล้วนะ ยังยืดเยือ้ ขนาดนี้ เฮ่อ... ผลการสูร้ บคือพีผ่ ชู้ ายเป็นฝ่ายได้ชยั ส่งผลให้ผมผ่าน ตม.สาว ไปได้ดว้ ยดี นีถ่ า้ ไม่มพี เี่ ค้า ผมคงได้แต่ยนื แช่อยูต่ รงนัน้ ชัว่ กัปชัว่ กัลป์ เอาเป็นว่าทางที่ดีใครที่จะมารัสเซียควรพรินต์ใบสนธิสัญญาการ ยกเลิกวีซ่าของคนไทยส�ำหรับเข้ารัสเซียติดตัวมาด้วย เพราะถ้า จ�ำเป็นจริงๆ สิ่งนี้น่าจะช่วยคุณได้ นั่นแหละครับท่านผู้ชม สี่ปีผ่านไปรัสเซียยังไม่เปลี่ยนแปลง ตัดภาพมาที่สนามบินคาลินินกราด เมื่อกี้ฟาดเคราะห์จาก ตม.ไปแล้ว คิดว่าจากนี้ท้องฟ้าคงจะสดใส ดอกไม้จะบานสะพรั่ง ต้นไม้จะออกลูกเป็นตุ๊กตาแม่ลูกดก แต่สภาพจริงที่เห็นตอนนี้คือ ฟ้าสีเทาเก่าๆ ก�ำลังมีฝนโปรย จนต้องรีบวิ่งจากเครื่องบินเข้าไป ในตัวสนามบินเพราะอากาศมันหนาวจนสั่น เริ่มสงสัยว่านี่มันฤดู อะไรกันแน่ เมื่อกี้ที่มอสโกยังร้อนจั๊กแร้เปียกอยู่เลยนะ (ไอ้เราก็ ใส่เชิ้ตฮาวายลายดอกมาซะด้วย ตายสนิท) เพียงแค่ก้าวเข้าอาคารไปสามก้าว พวกเราก็ถูกเจ้าหน้าที่ กวักมือเรียกทันที พาสปอร์ตของมนุษย์เอเชียหัวด�ำถูกเปิดแล้ว เปิดอีก และโดนรัวภาษารัสเซียใส่ราวกับว่าเราเกิดและเติบโตที่นี่ (พี่ครับ มองหน้าผมบ้าง ผมเหมือนคนรัสเซียมั้ย) “jfh’tjkyklVIZAd[josot” “นี่ๆ ยูช่วยพูดอังกฤษหน่อยได้มั้ย” ผมถาม “flhtpjk[tpjsjVIZA?jeptojrpt” พี่เค้าก็ยังคงรัวกลับมา และ ท�ำหน้าดุใส่และรัวต่อ
“เชี่ย” ผมกล่าวและยิ้มให้อย่างอารี ยังดีที่ได้ยินค�ำว่าวีซ่าอยู่ในรูปประโยค โอเคเดาได้ ถามหา วีซา่ แหงๆ นีพ่ ๆ ี่ ก็ไม่รเู้ หมือนกันใช่ไหมว่าคนไทยไม่ตอ้ งใช้วซี า่ เออ แต่จะว่าไป อันนีผ้ มก็กลัวนะ ว่าอาจจะผิดทีเ่ ราเองรึเปล่า อาณาเขต ของคาลินินกราดมันไม่ติดกับรัสเซียแผ่นดินใหญ่ นี่จะซวยตั้งแต่ วันแรกเหมือนกับในหนังสือ Greenland Skylight ของหมอเก๋อคัมภีร์ สรวมศิริ ทีต่ อ้ งใช้ใบอนุญาตพิเศษเพือ่ เข้ากรีนแลนด์ ซวยแล้ว มั้ยล่ะ
25
05
เราท�ำได้แค่เดินตามเจ้าหน้าทีไ่ ปทีห่ อ้ งสอบสวนแบบหงอยๆ ไม่กล้าท�ำหน้ากวนตีนพีเ่ ค้า กลัวจะโดนส่งกลับไทยตัง้ แต่วนั แรก หรือ อาจติดคุกข้อหาหนีเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ขอหลักฐานการจองโรงแรม และจองรถโดยสารข้ามแดน (เราจะนั่งรถบัสข้ามแดนไปลิทัวเนียกัน ครับ) ไปกดโทรศัพท์โทรหาทางโรงแรมเพื่อยืนยันว่าจองเข้าพักจริง หรือไม่ สุดท้ายแล้วเราก็รอดออกมาจากห้องนัน้ ได้ พร้อมกับการเซย์ ซอร์รีจากพี่ๆ ตม. แต่ตอนนี้สามทุ่มกว่า จะไปขึ้นรถเมล์เข้าเมืองก็ไม่ทันแล้ว ตกรถ จบข่าว ฟ้าก�ำลังเริ่มมืด ร้านค้าในสนามบินเริ่มปิด มองไป ข้างนอกฝนก็พร�ำ รู้สึกชีวิตกลายเป็นสีเทาเก่าๆ แบบสีของท้องฟ้า ไปแล้ว ท�ำไมต้องมาเจอเรื่องผิดพลาดตั้งแต่วันแรกเลยนะ เสียฤกษ์ ทีส่ ดุ อยากจะเดินกลับไปทีห่ อ้ งสอบสวนแล้วท�ำตัวดราม่ากับพีๆ ่ ตม. ให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการพาพวกเราไปส่งในตัวเมืองมาก
