เหนือใจปฏิพัทธ์ เล่ม 1 繁華落盡 : 上
อิ๋งเย่ 熒夜 เขียน อลิส แปล Copyright © 2013 by 熒夜 (Ying Ye) Copyright arranged with UEI SHIANG CO., LTD. Thai Language Edition © 2018 by Bakerybook Publishing สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 เลขมาตรฐานสากลประจำ�หนังสือ ชุด 978-616-7477-40-4 พิมพ์ครั้งที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ราคาชุดละ 390 บาท บรรณาธิการเล่ม : พลอย ภาพปก : ซื่อสี่ 四喜 ศิลปกรรม : Pancat รูปเล่ม : BOOKCREATION จัดพิมพ์และจัดจำ�หน่ายโดย ห้างหุ้นส่วนสามัญ เบเกอรี่บุ๊ค 77/12 ซอยประชาอุทิศ 75 แยก 10 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 ฝ่ายขาย : 086-534-0240 ฝ่ายบรรณาธิการ : 082-796-6696 http://www.bakerypublishing.com bakerybook@hotmail.com http://www.facebook.com/Bakerypublishing ขอขอบคุณฟอนท์สวยๆ จาก www.f0nt.com
แนะน�ำตัวละคร ทัพจื๋อ เฉาจ้งซาน อู๋จื่ออวี้ เหยียนจ้งเหิง เหยียนจิ้งเหอ สวีจิ่งถง จ้าวกั๋วจ้ง เฝิงจีซ่าน
จอมพลสูงสุด เป็นแกนน�ำทัพจื๋อ พ่อตาของเหยียนจิ้งเหอ พ่อของเหยียนจิ้งเหอ ต�ำแหน่งนายพลแห่งกองทัพจื๋อ พ่อบ้านของเหยียนจิ้งเหอ ลูกน้องของเหยียนจ้งเหิง เป็นคนคิดไม่ซื่อ ขุนศึกของทัพจื๋อ
ทัพหว่าน จอมพลหยวน ต้วนจือเฉวียน
จอมพลผู้ล่วงลับไปแล้วของทัพหว่าน แกนน�ำทัพหว่านต่อจากจอมพลหยวน
ทัพเฟิ่ง จางอวี่ถิง หลูจื่อเจีย
นายพลแห่งเฟิ่งเทียน เป็นทหารของทัพหว่าน แต่แปรพักตร์มาเข้าร่วม กับทัพเฟิ่ง)
ตัวละครอื่นๆ ฟู่จื่อหวน เฉิงฟ่งชิง อู๋ฟางเหนียง รุ่ยเอ๋อร์
เพื่อนสนิทของเหยียนจิ้งเหอ นักแสดงงิ้ว คนรักของฟู่จื่อหวน บุตรสาวของอูจ๋ อื่ อวี้ เป็นภรรยาของเหยียนจิง้ เหอ บุตรของเหยียนจิ้งเหอกับอู๋ฟางเหนียง
บทนำ�
แสงเงินเริ่มฉายฉาบทาบขอบฟ้า สวีจิ่งถงลืมตาขึ้นมาก็เห็นภาพที่แสนคุ้นชิน เสียงลมหายใจทอดยาวสม�่ำเสมอดังมาจากบุรุษข้างกาย บ่งบอก ว่าเจ้าตัวยังคงอยู่ในห้วงนิทรา แต่ล�ำแขนหนาข้างหนึ่งกับท่อนขาล�่ำอีกข้าง ที่พาดก่ายเกยอยู่บนตัวเขา กลับโอบรัดแน่นประหนึ่งกลายร่างเป็นงูเหลือม จนเขาแทบหายใจไม่ออก สวีจิ่งถงเหลือบมองนาฬิกาแบบตะวันตกซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลนัก แล้ว หันมาส่งเสียงเรียกเบาๆ “ท่านนายพล ท่านนายพล...ตื่นได้แล้วครับ...” ชายที่นอนเคียงกันส่งเสียงงึมง�ำฟังไม่ชัด แต่ไม่นานก็ลืมตาขึ้น พอ ฝ่ายนั้นคลายวงแขนและยกขาออก สวีจิ่งถงก็รีบลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา หยิบเสือ้ ผ้ามาสวม ก่อนออกจากห้องไปยกอ่างนำ�้ ร้อนทีม่ บี า่ วรับใช้เตรียมไว้ ให้ แล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้เจ้านายอย่างบรรจง “จิ่งถง” อีกฝ่ายเปล่งเสียงเรียกแหบโหย พลางหยัดกายลุกขึ้นนั่ง 1
เหนือใจปฏิพัทธ์ แล้ ว เลิ ก ผ้ า ห่ ม ออกให้ เ ห็ น ท่ อ นล่ า งเปล่ า เปลื อ ย ที่ แ ม้ จ ะปลดเปลื้ อ ง ความปรารถนาไปหลายคราในคืนก่อน ทว่าส่วนแข็งขึงตรงหน้า ก็ยังคง ตั้งตระหง่านอวดศักดาอยู่ไม่เลิก สวีจิ่งถงผงะไปเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าว บอกไม่ถูกว่าเพราะรู้สึก อดสูหรือเขินอาย ทัง้ ทีท่ �ำเรือ่ งพวกนีก้ นั มานับครัง้ ไม่ถว้ น แต่เขาก็ยงั ไม่เชีย่ ว ถึ ง ขั้ น จะเที ย บชั้ น กั บ หญิ ง นางโลม ยิ่ ง ในยามที่ ถู ก สั่ ง ให้ ป รนนิ บั ติ เ รื่ อ ง อย่างว่าแบบไม่อ้อมค้อม จนป่านนี้ก็ยังท�ำใจให้ชินไม่ได้สักที ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวกอบกุมท่อนเนื้อ โน้มหน้าลงต�่ำ เผยอริมฝีปาก รับส่วนโอฬารของอีกฝ่ายเข้าไป พยายามเล้าโลมพะเน้าพะนอ ผ่านไป สักครู่ ปลายลิ้นจึงรับรู้รสขื่นคาว จนต้องข่มใจสะกดอาการอยากขย้อน รีบ ครอบครองแท่งเนื้อร้อนของเจ้านายเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม ไม่กี่อึดใจต่อมา ฝ่ายตรงข้ามก็ถูกปรนเปรอจนถึงสวรรค์ สวีจิ่งถง สัมผัสได้ว่ามีของเหลวอุ่นร้อนฉีดพุ่งเต็มโพรงปาก ด้วยไม่กล้าคายทิ้งจึงรีบ กลืนลงคอ พร้อมๆ กับที่มือใหญ่เอื้อมมาลูบเส้นผมสีขนนกกาของเขา ประหนึ่งว่าพึงใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งท�ำไป จังหวะเดียวกับที่บ่าวหนุ่มเงยหน้าช้อนตามอง ผู้เป็นนายก็พลัน ยื่นมือมา แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบขาวขุ่นที่เปรอะอยู่ตรงขอบปากให้ แสงแห่งอรุณสาดส่องลงมายังใบหน้าหล่อเหลา เผยให้เห็นรอยยิม้ บางที่อาบไล้อยู่บนดวงหน้านั้น
2
1
หลายปีกอ่ น เมือ่ เอ่ยถึงสกุลเหยียน แทบไม่มใี ครไม่รจู้ กั เหยียนจ้งเหิง บิดาของเหยียนจิ้งเหอ เหยียนจ้งเหิงมีนามเดิมว่า ‘เอ้อร์โก่ว’ ถือก�ำเนิดในรังโจร มีนิสัย เหี้ยมโหดอ�ำมหิต พออายุย่างยี่สิบห้าก็ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร จากนั้น ฉวยโอกาสที่บ้านเมืองก�ำลังระส�่ำระส่ายจากภัยสงคราม ออกปล้นสะดม กองทัพ แล้วสับเปลี่ยนฐานะลูกสมุนจากโจรมาเป็นทหาร พร้อมทั้งประกาศ รับสมัครทหารเพิ่มเพื่อขยายอ�ำนาจ สร้างแสนยานุภาพของกองทัพจน เกรียงไกร ภายหลังมีคนเสนอแนะให้เขาเปลีย่ นชือ่ เป็น ‘เหยียนจ้งเหิง’ อีกทัง้ คณะรัฐบาลยังแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการมณฑล หนึ่งในขุนศึกแห่งยุคนั้น ทว่ายามที่คนนอกพูดถึงพลเอกเหยียน มักกล่าวขานว่าเขาเป็น สิงห์ร้ายจอมทะเยอทะยานแห่งกลียุค น่าเสียดาย พลเอกเหยียนผู้แข็งแกร่งและทรงอ�ำนาจ กลับขาด ทายาทสืบสกุล หลังจากสมรสกับภรรยา เขายังรับอนุภรรยาเข้าบ้านอีก 3
เหนือใจปฏิพัทธ์ หลายคน แต่ผ่านไปสิบกว่าปีก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีบุตรธิดา กระทั่งอายุเข้า เลขสี่ จึงเพิ่งมีบุตรชายเพียงคนเดียวคือเหยียนจิ้งเหอนั่นเอง แม้เหยียนจิ้งเหอจะถือก�ำเนิดจากอนุภรรยา แต่เพราะภรรยาเอก ของพลเอกเหยียนอายุสั้นด่วนจากไปตั้งแต่ยังสาว ดังนั้น นอกจากบุตรโทน คนนีแ้ ล้ว ในจวนสกุลเหยียนก็ไร้บคุ คลทีจ่ ะเป็นจุดอ่อน บีบพลเอกเหยียนให้ ตกเป็นเบี้ยล่างได้อีก ด้วยเหตุนี้ ในวัยเด็กคุณชายน้อยแห่งสกุลเหยียน จึง ถูกประคบประหงมยิง่ กว่าไข่ในหิน อยากได้สงิ่ ใดก็มคี นสรรหามาประเคนให้ ประดุจลูกเทวดาก็ไม่ปาน ส่วนสวีจิ่งถงเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายเหยียน กระทั่งคุณชายเติบใหญ่ มีต�ำแหน่งหน้าที่ในแวดวงทหาร สวีจงิ่ ถง ก็พลอยได้ยกฐานะตามไปด้วย จากเดิมเป็นเพียงบ่าวรับใช้ ก็เลื่อนขั้นเป็น นายทหารคนสนิทของท่านนายพล ทว่า แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนายทหารคนสนิท งานของสวีจิ่งถงกลับ ไม่ตา่ งจากบ่าวรับใช้ทเี่ คยท�ำมา คือยังต้องคอยดูแลปรนนิบตั คิ ณ ุ ชายเหยียน อย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม ในขณะทีบ่ ดิ ามีอนุภรรยาสิบเจ็ดสิบแปดคน เหยียนจิง้ เหอกลับเลือก ที่จะครองตัวโสด ซ�้ำยังไม่นิยมออกไปหาความส�ำราญนอกบ้าน จนผู้คนพา กันยกย่องว่าคุณชายเหยียนเป็นบุรุษผู้ไม่ฝักใฝ่ทางโลกีย์ มีเพียงสวีจิ่งถงที่รู้ ความจริงว่า นั่นเพราะคุณชายยังไม่ถูกตาต้องใจใครเลยต่างหาก จะว่าไปก็แปลก ในวัยเด็กเหยียนจิ้งเหอมีนิสัยรักสะอาดอย่างยิ่ง ข้าวของเครือ่ งใช้สว่ นตัวจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องเป็นอันขาด ถ้าคุณชายไป นอนกับผู้หญิงนอกบ้านจริงๆ คงไม่แคล้วติว่าพวกเธอไม่สะอาด นอกจากนี้ เหยียนจิง้ เหอยังมีนสิ ยั ประหลาดอีกอย่าง คือจนป่านนีย้ งั ไม่ยอมแต่งงานหรือ 4
อิ๋งเย่ รับอนุภรรยาเลยสักคน สุดท้ายผู้รับกรรมย่อมไม่พ้นบ่าวคนสนิท ที่ต้องคอย ปรนนิบัติรับใช้แม้แต่เรื่องบนเตียงด้วย ตอนสวีจิ่งถงอายุสิบสามปี เขาก็ถูกคุณชายลากขึ้นเตียงท�ำเรื่อง อย่างว่าแล้ว และไม่รวู้ า่ มันกลายเป็นเรือ่ งปกติส�ำหรับฝ่ายนัน้ ไปตัง้ แต่เมือ่ ไร เป็นไปได้ว่า เหยียนจิ้งเหอไม่อยากมีลูกนอกสมรสก่อนแต่ง อีกทั้งไม่สะดวก ใจจะใช้บริการหญิงนางโลม จึงคว้าสวีจิ่งถงมาเป็นคู่นอนแก้ขัด แรกๆ ก็ยัง มีบ่าวคนอื่นๆ มารับใช้บนเตียงแทนบ้างเพื่อเปลี่ยนรสชาติ แต่ตอนหลัง คุณชายคงคร้านจะเลือก เลยเรียกหาเขาอยู่คนเดียว แต่ใครจะคิดว่า จากที่ตั้งใจใช้แก้ขัด จนป่านนี้ก็ล่วงเลยจนเกินสิบ ปีแล้ว เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะยึดหลักการ ‘มีคนต้องใช้ให้เต็มความสามารถ มี ของต้องใช้ให้คุ้มค่า’ ก็ไม่ปาน “นายไล่ผู้การจ้าวกลับไปที บอกว่าฉันไม่สบาย ไม่สะดวกจะ รับแขก” เหยียนจิ้งเหอที่สีหน้าเดือดดาลเดินเข้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว สวีจิ่งถงเห็นเจ้านายก�ำลังหงุดหงิดก็ไม่กล้าเซ้าซี้ เขารีบท�ำตาม ค�ำสั่ง ออกไปบอกผู้มาเยือนด้านนอกให้กลับไป ที่ห้องโถง สวีจิ่งถงเห็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ร่างกายที่ บึกบึน ใบหน้าถมึงทึงดุจพยัคฆ์ร้าย กับรอยบากลึกเป็นทางยาวเด่นชัด บนแก้มสองข้าง ซ�้ำยังชอบจ้องคนอื่นอย่างดุดัน ท�ำให้เจ้าตัวดูไม่ต่างจาก ท่านพญายมแห่งเมืองมนุษย์ หากออกไปเดินตลาด ลูกเด็กเล็กแดงทีผ่ า่ นมา เห็น คงขวัญกระเจิงแหกปากร้องไห้จ้าละหวั่น สวีจงิ่ ถงรีบท�ำความเคารพ พลางคลีย่ มิ้ ทักทาย “ผูก้ ารจ้าว ไม่ได้พบ กันนาน ช่วงนี้สบายดีไหมครับ?” “ฉันต้องการพบนายพลเหยียน แกเสนอหน้ามาท�ำไม สวีจิ่งถง!” 5
เหนือใจปฏิพัทธ์ ผู้การจ้าวถลึงตาใส่ นัยน์ตาวาวโรจน์ราวกับจะแผดเผาอีกฝ่ายให้เป็นจุณ “ผูก้ ารจ้าวอย่าเข้าใจผิด ท่านนายพลสุขภาพไม่ดี เลยสัง่ ให้ผมออก มาต้อนรับแทนครับ” ใบหน้าคนพูดยังคงประดับด้วยรอยยิ้มไม่เปลี่ยน ทว่า ไม่มีทีท่าว่าจะถอยให้แม้แต่ครึ่งก้าว “หากคุณมีเรื่องด่วน โปรดแจ้งกับผม ได้เลย” ชายคนที่เขาเรียกว่าผู้การจ้าว เป็นลูกสมุนที่ติดตามพลเอกเหยียน มาตั้งแต่สมัยเป็นโจร ชอบถือตนว่าอาวุโสกว่ารู้มากกว่า เที่ยวดูถูกคนอื่นไป ทั่ว จึงไม่น่าแปลกเลยที่เหยียนจิ้งเหอจะเหม็นหน้าแขกคนนี้ หลายวันก่อน ผูก้ ารจ้าวมีแผนจะสัง่ ซือ้ ปืนใหญ่แบบตะวันตกรุน่ ใหม่ เลยสั่งลูกน้องให้มาของบประมาณจากเหยียนจิ้งเหอ แต่หลังจากไตร่ตรอง แล้ว เหยียนจิง้ เหอกลับไม่อนุมตั ิ ซ�ำ้ ยังให้เงินไปแค่หนึง่ แสนต้าหยางเหรียญ1 ซึ่งแม้จะไม่ถือว่าน้อย แต่ก็พอซื้อได้แค่กระสุนปืน ไม่อาจซื้อปืนใหญ่ทั้ง กระบอก กระนั้นก็น่าจะดีกว่าไม่ได้เลย บางทีเหยียนจิ้งเหออาจจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก ทั้งยังไม่ยอมชี้แจง เหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจ จึงกลายเป็นชนวนให้ผู้การจ้าวโกรธจัด ถึงกับต้อง ออกโรงมาขอพบด้วยตัวเอง “ท่าทางแกคงจะรู้เรื่องการสั่งซื้อปืนใหญ่ งั้นฉันขอถามหน่อยว่า เพราะอะไรท่านนายพลถึงไม่อนุมัติ!” ผู้การจ้าวเอ่ยอย่างเคืองแค้น ใจคอ เดือดพล่าน “ผู้การจ้าวครับ ท่านนายพลไม่สบายเลยไม่อนุญาตให้เข้าพบ ขอ เชิญคุณกลับไปก่อนเถอะ” สวีจิ่งถงรู้สึกล�ำบากใจ แต่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง หน่วยเงินสมัยราชวงศ์ชิงและราชวงศ์ช่วงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ต้าหยางเหรียญ เท่ากับ สองร้อยหยวนในปัจจุบันโดยประมาณ
1
6
อิ๋งเย่ ไม่รอมชอมแต่ก็ไม่แข็งกร้าว “ผู้การจ้าวลองคิดให้ดี บุตรชายคนเดียวของ พลเอกเหยียนก�ำลังป่วย ต้องการพักผ่อน แต่คุณกลับดึงดันจะขอพบให้ได้ ถ้าท่านนายพลเกิดอาการทรุดหนักขึน้ มา ทัง้ คุณและผมจะพลอยมีความผิด ไปด้วยนะครับ” พอเจอวาจาสุภาพแกมข่มขู่เช่นนี้ ผู้การจ้าวก็จนปัญญาจะกดดัน อีกฝ่าย ยอมล่าถอยกลับบ้านพักในเมืองโดยดี แต่ไม่วายครุ่นคิดว่า ตนสู้ อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกล ดังนั้นไม่ว่ายังไงจะไม่ยอมคว้าน�้ำเหลวเด็ดขาด และ แอบหมายมาดในใจว่าพรุ่งนี้จะมาขอพบนายพลเหยียนอีกครั้ง สวีจิ่งถงสิ้นเปลืองก�ำลังไม่น้อย กว่าจะส่งพญายมแห่งเมืองมนุษย์ กลับไปได้ ชายหนุ่มถอนใจโล่งอก นี่เพราะเหยียนจิ้งเหอตัดสินใจเฉียบขาด ไม่ประนีประนอมให้อกี ฝ่ายต่อรองได้ ตอนทีร่ วู้ า่ นายพลหนุม่ อนุมตั งิ บประมาณ แค่หนึ่งแสนต้าหยางเหรียญ สวีจิ่งถงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะนัก และจาก รูปการณ์วันนี้ ก็บ่งบอกว่าคุณชายเหยียนได้ล่วงเกินผู้การจ้าวเข้าให้แล้ว ถึงยังไง เหนือจากต�ำแหน่งนายพลของคุณชายขึ้นไป ก็ยังมีพลเอก เหยียนกุมอ�ำนาจอยู่ การทีเ่ หยียนจิง้ เหอล่วงเกินคนผูน้ ี้ วันหน้าอาจถูกผูเ้ ป็น บิดาต�ำหนิเอาได้ สวีจงิ่ ถงกลับเข้าบ้าน เห็นเหยียนจิง้ เหอก�ำลังเดินไปทางห้องสมุด ก็ ปรี่เข้าไปรายงาน “ท่านนายพล ผู้การจ้าวกลับไปแล้วครับ” “งั้นเหรอ?” เหยียนจิ้งเหอเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ใบหน้าด้านข้างคล้ายจะ บอกว่ารู้อยู่แล้ว “กลับไปได้ก็ดี” สวีจง่ิ ถงไม่รวู้ า่ เจ้านายก�ำลังคิดอะไร เลยสงบปากสงบค�ำไม่เอ่ยต่อ จะว่าไป ท่านนายพลของเขาช่างมีนิสัยแปรปรวน เอาแน่เอานอน ไม่ได้ เมื่อครู่ยังดูหงุดหงิด ตอนนี้กลับสงบนิ่ง ราวกับไม่มีเรื่องขุ่นเคืองใดๆ 7
เหนือใจปฏิพัทธ์ สวีจิ่งถงยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ เลยเลิกคิดไปเสียอย่างนั้น “นายมานี่ซิ” ชายหนุม่ ท�ำตามค�ำสัง่ โดยไม่ลงั เล สืบเท้าไปยืนอยูห่ น้าเหยียนจิง้ เหอ แล้วรับจดหมายฉบับหนึ่งที่อีกฝ่ายส่งให้ด้วยสองมือ “เอาจดหมายนี่ให้ท่านพ่อ ไปตอนนี้เลย” เหยียนจิ้งเหอออกค�ำสั่ง “ครับ” สวีจิ่งถงไม่มัวโอ้เอ้ รีบออกไปเรียกพลขับ แล้วสั่งให้มุ่งหน้าไปยัง เฉิงซี นับแต่เหยียนจิ้งเหอเริ่มรู้ความ พลเอกเหยียนก็พาเหล่าอนุภรรยา ย้ายออกจากจวนสกุลเหยียน ไปอยู่ที่คฤหาสน์เฉิงซี ส่วนตัวเองก็ไปพักที่นั่น เป็นระยะ กระทั่งเหยียนจิ้งเหอเติบใหญ่ มีต�ำแหน่งหน้าที่ในกองทัพ พลเอก เหยียนก็ยกภารกิจต่างๆ ให้อยูใ่ นอ�ำนาจตัดสินใจของผูเ้ ป็นบุตร และใช้เวลา ที่เหลืออยู่ ณ คฤหาสน์เฉิงซีเป็นส่วนใหญ่ เพียงชัว่ เวลาไม่นาน พลขับก็มาจอดรถอยูห่ น้าคฤหาสน์ทรงตะวันตก สุดหรูหลังหนึ่ง สวีจิ่งถงก้าวลงจากรถ หน้าประตูทางเข้ามีทหารยามสองคน ยืนเฝ้าอยู่ แต่เขามาทีน่ บี่ ่อยจนรูจ้ กั คุน้ หน้าคุน้ ตากัน ดังนัน้ นอกจากทัง้ คูจ่ ะ ไม่ขวางทางแล้ว ยังยกมือท�ำความเคารพ แล้วปล่อยให้เดินเข้าไปในคฤหาสน์ เอง สวีจิ่งถงเดินถือจดหมายเข้ามายังห้องโถง บอกบ่าวรับใช้ให้ไป รายงานพ่อบ้าน พักใหญ่ พ่อบ้านก็มาน�ำทางเขาขึ้นไปชั้นบน “แกมาท�ำไม?” พลเอกเหยียนนอนเอกเขนกอยู่บนตั่ง มีอนุภรรยา สองคนคอยปรนนิบตั พิ ดั วี ฝ่ายหนึง่ ป้อนองุน่ ใส่ปาก อีกฝ่ายบีบนวดให้คลาย เมื่อย ท่านนายพลคลึงมือขาวเนียนข้างหนึ่งของอนุอย่างเพลิดเพลิน สีหน้า 8
อิ๋งเย่ บ่งบอกว่าเคลิบเคลิ้มหลงใหลในสัมผัสนุ่มนวลนั้นยิ่งนัก สวีจิ่งถงท�ำความเคารพพลเอกเหยียน ยื่นจดหมายส่งให้แล้วพูด เพียงสั้นๆ “นายท่าน คุณชายสั่งให้ผมเอาจดหมายมามอบให้ครับ” พลเอกเหยียนไม่เอ่ยตอบ แต่เมื่อฉีกซองจดหมายเปิดอ่านก็ขมวด คิว้ ทันที จากนัน้ จึงตวัดสายตามองเขาพลางสัง่ ว่า “แกกลับไปบอกลูกชายฉัน พรุ่งนี้ฉันจะกลับจวน” “ครับ” เขาตอบรับด้วยความย�ำเกรง ส่งจดหมายเรียบร้อย สวีจิ่งถงที่ท�ำภารกิจเสร็จไม่ได้คิดกลับจวน ทันที เขาไปนั่งเล่นในร้านกาแฟครู่หนึ่ง สั่งกาแฟร้อนกับเค้กเนยมากิน แล้ว ค่อยบอกให้พลขับพากลับจวนสกุลเหยียน พอเงยหน้ามองฟ้า ความมืดก�ำลังโรยตัวลงมาพอดี เขาเดินไปที่ ห้องสมุดเพื่อรายงานสิ่งที่พลเอกเหยียนสั่ง จากนั้นก็อยู่คอยรับใช้ขณะ นายพลหนุ่มนั่งกินอาหารค�่ำ สวีจงิ่ ถงมาเป็นบ่าวในจวนสกุลเหยียนตัง้ แต่เด็ก แม้ตอนนีไ้ ด้เลือ่ น ต�ำแหน่งเป็นนายทหารคนสนิท แต่เหมือนว่าชีวิตจะไม่ต่างจากเดิม เขายัง ต้องยืนปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รอจนเหยียนจิ้งเหออิ่ม ถึงจะได้เวลาหาอาหารใส่ ท้องตัวเอง ด้วยเหตุนี้บางครั้งเขาจึงต้องหาอะไรรองท้องไว้ เพื่อไม่ให้พยาธิ ในกระเพาะหิวตายไปเสียก่อน ไม่รู้ท�ำไมคืนนี้เหยียนจิ้งเหอจึงดูไม่ค่อยเจริญอาหารนัก แค่ตักโจ๊ก และคีบกับข้าวเข้าปากไม่กี่ค�ำก็วางตะเกียบลงแล้ว สวีจิ่งถงเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายก็ชักหวั่นใจ แม้ท่านนายพลจะมีนิสัยแปรปรวนเดาใจยาก แต่ไม่เคยกลัดกลุ้ม ใจจนกินข้าวไม่ลง ยามใดที่เจ้านายเขาไม่เจริญอาหาร มักมาจากสาเหตุ 9
เหนือใจปฏิพัทธ์ สองประการ ประการแรกคือก�ำลังมีเรื่องรบกวนจิตใจ ที่ต้องไตร่ตรองให้ รอบคอบ ประการที่สอง เป็นเพราะโกรธจนยากจะระงับ... จากสถานการณ์วันนี้ ดูท่าว่าคงเป็นอย่างหลังมากกว่า สวีจงิ่ ถงรีบกินหมัน่ โถวสองลูกแล้วคีบเนือ้ หมูใส่ปากเคีย้ วๆ ก่อนกลืน ลงคออย่างรวดเร็ว กระทั่งมีคนมาตาม เขาจึงกุลีกุจอไปรับใช้เหยียนจิ้งเหอ ที่ก�ำลังจะอาบน�้ำ ห้ อ งน�้ ำ นี้ ส ร้ า งมาเพื่ อ ท่ า นนายพลโดยเฉพาะ และเพิ่ ง ตกแต่ ง ปรับปรุงใหม่เมื่อหลายปีก่อน สวีจิ่งถงถอดเครื่องแบบทหารออกเหลือเพียง เสือ้ บางๆ แล้วหยิบผ้าขนหนูมาช่วยถูหลังให้เหยียนจิง้ เหอ พอถูไล่ลงมาจนถึง ช่วงล่างก็ใจเต้นไม่เป็นส�ำ่ แต่เจ้านายไม่ได้สงั่ ให้หยุดมือ เขาจึงจ�ำต้องท�ำตัว เป็นปกติ ขัดถูร่างกายอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ ในเวลาสวมเครื่องแบบทหาร เหยียนจิ้งเหอดูองอาจผ่าเผยยิ่งนัก แต่พอถอดออกจะแลเห็นความก�ำย�ำล�่ำสันและกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ซึ่งได้มา จากการฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก สวีจิ่งถงใช้ผ้าขนหนูบรรจงขัดถูทุกซอกมุม ให้ผู้เป็นนาย กระทั่งฝ่ายนั้นอาบน�้ำเสร็จ เขากลับเป็นฝ่ายที่มีเหงื่อท่วม ตัวแทน “อาบเสร็จ มาที่ห้องฉันด้วย” เหยียนจิ้งเหอทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะ สวมเสื้อคลุมแล้วเดินจากไป สวีจงิ่ ถงมองตามแผ่นหลังกว้างของท่านนายพล ใบหน้าแข็งค้างอยู่ ชั่วขณะ สักพักเขาก็ถอดเสื้อออก ใช้น�้ำที่เหลือช�ำระล้างร่างกายตัวเองจน สะอาดหมดจด ซึ่งไม่ใช่เพียงเพื่อประจบเอาใจ แต่เป็นเพราะเหยียนจิ้งเหอ มีนิสัยรักสะอาดมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากเขาไม่ระวัง เจ้านายอาจกริ้วโกรธ สั่ง ลงโทษให้อาบน�้ำเย็นเฉียบคืนละสามหนในช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ก็เป็นได้ 10
อิ๋งเย่ ชายหนุ่มรีบเช็ดผมให้แห้ง สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ก่อนเดินตรงไป ยังห้องนอนของนายพลหนุ่ม แม้จะได้รับอนุญาตแล้ว แต่เขาก็ยังเคาะประตูอย่างมีมารยาท กระทั่งได้ยินเสียงตอบรับจากด้านในว่า “เข้ามาได้” จึงเปิดประตูเข้าไป แล้ว เห็นเหยียนจิ้งเหอนั่งพิงหัวเตียง ในมือพลิกหน้าหนังสือภาษาต่างประเทศ ปกแข็ง พอเห็นเขา เจ้าตัวก็ปิดหนังสือวางไว้ข้างๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูผ่อนคลายลงของเจ้านาย กับเตียงใหญ่อันแสน คุ้นเคย สวีจิ่งถงก็หาเสียงตัวเองไม่เจอขึ้นมาดื้อๆ นอกจากความอายแล้ว ยังมีความหวาดหวั่นปะปนมาด้วย เพียงแต่เขาพยายามซ่อนมันไว้อย่าง แนบเนียน ไม่ให้อีกฝ่ายดูออก ไม่งั้นเจ้านายจะพานหงุดหงิดเสียเปล่าๆ “มานี่สิ ถอดเสื้อผ้าออกด้วย” นัยน์ตาด�ำสนิทลึกล�้ำยากหยั่งถึงของ เหยียนจิ้งเหอจ้องตรงมาที่เขา ขณะเอ่ยประโยคนั้น สวีจิ่งถงคุ้นเคยกับมาดเคร่งขรึมที่แผ่รังสีกดดันของผู้เป็นนาย จึง เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย เขาถอดกางเกงขายาวออกเป็นอย่างแรก จากนั้น ก็ปลดกระดุมเสื้อ แต่เมื่อเสื้อตัวบางร่วงลงจากลาดไหล่ ดวงตาคมวาวของ เหยียนจิ้งเหอที่ในตอนแรกยังดูสงบนิ่ง กลับไหวระริกเร่าร้อนเหมือนมี เปลวไฟลุกโชนอยู่ “คุณชาย...” เขาเผลอครางเรียกด้วยสรรพนามอันชินปาก “หือ?” ดวงตาคมเข้มคู่นั้น กวาดส�ำรวจทั่วร่างเขาอย่างจาบจ้วง ขณะขานรับแบบไม่ใส่ใจ “คุณชาย...ท�ำเบาๆ นะครับ” สวีจง่ิ ถงพยายามข่มความอาย เว้าวอน ด้วยน�้ำเสียงสั่นหวิว ปกติเหยียนจิ้งเหอไม่ค่อยมีความอดกลั้นเท่าไรนัก โดยเฉพาะกับ 11
เหนือใจปฏิพัทธ์ เรื่องนี้ ต้องการเมื่อไหร่ก็ท�ำเลย บางครั้งยังติดจะใจร้อน ฝืนท�ำแบบไม่ บันยะบันยัง จนสวีจงิ่ ถงถึงขัน้ ลงจากเตียงไม่ได้ไปหลายวัน ภายหลังนายพล หนุม่ ค่อยๆ ซึมซับทีละน้อยว่า เรือ่ งแบบนี้ หากช้าลงนิดเบาลงหน่อย ก็จะน�ำ มาซึง่ รสชาติทตี่ า่ งไปจากเดิม บางเวลาจึงไม่ท�ำหยาบกระด้างรุนแรงเหมือน เคย พลอยบรรเทาความเจ็บปวดให้สวีจิ่งถงได้บ้าง “ขึ้นมา” เหยียนจิ้งเหอสั่งโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ สวีจงิ่ ถงไม่กล้าโต้แย้ง รีบปีนขึน้ เตียงในร่างเปลือยเปล่าอย่างว่าง่าย พลันเขาก็รู้สึกสะท้านไปถึงข้างใน ตัวสั่นระริกเพราะหนาวจนทนไม่ไหว “ถ้านายปรนนิบตั ถิ กู ใจ ฉันอาจยอมพิจารณาเรือ่ งท�ำเบาๆ ให้กไ็ ด้” เหยียนจิ้งเหอพูดเสียงเรียบ พลางปลดเสื้อคลุมออกให้เห็นรูปร่างบึกบึน สมส่วน สวีจิ่งถงขนลุกทั้งตัว เม้มปากแน่น แต่ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ แล้ว ก้มลงมาประชิดช่วงล่างของอีกฝ่าย เขาเผยอปากใช้ปลายลิ้นทักทาย ก่อน เลียไล้ไปตามความยาวของสิ่งที่อยู่ในสภาวะกึ่งแข็งขึงกึ่งอ่อนนุ่มกลาง หว่างขานั่น เพียงเขาละเลียดดูดเลียไม่กที่ ี สิง่ นัน้ ก็ดเู หมือนจะตืน่ จากการหลับ ใหล และพองตัวขยายความโอฬาร สวีจิ่งถงเร่งดูดดุนส่วนปลายถี่รัว ตาม จังหวะของมือใหญ่ที่กดรั้งท้ายทอยเขาอยู่ สักพักจึงเปลี่ยนมาคลึงเคล้าถุง กลมด้านล่าง พลางโลมไล้อย่างพิถีพิถัน เพราะก�ำลังอยูใ่ นท่าก้งโค้ง ปลายจมูกของสวีจงิ่ ถงจึงฝังอยูก่ บั ไรขน บนท้องน้อยอีกฝ่ายพอดี เขาเกร็งร่างด้วยความประหม่า พยายามกระถดตัว ออกห่างเล็กน้อย แล้วอ้าปากครอบครองส่วนโอฬารนั่นเข้าไปใหม่ แต่หนนี้เพียงอมท่อนเนื้อร้อนผ่าวได้ไม่ทันไร เหยียนจิ้งเหอก็ขยุ้ม 12
อิ๋งเย่ เส้นผมด�ำสนิทของเขาไว้เต็มก�ำมือ แล้วรั้งตัวขึ้นมา สวีจิ่งถงเจ็บหนึบไปทั้งหนังศีรษะ แต่ต้องแกล้งท�ำเป็นไม่น�ำพา ต่อความเจ็บนั้น พลางปาดนิ้วเช็ดคราบของเหลวที่ติดอยู่ตรงขอบปาก “คุณชาย?” “หุบปาก!” เหยียนจิ้งเหอปรามเสียงห้วน ก้มหน้าฝังคมเขี้ยวลงบน หลังคอขาวเนียนของสวีจงิ่ ถง จับเขากดไว้ใต้รา่ ง ก่อนจะแยกขาสองข้างออก จ่อส่วนแข็งขึงแล้วกระแทกเข้าไปโดยไม่รอช้า สวีจิ่งถงหลุดครางเสียงหลง สั ม ผั ส ได้ ถึ ง ความเจ็ บ ร้ า วที่ แ ล่ น จู ่ โ จมตั้ ง แต่ บั้ น เอวไปจนถึ ง แกนสมอง ช่องทางลับที่ไม่เคยให้ชายใดนอกจากเหยียนจิ้งเหอได้ลว่ งล�้ำ พลันเจ็บปวด ทรมานประหนึ่งว่ากายถูกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางความเจ็บปวด ท่อนล�ำอันมหึมาก็ล่วงล�้ำเข้ามาในตัวเขา ชายหนุ่มนอนคว�่ำหน้าบนเตียง นิ้วมือจิกเกร็งขย�ำผ้าปูเตียงแน่น ลมหายใจหอบกระชั้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ “คะ...คุณชาย...” เขาอ้อนวอนเสียงกระเส่า ทว่าเหยียนจิง้ เหอคล้ายคันศรทีถ่ กู โก่งสายจนตึงพร้อมจะยิงออกไป แล้ว ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเสียงร�่ำร้องนั้นอยู่ นายพลหนุ่มกระดกเอว ด�ำดิ่งเข้าไปในส่วนลึกสุด แล้วสาวออกถี่รัว สวีจิ่งถงได้แต่สูดลมหายใจลึก สรรพสิ่งตรงหน้าดูพร่ามัวขาวโพลนไปหมด เวลานี้เขารับรู้ได้แค่เพียงความ เจ็บปวดที่เปลี่ยนเป็นชาหนึบ สติสัมปชัญญะเลือนลางลงทุกที ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน สวีจิ่งถงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบ ว่าเหยียนจิ้งเหอยังคงซ้อนร่างโจนจ้วงอยู่ด้านหลัง ในขณะที่ชายหนุ่มก�ำลัง สับสนเลือ่ นลอย ก็ได้ยนิ ฝ่ายตรงข้ามพูดด้วยน�ำ้ เสียงแฝงความประหลาดใจ “นายร้องไห้งั้นหรือ?” 13
