tidthai

Page 1


วารสารทิศไท มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑ ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๖๒๙-๙๔๗๖ โทรสาร : ๐-๒๒๘๒-๕๓๒๒ website : nif-tidthai.org


ทิศไท

วารสารเพื่อเยาวชน ของมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ


สารบัญ ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑ เดือนกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๓

หนึ่งในใจชน

โรงเรียนของในหลวง ครูแห่งแผ่นดิน

๑๒ ยอดเยาวชน

๕๒ บันทึก...หัวใจไทย

๑๘ Idol & Hero

๖๐ แบบอย่างประชาธิปไตย

อติพร เทอดโยธิน เปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลักดัน

ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา (ตีโต้) กระโดดไกล ไปคว้าแชมป์โลก!

มหาราชผู้สร้างลายสือไทย

๒๔ กว่าจะเป็นประเทศไทย

อลัน เบท ฝรั่งหัวใจไทย กับภารกิจ “ปั่นทั่วโลก” เพื่อพ่อหลวง

ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ของ สุนทร อรุณานนท์ชัย

ตื่นตาตื่นใจในพิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ

บทบาทของเยาวชนในการช่วยลดโลกร้อน

นอนให้พอเพียง ถ้าง่วงไม่ขับระวังหลับใน

เกาะกระแสสังคมออนไลน์กับ facebook

๖๖ ตำราเล่มใหญ่ ๗๔ รักษ์โลก

๗๘ เกร็ดต่างแดน ๘๑ สุขภาพน่ารู้ ๘๕ โลกดิจิตอล

๑๒

๓๐ รายงานพิเศษ

๑๘

วิวัฒนาการการศึกษาไทยจากพระประวัติ ตรัสเล่าใน สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

เรื่องของพัศกับแพร ตอน “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย”

เปิดโลกผจญภัย จังหวัดนครนายก

จาก “นวดแผนไทย” ถึง “สปา” ภูมิปัญญาไทยที่ไปไกลถึงระดับโลก

๘๙ เยาวชนซุบซิบ ๙๓ กระจายข่าว

๓๖ กาละ เทศะ ๓๘ ชวนเที่ยว

๔๖ ภูมิปัญญาไทย

๒๔ ๕๒

๓๘ ๖๖


บทบรรณาธิการ

ภาพปก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ครูแห่งแผ่นดิน (ไกรพิทย์ พันธุว์ ฒุ ิ ผูฉ้ าย)

พิมพ์ที่ โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (๑๙๘๗) จำกัด เลขที่ ๑๘ ซอยประชาอุทิศ ๓๓ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐ ห้ามจำหน่าย เผยแพร่เป็นอภินันทนาการแก่ ประชาชนทั่วไป จากมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ

พุทธศักราช ๒๕๕๓ ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายอย่าง ยิ่งของมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ เมื่อได้สานต่อเจตนา ที่อยากจะทำประโยชน์และอยู่ใกล้ชิดกับเยาวชน ให้ปรากฏเป็น รูปธรรมผ่านทาง “ทิศไท” วารสารเพื่อเยาวชนเล่มนี้ เป็นผล สำเร็จ ประเทศไทยมีเยาวชนที่ประสบความสำเร็จในหลายสาขา ทั้งวิชาการ กีฬา ศิลปะและอาชีวะ เรื่องที่น่าสนใจเหล่านี้จะนำ เสนอในทิศไท เพือ่ ให้ผอู้ า่ นได้รจู้ กั พวกเขากันมากขึน้ ประวัตศิ าสตร์ ชาติไทย การท่องเทีย่ วอย่างคนรุน่ ใหม่ ความเคลือ่ นไหวของโลก สมัยใหม่ ครอบครัวทีเ่ ป็นแบบอย่างประชาธิปไตย ภูมปิ ญั ญาไทย และลักษณะดีเด่นหลากหลายของชาติที่น่าภาคภูมิใจ เรื่องราว ทั้งหลายเหล่านี้จะหมุนเวียนส่งมาให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ เลือกสรร ไว้เป็นแบบอย่าง และอาจเป็นแรงบันดาลใจไปพร้อมๆ กัน และเนื่ อ งจากการศึ ก ษาคื อ สิ่ ง สำคั ญ ที่ สุ ด ของเยาวชน ทิศไท จึงเปิดฉบับปฐมฤกษ์ด้วยเรื่องโรงเรียนวังไกลกังวล ศูนย์ กลางทางการศึกษาระบบทางไกลผ่านดาวเทียมของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครูแห่งแผ่นดิน ที่ทรงห่วงใยเรื่องการศึกษา ของเยาวชนของชาติเป็นอย่างยิ่ง ทิศไท ผลิตเป็นราย ๓ เดือน ส่งให้โรงเรียน สถาบันการ ศึกษา และห้องสมุดทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์ บอกเล่า ความเคลื่อนไหวของมูลนิธิฯ และเป็นช่องทางสื่อสารกับผู้อ่าน กองบรรณาธิการ อยากให้น้องๆเยาวชนหยิบ ทิศไท ขึ้นมา อ่านค่ะ ลองอ่านเฉพาะเรื่องที่น่าสนใจก่อนก็ได้ แล้วส่งความคิด เห็นหรือข้อเสนอแนะมาด้วยนะคะ สิง่ นีจ้ ะเป็นกำลังใจให้คณะผูจ้ ัด ทำและผูม้ อี ปุ การะคุณสนับสนุนการจัดทำ ก้าวต่อไปด้วยเจตนารมย์ แน่วแน่ทจี่ ะขอมีสว่ นร่วมสร้างสรรค์สงั คมเยาวชนไทยจำนวนมากๆ ที่มีคุณภาพ ช่วยให้เยาวชนคนดีกับคนเก่งเป็นคนๆ เดียวกัน และไม่วา่ เยาวชนคนอ่านจะอยูท่ ไี่ หน เราสามารถติดต่อถึงกัน ได้นะคะ เพราะ ทิศไท เปิดสู่ทุกทิศ และ เปิดรับทุกทิศ ๓


King Bhumibol-Thailand’s Beloved King There is a king known far and wide, Born to help people from stress, And Thailand is lucky to have him, Who’s praised north, south, east and west. Apart from being kind and tender, To anyone in trouble ever, He stands by his citizens always, Lessening their pain everyday. Highly educated and intelligent, Well-versed in art and science, He finds a way when there’s need, Solving problems with great speed. Storms, floods, and fires, Diseases. pain, and hunger; When each comes, Thai people to shake, Our king, ‘his children never forsakes’. Often he visited the poor in barren places. Once in the south, driving out in a tempest, Organizing help to stricken victims; Without his knowing, they all loved him. At first, he was known because of Thailand; Now Thailand is known because of its king. Beloved Monarch, your praises we sing; In our hearts, your name will always ring.

พระองค์ คือกษัตริยเ์ รืองพระนามข้ามฟ้าไกล ประสูติมาช่วยราษฎร์ให้พ้นทุกข์เข็ญ มงคลโชคเพราะมีไท้ไทยอยู่เย็น สี่ทิศเทิดพระนามเพ็ญพระวรคุณ ไม่เพียงพระเมตตาเอื้ออาทร ใครมีทุกข์ทรงผันผ่อนและเกื้อหนุน สถิตเคียงราษฎร์พระทัยไท้การุณ ที่รวดร้าวข้องขุ่นค่อยคลายจาง ทรงแตกฉานการศึกษาปัญญายิ่ง เชี่ยวชาญจริงทั้งศาสตร์ศิลป์สิ้นทุกอย่าง คราจำเป็นทรงสืบค้นหาหนทาง ทรงแก้ให้ทุกข์เบาบางไวเกินคิด พายุกระหน่ำน้ำท่วมไฟไหม้ ใครป่วยไข้อดอยากตรมระทมจิต ทุกข์ใดโถมไทยหวั่นไหวในชีวิต ไม่ทรงทิ้ง “พ่อ”อุทิศเพื่อผองไทย เสด็จฯ ทรงเยี่ยมผู้ยากไร้อยู่ไกลห่าง กลางพายุทรงรถพลางที่ทางใต้ ทรงช่วยเหลือเหยื่อมหาวาตภัย ไม่ทรงทราบในฤทัยราษฎร์รักพระองค์ พระนามไท้ก่อนลือเลื่องเพราะเขตขัณฑ์ บัดนี้ประเทศไทยลือลั่นด้วย ธ เสริมส่ง มหาราชาปวงข้าเทิดพระบารมีดำรง พระนามสะท้อนในใจจงชั่วนิจนิรันดร์

บทกวีภาษาอังกฤษ ประพันธ์ โดย เพ็ญศรี เคียงศิริ (นราวดี) นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ๒๕๔๒-๒๕๔๔ แปลเป็นภาษาไทย โดย พิสมัย จันทวิมล


หนึ่งในใจชน

เรื่อง...บัวบูชา ภาพ...สิงหรา

โรงเรียนของในหลวง ครูแห่งแผ่นดิน ครูตู้ เป็นคำที่เด็กๆ ใช้เรียกคุณครูที่ปรากฏอยู่บนจอโทรทัศน์ โดยการถ่ายทอดการเรียน การสอนผ่านดาวเทียมจากโรงเรียนวังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อันเป็นโรงเรียนราษฎร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ณะครู อ าจารย์ และลู ก ศิ ษ ย์ ทุ ก คนได้ น้ อ มรั บ พระบรมราโชวาทที่ว่า “ถ้ามีคนถามว่าจบมาจาก โรงเรียนไหน จงบอกเขาเถิดว่า มาจากโรงเรียนบ้าน นอกเล็กๆ ที่ชื่อ วังไกลกังวล” และโรงเรียนบ้านนอก เล็กๆ แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา ระบบทางไกลผ่านดาวเทียมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ โครงการการศึกษาระบบทางไกลผ่านดาวเทียม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว พระราชทานคำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการติด ตั้งอุปกรณ์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมที่โรงเรียน ปลายทาง เช่น การจัดแสงสว่างภายในห้องเรียน การ ติ ด ตั้ ง เครื่ อ งรั บ โทรทั ศ น์ ใ นสั ด ส่ ว นที่ เ หมาะสมกั บ จำนวนนักเรียน และในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งจะ ช่วยลดปัญหาแสงสะท้อนบนจอเครื่องรับโทรทัศน์ รวมทั้งการจัดส่งตารางสอนและคู่มือครูการสอนทาง

ไกลให้ถึงโรงเรียนปลายทางก่อนเปิดเทอมโดยไม่คิด มูลค่า นอกจากนี้ ทรงมีพระราชประสงค์ให้สถานีวิทยุ โทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมผลิตรายการ เพือ่ การศึกษา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ชื่อรายการว่า “ศึกษาทัศน์” (Quest for Knowledge) ซึ่งดำเนินรายการในรูปแบบของการ พานักเรียนไป ศึกษาเรียนรู้นอกห้องเรียน จากของจริง สถานที่จริง การผลิตรายการและออกถ่ายทำตอนแรกเมื่อ วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๓ ชื่อตอน “น้ำพระทัยจาก ในหลวง” หลังจากนัน้ มีการออกถ่ายทำทุกวันเสาร์และ กลั บ มาตั ด ต่ อ เพื่ อ นำออกอากาศทุ กวั น พฤหั ส บดี เนื้อหาของรายการเบือ้ งต้นเกีย่ วกับโครงการตามพระ ราชดำริ งานด้านการเกษตร งานด้านการส่งเสริมศิลป หัตถกรรม วัฒนธรรม ประเพณี และภูมปิ ญั ญามนุษย์ ๕


บรรยากาศการเรียนการสอนในห้องต้นทางที่โรงเรียนวังไกลกังวลหัวหิน

ในแต่ละท้องถิ่น ทัง้ นี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงมีพระราช ดำรัสแนะนำในเรื่องของการผลิตรายการและรูปแบบ ของรายการกับเจ้าหน้าที่ผลิตรายการศึกษาทัศน์ว่า “เราต้องให้เด็กรู้จักใช้มือทำ” สื่อทางไกลผ่านดาวเทียมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงให้ความสำคัญ ด้านการศึกษา พระองค์ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์หลายโรงเรียน โดยทรงให้การช่วยเหลือ อุปถัมภ์ พระราชทานพระราชทรัพย์หรือทรงให้คำ แนะนำ ตลอดจนพระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อ สนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ครูและนักเรียน โรงเรียน ในพระบรมราชูปถัมภ์มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน อาทิ โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนวังไกลกังวลแห่งนี้ ระบบของการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม คือ ต้องมี “ห้องต้นทาง” ได้แก่ ห้องเรียนที่โรงเรียน วังไกลกังวล และ “ห้องปลายทาง” คือ ห้องเรียน ของโรงเรียนเครือข่ายทัว่ ประเทศ ซึง่ ปัจจุบนั มีอยูก่ ว่า ๒ หมื่นโรงเรียน ๖

ในห้องต้นทางจะมีกล้องสองตัวไว้ถา่ ยทัง้ บรรยากาศ การเรียนการสอนของเด็กนักเรียนและคุณครู ก่อนส่ง ไปยังดาวเทียม บริเวณหน้าห้องตรงโต๊ะที่คุณครูยืน สอน เรียกว่า Document Station ประกอบไปด้วย โทรศัพท์ทมี่ ไี ว้ให้นกั เรียนและครูจากต่างจังหวัดสามารถ ติดต่อได้ถงึ ห้องเรียน พูดคุยถามปัญหากับครูทตี่ น้ ทาง ในส่วนที่ ไม่เข้าใจ รวมทั้งมีคอมพิวเตอร์ออนไลน์ อินเตอร์เน็ต เรียกว่าเป็นการสอนแบบ Two Way Communication นอกจากนัน้ ยังมีการนำเทคโนโลยีมาเป็นอุปกรณ์ ช่วยเพือ่ ให้คณุ ครูฉายรูปภาพผ่านเครือ่ งเพือ่ ไปปรากฏ บนจอพลาสมาและทีวีในห้อง ทั้งยังมีเครื่องเล่นซีดี หรือเทปสำหรับไว้เปิดให้นักเรียนดูประกอบการเรียน การสอน รวมทัง้ มีไวต์บอร์ดให้คณุ ครูใช้ดว้ ย ทุกอย่าง ทำเพื่อให้นักเรียนห้องปลายทางในโรงเรียนต่างๆ ทั่ว ประเทศได้เรียน และได้ความรูเ้ หมือนห้องต้นทางอย่าง แท้จริง สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียน วังไกลกังวลนั้นเปิดสอนทุกวิชาของทุกชั้นเรียนตาม หลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ แต่ละชัน้ เรียนจะมีหอ้ ง เรียนทางไกลผ่านดาวเทียม ๑ ห้อง ตั้งแต่ชั้นประถม


ปีที่ ๑ ถึง มัธยมปีที่ ๖ รวมทั้งหมด ๑๒ ช่อง ๑๒ ชั้น และมีอีก ๓ ช่องพิเศษ คือ ช่องเพื่อการอาชีพ ช่องมหาวิทยาลัย และช่องนานาชาติ พระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั “เมื่อสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแปร พระราชฐานมาที่พระราชวังไกลกังวล ทอดพระเนตร ดูรายการ หากทรงมีคำแนะนำอะไรก็ทรงแนะนำ เช่น ให้โฟกัสภาพที่ปลายจมูกของครู จะได้ไม่เห็นริ้วรอย บนใบหน้า ไม่ต้องปูพรม ไม่ต้องติดผ้าม่านสวยงาม” คุณขวัญแก้ว วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เล่าว่า จาก ปัญหาในระยะแรกๆ ที่กลัวกัน เช่น การเรียนการ สอนทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งถ่ายในห้องเรียนเด็ก ชั้นประถม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าห่วง เพราะเด็กๆ อายุยัง น้อย ความตั้งใจยังไม่เข้มข้น แต่ผลออกมากลาย เป็นว่าเด็กว่านอนสอนง่าย ปฏิบัติตัวอย่างมีระเบียบ เรียบร้อยพร้อมกัน เพราะตั้งใจให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง เห็นตนเองกำลังตั้งใจเรียนจากเครื่องรับที่บ้าน “ผลพลอยได้จากการศึกษาทางไกล คือ เด็ก เจ็บป่วยอยู่บ้าน เกิดอุบัติเหตุ สามารถดูการเรียนการ สอนจากโทรทัศน์เคเบิล แจ้งโรงเรียนก็ไม่เสียวัน เรี ย น เด็ ก ต่ า งจั ง หวั ด มี โ อกาสได้ รั บ การติ ว เข้ า มหาวิทยาลัยจากรายการแบรนด์ซัมเมอร์แคมป์ของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานคำแนะนำมาอยูเ่ รือ่ ยๆ เช่น ทอดพระเนตรแล้วมีรับสั่งมาว่านักเรียน ๔๐ คน ขึ้นไป ต้องใช้โทรทัศน์ ๒ เครื่อง ข้างละเครื่อง ทีแรกติดตรงกลางห้องเครื่องเดียวดูยาก พอติดสอง ข้างดูได้ชดั เจนกว่า ฝาผนังด้านตรงข้ามจะมีเครือ่ งรับ โทรทัศน์ ๑ เครื่อง สำหรับผู้สอนจะได้เห็นอิริยาบถ ของตนเอง เมื่อมีอุปกรณ์ ใหม่ๆ มาในห้องเรียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็จะทรงเสนอแนะเพื่อ นำไปปรับปรุงการถ่ายทอดให้ดีขึ้น” สำหรับการเรียนการสอนในวิชาที่ต้องใช้ความ เข้าใจอย่างมาก เช่น วิชาทางวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ก็สามารถทำได้ด้วยการจัดเก้าอี้นักเรียนล้อม ที่โต๊ะเป็นกลุ่ม เตรียมอุปกรณ์การเรียนที่กำหนดไว้ใน คู่มือครูที่ส่งไปให้ที่โรงเรียนปลายทางล่วงหน้า ซึ่ง

ตารางการเรียนการสอนต้องเหมือนกันทั้งห้องเรียน ต้นทางและปลายทาง ซึง่ จะมีการระบุเวลาล่วงหน้าไว้ แล้ว การเตรียมเช่นนี้ ทำให้ทุกโรงเรียนสามารถ ทำการสอนพร้อมๆ กับโรงเรียนวังไกลกังวลได้ ซึ่ง ต่างเห็นพ้องว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้ ขยายการศึกษาสู่ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้ อบรมนิสัยนักเรียนให้ตั้งใจเล่าเรียนให้ดีที่สุดจนสุด ความสามารถ ไม่ได้ทรงหวังให้ทกุ คนมุง่ เข้ามหาวิทยาลัย แต่ทรงหวังให้เป็นคนดีของสังคม นอกจากนีพ้ ระบาท สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยเด็กนักเรียนทาง ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีพระราชดำริให้ คุณขวัญแก้ว วัชโรทัย เดินทางลงไปขยายโอกาสด้านการศึกษาใน จังหวัดเหล่านั้นด้วย นอกเหนือจากนี้ โรงเรียนยังพัฒนาการเรียน การสอนไปอีกขั้น คือทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ช่วง ปิดเทอม คณะครูอาจารย์มกี ารทำโครงการร่วมกันกับ ๗


มหาวิทยาลัยโอเรกอน สหรัฐอเมริกา จัดการสัมมนาเพือ่ การพัฒนาครูภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ซึง่ เป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรโอเรกอน โดยใช้ระบบ วิดโี อคอนเฟอเรนซ์เชือ่ มโยงศูนย์ทอี่ งค์การโทรศัพท์ฯ และโรงเรียนวังไกลกังวล คุณครูท่านใดอยากอบรม ให้โทรศัพท์เข้าไปสอบถาม และไปเข้าห้องอบรมที่ ทางโรงเรียนกำหนดและเรียนรู้โต้ตอบกันผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากมหาวิทยาลัยโอเรกอน ตามความร่วมมือดังกล่าว ทางโอเรกอนจะสอน เทคนิคว่าทำอย่างไรจึงจะสอนให้นักเรียนเรียนภาษา อังกฤษด้วยความสนุก มีการแบ่งครูที่มานั่งเรียนและ ร่วมพัฒนาออกเป็น ๒ จุด คือโรงเรียนใกล้เคียง เช่น ราชบุรี ทุกคนสามารถมาร่วมฟังได้ มีการจัดเป็นห้อง กำหนดไม่เกิน ๕๐ คน ถ้าใครไม่ว่างก็เรียนอยู่ที่บ้าน ถ้าใครเรียนติดตามจนจบคอร์สก็จะได้ประกาศนียบัตร ซึง่ ครูที่ได้รว่ มอบรมก็จะนำความรูท้ เี่ รียนไปพัฒนาการ เรียนการสอนของตัวเอง เช่น เวลาเรียนต้องให้เด็กๆ

ฝึกออกท่าทาง ซึง่ เป็นการเรียนการสอนแบบใหม่และ ค่อนข้างได้ผล เด็กๆ ก็ตงั้ ใจและเรียนอย่างมีความสุข ปัจจุบันโรงเรียนวังไกลกังวลกลายเป็นต้นแบบ การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนและจัดการกับความ ขาดแคลนทางบุ ค ลากรทางการศึ ก ษาได้ อ ย่ า งมี ประสิทธิภาพ อีกทัง้ เป็นโครงการเดียวในโลกทีส่ ามารถ ถ่ายทอดหลักสูตรระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานครบทั้ง หลักสูตรผ่านดาวเทียมไปยังกว่า ๒ หมื่นโรงเรียนทั่ว ประเทศ และประเทศเพือ่ นบ้านอีก ๕ ประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม และจีน ปัจจุบันโรงเรียนวังไกลกังวล กลายเป็นต้นแบบการพัฒนาสื่อการเรียน การสอนและจัดการกับความขาดแคลน ทางบุคลากรทางการศึกษาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ


ทรงเป็นครู พระราชทานความรู้นอกห้องเรียน เมื่อ ๙ ปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานความรู้นอก ห้องเรียนแก่นักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวลหลายวาระ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสอนเป็นครัง้ แรกในรายการ ศึกษาทัศน์ ที่ถ่ายทอดการศึกษาทางไกลผ่านดาว เทียมไปยังโรงเรียนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๔ ณ โรงเรียนเทศบาลบ้านเขาเต่า ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ คณะนักเรียนที่ได้ร่วมรับพระราชทานความรู้ใน ครั้งนั้น ต่างปลาบปลื้มและประทับใจมิรู้ลืม พวกเขา ถ่ายทอดความรูส้ กึ และเหตุการณ์ในวันนัน้ ให้กบั เพือ่ น นักเรียนคนอื่นๆ ที่ ไม่มีโอกาสได้เรียนโดยตรงกับ พระองค์ฟังว่า “ตอนนั้นฟ้ามืดครึ้มฝนจะตก พวกเราคิดว่าคง ถ่ายทำไม่ได้แล้ว แต่พอเวลา ๑๗.๐๐ น.เศษ ขบวน เสด็จของพระองค์มาถึง เท่านั้นแหละฟ้าเปิด พวก เราขนลุกซู่เลย” เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราช ดำเนินไปยังฐานขุดดินเพื่อทรงรับการกราบบังคมทูล รายงานจากเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินว่า ดินชั้นนี้

เป็นชัน้ อะไรบ้าง มีความหนาแน่นและความลึกเท่าไร พระองค์มีพระราชดำรัสถามผู้ที่ขุดดินถวาย และทรง เรียกแผนที่จากเจ้าหน้าที่เพื่อทรงตรวจสอบความถูก ต้อง พระองค์ทรงกางแผนที่ให้ดู ทรงชี้ให้ดูว่า ขุด ไปที่ตรงนี้กี่เมตร จะเจอดินชั้นอะไร แสดงถึงพระ ปรีชาในวิชาฟิสกิ ส์ พระองค์ทรงอธิบายกับพวกนักเรียน ว่า ดินชั้นนี้ขุดไปเป็นดินเลน ดินทราย การปลูกพืช จะไม่ดี จะต้องแก้โดยใช้ปูนขาว เพื่อปรับความเค็ม ของดิน หลั ง จากนั้ น เสด็ จ ฯมาที่ อ่ า งเก็ บ น้ ำ เขาเต่ า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเสด็จฯ ไปที่ประตู ระบายน้ำ เพื่อทรงสอนเรื่องน้ำ มีการตั้งตู้น้ำ ๓ ตู้ แยกเป็นตู้น้ำเค็ม ตู้น้ำกร่อย และตู้น้ำจืด ทรงอธิบาย เรื่องการทดสอบความเค็มของน้ำและคุณภาพน้ำ ช่ ว งเวลาที่ นั ก เรี ย นทุ ก คนประทั บ ใจที่ สุ ด คื อ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ กลับ ได้ มีการกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ฉายพระรูปร่วมกับนักเรียนวังไกลกังวล พระองค์ทรง หันกลับมาฉายพระรูปกับนักเรียน ซึ่งนั่งกันเป็นวงรี ทรงยืนอยู่ตรงกลางกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ๙