29
หันไปเจอบูทแท็กซี่สนามบินกวักมือหยอยๆ ผมล่ะไม่ชอบ แท็กซี่สนามบินเลย เพราะมักโขกราคานักท่องเที่ยวกันหัวปูด แถม ท�ำให้เสียความคูลในการเดินทางต่างแดนไปสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ ณ จุดนี้ พี่ไม่ไหวแล้ว หิวแล้ว หนาวแล้ว แถมเค้าก็แปะป้าย แมนๆ ไว้ชัดเจนว่า 600 รูเบิล (ประมาณ 300 บาท) มิได้แอบบวก ราคาคนต่างชาติแต่อย่างใด ไปก็ไป ดี มาถึงวันแรกก็ลอ่ แท็กซีซ่ ะแล้ว ขณะที่แท็กซี่สีเหลืองขับฝ่าสายฝนตรงเข้าเมือง ผมนอนแผ่ ถอนหายใจเฮือกๆ งอนตัวเอง งอน ตม. อยู่เบาะหลัง แต่กลายเป็น ว่าดีแล้วที่นั่งแท็กซี่ เพราะนี่ขนาดรถวิ่งรวดเดียวเข้าเมืองยังเกิน ครึ่งชั่วโมง ถ้าท�ำตามแผนการเดิมคือนั่งรถบัสไปจนถึงสถานีหลัก แล้วต่อรถรางเข้าที่พักอีกต่อนะ หึยยยย คงขาดใจตายตั้งแต่วันแรก พอแท็กซี่มาจอดที่หน้าโรงแรม แล้วได้พบกับโรงแรมที่งาม กว่าที่คิด ความอลังการของผ้าม่านก�ำมะหยี่หนาหนัก โซฟานุ่มตูด บวกกับภาพวาดในกรอบรูปฉลุทองตามผนังโรงแรมสไตล์ปราสาท ผีสงิ ทีช่ อบ และรีเซพชันสาวตัวเล็กน่ารัก คุยภาษาอังกฤษด้วยหน้าตา ยิ้มแย้ม ความเหน็ดเหนื่อยทั้งวันก็บรรเทาลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ราตรีสวัสดิ์ คืนนี้ให้จะฝันถึงรูปปั้นหลอนๆ ที่บันได หรือ ภาพเขียนน่ากลัวตามผนังโรงแรมก็ได้ แต่ขออย่าให้ฝันถึง ตม.เลย
30
day two
06
สุภาษิตโบราณของบรรพบุรุษที่บอกเอาไว้ว่า “เสาร์-อาทิตย์ อย่านอนตื่นสาย น่าเสียดายวันหยุด” เป็นประโยคที่ผมจ�ำได้ขึ้นใจ และน�ำมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�ำวันเสมอ อย่างการลาหยุดพักร้อน ครั้งนี้ ก็ถือเป็นวันหยุดไม่ต่างจากเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้นจึงตั้งใจจะ ตื่นเช้าและออกไปท�ำกิจกรรมกลางแจ้งให้คุ้มค่าทุกวัน เราจึงเริ่มภารกิจผู้ดีเดินตรอกกันตั้งแต่วันนี้โดยออกไปเดิน ถ่ายรูปเล่นตั้งแต่ตีห้า เดินร่อนไปร่อนมาในเมืองที่ฉ�่ำแฉะไปด้วย น�้ำฝนที่ตกกระหน�่ำทั้งคืน ท้องฟ้าเป็นสีเทาเพราะเมฆฝนที่ท�ำท่าว่า จะตกลงมาอีกในไม่ชา้ ท�ำให้สงิ่ ก่อสร้างดูขลังขึน้ ไปอีก แต่สงิ่ ก่อสร้าง ที่นี่ดูไม่ค่อยจะโซเวียตเลยแฮะ สงสัยเพราะเป็นเมืองของเยอรมนี มาก่อน เลยดูมีความเป็นยุโรปมากกว่า เสียดายเล็กๆ นึกว่าจะได้ เจอตึกประหลาดล�้ำโลกสไตล์โซเวียตมากกว่านี้ ที่นี่ไม่มีเสาไฟฟ้า สายไฟถูกโยงผ่านชั้นดาดฟ้าตึกนึง ข้ามต่อไปยังอีกตึกนึง โยงกันไป