เหนือใจปฏิพัทธ์ สวีจิ่งถงยกมือขึ้นคล�ำใบหน้า ตอนนี้เองเขาถึงเพิ่งรู้ตัวว่ามันเปียก ชุ่มไปด้วยน�้ำตาแห่งความเจ็บปวด พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอก ไม่ถูก ตอนเด็กๆ เขากลัวเจ็บเป็นที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นคนอดทนเก่งด้วย เช่นกัน จนตอนนีต้ อ้ งมาร้องไห้ตอ่ หน้าเหยียนจิง้ เหอ ซึง่ เป็นเรือ่ งทีเ่ กิดขึน้ น้อย ครั้งมากๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่ท�ำหน้าเจื่อนพูดไม่ออก เหยียนจิง้ เหอมองดูคนในอ้อมกอด แต่กไ็ ม่ได้สพั ยอกให้อกี ฝ่ายต้อง เขินอายต่อ เพียงแค่เร่งจังหวะกระทั้นกายเร็วขึ้น ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ก็ใช้พละก�ำลังทัง้ หมดทีม่ ี ขับควบใส่รา่ งสวีจงิ่ ถง กระแทกความกาํ ยาํ เข้าออก โพรงสวาทตามแรงอารมณ์ถี่รัว สวีจิ่งถงขบกรามแน่น เมื่อฝ่ายตรงข้ามออกแรงโจนจ้วงแทรกกาย เข้าไปอย่างล�้ำลึก นาทีนั้นเขาก็พลันเกิดความเคลิบเคลิ้มล่องลอย ราวกับ เห็นหมู่ดาวระยิบระยับอยู่ตรงหน้า เมื่อเหยียนจิ้งเหอพบความสุขสมแล้วถอนตัวออกไปนั่งพิงหัวเตียง สวีจงิ่ ถงจึงรีบหยัดกายลุกขึน้ ก่อนโน้มหน้าเข้าไปใกล้ แล้วใช้ปลายลิน้ อุน่ ชืน้ กวาดเลียหยาดน�้ำขาวขุ่นทั่วทั้งท่อนล�ำจนหมดเกลี้ยง เหยียนจิง้ เหอทีอ่ มิ่ เอมสมใจ พรูลมหายใจออกมาเบาๆ พลางปรือตา มองสวีจิ่งถง “ถึงตานายแล้ว” คนฟังหน้าร้อนฉ่า ใบหูเป็นสีระเรือ่ ใจจริงนัน้ อยากปฏิเสธ แต่ดจู าก สีหน้าไม่ยอมรับฟังของเหยียนจิง้ เหอแล้ว สวีจงิ่ ถงก็ได้แต่ยดื หลังตรง ลดมือ ลงไปก�ำรอบแท่งเนื้อตัวเองอย่างละล้าละลัง ไม่รู้เพราะเหตุใด ทุกครั้งหลังจากถึงสวรรค์ เหยียนจิ้งเหอมักสั่งให้ เขาปลดปล่อยตัวเองตามไปด้วย เหมือนจงใจแกล้งปั่นหัวเขาเล่น 14
อิ๋งเย่ สวีจงิ่ ถงกอบกุมแก่นกายตัวเอง รูส้ กึ ว่ากลางหว่างขาเยิม้ ฉ�ำ่ ไปด้วย น�้ำรักของคนตรงหน้า ซึ่งเวลานี้ก�ำลังจับจ้องเขาไม่วางตาราวอสรพิษจ้อง ตะครุบเหยื่อ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง พลอยให้ฝ่ามือ เร่งจังหวะเคลื่อนไหวตามไปด้วย แม้จะยังเขินอายอยู่บ้าง แต่ความที่เคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้ มาเนิ่นนาน ท่อนเนื้อในมือสวีจิ่งถงจึงแข็งขึงชูชันได้ภายในเวลารวดเร็ว ชายหนุ่มกระตุกข้อมือระรัวอยู่สักพัก ก็ได้กลิ่นคาวของหยาดน�้ำขาวขุ่นที่ ทะลักออกมาในที่สุด กระนั้นใบหน้าเขาก็ไม่มองดูเหมือนเพิ่งได้รับความ สุขสมแต่อย่างใด กลับคล้ายเด็กน้อยทีก่ �ำลังรอคุณครูตรวจการบ้านมากกว่า เหยียนจิ้งเหอจ้องมองเขานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง สักพักจึงเอ่ยเสียงพร่า “มานี่ซิ!” พอได้ยินดัง นั้น คนฟัง ก็นึกอยากตายขึ้นมาทันที ดูท่า ว่า คืนนี้ คุณชายคงยังไม่อมิ่ หน�ำส�ำราญ อยากท�ำต่ออีกรอบสองรอบเป็นแน่ และคน ที่เดือดร้อนย่อมเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเขา บ่าวผู้ซื่อสัตย์คนนี้ “ขึ้นมานั่งนี่!” เหยียนจิ้งเหอสั่งเสียงเรียบ ผู้รับบัญชาท�ำใจกล้าขึ้นคร่อมตักเจ้านายทันที โดยไม่รอให้สั่งซ�้ำ ชายหนุ่มประคองท่อนล�ำโอฬารขึ้นตั้งตรง จับจ่อไปยังปากถ�้ำด้านหลังของ ตน ค่อยๆ หย่อนกายลงช้าๆ โชคดีที่เพิ่งเบิกช่องทางน�ำร่องไปรอบหนึ่ง พอ ต้องสอดใส่เข้าไปด้วยท่านี้ จึงไม่ล�ำบากหรือสร้างความเจ็บปวดให้เหมือนใน คราแรก แก่นกายแข็งคัดขยายตัวคับแน่นโพรงลับจนปวดหนึบ แต่สวีจิ่งถง ไหนเลยจะกล้าพิรี้พิไรให้เสียเวลา เขากัดฟันข่มความเจ็บขยับเอวขึ้นลงรัวๆ ผนังอ่อนนุ่มภายในตอดรัดแก่นกายมหึมาถี่ยิบ เร่งให้ภารกิจนี้เสร็จสิ้น 15
เหนือใจปฏิพัทธ์ โดยไว จูๆ่ เหยียนจิง้ เหอทีต่ วั เอนพิงหัวเตียง ก็กระตุกแขนอีกฝ่ายแรงๆ โดย ไม่ทนั ให้ตงั้ ตัว ร่างข้างบนจึงเสียหลักทิง้ นำ�้ หนักลงไปเต็มแรง ท�ำให้แก่นกาย ขนาดมหึมารุกลำ�้ เข้าไปถึงส่วนลึกสุด สวีจงิ่ ถงชาหนึบถึงแกนสมอง แล้วคราง ลั่นออกมาด้วยความกระสันที่กลั้นไว้ไม่อยู่ รู้สึกเหมือนตัวเองถูกทะลวงจน พรุนทั้งตัว ช่วงล่างเจ็บหนึบจนชา ทว่าจู่ๆ ท่อนล�ำนั้นกลับขยายใหญ่ขึ้น อีกเป็นเท่าตัว ทั้งเสียดเสียวและปวดแปลบ ปากทางรับศึกยามนี้บวมแดง อย่างยากจะทานทน “คุณชาย...” เขาฝืนกลั้นต่อไปไม่ไหว เหยียนจิ้งเหอไม่ขานรับใดๆ เอาแต่จ้องตอบด้วยสายตานิ่งเฉย สวีจิ่งถงรู้ดีว่ายังไงก็หนีชะตากรรมนี้ไม่พ้น จึงได้แต่กัดฟัน เร่งร่อน เอวส่ายสะโพกสร้างความรัญจวนแก่ผู้เป็นนาย กว่าเพลิงราคะจะดับมอดลง ก็กินเวลาเกือบเที่ยงคืน ชายหนุ่มทิ้ง ตัวลงบนเตียง เอวกับขาปวดระบมแทบขยับไม่ไหว ช่องทางลับก็รอ้ นผ่าวยิง่ กว่าโดนไฟลน เขาได้แต่พรูลมหายใจออกมาเบาๆ คาดว่าพรุง่ นีต้ วั เองคงไม่มี ปัญญาลงจากเตียงเป็นแน่ เหยียนจิง้ เหอสัน่ กระดิง่ เรียกบ่าวรับใช้ให้ยกน�ำ้ ร้อนเข้ามา สวีจงิ่ ถง รีบข่มกลั้นความเจ็บปวด หยัดกายลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูมาชุบน�้ำบิดพอ หมาด ช่วยเช็ดท�ำความสะอาดคราบเหงื่อไคลทั่วร่างของคุณชายอย่าง พิถีพิถัน จนสะอาดหมดจดทุกซอกมุม เสร็จแล้วค่อยใช้น�้ำที่เหลือครึ่งอ่าง ท�ำความสะอาดร่างกายตัวเองพอเป็นพิธี “นอนซะ” เหยียนจิ้งเหอพูดขึ้นเบาๆ “ครับ คุณชาย” 16
อิ๋งเย่ สวีจิ่งถงลุกขึ้นปิดไฟ แล้วกลับมานอนฝั่งซ้ายของผู้เป็นนาย เพียง ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาสม�่ำเสมอ ดังมาจากคนข้างกาย ความที่อ่อนเพลียเมื่อยล้าไปทั้งตัว ชายหนุ่มจึงเกิดความง่วงงุน ปิดหนังตา อันหนักอึ้งแล้วผล็อยหลับตามไป เช้าวันใหม่ หลังจากตื่นนอนเหยียนจิ้งเหอไม่ได้ปลุกคนที่หลับอยู่ ข้างๆ ทัง้ ยังสัง่ พ่อบ้านบอกเจ้าตัวว่า เขาอนุญาตให้พกั งานได้หนึง่ วัน จากนัน้ จึงลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวมาสวมเครื่องแบบทหาร ทันทีที่เหยียนจิ้งเหอลงมาถึงชั้นล่าง ประตูใหญ่จวนสกุลเหยียนก็ เปิดออก แล้วประมุขของตระกูลก็กา้ วเข้ามา พร้อมกับร้องสัง่ ให้นายพลหนุม่ ไปพบที่ห้องสมุด เหยียนจิง้ เหอเดินตามหลังผูเ้ ป็นบิดาไป หลังปิดประตูหอ้ งเรียบร้อย จึงค่อยหันกลับมาเอ่ยทัก “ท่านพ่อ” เหยียนจ้งเหิงถอนหายใจเหยียดยาวโดยไม่พดู อะไร แต่สหี น้าแสดง ความหนักใจอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องที่ลูกเขียนมาในจดหมาย เป็นความจริง ใช่ไหม?” บุตรชายพยักหน้าก่อนตอบ “ก็อย่างทีผ่ มให้คนไปส่งข่าว ผูก้ ารจ้าว สมคบคิดกับสมุนหลูจื่อเจียอย่างลับๆ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เกรงว่า...” เหยียนจ้งเหิงมองท่าทางมัน่ ใจของบุตรชาย โดยไม่ได้พดู สิง่ ใดออก มา บุตรชายเขาคนนี้ ไม่ว่าอะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เก่งเรื่อง บริหารจัดการ ถึงแม้จะระแคะระคายมาว่าผู้การจ้าวแอบรวมหัวกับคนนอก ก็ไม่ควรหักหน้าปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝ่ายนั้นตรงๆ เพราะมันอาจกลาย เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ 17
เหนือใจปฏิพัทธ์ “เอาเถอะ เรื่องนี้ลูกจะจัดการยังไงก็ตามใจ แต่ทางที่ดีต้องหาหลัก ฐานมัดตัวให้ได้คาหนังคาเขา จนมันดิน้ ไม่หลุด ไม่งนั้ เรือ่ งจะเกิดเรือ่ งยุง่ ยาก ตามมา” เหยียนจ้งเหิงทอดถอนใจ แต่สงิ่ ทีเ่ ขารูก้ ไ็ ม่ท�ำให้แปลกใจเลยสักนิด จ้าวกั๋วจ้งเป็นสมุนที่ติดตามพลเอกเหยียนมาตั้งแต่สมัยเป็นโจรป่า มีฝมี อื ในเรือ่ งรบทัพจับศึก แต่ไม่ชอบอยูใ่ นกรอบ ตอนนีต้ นยังอยูย่ งั พอปราม ได้ แต่ถ้าวันใดล่วงลับไป แล้วเหยียนจิ้งเหอขึ้นด�ำรงต�ำแหน่งผู้บัญชาการ ทหารต่อ เกรงว่าผู้การจ้าวจะโจมตีจุดอ่อน บีบเหยียนจิ้งเหอให้ตกเป็น เบี้ยล่างคอยท�ำตามค�ำสั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พลเอกเหยียนยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ เด็ดขาด อีกประการหนึ่ง จ้าวกั๋วจ้งแอบลักลอบติดต่อกับคนนอก แม้จะยัง ไม่ได้ลงมือท�ำเรื่องเลวร้าย แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่ดีแฝงอยู่ จึงควรรีบ ตัดไฟแต่ต้นลม เพียงแต่ว่า... “ไว้ชวี ติ เขาสักครัง้ เถอะ” เหยียนจ้งเหิงทอดถอนใจอย่างเหนือ่ ยหน่าย ไม่คดิ ว่าตนจะกลายเป็นคนใจอ่อนเช่นนี้ แต่เมือ่ หวนนึกถึงความหลังในอดีต ก็รู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วจริงๆ “ครับท่านพ่อ” เหยียนจิ้งเหอขานรับ เหยียนจ้งเหิงปรายตามองบุตรชายแล้วเปรยขึ้นลอยๆ “หลายวัน ก่อน เหล่าซ่งบอกว่าลูกสาวเขาเพิ่งกลับจากต่างประเทศ พ่ออยากให้ลูกไป เจอเธอหน่อย” “ไม่จ�ำเป็นครับ” เหยียนจิ้งเหอปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม “ปีนลี้ กู ก็เข้าเบญจเพสแล้ว น่าจะถึงเวลาแต่งงานมีครอบครัวเสียที นะ” นายพลหนุ่มเบนสายตาไปมองบิดาแวบหนึ่ง แต่ไม่เอ่ยโต้แย้ง 18
อิ๋งเย่ ออกไป เหยียนจ้งเหิงจ้องมองบุตรชายผูน้ �ำความปวดเศียรเวียนเกล้ามาให้ บุตรชายเขาคนนี้มีความคิดอ่านเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เล็กๆ กระทั่งพ่อ บังเกิดเกล้าอย่างเขา ยังไม่อาจตักเตือนได้ เมื่อเจ้าตัวบอกว่าไม่แต่งก็คือ ไม่แต่ง เหยียนจ้งเหิงรูส้ กึ จนปัญญาจริงๆ ครัน้ จะจับคลุมถุงชน บังคับให้แต่ง กับคุณหนูซ่ง เจ้าตัวก็คงไม่ยอม “หลายปีมานี้ลูกนอนร่วมเตียงกับเจ้าเด็กนั่นแค่คนเดียว ไม่ใช่ว่า หลงมันเข้าให้จริงๆ หรอกนะ” เหยียนจ้งเหิงรู้แก่ใจดีว่า ตลอดหลายปีที่ผ่าน มา คนที่นอนร่วมเตียงกับบุตรชายเป็นใคร จึงยิ่งไม่อาจนิ่งนอนใจ ไม่แน่ว่า เหยียนจิ้งเหออาจติดใจชอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน ถึงได้ปล่อยให้ เวลาล่วงเลยมาจนป่านนีก้ ย็ งั ไม่ยอมแต่งงานมีครอบครัว เสียเวลาไปเปล่าๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลเหยียนจะไร้ทายาทสืบสกุลไม่ได้เด็ดขาด “จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงเล่าท่านพ่อ” นายพลหนุ่มรู้สึกว่านี่เป็นค�ำพูดเหลวไหลที่สุดเท่าที่เคยฟังมา ปกติ เขาจะไม่ค่อยยิ้มแย้มยามอยู่ต่อหน้าบิดา แต่จู่ๆ ก็นึกขันจนต้องหัวเราะ ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
19
2
สวีจิ่งถงนวดบั้นเอวขณะมองเงาตัวเองที่สะท้อนบนบานกระจก แต่งตัว รูส้ กึ ว่าหน้าตาของตนช่างอิดโรยและแสนโทรม จนอดถอนใจออกมา ไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องลงมายังชั้นล่าง เขาก�ำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ไม่นานนักก็ถูกญาติๆ พามาขายให้ สกุลเหยียนในราคาน้อยนิด นับจากนั้น สวีจิ่งถงก็กลายเป็นบ่าวรับใช้ของ คุณชายเหยียน มีหน้าที่คอยดูแลรับใช้ใกล้ชิด ตามปกติเหยียนจิ้งเหอไม่ใช่ คนเอาแต่ใจยกเว้นเรื่องบนเตียง และอาจมีนิสัยเดาใจยากในบางครั้ง แต่ ไม่ได้โหดเหี้ยมชอบใช้ก�ำลังกับบ่าวภายในบ้าน เพียงแต่ว่า เรื่องบนเตียงนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ชวนหนักอก ส�ำหรับสวีจิ่งถง สมัยที่ยังเยาว์วัย สวีจิ่งถงไม่ค่อยประสีประสานัก เข้าใจว่าคุณชาย แค่ต้องการคนมานอนด้วย เพียงแต่ยังหาใครไม่ได้ เลยใช้เขาเป็นที่ระบาย ความใคร่ไปก่อน วันนั้นเขาจึงยอมกัดฟันทน แต่ใครจะรู้ว่าจนเวลาล่วงเลย 20
อิ๋งเย่ มาถึงบัดนี้ คุณชายก็ยังคงให้เขาปรนนิบัติเรื่องบนเตียงอยู่ สวีจิ่งถงเลย ได้ แต่มองคนอื่นแต่งงานมีลูกเต้าตาปริบๆ หากยังไม่มีค�ำสั่งจากคุณชาย เขาก็ คงต้องครองตัวเป็นโสดไปเรื่อยๆ ถ้าหากตนชื่นชอบเรื่องบนเตียงด้วยก็คงจะดีไม่น้อย แต่นี่ไม่ใช่ ทุก ครัง้ ทีม่ อี ะไรกันเขามักรับรูแ้ ต่ความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า การกระท�ำเช่นนี้มันน่าส�ำเริงส�ำราญตรงไหน ทีส่ �ำคัญเหตุใดคุณชายจึงเรียกใช้แต่เขาคนเดียว ก็ยงั เป็นเรือ่ งทีเ่ ขา หาค�ำตอบไม่ได้เสียที พูดกันตามหลักแล้ว เมือ่ เทียบกับคุณชายซึง่ มีรา่ งกายสูงใหญ่บกึ บึน เขาเตี้ยกว่าเพียงเล็กน้อย ซ�้ำยังมีรูปร่างผอมสูงแต่ไม่บอบบาง ไม่ว่ามองมุม ไหนก็ไม่เหมือน ‘เทพกระต่าย1’ เลยสักนิด ตอนเป็นเด็ก เขากับคุณชายเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวมาด้วยกัน รูปร่างเขาย่อมเทียบกับเด็กหนุ่มบ�ำเรอกามที่มีเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น ผิวพรรณผุดผาดน่าสัมผัสไม่ได้ แม้จะรู้ว่าคุณชายไม่ถูกตาต้องใจใครเลยก็ จริง แต่ตอนนี้เขาก็อายุย่างเข้ายี่สิบสามแล้ว ไม่ว่ายังไงก็สมควรแก่เวลาที่ จะต้องเปลี่ยนให้คนอื่นมารับหน้าที่บนเตียงแทน คิดมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ถอนใจยาวออกมาอีกครั้ง “ท่านสวี” จู่ๆ มีเสียงเรียกดังขึ้น ท�ำเอาสวีจิ่งถงสะดุ้งโหยง ทันทีที่เห็นบุคคล ตรงหน้าเขารีบยืดตัวตรง ยกมือท�ำความเคารพทันที “เสธ.โจว” ผู้มาใหม่คือเสนาธิการมณฑลทหารบก หรือที่รู้จักในนามเสธ.โจว คนผู้นี้มีคิ้วยาวตาเรียว ใบหน้ามักประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ภายนอก ค�ำสแลง หมายถึงชายรักชาย
1
21
เหนือใจปฏิพัทธ์ ดูเป็นคนมีใจเมตตา แต่แท้จริงกลับเป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์ รู้จักเอาตัวรอด มิเช่นนั้นคงไม่เป็นที่โปรดปรานของพลเอกเหยียน และเจ้าตัวยังหมายปอง ต�ำแหน่งเสนาธิการมณฑลมาแต่แรกด้วย แม้สวีจิ่งถงจะเป็นนายทหารต�ำแหน่งเล็กๆ แต่ก็เป็นคนสนิทของ นายพลเหยียน เสธ.โจวจึงไม่กล้าวางก้ามใส่เขา และต่างฝ่ายต่างให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน “เสธ.โจวมาถึงนี่ มีธุระอะไรหรือครับ?” สวีจิ่งถงเอ่ยทักทาย เวลานี้ไม่ใช่ช่วงศึกสงคราม หัวหน้าทุกหน่วยในกรมจึงล้วนแต่ว่าง งาน ไม่มภี ารกิจส�ำคัญให้ตอ้ งไปสะสาง และน้อยครัง้ มากทีจ่ ะมีธรุ ะมาเยือน จวนสกุลเหยียนเป็นการส่วนตัว เช่นนัน้ แล้ว การมาของ เสธ.โจวครัง้ นี้ ไม่แน่ ว่าอาจมีเรื่องส�ำคัญที่สวีจิ่งถงไม่รู้ จึงต้องสอบถามเอาเอง เสธ.โจวส่ายหน้า หัวคิว้ มุน่ เข้าหากันด้วยสีหน้างงงวย “ผมเองก็ไม่รู้ เหมือนกันว่าท่านนายพลสัง่ ให้มาทีน่ ที่ �ำไม หรือว่ามีเรือ่ งส�ำคัญจะมอบหมาย ให้ไปท�ำ” ครั้นเห็นฝ่ายตรงข้ามร้อนใจอยากพบท่านนายพลอย่างเร่งด่วน สวีจิ่งถงจึงไม่เหนี่ยวรั้งให้เสียเวลา เพียงใช้สายตาส่งอีกฝ่ายขึ้นไปพบท่าน นายพลยังชั้นบน ไม่ร้อนรนอยากรู้เรื่องนัก เพราะสุดท้ายเขาก็ต้องได้รู้อยู่ดี สวีจิ่งถงหิวจนท้องร้อง จึงเดินไปที่ห้องครัว บอกคนงานในครัวให้ ต้มโจ๊กหม้อหนึ่ง แม้มันจะไร้กลิ่นไร้รสชาติ แต่ก็มีให้กินเต็มที่โดยไม่ต้อง กลัวใครจะต�ำหนิว่ากินล้างกินผลาญ แถมเมล็ดข้าวที่ถูกเคี่ยวจนนุ่มก็ซด คล่องคอ ช่วยประหยัดเวลาเคี้ยวได้เยอะ ผ่านไปหลายนาที บ่าวคนหนึง่ ก็มาตามเขา บอกว่าคุณชายเรียกให้ ไปพบที่ห้องสมุด สวีจิ่งถงเช็ดปากแล้วรีบไปหาเจ้านายตามค�ำสั่ง 22
อิ๋งเย่ พอเข้าประตูไป สวีจิ่งถงก็เห็นเหยียนจิ้งเหอนั่งอยู่หน้าโต๊ะท�ำงาน ในมือถือพูก่ นั ด้ามหนึง่ ก�ำลังฝึกคัดตัวอักษร ชายหนุม่ จึงเดินเข้าไปใกล้ ช่วย ฝนหมึกให้ รอจนเหยียนจิ้งเหอคัดบทกวี ‘หลานถิงจี๋ซวี2่ ’ จบ และจิบชาร้อน เข้าไปอึกหนึ่ง เห็นว่าได้จังหวะเหมาะจึงรีบถามทันที “ท่านนายพลเรียกหา ผม มีเรื่องอะไรจะสั่งให้ไปท�ำหรือครับ” เหยียนจิง้ เหอปรายตามองเขาแวบหนึง่ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ไป จัดกระเป๋าซะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปนอกเมือง” สวีจิ่งถงประหลาดใจเล็กน้อยแต่ยังคงพยักหน้ารับค�ำ “ครับ” ช่วงสองสามปีมานี้ สถานการณ์ในปักกิง่ ค่อนข้างตึงเครียด นับตัง้ แต่ จอมพลหยวนเสียชีวิต กองทหารทัพหว่านยึดอ�ำนาจการปกครอง ทัพจื๋อ ไม่ยอมรามือ ต้วนจือเฉวียนกับเฉาจ้งซานแกนน�ำของสองฝ่าย จึงแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน พลเอกเหยียนอยู่ฝ่ายทัพจื๋อ อีกทั้งยังเป็นผู้บัญชาการมณฑล หูเป่ย์ ย่อมต้องมีประโยชน์และความส�ำคัญต่อเฉาจ้งซานมาก ในช่วงเวลา เช่นนี้ พลเอกเหยียนก็ไม่ได้หย่อนยาน สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมอยู่เสมอ และไม่ปล่อยปละละเลยเรือ่ งการฝึกทหาร ซ�ำ้ ยังให้บตุ รชายซึง่ มีต�ำแหน่งเป็น นายพล ออกตรวจค่ายทหารนอกเมืองอยู่เนืองๆ ดังนั้นแม้สวีจิ่งถงจะแปลก ใจอยูบ่ า้ ง แต่ไม่ได้รสู้ กึ ว่ามีอะไรผิดปกติเลย เพราะในใจมีเรือ่ งให้ขบคิดเต็ม ไปหมด เขาเงียบไปครูใ่ หญ่ จูๆ่ ก็ได้ยนิ เหยียนจิง้ เหอถามขึน้ แบบไม่มปี ไ่ี ม่มี ขลุ่ย “ยังเจ็บอยู่ไหม?” สวีจิ่งถงงงงัน ก่อนจะล�ำดับเหตุการณ์ในสมอง จนเข้าใจว่าอีกฝ่าย 兰亭集序 บทกวีประพันธ์โดย หวังซีจือ ลิปิกรที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุคจิ้นตะวันออก (ค.ศ.303-361) เนื้อหาบรรยายถึงการชุมนุมของกวีผู้มีชื่อเสียงที่ศาลาหลานถิง
2
23
เหนือใจปฏิพัทธ์ ก�ำลังถามถึงเรื่องใด พลันเลือดในกายเขาก็สูบฉีดความร้อนทั่วทั้งตัวมา รวมกันที่สองแก้ม และนึกกระดากใจที่จะตอบ “ไม่...” “ไม่เจ็บแล้ว?” เหยียนจิ้งเหอจ้องตาเขม็งด้วยท่าทางทรงอ�ำนาจ นัยน์ตาคมกริบคูน่ นั้ เจือแววสงสัย สวีจงิ่ ถงจึงไม่กล้าปากแข็งอีก เพราะเกรง จะท�ำให้เจ้านายไม่พอใจ แล้วจะเกิดผลร้ายตามมา แต่ ก ระนั้ น ก็ ยั ง ขวยเขิ น จนต้ อ งหลุ บ ตาลงต�่ ำ ก่ อ นตอบเสี ย ง ตะกุกตะกัก “ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ...” เหยียนจิ้งเหอไม่พูดสิ่งใดอีก เพียงโยนของบางอย่างมาให้แบบ ปุบปับ จนสวีจิ่งถงแทบตะครุบไว้ไม่ทัน และไม่เข้าใจความหมายของท่าน นายพล จึงก้มมองสิ่งของในมือ ดูเหมือนว่าจะเป็นยาจากต่างประเทศ เพียง แต่ด้านนอกไม่มีฉลากยาก�ำกับ เลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเอาไว้ท�ำอะไรแน่ “ก่อนนอนอย่าลืมทาด้วยละ” ตอนแรกสวีจิ่งถงยังไม่เข้าใจค�ำพูดประโยคนั้นว่าต้องการสื่ออะไร ครั้นเห็นท่านนายพลชี้ไปยังท่อนล่างของเขา ก็บรรลุทันที ก่อนที่ใบหน้าจะมี สีเลือดฝาดจางๆ และต้องข่มกลั้นความอายขณะตอบกลับไปว่า “ขอบคุณ ครับคุณชาย” เหยียนจิ้งเหอพยักหน้าพอใจ แล้วโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาออก ไปได้ สวีจิ่งถงรีบถอยออกจากห้องสมุดทันที เพราะใจอยากหลบไปให้พ้น จากสถานการณ์ประดักประเดิดนี้เต็มทน ตกกลางคืน ตอนอยู่ในห้องตัวเอง สวีจิ่งถงหยิบยาหลอดนั้นมาดู ใบหน้ายังเห่อร้อนไม่หาย ถึงแม้คนในจวนส่วนใหญ่จะรูว้ า่ เขานอนร่วมเตียง กับคุณชาย แต่พอนึกกระหวัดไปว่าคุณชายได้ยาสมานแผลหลอดนี้มาจาก ไหน ก็ยิ่งรู้สึกขัดเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน 24
อิ๋งเย่ สมัยที่ยังเป็นหนุ่มน้อย คุณชายท�ำให้เขาเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้ง แต่ ไม่เคยหาหยูกยามาให้เขาทาตรงจุดนั้นเลย อย่างดีก็แค่ให้เขาหยุดงาน นอนพักบนเตียงสองสามวันจนอาการทุเลาลง เมือ่ คืนตอนทีม่ อี ะไรกัน แม้จะ เจ็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับได้แผล ด้วยเหตุนี้สวีจิ่งถงจึงงุนงง คิดไม่ตกว่า คุณชายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ทีจ่ ริงแล้ว สวีจงิ่ ถงไม่รวู้ า่ เมือ่ สองวันก่อนตอนเหยียนจิง้ เหอออกไป สังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้ชมละครสองฉากในโรงงิ้ว ฉากหนึ่งเป็นการแสดงของ คณะงิ้วชิ่งสี่ ตอน ‘พระสนมเมาน�้ำจัณฑ์’ ส่วนอีกฉาก เป็นละครสดตอนเข้าพระเข้านาง ระหว่างบุตรชาย ผู้การฟู่กับนักแสดงหนุ่มเลื่องชื่อเฉิงฟ่งชิง ตรงสวนด้านหลัง ตอนนัน้ คุณชายเหยียนดืม่ เหล้าเข้าไปหลายจอกจนเริม่ มึนๆ จึงออก มาเดินเล่นรับลมในสวนดอกไม้ให้สร่างเมา คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญได้ดูหนัง สดของหงส์ขาวป่าคู่หนึ่งเข้า ในจังหวะที่ก�ำลังคิดจะเดินหลบไปอีกทาง ก็ สังเกตเห็นว่าผู้ที่อยู่ด้านบนคือฟู่จื่อหวนเพื่อนเจ้าส�ำราญของเขา ส่วนคนที่ ถูกกดไว้ใต้ร่างคือเฉิงฟ่งชิง นักแสดงจากคณะชิ่งสี่ ที่เพิ่งร้องงิ้วอยู่บนเวที เมื่อครู่นั่นเอง นายพลหนุ่มเห็นเพียงสีหน้าแดงก�่ำของเฉิงฟ่งชิง สองขาแยกออก กว้างโดยมีรา่ งเพือ่ นซีข้ องเขาซ้อนอยูด่ า้ นหลัง เสียงครางกระเส่าดังให้ได้ยนิ เป็นระยะ จวบจนด�ำเนินมาถึงช่วงส�ำคัญ นักแสดงหนุม่ เว้าวอนเสียงกระท่อน กระแท่นทัง้ นำ�้ ตา ค�ำหยาบโลนต่างๆ ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากบางทีม่ สี สี นั ยั่วยวนชวนหลงใหล สร้างความปั่นป่วนปลุกเร้าฟู่จื่อหวน ให้เกิดอารมณ์ พลุ่งพล่านเร่งควบขับบนกายนั้นไม่หยุดหย่อน หลังเหยียนจิ้งเหอชมบทเข้าพระเข้านางจบ ก็บังเกิดความสงสัย 25
เหนือใจปฏิพัทธ์ แม้เฉิงฟ่งชิงจะรูปร่างสะโอดสะอง แต่ถงึ อย่างไรก็เป็นผูช้ าย ผูช้ ายที่ ถูกผู้ชายจับกดอยู่ใต้ร่าง เหตุใดถึงดูมีความสุขปานนั้น สวีจิ่งถงที่ปรนนิบัติ รับใช้เขาบนเตียงมานานปี ยังชอบท�ำท่ากัดฟันด้วยสีหน้าทีด่ เู จ็บปวดทรมาน... ทว่าสีหน้าของเฉิงฟ่งชิงเวลานี้ เหมือนก�ำลังลิ้มลองอาหารจานเด็ด รสชาติเยี่ยม จนนายพลหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า คนถูกกดมีความสุขได้มาก ขนาดนั้นจริงหรือ ตอนหลังฟู่จื่อหวนถึงรู้ตัวแล้วว่ามีคนอื่นอยู่แถวนั้นด้วย แต่แม้จะ ถูกเพื่อนสนิทเห็นฉากพลอดรักร้อนแรงคาตา นอกจากจะไม่สะทกสะท้าน แล้วยังหันมายิ้มร่าให้คนดู ซ�้ำยังสอนเคล็ดลับลีลาเด็ดให้เขาอีกหลาย กระบวนท่าด้วย ก่อนกลับยังมอบยาให้เขาหลอดหนึง่ บอกว่าใช้ทาหลังเสร็จ กิจได้ผลดีมาก เหยียนจิ้งเหอจึงรับยานั่นติดมือกลับมา ครั้นนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ได้ ก็เลยเอามามอบให้สวีจิ่งถงอีกทอดหนึ่ง สวีจิ่งถงเปิดฝาหลอด บีบยาป้ายรอบๆ บริเวณที่เจ็บอย่างเบามือ ทันทีที่ทา ความเย็นซ่านก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ลดลงได้ไม่น้อย ชายหนุ่มพรูลมหายใจเหยียดยาว แล้วหยิบเสื้อผ้ามาสวม จากนั้นจึงเก็บยา แล้วปิดไฟเข้านอน วันรุ่งขึ้น สวีจิ่งถงตื่นแต่เช้า สั่งให้คนน�ำกระเป๋าสัมภาระไปไว้หลัง รถ รอให้เหยียนจิ้งเหอขึ้นรถก่อน ตัวเองค่อยขึ้นไปนั่งหน้าข้างพลขับ ส่วน เหยียนจิง้ เหอนัง่ อยูใ่ นห้องโดยสารด้านหลังเพียงล�ำพัง รถแล่นมาได้ครึง่ ทาง พอมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึง่ ไม่รวู้ า่ มีปญ ั หาอะไร จูๆ่ เครือ่ งยนต์กด็ บั สตาร์ต ไม่ติดอยู่เป็นนาน พลขับจึงรีบลงไปตรวจสอบ แล้วกลับมารายงานหน้าตื่น ว่าอะไหล่บางชิ้นช�ำรุด ท�ำให้การเดินทางอาจต้องล่าช้าออกไปเล็กน้อย 26
