บทความ : “ตัวอักษร” ที่ปรากฏในสิมอีสาน : ขนบการใช้งานผ่านฮูปแต้ม

Page 1

“ตัวอักษร” ทีป่ รากฏในสิ มอีสาน : ขนบการใช้งานผ่านฮูปแต้ม เฉลิมพล แสงแก้ว สิ ม เป็ นภาษาที่คนโบราณอีสานเรี ยกพระอุโบสถ ในภาษาไทยภาคกลาง ซึ่ งคาว่า สิ ม มาจากคาว่า “สี มา” หรื อ “เสมา” หมายถึง หลักเขตการทาสังฆกรรมหรื อสถานที่ใช้ประชุมทาสังฆกรรมของพระสงฆ์ เช่น สวดพระ ปาติโมกข์ อุปสมบท เป็ นต้น สี มาที่ปักเขตพระอุโบสถสาหรับทาพิธีสงฆ์เรี ยกว่า พัทธสี มา ส่ วนสี มาที่สงฆ์ไม่ได้ปักเขตและมิได้กระทา พิธีกรรม เรี ยกว่า อพัทธสี มา พระอุโบสถมีใบเสมาเป็ นสิ่ งแสดงที่หมายนิมิตล้อมรอบตัวอาคาร 8 จุด เพื่อกาหนดเขต วิสุงคามสี มา เขตสังฆกรรมภายในองค์พทั ธ์สีมาถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เป็ นสถานสมมุติแห่งความดีงามโดยเฉพาะสิ มอีสาน แต่อดีตจะถือกันเคร่ งครัดมากว่า สตรี จะล่วงล้ าเข้าไปในเขตนั้นมิได้ เป็ น “ขะลา” เป็ นสิ่ งมิบงั ควร แม้ในเวลาบวชภิกษุ สามเณรที่กระทากันในสิ ม ตอนจะถวายบาตร จีวร จะต้องกระทากันตรงบริ เวณมุขที่ยนื่ ออกมาอันเป็ นบริ เวณภายนอก ที่ปักใบเสมา (ไพโรจน์ สโมสร, 2532) วิโรฒ ศรี สุโร (2536) ได้แบ่ง สิ มอีสาน เป็ น 2 ลักษณะใหญ่ๆ ตามการใช้สอย คือ สิ มน้ า (อุทกกเขปสี มา) และสิ มบก ซึ่ งสิ มบก สามารถแบ่งออกได้อีก 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ 1. ชนิดสิ มโปร่ งหรื อสิ มโถง ซึ่ งแยกออกได้อีก 2 ประเภทดังนี้ 1.1 สิ มโปร่ งพื้นบ้านบริ สุทธิ์ แบ่งเป็ น 2 แบบ คือ 1.1.1 แบบไม่มีเสารับปี กนก 1.1.2 แบบมีเสารับปี กนก 1.2 สิ มโปร่ งพื้นบ้านประยุกต์โดยช่างพื้นบ้าน (รุ่ นหลัง) 2. ชนิดสิ มทึบ แยกออกได้เป็ น 4 ประเภท ดังนี้ 2.1 สิ มทึบพื้นบ้านบริ สุทธิ์ แบ่งเป็ น 2 ลักษณะ คือ 2.1.1 สร้างด้วยไม้ 2.1.2 สร้างด้วยอิฐถือปูน แบ่งเป็ น 2 แบบคือ แบบไม่มีเสารับปี กนก และแบบมีเสารับปี กนก 2.2 สิ มทึบพื้นบ้านประยุกต์โดยช่างพื้นบ้าน(รุ่ นหลัง) ซึ่ งแบ่งตามช่างที่ทา ได้ 2 แบบ คือ 2.2.1 ใช้ช่างพื้นบ้านไท-อีสาน 2.2.2 ใช้ช่างญวน หรื อรับอิทธิ พลช่างญวน แบ่งเป็ น 4 แบบ คือ แบบไม่มีมุขหน้า แบบมีมุขหน้า แบบมีมุขหน้าและมุขหลัง และแบบมีระเบียงรอบ 2.3 สิ มทึบพื้นบ้านผสมเมืองหลวง(กรุ งเทพฯ) 2.4 สิ มทึบที่ลอกเลียนเมืองหลวง(กรุ งเทพฯ) จากการแบ่งประเภทของสิ ม ออกเป็ นประเภทต่างๆของอาจารย์วโิ รฒ ศรี สุโร นั้น จะเห็นได้วา่ เป็ นการแบ่ง ตามโครงสร้างตัวสิ ม แบ่งตามวัสดุที่ใช้สร้าง แบ่งตามช่างที่ทา และแบ่งตามศิลปะที่ปรากฏในตัวสิ ม ซึ่งในตัวสิ มแบบ