35
36
เรื่อยๆ ดูเหมือนมีแมงมุมยักษ์มาท�ำรังชักใยคลุมเมือง สถานที่ ก่อสร้างจะถูกกั้นรั้วด้วยสังกะสีสีน�้ำเงินสลับแผ่นกับสีขาวให้ความ รูส้ กึ สดชืน่ เหมือนอยูร่ มิ ทะเล ขัดกับภาพรอบๆ ทีเ่ ป็นตึกสีเทาทะมึน พวกเรากลับโรงแรมมาเช็กเอาต์และฝากกระเป๋าไว้ ก่อน ออกมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ โรงแรม เพราะมองหา รถเมล์ ส ายที่ ไ ปสถานีข นส่ง ไม่เจอ จนต้อ งท�ำใจกล้าเข้ า ไปถาม พี่ผู้หญิงที่ป้ายรถเมล์ แม้กลัวว่าเขาจะไม่เป็นมิตรใส่เราเหมือน คนรัสเซียทีเ่ คยเจอ แต่กย็ งั มีหวังว่าอาจจะได้รบั รอยยิม้ จากคนรัสเซีย แบบน้องรีเซพชันเมื่อคืน ปรากฏว่าพี่เค้าคุยเป็นมิตรจริงๆ ด้วย บอกว่าให้ขนึ้ รถคันเดียวกันกับเค้า แถมสอนวิธจี า่ ยค่าโดยสารบนรถ ให้ด้วย เมื่อถึงสถานีก็ลุกเดินมาสะกิดบอกว่าลงป้ายนี้พร้อมเค้าได้ เลย เรากล่าวขอบคุณก่อนเดินแยกเข้าสถานี เพือ่ ทีจ่ ะมางงต่ออีกว่า รถสายไหนที่จะพาไปดูเนินทรายยักษ์ Gora Skrytnaya ที่คูโรเนียน สปิตได้ (Curonian Spit คือแผ่นดินยาวๆ ที่ยื่นออกไปในทะเล ตีโค้งไปเชือ่ มต่อกับลิทวั เนียอีกที ท�ำให้เกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ตามทางทีม่ นั โอบผ่าน เป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทางธรรมชาติยอดนิยม ของทีน่ )ี่ แถมไม่รดู้ ว้ ยว่าต้องซือ้ ตัว๋ ทีไ่ หน คือช่องขายตัว๋ มีอยูล่ ะลานตาแต่ก็เต็มไปด้วยภาษารัสเซียยุกยิกเต็มไปหมด เลยเข้าไปถามทาง กับคุณป้าคุณลุงที่ดูท่าทางไฮโซ ใส่สูท ใส่เฟอร์ที่เดินผ่านมา คุณป้า ก็ใจดีจนน่าใจหาย กวักมือเรียกให้เดินตามไปถึงทีจ่ อดรถบัส บอกกับ กระเป๋ารถเมล์ว่าพวกเราจะไปลงที่ไหน ก่อนบ๊ายบายลาจากกัน เฮ่ย ตกใจกับคนรัสเซียที่น่ี ท�ำไมจิตใจดีงามพามาส่งถึงที่ แม้จะใช้ ภาษาอังกฤษสื่อสารกันแทบไม่ได้ แต่เขาก็พยายามช่วยเราเต็มที่ อบอุ่นเหมือนอยู่ญี่ปุ่น นั่งรถมาชั่วโมงกว่า เจ๊กระเป๋ารถบัสมาสะกิดบอกว่าถึงแล้ว
37
ให้ลงตรงนี้ โอเค ลงก็ลง เมื่อรถจากไป เราเกิดเอะใจ นี่เข้ามาในเขต คูโรเนียนสปิตแล้ว แต่ท�ำไมผู้โดยสารที่นั่งมาเต็มรถถึงไม่มีใครลงมา เที่ยวกับเราเลย มีแต่ลุงป้าแก่ๆ กับหลานสามคนลงมาด้วย เฮ่ย ใจไม่ดี ป้ายรถเมล์เก่าและผุ ต้นหญ้าขึ้นสูง ถนนดินเป็นหลุมบ่อ น�้ำขัง เมื่อรถบัสวิ่งออกไป ความเงียบก็เข้ามาจอดแทนที่ ลมพัด ดังฟิ้วหอบใบไม้ผ่านหน้าไปเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่น เดินตามลุงป้าและหลานๆ เข้าไปในซอยที่มีวัยรุ่นขี่จักรยาน กันออกมา ก็อาจจะใช่ก็ได้มั้ง มีวัยรุ่นแถวนี้ด้วย เราคิด เดินตาม ลุงป้าเข้าไปเรื่อยๆ แต่ลุงป้ากลับจูงหลานๆ เลี้ยวแยกตัวเข้าบ้านไป