อิ๋งเย่ “ท่านนายพล เอายังไงดีครับ?” สวีจิ่งถงเอ่ยถามอย่างไม่ถึงกับร้อน ใจนัก ปัญหารถสตาร์ตไม่ติด ใช่ว่าไม่เคยเกิดเจ้านายคงไม่ต�ำหนิเขาเพียง เพราะเรื่องแค่นี้หรอกกระมัง เหยียนจิง้ เหอตรึกตรองอยูส่ กั พักจึงตัดสินใจ “ให้เสีย่ วหลีซ่ อ่ มรถไป ก่อน ระหว่างที่เราไปกินอาหารเที่ยง กลับมาน่าจะซ่อมเสร็จ” “ครับ” สวีจิ่งถงตอบรับ เมืองนี้เล็กมากจริงๆ สวีจิ่งถงเดินตามเหยียนจิ้งเหอไปเรื่อยๆ แล้ว ทั้งคู่ก็เข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอเถ้าแก่เห็นว่าพวกเขาสองคนใส่ เครือ่ งแบบนายทหารชัน้ สัญญาบัตรเต็มยศ ก็รทู้ นั ทีวา่ จะให้บริการแย่ๆ แบบ ชาวบ้านทั่วไปไม่ได้เด็ดขาด จึงรีบเข้ามาดูแล ยกอาหารมาวางที่โต๊ะอย่าง รวดเร็วทันใจ เสียแต่เมืองนีอ้ อกจะกันดารไปหน่อย คุณภาพอาหารไม่จดั ว่าดีเลิศ แค่พอกินได้ สวีจิ่งถงเห็นเจ้านายวางตะเกียบลงหลังจากคีบกับข้าวเข้าปาก ไม่กี่ค�ำ ก็เอ่ยถามอย่างใส่ใจ “คุณชาย เปลี่ยนร้านดีไหมครับ?” เหยียนจิ้งเหอดื่มชาไร้รสชาติเข้าไปอึกหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่น “ไม่ จ�ำเป็น นายกินของนายไปเถอะ” เห็นเจ้านายท�ำหน้าง�้ำ สวีจิ่งถงรีบหุบปากไม่พูดมากอีก เขาใช้ ตะเกียบพุ้ยข้าวในชามเข้าปาก เคี้ยวเร็วๆ แล้วกลืนลงไปโดยไม่อีนังขังขอบ ต่อรสชาติ คิดเพียงแค่ให้อมิ่ ท้องเป็นพอ จากนัน้ ก็รบี จ่ายเงินแล้วลุกออกจาก ร้านตามเหยียนจิ้งเหอไป เพราะพวกเขากินกันเร็ว คาดว่าพลขับน่าจะยังซ่อมรถไม่เสร็จ สวีจิ่งถงจึงชักล�ำบากใจ ไม่รู้จะพาเจ้านายไปนั่งรอที่ไหนดี จากจุดที่พวกเขายืนอยู่ไม่ไกลนัก มีรถยนต์คันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้า 27
เหนือใจปฏิพัทธ์ มาจอดตรงข้างทาง สวีจิ่งถงนิ่งคิดสักพัก ก�ำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้ยิน เสียงเข้มๆ ของเหยียนจิ้งเหอดังขึ้นเสียก่อน “นอนคว�่ำลง!” ชายหนุม่ ยังตัง้ สติไม่ทนั ยืนตะลึงตัวแข็งทือ่ เหยียนจิง้ เหอจึงง้างเท้า ถีบโดยแรงจนเขาล้มคะม�ำลงกับพื้น และในจังหวะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงปืน ดังลัน่ ทีข่ า้ งหู คนยิงไม่ใช่ใคร เป็นเหยียนจิง้ เหอนัน่ เอง สวีจงิ่ ถงข่มกลัน้ ความ เจ็บ ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น รีบชักปืนพกที่เอวออกมาอย่างลนลาน ทว่ามือนั้น กลับสัน่ เทายิง่ กว่าโดนเจ้าเข้า จะเล็งไปทีเ่ ป้าหมายยังยาก ไม่ตอ้ งคิดถึงเรือ่ ง ที่ว่าจะยิงถูกหรือไม่ เหยียนจิ้งเหอหันไปปลิดชีพศัตรูอีกสองคน ก่อนจะเลิกสนใจพวกที่ เหลือ คว้าข้อมือสวีจิ่งถงดึงให้วิ่งหนีไปด้วยกัน วิ่งไปได้สักระยะ ทั้งคู่ก็เจอกระท่อมร้างและเข้าไปหลบซ่อนตัว ตอนนั้นเอง สวีจิ่งถงเพิ่งดึงสติกลับเข้าร่างได้ และรู้สึกแข้งขาอ่อนไปหมด “คุณชาย...” สวีจิ่งถงดึงชายเสื้ออีกฝ่ายไว้ ยังขวัญกระเจิงไม่หาย “หุบปาก!” เหยียนจิ้งเหอถลึงตาใส่ บ่งบอกว่าก�ำลังโกรธจัด “ฉัน อุตส่าห์สง่ นายไปเรียนยิงปืนเพือ่ เอาไว้ปอ้ งกันตัว แล้วดูนายสิ มีปนื อยูใ่ นมือ แท้ๆ กลับใช้ไม่เป็น ปล่อยให้กลายเป็นเศษเหล็กไร้ค่าไปซะได้” สวีจิ่งถงก้มหน้า ละอายใจจนพูดไม่ออก เหยียนจิ้งเหอเป็นนายทหารผู้องอาจ ย่อมไม่อยากให้คนข้างกาย ท�ำตัวปวกเปียก น�ำความขายหน้ามาให้ ตอนที่นายพลหนุ่มแต่งตั้งสวีจิ่งถง เป็นทหารคนสนิท ก็สง่ เขาไปเรียนวิชาป้องกันตัวรูปแบบต่างๆ ทว่านอกจาก เจ้าตัวจะไม่ใส่ใจขวนขวายแล้ว ยังเกียจคร้านอยู่เป็นนิตย์ เอาแต่ผัดวัน ประกันพรุ่งไปเรื่อย กระทั่งวันนี้ถึงรู้ว่าการยิงปืนส�ำคัญแค่ไหน เกิดเป็นชาย 28
อิ๋งเย่ ชาติทหารแต่ยิงไม่เข้าเป้า รู้ถึงไหนก็อายถึงนั่น “พวกมันเป็นใครกันครับ” ความที่กลัวจะถูกต�ำหนิเรื่องบกพร่องใน หน้าที่ สวีจิ่งถงจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยไว “นี่ยังกลางวันแท้ๆ กล้าเอาปืนมาไล่ ยิงกัน มันออกจะอุกอาจไปหน่อยนะครับ...” “เรื่องนั้นช่างเถอะ” เหยียนจิ้งเหอพูดเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่หัวคิ้ว ขมวดแน่น สวีจงิ่ ถงได้ยนิ เจ้านายพูดตัดบทก็หบุ ปากทันที แต่ในใจยังอดคิดไม่ ได้ว่า คนกลุ่มนี้กระท�ำการได้อย่างรวดเร็ว แสดงจุดมุ่งหมายชัดเจน บ่งบอก ว่ามีเป้าหมายแน่ชัดอยู่แล้ว ซ�้ำยังรู้อีกว่า ท่านนายพลจะออกนอกเมืองโดย ใช้เส้นทางนี้ ซึ่งคนที่รู้น่าจะมีแค่ไม่กี่คน อย่าบอกนะว่าเป็น...เมื่อสมอง ประมวลผลได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็ตื่นตระหนกจนไม่กล้าคิดต่อ “จิ่งถง” “ครับ ท่านนายพล” เจ้าของชือ่ รีบขานรับพร้อมกับเงยหน้าขึน้ สบตา “เราต้องซ่อนตัวอยูท่ นี่ ชี่ วั่ คราว พอเสีย่ วหลีเ่ ห็นว่าเราไม่กลับไปก็คง ออกตามหา ถึงหาไม่เจอ ผู้การฟู่ที่รออยู่นอกเมือง จะต้องสงสัยว่าท�ำไม ครึ่งวันแล้วเรายังไม่ไปตามนัด และรีบส่งคนออกตามหาแน่” เหยียนจิ้งเหอ ลูบปืนพกในมือเล่น ขณะที่สีหน้ายังคงด�ำทะมึน “รับทราบครับ” สวีจิ่งถงตอบพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ กระท่อม เขารีบลงมือ ปัดกวาดจนสะอาดสะอ้าน แล้วเชิญท่านนายพลไปนั่งพัก ส่วนตัวเองถือปืน ระวังภัยอยู่ข้างประตู ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เหยียนจิ้งเหอมีสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนคนก�ำลังใช้ความคิดอย่างหนัก สวีจ่ิงถงจึงไม่กล้ารบกวนฝ่ายนั้น ที่ 29
เหนือใจปฏิพัทธ์ จริงเขารู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย เพราะถึงจะเป็นบ่าวคนสนิทของคุณชาย มาตัง้ แต่เล็ก แต่ทผี่ า่ นมาชีวติ ก็ไม่ได้ยำ�่ แย่และไม่เคยเจอเรือ่ งแบบนีม้ าก่อน อยู่ดีๆ ถูกคนดักท�ำร้ายจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน ในใจลึกๆ ย่อมต้องกลัวจน เสียขวัญเป็นธรรมดา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้ความมืดเริ่มโรยตัวปกคลุม ด้านนอก สวีจิ่งถงทั้งหิวและคอแห้ง แต่พอลอบมองอีกฝ่ายก็อดนับถือไม่ได้ เหยียนจิ้งเหอก�ำลังนั่งขัดสมาธิอยู่มุมห้อง สีหน้าดูสงบเยือกเย็นราวกับ ผู้ทรงศีล ทั้งที่อยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานถูกคนตามฆ่าแท้ๆ หน�ำซ�้ำไม่มีทั้ง อาหารและน�้ำ กลับยังมีทีท่าสงบนิ่งไม่สะทกสะท้านได้อีก “คุณชาย เดี๋ยวผมออกไปหาอะไรมาให้กินนะครับ” สวีจิ่งถงหิว ไส้กิ่ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงต้องเสนอความคิดนี้ “อืม” เหยียนจิ้งเหอนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะก�ำชับเสียงเข้ม “พกปืนไป ด้วยล่ะ” สวีจงิ่ ถงค่อยๆ ย่องออกมาจากกระท่อม แต่ไม่กล้าไปไกล เลยแอบ ไปขโมยหมั่นโถวของชาวบ้านระแวกนั้น แล้วหากาน�้ำใส่น�้ำสะอาดกลับมา ด้วย ทั้งสองคนกินหมั่นโถวที่หามาได้ แม้รสชาติจะไม่ถูกปากสักเท่าไร แต่ ในเวลาแบบนี้คงมัวใส่ใจเรื่องนี้ไม่ได้ หลังกินอิ่ม เหยียนจิ้งเหอก็นั่งพิงก�ำแพงหลับไป สวี จิ่ ง ถงไหนเลยจะกล้ า นอน ด้ ว ยกลั ว ว่ า ถ้ า หลั บ ทั้ ง คู ่ แ ล้ ว จะ ตั้งรับศัตรูที่มาจู่โจมไม่ทัน แต่เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่เที่ยงคืน ชายหนุ่มก็ค่อยๆ สะลึ ม สะลื อ แล้ ว เคลิ้ ม หลั บ กระทั่ ง ถู ก เสี ย งทุ ้ ม ต�่ ำ ของผู ้ เ ป็ น นายท�ำให้ สะดุ้งตื่น “จิ่งถง นายไปนอนเถอะ” “ขอบคุณครับคุณชาย ผมจะอยู่เฝ้ายาม...” ต่อให้อยู่ในช่วงเวลา 30
อิ๋งเย่ เช่นนี้ เขาก็ไม่คิดจะละเลยหน้าที่ของตน “เดี๋ยวฉันเฝ้าเอง” เหยียนจิ้งเหอลูบใบหน้าให้หายง่วง ก่อนขยับนั่ง ตัวตรง ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงมาทั้งวัน สวีจิ่งถงรู้สึกอ่อนเพลียเกินขีด ความอดทนของร่างกายไปนานแล้ว จึงไม่โต้แย้งเหยียนจิ้งเหอให้เสียเวลา และแอบคิดในใจว่า ในเมื่อเจ้านายอนุญาตก็อย่าขัดค�ำสั่งเลย ของีบสักครู่ ก็แล้วกัน ไม่รวู้ า่ หลับไปนานแค่ไหน แต่เมือ่ ถูกปลุกให้ตนื่ สวีจงิ่ ถงก็กะพริบตา ถีๆ่ เพือ่ ไล่ความง่วงงุนแล้วค่อยๆ ลุกขึน้ เห็นเหยียนจิง้ เหอนัง่ กุมปืนจ้องเขม็ง ไปที่ประตูไม่วางตา เพราะมีแสงไหววูบจากด้านนอกลอดเข้ามา ทั้งที่ยังอยู่ ในช่วงดึกสงัดแท้ๆ ท�ำไมยังมีแสงไฟสว่างจ้า เขารีบชักปืนพกออกมาขึ้นนก เตรียมลั่นไก รอแค่ค�ำสั่งเจ้านายว่าจะให้ยิงเมื่อไร จนกระทั่งประตูถูกผลักออก และเห็นทุกอย่างด้านนอกชัดถนัดตา สวีจิ่งถงจึงค่อยรู้สึกโล่งอก ไม่ใช่ผู้บุกรุก แต่เป็นผู้การฟู่นั่นเอง สวีจงิ่ ถงสอบถามผูท้ มี่ าช่วยพวกเขา ถึงได้รวู้ า่ หลังตะวันตกดินแล้ว ผูก้ ารฟูก่ ช็ กั ร้อนใจทีย่ งั ไม่เห็นพวกเขาเดินทางไปถึงค่ายทหารนอกเมือง เกรง ว่าจะเกิดเรือ่ งไม่ดขี นึ้ จึงรีบส่งคนออกตามหา พอพบศพเสีย่ วหลี่ ทหารรับใช้ ทีท่ �ำหน้าทีเ่ ป็นพลขับ ก็ยงิ่ มัน่ ใจว่าต้องมีเหตุรา้ ยเกิดขึน้ แต่คดิ ว่าพวกเขาน่า จะยังซ่อนตัวอยู่แถวนี้ จึงส่งก�ำลังคนออกติดตามค้นหาตลอดคืน โชคดีที่ ผู้การฟู่เจอพวกเขาก่อนที่พวกศัตรูจะตามมาทัน ชายหนุ ่ ม เก็ บ ปื น พกเข้ า ซองที่ ร ้ อ ยไว้ กั บ เข็ ม ขั ด เดิ น ตามหลั ง เหยียนจิ้งเหอออกจากกระท่อม 31
เหนือใจปฏิพัทธ์ ที่ด้านนอก เหยียนจิ้งเหอก�ำลังสนทนากับผู้การฟู่ หัวคิ้วขมวดมุ่น สีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้น สวีจิ่งถงก็เหลือบไปเห็นพลทหารที่ยืนอยู่ไม่ไกล นักก�ำลังชักปืนพกออกมา เขาใจกระตุกวูบ แต่ไม่ทนั ได้รอ้ งเตือนก็รบี กระโจน ออกไปเอาร่างบังตัวเหยียนจิ้งเหอไว้ก่อน พร้อมๆ กับที่มีเสียงปืนดังกึกก้อง ขึ้นในอากาศเพียงเสี้ยววินาที ท�ำเอาทุกคนตกตะลึงกันไปหมด ผู้การฟู่รีบตั้งสติ และมีท่าทีตอบสนองไวกว่าเพื่อน เขาตะโกนสั่ง ลูกน้องให้ช่วยกันจับตัวคนร้ายไว้ พลทหารผู้ลั่นไกเห็นท่าไม่ดี คิดว่าคงหนีไม่รอดแน่ จึงตัดสินใจ ปลิดชีพตัวเองทันที “จิง่ ถง?” เหยียนจิง้ เหอเรียกชือ่ เขาเสียงสัน่ ตลอดเวลาทีผ่ า่ นมา นาย พลหนุม่ มักรักษาสีหน้าและน�ำ้ เสียงให้สงบนิง่ อยูเ่ สมอ ทว่าเวลานีเ้ สียงทีเ่ คย ทุ้มนุ่มกลับเต็มไปด้วยความร้อนรน สวีจิ่งถงฝืนปรือตาขึ้นช้าๆ พลันรู้สึกเจ็บหนึบตรงหัวไหล่ คงเพราะ เขาเพิ่งท�ำเรื่องกล้าหาญชาญชัย เอาตัวเข้าไปรับลูกกระสุนแทนผู้เป็นนาย นัน่ เอง ปกติเขาเป็นคนอดทนสูง แต่ตอนนีก้ ลับทนความเจ็บปวดแทบไม่ไหว จริงอยูว่ า่ มันเป็นหน้าทีท่ พี่ งึ กระท�ำ เพียงแต่คดิ ไม่ถงึ ว่าตัวเองจะถูกยิง ความ เจ็บปวดที่จู่โจมไปทั่วกาย ท�ำให้ชายหนุ่มเกิดอาการหน้ามืดและได้ยินเสียง วิ้งๆ ในโสตประสาท เขาพยายามกะพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติ ทว่าทุกอย่างตรงหน้ากลับ มืดสนิท และสติสัมปชัญญะดับวูบลงในที่สุด นับตั้งแต่วันที่โดนยิง สวีจิ่งถงก็ถูกส่งตัวกลับมารักษาบาดแผลที่ ไหล่ในจวนสกุลเหยียน ยังดีทอี่ าการไม่สาหัสมาก พอย้อนกลับมาทบทวนดู 32
อิ๋งเย่ ทีหลัง ก็ให้สงสัยว่า ตอนนัน้ เขาเอาความกล้าบ้าบิน่ มาจากไหน ถึงอาจหาญ โผเข้าใส่นายพลเหยียนจนล้มหงายลงไปนอนวัดพื้น ภายหลัง สวีจิ่งถงลองถามคนอื่นๆ ดูถึงรู้ว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นใน วันนั้นเป็นฝีมือของผู้การจ้าวนั่นเอง ผู้การจ้าวมีนิสัยชอบระแวง ระยะหลังๆ เขาคิดว่าพลเอกเหยียนไม่ เห็นคุณค่าและไม่ให้ความส�ำคัญกับตน จึงเกิดความไม่พอใจ แอบติดต่อกับ ทัพหว่าน อันที่จริงท่านนายพลก็คิดจะก�ำจัดเขาอยู่เหมือนกัน เพียงแค่รอ จังหวะเหมาะๆ เท่านั้น ไม่นึกว่าผู้การจ้าวจะคิดว่าที่ท่านนายพลเดินทางไป ตรวจค่ายทหารเป็นเพียงการจัดฉาก แต่ที่จริงมีแผนเคลื่อนกองก�ำลังอย่าง ลับๆ เพือ่ เล่นงานเขา จึงเกิดว้าวุน่ ใจและคลุม้ คลัง่ ถึงขัน้ ส่งคนมาลอบสังหาร ท่านนายพล เพราะเชื่อว่าลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ แต่กลับกลายเป็นว่า คืนนั้นสวีจิ่งถงเป็นฝ่ายถูกยิงแทน ส่วนเหยียนจิ้งเหอไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่ น้อย เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้ และผลลัพธ์ก็อย่างที่รู้กัน นั่นคือพลเอก เหยียนที่มีบุตรชายเพียงคนเดียว ย่อมต้องเป็นเดือดเป็นแค้นกับเรื่องที่ เกิดขึ้น เพื่อเป็นการตัดรากถอนโคน บทสรุปของผู้การจ้าวจึงมีหนทางเดียว คือความตาย ตอนที่รู้เรื่องนี้ สวีจิ่งถงยังพักรักษาตัวอยู่บนเตียง มีคนมาเล่าให้ฟัง แบบไม่ปะติดปะต่อ แต่เขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ในความคิดของเขา ผูก้ ารจ้าว ตายไปเสียก็ดี เท่ากับเสี้ยนหนามได้ถูกก�ำจัดแล้ว ต่อไปจะได้ไม่มีอะไรต้อง เป็นห่วงอีก แต่ความที่เขาต้องนอนพักอยู่บนเตียง ท�ำให้การงานต่างๆ ต้อง หยุดชะงัก แม้กระทั่งเรื่องที่ต้องปรนนิบัติเจ้านายบนเตียงก็พลอยถูกระงับ ด้วย ถือเป็นผลพวงที่น่ายินดีเกินความคาดหมายของเขา 33
เหนือใจปฏิพัทธ์ แล้วในวันนัน้ เอง สวีจงิ่ ถงทีส่ ะดุง้ ตืน่ จากฝันร้ายก็ตอ้ งตกใจเล็กน้อย “นายตื่นแล้วหรือ” เหยียนจิง้ เหอปิดหนังสือในมือ ไม่รวู้ า่ ท่านนายพลมานัง่ อยูบ่ นขอบ เตียงนานแค่ไหนแล้ว สวีจิ่งถงไม่กล้าท�ำตัวเสียมารยาท จึงรีบยันกายจะ ลุกขึ้นนั่งให้เรียบร้อย แต่กลับถูกมือใหญ่จับให้นอนลงดังเดิม “ท่านนายพล...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง...” สวีจิ่งถงพูดกระท่อนกระแท่น เพราะรูส้ กึ เจ็บแผลทีบ่ า่ ตอนนีม้ นั ยังคงปวดหนึบจนชา นับจากวันทีเ่ ขาผ่าตัด เอากระสุนออก บาดแผลก็ยงั คงเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนท�ำให้ตอ้ งสะดุง้ ตื่นกลางดึกบ่อยๆ เหยียนจิ้งเหอไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม “ยังเจ็บอยู่รึ?” ชายหนุ่มพยักหน้าแทนค�ำตอบ สบตามองอีกฝ่ายอย่างวาดหวังว่า เจ้านายจะเมตตาสงสาร ตามหมอมาฉีดยาแก้ปวดให้ ทว่ากลับได้ยนิ เหยียน จิ้งเหอบอกว่า “อดทนหน่อยนะ” แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อเหมือนจะ อธิบายให้เขาเข้าใจ “ใช้มอร์ฟีนเยอะเกินไปมันไม่ดี” สวีจิ่งถงไม่กล้าพูดขัด ได้แต่พยักหน้ารับรู้ “วันนั้นนายช่วยชีวิตฉัน” เหยียนจิ้งเหอพูดเสียงราบเรียบ “ถึงแม้ว่า จะเป็นหน้าที่ของนาย แต่ฉันก็ใช่จะเป็นคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ” นายพลหนุ่ม เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย ไม่ยอมพูดต่อให้จบ คล้ายก�ำลัง ประหม่ากับสถานการณ์ทไี่ ม่เคยเจอมาก่อน ไม่รวู้ า่ ตัวเองควรพูดอะไรต่อ จึง แสดงท�ำท่าอึกอักอย่างที่หาดูได้ยากออกมา ตลอดหลายปีมานี้ สวีจงิ่ ถงคอยรับใช้อกี ฝ่ายอย่างใกล้ชดิ มีหรือจะ ไม่เข้าใจ จึงเป็นฝ่ายต่อประโยคสนทนานั้นเอง “ท่านนายพลกล่าวหนักไป แล้ว ก็แค่รับลูกกระสุนแทนเท่านั้น ต่อให้ไม่ใช่ผม ก็ต้องมีคนท�ำแทนอยู่ดี 34
อิ๋งเย่ ไม่จ�ำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจหรอกครับ” เหยียนจิ้งเหอสบตาเขานิ่งๆ สักพักจึงเอ่ยถามสิ่งที่ติดค้างในใจ ออกมา “ท�ำไมคืนนั้นนายถึงกระโจนเข้ามาหาฉัน ไม่กลัวเจ็บหรือ?” “ไม่มีเวลาให้ทันได้กลัวครับ” สวีจิ่งถงตอบตามความสัตย์จริง นาย พลหนุ่มรู้ดีว่าเขาเป็นคนกลัวเจ็บ จึงน่าจะแน่ใจได้ว่าเขาไม่ได้โกหก ค�ำตอบนัน้ คงตรงกับทีน่ ายพลหนุม่ คาดเดา สีหน้าเลยดูออ่ นโยนขึน้ เล็กน้อย น�้ำเสียงก็พลอยนุ่มนวลขึ้นด้วย “อยากได้อะไรหรือเปล่า?” แค่ได้ยนิ สวีจงิ่ ถงก็รไู้ ด้ทนั ทีวา่ อีกฝ่ายจะให้รางวัลตอบแทนคุณงาม ความดีแก่เขา ในใจอดรูส้ กึ ปลาบปลืม้ ไม่ได้ ชายหนุม่ ครุน่ คิดอยูน่ าน สุดท้าย ก็ไม่กล้าท�ำตัวเป็นคนโลภ แม้จะแอบคาดหวังอยูล่ กึ ๆ ก็ตาม “สุดแล้วแต่ทา่ น นายพลจะกรุณาเถอะครับ” “อืม งัน้ ตามนี”้ เหยียนจิง้ เหอพยักหน้า พลางหยิบสมุดเช็คออกมาก รอกตัวเลข และลงชื่อก�ำกับในตอนท้าย จากนั้นจึงฉีกแล้วยื่นส่งให้สวีจิ่งถง “เก็บไว้ดีๆ ล่ะ” สวีจ่ิงถงรับกระดาษแผ่นนั้นมาดู พลันเขาก็ท�ำตาโตราวกับไข่ห่าน ทัง้ ตกใจระคนยินดี เงินจ�ำนวนห้าแสนต้าหยางเหรียญ ถ้าหากน�ำไปแลกเป็น เงิน มันจะกองพะเนินเท่าภูเขาเลยหรือเปล่า เพือ่ เงินห้าแสนต้าหยางเหรียญนี้ ต่อให้ต้องรับลูกกระสุนอีกสองสามนัดก็คุ้มแสนคุ้ม ทว่า แม้จะรู้สึกตื่นเต้นดีใจก็จริง แต่ในใจของสวีจิ่งถงกลับคิดว่าไม่ สมควรจะได้รับเงินก้อนโตขนาดนี้ ถึงจะบอกว่าเป็นรางวัลส�ำหรับความดี ความชอบที่เขาท�ำก็เถอะ แต่เงินห้าแสนต้าหยางเหรียญมันออกจะมาก เกินไปหน่อย “ชี วิ ต ฉั น มี ค ่ า มากกว่ า เงิ น แค่ นี้ ” เหยี ย นจิ้ ง เหอพู ด เหมื อ นอ่ า น 35
เหนือใจปฏิพัทธ์ ความคิดเขาออก สวีจิ่งถงเข้าใจแจ่มชัดเมื่อได้ยินประโยคนั้น “ฉันจะจดจ�ำคุณความดีของนาย ไว้” เหยียนจิ้งเหอเน้นเสียงหนักๆ “หลังจากนี้ฉันต้องเดินทางไกล นายพักรักษาตัวอยู่ในจวนดีๆ ล่ะ อย่าออก ไปเพ่นพ่านข้างนอก” สวีจงิ่ ถงงงงันไปชัว่ ขณะ แต่ประเดีย๋ วเดียวก็ล�ำดับเรือ่ งราวในสมอง ได้ เขารีบโพล่งถามทันที “ท่านนายพลจะไปไหนหรือครับ?” เหยียนจิ้งเหอลุกขึ้น ทิ้งท้ายไว้เพียงสองค�ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ปักกิ่ง” แต่ไม่นึกเลยว่า หลังจากเหยียนจิ้งเหอออกเดินทางแล้ว ผ่านไป ครึ่งปีก็ยังไม่กลับ ซ�้ำยังไร้ข่าวคราวจากเจ้าตัวด้วย เดือนพฤษภาคมปีตอ่ มา เหยียนจิง้ เหอจัดอัตราก�ำลังคนแล้วไปรวม พลกับฝ่ายพันธมิตร พอเดือนกรกฎาคมก็น�ำทัพไปท�ำศึกกับทัพหว่านแห่ง กองทัพตะวันตกเฉียงเหนือทีเ่ กาเปยเตีย้ น3 ไม่วา่ ใครก็คาดไม่ถงึ ว่า จางอวีถ่ งิ แห่งทัพเฟิ่ง ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทัพจื๋อและทัพหว่าน จู่ๆ จะคิด ทรยศไปเข้ากับข้าศึกเมื่อมีภัยถึงตัว หลายวันต่อมา ทัพหว่านพ่ายสงคราม ต้วนจือเฉวียนได้รับโทรเลขบีบบังคับให้วางมือจากอ�ำนาจทางทหาร หลังได้เห็นข่าวนี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ สวีจิ่งถงก็รู้สึกยินดีปรีดา ยิ่งนัก ที่จริงเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแย่งชิงอ�ำนาจปกครองสักเท่าไร รู้เพียง ว่า หลังจากทีจ่ อมพลหยวนเสียชีวติ ไปเมือ่ หลายปีกอ่ น ต้วนจือเฉวียนขุนศึก ชื่ออ�ำเภอทางตอนใต้ของหูเป่ย์
3
36
อิ๋งเย่ แห่งทัพหว่านก็เข้ายึดอ�ำนาจปกครองเป็นเวลานาน ส่วนทัพจื๋อถูกบีบให้ ตกเป็นเบี้ยล่าง ต้องท�ำตามค�ำสั่งมาโดยตลอด จนวันนี้ทัพหว่านปราชัย ทัพจื๋อร่วมกับทัพเฟิ่งกุมอ�ำนาจทางการเมืองในกรุงปักกิ่ง นายพลเหยียนที่ อยู่ฝ่ายทัพจื๋อ ย่อมได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากชัยชนะครั้งนี้ แต่ใครจะคาดคิดว่า ความสุขมาเยือนได้ไม่นานเท่าไร จวนสกุล เหยียนกลับต้องเผชิญข่าวร้ายโดยไม่ทันตั้งตัว เหตุเพราะพลเอกเหยียนดีใจ ทีบ่ ตุ รชายรบชนะ ตกดึกจึงออกไปดืม่ ฉลองกับผูก้ ารจนเมามาย เมือ่ ดืม่ เหล้า เกินขนาด หัวใจก็เลยท�ำงานหนัก พานให้โรคเก่าก�ำเริบและเสียชีวติ กะทันหัน ที่หอนางโลมในคืนเดียวกันนั้นเอง
37
3
“ท่านนายพลอนุญาตให้เข้าพบได้แล้วรึ?” สวีจงิ่ ถงส่ายหน้า “ท่านนายพลอยูใ่ นห้องสมุด แต่ก�ำชับว่าห้ามใคร เข้าพบทั้งนั้นครับ” “ตั้งแต่พิธีฝังศพก็ผ่านมานานแล้วนะ ท�ำไมท่านถึงยัง...เฮ้อ คุณว่า พวกเราควรท�ำยังไงดี ตอนนี้ท่านนายพลได้เลื่อนต�ำแหน่งเป็นผู้บัญชาการ มณฑลแล้ว ทัง้ ทีถ่ อื เป็นโอกาสอันดีแท้ๆ เราจะปล่อยให้ทา่ นห่อเหีย่ วซึมเศร้า แบบนี้ต่อไปหรือ” เสธ.โจวทอดถอนใจสีหน้ากลัดกลุ้ม “คุณดูสิ ตอนนี้ บ้านเมืองก�ำลังคับขัน ท่านนายพลได้รบั แต่งตัง้ ให้สานต่อภารกิจส�ำคัญ หาก เดินทางไปตรวจเยี่ยมเมืองปักกิ่งบ้าง ยังไงก็ต้องได้เบี้ยหวัดกับเสบียงมา ไม่น้อย แต่นี่กลับ...” “ผมเองก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพียงแต่ทา่ นนายพลยังก้าวข้ามช่วง เวลาที่ยากสุดไม่ได้ สายใยพ่อลูกเป็นเรื่องที่ท�ำใจยากจริงๆ คงต้องให้เวลา อีกสักระยะ” สวีจิ่งถงกล่าวด้วยสีหน้าล�ำบากใจ ตัวเขาเองก็พลอยเศร้า 38
อิ๋งเย่ ไปด้วย นับแต่ทา่ นนายพลไปท�ำพิธสี ง่ ศพทีบ่ า้ นเกิด น�ำโลงศพบิดากลับไป ยังสุสานบรรพชน จนวันนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว แต่เหยียนจิ้งเหอกลับยัง ไม่ยอมพบหน้าผู้คน ราวกับตั้งใจแน่วแน่ที่จะตัดขาดโลกภายนอก ไม่สนใจ เรือ่ งใดๆ อีก ไม่วา่ จะเรือ่ งเล็กๆ อย่างการใช้ชวี ติ ประจ�ำวัน ไปจนถึงเรือ่ งใหญ่ อย่างภารกิจด้านการทหาร เขาล้วนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เอาแต่เก็บตัวอยู่ใน ห้องสมุดทุกวี่วัน ซ�้ำยังไม่ยอมพูดยอมจา ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วในใจก�ำลังคิด อะไรอยู่ เท่านั้นไม่พอ ปกติเหยียนจิ้งเหอก็เป็นคนที่เดาอารมณ์ได้ยากอยู่ แล้ว ถึงตอนนี้ยิ่งหนักข้อกว่าเดิม หวังจะเดาใจเขาให้ออกแทบไม่มีทางเป็น ไปได้ หลายวันก่อนบ่าวรับใช้คนหนึ่งพลั้งมือท�ำสมบัติของนายพลเหยียน ตกลงมาขณะก�ำลังปัดกวาด ทั้งที่ของชิ้นนั้นไม่ได้แตกหักหรือบุบสลาย แต่ กลับถูกท่านนายพลสั่งโบยอย่างทารุณ แล้วไล่ออกจากจวนไป เห็นประมุขคนใหม่แห่งจวนสกุลเหยียนลงทัณฑ์บ่าวไพร่อย่างโหด เหี้ยม สวีจิ่งถงยิ่งไม่กล้าท�ำให้โกรธ นอกจากดูแลเรื่องอาหารแต่ละมื้อแล้ว กระทั่งค�ำพูดครึ่งค�ำเขาก็ไม่กล้าให้หลุดจากปาก ด้วยกลัวว่าอาจท�ำให้ท่าน เจ้าชีวิตไม่พอใจ แล้วพบจุดจบไม่ดีในที่สุด แต่จะว่าไป ที่เสธ.โจวพูดก็ใช่จะ ไม่มีเหตุผล ท่านนายพลโศกเศร้าเพราะสูญเสียผู้เป็นบิดาแบบกะทันหัน ถึง จะเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์ย่อมต้องเสียใจ แต่จะปล่อยให้หมดอาลัยตาย อยากเช่นนีค้ งไม่ได้ ไม่ควรปล่อยวันเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ต้องหา วิธีมากระตุ้นให้เจ้าตัวเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกครั้ง สมองของสวีจิ่งถงบอกเช่นนี้ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ท�ำได้ยาก จริงๆ 39
