กิจกรรมเสวนา
“ ผู ้ผลิตกับผู ้ใช้งานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ” โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ เป็ นเครื อข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้ างสรรค์ขององค์การ UNESCO สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน
วันอาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม 2558 เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ ห้ องป่ าสักน้ อย โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ ว
องค์การบริ หารส่วนจัง หวัด เชี ยงใหม่ มี อ� ำ นาจหน้ า ที่ ในการพัฒ นาจังหวัดเชี ย งใหม่ใ นหลาย ด้ าน ทังเศรษฐกิ ้ จ สังคม การศึกษา การสาธารณสุข การส่งเสริ มอาชีพ สาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ และจารี ตประเพณี และภูมิปัญญาท้ องถิ่นที่เป็ นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ให้ ด�ำรงอยูแ่ ละสืบทอดสู่ ค นรุ่ น ต่ อ ไป เพื่ อ ให้ เกิ ดประโยชน์ สูง สุด ต่อประชาชนในท้ องถิ่ น องค์ การบริ หารส่ว นจัง หวัดเชี ย งใหม่ ได้ ว าง แนวทางปฏิบตั ิในส่วนที่เกี่ยวข้ องกับทุนทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ใน 3 ข้ อ คือ •ส่งเสริ มสนับสนุนให้ ท้องถิ่นด�ำเนินกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่างๆ ท�ำงานอย่างบูรณาการ เพื่อให้ เกิดความตระหนัก ในการด�ำเนินกิจกรรมในด้ านการศาสนา การฟื น้ ฟูจารี ตประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และ ภูมิปัญญาท้ องถิ่นที่เป็ นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่และชนเผ่าที่หลากหลาย •ส่งเสริ มสถาบันทางการศึกษาและสถาบันทางสังคมต่างๆ ให้ มบี ทบาทส�ำคัญในการอนุรักษ์ ท�ำนุ บ�ำรุง รักษา สืบทอด พัฒนา มรดกทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารี ตประเพณีอนั ดีงาม ตลอดจนสถาปั ตยกรรม โบราณและแหล่งประวัตศิ าสตร์ ของจังหวัดเชียงใหม่ •สนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้ านศิลปะ วัฒนธรรมสูท่ ้ องถิ่น และศาสนสถาน โดยร่วมกับ องค์กรต่างๆ ทังภาครั ้ ฐ เอกชน และองค์กรที่ท�ำงานเพื่อสังคมในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมพัฒนาเมือง เชียงใหม่สเู่ มืองแห่งการสร้ างสรรค์ทางศิลปะและวัฒนธรรม (Creative City of Arts and Culture) ซึง่ แนวทางปฏิบตั ขิ ององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สอดคล้ องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ทีใ่ ห้ ความส�ำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยการส่งเสริมการพัฒนาเมืองสร้ างสรรค์ (Creative City) ในระดับภูมภิ าคและท้ องถิน่ เพือ่ ให้ ประเทศไทย เป็ นศูนย์กลางเครือข่ายการผลิต การค้ า และการ บริการของธุรกิจสร้ างสรรค์ของภูมภิ าคอาเซียน (Creative Hub of ASEAN) ที่ผา่ นมาจังหวัดเชียงใหม่ได้ มีการจัดการศึกษารวบรวมและจัดท�ำข้ อมูลเบื ้องต้ นของเมืองเชียงใหม่ เพื่อเตรี ยมการเป็ นเครื อข่ายสมาชิกเมืองสร้ างสรรค์ขององค์การ UNESCO ซึง่ กระบวนการด�ำเนินงานจ�ำเป็ น ต้ องมีการศึกษาทังเชิ ้ งกว้ างและเชิงลึก รวมถึงต้ องมีการปฏิบตั ิการอย่างเป็ นรูปธรรม ทังส่ ้ วนนโยบายและการ ปฏิบตั กิ าร ในการนี ้องค์การบริ หารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้ จดั ท�ำโครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ภายใต้ ชื่อ “โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็ นเครื อข่ายเมืองสร้ างสรรค์ขององค์การ UNESCO (สาขาหัตถกรรม และศิลปะพื ้นบ้ าน)” โดยมุง่ หวังให้ เกิดการท�ำงานร่วมกันอย่างบูรณาการกับองค์กรภาครัฐ เอกชน ชุมชน ภาค การศึกษาและอาชีพของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันผลักดันให้ จงั หวัดเชียงใหม่สามารถเป็ นเครื อข่ายเมือง สร้ างสรรค์ขององค์การ UNESCO (สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน) อันจะสามารถสร้ างชื่อเสียงให้ กบั ประเทศไทยในระดับสากล จากทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ตอ่ ไป
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์ การบริหารส่ วนจังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรมเสวนา
“ ผู ้ผลิตกับผู ้ใช้งานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน ” วันอาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม 2558 เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ ห้ องป่ าสักน้ อย โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ ว
สารบัญ
ทุนทางวัฒนธรรมสูค่ ณ ุ ค่าในงานหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน
5
Souvenir Tourism การท่องเที่ยวเพื่องานศิลปะและหัตถกรรมท้ องถิ่น
6
พวกแต้ มคัวตอง
11
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ ที่ 1 ย้ อมคราม
15
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ ที่ 2 ก่อร่างสร้ างลายเซรามิค
17
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ ที่ 3 ย้ อมสีสร้ างลาย กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครัง้ ที่ 4 แอ่วชุมชนหัตถกรรม
19
เชียงใหม่ เมืองหัตศิลป์ สร้ างสรรค์
23
21
4
ทุนทางวัฒนธรรม สู่คุณค่ าในงานหัตถกรรมและศิลปะพืน้ บ้ าน
ทุนทางวัฒนธรรม คือ มรดก
ภูมิปัญญาทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ที่มี ความหมายหลากหลายประเภท ซึง่ ล้ วนแล้ ว ยังประโยชน์ให้ กบั ประเทศชาติทงสิ ั ้ ้น หาก เปรี ยบเทียบว่าภูมิปัญญาเป็ นเสมือนต้ นทุน ในการผลิต ทุนทางวัฒนธรรม อาจจะหมาย ได้ วา่ คือ ต้ นทุนที่สะสมจากบรรพชน มาจาก กระบวนการคิด กระบวนการประดิษฐ์ กระบวนการสร้ างงาน เพื่อน�ำมาใช้ ในการ พัฒนาผลงานให้ คงอยู่อย่างต่อเนื่องและยัง คงรั กษาอัตลักษณ์ ทางวัฒนธรรมของชาติ สืบต่อมา ก า ร น� ำ ทุ น ท า ง วั ฒ น ธ ร ร ม ม า ประยุกต์ ใช้ ในงานหัตถกรรมและศิลปะพืน้ บ้ าน สามารถส้ รางจุดเด่น น�ำทักษะทางงาน ฝี มือ มาผสานองค์ความรู้จากรากเหง้ าทาง วัฒนธรรม รวมถึงความเข้ าใจในการใช้ วสั ดุ จากท้ องถิ่น ย่อมที่จะสร้ างคุณค่าให้ กบั ผล งานนัน้ ๆ ควบคูไ่ ปด้ วย คุณค่าที่เกิดขึ ้น แสดงออกมาให้ เห็นถึงรู ปแบบของการผลิต เทคนิควิธีการสร้ างสรรค์ การถ่ายทอดจาก รุ่นสูร่ ุ่น ซึง่ คุณค่าเหล่านี ้ต้ องใช้ เวลาในการ บ่มเพาะอย่างยาวนาน กว่าดอกและผลทาง
ศิลปวัฒนธรรมจะเจริ ญงอกงามสู่สายตาให้ เราประจักษ์ ร้ ู ถึงความเพียรพยายามให้ การ อนุรักษ์ รักษา รวมถึงพัฒนางานหัตถกรรม และศิลปะพื ้นบ้ านของไทยตราบจนทุกวันนี ้ งานหัตถกรรมและศิลปะพื น้ บ้ าน ของเชียงใหม่ มีความโดดเด่นหลากหลาย ซึง่ แต่ละประเภทนัน้ ได้ มีการผสมผสานความรู้ ในการผลิต ความคิดสร้ างสรรค์และการ ประยุกต์วสั ดุท้องถิ่น อันเป็ นจุดก�ำเนิดของ ทุ น ทางวั ฒ นธรรมที่ ส่ ง ต่ อ คุ ณ ค่ า ในงาน หั ต ถ ก ร ร ม แ ล ะ ศิ ล ป ะ พื น้ บ้ า น ร ว ม ถึ ง ธรรมชาติและภูมิทัศน์ วัฒนธรรมของเมื อง เชียงใหม่ เพื่อให้ เราก้ าวไปสูเ่ มืองวัฒนธรรม สร้ างสรรค์ขององค์การยูเนสโก
รศ.ดร.วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ ประธานที่ปรึกษา
โครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่ เป็ นเครื อข่าย เมืองวัฒนธรรมสร้ างสรรค์ขององค์การ UNESCO สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน
Souvenir Tourism
การท่ องเที่ยวเพื่องานศิลปะและหัตถกรรมท้ องถิ่น
อาจารย์ ยุทธศักดิ์ ฉัตรแก้ วนภานนท์ ภาควิชาการท่องเที่ยว คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
จากประสบการณ์ ที่ ไ ด้ ไปร่ วม กิจกรรมศึกษาดูงาน “แอ่วชุมชนหัตถกรรม” (Tourism Crafts & Cultural Branding Workshop; Chiang Mai – City of Crafts and Folk Art Initiative) ซึง่ จัดโดยคณะวิจิตร ศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นนั ้ ท�ำให้ เกิด ความรู้ ความเข้ าใจในแง่ มุม ของการท่ อ ง เที่ยวในชุมชนที่มีศิลปะและหัตถกรรมมาก ยิ่งขึ ้น โดยเฉพาะในส่วนของกิจกรรมการ ออกเยี่ยมชมชุมชนต่างๆ ได้ แก่ ชุมชนพวก แต้ ม คัวตอง, ชุมชนศรี ปันครัว เครื่ องเขิน, และชุมชนป่ าบง เครื่ องจักสาน ซึง่ กิจกรรม เหล่านี ้ เน้ นส่งเสริ มให้ สงั คมมีสว่ นร่วมใน การอนุรักษ์ บ�ำรุงรักษา สืบทอด มรดกทาง ศิลปวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมพื ้นบ้ านใน จังหวัดเชียงใหม่ การท่ อ งเที่ ย วในชุ ม ชนก็ เ ป็ นรู ป แบบหนึ่งของการมี ส่วนร่ วมในการอนุรักษ์ มรดกทางศิลปวัฒนธรรม ซึง่ การเยี่ยมชม ชุมชนต่างๆนัน้ เป็ นกิจกรรมรูปแบบหนึง่ ของ การท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรม (Handicraft Tourism) ซึง่ การท่องเที่ยวในรูปแบบนี ้มีการ ให้ ความหมายว่า เป็ นการท่องเที่ยวไปยัง ชุมชนที่มีการท�ำงานหัตถกรรม โดยมุง่ เน้ น เพื่อการสร้ างประสบการณ์ตรงให้ แกนักท่อง