กวาดตามองรอบๆ วัยรุ่นขี่จักรยานกลุ่มนั้นก็หายไปกันหมด อ้าว เราเดินต่อตามเสียงทะเลไปจนถึงริมหาดทีเ่ ว้าแหว่ง ซากกิง่ ไม้ตน้ ไม้ เกยอยู่ริมหาด ลมแรงมาก แทบไม่เจอมนุษย์คนอื่นและที่ส�ำคัญ ไหนล่ะเนินทราย นี่ใช่สภาพของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมจริงๆ เหรอ ผิดแล้ว ผิดป้ายแน่ๆ สงสัยตอนเปิดแผนที่ในไอโฟนให้คุณป้า ไฮโซดู เราคงจิ้มต�ำแหน่งผิด ป้าก็เลยบอกกระเป๋ารถเมล์ผิดไปด้วย เราเดินออกมาทีถ่ นนใหญ่อกี ครัง้ เช็กแผนทีด่ เู ลยรูว้ า่ อีกตัง้ สีส่ บิ กิโลฯ แน่ะกว่าจะถึงจุดทีอ่ ยากไป เดินไม่ไหวแน่ จะเช่าจักรยานขีไ่ ปก็ไม่นา่ จะทันเวลา แล้วจากที่ดูตารางเวลาที่ป้ายรถเมล์ คันต่อไปกว่าจะมา อีกตั้งหลายชั่วโมง เอาไงเนี่ย กลับไม่ได้ไปไม่ถึงแบบเห็นภาพเลย การหลงอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยแถมเป็นย่านที่ลึกลับขนาดนี้ ท�ำให้ใจเต้นแรงชะมัด หันไปเจอแท็กซี่ขับมาพอดี เอาวะ แท็กซี่ก็ได้ ยอมไม่คูลอีก สั ก รอบก็ ไ ด้ มาถึ งนี่แ ล้วต้อ งลุยต่อสิ เข้าไปถามราคา พี่ แกคิ ด 1,000 รูเบิล (ประมาณ 600 บาท อูยยย ไม่ไหวมั้งราคานี้ ขูดรีด กันชัดๆ ก็เซย์โนกันไป รอคันใหม่ก็ได้วะ แต่พี่แท็กซี่แกก็ยังไม่ไปนะ
จอดรถแล้วลงมาเดินวนๆ เวียนๆ แอ่นหน้าแอ่นหลัง บิดขี้เกียจ ยืดกล้ามเนือ้ ผิวปากเล่นกับนก กะว่าไซโคให้เราเปลี่ยนใจ แต่อยู่ๆ โชคก็เข้าข้าง มีรถมินิแวนท้องถิ่นผ่านมาพอดี พี่แท็กซี่ก็กวักเรียกให้ รถหยุด แล้วเดินมาบอกเราว่า “ไปกับรถมินิแวนคันนี้ก็ได้ ที่รถ แปะป้าย Morskoye (แถวๆ ที่ที่เราจะไป) อยู่ ไม่แพงด้วย” เออ ความจริงพี่เค้าก็ดีนะ ไม่โกรธแถมรอโบกรถให้ด้วย ท�ำไมคนที่นี่ เป็นมิตรจัง เพราะอะไรกัน หรือเพราะที่นี่อยู่ห่างจากรัสเซีย คนเลย มีนิสัยใจคอต่างออกไป แล้วท�ำไมเราไปคิดร้ายกับเค้าเนี่ย
39
นอกจากทางคาลินนิ กราดแล้ว ทางไปคูโรเนียน สปิตก็ยังเข้าจากทางฝั่งลิทัวเนียได้เหมือนกัน แต่ฝงั่ นัน้ มันไม่คอ่ ยอลังการ ไม่นา่ เทีย่ วเท่าไหร่ แตงโมทีน่ ลี่ กู โคตรใหญ่ ใหญ่จนต้องขับรถมาซือ้ ถือกลับมีหวังไหล่หลุด
41
07
ตามทางที่รถวิ่งผ่านเห็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจอดรถ แวะพัก แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ (ทีน่ เี่ ป็นอุทยานแห่งชาติ มีจดุ ให้แวะ ท่องเที่ยวเยอะ) นั่งกันเพลินจนรถมาจอดสุดสาย ผู้โดยสารลงกัน หมด พี่คนขับดับเครื่อง อ้าว มีแต่บ้านคนเต็มเลยแถมล้อมรอบไป ด้ ว ยหนองบึ ง และป่ า หญ้ า ไหนล่ ะ ที่ เ ที่ ย ว ก่ อ นขึ้ น รถเราก็ ถ าม พี่คนขับแล้วนะว่าผ่าน Morskoye ใช่มั้ย พี่คนขับร่างหมีเคราครึ้ม ยิ้มแล้วบอกว่าที่นี่ไง Morskoye