ถึงการปล่อยสารเคมีครั้งแรกและการก่อตัวของเมฆ พระองค์มพี ระราชดำรัสถามนักเรียนว่า ฝล. ย่อ มาจากอะไร นักเรียนแต่ละคนกราบบังคมทูลว่าย่อมา จาก ฝนหลวง แต่พระองค์มีพระราชดำรัสว่า ไม่ใช่ มันคือ ฝูงลิง และทรงเล่าด้วยพระราชอารมณ์ขันว่า เคยมีผู้กราบบังคมทูลพระองค์ว่า ฝล. คือ ฝูงลิง ก่อนจะเสด็จฯกลับ ทรงหยิบอัลบัม้ รูปของคุณทองแดง ขึ้นมาจากกระเป๋าฉลองพระองค์สูท ทรงเล่าและทรง ให้ดูถึงความเป็นมาของคุณทองแดงตั้งแต่แรกเกิดจน โตและมีลูกออกมา ๙ สุนัข ต่อมานักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวลชุดเดิมอีก เช่นกัน มีโอกาสเข้ารับพระราชทานความรู้จาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ในพิธีน้อมเกล้าฯ ถวาย โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ณ พืน้ ทีป่ า่ ชายเลน เขตป่าสงวนแห่ง ชาติคลองเก่า-คลองคอย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ ในครั้งนี้พระองค์ทรงสอนเรื่อง การปลูกป่าชายเลน ทรงมีพระราชดำรัสว่า “เป็นนักเรียนต้องรูห้ น้าที่ สยามบรมราชกุมารี และก่อนเสด็จพระราชดำเนิน หน้าที่คือการเรียน ต้องตั้งใจเรียน และมีความ กลับ พระองค์มีพระราชดำรัสกับนักเรียนว่า “เรียนอะไรก็ ได้ แต่เรียนแล้วขอให้ตั้งใจเรียน กตัญญูรู้คุณ” และให้นำความรู้เข้าไปในพื้นที่ชนบท ในลักษณะที่ไป ให้ความรู้กับเขา ไปชี้แนะเขา ในทางตรงกันข้าม ถ้า เสียงจากศิษย์ของครูของแผ่นดิน สุคนธ์ทิพย์ สุกสี หรือแพร ศิษย์เก่าโรงเรียนวัง เราไม่เข้าใจอะไรก็ให้ถามเขา ให้เขาเป็นคนแนะนำเรา ไกลกังวล เคยเป็นหนึ่งในคณะลูกศิษย์โดยตรงของ แต่อย่าไปสอนเขา” ต่อมาในวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๔ นักเรียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แพร เล่าว่า พระองค์ท่านทรงสอนวิชาที่จะต้อง โรงเรียนวังไกลกังวลชุดเดิมมีโอกาสเข้ารับพระราชทาน ความรู้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งที่ ๒ ลงมือปฏิบัติงานจริง เช่น ถ้าทำนาก็ต้องลงมือทำ ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาทรงสอนในรายการ พระราชทาน ศึกษาทัศน์ เรื่อง ฝนหลวง และ พระราชทาน ตำราฝนหลวง ผ่านเจ้าหน้าที่ นำ ไปให้นักเรียนได้ ใช้ศึกษาก่อนจะไปเฝ้ารอรับเสด็จ ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ต.บ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สิ่งที่นักเรียนทุกคนประทับใจมาก คือ หลัง จากทรงอธิบายในห้องเกี่ยวกับเรื่องการใช้สารเคมี กระบวนการทำฝนหลวงแล้ว มีพระราชดำรัสว่า “เดี๋ยวเราไปดูของจริงกัน” วันนั้นพระองค์มีพระราช ดำรัสสั่งให้ปฏิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่ ทรงอธิบาย ๑๐


อย่างจริงจัง และต้องมีการถ่ายทำเป็นสารคดีสนั้ ความ ยาวประมาณ ๓๐ นาที เพื่อใช้ในรายการศึกษาทัศน์ ของพระองค์ท่านด้วย เรื่องราวที่ประทับใจและปลาบปลื้มใจเกี่ยวกับ พระองค์ท่านนั้น แพรและเพื่อนๆ มีโอกาสได้ประสบ กับตัวเองบ่อยครั้ง และแต่ละครัง้ นัน้ คงไม่มวี นั ลืมได้ มีอยูค่ รัง้ หนึง่ ทีใ่ กล้จะเรียนจบ ซึง่ ตอนนัน้ พระองค์ ท่านเสด็จฯ ขึ้นรถพระที่นั่ง หลังจากถ่ายทำรายการ ศึกษาทัศน์เสร็จแล้วนัน้ แพรคิดว่านีค่ งเป็นครัง้ สุดท้าย ในชีวิตของตัวเองแล้วที่จะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเบื้อง พระยุคลบาทเช่นนี้ และตอนนัน้ แพรกับเพือ่ นๆ กำลัง นัง่ พับเพียบก้มกราบพระองค์ทา่ นอยู่ ขณะนัน้ ได้แอบ เห็นพระองค์ท่านซึ่งเสด็จฯ ผ่านเลยไปแล้ว ทรงถอย กลับมา แล้วทรงยกกล้องถ่ายรูปส่วนพระองค์ถ่ายรูป นักเรียนกลุ่มนี้ ช่วงนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ผ่านมาเช่นกัน พร้อมกับทรงตรัสกับพระเจ้าอยู่หัวว่า “เด็กกลุ่มนี้เรียนจบ ม.๖ แล้วคงไม่ได้มีโอกาสมาตาม เสด็จฯ อีกแล้ว” จากนั้นทรงมีพระราชอารมณ์ขัน กล่าวกับลูกศิษย์ว่า ให้ปลอมตัวมาใส่ชุดนักเรียน ซึ่ง วิ นาที นั้นทุกคนถึงกับน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกแบบที่คนอื่นเขามักจะเรียกว่า ตื้นตัน

แบบทีส่ ดุ เพิง่ จะมีโอกาสได้รจู้ ริงก็ครัง้ นีค้ รัง้ แรก เป็น ความภูมิใจที่สุดในชีวิต เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ แผนกศิลป์ภาษา ญี่ปุ่น แพรศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต คณะ ศิลปศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษธุรกิจ เพิ่งรับปริญญา ไปเมือ่ ไม่นานมานี้ และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคณุ อันใหญ่หลวง แพรจึงขอถวายงานโดยทำงานกับมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ อยู่ฝ่าย ประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่จัดนิทรรศการช่วยเหลือแจก สิ่งของพระราชทานผู้ประสบภัยต่างๆ เรื่อยมา โดย ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานในหน้าที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด ประสบการณ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาเลยที่ ลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึง่ ได้มโี อกาสอันยิง่ ใหญ่ คือ ได้เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว องค์ประมุขของแผ่นดิน ย่อมถือได้วา่ เป็นสิง่ สูงค่า ที่ไม่อาจเทียบได้กับสิ่งอื่นใดในชีวิต พระมหากรุณาธิคุณ และพระราชจริยาวัตรอัน เปี่ยมด้วยพระเมตตา ประทับอยู่ในใจของชาวไทยทั่ว หล้า ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทย โดยแท้ ๑๑


ยอดเยาวชน

เรื่อง...เพลิน ภาพ...พิม

อติพร เทอดโยธิน

เปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลักดัน เยาวชนคนเก่งผู้คว้ารางวัลเหรียญทอง จากการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย

ย้

อนไปในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นอีกครัง้ ทีห่ วั ใจของคนไทยตืน่ เต้นยินดี เมื่อเห็นธงไทยโบกสะบัดบนเวทีการแข่งขันทางด้านการศึกษา ระดับโลก หนึง่ ในสีต่ วั แทนจากประเทศไทย นางสาวอติพร เทอดโยธิน หรือ น้องอร คือผู้กำชัยชนะจากการแข่งขันด้านชีววิทยาโอลิมปิก ระหว่างประเทศในครั้งนั้น ซึ่งการส่งนักศึกษาไทยเข้าร่วมแข่งขัน โอลิมปิกวิชาการระดับโลกดังกล่าว ดำเนินการโดยมูลนิธิส่งเสริม โอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศกึ ษา ในพระอุปถัมภ์

๑๖ ๑๒


คุณแม่ : จะว่าเอาใจก็ได้ แต่ไม่ได้ตามใจ เรา เน้นความเอาใจใส่มากกว่า ด้วยความที่เขาเป็นลูกคน เดียว เวลาลูกเล่าอะไรเราจะคิดเป็นกลางๆ ไว้ก่อน จะไม่เข้าข้างเขาทัง้ หมด ส่วนตัวคุณแม่เองก็มลี กู ตอน อายุมากแล้ว ฉะนั้นต้องลดช่องว่างระหว่างวัยด้วย การเล่นกับลูก ฟังในสิ่งที่เขาพูด เราเป็นคุณแม่ที่ดุ นะคะ แต่เราต้องเล่นกับลูกให้เป็น

เวลาที่เขามีเป้าหมายอะไร หรือ ต้องการทำสิ่งใด เราจะช่วยกันหารือ คุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ไปถึงเป้าหมาย นัน้ ๆ คอยบอกให้เขาสำรวจตัวเอง และ หากลูกผิดหวังก็จะบอกเขาว่าไม่ต้อง เสียใจ แต่เราต้องอย่ายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น ต้อง มีความพยายามค่ะ โชคดีวา่ เขาเป็นเด็กคิดดีและมุง่ ทำ แต่สิ่งดี แม้ตัวเล็กแต่ไม่กลัวงานหนัก ทุกวันนีก้ ย็ งั รับจ้างสอนหนังสือ ช่วยอาจารย์สอนบ้าง เขารูจ้ กั การ บริหารเวลาด้วยตัวเอง คุณแม่จะไม่บังคับว่าลูกต้องทำ อย่างนี้สิ อย่างนั้นสิ มันจะเป็นการกดดันเขา ถ้าทำ แบบนัน้ เราก็ตอ้ งรบกันทุกวัน ให้เขาทำอะไรก็ได้ที่ เป็นความสุขดีกว่า ทางด้านการเตรียมความพร้อมทัง้ ร่างกาย จิตใจ จะเน้นอยู่กับลูกให้มาก เขาจะทำอะไรก็ตาม เราจะ ช่วยเป็นกำลังใจอยู่ใกล้ๆ ให้ลูกรู้ว่า เขาไม่ได้ต่อสู้ เพียงลำพัง หากเผชิญปัญหาก็รู้ว่าพ่อแม่อยู่ข้างๆ ตอนเด็กๆ คุณแม่ฝกึ ลูกให้อา่ นหนังสือ โดยการ อ่านออกเสียง เป็นเทคนิคนอกจากให้เขาพูดชัดถ้อย ชัดคำแล้วยังทำให้มีสมาธิในการอ่านหนังสืออีกด้วย รวมถึงการเอาใจใส่และเห็นคุณค่าในสิ่งที่ลูกทำ จะยิ่ง ช่วยให้เขาเห็นความสำคัญในสิ่งนั้นเช่นกัน คุณพ่อ : ผมถือว่าเป็นความโชคดีของเราทั้งคู่ เพราะน้องอรตั้งใจเรียนและเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยทำให้พ่อแม่เดือดร้อนใจ มีความตั้งใจเรียน และเรียนดีมาก แทบไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไชเลย โดยเฉพาะ เรื่องความรับผิดชอบ เขาดูแลตัวเองได้ดีมาก ส่วนใหญ่ทที่ ำคือ จัดเวลาและพูดคุยกันในครอบครัว ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเดียว ก็กลัวว่าเขาจะเหงา หากสนิทกับเพือ่ นซึง่ อยู่ในวัยเดียวกัน แล้วเกิดแนะนำ

น้องอร อติพร กับคุณพ่อคุณแม่

ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ

สมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงมีพระกรุณาธิคุณด้านการศึกษา อย่างใหญ่หลวง ในปัจจุบันสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานมูลนิธินี้ สำหรับน้องอร ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยได้ รับเกียรติให้เข้ารับการศึกษาเป็นกรณีพิเศษ มาในวันนีเ้ ธอพร้อมจะแบ่งปันเคล็ดลับดีๆ ในการ เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ พร้อมข้อคิดถึงเยาวชน คนไทยทุกคน ทำอย่างไรให้เรียนดีจนได้เกรดเฉลี่ย ๔.๐๐ ในทุกวิชา ซึ่งเราเชื่อว่าบทสัมภาษณ์ในบรรทัด ต่อไปนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่น้องๆ เยาวชน ที่ได้อา่ น สามารถนำไปปรับใช้กบั ตัวเองอย่างแน่นอน ในวันสัมภาษณ์นอ้ งอรมาพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ คือ รศ.ดร.อภิชิต เทอดโยธิน รองอธิการบดีฝ่ายการ เงินและทรัพย์สนิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ คุณฐิติภา เทอดโยธิน ที่บอกเล่าถึงเคล็ด ลับการดูแลลูกสาวคนเก่งคนนี้ค่ะ เนื่องจากน้องอรเป็นลูกคนเดียว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ มีการอบรมสั่งสอนอย่างไรบ้างคะ

๑๓


สิ่งไม่ถูกไม่ควร เราจึงให้เวลากับเขาเยอะ ทำให้เรา เป็นครอบครัวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน ส่วนเรือ่ งการเรียนและการพักผ่อน ก็จะเน้นทีก่ าร เตรียมความพร้อม เขาต้องการเรียนอะไรเราก็เตรียม ให้ อย่างตอนเด็กๆ เขาอยากเรียนเปียโน ก็ช่วยหาที่ เรียน หาเวลาไปรับ-ส่ง สิ่งที่เขาอยากเรียน เขาก็จะ มาบอก อย่างเปียโนก็มาขออยูห่ ลายครัง้ พาไปสมัคร แต่ครูกลับไม่รับเพราะนิ้วเขาเล็ก อีกสักพักก็ไปใหม่ ไปจนเขารับ พอมาระยะหลังๆ เริ่มเรียนหนักขึ้น ก็ เลยไม่ค่อยมีเวลาไป ในเรื่ อ งการแบ่ ง เวลาน้ อ งอรเป็ น เด็ ก ชอบทำ กิจกรรมเยอะ เรียนก็หนัก กิจกรรมก็มาก ซึ่งต่าง จากเด็กเรียนบางคนที่ไม่ชอบทำกิจกรรม แต่อรจะร่วม กิจกรรมทุกครั้ง สำหรับตัวผมมองว่าเป็นสิ่งดี ทำให้ สุขภาพจิตดีไม่เครียด อยู่บ้านลูกก็มีความสุข คุยกับ พ่อแม่ เน้นความอบอุ่นในครอบครัว อย่างช่วงที่ไป โอลิมปิก เราให้เวลาเต็มที่ตามที่เขาต้องการ หรือ ช่วงที่เขาดูหนังสือ ผมก็จะนั่งให้กำลังใจข้างๆ อยู่ดึก ด้วยกัน มาคุยกับน้องอรกันบ้าง มีเคล็ดลับการเรียนดีอย่างไรคะ

ก่อนอื่นต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่าเราจะทำอะไร บ้าง แล้วค่อยคิดว่า ทำอะไรนานเท่าไหร่ ทำให้ได้ ตามเวลาที่วางไว้ และต้องทำอย่างจริงจัง ตั้งใจ ไม่ เล่นไม่อู้ เวลาเรียนต้องมาก่อน เมื่อเรียนให้ดีแล้วเรา ก็เล่นได้เต็มที่ อ่านหนังสือทบทวนบ้าง ต้องคิดเสมอ ว่า เรียนคือหน้าที่ อรว่าการจะทำอะไรเราต้องรู้จัก การแบ่งเวลา อย่างตอนแข่งโอลิมปิก เวลาทำข้อสอบ มีเวลาให้เท่านี้ เราก็ต้องแบ่งเวลาว่าจะทำการทดลอง อย่างไร เราควรบริหารเวลาในชีวติ ประจำวันของเราค่ะ วันแห่งความภาคภูมิใจและความสำเร็จอันทรงเกียรติ

๑๔

มีการเรียนพิเศษเพิ่มเติมไหมคะ

มีบ้างค่ะ เพราะอรทำกิจกรรมเยอะ อย่างเวลา ไปแข่งก็ขาดเรียน เลยต้องเรียนเสริมในช่วงที่เราขาด ไป แต่ก็ไม่ใช่เรียนไปหมดทุกอย่าง เรียนส่วนจำเป็น นอกนั้นก็อ่านทบทวนเอง เทคนิคการอ่านหนังสือ

๑. อ่านอย่างมีสมาธิ บางคนอ่านไปดูทวี ฟี งั เพลง ไป อาจทำให้อา่ นแค่ผา่ นตา ต้องมีสมาธิและทำความ เข้าใจไปด้วย ขีดเส้นใต้เพื่อเน้นจุดสำคัญ ๒. ไม่ต้องจำทั้งหมด จำอย่างมีเหตุผลและหลัก การ ทำความเข้าใจภาพรวม ทำให้รู้ว่าเรื่องนี้เป็น อย่างไร แบบไหน ควรจำส่วนใดเป็นพิเศษ การเน้น รายละเอียดจะช่วยให้จำง่ายขึ้น ๓. หากเบื่อหรือขี้เกียจ อาจต้องพักบ้าง ดูทีวี เดินไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ทานอาหาร อาบน้ำ คุย กับคุณพ่อคุณแม่ แต่ต้องจำกัดเวลา เช่น ดูทีวีครึ่ง ชัว่ โมงพอหายเบือ่ แล้วกลับมาอ่านต่อ คิดเสมอว่าการ


ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์อย่างแท้จริง ที่ทำให้ประเทศไทยมีโอลิมปิกวิชาการ ทำให้เยาวชน คนไทยมีโอกาสเข้าแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ระหว่างประเทศ เรียนเป็นหน้าที่ของเรา ต้องทำให้ดีที่สุด เหนื่อยหรือ อยากพักอย่างไรก็ต้องทำหน้าที่ของเราก่อน พักพอ ให้มีแรงแล้วก็ทำต่อ เป็นการให้กำลังใจตัวเอง อย่าง ช่วงสอบจะค่อนข้างหนักมาก แนะให้จัดตารางเวลา ชีวิต เป็นวิธีควบคุมไม่ให้เราอู้ อ่านเช้าบ่ายพัก ยืด หยุ่นบ้างจะได้ไม่เครียดเกินไปค่ะ ที่เลือกเรียนต่อทางด้านแพทยศาสตร์เพราะอยากเป็น คุณหมอหรือเปล่าคะ

ตอนแรกมีความมุง่ มัน่ อยากเป็นหมอเด็กค่ะ หลังๆ ก็ยงั ไม่ตดั สินใจ แต่อรอยากเป็นทัง้ นักวิจยั และอาจารย์ ในมหาวิทยาลัย อรชอบวิชาแพทย์เพราะเป็นการนำ เอาวิชาชีววิทยา ร่างกาย เชื้อโรค ภูมิคุ้มกัน และ สารเคมีมาบูรณาการเข้าด้วยกัน เป็นการเรียนชีววิทยา แบบองค์รวม นอกจากนี้ยังเป็น ประโยชน์ต่อสังคม ได้ช่วยเหลือ คนไข้ ดังคำพูดที่ว่า ปัญญาที่ดี ย่อมเกิดในผู้มีสุขภาพดี อรคิดว่า การแพทย์จะเป็นการช่วยเตรียม บุคลากรให้ประเทศ เพือ่ เขาเหล่านัน้ จะได้ไปพัฒนาประเทศต่อ ส่วนที่ อยากเป็นอาจารย์แพทย์เพราะต้อง การสอนนักศึกษารุ่นต่อไป จะได้ ถ่ายทอดอุดมการณ์ดีๆ สู่ลูกศิษย์อีกหลายๆ คนต่อ ยอดกันไปเป็นมหภาค

อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ในการแข่งขันโอลิมปิกวิชา การหน่อยค่ะ

กว่าจะมาถึงวันนี้อรก็เคยผิดหวังมาก่อน อย่าง ตอนไปแข่งโอลิมปิกปีแรก ตอนนั้นอรอยู่มัธยมศึกษา ปีที่ ๔ การเตรียมตัวเข้าแข่งขันแต่ละครั้งต้องใช้เวลา หนึ่งปีในการเก็บตัว ตอนนั้นอรเป็นเด็กในค่ายที่อายุ น้อยที่สุด การคัดเลือกจะคัดจากเด็กจำนวนนับหมื่น คนทั่วประเทศ จากนั้นตัดเหลือ ๕๐ คน เพื่อนำมา บวกกับเด็กโควต้าอีก ๕๐ คน และทำการทดสอบทั้ง ทฤษฎีและปฏิบัติ จากนั้นก็คัดออกครึ่งหนึ่ง การเข้า ค่ายจะเป็นการเก็บคะแนนไปเรื่อย จนเหลือแค่ ๑๐ กว่าคน อรก็อยู่จนถึงรอบสุดท้าย พอรอบสุดท้าย ประกาศว่าไม่ได้เป็นผู้แทน ตอนนั้นเศร้า เหนื่อย ผิดหวัง เพราะเราพยายามมาทั้งปี แต่อรก็บอกตัว เองว่า ในเมื่อกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว เรา ต้องพยายามใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดูตัวเองว่าจุดบกพร่อง คืออะไร แก้ไข แล้วก็พยายามใหม่ พอปีถัดมาใน ที่สุดก็ได้เป็นตัวแทนค่ะ และในทีน่ ี้ อรอยากจะบอกว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคณ ุ ของสมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์อย่างแท้จริง ที่ทำให้ ประเทศไทยมีโอลิมปิกวิชาการ ทำให้เยาวชนคนไทย มีโอกาสเข้าแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ ช่วงที่มีความเครียด ผ่านเวลาเหล่านั้นไปได้อย่างไรคะ

ความกดดันก็มีบ้างค่ะ ยิ่งเรียนสูง งานยิ่งเพิ่ม ขึ้น ต้องทำงานหนักขึ้น เวลาที่เห็นข่าวเด็กที่เครียด แล้วทำร้ายตัวเอง อรอยากจะบอกเขาว่า ให้รักตัวเอง ก่อน และต้องคิดเสมอว่า เรามีค่าสำหรับพ่อแม่และ สังคม เวลาทีผ่ ดิ หวังคุณยังมีครอบครัวและเพือ่ น คุณพ่อ

คำสั่งสอนใดของคุณพ่อคุณแม่ที่น้องอรนำมาปรับใช้ กับการดำเนินชีวิตคะ

คุณพ่อจะบอกเสมอว่า จงทำตนเองให้มีคุณค่า ไม่วา่ จะอยูต่ รงไหนขอให้จำตรงนีเ้ อาไว้ เวลาทีอ่ รจะทำ อะไรก็ต้องทำให้ดี ทำงานทุกอย่างเต็มที่ทั้งกับเพื่อน ช่วยงานคุณครู ทุกที่ที่เราอยู่ เราต้องทำให้ดี เราจะ ได้มีคุณค่าสำหรับที่นั่น ๑๕


คุณแม่พร้อมเป็นแรงสนับสนุนเสมอ บางทีทา่ นทัง้ สอง อาจจะยุ่งจนลืมบอกว่า คุณมีค่าแค่ไหน คุณก็ต้อง บอกตัวเองว่า อย่างน้อยที่สุดคุณก็มีคุณค่าในตัวเอง อย่าทำร้ายตัวเองให้พ่อแม่ผิดหวังเลยค่ะ

มีธงชาติไทยอยู่ข้างหลัง เหมือนเป็นความสำเร็จ ดัง คำกลอนว่า ‘ดอกออกคราวใดงามเด่น’ เป็นความ สำเร็จอันทรงเกียรติ และอรถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ผู้ แทนเยาวชนสำเร็จแล้ว

ทำการแก้ไข ผิดหวังได้แต่ต้องไม่สิ้นหวัง การศึกษา เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่จะเสร็จได้ง่ายในวันสองวัน โดยที่เราไม่ต้องพยายาม บนทางเดินย่อมมีอุปสรรค แต่สงิ่ สำคัญคือต้องไม่ทอ้ แท้ ล้มได้แต่ตอ้ งลุก ลุกแล้ว ก็ไม่ใช่ไปอย่างทือ่ ๆ เอาหัวชนฝา เราต้องมองย้อนตัว เอง หาจุดบกพร่องแล้วปรับปรุงแก้ไข อรอยากจะฝาก บทประพันธ์โดยอดีตรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ ฯพณฯ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ที่ว่า “กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น งานสั่งสอนปลูกปั้น เสร็จแล้ว แสนงาม” เมือ่ เราพยายามจนประสบความสำเร็จ เกิดความ ภาคภูมใิ จ เราก็อยากจดจำช่วงเวลางดงามนัน้ ไปตลอด เหมือนตอนไปแข่งโอลิมปิกวิชาการ เป็นหนทางที่ ยาวนาน มีอุปสรรค ยิ่งได้เป็นผู้แทน เปรียบดั่งความ หวังของประเทศ เราต้องรับทำหน้าที่เยาวชนไทย อร เปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลักดัน ว่าเราต้องตั้งใจ ให้มาก อ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัด วินาทีที่รู้ว่าชนะ ได้เหรียญทอง อรยังจำภาพผูแ้ ทนสีค่ นทีช่ เู หรียญ แล้ว

น้องๆ หรือเยาวชนที่มีความฝัน ถ้าคิดอยากจะ ทำอะไรให้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จ อรเชื่อว่าทุก คนมีความสามารถ แต่สิ่งสำคัญคือใครจะสามารถ นำความรูค้ วามสามารถเหล่านัน้ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ สูงสุด ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม วิธีง่ายๆ ในการค้นหาความสามารถของตัวเอง อาจจะเริ่มจาก มองถึงสิง่ ทีเ่ ราชอบ บางคนไม่ชอบเรียน ถ้าเล่นดนตรี แล้วมีความสุขมาก ก็ควรได้รับการส่งเสริมไปให้ถูก จุด เพื่อที่จะได้พัฒนาตนเองต่อไป หรือกระทั่งคน ชอบเล่นเกม ก็สามารถกลายเป็นโปรแกรมเมอร์ผลิต เกมได้ทุกอย่างหากมองหาประโยชน์ของมัน และรู้วิธี ว่าจะเอามาใช้อย่างไร ก็จะสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเอง ได้ทั้งนั้นค่ะ น้องอรตั้งคำถามไว้ให้แล้ว เยาวชนคนไหนที่ยัง ไม่เคยสำรวจตัวเองว่า มีความชอบหรือถนัดอะไร ก็ ลองค้นหาคำตอบดูนะคะ ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งเรา ก็อาจจะเป็นตัวแทนเยาวชนของประเทศทางด้านใด ด้านหนึ่งได้เช่นกัน ลองเริ่มจากหาคำตอบให้ตัวเอง ในตอนนี้เลย ดีไหมคะ?