เหนือใจปฏิพัทธ์ หลังส่งเสธ.โจวที่ยังไม่คลายวิตกกังวลกลับไป ตอนหัวค�่ำ สวีจิ่งถง สั่งให้คนเตรียมอาหารมื้อเย็น แล้วน�ำไปส่งให้เจ้านายด้วยตัวเอง แต่พอเดิน มาถึงหน้าห้องสมุด ชายหนุ่มก็ลังเลอยู่นาน ในที่สุดจึงตัดสินใจเคาะประตู และยืนรอค�ำอนุญาตจากคนข้างใน ผ่านไปหลายนาที กว่าจะได้ยินเสียง แหบโหยตอบกลับมาเบาๆ ว่า “เข้ามา” สวีจิ่งถงใจเต้นรัว เม้มริมฝีปากแน่น พยายามวางสีหน้าให้ดูเรียบ เฉย ไม่หวาดหวัน่ ต่อสิง่ ใด ก่อนผลักบานประตูเข้าไป ในมือถือถาดอาหารซึง่ มีถ้วยโจ๊กและกับข้าวสองสามอย่าง น�ำไปจัดเรียงบนโต๊ะ แล้วลอบช�ำเลือง มองอีกฝ่าย เห็นคนผู้นั้นยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แม้จะยังคงดูสะอาดสะอ้าน ไม่เปลี่ยน แต่ร่างกายกลับทรุดโทรมจนดูแทบไม่ได้ ชายหนุ่มทนไม่ไหวจน ต้องเอ่ยปากเรียกออกไป “ท่านนายพลครับ ท่าน...” “หุบปาก” เหยียนจิ้งเหอร้องสั่งด้วยน�้ำเสียงเย็นเยือก สีหน้าทะมึน สวีจิ่งถงใจหายวาบ รีบหุบปากทันควัน ไม่กล้าพูดต่อ พอจัดส�ำรับเสร็จ เขาก็ขยับไปยืนข้างๆ เพื่อรอให้เจ้านายเรียกใช้ สะดวก หลายวันทีผ่ า่ นมา เหยียนจิง้ เหอกินข้าวน้อยมาก วันๆ เอาแต่นงั่ ท�ำท่า ซังกะตายอยูห่ น้าโต๊ะท�ำงาน วันนีแ้ ค่ตกั โจ๊กเข้าปากไม่กคี่ �ำก็ท�ำท่าหมดความ อยากอาหาร แล้ววางตะเกียบลงพร้อมกับสั่ง “เก็บออกไปได้” สวีจิ่งถงได้ฟังค�ำนั้น พลันรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเกิดและเติบโตมาอย่างโดดเดีย่ ว ชีวติ วัยเยาว์พบแต่ความล�ำบาก ยากแค้น ญาติพนี่ อ้ งหมางเมิน มีความเป็นอยูแ่ บบกินไม่อมิ่ นอนไม่อนุ่ เวลา หิวไส้กิ่ว แม้แต่ผักหญ้า หัวเผือกหัวมัน ก็ต้องยัดลงท้องเพื่อประทังความหิว ตอนหลังเมื่อถูกขายมาเป็นบ่าวในจวนสกุลเหยียน ถึงมีชีวิตความเป็นอยู่ ดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยลืมความหลัง เขาเป็นคนความรู้น้อย แต่ก็พอจะส�ำนึกได้ 40
อิ๋งเย่ ว่าการที่ตัวเองได้กินอิ่มนอนหลับอย่างทุกวันนี้ เป็นเพราะบุญคุณของสกุล เหยียน จึงตั้งใจปรนนิบัติรับใช้คุณชายอย่างดีมาตลอด แม้แต่เรื่องบนเตียง ก็ยอมท�ำ ด้วยกลัวว่าหากวันใดต้องสูญเสียสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ อาจต้องกลับไป มีชีวิตอดๆ อยากๆ และนอนหนาวเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมา ครั้นเห็นเหยียนจิ้งเหออยู่ในสภาพย�่ำแย่เกินทน สวีจิ่งถงก็ลืมตัว โพล่งออกไปโดยไม่กลัวความผิด “ท่านนายพลคิดจะท�ำสีหน้าท่าทางแบบนี้ ให้ใครดูหรือครับ” ทันทีที่ค�ำพูดนี้หลุดจากปาก ทั้งสองฝ่ายต่างชะงักพร้อมกัน เหยียนจิ้งเหอนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ บนใบหน้าจึงเริ่มมีริ้วรอยแห่งโทสะ ปรากฏขึ้น บ่าวหนุ่มรู้ตัวว่าพลั้งปากพูดไม่ดีออกไป ควรใช้โอกาสตอนที่ผู้เป็น นายยังไม่อาละวาด ยอมรับผิดและร้องขอความเมตตา ว่าแล้วเขาก็ทรุดตัว ลงคุกเข่ากับพืน้ แสดงท่าทางให้รวู้ า่ ตนส�ำนึกผิด และจะปรับปรุงตัวให้อยูใ่ น โอวาท ไม่ท�ำผิดซ�้ำ ทั้งที่ในใจเขาอยากพูดเช่นนี้ออกไปให้เร็วที่สุด แต่ไม่รู้ว่า เหตุใดปากถึงไม่ยอมท�ำตาม ซ�้ำยังเอาแต่ก้มหน้างุดนิ่งเงียบ เหมือนรู้ว่า ตัวเองก่อเรื่องใหญ่เอาไว้แล้วรอให้เจ้านายตัดสินโทษ “แค่ ไ ม่ เ รี ย กใช้ ไ ม่ กี่ วั น นายก�ำเริ บ เสิ บ สานถึ ง ขนาดนี้ เ ชี ย วรึ ? ” เหยียนจิ้งเหอพูดเสียงเย็นชา “ผมไม่กล้า...” สวีจิ่งถงรีบตอบ “มีอะไรทีน่ ายไม่กล้าท�ำบ้าง?” เหยียนจิง้ เหอแค่นเสียงขึน้ จมูก แล้ว พูดต่อเสียงเย็นเยือกราวกับน�้ำแข็งขั้วโลก ที่แช่แข็งคนให้ตายได้ภายในไม่กี่ วินาที “ถือว่าเคยรับลูกปืนแทนฉัน เลยปากเก่งกล้าพูดจาเสียดสีงั้นหรือ คิด ว่าฉันจะใจดีไม่เอาเรือ่ งสินะ เมือ่ ก่อนนายไม่ได้มนี สิ ยั โอหังแบบนี้ ท�ำไมอยูๆ่ 41
เหนือใจปฏิพัทธ์ ถึงเปลีย่ นไป แล้วไอ้ค�ำพูดเมือ่ กี้ ใครเสีย้ มสอนนายมา!” ประโยคสุดท้ายนาย พลหนุ่มเน้นเสียงเหี้ยม สีหน้าดุดัน เหมือนเป็นร่างแปลงของเปาบุ้นจิ้น ตอนพิพากษาคดี เตรียมตบโต๊ะแล้วสัง่ ให้ลากตัวจ�ำเลยออกไปตัดหัวอย่างไร อย่างนั้น “ไม่มีใครสอนครับ” สวีจิ่งถงกลืนน�้ำลายลงคออย่างฝืดฝืน เขารู้ว่า ตัวเองเผลอไปยั่วโทสะผู้เป็นนายเข้าให้ แต่ไหนๆ ก็มีความผิดแล้ว ขอพูดสิ่ง ทีย่ งั ค้างคาใจให้จบก่อนเถอะ “ไม่แปลกทีค่ ณ ุ ชายจะเศร้าโศกต่อการจากไป ของนายท่าน แต่จะเป็นแบบนี้ตลอดไปไม่ได้นะครับ...” “หุบปาก!” เหยียนจิ้งเหอหน้าตึง หัวคิ้วขมวดแน่น บ่งบอกว่าก�ำลัง โกรธสุดขีด ทว่าเพียงอึดใจเดียวก็แสยะยิ้มเย็นชา “นายมันแค่คนชั้นต�่ำ กล้าดียังไงถึงมาพูดแบบนี้กับฉัน!” นับแต่นายพลเหยียนจากไป สวีจงิ่ ถงมองดูคนผูน้ ซี้ บู ผอมอิดโรยลง ทุกวันๆ ในใจเขาย่อมรูส้ กึ กรุน่ โกรธและปวดร้าวอยูล่ กึ ๆ ขณะนีส้ มองของเขา ก�ำลังสับสน ค�ำพูดร้ายๆ จึงหลุดออกจากปากอย่างไม่อาจควบคุมได้อีก “ก็ อย่างที่คุณชายทราบดีอยู่แล้วว่าผมเป็นแค่บ่าวผู้ต้อยต�่ำ ถึงตอนนี้จะมี ต�ำแหน่งเป็นทหารคนสนิท ก็เหมือนมีแต่หัวโขน แท้จริงกลับถูกเจ้านาย ข่มเหงรังแก จิกหัวด่าสารพัด เวลานีน้ ายท่านจากไปได้สองเดือนแล้ว คุณชาย กลับยังเก็บตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวัน ซ�้ำยังไม่ยอมให้ใครพบ ไหนจะเรื่องอด อาหารนีอ่ กี กว่าจะพูดแต่ละค�ำก็ชา่ งยากล�ำบาก เอาแต่หดหัวอยูใ่ นกระดอง ยิ่งกว่าลูกเต่า...” พอว่ามาถึงตรงนี้ สวีจิ่งถงก็พูดต่อไม่ไหว หน้าตาแดงก�่ำขอบตา ร้อนผ่าว เขาไม่รวู้ า่ แท้จริงแล้วทีต่ วั เองวูว่ ามขนาดนี้ เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ 42
อิ๋งเย่ หากจะว่ากันตามจริงแล้ว ต่อให้คนคนนี้อดข้าวจนตาย ก็ไม่ใช่ธุระกงการ อะไรของเขา เพียงแต่วา่ ทุกครัง้ ทีเ่ ห็นสีหน้าอมทุกข์เพราะการจากไปของบิดา ตัวเขาก็รสู้ กึ อัดอัน้ ตันใจ ไม่อาจจะระบายให้ใครฟังได้ และกลายเป็นตะกอน สะสมอยู่ในใจ ที่นับวันจะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ จนระเบิดออกมาอย่างที่เห็น แม้เขาจะมีชาติก�ำเนิดต�่ำต้อย ถึงกระนั้นก็ยังสู้อุตส่าห์ดิ้นรนเพื่อ ความอยู่รอด แต่เหยียนจิ้งเหอซึง่ มีชาติตระกูลสูง กลับท�ำตัวตกต�ำ่ ไร้คุณค่า ไม่มี เรื่องใดในโลกจะเหลวไหลไร้สาระไปกว่านี้อีกแล้ว “เยี่ยม พูดได้ดี!” เหยียนจิ้งเหอนัยน์ตาวาววับพลางแค่นเสียงขึ้น จมูกอย่างเย้ยหยัน “ไม่นึกเลยว่านายจะซ่อนความในใจไว้ตั้งมากมาย จน วันนี้ถึงกล้ามาพูดให้ฉันฟัง” “คุณชาย...” สวีจิ่งถงชักรู้ตัวว่าพูดแรงไป และนึกกลัวว่าจะโดน ลงโทษ เพราะฝ่ายตรงข้ามถนัดกับเรื่องแบบนี้ นาทีนั้นชายหนุ่มก็เกิดความ ประหวัน่ พรัน่ พรึงขึน้ ในใจ จึงรีบหุบปากแล้วหลุบตาลงตำ�่ เอาแต่จอ้ งมองไป ที่พื้นอยู่อย่างนั้น เมื่อนานมาแล้ว สมัยที่เหยียนจิ้งเหอยังเป็นเด็กน้อย เขามักมี อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เอาใจยาก ถ้าดีใจก็ตบรางวัล แต่ถ้าท�ำให้ไม่พอใจจะ สัง่ ลงโทษสถานหนัก การตบรางวัลของคุณชายเหยียนคือให้เงินทองของมีคา่ แต่ส�ำหรับบทลงโทษอันนี้พูดยาก... เมื่อก่อนคุณชายเคยโปรดปรานบ่าวรับใช้คนหนึ่ง ทั้งสองมักแสดง ความรักอันเร่าร้อนต่อกัน โดยไม่มีใครมาแยกได้ แต่ครั้งหนึ่ง คนคนนั้นเกิด ท�ำสิง่ ผิดพลาดโดยไม่เจตนา รินน�ำ้ ชาหกรดกล่องดวงใจคุณชาย แต่ปากแข็ง ไม่ยอมรับผิด คุณชายเลยเกิดโทสะขึ้นอย่างฉับพลัน สั่งให้จับบ่าวรับใช้ 43
เหนือใจปฏิพัทธ์ คนนั้นแขวนกับขื่อ แล้วใช้แส้หนังวัวโบยจนปางตาย ตอนทีบ่ า่ วรับใช้ผโู้ ชคร้ายถูกปล่อยลงมา สวีจงิ่ ถงก็อยูใ่ นเหตุการณ์ ด้วย แต่เพียงแค่ได้เห็นร่างขาวเนียนถูกเฆี่ยนตีเลือดไหลโชก แล้วโดนหาม ออกไปในสภาพไม่ตา่ งจากซากศพ ภายหลังก็ไม่มใี ครได้เห็นคนผูน้ นั้ อีกเลย คาดว่าน่าจะถูกขับออกจากจวนไปแล้ว เมือ่ นึกถึงเรือ่ งนีข้ นึ้ มา สวีจงิ่ ถงทีห่ ายสับสนวุน่ วายใจ ก็พลันเกิดเป็น ความหวาดกลัวขึ้นมาแทน แต่จะว่าไป หลายปีมานี้คุณชายก็ดีกับเขามาก ไม่ค่อยใจร้ายกับ เขาเท่าไร นอกจากตอนท�ำเรือ่ งอย่างว่าด้วยกันบนเตียงแล้ว คุณชายก็ไม่เคย ท�ำให้เขาต้องเจ็บตัวเลยสักครั้ง ทว่าพอนึกดูดีๆ ฝ่ายนั้นเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม และใช่จะมีแค่การเฆี่ยนตี ที่สร้างความเจ็บปวดอย่างเดียวเสียเมื่อไร “นายกล้าพูดจาแบบนี้กับฉัน ได้เตรียมใจรับมือกับผลที่จะตามมา หรือเปล่า?” น�้ำเสียงของเหยียนจิ้งเหอเรียบเรื่อย ทว่าตรงข้ามกับใบหน้าที่ ฉายแววโกรธขึ้งอย่างเห็นได้ชัด สวีจิ่งถงรีบส่ายหน้าอย่างซื่อๆ ถ้าค�ำนึงถึงสิ่งที่จะตามมา มีหรือที่ เขาจะกล้ายอกย้อนเจ้านาย ไม่แม้แต่จะกล้าคิดเลยด้วยซ�้ำ มาส�ำนึกได้ ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ปกติเขาถือคติ ‘รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน’ แต่เมื่อครู่ ไม่รู้ว่าผีร้ายตนใดมาเข้าสิง ท�ำให้เขาพลั้งปากพูดประโยคเหล่านั้น และต้อง มาก้มหน้ารอรับกรรมอย่างในตอนนี้ ชายหนุม่ ไม่ได้คดิ ทบทวนว่าเหตุใดตัวเองถึงไม่ยงั้ ปาก เก็บง�ำค�ำพูด ทีซ่ กุ ซ่อนอยูใ่ นใจพวกนัน้ ไว้ แต่ตามความเข้าใจของตัวเอง เขาคิดว่าสิง่ ทีพ่ ดู และท�ำลงไป ไม่ถึงกับผิดไปหมดทุกอย่าง แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่รู้อะไร แล้ว 44
อิ๋งเย่ ด้วยความที่ไม่กล้าเงยหน้ามองเหยียนจิ้งเหอ สวีจิ่งถงจึงไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วฝ่ายตรงข้ามในเวลานี้มีสีหน้าเป็นเช่นไร รับรู้เพียงแค่ถูกสายตา คมกริบของอีกฝ่ายจ้องเขม็งอยูน่ านแล้ว ท�ำให้เขายิง่ ร้อนรน กระวนกระวาย เหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มแผ่นหลัง เสื้อเชิ้ตชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ที่ผุดซึมออก มา จนหนาวสะท้านไปทั้งตัว ผ่านไปพักใหญ่ ในทีส่ ดุ เหยียนจิง้ เหอก็พดู ด้วยเสียงทุม้ พร่าออกมา “นายนีย่ อดจริงๆ ท�ำผิดแล้วยังไม่รจู้ กั ร้องขอความเมตตา ฉันสัง่ สอนนายมา แบบนี้รึ?” ทันทีที่สวีจิ่งถงได้ฟังค�ำนั้น ก็ต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ เหยียนจิง้ เหอไม่พดู ว่าเขา ‘สัง่ สอนเจ้านาย’ แต่กลับใช้ค�ำว่า ‘ท�ำผิด’ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาจะลงโทษขั้นรุนแรง บางทีถ้าเขายอมรับผิดแล้ว อ้อนวอนให้ยกโทษ เจ้าตัวอาจจะไม่ถือสาหาความก็ได้ เช่นนั้นเขาควรถอย หนึ่งก้าวในตอนนี้ ต่อให้ถูกลงโทษ ก็คงไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออก หรือโดน ทุบตีจนแข้งขาหักกระมัง ยังไม่ทันได้ไตร่ตรองความหมายของค�ำพูดนั้นให้ถี่ถ้วน ชายหนุ่มก็ รีบคุกเข่าประจบผูเ้ ป็นนายทันที “เมือ่ ครูผ่ มพูดไปโดยไม่คดิ ขอคุณชายโปรด อภัยให้สักครั้งเถอะ” “ปากกล้าดีนี่” เหยียนจิ้งเหอยิ้มหยัน “นายขอให้ยกโทษ ฉันก็ต้อง ยกโทษงั้นรึ อย่างนั้นฉันจะกลายเป็นตัวอะไรกันล่ะ?” สวีจิ่งถงตกใจจนพูดไม่ออก ก่อนจะตั้งสติ รวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้น เห็นคุณชายลุกเดินออกจากโต๊ะมาหยุดยืนหน้าเขา สีหน้ากึ่ง เยาะหยันกึ่งร�ำคาญ แต่ความโกรธกริ้วเมื่อครู่ดูจะเบาบางลง ชายหนุ่มค่อย หายใจทั่วท้อง แม้เจ้านายเขาจะมีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้และเดาใจยาก 45
เหนือใจปฏิพัทธ์ แต่เท่าทีป่ รนนิบตั ริ บั ใช้มานานปี ก็ท�ำให้พอมองออกว่า ถึงจะยังไม่หายโกรธ แต่เพลิงโทสะที่คุกรุ่น บัดนี้เริ่มมอดลงบ้างแล้ว ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นคนตรงหน้าจ้องเขาด้วยแววตาถมึงทึง นึก อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็หุบปากเพราะไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี พอเหยียนจิ้งเหอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ ก็เริ่มหมดความอดทน จะรอฟังค�ำแก้ต่างจากคนผิด จึงหมุนกายเตรียมจากไป สวีจิ่งถงใจหายวาบ รีบร้องเรียกเพื่อรั้งตัวไว้ “คุณชาย...” คนถูกเรียกไม่ขานรับ แต่ชะงักฝีเท้าอยู่ตรงนั้น นาทีนี้ สวีจิ่งถงคิดอยากเอาใจเหยียนจิ้งเหอ แต่ไม่รู้ควรท�ำยังไง เขาพยายามเค้นสมองคิด รับใช้มาสิบกว่าปี จะว่าไม่รู้ใจกันเลยก็คงไม่ใช่ อย่างน้อยตอนอยูบ่ นเตียง หลังจากคุณชายเสร็จสมอารมณ์หมาย เขามักได้ ทุกอย่างตามที่ขอ เวลาอยากลาหยุดไปข้างนอก ก็มักใช้วิธีนี้และได้ผล ทุกครั้ง เพียงแต่เขากลัวค�ำครหาของคน จึงไม่ค่อยอยากเอาเรื่องนี้มาหา ผลประโยชน์ใส่ตัว ทว่าวันนี้อาจต้องงัดมันออกมาใช้เสียแล้ว สวีจงิ่ ถงเม้มปากแน่น ลังเลอยูห่ ลายอึดใจก่อนจะท�ำอย่างทีเ่ คยเวลา คลอเคลียกันบนเตียง เมื่อรวบรวมความกล้าได้ เขาก็กระหวัดแขนโอบกอด เหยียนจิ้งเหอจากด้านหลัง อีกฝ่ายยืดตัวตรงทันที เมื่อซุกไซ้ใบหน้าไปบน แผ่นหลังกว้างของผู้เป็นนาย สวีจิ่งถงก็เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “คุณ...คุณชาย โปรดเมตตา...” ทว่าคนตรงหน้าเขากลับยืนนิ่ง เพียงแต่ถามด้วยเสียงแหบพร่า “ท�ำได้แค่นี้เองรึ?” สวีจงิ่ ถงชักร้อนใจแต่พยายามท�ำสีหน้าให้ดเู ยือกเย็น พลางโน้มหน้า เข้าไปชิดล�ำคออีกฝ่าย นึกหาค�ำพูดหวานๆ มาประจบเอาใจ ทว่าคิดหัวแทบ 46
อิ๋งเย่ แตกก็คดิ ไม่ออก สุดท้ายจึงกล่าวค�ำทีแ่ สนจะซือ่ ตรงออกมา “คุณชายเมตตา ด้วยเถอะครับ...” ทั น ใดนั้น เหยียนจิ้ง เหอก็หันกลับ มาจ้องหน้าเขา ใบหน้าของ ฝ่ายนั้นดูเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ดวงตาคมปลาบกลับส่องประกายวาววับ ราวกับเจ้าป่าที่จ้องจะตะครุบเหยื่อตัวน้อยก็ไม่ปาน “...มีลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้น่ะหรือ?” ยังไม่ทันได้ไตร่ตรองค�ำพูดอีกฝ่าย สวีจิ่งถงก็ต้องตกใจกับการ กระท�ำทีเ่ กิดขึน้ โดยไม่ทนั ให้ตงั้ ตัว เหยียนจิง้ เหอจับเขากดลงบนโต๊ะ ก่อนใช้ มือดึงหัวเข็มขัด ราวกับตั้งใจจะท�ำเรื่องอย่างว่าที่นี่เดี๋ยวนี้ “คุณชาย...” ชายหนุ่มอยากจะอ้อนวอน แต่กลับไม่กล้าเปล่งเสียง ใดๆ ออกมาได้ “หุบปาก!” เหยียนจิ้งเหอร้องสั่งอย่างร�ำคาญ พลางกระชากเข็มขัด เขาโยนลงพื้น เสียงหัวเข็มขัดตกกระทบพื้นดังกังวาน และไม่รู้ว่าท�ำไม ทั้งที่ เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แต่สวีจิ่งถงกลับรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟ ร้อนระอุแผดเผาไปทั่วร่าง บอกไม่ถูกว่าแท้จริงแล้ว ตนเองก�ำลังขัดเขินหรือ ตื่นเต้นกันแน่ ช่างน่าประหลาดเสียจริง เขาคิดในใจ แล้วนาทีตอ่ มาผิวกายก็สมั ผัส ความเย็นเยือก หลังจากเสือ้ เชิต้ ถูกฉีกกระชากอย่างไร้ความปรานี กระดุมร่วงลงพืน้ กระเด็นไปคนละทิศละทาง เหยียนจิง้ เหอก็ปดั ป่ายฝ่ามือหยอกเย้าไปทัว่ ร่าง ทีโ่ ดนกดอยูก่ บั โต๊ะ นาทีตอ่ มามือใหญ่จงึ ดึงทึง้ กางเกงออกไป ยังไม่ทนั จะได้ อ้าปาก นิว้ กร้านทีเ่ พิง่ จุม่ ลงในถ้วยน�ำ้ ชาเย็นชืด ก็แทรกเข้ามาในช่องทางลับ ที่ว่างเว้นเรื่องอย่างว่าไปนาน สวีจิ่งถงขมวดคิ้วแน่น ความเจ็บปวดแล่นริ้ว 47
เหนือใจปฏิพัทธ์ ไปทัว่ กายเบือ้ งล่าง แต่ฝนื ทนเอาไว้ เพราะเกรงจะไปขัดจังหวะความส�ำราญ ของผู้เป็นนาย “ผ่อนคลายหน่อย” เสียงแหบพร่าของเหยียนจิ้งเหอดังมาจาก ด้านหลัง คล้ายก�ำลังข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง ยิ่งแทรกลึกยิ่งน�ำพาความเจ็บแสบมาให้ แต่สวีจิ่งถงไม่กล้าขัดขืน ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกพยายามผ่อนคลาย เหยียนจิ้งเหอสอดนิ้วที่สอง เข้าไป แล้วกดเน้นจ้วงลึกมากกว่าเดิม จากนัน้ ก็เริม่ ขยับเข้าออกเพือ่ เบิกทาง สวีจงิ่ ถงข่มใจทนกับความเสียวซ่านแปลกๆ ทีก่ �ำลังจูโ่ จมทัว่ ร่าง ทว่า ในใจกลับเกิดข้อสงสัยบางอย่าง ตามปกติเวลามีอะไรกัน เหยียนจิ้งเหอมักตะบี้ตะบันสอดใส่เข้ามา ซึง่ มันท�ำให้เขาเจ็บปวดแทบทนไม่ไหว แต่ไม่รวู้ า่ ครัง้ นีอ้ กี ฝ่ายนึกอย่างไร ถึง มีท่าทีต่างจากเดิมราวกับเป็นคนละคน จนเขาแทบตั้งรับไม่ทัน และแล้วนิ้ว ทีส่ ามก็ช�ำแรกเข้ามา พร้อมกับทีช่ ายหนุม่ รับรูไ้ ด้ถงึ ฟันคมทีก่ ดั ลงบนหลังคอ ของตน ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ หรือเพราะร่างกายเริ่มคุ้นชินกับสัมผัสที่อีก ฝ่ายมอบให้ ความเจ็บก่อนหน้านี้ถึงได้ลดทอนลงจนแทบไม่เหลือ สวีจิ่งถง ทอดกายนอนฟุบอยู่บนโต๊ะดุจเแมวน้อยแสนเชื่อง ทว่าจู่ๆ เหยียนจิ้งเหอก็ ถอนนิ้วออก ซึ่งก่อเกิดความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ แล้วพลันมีเสียงบางอย่าง ดังมาจากด้านหลัง เป็นเสียงแกะหัวเข็มขัดและรูดซิปกางเกง สวีจิ่งถง เม้มปากแน่น แต่ยามที่เหยียนจิ้งเหอสอดใส่ท่อนเนื้อแข็งขึง เขาก็เผลอหลุด เสียงครางเครือในล�ำคอออกมา ชายหนุม่ รูส้ กึ เจ็บปวดแสนสาหัส แม้จะเพิง่ ถูกขยายช่องทางจากนิว้ ทั้งสามแล้วก็ตาม แต่เพราะห่างหายจากเรื่องแบบนี้มานาน พอเจอความ 48
อิ๋งเย่ โอฬารของคุณชายแทรกเข้ามา ก็ให้เจ็บร้าวราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสีย่ งๆ เจ็บจนหน้ามืดวิงเวียน ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษ “เจ็บรึ?” คนด้านหลังถามเสียงเรียบ เหงื่อเย็นผุดซึมเต็มวงหน้า สวีจิ่งถงเจ็บจนลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็ไม่ใช่เวลากล่าวโทษอีกฝ่ายให้เสียอารมณ์ ชายหนุม่ จึงได้แต่ ขบกรามแน่นเพือ่ ข่มความเจ็บ ก่อนเค้นเสียงตอบอย่างแผ่วเบา “ไม่เจ็บครับ ขะ...ขอบคุณคุณชายที่ให้รางวัล” “ในเมือ่ ไม่เจ็บก็ทนไปแล้วกัน” ปกตินำ�้ เสียงของเหยียนจิง้ เหอก็ยาก จะเดาความคิดได้อยู่แล้ว วันนี้ยิ่งฟังดูเย็นเยือกเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเขาคิดไป เองหรือเปล่าว่า ดูเหมือนในน�้ำเสียงที่เย็นเฉียบนั้นแฝงความไม่พอใจเอาไว้ สวีจิ่งถงชักผวา แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ทันใดนั้น เหยียนจิ้งเหอก็ โอบรัดเอวเขาไว้แน่น แล้วกระทัน้ สะโพกเข้ามาแรงๆ ส่งท่อนเนือ้ แข็งขึงตอก เข้าไปยังส่วนลึกสุด หนนีเ้ ขาเจ็บจนเกินทน หลุดเสียงครางชวนขายหน้าออก มาอย่างกลั้นไม่อยู่ ช่องทางที่ถูกเสียดสีบวมเป่งและปวดหนึบจนชา ในที่สุด สวีจิ่งถงก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาท�ำปากแข็ง ที่เขาต้อง เจ็บตัวล�ำบากใจอยู่ตอนนี้ เพราะอีกฝ่ายไม่พอใจกับค�ำตอบของตน จึงรีบ วอนขอความเห็นใจ “คุณชาย...ได้โปรดสงสารผมเถอะครับคุณชาย...” “ไหนว่าไม่เจ็บไง?” เหยียนจิ้งเหอถามอย่างเย็นชา พูดจบก็กระดก เอวกระแทกกระทั้นต่ออีกหลายที สวีจิ่งถงเนื้อตัวสั่น เหงื่อเย็นชุ่มโชกไปทั่ว ร่าง หน้าตาดูเสียขวัญจนน่าสงสาร ขอบตาแดงช�้ำเอ่อคลอไปด้วยหยาด นำ�้ ใส แทบอยากร้องไห้สะอึกสะอืน้ ออกมาอย่างไม่อาย เหมือนเด็กน้อยทีถ่ กู ฟาดก้นลงโทษ “เจ็บ...” ชายหนุ่มร้องขอความเมตตา ไม่รู้ด้วยซ�้ำว่าน�้ำเสียงตนเจือ 49
เหนือใจปฏิพัทธ์ ความทรมานไว้แค่ไหน ก็ในเมื่อเขาเปิดปากยอมรับและร้องขอการให้อภัย ตามทีอ่ กี ฝ่ายต้องการแล้ว ท�ำไมจึงยังถูกกระหน�ำ่ อย่างไร้ความปรานีกนั เล่า “เจ็บจริงรึ?” เหยียนจิ้งเหอถาม ถึงจะหันหลังให้เจ้านาย แต่สวีจิ่งถงยังคงพยักหน้ารัวอย่างซื่อตรง ไม่ท�ำปากแข็งอีก “พูดความจริงซะแต่แรกฉันก็จะยอมปล่อยนายไปง่ายๆ อยู่หรอก แต่ตอนนี้...” ค�ำพูดของเหยียนจิ้งเหอฟังคลุมเครือ ดูน่าจะไม่ใช่เรื่องดี สักเท่าไร แต่แรงกระทัน้ จากด้านหลังหยุดชะงักลง คล้ายเจ้าตัวก�ำลังครุน่ คิด อะไรบางอย่าง หรือจะตรึกตรองว่าควรจัดการเขาเช่นไรดี สวีจงิ่ ถงเห็นอีกฝ่ายไม่พดู ไม่จาก็รบี อ้อนวอนเสียงกระเส่า “คุณชาย ได้โปรดเบาหน่อย ผม...ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ...” เหยียนจิ้งเหอไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขานิ่งเงียบอยู่นานจึงเอ่ยปาก “นายคือคนทีร่ ำ�่ ร้องอยากท�ำ แต่พอตอนนีก้ ลับมาบ่นว่าไม่ไหว ช่างเอาใจยาก จริง ต่อไปวันหน้าจะไม่ยิ่งได้ใจหรือ ถ้ามีใครรู้ว่าฉันยอมท�ำตามที่นายขอ ทุกอย่าง ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน?” นายพลหนุม่ พูดด้วยนำ�้ เสียงหาเรือ่ งเต็มที่ สวีจงิ่ ถงจึงไม่กล้าวิงวอน ต่อ และหุบปากสนิทรอรับการลงโทษจากฝ่ายนั้น ผ่านไปชัว่ ครู่ นึกไม่ถงึ ว่าเหยียนจิง้ เหอจะโน้มกายท่อนบนทีย่ งั สวม เสื้อผ้าเรียบร้อย ลงมาแนบสนิทกับแผ่นหลังของเขา พลางยื่นมืออ้อมมา ข้างหน้า แล้วฟอนเฟ้นเค้นคลึงส่วนไวสัมผัสกลางล�ำตัว สวีจงิ่ ถงถึงกับตะลึง พรึงเพริดไปในบัดดล ก่อนหน้านีแ้ ก่นกายของเขายังนอนสงบนิง่ อยูต่ รงหว่าง ขา พอถูกมือแกร่งกอบกุมนวดคลึงได้ไม่นาน ก็รู้สึกเสียวซ่านทรมานขึ้นมา ลีลาการใช้มือของเหยียนจิ้งเหอช่างพลิ้วเหมือนการร่ายร�ำเพลงกระบี่ หาก 50
อิ๋งเย่ แต่อีกหลายนาทีต่อมา ท่อนเนื้อของสวีจิ่งถงก็ยังแค่เพียงแดงขึ้นเท่านั้น แต่ อ่อนยวบไม่แข็งขึงเสียที “เจ้าหนูของนายมันไม่ไหวแล้วหรือไง?” เหยียนจิ้งเหอค่อนแคะ ถึงสวีจิ่งถงจะชินกับการคุกเข่าประจบเจ้านาย แต่ไม่มีวันยอมเสีย เชิงชายต่อหน้าคนคนนี้ เขารูส้ กึ กระอักกระอ่วนใจ ขณะตอบเสียงอ่อย “ไม่ใช่ นะครับ...ผมแค่ไม่ชิน...” “ไม่ชิน?” เหยียนจิ้งเหอย้อนถามแบบมีนัย แต่แล้วกลับพูดตัดบท “เอาเถอะ งั้นแล้วแต่นายละกัน” สวีจิ่งถงตะลึงงันเมื่อได้ฟังค�ำพูดนั้น แม้จ�ำนวนครั้งที่ปรนนิบัติเหยียนจิ้งเหอจะไม่ถึงหลักพัน แต่ก็เกิน ร้อยไปไกลแน่ๆ ทว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้ยินเจ้าตัวพูดเช่น นีม้ าก่อน ความสัมพันธ์ทางกายของเหยียนจิง้ เหอ ก็เหมือนการปกครองทหาร ในกองทัพ คือมีขั้นมีตอน มีกฎระเบียบ ส่วนใหญ่หลังจากเสร็จสมอารมณ์ หมาย เหยียนจิ้งเหอมักบังคับให้เขาส�ำเร็จความใคร่ตัวเอง พอนานวันเข้าก็ กลายเป็นธรรมเนียมทีไ่ ม่เคยเปลีย่ น แล้วจูๆ่ เจ้าตัวกลับพูดเช่นนีอ้ อกมา เขา เลยไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร “มัวท�ำบื้ออะไรอยู่” เสียงเหยียนจิ้งเหอพูดขึ้นอย่างเบื่อๆ สวีจิ่งถงไม่กล้าโต้แย้งใดๆ รีบท�ำตามค�ำสั่งอีกฝ่าย ด้วยการลดมือ ลงไปกุมแก่นกายตัวเอง แล้วกระตุกข้อมือนวดคลึงจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว กระทัง่ ความเจ็บแปลบทีเ่ กิดขึน้ ก่อนหน้าเริม่ คลายลง เวลานีค้ วามโอฬารของ เหยียนจิง้ เหอก็ยงั คงสอดประสานอยูใ่ นช่องทางทีล่ กึ สุดของเขา ชายหนุม่ สาว ข้อมือระรัว ทว่าผ่านไปหลายนาที ส่วนอ่อนไหวนั้นก็ยังคงไร้การตอบสนอง สวีจิ่งถงจึงรีบเร่งปลุกเร้ามัน เพราะเกรงจะท�ำให้เจ้าชีวิตที่ซ้อนกายอยู่ด้าน 51
เหนือใจปฏิพัทธ์ หลังขุ่นเคืองขึ้นมาอีก แต่ทั้งที่พยายามควบคุมสติให้เยือกเย็น แต่ยังอด ว้าวุ่นใจไม่ได้อยู่ดี จังหวะนั้นเอง เหยียนจิ้งเหอโน้มหน้าเข้ามาชิดริมหู พร้อมกับพูด เสียงหนักว่า “ถ้ามันไม่แข็งก็พอเถอะ ดูท่าว่านายคงไม่จ�ำเป็นต้องมีมันไว้ แล้วละ งั้นก็...ไม่ต้องเก็บมันไว้หรอก” นายพลหนุ่มกล่าวเสียงเย็นเยียบ ติดจะค่อนขอดอยู่ในที สวีจิ่งถง ยังไม่ทันได้หวาดผวากับค�ำพูดอีกฝ่าย พลันต้องตกตะลึงกับท่าทีตอบสนอง ของตัวเอง ไม่รวู้ า่ เกิดอะไรขึน้ ทันทีทสี่ มั ผัสได้ถงึ ลมหายใจร้อนผ่าวจากปลาย จมูกที่รินรดข้างหู แก่นกายในอุ้งมือที่ไม่ยอมตื่นตัว กลับแข็งขึงชูชันขึ้นมา อย่างไม่น่าเชื่อ
52
4