7
เที่ยวจากการได้ สมั ผัสการท�ำหัตถกรรมใน สถานที่ จริ งและบรรยากาศจริ งจากช่างใน ชุม ชนผู้สื บ สานงานหัต ถกรรมของท้ อ งถิ่ น นันๆ ้ กิ จ กรรมการท่ อ งเที่ ย วไปชมงาน หัตถกรรมยังชุมชนต่างๆนัน้ นอกจากผู้เข้ า ร่ วมกิจกรรมจะได้ เห็นขัน้ ตอนการผลิตงาน ฝี มือแล้ ว ยังได้ เห็นผลิตภัณฑ์ที่จะออกวาง จ�ำหน่ายสูท่ ้ องตลาด ซึง่ การเห็นขันตอนการ ้ ผลิตในสถานที่จริ งท�ำให้ ผ้ เู ข้ าชมต้ องการซื ้อ สินค้ าและเกิดการซื ้อตามตามกันเมื่อมีการ ซื ้อเกิดขึ ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นนซื ั ้ ้อเพื่อ เป็ น ของฝากของที่ ร ะลึก ทัง้ แก่ ต นเองและ ครอบครัวหรื อเพื่อน เนื่องในโอกาสที่ได้ มา เที่ยวชมชุมชนผู้ผลิตงานหัตถกรรมโดยตรง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ วสินค้ าที่ท�ำการผลิตอยู่ ในชุมชนขณะนัน้ จะเป็ นสินค้ าที่มีการสัง่ ซื ้อ หรื อสั่ ง ผลิ ต ล่ ว งหน้ าเพื่ อ วางจ� ำ หน่ า ย ภายนอกชุมชน ซึง่ ยังอยูใ่ นขันตอนกา”รผลิ ้ ต ที่ยงั ไม่เสร็ จสมบูรณ์ ถ้ านักท่องเที่ยวต้ องการ ซื ้อสินค้ าหัตถกรรมจากชุมชนเหล่านี ้นัน้ ถึง แม้ บางที่บางชุมชนจะมีขายบ้ าง แต่สว่ น ใหญ่ จ ะรู้ กัน ว่า มี จ� ำ หน่ า ยที่ ถ นนคนเดิ น ใน จังหวัดเชียงใหม่ และตามงานแสดงสินค้ า หนึ่งต�ำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตามสถานที่ต่างๆ ทั ง้ ภายในพื น้ ที่ และนอกพื น้ ที่ จั ง หวั ด เชียงใหม่ จากการร่ วมกิ จกรรมศึกษาดูงาน ในครัง้ นี ้ ท�ำให้ ผ้ เู ขียนมีมมุ มองในเรื่ องการ ท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรม ดังนี ้ เมื่อนักท่อง เที่ยวเห็นขบวนการผลิตสินค้ าหัตถกรรมแล้ ว
และต้ องการซื ้อสินค้ าหัตถกรรมเหล่านัน้ ใน กระบวนการซื ้อนันขายการต่ ้ อรองราคาแทบ จะไม่เกิดขึ ้นเลย ซึง่ ต่างจากการซื ้อสินค้ าใน ลักษณะเดียวกันที่ถนนคนเดิน หรื อตามงาน แสดงสินค้ าหัตถกรรมต่างๆ ซึง่ เหตุผลที่ได้ คือ บรรยากาศ สถานที่ และประสบการณ์ที่ ได้ จากการสัมผัสขบวนการผลิตท� ำให้ ผ้ ูซือ้ รู้สกึ ถึงคุณค่าของตัวผลิตภัณฑ์มากขึ ้น จึง ท�ำให้ ไม่ร้ ูสกึ อยากจะต่อราคาสินค้ านันๆ ้ ซึง่ ต่ า งจากการไปซื อ้ สิ น ค้ า ที่ ต ลาดนัด ชุม ชน ถนนคนเดิน หรื องานแสดงสินค้ าที่ไม่ได้ เห็น ขันตอนกระบวนการผลิ ้ ตโดยตรง ที่ผ้ ซู ื ้อไม่ ได้ รวมเอาประสบการณ์ ห รื อ คุ ณ ค่ า ของ กระบวนการผลิตสินค้ าไปรวมอยูด่ ้ วย การ ต่อรองราคาจึงเป็ นเรื่ องปกติ โดยเฉพาะ สิ น ค้ าประเภทศิ ล ปะและหั ต ถกรรมจาก ชุมชน ซึง่ ผู้ซื ้อคิดว่าควรจะมีต้นทุนต�่ำ จาก การเข้ าใจว่าชุมชนท�ำเป็ นอาชีพเสริ ม จากที่กล่าวมาข้ างต้ นแล้ วนัน้ การ ท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมควรมีการปรับเปลี่ยน ไปสู่ ก ารท่ อ งเที่ ย วเพื่ อ งานศิ ล ปะและ หัตถกรรมท้ องถิ่น (from Handicraft tourism to Souvenir Tourism) ซึง่ การท่องเที่ยว ลักษณะนี ้ จะเน้ นไปที่การเอาตัวผลิตภัณฑ์ งานศิ ล ปะและหัต ถกรรมเป็ น ตัว ดึง ดูด นัก ท่องเที่ยวเข้ ามายังชุมชน หรื อที่ถกู คือ ผลิ ต ภัณ ฑ์ หัต ถกรรมเฉพาะพื น้ ถิ่ น เป็ น ตัว ดึงดูดให้ นักท่องเที่ยวเข้ าไปถึงแหล่งที่ผลิต สินค้ าโดยตรง นักท่องเที่ยวจะได้ เลือกชม สิ น ค้ า ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ค ว บ คู่ ไ ป กั บ ก า ร ดู กระบวนการผลิตงานหัตถกรรมนันๆ ้
8
ลัก ษณะเฉพาะประการหนึ่ ง ของ การท่องเที่ยวเพื่องานศิลปะและหัตถกรรม ท้ องถิ่น คือ การมุง่ เน้ นไปที่การไปชม ศึกษา และเลือกซื ้อผลิตภัณฑ์หตั ถกรรมเฉพาะถิ่น ให้ กลายเป็ นจุดประสงค์หลักของการเข้ าไป ท่องเที่ยวในชุมชนแหล่งผลิตสินค้ า และการ ได้ สมั ผัสกับกระบวนการผลิต ท�ำให้ เกิด ประสบการณ์ แ ละการสร้ างคุณ ค่า ของนัก ท่องเที่ยวต่อตัวผลิตภัณฑ์ ซึง่ กระบวนการนี ้ จะท� ำ ให้ สิ น ค้ าหั ต ถกรรมเปลี่ ย นจากแค่ Products ไปเป็ น Souvenirs ผลทางบวกที่ชมุ ชนจะได้ รับ คือ ท�ำให้ เกิดรายได้ และการซื ้อขายโดยตรง จากนักท่องเที่ยว ในราคาสินค้ าของที่ระลึก