ที่เป็ นสิ มทึบมีการก่อผนังนี้เอง ได้ปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่ งในพื้นถิ่นภาคอีสาน เรี ยกว่า “ฮูปแต้ม” ซึ่งอาจารย์ ไพโรจน์ สโมสร ได้กล่าวถึงความเชื่อมโยงของสิ มและฮูปแต้มไว้วา่ สิ มก่อผนังเป็ นสิ มที่ปรากฏฮูปแต้ม เพราะเป็ น สิ มแบบเดียวที่มีเนื้ อที่ของผนังเหมาะสมสาหรับการเขียนภาพมากที่สุด ช่างแต้มอีสานนิยมเขียนภาพบนผนังทั้งภายใน และภายนอกทั้งสี่ ดา้ น โดยเฉพาะผนังด้านนอกถือเป็ นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นอีสาน ภาพจิตรกรรมฝาผนังหรื อฮูปแต้ม เป็ นงานศิลปกรรมที่มีคุณค่า บอกความเป็ นมาของชาติและชุมชน ผ่านการ เขียนเป็ นรู ป จารึ กเป็ นตัวอักษร ดังที่พบในถ้ าหรื อหน้าผา เมื่อพระพุทธศาสนาเจริ ญรุ่ งเรื อง การแต้มฮูปจึงปรากฏบน ผนังโบสถ์( สิ ม) ศาลาการเปรี ยญ(หอแจก) ทุง(ธง) เป็ นต้น ทั้งที่เขียนบนฝนังภายในและภายนอกสิ ม ซึ่งเรื่ องราวที่พบ มีสามส่ วนใหญ่ๆ คือ ส่ วนที่หนึ่งเขียนเรื่ องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา เรื่ องที่นิยมมากที่สุดคือเวสสันดรชาดก ส่ วนทีส่ อง คือ นิทานและวรรณกรรมท้องถิ่น เช่น พระลัก-พระลาม ปาจิตต์-อรพิน กาละเกด สิ นไซ ส่ วนใหญ่เป็ น เรื่ องราวในบางตอนของนิทาน โดยจารึ กเป็ นอักษรธรรมอีสานและอักษรไทยน้อย อธิ บายกากับอยูเ่ ป็ นบางตอน ด้านในของสิ มเป็ นที่ประดิษฐานพระพุทธรู ป ก็เขียนฮูปแต้มไว้บนผนังเช่นเดียวกัน ส่ วนใหญ่เขียนเรื่ องราวพุทธ ประวัติ รู ปพระพุทธเจ้า พระสาวก ส่ วนทีส่ ามเป็ นภาพนิทาน และลวดลายภาพแบบต่างๆ ผนังภายนอกด้านหลังส่ วน หนึ่ง เขียนเรื่ องราวของนรกขุม แทรกกับการละเล่นพื้นบ้าน นอกจากนี้ยงั เขียนเรื่ องราวเกี่ยวกับวิถีชีวติ งานบุญ ประเพณี ต่างๆ ของชาวบ้านที่สะท้อนวิถีชีวติ อขงคนอีสาน เช่น ประเพณี หดสงฆ์(พิธีเถราภิเษก) บุญผะเหวด (เวสสันดร) การรักษาโรค การค้าขาย การทานา การทามาหากิน ทอดแหหาปลา ปริ ศนาธรรม เป็ นต้น ถือเป็ น เอกลักษณ์ของช่างแต้มฮูปชาวอีสาน ที่ช่างวาดมักจะสอดแทรกเรื่ องราววิถีชีวิตดังกล่าวไว้ นอกจากจะได้ทราบ เรื่ องราวทางพระพุทธศาสนาแล้ว ผูม้ าเยีย่ มชมยังได้ทราบวิถีการดารงชีวิตของคนอีสานในอดีตอีกด้วย จะเห็นว่า ฮูปแต้มเป็ นผลงานของชาวบ้านที่เขียนขึ้น เมื่อร้อยกว่าปี ที่ผา่ นมา มีจุดเด่น คือ สี ที่ใช้เป็ นสี ฟ้าคราม เขียว ขาว ซึ่ งเกิด จากฝี มือของชาวบ้านที่เคยบวชเรี ยน มีความรู ้ มีคุณค่ากลัน่ ออกมาจากความจริ งใจ ควรค่าแก่การอนุ รักษ์ให้เป็ นแหล่ง มรดกทางวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นอีสาน (สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 2551) จากข้อมูลการศึกษาของสานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามดังกล่าวข้างต้นประกอบ กับการลงพื้นที่ศึกษาดูงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมอีสานของผูเ้ ขียน สังเกตเห็นมีตวั อักษรปรากฏอยู่ เป็ นลักษณะการ เขียนตัวอักษรกากับฮูปแต้มหรื อเขียนอักษรอธิบายฮูปแต้ม ทาให้ผเู ้ ขียนมีความสนใจตัวอักษรที่ปรากฏในฮูปแต้มบนผนัง สิ มอีสาน ว่ามีอกั ษรอะไรบ้างและมีขนบการใช้อย่างไร ซึ่งพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้อธิบาย ว่า อักษร เป็ นคานาม หมายถึง ตัวหนังสื อหรื อวิชาหนังสื อ ซึ่งอาจารย์ไฟโรจน์ สโมสรได้เขียนไว้ในหนังสื อจิตรกรรม ฝาผนังอีสานว่า สิ่ งที่แสดงเอกลักษณ์ของฮูปแต้มอีสานอีก อย่างหนึ่งก็คือ ตัวอักษรบรรยายภาพซึ่ งมีท้ งั ตัวอักษรธรรม อักษรไทยและอักษรไทยปั จจุบนั อักษรเหล่านี้เป็ นตัวเสริ มให้ ภาพที่ 1 ฮูปแต้มพระมาลัยโปรดสัตว์ในนรกภูมิ วัดสระบัวแก้ว ที่ปรากฏตัวอักษรทั้งตัวธรรม ตัวไทยน้อย และตัวไทยปัจจุบนั


