1
ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
2
3
แมววัด ยูโตะ ฟุคะยะ
นักเขียนผีเสื้อเด็กๆ หมายเลข ๑๒ รูปประกอบ : ‘ยูโตะ’ บรรณาธิการ : มกุฏ อรฤดี
4
ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อเด็กๆ
หนังสือนี้สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ โดยส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ © Butterfly Book House 2020
ผู้ก่อตั้ง และอุปถัมภ์ส�ำนักพิมพ์ :
ผกาวดี เทพหัสดิน ณ อยุธยา (อุตตโมทย์) (พ.ศ.๒๔๘๑-๒๕๕๔) บรรณาธิการอาวุโส : สังวรณ์ ไกรฤกษ์ (พ.ศ. ๒๔๕๘-๒๕๖๒) ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา (ค.ศ. ๑๙๑๙-๒๐๑๖), ระวี ภาวิไล (พ.ศ. ๒๔๖๘-๒๕๖๐) คณะบรรณาธิการ : เพ็ญศรี ทองใหญ่ ณ อยุธยา, ผุสดี นาวาวิจิต, พิชชา ถาวรรัตน์, ปณิธิ หุ่นแสวง, กาญจนา บุนนาค, ธนิษฐา แดนศิลป์, วรวัธน์ อุตตโมทย์, เรวัต อุตตโมทย์ ที่ปรึกษาฝ่ายศิลป์ : อภิชัย วิจิตรปิยะกุล ฝ่ายศิลป์ : สุกฤตยา สาธิตภิญโญ, ยูโตะ ฟุคะยะ, ขวัญข้าว ไกรศรพงศ์พันธ์ุ, สิริอนงค์ เทวกุล ณ อยุธยา, ชมบุญ รุ้งก�ำธรธรรม, นันท์นภัส จันทร์ร่มเย็น, บุญญาพร โภคสมบัติ กองบรรณาธิการ : วิริญจน์ หุตะสังกาศ , วัฒนศักดิ์ ภาณุรักษ์, ซายูริ ซากาโมโตะ, ในใจ เม็ทซกะ, ติณณา แดนเขตต์, ศุภาพิชญ์ พรอ�ำนวยผล, สิรภพ พรอ�ำนวยผล บรรณาธิการกิจกรรมพิเศษ : สิตางศุ์ เชยกลิ่น, กรุณา ตริยานนท์ ธุรการ : ถนอม เชื้อวงศ์, กฤษฎา สุทินเผือก ผู้จัดการส�ำนักพิมพ์ : วิกรัย จาระนัย บรรณาธิการฝึกหัดผู้ดวงตาพิการ : สโรชา กิตติสิริพันธ์ุ พนักงานฝึกหัด : พิรฎา อุตตโมทย์, พารฎี อุตตโมทย์ บรรณาธิการผู้จัดการธุรกิจ : กฤษฎา อุตตโมทย์ บรรณาธิการบริหาร : มกุฏ อรฤดี
5
ISBN 978-974-14-0541-1
แมววัด
ยูโตะ ฟุคะยะ
พิมพ์ครั้งที่สอง (ปกแข็ง) มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ พิมพ์ครั้งแรก (ปกอ่อน) ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
จัดพิมพ์ : ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อเด็กๆ แหล่งพิมพ์หนังสือในบริษัท ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ จ�ำกัด ๑๗๗/๘ ซอยพร้อมพงษ์ ถนนสุขุมวิท ๓๙ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๒ ๒๖๑ ๖๓๓๐-๑ โทรสาร ๐๒ ๒๖๑ ๓๘๖๓ ออกแบบหนังสือ : มกุฏ อรฤดี รูปปก และรูปประกอบ : ยูโตะ ฟุคะยะ จัดรูปเล่ม : วิกรัย จาระนัย ตรวจทาน : ชยานันท์ คงเจริญสุข, มกุฏ อรฤดี เพลทสี และขาวด�ำ : รวมศิลป์ ฟิล์ม พิมพ์ที่ โรงพิมพ์สุภา ธนบุรี พ.ศ. ๒๕๖๔ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือปกแข็งนี้ จัดพิมพ์เฉพาะผู้สั่งจอง ไม่วางจ�ำหน่ายทั่วไป
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ปกแข็ง ๒๔๐ หน้า) ราคา ๔๔๙ บาท
6
7
ค�ำน�ำ หนั ง สื อ เล่ ม นี้ เ กิ ด จากการเขี ย นบั น ทึ ก ของผมเมื่ อ อายุ ๙ ขวบ ระหว่างบวชเป็นสามเณร ช่วงปิดเทอมที่วัดป่า ธรรมอุทยาน ผมพักอยู่กับหลวงพี่โก๋ ที่กุฏิมีแมวอยู่ ๒ ตัว นินจา และจานิ น เป็ น แมวไทยสี ด� ำ ดู เ หมื อ นเขาจะคุ ย กั น ได้ ผมจึงสังเกตพฤติกรรมสัตว์อื่นๆ คิดว่าสัตว์ทุกตัวในวัด น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง จะคุยอะไรกัน และจะเหมือนกับที่ หลวงพี่โก๋คุยกับสามเณรหรือเปล่า วันไหนมีเรื่องสนุกๆ หรือได้เรียนอะไร ผมก็บันทึก เอาไว้ วันไหนเบื่อ ก็เอาสมุดมาวาดรูป หลังจากลาสิกขา เปิดเทอมแล้ว ผมก็ยังชวนแม่ และน้องไปเล่นที่วัดอยู่บ่อยๆ เพราะวัดอยู่บนทางผ่าน ระหว่างบ้านกับโรงเรียน สมุดบันทึกจึงมีเรื่องราวต่างๆ และรูปมากมายเลยครับ ผมหวังว่าหนังสือนี้คงจะเป็นประโยชน์ และท�ำให้ ผู้อ่านมีความสุขได้บ้าง พร้อมแล้ว เริ่มอ่านกันเลยครับ!! ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
8
9
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ยูโตะ ฟุคะยะ เด็กสมุดบันทึก เริ่มเขียนเรื่องนี้ขณะอายุ ๙ ขวบ หลั ง จากเขี ย นบั น ทึ ก ครั้ ง แรกเมื่ อ ๗ ขวบ และ วาดรูปประกอบเอง วิธีสมุดบันทึกคือวิธีค้นหาอัจฉริยภาพของเด็กได้ อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนเขียนบันทึกจริงจัง ยูโตะเล่าว่า สอบภาษาไทย ได้ ค ะแนนไม่ ดี และไม่ ช อบภาษาไทยนั ก แต่ ห ลั ง จาก บันทึกไม่นาน บรรณาธิการก็บอกเด็กชายว่า ‘ยูโตะจะเก่ง ภาษาไทย’ เพียงปีรงุ่ ขึน้ ค�ำท�ำนายก็เป็นจริง ยูโตะพัฒนา ภาษาไทยในโรงเรี ย นได้ จ นน่ าอั ศจรรย์ และกลายเป็ น เด็ก เก่ งภาษาไทย ขณะเดี ย วกั นก็ ไ ด้ แ สดงฝี มื อ วาดรู ป ที่ เ ก็ บ ซ่ อ นไว้ ต ลอดเวลาให้ ป รากฏแพร่ ห ลายจนเป็ น รูปประกอบในหนังสือด้วย หนังสือเรื่อง ‘แมววัด’ ของยูโตะ จึงนับเป็นผลงาน อั น ไม่ น ่ า เชื่ อ และอาจจะไม่ มี ใ ครได้ อ ่ า น หากเขามิ ไ ด้ เริ่มต้นในสมุดบันทึก ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อเด็กๆ ธันวาคม ๒๕๖๓
10
11
ค�ำขอบคุณ ขอขอบพระคุณแม่ ผู้สนับสนุนทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นก�ำลังใจให้ผมตลอดมา ขอบพระคุณทุกคนในครอบครัวที่เป็นก�ำลังใจ ขอบพระคุณหลวงพี่โก๋ พระอาจารย์ผู้เมตตา ขอบคุณ บีเกิ้ล นินจา จานิน ‘วัว’ ปลาวัน ปลาทู มะม่วง ชิฟู ฝอยทอง สายทอง เจ้าแดง คุกกี้ ข้าวจี่ ดุ๊ก ดิ๊ก สงกรานต์ คุณไส นกกระจอกเทศ นกยูง เหยี่ยว ลูกเจี๊ยบ ลูกหลง ปลาดุก ปลาเสือตอพ่นน�้ำ ด้วง ตั๊กแตนต�ำข้าว งูเขียวพระอินทร์ เต่า จระเข้ กิ้งกือกระสุน กิ้งกือ เฉาก๊วย กระต่าย หนูตะเภา วัว ควาย และบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ขอขอบพระคุณ คุณตามกุฏที่ให้สมุดบันทึก และให้โอกาส ให้ก�ำลังใจ ขอบคุณพี่ๆ ที่ส�ำนักพิมพ์ทุกคน ยูโตะ ฟุคะยะ
นักเขียนผีเสื้อเด็กๆ หมายเลข ๑๒
12
หนังสือนี้ ออกแบบรูปเล่มให้มีหน้าว่าง ดังนี้ หน้า ๖, ๘, ๑๐, ๑๒, ๑๖, ๒๒๕, ๒๒๖ และหน้าบันทึกท้ายเล่ม หน้า ๒๓๐-๒๓๕
13
สารบัญ บทที่ ๑ แมวที่อยู่ในวัด หน้า ๑๙ บทที่ ๒ แอบฟัง หน้า ๒๑ บทที่ ๓ ครอบครัวฉัน หน้า ๒๔ บทที่ ๔ ฝอยทองที่หายไป หน้า ๒๖ บทที่ ๕ ความกลัว หน้า ๒๘ บทที่ ๖ กล้วย หน้า ๓๑ บทที่ ๗ เรื่องของดุ๊ก หน้า ๓๔ บทที่ ๘ ไก่ไก่ หน้า ๓๗ บทที่ ๙ ลูกเจี๊ยบ หน้า ๔๐ บทที่ ๑๐ กระต่าย หน้า ๔๓ บทที่ ๑๑ การฟัง หน้า ๔๕ บทที่ ๑๒ เต่าริมน�้ำ หน้า ๔๗ บทที่ ๑๓ นอกวัด หน้า ๕๐ บทที่ ๑๔ กลับบ้าน หน้า ๕๓ บทที่ ๑๕ ส�ำรวจ หน้า ๕๕ บทที่ ๑๖ ออกนอกเรื่อง หน้า ๕๘ บทที่ ๑๗ การจากลา หน้า ๖๑ บทที่ ๑๘ ที่ใหม่ หน้า ๖๔ บทที่ ๑๙ สงกรานต์ หน้า ๖๗ บทที่ ๒๐ ความทรงจ�ำดีๆ หน้า ๗๐ บทที่ ๒๑ กลับวัด หน้า ๗๓ บทที่ ๒๒ เพื่อนใหม่ หน้า ๗๖ บทที่ ๒๓ แกล้งๆ เล่นๆ หน้า ๗๘ บทที่ ๒๔ กายหิวหรือใจอยาก หน้า ๘๑ บทที่ ๒๕ ลูกหลง หน้า ๘๓ บทที่ ๒๖ ลูกแมว หน้า ๘๕
14 บทที่ ๒๗ น้อยใจ หน้า ๘๘ บทที่ ๒๘ ข้าวหลาม หน้า ๙๐ บทที่ ๒๙ ความคิด หน้า ๙๒ บทที่ ๓๐ โรงทานตัดผม ซ่อมรองเท้า หน้า ๙๔ บทที่ ๓๑ การ์ดวันเกิด หน้า ๙๖ บทที่ ๓๒ จุลินทรีย์ หน้า ๙๘ บทที่ ๓๓ น�้ำเสีย หน้า ๙๙ บทที่ ๓๔ Em ball หน้า ๑๐๐ บทที่ ๓๕ โยน หน้า ๑๐๓ บทที่ ๓๖ เมตตา หน้า ๑๐๖ บทที่ ๓๗ แมวป่วย หน้า ๑๐๘ บทที่ ๓๘ ธรรมชาติ หน้า ๑๑๐ บทที่ ๓๙ อบอุ่น หน้า ๑๑๒ บทที่ ๔๐ ความสุข หน้า ๑๑๔ บทที่ ๔๑ ไถ่วัว หน้า ๑๑๖ บทที่ ๔๒ ลักกี้กับแฮปปี้ หน้า ๑๑๘ บทที่ ๔๓ ปล่อย หน้า ๑๒๐ บทที่ ๔๔ นรก สวรรค์ หน้า ๑๒๒ บทที่ ๔๕ ดีดี หน้า ๑๒๕ บทที่ ๔๖ รู้เนื้อรู้ตัว หน้า ๑๒๗ บทที่ ๔๗ จระเข้เผือกผู้นอนนิ่งๆ หน้า ๑๓๐ บทที่ ๔๘ เด็กซน ซน หน้า ๑๓๓ บทที่ ๔๙ ราคาความสนุก หน้า ๑๓๖ บทที่ ๕๐ คิดก่อนท�ำ หน้า ๑๓๘ บทที่ ๕๑ กิ้งกือกระสุน หน้า ๑๔๐ บทที่ ๕๒ เจ้าแดง หน้า ๑๔๒ บทที่ ๕๓ ลูกเจี๊ยบ ๓ ตัว หน้า ๑๔๕ บทที่ ๕๔ นักสืบ หน้า ๑๔๘