ทั้งหมดบริเวณนี้แหละ พร้อมทั้ง ผายมือวาดไปรอบๆ ร้อยแปดสิบองศา ด้วยอารมณ์แบบขอต้อนรับ สู่หมู่บ้านของเราาาา “ที่นี่เป็นเขตน่ะ จะไปไหนกันล่ะ” พี่เค้าถามหลังจากเห็นเรา ยืนอึง้ หน้าตานักท่องเทีย่ วแบบนีก้ ต็ อ้ งไปไอ้เนินทรายยักษ์รมิ ทะเล นั่นดิพี่จ๋า ฮือว์ๆๆๆ พอบอกพี่คนขับว่าจะไปเนินทรายยักษ์ พี่เค้า ก็ผายมือไปทางท้ายหมู่บ้านว่าให้ไปทางนั้น เดินเลียบริมทะเลไปได้ ด้วยอารมณ์แบบขอต้อนรับสู่ท้ายหมู่บ้านของเราาาาา
43
เราเดินฝ่าดงหญ้าข้ามบึงข้ามหนองไปท้ายหมูบ่ า้ นจนถึงทะเล มองไปทางทิศสองนาฬิกา โน่นไง! โน่นนนน ไอ้เนินยักษ์มันอยู่โน่น แต่ ก ว่ า จะถึ ง นี่ ค งต้ อ งเดิ น ลุ ย น�้ำ ลงบึ ง หลายตลบเลยล่ ะ ไม่ ไ หว ออกไปเดินตามถนนที่รถเข้ามาตอนแรกดีกว่า เดินตามไหล่ทางไป อีกสามกิโลฯ จนเจอรถบัสผ่านมาเลยสละสิบรูเบิลขึ้นรถ เพราะ ร้อนมากจนเหงื่อท่วมหลัง ทั้งๆ ที่อยู่ในดงป่าสนอากาศเย็นๆ จนมาถึงมหาเนินทรายยักษ์จนได้ เย่! แรร์แน่นอน มาง่าย ซะที่ไหน มุมมหาชนเหรอ ไม่ต้องพูดถึง มายากขนาดนี้ อยู่ในซอก ขนาดนี้จะมีคนเคยมาสักกี่คนเชียว เดินยิ้มพอใจในชัยชนะเข้าไป ตามทางก่อนถึงเนิน เดี๋ยวจะถ่ายรูปรัวๆ สักสามพันรูป จะลงไป เกลือกกลิ้งวิ่งเล่นให้ฝุ่นตลบ หึหึหึ แต่พอมาถึงจุดทีเ่ นินทรายอยู่ ความฝันทัง้ หลายก็ปลิวหายไป เค้ากัน้ รัว้ ไม่ให้เข้าไปในเขตทราย! แอ๊! มีแค่นง่ั ร้านทีจ่ ดั ให้นกั ท่องเทีย่ ว ปีนขึ้นไปยืนดู จบกัน เนินทรายแสนงามที่ฉันฝันถึง แล้วพอไม่มี มนุษย์ลงไปเดินเทียบสเกลให้เห็นว่ามันใหญ่เวิ้งว้างขนาดไหน เลย เห็นเป็นเพียงแค่ชายหาดธรรมด๊าธรรมดา ไม่สามารถบอกได้ว่ามัน กว้างสุดลูกหูลูกตาหาขอบเขตไม่เจอ ลาก่อนสิ่งที่พยายามมาทั้งวัน ฮือออ รู้งี้ไปเดินดูป่าเต้นร�ำ (Dancing Forest) ที่มีต้นสนล�ำต้น หงิกงอม้วนตัวไปมาคล้ายก�ำลังเต้นร�ำ ทีอ่ ยูแ่ ถวๆ นัน้ น่าจะสนุกกว่า อีก ลางร้ายของทริปเริ่มแล้ว ม่ายยยยยยย
45
08
กลับเข้าเมืองมาเอาของทีฝ่ ากไว้ทโี่ รงแรมด้วยหัวใจทีห่ อ่ เหีย่ ว แล้วเดินแบกเดินลากไปที่สถานีรถบัสข้ามแดน เพราะกลัวว่าถ้า ขึ้นรถเมล์แล้วไอ้กระเป๋าของพวกเราอาจจะสร้างความไม่สะดวกให้ ผู้โดยสารคนอื่นๆ ได้ ความจริงจากคาลินินกราดจะนั่งเครื่องบินไปลงลิทัวเนียเลย ก็ได้ แต่เพราะอยากประหยัดค่าโรงแรมด้วยการนอนในรถแถมเป็น ประสบการณ์ใหม่ดว้ ย คิดว่าคงไม่คอ่ ยมีใครได้นงั่ รถบัสข้ามพรมแดน แบบนี้ พี่จะเป็นหนูทดลองเอง เชื่อเลยว่าแรร์แบบนี้เจบอยต้องยัง ไม่เคยแน่ๆ (หึหึ เดี๋ยวถ้าหาไวไฟได้จะส่งไลน์ไปเย้ยมัน) แถมอยาก จะรู้ด้วยว่าตอนดึกๆ จะถูกปลุกมาตรวจวีซ่ายังไง แล้วตั๋วรถข้ามแดนเนี่ยเป็นอะไรที่จองยากโคตร ตอนกด จองทางเน็ตน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนจ่ายเงินน่ะทางบริษัทรถไม่รับ บัตรเครดิตนอกเขตรัสเซีย โปแลนด์ เยอรมนี และกลุ่มประเทศ