ผูช้ มภาพเกิดความเข้าใจในภาพ บางคาแสดงฉากของเรื่ องนามาวาด บางคาบอกเฉพาะชื่อตัวละคร ในเรื่ อง ตัว อักษรไทยปัจจุบนั เป็ นตัวอักษรที่เติมเข้าไปใหม่เนื่ องจากชาวบ้านในปั จจุบนั น้อยคนที่จะอ่านตัวอักษรแบบเดิมได้ อักษรตัวธรรม คือตัวอักษรที่มีลกั ษณะกลมคล้ายอักษรมอญ ซึ่ งยอร์ ช เซเตส์ เรี ยกว่า หนังสื อธรรม เป็ นอักษร ที่ใช้ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และยูนาน เพื่อบันทึกเรื่ องราวทางคติธรรม เพ็ญพักตร์ ลิ้มสัมพันธ์ (2526) ได้ให้ความหมายของ อักษรธรรมอีสาน หมายถึง อักษรที่กลุ่มชนทางภาค ตะวันออกเฉี ยงเหนือ บริ เวณใกล้เคียงกับลุ่มแม่น้ าโขง รวมทั้งดินแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ใช้จด บันทึกข้อความเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังหลักฐานซึ่ ง นายจารุ บุตร เรื องสุ วรรณ กล่าวไว้วา่ “เป็ นประเพณี ของชาว ภาคอีสานมาแต่โบราณกาลว่า โดยเฉพาะผูช้ ายที่อยูใ่ นหมู่บา้ นในเมือง จะอ่านหนังสื อได้แทบทุกคน เว้นแต่คนป่ าคน ดอย ทั้งนี้ เพราะทุกหมู่บา้ นในภาคอีสานจะมีวดั เด็กอายุสิบกว่าขวบ พ่อแม่จะให้บวชเป็ น “จัว” (สามเณร) เพื่อรับ การศึกษาขั้นต้น จะต้องเรี ยนธรรมะ เรี ยนอ่านและจารหนังสื อ ตัวอักษรหรื อตัวหนังสื อในภาคอีสานมี 2 อย่าง อย่าง หนึ่งเรี ยกว่าตัวธรรม คาสอนทางศาสนาต้องจารด้วยตัวธรรม” ในปั จจุบนั ยังมีปรากฏอยูท่ วั่ ไปในหนังสื อใบลาน หรื อ หนังสื อผูก ที่เกี่ยวเนื่องด้วยพระพุทธศาสนา เช่น หนังสื อลาผะเหวด (เวสสันดร) ที่พระสงฆ์ใช้เทศในงานบุญผะเหวด และหนังสื อชาดกต่างๆ (พระครู สุเทพสารคุณ และคณะ, 2544) ส่ วนอักษรไทยน้อย หมายถึง อักษรที่ใช้อยูใ่ นภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และอาณาจักรล้านช้างในสมัยก่อน มีรูปแบบคล้ายอักษรไทยแต่ต่างออกไปอยู่ บ้าง อักษรลาวในปั จจุบนั ก็ได้ววิ ฒั นาการจากอักษรไทยน้อยนี้เอง อักษรไทยน้อยนี้ชาวอีสานใช้บนั