15 บทที่ ๕๕ มดแดงกับมดด�ำ หน้า ๑๕๐ บทที่ ๕๖ เฉาก๊วย หน้า ๑๕๓ บทที่ ๕๗ เต่า หน้า ๑๕๖ บทที่ ๕๘ กระรอกวัด หน้า ๑๕๙ บทที่ ๕๙ เรื่องขี้ขี้ หน้า ๑๖๒ บทที่ ๖๐ แมวขี้ขลาด หน้า ๑๖๔ บทที่ ๖๑ บุญรอด หน้า ๑๖๖ บทที่ ๖๒ สิงหเสพย์ หน้า ๑๖๘ บทที่ ๖๓ เม่นแคระ หน้า ๑๗๐ บทที่ ๖๔ อาหารปลา หน้า ๑๗๒ บทที่ ๖๕ ไข่ไก่ หน้า ๑๗๔ บทที่ ๖๖ แมลงเม่า หน้า ๑๗๗ บทที่ ๖๗ แมลงเม่าบินเข้าหาหลอดไฟ หน้า ๑๘๐ บทที่ ๖๘ สบายใจ หน้า ๑๘๓ บทที่ ๖๙ หลวงพี่จากไป หน้า ๑๘๕ บทที่ ๗๐ หลวงพี่โก๋กลับมา หน้า ๑๘๗ บทที่ ๗๑ ชิฟู หน้า ๑๙๐ บทที่ ๗๒ บาดแผล หน้า ๑๙๓ บทที่ ๗๓ อาหารเช้า หน้า ๑๙๕ บทที่ ๗๔ เจ็บ หน้า ๑๙๘ บทที่ ๗๕ ตาบอด หน้า ๒๐๑ บทที่ ๗๖ แมวตัวใหม่ หน้า ๒๐๓ บทที่ ๗๗ สายทอง หน้า ๒๐๖ บทที่ ๗๘ ชน หน้า ๒๐๙ บทที่ ๗๙ ใจดี หน้า ๒๑๒ บทที่ ๘๐ แพรวา หน้า ๒๑๕ บทที่ ๘๑ บนหลังคา หน้า ๒๑๙ บทที่ ๘๒ ปัจจุบัน หน้า ๒๒๒
16
17
ค�ำอุทิศ
อุทิศให้บีเกิ้ล แม่ของนินจา อุทิศให้ทุกสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต
18
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
๑ แมวที่อยู่ในวัด สวัสดี ฉันชื่อนินจา ฉันเป็นแมวจตุบท เพื่อนๆ รู้จักแมวจตุบทหรือเปล่า ท่านผู้อ่านอาจจะรู้หรือไม่รู้ ฉันจะบอกให้นะ ‘แมวจตุบท’ คือ แมวที่คนญี่ปุ่นนับถือ และตีนทั้ง ๔ ข้าง สีขาวเท่ากันหมด แต่ฉันมีข้อเสียแห่งหนึ่ง คือ หางของฉันพับลง เพราะตอนคลอด หางของฉันติดที่หว่างขา จึงท�ำให้หางฉันพับลงอย่างนี้ ฉันเป็นตัวเมีย อายุเยอะแล้ว แต่ฉันยังต้องเลี้ยงลูกๆ อยู่ และฉันมีน้อง ชื่อ ‘จานิน’
19
20
ยูโตะ ฟุคะยะ
ลูกของฉัน ชื่อ ก.ต. (เกือบตาย) เพราะมีแมวอันธพาลตัวหนึ่ง สีขาว มาชอบฉัน แต่ฉันไม่สนใจ เพราะฉันต้องดูแลลูก แมวอันธพาลจึงจะท�ำร้ายลูกของฉัน แล้ว ก.ต. ก็คือแมวตัวนั้น ที่รอดตายจากแมวอันธพาล จึงชื่อว่า ‘ก.ต. เกือบตาย’
แมววัด
๒ แอบฟัง คืนนั้น ฝนตกหนัก พวกเรานอนขดอยู่ในรองเท้า เราได้ยินค�ำสอนของหลวงพี่โก๋ เรื่อง ‘วิชาใจ’ ‘หลวงพี่โก๋’ คือ พระอาจารย์ ซึ่งสอนและดูแลสามเณรที่มาบวช ในช่วงเวลาปิดเทอมระยะสั้นๆ ในยามเงียบสงัด ฉันได้ยินว่า “เมื่อใจของเรามีเรื่องเยอะ เราจะเป็นทุกข์ เมื่อใจของเรามีเรื่องน้อย เราจะเบาใจ สบายใจ”
21
22
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
วันนั้น มีสามเณรถามว่า “จะท�ำอย่างไรให้ใจเรามีเรื่องน้อยๆ ครับ” หลวงพี่ตอบว่า “เทคนิคที่หนึ่ง เรื่องของเขา หรือเรื่องของเรา” สามเณรถามว่า “แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรครับ” หลวงพี่ตอบว่า “ใครคิด ใครท�ำ ใครพูด ก็เป็นเรื่องของคนนั้น เช่น เณรหนึ่งว่า เณรสองนิสัยไม่ดี นั้นเป็นเรื่องของ เณรหนึ่ง เณรสอง จะไม่ทุกข์ใจ” ฉันพอจะเข้าใจ ต่อจากนี้ไปฉันจะลองท�ำตาม
23
24
ยูโตะ ฟุคะยะ
๓ ครอบครัวฉัน ฉันจะเล่าเรื่องครอบครัวฉันให้ฟังนะ แต่ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ว่า ‘จานิน’ ไม่ใช่น้องแท้ๆ ของฉัน เป็นน้องเลี้ยงที่มาอยู่กับฉันเฉยๆ เท่าที่จ�ำได้ ฉันมีแม่ชื่อ ‘บีเกิ้ล’ ลักษณะของแม่ฉัน มีสีคล้ายหมาบีเกิ้ล แม่ของฉันจึงชื่อว่า ‘บีเกิ้ล’ แต่แม่ฉันตายเพราะโรคระบาด ฉันจ�ำได้ว่า ฉันมีน้องชายชื่อ ‘ฝอยทอง’ เพราะขนเป็นสีทองสลับขาว และเขาฉลาดมาก เขาเป็นตัวผู้ตัวเดียวในพี่น้องของฉัน และฉันก็เป็นสีด�ำตัวเดียวในพี่น้องเช่นกัน
แมววัด
25
แม่ฉันเลี้ยงลูกดีมาก ฉันได้นิสัยรักเด็กมาจากแม่ และฝอยทองก็เช่นกัน พอถึงตอนเช้า ฝอยทองมาบอกฉันว่าให้ตื่น ทุกวัน ตรงเวลาด้วย น้องฉันชอบไปเคาะกระจก ให้หลวงพี่และสามเณรตื่น ตามเวลาที่หลวงพี่กับสามเณรออกบิณฑบาต ฉันชอบงอแงตอนเขาปลุก ฉันเป็นแมวที่ขี้เซามากนะ แต่ฉันก็ต้องตื่น
26
ยูโตะ ฟุคะยะ
๔ ฝอยทองที่หายไป ในป่ารก มีแมวลักษณะคล้ายน้องชายของฉัน ฉันดีใจ ตื่นเต้น และหลากหลายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก เขาวิ่งผ่านฉันไปในพุ่มไม้ ฉันมองตาม แล้วเขาก็หายไป ใกล้ๆ กัน มีลูกแมว ๕ ตัว สีเทา ๑ ตัว สีด�ำ ๒ ตัว และสีทอง ๒ ตัว นอนเล่นกันอยู่ใต้โคนต้นไม้ เมื่อฉันมองดูลูกแมวตัวสีทอง ฉันนึกถึงฝอยทอง แต่ฉันก็ไม่เจอเขาอีกเลย ฉันเดินต่อไป เลี้ยวซ้าย
แมววัด
ฉันไปเจอพวกหนูตะเภา หนูตะเภากลัวฉันมาก แต่ฉันไม่เคยกินหนู ฉันก็ได้ยินพวกหนูตะเภาบ่นว่า “ที่นี่แคบจังเลย ฉันอยากไปอยู่ที่อื่น” ฉันจึงบอกไปว่า “ถ้าเราเรื่องมาก เราจะไม่มีความสุข เราต้องอยู่ง่ายกินง่าย มีชีวิตแต่พอดี ไม่เรื่องมาก แล้วเราจะไม่ทุกข์” ฉันเดินมาไกลมาก ฉันเจอหมาสีด�ำตัวใหญ่ๆ เดินมา ฉันได้ยินคนแถวนั้นเรียกเขาว่า ‘คุณไส’
27
28
ยูโตะ ฟุคะยะ
๕ ความกลัว ขณะที่ฉันเดินผ่าน เจอคุณไสอาบน�้ำ คุณไสอาบน�้ำยังไม่เสร็จ ก็ไปวิ่งไล่ไก่แล้ว ฉันนึกว่าแค่อยากหยอกเล่นเฉยๆ แต่ไม่ใช่!! คุณไสตะปบไก่จนแน่นิ่ง แต่เขาไม่กิน ฉันพอจะเข้าใจแล้ว ฉันคิดในใจว่า เพราะอะไรหลวงพี่โก๋จึงเลือกฉันมังสวิรัติ กว่าสัตว์จะได้เป็นอาหารมนุษย์ มันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง--ค�่ำวันนั้น ฉันเดินผ่านเมรุเผาศพ ที่ตกแต่งได้สวยงามมาก
แมววัด
29
30
ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันเห็นคนกลุ่มหนึ่งประมาณห้าหกคน และหมาอีก ๑ ตัว ฉันเห็นเณรน้อย ๒ รูป เดินขึ้นไปบนเมรุ แล้วเอามือล้วงเข้าในเตาเผา เพื่อพิสูจน์ว่า ไม่มีผี บนเมรุไม่น่ากลัวอย่างที่คิด และพอทุกคนล้วงมือเข้าในเตาเผาแล้ว หลวงพี่จึงสอนว่า “เราต้องอยู่กับนิ้ว ไม่ให้อยู่กับความคิด เพราะความคิดเราจะขึ้นรถไฟสายน่ากลัว จนนึกภาพหลอนออกมาได้ แต่ถ้าเราอยู่กับนิ้วได้ เราจะลงจากรถไฟสายน่ากลัวได้” ฉันนั่งฟังหลวงพี่โก๋สอนสามเณรและโยม จนง่วงนอน ฉันจึงก้มหัวหนึ่งที เพื่อลาหลวงพี่โก๋ แล้วกลับไปนอนบนรองเท้าหน้ากุฏิ ที่อันอบอุ่นและปลอดภัยส�ำหรับฉัน
แมววัด
31
๖ กล้วย เช้าวันหนึ่ง อากาศเย็นสบาย ฉันเดินไปที่หอฉัน ไม่ใช่หอที่พักของฉันนะ แต่เป็นที่ซึ่งพระสงฆ์และสามเณรกินอาหาร พระบิณฑบาตกลับมาพร้อมกับ ‘คุกกี้’ และ ‘ข้าวจี่’ ตอนแรกทีฉ่ นั ได้ยนิ พระสงฆ์เรียก ‘คุกกี ้ ข้าวจี’่ ฉันนึกในใจ ฉันจะกินอะไรดี พอฉันเดินไปหา ฉันตกใจมาก เพราะตัวจริงเป็นหมาพันธุ์อัลเซเชี่ยน ตัวใหญ่มาก ฉันรีบถอยออกมาอย่างเงียบที่สุด และหลบหลังโขดหิน แต่พอหันไป เขาก็อยู่ข้างๆ ฉันเรียบร้อย
32
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
และฉันรู้ว่าเขาเห็นฉันแล้วแน่นอน แต่เขาไม่เห่า ฉันจึงร้องเมี้ยว เพื่อสวัสดี และคุกกี้ ข้าวจี่ ก็เห่าเพื่อสวัสดีเช่นกัน เขาถามฉันว่า “เธอชื่ออะไร” “ฉันชื่อ คุกกี้ นั่นชื่อ ข้าวจี่” ฉันร้อง เมี้ยว ตอบ!! สักพักมีหมาอ้วนและแก่มากเดินมา เห็นแล้วฉันจ�ำได้เลย เขาคือ ‘ดุ๊ก’ เพราะเขาเดินผ่านหน้ากุฏิอยู่บ่อยๆ ระหว่างที่พระและญาติโยมสวดมนต์ ฟังธรรม คุกกี้ ข้าวจี่ และ ดุ๊ก จะนอนหลับสบายใจในหอฉัน บางวันก็กรนด้วย พอพระสงฆ์ฉันเสร็จ ก็มีพระรูปหนึ่งน�ำกล้วยมาวางบนต้นไม้ เพื่อให้กระรอกมากินทุกวัน…
33
34
ยูโตะ ฟุคะยะ
๗ เรื่องของดุ๊ก วันหนึ่ง ดุ๊กเดินผ่านหน้ากุฏิหลวงพี่โก๋ เณรน้อยรูปหนึ่งขอให้หลวงพี่โก๋เล่า เรื่องเกี่ยวกับดุ๊ก หลวงพี่โก๋จึงเล่าว่า “แต่ก่อนดุ๊กยังไม่อ้วน หน้าตาดีทีเดียว ครั้งหนึ่ง ดุ๊กเคยท�ำประโยชน์ น่าภูมิใจมาก นั่นคือ บริจาคเลือด ดุ๊กคงจะเพลียเพราะเสียเลือด แต่คงมีความสุขมากทีเดียว” คล้ายๆ กับที่หลวงพี่โก๋สอนสามเณร ว่า “ไม่ควรเห็นแก่ตัว ต้องรู้จักแบ่งปัน ถ้าเราเป็นแบบนั้น เราจะมีเพื่อนที่ดี ดี”
แมววัด