47
บอลติก ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะมีคนรู้จักแถวๆ นั้นให้ฝากจ่ายให้ แต่ยัง โชคดีที่มีเพื่อนแนะน�ำน้องคนไทยที่เรียนอยู่ที่เยอรมนีมาให้ช่วย แต่เรือ่ งยุง่ ยากทีน่ า่ จะจบมันก็ยงั ไม่จบ เพราะน้องเค้าไม่มบี ตั รเครดิต มีแต่บตั รเงินสดซึง่ บริษทั รถไม่รบั จนน้องต้องไปขอให้รมู เมตน้องเค้า จ่ายให้อีกที วิบากกรรมจึงหมดลงได้ เรานัง่ รถบัสหลับๆ ตืน่ ๆ ไปจนประมาณตีหนึง่ รถจอดทีด่ า่ น รัสเซียเพื่อเช็กเอาต์ขาออก คิดว่าคราวนี้เค้าคงให้เราผ่านด้วยดี ขาออกแล้วนะ คงไม่มากักไว้อีก แต่...นั่นแหละครับ ถูกสแกน ถูกค้นตัว ตรวจกระเป๋า โดนกักตัวไว้อีกแล้ว ถามหาวีซ่าอีกแล้ว เดีย๋ วนะ คือนีผ่ า่ นมอสโก ผ่านสนามบินมาแล้ว ยังจะมากักอีกเหรอ จะไปแล้ว ง่วงแล้ว หน้าก็ไม่เหมือนคนรัสเซียที่จะหนีออกนอก ประเทศ ปล่อยหนูไปเถอะ เจ้าหน้าที่โทรเช็กกันนานมาก สุดท้าย ก็ได้ผ่าน สงสารชาวฝรั่งคนอื่นๆ มาก เค้าต้องรอเราสี่คนกันทั้ง คันรถ สงสัย ตม.ที่ด่านนี้คงแทบไม่เคยเจอคนไทยแน่นอน ผมว่าบางทีถ้าต้องให้ขอวีซ่าเข้ารัสเซีย ชีวิตนักท่องเที่ยว ชาวไทยน่าจะดีกว่านี้นะ จะได้หมดเรื่องแบบนี้ไปซะที แต่ก็เดา ไม่ออกเหมือนกันนะว่าระหว่างมาเสี่ยงดวงเสียอารมณ์กับ ตม. ทีร่ สั เซีย กับการไปขอวีซา่ ทีส่ ถานทูตอะไรจะยุง่ ยากกว่ากัน ส่วนพีๆ ่ ตม.ก็ต้องท�ำการบ้านบ้างนะครับ อาชีพตัวเองนะครับ แล้วจะได้ ไม่ต้องโทรไปรบกวนเจ้านายตอนดึกๆ ดื่นๆ ด้วย ผมนั่งเซ็งขณะที่รถบัสวิ่งบนสะพานข้ามแม่น�้ำ (ที่ใช้เป็น พรมแดน) ออกจากด่านรัสเซีย จนมาถึงด่านลิทัวเนีย ซึ่งเป็นเขตที่ ใช้วีซ่าเชงเก้นได้แล้ว มีพี่ทหารหญิงขึ้นมาบนรถ เก็บพาสปอร์ตของ ทุกคนไปและถือกลับมาส่งคืนให้พร้อมตราประทับผ่านเข้าเมืองในอีก ยี่สิบนาทีต่อมา จบ ง่ายดายมีอารยธรรมเหลือเกิน ผมถอนหายใจ
48
โล่งอก ท�ำให้นึกถึงเพลง Imagine ของ จอห์น เลนนอน ขึ้นมา เออ โคตรจะจริงนะ ถ้าไม่มีการแบ่งเขตแบ่งแดนแล้ว อะไรๆ มันคง รื่นรมย์กว่านี้ จะไปไหนคงสนุกกว่านี้ แต่เสียงไอโขลกของใครสักคน บนรถก็ท�ำให้ผมกลับมาสูโ่ ลกแห่งความจริง นีถ่ า้ ไม่มเี ขตแดนล่ะก็นะ ป่านนี้เราก็อาจจะตายหมู่จากโรคทั้งหลายที่ระบาดกันในช่วงหลังๆ มานีก้ นั ไปแล้วก็ได้ หรือไม่ผคู้ นและวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ศิลปะ การแสดงก็อาจจะผสมกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกัน ทั้งโลก ขาดความแตกต่างไปอีก ผมหลับมาเรื่อยๆ ตื่นอีกทีประมาณตีห้า