ทึกเรื่ อราวทัว่ ๆไป อันได้แก่ วรรณกรรม การจดบันทึก วิชาการที่ไม่ศกั ดิ์สิทธิ์ สรุ ปว่าอักษรไทยน้อยใช้บนั ทึกเรื่ องราวเกี่ยวกับคดีโลก ในปั จจุบนั มีปรากฏอยูท่ วั่ ไปในหนังสื อใบลาน หรื อหนังสื อผูก ที่เป็ นวรรณกรรมพื้นบ้านประเภทนิทานต่างๆรวมทั้ง วรรณกรรมที่เกี่ยวกับยาสมุนไพร ตาราหมอดู ซึ่ งมีท้ งั ชนิ ด “ลานยาว” (ใบลานที่จารึ กตัวอักษรมีขนาดยาวประมาณ 19 นิ้ว) เรี ยกว่า “หนังสื อผูก” และชนิดลานสั้น (ใบลานที่มีจารึ กมีขนาดยาวครึ่ งหนึ่งของลานยาวคือประมาณ 9 นิ้ว) เรี ยกว่า “หนังสื อก้อม” (พระครู สุเทพสารคุณ และคณะ, 2544) ซึ่ งประเด็นนี้สอดคล้องกับสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน ที่อธิ บายว่า อักษรไทยน้อยและอักษรธรรม เป็ นอักษรที่ใช้ในสังคมลุ่มน้ าโขงมาแต่สมัยโบราณ คือทั้ง อาณาจักรล้านช้างและภาคอีสานของไทย อักษรไทยน้อยนี้ใช้เป็ นอักษรทางราชการของอาณาจักรล้านช้างและใช้ บันทึกเรื่ องราวที่เป็ นคดีโลก ส่ วนอักษรตัวธรรมนั้นชาวลุ่มน้ าโขงจะใช้บนั ทึกพระธรรมคัมภีร์ ตาราวิชาการชาดก และคาถาอาคมต่างๆ ซึ่ งถือกันว่าเป็ นอักษรศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาชาวอีสานได้รับอิทธิ พลอักษรไทย สมัยมีการตั้งโรงเรี ยนสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงสมัยประกาศใช้ พระราชบัญญัติประถมศึกษา ปี พ.ศ. 2464 ชาวอีสานจึงเรี ยนอักษรไทยในโรงเรี ยน และเลิกเรี ยนอักษรไทยน้อยที่วดั ตามระบบการศึกษาแบบจารี ตของท้องถิ่น ฉะนั้นอักษรธรรมอีสานและอักษรไทยน้อยจึงลดความสาคัญลง อิทธิ พล วัฒนธรรมจากเมืองหลวงจึงแพร่ หลายเข้ามาในดินแดนอีสาน จนปั จจุบนั ชาวอีสานที่อ่านและเขียนอักษรธรรมอีสาน และอักษรไทยน้อยได้จึงมีอยูจ่ านวนน้อย ยกเว้นผูท้ ี่ศึกษามาจากวัด หรื อผูท้ ี่ชานาญทางพิธีกรรมต่างๆ เช่น หมอแผน โบราณ และพระสงฆ์บางรู ปเท่านั้น(เพ็ญพักตร์ ลิ้มสัมพันธ์, 2526)