ฉันไม่รู้เวลา รู้แค่ว่า เวลานั้นเป็นเวลาอาหาร เณรน้อยรูปหนึ่งน�ำข้าวคลุกปลาทูมาให้ และฉันก็ได้หัวปลาทู แต่จานินแย่งหัวปลาทูของฉันไป ฉันจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนเกือบท�ำร้ายจานิน แต่ฉันนึกถึงค�ำสอนหลวงพี่โก๋ ที่สอนสามเณรในคืนก่อนๆ ว่า “ถ้าหาเรื่องผู้อื่น เราจะเป็นอันธพาล” “ถ้าเอาเรื่องผู้อื่น เราจะขาดความอดทน” “ถ้าเรานอกเรื่อง เราจะไม่มีสมาธิ” “ถ้าเราเรื่องมาก เราจะอยู่ยากกินยาก”
35
36
ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันจึงยกหัวปลาทูให้จานิน แล้วฉันก็กินข้าวของฉันต่ออย่างสบายใจ ฉันมีความสุขที่ให้หัวปลาทูแก่จานิน “ฉันได้แบ่งปัน”
แมววัด
๘ ไก่ ไก่ วันหนึ่ง อากาศเย็นสบาย ฉันหลับสบายมาก แต่พอไก่เดินผ่านหน้าฉัน ฉันก็ตื่นและโกรธมาก ฉันไม่พอใจและขู่ไก่ให้ออกไป แล้วฉันก็นอนต่อด้วยความโมโห แต่เมื่อฉันไม่สนใจ ความโกรธก็หายไป ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งอย่างสดชื่น เมื่อฉันได้กลิ่นปลาทูคลุกข้าว ที่สามเณรท�ำให้ ฉันรีบวิ่งไปกินอาหาร พอเณรน้อยส่งเสียง “กุก กุ๊ก กุก กุ๊ก กุก กุ๊ก” ฝูงไก่ก็วิ่งมา
37
38
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
พวกเณรน้อยก็หว่านอาหารไปทางหลังกุฏิ ไก่ก็จิกกินเอร็ดอร่อย ไก่ตัวเมียตัวหนึ่ง นั่งกกไข่อยู่ที่ขดม้วนสายยางหน้ากุฏิ หลายวันต่อมา ลูกเจี๊ยบก็ออกจากไข่ แต่แม่ไก่ก็ยังกกลูกเจี๊ยบไว้ จนโตและวิ่งได้ จึงปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่นตามธรรมชาติ แม่ไก่สีด�ำ มีลูก ๗ ตัว บางตัวสีเหลือง บางตัวสีด�ำเหลือง บางตัวสีด�ำล้วน พวกเขาน่ารักมาก พอเขาวิ่งได้ ก็วิ่งไปไกลๆ ฉันไม่เจอเขาอีกเลย พวกเขาน่าจะยังปลอดภัย
39
40
ยูโตะ ฟุคะยะ
๙ ลูกเจี๊ยบ วันหนึ่ง มีเศษขนลูกเจี๊ยบ เกลื่อนอยู่หน้ากุฏิ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ--ตอนเย็นๆ ฉันได้ยินสามเณรคุยกันว่า “ลูกเจี๊ยบหายไปสามตัวแน่ะ!!” ฉันคิดว่าต้องใช่แน่ๆ ฉันวิ่งไปหาจานิน พอฉันวิ่งไปใกล้จะถึงจานินแล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงจานินพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ลูกเจี๊ยบอร่อยจังเลย” ฉันก�ำลังจะเตือน ก็นึกขึ้นได้ว่า ฉันก็ชอบกินจิ้งจกเหมือนกัน และฉันก็นึกถึงค�ำสอนของหลวงพี่โก๋
แมววัด
เกี่ยวกับการพูด--หลวงพี่เคยสอนสามเณรว่า “การพูด ก่อนจะพูด หนึ่ง ต้องพูดความจริง สอง พูดแล้วต้องมีประโยชน์ สาม ต้องรู้จักกาลเทศะ สี่ ต้องพูดให้น่าฟัง” ดังนั้น ฉันจึงไม่เตือนจานิน แล้วเราก็ไม่เคืองกัน
41
42
ยูโตะ ฟุคะยะ
อีกอย่างหนึ่ง ในวัดมีไก่เยอะ ขี้ไก่ก็เยอะ ไรไก่ก็เยอะ ตามธรรมชาติต้องมีผู้ล่าและผู้ถูกล่า ถ้าไม่เช่นนั้นธรรมชาติก็จะไม่สมดุล วันนี้ ฉันเห็นพ่อไก่และลูกเจี๊ยบ---
แมววัด
43
๑๐ กระต่าย เช้าวันหนึ่ง อากาศค่อนข้างเย็น ฉันเห็นสะพานสีเขียวๆ น่าจะเรียกว่า ‘สะพานมหาสติ’ ที่คนในวัดเรียกกัน มีญาติโยมเดินผ่านไปมามากมาย ฉันอยากลองเดินบ้าง แต่ฉันกลัวตกช่องระหว่างทางเดิน ฉันจึงเดินอ้อมไปอีกทางหนึ่ง จนไปหยุดอยู่ที่คอกกระต่าย ฉันได้ยินเสียงกระต่าย ๒ ตัว ทะเลาะกันอยู่ “เธอกินผักบุ้ง แต่ฉันไม่ชอบเลย ฉันว่าเธอควรมากินอาหารเม็ดเหมือนฉัน อึจะได้ไม่เหม็น” กระต่ายที่กินผักบุ้งจึงบอกไปว่า
44
ยูโตะ ฟุคะยะ
“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ฉันจะกินแบบนี้” “ก็เธออึเหม็น ฉันไม่อยากอยูก่ บั ตัวทีอ่ เึ หม็น” ฉันจึงเข้าไปห้าม และบอกว่า “พวกเรา ฉันเคยได้ยินหลวงพี่โก๋สอนสามเณรนะ หลวงพี่สอนว่า ‘ในสังคมที่เราแตกต่างกัน เราจะอยู่ด้วยกันได้ ถ้า หนึ่ง เคารพกันและกัน สอง หาวิธีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข สาม มองข้อดี มองข้ามข้อด้อย สี่ เข้าใจว่า เราต่างกัน’” กระต่ายจึงหยุดทะเลาะกัน แล้วก็ขอโทษกันและกัน ทั้งสองตัวขอบคุณฉัน ฉันพยักหน้า ๑ ครั้ง แล้วเดินต่อไป---
แมววัด
๑๑ การฟัง เย็นวันหนึ่ง ฉันเดินผ่านเสียงประหลาด เสียงดังคล้ายเสียงเด็ก แต่แถวนั้นมีแต่ป่าไม้ ไม่มีเด็กทารก ฉันกลัว แต่ฉันก็เข้าไปดูใกล้ๆ “นกยูง !” ฉันอุทาน มีนกยูง ๒ ตัว คุยกันเสียงดัง ไม่มีใครฟังใคร ฉันจึงเข้าไปตะโกนขึ้นว่า “ฟังฉันบ้าง !” นกยูงโกนเสียงดังกลับมา “เธอคือใคร !” อีกตัวก็ตะโกนสวนกลับมาด้วยว่า
45
46
ยูโตะ ฟุคะยะ
“มาคุยกับฉันให้จบก่อน” ฉันจึงพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ที่ผ่านมา พวกเราไม่ได้ฟังกันเลย เอาแต่แย่งกันพูด พูดแทรกไปแทรกมา จนเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเสียงดังมาก จนท�ำให้ผู้อื่นที่ผ่านไปมาร�ำคาญ ถ้าเราฟังกันและกัน ป่าในวัดนี้จะเงียบสงบมากขึ้น” นกยูงจึงเงียบ ฟังฉัน ฉันก็ยิ้มให้---
แมววัด
47
๑๒ เต่าริมน�้ำ บ่ายวันหนึ่ง ฉันมานอนอาบแดดอยู่หน้ากุฏิหลวงพี่โก๋ แล้วฉันก็เห็นเต่ายืนอยู่บนขอนไม้ แล้วค่อยๆ คลานขึ้นไปอาบแดด ขอนไม้นั้นเป็นต้นไม้ที่ล้มลงมาจากข้างบน และฉันก็เห็นอะไรบางอย่างอยู่ในน�้ำ ฉันคิดว่า น่าจะเป็นปลาดุกตัวใหญ่ ว่ายน�้ำมาหาเต่า พออยู่ใกล้แล้ว เขาก็พูดว่า “ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก ดุ๊ก” (เธอว่ายน�้ำไม่ได้เหมือนฉันหรอก ขนาดตอนอยู่บนบกเธอยังช้ามาก อยู่ในน�้ำก็ไม่ได้ เธอนี่ไม่มีพรสวรรค์อะไรเลยนะ) แล้วเต่าก็ตอบว่า “แล้วเธอล่ะ เดินบนบกได้หรือไง
48
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
ฉันจะไปไหนก็ได้ แต่เธออยู่ได้แต่บ่อน�้ำเน่าๆ นี่แหละ” ฉันจึงเข้าไปขัดจังหวะ “เธออย่าทะเลาะกันสิ เธอมองแต่ข้อเสียของแต่ละตัว เราควรมองแต่สิ่งดี แม้จะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน เราจะเห็นสิ่งดีนั้น ถ้าเรารู้จักมอง อีกอย่าง ปลาดุก เธออย่าหาเรื่องเขาสิ และเต่า เธออย่าเอาเรื่องเขานะ เข้าใจมั้ย” ฉันถาม ปลาดุกกับเต่าตอบว่า “เข้าใจแล้ว” ทั้งสองขอบคุณฉัน ฉันจึงกลับไปนอนอาบแดด---
49
50
ยูโตะ ฟุคะยะ
๑๓ นอกวัด ฉันมีลูกมาหลายครอกแล้ว แมวที่วัดเริ่มเพิ่มจ�ำนวนเยอะขึ้น บ่ายวันหนึ่ง ขณะฉันนอนอาบแดดอย่างสบายใจอยู่นั้น ฉันก็ได้ยินหลวงพี่โก๋พูดกับ ‘โยมแม่’ ที่จริงฉันไม่รู้หรอกว่า ‘โยมแม่’ คืออะไร แต่ฉันเดาว่า น่าจะหมายถึง ‘แม่’ แน่ๆ ฉันได้ยินว่า เขาจะให้ฉันไปคุมก�ำเนิด ฉันต้องไปอยู่นอกวัด ประมาณ ๗ วัน แต่ฉันดีใจที่จะได้ออกข้างนอกเป็นครั้งแรก มีคนอุ้มฉันใส่ตะกร้า หิ้วฉันไปวางบนเบาะรถยนต์ ฉันมองผ่านรูเล็กๆ ในตะกร้า
แมววัด
51
มีลมเย็นๆ ผ่านเข้ามา จนถึงที่ไหนสักแห่ง มีกลิ่นคล้ายกลิ่นยา มีคนเดินมาอุ้มฉันออกจากตะกร้า และคล�ำดูตรงแถวๆ ท้องของฉัน เพื่อดูว่าฉันมีลูกหรือเปล่า ทุกคนดูสีหน้าเคร่งเครียด เขาคงอยากรู้มาก ว่าฉันจะมีลูกหรือไม่ พอคุณหมอยิ้มและบอกว่า “ไม่มีลูกในท้อง” ทุกคนก็ยิ้มแฉ่งทันที “อีกหกวัน มารับนะครับ” คุณหมอบอก แล้วทุกคนก็กลับไป
52
ยูโตะ ฟุคะยะ
วันที่คุณหมอบอกฉันว่า “จะได้กลับวัดแล้ว” ฉันดีใจมาก ฉันคิดถึงรองเท้าหน้ากุฏิ คิดถึงหลวงพี่โก๋ คิดถึงสามเณร สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดคือ หัวปลาทูคลุกข้าว
แมววัด
53
๑๔ กลับบ้าน พอฉันกลับถึงวัด ฉันดีใจมาก เพราะเป็นสถานที่ฉันคุ้นเคย หลวงพี่อุ้มฉัน ฉันร้อง “เมี้ยว” พอหลวงพี่ปล่อยฉันลง ฉันก็วิ่งไปที่กุฏิ ฉันเห็นสามเณรบวชใหม่หลายรูป ทุกคนต้อนรับฉันอย่างอบอุ่น บางคนอุ้มฉัน บางคนกอดฉัน แม้แต่กระรอกยังมองฉันเลย ส่วน ‘ก.ต.’ วิ่งหนีไปหลังต้นไม้ ฉันเห็นพระรูปหนึ่งเดินมาหาฉัน ฉันจ�ำเขาได้ เพราะเขานั่นเองที่ให้อาหารฉันทุกเช้า และฉันได้สูดอากาศบริสุทธิ์อย่างสบายปอด เพราะในที่ที่ฉันไป กลิ่นยาเหม็นมาก
54
ยูโตะ ฟุคะยะ
“ฉันดีใจที่ได้กลับมานะ เมี้ยว!” ฉันพูด ฉันว่า อย่าเอาพวกเพือ่ นตัวน้อยมาทิง้ ทีว่ ดั นะ ฉันแนะน�ำให้ไปคุมก�ำเนิดแบบฉัน น่าจะดี---