การท่องเที่ยวในเชิงนี ้เปลี่ยนรูปแบบการท่อง เที่ยวจากเดิมคือ จากที่นกั ท่องเที่ยวเคยซื ้อ สินค้ าจากงานมหกรรมสินค้ าพื ้นเมืองในรู ป แบบต่างๆ (ส่วนมากเน้ นว่าราคาถูก) แล้ ว ค่อยมาเที่ยวดูแหล่งผลิตในลักษณะของการ แค่มาชมพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึง่ ชุมชนแทบไม่ ได้ อะไรโดยตรงจากการท่องเที่ยว นอกจาก ค�ำชม และการผลิตสินค้ าราคาถูกส่งขาย งานแสดงสิ ้นค้ าหัตถกรรมต่อไป อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเพื่อ งานศิลปะและหัตถกรรมท้ องถิ่น จะประสบ ความส�ำเร็ จได้ ก็ต่อเมื่อต้ องตังอยู ้ ่บนแนวคิด ที่เน้ นความส�ำคัญของผลิตภัณฑ์หตั ถกรรมที่ มีความเป็ นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และมีการ ผสมผสานจุ ด มุ่ ง หมายของการอนุ รั ก ษ์ กระบวนการผลิตงานหัตถกรรมเพื่อคงความ เป็ นอัตลักษณ์ของชุมชน โดยให้ ความส�ำคัญ
ต่อความรู้ สึกและประสบการณ์ ของนักท่อง ท่องเที่ยวต่อตัวผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิต แหล่งที่ผลิตและจ�ำหน่าย ดังนันการท่ ้ อง เที่ ย วเพื่ อ งานศิ ล ปะและหัต ถกรรมท้ อ งถิ่ น เป็ นการต่ อ ยอดจากการท่ อ งเที่ ย วเชิ ง หัตถกรรม เป็ นการพัฒนารูปแบบการท่อง เที่ยวในชุมชนท้ องถิ่นในหลายมิติ เช่น การ ท่องเที่ยวเชิงสร้ างสรรค์ รวมถึงการจัดการ ทรัพยากรทางด้ านหัตถกรรมอย่างมีคุณค่า และการสร้ างเศรษฐกิจชุมชน นอกจากนี ้ แล้ ว หากทุ ก ชุ ม ชนผลิ ต และจ� ำ หน่ า ยงาน หัต ถกรรมของชุม ชนตนเองโดยตรงแก่ นัก ท่องเที่ยว โดยไม่มีการออกงานแสดงสินค้ า ก็จะท�ำให้ กระบวนการเรี ยนรู้ในชุมชน เรื่ อง ของการผลิ ต งานศิ ล ปะและหัต ถกรรมที่ มี ความเป็ นเอกลั ก ษณ์ แ ละมี อั ต ลั ก ษณ์ ที่ ชัดเจน ไม่เกิดการลอกเลียนแบบกันและกัน ดังที่ปรากฏอยูใ่ นปั จจุบนั
9
10
พวกแต้ มคัวตอง
รั ตนะ ภู่สวาสดิ์
เลขานุการโครงการ อาจารย์พิเศษ สาขาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชุมชนพวกแต้ ม ถูกจัดให้ อยูใ่ นเขต อนุรักษ์ ของเมืองเชียงใหม่ ซึง่ ชื่อของชุมชน วัดปรากฏขึ ้นในใบลานหรื อพับสา ราวเมื่อปี พุทธศักราช 2363 หรื อเมื่อ 193 ปี ที่ผา่ นมา ในสมัยของพระยาธรรมลังกา (พ.ศ.23562364) เจ้ าผู้ครองนครเชียงใหม่ ล�ำดับที่ 2 โดยมีความเกี่ยวข้ องกับกลุม่ ผู้สร้ างวัด ซึง่ เป็ นช่าง โดยค�ำว่า “พวก” หมายถึง หัวหน้ า หมูซ่ งึ่ เป็ นขุนนาง "แต้ ม" หมายถึง การเขียน ลวดลาย ดังนันวั ้ ดนี ้จึงสัมพันธ์กบั ขุนนางที่ มีหน้ าที่ควบคุมทางด้ านงานช่าง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง การลงรักปิ ดทองหรื อการปิ ดทอง ล่องชาด ซึง่ เป็ นเทคนิคหนึง่ ของงานประดับ โลหะ ดังที่ปรากฏในปั จจุบนั โดยงานคัวตอง นี ้ได้ รับการถ่ายทอดจากรุ่นสูร่ ุ่น โดยมี กระบวนการสืบทอดผ่านการสอนของช่างผู้ ช�ำนาญการ โดยใช้ วิธีการลงมือปฏิบตั จิ ริ ง พร้ อมการบอกกล่าวสัง่ สอน ซึง่ การอนุรักษ์ และพัฒนาความรู้ งานคัวตอง ของชุมชนวัด พวกแต้ ม อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้ พบงานคัว ตองที่ ถูก ผลิ ต ขึน้ นี ม้ ี รู ป แบบที่ ห ลากหลาย สามารถแบ่งออกเป็ นได้ 2 ประเภท ได้ แก่ “งานคัวตองประเภทพุทธศิลป์ ” ส่วนใหญ่ ผลิตขึ ้นเพื่อการรับใช้ พทุ ธศาสนาเป็ นเครื่ อง ตกแต่งอาคาร และสถาปั ตยกรรมทาง ศาสนาพุทธ อาทิ ฉัตร สัปทน พุม่ ดอกไม้ เงิน ทอง เครื่ องสูง และที่พบอีกส่วนหนึง่ ของงาน
12
คัวตอง และ “งานคัวตองประเภทหัตถศิลป์ ” การท�ำเครื่ องประดับตกแต่งร่างกาย คือ ดอกไม้ ไหวใช้ ส�ำหรับประดับศีรษะ เมื่อแต่ง กายไปท�ำบุญ หรื อฟ้อนร� ำ ( งานคัวตอง หมายถึง เครื่ องทองเหลือง โดยแยกองค์ ประกอบของค�ำว่า “คัว” หมายถึง สิง่ ของที่ ท�ำขึ ้น ทังนี ้ ้คืองานโลหะล้ านนาประดับ ประดาวัด งานตกแต่ง เครื่ องโลหะ “ตอง” หมายถึง ทองเหลือง จังโก “คัวตอง” จึงมี ความหมายว่า เป็ นงานเครื่ องทองเหลืองที่ตี ขึ ้นรูป ฉลุ) การจัดการอนุรักษ์ และพัฒนางาน คัวตอง ของชุมชนวัดพวกแต้ มในครัง้ นี ้ เป็ นการจั ด การอย่ า งมี ส่ ว นร่ ว มของภาค ประชาชน ในรูปแบบของการจัดตัง้ พิพิธภัณฑ์ “พวกแต้ ม คัวตอง” โดยการ พัฒนาสถานที่ภายในวัดให้ เป็ นแหล่งเรี ยนรู้ ทางศิลปวัฒนธรรมให้ กบั คนในชุมชน และผู้ ที่มาศึกษาจากภายนอก นอกจากนี ้ท�ำการ พั ฒ นางานคั ว ตองในรู ปแบบร่ วมสมั ย สามารถพัฒนาให้ เป็ นผลิตภัณฑ์ใหม่ เกิด การเพิ่มมูลค่าของงานคัวตองของชุมชน และ จัดกิจกรรมรณรงค์ร่วมกับชุมชน เป็ นการ เพิ่มประสิทธิ ภาพการกระจายองค์ความรู้ สู่ สาธารณะ เป็ นการสร้ างความแข็งแกร่งทาง ภูมิปัญญา ซึง่ ชุมชนสามารถต่อยอดโดย การน� ำ องค์ ค วามรู้ ด้ านการอนุ รั ก ษ์ ไป ถ่ายทอดยังชุมชนอื่นอย่างต่อเนื่อง ถือว่า เป็ นกระบวนการพัฒนาองค์ความรู้ เรื่ องคัว ตอง และการอนุรักษ์ มรดกทางศิลป วัฒนธรรมของชุมชนวัดพวกแต้ มนีส้ ่งผลให้