แนวคิดสี่ข้อ องค์ประกอบความสำเร็จจากคนเก่ง

สุดท้ายนี้อยากให้น้องอรฝากข้อคิดสำหรับเยาวชนไทย อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง หาจุดบกพร่อง และ ค่ะ

๑๖


มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.)

มเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ องค์อุปถัมภ์ โครงการจัดส่งเยาวชนไทยไปแข่งขัน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โอลิมปิกระหว่างประเทศ ทรงทราบถึง ปัญหาของการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ คอมพิวเตอร์ ในระดับโรงเรียนของประเทศไทย เมื่อ เทียบกับระดับนานาประเทศมาโดยตลอดจากคณาจารย์ ที่นำคณะนักเรียนไปแข่งขัน และจากนักเรียนที่เป็นผู้ แทนประเทศไทย รวมทัง้ ผูท้ เี่ กีย่ วข้อง ทรงเห็นว่าการ จะพัฒนาความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิ ต ศาสตร์ ข องนั ก เรี ย นทั่ ว ประเทศให้ ไ ด้ ร ะดั บ มาตรฐานสากลนั้น กระทำได้ยากมากในระยะเวลา อันสั้น แต่สิ่งที่สามารถจะทำได้ก่อน คือ การพัฒนา นักเรียนที่มีศักยภาพสูง และทรงเห็นด้วยว่าองค์กร อิสระ ซึ่งมีความคล่องตัวมากกว่าและไม่ยึดติดกับ ระบบราชการจะสามารถช่วยรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมาย ได้เร็วขึ้น ด้วยสายพระเนตรที่กว้างไกล สมเด็จพระเจ้าพี่ นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วน พระองค์ให้ศาสตราจารย์ศกั ดา ศิรพิ นั ธุ์ (นายกสมาคม วิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) ไปดำเนินการจัดตั้ง มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ และพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศกึ ษา ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒ ั นา กรมหลวง นราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๕๓๓ และทรงรับเป็นองค์ประธานมูลนิธิ สอวน. ด้วย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหา

ที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อวงการ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวงการศึกษาของประเทศไทยโดยรวม ปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นองค์ประธาน สอวน. สืบต่อมา มูลนิธิ สอวน. มีจดุ ประสงค์หลัก ๒ ประการ คือ ส่ ง เสริ ม ให้ นั ก เรี ย นในระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา ตอนปลายทัว่ ประเทศทีม่ คี วามสามารถทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์มีโอกาสได้รับการพัฒนาศักยภาพ ทางด้านคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เคมี ชีววิทยา และฟิสกิ ส์ ตามความถนัดทัง้ ในด้านทฤษฎีและทักษะ ด้านปฏิบัติให้สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ปัญหา ทีซ่ บั ซ้อนได้ และมีความพร้อมทีจ่ ะเข้ารับการคัดเลือก ไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ เพือ่ ช่วยพัฒนาการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ระดับโรงเรียน ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล การดำเนินงานของมูลนิธิ สอวน. ได้รบั ความร่วมมือเป็นอย่าง ดี ยิ่ ง จากกระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐทัว่ ประเทศ ๒๐ แห่ง และสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี (สสวท.) และในส่วนของงบประมาณได้ รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล โดยตั้งผ่านสถาบันส่งเสริม การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และได้รับการ สนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐบาล และเอกชน ข้อมูลและความเคลือ่ นไหวของ สอวน. ติดตามได้ จาก www.posn.or.th

.

.

๑๗


Idol & Hero เรื่อง...ยีน ภาพ...สิงหรา

ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา (ตีโต้)

กระโดดไกล ไปคว้าแชมป์โลก! หนุ่มน้อยวัย ๑๘ ปี จากเชียงใหม่นามว่า ศุภนร (สุ-พะ-นะ-ระ) มีความหมายว่า “ชายผู้มีความเจริญ” เขาคือคลื่นลูกใหม่แห่งวงการ กีฬาไทย ที่นอกจากจะสร้างความภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัวแล้ว ยังสร้างชื่อเสียงด้วยการพลิกประวัติศาสตร์เป็นนักกรีฑาไทยคนแรก ที่สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑายุวชนชิงแชมป์โลก ๒๐๐๙ ที่ประเทศอิตาลี และเวลาต่อมายังครองตำแหน่งแชมป์ กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ ๒๕ “เวียงจันทน์เกมส์” อีกด้วย

กี

ฬาคือความสนุก ศุภนร หรือชือ่ เล่นทีท่ างบ้านเรียกว่า ตีโต้ เป็นบุตร ของ ม.ล.จักรีพันธ์ และ คุณอรวัลย์ ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา ผู้ที่เป็น เหมือนกำลังใจ และสนับสนุนในการเล่นกีฬาของบุตรชายมาตลอด ตีโต้นั้น ชื่นชอบกีฬาทุกรูปแบบ โดยเริ่มเล่นกีฬาตั้งแต่อายุประมาณ ๙ ขวบ เรียกว่า อะไรที่เป็นกีฬาเขาชอบหมด ตีโต้เล่นทั้งกระโดดไกล วิ่ง บาสเก็ตบอลและ ลีลาศ จนอายุ ๑๒ ปี ก็รู้สึกว่า มีความสนใจกีฬาประเภทกระโดดไกลเป็น พิเศษ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นกีฬาที่ท้าทายดี มีโอกาสแก้ตัวได้บ่อยครั้ง ไม่ว่า อยู่ที่ไหนก็สามารถซ้อมได้ไม่ต้องมีสนามหรืออุปกรณ์ และคนไทยส่วนใหญ่ก็ ยังไม่ค่อยนิยมเล่นกันมากนัก

๑๘


นักกรีฑาไทยคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑายุวชนชิงแชมป์โลก ๒๐๐๙ ที่ประเทศอิตาลี

เมื่อค้นพบกีฬาที่ชอบมากที่สุดแล้ว ตีโต้จึง หยุดการเต้นลีลาศ พออายุ ๑๔ ปี ก็เลิกเล่น บาสเก็ตบอล จนเมื่ออายุ ๑๕ ปีก็ถูกดึงตัวเข้ามา ซ้อมกับโค้ชสังวร (นาวาอากาศตรีสงั วร ทวีเฉลิมดิษฐ์) อดีตนักเขย่งก้าวกระโดดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญ เงินกีฬาซีเกมส์ โดยก่อนเข้ามาฝึกซ้อมกับสมาคมกรีฑาแห่ง ประเทศไทยฯ ตีโต้ทำสถิตกิ ระโดดไกลได้เพียง ๕.๕๐ เมตรเท่านัน้ จากนัน้ ก็เริม่ พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนือ่ ง จนอายุ ๑๗ ปีจึงเข้าสู่การเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติ และในการแข่ ง ขั น กรี ฑ าชิ ง แชมป์ ป ระเทศไทยปี พ.ศ ๒๕๕๒ เขาก็สามารถทำสถิตไิ ด้ถงึ ๗.๔๐ เมตร ผ่านเกณฑ์สหพันธ์กรีฑานานาชาติ และนัน่ คือใบเบิก ทางสู่การแข่งขันระดับโลก

วินาทีแห่งชัยชนะ ในเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว

ตีโต้บินลัดฟ้าสู่เมืองเบรสซาโนเน ประเทศอิตาลี เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกรีฑายุวชนชิงแชมป์ โลก ก่อนไปแข่งขัน ตีโต้บอกโค้ชว่า เขาอยากจะทำให้ ได้ เพราะยังไม่เคยมีคนไทยคนไหนทำได้สำเร็จ เขา อยากเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าชัยชนะในครั้งนี้ ในรอบชิงชนะเลิศของการกระโดดไกล ตีโต้ตอ้ ง ต่อสู้กับอีก ๑๔ ชาติซึ่งล้วนเป็นตัวเก็งและมีความ สามารถโดดเด่น เขาเล่าถึงบรรยากาศในวันนัน้ ว่า มี คนมาดูเยอะมาก แต่ตวั เขากลับไม่ตนื่ เต้นเลย เพราะ คิดแต่เพียงว่า ต้องทำให้ได้ดเี หมือนทีซ่ อ้ มมา บอก ตัวเองว่า “ต้องตั้งใจ เพราะเป็นสิ่งที่ฝันไว้มาตลอด ต้องไปให้ถึงฝันให้ได้!” และในที่สุดเขาก็ทำให้ฝันเป็นจริง ตีโต้คว้าชัย ๑๙


ในการแข่งขัน ประกาศก้องให้ทวั่ โลกรับรูค้ วามสามารถ ของเยาวชนไทย ด้วยสถิติ ๗.๖๕ เมตร นอกจากนี้ ตีโต้ยังร่วมแข่งขันเขย่งก้าวกระโดดอีกหนึ่งรายการ แม้จะเป็นอีเวนท์ที่ไม่ถนัดเท่ากระโดดไกล แต่เขา ยังสามารถนำเหรียญเงินมาสะสมอีกหนึ่งเหรียญ ด้วยสถิติ ๑๕.๗๐ เมตร ซึ่งเป็นสถิติที่ดีที่สุดในชีวิต ของเขาเช่นเดียวกัน ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม สิ่งที่ได้รับจากการ แข่งขันอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ นอกจากประสบการณ์ที่หา จากที่ไหนไม่ได้แล้ว ตีโต้ยังคงประทับใจในทุกวินาที ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการได้เห็นคนที่นั่นมาดูกันเต็ม สนาม เมื่อเทียบกับสนามแข่งในบ้านเราซึ่งโล่งมาก บรรยากาศก็เงียบๆ มีแต่ผปู้ กครองของนักกีฬาเท่านัน้ มาเชียร์ ช่างเป็นบรรยากาศที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว เรียกได้ว่า ตั้งแต่เขาเกิดมา ยังไม่เคยเจอการแข่ง ขันอะไรที่สนุกเท่านี้มาก่อน ทั้งคนเชียร์และคนแข่ง ต่างก็ทำหน้าของตนเองได้อย่างเต็มที่ ตีโต้ให้ข้อคิดว่า คนที่โน่นเขาปลูกฝังเรื่องรัก “ยิ่งมีคนเชียร์ คนแข่ง ก็ยิ่งรู้สึกสนุกกับการ แข่งขัน” ตีโต้ย้ำว่า ไม่จำเป็นว่าจะต้องมา เชียร์เขาคนเดียว มาเชียร์ ใครก็ ได้ ที่คุณชื่นชอบ

๒๐

กีฬามาตัง้ แต่เด็ก ทำให้ทกุ คนเห็นความสำคัญ พอได้ เห็นเช่นนั้นแล้ว เขาก็อยากให้คนไทยรักในการแข่ง ขันกีฬามากๆ และมาเชียร์นักกีฬาไทยกันเยอะๆ “ยิ่งมีคนเชียร์ คนแข่งก็ยิ่งรู้สึกสนุกกับการ แข่งขัน” ตีโต้ย้ำว่า ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาเชียร์เขา คนเดียว มาเชียร์ใครก็ได้ที่คุณชื่นชอบ มาให้กำลัง ใจเพื่อนักกีฬาจะได้มีแรงและกำลังใจในการแข่ง มากขึ้น การเตรียมตัวสูแ่ ชมป์โลก กว่าจะเป็นนักกระโดด ไกลผู้สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้แก่วงการกรีฑา ไทยนั้นไม่ ใช่เรื่องง่าย ตีโต้กล่าวว่า นอกจากมี พรสวรรค์แล้ว พรแสวงก็เป็นสิง่ ทีเ่ ขาไม่เคยลืม รวม ถึงองค์ประกอบความสำเร็จก็ประกอบด้วยกันหลาย ด้าน มีทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่คอยให้กำลังใจและสนับ สนุนตลอด สมัยตอนเรียนอยู่ที่โรงเรียนมงฟอร์ด วิทยาลัย ทางโรงเรียนก็ช่วยเรื่องเวลาการเรียนและ การซ้อมได้มาก เมื่อจะไปแข่งก็ให้เวลาเต็มที่ พอ แข่งเสร็จแล้วจึงค่อยกลับมาตามส่งรายงานให้กับ


อาจารย์ทีหลัง พอได้เข้าร่วมสมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยฯ สมาคมก็ให้การสนับสนุนในหลายๆส่วน โค้ชก็เป็น ผู้คอยออกแบบการฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มทักษะทางด้าน ต่างๆ และแน่นอนที่สุด คือตัวเขาเองที่ยังคงหมั่น ฝึกซ้อมและมีความมุมานะอย่างไม่ย่อท้อ ช่ ว งนี้ ตี โ ต้ อ ยู่ ใ นขั้ น ตอนการฝึ ก ทั ก ษะความ แข็งแรงทางด้านกล้ามเนื้อเพื่อให้สู้กับชาวต่างชาติ ได้ โดยแต่ละวันการฝึกจะไม่เหมือนกันเลย เปลี่ยน แปลงไปตามโค้ชผู้ฝึกสอน แต่สิ่งที่ทำทุกวันคือ การวิ่ง ทุกๆวันเขายังคงหมั่นซ้อมอย่างหนัก เพราะ เป้ า หมายสำคั ญ ในปี นี้ อ ยู่ ที่ กรี ฑ า ชิงแชมป์เอเชียที่เวียดนาม การชิง แชมป์โลกทีแ่ คนาดา รวมทัง้ เอเชีย่ น เกมส์ครัง้ ที่ ๑๖ ณ ประเทศจีน และ แน่นอนว่า การแข่งขันทีว่ างไว้สงู สุด คือการไปแข่งโอลิมปิกเกมส์ ๒๐๑๒ ที่ลอนดอน ผู้ที่จะไปได้ต้องผ่าน เกณฑ์ ๘.๒๐ เมตร โดยสถิติที่เขา ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือ ๗.๙๐ เมตร ตีโต้จึงยังคงต้องพยายามต่อไป

การดูแลสุขภาพของนักกีฬาระดับโลก ต้อง

รับประทานอาหารครบทุกมื้อ และพักผ่อนให้เพียง พอ ช่วงนีต้ โี ต้เน้นอาหารที่ให้พลังงานเป็นพิเศษ และ ที่สำคัญต้องไม่ยุ่งกับยาเสพติดใดๆ นักกีฬาต้นแบบของตีโต้ ในตอนแรกเขายอม รับว่า ยังไม่ได้มองนักกีฬาคนใดเป็นฮีโร่ในดวงใจ แต่หลังจากได้ศึกษาดูประวัติและคลิปการแข่งขัน ของนักกรีฑาชาวอเมริกันชื่อก้องอย่าง ไมค์ พาเวล และคาร์ล ลูอิส เขาก็รู้สึกชื่นชมและยกย่องให้สอง คนนี้เป็นนักกีฬาต้นแบบในทันที ถึงแม้ว่าคนทั้งคู่ จะเลิกการแข่งขันไปแล้วก็ตาม สำหรับไมค์ พาเวล ตีโต้ชนื่ ชมในฐานะเจ้าของ สถิติโลก แต่ถ้ามองทางด้านทักษะ การกระโดดแล้ว เขายกย่องคาร์ล ลูอิส นักกระโดดไกลระดับตำนาน ของโลก ทีส่ ร้างชือ่ ให้กบั ตัวเองจาก การเป็นนักกรีฑาทีโ่ ดดเด่นในรายการ ประเภทวิ่งและกระโดด คาร์ล ลูอิส เป็นเจ้าสนามในวงการกรีฑามาตั้ง แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ความยิง่ ใหญ่ของเขาคือการ เป็นเจ้าของสถิติที่ปัจจุบันยังไม่มี ๒๑


ใครสามารถทำลายลงได้ ซึ่งเป็นสถิติที่ลูอิสสร้างขึ้น ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ น้องใหม่คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จาก การคว้าแชมป์ยวุ ชนโลกทีอ่ ติ าลี ทำให้โอกาสดีๆ ก้าว เข้ามาในชีวติ ของตีโต้ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ได้ตดิ ต่อทาบทามเพือ่ ดึงตัวตีโต้ให้ไป ร่วมทีมด้วย โดยมอบทุนการศึกษาเรียนฟรี แต่ท้ายที่สุด ตีโต้ก็เลือกที่จะดำเนินตามฝัน ด้ ว ยการตั ด สิ น ใจเลื อ กศึ ก ษาต่ อ คณะนิ ติ ศ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขายอมรับว่า ใช้เวลา ตัดสินใจนานมาก เพราะข้อเสนอที่นั่นก็ดี ทั้งยังได้ เป็นนักกีฬาอาชีพด้วย แต่ถึงตอนนี้เขาเองไม่รู้สึก เสียดาย ผมไม่เคยรู้สึกเหนื่อย หรือท้อ ทุกอย่าง อยู่ที่การควบคุม ตัวเอง ต้องมีวินัย และสมาธิ เรื่องแพ้ชนะ เป็นเรื่องธรรมดา

๒๒

“ผมถือว่าได้เลือกสิ่งที่เราชอบแล้ว เป็นความ ประทับใจมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตอนที่ผมเคยติดตาม คุณพ่อซึง่ ทำงานเป็นทนายไปทีศ่ าล ได้เห็นผูพ้ พิ ากษา นั่งบัลลังก์ รู้สึกว่าอยากเป็นเหมือนเขาบ้าง เมื่อถึง เวลาที่เลิกการเป็นนักกีฬาแล้ว สิ่งที่ผมอยากทำต่อ ก็คือ การเป็นผู้พิพากษา ซึ่งอยู่ที่นี่ผมก็ยังได้เรียน นิติศาสตร์ที่เราชอบ ทั้งยังได้รับใช้ชาติด้วยครับ” เคล็ดลับความสำเร็จ ตีโต้คิดเสมอว่า “กีฬา คือความสนุก” และแน่นอนว่า ทุกการแข่งขันย่อม มีความเครียด และความกดดันแฝงอยู่ “ผมไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือท้อ ทุกอย่างอยู่ที่ การควบคุมตัวเอง ต้องมีวินัยและสมาธิ เรื่องแพ้ ชนะเป็นเรื่องธรรมดา ผมก็เคยแพ้ และแพ้บ่อย ด้วย เวลาแพ้ก็แค่คิดว่าเราซ้อมมาไม่ดีเอง ไม่เคย คิดว่าเราแย่ เวลาลงแข่งก็ไม่ได้คิดที่จะแข่งกับใคร แค่แข่งกับสถิติของตัวเองเท่านั้น” คำฝากจากใจถึงเยาวชนไทยทุกคน ตีโต้ยัง อยากให้เยาวชนไทยหันมาใส่ใจการเล่นกีฬา เพราะ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และหากอยากจะก้าวไปให้ถึงฝัน เช่นเดียวกับเขานั้น “ขอให้มุ่งมั่น ตั้งใจ และไม่ ย่อท้อ สักวันก็จะเป็นวันของเราบ้าง”


๒๓


กว่าจะเป็นประเทศไทย

เรื่อง...คุณหญิงคณิตา เลขะกุล

มหาราชผู้สร้างลายสือไทย ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ เป็นจารึกหลักแรกที่ ใช้ภาษาไทย และตัวอักษรไทย ทำให้ประเทศไทยมีภาษาของตนเองโดยเฉพาะ ทัง้ ภาษาพูดและเขียนเป็นภาษาประจำชาติ เมือ่ พบศิลาจารึก พ่อขุนรามคำแหงมหาราชทีท่ รงประดิษฐ์ขนึ้ เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ เป็นต้นมา ทำให้เราทราบประวัติและวิวัฒนาการของภาษาไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพบจารึกสุโขทัย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ และทรงผนวชเป็นพระภิกษุอยู่นั้น ได้เสด็จธุดงค์จาริกไปบูชาปูชนียสถานตามหัวเมืองต่างๆ เช่น พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ทำให้ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ ของราษฎร ประการสำคัญ คือ ในพุทธศักราช ๒๓๗๖ ได้เสด็จธุดงค์ไปถึงเมือง สุโขทัยเก่า ทรงพบ “ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑” ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พร้อมกับจารึกหลักที่ ๔ (วัดป่ามะม่วง) และพระแท่นมนังคศิลาบาตร โปรดให้นำ ๒๔


การศึ ก ษาประวั ติ ศ าสตร์ แ ละโบราณคดีสมัยต่อๆ มา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จ ขึ้นครองราชย์เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๙๔ ต่อมาใน พุทธศักราช ๒๓๙๘ พระองค์ทรงได้รบั ประกาศนียบัตร จากสมาคมโบราณคดี เ หนื อ ในกรุ ง โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ค ถวายพระเกียรติยศว่า ทรงเป็น กษั ต ริ ย์ ใ นเอเชี ย ที่ ท รงรอบรู้ ใ นอั ก ษรศาสตร์ แ ละ วิทยาศาสตร์ อีกทัง้ ยังถือว่าพระองค์ทรงเป็นสมาชิก ผู้ร่วมก่อตั้งราชสมาคมดังกล่าวด้วย ปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ องค์การศึกษาวิทยา ศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เป็น บุคคลสำคัญของโลกสาขา การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ มานุษยวิทยา การพัฒนาสังคม และสื่อสาร ศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๑

มาไว้ที่วัดสมอราย (คือวัดราชาธิวาส) ซึ่งพระองค์ ประทับจำพรรษา ต่อมาเมื่อเสด็จไปประทับ ณ วัด บวรนิเวศวิหารก็ โปรดให้ย้ายจารึ ก ทั้ ง สองหลั ก ไป ด้วย พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถด้านอักษรศาสตร์ และสนพระราชหฤทัยด้านประวัติศาสตร์ จึงทรงอ่านจารึกหลักที่ ๑ ได้ เป็นการวางรากฐาน และแนวทางให้กับการศึกษาอักษรโบราณ รวมทั้ง

ศิลาจารึกหลักที่ ๑ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงประดิษฐ์เป็นภาษาไทยหลักแรกในโลก เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๖ บอกเล่าให้เรารู้ว่า พระองค์เป็นพระ ราชโอรสองค์ที่สามของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และ นางเสือง มีพระเชษฐาสองพระองค์ องค์แรกสิ้น พระชนม์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระเชษฐาองค์ที่ สองมีพระนามว่าพ่อขุนบานเมือง และมีพระขนิษฐา สองพระองค์ เมื่อพ่อขุนรามคำแหงมีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ยกทัพมาตี เมืองตาก พ่อขุนรามคำแหงได้ตามเสด็จพ่อขุนศรี อินทราทิตย์ยกพลไปรบกับขุนสามชน เมื่อข้าศึก เคลือ่ นพลเข้ามาปะทะกัน ไพร่พลสุโขทัยพากันแตก ตื่นถอยหนี แต่พ่อขุนรามคำแหงทรงขับช้างเบกพล เข้าชนช้างกับขุนสามชนซึ่งขี่ข้างชื่อมาสเมืองแพ้ หนีไป พวกเมืองฉอดแตกพ่ายถอยทัพกลับ พ่อขุน ศรีอินทราทิตย์จึงพระราชทานนามพระราชโอรสที่ ชนช้างชนะข้าศึกว่า “พระรามคำแหง” พ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์ต่อจากพ่อขุน บานเมืองใน พ.ศ. ๑๘๒๒ เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๓ ในราชวงศ์พระร่วง แห่งราชอาณาจักร สุโขทัย ๒๕


ภูมิสถานบ้านเมือง

ในจารึกกล่าวว่า กรุงสุโขทัยตั้งอยู่บนที่ราบ ริมเขาหลวง ตัวเมืองเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า (มีเนือ้ ที่ ประมาณ ๑,๘๐๐ ไร่) ล้อมด้วยกำแพง ๓ ชั้น สร้างด้วยอิฐ หิน และศิลาแลง ระหว่างกำแพงมีคู น้ำคั่นอยู่ ๓ ชั้น มีประตูเมือง ๔ ประตู ด้านตะวัน ออกเรียกว่า ประตูหลวง (ปัจจุบันเรียกว่า ประตู กำแพงหัก) ทิศตะวันตกเรียกว่า ประตูอ้อ ทิศใต้ เรียกว่า ประตูนะโม ทิศเหนือเรียกว่า ประตูศาล หลวง ที่ประตูเมืองมีป้อมปราการทุกด้าน นอกกำแพงเมื อ งด้ า นตะวั น ตกเป็ น บริ เ วณ อรัญญิก ซึ่งเป็นอุทยานกว้างใหญ่ ภูมิประเทศเป็น ป่าเขาลำเนาไพร มีห้วยละหานธารถ้ำ ร่มรื่นไป ด้วยดงไม้สลับกับทุ่งหญ้าไปจนจดเนินเขา ซึ่งลาด ขึ้นสู่ภูเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง บริเวณกลาง อรัญญิกนีม้ วี ดั สะพานหิน ในวิหารสูงใหญ่ประดิษฐาน พระอัฏฐารศลุกยืน ในวันพระพ่อขุนรามคำแหงจะ ทรงช้างเผือกชือ่ รูจาครี ขึน้ ไปนมัสการพระอัฏฐารศ ในพระวิหาร บริเวณอรัญญิกนี้เป็นเขตของสงฆ์ทาง พระพุทธศาสนาฝ่ายอรัญวาสี ปฏิบัติธรรมทางด้าน วิปัสสนา ชานเมืองด้านตะวันออก นอกกำแพงเมืองออก ไปมีพิหาร มีปู่ครู มีทะเลหลวง (อาจเป็นพื้นราบ กว้างทีม่ นี ำ้ ขังในฤดูฝน) มีสวนหมาก สวนพลู ไร่นา มีบ้านใหญ่ บ้านเล็ก สวนมะม่วง สวนมะขาม งามราวกับบรรจงปลูก