แมววัด
55
๑๕ ส�ำรวจ วันหนึ่ง หลังจากสามเณรฉันเพลเสร็จ ก็พากันไปเดินเล่นทีห่ มูบ่ า้ นพระ ฉันจึงตามไป ฉันยืนมองจากหลังกุฏิหลวงพี่โก๋ มีสะพานสีเขียวทอดข้ามบึงของวัด ต่อจากสะพานก็มีกุฏิหลายหลังเรียงแถวกัน คนในวัดจึงเรียกตรงนั้นว่า ‘หมู่บ้านพระ’ ฉันเดินตามสามเณรข้ามสะพานไป มีสามเณรตะโกรอย่างตื่นเต้นว่า “มาดู! มาดู! ตั๊กแตนต�ำข้าว” ฉันเจอบ่อยๆ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉันจึงไม่สนใจ เดินไปอีกสักหน่อย เจอตัวด้วงตัวหนึ่ง
56
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
57
ฉันมองตามด้วงที่ก�ำลังปีนต้นกล้วยขึ้นไป เห็นด้วงฝูงใหญ่มาก ฉันไม่รวู้ า่ กีต่ วั แต่สามเณรบอกว่า “หลายสิบตัว แต่จับไม่ได้ เพราะอยู่สูงเกินไป” พอเดินต่อไป ฉันเดินผ่านกุฏิหลังหนึ่ง ฉันเจอตัวอะไรบางอย่างเลื้อยผ่าน ฉันก�ำลังจะตะปบ แต่ไม่ทัน สามเณรไปเรียกพระที่อยู่กุฏินั้นมาดู หลวงพี่รูปนั้นจึงบอกว่า “มันคือ ‘งูม่านสายพระอินทร์’ ไม่ท�ำร้ายมนุษย์ กินหนูและจิ้งจกเป็นอาหาร เป็นงูที่ไม่มีพิษ” แล้วงูก็เลื้อยหายเข้าไปในพงหญ้า สามเณรก็พากันเดินกลับกุฏิ แต่สามเณรชอบเรียกว่า “กลับกุฏ” ฉันก็เดินกลับไป และนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้เหมือนเคย
58
ยูโตะ ฟุคะยะ
๑๖ ออกนอกเรื่อง เช้าตรู่วันหนึ่ง พระเณรออกไปบิณฑบาตแล้ว ที่กุฏิเงียบมาก ฉันจึงเดินไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นพัดผ่านหน้าฉัน ฉันบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินมาอยู่หน้ากุฏิ จนกระทั่งมีนกกระจอกมาเล่าให้ฉันฟังว่า “ด้วงผิดศีล” และจะดึงฉันเข้าไปร่วมวงต่อว่าด้วง ฉันได้ยินแล้วก็เลยบอกไปว่า “ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนั้น” นกกระจอกยังพยายามจะเล่า ฉันจึงสอนเหมือนทีห่ ลวงพีโ่ ก๋สอนสามเณร ว่า “ถ้าเราไม่อยากทุกข์ ต้องออกจากเรื่องที่จะท�ำให้เราเป็นทุกข์
แมววัด
59
60
ยูโตะ ฟุคะยะ
เราจะไม่ทุกข์ใจ จะสบายใจ” นกกระจอกฟังฉัน แล้วบินจากไปพร้อมค�ำขอบคุณ พอสายๆ สามเณรกลับมา กุฏิก็คึกคักทันที เณรน้อยรูปหนึ่งอุ้มฉันแนบอก และบอกฉันด้วยน�้ำเสียงอ่อนโยนว่า “วันนี้ตอนบ่าย ฉันจะลาสิกขาแล้วนะ” ฉันจึงหงอยไป---
แมววัด
๑๗ การจากลา ฉันคิดถึงแม่ขึ้นมาทันที เพราะแม่ฉันตายตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ และตอนนี้การพลัดพรากก็มาถึงอีก ก่อนที่สามเณรจะไปฉันเพล ฉันไปนอนหงายท้องให้สามเณรเกาพุงให้ เพราะฉันนึกว่าเขาจะลาสิกขาแล้ว ฉันจึงตามเณรน้อยรูปนั้นไป แต่ก็ดีที่ฉันตามไป เณรน้อยบิปลากระพงเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ฉัน ฉันได้กิน แล้วฉันรู้สึกว่าอร่อยมากเลย และพอเณรน้อยฉันข้าวเสร็จ หลวงพี่โก๋ก็พาไปที่หลวงปู่ใหญ่ หลวงพี่โก๋อยู่ด้านหน้าหลวงปู่ใหญ่ และเณรน้อยนั่งหันหน้าไปทางหลวงปู่ใหญ่
61
62
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
หลวงพี่โก๋ก็สอนว่า “พ่อแม่ที่มีลูกไม่ดี ก็เหมือนมีลูกระเบิดในบ้าน อย่าเป็นลูกระเบิด!! เราต้องเป็นเด็กดี พ่อแม่เหนื่อยในการดูแลเรา เราต้องเป็นเด็กดี พ่อแม่เหนือ่ ยมากในการทีต่ อ้ งดูแลเรา เราต้องเป็นของขวัญทีม่ ชี วี ติ ให้พอ่ แม่” พอหลวงพี่โก๋สอนเสร็จ ก็กล่าวค�ำลาสิกขา พอกล่าวค�ำลาสิกขาเสร็จ ก็กราบลาหลวงปู่ใหญ่ ทุกคนเดินกลับไปที่กุฏิ พอฉันเดินตามไปฉันก็นึกในใจว่า ‘ถ้ามีพบก็ต้องมีจาก นั่นคือความจริง’ แล้วฉันก็ไปนั่งดูเซียงน้อยเก็บกระเป๋า ฉันนั่งรออยู่ที่ประจ�ำของฉัน---
63
64
ยูโตะ ฟุคะยะ
๑๘ ที่ใหม่ หลายวันผ่านไป ฉันได้ยินหลวงพี่โก๋คุยกับเซียงน้อยว่า ฉันกับมะม่วงจะได้ไปอยู่บ้านเซียงน้อย ๔ วัน เพราะ “หลวงพี่โก๋จะไปกรุงเทพฯ” ฉันตกใจมาก ฉันไม่แน่ใจว่าที่นั่นจะปลอดภัยหรือเปล่า แต่ก็ช่างมัน!! เพราะพรุง่ นีต้ อนบ่ายเขาจะเอามะม่วงไปก่อน แล้วก็เอาฉันไป พอฉันมาถึง มะม่วงมาถึงก่อนตั้งหลายวัน มะม่วงรู้เยอะกว่าฉัน มะม่วงพาทัวร์ แล้วบอกฉันว่า “ระวังตัวไว้ให้ดี ตอนกลางคืนให้ไปหาที่ดีๆ
แมววัด
65
66
ยูโตะ ฟุคะยะ
เพื่อหลบซ่อนหมาพันธุ์บีเกิ้ล” พอเวลาผ่านไปอีกนิด ก็มีเซียงน้อยถืออาหาร ๒ ถ้วย น�้ำ ๒ ถ้วย อาหาร ๑ ถ้วย และน�้ำ ๑ ถ้วย ให้ฉัน อาหาร ๑ ถ้วย และน�้ำ ๑ ถ้วย ให้มะม่วง ตอนแรกฉันว่าจะหนีไปหลบที่อื่น แต่มะม่วงห้ามฉันไว้ แล้วบอกว่า “เซียงน้อยไม่ท�ำอะไรหรอก เขาแค่เอาอาหารมาให้เฉยๆ เชื่อฉันเถอะ ฉันอยู่มานานกว่าเธอ” ฉันสังเกตเห็นว่า มีกองทรายวางเป็นภูเขา ฉันก�ำลังอึ้งอยู่ มะม่วงก็มาบอกว่า “นี่คือชักโครกของเรา” พอตกเย็น มะม่วงตะโกนว่า “หลบเร็ว! ตามฉันมา เร็วเข้า! ถ้าไม่หลบตอนนี้ อาจโดนหมากัดได้” ฉันจึงไปหลบใต้พาเลทไม้*แล้วหลับไป--* พาเลทไม้ (pallet) : ไม้รองเพื่อวางสิ่งของให้สูงจากระดับพื้น เพื่อป้องกันความชื้น และปลวก แมลงต่างๆ
แมววัด
๑๙ สงกรานต์ วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นเพราะมะม่วงมาปลุก ฉันงัวเงีย เดินไปนั่งตรงที่วางอาหาร แต่ก็ไม่มีอาหาร เวลาผ่านไป ฉันนั่งรออาหาร แล้วในที่สุด ฉันก็เห็นเซียงน้อยถืออาหารเดินมา ฉันเห็นมะม่วงเดินเข้าไปต้อนรับ ฉันจึงวิ่งตามมะม่วง แล้วพอเรากินข้าวเสร็จ ฉันยังไม่อิ่ม ฉันเหลือบไปเห็นถาดอาหารขนาดใหญ่ มีอาหารใส่อยู่ในนั้นครึ่งหนึ่ง พอฉันกินจนอิ่ม
67
68
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
ฉันก็เห็นหมาบีเกิ้ล ฉันจ�ำได้ว่าเขาเคยไปเล่นที่กุฏิหลวงพี่โก๋ และมีเณรน้อยรูปหนึ่ง มาขอให้หลวงพี่ตั้งชื่อหมา หลวงพี่ก็เลยตั้งชื่อว่า ‘สงกรานต์’ เพราะช่วงเวลานั้นเป็นเทศกาลสงกรานต์ เขาท�ำให้หลวงพี่โก๋ประทับใจ โดยฉี่รดถุงนอนหลวงพี่โก๋ หลวงพี่ไม่ดุสงกรานต์เลย หลวงพี่น่าจะท�ำใจได้ และเณรน้อยขอโทษหลวงพี่ หลวงพี่ให้อภัย---
69
70
ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๐ ความทรงจ�ำดีๆ นี่ผ่านมากี่วันแล้วนะ ที่ฉันมาอยู่บ้านซึ่งมีแต่สัตว์แปลกๆ นกที่ร้องเสียงไม่เหมือนกันสักตัว หนูตะเภาที่อลหม่านวิ่งไปมาอยู่ในกรง และหมาที่ชอบเห่าแมวและหมาอื่นๆ ฉันเริ่มคิดถึงกุฏิ และเสียง ‘เมี้ยว เมี้ยว’ ของหลวงพี่โก๋ ตอนสั่นอาหาร ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันได้กินอาหารเม็ดกรอบๆ รสชาติดีทีเดียว ที่นี่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก ฉันได้นอนคลุมโปงทุกคืน และรู้สึกปลอดภัย ฉันไม่รู้ว่า ‘มะม่วง’ อยู่ในบ้านแห่งนี้ ได้อย่างไรตั้งนาน
แมววัด
71
72
ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันพอจะเข้าใจแล้ว ฉันชอบเด็กที่คอยมาดูแลฉัน เอาอาหารและน�้ำมาให้ฉัน ฉันรู้สึกอบอุ่น แม้จะอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย เราควรมีความสุขทุกที่ ถ้าเรามองเห็นความดีในบ้านหลังนี้ ฉันอดจะอมยิ้มไม่ได้ ฉันรักที่แห่งนี้ ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของฉัน ถึงวันที่ฉันกลับไปวัด ฉันก็จะคิดถึงความทรงจ�ำดีๆ ที่บ้านแห่งนี้ และจะไม่ลืมความสนุกที่ได้เล่นกับมะม่วง ลาก่อนนะ แล้วพบกันใหม่---
แมววัด
73
๒๑ กลับวัด วันนี้เซียงน้อยพาฉันกลับวัด ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาหลวงพี่โก๋ ฉันทักทายหลวงพี่อย่างตื่นเต้นและคิดถึง หลวงพี่บอกว่า มีใครสะกดรอยตามหลวงพี่มา หลวงพี่อุ้มฉันขึ้นและบอกว่าหลวงพี่คิดถึงฉัน พอหลวงพี่พูดจบ ฉันก็วิ่งเข้าไปหา ‘จานิน’ และก็ทักทาย จานินเล่าให้ฉันฟังถึงตอนที่ฉันไม่อยู่กุฏิว่า “กุฏิเงียบมาก ฉันรู้สึกเหงานิดๆ แต่ค่อยยังชั่วที่ยังมีแมวเพื่อนบ้าน ฉันเล่นกับพวกนั้น และฉันก็กินอาหารกับพวกเขา” ฉันพิจารณาแล้วเห็นว่า จานินผอมลง
74