พอสวีจิ่งถงที่ก�ำลังกระดากอาย ได้ยินเหยียนจิ้งเหอหัวเราะขันก็ แข็งทือ่ ไปทัง้ ร่าง รูส้ กึ ขายหน้าจนอยากเอาหัวโหม่งก�ำแพงให้รแู้ ล้วรูร้ อด เขา ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ท�ำไมจู่ๆ ถึงได้เกิดอารมณ์ตอบสนองเอาตอนนี้ เหมือนถูกค�ำพูดประโยคเมื่อครู่ปลุกเร้าจนเกิดอารมณ์ คิดแล้วก็อายไม่กล้า สู้หน้าฝ่ายตรงข้าม “หรือว่าไม่อยากเก็บมันไว้จริงๆ?” เหยียนจิ้งเหอหยอกเย้าพลางงับ เข้าที่ใบหู แล้วขบเม้มเหมือนเคี้ยวอาหาร สวีจิ่งถงทั้งอับอายและเจ็บจี๊ด ได้ แต่หุบปากเงียบเหมือนเป็นใบ้ แต่ช่วงล่างกลับผงาดแข็งขัน เหยียนจิ้งเหอ กอบกุมส่วนนั้นไว้แน่น ขณะที่ปากก็พูดยั่วยุต่อไปเรื่อยๆ “เอามีดมาตัดทิ้งดี กว่ามัง้ เมือ่ ก่อนฉันเคยได้ยนิ ว่า ขันทีในวังหลวงพอถูกตอนเสียงจะแหลมเล็ก เวลาพูดน�้ำเสียงมักอ่อนหวานละมุนหู น่าฟังไม่แพ้พวกผู้หญิง ถ้าเฉือน เจ้าหนูทิ้งแล้วนายกลายเป็นแบบนั้น คงสนุกน่าดูว่ามั้ย” ไหนเลยสวีจิ่งถงจะกล้าโอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่าย ขืนเขาท�ำท่า 53
เหนือใจปฏิพัทธ์ ยินยอมพร้อมใจ ไม่แน่วา่ คนคนนีอ้ าจคว้ามีดมาตัดของสงวนของเขาทิง้ จริงๆ ก็ได้ ระหว่างที่พรั่นพรึงอยู่ในอก ชายหนุ่มก็พยายามแข็งใจรวบรวมความ กล้า วิงวอนเสียงกระท่อนกระแท่น “คุณชายโปรดละเว้นสักครัง้ ...ผมไม่...ไม่ ได้เกิดมาเพื่อเป็น...” ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เหยียนจิ้งเหอเพียงแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วคลาย มือที่กอบกุมส่วนนั้นออก ก่อนกระซิบเสียงแผ่วอีกครั้ง “งั้นก็ท�ำเองสิ” เห็นคุณชายยอมผ่อนปรนให้ สวีจิ่งถงเลยไม่กล้าพูดมาก รีบลดมือ กอบกุมแก่นกายตัวเอง พยายามไม่สนใจแท่งเนื้อร้อนที่ยังสอดประสานอยู่ ในช่องทางลับ ลงมือนวดเฟ้นปลุกเร้าตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ เดี๋ยวเดียว ท่อนเนื้อในมือก็ขยายใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับอารมณ์ปรารถนาที่พลุ่งพล่าน ราวกับหลงใหลในราคะขึ้นมาจริงๆ ยามนี้แม้สีหน้าของชายหนุ่มจะยังดู เหมือนไร้ความรู้สึก ทว่ากลับอดตกใจไม่ได้...ไม่นึกว่าตัวเองจะเกิดอารมณ์ ใคร่ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทางผูเ้ ป็นนายจะพอใจกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ตรงหน้าไม่นอ้ ย เพราะขณะ ที่เขาง่วนกับการนวดคลึงท่อนล�ำของตัวเอง เหยียนจิ้งเหอก็สอดแทรกแก่น กายเข้าออกโพรงเนื้อเขาอย่างเนิบนาบ แต่ความที่ช่องทางนั้นเริ่มแห้งผาก มิหน�ำซ�้ำตัวตนของเหยียนจิ้งเหอก็ใหญ่โตเหลือรับ ขยับเข้าออกไม่กี่ที ก็ ท�ำเอาเขาแสบร้อนไปหมด ไม่รู้ว่าได้แผลด้วยหรือไม่ จังหวะที่สวีจิ่งถงสะดุ้งเฮือกจนมือหยุดชะงัก คนข้างหลังก็พูดเสียง เข้มขึ้นมาทันที “มัวใจลอยอะไรอยู่ ท�ำต่อสิ” เขาไม่กล้าพิรพี้ ไิ ร รีบท�ำตามค�ำสัง่ ทีว่ า่ จนส่วนนัน้ ขยายตัวบวมเป่ง และเจ็บหนึบ จังหวะเดียวกันนั้น คนที่ซ้อนกายอยู่ด้านหลังก็กระทั้นสะโพก ไปข้างหน้าเต็มแรง พาส่วนส�ำคัญด�ำดิง่ ลึกเข้าไปในช่องทางคับแคบ ท่อนล�ำ 54
อิ๋งเย่ ขนาดเขื่องจ้วงแทงสวีจิ่งถงจนเนื้อตัวอ่อนแรง แข้งขาสั่นระริก แทบทรงตัว ไม่อยู่ แม้ฝืนข่มกลั้นอารมณ์แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องส่งเสียงครางกระเส่าออก มาอย่างทนไม่ไหว แล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะนิ่งไป “นายร้องไห้?” เหยียนจิ้งเหอเอ่ยถาม สวีจงิ่ ถงพยักหน้ายอมรับอย่างซือ่ ๆ ทัง้ ทีย่ งั ซบหน้าอยูก่ บั โต๊ะ อาการ เจ็บร้าวจากด้านหลังสร้างความทรมานสุดแสน เขารู้สึกเหมือนเบื้องหน้าถูก ปกคลุมด้วยม่านหมอกบางๆ ทุกอย่างดูพร่าเลือนไปหมด เหยียนจิง้ เหอไม่ได้สนใจเขาอีก เอาแต่โจนจ้วงตักตวงความสุขอย่าง รุนแรง ลมหายใจอุน่ ร้อนเป่ารดอยูข่ า้ งหู ดูเคลิบเคลิม้ มึนเมาเหมือนตกอยูใ่ น วังวนแห่งรัก กระทั่งเสียงหอบหายใจยังถี่กระชั้น ประหนึ่งว่าความหฤหรรษ์ พุ่งทะยานถึงขีดสุด ถูกข่มเหงรังแกหนักหน่วงเพียงนี้ สวีจิ่งถงซึ่งเป็นคนที่กลัวเจ็บเป็น ทุนเดิม ไหนเลยจะทานทนไหว เขาปล่อยให้นำ�้ ตาหลัง่ รินออกมาอย่างไม่กลัว อายตั้งแต่เมื่อครู่ ความแสบร้อนจากด้านหลังแผดเผาไปทั่วร่าง หน�ำซ�้ำ แก่นกายของเหยียนจิ้งเหอยังแข็งขึงประหนึ่งแท่งเหล็กร้อนที่พร้อมทะลุ ทะลวง เดิมทีมันก็ไม่ใช่ช่องทางที่มีไว้เพื่อการนี้อยู่แล้ว ต้องมารองรับการ รุกล�้ำอันรุนแรงบ้าคลั่ง มีหรือจะทนได้ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่มือใหญ่ก็ยังคงยึดกุมส่วนไวสัมผัส ของสวีจิ่งถงไม่คลาย ทว่ายอมผ่อนแรงไม่หนักหน่วงดังเช่นเมื่อครู่ ใช้เพียง ปลายนิว้ สะกิด เสียดสีถไู ถปลายหัวบานฉำ�่ อมชมพู พูดแล้วก็แปลก ก่อนหน้า นีต้ อนทีเ่ จ็บปวดจนถึงขีดสุด ส่วนนัน้ ของสวีจงิ่ ถงกลับไม่ได้ออ่ นตัวลงแม้แต่ น้อย ตอนนี้พอถูกหยอกเย้าด้วยลีลาที่แสนพลิ้วไหว ไหนเลยจะครองสติ อยูไ่ ด้ เสียงครางกระเส่าในคอถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนือ่ ง ลมหายใจหอบ 55
เหนือใจปฏิพัทธ์ สะท้านขาดหายเป็นห้วงๆ “คุณชาย...อย่า...” เขาเว้าวอนด้วยเสียงแหบโหย “อย่าอะไร?” เหยียนจิง้ เหอหัวเราะหึ คล้ายก�ำลังล�ำพองใจ “ดูสารรูป นายสิ อย่างกับคนอดอยากปากแห้งมานาน อะไรจะปานนั้น” สวีจิ่งถงได้ฟังก็พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มขื่นในใจ ตลอดหลายปีมานี้เขาตั้งใจปรนนิบัติเจ้านายอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่เคยคิดเรื่องมีครอบครัว ทั้งยังไม่กล้าลักลอบมีอะไรกับคนอื่น นอกจาก เหยียนจิง้ เหอ เขาก็ไม่เคยท�ำเรือ่ งอย่างว่ากับใคร เหนืออืน่ ใดชายหนุม่ ไม่รสู้ กึ ว่าการมีความสัมพันธ์ทางกายเป็นเรื่องสนุก หรือคิดจะใช้เรื่องบนเตียง หาความสุขใส่ตัว เช่นนี้แล้วถ้าจะพูดว่าเขาอดอยากปากแห้ง ก็ไม่ผิดจริงๆ นั่นแหละ เหยียนจิง้ เหอกระทัน้ สะโพกเข้าไปแรงๆ พร้อมค�ำรามตำ�่ ๆ ในล�ำคอ “ถ้านายหลั่งออกมา ฉันจะยอมละเว้นให้สักครั้ง” “จะหลั่งได้ยังไงกัน...” สวีจิ่งถงข่มกลั้นความเจ็บปวด เอ่ยตอบเมื่อ ได้ยินค�ำพูดชวนสะดุ้งนั่น “ท�ำไมจะไม่ได้?” เหยียนจิ้งเหอคล้ายเห็นเป็นเรื่องสนุก โน้มหน้า เข้าไปกระซิบใกล้ๆ พลางกล่าววาจาเผ็ดร้อนกึ่งเย้ยหยัน “บางทีหลังจากนี้ นายอาจติดใจ มาร�่ำร้องขอให้ฉันท�ำอีกก็ได้” สวีจงิ่ ถงหน้าแดงก�ำ่ ได้แต่อำ�้ อึง้ ตอบไม่ถกู หลายปีทผี่ า่ นมา แม้เขา กับเหยียนจิง้ เหอจะใกล้ชดิ ชนิดเนือ้ แนบเนือ้ แต่ไม่เคยได้ยนิ อีกฝ่ายพูดยัว่ เย้า ท�ำนองนีม้ าก่อน เหยียนจิง้ เหอเป็นคนควบคุมตัวเองเก่ง ต่อให้อยูใ่ นอารมณ์ ร้อนแรงแค่ไหน ก็แค่พดู ข้างหูวา่ ‘แน่นชะมัด’ หรือ ‘อ้าขากว้างๆ หน่อย’ ไม่มี การพูดกระเซ้าเย้าแหย่เหมือนเช่นตอนนี้เลยสักครั้ง 56
อิ๋งเย่ อีกประการหนึ่ง ค�ำพูดหยอกเย้าของเหยียนจิ้งเหอ คือเรื่องที่เขาไม่ อาจท�ำใจยอมรับได้ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันมีอะไรให้ลุ่มหลง ติดตราตรึงใจกัน อย่างดีก็แค่ช่วยคลายก�ำหนัด เหยียนจิ้งเหอสุขสม แต่ใน ความรู้สึกของสวีจิ่งถงมันคือหายนะ เป็นเพียงการระบายความใคร่ หากจะ บอกว่าเป็นรสนิยมเฉพาะตัวของเหยียนจิ้งเหอ เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน กระทั่งเหยียนจิ้งเหอไปถึงฝั่งฝัน สวีจิ่งถงก็ยังไม่ปลดปล่อยเสียที ชายหนุม่ รูส้ กึ อับอายยิง่ นัก แต่ท�ำได้แค่ซบใบหน้าแดงก�ำ่ จนถึงใบหูไว้กบั โต๊ะ ช่องทางลับที่ถูกเหยียนจิ้งเหอรุกราน เยิ้มนองไปด้วยสายธารขาวขุ่น ที่ล้น ทะลักจนไหลลงมาตามปลีนอ่ ง เขาไม่กล้าเช็ด ส่วนคนด้านหลังก็ไม่มที ที า่ ว่า จะขยับเขยือ้ นเลยสักนิด สองร่างยังคงซ้อนทับกัน สวีจงิ่ ถงฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่ นาน ในที่สุดอีกฝ่ายจึงเริ่มขยับถอนตัวตนออกจากช่องทางลับสีหวานที่ ตอนนี้กลายเป็นสีแดงช�้ำ สวีจิ่งถงเงยหน้าหยัดตัวลุกขึ้นจากโต๊ะ จากนั้นจึงยอบตัวลงไปนั่ง คุกเข่าอย่างรู้งาน มือประคองท่อนล�ำของเหยียนจิ้งเหอที่เริ่มอ่อนตัวไว้ แล้ว ใช้ปากครอบครอง ดูดเลียไปทัว่ แก่นกายของผูเ้ ป็นนายจนสะอาดหมดจด แต่ ขณะทีเ่ ตรียมจะสัน่ กระดิง่ เรียกบ่าวรับใช้ให้สง่ น�ำ้ ร้อนเข้ามา จูๆ่ เหยียนจิง้ เหอ ก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นายเจ็บมากจริงๆ น่ะหรือ?” บ่าวรับใช้หนุ่มชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบพยักหน้าแรงๆ ด้วยหวัง ว่าอีกฝ่ายจะสงสารเห็นใจเขาขึ้นบ้างสักนิด เผื่อวันหน้าอาจเลิกสั่งให้เขา ปรนนิบตั เิ รือ่ งบนเตียงไปเลยก็ได้ แต่ใครเลยจะคิดว่า เจ้านายเขาจะแค่แสดง สีหน้าประหลาดใจออกมา แล้วพักใหญ่เจ้าตัวก็เฉไฉไปเรื่องอื่น “ไปนอนพัก ที่ห้องฉันก่อนสิ” สวีจิ่งถงไม่กล้าขัดค�ำสั่ง รีบท�ำตามที่ฝ่ายนั้นบอก หลังจากอาบน�้ำ 57
เหนือใจปฏิพัทธ์ ท�ำความสะอาดร่างกาย ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาในห้องเหยียนจิ้งเหอ แล้วขึ้น ไปนอนบนเตียงหลังใหญ่แบบตะวันตกซึง่ เห็นมาจนชินตา เมือ่ ก่อนพอรับใช้ คุณชายจนเสร็จกิจ เขามักจะนอนพักเอาแรงบนเตียงนี้จนย่างเข้าสู่เช้า วันใหม่ จึงไม่รู้สึกแปลกประหลาดหรือเห็นว่ามีอะไรพิเศษไปกว่าเมื่อก่อน หลังจากที่เขาผล็อยหลับไปแล้วงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกที รอบห้องก็ตก อยู่ในความมืดมิด ข้างๆ มีใครคนหนึ่งนอนซ้อนกายโอบกอดเขาไว้ด้านหลัง ส่วนกลางล�ำตัวของฝ่ายนั้นดุนดันอยู่แถวสะโพกเขา สวีจิ่งถงรู้สึกไม่ค่อยชิน กับท่ากอดแบบนี้สักเท่าไร เลยคิดขยับออกห่าง ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ่งกระชับ วงแขนกอดรัดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความนิ่มหยุ่นที่แตะลงบน ลาดไหล่ นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดสวีจิ่งถงก็นึกออกว่า นั่นเป็นจุดที่เขารับลูก กระสุนแทนเหยียนจิ้งเหอจนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายถึง แนบริมฝีปากบนรอยแผลเก่านั่น เจ้าตัวต้องการจะท�ำอะไรกันแน่ หลายนาทีต่อมา อีกฝ่ายก็ยังกอดเขาแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ร่างทั้งสองแนบชิดแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มรู้สึกงงงันและ แปลกใจ แต่กลัวว่าจะสร้างความขุ่นเคืองแก่ผู้เป็นนาย จึงแสร้งท�ำเป็น หลับสนิท ไม่แม้แต่จะขยับตัว พยายามรักษาจังหวะลมหายใจเข้าออกให้ สม�่ำเสมอ หรือจะบอกว่าท�ำตัวเสมือนเป็นศพก็ไม่ปาน แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็ได้ยนิ เสียงแปลกๆ ดังแว่วมาเบาๆ จากด้านหลัง และรูส้ กึ ว่ามีบางอย่าง ที่อุ่นชื้นรินรดบนหลังคอ สวีจงิ่ ถงหัวใจกระตุกวาบ ไม่กล้าคิดลึกไปกว่านัน้ ได้แต่หลับตาแล้ว ท�ำเหมือนคนหูหนวกตาบอดเป็นใบ้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินได้ฟังในคืนนี้ เขา 58
อิ๋งเย่ ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด เช้าวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มลงจากเตียงด้วยอาการร้าวระบมไปทั้งร่าง เสร็จจากอาบน�้ำแต่งตัว เขาก็ไปรอรับใช้คุณชายด้วยใจกระตือรือร้น ได้ยิน เจ้านายที่นั่งเอนกายตาปรือ เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียง สั่งเขาด้วย เสียงทุ้มต�่ำ “นายขับรถไปที่กองบัญชาการ แล้วเชิญ เสธ.โจวมาที่นี่” สวีจิ่งถงชะงักไปเล็กน้อย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร แต่กระนั้นก็ ขานรับ แล้วรีบไปท�ำตามค�ำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ในวันนั้น เหยียนจิ้งเหอและ เสธ.โจวปิดประตูคุยกันตามล�ำพัง ในห้องสมุด ไม่รู้ว่าทั้งคู่สนทนาเรื่องส�ำคัญอันใด จวบจนแสงตะวันจับ ขอบฟ้าเป็นสีแดงเข้ม เสธ.โจวจึงจากไปพร้อมกับรอยยิ้มกริ่มเต็มใบหน้า ตกกลางคืนขณะที่สวีจิ่งถงเอาใจใส่รับใช้เจ้านายยามกินอาหารอยู่ไม่ห่าง ก็ได้ยนิ ค�ำสัง่ จากฝ่ายนัน้ “ไปบอกให้คนจัดกระเป๋า เลือกคนทีท่ �ำงานคล่องๆ สักสองคนไปคอยรับใช้ด้วย อีกสองวันฉันจะไปปักกิ่ง” สวีจิ่งถงอ�้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากถาม “แล้วผม...” “นายก็ไปด้วย” เหยียนจิง้ เหอตอบโดยไม่ปรายตามองเขา พลางพูด ต่อเสียงเรียบเรื่อย “ต�ำแหน่งรองเสนาธิการยังว่างอยู่ ในเมื่อหาคนมาท�ำ ไม่ได้ ฉันจะให้นายดูแลแทนไปก่อน” จู่ๆ ก็ได้รับข่าวดีกะทันหันจนตั้งสติไม่ทัน แม้ปกติจะจัดว่าเป็นคน ที่พอมีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สวีจิ่งถงกลับท�ำได้แค่นิ่งอึ้ง ยืนบื้อใบ้ คล้ายคนสติไม่เต็มเต็ง ประหนึ่งได้รับความกรุณามากจนสติหลุดจากร่าง เหยียนจิง้ เหอเห็นหน้าตาเหลอหลาของชายหนุม่ แล้วอดนึกข�ำในใจไม่ได้ จึง แกล้งพูดเยาะหยัน “ท�ำหน้าเซ่ออะไรของนาย เมือ่ ฉันได้เป็นพลเอก ต�ำแหน่ง 59
เหนือใจปฏิพัทธ์ รองเสนาธิการย่อมต้องเป็นของนายอยูแ่ ล้ว อย่าบอกนะว่านายไม่เคยคิดมา ก่อนเลยน่ะ” ในที่สุดสวีจิ่งถงก็ได้สติ และรีบโพล่งออกไปทันทีว่า “ขอบคุณท่าน นายพลทีใ่ ห้การสนับสนุนและส่งเสริมครับ!” เพราะอ่านใจคนจากสีหน้าและ ค�ำพูดได้ เมือ่ ได้ฟงั ค�ำพูดของผูเ้ ป็นนาย เขาจึงแก้ค�ำเรียกอีกฝ่ายทีใ่ ช้มานาน นับสิบปีอย่างรวดเร็ว “ช่างเถอะ เวลาไม่มีคนนอกอยู่ด้วย เรียกฉันว่า ‘คุณชาย’ ก็พอ” สวีจงิ่ ถงรีบพยักหน้ารับ ตอนนีเ้ ขาดีใจจนเนือ้ เต้นทีไ่ ด้เลือ่ นต�ำแหน่ง จากทหารคนสนิทของคุณชาย จะว่ากันตามจริงแล้ว ในกรมเสนาธิการยังมี ผู้เปี่ยมประสบการณ์ และความสามารถเหนือกว่าเขาอีกมาก เขาจึงไม่กล้า เพ้อฝันเกินตัว เพราะตัวเองเป็นเพียงบ่าวผูต้ ำ�่ ต้อย กระทัง่ เครือ่ งแบบทหารที่ สวมใส่ คุณชายก็เป็นคนจัดการให้ ไหนเลยจะกล้าอาจเอื้อมว่าจะได้ก้าวสู่ ต�ำแหน่งนี้ ช่วงก่อนหน้าที่เหยียนจิ้งเหอน�ำทัพไปรบ ข้างกายก็ไม่ขาดผู้ช่วยที่ มากความสามารถ สวีจงิ่ ถงเคยได้ยนิ คนในจวนพูดกันว่า ตอนคุณชายอยูใ่ น ค่ายทหาร ได้คัดเลือกเสนาธิการที่น่าเชื่อถือไว้ข้างกาย ชายหนุ่มจึงคิดว่า ชีวิตนี้ตนคงเป็นได้แค่ทหารคนสนิท ทว่าสุดท้ายคุณชายกลับเลื่อนต�ำแหน่ง ให้เขา เรียกว่าเป็นดั่งน�้ำทิพย์ชโลมใจก็ว่าได้ แต่พอมาคิดทบทวนดู เขายังไม่เคยติดตามกองทัพไปออกรบเลย สักครั้ง ทว่าก็ใช่จะถูกมองข้ามไปเสียทีเดียว เมื่อกล่าวถึงต�ำแหน่งนายทหารคนสนิทกับรองเสนาธิการ ดูเผินๆ เหมือนจะคล้ายกัน แต่ในทางปฏิบัตินั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว กองบัญชาการมณฑลทหารมีทั้งหมดสิบเอ็ดแห่ง ต�ำแหน่งรอง 60
อิ๋งเย่ เสนาธิการเทียบเท่ากับเป็นรองหัวหน้าของกองบัญชาการทหาร การที่สวีจิ่ง ถงได้ครองต�ำแหน่งนี้ จึงเท่ากับว่าเขามีฐานะ ศักดิ์ และสิทธิ์เสมอกับ เสธ. โจวเลยทีเดียว และเมื่อฟังจากน�้ำเสียงของผู้เป็นนาย ดูท่าว่ายังต้องการให้ เขาปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดด้วย วินาทีนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนได้รับพรจาก สวรรค์ แล้วจะไม่ให้เขาปีติจนแทบสติหลุดได้อย่างไร อยู่ๆ เหยียนจิ้งเหอก็พูดขึ้น “ยังมีอีกเรื่อง...” เมื่อคิดว่าตัวเองได้รับความเมตตาถึงเพียงนี้ สวีจิ่งถงจึงตั้งใจแน่ว แน่ว่าจะตอบแทนเจ้านายด้วยความจงรักภักดี ยามนั้นเขาจึงรีบเอ่ยออกไป อย่างใจคิด “คุณชายต้องการสิ่งใดสั่งมาได้เลย แม้จะมีความสามารถ น้อยนิด แต่ต่อให้ต้องบุกน�้ำลุยไฟผมก็จะท�ำให้ส�ำเร็จ” “คืนนี้...มาที่ห้องฉันด้วย” เหยียนจิ้งเหอพูดด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ตรงข้ามกับ สวีจงิ่ ถงทีเ่ ลือดสูบฉีดแดงกำ�่ ไปทัง้ หน้า รับใช้กนั มาหลายปี มีหรือจะไม่เข้าใจ ความนัยจากค�ำพูดประโยคนั้น มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะให้เขามารับใช้เรื่อง บนเตียง แต่พอนึกถึงความตั้งใจที่จะจงรักภักดีต่อผู้เป็นนายเมื่อครู่แล้ว เขา ก็ขัดเขินจนพูดไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น ดีที่เหยียนจิ้งเหอไม่แกล้งปั่นหัวเขาอีก แต่เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นการ เตรียมตัวเดินทางไปปักกิ่งแทน สวีจิ่งถงจึงปัดอารมณ์เขินอายของตัวเองทิ้ง จดจ่ออยู่กับการจ�ำค�ำสั่งเจ้านายให้ขึ้นใจ พร้อมคิดวางแผนเรื่องสัพเพเหระ อื่นๆ ไปด้วย ค�่ำคืนนั้น สวีจิ่งถงนอนค้างที่ไหน ไม่จ�ำเป็นต้องเดาให้เสียเวลา รุ่งสาง ชายหนุ่มคอยดูแลรับใช้คุณชายหลังจากตื่นนอน จากนั้นก็ รุดไปยังกองบัญชาการมณฑลทหาร ปฏิบัติภารกิจตามค�ำสั่งท่านนายพล 61
เหนือใจปฏิพัทธ์ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วจึงจัดสรรเวลาไปกรมเสนาธิการ ซึ่งมีแต่คน คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่ เมื่อท�ำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็ขับรถกลับมายัง จวนสกุลเหยียน หลายวันต่อมา เหยียนจิ้งเหอพาสวีจิ่งถงและบรรดาผู้ติดตาม ออก เดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ที่พ�ำนักของพลเอกเหยียน ผู้ล่วงลับไปก่อนเวลาอันควร ตั้งอยู่ใน กรุงปักกิ่ง เหยียนจิ้งเหอมาเมืองหลวงครานี้ จึงเป็นไปอย่างสะดวกสบาย นายพลหนุ่มพาบริวารไปพักอาศัยในคฤหาสน์เฉิงซีหลังนั้น ขณะที่สวีจิ่งถงก�ำลังคุมคนงานขนกระเป๋าสัมภาระ เขาเกิดความ ว้าวุน่ ใจบอกไม่ถกู ด้วยจนถึงตอนนีย้ งั ไม่รวู้ า่ เหตุใดเหยียนจิง้ เหอถึงตัดสินใจ มาปักกิ่งกะทันหัน จึงรู้สึกกังวลเป็นธรรมดา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเมืองหลวง ทุกอย่างรอบ ตัวล้วนดูแปลกตา ราวกับเพิ่งได้ออกสู่โลกกว้างอย่างไรอย่างนั้น ที่เหนืออื่นใดคือความเจริญรุ่งเรืองแห่งมหานคร รถราวิ่งสวนไปมา ขวักไขว่ และคฤหาสน์หลังนี้ยังหรูหรายิ่งกว่าจวนสกุลเหยียนในหูเป่ย์ หลายเท่า เนือ่ งจากท่านเจ้าบ้านคนเก่า ได้เชิญสถาปนิกชาวตะวันตกมาเป็น ผู้ออกแบบ ทั้งเสา คาน แผ่นกระเบื้องมุงหลังคา ล้วนแตกต่างจากคฤหาสน์ แบบโบราณทั้งสิ้น ตรงลานหน้าคฤหาสน์มีบ่อน�้ำพุตั้งเด่นอยู่ ตรงกลางบ่อ ตกแต่งด้วยรูปปั้นเทวดาน้อยยืนเปลือยกาย ส่วนด้านในคฤหาสน์ ใครเห็น ล้วนต้องตะลึงไปกับความหรูหราอลังการ แม้แต่ตามฝาผนังยังตกแต่งด้วย กระดาษลวดลายวิจติ ร ท�ำเอาเขาทีเ่ พิง่ ได้มาเยือนครัง้ แรกถึงกับตาค้างทีเดียว “อย่ามัวยืนอึง้ สิ รีบไปเตรียมห้องหับเร็วเข้า” เหยียนจิง้ เหอปรายตาม 62
อิ๋งเย่ องเขาแวบหนึ่ง แม้จะไม่ได้โกรธเกรี้ยว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใคร่พอใจอาการ บ้านนอกเข้ากรุงของเขาเท่าไร เพียงได้ยินค�ำสั่ง สวีจิ่งถงก็รีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น และไป ท�ำตามที่อีกฝ่ายบอก ชายหนุ่มให้บ่าวรับใช้น�ำกระเป๋าเดินทางไปเก็บ แล้ว สั่งพ่อครัวเตรียมอาหารว่างกับน�้ำชา จากนั้นเขาก็ยกไปให้เหยียนจิ้งเหอเอง กับมือ เพราะกลัวเจ้าตัวจะหงุดหงิดเสียก่อน คฤหาสน์สกุลเหยียนในปักกิง่ มีบา่ วรับใช้เก่าแก่อยูด่ แู ลแค่สองคน เหยียนจิ้งเหอกับสวีจิ่งถงที่เพิ่งเดินทางมาถึง ก็พาบ่าวรับใช้มาสองสามคน เท่านัน้ ดูเหมือนว่าแรงงานทีม่ เี พียงหยิบมือนี้ จะไม่พอให้เรียกใช้สอย สวีจงิ่ ถง จึงครุน่ คิดว่าจะไปจ้างพ่อบ้านทีไ่ หนดี แต่พอเอาเรือ่ งไปปรึกษาเหยียนจิง้ เหอ คนเป็นนายกลับพูดเนิบๆ ว่า “งานในส่วนพ่อบ้าน นายรับผิดชอบชัว่ คราวไป ก่อน ไม่จ�ำเป็นต้องรีบหาคน ตอนนีม้ งี านด่วนอย่างอืน่ ทีต่ อ้ งจัดการ เลือกคน ที่มือไม้คล่องแคล่วสักสองสามคนปัดกวาดบ้านให้สะอาดสะอ้าน มีอะไร ไม่เข้าใจก็ถามเหล่าเหอเขาแล้วกัน” เหล่าเหอผู้นี้เป็นหนึ่งในบ่าวรับใช้ที่อยู่เฝ้าคฤหาสน์สกุลเหยียน ท่าทางสุขุมเยือกเย็น สวีจิ่งถงฟังแล้วก็พยักหน้ารับค�ำ แต่ไม่รู้ท�ำไมตอน เหยียนจิ้งเหอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าดูแปลกๆ ไปชอบกล แต่หากจะให้ถามว่า แปลกตรงไหน เขาก็บอกไม่ได้ แค่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเท่านั้น แต่เขาก็ พยายามปลอบใจตัวเองว่า ‘ไม่มีอะไรหรอก’ แล้วจึงเลิกคิดมาก กลับไป ท�ำงานของตัวเองต่อ ผ่านไปสองวัน สวีจงิ่ ถงทีภ่ ายนอกมีสหี น้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ ใดๆ หากแต่ในใจกลับรู้สึกโล่งอก ที่จัดเตรียมทุกอย่างได้อย่างไม่ขาดตก 63
เหนือใจปฏิพัทธ์ บกพร่อง เขาไม่เคยท�ำงานในส่วนของพ่อบ้านมาก่อน ถึงจะเคยเห็นว่าพ่อ บ้านจวนสกุลเหยียนคอยรับใช้เจ้านายอย่างไรบ้าง บวกกับความช�ำนาญใน การอ่านใจคนจากสีหน้าและค�ำพูด แต่กระนัน้ เขาก็ยงั ถือว่าด้อยประสบการณ์ อยู่ดี ซ�้ำยังไม่รู้ด้วยว่าควรดูแลบริวารในบ้านเช่นไร นับว่าสวรรค์ยังเมตตา เพราะในคฤหาสน์หลังนี้ยังมีเหล่าเหอที่ทั้ง น่าเกรงขาม และภักดีซื่อตรง คอยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคนส�ำคัญของเขา นับแต่เหยียนจิง้ เหอมาถึงเมืองหลวง แต่ละวันเขาจะออกไปตระเวน ทักทายผูห้ ลักผูใ้ หญ่ จนมาระยะหลังๆ ถึงอยูต่ ดิ บ้านเหมือนคนว่างงาน ไม่มี ธุระให้ไปจัดการ วันๆ เอาแต่อา่ นข่าวอ่านหนังสือเรือ่ ยเปือ่ ย แถมยังดูอารมณ์ ดีกว่าเมื่อก่อนด้วย ในขณะที่สวีจิ่งถงเองก็เริ่มชินกับสภาพความเป็นอยู่ ตอนนี้ แต่ชีวติ สงบสุขที่ผ่านมาเพียงไม่กวี่ ัน กลับเปลีย่ นแปลงไป เมือ่ อยู่ๆ ก็ มีแขกมาเยือนถึงบ้านตั้งแต่รุ่งสาง บ่าวรับใช้ทไี่ ปเปิดประตูกลับมารายงาน สวีจงิ่ ถงในร่างเปลือยเปล่า จึงเร่งก้าวลงจากเตียง โดยไม่ใส่ใจร่องรอยสีกุหลาบจากคืนก่อนที่ยังเหลือ ติดกายอยู่ ชายหนุ่มรีบหยิบเครื่องแต่งตัวมาสวม ออกไปยกน�้ำร้อนเข้ามา แล้วปรนนิบัติคุณชายที่มีสีหน้าบึ้งตึงให้ล้างหน้าแปรงฟัน อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะอารมณ์สวาททีป่ ะทุขนึ้ เมือ่ คืนเหยียนจิง้ เหอ รุนแรงจนเขาแทบจะทนรับไม่ไหว จวบจนเวลาล่วงเลยไปค่อนคืน ถึงยอม ปล่อยให้เขาที่สุดแสนจะอ่อนเพลียได้พักผ่อนหลับนอน ฉะนั้นพอถูกแขกไม่ได้รับเชิญมาปลุกแต่เช้า เหยียนจิ้งเหอจึงมี ใบหน้าถมึงทึงอย่างที่เห็น แม้จะเป็นแขก แต่ก็มีแบ่งแยกระดับชั้น ผู้ที่มาเยือนวันนี้ ดันเป็น 64
อิ๋งเย่ บุคคลที่ห้ามเข้าพบไม่ได้ จะให้บ่าวไพร่ขับไล่ไปยิ่งไม่ได้ เหยียนจิ้งเหอจึง มีสหี น้าไม่สบอารมณ์หนัก แต่กระนั้นก็ยังลงมารับแขกทีร่ ออยู่ข้างล่างอย่าง จ�ำใจ พอก้าวเข้ามาในห้อง ก็พบกับใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้มของฟู่จื่อหวน สหายคนสนิท ซึ่งมีกระเป๋าสัมภาระตั้งอยู่ข้างๆ อีกสองใบ มองยังไงก็ไม่ เหมือนว่ามาเยี่ยมเพื่อน แต่เหมือนก�ำลังจะย้ายมาอยู่ด้วยมากกว่า แค่เสี้ยว วินาที เจ้าของบ้านก็พอจะเดาได้ลางๆ เพียงแต่ไม่พูดและถามด้วยน�้ำเสียง เรียบๆ “ลมอะไรหอบมาหรือ คุณชายฟู่อยู่หูเป่ย์สบายๆ ก็ดีแล้ว ท�ำไมต้อง ระหกระเหินมาไกลถึงเมืองหลวงด้วยเล่า” “อย่าซ�้ำเติมเพื่อนแบบนี้สิท่านนายพล” ปกติฟู่จื่อหวนเป็นคน อารมณ์ดี แต่ครานี้กลับแค่ยิ้มขื่นๆ ออกมาโดยไม่ทิ้งลายหนุ่มเจ้าส�ำราญ “สองวันก่อน เรื่องระหว่างฉันกับฟ่งชิงเกิดรู้ไปถึงหูท่านพ่อ นายก็รู้นี่ว่าเขา หัวโบราณจะตาย สั่งให้ฉันตัดขาดกับฟ่งชิงทันที ไม่เช่นนั้นจะยิงเขาทิ้ง พวก ฉันบ่มเพาะความสัมพันธ์กันมาหลายปี อยู่ๆ มาบอกให้เลิกรา มันจะท�ำได้ ง่ายๆ หรือ...” ได้ฟงั เพียงเท่านี้ เหยียนจิง้ เหอก็กระจ่างแจ้งทุกอย่าง ฟูจ่ อื่ หวนและ เฉิงฟ่งชิง นักแสดงหนุ่มเลื่องชื่อแห่งคณะงิ้วชิ่งสี่ แอบคบหากันมานาน โดย ปกปิดไม่ให้ใครรู้ ทว่าตอนนี้พ่อบังเกิดเกล้ากลับมารู้เข้า มีหรือเรื่องจะจบลง อย่างสวยงาม แต่ไหนแต่ไรมาผูก้ ารฟูเ่ ป็นคนให้ความส�ำคัญกับชือ่ เสียงวงศ์ ตระกูล แค่ไม่จับฟู่จื่อหวนมาลงแส้เป็นการสั่งสอน ก็นับว่าเมตตาแล้ว “ก็นายเอาแต่ลุ่มหลงดีนัก ส่วนผู้การฟู่ก็หุนหันพลันแล่นไปหน่อย” เหยียนจิ้งเหอพูดเสียงเรียบเรื่อย “แล้วตอนนี้เฉิงฟ่งชิงไปอยู่เสียที่ไหน?” “วันนั้นฉันต้องขวางท่านพ่อเอาไว้ ให้ฟ่งชิงหนีไปก่อน ใครจะไปคิด 65