เกิด “การพัฒนาสูช่ มุ ชนหัตถกรรม” อันส่งมา มาจากการที่ชุมชนพวกแต้ มได้ ผลิตงานคัว ตองมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเริ่ มเป็ นที่ รู้จกั มากขึ ้น โดยมีการเข้ ามาของนักท่อง เที่ยว นักวิชาการชุมชน นักเรี ยนนักศึกษา รวมถึ ง บุ ค คลทั่ ว ไปที่ ส นในในงานศิ ล ป วัฒนธรรมด้ านงานหัตถกรรมและศิลปะพื ้น บ้ าน ซึง่ ในปั จจุบนั การท�ำคัวตองของวัด พวกแต้ ม มีโครงสร้ างของการผลิตงานคัว ตองอย่างเป็ นระบบระเบียบ ส่งผลให้ กลุม่ ช่างที่ท�ำงานคัวตองเข้ าใจ กระบวนการและ วิธีการท�ำงานได้ อย่างช�ำนาญ ซึง่ แนวทาง การควบคุมงานของท่านพระครู ปฏิภาณธร รมพิศษิ ฎ์ (เจ้ าอาวาสวัดพวกแต้ ม) เป็ นไปใน แนวทางเพื่อเสริ มสร้ างเศรษฐกิจชุมชน โดย เชิดชูความงดงามประณีตของผลงาน ที่เกิด จากกระบวนการผลิต จนมีผลให้ งานคัวตอง ของชุมชนพวกแต้ ม มีความโดดเด่น และมี ผลงานเป็ นที่ยอมรั บทัง้ ในประเทศและต่าง ประเทศ แทบจะกล่าวได้ วา่ ฉัตรประดับยอด เจดีย์ที่มีการสร้ างในล้ านนา พม่าและสิบ สองปั นนาประเทศจีน ในยุคปั จจุบนั ล้ วน แล้ วแต่มาจากฝี มือของช่างคัวตองในชุมชน พวกแต้ มทังสิ ้ ้น
13
14
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครั ง้ ที่ 1 ย้ อมคราม “ บีบ รั ด มัด หนีบ ”
กิจกรรมที่ 1 ย้ อมคราม : บีบ รั ด มัด หนีบ
ช่วงเวลา : วันที่ 11 - 12 กรกฎาคม 2558 ลักษณะกิจกรรม 1.เรี ย นรู้ กระบวนการปลูก คราม หมักคราม และการย้ อมคราม 2.ปฏิบตั ิการทดลองย้ อมครามด้ วย เทคนิคการบีบ การรัด การมัด การหนีบจาก ผู้ทรงความรู้ และผู้ช�ำนาญการในด้ านย้ อม ครามโดยเฉพาะ เพื่อให้ ผ้ เู ข้ าอบรมได้ รับ ข้ อมูลและการปฏิบตั ไิ ด้ อย่างถูกต้ อง เหมาะ สม และสามารถน�ำวิธีการย้ อมครามตาม ภู มิ ปั ญ ญาล้ านนาไปประยุ ก ต์ ใ ช้ กั บ การ พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอื่นๆ
16
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครั ง้ ที่ 2
ก่ อร่ างสร้ างลาย “ ขูด ขีด เขียน แกะ พิมพ์ ”
กิจกรรมที่ ๒ เซรามิค : ขูด ขีด เขียน แกะ พิมพ์
ช่วงเวลา : วันที่ 18 และ 25 กรกฎาคม 2558 ลักษณะกิจกรรม 1.การอบรมเชิ ง วิ ช าการทางองค์ ความรู้ เกี่ ยวกับงานเครื่ องปั น้ ดินเผาในเขต ล้ านนาเพื่อเรี ยนรู้เอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ที่มี รู ปแบบวิธีการมาแต่ครัง้ อดีตและแพร่ หลาย ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ผ่านการค้ าขายแลก เปลี่ยน 2.ปฏิ บัติ ก ารสร้ างลวดลายผ่ า น กระบวนการและเทคนิคต่างๆ ทังการขู ้ ด การ ขีด การเขียน การแกะ และการพิมพ์ เพื่อให้ ผ้ ู เข้ าอบรมได้ ร้ ูถงึ เทคนิคต่างๆ ซึง่ จะสามารถ น� ำ มาพัฒ นางานเซรามิ ก ให้ เ หมาะสมกับ ความต้ องการเฉพาะตัว สามารถสร้ างงาน ของตนเองต่อไปได้
18
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครั ง้ ที่ 3
ย้ อมสีสร้ างลาย “ กระโดน มะเกลือ สมอไทย คราม ”
กิจกรรมที่ ๓ ย้ อมสีสร้ างลาย
ช่วงเวลา : วันที่ 8 - 9 สิงหาคม 2558 ลักษณะกิจกรรม 1.การอบรมเชิ ง วิ ช าการทางองค์ ความรู้ เกี่ ย วกั บ สี ย้ อมผ้ าจากธรรมชาติ ประกอบด้ วย กระโดน มะเกลือ สมอไทย และคราม 2.ปฏิบตั ิการสร้ างลวดลายบนผืน ผ้ า ผ่านกระบวนการมัดย้ อม โดยใช้ เทคนิค บีบ รัด มัด หนีบ
20
กิจกรรมเชิงปฏิบตั กิ ารครั ง้ ที่ 4
แอ่ วชุมชนหัตถกรรม
กิจกรรมในครัง้ นี ้ประกอบไปด้ วย 2 ส่วนด้ วยกัน คือ ส่ วนที่ 1 การทัศนศึกษาใน ชุมชนหัตถกรรม ได้ แก่ ชุมชนพวกแต้ มคัว ตอง เครื่ องเขินศรี ปันครัว และเครื่ องจักสาน ชุมชนป่ าบง เพื่อท�ำให้ ร้ ูถงึ แหล่งผลิตงาน หัตถกรรมภายในเมืองเขียงใหม่ และน�ำ ความรู้ จากการท่องเที่ ยวมาประยุกต์ ใช้ ใน ส่ วนที่ 2 การอบรมสัมมนา และ workshop ภายใต้ แนวคิด Cultural Branding โดยมุง่ เน้ นตัว อย่ า งงานหัต ถกรรมของชุ ม ชนดัง กล่าว เพื่อค้ นหาอัตลักษณ์ในการน�ำมาต่อย อดแนวทางด้ า นการออกแบบและพัฒ นา ผลิตภัณฑ์ ซึง่ จะส่งผลให้ เกิดการอนุรักษ์ และ พัฒ นางานหัต ถกรรมของเมื อ งเชี ย งใหม่ ควบคูก่ นั ไป และสร้ างแรงบันดาลใจให้ แก่ผ้ ู เข้ าร่ วมกิ จกรรมในการผลั ก ดั น เมื อง เชียงใหม่สเู่ มืองสร้ างสรรค์ขององค์การยูเนส โก สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ านต่อไป