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
75
จานินตอบว่า “ก็ไม่มีใครให้อาหารฉัน แล้วเธอล่ะ ท�ำไมอ้วนขึ้น” “ก็ฉันได้กินอาหารตั้งสามมื้อ” ฉันเล่าให้จานินฟังว่า ถ้าจานินได้ไปคงจะดีใจ ฉันเล่าว่า “ในบ้านที่ฉันไป คนที่รับไป ดูแลฉันอย่างดี เอาอาหาร เอาน�้ำ และยังเอาทรายแมวมากองไว้ ตรงหลังที่นอนของฉัน ทุกเช้า เซียงน้อยจะเอาอาหารมาให้ ตอนเย็นก็เหมือนกัน แต่ฉันก็ยังคิดถึงที่นี่อยู่เลย” ฉันกลิ้งไปกลิ้งมา ฉันมองไปเห็น---
76
ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๒ เพื่อนใหม่ ฉันเห็นแม่ไก่ลุกขึ้นจากสายยาง เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็น แล้วก็เห็นลูกเจี๊ยบ ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แม่ไก่ท�ำท่าจะจิกเพื่อปกป้องลูก ฉันจึงบอกว่า “ฉันไม่กินลูกเจี๊ยบนะ แค่มาดูเฉยๆ” แม่ไก่เชื่อฉัน เมื่อเห็นตีนสีขาวของฉัน เพราะจานินเป็นตัวกินไก่ ฉันเห็นลูกเจี๊ยบหลายตัว พอฉันดูเสร็จฉันก็เดินหนีไป วันต่อมา ฉันก็มาดูลูกเจี๊ยบอีก คราวนี้แม่ไก่ยอมให้ฉันดูลูกน้อย เพราะแม่ไก่ไว้ใจฉัน ว่าฉันจะไม่ทำ� ร้ายไก่เด็กๆ เหมือนกับที่หลวงพี่โก๋สอนสามเณรว่า
แมววัด
“การอยู่ร่วมกัน เราต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ก่อนจะท�ำอะไรต้องขออนุญาตทุกครั้ง เมื่อทุกคนไว้ใจเรา เราก็ต้องท�ำให้ได้อย่างที่เขาไว้ใจ” น่าเสียดาย ที่ฉันมองไม่เห็นว่าสีอะไร แต่ฉันได้ยินหลวงพี่โก๋คุยกับเด็กๆ ว่า ลูกเจี๊ยบมีหลายสี สีด�ำ สีขาว สีน�้ำตาล
77
78
ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๓ แกล้งๆ เล่นๆ วันนี้ตอนสายๆ มีเด็กน้อยมา และอุ้มฉันเหวี่ยงเป็นวงกลม ฉันมึนมาก และคืนนั้น ฉันได้ฟังหลวงพี่โก๋สอนสามเณรว่า “ถ้าสนุกทั้งสองฝ่าย เรียกว่า เล่น แต่ถ้าสนุกคนเดียว เรียกว่า แกล้ง” วันต่อมา ฉันเดินไปเจอแมวตัวหนึ่ง ไม่ทราบชื่อ ก�ำลังท�ำท่าเหมือนเล่นกับลูกเจี๊ยบ แต่ฉันเห็นลูกเจี๊ยบท�ำท่า เจ็บ ฉันจึงเข้าไปห้ามไว้ เขาบอกว่า “ก็ฉันแค่เล่นกับลูกเจี๊ยบเฉยๆ” ฉันจึงบอกว่า “แล้วเธอถามลูกเจี๊ยบรึยัง ว่าเขาสนุกด้วยไหม”
แมววัด
79
80
ยูโตะ ฟุคะยะ
แมวตัวนั้นจึงถามลูกเจี๊ยบ ว่า “เธอสนุกไหม” ลูกเจี๊ยบตอบกลับมาว่า “ใจ้จะจุก” (ไม่สนุก) ฉันจึงบอกเขาว่า “ถ้าสนุกทั้งสองฝ่าย เรียกว่า เล่น แต่ถ้าสนุกฝ่ายเดียว เรียกว่า แกล้ง” เขาบอกว่า “ขอบคุณที่เตือนฉันนะ” และเขาก็ขอโทษลูกเจี๊ยบว่า “ฉันไม่รู้ว่าเธอเจ็บ ฉันจึงท�ำเธอเจ็บ ขอโทษนะ” ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็ไป ฉันก็ไปนอนกลางวันต่อ---
แมววัด
๒๔ กายหิวหรือใจอยาก ฉันนอนกลางวันนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ฉันถูกปลุกด้วยค�ำสอนของหลวงพี่โก๋ นั่นก็คือ “เราไม่ท�ำร้ายคนที่อ่อนแอกว่า เราควรปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า” ฉันนอนคิดเรื่องนี้ทั้งคืน พอรุ่งเช้า ฉันคิดว่า ฉันจะไม่กินจิ้งจกเพราะความอยาก หลวงพี่เคยสอนว่า “ถ้าอยาก ไม่ให้กิน แต่ถ้าหิว ก็ไม่ให้กินของที่อยาก” ฉันตั้งปณิธานว่า ‘จะไม่กินจิ้งจกทั้งวัน’ เพราะจิ้งจกเป็นสัตว์ที่อ่อนแอกว่า
81
82
ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันเดินไปที่โรงครัว ฉันเห็นจานินก�ำลังกินจิ้งจกพอดี ฉันจึงบอกว่า “เธอกายหิว หรือใจอยาก” จานินตอบว่า “หิว” ฉันจึงพาจานินกลับกุฏิ ไปกินอาหารแมวที่หลวงพี่โก๋วางไว้ให้ พอฉันกินเสร็จ ฉันก็เดินไปหน้าวัด---
แมววัด
83
๒๕ ลูกหลง พอฉันไปถึงหน้าวัด ฉันเจอลูกเจี๊ยบเดินอยู่ ฉันเดินไปหาและถามว่า “ท�ำไมเธอถึงอยู่ตัวเดียวล่ะ” ลูกเจี๊ยบวิ่งหนีและถามว่า “เธอกินลูกเจี๊ยบอย่างฉันหรือเปล่า” ฉันตอบว่า “ไม่กิน” แต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่เขยิบเข้ามา และลูกเจี๊ยบก็ตอบว่า “จัน๋ จ๋ง แจ้ จ้ะ แจ้ จัน๋ จอก ไจ จัง้ แจ่ เจ๊า แจ๊ว” (ฉันหลงแม่นะ่ แม่ฉนั ออกไปตัง้ แต่เช้าแล้ว) “ฉันตามหาแม่เป็นชั่วโมงก็ไม่เจอ” ลูกเจี๊ยบบอก ฉันจึงพาลูกเจี๊ยบกลับกุฏิ
84
ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันเดินไปด้านหลังกุฏิ ฉันเจอแม่ไก่ แล้วฉันก็ตะโกน ลูกเจี๊ยบที่อยู่บนหลังของฉัน วิ่งลงไปหาแม่ทันที ฉันเห็นแม่ไก่มีสีหน้ากังวลในตอนแรก แต่พอลูกเจี๊ยบตัวนั้นวิ่งไป สีหน้าของแม่ไก่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แม่ไก่หันมาขอบคุณฉัน ฉันดีใจ และฉันก็ภูมิใจมากที่ได้ท�ำความดี
แมววัด
85
๒๖ ลูกแมว วันต่อมา ฉันตื่นเพราะเสียงของหลวงพี่โก๋ คุยกันกับอะไรบางอย่าง ฉันมองเห็นไม่ชัด แต่ฉันรู้ว่ามี ๒ เสียง ก�ำลังคุยกันเรื่อง ‘จานิน’ “จานินไม่ได้ผอมลงนะ แต่ไปคลอดลูกต่างหาก” พอฉันได้ยินค�ำนั้น ฉันตกใจมาก หลวงพี่ได้ยินเสียงแต่มองไม่เห็นตัว เพราะตอนนั้นเป็นเวลาออกบิณฑบาต ยังมืดอยู่--พอกลับจากบิณฑบาต หลวงพี่ก็เห็นลูกแมว ๒ ตัว เดินออกมาจากกอหญ้าข้างกุฏิ
86 ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
87
และคิดว่าทั้งสองตัวน่าจะเป็นลูกของจานิน หลวงพี่ตั้งชื่อว่า ‘ปลาวัน’ กับ ‘ปลาทู’ ตอนกลางวันเขาไม่ออกมา แต่ตอนกลางคืนเขาจึงออกมา ฉันไปถามจานิน จานินบอกว่าเป็นเรื่องจริง ฉันรอจนตกกลางคืน ฉันก็เจอ---
88 ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๗ น้อยใจ ฉันก็เจอลูกแมวสีด�ำปนน�้ำตาล เดินออกมาจากพุ่มหญ้า ฉันวิ่งไปหน้ากุฏิ และร้องเรียกหลวงพี่โก๋ หลวงพี่เดินออกมาพอดี หลวงพี่อุ้มแมวตัวหนึ่ง และเรียกว่า ‘ปลาวัน’ และก็อุ้มอีกตัวหนึ่งขึ้นมา และพูดว่า ‘ปลาทู’ ฉันเห็นหลวงพี่กอดมัน ฉันก็งอนหลวงพี่ เพราะฉันกลัวว่าเดี๋ยวหลวงพี่จะไม่สนใจฉัน ฉันกลับไปที่ซึ่งฉันนอน และ--หลวงพี่เดินมาลูบหัวฉัน แล้วสอนว่า “การน้อยเนื้อต�่ำใจนั้นไม่ดี ท�ำให้เป็นทุกข์ ใครจะปฏิบัติต่อเราแบบไหนก็เป็นเรื่องของเขา”
แมววัด
ฉันพอจะเข้าใจ ฉันก้มหน้า หลวงพี่โก๋รักฉัน เมตตาฉัน ฉันรู้---
89
90 ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๘ ข้าวหลาม วันนี้ ฉันเดินไปที่ปางลีลา ฉันเห็นเด็กที่คุ้นเคยท�ำข้าวหลามกันอยู่ ฉันวิ่งไปดู--ขั้นตอนแรก น�ำข้าวเหนียวไปแช่น�้ำ น�ำถั่วด�ำต้มสุกมาคลุกกับข้าวเหนียวที่แช่น�้ำ แล้วน�ำข้าวเหนียวใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ ราดน�้ำกะทิ เกลือ น�้ำตาล ให้ท่วมข้าวเหนียวนิดหนึ่ง อุดด้วยใบตอง น�ำไปย่าง--พอข้าวหลามสุก เราก็รอให้ข้าวหลามเย็น แล้วก็น�ำมีดอีโต้มาตัดมุมให้เป็นวงกลม
แมววัด
และใช้ค้อนทุบให้ข้าวหลามออกมา แล้วก็กินได้ ฉันได้กินข้าวหลามเค็มที่สุดในโลก---
91
92 ยูโตะ ฟุคะยะ
๒๙ ความคิด วันนี้ตอนเย็น หลวงพี่โก๋สอนสามเณร ว่า “คนเราก็เหมือนรถ และรถก็เป็นแค่อะไหล่ มาประกอบกันเท่านั้น เดี๋ยวก็พัง” “คนเราควรท�ำประโยชน์ส่วนรวม ก่อนร่างกายจะพัง เพราะร่างกายมนุษย์ก็เป็นแค่อวัยวะ มาประกอบกันเท่านั้น” “คนมีหลายประเภท ประเภทที่หนึ่ง ชอบแต่งรถเพื่อขับไปเที่ยว ท�ำให้รถตัวเองเหมือนรถราคาแพง และก็มีพวกที่ใช้รถให้เกิดประโยชน์ คือพาผู้อื่นไปส่งถึงที่หมาย
แมววัด
ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม” หลวงพี่ปิดท้ายว่า “เราควรท�ำประโชน์ก่อนที่เราจะตาย---
93
94 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๐ โรงทานตัดผม ซ่อมรองเท้า
พอรุ่งเช้า ฉันเดินไปหน้าวัด ฉันเดินผ่านคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ เส้นผมกลุ่มใหญ่หล่นใส่หัวฉัน พอฉันเดินต่อไป มีคนบอกฉันว่า “โอ้โห! แมวมีผม” ฉันตกใจมาก เอามือปัดเส้นผมออก และฉันก็เดินไปเจอ คนถือรองเท้าอยู่ ฉันเห็นเขาก�ำลังซ่อมรองเท้า มีคนบอกว่า “มีโรงทานตัดผม
แมววัด
และโรงทานซ่อมรองเท้าด้วย” ฉันเพิ่งรู้ว่า ของฟรีมีในโลก!!