เหนือใจปฏิพัทธ์ ว่าตั้วโผ1 คณะชิ่งสี่จะขี้ขลาดตาขาว พอรู้ว่าฟ่งชิงไปมีเรื่องกับท่านผู้การ ก็ ไม่กล้าอยูใ่ นหูเป่ยต์ อ่ รีบหาลูท่ างหนีเข้าเมืองหลวง สุดท้ายก็ขนกันมาทีป่ กั กิง่ ยกคณะ รอให้เวลาผ่านไปสักระยะค่อยตั้งต้นเปิดการแสดงใหม่” ฟู่จื่อหวน ว่าจบก็ทอดถอนใจด้วยสีหน้าอมทุกข์ “เฉิงฟ่งชิงก็หนีไปได้แล้ว ท�ำไมนายถึงยังต้องออกจากบ้านมาด้วย เล่า?” เหยียนจิ้งเหอรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง สีหน้าจึงแสดงความ ประหลาดใจออกมา “ถึงเขาจากไป นายก็น่าจะไม่เป็นไรไม่ใช่รึ?” “เฮ้อ จะว่าไปก็ควรเป็นเช่นนัน้ แต่เอาเข้าจริงมันกลับไม่ใช่เรือ่ งง่าย หลังจากที่ท่านพ่อรู้เข้า ก็เกิดกลัวว่าฉันจะกลายเป็นพวกเบี่ยงเบนไปจริงๆ เลยพยายามรบเร้าให้ฉนั แต่งงาน แถมยังไปถูกตาต้องใจลูกสาวผูก้ ารซ่งเข้า ให้ ตอนนี้เลยก�ำลังทาบทามสู่ขอ ส่วนฉันก็ฉวยโอกาสเผ่นหนีออกมาเสีย ก่อน” ฟู่จื่อหวนส่ายศีรษะอย่างระอาใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “นายก็รนู้ วี่ า่ คุณหนูซง่ เป็นเด็กหัวนอก ไปคลุกคลีอยูแ่ ต่กบั พวกตะวันตก ลับ หลังผู้การซ่งก็ออกไปเรียกร้องสิทธิสตรี จะให้เกิดความเสมอภาค หน�ำซ�้ำยัง เป็นครูประจ�ำโรงเรียนสตรี มีหรือฉันจะกล้าแต่งกับผู้หญิงแบบนั้น” “ก็จริงของนาย” เหยียนจิ้งเหอพยักหน้าเห็นด้วย ในที่สุดก็เข้าใจ ต้นสายปลายเหตุทั้งหมด ตอนพลเอกเหยียนยังมีชวี ติ อยู่ ก็เคยหวังให้บตุ รชายแต่งงานเป็นฝัง่ เป็นฝา ทว่าเวลานั้นเหยียนจิ้งเหอไม่สนใจเรื่องนี้ จึงปฏิเสธไป โดยไม่ได้มี สาเหตุมาจากตัวคุณหนูซ่งแต่อย่างใด ประเทศจีนในเวลานี้ จะเรียกว่าเข้าสู่ยุคแห่งการผสมผสานก็ว่าได้ โดยเฉพาะในเมืองหลวง จะเห็นร่องรอยการหลอมรวมความเป็นจีนกับ หัวหน้าคณะมหรสพ เช่น คณะละครหรือคณะงิ้ว
1
66
อิ๋งเย่ ตะวันตกเข้าด้วยกันอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่หญิงสาวที่เกิดในตระกูลเก่าแก่ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะติดวัฒนธรรมต่างชาติมา เช่นการแต่งตัวแบบสาวชาว ตะวันตก การดัดผมเป็นลอนตามสมัยนิยม แต่หากเพียงแค่นั้นยังพอท�ำเนา ถ้าถึงขั้นออกมาประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรี เขาคงรับไม่ได้ การที่สตรีจะอ่าน ออกเขียนได้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การต้องการมีอิสระเสรีเต็มขั้น คงไม่ดีแน่ “งัน้ นายคิดจะท�ำยังไงต่อล่ะ ยังไงนายก็คงหลบหน้าพ่อตัวเองไปทัง้ ชาติไม่ได้” เหยียนจิ้งเหอถาม ฟู่จื่อหวนเกาหัวแกรก ก่อนจะฉีกยิ้มเอาใจ “ฉันแค่ขอลี้ภัยชั่วคราว เท่านั้นแหละ รอให้ท่านพ่อหายโมโห ค่อยกลับไปก็คงไม่สาย หวังว่าท่าน นายพลจะอนุเคราะห์ที่พักพิงให้สักครั้ง” “อนุเคราะห์อะไร พูดจาชวนหัวเราะเยาะจริง” เหยียนจิ้งเหอไม่ได้ เห็นเพื่อนเป็นคนอื่นคนไกล เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อ “ในบ้านยังมี ห้องรับรองว่างอยู่ เรื่องอื่นนายไปบอกให้สวีจิ่งถงจัดเตรียมเอาเองก็แล้ว กัน แต่ถึงเป็นนาย ก็อยู่ที่นี่แบบว่างงานไปวันๆ ไม่ได้หรอกนะ ไม่งั้นจะ กระอักกระอ่วนใจกันเปล่าๆ” “เช่นนั้นก็เชิญพลเอกเหยียนบัญชามาเลย จะให้บุกน�้ำลุยไฟก็ ไม่เกีย่ ง” ฟูจ่ อื่ หวนยิม้ ระรืน่ พร้อมกล่าวขอบคุณเหยียนจิง้ เหอ ทัง้ คูน่ งั่ คุยเรือ่ ง สัพเพเหระกันสักพัก ก่อนแยกย้ายไปท�ำธุระของตัวเอง นับแต่นั้น ฟู่จื่อหวนก็มาพักอยู่ที่คฤหาสน์เฉิงซี ทว่าไม่รู้มัวง่วนอยู่ กับกิจอันใด วันๆ จึงไม่เห็นแม้แต่เงา แต่ไม่ใช่เรือ่ งทีส่ วีจงิ่ ถงจะเข้าไปก้าวก่าย ได้ เขาจึงท�ำวางเฉย ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่ละวันแค่คอยรับใช้เหยียนจิ้งเหอ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และท�ำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ ลมหนาวเริ่มมาเยือน สวีจิ่งถงยุ่งตัวเป็นเกลียว ในคฤหาสน์ไม่มี 67
เหนือใจปฏิพัทธ์ พ่อบ้าน ภาระต่างๆ จึงมาตกอยูท่ เี่ ขา ถึงจะได้ชอื่ ว่าเป็นรองเสนาธิการ แต่ใน ความเป็นจริงกลับท�ำแต่งานพ่อบ้าน เห็นว่าใกล้จะปลายปีแล้ว อีกไม่เท่าไร ก็เข้าสูก่ ารเฉลิมฉลองปีใหม่ ไหนยังจะค�ำสัง่ ของเหยียนจิง้ เหอทีว่ า่ จะจัดงาน เลี้ยงอีก ทั้งสองงานแสนจะตึงมือ สวีจิ่งถงที่ยุ่งอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งวุ่นตัวเป็น เกลียว แทบอยากจะแยกร่างได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จัดการเรื่องยิบย่อย ทั้งหลายได้เรียบร้อยดี แม้จะไม่รู้เจตจ�ำนงของเหยียนจิ้งเหอ แต่จากที่เคยอยู่อย่างสงบ เงียบมาตลอด อยู่ๆ กลับสั่งให้เตรียมงานเลี้ยงแบบปุบปับ ต่อให้โง่เขลาแค่ ไหน สวีจิ่งถงก็ยังได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล ทว่าเขาพยายามไม่คิดมาก ตัง้ ใจแค่ท�ำตามค�ำสัง่ ให้บรรลุผลเท่านัน้ ส่วนเรือ่ งอืน่ หากคิดมากไปจะผิดต่อ ผู้เป็นนายเปล่าๆ ซึ่งบ่าวอย่างเขาพึงจดจ�ำเรื่องนี้ให้ขึ้นใจ ถึงมีต�ำแหน่งกับอ�ำนาจบารมีแล้ว แต่ตลอดเวลาทีผ่ า่ นมา สวีจงิ่ ถง เห็นตัวเองเป็นเพียงบ่าวรับใช้ และไม่นึกสนใจใคร่รู้เรื่องของเจ้านาย เขาแค่ ท�ำตามค�ำสั่งของเหยียนจิ้งเหอ เร่งจัดเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมก่อนปีใหม่มา เยือนโดยไม่เกียจคร้านหรือแอบอู้ จากนั้นก็ส่งเทียบเชิญตามรายชื่อที่ นายพลหนุ่มเขียนเองกับมือ จนกระทั่งวันงานมาถึง โชคดีทเี่ หยียนจิง้ เหอดูจะมีสหี น้าพึงพอใจ และกล่าวชมเขาประโยค หนึ่งในวันนั้น แม้จะไม่กล้าอิ่มเอมใจเพียงเพราะได้รับค�ำชมจากผู้เป็นนาย แต่ชายหนุ่มก็อดสลักมันลงไปในส่วนลึกของหัวใจไม่ได้
68
5
งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เหล่าบุคคลส�ำคัญและคนใหญ่ คนโตของกรุงปักกิ่ง พากันตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง มีผู้ยิ่งใหญ่ บางคนที่สวีจิ่งถงรู้จักและจ�ำได้ นับตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน และด้วยว่า เวลานีแ้ กนน�ำทัพจือ๋ และทัพเฟิง่ ได้กมุ อ�ำนาจการปกครองร่วมกัน จึงนับเป็น ช่วงเวลาแห่งความสมานฉันท์ ซึ่งช่วยให้เหยียนจิ้งเหอผู้เป็นทั้งขุนศึกแห่ง ทัพจื๋อ และควบต�ำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลหูเป่ย์ สามารถเข้ากับสังคม คนปักกิ่งได้อย่างง่ายดาย แทบไม่ต้องเปลืองแรง สวีจงิ่ ถงสัง่ ให้ลกู น้องคนสนิทของตน ติดตามดูแลรับใช้เหยียนจิง้ เหอ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ส่วนตัวเองไปดูแลงานหลังฉาก เป็นหัวเรือใหญ่ควบคุม ความเรียบร้อยของงานเลี้ยงในคืนนี้ ชายหนุ่มวิ่งวุ่นเพื่อให้งานออกมาครบ ถ้วนสมบูรณ์ สุดท้ายก็เกิดความเหน็ดเหนื่อย จึงคิดฉวยจังหวะที่แขกเหรื่อ ก�ำลังพูดคุยสังสรรค์ แอบปลีกตัวหลบออกมายังมุมหนึ่งของสนามด้านหน้า กะว่าพักให้หายเหนื่อยสักประเดี๋ยวเท่านั้น 69
เหนือใจปฏิพัทธ์ คิดไม่ถึงว่าตอนที่มาถึงลานหน้าบ้าน เขาจะพลันเหลือบไปเห็น ร่างของหญิงชายคู่หนึ่ง บนระเบียงชั้นสองที่อยู่ห่างออกไป เพียงชั่วพริบตา สวีจงิ่ ถงก็ตอ้ งสับสนมึนงง เพราะเหยียนจิง้ เหอไม่ขอ้ งแวะกับสตรีมานานแล้ว เขาจึงไม่เคยเห็นเจ้าตัวให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงอย่างเช่นตอนนี้ หญิงสาวคนนัน้ มีรปู โฉมสะคราญดัง่ นางฟ้าบนดิน แต่งตัวงามสง่า ดูมรี ะดับ ประหนึ่งกุลสตรีที่ได้รับการอบรมมาจากในวัง สวีจิ่งถงครุ่นคิดอยู่หลายตลบ คลับคล้ายคลับคลาว่าผู้หญิงคนนี้ เป็นธิดาของผู้บัญชาการกองทัพคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร นึก เท่าไรก็นกึ ไม่ออก ดูเหมือนเหยียนจิง้ เหอจะก�ำลังพูดคุยกับเธออย่างสนุกสนาน ที่ผ่านมา สีหน้าของนายพลเหยียนแทบจะคาดเดาอารมณ์ได้ยาก ทว่าเวลา นีก้ ลับมีรอยยิม้ ทีแ่ สนอบอุน่ อ่อนโยน สวีจงิ่ ถงถึงกับนิง่ อึง้ ไปในทันใด แล้วรีบ หลบเข้าไปแอบอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆ บริเวณนั้นโดยไม่รู้ตัว หากถูกเจ้านายรู้เข้าว่ามายืนแอบอยู่ตรงนี้ เป็นไปได้ว่าเขาจะต้อง โดนลงโทษ ฐานที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย และอาจเป็นการ ลงโทษสถานหนักเพือ่ ให้หลาบจ�ำ แค่คดิ ถึงตรงนี้ สวีจงิ่ ถงก็กลัวจนตัวสัน่ ขึน้ มาทันที แม้จะรู้สึกหิวจนไส้กิ่วก็ไม่กล้าลุกเดินออกไป เกรงว่าเหยียนจิ้งเหอ อาจหันมาเห็นเข้า รอจนเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ เมือ่ สองคนนัน้ ผละไปจากระเบียง สวีจงิ่ ถงจึงค่อยถอนหายใจออกมาเงียบๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในงาน เพือ่ หาอาหารร้อนๆ ใส่ท้อง ชายหนุ่มหยิบซาลาเปาไส้หมูสับหอมกรุ่นมากิน อย่างตะกละตะกลาม แต่ยงั คงรูส้ กึ โหวงๆ เลยดืม่ นำ�้ ชาตามไปอีกถ้วย ความ รู้สึกนั้นถึงค่อยคลายลงบ้าง 70
อิ๋งเย่ ดึกมากแล้ว ใกล้เวลาอันสมควรที่งานเลี้ยงจะปิดฉากลง สวีจิ่งถง ก�ำลังทบทวนว่าตนเองบกพร่องตรงจุดใดบ้าง ทหารคนสนิททีส่ งั่ ให้คอยดูแล นายพลเหยียนก็มาเรียกหาเขา แล้วจึงได้รู้ว่า เหยียนจิ้งเหอสั่งให้มาตามเขา ไปพบที่ห้องสมุด ชายหนุ่มนึกระแวงว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องที่ตนไปแอบดูเจ้าตัว คุยกับสตรีนิรนามเมื่อตอนหัวค�่ำ แต่ยังฝืนท�ำสีหน้าเยือกเย็นขณะเดินไปหา ที่ห้องสมุด “มาแล้วรึ” เหยียนจิง้ เหอนัง่ อยูบ่ นโซฟา ในมือก�ำลังหมุนบางอย่างเล่น ใบหน้า กลับมาเรียบเฉยไร้อารมณ์ตามปกติ ไร้ซงึ่ รอยยิม้ อย่างตอนก่อนหน้า สวีจงิ่ ถง ไม่กล้าท�ำตัวเป็นพิรธุ รีบยืดหลังตรงพร้อมกับเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ท่าน นายพลเรียกหาผม ไม่ทราบต้องการให้รับใช้เรื่องใดหรือครับ?” “ไม่มีอะไร” เหยียนจิ้งเหอเอนหลังพิงเบาะนุ่ม ก่อนจะพูดแบบ สบายๆ “วันนี้นาย...ท�ำได้ไม่เลว” “เป็นเพราะทุกคนแบ่งสรรหน้าที่กันท�ำ ไม่ใช่ความดีความชอบ ของผมคนเดียว” คนโดนชมรีบเอ่ยแย้ง แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดลางสังหรณ์ ไม่สู้ดีผุดวาบขึ้นในใจ ต้องพยายามสลัดออกไปโดยเร็ว แล้วเอ่ยถามตาม สัญชาตญาณ “งานเลี้ยงจะเลิกแล้ว ท่านนายพล...เอ่อ ไม่ไปส่งแขกจะดู ไม่ดีเอานะครับ...” “เรือ่ งพวกนัน้ ฉันมอบหมายให้ฟจู่ อื่ หวนไปจัดการแล้ว” เหยียนจิง้ เหอ ตอบด้วยน�้ำเสียงเอื่อยๆ ดุจสายลมพัด ด้วยจิตส�ำนึกท�ำให้สวีจิ่งถงไม่กล้าถามซ�้ำ จึงเพียงพยักหน้ารับ แบบซื่อๆ เหยียนจิ้งเหอนิ่งเงียบอยู่นาน ไม่รู้ว่าในใจก�ำลังคิดสิ่งใด แล้วอยู่ๆ 71
เหนือใจปฏิพัทธ์ ก็เปรยขึ้น “ปีนี้นายอายุยี่สิบสี่แล้วสินะ คิดถึงเรื่องแต่งงานไว้ยังไงบ้าง?” ต่อให้เป็นคนโง่เง่าแค่ไหน ก็ตอ้ งรูด้ วี า่ ไม่ใช่เวลาทีค่ วรพยักหน้า คน ถูกถามจึงไม่คดิ ให้เสียเวลา รีบส่ายหน้าแรงๆ ก่อนสะกดอารมณ์รอ้ นตัวและ หวาดระแวง แล้วตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียง “ผมยังไม่คดิ เรือ่ งนัน้ เลยครับ ท�ำไมท่านนายพลถึงถามเช่นนี้ หรือว่ามีใครมาพูดอะไรให้ฟังครับ?” “เพราะอะไรถึงยังไม่คดิ ” เหยียนจิง้ เหอนอกจากไม่ตอบค�ำถามแล้ว ยังไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ และเริม่ คาดคัน้ เอาค�ำตอบจากเขา “ตอนนีน้ าย ก็อายุไม่ใช่น้อย เกิดเป็นชายทั้งที ไม่คิดอยากแต่งงานมีทายาทแบบคนอื่น เขาบ้างหรือ?” ถ้าตอบว่าคิด ก็กลัวว่าต�ำแหน่งรองเสนาธิการของตนจะถึงจุดจบ หรือต่อให้รักษาต�ำแหน่งไว้ได้ เหยียนจิ้งเหอก็อาจไม่เชื่อมั่นและให้ความ ส�ำคัญต่อเขาเหมือนอย่างแต่ก่อน พอคิดได้เช่นนี้ สวีจิ่งถงเลยพยายามเค้น สมองคิดหาเหตุผลดีๆ มาตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าค�ำตอบของเขา จะท�ำให้อีกฝ่าย ขุ่นเคืองมากขึ้นหรือไม่ จึงยิ่งลนลาน กลัวพูดผิดจนสับสนวุ่นวายใจ ในที่สุด เขาเลยตัดสินใจตอบออกไปแบบทื่อๆ “ที่เป็นอยู่ตอนนี้...ก็...ก็ไม่มีอะไร ไม่ดีนี่ครับ” “นี่นายพูดเองนะ” สวีจิ่งถงก้มหน้างุด ชั่วขณะนั้นชายหนุ่มเดาใจฝ่ายตรงข้ามไม่ถูก เลยได้แต่คล้อยตามค�ำพูดด้วยการพยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ใครจะรู้ว่าท่าที เช่นนั้นจะเป็นที่ถูกใจนายพลหนุ่ม เจ้าตัวถึงกับวางสิ่งของในมือลง แล้วพูด ด้วยน�้ำเสียงอ่อนโยน “ในเมื่อนายว่าแบบนั้น ก็เอาเถอะ” ยังไม่ทันได้ถามให้แน่ใจว่าค�ำพูดนั้นหมายถึงอะไร คนฟังก็เห็น เหยียนจิง้ เหอซึง่ ก�ำลังจ้องหน้าตน ลุกเดินเข้ามาใกล้ พลางโน้มหน้ามาประชิด 72
อิ๋งเย่ แล้วกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู “เมื่อก่อนนายเคยช่วยรับกระสุนแทนฉัน นั่นคือ ความดีความชอบของนาย ในเมื่อนายยังไม่อยากแต่งงาน งั้นก็ไม่ต้องห่วง สิ่งที่ควรมี...ฉันจะให้ทุกอย่าง ไม่ให้นายรู้สึกขาด” ลมหายใจผะผ่าวของอีกฝ่ายเป่ารดอยูข่ า้ งหู ประหนึง่ ก�ำลังแผดเผา เขาทั้งเป็น สวีจิ่งถงรู้สึกว้าวุ่นใจ ผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าว เกือบลืมตัว กระโดดหนี โชคดีที่ยังพอมีสติเหลือ ถึงเก็บอาการไว้ได้และระงับความ กระวนกระวายใจ แต่ก็ท�ำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ ราวกับโดนสาปให้กลายเป็น รูปปั้นหินไปแล้ว เหยียนจิง้ เหอเองก็ไม่รวู้ า่ ท�ำไม ทัง้ ทีเ่ วลานีแ้ ขกเหรือ่ ยังกลับไม่หมด แท้ๆ เขากลับใช้มือปลดเปลื้องเครื่องแต่งกายของสวีจิ่งถงออก บ่าวรับใช้หนุ่มไม่กล้าขัดขืนยามที่ฝ่ายตรงข้ามจับถอดเสื้อผ้า ตอนนีท้ วั่ ร่างเขาไร้ซงึ่ อาภรณ์ใดๆ ราวกับแกะขาวตัวน้อยทีถ่ กู โกนขนออกจน เกลี้ยง นั่งเปลือยเปล่าอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางกระสับกระส่ายและเขินอาย ชายหนุ่มช้อนตามองอีกฝ่ายที่ยังมีเครื่องแต่งกายครบทุกชิ้น เสี้ยวนาทีนั้นก็ เกิดความประหม่าจนไม่รู้ว่าควรจะท�ำเช่นไร “เมือ่ เทียบกับคนอืน่ แล้ว รูปร่างนายไม่ได้ดอ้ ยไปกว่าใครเลย” อยูๆ่ เหยียนจิ้งเหอก็เอ่ยขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สวีจงิ่ ถงใจกระตุกวาบ พยายามเค้นหาค�ำมาต่อบทสนทนานัน้ “ท่าน นายพลชมเกินไปแล้วครับ” พอได้สติ เขาก็คิดได้ว่าเหยียนจิ้งเหอเพิ่งเคย กล่าววาจาเช่นนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเอาเขาไปเทียบกับใคร ยิ่งคิด ก็ยงิ่ รูส้ กึ กระดากอายมากขึน้ ไปอีก ความร้อนแผ่ซา่ นจนมีสแี ดงระเรือ่ ลามไป ถึงคอ ได้แต่หลุบตาต�่ำ ไม่เอื้อนเอ่ยค�ำใด 73
เหนือใจปฏิพัทธ์ “เรียกฉันว่าคุณชายสิ” เหยียนจิ้งเหอกพูดแบบไร้อารมณ์ พลางยกมือลูบไล้แก้มเนียน เรื่อยมาจนถึงล�ำคอเรียว ราวกับเพิ่งเคยพบหน้าเขาเป็นครั้งแรก ทั้งยังพินิจ เขาอย่างละเอียดลออ แล้วจึงค่อยๆ ไล่ดวงตาคมปลาบต�ำ่ ลงมาส�ำรวจตัง้ แต่ ท้องน้อยไปถึงโคนขา ประหนึ่งว่าเจ้าตัวก�ำลังสนอกสนใจเรือนร่างของเขา ท่าทีอันแสนจะไม่ปกตินี้ ท�ำเอาคนถูกมองหายใจไม่ทั่วท้องยังไงชอบกล เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พบเจอสถานการณ์เช่นนี้ สวีจิ่งถงจึงรู้สึก อึดอัดขัดเขิน ท�ำตัวไม่ถูก แถมช่วงนี้เข้าสู่หน้าหนาวแล้ว เนื้อตัวเขาเลย สั่นเทาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้พยายามจะข่มสัญชาตญาณทางร่างกาย แต่อาการสั่นสะท้านกลับยิ่งท�ำให้อารมณ์เหล่านั้นทะยานสูงขึ้น ประหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าทีไ่ ด้รบั สายฝนชโลมจนชุม่ ฉำ�่ ชายหนุม่ ขบกรามเป็นสันนูน ด้วย พยายามข่มความรู้สึกตัวเองอย่างสุดความสามารถ “นีน่ ายกลัวจนมีสภาพแบบนีเ้ ชียวรึ” เหยียนจิง้ เหอหัวเราะหึๆ พลาง เอ่ยกระเซ้า แล้วยกมือปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากเขาออก การกระท�ำนั้นช่าง แสนอ่อนโยนจนสวีจิ่งถงนึกประหลาดใจ บ่าวรับใช้หนุ่มกัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์ขวยเขิน พยายามซ่อน ความขลาดกลัวไม่ให้หลุดออกมา ทว่าช่างยากเย็นเหลือเกิน กว่าทีเ่ ขาจะเค้น ค�ำพูดออกจากล�ำคออันแห้งผากของตัวเองได้ “ผม...หนาว...มากๆ เลย...” เหยียนจิ้งเหอชะงักไปชั่วครู่ ระหว่างที่สวีจิ่งถงไม่รู้ว่าควรรับมือ อย่างไรนั้น จู่ๆ นายพลหนุ่มก็ถอดเสื้อนอกออก แล้วน�ำมาคลุมตัวคน ตรงหน้า โดยไม่สนว่ายังมีสว่ นอืน่ ทีโ่ ผล่พน้ ชายเสือ้ ออกมาให้เห็น หน�ำซ�ำ้ ยัง ท�ำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ด้วยการช้อนร่างเขาขึ้นมาอุ้มไว้ทั้งตัว แล้วกอดแนบอก ขณะเดินออกจากห้องสมุด 74
อิ๋งเย่ ปรนนิบตั เิ จ้านายมาหลายปี สวีจงิ่ ถงยังไม่เคยตกอยูใ่ นสถานการณ์ เช่นนี้มาก่อน เสียงหัวใจเขาเต้นแรงยิ่งกว่ากลองรัว รู้สึกสับสนมึนงง สมอง และหัวใจตีกนั ยุง่ ไปหมด สุดท้ายก็รบี เอ่ยทักท้วงด้วยใบหน้าตืน่ ตระหนกจน ซีดเผือด “เดี๋ยวใครมาเห็นเข้านะครับคุณชาย...” “ไม่ต้องห่วง ฉันสั่งเอาไว้แล้ว ไม่มีใครเข้ามารบกวนเราหรอก” เหยียนจิ้งเหอตอบเสียงเรียบ ทว่าสวีจงิ่ ถงก็ยงั คงร้อนรนจนท�ำอะไรไม่ถกู จริงอยูท่ ที่ งั้ สองมีความ สัมพันธ์แบบนีก้ นั มานับสิบปี แต่ใช่วา่ เจ้านายจะเคยอุม้ เขาเดินไปมาในบ้าน ทัง้ สองเดินผ่านโถงทางเดินไปยังห้องนอนของเหยียนจิง้ เหอ สวีจงิ่ ถงหลุบตา ซ่อนความอาย รู้เพียงว่าใบหน้าตัวเองแดงเถือก ร้อนระอุแทบไหม้ ไม่กล้า เอื้อนเอ่ยวาจาใดๆ ทั้งสิ้น “นายเขินรึ? เป็นภาพที่หาดูยากจริงๆ” ฝ่ายนั้นหยอกทีเล่นทีจริงกับ เขา ขณะวางร่างลงแล้วเดินกลับไปปิดประตูให้สนิท “คุณชาย...” ชายหนุม่ อ้าๆ หุบๆ ปาก เพราะไม่รจู้ ะพูดอะไร ตามปกติเหยียนจิง้ เหอ มักชอบพูดตรงๆ ไม่ออ้ มค้อม ไม่เคยเลยทีจ่ ะมาเย้าแหย่เขาเช่นนี้ และทุกครัง้ ที่มีอะไรกัน ก็จับเขาแก้ผ้า แล้วสั่งให้ลงมือบรรเลงกามกิจทันที ไม่มีการ เยิน่ เย้อ หลังสอดใส่กเ็ ร่งควบขับให้จบๆ ไม่เคยมีครัง้ ไหนทีจ่ ะท�ำท่าหยอกเย้า ใจเย็นเช่นในตอนนี้ คิดแล้วก็ให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างรับมือยากจริงๆ “ไปนอนทีเ่ ตียง” เหยียนจิง้ เหอสัง่ หน้านิง่ ไม่ผดิ จากทีเ่ คย มองไม่ออก ว่าก�ำลังอยู่ในอารมณ์ดีหรือร้าย สวีจงิ่ ถงไม่กล้าพิรพี้ ไิ ร รีบถอดเสือ้ นอกทีส่ วมอยูแ่ ล้วเอนกายลงบน เตียง เขาไม่รวู้ า่ เหยียนจิง้ เหอคิดจะท�ำอะไร เพราะจนป่านเจ้าตัวก็ยงั ไม่ถอด 75
เหนือใจปฏิพัทธ์ เสือ้ ผ้าออกเลยสักชิน้ แต่กลับเดินมาหย่อนตัวลงนัง่ ทีข่ อบเตียง พลางล้วงบาง อย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ เปิดฝา แล้วเทราดลงมาตรงหว่างขาเขา ซึ่งให้ ความรู้สึกเย็นชุ่มฉ�่ำทันที แต่เขาพยายามกลั้นเสียงครางไว้ ในใจเต็มไปด้วย ความเคลือบแคลงและสับสน แต่ไม่กล้าซักถามอะไรอยู่ดี เหยียนจิง้ เหอมองดูของเหลวไหลซึมไปตามซอกหลืบกลางหว่างขา บ่าวรับใช้หนุม่ ท�ำท่าลังเลชัว่ อึดใจ ก่อนจะยืน่ มือออกไปกอบกุมส่วนอ่อนไหว ที่ยังนอนสงบนิ่งอยู่กลางล�ำตัวของฝ่ายนั้น พยายามนวดคลึงให้มันตื่นจาก การหลับใหล และแล้วสารหล่อลื่นบวกกับการกระท�ำที่ระมัดระวังและใส่ใจ ก็ท�ำให้สวีจงิ่ ถงเปล่งเสียงหอบหายใจหนักๆ ออกมาในช่วงเวลาไม่นาน ขณะ ที่ส่วนไวสัมผัสเริ่มแข็งขึงชูชันอย่างยากจะระงับ ...ของที่ฟู่จื่อหวนให้มา ใช้ได้ผลจริงๆ ด้วย ไม่เสียแรงที่ใครๆ พากันขนานนามให้เป็นหนุ่มเจ้าส�ำราญเลื่องชื่อ ประจ�ำเมือง เหยียนจิ้งเหอคิดเรื่องนี้ในระหว่างที่ยังคงฟอนเฟ้นแท่งเนื้อของ อีกฝ่ายเป็นระวิง กระทั่งสิ่งที่อยู่ในมือกระตุกหนักๆ และมีหยาดน�้ำใสผุดซึม ออกมาจากส่วนปลาย ซึ่งท�ำให้เจ้าตัวเกิดอาการลนลาน แต่ไม่ได้ดูทรมาน เหมือนอย่างเคย กลับคล้ายว่าโดนความเสียวซ่านจู่โจมจนเสียการควบคุม สวีจงิ่ ถงอับอายจนกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข ดูๆ ไปแล้วคล้ายพวกอ่อนหัดที่ เพิ่งถูกพรากพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน “คุณชาย...” สวีจิ่งถงเว้าวอนหวะหวิวราวกับละเมอ เหยียนจิ้งเหอท�ำเหมือนไม่ได้ยินเสียงวิงวอนของอีกฝ่าย สนใจแต่ ท่อนเนื้อในอุ้งมือ ทว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่การปรนนิบัติ แต่เหมือนพยายาม ปลุกเร้ามากกว่า เพราะไม่คิดผ่อนแรงลงสักนิด มีแต่จะเร่งเร้ามากขึ้น จน ปลายนิ้วชุ่มฉ�่ำไปด้วยของเหลว มือที่กอบกุมเคล้นคลึงนั้นไม่มีทีท่ารังเกียจ 76
อิ๋งเย่ ซ�้ำยังใช้นัยน์ตาคมจับจ้องอย่างแฝงความนัย ราวกับก�ำลังสนุกกับของเล่น ใหม่ก็ไม่ปาน สวีจงิ่ ถงรูส้ กึ ว่าขาทัง้ สองข้างของตนถูกแยกออกกว้าง มีมอื ข้างหนึง่ ก�ำลังนวดคลึงรอบรอยจีบสีหวาน ก่อนจะส่งนิ้วใหญ่แทรกเข้าไปส�ำรวจ ภายในโพรงเนื้อ แล้วค่อยๆ ขยับชักเข้าออกเนิบนาบ จนผนังด้านในตอดรัด ตุบๆ สติของชายหนุ่มเริ่มพร่าเลือน ไม่รู้ว่าควรท�ำตัวอย่างไร เพราะที่ แล้วๆ มาเหยียนจิง้ เหอไม่เคยท�ำอะไรเช่นนี ้ นิว้ แกร่งยังคงกระตุน้ เร้าต่อเนือ่ ง และไม่รู้ว่าไปโดนจุดไหนเข้า เสี้ยววินาทีนั้น สวีจิ่งถงก็ถูกความรู้สึกแปลก ใหม่ที่ไม่คุ้นชินจู่โจมไปทั่วร่าง จนสะท้านเฮือกไปทั้งตัวอย่างสุดจะควบคุม “ตรงนี้ ห รื อ ?” เหยี ย นจิ้ ง เหอชั ก นิ้ ว ออก ก่ อ นจะป้ า ยของเหลว ชนิดเดิมแล้วแทรกนิ้วเข้าไปใหม่ หนนี้นายพลเอกใส่เข้าไปทีเดียวสองนิ้ว ส่งให้สวีจิ่งถงต้องขบกรามแน่น เมื่อถูกความรู้สึกประหลาดนั้นเล่นงาน ชายหนุ่มได้แต่สะกดอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเอง ขณะอ้าขาออกกว้างเพื่อ ให้เหยียนจิ้งเหอท�ำทุกอย่างได้สะดวก ด้วยเหตุนี้ เหยียนจิ้งเหอจึงยิ่งคว้านลึกรุนแรงกว่าเก่า กดย�้ำจุดเร้า แบบเน้นๆ เพียงสัมผัสโดนไม่กี่ที สวีจิ่งถงก็เสียวสะท้านไปหมดทุกส่วน ผิว กายร้อนระอุแดงก�่ำยิ่งกว่ากุ้งต้ม ไม่กี่นาทีต่อมา ชายหนุ่มก็ไม่อาจควบคุม ตัวเองได้ แอ่นตัวหอบหนักๆ แล้วปลดปล่อยของเหลวขุ่นข้นออกมา “หนนี้ถึงเร็วเชียว” สวีจิ่งถงอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงจะตอบ ได้แต่นอนหอบแฮ่ก หน้าอก สะท้ อ นขึ้ น ลงถี่ รั ว ขณะเดี ย วกั น ก็ รู ้ สึ ก ได้ ว ่ า คนตรงหน้ า ชั ก นิ้ ว ออกจาก โพรงลับของตนแล้ว แต่เพียงชั่วอึดใจเดียว เขาก็ได้ยินเสียงฝ่ายนั้นถอด 77