๒๖

ทางทิศเหนือของเมือง มีตลาดปสาน (เป็น ศูนย์กลางการค้าพาณิชย์ของสุโขทัย) มีพระอจนะ มีปราสาท มีป่ามะพร้าว ป่าขนุน มีไร่มีนา มีถิ่นมี ถาน มีบ้านใหญ่บ้านเล็ก ทางทิศใต้ของเมือง มีกุฏิ มีพิหาร มีปู่ครู มีสรีดภงส์ (ทำนบพระร่วง) มีสวนมะพร้าว ขนุน มะม่วง มะขาม มีนำ้ โคก มีเขาพระขพุง เทพารักษ์ ในเขานั้นเป็นใหญ่กว่าเทพารักษ์ทุกองค์ ในเมืองนี้ ถ้ากษัตริย์ ไหว้เทพารักษ์แห่งเขาพระขพุงอย่างดี เมืองสุโขทัยก็จะอยู่มั่นคง ถ้าบูชาไม่ดี เมืองนี้ก็จะ สูญหาย


เมืองขึน้ มาได้ เศรษฐกิจของบ้านเมืองดี ประชาชน มีอันจะกิน ไพร่ฟ้าหน้าใส ในจารึก กล่าวถึงภูมิภาพอันงดงามและร่มรื่น ด้วยธรรมชาติของกรุงสุโขทัยว่า กลางเมืองเขียวชอุม่ ไปด้วยป่าหมาก ป่าพลู ป่ามะพร้าว ป่าลาง (ขนุน) ป่ามะม่วง ป่ามะขาม ใครปลูกผลที่ได้กเ็ ป็นของผูน้ นั้ “กลางเมืองสุโขทัยนี้มีตระพังโพยสี ใสกินดีดัง กินน้ำโขงเมื่องแล้ง มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มี พระอัฏฐารค์ มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูป อันราม (ขนาดกลาง) มีพหิ ารอันใหญ่ มีพหิ ารอันราม มีปู่ครู มีเถร มีมหาเถร...” บ้านเมืองสวยงามด้วยบ้านใหญ่ บ้านเล็กและ ร่มรื่นด้วยป่าไม้ผล ไม้ใบ และดอกบัวที่บานสะพรั่ง ในตระพังน้ำใสที่เงียบสงบ ด้านพระพุทธศาสนา

ในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง “เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ราษฎรสามารถค้าขายได้โดยเสรี เจ้าเมืองไม่เก็บภาษีผ่านด่าน

พ่ อ ขุ น รามคำแหงทรงศรั ท ธาในพระพุ ท ธศาสนามาก ทรงนิมนต์พระมหาเถรสังฆราชจาก นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์จำนวน มาก ซึ่งมีทั้งฝ่ายคามวาสี (คือพระที่อยู่ในเมือง) และฝ่ายอรัญวาสี มาช่วยอบรมศีลธรรมแก่ประชาชน ในกรุงสุโขทัย

ด้านการปกครอง

ในรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง “เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ราษฎรสามารถค้าขายได้ โดยเสรี เจ้าเมืองไม่เก็บภาษีผ่านด่าน จึงสะดวกใน การจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครอยากค้าช้าง ม้า เงิน ทอง ก็ให้ค้าได้ ไพร่พลของลูกเจ้าลูกขุนหาก ตายไป ทรัพย์สมบัติอันประกอบไปด้วย ช้าง ลูก เมีย ยุ้งข้าว บริวาร สวนหมาก สวนพลู ตกเป็น ของลูกทั้งหมด ไพร่พลทะเลาะกัน ก็ทรงไต่สวน แล้วทรงตัดสินความแก่ทงั้ สองฝ่ายโดยยุตธิ รรม ผู้ใด ขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ (มาอยู่ด้วย) ก็ช่วยจนตั้ง ๒๗


ใน พ.ศ. ๑๘๓๕ ต้นตาลที่ทรงปลูกเมื่อปีที่ขึ้น เสวยราชย์มีอายุได้ ๑๔ ปี พ่อขุนรามคำแหงโปรด ให้ช่างทำพระแท่นมนังคศิลาบาตรไว้ ในสวนตาล พร้อมด้วยศาลา ๒ หลัง ชื่อ ศาลาพระมาสและ พุทธศาลา ถึงวันพระขึ้น ๘ ค่ำ แรม ๘ ค่ำ ก็โปรด ให้พระสงฆ์ขนึ้ นัง่ บนพระแท่น เทศนาสัง่ สอนประชาชน ถ้าเป็นวันธรรมดา พ่อขุนรามคำแหงจะประทับเหนือ พระแท่นนี้ เพื่อให้ลูกเจ้าลูกขุน และผู้ปกครองบ้าน เมืองเข้าเฝ้าปรึกษาราชการ จารึกสุโขทัยบอกให้เราทราบว่า ชาวสุโขทัยมี ศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก ถือศีลเมือ่ เข้าพรรษา ทุกคน ในวันออกพรรษา มีพิธีทอดกฐิน ชาวเมือง แห่เทียน พนมหมาก พนมเบี้ย พนมดอกไม้ หมอนนัง่ หมอนนอน บริวารกฐินยาวเหยียดตั้งแต่ อรัญญิกเข้ามาในเมือง อึกทึกด้วยเสียงโหม่งเสียง กลอง เสียงพาทย์ เสียงพิณ เสียงเลือ่ น เสียงขับ ประสานเสนาะเป็นที่สนุกสนาน ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง น้ำบ่าเต็มฝั่ง ขอบ ตระพังเต็มน้ำ ชาวสุโขทัยจะเบียดเสียดกันผ่านประตู หลวง เข้ามาร่วมงานเทศกาลเผาเทียนเล่นไฟทีง่ ดงาม ไม่มที ี่ใดเสมอเหมือน

เมืองในราชอาณาจักรสุโขทัย

พ่อขุนรามคำแหงได้ขยายพระราชอาณาเขต กรุงสุโขทัยในรัชกาลของพระองค์ออกไปกว้างใหญ่ ไพศาล ด้านตะวันออก ได้เมืองสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก) ลุมบาจาย (หล่มเก่า) สระคา ถึงฝั่งโขง เวียงจันทน์และเวียงคำ ทิศใต้ได้คณฑี (บ้านโคน กำแพงเพชร) พระบาง (นครสวรรค์) แพรก (ชัยนาท) สุวรรณภูมิ (แถวสุพรรณบุรี) ราชบุรี เพชรบุรี นครศรีธรรมราช จนสุดฝั่งทะเล ทิศตะวันตกได้ เมืองฉอด หงสาวดี ถึงฝั่งสมุทร ทิศเหนือได้เมือง แพร่ เมืองน่าน เมืองพลัว่ (อำเภอปัว จังหวัดน่าน) เลยฝั่งโขงไปถึงเมืองชวา (หลวงพระบาง) ทรง ปกครองพลเมืองโดยยุติธรรม ด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

ทางเหนือ พ่อขุนรามคำแหงมีไมตรีกบั พระยา มังรายมหาราชแห่งล้านนา และพระยางำเมืองแห่ง พะเยา ทัง้ สามพระองค์เคยเป็นศิษย์รว่ มพระอาจารย์ เดียวกัน ณ สำนักพระสุตทันตฤๅษี เขาสมอคอน เมืองละโว้ พ่อขุนรามคำแหงทรงยินยอมให้พระยามังราย ขยายอาณาเขตล้านนาทางแม่นำ้ กก แม่นำ้ ปิง และ จารึกสุโขทัยบอกให้เราทราบว่า แม่นำ้ วังได้อย่างสะดวก เพือ่ ให้เป็นกันชนระหว่างจีน ชาวสุโขทัยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก กับสุโขทัย และยังได้เสด็จไปทรงช่วยพระยามังราย ถือศีลเมือ่ เข้าพรรษาทุกคน หาชัยภูมิสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๙ ในวันออกพรรษา มีพิธีทอดกฐิน

๒๘


พ่อขุนรามคำแหงทรงส่งราชทูตไปเมืองจีน ๓ ครัง้ เพือ่ แสดงความเป็นมิตรไมตรีกบั ประเทศจีน สำหรับประเทศมอญ มีพ่อค้าไทยใหญ่ชื่อ มะกะโท ได้เข้ามารับราชการอยู่ในราชสำนักพ่อขุน รามคำแหง มะกะโทผูกสมัครรักใคร่กับพระราชธิดา พ่อขุนรามคำแหง แล้วพากันหนีไปอยูเ่ มืองเมาะตะมะ ต่อมาได้ฆ่าเจ้าเมืองเมาะตะมะแล้วเป็นเจ้าเมือง แทน เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๔ แล้วขอพระราชทานอภัย โทษต่อพ่อขุนรามคำแหงและขอพระราชทานนาม ว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว ยอมเป็นประเทศราชของกรุง สุโขทัย ส่วนเมืองละโว้ยงั เป็นเอกราชอยู่ พ่อขุนรามคำแหง ได้ทรงผูกสัมพันธไมตรีกับเมืองละโว้ มหาราชผู้สร้างลายสือไทย ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ เป็นจารึกหลักแรก ที่ใช้ภาษาไทยและตัวอักษรไทย ทำให้ประเทศไทย มีภาษาของตนเองโดยเฉพาะ ทัง้ ภาษาพูดและเขียน เป็นภาษาประจำชาติ เมือ่ พบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง มหาราชทีท่ รงประดิษฐ์ขนึ้ เมือ่ พ.ศ. ๑๘๒๖ เป็นต้นมา ทำให้เราทราบประวัติและวิวัฒนาการของภาษาไทย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ภาษาไทยมีลักษณะเฉพาะตัว เป็นภาษาที่มี ระดับเสียงโดยการใช้วรรณยุกต์กำกับ คือ มีเสียง วรรณยุกต์ ๕ เสียง และมีรูปวรรณยุกต์ ๔ รูป คือ ไม้เอก โท ตรี และจัตวา กำกับบนอักษร ซึ่ง ปัจจุบันมีอักษรใช้ ๔๔ ตัว แบ่งออกเป็นอักษรสูง

๑๑ ตัว อักษรกลาง ๙ ตัว และอักษรต่ำ ๒๔ ตัว มีสระ ๒๘ รูป ซึ่งมีเสียงสระ ๓๒ เสียง ประกอบคำ โดยนำเอาอักษรผสมกับสระ วรรณคดีต่างๆ ทั้ง ร้อยแก้วและร้อยกรองนั้น กวีได้นำมารจนาให้เกิด ความไพเราะเพราะพริ้งได้ ทั้งนี้ เนื่องจากลักษณะ ของภาษาไทยนั่นเอง ตัวอักษรไทยในจารึกของพ่อขุนรามคำแหง มหาราชมีลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งคือ นำสระ มาเรียงอยูร่ ะดับเดียวกับพยัญชนะทุกตัว และพยัญชนะ ทุกตัวเขียนเรียงอยู่บรรทัดเดียวกัน สำหรับเลขไทย ก็ไม่ได้ทรงยืมของชาติใดมาใช้ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ องค์การ ศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ขนึ้ ทะเบียนศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชไว้ในทะเบียนความ ทรงจำแห่งโลก (Memory of the World Register) และเผยแพร่ให้บคุ คลทัว่ โลกได้รจู้ กั และเข้าใจเนือ้ หา สาระในเอกสารมรดก บรรณานุกรม ๑. สารนิพนธ์ ประเสริฐ ณ นคร - กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๒๕๔๑, บริษัทชนนิยม จำกัด จัดพิมพ์ ๒. ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ จารึกพ่อขุนรามคำแหง : กรมศิลปากร สำนักหอสมุดแห่งชาติ พิมพ์ครั้งที่ ๓ กรุงเทพฯ, ๒๕๔๗ รุ่งศิลป์การพิมพ์ ๓. ๙๐ ปี ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๒, อักษรสยามการพิมพ์ ๔. ประเสริฐ ณ นคร : การอธิบายศิลาจารึกสมัยสุโขทัยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒๙


รายงานพิเศษ

เรื่อง...กองบรรณาธิการ

วิวัฒนาการการศึกษาไทย จากพระประวัติตรัสเล่าใน

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นผู้ริเริ่ม พัฒนาและแก้ ไขปรับปรุงการศึกษาของพระภิกษุ สามเณร จนกระทั่งได้มีการตั้งมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรก ของประเทศไทย ยังผลประโยชน์เป็นอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ ศาสน า และคณะสงฆ์

ารสารทิศไทฉบับปฐมฤกษ์ ได้รบั ความกรุณาจากสมเด็จพระวันรัต ผูช้ ว่ ย เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ ธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม และแม่กองธรรมสนามหลวง และ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม ให้กอง บรรณาธิการเข้ากราบนมัสการ และเล่าประวัติการ ศึ ก ษาไทยนั บ แต่ ส มั ย โบราณจนถึ ง ปั จ จุ บั น ผ่านประสบการณ์โดยตรงและบางส่วนจาก หนังสือ “พระประวัติตรัสเล่า” ในสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นผู้ริเริ่ม พัฒนา และแก้ ไ ขปรั บ ปรุ ง การศึ ก ษาของ พระภิกษุสามเณร จนกระทั่งได้ มี ก ารตั้ ง มหาวิ ท ยาลั ย พระพุ ท ธ ศาสนาแห่งแรกของประเทศไทย ยั ง ผลประโยชน์ เ ป็ น อเนกอนั น ต์ แก่ประเทศชาติ ศาสนา และคณะ สงฆ์ วิวัฒนาการการศึกษาไทยนับ แต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบันจากที่ สมเด็จพระวันรัตกรุณาเล่า และสรุป ความจากหนังสือ “พระประวัติตรัสเล่า” ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา วชิรญาณวโรรส ประมวลไว้ในที่นี้ เพื่อเป็น ความรู้ ความเข้าใจ แก่เยาวชนและผู้สนใจ ๓๐

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


การศึกษาของไทยสมัยโบราณ (พ.ศ. ๑๗๘๑ - พ.ศ. ๒๔๑๑)

ศึ ก ษาไทยมี ค วามเจริ ญ ขึ้ น โดยเฉพาะในรั ช สมั ย สมเด็ จ พระเจ้าปราสาททองและสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช ที่ผู้คน ให้ความสำคัญในเรือ่ งการศึกษา มากขึ้นกว่าอดีต

การศึกษาของไทยในอดีต เป็นลักษณะสืบทอดวัฒนธรรม ประเพณีที่มีมาแต่เดิม ที่คน ไทยในสมัยนั้นต้องขวนขวาย หาความรูจ้ ากผูร้ ู้ในชุมชนต่างๆ สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอน ซึ่งมีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลาง ต้น (พ.ศ. ๒๓๑๑ พ.ศ. ๒๔๑๑) ของการศึกษา บ้าน เป็นสถาน การศึกษาในสมัยนี้ก็เช่น ที่อบรมกล่ อ มเกลาจิตใจของ เดียวกับสมัยอยุธยา บ้านและ สมาชิกภายในบ้าน โดยมีพ่อ วัดยังคงมีบทบาทเหมือนเดิม และแม่ทำหน้าทีใ่ นการถ่ายทอด การจัดการศึกษาในช่วงนี้เน้น อาชีพและอบรมลูกๆ วัง เป็น การทำนุบำรุงตำราทางศาสนา สถานทีร่ วมเอานักปราชญ์สาขา ต่างๆ มาเป็นขุนนางรับใช้เบือ้ ง สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ศิลปะและวรรณคดี อย่างใน พระยุคลบาท โดยเฉพาะงาน ทรงส่งเสริมการศึกษาด้านศาสนาเป็นพิเศษ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธมีการจารึกวิชาความรู้สามัญและ ยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงฟื้นฟูการ ช่ า งศิ ล ปหั ต ถกรรมเพื่ อ สร้ า ง พระราชวั ง และประกอบพระ วิชาชีพลงในแผ่นศิลาประดับไว้ตามระเบียง ศึกษาด้านอักษรศาสตร์ และ วัดพระเชตุพน จนมีผู้กล่าวว่า วรรณคดี สมัยพระบาทสมเด็จ ราชพิธี ซึง่ เป็นสถานทีถ่ า่ ยทอด ความรูต้ า่ งๆ จากคนรุน่ หนึง่ ไป วัดพระเชตุพนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีการ ของไทย ส่งเสริมการศึกษาทัง้ วิชาสามัญ สูค่ นอีกรุ่นหนึ่ง ส่วน วัด เป็น โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ สถานที่ประกอบพิธีกรรมทาง จริยศาสตร์ มีการตั้งโรงทาน ศาสนา พระทำหน้าที่อบรม สั่งสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะผู้ชาย หลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ให้การศึกษา ไทยมีโอกาสได้ศึกษาธรรมะและบวชเรียน ด้วย แก่ลูกหลานข้าราชบริพาร ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า เหตุ ผ ลนี้ ใ นสั ง คมไทยจึ ง นิ ย มให้ ผู้ ช ายบวชเรี ย น ก่อนแต่งงาน ด้วยมุ่งหวังให้มีคุณธรรมและจิตใจ อยู่หัว ทรงส่งเสริมการศึกษาด้านศาสนาเป็นพิเศษ มีการจารึกวิชาความรู้สามัญและวิชาชีพลงในแผ่น มั่นคง สามารถครองเรือนได้อย่างมีความสุข ศิลาประดับไว้ตามระเบียงวัดพระเชตุพน จนมีผกู้ ล่าว สมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - พ.ศ. ๒๓๑๐) ว่าวัดพระเชตุพนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยมายาวนาน ๔๑๗ ปี มีความเจริญทัง้ ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สมัยปฏิรูปการศึกษา (พ.ศ. ๒๔๑๒ พ.ศ. ๒๔๗๕) การปฏิรูปการศึกษามีสาเหตุสำคัญเนื่องจาก และสังคม การเปลี่ยนแปลงในด้านตำราเกิดขึ้น เนือ่ งจากมีชนชาติตา่ งๆ ในเอเชียเข้ามาติดต่อค้าขาย การคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกที่มีต่อ และเข้ามาเพื่อตั้งหลักแหล่งทำมาหากินในดินแดน ประเทศไทย อันเป็นกระแสกดดันให้ไทยต้องปรับปรุง ไทย เช่น จีน มอญ ญวน เขมร อินเดียและอาหรับ ประเทศในทุกๆด้าน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า และตั้งแต่รัชสมัยพระรามาธิบดีที่ ๒ ชาติตะวันตก เจ้าอยูห่ วั ทรงมีความเห็นว่า การปรับปรุงการศึกษา ได้เริ่มเข้ามาติดต่อค้าขาย โดยชาติโปรตุเกสเข้ามา ตามแบบสมัยใหม่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก รวม เป็นชาติแรก และมีชนชาติอื่นๆ ติดตามมา เช่น ไปถึงการได้รับอิทธิพลทางด้านสติปัญญาและความ ฮอลันดา ฝรั่งเศส อังกฤษ เป็นต้น ส่งผลให้การ คิดตามแบบตะวันตกจากชาวยุโรปและชาวอเมริกัน ๓๑


ทีเ่ ดินทางเข้ามาเมืองไทยเพือ่ การค้า เผยแผ่ศาสนา และเผยแพร่ความคิดเกี่ยวกับการจัดการศึกษาแบบ ใหม่ให้กับสังคมไทย ที่สำคัญเมื่อทรงโปรดให้มีการ เลิกทาสขึ้นแล้วนั้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริที่จะ ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือที่จะให้ผู้ที่พ้นจากการ เป็นทาสนำไปใช้ในการยังชีพ เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับ มาเป็นทาสอีก อันถือเป็นพระมหากรุณาธิคณุ ยิง่ ใหญ่ อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เหตุการณ์สำคัญด้านการศึกษาที่ปรากฏใน รัชสมัยนีค้ อื ในปี พ.ศ. ๒๔๑๔ มีการจัดตัง้ โรงเรียน หลวงและโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ซึง่ แตกต่างจาก โรงเรียนแบบโบราณหรือโรงเรียนวัด เพราะมีสถาน ที่เล่าเรียนจัดเป็นการเฉพาะ มีฆราวาสเป็นครูและ ทำการสอนตามเวลาทีก่ ำหนด วิชาทีส่ อนมีทงั้ ภาษา ไทย ภาษาต่างประเทศและวิชาอื่นๆ ที่ไม่เคยสอน ในโรงเรียนแบบโบราณมาก่อน ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๒๗ โปรดเกล้าฯให้ สถาปนาโรงเรียนสำหรับราษฎรขึน้ เป็นครัง้ แรกทีว่ ดั มหรรณพาราม กรุงเทพฯ เพือ่ ให้ราษฎรได้มโี อกาส เข้ารับการศึกษาแบบใหม่เช่นเดียวกับบรรดาบุตร หลานของเจ้านายและขุนนางที่เรียนอยู่ในวัง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษาให้ทันสมัย ตามแบบตะวันตกแล้ว ทรงขอให้ สมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เจ้าคณะรองคณะธรรมยุต เป็นผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษาในหัวเมือง

หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษาให้ทันสมัยตาม แบบตะวันตกแล้ว ทรงขอให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยา เธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เจ้าคณะรองคณะ ธรรมยุต เป็นผูร้ บั ผิดชอบการจัดการศึกษาในหัวเมือง เพราะการศึกษาในหัวเมืองยังไม่สามารถขยายตัว ออกไปอย่างกว้างขวางตามทีร่ ฐั บาลต้องการได้ เนือ่ ง จากกลไกของรัฐบาลยังไม่พร้อม โดยเฉพาะอย่างยิง่ การขาดแคลนกำลังคนที่มีความสามารถไปดำเนิน การ และอีกประการหนึ่งคือ ความสามารถเฉพาะ พระองค์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่น วชิรญาณวโรรส ทีท่ รงมีความรอบรู้ในการศึกษาแบบ ใหม่ ดังนัน้ พระองค์จงึ ทรงจัดการศึกษาในมหามกุฏ ราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นวิทยาลัยสงฆ์ และปรากฎว่า บทบาทของคณะสงฆ์ ในการจัดการศึกษาตามนโยบาย ได้ผลดีเป็นอย่างมาก เพราะเรียนทัง้ ภาษาไทย บาลี การปฏิรูปการศึกษา สันสฤต อังกฤษ คณิตศาสตร์เบื้องต้น และวิชาการ สาเหตุทคี่ ณะสงฆ์เข้าไปมีบทบาทในการจัดการ อื่นๆ อีกหลายวิชา นอกจากนี้ยังจัดให้มีการสอบ ศึกษาตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษา เนื่องด้วย แบบใหม่ด้วยการสอบข้อเขียน มีการคิดคะแนนใน

๓๒


การสอบซึง่ เป็นการตัดสินว่าสอบได้หรือสอบตก สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณ วโรรสทรงได้ดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งพระราชา คณะทีม่ คี วามสามารถเป็นผูอ้ ำนวยการศึกษาประจำ มณฑล แล้วให้ผู้อำนวยการศึกษาประจำมณฑลตั้ง ผู้อำนวยการศึกษาประจำเมือง เพื่อช่วยกันดำเนิน งานจัดการศึกษาตามนโยบายที่พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมอบหมายไว้ต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน ข้าราชการและประชาชน ที่มีความศรัทธาต่อคณะสงฆ์ ก็ให้ความร่วมมือช่วย กันจัดสร้างโรงเรียน จนกระทั่งมีโรงเรียนตั้งใหม่ เกิดขึน้ ในหัวเมืองเป็นจำนวนมาก และเร็วกว่าทีร่ ฐั บาล จะลงมือทำเองด้วยซ้ำ การจัดการศึกษาในหัวเมืองของคณะสงฆ์ดำเนิน ต่อมาจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๕ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ทรงขอโอนการจัดการ ศึกษาในหัวเมืองไปให้กระทรวงธรรมการดำเนินการ ต่อไป ทั้งนี้เพราะพระราชาคณะที่เป็นผู้อำนวยการ ให้หัวเมืองต้องประสบกับความยากลำบากในการ เดินทาง ทำให้ต้องอาพาธอยู่เสมอ ประกอบกับ ต้องเกี่ยวข้องกับการเบิกเงินไปดำเนินการอันขัดกับ ข้อวัตรปฏิบัติของสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าใจเหตุผลจึงทรงอนุญาตให้ กระทรวงธรรมการดำเนินการจัดการศึกษาในหัวเมือง แทนคณะสงฆ์ต่อไป

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศ วิหาร ได้รบั สถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงพระอิสริยยศ ๒๒ พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ พระชนมายุ ๖๒ พรรษา พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาแพ ประสูติเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๓ พระนามว่า พระองค์ เจ้ามนุษยนาคมานพ เมือ่ พระชนมายุได้ ๘ พรรษา ทรงเริ่มศึกษาภาษาบาลีจนสามารถแปลธรรมบท ได้กอ่ นทรงผนวชเป็นสามเณร นอกจากนีย้ งั ทรง ศึกษาภาษาอังกฤษ และโหราศาสตร์ อีกด้วย เมื่อพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา ทรงผนวช เป็นสามเณรตามราชประเพณี ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วมาประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร อยู่ ๒ เดือนจึงลาผนวช ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๒ แล้วมาประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อทรงผนวชได้ ๓ พรรษา ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมหน้าพระที่นั่ง ทรงแปล ได้เป็นเปรียญ ๕ ประโยค จากนั้นพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาพระอิสริย ยศ เป็น กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส และเป็นเจ้า คณะรองในธรรมยุตกิ นิกาย เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๒๔ พระองค์ได้ครองวัดบวรนิเวศวิหารสืบต่อจากสมเด็จ พระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๓๔ และได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชา คณะเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๖ ๓๓