95
96 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๑ การ์ดวันเกิด วันนี้ ตอนบ่าย ลมพัดเย็นสบาย มีโรงทานหลายอย่าง โรงทานผลไม้ โรงทานสเต๊ก ผัดไทย ฯลฯ ฉันได้กินอาหารของโรงทานทุกแห่ง ฉันชอบแตงโมของโรงทานผลไม้ แล้วก็ชอบสเต๊กหมูด้วย มันอร่อยมาก พอฉันเดินกลับถึงกุฏิ ฉันก็เจอเซียงน้อย ก�ำลังท�ำการ์ดอะไรสักอย่าง เซียงน้อยบอกว่า
แมววัด
เป็นการ์ดวันเกิด และติด ‘โพสต์อิต’ ลงที่กล่องดินสอ แล้วก็เอาให้แม่ ฉันกลับไปนอนต่อ และฉันก็เจอแมวตัวใหม่---
97
98 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๒ จุลินทรีย์ แมวตัวนั้นก็คือ ‘วัว’ แมวตัวใหม่ที่หลวงพี่น�ำมาเลี้ยง ฉันได้กลิ่นตุตุมาจากปางลีลา พอฉันเดินไป ฉันก็เจอลูกดินเหม็นๆ มีราขึ้นเต็มไปหมด ฉันได้ยินหลวงพี่โก๋สอนเด็กว่า “นั่นคือ อีเอ็ม บอล* ย่อยสลายสิ่งสกปรกได้ และไม่เป็นพิษต่อปลา” ฉันกลิ้งมันหล่นลงไปในสระน�้ำ ฉันได้ท�ำความดี---
* อีเอ็มบอล (EM Ball) : ก้อนจุลินทรีย์ ท�ำจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปั้นเป็นก้อนกลมสีน�้ำตาล ขนาดเท่าลูกเทนนิส
แมววัด
99
๓๓ น�้ำเสีย วันนี้ ฉันเดินตามหลวงพี่โก๋ ไปที่หนองน�้ำ ฉันเห็นน�้ำสกปรกมาก มีทั้งเศษขนมปัง ไอศกรีม ฯลฯ ที่ลอยอยู่ในน�้ำ และสาเหตุการตายของ ‘ดุ๊ก’ ก็คือ มีคนเอาขนมปังขึ้นรามาให้ดุ๊กกิน แล้วดุ๊กก็เป็นมะเร็งตาย!! ฉันเห็นมีคราบน�้ำมันที่ออกมาจากขนมปัง หลวงพี่พาไปที่ศาลาริมน�้ำ ฉันเจอปลาชนิดใหม่ หลวงพี่บอกว่า นั่นคือปลาเสือตอ ฉันเห็นเขาพ่นน�้ำ ฉันจึงเรียกว่า ‘ปลาเสือตอพ่นน�้ำ’ หลวงพี่บอกว่า “เราควรท�ำน�้ำให้สะอาด”
100 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๔ EM Ball วันต่อมา ฉันเห็นเด็กนักเรียนวัยรุ่นเหมือนสามเณร มากันหลายคน เห็นหลวงพี่บอกว่า “วันนี้เราจะมาท�ำ EM Ball” หลวงพี่อธิบายว่า “E หมายถึง Effective M หมายถึง Microorganism” ฉันเห็นทุกคนน�ำกะละมังมาใส่ส่วนผสม ดังนี้ ๑. ดิน ๒. แกลบ (เปลือกข้าวสาร) ๓. น�้ำ EM (น�้ำจุลินทรีย์) ๔. มูลจิ้งหรีด (มจร.) ต้องขย�ำทุกอย่างให้เข้ากัน
แมววัด
แล้วจึงปั้นเป็นก้อนกลม ส่วนเหตุผลที่ใช้ก้อนกลม หลวงพี่อธิบายว่า “ก้อนกลมมีน�้ำหนักมากกว่า และปั้นได้ง่ายกว่าทุกทรง” ขั้นตอนสุดท้าย ก็โยนลงไปในน�้ำ
101
102 ยูโตะ ฟุคะยะ
พวกเขาแข่งกันว่าใครโยนได้ไกลกว่ากัน แต่ผลออกมาว่า หลวงพี่โก๋ชนะ พวกเขาก็พักกินพิซซ่าที่แม่ของเซียงน้อยซื้อมา แล้วก็ได้กินไอศกรีมฟรีด้วย ฉันนี่แหละ สนุกสุดแล้ว นานๆ จะมีเด็กมาเที่ยววัดแบบคึกคัก---
แมววัด
103
๓๕ โยน พอทุกคนปั้นเสร็จแล้ว หลวงพี่บอกว่าต้องตากไว้ ๑ สัปดาห์ ฉันจึงกลับไปกินอาหารต่อ พอเสร็จแล้ว ฉันคิดในใจว่า น�้ำนี้คงสะอาด ถ้าโยนลงไป ๑ วัน จะสะอาดทั้งบ่อ ---แต่ฉันคิดผิด ๑ สัปดาห์ต่อมา ฉันเห็นลูก EM เป็นสีขาว และเหม็นมาก หลวงพี่บอกว่า “ราขึ้นเต็มเลย” “ดีจัง จะได้โยนแล้ว” ฉันสงสัยว่า ราขึ้น แต่ท�ำไมจึงใช้ได้ หลวงพี่โก๋บอกนักเรียนว่า
104 ยูโตะ ฟุคะยะ
แมววัด
105
“ที่เห็นนี้ไม่ใช่รา แต่มันคือ ‘จุลินทรีย์’ ที่ย่อยสลายสิ่งสกปรก เช่น ศพ” ฉันเห็นมีลูก EM เป็นร้อยๆ แถว มันเยอะมากจริงๆ เด็กก็มีเยอะ ฉันเห็นมีพี่คนหนึ่ง ช่วยเอารถเข็นมา ๒ คัน น�ำ EM Ball ใส่ลงไป และให้เพื่อนๆ ช่วยหยิบ ช่วยโยน การโยนใช้เวลาแค่แป๊บเดียว แถมมีหมาที่ชอบดูอะไรตกน�้ำมายืนดู ที่วัดเหมือนเป็นสนามรบ และพวกเขาก�ำลังโยนระเบิดลงน�้ำ เป็นวันที่คึกคะนองที่สุดที่ฉันเคยเจอ ตั้งแต่ฉันอยู่วัดมา และเด็กๆ ก็สามัคคีกันดี---
106 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๖ เมตตา วันนี้ ฉันก�ำลังนอนอยู่หน้ากุฏิ อยู่ดีๆ ก็มีน�้ำพุ่งมา ฉันตกใจมาก ฉันรีบวิ่งไปหาหลวงพี่โก๋ ฉันเห็นหลวงพี่โก๋ ฉันก็อุ่นใจ ฉันได้เห็นหลวงพี่เล่นกับเด็กด้วย หลวงพี่ถามเด็กก่อนว่า “อันตรายหรือปลอดภัย” เด็กก็ตอบว่า “ปลอดภัย” และหลวงพี่โก๋ก็เดินไปหา พอเด็กฉีดน�้ำใส่ หลวงพี่ต้องวิ่งกลับมา ถ้าวิ่งไม่ทันก็จะเปียก
แมววัด
107
ฉันเห็นทุกคนหัวเราะ แต่ฉันหัวเราะไม่ออกเลยสักนิด เพราะฉันกลัวน�้ำ ฉันเห็นหลวงพี่โก๋เล่นกับเด็ก ฉันก็เหนื่อยแทน แต่ฉันก็รู้ว่า หลวงพี่โก๋เมตตามาก ฉันต้องเมตตาเหมือนหลวงพี่โก๋ให้ได้---
108 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๗ แมวป่วย วันนี้ ฉันเดินตามหลวงพี่โก๋ ระหว่างทาง หลวงพี่เจอ ‘ปลาวัน’ นอนซมอยู่ หลวงพี่โก๋อุ้มปลาวันไปนอนบนเตียงของฉัน แต่ฉันไม่โกรธ เพราะเป็นกรณีผู้ป่วย ฉันอนุญาต ปลาวันขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย หลวงพี่บอกว่า “มันหิวมาก ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” หลวงพี่ออกไปและกลับมาพร้อมกับจานิน หลวงพี่พูดว่า “ท�ำไมไม่ตั้งใจเป็นแม่เลย” สักพักหลวงพี่ก็จับจานินนอนตะแคง แล้วน�ำปลาวันไปวางตรงเต้านม
แมววัด
109
ปลาวันค่อยๆ ดูดนมไปเรื่อยๆ แล้วหลวงพี่ต้องเกาคอให้ ทุกดูดที่ปลาวันดูด สักพัก มีเซียงน้อยเดินมา พร้อมถุงอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็แกะออกมา มันคือ ‘นมแพะ’ เขาเทนมแพะลงในถ้วย และให้ปลาวันกิน พอมีแรง หลวงพี่บอกว่า “ให้กินอิ่มก่อน แล้วค่อยไปหาสัตวแพทย์” พอปลาวันกินเสร็จ ฉันอยากกินบ้าง หลวงพี่เมตตา จึงเทนมแพะให้ฉันอีกถ้วย ฉันได้กินแล้ว อร่อยมากเลย ฉันเห็นปลาวันถูกหิ้วเดินไปตอนกลางคืน ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกของฉัน แต่ฉันก็คิดถึงนะ---
110 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๘ ธรรมชาติ วันต่อมา ปลาวันกลับมา ดูดีขึ้นหน่อย เห็นหลวงพี่โก๋คุยกับเซียงน้อยว่า “สัตวแพทย์สงสัยว่า ปลาวันน่าจะโดนท�ำร้าย ไม่อันตรายถึงตาย แต่อาจจะพิการ ยังเด็กอยู่ อาจจะฟื้นฟูได้” สักพักมีแมวตัวผู้ สีด�ำ หน้าตาดุ เดินผ่านมา หลวงพี่ตั้งชื่อให้เขาว่า ‘Killer’ พอฉันเห็น ฉันก็วิ่งหนีไป ฉันนึกว่าหลวงพี่โก๋จะโกรธ เพราะเขาท�ำร้ายหลานของฉัน ฉันโกรธ--แต่ฉันได้ยินหลวงพี่บอกเซียงน้อยว่า
แมววัด
111
“หลวงพี่ไม่โกรธ Killer หรอก เพราะถ้าโกรธ หลวงพี่ต้องโกรธทุกทุกสิ่งทุกทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับ Killer และ ปลาวัน เช่น ต้องโกรธที่พ่อแม่ Killer ไม่อบรม Killer ให้ดี และต้องโกรธจานินที่ไม่ดูแลปลาวันให้ดี จนต้องโดนท�ำร้าย แต่สิ่งที่ Killer ท�ำ เขาแค่ท�ำตามสัญชาตญานของแมวตัวผู้เท่านั้น ถ้าโกรธไปเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ได้แต่ความทุกข์ เราท�ำได้แค่ดูแลปลาวันให้ดี และควรจะพา Killer ไปท�ำหมัน---”
112 ยูโตะ ฟุคะยะ
๓๙ อบอุ่น วันต่อมา เซียงน้อยมา และพา Killer ไปท�ำหมัน แล้วกลับมาบอกว่า Killer หนีออกจากกรง ฉันตกใจมาก แต่ก็ดีใจแทนปลาวัน และลูกแมวตัวผู้ทุกตัว เพราะจะได้ไม่บาดเจ็บ ฉันเห็น ทุกเช้า ปลาวันกินข้าว พอกินเสร็จแล้ว จะต้องวิ่งไปหาแม่และกินนมต่อ ถึงจานินแม่ของปลาวันจะไม่สนใจจริงจังก็ตาม แต่ปลาวันก็ยังรักจานิน อาหารและความใส่ใจของหลวงพี่
แมววัด
113
ก็คงมีผล แต่น้อยกว่า ความรักจากแม่ จานิน ที่ท�ำให้ปลาวันมีก�ำลังใจ ในการอยากวิ่ง อยากซบ อยากแข็งแรงเร็วๆ และคิดว่าต้องด�ำรงชีวิตต่อไปให้ได้ ฉันรู้สึกอบอุ่นที่ได้เห็น จานินกับปลาวันอยู่ด้วยกัน แต่ปลาทูไม่ยอมโผล่หน้า มาหาปลาวันอีกเลย---
114 ยูโตะ ฟุคะยะ