เหนือใจปฏิพัทธ์ เสื้อผ้าดังแว่วมาเบาๆ แก้มสองข้างจึงยิ่งเห่อร้อนจนแทบไหม้ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้น มีเพียงความอับอายที่เกาะกุมเต็มหัวใจ แทบไม่รู้จะเอาหน้าไป มุดที่ไหน แขนขาอ่อนปวกเปียกสิ้นเรี่ยวแรง เหยียนจิง้ เหอไม่คดิ รีรอให้เสียเวลาอีก โพรงลับทีถ่ กู ปลุกเร้าด้วยนิว้ มือเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า ตอนนี้ได้ถูกบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่โตกว่าหลายเท่า แทรกดันเข้ามาแทนที่ หากแต่การล่วงล�้ำครั้งนี้ไม่ได้ยากล�ำบากอย่างที่คิด สวีจิ่งถงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ทันทีที่ถูกความโอฬารล่วงล�้ำ เขาก็รู้สึก ชาหนึบขึ้นมาเล็กน้อย และรับรู้ถึงความหฤหรรษ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะตลอดหลายปีมานี้ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเขาจะต้องได้รับความ เจ็บปวดแสนสาหัส เรียกได้ว่าแทบเข็ดขยาดกันเลยทีเดียว ไม่เคยคิดว่ามัน จะมีวิธีการแบบนี้อยู่ในโลก ไม่อยากเชื่อเลยว่าการท�ำเช่นนี้จะช่วยลดทอน ความเจ็บปวดได้อย่างดี เหยียนจิ้งเหอรวบเอวสวีจิ่งถงเข้ามาใกล้ๆ หวังจะ กระแทกตัวให้ตรงจุดเร้าของอีกฝ่ายแรงๆ แบบเน้นยำ�้ นาทีนนั้ สวีจงิ่ ถงไม่ทนั ได้ตั้งตัว ถึงกับสะดุ้งหลุดเสียงครางลั่นด้วยความกระสันซ่าน เลือดในกาย สูบฉีดพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ใบหน้าแดงก�่ำมาถึงล�ำคอ เพริดไปกับความ หวามไหวจากประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส “เสียวไหม?” เหยียนจิ้งเหอเย้าเสียงกระเส่าชิดริมหู แล้วจู่ๆ ก็หยุด ทุกการเคลื่อนไหวแบบกะทันหัน ปล่อยให้สวีจิ่งถงอารมณ์ค้างเติ่งอยู่อย่าง นั้น คล้ายก�ำลังรอคอยค�ำตอบจากปากเขา คนถูกแกล้งช้อนนัยน์ตาหยาดเยิ้มขึ้นมองฝ่ายตรงข้าม เขาไม่กล้า ทีจ่ ะไม่ตอบค�ำถาม หากแต่ไม่รวู้ า่ ควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี ฉะนัน้ เวลานี้ ชายหนุม่ จึงมีสภาพไม่ตา่ งจากเด็กอนุบาลทีถ่ กู คุณครูขานชือ่ ให้ลกุ ขึน้ มาตอบ ค�ำถามยากๆ แล้วดันตอบไม่ได้ ใบหน้าบ่งบอกถึงความล�ำบากใจ แววตา 78
อิ๋งเย่ เปี่ยมไปด้วยความเว้าวอนขอความเมตตา เหยียนจิ้งเหอชอบท่าทางซื่อๆ แบบนี้ของอีกฝ่ายมากที่สุด แต่ก็ ไม่ถึงกับคาดคั้นให้ต้องเอ่ยค�ำนั้นออกมาจริงๆ เพียงแค่ให้ชายหนุ่มยกขา เกี่ยวเอวไว้ แล้วโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อป้อนจูบปิดปาก หลังผ่านจุดนั้นมาแล้ว ทุกอย่างก็สอดประสานกันได้อย่างลื่นไหล ดุจสายน�้ำ และชักน�ำให้สติของชายหนุ่มเคลิบเคลิ้มเลื่อนลอย คล้ายตกอยู่ ในภวังค์แห่งความฝัน พอได้สติกลับคืนมา สวีจิ่งถงก็พบว่าตัวเองก�ำลังท�ำสิ่งเหนือความ คาดหมาย ขยับกายสอดรับกับแรงกระทั้นจากเหยียนจิ้งเหออย่างลืมตัว ทั้ง ยังถูไถปลีน่องกับบั้นเอวฝ่ายนั้น ประหนึ่งออดอ้อนอยากได้รับการเติมเต็ม มากขึ้น แก่นกายที่ปลดปล่อยธารร้อนออกมาไม่รู้กี่ครั้ง อยู่ในสภาพอ่อน ปวกเปียกไปนานแล้ว ทว่าความเสียวซ่านกลับไม่จางหาย โพรงสวาทที่ถูก โจนจ้วงจนแสบร้อน ยังคงตอดรัดกายแกร่งไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย และสุขสม จนสะท้านไปทั้งตัวอย่างยากจะควบคุม ชายหนุ่มเสียววูบในท้องน้อย เม็ดเหงื่อผุดซึมทั่วร่างจนผ้าปูเตียง เปียกชืน้ ความอภิรมย์ทว่ มท้นและไม่อาจต้านทาน ดวงตาปรือปรอย มองเห็น เพียงเลือนราง ไม่นานนักเขาก็หลุดเสียงครางกระเส่าดังลัน่ เหยียนจิง้ เหอจึง ผ่อนแรงด้วยการกระทั้นกายช้าลง “ไหนบอกมาซิ...ชอบหรือเปล่า?” ใบหน้าหล่อเหล่าของเหยียนจิง้ เหอ เผยรอยยิ้มยั่วเย้า เสียงทุ้มต�่ำเจือแววขบขัน สวีจิ่งถงกลั้นเสียงคราง แต่ไม่อาจซ่อนเสียงสั่นเครือไว้ได้ ยามที่ เปล่งเสียงเจือสะอื้นออกมาสองค�ำ “ชะ...ชอบครับ...” 79
เหนือใจปฏิพัทธ์ จวบจนเพลิงสวาทในคำ�่ คืนนีด้ �ำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย สวีจงิ่ ถงก็สนิ้ เรีย่ วแรงขยับเขยือ้ นกาย ปกติหลังจากเสร็จสม เขาจะข่มกลัน้ ความเจ็บปวด ลุกขึ้นมาเช็ดท�ำความสะอาดร่างกายให้ผู้เป็นนาย ทว่าครั้งนี้แม้แต่แรงจะ ขยับนิว้ ยังไม่มี ทัง้ ยังถูกความเหนือ่ ยล้ากับความอิม่ เอมในรสชาติแปลกใหม่ ครอบง�ำ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้รับความส�ำราญเช่นนี้ทุกครั้งก็คงดี มิน่าเล่า ท่านนายพลถึงได้โปรดปรานเรื่องบนตียงเสียเหลือเกิน ช่วงสองสามวันมานี้ เขาวุ่นอยู่กับการเตรียมความพร้อมในการจัด งานเลีย้ ง ซำ�้ เมือ่ กีย้ งั เจอบทรักอันหนักหน่วง จึงลืมเรือ่ งทีต่ อ้ งท�ำความสะอาด ใบหน้าและร่างกายให้ผเู้ ป็นนายหมดสิน้ เมือ่ หนังตาหนักอึง้ ปิดลง ชายหนุม่ ก็ผล็อยหลับไปทันที วันถัดมาเมื่อแสงอรุณเริ่มจับขอบฟ้าในยามเช้า สวีจิ่งถงลืมตาตื่น จึงสังเกตเห็นว่า เมือ่ คืนตนเองนอนหลับอยูใ่ นห้องของเจ้านาย ซึง่ นับเป็นการ กระท�ำที่เสียมารยาทและไม่รู้จักที่ต�่ำที่สูง ชายหนุ่มจึงรีบเอ่ยขออภัยฝ่ายนั้น คิดไม่ถึงว่าเจ้าตัวไม่เพียงไม่โกรธ แต่ยังไม่ถือสาหาความใดๆ ด้วย สวีจิ่งถงรีบล้างหน้าแปรงฟัน แล้วไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง คอย ควบคุมสั่งการให้บ่าวไพร่ท�ำความสะอาด และจัดการภาระอื่นๆ อย่าง เรียบร้อย ยังไม่ทนั ทีเ่ หยียนจิง้ เหอจะกินมือ้ เช้าเสร็จ ก็มแี ขกมารอพบอยูก่ อ่ น แล้ว สวีจงิ่ ถงได้ยนิ บ่าวรับใช้มารายงาน พอหันไปดูสหี น้าเจ้านาย ก็รวู้ า่ หลัง ผ่านเรือ่ งยุง่ ๆ ในช่วงหลายวันทีผ่ า่ นมา ท่านนายพลคงเหน็ดเหนือ่ ยอยูไ่ ม่นอ้ ย เพราะสีหน้าของฝ่ายนั้นด�ำทะมึนจนน่ากลัว ชายหนุ่มจึงไม่กล้าซักถามให้ มากความ รีบไปท�ำตามค�ำสัง่ โดยให้บา่ วรับใช้ไปเชิญแขกเข้ามา ส่วนตัวเอง เดินไปยืนรอฟังค�ำสั่งอยู่ด้านหลังเหยียนจิ้งเหอ 80
อิ๋งเย่ ผู้มาเยือนคือหลูจื่อเจีย ซึ่งที่ผ่านมาสวีจิ่งถงเคยเห็นชื่อนี้จากหน้า หนังสือพิมพ์เท่านั้น เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าหลูจื่อเจียเป็นพวกเดียวกับ ต้วนจือเฉวียน ศัตรูของเหยียนจ้งเหิง พูดง่ายๆ คืออยู่คนละฝ่ายกับสอง พ่อลูกตระกูลเหยียนนั่นเอง แต่เมื่อครึ่งปีก่อน ตอนทัพหว่านพ่ายศึก คนผู้นี้ ซึ่งจัดอยู่ในพวก ‘ยืดได้หดได้’ ไม่ยึดคติว่าต้องหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี มา ยอมสวามิภักดิ์ต่อนายพลจางแห่งทัพเฟิ่ง และย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ใน เมืองหลวง เหยียนจิ้งเหอจึงต้องเห็นแก่หน้านายพลจาง พลอยให้เกียรติคน ผู้นี้ตามไปด้วย ไม่กนี่ าทีให้หลัง ชายวัยกลางคนผูห้ นึง่ ก็เดินเข้ามา เขามีดวงตาเรียว คิ้วยาว ซึ่งพอรวมกับอวัยวะส่วนอื่นบนใบหน้าแล้ว ดูมีลักษณะของคนช่าง เหน็บแนม ฝีปากคม และใจคอโหดเหี้ยม แต่เวลานี้บนใบหน้ากลับประดับ ด้วยรอยยิ้มประจบประแจง เหยียนจิ้งเหอไม่ได้ลุกขึ้นต้อนรับ เพียงแค่กล่าว ออกมาเรียบๆ “ที่แท้ก็ท่านลุงหลูนั่นเอง หาใช่คนอื่นที่ไหน จิ่งถงรีบเชิญท่าน ลุงมานั่งนี่ แล้วไปยกชามาให้ด้วย” หากจะว่ากันตามล�ำดับอาวุโส การที่เหยียนจิ้งเหอวางมาดเช่นนี้ ถือว่าเสียมารยาทไม่น้อย แต่หลูจื่อเจียกลับไม่ถือสา และเดินไปนั่งฝั่งตรง ข้ามตามค�ำเชือ้ เชิญของเจ้าบ้าน สวีจงิ่ ถงยกน�ำ้ ชามาให้แขกแล้วลอบส�ำรวจ คนผู้นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะกลับมายืนด้านหลังเหยียนจิ้งเหอเหมือน ตอนแรก พลางหลุบสายตาลงด้วยความระมัดระวัง “ไม่เจอกันนานเลยนะหลานชาย สบายดีใช่ไหม?” “สบายดีครับ ก็ด้วยบารมีท่านลุงนั่นแหละ” “ได้ข่าวว่าเมื่อคืนหลานจัดงานเลี้ยง แม้แต่บุตรชายนายพลจางกับ บุตรสาวนายพลอู๋ ก็ได้รับเชิญมาร่วมงานด้วย คิดว่าต้องมีคนใหญ่คนโต 81
เหนือใจปฏิพัทธ์ มากันไม่น้อย น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง” “ท่านลุงเอาที่ไหนมาพูด แค่กิจกรรมแก้เบื่อเท่านั้น ไม่ใช่งาน ใหญ่โตสักนิด” ทัง้ ทีไ่ ม่ได้ดรู กั ใคร่กลมเกลียวกันแม้แต่นอ้ ย และต่างฝ่ายต่างพูดคุย ด้วยน�้ำเสียงเป็นปกติ หากสวีจิ่งถงกลับรู้ดีว่าเหยียนจิ้งเหอก�ำลังอึดอัดใจ อยากขับไล่คนผู้นี้ไปไกลๆ ก็ท�ำไม่ได้ จ�ำต้องปั้นหน้าสุขุมเยือกเย็นแล้ว พยายามข่มกลั้นในใจ ไม่แม้แต่จะแตะต้องน�้ำชาที่วางอยู่ตรงหน้า และดู หมางเมินไร้อารมณ์อย่างเห็นได้ชัด หลูจื่อเจียกล่าวไปได้สักพัก ก็ยกชาร้อนขึ้นจิบ แต่ดวงตาหลุกหลิก คู่นั้นกลับมองไปทางสวีจิ่งถงอยู่บ่อยครั้ง แล้วค่อยเบนไปทางอื่น นอกจาก จะมีแววตาส่อนัยแปลกๆ แล้ว ใบหน้าของเขายังนิ่งขรึมน่ากลัวดุจอสรพิษ ร้าย ตอนที่สวีจิ่งถงบังเอิญไปสบตาคนผู้นี้เข้า แววตาก็สั่นระริกขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว ด้วยเหยียนจิง้ เหอไม่มอี ารมณ์จะมาคุยเล่นกับหลูจอื่ เจีย จึงเอ่ยถาม ขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม“ท่านลุงหลูมีธุระอะไร เชิญพูดออกมาได้เลย สวีจิ่งถง เป็นคนสนิทของผมมาหลายปี ไว้ใจได้แน่นอน” “เช่นนัน้ ลุงก็จะไม่กล่าวให้เยิน่ เย้อ ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน” หลูจอื่ เจีย แสร้งท�ำหน้าหนักใจ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาคราหนึง่ “หลานสืบทอด ต�ำแหน่งจากพ่อ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการมณฑล แล้วตอนนี้ยังพ�ำนักอยู่ในเมือง หลวงด้วย แต่มีบางเรื่องที่เราไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน เรื่องราวในอดีต ถึง แม้ระหว่างเราจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างมี อุดมการณ์และจุดยืนของตัวเอง ตอนนีน้ ายพลจางกับจอมพลเฉาก็ตดั สินใจ 82
อิ๋งเย่ ปรองดองกันแล้ว ลุงเองก็ยอมหันมาเข้าพวกกับนายพลจางเช่นกัน หวังว่า หลานจะลืมเรื่องบุญคุณความแค้นในอดีต และปล่อยวางมันเสีย” “ท่านลุงหลูไม่จ�ำเป็นต้องมาเยี่ยมผมถึงที่นี่ เพราะเรื่องแค่นี้เลย” เหยียนจิ้งเหอหมดความอดทนขึ้นมาจริงๆ จึงพูดเสียงกระด้างขึ้นเล็กน้อย “เรื่องพวกนี้ นายพลจางก็เคยพูดถึงเมื่อหลายวันก่อน ผมย่อมเข้าใจดี” ตรงข้ามกับอีกฝ่าย หลูจื่อเจียที่ได้ฟังค�ำพูดประโยคนั้น เหมือนได้ รับการยืนยันกลายๆ รอยยิ้มจึงเกลื่อนใบหน้า น�้ำเสียงที่ใช้ก็ฟังดูนุ่มนวลขึ้น “ในเมือ่ หลานเป็นคนเข้าใจง่ายก็ดี ลุงจะได้เบาใจไม่ตอ้ งพูดให้มากความอีก เอาล่ะ ลุงยังมีธุระอื่นต้องไปจัดการต่อ ต้องขอตัวเลยแล้วกัน” “ท่านลุงค่อยๆ เดินนะครับ” เหยียนจิง้ เหอตอบรับด้วยค�ำพูดนี้ แต่กลับไม่ลกุ ขึน้ ยืนส่งแขก เพียง สั่งให้สวีจิ่งถงไปส่งหลูจื่อเจียแทน ซึ่งนับว่าให้เกียรติผู้มาเยือนมากพอแล้ว หลังจากสวีจิ่งถงกลับเข้ามาในห้องโถงอีกครั้ง ก็รีบเปลี่ยนชาร้อน ถ้วยใหม่ให้เหยียนจิง้ เหอ พอเห็นสีหน้าผูเ้ ป็นนายดูผอ่ นคลายขึน้ เขาจึงค่อย โล่งใจ “เมือ่ คืนไม่ได้สง่ เทียบเชิญ วันนีเ้ ลยแจ้นมาเองไม่ตอ้ งไปตาม ตาเฒ่า หลูจอื่ เจียช่างหน้าด้านเกินคาดจริงๆ หน้าหนากว่าก�ำแพงเมืองอีก ท�ำเอาฉัน สายตากว้างไกลขึ้นจริงๆ” เหยียนจิ้งเหอพึมพ�ำออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน พอได้ยนิ สวีจงิ่ ถงถึงนึกขึน้ มาได้วา่ ในรายชือ่ ทีเ่ หยียนจิง้ เหอระบุไว้ ว่าให้ส่งเทียบเชิญ มีชื่อบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในเมืองหลวงครบทุกคน ยกเว้น หลูจื่อเจียเพียงคนเดียว ท่าทางเหยียนจิ้งเหอคงจงใจให้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก เหยียนจิ้งเหอสืบทอดอ�ำนาจต่อจากบิดา ในเมืองใหญ่แห่งนี้ หาก ดูตามอายุแล้วอาจนับว่ายังน้อยเกินไป แต่ต�ำแหน่งผูบ้ ญ ั ชาการมณฑลของ 83
เหนือใจปฏิพัทธ์ เขา ก็ใช่จะได้มาปลอมๆ ยิง่ กว่านัน้ หลังเหยียนจ้งเหิงลาโลกไปแล้ว จอมพล เฉาแกนน�ำทัพจื๋อก็โปรดปรานเหยียนจิ้งเหอเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้น งานเลี้ยง เมื่ อ คื น มี ห รื อ จะเชิ ญ แขกเหรื่ อ ได้ ม ากเพี ย งนี้ ฝ่ า ยหลู จื่ อ เจี ย แม้ จ ะเป็ น ผู้บัญชาการกองพล แต่โดยเนื้อแท้เคยเป็นขุนศึกทัพหว่าน และจนวันนี้ก็ ยังไม่ใช่คนที่ต้องให้ความส�ำคัญ ต่อให้ล่วงเกินหรือสร้างความไม่พอใจให้ ฝ่ายนั้น เหยียนจิ้งเหอก็ไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ แม้สวีจิ่งถงจะรู้สึกตงิดๆ ในใจว่า ท่านนายพลจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่เหมาะสมนัก แต่เขาเป็นคนรู้จักกาลเทศะ จึงไม่คิดหาเรื่องใส่ตัว และ พยายามปัดเรื่องนี้ออกไปจากสมองในที่สุด ตอนนีใ้ กล้สนิ้ ปีแล้ว งานต่างๆ ภายในจวนก็เพิม่ พูนขึน้ สวีจงิ่ ถงต้อง ง่วนอยู่กับการเตรียมงานฉลองปีใหม่ตลอดวัน ตกกลางคืนยังต้องปรนนิบัติ เอาใจเจ้านายตามปกติ แม้ว่าจะได้รับความอภิรมย์จากภารกิจนี้ไม่น้อย ทั้ง ยังได้อิ่มเอมในรสชาติความสุขอันวิเศษ แต่เขาก็ไม่กล้าหลงระเริงไปกับมัน ยังคงท�ำตัวเฉกเหมือนเดิม และคอยปรนนิบัติรับใช้ผู้เป็นนายด้วยความ ระมัดระวัง ทว่า ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับเหยียนจิ้งเหอ เจ้าตัวถึงกลับมามีนิสัยเดา ยากใจเหมือนเดิม แต่ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างนุ่มนวลขึ้น ไม่ค่อยดุด่าว่ากล่าว บ่าวรับใช้ดังแต่ก่อน บางครั้งสวีจิ่งถงเผลอท�ำผิดก็แค่โดนต�ำหนิเล็กน้อย แม้แต่โทษสถานเบายังได้รับการยกเว้น ราวกับว่านิสัยเปลี่ยนกันได้เพียง ชั่วข้ามคืน น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แรกๆ สวีจิ่งถงรู้สึกว่าเรื่องนี้รับมือยากและอดหวาดผวาอยู่บ่อยๆ ไม่ได้ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ปรับตัวให้ชินกับความเปลี่ยนแปลงได้ทีละน้อย 84
อิ๋งเย่ และถึงขนาดกล้าพูดหยอกล้อเจ้านายเป็นบางครัง้ จนทัง้ สองสนิทกันมากกว่า เดิม ด้ า นความสัม พันธ์บนเตียงก็ดูจ ะเข้ากันได้ดี ไม่ต้องพบความ เจ็บปวดทรมานเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น ช่วงเวลานี้ของสวีจิ่งถง จึงกล่าวได้ว่า น่าพอใจ และรู้สึกรื่นรมย์กับชีวิตที่เป็นอยู่มากเหลือเกิน และแล้ว ศักราชใหม่ก็ใกล้จะมาถึงในอีกไม่นาน
85
6
คืนก่อนวันสิ้นปี สวีจิ่งถงยังคงนอนค้างในห้องเหยียนจิ้งเหอตาม ปกติ หลายวันมานี้ เหมือนว่าอยู่ๆ เหยียนจิ้งเหอก็พบข้อดีของเขาขึ้นมา กะทันหัน ถึงท�ำดีด้วยราวกับเป็นคนโปรด จนสวีจิ่งถงรู้สึกประหลาดใจต่อ ความเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนาย ฟู่จื่อหวนไม่พลาดน�ำเรื่องนี้มาหาความสนุกใส่ตัว ด้วยว่าสถานะ ของสวีจิ่งถงย่อมเทียบชั้นบุตรชายท่านผู้การไม่ได้ ซ�้ำเขายังมีนิสัยเจียมเนื้อ เจียมตัว จึงตกเป็นผูถ้ กู กระท�ำไปโดยปริยาย ทว่าแปลกก็ตรงทีเ่ หยียนจิง้ เหอ ไม่มีท่าทีขุ่นเคือง หรือแสดงอาการไม่พอใจใดๆ ต่อการที่ฟู่จื่อหวนยกเรื่องนี้ มาล้อ ทัง้ ยังมีสหี น้าคล้ายยอมรับอยูก่ ลายๆ ฉะนัน้ ผูเ้ ป็นสหายจึงไม่มอี าการ สลดลงเลยสักนิด หลายวันก่อน ฟู่จื่อหวนหนีบิดาที่จะจับคลุมถุงชนมายังเมืองปักกิ่ง แล้วรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยฝ่ายการทูตให้เหยียนจิ้งเหอ บางทีก็ช่วยจัดการเรื่อง 86
อิ๋งเย่ สัพเพเหระต่างๆ แต่สว่ นใหญ่แทบไม่ปรากฏตัวให้เห็น เดิมทีสวีจงิ่ ถงก็ไม่ใคร่ ใส่ใจคนคนนี้เป็นพิเศษ กระทั่งได้ยินจากปากเหยียนจิ้งเหอ ถึงรู้ว่าฟู่จื่อหวน มีสัมพันธ์สวาทกับนักแสดงชื่อดังแห่งคณะงิ้วชิ่งสี่ เฝ้านัวเนียพลอดรักกัน ทุกวี่วัน สวีจงิ่ ถงได้ฟงั เรือ่ งนีข้ ณะนอนอยูบ่ นเตียงเจ้านาย ชายหนุม่ เปิดปาก หาวอย่างอ่อนเพลียหลังเสร็จสิน้ กิจกรรมบนเตียง เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึน้ มา ท�ำความสะอาดร่างกายให้เหยียนจิ้งเหอ ในใจรู้สึกขัดเขิน ไม่เป็นตัวของ ตัวเองนัก แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ไม่รทู้ �ำไม ระยะหลังเหยียนจิง้ เหอดูชา่ งพูดช่างคุยมากขึน้ แต่คล้าย จะร�ำพึงร�ำพันกับตัวเองมากกว่า ไม่ได้อยากให้สวีจงิ่ ถงคล้อยตามหรือแสดง ความคิดเห็น ชายหนุ่มเองก็ไม่กล้าขัด ได้แต่ฟังที่อีกฝ่ายเล่าอย่างตั้งอก ตัง้ ใจ ซึง่ ดูเหมือนท่าทางซือ่ ๆ ของเขา จะเป็นทีถ่ กู ใจผูเ้ ป็นนาย ถึงขัน้ มองออก ว่าเหยียนจิ้งเหอพึงใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย บ่ า วรั บ ใช้ ห นุ ่ ม ไม่ รู ้ เ ลยว่ า นี่ เ ป็ น กลเม็ ด ที่ ฟู ่ จื่ อ หวนแนะน�ำต่ อ เหยียนจิง้ เหอ ทีว่ า่ แม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์กนั แบบนายบ่าว แต่ถา้ อยาก ได้ หั ว ใจอี ก ฝ่ ายมาครอง ก็ค วรยอมลดมาดลงสักหน่อย เหยียนจิ้งเหอ ใคร่ครวญอยู่นานก็คิดไม่ออก จึงตัดสินใจถามสหายรักอย่างตรงไปตรงมา ว่าควรท�ำเช่นไร “หลังเสร็จเรื่องบนเตียง นายควรหาบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ มาคุย บ้าง ไม่ใช่ทำ� เสร็จก็รบี สะบัดก้นไป แบบนัน้ มันจะต่างจากสุนขั ทีผ่ สมพันธุก์ นั ตามถนนตรงไหน?” นี่คือค�ำพูดที่ออกจากปากฟู่จื่อหวน ซึ่งพอเหยียนจิ้งเหอฟังจบก็ ไม่เสียเวลาคิดต่อให้ปวดหัว เลียนแบบตามที่ผู้เชี่ยวชาญเสี้ยมสอนมาเสีย 87
เหนือใจปฏิพัทธ์ เลย แถมเจ้าตัวยังรู้สึกว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตลอดหลายปีมานี้ นอกจากเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนกับพลเอก เหยียนผู้เป็นบิดา คนที่เหยียนจิ้งเหอจะสามารถพูดคุยได้อย่างเปิดใจ นับว่า มีนอ้ ยยิง่ กว่าน้อย หรือแทบไม่มเี ลยด้วยซำ�้ เขามีเพือ่ นทีส่ นิทกันจริงๆ อยูแ่ ค่ คนสองคน แต่เรื่องส่วนตัวบางเรื่อง ก็ไม่กล้าบอกเล่าให้ฟังอยู่ดี แม้แต่ พลเอกเหยียนที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ก็ยังมีเรื่องที่ให้รู้ไม่ได้ จนวันที่ท่านพ่อ ล่วงลับไป หากจะนับกันจริงๆ ในเวลานี้ คนข้างกายทีร่ กั ใคร่สนิทสนมกัน จึง เหลือสวีจิ่งถงเพียงคนเดียว บ่าวคนนีไ้ ม่ถอื ว่าเป็นคนสติปญ ั ญาล�ำ้ เลิศนัก แต่รกู้ าลเทศะ รูอ้ ะไร ควรไม่ควร ทั้งยังมีนิสัยซื่อสัตย์จริงใจ เรื่องที่อีกฝ่ายจะเอาความที่ตนเล่าไป แพร่งพรายให้คนอื่นรู้ จึงไม่จ�ำเป็นต้องกังวล แล้วยิ่งสวีจิ่งถงรับใช้เขา มาหลายปี มีหรือที่จะไม่รู้ว่าควรใช้วิธีใดควบคุมให้อยู่ในบัญชา แค่ใช้ความ อ่อนโยนเล็กน้อย ก็ช่วยเพิ่มรสชาติกิจกรรมบนเตียงให้เจ้าตัวมากขึ้น จน ทุกวันนี้ สวีจิ่งถงค่อยๆ ลดอาการหวาดกลัวที่มีต่อนายพลหนุ่มทีละน้อย เปลี่ยนเป็นใกล้ชิดสนิทสนมกันยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเรื่องบนเตียง สวีจิ่งถงเหมือนจะเปิดใจเรียนรู้มากขึ้น บางครายัง มีอาการเหนียมอายให้เห็น แต่ก็ไม่ถึงกับตะขิดตะขวงใจ ท�ำตัวไม่ถูกอย่าง เมื่อก่อน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีนัก “จิ่งถง” นายพลหนุ่มครางเสียงหวะหวิว “ครับคุณชาย” สวีจิ่งถงก�ำลังก้มตัวบิดผ้าขนหนูให้เปียกแค่พอ หมาดๆ ทั้งร่างสวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียว บนคอเรียวมีร่องรอยสีกุหลาบ ปรากฏให้เห็นเด่นชัด “มานี่สิ” 88
อิ๋งเย่ สวีจิ่งถงเป็นผู้อยู่ในโอวาทเสมอมา ครานี้ก็เช่นกัน เขาไม่เอ่ยถาม ให้มากความ วางสิ่งที่อยู่ในมือแล้วรีบเดินไปหาผู้เป็นนาย เหยียนจิ้งเหอใช้ มือข้างเดียวกระตุกร่างอีกฝ่ายขึ้นไปบนเตียง นั่งมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง เหยียนจิ้งเหอก็สั่งให้สวีจิ่งถงขึ้นมานอนคว�่ำบนตัวเขา แนบใบหน้าลงกับ แผ่นอกกว้าง เพราะไม่รู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา สวีจิ่งถงจึงดูเหวอไปอย่างเห็นได้ ชัด กระนัน้ ก็ยงั ท�ำตามแต่โดยดี ขยับขึน้ ไปทาบทับร่างก�ำย�ำอย่างระแวดระวัง และพยายามเกร็งตัวไว้ เกรงว่าจะท�ำให้อีกฝ่ายอึดอัดจนหายใจไม่ออก เหยียนจิ้งเหอรู้สึกขัดใจ จึงขยับตัวแรงๆ เพื่อให้สวีจิ่งถงเสียหลักยันแขน พยุงตัวต่อไปไม่ไหว ต้องทิ้งน�้ำหนักลงมานอนซบเขาทั้งตัว ร่างข้างบนอาจจะหนักไปบ้าง เพราะถึงอย่างไรโดยเนื้อแท้แล้วก็ เป็นผู้ชาย เหยียนจิ้งเหอคิด ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือนร่างของสตรี คงนุ่มนิ่มน่า สัมผัสกว่านี้ แต่เมื่อเทียบระหว่างสวีจิ่งถงกับผู้หญิงทั่วไป ในความรู้สึกของ นายพลหนุ่ม ก็ไม่ได้ต่างกันสักกี่มากน้อย ทัง้ สองร่างยังคงก่ายเกยกันในท่านัน้ ต่างฝ่ายต่างนิง่ เงียบไปสักพัก ในที่สุดเหยียนจิ้งเหอก็เป็นฝ่ายเอ่ยเรียกคนตรงหน้า “จิ่งถง” “ครับ” ชายหนุ่มขานรับเสียงอ่อย ดูท่าจะก�ำลังประหม่าเมื่อต้องอยู่ ในสถานการณ์เช่นนี้ “เล่าเรื่องของนายให้ฉันฟังบ้างสิ” นายพลหนุ่มเปรยขึ้นลอยๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก แต่กลับกดท้ายทอยอีกฝ่ายไว้ ไม่ยอมให้เห็นสีหน้า ของตน “คุณชายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” สวีจิ่งถงนึกหวั่นใจ ก่อนจะถาม ด้วยน�้ำเสียงกังวล “รึว่า...ผมท�ำอะไรผิดไป?” 89
เหนือใจปฏิพัทธ์ เหยียนจิ้งเหอชะงักไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยเสียงเข้มปนเหนื่อยหน่าย ออกมา “ฉันสั่งให้เล่านายก็เล่ามาเถอะ อย่าคิดนอกเรื่อง นายเข้ามาอยู่ใน จวนสกุลเหยียนได้ยังไง?” “...ครับ” ดูเหมือนสวีจิ่งถงยังดึงสติกลับมาไม่ทัน พอเจ้านายสั่ง จึง มีอาการลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเปิดปากเล่า “พ่อแม่ผมจากโลกนี้ไปตั้งแต่ผม ยังเล็กๆ พวกญาติๆ รับไปอุปการะเลี้ยงดูเพียงไม่กี่ปีก็ไม่อยากเลี้ยงต่อ เลย พามาขายให้ที่นี่ นับจากวันนั้นผมก็คอยรับใช้คุณชายมาตลอด” เหยียนจิ้งเหอคิดตาม พลางบ่นแบบไม่จริงจัง “สั้นแค่นี้เองเรอะ” “ความจริงมันไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงเลยสักนิด ทางบ้านผมฐานะ ยากจน ในวัยเด็กต้องช่วยท�ำงานถึงจะมีข้าวกิน โตมาแบบอดมื้อกินมื้อ อยู่ อย่างอดๆ อยากๆ มานาน แต่ละวันขอแค่มีลมหายใจให้อยู่ต่อไปได้เป็นพอ ตอนหลังที่ได้มาอยู่ในจวนคุณชายก็ไม่เคยต้องอดอยากอีกเลย นั่นจึงเป็น เรือ่ งดีทสี่ ดุ ในชีวติ ของผมแล้ว” สวีจงิ่ ถงเล่าประวัตติ วั เองออกมาอย่างซือ่ สัตย์ จริงใจ นายพลหนุม่ พอจะจับความรูส้ กึ หม่นหมองในนำ�้ เสียงของคนเล่าได้ จึงแกล้งพูดเย้าเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายจมอยู่ในความเศร้า “อดอยากจน กลัวขึ้นสมองเลยสิท่า?” สวีจิ่งถงพยักหน้าเงียบๆ ไม่ปริปากพูดอะไร “ก่อนหน้านีฉ้ นั เคยบอกนายแล้ว อะไรทีค่ วรได้ ฉันจะให้นายเต็มที”่ เหยียนจิ้งเหอชะงักเล็กน้อย ลังเลอยู่สักพักจึงกล่าวค�ำพูดที่เหลือต่อจนจบ “นับจากนี้ไป ฉันจะไม่ปล่อยให้นายต้องอดอยากหิวโหยอีก” “ขอบคุณครับคุณชาย” สวีจิ่งถงตอบเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ เหยียนจิ้งเหอพอใจมากเมื่อได้ยินค�ำตอบรับเช่นนั้น แต่ไม่รู้ว่าควร 90