ในการลงพื้นที่ศึกษาดูงานด้านศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน ระหว่างวันที่ 23 – 26 ตุลาคม 2557 ของผูเ้ ขียน จากการสังเกต สอบถามและบันทึกภาพ ฮูปแต้มในสิ มอีสาน พบว่าในฮูปแต้มของสิ มมีตวั อักษรธรรมอีสาน ตัวอักษรไทยน้อย และตัวอักษรไทยปัจจุบนั ปรากฏอยูใ่ นลักษณะเขียนกากับภาพและอธิ บายภาพ ซึ่ งในฮูปแต้ม มีการใช้อกั ษรธรรมอีสานมากที่สุด ซึ่งสามารถสรุ ปเป็ นตารางได้ดงั นี้คือ ลาดับที่

สิ มและสถานทีต่ ้งั

พ.ศ.ทีส่ ร้ างสิ ม

ตัวอักษรทีพ่ บในฮูปแต้ ม

1

สิ มวัดป่ าเลไลย์ บ้านหนองพอก จ.มหาสารคาม

2400

อักษรธรรม

2

สิ มวัดประตูชยั บ้านประตูชยั จ.ร้อยเอ็ด

2441

อักษรธรรม อักษรไทยน้อย อักษรไทยปัจจุบนั

3

สิ มวัดโพธาราม บ้านดงบัง จ.มหาสารคาม

2451

อักษรธรรม

4

สิ มวัดสระบัวแก้ว บ้านสระวังคูณ จ.ขอนแก่น

2466

อักษรธรรม อักษรไทยน้อย อักษรไทยปัจจุบนั

5

สิ มวัดสนวนวารี พฒั นาราม บ้านหัวหนอง จ.ขอนแก่น

2466

อักษรธรรม อักษรไทยปัจจุบนั

6

สิ มวัดมัชฌิมวิทยาราม บ้านลาน จ.ขอนแก่น

2470

อักษรธรรม อักษรไทยปัจจุบนั

ที่มาข้อมูลพ.ศ.ที่สร้างสิ ม : บุรินทร์ เปล่งดีสกุล. (2555).พัฒนาการของจิตรกรรมฝาผนังอีสาน กรณี ศึกษา จังหวัดขอนแก่น จังหวัด มหาสารคามและจังหวัดร้อยเอ็ด. ขนบการใช้ตวั อักษรในการเขียนกากับหรื ออธิ บายฮูปแต้ม ส่ วนใหญ่เป็ นไปตามแบบ คือ ฮูปแต้มที่เป็ น เรื่ องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาหรื อคดีธรรม เช่น พระเวสสันดรชาดก พระมาลัยโปรดสัตว์ นรกภูมิ จะใช้ตวั อักษร ธรรมอีสานในการเขียนกากับภาพหรื ออธิ บายภาพให้ทราบว่าเป็ นตอนใด ส่ วนฮูปแต้มที่เป็ นเรื่ องราวทางคดีโลก เช่น นิทาน วรรณกรรม ประเพณี วิถีชีวติ จะใช้ตวั อักษรไทน้อยและตัวอักษรไทยปั จจุบนั เขียนกากับภาพหรื ออธิบาย ภาพจากขนบในการใช้ตวั อักษรแต่ละประเภทที่กล่าวมานี้ ก็ยงั มีการใช้ตวั อักษรที่ต่างขนบอยูด่ งั จะเห็นได้จากฮูปแต้ม ด้านหน้าประตูทางเข้าของสิ มวัดสระบัวแก้ว บ้านวังคูณ ที่เป็ นเรื่ องราวเกี่ยวกับประเพณี และวิถีชีวติ แต่ใช้ตวั อักษร ธรรมในการเขียนกากับและการเขียนอธิ บายฮูปแต้ม ในฮูปแต้มสิ มวัดสนวนวารี พฒั นาราม การใช้ตวั อักษรในการ เขียนในประโยคเดียวกันก็มีการใช้อกั ษรผสมกันทั้งอักษรธรรมและอักษรไทยปัจจุบนั ในสิ มวัดประตูชยั จังหวัด ร้อยเอ็ด ก็มีการใช้ตวั อักษรทั้งตัวอักษรธรรม ตัวอักษรไทยน้อย ตัวอักษรไทยปั จจุบนั ผสมกันในข้อความตอนเดียวกัน ซึ่ งบอกเล่าถึงชื่อผูส้ ร้างสิ มและปี ที่สร้างบริ เวณฮูปแต้มเหนือประตูทางเข้า และเมื่อนามาพิจารณาประกอบกับ ปี พ.ศ.ที่สร้างสิ มของวัดต่างๆแล้ว จะเห็นว่าสร้างในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน คือ ระหว่าง พ.ศ. 2400 ถึง พ.ศ. 2470