๔๐ ความสุข ตอนบ่ายวันนั้น ฉันก�ำลังนอนอาบแดดอยู่ ก็ถูกปลุกด้วยน�้ำเสียงบ่นว่า “ความสุข ท�ำไมหายากจัง” ฉันตื่นขึ้นมา และก็บอกไปว่า “ความสุขนั้นหาไม่ยาก” จานินถามต่ออีกว่า “ท�ำไมฉันหาความสุขไม่เจอล่ะ” ฉันตอบว่า “ถ้าเธอไม่เรื่องมาก เธออาจหาความสุขเจอ” หลังจากนั้น หลวงพี่โก๋ก็เดินออกมา และพูดว่า “หลวงพี่จะไปต่างจังหวัด ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ” วันนั้นตอนเย็น จานินบ่นว่า
แมววัด
115
“เมื่อไหร่หลวงพี่จะออกมาให้อาหาร” ฉันรู้ว่าจานินคิดถึง และเสียใจ ที่หลวงพี่โก๋ทิ้งจานินไปต่างจังหวัด ฉันก็คิดถึง แต่ไม่เสียใจ เพราะแค่ได้บิดขี้เกียจกลางแดดอุ่นๆ ตอนเช้า มองเต่ามาอาบแดด และเห็นครีบปลาที่สะท้อนแสงระยิบระยับในน�้ำ ฉันก็สบายใจได้แล้ว ฉันมีแต่ความสุข แต่จานินมีแต่ความทุกข์ เมื่อจานินลองท�ำตามแล้ว ก็หน้าตาสดชื่นทุกวัน ยิ้มแย้มแจ่มใสผิดกับวันก่อนๆ ที่หน้าบูดหน้าบึ้งตลอดทั้งวัน ฉันมีความสุข--ลองเอาไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันสิ นี่คือสูตรลับ!!!
116 ยูโตะ ฟุคะยะ
๔๑ ไถ่วัว พอหลวงพี่โก๋กลับมา ฉันรู้สึกตัว เมื่อได้ยินเสียงคุยกันว่า “วัวที่จะน�ำมาเข้าพิธีไถ่ชีวิตมาถึงแล้ว” ฉันเดินตามหลวงพี่ไปถึงหน้าวัด ฉันเห็นตัวอะไร สีขาว มีเขา ขายาว มีหาง ตัวนี้สินะที่หลวงพี่เรียกว่า “วัว” สักพักก็มีหมา ‘ปุ๊กลุก’ วิ่งมาต้อนรับวัว ด้วยการเห่าเสียงดังมาก วัวตกใจ กระโดดหยอยๆ ฉันก็ด้วย หลวงพี่จึงดุปุ๊กลุก ว่า “เป็นเจ้าบ้านที่ไม่น่ารักเลย” และปุ๊กลุกก็เดินหนีไป เช้าวันต่อมา ที่หอฉัน
แมววัด
มีคนนั่งอยู่เต็มศาลา ฟังพระสวดมนต์ ให้พร แล้วญาติโยมก็เอาน�้ำที่ท�ำพิธีกรวดแล้ว ไปเทลงในถัง แล้วหลวงพี่โก๋ก็น�ำน�้ำในถังนั้น ไปประพรมให้วัว เสร็จพิธีแล้ว ฉันกลับไปนอนอาบแดด อย่างสบายใจ---
117
118 ยูโตะ ฟุคะยะ
๔๒ ลัคกี้กับแฮปปี้ หลายวันต่อมา มีชาวบ้านกลับมาเล่าให้หลวงพี่โก๋ฟังว่า “วัวสองตัวนั้น เขาตั้งชื่อว่า ‘ลัคกี้’ และ ‘แฮ็ปปี้’ พวกเขาน�ำอึของวัวมาท�ำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อให้พืชผักเจริญเติบโต เพื่อท�ำเศรษฐกิจพอเพียง” แล้วทุกครั้งที่มีการไถ่ชีวิตโคกระบือ หลวงพี่จะยกวัวให้เขาหมด เพราะเขาจะไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และมีถึงสามสิบครอบครัวที่อยู่ในสวนนั้น ถ้าไม่มีวัว ชาวนาก็จะไม่มี ‘อึ’ ให้ท�ำปุ๋ยอินทรีย์ ฉันก็ดีใจที่วัวสองตัวนั้นไม่ตาย และได้ไปอยู่ในที่อบอุ่นกว่าโรงฆ่าสัตว์
แมววัด
119
ถ้ามีโอกาส ฉันอยากไปหาลัคกี้ กับ แฮปปี้ จังเลย และชาวบ้านก็บอกอีกว่า “ลัคกี้ กับแฮปปี้ น่ารักมาก สีก็สวย” ขอบคุณนะ อย่างน้อยก็ได้ท�ำประโยชน์---
120 ยูโตะ ฟุคะยะ
๔๓ ปล่อย เช้าวันหนึ่ง ระหว่างที่ฉันนั่งรออาหารก้นบาตร จากหลวงพี่โก๋อยู่นั้นเอง ฉันก็เห็นคนถือตะกร้าที่มีแมวอยู่ข้างใน เขาวางตะกร้าแล้วเปิดออก ลูกแมวก็โผล่ออกจากตะกร้า พอเขาพาแมวออกมา แล้วก็รีบกลับขึ้นรถทันที พอฉันเห็นดังนั้น ฉันก็รู้เลยว่า เขามา ‘ปล่อยแมว’ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ปรากฏว่า เขาเป็นแมวตาบอด ๑ ข้าง และฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก ฉันจ�ำได้ว่า แม่ฉัน (บีเกิ้ล) บอกว่า
แมววัด
121
“แม่เคยเป็นแมวบ้าน แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลอะไร คนต้องมาทิ้งแม่ไว้ที่วัด แต่ก็โชคดีที่เขาปล่อยตรงกุฏิหลวงพี่โก๋ แม่ก็เลยปลอดภัย” ฉันนึกสงสารแมวตัวนั้น ฉันจึงชวนเขาไปที่มีพระเยอะๆ คือ หลังหอฉัน และเขาก็อยู่ตรงนั้น พระเห็น พระตั้งชื่อให้เขาว่า ‘จิวเบ’ ( ) เพราะเขามีตาเดียว คล้ายกับซามูไรญี่ปุ่นที่ชื่อ จิวเบ พระให้อาหารเขาทุกวัน เขากินอิ่มทุกวัน จนตัวอ้วนกว่าฉันเสียอีก โชคดีนะที่เธอได้มาอยู่ตรงที่มีพระผู้เมตตา---
122 ยูโตะ ฟุคะยะ
๔๔ นรก สวรรค์ “ฉันเห็นว่าเธออยู่วัดมานาน นรก สวรรค์ คืออะไร เธอช่วยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม” จิวเบถามฉัน ฉันจึงตอบว่า “เธอเห็นไก่พวกนั้นมั้ย พวกเขาขุ่นมัว แต่ดูไก่อีกพวกหนึ่งสิ ยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าพวกแรก พวกเขาเหมือนอยู่ในนรกกับสวรรค์ เธอเข้าใจไหม” ฉันถาม เขาตอบว่า “ไม่ค่อยเข้าใจ”
แมววัด
123
124 ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันจึงบอกว่า “เอาง่ายๆ นะ ถ้าเรามีความสุข ยิ้มได้ หัวเราะได้ ก็เหมือนก�ำลังขึ้นสวรรค์ เหมือนไก่พวกที่สอง แต่ถ้าเราเป็นทุกข์ โกรธ หน้าบูดหน้าบึ้ง ก็เหมือนก�ำลังลงนรก เหมือนไก่พวกที่หนึ่ง มันขึ้นอยู่กับใจเรา ถ้ามีความสุข ก็ขึ้นสวรรค์ ถ้าเป็นทุกข์ ก็ด�ำดิ่งลงไปในนรก” ระหว่างที่คุยกัน ฉันเห็นเด็กผู้ชาย ถือตะกร้าขนาดย่อมๆ เดินเข้ามา เขามาท�ำอะไร ฉันคิด---
แมววัด
๔๕ ดีดี เด็กน้อยถือตะกร้าไปหาหลวงพี่โก๋ ฉันจึงตามไป ฉันนึกว่าเขาจะเอาแมวมาปล่อย แต่ตรงข้าม เมื่อได้ยินหลวงพี่โก๋คุยกับเด็กน้อยว่า เขาจะมาขอแมวไปเลี้ยง เขาเตรียมอาหารมาด้วย แล้วก็ไปเลือกลูกแมว ๒ ตัว เป็นสีมอมแมมทั้งสองตัว เขาเอาใส่ตะกร้า ลูกแมวสองตัวนี้ ฉันไม่ค่อยสนิทด้วยนัก แต่ฉันเคยไปเล่นด้วย ทั้งสองโชคดีที่มีคนใจดีมารับไปเลี้ยง
125
126 ยูโตะ ฟุคะยะ
ฉันเดินตามหลวงพี่โก๋ไปส่งลูกแมว ฉันร้อง “เมี้ยว” เพื่อลาลูกแมว แม้จะไม่รู้เรื่อง แต่ลูกแมวก็ร้องตอบว่า “เมี้ยว” “โชคดีนะ แล้วพบกันใหม่---” แมววัด กลายเป็นแมวบ้าน บางทีแมวบ้านกลายเป็นแมววัด บางทีแมววัดก็กลายเป็นแมวบ้าน
226
227
ผู้เขียน
ผมชื่อ ยูโตะ ฟุคะยะ พ่อเป็นคนญี่ปุ่น แม่เป็นคนไทย ผมเกิดวันเสาร์ ที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่ประเทศไทย ปัจจุบันอายุ ๑๒ ปี ผมเป็นลูกคนโต มีน้องชายหนึ่งคน ผมเรียนชั้นอนุบาลที่ อนุบาลคาโอริ ประเทศญี่ปุ่น ย้ายมาอยู่ประเทศไทย ตอนอายุ ๖ ขวบ ขณะนี้ก�ำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนพัฒนาเด็ก จังหวัดขอนแก่น ผมชอบวาดรูป อ่านหนังสือ เล่นเปียโน ชอบต่อกันดั้ม ขี่ม้า ว่ายน�้ำ ฟุตบอล บาสเก๊ตบอล และก็ชอบท�ำอาหารด้วยครับ ผมเลี้ยงแมว ๓ ตัว หมา ๑ ตัว มีแมวจรหลายตัว และหมาจร ๒ ตัว ที่แวะมากินข้าวซึ่งผมวางไว้ให้เป็นประจ�ำ
228
โครงการ ‘วิธีสมุดบันทึก’ พ.ศ. ๒๕๕๗ ส� ำ นั ก พิ ม พ์ ผี เ สื้ อ มอบสมุ ด บั น ทึ ก แก่ เ ด็ ก ๆ อายุ ๕-๙ ขวบ จ�ำนวน ๑,๑๐๐ คน เพื่อเขียนบันทึก ด้วยความเชื่อว่า เมื่อเด็กเริ่ม เขียนบันทึกเด็กจะต้องคิด ใช้ความคิดก่อนเขียน จะอยากอ่านเมื่อ เริ่มเขียน แต่ไม่มีเรื่องให้เขียนมากพอ กล่าวสัน้ ๆ ได้วา่ เมือ่ ให้เด็กเริม่ เขียนแต่วยั เยาว์ สิง่ ทีจ่ ะเกิดใน ตัวเด็กคือ รู้จักคิด รู้จักเขียน ชอบอ่าน ชอบค้นคว้า ช่างสังเกต ในจ�ำนวนเด็กทัง้ หมดทีไ่ ด้รบั สมุดบันทึก ผูป้ กครองได้สง่ ผลงาน การบันทึก ซึง่ มีทงั้ ข้อความและรูปวาด จนพิจารณาได้วา่ เด็กเหล่านัน้ มีฝีมือด้านการเขียน การประพันธ์ กวีนิพนธ์ รวมทั้งฝีมือวาดรูป หรือจิตรกรรมระดับนานาชาติ จ�ำนวนถึง ๑๐ คน ในจ�ำนวนนี ้ ๗ คน จะมีผลงานหนังสือ และ ๓ คน ได้รับรางวัลการประกวดหนังสือดีเด่น แห่งชาติ ในปี ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ ปี ๒๕๖๒ มีหนังสือผลงานการประพันธ์ วาดรูปประกอบ และกวี นิ พ นธ์ ข องเด็ ก กลุ ่ ม นี้ จ� ำ นวนถึ ง ๖ คน ปรากฏการณ์ น ี้ นักวิชาการด้านวรรณกรรมของฝรั่งเศส กล่าวว่าเป็น ‘นวัตกรรม’ ซึ่งไม่มีชาติใดในโลกเคยท�ำได้ส�ำเร็จ และขณะนี้มีนักวิชาการด้านนี้ อย่างน้อย ๔ ประเทศ สนใจศึกษา คือ ฝรั่งเศส แคนาดา อิตาลี