พระองค์ได้เลื่อนพระอิสริยยศเป็นกรมหลวง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๙ และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๓ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั โปรดเกล้าฯ ให้ตงั้ พระราชพิธมี หาสมณุตมาภิเษก ทีว่ ดั บวรนิเวศ วิหาร ทรงสถาปนากรมหลวงวชิรญาณวโรรส เป็น สมเด็จกรมพระยา ทรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่ แห่งพระสงฆ์ ทั้งกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองทั่ว พระราชอาณาเขต มีเหตุการณ์สำคัญในสมัยของพระองค์ประการ หนึ่ง คือ ตั้งแต่โบราณมา ตำแหน่งพระประมุขแห่ง สังฆมณฑล ที่เรียกว่า สมเด็จพระสังฆราชนั้น ไม่ เคยมีพระราชวงศ์องค์ใดทีท่ รงผนวชอยูไ่ ด้รบั สถาปนา ให้ดำรงตำแหน่งนี้ เพิ่งจะเริ่มมีในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่ ได้เรียกว่า สมเด็จพระสังฆราช แต่เรียกพระนามตามพระ อิสริยยศ ในฝ่ายพระบรมราชวงศ์ ล่วงมาถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนคำนำหน้าพระนาม เป็นสมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จ พระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกองค์ที่ ๑๐ แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ และทรงได้รบั การยกย่องให้เป็นพระ บิดาแห่งการศึกษาพระปริยตั ธิ รรมของพระสงฆ์ไทย วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๓ เป็นวาระครบ ๑๕๐ ปี วันประสูติของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พระองค์ ท รงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็น คุณประโยชน์อเนกอนันต์ทั้งในด้านพุทธจักรและ อาณาจักร ทรงอบรมสัง่ สอนพระภิกษุสามเณร ริเริม่ วางแผนการศึกษาพระธรรมวินัยขึ้นในวัดบวรนิเวศ วิหาร เป็นต้นเค้าของการศึกษาทีเ่ รียกว่า “หลักสูตร นักธรรม” ในเวลาต่อมา ทรงตั้งโรงพิมพ์มหามกุฏ ราชวิ ท ยาลั ย เพื่ อ จั ด พิ ม พ์ ห นั ง สื อ ทางพระพุ ท ธ ศาสนา และทรงดำเนินการออกนิตยสารธรรมจักษุ ทีเ่ ป็นนิตยสารทางพระพุทธศาสนาฉบับแรกของไทย ซึ่งยังคงดำเนินการต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน พระกรณียกิจอีกนานัปการที่ทรงปฏิบัติคือพระ คุณปู การทีท่ รงมีตอ่ ประเทศชาติ พระศาสนา และคณะ สงฆ์ไทย ๓๔

วาระครบ ๑๕๐ ปี แห่งวันประสูติจึงเป็นวาระ พิเศษที่คณะธรรมยุต โดยสมเด็จพระวันรัตพร้อม ด้วยคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหารพร้อมใจบำเพ็ญ กุศลน้อมเกล้าอุทิศถวายและจัดงานเทิดพระเกียรติ คุณด้วยสำนึกในพระคุณูปการอันยิ่งใหญ่ สมเด็จพระวันรัต มีนามเดิมว่า จุนท์ พราหมณ์พิทกั ษ์ เกิดเมือ่ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ขึน้ ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีชวด ณ บ้านเกาะเกตุ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด เข้าพิธบี รรพชา เมือ่ วัน จันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ วัดคิรี วิหาร ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด โดยมีพระวินยั บัณฑิต เป็นพระอุปชั ฌาย์ กระทัง่ อายุครบ ๒๐ ปี บริบรู ณ์ ได้เข้าพิธอี ปุ สมบท เมือ่ วันอาทิตย์ที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศ วิหาร โดยมีสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระ

สมเด็จพระวันรัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารดำรง ตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต กรรมการมหา เถรสมาคม และแม่กองธรรมสนามหลวง


สังฆราชเจ้า สกลมหาสังฆปริณายก พระอภิธรรมนำขบวนพระอิสริยยศ (ม.ร.ว.ชืน่ สุจติ โต) เป็นพระอุปชั ฌาย์ ในการเคลื่ อ นพระศพจากพระที่ นั่ ง หลังอุปสมบทได้ศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ดุสติ มหาปราสาท สูพ่ ระเมรุ ณ มณฑล จนสอบได้ประโยคเปรียญธรรม ๙ พิธีท้องสนามหลวง ประโยคจากสำนักเรียนวัดบวรนิเวศ ส่ ว นภาระหน้ า ที่ ที่ ส ำคั ญ อี ก วิหาร ประการหนึ่ง คือ การที่ท่านได้รับ ในพระราชพิธพี ระราชทานเพลิง มอบหมายจากเถระสมาคมเป็นผูต้ รวจ พระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้า สอบการคำนวณปฏิทินหลวง (ปฏิทิน ฟ้ากัลยาณิวฒ ั นา กรมหลวงนราธิวาส จันทรคติของไทย) และให้ความเห็น ราชนครินทร์ วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ก่อนทีจ่ ะประกาศใช้ในแต่ละปี นอกจาก พ.ศ. ๒๕๕๑ สมเด็จพระวันรัตขณะ นี้ท่านยังเดินหมุดและคำนวณปฏิทิน ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี ได้ปฏิบัติหน้าที่ ปักขคณนาสำหรับออกอุโบสถให้กับคณะสงฆ์ธรรม พระเถระชั้นผู้ ใหญ่ นั่งพระเสลี่ยงกลีบบัว (พระ ยุตดิ ้วย ยานมาศพระนำ) และราชรถน้อย (รถพระนำ) อ่าน วิชาธรรมศึกษา

สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง (Central Dharma Testing Service Headquarters of Thailand) คู่กับสำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง ของคณะสงฆ์ไทย หน่วยงานภายใต้การดูแลของ มหาเถรสมาคมซึ่งอยู่ ในความอุปถัมภ์ของรัฐบาล มี ห น้ า ที่ ห ลั ก คื อ ดำเนิ น การจั ด การเรี ย นการสอน หลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษา ชั้นตรี โท เอก ของชาติ และจัดให้มีการสอบไล่วัดผลประจำปีตาม หลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาที่เปิดสอนไปทั่ว ราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ การปฏิ บั ติ ง านของสำนั ก งานแม่ ก องธรรม สนามหลวงเป็ น การปฏิ บัติ ง านเพื่ อ ดูแ ลการสอบ วัดผลการศึกษาเล่าเรียนธรรมะระดับชาติภายใต้ การดู แ ลของมหาเถรสมาคมของคณะสงฆ์ ไ ทย โดยปัจจุบัน สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต ป.ธ.๙) วัดบวรนิเวศวิหารเป็นแม่กองธรรมสนาม หลวง สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ตั้งเป้าที่ จะส่ ง เสริ ม ให้ เ ด็ ก และเยาวชนเข้ า มาเรี ย นธรรม ศึกษา และสมัครสอบธรรมศึกษาชั้นตรี โท เอก เพิ่มเป็น ๕ ล้านคนภายใน ๕ ปี จากปัจจุบันมีอยู่ ประมาณ ๒ ล้านคน จึงได้พัฒนารูปแบบการเรียน การสอนให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเด็ก เยาวชน และ

ประชาชนทัว่ ไปได้งา่ ยขึน้ โดยต่อไปจะมีการพัฒนา การเรียนการสอนด้วยระบบอีเลิรน์ นิง่ เพือ่ ให้สามารถ เรียนผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา ส่วนข้อสอบ ก็จะยังคงใช้ข้อสอบเดียวกับที่ออกโดยสำนักงาน แม่กองธรรมสนามหลวง เพือ่ ให้เป็นมาตรฐานเดียว กันทั้งประเทศ พระธรรมวรเมธี เลขานุการสำนักงานแม่กอง ธรรมสนามหลวง กล่าวไว้ว่า “เราต้องเร่งทำประชาสัมพันธ์ให้คนเห็นความ สำคัญของการเรียนธรรมศึกษา เพราะช่วยทำให้เป็น คนดี ในสังคม สามารถนำไปประยุกต์ ใช้ ในชีวิต ประจำวันได้ และหากเป็นไปได้อยากให้หน่วยงาน ต่างๆ นำเรื่องธรรมศึกษาไปร่วมพิจารณารับคนเข้า ทำงานด้วย หรือรับเข้าศึกษาต่อในระดับต่างๆ ซึ่ง ขณะนี้ ท ราบมาว่ า มี ภาคเอกชนบางแห่ ง นำไปใช้ แล้ว” นัน่ หมายความว่า เยาวชนทีไ่ ด้รบั ประกาศนียบัตรหรือสำเร็จการศึกษาจากวิชาธรรมศึกษา จะได้ รับสิทธิ์ในการพิจารณาเข้าทำงานเป็นอันดับแรกๆ เยาวชนทุกคนที่สนใจสามารถลงเรียนได้ผ่านทาง โรงเรียนของตนเองหรือทางเว็บไซต์ http://www.gongtham.net

๓๕


กาละเรื่อเทศะ ง...สุวิชา

เรื่องของพัศกับแพร ตอน

“รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” ถ้าเดินอยูข่ า้ งถนนเวลาธงชาติขนึ้ หรือลง ได้ยนิ เสียงเพลงชาติกค็ วร จะหยุดทำความเคารพ บางประเทศนี่เขามีระเบียบวินัยมากเลยนะ เขาจะหยุดยืนตรงกันหมดเลย ทีเ่ มืองเรานีย่ า่ เห็นน้อยมาก ย่าอยากให้ หลานๆ ชักชวนเพื่อนฝูงให้ทำกันซิจ๊ะ

พั

ศสะกิดแพรให้ดูคุณย่าวัย ๗๘ ซึ่งนั่งถักโครเชอยู่บนตั่งไม้ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตรง เมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติจากโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง “ไม่ต้องมาสะกิดให้ดูย่ากันหรอก ดูแล้วไม่ทำตาม ก็ไม่ต้องมาดู” คุณย่าพูดอย่าง งอนหลาน “ทำตามซิครับคุณย่า พัศสะกิดให้แพรยืนขึ้นไงครับ เขามัวแต่อ่านหนังสือจนไม่ได้ ยินเสียงเพลงชาติ” พัศแก้ตัวพลางฉุดแพรซึ่งนอนเอกเขนกอ่านหนังสือเพลินอยู่ให้ลุกขึ้น ยืนตรง “คุณย่าขา เขาให้คนที่อยู่ตามถนนหนทางหยุดเดินเพื่อทำความเคารพธงชาติไม่ใช่ หรือคะ” แพรถาม “นั่นมันแน่อยู่แล้ว ถ้าเดินอยู่ข้างถนนเวลาธงชาติขึ้นหรือลง ได้ยินเสียงเพลงชาติก็ ควรจะหยุดทำความเคารพ บางประเทศนี่เขามีระเบียบวินัยมากเลยนะ เขาจะหยุดยืนตรง กันหมดเลย ที่เมืองเรานี่ย่าเห็นน้อยมาก ย่าอยากให้หลานๆ ชักชวนเพื่อนฝูงให้ทำกันซิ จ๊ะ” “แล้วไม่อายคนเขาหรือคะ คนเขาเดินๆ กันอยู่ แล้วอยู่ๆ เราก็มาหยุดกึ้กอยู่คน เดียว” “คนเราทำความดี แสดงความรักชาติ ไม่น่าอายสักนิด คนเขาเห็นเขาก็จะทำตาม ด้วยซ้ำไป เราทำความดี เราน่าจะภูมิใจนะจ๊ะ” “แล้วอยู่ในบ้านทำไมคุณย่าต้องยืนด้วยล่ะคะ” “ก็อยู่ในบ้าน เราเห็นเขาชักธงชาติลงจากเสา อยู่ในทีวี เสียงเพลงก็ออกชัดแจ๋ว ย่ารักชาติก็ อยากจะยืนเคารพธงชาติ ย่าก็ยืน มันฝังใจมาตั้ง แต่เด็กๆ แล้ว สมัยก่อนมีหนังสือ ‘วัฒนธรรมและ ประเพณีไทย’ เขียนโดย ท่านผู้หญิงพัว อนุรักษ์ ราชมณเฑียร ท่านเขียนเอาไว้วา่ ‘ยืนเคารพธงชาติ เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติซึ่งเป็นที่รักและหวงแหน ของประชาชนผูเ้ ป็นเจ้าของชาตินนั้ ๆ ทัว่ โลก ฉะนัน้ เวลาเชิญธงชาติขึ้นและลงจากเสาทุกวันเราจึงหยุด ยืนเคารพเป็นกิจวัตรประจำวันของประชาชนที่ได้เห็น และได้ยินเพลงชาติบรรเลงตามเวลาที่เชิญธงชาติ ๓๖


ขึ้นหรือลง’ นี่ละจ้ะ ย่าถึงติดนิสัยมาเรื่อย พอเห็นหรือได้ยินก็อยากจะทำ อยู่นอกบ้านหรือ ในบ้านย่าก็อยากยืน มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งว่า เรามีชาติที่เป็นเอกราชมานาน แสนนาน หลานๆ ไม่รู้สึกอย่างนั้นหรือจ๊ะ” “รู้สึกซิครับ คราวนี้พัศจะชักชวนเพื่อนๆ ให้ทำอย่างคุณย่าเวลาเดินอยู่นอกบ้านนะ ครับ” พัศเอาใจคุณย่า “ดีแล้ว แต่เรื่องเพลงชาตินี่ย่าว่าต้องไปพูดกับคุณครูที่โรงเรียนของพัศกับแพรเสีย หน่อย เมื่อวานที่ย่าไปส่งพวกหนู ย่าอยู่จนเคารพธงชาติ โอ้ย ! ร้องเพลงชาติกันไม่ ไพเราะเลย เหมือนกับจะรีบๆ ให้จบๆ ไป ไม่เหมือนที่ในทีวีเขาร้องกันเลย ย่าว่าครูเขา ควรจะสอนการร้องเพลงชาติด้วย เพลงชาติของเราถ้าตั้งใจร้องให้ดีก็จะไพเราะอย่างในทีวี นะจ๊ะ พัศกับแพรว่าไพเราะไหมล่ะ ฟังแล้วเราก็ภูมิใจ” คุณย่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจจริงๆ “แต่พัศสงสัยจังเลยครับว่าเราไม่เห็นเป็นอย่างในเนื้อเพลงที่ร้องกันเลยครับ ในเนื้อ ตอนหนึ่งบอกว่า ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย แล้วอีกตอนก็บอกว่า ไทยนี่ล้วน หมาย รักสามัคคี ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ไม่เห็นสามัคคีกันเลย พวกผู้ใหญ่รวม พวกทะเลาะกันด่ากันทางเครื่องขยายเสียง ทางทีวี ทางวิทยุ แล้วจะบอกว่า ไทยนี้รักสงบ ได้อย่างไร เด็กๆ อย่างพวกเราจะทำตามอย่างใครกันเล่าครับ” พัศตั้งกระทู้ถาม “จริงด้วยค่ะ คุณย่า แบ่งพวกกันเป็นสีๆ บ้านเพื่อนแพร คุณพ่อของเขากับคุณอา ก็ ทะเลาะกันเรื่องการเมืองจนบ้านจะแตก โกรธกันไปเลย ไม่เห็นรักสามั​ัคคีเหมือนในเพลง ชาติเลย” “เรื่องการเมืองมันก็เป็นอย่างนี้แหละ มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ย่าว่าต่อไปประเทศชาติ จะดีขึ้นก็ต้องรอพวกหลานๆ นี่แหละ หลานต้องหัดฟัง หัดใช้เหตุผล เปิดใจให้กว้างและ นึกอยู่ตลอดเวลาว่าพวกเรามีประเทศอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมานับร้อยๆ ปี ก็เพราะเรามี ความสามัคคี เมื่อไรที่เราแตกแยก เราก็จะลำบากต่อไปในภายหน้า เหมือนสมัยก่อนที่ เราเสียกรุงนั่นเหละ เราคนไทยด้วยกันจะต้องค่อยๆ พูดกันดีๆ ด้วยเหตุด้วยผล พยายาม ฟังความหมายเพลงชาติ และปฏิบัติตามนั้น หากรุ่นหลานๆ หรือรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต มีความรักสามัคคีกัน บ้านเมืองก็จะมี แต่ความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญ ก้าวหน้าต่อไป ใช่ใหมจ๊ะ” “ใช่ค่ะ ตั้งแต่นี้ไปแพรจะยืนเวลา ได้ยินเพลงชาติ ตั้งใจฟังเนื้อร้อง แล้ว ตอนเช้ า ก็ จ ะตั้ ง ใจร้ อ งเพลงชาติ ด้ ว ย ชักชวนเพื่อนๆ ด้วย ดีใหมคะคุณย่า” แพรพูดเอาใจคุณย่า “ขอให้เริ่มทำก็แล้วกัน ที่สำคัญ ที่สุดคือ ต้องรักชาติด้วยใจจริง ให้สม กับที่เราเกิดเป็นคนไทย ในประเทศที่ รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” แพรกอดคุณย่าอย่างรักใคร่กอ่ นที่ จะลงนอนเอกเขนกอ่านหนังสือต่อ

๓๗


ชวนเที่ยว

เรื่อง...แพรชมพู ภาพ...บอมบ์

เปิจัดงหวั โลกผจญภั ย ดนครนายก จังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ “นครนายก เมืองในฝันที่ ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ”

๓๘


โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ

ครนายกเป็นจังหวัดเล็กๆ อยู่ใกล้กรุงเทพฯ จน ดูเหมือนเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่หลายคน อาจมองข้ามไป ทั้งที่มีเสน่ห์ซุกซ่อนชวนให้ค้นหาอยู่ มากมาย ลองมาดูกันซิว่าหากนครนายกเป็นตัวเลือก ของสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนเช่นนี้จะมีอะไรให้ ทำบ้าง ไปเที่ยวไหนได้บ้าง อ่านจบแล้วเพื่อนๆ อาจ จะทำตาโต แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่ฉันมองข้าม นครนายกไปได้อย่างไร..ก็เป็นได้นะคะ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เพื่อนๆ อย่าเพิ่งทำตัวเป็นวัย รุ่นใจร้อน อ่านปุ๊บเตรียมตัวออกจากบ้านปั๊บ เพราะ ก่อนที่จะเคลื่อนล้อออกเดินทางไปค้นหามนต์เสน่ห์ ของจังหวัดนี้ เรามาเคาะสนิม ปัดผุน่ วิชาสังคมศึกษา กันสักหน่อยดีไหมคะ

ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน

กิจกรรมทดสอบกำลังใจโดดหอสูง

พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระพุทธฉาย

รู้จักนครนายก

นครนายกเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง อยู่ห่าง จากกรุงเทพฯ ประมาณ ๑๐๗ กิโลเมตร สันนิษฐาน ว่าเคยเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี มีหลักฐานคือ แนวกำแพงเนินดินและสันคู อยู่ที่ตำบลดงละคร แต่ ชือ่ นครนากยกนัน้ ปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาเป็น เมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออก สมัยพระเจ้าอู่ทอง ในปี พ.ศ. ๒๔๓๗ รัชกาลที่ ๕ ทรงจัดลักษณะการ ปกครองโดยแบ่งเป็นมณฑล นครนายกได้เข้าไปอยู่ ในเขตมณฑลปราจีนบุรี จนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๕ ทรง เลิกธรรมเนียมการมีเจ้าครองเมือง ให้มีตำแหน่งผู้ว่า ราชการจังหวัดขึ้นแทน และในช่วง พ.ศ. ๒๔๘๖๒๔๘๙ นครนายกได้โอนไปรวมกับจังหวัดปราจีนบุรี และสระบุรี หลังจากนั้นจึงแยกเป็นจังหวัดนครนายก เพียงจังหวัดเดียว ๓๙


กีฬาประลองยุทธ์หรือยิงปืนเพ้นท์บอล กีฬาท้าประลอง ความกล้าเลื่อนข้ามน้ำช่วยชีวิต และกิจกรรมสบายๆ พายเรือแคนูสำหรับครอบครัว

มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาตัง้ แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ว่า จังหวัดนครนายกเดิมชื่อว่า “บ้านนา” ดินแดน แห่งนี้เป็นป่ารกชัฏ เป็นที่ดอน ทำนาหรือทำการ เพาะปลูกอะไรไม่ค่อยได้ผล มีไข้ป่าชุกชุม ผู้คนจึง พากันอพยพไปอยู่ที่อื่นจนกลายเป็นเมืองร้าง ต่อมา พระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือนร้อนของชาว เมือง จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกภาษีคา่ นาเพือ่ จูงใจชาว เมืองให้อยูท่ เี่ ดิม ทำให้มผี คู้ นอพยพมาอยูเ่ พิม่ มากขึน้ จนเป็นชุมชนใหญ่ และเรียกเมืองนี้กันติดปากว่า “เมืองนายก” ฟังแล้วน่าชื่นชมชาวนครนายกที่ร่วมแรงร่วมใจ พลิกฟื้นผืนแผ่นดินที่แห้งแล้ง จนกลายเป็นจังหวัดที่ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติกนั ดังคำขวัญประจำ จังหวัดที่ว่า “นครนายก เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขา งาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ” จุดหมายแรก..โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ

อุ่นเครื่องกันมาพอสมควร เพื่อนๆคงแทบจะ ทนรอกันไม่ไหวแล้วใช่รึเปล่า… ถ้าเช่นนั้นเราสตาร์ท เครื่องออกเดินทางไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ สถานทีแ่ รกทีเ่ ราภูมิใจนำเสนอคือ โรงเรียนนาย ร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ หรือชื่อย่อว่า จปร. สถานที่ ให้การศึกษาแก่ลูกผู้ชาย ผู้ที่มีใจรักชาติ มุ่งมั่นจะรับ ราชการเป็นนายทหารแห่งกองทัพไทย โรงเรียนนาย ๔๐

ร้อน จปร. ซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวางถึงสามพันไร่ ตั้ง อยู่ที่ตำบลพรหมณี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๑๔ กิโลเมตร บริเวณโรงเรียนอยู่ติดกับเขาชะโงก ภายใน โรงเรียนนายร้อย จปร. มีสถานที่น่าสนใจมากมายให้ นักท่องเทีย่ วทัว่ ไปได้เข้าไปเยีย่ มเยียน และร่วมกิจกรรม พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานไว้หน้าบริเวณกอง บัญชาการโรงเรียน จปร. บนเขาชะโงก เพือ่ ความเป็น สิริมงคลในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นผู้พระราชทาน กำเนิดโรงเรียน พระบรมรูปอยู่ในฉลองพระองค์เครือ่ ง แบบจอมทัพไทยแห่งกองทัพบกเต็มยศ ประทับเหนือ พระราชอาสน์


ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน ตั้งอยู่บนชะง่อนหิน เลย ทางเข้าโรงเรียนนายร้อย จปร. มาเล็กน้อยทางด้าน ขวามือ เป็นสถานทีศ่ กั ดิส์ ทิ ธิ์ มีประชาชนเคารพนับถือ มาก ตามประวัติท่านเป็นนายด่านเมืองนครนายก สมัยกรุงศรีอยุธยา วีรกรรมของท่าน คือ การต่อต้าน เขมรที่แปรพักตร์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๓๐ ในรัชสมัย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะที่ไทยติดพันศึกกับ พม่า เขมรได้เข้ามารุกราน และกวาดต้อนผู้คนแถบ ปราจีนบุรเี พือ่ นำกลับไปเขมร โดยได้ยดึ เมืองปราจีนบุรี และเมืองนครนายก ขุนด่านได้รวบรวมผูค้ นชาวเมือง นครนายกถอยไปตัง้ หลักทีเ่ ขาชะโงก แล้วยกกำลังเข้า ขับไล่เขมรออกจากนครนายกจนเขมรแตกพ่ายไป ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อขุนด่านยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นนำกำลังพลไปตั้ง ที่เขาชะโงก และได้รื้อศาลเจ้าพ่อขุนด่าน เจ้าพ่อขุน ด่านได้แสดงอภินิหารทำให้ทหารญี่ปุ่นล้มตายเป็น จำนวนมาก พระพุทธฉาย หรือวัดพระฉาย แต่เดิมชื่อว่า “วัดเขาชะโงก” เป็นภาพเขียนสีติดอยู่กับชะโงกผาบน ภูเขาเตี้ยๆ ถัดจากเขาชะโงก ตั้งอยู่ ในเขตท้องที่ พรหมณี พระพุทธฉายนี้ประวัติเดิมเป็นอย่างไรไม่ ปรากฏ แต่เล่ากันว่าสภาพเดิมเป็นภาพพระพุทธรูป ปางต่างๆ ต่อมาเมือ่ พ.ศ. ๒๔๘๕ กรมแผนทีท่ หารบก เข้าไปตั้งโรงงานหินอ่อนที่เชิงเขานี้ และได้เขียนตาม รอยพระพุทธรูปเดิมให้ชัดเจนขึ้น ราษฎรบริเวณนั้น ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัดนครนายก ทุกกลางเดือน ๓ จะมีงานนมัสการเป็นประจำทุกปี นอกจากการเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจเบื้องต้น แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมกีฬาที่เปิดให้บุคคลภายนอกใช้ บริการได้ อย่างเช่นกิจกรรมสบายๆสำหรับครอบครัว เช่นพายเรือแคนู ขี่จักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ถีบ จักรยานน้ำ แต่กิจกรรมที่ขอแนะนำว่าสุดยอดจริงๆ ที่เรา ขอท้าประลองความกล้ากับเพื่อนๆให้มาลองนั่นก็คือ เลือ่ นข้ามน้ำช่วยชีวติ ทีจ่ ะพาผูเ้ ล่นเหินเวหาข้ามสายน้ำ เย็นฉ่ำ จะฉายเดี่ยวเท่ห์คนเดียวหรือจะไปเป็นแพ็กคู่ ก็ ไม่ว่ากันเพราะผู้ดูแลเขาจัดให้ตามความต้องการ ในเมื่อมาเยือนถึงถิ่นทหารก็ต้องขอลองสักตั้งว่าพี่ๆ ทหารเขาฝึกกันอย่างไร ขอรับรองกิจกรรมนีว้ า่ ปลอดภัย ๑๐๐%