ความจริงก็ไม่ได้ หลับสนิทตลอดคืนขนาดนั้น เพราะเบาะที่นั่งมันทั้งแคบทั้งแข็ง ไม่รู้ ว่าพวกฝรั่งตัวใหญ่ๆ หลับลงไปได้ยังไง แถมระหว่างทางพี่คนขับ ก็จอดรถข้างทางลงไปดูดบุหรีซ่ ะเฉยๆ ตัง้ หลายรอบ ท�ำเอาสะดุง้ ตืน่ ทุกที นึกว่ามีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจพาสปอร์ตอีก หลอน แต่พอมาดูรวมๆ แล้วเนี่ย ผู้คนที่คาลินินกราดดูเป็นมิตร และน่ารักกว่าที่คิด ยิ้มง่ายกว่าที่คาด ถ้ามีเวลาเที่ยวสักสองสามวัน ก็คงก�ำลังดี อยากให้คนไทยมากันบ่อยๆ มากันเยอะๆ พี่ๆ ตม. เค้าจะได้ชินกับเรา แล้วยิ้มแย้มแจ่มใสใส่กันได้ซะที
370
เกี่ยวกับผู้เขียน • ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ เป็นช่างภาพนิตยสาร a day • ชอบบรรกาศเหงาๆ หว่องๆ ตามสถานีรถไฟใต้ดิน ตอนดึกๆ • เป็นหน่วยกล้าตายลองกินขนมออกใหม่ในร้านสะดวกซื้อ • สิ้นเนื้อประดาตัวให้กับไข่กาชาปองครั้งแล้วครั้งเล่า • ชอบกินผัดไทย เส้นใหญ่เย็นตาโฟ และไข่นกกระทา ห่อเกี๊ยวทอด • ฝันอยากจะมีหนังสือรวมภาพถ่ายสักเล่ม • มีพ็อกเก็ตบุ๊กมาก่อนแล้วสองเล่มชื่อ ทัศน ศึกษา และ Walking on the sun ทุกๆ วันบนดวงอาทิตย์ • และยังคงเข้าๆ ออกๆ ประเทศญี่ปุ่นอยู่เสมอๆ • ติดตามรูปถ่ายใหม่ๆ แทบจะถ่ายทอดสดได้ที่ aberabbit ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
372
อัศวิน สินกิจจาทรัพย์ / ภาพ
ขอบคุณ 373
• พ่อกับแม่ ทีป่ ล่อยให้หนีเทีย่ วเสมอๆ ไว้วันหลังเราไปด้วยกันนะ • เฮี ย ที่ ค อยดู แ ลเรื่ อ งการเดิ น ทาง เรื่องโรงแรมอย่างแข็งขัน • นิว ที่ทำ�ให้รู้สึกอุ่นใจเวลาเดินทาง ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องพวกเราเลย • เอ็ม น้องเลิฟผูร้ ว่ มชะตากรรมกันมา หลายทริป ทริปต่อๆ ไปนี่เตรียมตัวไว้ เลยนะ • หมอเก๋อและน้ำ�พุ ที่ยอมเป็นหนูทดลอง อ่านต้นฉบับเวอร์ชนั แรกอย่างตัง้ ใจ • น้องจอย ที่ช่วยซื้อตั๋วรถบัสที่คาลินนิ กราดให้ ถ้าไม่ได้นอ้ งพีก่ ไ็ ม่รจู้ ะไปต่อ ยังไง • นัช ทูนหัวของบ่าวที่รับอาสาดูแล แมวให้ตอนที่เราหนีออกนอกประเทศ • โจ้ แ ละจอม สอง บ.ก.ที่ แ ท็ ก ที ม เข็นต้นฉบับกันหน้ามืด ซอร์รีที่ทำ�ให้ต้อง มาลำ�บากกันนะ • ชาวอะบุก๊ -อะเดย์ สำ�หรับความเฮฮา หลากหลายระดับในชีวิตการทำ�งานครับ • และ คุณทีก่ �ำ ลังอ่านหนังสือเล่มนีอ้ ยู่ ขอบคุณมากๆ ติชมมาได้นะครับ
view
finder
ออกไปเจอบอลติ ก
ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ
ภาพปกและภาพถ่าย ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ พิสูจน์อักษร ธนิทาน พานาริม หนังสือในชุด Journey พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2560 ราคา 325 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ 978-616-327-181-5