229
และสเปน ในพ.ศ. ๒๕๖๒ ด้ ว ยเห็ น ว่ า ความส� ำ เร็ จ ที่ บั ง เกิ ด แก่ เด็ ก นั ก เขี ย น กวี และนั ก วาดรู ป เป็ น การค้ น พบที่ ยิ่ ง ใหญ่ เป็ น นวัตกรรมที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ท�ำอะไรอีก บรรณาธิการ ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อและคณะได้เสนอเป็นนโยบายระบบบริหารจัดการ หนั ง สื อ และส่ ง เสริ ม การอ่ า น ระดั บ ก่ อ นอุ ด มศึ ก ษาแก่ ก ระทรวง ศึกษาธิการ ด้วยเป้าหมายด�ำเนินการให้เด็กทั่วประเทศได้เรียนรู้ และสนใจอ่ า นหนั ง สื อ ด้ ว ยวิ ธีใ หม่ คื อ เขี ย นบั น ทึ ก ซึ่ ง ได้ ท ดลอง และวิจัยได้ผลดีเลิศมาแล้วนี้ ถ้าเป็นไปได้ประเทศไทยในอนาคตจะมี พลเมืองมีคุณภาพด้วยวิธีง่ายๆ หนังสือเรือ่ ง ‘แมววัด’ เป็นผลงานจากสมุดบันทึกอีกเรือ่ งหนึง่ และนับเป็นปรากฏการณ์อันส�ำคัญที่รัฐบาลควรตระหนักถึงวิธีค้นหา อัจฉริยภาพของเด็กที่ได้ผล และลงทุนน้อยที่สุดในโลก
230
231
232
233
234
235
236
หนังสือนี้พิมพ์ด้วยกระดาษปอนด์ผสมสี มีคุณสมบัติดูดซับแสง ปริมาณการสะท้อนแสงน้อย เพื่อมิให้เกิดผลร้ายต่อสายตาของผู้อ่าน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรอ่านหนังสือกลางแสงจ้า ไม่ควรอ่านหนังสือใต้แสงแดดจัด และในสถานที่ซึ่งมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ไม่อ่านหนังสือขณะลมพัดแรง เพื่อป้องกันดวงตาและถนอมสายตา หนังสือนี้เข้าเล่มด้วยระบบเย็บกี่ ทั้งปกอ่อนและปกแข็ง เพื่อให้รูปเล่มแข็งแรงมั่นคง ไม่หลุดเป็นแผ่นๆ ตลอดระยะเวลายาวนาน ไม่ต�่ำกว่า 100 ปี หากหนังสือเล่มนี้มีหน้ากระดาษหลุดจากเล่มเป็นแผ่นเดี่ยวๆ เนื่องจากมิได้เย็บกี่ (ร้อยเส้นด้าย) โปรดส่งไปยังส�ำนักพิมพ์ภารตะ นอกจากจะได้รับเล่มใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าส่งแล้ว ส�ำนักพิมพ์ภารตะยินดีมอบหนังสือเล่มอื่นๆ ให้อีก 10 เล่ม ในกรณีที่หนังสือเล่มใดไม่ได้มาตรฐานของส�ำนักพิมพ์ภารตะ อาทิ หน้ากระดาษสลับกัน เลขหน้าสับสน หน้าขาดหาย ส�ำนักพิมพ์ภารตะยินดีรับผิดชอบ เปลี่ยนใหม่ให้ ขอให้ส่งไปเปลี่ยนที่ส�ำนักพิมพ์ภารตะ ส�ำนักพิมพ์จะมอบของตอบแทนให้พร้อมกับหนังสือใหม่ด้วย เพื่อขออภัย และขอบคุณ
237
หนังสือของส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อเด็กๆ
บันทึกส่วนตัวซายูริ
เด็กหญิงชายูริ ซากาโมโตะ (เขียนเมื่ออายุ ๗ ขวบ) รางวัลชนะเลิศ หนังสือดีเด่น ประเภทบันเทิงคดี ส�ำหรับเด็กอายุ ๖-๑๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙
กราบ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ ๙
เด็กหญิงติณณา แดนเขตต์ (เขียนเมื่ออายุ ๗ ขวบ) รางวัลชนะเลิศ หนังสือดีเด่น ประเภทสารคดี ส�ำหรับเด็กอายุ ๖-๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๐
ความในใจ
เด็กหญิงในใจ เม็ทซกะ (เขียนเมื่ออายุ ๙ ขวบ) รางวัลชมเชย หนังสือดีเด่น ประเภทบันเทิงคดี ส�ำหรับเด็กอายุ ๖-๑๑ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐
นางฟ้าตกสวรรค์กับไอศครีมฉี่หิ่งห้อย และอื่นๆ ในวงกลม เด็กหญิงในใจ เม็ทซกะ (เขียนเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ) หนังสือเรียนรู้ ABC แนวใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑
โลกดวงนี้ก็เป็นของหนอนด้วย
เด็กหญิงติณณา แดนเขตต์ (เขียนเมื่ออายุ ๘ ขวบ) รางวัลชมเชย หนังสือดีเด่น ประเภทบันเทิงคดี ส�ำหรับเด็กอายุ ๖-๑๑ พ.ศ. ๒๕๖๒
ดวงตาหิ่งห้อย (กวีนิพนธ์)
เด็กหญิงศุภาพิชญ์ พรอ�ำนวยผล (เขียนเมื่ออายุ ๘ ขวบ) รางวัลเสริมสร้างก�ำลังใจ เซเว่นบุ๊คอวอร์ด พ.ศ. ๒๕๖๓
ความสุขของเด็กสมาธิสั้น
‘นักเขียนผีเสื้อเด็กๆ หมายเลข ๑๓’ (เขียนเมื่ออายุ ๑๓ ปี) รางวัลชนะเลิศ หนังสือดีเด่น ประเภทสารคดี ส�ำหรับเด็กอายุ ๑๒-๑๘ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓
238
เ ป็ น ก า ร ย า ก ที่ จ ะ บ อ ก ว่ า หนังสือของส�ำนักพิมพ์ในครอบครัวของผีเสื้อ ดี อ ย่ า ง ไ ร ดี ม า ก แ ค่ ไ ห น สมควรซื้ออ่านและซื้อเก็บไว้เพียงใด แต่ถ้าท่านมีลูก หลาน เหลน ในภายหน้า ลูก หลาน เหลน ลื่อของท่าน จะระลึกถึงท่านด้วยส�ำนึกขอบพระคุณ หากพวกเขาได้อ่านหนังสือของส�ำนักพิมพ์นี้ ที่ท่านซื้อเก็บไว้เป็นสมบัติ เป็นมรดก เรามิได้ท�ำหนังสือให้ท่านอ่านเพียงวันนี้ เดือนนี้ หรือปีนี้ แต่หวังจะให้อยู่เนิ่นนาน มิใช่ในชั่วเวลาสิบปี ยี่สิบปี หรือห้าสิบปี ทว่า อยากให้อยู่ถึงร้อยปีหรือกว่านั้น เหมือนวรรณกรรมและหนังสือดีๆ ทั้งหลาย ที่มักจะอยู่ในความทรงจ�ำของผู้อ่าน สืบทอดต่อกันรุ่นแล้วรุ่นเล่า จดจ�ำกันสืบไปมิรู้เลือน แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม หนังสือทุกเล่มของส�ำนักพิมพ์นี้ก็เช่นกัน ด้วยเราเชื่อมั่นประการหนึ่งว่า การท�ำหนังสือดีก็เสมือนสร้างโบสถ์วิหาร
239
ส�ำนักพิมพ์ในครอบครัวผีเสื้อ แหล่งรวมของส�ำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือ
ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ ส�ำนักพิมพ์ภารตะ ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อญี่ปุ่น ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อลาว ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้ออังกฤษ ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อฝรั่งเศส ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้ออิตาลี ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อสเปน ส�ำนักพิมพ์หนังสือดีของผีเสื้อ ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อเด็กๆ
ส�ำนักพิมพ์เหล่านี้เป็นเครื่องหมายการพิมพ์ ของบริษัท ส�ำนักพิมพ์ผีเสื้อ จ�ำกัด จัดพิมพ์หนังสืออย่างประณีต ทั้งรูปแบบและเนื้อหา งานบรรณาธิการ และวิธีการผลิตทุกขั้นตอน คุณภาพทัดเทียมหนังสือที่พิมพ์จากต่างประเทศ หรืออาจจะดีกว่าในบางกรณี แต่จ�ำหน่ายในราคาถูกที่สุดส�ำหรับคุณภาพระดับนี้ หนังสือแต่ละเล่มจะมีอายุทนนานหลายสิบปี หรืออาจจะอยู่ได้ถึงร้อยปีโดยไม่หลุดเป็นแผ่นๆ ถ้าเก็บรักษาในสภาพอากาศดี เรามิได้ปรารถนาความร�่ำรวยจากการท�ำหนังสือขาย นอกจากหวังฝากผลงานไว้ให้นักอ่านที่รักหนังสือ และมี ‘รสนิยม’ ในหนังสือท�ำนองเดียวกัน เราจึงผลิตหนังสือทุกเล่มอย่างทุ่มเท ด้วยชีวิต จิตใจ และวิญญาณ เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับส�ำนักพิมพ์ สนทนาวิสาสะ อ่านบทความ หรือส่งข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/butterflybook www.facebook.com/bharatbookthai www.bflybook.com
240
ด�ำเนินงานเพื่อสนับสนุนวิชาหนังสือ ระบบหนังสือ และศึกษา ค้นคว้า วิจัย วิชาการด้านหนังสือ ทั้งรูปแบบและเนื้อหา รวมทั้งเพื่อสนับสนุน การอ่าน ระบบหนังสือสาธารณะ และระบบหนังสือหมุนเวียน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม มูลนิธิวิชาหนังสือ 177/8 ซอยพร้อมพงษ์ ถนนสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 02 261 6330-1 โทรสาร 02 261 3863 www.facebook.com/thaibooks.studies bookstudy.found@yahoo.com