กีฬาโรยตัวหน้าผาจำลอง และโดดหอสูง 34 ฟุต

กีฬาที่น่าสนใจอีกประเภทหนึ่งคือยิงปืนเพ้นท์ บอลหรือกีฬาประลองยุทธ์ (Paintball War Game) ซึ่งเป็นเกมกีฬาชนิดใหม่ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่น นอกจากจะให้ ค วามสนุ ก สนานเร้ า ใจแล้ ว ยั ง ทำให้ สมาชิกมีความสามัคคีด้วย กีฬาชนิดนี้มีการเล่นแพร่ หลายในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย นอกจากนี้ ขอแนะนำกีฬาโรยตัวหน้าผาจำลอง และ โดดหอสูง ๓๔ ฟุต เพื่อทดสอบความกล้าหาญและ การกล้าตัดสินใจ ซึ่งกีฬาผาดโผนทั้ง ๒ ประเภทนี้มี ครูฝึกซึ่งมีความชำนาญช่วยฝึกและดูแลอย่างใกล้ชิด กิจกรรมทั้งหมดนี้เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นไต่ หน้าผาจะเปิดเฉพาะวันหยุดและวันนักขัตฤกษ์เท่านัน้

ล่องแก่งในลำน้ำนครนายกด้วยเรือคายัก แคนู และเรือยาง

ช่ ว งอากาศร้ อ นอบอ้ า วหลายคนแทบจะไม่ อยากขยับตัวออกจากบ้านไปไหนเลย เพราะอากาศ ร้อนไม่พอ ใจคนยังร้อนตามอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทุก วัน เพราะอย่างนั้นตามมาเลยค่ะ เราจะพาเพื่อนๆ ไปแช่น้ำคลายร้อน ดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติอัน บริสุทธิ์ ที่เรามีตัวเลือกให้เพื่อนๆ เลือกเที่ยวตาม ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ๔๑


เส้นทางผจญภัยล่องแก่งตื่นเต้นสนุกสนาน หลังเขื่อนขุนด่านปราการชล

กิจกรรมทีไ่ ด้รบั ความนิยมมากในนครนายกอย่าง หนึ่งคือการล่องแก่งในลำน้ำนครนายก ช่วงที่เหมาะ กับการล่องแก่งจะเริม่ ประมาณเดือนมิถนุ ายน-ตุลาคม ส่วนเส้นทางผจญภัยในการล่องแก่งได้ทั้งปีอยู่ที่เชิง สะพานหลังเขื่อนขุนด่านปราการชล ถือเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และผจญภัย โดยทางจังหวัดจัดให้มีกิจกรรมล่องแก่ง ทีส่ นุกสนานท้าทาย แม้ลำน้ำนครนายกจะมีความยาก ของสายน้ำเพียงระดับ ๑-๓ แต่ระหว่างเส้นทางจะได้ ใกล้ชดิ กับธรรมชาติทมี่ พี รรณไม้นานาชนิด และแต่ละ ช่วงของการล่องแก่งจะมีความแตกต่างกันตลอดเส้น ทาง หลายจุดเป็นแก่งหินทีท่ ำให้เกิดกระแสน้ำคดเคีย้ ว ไหลลดหลัน่ ลงมาคล้ายขัน้ บันได เช่น แก่งเทียม แก่ง สามชัน้ (แก่งที่น้ำเชี่ยวที่สุด) แก่งโขดคุ้ง เป็นจุดที่ สร้างความตืน่ เต้นเร้าใจให้กบั นักล่องเรือเป็นอย่างมาก กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายกเหมาะกับมือ ใหม่ที่จะลองล่องแก่ง หรือมือเก่าที่ต้องการซ้อมไว้ ลุยกับแก่งที่มีความยากมากขึ้น การล่องแก่งแห่งนี้จึง ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย โดย อุปกรณ์ที่นิยมล่องมีทั้ง เรือคายัก แคนู และเรือยาง ๔๒

เส้นทางล่องแก่ง เริม่ ต้นผจญภัยจากเชิงสะพาน หลังเขื่อนขุนด่านปราการชล ล่องเรื่อยมาตามลำน้ำ นครนายกที่คดเคี้ยวลดเลี้ยวสองฟากฝั่งร่มรื่น แต่ใน ช่วงที่น้ำยังไม่มากนัก นักท่องเที่ยวก็จะได้สนุกกับ การพายเรือคายักไปรอบๆ ลำน้ำ ถ้าใครมากันหลาย คนจะเช่าเรือยางล่องก็สนุกไปอีกแบบ เพราะเรือยาง นั่งได้หลายคน เขามีเจ้าหน้าที่รับรองความปลอดภัย นั่งไปด้วยทั้งด้านหัวและด้านท้าย ส่วนใครที่ไม่กล้า สักอย่าง ริมน้ำเขามีแพให้นั่งเล่นแช่น้ำทั้งวันในราคา ๑๕๐-๒๐๐ บาท อยากจะเล่นน้ำให้ตัวเปียกก็เช่าห่วง ยางวันละ ๓๐ บาทได้ ขึ้นจากน้ำแล้วหิวทางแพก็มี บริการสั่งอาหารได้อีกต่างหาก สะดวกอะไรอย่างนี้


สำหรับราคาค่าเช่าเรือยางนั้น ถ้าเป็นหน้าน้ำ และมุ่งมั่นจะล่องแก่งไปให้ถึงบรรดาแก่งทั้งหลายโดย เริ่ ม ต้ น ล่ อ งแก่ ง ได้ ที่ บ ริ เ วณท่ า เที ย บเรื อ หลั ง เขื่ อ น คลองท่าด่าน ใช้เวลาล่องประมาณ ๓๐-๙๐นาที ค่า บริการล่องแก่ง เรือยางลำละ ๑,๕๐๐-๒,๐๐๐ บาท คายักคนละ ๓๕๐-๔๕๐ บาท พายเรือจนเหนือ่ ย ขึน้ มานัง่ พักบนแพสักครู่ ให้ สายลมเย็นๆ จากลำน้ำปะทะตัวให้ผ่อนคลาย นั่งแล้ว

ก็มองไปรอบๆ แปลกดีเหมือนกัน อันว่าลำน้ำ นครนายกบริเวณนีก้ ็ไม่ได้กว้างขวางอะไรนัก น้ำทีเ่ รา จ่อมเท้าลงไปก็ไม่ได้ลกึ มากมาย แต่กลับเป็นสถานทีท่ ี่ สร้างอาชีพได้หลากหลาย ตัง้ แต่คนให้เช่าห่วงยาง คน ให้เช่าแพนั่งเล่น คนทำร้านอาหาร คนให้เช่าเรือแคนู คายัก และเรือยาง ฯลฯ ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวติด อันดับต้นๆ ของเมืองไทยเสียด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การ ท่องเทีย่ วแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคกลาง เขต ๘ โทร. (๐๓๗) ๓๑๒๒๘๒, ๓๑๒๒๘๔ สารพัดน้ำตกในนครนายก

น้ำตกนางรอง

นครนายกมีน้ำตกหลายแห่งซึ่งเราคุ้นชื่อกันดี แห่งแรกได้แก่ น้ำตกนางรอง ตัง้ อยูท่ ตี่ ำบลหินตัง้ ห่าง จากตัวเมืองประมาณ ๒๐ กิโลเมตร เดินทางไปตาม ทางหลวงหมายเลข ๓๐๔๙ อยู่ในเขตอุทยานแห่ง ชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ไหลลดหลัน่ ลงมา เป็นชั้นๆ ไม่สูงนัก มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ใน ช่วงฤดูฝนกระแสน้ำจากน้ำตกนางรองจะไหลเชี่ยว มาก ควรระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ การจัดบริเวณ ภายในเป็นระเบียบสะอาดตา และมีบ้านพักบริการ ถัดมาคือ น้ำตกวังตะไคร้ อยูใ่ กล้กบั น้ำตกนางรอง เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับ นานาพันธุ์ในเนื้อที่ ๑,๕๐๐ ไร่ มีถนนให้นำรถยนต์ เข้าชมในบริเวณได้ เปิดรับนักท่องเทีย่ วทัว่ ไปทัง้ ประเภท เช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรม นักท่องเที่ยวเล่นน้ำที่แก่งสามชั้นที่มีน้ำให้เล่นทั้งปี

๔๓


เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก

เขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก

เพื่อนคงมีคำตอบกันในใจแล้วใช่ไหมคะ เพราะ อะไรที่เป็นที่สุดของโลกเราต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ใช่ แล้วค่ะ เดากันไม่ผิดหรอก เขื่อนที่ว่านั้นก็คือ เขื่อน ขุนด่านปราการชล เขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นชื่อพระราชทาน ตามตำนานเจ้าพ่อขุนด่าน ในสมัยสมเด็จพระมหา ธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อพม่าบุกไทยชาว เขมรลักเสบียง รังแกคนไทย หัวหน้าที่ชาวบ้านเรียก ว่าขุนด่านใช้มา้ เร็วรับส่งข่าวรายงานไปยังกรุงศรีอยุธยา เขื่อนขุนด่านปราการชลตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบล หินตั้ง อำเภอเมือง อยู่ใกล้กับน้ำตกวังตะไคร้ มีป้าย บอกตลอดทาง สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์ ยากทีเ่ กิดกับประชาชนชาวนครนายก และจังหวัดใกล้ เคียง ตัวเขื่อนประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรอง สร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็นเขื่อนคอนกรีต บดอัดทีม่ คี วามยาวทีส่ ดุ ในโลก มีความยาวรวม ๒,๕๙๓ เมตร ความสูง ( สูงสุด ) ๙๓ เมตร รับน้ำที่ไหลจาก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่าง เก็บน้ำมีความจุ ๒๒๔ ล้าน ลบม. นอกจากประโยชน์ ในการมีน้ำในการทำเกษตรกรรม การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา และ ๔๔

บรรเทาอุทกภัย อีกทัง้ ยังเป็นแหล่งท่องเทีย่ วแห่งใหม่ ของนครนายก นักท่องเที่ยวสามารถชมอุทยานแห่ง ชาติเขาใหญ่ได้จากบริเวณสันเขื่อน จะเห็นทิวทัศน์ ด้านหน้าเขื่อน และชมทิวทัศน์เมืองนครนายกด้าน หลังเขื่อน

ผจญภัยไปบนจักรยานเสือภูเขา

พาไปเล่นน้ำดับร้อนกันมาหลายทีแ่ ล้ว มาเปลีย่ น บรรยากาศเพิ่มระดับความมันส์ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษ กิจกรรมนีค้ งถูกอกถูกใจคนรักธรรมชาติ และชอบความ ท้าทายบนหลังอานจักรยานเสือภูเขา นี่เป็นกิจกรรม ที่สามารถทำได้ทั้งปี และมีเส้นทางไว้ ๔ เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางวังตะไคร้-วังยาว ระยะทางประมาณ ๒๒ น้ำตกวังตะไคร้


กม. เริม่ ต้นทีบ่ ริเวณเชิงสะพานวังตะไคร้ มองเห็นวิวทิว ทัศน์ และผ่านที่ตั้งแค้มป์ เส้นทางเขาชะโงก-เขาทุเรียน ระยะทางประมาณ ๒๔ กม. เริ่มต้นที่จักรดาวรีสอร์ท และมองเห็นวิวทิว ทัศน์ของโรงเรียน จปร. เทือกเขา และอ่างเก็บน้ำ เส้นทางวัดพราหมณี-เขามดดำ ระยะทาง ๓๑ กม. เริ่มต้นที่บริเวณวัดพราหมณี มองเห็นวิวทิวทัศน์ ของเทือกเขา และสวนนก วัดคีรีวัน-วัดเนินหอม ระยะทาง ๕๕ กม. เริ่ม ต้นที่วัดคีรีวันผ่านอ่างเก็บน้ำคลองสีเสียด วัดเขาพระ ธรรมขันธ์ไปถึงแยกเนินหอม จังหวัดปราจีนบุรี ทิว ทัศน์เป็นทุ่งนา บ้านพักอาศัย และเทือกเขา เส้นทาง นี้ปั่นได้ในเวลาเย็นอีกด้วย ศูนย์ ไม้ดอก ไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ผจญภัยกันมาพอสมควรแล้ว ถึงเวลากลับขอพา ไปแวะชมความงามของต้นไม้ ดอกไม้ที่ศูนย์ไม้ดอก ไม้ประดับที่รังสิตคลอง ๑๕ แหล่งเพาะขยายพันธุ์พืช ทัง้ ไม้ดอก ไม้ประดับต่างๆ ซึง่ นับว่าใหญ่ทสี่ ดุ ในประเทศ ไทย พันธุไ์ ม้ดอก ไม้ประดับจากทีน่ จี่ ะจัดส่งไปยังแหล่ง จำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อนๆ สามารถแวะชม และเลือกหาซื้อได้ในราคาขายส่ง ศูนย์ไม้ดอก ไม้ประดับใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

แหล่งจำหน่ายผลไม้และสินค้าพื้นเมือง

ของฝากจากนครนายก

มาถึงนครนายกทัง้ ที จะกลับบ้านไปมือเปล่าก็คง ไม่ใช่วิสัยของคนไทย ก็พี่ไทยได้ชื่อว่าแวะที่ไหนช็อป ที่นั่น เพื่อนๆ ลองเลือกซื้อเลือกหาของกิน ของใช้ ตลอดจนผลิตภัณฑ์พืชผักผลไม้ที่ขึ้นชื่อนานาชนิด อาทิ มะปรางหวาน ส้มโอ ทุเรียน ส้มเขียวหวาน หน่อไม้หวาน มะนาว ฯลฯ และสินค้าประเภทศิลป หัตถกรรม ไม้กวาด เพราะฉะนัน้ อย่าลืมซือ้ ของฝากติด ไม้ตดิ มือกลับไปฝากคนทีเ่ พือ่ นๆรักก็นับว่าเป็นไอเดียที่ ดีทีดียว เป็นอย่างไรบ้างคะ หนึ่งวันในนครนายก ที่ยก มานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ภูมิใจนำเสนอเท่านั้นนะ ยังมี กั๊กไว้อีกหลายแห่งที่ต้องท้าให้ ไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง เทีย่ วสนุกแถมยังเทีย่ วได้ทกุ ฤดูอกี ต่างหาก ต้องทีน่ .ี่ .. ที่นครนายก

มะปรางหวาน ผลไม้ขึ้นชื่อของนครนายก

๔๕


ภูมิปัญญาไทย

เรื่อง...น้ำดอกไม้ ภาพ...พิมพ์ณัฐ

จาก

นวดแผนไทย ถึง สปา ภูมิปัญญาไทย

ที่ไปไกลถึงระดับโลก

เมื่อปี ๒๕๕๑ ที่นวดแบบสปากำลังได้รับ ความนิยมแพร่หลายไปเกือบทุกมุมโลก ในปีนั้น ประเทศไทยได้รับรางวัลหลาย รางวัลจากนิตสาร AsiaSpa ซึ่งจัดอันดับ ความนิยมและชื่นชอบบริการนวดสปาจาก สปาทั่วโลก รางวัลต่างๆ บ่งบอกความ เป็นเลิศในหลากหลายด้านของสปาไทย อาทิ Destination Spa, Day Spa, Medi-Spa, Spa Treatment, Spa Cuisine, Spa Design น่าทึ่งที่นวดแผนไทยภูมิปัญญาไทย คือพื้นฐานของสปา ที่พัฒนาก้าวไกล ติดใจคนทั่วโลก

พื่อนๆ น้องๆ สงสัยกันไหมเอ่ยว่า นวด กับ สปา คือประเภทเดียวกันไหม มีความเป็นมาอย่างไร และ ทำไมถึงได้รับความนิยมกันนัก? เอาล่ะ เราไปดูคำเฉลยทีละข้อกันเลยดีกว่า นวดไทย มีมาแต่สมัยใด นวดแผนไทยหรือหัตถเวชกรรม เป็นส่วนหนึ่ง ของหัตถเวชกรรมในการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพ และบำบัดรักษาโรค คุณมานพ ประภาษานนท์ โรงพยาบาลสรรพสิทธิป์ ระสงค์ เอ่ยถึงประวัตกิ ารนวด ไทยไว้ว่า การนวดไทยไม่สามารถสืบค้นประวัติการ เริ่มกำเนิดอย่างถูกต้องจริงจังได้ เนื่องจากคนสมัย ก่อนไม่ได้บันทึกเรื่องราวไว้เป็นหลักฐานแน่นอน ซึ่ง เราคงจะประมาณเอาจากหลักฐานที่มีอยู่ว่าการนวด ๔๖


มีมานานมากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และเชื่อ ว่ า เกิ ด จากการสั่ ง สมประสบการณ์ ใ นการต่ อ สู้ กั บ ความเจ็บป่วยจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งจนมี หลักการและวิธีการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ความเจ็บปวดเมื่อยล้า โดยเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด และได้เข้ามาแพร่หลายใน ประเทศไทยโดยไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดนัก แต่ พบว่าสมัยก่อนจะมีการนวดกันแต่เฉพาะในรั้วในวัง โดยจะนวดแต่พระเจ้าแผ่นดิน หรือข้าราชการ ชั้น ผู้ใหญ่เท่านัน้ ต่อมาภายหลังจึงเริม่ กระจายไปสูบ่ คุ คล ทั่วไป เนื่องจากผู้นวดดังกล่าวมีอายุมากขึ้น และ เกษียณราชการกลับไปอยู่บ้าน จึงถ่ายทอดวิชาให้แก่ ลูกหลานเพื่อนบ้านใกล้เคียงสืบต่อกันมา หลักฐานแรกการนวดไทย เริ่มมีในสมัยอยุธยา

การนวดที่ มี แ บบแผนเป็ น เอกลั ก ษณ์ ว่ า เป็ น การนวดของไทยเรานั้น เริ่มตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๐๐ โดยมีการศึกษาจากบันทึกที่ กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยในสมัยนั้นอยู่ในยุคเฟื่อง รากฐานนวดไทย อาจมาจากอินเดีย ฟูและรุ่งเรืองที่สุด และในสมัยนั้น กรมแพทย์และ มีอีกหนึ่งความเชื่อระบุว่ารากฐานการนวดแผน กรมหมอนวดนั้นถือได้ว่าเป็นกรมใหญ่ ซึ่งต้องรับใช้ โบราณของไทยมาจากประทศอินเดีย โดยหมอชีวก เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด โกมารภัจจ์ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำราชวงศ์สักยะ และ เป็นแพทย์ประจำองค์พระพุทธเจ้า ได้เป็นผู้ริเริ่มขึ้น สืบสานจากยุคสู่ยุค ในสมัยพุทธกาล โดยพื้นฐานการนวดนั้นมาจากการ หลังจากสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ขา้ มมาถึงกรุงธนบุรี ใช้มือ กด คลำ ลูบ ไปตามร่างกายเพื่อผ่อนคลาย มีสงครามเกิดขึ้นอีก ตำราการแพทย์ต่างๆ ได้ถูกเผา ๔๗


ทำลายไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งตำราการนวดไทยนี้ ด้วย แม้กระนัน้ ก็ยงั มีความพยายามจะรักษาการแพทย์ ไทยเอาไว้อย่างต่อเนือ่ ง จนเข้าสูส่ มัยกรุงรัตนโกสินทร์ ทีก่ ารเมืองเริม่ ผ่อนคลายความตึงเครียดลงไป จึงมีการ รวบรวมความรู้ในด้านต่างๆ กันอีกครั้งหนึ่ง ดังในปี พ.ศ. ๒๓๓๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ “วัด โพธาราม” หรือ “วัดโพธิ์” ขึ้นเป็นพระอารามหลวง ทรงให้รวบรวมตำรายา ฤาษีดัดตน และตำราการนวด โปรดให้มกี ารจารึกตำรายาและตำราฤๅษีดดั ตนไว้ตาม ศาลาราย เพื่อประชาชนได้ทำการศึกษาต่อไป ปี พ.ศ. ๒๓๗๕ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๓ ทรงให้มกี ารบูรณะวัดโพธิ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกโปรดเกล้าฯ และทรงให้มกี ารจัดรวบรวมความรูท้ างการแพทย์แผน ไทยไว้ทนี่ ี่ โดยมีการสลักความรูแ้ ละปัน้ หุน่ ฤๅษีดดั ตน ให้ปฏิสังขรณ์ “วัดโพธาราม” หรือ “วัดโพธิ์” ขึ้นเป็น เป็นจำนวนมากเก็บรักษาไว้ เพื่อให้ประชาชนได้มา พระอารามหลวง ทรงให้ ศึกษาหาความรู้ ซึง่ อาจถือได้วา่ เป็นรากฐานในการนวด รวบรวม ตำรายา ฤาษีดัดตน แผนโบราณในปัจจุบันนี้ ตำราการนวด โปรดให้มกี ารจารึก ยุคทองของการนวดแผนไทย ตำรายาและตำราฤๅษีดดั ตนไว้ตาม มาในยุคปัจจุบัน การนวดแผนไทยได้รับความ ศาลาราย เพื่อประชาชนได้ทำการ นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระแสของ ศึกษาต่อไป การรักสุขภาพมาแรง รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการ ส่งออกธุรกิจบริการนวดแผนโบราณ เนื่องจากเห็นว่า เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และได้รับความนิยมจากชาว โปรดเกล้าฯ ให้ตรา พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ ต่างประเทศ ในขณะที่ชาวต่างประเทศก็สนใจเรียน ซึ่งมีเนื้อหาที่เอื้อต่อการพัฒนาการแพทย์แผนไทย นวดไทย มีการเปิดสำนักสอนการนวดไทยในต่าง มากขึ้น ประเทศ รวมทั้งมีการเขียนหนังสือการนวดไทยออก พ.ศ. ๒๕๔๔ มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่เป็นภาษาต่างประเทศด้วย เรื่องการเพิ่มประเภทการนวดไทยในสาขาการแพทย์ พ.ศ. ๒๕๔๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แผนไทย ทำให้การนวดไทยเป็นประเภทหนึ่งของการ ประกอบโรคศิลป์สาขาการแพทย์แผนไทย ซึ่งจะต้อง มีการขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรค ศิลป์สาขาการแพทย์แผนไทยประเภทการนวดไทยตาม มา หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่าวิชา หัตถเวชกรรม เป็นส่วนหนึง่ ของศาสตร์การแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นวิธี การที่ใช้ในการดูแลสุขภาพ ทัง้ การส่งเสริม สุขภาพ ในคนปกติและใช้ในการบำบัดรักษาโรคในผู้ป่วย อาจ จะพูดได้ว่า “นวดไทย” เป็นมรดกชิ้นสำคัญที่ยังคง เหลืออยู่ และยังได้รับการยอมรับว่ามีผลดี ๔๘


กระบวนการดูแลสุขภาพด้วยการนวดแผนไทย

นวดแผนไทย เป็นกระบวนการดูแลสุขภาพอย่าง หนึง่ โดยอาศัยการสัมผัสอย่างมีหลักการ ทัง้ นีส้ ามารถ แบ่งรูปแบบการนวดได้ดังนี้ นวดผ่อนคลาย การนวดผ่อนคลาย เป็นการ นวดที่ ถู ก สุ ข ลั ก ษณะตามแบบฉบั บ ของแผนไทย โบราณ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย และจิตใจ คือ ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดลม คลายกล้ามเนื้อ ที่ตึงล้า รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย คลาย เครียด เคล็ดขัดยอก ช่วยให้สุขภาพกระปรี้กระเปร่า จิตใจผ่อนคลาย นวดจับเส้น การนวดเพือ่ บำบัดอาการปวดเมือ่ ย เฉพาะจุด หรือตามข้อต่อการยึดติดของพังผืดของ ร่างกาย นวดน้ำมัน การนวดร่างกายโดยใช้น้ำมันที่สกัด จากธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ช่วยให้สดชื่น คลายเครียด ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะทางที่ ใช้ ในการบำบัดอาการให้ เบาบางลง เช่น อาการนอนไม่หลับ อาการเครียด หดหู่ นอกจากนี้น้ำมันบริสุทธิ์ยังช่วยบำรุงผิว และ กระชับรูปร่างไม่ให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน ช่วยสลายไข มันไม่ให้สะสมตามที่ต่างๆ ของร่างกาย และความ ร้อนของน้ำมันที่เกิดจากการนวดจะซึมซาบลึกเข้าไป สู่ผิวหนังและกล้ามเนื้อ ช่วยให้รู้สึกเบาสบายตัว นวดฝ่าเท้า/นวดเท้า การนวดฝ่าเท้า และนวด เท้า เป็นการปรับสมดุลในร่างกาย เนื่องจากมีจุด สะท้อนของอวัยวะภายในร่างกายที่ฝ่าเท้า และเท้า การนวดฝ่าเท้า และเท้า จึงเป็นการช่วยให้ระบบการ

ไหลเวียนของโลหิตไปยังอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ดีขึ้น ส่งผลให้มีการขับถ่ายของเสียออกจากเซลล์ ปรับสภาวะสมดุลของร่างกาย ทำให้สุขภาพโดยรวม ดีขึ้น นวดสปอร์ต การนวดคลายกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บ เพราะออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป ทำให้เกิดอาการ เกร็งของกล้ามเนือ้ เฉพาะส่วน หรืออาการล้าตามกล้าม เนื้อ ทำให้เกิดตะคริว

แล้ว “สปา” ล่ะ มาจากไหน

คำว่า สปา มาจากรากศัพท์ภาษาละตินว่า sanus per aqua (health through water) หมายถึง การมีสขุ ภาพดีดว้ ยน้ำ หรือการใช้นำ้ เป็นองค์ประกอบ สำคัญในการบำบัดรักษาสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น การ อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม การอบไอน้ำ หรือการดื่มน้ำแร่ บ้างก็ว่า คำว่า สปา มาจากชื่อเมืองสปา (spa) ซึ่ง