อิ๋งเย่ แสดงออกอย่างไร จึงใช้ฝ่ามือลูบเรือนผมนุ่มบนกลางกระหม่อมเจ้าตัวแทน สมัยที่ยังเยาว์วัย เหยียนจิ้งเหอมีความเป็นอยู่สุขสบาย มีเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายหรูหราและอาหารรสเลิศให้กินทุกมื้อ จึงไม่เข้าใจว่าความ ล�ำบากยากจนเป็นยังไง แต่ก็พอรู้ว่าครอบครัวของคนที่มีชาติก�ำเนิดต�่ำต้อย มักขาดแคลนแม้กระทั่งข้าวจะหุงกิน ท่ามกลางภัยสงครามในช่วงเวลานั้น ชาวบ้านบางคนมีชวี ติ ความเป็นอยูแ่ ร้นแค้น ถึงขัน้ ต้องขายลูกกินหรือไม่กไ็ ป เป็นขอทาน ซึง่ เป็นสิง่ ทีม่ ใี ห้เห็นดาษดืน่ แต่นายพลหนุม่ ไม่รวู้ า่ ควรปลอบโยน อีกฝ่ายอย่างไรดี นับแต่สวีจิ่งถงเข้ามาอยู่ในจวนสกุลเหยียน ก็ไม่ต้องพบความ อดอยากหิวโหยเช่นในอดีต ทว่าแค่คิดย้อนกลับไปว่าชายคนนี้เคยมีชีวิต วัยเด็กที่แสนอัตคัดขัดสน ต้องอยู่อย่างหิวโหยและท�ำงานหนักตั้งแต่อายุยัง น้อย ในใจเหยียนจิ้งเหอก็มีความยอกแสยงที่ไม่คุ้นเคยผุดขึ้นมา จนพูดไม่ ออกว่ารู้สึกเช่นไรกันแน่ ระหว่างความเสียใจกับความหดหู่ “วันข้างหน้านายจะไม่ตอ้ งอดอยากอีก คอยปรนนิบตั ริ บั ใช้เจ้านาย อย่างฉันให้ดีก็พอ” เหยียนจิ้งเหอลูบท้ายทอยสวีจิ่งถง พร้อมกับพูดปลอบโยนให้ก�ำลัง ใจ แต่คงมีเพียงเจ้าตัวเท่านัน้ ทีร่ วู้ า่ เวลาทีต่ อ้ งเอ่ยถึงเรือ่ งนี้ ในใจมันแน่นตือ้ แทบหายใจไม่ออก เป็นความรูส้ กึ ทีไ่ ม่อาจบรรยายออกมาเป็นค�ำพูดได้จริงๆ “ครับ” สวีจิ่งถงตอบอย่างระมัดระวังเหมือนเช่นที่เคยท�ำมา พอวันสิ้นปีผ่านพ้นเริ่มเข้าสู่ต้นศักราชใหม่ เหยียนจิ้งเหอก็มีงานยุ่ง ขึน้ มาปุบปับ แค่ล�ำพังต้องตระเวนไปสวัสดีปใี หม่บคุ คลส�ำคัญในเมืองหลวง ก็กินเวลาไปไม่น้อยกว่าจะครบทุกคน เรียกได้ว่ายุ่งกว่าช่วงปกติหลายเท่า 91
เหนือใจปฏิพัทธ์ แต่จะพูดว่าภารกิจนี้ ไม่ได้ให้ประโยชน์กลับมาสักกระผีกก็ไม่ใช่ การที่ได้มา อยู่ฝ่ายเดียวกับจอมพลเฉา งานด้านการทหารก็ไม่จ�ำเป็นต้องกังวลอะไรอีก แล้วสถานการณ์บา้ นเมืองตอนนีก้ อ็ ยูใ่ นความสงบเรียบร้อย เหยียนจิง้ เหอจึง รู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก แต่มีเรื่องหนึ่งที่คอยรบกวนจิตใจ ท�ำให้เขาอึดอัดกลัดกลุ้ม ไม่รู้จะ แก้ปัญหาด้วยวิธีใด นับตั้งแต่ผู้การฟู่รู้ว่าฟู่จื่อหวนบุตรชาย บากหน้ามาขออาศัยอยู่ใน จวนสกุลเหยียนที่เมืองหลวง ก็อยากมาจับฟู่จื่อหวนมัดมือมัดเท้าแล้วลาก กลับหูเป่ย์ด้วยตัวเองใจแทบขาด แต่เนื่องจากมีภารกิจรัดตัวจึงมาปักกิ่ง ไม่ได้ เลยเพียรส่งโทรเลขมาแทบไม่ขาดสาย เพื่อขอร้องให้เหยียนจิ้งเหอ ส่ ง ตั ว ฟู ่ จื่ อ หวนกลั บ ไป ทว่ า เหยี ย นจิ้ ง เหอกั บ ฟู ่ จื่ อ หวนคบหากั น อย่ า ง สนิทสนมแนบแน่น ทีส่ �ำคัญเขายังรูเ้ รือ่ งทีค่ ณ ุ ชายฟูต่ กอยูใ่ นห้วงรักหวานชืน่ กับเฉิงฟ่งชิงมาเนิ่นนาน แล้วมีหรือจะยอมออกหน้าพรากคู่รักแยกจากกัน เรือ่ งก็เป็นแบบนี้ ด้านผูก้ ารฟูน่ บั วันก็ยงิ่ กระวนกระวายใจ ข้อความ ในโทรเลขแต่ละค�ำ บ่งบอกถึงความวิตกกังวลและความทุกข์ พานให้ เหยียนจิ้งเหอซึ่งเป็นคนนอกต้องพลอยว้าวุ่นใจไปด้วย ที่เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เหยียนจิ้งเหอเป็นคนใจอ่อน แต่เพราะเขานึกถึง บิดาผู้ล่วงลับไปต่างหาก แล้วพอคิดแบบใจเขาใจเรา ก็ยิ่งสงสารเห็นอก เห็นใจคนเป็นพ่อมากขึ้น พลเอกเหยียนบิดาของเขา คบหากับผู้การฟู่มานานปี แม้จะอยู่ใน ฐานะผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็นับว่าเป็นสหายสนิทคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น เหยียนจิ้งเหอจึงรู้จักฟู่จื่อหวนมาตั้งแต่เด็กด้วยเช่นกัน จัดว่ามี ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นพอสมควร 92
อิ๋งเย่ ความทีเ่ ห็นผูก้ ารฟูส่ ง่ โทรเลขมาฉบับแล้วฉบับเล่า เรียกได้วา่ วันเว้น วันเลยทีเดียว ด้วยเหตุดงั กล่าว ต่อให้เหยียนจิง้ เหอเป็นคนแล้งน�ำ้ ใจแค่ไหน ก็อดคิดถึงบิดาขึ้นมาไม่ได้ ท่านนายพลจึงดูหดหู่อย่างที่พบเห็นได้น้อยมาก ตอนนั้น ก่อนที่พลเอกเหยียนจะเสียชีวิตกะทันหันในหอนางโลม เนื่องจากโรคเก่าก�ำเริบ ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริด ไม่นึกว่าท่านจะ ทิง้ ค�ำสัง่ เสียเอาไว้ แม้เหยียนจิง้ เหอจะไม่พดู ถึงเรือ่ งนีอ้ กี แต่สว่ นลึกในใจยัง จดจ�ำไม่เคยลืม จนกระทั่งได้เห็นผู้การฟู่บังคับฟู่จื่อหวนให้แต่งงาน แม้จะดู เผด็จการไปหน่อย แต่ทุกสิ่งล้วนท�ำไปเพราะความหวังดีของคนเป็นพ่อแม่ เหยียนจิง้ เหอคิดทบทวนอยูน่ าน สุดท้ายจึงทอดถอนใจ สัง่ ให้คนไปตามฟูจ่ อื่ หวนมาหา แล้วน�ำโทรเลขปึกใหญ่วางลงบนโต๊ะต่อหน้าเพื่อน “นี่หมายความว่ายังไงท่านนายพล” เหยียนจิง้ เหอปรายตามองคูส่ นทนา ประหนึง่ ส่งสัญญาณให้อกี ฝ่าย อ่านสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้า ฟู่จื่อหวนหยิบโทรเลขขึ้นมาดู แล้วหน้าถอดสีลง อย่างเห็นได้ชัด “โทรเลขของพ่อนาย ยังดีที่ไม่ได้อยู่ในช่วงศึกสงคราม ไม่อย่างนั้น ดู จ ากสภาพเขาในตอนนี้ มี โ อกาสจะบั ญ ชาการกองทั พ ผิ ด พลาดได้ ” เหยียนจิ้งเหอพูดทีเล่นทีจริง ฟู่จื่อหวนไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร นาทีนั้น ทั้งห้องจึงมีแต่ความ เงียบงัน “นายกลับบ้านเถอะ” “แต่...” ฟู่จื่อหวนได้แต่อํ้าอึ้ง “เรื่องของเฉิงฟ่งชิงฉันจะจัดการแทนเอง นายกลับไปปรับความ เข้าใจกับผู้การฟู่ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ จากโทรเลขฉบับล่าสุด ดูเหมือนเขา 93
เหนือใจปฏิพัทธ์ จะยอมอ่อนข้อให้นายแล้ว ถ้าไปตอนนี้ อาจเลิกบังคับให้แต่งงานกับคุณหนู ซ่งแล้วก็ได้” พูดถึงตรงนี้ ไม่รู้ว่าเหยียนจิ้งเหอนึกอะไรได้ จึงลังเลอยู่พักใหญ่ กว่าจะเอ่ยต่อ “หรือถ้านายตัดใจไม่ได้จริงๆ ก็ไปขอไถ่ตัวเฉิงฟ่งชิง แล้วพา กลับไปด้วยกันก็สิ้นเรื่อง” “ไม่ได้หรอก” “ท�ำไมถึงไม่ได้ เฉิงฟ่งชิงเป็นนักแสดงชื่อดังก็จริง แต่มีสัญญา ขายตัวอยู่ในมือตั้วโผ นายจ่ายเงินแล้วไถ่ตัวเขามาก็ได้นี่” ค�ำพูดของ เหยียนจิ้งเหอฟังดูมีเหตุผล ก่อนหน้านี้คุณชายฟู่ก็เคยคิดแผนการนี้อยู่ในใจ แต่อธิบายไม่ถูกว่าท�ำไมจึงท�ำเช่นนั้นไม่ได้ เป็นเหตุให้เจ้าตัวคิดไม่ตกเสียที “เปล่าหรอก” ฟู่จื่อหวนเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดก็ยิ้มขื่นๆ ออกมา “หลายปีนี้ แม้ฉนั กับฟ่งชิงต่างมีใจให้กนั แต่เขาก็ไม่ได้เป็นสมบัตสิ ว่ นตัวของ ฉันคนเดียว ช่วงแรกทีเ่ ขาตามคณะงิว้ มาปักกิง่ ยังคิดจะตัดขาดจากฉันเพราะ อยากเป็นนักแสดงต่อไปด้วยซ�้ำ แล้วฉันจะขัดความตั้งใจของเขาได้หรือ” “หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ” เหยียนจิง้ เหอสับสนงงงวย ไม่คดิ ว่าเรื่องราวจะซับซ้อนเพียงนี้ ตามความคิดเขา ฟู่จื่อหวนถือก�ำเนิดในตระกูลใหญ่ จะเหยียบคน อื่นไว้ใต้ฝ่าเท้าย่อมไม่ถือเป็นความผิด ในเมื่อคิดจะไถ่ตัวนักแสดงอย่าง เฉิงฟ่งชิง เจ้าตัวก็ควรรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋า แล้วตามคุณชายฟู่กลับไป อย่างหน้าชืน่ ตาบาน แต่อยูด่ ๆี ฟูจ่ อื่ หวนกลับพูดเรือ่ งเหลวไหลออกมา ยิง่ ฟัง ก็ยิ่งงุนงง ช่างเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเสียจริง “เห็นฟ่งชิงมาจากตระกูลต�่ำต้อย นายเลยคิดว่าเขาควรเกิดมาเพื่อ เป็นเบีย้ ล่างคนอืน่ ใช่ไหม เปล่าเลย เพราะเขาไม่ยอมให้มนั เป็นแบบนัน้ ความ จริงฉันตามจีบเขามานานมาก ตอนหลังเขาถึงยอมใจอ่อน ให้ความสนิทสนม 94
อิ๋งเย่ กับฉันมากขึ้น นั่นท�ำให้ฉันรู้ว่าแท้จริงแล้วฟ่งชิงมีนิสัยเย็นชาที่สุด ช่วงแรกๆ ฟ่งชิงไม่ชายตาแลฉันแม้แต่หางตาด้วยซำ�้ นีถ่ า้ ไม่กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกิน แถมถูกตั้วโผดุด่า เขาคงไม่มาฝืนประจบเอาใจฉันหรอก” “ฟังจากที่นายเล่า ดูท่าหมอนี่จะจองหองไม่เบา” เหยียนจิ้งเหอ วิจารณ์ตรงๆ คิว้ ขมวดมุน่ “ในเมือ่ รูแ้ บบนี้ ท�ำไมนายไม่หาคนหัวอ่อนว่านอน สอนง่ายกว่านี้เล่า บนโลกนี้ใช่ว่าหมอนั่นจะดีเลิศอยู่คนเดียวเสียที่ไหน” “ถ้าแค่คบหาเล่นๆ จะกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่นี่ฉันไม่ได้คิดคบเขา เล่นๆ ไง เลยตัดใจจากฟ่งชิงไม่ได้ ไม่ใช่เพราะแค่หน้าสวยๆ ของเขาหรอก” ฟู่จื่อหวนถอนใจยาวเหยียด “เขา...ช่างเถอะ ไม่พูดดีกว่า” ที่ผ่านมา ฟู่จื่อหวนเป็นคนไม่ชอบพูดอ้อมค้อม และไม่เคยมีเรื่อง ปิดบังเขา เหยียนจิ้งเหอจ้องหน้าคู่สนทนาอย่างจับผิด พอเกิดข้อกังขาในใจ จึงรีบเค้นถามตรงๆ “ตกลงนายกับเฉิงฟ่งชิงมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่! อย่าพูดจาให้มันก�ำกวมสิ มีอะไรก็ว่ามาตามตรง เอาแต่กระบิดกระบวน แบบนี้ เห็นแล้วขัดหูขัดตาเสียจริง” พอได้ฟงั ค�ำพูดประโยคนี้ คนอย่างคุณชายฟูท่ เี่ ดิมทีแสนจะหน้าหนา ท�ำอะไรไม่รู้จักอาย ไม่แม้แต่จะสะทกสะท้านยามถูกคนอื่นเห็นฉากเร่าร้อน ระหว่างตนกับคนรัก กลับมีใบหน้าแดงก�่ำลามถึงใบหู แถมยังไม่กล้าสบตา เอาแต่นั่งบิดไปบิดมาราวกับดรุณีแรกแย้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครก็คาดไม่ถึง ท่าน นายพลเห็นแล้วก็ให้งุนงงยิ่งนัก “นายเป็นบ้าอะไรไปอีกล่ะ?” เหยียนจิ้งเหอต่อว่าเสียงเข้ม อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ ผู้ชายตรง หน้าเหมือนไม่ใช่ฟู่จื่อหวน เพื่อนสนิทที่เขาคบหามานานปี ตั้งแต่รู้จักกัน อีกฝ่ายไม่เคยมีกริ ยิ าขัดเขินจนเสียจริตเช่นนี้ ‘เมือ่ ถูกมารร้ายครอบง�ำ ทุกสิง่ 95
เหนือใจปฏิพัทธ์ มักผิดไปจากวิสัย’ เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยเจอประโยคนี้ในหนังสือ เวลานี้ มันก�ำลังแว่บเข้ามาในสมองเขาอย่างกะทันหัน ฟูจ่ อื่ หวนมีทา่ ทีลงั เล ราวกับไม่แน่ใจว่าควรเล่าต่อดีไหม แต่สดุ ท้าย ก็พูดออกมาเสียงอ่อยๆ “นายก็น่าจะเข้าใจ ผู้ชายสองคนที่คบหากันอยู่ จะ ท�ำอะไรได้ถ้าไม่ใช่เรื่องบนเตียง...” นายพลหนุม่ คิดไม่ถงึ ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยถึงเรือ่ งนี้ จึงรูส้ กึ ขัดเขินขึน้ มา บ้าง เขาชะงักไปชั่วอึดใจ แล้วบังคับตัวเองให้เยือกเย็นลง “แล้วยังไง?” “ฉัน...กับฟ่งชิง...ทีจ่ ริง…ระหว่างเราไม่มใี ครได้เปรียบเสียเปรียบ... ไม่ใช่ฉัน...แค่ฝ่ายเดียว...เขาก็...” พูดมาถึงตรงนี ้ น�ำ้ เสียงฟูจ่ อื่ หวนกลับเริม่ ตะกุกตะกัก หลุบตาลงพืน้ ไม่เงยมองเหยียนจิ้งเหอ จากเดิมที่ใบหูแดงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแดงก�่ำ ท่าทาง ประหม่าเช่นนี้ หากนักแสดงงิว้ รูปงามเป็นคนท�ำยังพอจะน่ามองอยูบ่ า้ ง ทว่า พอเป็นกิริยาเหนียมอายของคุณชายฟู่ กลับดูแล้วชวนขนลุกแบบแปลกๆ เหยียนจิ้งเหอตรึกตรองอยู่นาน ก่อนจะเบิกตากว้าง เพลิงโทสะใน ใจลุกพรึบทันที “ไม่อยากเชื่อเลย เขาบังคับนายเรอะ!” ฟู่จื่อหวนส่ายหน้าแรงๆ แต่ตะขิดตะขวงใจเกินกว่าจะตอบ รอจน เลือดฝาดบนใบหน้าค่อยๆ จาง กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เจ้าตัวถึงส่งยิ้มขื่นๆ แล้วชี้แจงให้เพื่อนเข้าใจ “เรื่องแบบนี้...ถ้าฉันไม่ยอมซะอย่าง ใครจะบังคับ ได้ บอกได้ค�ำเดียวว่าเป็นความยินยอมของฉันเอง” ฟังความจบ เหยียนจิ้งเหอก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตะลึงงันอยู่ อย่างนั้น ฟูจ่ อื่ หวนกับเขาคลุกคลีตโี มงด้วยกันมาตัง้ แต่เด็ก สมัยแตกเนือ้ หนุม่ ขึ้ น ครู ค รั้ ง แรกก็ ไ ปด้ ว ยกั น เดิ น กอดคอกั น เข้ า หอนางโลมก็ ท�ำมาแล้ ว 96
อิ๋งเย่ ฟู่จื่อหวนเจ้าชู้เสเพล นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ดีที่สุด รู้กระทั่งว่าอีกฝ่ายโชกโชน แค่ไหน มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวยังไง หากเรื่องที่เพื่อนเล่าเป็นความจริง เหยียนจิ้งเหอยิ่งไม่อาจจินตนาการได้เลย และไม่ว่าใครก็คงคาดไม่ถึงว่า ฟู่จื่อหวนจะยอมนอนอยู่ใต้ร่างเฉิงฟ่งชิง เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นลึกล�้ำเกินหยั่ง ถึง นายพลหนุ่มตะลึงตาค้าง ได้แต่อ้าปากแล้วหุบปาก แต่ไม่มีค�ำพูดใดๆ เล็ดลอดออกจากล�ำคอได้เลย นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดเหยียนจิ้งเหอก็เอ่ยข้อกังขาในใจออกมา “ท�ำไมนาย...” “ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ งั้นก็ช่างเถอะ ฉันแค่เล่าไปอย่างนั้นเอง มัน ไม่ใช่เรือ่ งทีจ่ ะช่วยสร้างชือ่ เสียงเชิดชูวงศ์ตระกูลอยูแ่ ล้ว คนทีฉ่ นั สามารถพูด ให้ฟังได้ก็มีแค่นายคนเดียว” ฟู่จื่อหวนขมเฝื่อนไปทั้งใจขณะพูด “ฉันยอม กลับบ้านก็ได้ ส่วนเรื่องเฉิงฟ่งชิง...” เหยียนจิง้ เหอนิง่ ไปครูใ่ หญ่ แล้วจึงเอ่ยด้วยเสียงเฉียบขาด “เรือ่ งนัน้ ฉันจะจัดการให้นายเอง!” เช้าวันต่อมา ฟู่จื่อหวนก็ออกเดินทางกลับหูเป่ย์ พอเพื่อนที่เคยอยู่ข้างกายหายไปคนหนึ่ง ก็ท�ำให้รู้สึกเหงาไปบ้าง เหยียนจิง้ เหอหวนนึกถึงค�ำพูดของฟูจ่ อื่ หวนทีไ่ ด้คยุ กันก่อนหน้า เขาไม่เข้าใจ เลยว่า เหตุใดฟู่จื่อหวนจึงยอมท�ำตัวตกต�่ำถึงเพียงนั้น ทั้งไม่รู้จะเรียกการ คบหาของพวกเขาสองคนว่าอย่างไร นักแสดงงิ้วที่แต่งชุดสวมบทบาทเป็น ตัวละครอ้อนแอ้นบอบบางอย่างเฉิงฟ่งชิง ใครมาได้ยนิ ก็ยากทีจ่ ะท�ำใจให้เชือ่ ได้ แต่ถา้ นีไ่ ม่ใช่เรือ่ งจริง แล้วมีความจ�ำเป็นอะไรทีฟ่ จู่ อื่ หวนจะต้องปัน้ 97
เหนือใจปฏิพัทธ์ เรื่องหลอกเขาด้วยเล่า? เหยียนจิ้งเหอยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม ทว่าเขาเองยังมีภารกิจทางการทหาร ที่ต้องไปจัดการอีกมาก จึงตัดสินใจปัดเรื่องนี้ออกไปจากสมองก่อน ตอนนี้ ทัพจื๋อกับทัพเฟิ่งเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกัน บุตรชายของนาย พลจางกับลูกสาวจอมพลเฉา เลยถือโอกาสตระเตรียมที่จะกลายเป็นทอง แผ่นเดียวกัน โดยงานแต่งได้ก�ำหนดวันไว้แล้ว เหยียนจิ้งเหอจึงพอจะเบาใจ ลงได้บ้าง แต่ ก ่ อ นทั พ จื๋ อ กั บ ทั พ เฟิ ่ ง ยั ง ขาดความสมานฉั น ท์ ตอนหลั ง ต้วนจือเฉวียนถูกบังคับให้วางมือจากอ�ำนาจทางการทหาร ทั้งสองฝ่ายจึง หันมาจับมือปรองดอง ส่งผลให้ภัยพิบัติและความทุกข์ยากในช่วงก่อนหน้า คลี่คลายลงด้วยดี นอกจากการจัดงานมงคล ก็คงไม่มีวิธีอื่นจะดึงทัพจื๋อกับทัพเฟิ่ง ให้ยอมสงบศึกกันได้โดยสันติวิธี แต่ก่อนที่พิธีแต่งงานจะได้รับการยืนยัน เหยียนจิง้ เหอก็ยงั ไม่สบายใจนัก เกรงว่าเหตุการณ์อาจแปรผันได้ทกุ เมือ่ จน กระทัง่ วันแต่งงานถูกก�ำหนดขึน้ อย่างชัดเจน ท่านนายพลจึงค่อยคลายกังวล อย่างน้อยในช่วงสัน้ ๆ นี้ ก็ไม่จ�ำเป็นต้องห่วงว่าทัพจือ๋ กับทัพเฟิง่ จะเกิดความ ขัดแย้ง จนน�ำไปสู่การสู้รบกันอีก สามวันให้หลัง เหยียนจิ้งเหอนึกถึงเรื่องที่รับปากฟู่จื่อหวนขึ้นมาได้ รีบสั่งให้คนไปเชิญเฉิงฟ่งชิงมาที่บ้าน ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ พินิจพิจารณา อีกฝ่ายให้ชัดๆ ว่านักแสดงงิ้วผู้นี้มีนิสัยใจคออย่างไร ถึงท�ำให้ฟู่จื่อหวนหลง หัวปักหัวป�ำ ขนาดยอมแข็งข้อกับผู้เป็นบิดา ต่อให้ถูกดุด่าอย่างไรก็ไม่ยอม ตัดขาดความสัมพันธ์ เมื่อก่อนเหยียนจิ้งเหอเคยเจอกับเฉิงฟ่งชิงไม่กี่ครั้ง และเจอเฉพาะ 98
อิ๋งเย่ เวลาที่อีกฝ่ายอยู่ในคราบนักแสดงงิ้ว แต่งหน้าสวมชุดแสดงเต็มยศ วันนี้ได้ เห็นใบหน้าเฉิงฟ่งชิงตอนปราศจากเครื่องส�ำอางกับสวมชุดผู้ชายธรรมดา ก็ ให้นกึ ฉงนไม่นอ้ ย เพราะดูๆ ไปแล้วเฉิงฟ่งชิงก็เหมือนสุภาพชนทัว่ ไป หากแต่ เป็นคนดูดมี เี สน่ห์ ตรงข้ามกับตอนแสดงอยูบ่ นเวที ทีด่ อู รชรอ้อนแอ้นราวกับ เป็นคนละคน “คุณ...คือเฉิงฟ่งชิง?” “ครับท่านนายพล” ฝ่ายตรงข้ามตอบอย่างฉะฉาน และดูคล่องแคล่ว ปราดเปรียว เหยียนจิง้ เหอวางถ้วยนำ�้ ชาในมือลง เกิดลังเลใจชัว่ ขณะ ไม่รเู้ หตุใด จึงผลีผลามส่งคนไปเชิญเฉิงฟ่งชิงมาที่นี่ แม้จะอ้างว่าเป็นเรื่องที่ฟู่จื่อหวน ฝากฝังไว้ แต่ถา้ ว่ากันตามจริง เขาไม่จ�ำเป็นต้องเชิญคนคนนีม้ าเลย แค่อาศัย ชื่อสกุลเหยียน สั่งให้สวีจิ่งถงน�ำของก�ำนัลไปมอบให้ฝ่ายนั้นสักชิ้น เท่านี้ก็ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเฉิงฟ่งชิงแล้ว แต่เขายังดันทุรังส่งคนไปเชิญเฉิงฟ่งชิงมาหาที่จวน แล้วพอชาย คนดังกล่าวมาอยู่ต่อหน้า กลับไม่รู้ว่าควรเปิดฉากสนทนาอย่างไร ท่านนายพลนั่งหน้าขรึมอยู่นาน ปกติเขามีสีหน้าคาดเดาอารมณ์ ยากอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งดูอึมครึมราวกับท้องฟ้ายามมีเมฆหมอกปกคลุม แต่ เฉิงฟ่งชิงก็ไม่มีทีท่าหวั่นเกรงให้เห็นแม้สักน้อย หลังจากที่นักแสดงหนุ่มเข้า มาในห้อง ก็ดมื่ ชาร้อนไปไม่กอี่ กึ แล้วนัง่ นิง่ ประหนึง่ ผูท้ รงศีลทีก่ �ำลังเข้าฌาน ดวงตาจับจ้องไปที่ภาพวาดแบบตะวันตกซึ่งแขวนอยู่ไม่ไกลนัก ท่าทางสงบ เยือกเย็นนัน้ ท�ำให้ดไู ม่ออกเลยว่ามีชาติตระกูลตำ�่ ต้อย เป็นเพียงนักแสดงงิว้ ที่ต้องเดินทางเร่ร่อนไปทั่ว ยามยกถ้วยชาขึ้นดื่มก็ดูมีกิริยามารยาทนุ่มนวล ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นบัณฑิตที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี 99
เหนือใจปฏิพัทธ์ ...จัดอยู่ในจ�ำพวกคนที่รับมือยากจนน่าปวดหัว เหยียนจิ้งเหอมีความคิดเช่นนี้ ขณะที่หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน “จิ่งถง นายออกไปก่อน” “ครับ” เพียงได้ยนิ ค�ำสัง่ ของเจ้านาย สวีจงิ่ ถงก็ไร้ซงึ่ ความลังเล รีบเดินออก จากห้องโถงไป ด้วยความทีเ่ ป็นนายบ่าวกันมานาน สวีจงิ่ ถงย่อมเข้าใจเจตนา ของเจ้านายดี ไม่ต้องให้พูดกันมาก ชายหนุ่มออกไปยืนเฝ้าหน้าประตู กัน ไม่ให้คนอื่นมาได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน จากนั้นเหยียนจิ้งเหอก็เปิดฉากพูด เสียงดังกังวาน “ระหว่างคุณกับฟู่จื่อหวน ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่” “ผมมันเบาปัญญา จึงไม่เข้าใจว่าท่านนายพลถามถึงเรื่องอะไร” เฉิงฟ่งชิงดึงสติกลับมา ก่อนจะตอบด้วยน�้ำเสียงสงบราบเรียบ “อย่าแกล้งท�ำไขสือไปหน่อยเลย” เหยียนจิง้ เหอพูดเสียงเข้ม “ทีจ่ ริง เรือ่ งของคุณกับเขา ไม่ควรให้ผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม แต่เพราะเขาถึงขัน้ หนี บิดาบังเกิดเกล้ามาปักกิ่งเพื่อคุณ ไม่ใช่แค่อยากมาอยู่ด้วยกันเท่านั้น ยังคิด จะปฏิเสธการแต่งงานด้วย คุณไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องนี้สักนิดเลยรึ” ไม่รู้เฉิงฟ่งชิงก�ำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ มุมปากจึงคล้ายก�ำลังยก ยิ้ม จนพลอยท�ำให้ใบหน้างามดูอ่อนละมุนขึ้น และเกิดเป็นภาพที่งดงามจน ยากจะถอนสายตา “ท่านนายพลเข้าใจผิดแล้ว เรื่องต่างๆ บนโลกใบนี้ แต่ ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครท�ำอะไรเพื่อใคร ทุกสิ่งล้วนเกิดจากความสมัครใจ ของเจ้าตัวทั้งสิ้น หากจะพูดว่าใครท�ำเพื่อใคร มันก็แค่ข้ออ้างใช้พูดให้ตัวเอง ดูดีเท่านั้น” “เยี่ยม! กล้าพูดออกมาตรงๆ” เหยียนจิ้งเหอคิ้วกระตุก พูดเสียง เย็นเยียบ 100
อิ๋งเย่ หลายปีมานี้ ขนาดฟู่จื่อหวนยังไม่เคยกล้าวิจารณ์เขาต่อหน้า ด้วย ความที่ เ ขาเป็ น บุ ต รชายคนเดี ย วของพลเอกเหยี ย น ที่ ผ ่ า นมาจึ ง มี แ ต่ คนพะเน้าพะนอเอาใจ แม้แต่จะต�ำหนิสั่งสอนยังไม่มีใครกล้าเอ่ยปาก ท่าน นายพลเลยเป็นคนเอาแต่ใจ จนทุกคนหมดปัญญาจะแตะต้องมาถึงทุกวันนี้ เหยียนจิ้งเหอเพ่งพิศคู่สนทนาผู้เหิมเกริม นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะ ก�ำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ไม่ว่ามองมุมไหนก็ดูต่างจากนักแสดงงิ้วผู้แสน อ่อนหวานยามอยูบ่ นเวทีราวกับคนละคน ชายผู้นยี้ ามเมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่ง กาย นิสัยก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย ช่างน่าตะลึงจริงๆ ก่อนหน้านี้ เหยียนจิง้ เหอยังไม่เข้าใจว่า แท้จริงแล้วฟูจ่ อื่ หวนชืน่ ชอบ เฉิงฟ่งชิงที่ตรงไหน จนวันนี้ได้เผชิญหน้ากันตรงๆ เขาถึงหาค�ำตอบให้ตัวเอง ได้ ดูท่าว่า...สิ่งที่ท�ำให้ฟู่จื่อหวนชื่นชอบในตัวเฉิงฟ่งชิง คือการที่เขา แตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิงนี่เอง ตั้ ง แต่ เ ด็ ก ฟู ่ จื่ อ หวนมั ก โปรดปรานสิ่ ง ของแปลกใหม่ แ บบชาว ตะวันตก แถมเพื่อนสนิทของเขาคนนี้ยังชื่นชอบของที่มีเพียงชิ้นเดียวไม่ซ�้ำ ใคร จะว่ามีเค้าลางมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้วก็คงได้ แต่เหยียนจิ้งเหอก็ไม่นึกว่า ฟู่จื่อหวนจะมาหลงรักนักแสดงงิ้วคนนี้จริงๆ จังๆ ถึงขั้นกล้าต่อต้านค�ำสั่ง ผู้เป็นบิดา ความจริงเหยียนจิ้งเหอก็ไม่ได้คิดจะพรากคนรักให้แยกจากกัน เพียงแต่ตอนนี้ ยามที่เขาจ้องมองเฉิงฟ่งชิง ราวกับมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิด เรื่องเลวร้ายขึ้น ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดเหยียนจิ้งเหอจึงเปรยขึ้นว่า “เรื่อง ระหว่างพวกคุณ ผมจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แล้วก็ไม่อยากยุ่งด้วย เพียงแต่... 101
เหนือใจปฏิพัทธ์ ถ้าผมรูว้ า่ คุณท�ำตัวไม่ดี หรือคิดจะท�ำอะไรทีผ่ ดิ ต่อฟูจ่ อื่ หวน...แล้วเขาไม่กล้า ลงมือ ผมนี่แหละจะจัดการคุณแทนเอง” ครานี้ รอยยิ้ ม บนดวงหน้ า งามของเฉิ ง ฟ่ ง ชิ ง พลั น เลื อ นหายไป เจ้าตัวเพียงแค่พยักหน้าช้าๆ ประหนึ่งเห็นพ้องกับค�ำพูดนั้น เหยียนจิ้งเหอไม่กล่าวสิ่งใดต่อ แต่ร้องเรียกสวีจิ่งถงให้มาส่งแขก ส่วนตัวเองยกถ้วยชาเย็นชืดขึ้นดื่ม บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกเช่นไร ทั้งสับสน และเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ จากที่ได้สัมผัส เหยียนจิ้งเหอคิดว่า ถึงเฉิงฟ่งชิงจะดูแตกต่างจาก คนอืน่ และมีใบหน้างดงามชวนหลงใหล แต่ยงั ไงก็เป็นแค่นกั แสดงงิว้ ตัวเล็กๆ ซึ่งไม่ได้มีพื้นที่ให้ยืนในสังคมมากนัก หากฟู่จื่อหวนไม่ได้ถูกอีกฝ่ายท�ำคุณไสย ก็ไม่เห็นจ�ำเป็นต้อง อ่อนข้อให้มากถึงเพียงนี้ แต่นี่ถึงขั้นยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อนักแสดงงิ้วที่แสน ต�่ำต้อยอย่างเฉิงฟ่งชิง เหยียนจิ้งเหอคิดมาถึงตรงนี้ อยู่ๆ เหมือนนึกอะไรออกกะทันหัน ใบหน้าจึงพลันค้างแข็งอยู่เช่นนั้น เขารูว้ า่ ตัวเองไม่ควรมีความคิดนีอ้ ยูใ่ นสมอง แต่กย็ งั อดคิดไม่ได้วา่ ระหว่างเขากับสวีจิ่งถง ก็อาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เช่นกัน...หรือไม่... “...ท่านนายพล เฉิงฟ่งชิงกลับไปแล้วครับ” ทันทีที่เสียงของสวีจิ่งถงดังขึ้น เหยียนจิ้งเหอถึงกับสะดุ้งเฮือก แล้ว ผินหน้าไปมองคนพูดซึง่ บัดนีม้ ายืนอยูต่ รงหน้า ชัว่ วินาทีนนั้ นายพลหนุม่ รูส้ กึ อึดอัดสับสนขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ มันคือความตะขิดตะขวงใจแบบแปลกๆ ที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน กระทั่งผ่านไปสักพักถึงสงบใจลงได้ เหยียนจิ้งเหอค่อยๆ ปรับสีหน้าให้กลับ 102
อิ๋งเย่ มาเป็นปกติ พลางออกค�ำสั่งเสียงเรียบกับอีกฝ่าย “ฉันจะไปห้องสมุด ถ้ามี ใครมาขอพบ บอกว่าฉันไม่อนุญาต” “ครับ” แม้เจ้านายจะดูแปลกไปจากเดิม สวีจิ่งถงก็ไม่ถามซักไซ้ ราวกับว่า ไม่เคยมีความสงสัยใคร่รู้ใดๆ เกิดขึ้นในสมองเขาแม้แต่น้อย ใบหน้านั้น ดูเซื่องๆ เชื่อฟังค�ำสั่งตามปกติ แต่ไม่รู้ว่าท�ำไม พอเหยียนจิ้งเหอเห็นท่าทาง อยู่ในโอวาทเช่นนั้น กลับยิ่งรู้สึกขัดใจ ชวนให้หงุดหงิดและร้อนรนขึ้นมาโดย ไม่มีสาเหตุ
103