ข้อมูลบรรณานุกรม ของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ view finder ออกไปเจอบอลติก. -- กรุงเทพฯ : เดย์ โพเอทส์, 2560. 376 หน้า. 1. การท่องเที่ยว. 2. การถ่ายภาพ. I. ชื่อเรื่อง. 910.4 ISBN 978-616-327-181-5
จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ ในเครือ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด เลขที่ 33 ซอยศูนย์วิจัย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2716-6900-4 ต่อ 308, 309 โทรสาร 0-2718-0690
แยกสีและพิมพ์ บริษัท ธนาเพรส จำ�กัด โทรศัพท์ 0-2530-4114
จัดจำ�หน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำ�กัด (มหาชน) เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2751-5999
สำ�นักพิมพ์อะบุ๊ก
บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำ�กัด
บรรณาธิการที่ปรึกษา วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ บรรณาธิการอำ�นวยการ ภูมิชาย บุญสินสุข บรรณาธิการบริหาร นทธัญ แสงไชย บรรณาธิการ เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์ ผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ สุรเกตุ เรืองแสงระวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด วิไลลักษณ์ โพธิ์ตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการสำ�นักพิมพ์ อธิษฐาน กาญจนะพงศ์ ศิลปกรรม พิชญ์สินี บุญมั่นพิพัฒน์ นันทิยา ฤทธาภัย ออกแบบปกและรูปเล่ม ชลธิชา จารุสุวรรณวงค์ โซเชียลมีเดียและกิจกรรมพิเศษ พีรพิชญ์ ฉั่วสมบูรณ์ เลขานุการ ปวริศา ตั้งตุลานนท์
ที่ปรึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย นิติพัฒน์ สุขสวย ผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ วิมลพร รัชตกนก ประสานงานโครงการฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ นิรชา กิจรักษา จัดทำ�คลังข้อมูลฝ่ายดิจิทัลคอนเทนต์ รุจิรา จำ�ปาวัน ผู้จัดการฝ่ายขายออนไลน์ พิมพ์นารา มีฤทธิ์ ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์ ส่งเสริมการตลาด ชลธร จารุสุวรรณวงค์ ศิลปกรรมสื่อออนไลน์ เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล ลูกค้าสัมพันธ์ จุฬชาติ รักษ์ใหญ่ อภิสิทธิ์ หรรษาภิรมย์โชค
ในกรณีที่หนังสือชำ�รุดหรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือเล่มนั้นมาตามที่อยู่สำ�นักพิมพ์ สำ�นักพิมพ์อะบุ๊กยินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ให้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น