๔๙


เป็นเมืองเล็กๆ ในประเทศเบลเยี่ยมที่เป็นแหล่งน้ำพุ ร้อน และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ชาวยุโรปชั้นสูงในยุค ศตวรรษที่ ๑๗ นิยมมาพักผ่อน อาบน้ำแร่ และเล่น คาสิโนกันมาก สำหรับการใช้น้ำเพื่อการบำบัดและ ผ่อนคลายนัน้ มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว ชาวกรีกโบราณ นิยมการอาบแช่น้ำ โดยมีการสร้างอ่างเก็บน้ำและท่อ ส่งน้ำมายังอ่างเก็บน้ำมาตัง้ แต่ ๕๐๐ ปีกอ่ นคริสตกาล ในขณะที่ชาวโรมันนิยมการอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เพื่อ ผ่อนคลาย รักษาโรคและดูแลผิวพรรณ ต่อมาได้พฒ ั นา เป็นการอาบน้ำอุ่น มีการสร้างที่อาบน้ำกระจายอยู่ ทั่วไปในอาณาจักรโรมัน ในยุโรปมีเมืองหลายเมืองที่ มีชื่อเสียงในเรื่อง สปา ได้แก่ เมือง สปาที่เบลเยียม เมืองบาเดน (Baden) ในเยอรมนี และที่เมืองบาธ (Bath) ในอังกฤษ นอกจากนี้ประเทศแถบเอเชีย เช่น ญีป่ นุ่ ก็นยิ มสร้างแหล่งอาบน้ำแร่ทา่ มกลางธรรมชาติ มาแต่โบราณเช่นกัน องค์ประกอบของสปา

สปายุคใหม่มิได้ถือเอาการบำบัดผ่อนคลายด้วย น้ำแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผสมผสานศาสตร์แห่งการ บำบัดเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจหลายอย่าง มารวมกันไว้ เช่น การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ ๕๐

การฝึกสมาธิ อาหารเพื่อสุขภาพ การนำประโยชน์ ของสมุนไพรมาใช้ การนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย การนวดเท้า การกดจุด หรือแม้กระทั่งการฝังเข็ม ตลอดจนถึงกรรมวิธีการเสริมความงามต่างๆ ซึ่งสปา แต่ละแห่งนำมาเป็นจุดขายและให้บริการ แม้สปาแต่ ละแห่งจะมีบริการที่ต่างกันไปบ้าง แต่หัวใจของสปาก็ คือ การสร้างความผ่อนคลายทัง้ ร่างกายและจิตใจ เพือ่ ให้เกิดความสมดุลทั้งกายและจิต โดยเน้นความสุข จากการผ่อนคลายที่เกิดจากรูป รส กลิ่น เสียง และ สัมผัส ในปัจจุบันสปาแบบการแพทย์ขยายตัวไปทั่ว โลก และมีการนำภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่นมาปรับ กับกิจกรรมสปาแตกต่างกันไป อย่างสปาในประเทศ สหรัฐอเมริกาจะแตกต่างจากประเทศในยุโรปคือเป็น สถานที่สำหรับผู้คนมีอันจะกินซึ่งมีสุขภาพแข็งแรง มาพั ก ผ่ อ นตากอากาศโดยมี โ ปรแกรมโภชนาการ การออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ การบำรุงรักษา ความงาม ฯลฯ และในบางแห่งมีการพัฒนาทางด้าน จิ ต ใจโดยฝึ ก นั่ ง สมาธิ ห รื อ ศึ ก ษาการเชื่ อ มโยงจิ ต วิญญาณตามวัฒนธรรมของชาวตะวันออก ในบาง แห่งก็อาจนำเครือ่ งมือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ประกอบ ให้ดูทันสมัย ทำให้สปาซึ่งเคยเป็นกึ่งสถานพักฟื้น


สำหรับผู้ป่วยเพื่อฟื้นฟูสุขภาพกายและจิตให้แข็งแรง ในอดีตกำลังเปลี่ยนรูปแบบเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว พักผ่อน ร่องรอยแห่งภูมิปัญญาไทย

สปาไทย คือมรดกไทยเพื่อการดูแลสุขภาพ แบบองค์รวม ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สู่อนุชนคนรุ่นหลัง สามารถสืบค้นร่องรอยแห่งภูมิ ปัญญาไทยดังกล่าวได้จาก ใบลาน ภาพจิตรกรรม ฝาผนัง ภาพลายไทย ปรากฏตามระเบียงโบสถ์ และ สถานที่ต่างๆ เช่น อโรคยาศาลา ปราสาทหินแบบ เขมร ที่หาดูได้บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว สุรนิ ทร์ นับเป็นแหล่งเริม่ ต้นของการดูแลสุขภาพแบบ องค์รวมด้วยวิถีไทย หรือที่ใกล้ๆ อย่างรูปปั้นฤาษี ดัดตนที่วัดโพธิ์ ที่แสดงให้เห็นถึงการนวดไทย อัน ถ่ายทอดสืบต่อกันมานับร้อยปี เอกลักษณ์สปาไทย นั่นคือ เสน่ห์แห่งตะวันออกที่มี ลักษณะเด่น อันประกอบ ด้วยการผสมผสาน วัฒนธรรมอันอ่อนโยนกับ การบริการสปาไทยทีน่ มุ่ นวล ในสปาไทยจะใช้สมุนไพรไทยสำหรับบำรุงผิว เช่น ขมิ้นชัน ว่านนางคำ สมุนไพรที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้แก่ กระเจี๊ยบแดง น้ำขิง น้ำตะไคร้ เป็นต้น สมุนไพรไทยที่ใช้บำรุงผม ขจัดรังแค ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม ได้แก่ น้ำผล

มะกรูด นอกจากนี้ยังมีการขัดตัวด้วยมะขามเปียกกับ ขมิน้ ชัน ทำให้ผวิ สวยงาม มีความต้านทานเชือ้ โรคสูง เอกลักษณ์สปาไทย

นั่นคือเสน่ห์แห่งตะวันออกที่มีลักษณะเด่นอัน ประกอบด้วย การผสมผสานวัฒนธรรมอันอ่อนโยนกับ การบริการสปาไทยที่นุ่มนวล คือ การนวดไทย กลิ่น หอมจรุงใจแบบไทยด้วยดอกไม้ไทย สมุนไพรไทย เครื่องดื่มไทย และอาหารเพื่อสุขภาพแบบไทย อีก ทัง้ ยังมีสงิ่ แวดล้อม สถานที่ ภูมอิ ากาศ ทะเล เกาะแก่ง หาดทราย ขุนเขา แมกไม้ ไม้หอมนานาพรรณแบบ ไทย ฯลฯ ปั จ จุ บั น สปาไทยโดยส่ ว นมากเน้ น การฟื้ น ฟู ร่างกายโดยวิธีบำบัดหลากหลาย เช่น การนวด การ บำบัดด้วยน้ำ บริการในสปาทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็น การนวด ทั้งนี้ รูปแบบการนวดในแต่ละที่มักประกอบ ไปด้วย นวดอโรมาเทอราพี นวดแผนไทย นวด เฉพาะส่วน เช่น นวดฝ่าเท้า นวดฝ่ามือ นวดน้ำมัน และที่กำลังมาแรง ก็คือ ฟิชสปา หรือสปาเท้านั่นเอง กล่าวโดยสรุป สปาไทยได้วิวัฒนาการมาจาก สปาสากล ผนวกกับภูมิปัญญาไทยโบราณ นั่นคือ นวดแผนไทย นำทั้งสองอย่างมาผสมผสานจนลงตัว เกิดเป็นรูปแบบและเอกลักษณ์เฉพาะ ยิ่งเมื่อหลอม รวมเข้ากับความมีมิตรจิตมิตรใจของคนไทย ความ สวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวด้วยแล้ว จึงทำให้การ นวดไทยและสปาไทยโด่งดังไปทัว่ โลกอย่างไม่เป็นสอง รองใครเลย น่าภูมิใจจริงๆ ค่ะ

๕๑


บัเรืน่อทึง...เพลิ ก...หั วใจไทย น ภาพ...สิงหรา

อลัน เบท ฝรั่งหัวใจไทย กับภารกิจ

“ปั่นทั่วโลก” เพื่อพ่อหลวง ตลอดระยะทาง ๒๙,๐๐๐ กิโลเมตร ที่สองล้อของ นายอลัน เบท (Alan Bate) ชาวอังกฤษวัย ๔๕ ปี กำลังหมุนไปทั่วโลก มีเพียงเหตุผล เดียวที่เป็นคำตอบของการเดินทางอันยาวนาน ยากลำบากและท้าทายครั้งนี้ ว่า นี่เป็นการแสดงความจงรักภักดีที่เขาอยากทำถวายในหลวง และเพื่อเป็นการส่งต่อเจตจำนงค์อันยิ่งใหญ่ ให้คนทั้งโลกได้รับรู้ อลันจึงหวังว่าเขาจะสามารถทำลายสถิติโลกให้ได้น้อยกว่า ๑๖๕ วัน ซึ่งเป็นสถิติเดิมที่ นายจูเลี่ยน ซาเยอร์ นักขี่จักรยานชาวอังกฤษเคยทำไว้ เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการหารายได้เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ในประเทศ ไทยผ่านองค์กร ไรท์ ทู เพลย์ (Right to Play) องค์กรเพื่อสังคมที่ส่ง เสริมและพัฒนาเยาวชนด้านกีฬา และเกมการเล่นอีกด้วย ๕๒


เ อลัน เบท กับภรรยาชาวไทย และ ด.ช.อิสระ ลูกชาย ในวันเริ่มออกเดินทาง “ปั่นทั่วโลก เพื่อพ่อหลวง”

มื่อบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ อลันน่าจะปั่นจักรยานไปเกือบค่อน โลกแล้ว ก่อนที่วันสุดท้ายของการเดินทางของอลันจะจบลง เรามาร่วมกันส่งแรง ใจให้เขาพิชิตภารกิจนี้ให้สำเร็จด้วยกันเถอะค่ะ นักปั่นมืออาชีพจากแดนผู้ดี ก่อนมาเมืองไทย อลัน เบท อาศัยอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เขา เริ่มสนใจกีฬาปั่นจักรยานเมื่ออายุ ๑๓ ปี แม้ว่าตอนแรกเขาจะชอบเล่นกีฬารักบี้ แต่ เมื่อเจ้าของร้านจักรยานแห่งหนึ่งผู้เคยเป็นรองแชมป์ปั่นจักรยานโอลิมปิกเอ่ยปาก ชวนให้เขาลองมาเล่นกีฬาประเภทนี้ดู อลันจึงตอบตกลงในที่สุด อลันใช้เวลาครัง้ แรกในการปัน่ จักรยานกับเพือ่ นๆ เป็นเวลาสองขัว่ โมง ในระหว่าง ที่หยุดพักเพื่อดูการแข่งขันของนักปั่นระดับมืออาชีพที่ปั่นมาในเส้นทางเดียวกัน เขาจำได้ว่า มันเป็นวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ มีเมฆลอยต่ำ อากาศครึ้ม เมื่อไฟของ ขบวนจักรยานส่องมา เขารับรู้ได้ถึงความเร็วของนักปั่นจักรยานทั้งห้าที่ขับฝ่ามาใน ม่านหมอก เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ได้กลิ่นกระทั่งน้ำมันนวด และเขาก็รับรู้ได้ ทันทีว่า นี่แหละคือวินาทีชีวิตของเขา อลันเล่าถึงความมุ่งมั่นในการปั่นจักรยานว่า นับจากวันนั้นเป็นต้นมาเวลาที่ไปโรงเรียน เขาแทบไม่ได้ยินเสียงครูสอน ในหัวสมอง เขาคิดถึงแต่เรื่องปั่นจักรยาน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของนักปั่นจักรยานระดับโลก และ เมื่อการแข่งขันครั้งแรกในชีวิตมาถึง อลันคว้าอันดับสี่มาครองซึง่ ครัง้ นัน้ เป็นการแข่ง ขันระดับท้องถิน่ จากนัน้ เขาใช้เวลาเพียงหกสิบวัน ก็สามารถเป็นผูช้ นะเลิศในการแข่งขัน ครัง้ ต่อมา อลันเข้าร่วมแข่งขันปั่นจักรยานทั้งในประเทศอังกฤษและนอกประเทศหลาย รายการ ด้วยการสัง่ สมประสบการณ์และความรักในกีฬานีอ้ ย่างจริงจัง เมือ่ อายุ ๒๖ เขา ได้ครองตำแหน่งอันดับ ๕ ในรายการ British 24-hour Championship 1991 และขึน้ มาอยู่ในอันดับ ๔ ของการแข่งขันรายการเดียวกันในปี ค.ศ. ๑๙๙๘ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ๕๓


พรหมลิขิตสู่ชีวิตในเมืองไทย ในวัย ๔๐ ปี อลันอำลาตำแหน่งนักปั่นจักรยานมืออาชีพ และผู้จัดการ โครงการ The Liverpool Cycle Centre ที่รณรงค์ให้ผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม สุขภาพและขี่จักรยานกันมากขึ้นเพื่อช่วยลดมลพิษ จากนั้นเมื่อปลดปล่อยตัวเอง จากพันธะทัง้ หลายเขาก็เริม่ ปัน่ จักรยานเทีย่ วรอบโลกในเวลาหนึง่ ปี เขาปัน่ จักรยาน ไปถึงกัมพูชา พม่า และลาว ข้ามมาอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อหยุด พักและรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณเข่า ที่นั่นเขาเริ่มผูกมิตรกับผู้คนที่เต็มไปด้วย รอยยิ้มและดูมีความสุขกับชีวิต จากการพูดคุยกับชาวเชียงของทำให้เขาเริ่มรับรู้ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงมากมาย หลังจากอลันหายดีแล้ว เขาได้ ปัน่ จักรยานไปทัว่ เมืองเชียงของ และพบความสวยงามของภูเขาและลำน้ำโขง รวม ถึงอากาศที่แสนบริสุทธิ์ อลัน จึงเลื่อนเที่ยวบินที่ต้องเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย ออกไปเพื่อดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติบนผืนแผ่นดินไทย จนในที่สุดอีก ห้าเดือนต่อมา เขาก็ออกเดินทางไปยังออสเตรเลียและใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพียงสิบห้า วัน ต่อด้วยการเดินทางกลับไปประเทศบ้านเกิด เขาจัดการขาย ทุกอย่างในชีวติ เพือ่ บินกลับมายังเชียงของและเริม่ ต้นชีวติ ใหม่ ในเมื่อความประทับใจที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชน ในเมืองไทย ชาวไทยมากมายล้นพ้นขนาดนี้ อลันจึง อยากจะน้อมนำพระมหากรุณาธิคุณอันหา จุดสตาร์ทความรักต่อพ่อหลวง อลันเล่าว่า การทีเ่ ขาเลือกมาปัน่ จักรยานเพราะเขารักการ ที่สุดมิได้ของพระองค์ส่งต่อไปยังชาวโลก เดินทางสีเขียว และเมื่อได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจด้านการ ให้ ได้รับรู้ด้วยการปั่นจักรยานรอบโลก อนุรักษ์และประหยัดพลังงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระ เพื่อบอกเล่าแก่ผู้คนตามรายทางว่า ราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ซึง่ ทรงมีพระราชดำริ ในหลวงของคนไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ ๒๐ ปีที่แล้ว โดยทรงริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงและ ที่ยิ่งใหญ่เพียงไหน และประเทศไทยงดงาม น้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น เพียงใด แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ยิ่งทำให้เขาเกิดความ ประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกว่า ๓๐ ปีก่อน ในภาวะที่โลกเกิด วิกฤติน้ำมัน น้ำพระทัยของพระองค์ยังเห็นได้จากการเสด็จ พระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในภาคใต้โดยรถไฟแทนเครื่อง บิน รวมถึงยอมสละทีด่ นิ ส่วนพระองค์เพือ่ ใช้เป็นทีร่ ะบายน้ำท่วม ให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ยังไม่รวมโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริจนถึงปัจจุบันซึ่งมีจำนวนมากกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ แม้พระองค์จะเป็นถึงพระมหากษัตริย์ แต่ไม่เคยถือพระองค์ ทรงใช้ชวี ติ อย่างเรียบง่าย มีความมัธยัสถ์ ยังทรงฉลองพระองค์ ที่ได้รับการซ่อมแซม ทำให้ทุกวันนี้อลันแทบจะไม่ซื้อเสื้อผ้า ใหม่เลย ในเมือ่ ความประทับใจทีม่ ตี อ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ของปวงชนชาวไทยมาก มายล้นพ้นขนาดนี้ อลันจึงอยากจะ น้อมนำ พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ส่งต่อ ๕๔


ไปยังชาวโลกให้ได้รับรู้ด้วยการปัน่ จักรยานรอบโลก เพือ่ บอกเล่าแก่ผคู้ นตามรายทาง ว่าในหลวงของคนไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เพียงไหน และประเทศไทย งดงามเพียงใด “การทำลายสถิติโลกได้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับผม ถ้าทำได้ผมถือว่า เป็นความโชคดีอย่างยิ่ง อย่างน้อยผมก็ได้สื่อสาระสำคัญนี้ออกไปเพื่อให้ผู้คนจดจำ ในหลวงของเราได้มากขึ้น ตลอดการเดินทางเมื่อผมพบผู้คน ผมจะคอยบอกพวก เขา อย่างทริปครั้งนี้ ผมเลือกที่จะผ่านประเทศในแถบอาหรับเพราะอยากให้ประเทศ นี้ได้รจู้ กั คุณความดีของพระองค์ทา่ น ก่อนหน้านีผ้ มเคยปัน่ จักรยานเพือ่ ถวายในหลวง มาแล้ว ๓ ครัง้ คือ ครัง้ ที่ ๑ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ปัน่ จากเชียงใหม่-กรุงเทพฯ ๗๖๐ กิโลเมตร ใช้เวลา ๒๖.๐๔ ชั่วโมง ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๕๐ ปั่นจากภูเก็ต-กรุงเทพฯ ระยะทาง ๘๖๐ กิโลเมตร ใช้เวลา ๒๙.๑๕ ชั่วโมง และครั้งที่ ๓ ปั่นจาก อ.เชียงของ เข้าตัวเมืองเชียงราย ๑๐๕ กิโลเมตร ด้วยเวลา ๒.๔๒ ชั่วโมง “นั่นเป็นการบอกกล่าวคนไทยให้รู้ว่าผมรักในหลวง แต่ ครัง้ นี้ ผมขอบอกกล่าวแก่คนทัง้ โลกโดยมีผตู้ ดิ ตามการเดินทาง ไปกับผมด้วย พวกเราติดต่อผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกไว้แล้ว เมื่อ มีโอกาสได้พูดคุยกับนักข่าว เขาจะเข้าใจว่า ทำไมผมถึงทำ เช่นนี้” เมื่อมีคำถามว่า เพียงระยะเวลาห้าปีเท่านั้น ทำไมอลัน ถึงได้ซาบซึง้ ในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวยิ่งนัก อลันบอกว่า เขาใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ก็สามารถ หลงรักการปั่นจักรยานได้ ฉะนั้นห้าปีนี้ถือว่าช้าไปด้วยซ้ำ “ในหลวงคือบุคคลต้นแบบสำหรับผม ผมไม่เข้าใจว่า ทำไม คนไทยจึงซึมซับวัฒนธรรมจากตะวันตกและยังยึดติดกับวัตถุนยิ ม ทัง้ ๆ ทีเ่ รือ่ งความพอเพียงเป็นสิง่ ทีพ่ ระองค์ได้สอนพวกเรา และ ๕๕


เป็นสิง่ สำคัญทีท่ ำให้คณ ุ ดำรงชีวติ อยูไ่ ด้ ตอนนีท้ กุ คนต่างได้รบั ผลกระทบจากเศรษฐกิจ ตกต่ำ หากคุณเคยไปเมืองใหญ่อย่างลอนดอน หรือ นิวยอร์ค ผู้คนที่นั่นไม่ได้ยิ้ม จากใจ เพราะพวกเขาไม่ได้มีความสุขกับรูปแบบชีวิต “ส่วนตัวแล้วผมเองก็สามารถอยู่ในโรงแรมห้าดาวและใช้ชีวิตหรูหราได้ แต่นั่น ไม่ใช่คำตอบของชีวิต ทุกวันนี้ผมไม่ขับรถ ไม่มีเครื่องประดับ ไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ กิน ข้าวแค่จานละ ๒๕ บาท ใส่กางเกงขาสั้นแค่ตัวละ ๓๐ บาท รองเท้าก็ไม่ใส่ เพราะ จากพิพิธภัณฑ์จักรยานที่ผมดูแลอยู่ไปบ้านระยะห่างเพียงแค่ ๓๐ เมตร ใครๆ อาจ จะมองว่า ผมติงต๊อง แต่ผมกลับรู้สึกว่าอิสระมาก ผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่ ใช้ชีวิต อยู่ในเมืองใหญ่อีกต่อไป ทุกวันนี้ข้าวของที่มีราคาแพงก็มีเพียงจักรยานเพื่อนำมา สะสมในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ผมรู้สึกเป็นอิสระมาก และลูกชายของผมเองก็ชื่ออิสระ เหมือนกันครับ”

การเตรียมตัวเพื่อพิชิตเส้นชัย กว่าจะปั่นรอบโลกได้ อลันต้องเตรียมตัวอย่างหนัก เน้นการออกกำลังกายให้ ได้ ๒๕-๓๐ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ภายในหนึ่งวันเขาต้องปั่นให้ได้ ๓๐๐ กิโลเมตรใน ๕๖


เวลา ๔ ชั่วโมง ปั่นขึ้นลงเขาประมาณวันละ ๒๐ ครั้ง และที่ สำคัญต้องฝึกจิตใจให้แกร่ง พยายามลืมเรื่องอายุที่วันนี้ ๔๕ ปี แล้ว และไม่คิดถึงระยะทาง ๒๙,๐๐๐ กิโลเมตร เพราะนั่นจะ ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจได้ แต่ตอนนี้ร่างกายและจิตใจของ เขามีความพร้อมเต็มพิกัด ทั้งนี้ อลันได้เลือกเส้นทางและสภาพอากาศในช่วงเวลาที่ เหมาะกับสภาพร่างกายของเขาที่สุด อลันชอบอากาศร้อน จึง เลือกเดินทางผ่านเขตและประเทศที่มีอากาศร้อน เช่น เท็กซัส บราซิล อุรกุ วัย แม้อณุ หภูมจิ ะสูงถึง ๔๐ องศาเซลเซียส แต่ สำหรับเขาแล้วรู้สึกสบายมาก สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานรอบโลกในครั้งนี้ เริ่มออก จากจุดสตาร์ตหน้าพระบรมมหาราชวัง เย็นวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ไปทางภาคใต้ของไทย สู่มาเลเซีย สิงคโปร์ นั่งเครื่อง บินไปลงยังเมืองเพิร์ท และปั่นไปที่เมืองบริสเบน ประเทศ ออสเตรเลีย ก่อนจะต่อไปยังเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ข้ามไป ยังนครซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริก และ แคนาดา สู่เมืองฮาลิแฟกซ์ เข้าสู่อเมริกาใต้ ไปยังอาร์เจนตินา อุรุกวัย บราซิล ต่อด้วยทวีปยุโรป ไปโปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส ข้ามฝั่งไป ยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แล้ววกกลับไปฝรั่งเศสสู่ เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม เยอรมนี ตุรกี จากนั้นลัดเลาะไปถึง เมืองอัมริตสาร ทางตะวันออกของประเทศอินเดีย เข้าไปที่ เมืองกัลกัตตา ตบท้ายด้วยการปั่นระยะทาง ๕ กิโลเมตรใน พม่า มุ่งตรงสู่อำเภอเชียงของ ประเทศไทย แล้วมาสิ้นสุดที่ กรุงเทพฯ รวมเวลาแล้วไม่เกิน ๑๔๙ วัน ที่สำคัญต้องฝึกจิตใจให้แกร่ง พยายามลืมเรื่องอายุ ที่วันนี้ ๔๕ ปีแล้ว และไม่คิดถึง ระยะทาง ๒๙,๐๐๐ กิโลเมตร เพราะนั่นจะทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจได้ แต่ตอนนี้ร่างกายและจิตใจของเขามี ความพร้อมเต็มพิกัด

๕๗


The Hub ศูนย์การเรียนรู้ของนักปั่น อลันเช่าบ้านหลังเล็กๆ ในอำเภอเชียงของ จังหวัด เชียงราย เพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์จักรยานชื่อว่า ‘เดอะฮับ’ โดยรวบรวมจักรยานเสือหมอบ และจักรยานโบราณไว้จำนวน มาก เขาตั้งใจจะให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชนไทยที่ สนใจกีฬาประเภทนี้ เขาออกแบบการจัดวางภายในร่วมกับ ภรรยาชาวไทย และของทุกอย่างทีน่ ำมาใช้กเ็ ป็นของรีไซเคิล ซึง่ เป็นการเจริญรอยตามแนวพระราชดำริของในหลวงอีกเช่น กัน ทุกคนสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้ฟรี ทั้งเด็กๆ ยัง สามารถเรียนรูเ้ ทคนิคการขีจ่ กั รยาน ซึง่ เป็นอีกหนึง่ โครงการ ใหญ่ที่อลันตั้งความหวังไว้ “ผมอยากสร้างศูนย์ฝึกเด็กหญิงชายเพื่อค้นหาคนเก่ง ตอนนี้ผมเช่าบ้านสำหรับทำเป็นหอพักเด็กในโครงการไว้ แล้ว ดังนัน้ ผมจึงค่อนข้างจริงจังกับโครงการนีม้ าก เด็กทีม่ า ฝึกควรมีอายุไม่เกิน ๑๓ ปี ผมอยากสร้างฮีโร่คนไทยให้เด็ก ไทยได้ชื่นชม คนไทยมีสองขาสองแขนเท่ากับชาวต่างชาติ แล้วทำไมต้องไปชื่นชมเขาฝ่ายเดียว หากผมสามารถสร้าง นักปั่นไทยให้เป็นแชมป์โลกได้ ผมคงนอนตายตาหลับครับ ๕๘