22
“ นกกินน�ำ้ ร่ วมต้ น ”
นก หรื อ หงส์ เป็ น รู ป สัต ว์ ม งคลทัง้ ในชี วิ ต จริ ง และใน จิ น ตนาการ ที่ สื่ อ ถึ ง ป่ าหิ ม พานต์ ใ นคติ เ รื่ อ งจัก รวาล นอกจากนั น้ ยั ง มี ค วามหมายถึ ง ความอุ ด มสมบู ร ณ์ การมี ชี วิ ต อยู่ร่ ว มกัน อย่ า งรั ก ใคร่ ส ามัค คี มี ค วามมั่น คง และยั่ง ยื น เปรี ย บเสมื อ นกับ ผู้ค นที่ ม าจากต่ า งที่ ต่ า ง ถิ่ น ต่ า งภูมิ ล� ำ เนา ได้ ม าอยู่ร่ ว มกัน เพื่ อ สร้ างสรรค์ งานหั ต ถกรรมและศิ ล ปะพื น้ บ้ านด้ วยความร่ ว มมื อ ร่ ว มใจ เพื่ อ ให้ ง านหัต ถกรรมและศิ ล ปะพื น้ บ้ า นของ จัง หวัด เชี ย งใหม่ เจริ ญ สื บ ไปอย่ า งมั่น คงและยั่ง ยื น
Chiang Mai
City of Crafts and
Folk Art
จัง หวัด เชี ย งใหม่ มี อ งค์ ป ระกอบที่ เ ป็ น เอกลัก ษณ์ ส� ำ คัญ อยู่ หลากหลาย อาทิ ดอยสุเทพ ที่ถกู ปกคลุมไปด้ วยสภาพป่ าไม้ ที่ อุดมสมบูรณ์ ล�ำน� ้ำปิ ง อันมีลกั ษณะทางกายภาพที่สอดรับกับ ภูมิ ศ าสตร์ ข องเมื อ ง ตลอดจนสภาพของบ้ านเรื อนถิ่นที่อยู่ อาศัย ของประชาชน ถู ก สร้ างขึ น้ มาตามความเชื่อและ
แรงศรั ท ธาของบรรพชนแต่ ค รั ง้ อดี ต และความส� ำ คัญ ที่ มี ค วามโดดเด่ น จนได้ รับการยกย่องจากผู้คนที่เข้ ามาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ คือ ศิลปวัฒนธรรม อันเป็ นทังมรดก ้ และทรัพยากรทางภูมิปัญญาที่ถกู สัง่ สมองค์ความรู้จากรุ่นสูร่ ุ่น ที่เสมือนเครื่ องมือในการบ่ง บอกว่าพื ้นที่แห่งนี ้มีความเจริ ญรุ่งเรื่ องทางศิลปวัฒนธรรมมาแต่ช้านาน ซึง่ สะท้ อนรูปแบบการ อยูร่ วมกันของกลุม่ ชนที่ประกอบด้ วย รูปแบบการปกครอง ประวัติความเป็ นมา มีสภาพ แวดล้ อมซึง่ เป็ นแหล่งรวมของผู้คน สิง่ ปลูกสร้ าง ภูมิทศั น์นี ้เกิดจากกระบวนการปฏิสมั พันธ์ ทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนทังภายในและภายนอกตั ้ วเมือง ดังนัน้ ในแต่ละสังคมย่อม มีวฒ ั นธรรมที่สร้ างขึ ้นเองและรับมาจากภายนอก แล้ วพัฒนาเปลี่ยนแปลงปรับตัวให้ เข้ ากับวิถี ชีวิตซึง่ เป็ นกระบวนการที่เกิดขึ ้นและมีความสัมพันธ์ร่วมกันในแต่ละสังคม วิถีชีวิตของชาวเชียงใหม่ในอดีตเป็ นวิถีชีวิตของการท�ำบุญ ทางพระพุทธศาสนาได้ แบ่งผู้คนออกเป็ น 2 สังคม คือ 1) สังคมอาณาจักร เป็ นการท�ำบุญของฆราวาสตามล�ำดับ ชัน้ ทางสังคม คือ กษัตริ ย์ เจ้ าเมือง ขุนนาง และชาวบ้ าน เช่น การถวายที่ดิน การสร้ าง ปฏิสงั ขรณ์ วัด วิหาร พระธาตุ และพระพุทธรู ป และ 2) สั ง คมพุ ท ธจั ก ร เป็ นการ ท�ำ บุ ญ ของพระสงฆ์ ข้ า วั ด มี ก ารแบ่ ง หน้ าที่ ใ นการดู แ ลภายในวั ด การถ่ายทอด วิชาความรู้ด้านการเรี ยนภาษาบาลี การประพันธ์ร้อยแก้ วและร้ อยกรอง การจารและเขียน คัมภีร์ใบลาน พับสา และงานช่างฝี มือประเภทต่างๆ นอกจากนี ้แล้ ว ความเชื่อดังเดิ ้ มอันเนื่อง ด้ วยการนับถือผี ขวัญ จารี ตประเพณี ประเพณีการเกิดแก่เจ็บตายที่มีบทบาทและอิทธิพลต่อ การด�ำรงชีวิตของผู้คน จากประวัตศิ าสตร์ อนั ยาวนานกว่า 700 ปี ท�ำให้ เชียงใหม่เป็ นเมืองที่อดุ มไปด้ วยทุน ทางวัฒนธรรม ซึง่ ล้ วนแต่เสริ มสร้ างศักยภาพของเมือง เพื่อยกระดับให้ เป็ นเมืองสร้ างสรรค์ ทางด้ านหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน (Chiang Mai : City of Crafts and Folk Art) อันมีองค์ ประกอบทังศิ ้ ลปวัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้ องถิ่นที่หลากหลาย ซึง่ มี ความสัมพันธ์กบั วัฒนธรรมของผู้คนที่พ�ำนักอาศัย ด�ำรงชีวิต และประกอบกิจกรรมต่างๆ การน�ำวัฒนธรรมที่สงั่ สมมานาน เป็ นทุนเพื่อให้ การสร้ างสรรค์ในปั จจุบนั และอนาคตนันมี ้ เรื่ องราวความเป็ นมาที่สามารถศึกษาเรี ยนรู้ และน�ำมาสร้ างสรรค์ และต่อยอดวัฒนธรรมที่ เหมาะสมต่อวิถีชีวิตความเป็ นอยูใ่ นปั จจุบนั และอนาคตอย่างยัง่ ยืนมัน่ คง