ซึ่งประเทศไทยประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา ปี พ.ศ. 2464 มีการเรี ยนอักษรไทยในโรงเรี ยน การใช้อกั ษร ธรรมและอักษรไทยน้อยจึงลดความนิยมลง มีการใช้อกั ษรไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่ งอาจเป็ นที่มาของตัวอักษรไทยที่ปรากฎ ในฮูปแต้มสิ มอีสาน เมื่อมีการบูรณะสิ มเดิมหรื อสร้างสิ มใหม่ข้ ึน หลังปี พ.ศ. 2464

ภาพที่ 2 ฮูปแต้ม สิ มวัดสระบัวแก้ว

ภาพที่ 3 ฮูปแต้มสิ มวัดสนวนวารี พฒั นาราม

ภาพที่ 3 ฮูปแต้ม สิ มวัดประตูชยั

ดังนั้น จากขนบการใช้ตวั อักษรในฮูปแต้มสิ มอีสาน ที่ใช้ตวั อักษรธรรมในการเขียนกากับหรื ออธิ บายฮูปแต้ม ที่เป็ นเรื่ องราวทางพระพุทธศาสนา(เรื่ องราวทางธรรม) ใช้ตวั อักษรไทยน้อยในการเขีย นกากับหรื ออธิ บายฮูปแต้ม ที่เป็ นเรื่ องราวทางวรรณกรรม วิถีชีวิต (เรื่ องราวทางโลก) และมีการใช้อกั ษรไทยปั จจุบนั รวมอยูด่ ว้ ย หรื อแม้กระทัง่ มีการใช้ปะปน ผสมกันทั้งตัวอักษรธรรม ตัวอักษรไทยน้อย และตัวอักษรไทยปั จจุบนั ในเรื่ องราวทั้งทางโลกและ ทางธรรม(พระพุทธศาสนา) โดยไม่ยดึ ขนบ ซึ่ งอาจเกิดจากความตั้งใจ หรื อความสามารถในการเขียนตัวอักษร ที่มีภูมิรู้ ความชานาญแตกต่างกันของช่างผูเ้ ขียน หรื อมีการเพิ่มเติมในภายหลังเมื่อมีการบูรณปฏิสังขรณ์ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ แน่ชดั ซึ่ งต้องอาศัยหลักฐานและผูร้ ู ้มาคลี่คลายข้อสงสัยนี้ต่อไป

เอกสารอ้างอิง จารุ บุตร เรื องสุ วรรณ. ของดีอสี าน. กรุ งเทพมหานคร: โรงพิมพ์การศาสนา; 2520. บุรินทร์ เปล่งดีสกุล. พัฒนาการของจิตรกรรมฝาผนังอีสาน กรณีศึกษาจังหวัดขอนแก่ น จังหวัด มหาสารคาม และจังหวัดร้ อยเอ็ด. สถาบันวิจยั และพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2555. พระครู สุเทพสารคุณและคณะ. มรดกไทอีสานฉบับสมบูรณ์ . ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา; 2544. ไพโรจน์ สโมสร. จิตรกรรมฝาผนังอีสาน. กรุ งเทพฯ: อัมริ นทร์ ปริ้ นติง้ กรุ๊ ป จากัด; 2532. เพ็ญพักตร์ ลิ้มสัมพันธ์. อักษรธรรมอีสาน. นครปฐม: แผนกบริ การกลาง สานักงานอธิ การบดี พระราชวังสนามจันทร์มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2526. วิโรฒ ศรี สุโร. สิ มอีสาน. กรุ งเทพมหานคร: บริ ษทั เมฆาเพลส จากัด; 2536. สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. โครงการอนุรักษ์ ภาพจิตกรรมฝาผนัง(ฮูปแต้ ม) ในจังหวัดมหาสารคาม. มหาสารคาม: โรงพิมพ์สารคามการพิมพ์-สารคามเปเปอร์ ; 2551. __________ . สาราณุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน. กรุ งเทพฯ : มูลนิธิสารานุกรมไทย ธนาคารไทยพาณิ ชย์; 2542.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.