ส�ำหรั บเมืองเชียงใหม่ เมื อ งที่ มี ค วามหลากหลายทางวั ฒ นธรรมเมื อ งหนึ่ ง ของ ประเทศไทย เป็ น ความท้ า ทายอย่า งมากที่ อ งค์ ก ารบริ หารส่ว นจัง หวัด มี แ นวคิด ในการขับเคลื่ อนเมื องเชี ย งใหม่ ให้ เป็ นสมาชิกเครื อข่ายเมือง สร้ างสรรค์ด้านหัตถกรรมและศิลปะพืน้ บ้ าน (City of Crafts and Folk Art) ขององค์การ UNESCO และเพื่อให้ เข้ ากับเกณฑ์ ขององค์การ UNESCO จ�ำเป็ นต้ องอาศัยกรอบคิดเรื่ องแนวทางในการขับเคลื่อนเมือง ที่แสดงถึง ความพร้ อมใน 7 ด้ าน ดังนี ้
การสร้ างความเข้ าใจในทุกภาคส่วน เสริ มทัศนคติ ที่เปิ ดกว้ างยอมรับสิง่ ใหม่ๆ ของประชาชน
มีการส่งเสริ ม วิจยั การเรี ยนรู้สืบทอด หัตถกรรมและ ศิลปะพื ้นบ้ านทังในเชิ ้ งอุตสาหกรรม งานนวัตกรรม และการพัฒนาอย่างยัง่ ยืน
การสร้ างยุทธศาสตร์ ของท้ องถิ่นและสภาพแวดล้ อม เพื่อสนับสนุนงานหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน
การสร้ างพื น้ ที่ ส ร้ างสรรค์ แ ละองค์ ป ระกอบของเมื อ ง ที่ เ อื อ้ ต่ อ การรั ก ษาและสื บ ทอดงานหัต ถกรรมและ ศิ ล ปะพื น้ บ้ า น
การประชาสัมพันธ์ชจู ดุ เด่นของเมือง สร้ างพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวข้ อง กับงานด้ านหัตถกรรมศิลปะพื ้นบ้ านและการสร้ างสรรค์ เป็ นเจ้ าภาพจัดงานที่เกี่ยวข้ องทังในระดั ้ บท้ องงถิ่น ชาติ และนานาชาติ
การมีความพร้ อมด้ านแรงงานบุคคลากรส�ำหรับงานเชิงความรู้ ความพร้ อมด้ านวัสดุ เทคโนโลยีที่เสริ มการสร้ างสรรค์
มีความร่วมมือที่ดีของทุกฝ่ ายที่เกี่ยวข้ องทังหน่ ้ วยราชการ ภาคธุรกิจ ภาคการศึกษาและภาคประชาชน
25
เมืองเชียงใหม่มีมิติแห่งการสร้ างสรรค์ งานหัตถศิลป์ อยู่ 3 ประการ คือ 1) พัฒนาการมาจากรากเหง้ าทางวัฒนธรรม 2) งานอุตสาหกรรมหัตถศิลป์ 3) งานหัตถศิลป์ ร่วมสมัย
เชียงใหม่ เมืองหัตถศิลป์สร้างสรรค์
พัฒนาการมาจากรากเหง้ าทาง วัฒนธรรม
มิติแห่งการสร้างงาน หัตถกรรม งานอุตสาหกรรม หัตถศิลป์
งานหัตถศิลป์ ร่ วมสมัย
โดยธรรมชาติของงานสร้ างสรรค์งานหัตถศิลป์ เชียงใหม่ จะมีคณ ุ ลักษณะสามประการที่ยงั ยึดโยง กันอยู่ ซึง่ เกิดจากพัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ และวัฒนธรรมของชุมชน ที่เชื่อมโยงจากระดับหมูบ่ ้ านสูเ่ มือง และเป็ นแรงขับเคลื่อนสูก่ ารสร้ างสรรค์ ให้ เชียงใหม่นนบานสะพรั ั้ ่งด้ วยงานหัตถศิลป์ พร้ อมการเคลื่อนตัวของ เมืองสูอ่ ตุ สาหกรรมสร้ างสรรค์ และความร่วมสมัยของงานหัตถศิลป์ การพัฒนางานหัตถศิลป์ สร้ างสรรค์จะ เกิดขึ ้นได้ ก็ตอ่ เมื่อมีความยัง่ ยืนของงานหัตถกรรมของชุมชน เปรี ยบดังสายเลือดที่หล่อเลี ้ยงชีวิตและสร้ าง ความงดงามให้ กบั สังคมอันเกิดจากตัวตนของเราที่สร้ างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ ออกมาเป็ นผลงานที่โดดเด่น เป็ นเอกลักษณ์ของเชียงใหม่ ความมีชีวิตชีวาจากงานหัตถกรรมสร้ างสรรค์คือการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก รากเหง้ าสูส่ งั คมร่วมสมัยในหลากหลายมิติ จะเป็ นแสงสว่างแห่งเทียนศิลป์ ที่จดุ สืบต่อกันไปอย่างไม่หยุดยัง้ มรรคผลของการสร้ างสรรค์งานหัตถศิลป์ จะกลับมาสูก่ ารพัฒนาคุณภาพของชีวิตและการศึกษาให้ แก่ผ้ คู นใน ท้ องถิ่น มีการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยวที่ยงั่ ยืน เชียงใหม่กบั งานหัตถศิลป์ สร้ างสรรค์ก็เปรี ยบ เหมือนดังการปลูกต้ นไม้ แห่งการสร้ างสรรค์ มีรากเหง้ าที่หยังลึก ล�ำต้ นแข็งแกร่งและมัน่ คง กิ่งใบที่แผ่ไพศาล ออกดอกผลที่เบ่งบานและเจริ ญงอกงามสืบต่อไป
งานหัตถกรรม และศิลปะพืน้ บ้ าน
8 อำ�เภอ
26
อ�ำเภอเมือง สารภี สันก�ำแพง สันทราย สันป่ าตอง หางดง แม่ริม ดอยสะเก็ด
ประเภทของงานหัตถกรรมและ ศิ ล ปะพื น้ บ้ านเมื อ งเชี ย งใหม่ งานหัตถกรรมอาจจ�ำแนกออกเป็ นประเภทต่างๆตามวัสดุและกรรมวิธีการผลิต ดังนี ้ จักสาน (Basketry) สิง่ ทอ (Textiles) เครื่ องปั น้ ดินเผา (Pottery) เครื่ องไม้ (Woodwork) งานกระดาษ (Paperwork) งานโลหะ (Metalwork) เครื่ องเขิน (Lacquerwork) ดอกไม้ ประดิษฐ์ และดอกไม้ แห้ ง (Artifcial Flowers)
27
ศิลปะ พืน้ บ้ าน
หัตถกรรม และศิลปะ พื้นบ้าน
หัตถกรรม
หัตถกรรม หัตถกรรมหมายถึงงานที่ใช้ ฝีมือในการดัดแปลงวัสดุที่มีอยูต่ ามธรรมชาติมาเป็ นเครื่ องมือ เครื่ องใช้ ในชีวิ ต ประจ� ำ วัน หรื อ โอกาสพิ เ ศษในครอบครัวและสังคมตามวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมและ ประเพณีของแต่ละท้ องถิ่น เมื่อมนุษย์เริ่ มใช้ มือดัดแปลงสิง่ ที่มีอยูต่ ามธรรมชาติให้ มีรูปร่างและ ลัก ษณะเปลี่ ย นแปลงไปจากเดิ ม เพื่ อ ประโยชน์ ใ นการใช้ ส อยนับ ได้ ว่ า เป็ น การเริ่ ม ต้ น สร้ างงาน หัตถกรรมของมนุ ษ ย์ หัต ถกรรมเป็ นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคณ ุ ค่ายิ่งเป็ นผลงานที่ตกทอดจากอดีต ที่เกิดจากฝี มือ และปั ญญาสร้ างสรรค์เพื่อประโยชน์ในการใช้ สอยในชีวิตประจ�ำวันและรับใช้ วัฒนธรรมประเพณี ศิลปะพืน้ บ้ าน ศิลปะพื ้นบ้ านหรื อศิลปะชาวบ้ าน เกิดขึ ้นจากการปรับตัวของมนุษย์ให้ เข้ ากับสภาพ สิง่ แวดล้ อมเป็ นการแก้ ไขสภาพความเป็ นอยูข่ องมนุษย์ที่ต้องพึง่ พาธรรมชาติ ใ ห้ ดี ยิ่ ง ขึ น้ ศิลปะพื ้น บ้ านส่วนใหญ่เกิดควบคูก่ บั การด�ำเนิน ชี วิ ต ของมนุษ ย์ ต้ องการเครื่ องใช้ สอยต่างๆมีลกั ษณะที่แสดง ให้ เห็นความรู้สกึ นึกคิดอย่างง่ายๆเป็ นปรัมปราคติสืบต่อกันมาของคนในแต่ละท้ องถิ่น ศิลปะพื ้น บ้ านสร้ างขึ ้นโดยชาวบ้ านหรื อช่างพื ้นบ้ าน ที่สามารถสร้ างสรรค์งานจากการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ หรื อช่างในท้ องถิ่นมีผลงานที่ท�ำขึ ้นมีลกั ษณะเฉพาะถิ่น มีความเรี ยบง่าย ประโยชน์ใช้ สอย วัสดุจาก ท้ องถิ่นสกุลช่างท้ องถิ่น มีสวยงามและราคาย่อมเยา หัตถกรรมและศิลปะพืน้ บ้ าน หมายถึงผลงานของมนุษย์ที่ประกอบด้ วยมือและความคิดของผู้คน ในแต่ละท้ องถิ่น มีลกั ษณะเฉพาะตน (General Style and Personnel Style) มีพฒ ั นาการสืบต่อกัน มา ทังที ้ ่จบั ต้ องได้ (Tangible) และที่จบั ต้ องไม่ได้ (Intangible) เช่น การละเล่นขับร้ องฟ้อนการเล่น ดนตรี ประเภทต่างๆทังนี ้ ้ประโยชน์และสิง่ ที่ได้ รับ เพื่อสนองความต้ องการในการด�ำรงชีวิตและ พิธีกรรมที่ต้องพึง่ พาอาศัยและสามารถอยูร่ ่วมกันกับธรรมชาติอย่างเรี ยบง่ายสะดวก สบาย มีชีวิตที่ เป็ นสุข มีสนุ ทรี ยภาพและชีวิตสมบูรณ์มากยิ่งขึ ้น
28
มีขนาดพอเหมาะ ในขณะเดียวกัน ก็ใหญ่ พอที่จะเปิ ดประตู สู่นานาชาติ
เมืองสร้ างสรรค์ เป็ นที่พกั อาศัย ของบุคคลที่ เกี่ยวข้ องกับ การสร้ างสรรค์ ประเภทต่ างๆ
เป็ นสถานที่ ดึงความสามารถ ด้ านสร้ างสรรค์ และผลักดัน ไปสู่ประสิทธิผล ที่ดที ่ สี ุดได้
จากประวัตศิ าสตร์ อนั ยาวนานกว่า 700 ปี ท�ำให้ เชียงใหม่เป็ นเมืองที่อดุ มไปด้ วยทุนทางวัฒนธรรม ซึง่ ล้ วนแต่เสริ มสร้ างศักยภาพของเมือง ให้ ยกระดับเป็ นเมืองสร้ างสรรค์ทางด้ านหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน (Chiang Mai : City of Crafts and Folk Art) อันมีองค์ประกอบทังศิ ้ ลปวัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์และ ภูมิปัญญาท้ องถิ่นที่หลากหลาย และมีความสัมพันธ์กบั วัฒนธรรมของผู้คนที่พ�ำนักอาศัย ด�ำรงชีวิต และ ประกอบกิจกรรมต่างๆ ซึง่ โดยธรรมชาติของการสร้ างสรรค์งานหัตถกรรมเชียงใหม่ จะมีคณ ุ ลักษณะที่ยงั ยึดโยงกันอยู่ ซึง่ เกิดจากพัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ และวัฒนธรรมของชุมชน ที่เริ่ มจากระดับหมูบ่ ้ านสูเ่ มืองและเป็ นแรงขับ เคลื่อนสูก่ ารสร้ างสรรค์ ท�ำให้ เชียงใหม่นนบานสะพรั ั้ ่งด้ วยงานหัตถกรรม พร้ อมสูก่ ารเคลื่อนตัวของเมือง การน�ำวัฒนธรรมที่สงั่ สมมานาน เป็ นทุนเพื่อให้ การสร้ างสรรค์ในปั จจุบนั และอนาคตนันมี ้ เรื่ องราวความเป็ น มาที่สามารถศึกษาเรี ยนรู้ และน�ำมาสร้ างสรรค์และต่อยอดวัฒนธรรมที่เหมาะสมต่อวิถีชีวิตความเป็ นอยู่ใน ปั จจุบนั และอนาคตอย่างยัง่ ยืนมัน่ คง มรรคผลของการสร้ างสรรค์งานหัตถกรรมจะกลับมาสูก่ ารพัฒนา คุณภาพของชีวิตและการศึกษาให้ แก่ผ้ คู นในท้ องถิ่น มีการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและการท่องเที่ยวที่ยงั่ ยืน เชียงใหม่กบั งานหัตถศิลป์ สร้ างสรรค์ก็เปรี ยบเหมือนดังการปลูกต้ นไม้ แห่งการสร้ างสรรค์ มีรากเหง้ าที่หยังลึก ล�ำต้ นแข็งแกร่งและมัน่ คง กิ่งใบที่แผ่ไพศาล ออกดอกผลที่เบ่งบานและเจริ ญงอกงา มสืบต่อไป
คณะท�ำงานโครงการขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่เป็ นเครื อข่ายเมืองวัฒนธรรมสร้ างสรรค์ ขององค์การ UNESCO สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื ้นบ้ าน ( Crafts and Folk Art) รศ.ดร.วรลัญจก์ บุณยสุรัตน์ ประธานที่ปรึกษา