“ความฝันของผม อยากจะสอนเด็กให้รจู้ กั ความหมายของ ชีวิต ชีวิตเกิดมาด้วยการสัมผัส ทั้งเห็น ได้กลิ่น กิน ได้ยิน และรู้สึก ธรรมชาตินี่ล่ะที่ตอบสนองเราได้ทุกอย่าง “แค่คุณมีจักรยานหนึ่งคันแล้วปั่นออกไปสัมผัสโลกด้วย ตัวคุณเอง ผมคิดเสมอว่า ผมมีสวนที่กว้างใหญ่ แถมยังมีคน ดูแลให้อีกต่างหาก เราเห็นโลกจากทีวีก็ดีหรอกนะครับ แต่เรา สัมผัสถึงความรู้สึกจริงๆ นั้นไม่ได้ ดอกไม้ในอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ไม่เหมือนของจริง และผมเองก็ไม่อยากให้คนไทยลืม ว่า บ้านเรามีธรรมชาติที่งดงามมากเพียงไหน แต่ตอนนี้ผมยัง ไม่สามารถหาสปอนเซอร์เพื่อมาสนับสนุนโครงการนี้ได้ แต่ผม ก็ยังจะทำต่อและจะไม่ยอมแพ้ เพราะมันคือชีวิตของผม” ผมหวังเพียงให้ทุกคนยอมรับว่า ข้อความทิ้งท้ายจากชาย “หัวใจอิสระ” “แม้จะไม่มีกระดาษแผ่นไหน หรืออะไรที่บ่งบอกว่า ผม ผมเองก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง นี่จะช่วยให้ผมมีพลังในการปั่นจักรยาน เป็นคนไทยโดยทางนิตินัย แต่ในใจผมแล้ว ผมรู้สึกว่าผมเป็น เพื่อในหลวงมากขึ้น และสุดท้ายผม คนไทย ผมมีครอบครัวและเพื่อนที่เป็นคนไทย ในการทำลาย อยากจะบอกว่า ‘ผมรักพ่อครับ’ สถิติโลกครั้งนี้ได้รับการบันทึกเพื่อคนไทย ผมหวังเพียงให้ทุก คนยอมรับว่า ผมเองก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง นี่จะช่วยให้ผมมี พลังในการปั่นจักรยานเพื่อในหลวงมากขึ้น และสุดท้ายผมอยากจะบอกว่า ‘ผมรัก พ่อครับ’” วาจาที่เปล่งออกมาด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ พร้อมพนมมือไหว้อย่าง นอบน้อมของ อลัน เบท เป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่า ภารกิจของอลันจะสำเร็จลุล่วง อย่างแน่นอน! ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมพูดคุยและให้กำลังใจ อลัน เบท ได้ที่ www.worldcyclingrecord.com www.facebook.com/pages/Alan-Bate

๕๙


แบบอย่างประชาธิปไตย เรื่อง...พิมพ์ภัทร

ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ของ สุนทร อรุณานนท์ชัย

ครอบครัว คือ สถาบันหลักของสังคม ถ้าเอ่ยชื่อ สุนทร อรุณานนท์ชัย คนในวงการธุรกิจการเงิน หรือแวดวงสังคมคงจะรู้จักในฐานะนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด แต่ ในอีกมุมหนึ่งที่คน ส่วนใหญ่ยังไม่เคยเห็น และน่าจะได้เห็นคือ ตำแหน่งสำคัญอีกตำแหน่ง หนึ่งของคุณสุนทร นั่นคือ ตำแหน่งของหัวหน้าครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่นและเข้มแข็ง ๖๐


รอบครัว อรุณานนท์ชัย ได้รับคัดเลือกให้เป็น หนึ่งในครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง ประจำ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งวารสารทิศไทฉบับปฐมฤกษ์นี้ ได้ รับเกียรติจากคุณพ่อนักธุรกิจท่านนี้ มาร่วมพูดคุยถึง แนวคิดในการสร้าง ‘ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง’ เพื่ อ เป็ น แนวทางสู่ สั ง คมประชาธิ ป ไตยที่ เ ข้ ม แข็ ง ต่อไป คำจำกัดความของ ‘ครอบครัวประชาธิปไตย ตัวอย่าง’ ในทัศนะของคุณสุนทรเป็นอย่างไรคะ สำหรับผม ครอบครัวประชาธิปไตย หมายความ ว่า ทุกคนต้องยอมรับซึ่งกันและกัน ต้องรู้ว่า สมาชิก ในครอบครัวแต่ละคนมีสทิ ธิ มีหน้าทีอ่ ย่างไร ทีส่ ำคัญ เราต้องยกย่องและฟังเหตุผลของกันและกันด้วย การเลี้ยงลูกอย่างเป็นประชาธิปไตย เราต้อง เลี้ยงเขาอย่างเสมอภาค ให้เขาโตขึ้นเป็นคนที่ทำสิ่ง ต่างๆ โดยไม่เอาเปรียบคนอื่น ตั้งแต่คนในครอบครัว ไปจนถึงคนภายนอก เราต้องรับฟังความคิดเห็นของ เขา ถ้าเขาเสนออะไรที่เป็นเหตุเป็นผล เราก็ต้อง ทำตาม ผมกับภรรยาจะไม่บอกลูกตรงๆ ว่า พวกเขาต้อง เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราจะปล่อยให้ลูกคิด แม้ว่าเขา จะคิดสู้ผู้ใหญ่ไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยให้เขาได้ลองคิด ลองทำดู ถ้าเราไปคิดให้เขาทุกอย่าง วันหลังเขาจะ ไม่คิดเองแล้วนะ คุณสุนทรได้ใช้แนวคิดนี้ในการเลี้ยงดูลูกๆ อย่างไร บ้างคะ เราจะทำให้เป็นตัวอย่างครับ ตัง้ แต่ลกู เด็กๆ เรา จะชี้ให้เขาเห็นว่า อะไรดี อะไรไม่ดี อะไรควรทำ ไม่ ควรทำ แล้วพ่อแม่กต็ อ้ งปฏิบตั ติ วั ให้ดเี พือ่ เป็นตัวอย่าง เอาง่ายๆ ครอบครัวเราห้ามใช้คำหยาบ ห้ามด่าทอ กัน เวลาที่เราพูดคุยกันในบ้าน หรือคุยโทรศัพท์กับ เพื่อน เราก็ต้องใช้คำพูดสุภาพ และพูดแต่สิ่งดีๆ ลูกเขาก็จำได้นะ เด็กๆ จำง่ายมากทั้งสิ่งดีและ สิ่งไม่ดี ในขณะเดียวกัน เราก็ไปจ้ำจี้จ้ำไชเด็กไม่ได้ว่า เขาต้องทำอย่างนี้นะ ต้องทำอย่างนั้นนะ เด็กรู้ทุก อย่าง เขาช่างสังเกตอยู่แล้ว เราปล่อยให้เขามาถาม เองดีกว่า ถ้าเขาไม่แน่ใจอะไร เราค่อยช่วยชี้ทาง ผม

มีลูก 3 คน ลูกสาว ๒ คน ลูกชาย ๑ คนเป็นลูกคน สุดท้อง คนโตเขาจะได้เปรียบเพราะเป็นลูกคนแรก พอมาถึงคนที่สอง เขาจะมองว่า พี่ทำอะไรๆ ได้หมด ตัวเขาทำอะไรไม่ได้เลย อย่างนีเ้ ราต้องชี้ให้เขาเห็นว่า เขาเองก็ทำได้ ถ้าทำในสิ่งที่เหมาะสมกับอายุของเขา ลูกๆ มีปัญหาระหว่างพี่น้องบ้างไหมคะ เราพยายามจะให้ลูกใกล้ชิดกันมากที่สุด ให้ ลูกสาว 2 คนนอนด้วยกัน ให้เขาทำกิจกรรมร่วมกัน ในที่สุดก็จะเกิดความรัก พอน้องรักพี่ พี่รักน้อง ทีนี้มี อะไรเขาก็จะแบ่งปันกัน ไม่แย่งกันแล้ว เวลาลูกๆ เขา มีอะไรที่เห็นไม่ตรงกัน หรือเถียงกัน เขาจะจูงมือกัน มาหาพ่อแม่ ให้พอ่ แม่ชว่ ยตัดสิน เราต้องตัดสินอย่าง ยุติธรรม และอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง ทุกอย่างต้อง อธิบายได้ ความยุตธิ รรมนีส่ ำคัญทีส่ ดุ เราต้องพยายามสร้าง แนวคิดให้ลูกว่า ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่า พี่คนโตจะได้ของดี คนน้องจะได้แต่ของใช้แล้ว เวลา ซื้อของเราก็ซื้อให้เท่าๆ กัน เมื่อเด็กได้รับความ ยุติธรรม เขาก็มีความมั่นใจในตัวเองและไม่มีปมด้อย ไม่คิดว่า เขาจะต้องมีของที่คนอื่นไม่มี หรือมีของดี กว่าใคร เมื่อเด็กไม่มีปมด้อย ทีนี้เขาก็จะคิดว่า เขา ใช้ของธรรมดาๆ ก็ได้ พี่ไม่ใช้แล้วก็สง่ ต่อให้นอ้ ง น้อง ส่งต่อกับน้องเล็ก พอไม่มีใครส่งต่อแล้ว เราก็เอาไป บริจาคให้เด็กๆ ตามชนบท ทำอย่างนี้มาตลอด

๖๑


ได้ปลูกฝังเรื่องการแบ่งปันไปในตัวด้วยใช่ไหมคะ ผมพยายามสอนให้ ลู ก เป็ น คนเห็ น แก่ ค นอื่ น ครับ ตอนเขาเด็กๆ เมื่อถึงวันเกิดของลูกแต่ละคน เราจะพาเขาไปเลี้ยงอาหารเด็ก เอาของไปแจก เอา ขนมไปเลี้ยง ลูกๆ ชอบมาก ไปตักไอศกรีม ไปเอา ไก่ใส่จานให้ทุกคน ยามว่างเราจะจัดอาหารและของ เด็กเล่นทีล่ กู ไม่เล่นแล้วไปมอบให้ทตี่ า่ งๆ ด้วยกัน ผม จะให้ลูกตัดสินใจเองว่า เขาจะเสียสละชิ้นไหน จะให้ คนอื่นกี่ชิ้น เรื่องนี้ต้องปลูกฝังนะ เขาจะได้ไม่คิดว่า ของที่ เขามีนั้นต้องเป็นของของเขาเสมอไป เราพยายาม สอนว่า ของที่มีพอแล้ว เราอย่าใช้เกินตัว เอาส่วนที่ เหลือให้คนอื่น สมัยผมเป็นเด็ก ผมก็ไม่ได้มีทุกอย่าง ลูกๆ โชคดีกว่า แต่ผมก็ไม่อยากให้เขามีมากเกินไป ถ้าเขามีอะไร เราก็ต้องบอกเขาว่า ยังมีอีกหลายคนที่ ไม่มี เพราะฉะนั้นเราต้องประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย จนถึงปัจจุบัน ลูกผมทุกคนชอบบริจาค แต่เรา ก็ตอ้ งเตือนเขาให้ทำแต่พอดี การบริจาคนัน้ ดี แต่อย่า ทำเกินตัว มีเงินต้องเก็บสะสมไว้บ้าง อีกหน่อยเมื่อ เขาเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ มีเงินมากพอแล้ว เขาจะได้ ‘ให้’ ไปได้ตลอดชีวิต ถ้าตอนนี้เขามีเท่าไรก็ ให้ไปหมด อีกหน่อยเขาจะให้ไม่ได้แล้ว ๖๒

เรียกได้ว่า คุณพ่อคุณแม่พยายามสร้างแนวคิด เรื่องการทำเพื่อสังคมมาตั้งแต่แรก เขาได้เห็นตัวอย่างจากพ่อแม่ดว้ ยครับ คุณอารยา ภรรยาของผมเป็นนักสังคมสงเคราะห์ เป็นประธาน โรงเรียนคนพิการศรีสังวาลย์ และเป็นประธานมูลนิธิ อนุเคราะห์คนพิการ ทำงานอย่างจริงจังต่อเนื่องมา ๓๘ ปี ดูแลเด็กและคนพิการมาตลอดชีวิต ลูกก็เห็น เป็นตัวอย่างและซึมซับตั้งแต่เล็กๆ คนที่เห็นชัดที่สุดคือ ลูกสาวคนกลาง ผมเคย สังเกตเขาตั้งแต่เด็กๆ เวลาเขากินอะไร เขาจะตักช้า กว่าเพื่อน รอให้คนอื่นตักก่อน แล้วตัวเองจึงค่อยตัก


ทุกวันนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาก็ไม่เคยหยิบอะไรก่อน เขาจะรอเป็นคนสุดท้ายทุกครั้ง เรื่องนี้เราไม่ได้สอน เลย ต้องยกความดีให้คุณแม่เขาที่เป็นตัวอย่างให้ลูก ส่วนตัวผมเอง ผมช่วยงานด้านการศึกษามานาน แล้ว เป็นอาจารย์พิเศษมา ๔๐ ปี สอนตามโรงเรียน และมหาวิทยาลัย เป็นวิทยากรไปบรรยายในที่ต่างๆ ลูกเขามองเห็น เขารู้ว่าเราทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ปั จ จุ บั น นี้ ลู ก สาวคนโตก็ ไ ปเป็ น อาจารย์ พิ เ ศษของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาพยายามแบ่งเวลาไป ทำอะไรที่เราทำให้คนส่วนใหญ่ได้ เราก็ทำ ถือว่าเรา ต้องคืนให้สังคม ทราบว่า ลูกๆ ของคุณสุนทรไปเรียนต่างประเทศ กันตั้งแต่เล็กๆ มีเทคนิคในการสร้างความใกล้ชิดใน ครอบครัวที่ต้องอยู่ห่างไกลกันอย่างไรบ้างคะ ตอนเขาไปเรียนต่างประเทศ ส่งไปสองพี่น้อง ก่อน คนโตอายุ ๑๒ ขวบครึ่ง คนกลางอายุ ๑๐ ขวบ ย่าง ๑๑ ขวบ ไปอยู่โรงเรียนกินนอนที่อังกฤษ ตอน แรกก็ ไม่สบายใจว่า เราส่งเขาไปตั้งแต่เล็กๆ แต่ เราพยายามใกล้ชิดกันให้มากที่สุด โทรศัพท์คุยกัน ทุกสัปดาห์ ส่วนแม่เขาเขียนจดหมายไปหาลูกคนละ ๑ ฉบับ ทุกวัน เวลากินข้าวเช้า เด็กจากประเทศไทยสองคน นี้จะได้รับจดหมายคนละฉบับ ถ้าวันนี้ไม่ได้รับ ก็ แปลว่า พรุ่งนี้เขาจะได้รับจดหมายคนละ ๒ ฉบับ แม่เขาเขียนทุกวัน แม้จะมีธุระยุ่งดึกดื่นแค่ไหน เขาก็ จะเขียน เขียนด้วยลายมือนี่แหละ ตอนที่เขียน เขา จะสอนไปในตัว คุณอารยาอ่านหนังสือสอนเด็กเยอะ มาก บางทีเขาก็สอนเป็นโคลง เป็นภาษาที่อ่านง่าย อ่านแล้วมีความสุข ลูกๆ ให้สมญาแม่เขาว่า เป็น Super Mom เขา เคารพรักแม่เขามาก มีอะไรก็มาปรึกษาแม่ เขาจะ คุยกับผมเรื่องอื่นๆ เรื่องสังคม เรื่องภายนอก แต่ถ้า มีเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะลูกสาวนี่จะไปคุยกับแม่เขา นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวเราใกล้ชิดกัน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวธรรมดา เราเลี้ยง ลูกด้วยความใกล้ชิด คุยกับเขา ปล่อยให้เขาถาม คำถาม ทุกคืน ลูกๆ จะมีคำถามมาถามละ เขาได้ ถามแล้วมีความสุข ผมเชื่อว่า ลูกทุกคนโตมาด้วย ความสุข เขาถึงเป็นอย่างนี้

คุณสุนทรมีส่วนช่วยให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนแก่ ลูกๆ มากน้อยแค่ไหนคะ ผมพยายามวางแผนการศึกษาให้กับลูก ผม สังเกตตั้งแต่เล็กๆ ว่า ลูกๆ ทุกคนชอบคณิตศาสตร์ อาจจะเป็นเพราะผมชอบสอนเลขให้ลูกด้วย ผมสอน เขาบวกเลขตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน รถวิ่งผ่านมาคัน หนึ่งก็ชี้ให้เขาดูว่ามีตัวเลขกี่ตัว ให้เขาบวกเอง ให้คิด เลขในใจ คุณแม่เขาก็เป็นนักบัญชี ทุกอย่างเป็นตัวเลข หมด เรื่องคำนวณนี่ดีนะ มันมีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล เราสอนให้เขาคิดเลข ก็เหมือนสอนให้เขารูว้ า่ ทุกอย่าง ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่จะเอาตามใจตัวได้ ตอนนี้ลูกๆ เรียนจบกลับมาทำงานกันหมดแล้ว คนโตจบปริญญา ทางคณิตศาสตร์ คนที่สองจบทางด้านเศรษฐศาสตร์ วิเคราะห์เศรษฐกิจ คนเล็กจบปริญญาตรีคณิตศาสตคร์ ต่อด้วยปริญญาโทด้านวิศวะและบริหารธุรกิจ

ผมช่วยงานด้านการศึกษามานานแล้ว เป็นอาจารย์พิเศษมา ๔๐ ปี สอนตาม โรงเรียนและมหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร ไปบรรยายใน ที่ต่างๆ ลูกเขามองเห็น เขารู้ว่าเราทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง

๖๓


คุณสุนทรคิดว่า การเรียนและโรงเรียนมีส่วนช่วยใน การสร้างอนาคตของลูกๆ มากน้อยแค่ไหนคะ ครูและโรงเรียนเป็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญสำหรับ เด็ก เด็กใช้เวลาอยูก่ บั ครูในโรงเรียนวันละหลายชัว่ โมง หลายสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และนำมาใช้ตลอดชีวิตนี้ ส่วน หนึ่งก็มาจากครู ทุกวันนี้ผมยังไม่เคยลืมครูที่สอนชั้น ประถมของผมเลย ผมว่า ครูสำคัญกว่าอาจารย์นะ เด็กมาเจอ อาจารย์ก็ตอนโต เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว มีเพื่อนเยอะ แยะ อาจารย์มีเวลาให้เด็กน้อยกว่าครู เพราะครูไม่ได้ สอนแค่หนังสือ แต่อบรมเด็กด้วย ดังนั้นเราต้องใส่ใจ เรื่องโรงเรียนและครูของลูกตั้งแต่เล็กๆ ต้องใกล้ชิด และพูดคุยกับครูของลูก เราเลีย้ งลูกมา เรารักลูกของเรา พอเราส่งเข้า ไปโรงเรียน ถ้าโรงเรียนมีปัญหา ครูมีปัญหา เขาจะ มาสอนลูกเราได้หรือ ผู้ปกครองต้องช่วยเหลือเท่าที่ ช่วยได้ ลูกเรียนหนังสือที่ไหน ผมก็ไปช่วยเรื่อง กิจกรรม ช่วยโรงเรียนทุกด้านที่ช่วยได้ ถ้ามีกิจกรรม โรงเรียน ผมจะไปไม่เคยขาด แม้แต่ตอนทีเ่ ขาไปเรียน ทีอ่ งั กฤษ ผมจะไปพบครูของลูกทุกครัง้ ที่โรงเรียนเปิด ให้ผู้ปกครองไปพบ ครูใหญ่ยังแปลกใจเพราะเจอผม บ่อยกว่าเจอคุณพ่อคุณแม่ชาวอังกฤษเสียอีก

๖๔

คุณสุนทรมีทัศนะคติต่อการวางตัวในสังคมอย่างไร บ้างคะ ผมทำงานมานาน เวลาที่ทำงานร่วมกับคนอื่น ก็พยายามมองว่า เราจะทำอย่างไรให้เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาของเรามีความสุข ถ้าผมทำงาน ผมก็ต้องเข้ากับทุกคนให้ได้ ถึงเราจะเป็นนายเขา แต่ ถ้าเขาไม่ชอบเราก็แย่เลย ทุกวันนี้ลูกทุกคนทำงาน เหมือนเราหมด เขามีความรับผิดชอบ และทำงาน ร่วมกับคนมากมายได้อย่างไม่มีปัญหา สิ่งที่ทำให้คุณสุนทรภาคภูมิใจในตัวลูกๆ มากที่สุด คืออะไร การที่เขาเป็นคนดี สมถะ ไม่ฟุ่มเฟือย และ เข้าใจคนอื่น ไม่เคยคิดว่า ตัวเองมาจากครอบครัวที่ สังคมยกย่อง ทุกวันนี้แม่เขากับผมก็มีความสุขมาก เพราะลูกเราไปไหนก็มแี ต่คนรัก ลูกทำให้ทกุ คนรักเขา ไม่ได้รักที่เขาเป็นลูกของใคร แต่รักที่ตัวเขาและนิสัย ของเขาเอง เขาประพฤติตัวดี เขาคิดถึงจิตใจผู้อื่น และช่วยสนับสนุนผู้อื่น อยู่ร่วมกับทุกสังคมได้ ผมยึดหลักว่า ความเป็นคนดีต้องมาก่อนความ เก่ง คนดีนี่เก่งได้ถ้าเขามีโอกาส แต่ถ้าเราไปบังคับ ว่า ลูกต้องเรียนเก่งๆ สุดท้ายเขาก็จะคิดแค่อยากเก่ง แล้วก็ไปเอาเปรียบคนอื่น ตัวเขาเองก็จะอยู่กับสังคม ส่วนรวมไม่ได้ ลูกๆ ให้สมญาแม่ เขาว่า เป็น Super Mom เขาเคารพรัก แม่เขามาก มีอะไรก็ มาปรึกษาแม่ เขาจะ คุยกับผมเรื่องอื่นๆ เรื่องสังคม เรื่อง ภายนอก แต่ถ้ามี เรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะลูกสาวนี่ จะไปคุยกับแม่เขา นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ ทำให้ครอบครัวเรา ใกล้ชิดกัน


สุดท้ายนี้ อยากให้คุณสุนทรช่วยฝากข้อคิดในการ เลี้ยงลูกและการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเพื่อเป็น ประโยชน์กับผู้อ่านค่ะ ผมเชือ่ ว่าพ่อแม่ทกุ คนรักลูก รักครอบครัว อยาก ให้ลูกได้ดี เป็นประชาชนที่ดีของสังคม เป็นคนที่ สร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ ถ้าตั้งใจอย่างนี้ พ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่าง ต้องไม่มีปัญหา ถ้ามี ปัญหาก็ต้องแก้ไขให้ได้ ถ้าเราทำสิ่งไม่ดี ลูกของเรา เองจะเห็นก่อนคนอื่น แล้วเขาก็จะไม่เลื่อมใสเรา แต่ ถ้าเราทำสิ่งดี ลูกจะได้รับผลดีนั้นด้วย คงยากที่เขา จะออกนอกแนวทางที่เราเป็น ความใกล้ชิดก็สำคัญ ถ้าลูกมีปัญหา เราต้อง พร้อมจะเป็นทีพ่ งึ่ ให้กบั เขา ให้เขาเดินในทิศทางสว่าง มีอะไร พ่อแม่ก็รู้ มองเห็นว่าตรงไหนผิดพลาด จะได้ ช่วยกันแก้ไข นี่เป็นหลักคิดของผม ครอบครั ว เป็ น สถาบั น หลั ก ในชี วิ ต ของคนคน หนึ่ง ผมเชื่อว่า ถ้าครอบครัวแข็งแรง คนเราสามารถ รับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบได้ทุกอย่าง เราจะเตรียม ตัวพร้อม ถ้าทุกครอบครัวมีความอบอุ่น ในสังคมก็ ไม่มเี ด็กเกเรหรอกครับ ถ้าผูใ้ หญ่ดี เด็กก็ดี ครอบครัว ก็ดี ในที่สุดสังคมก็จะดีตามไปด้วย ๖๕


ตำราเล่มใหญ่

เรื่อง...พลอย ภาพ...นัดเดียว

ตื่นตาตื่นใจใน พิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ เมื่อพูดถึงคำว่าพิพิธภัณฑ์ คนส่วนใหญ่มักพากันเบื่อหน่าย ส่ายหน้าไปตามๆกัน พานจะทำให้ นึกถึงสถานที่เก่าแก่คร่ำครึ ไม่น่าไป แต่พลอยรับรองว่าที่นี่จะทำให้ เพื่อนๆ ลบภาพเหล่านั้นออกไป จากใจอย่างสิ้นเชิง

ทิ

ศไทฉบับปฐมฤกษ์ ขอกล่าวคำว่า “สวัสดี” กับ สัมผัสความยิง่ ใหญ่ของพิพธิ ภัณฑ์กฬี าแห่งชาติ คุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ พบกันครั้งแรกใน “ตำรา นับตัง้ แต่กา้ วแรกทีเ่ ข้ามาในพิพธิ ภัณฑ์ เราสามารถ เล่มใหญ่” นี้ พลอยขออาสาเป็นมัคคุเทศก์พาเพือ่ นๆ สัมผัสได้ถึงความโออ่า สวยงาม และความทันสมัย ไปเยีย่ มชมสถานทีแ่ ห่งหนึง่ ซึง่ แฝงตัวอยูภ่ ายในสนาม อย่างนึกไม่ถงึ พืน้ ที่ใช้สอยประมาณ ๒,๕๐๐ ตาราง กีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ที่ๆหลายคนคงต้องพูด เมตรแบ่งออกเป็นห้องนิทรรศการถาวรสำหรับจั ด เป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เคยเห็น” หรือ “มีทอี่ ย่างนี้ แสดงและเผยแพร่ถงึ ๙ ห้อง ทุกห้องมีคอมพิวเตอร์ ด้วยหรือนี”่ ระบบจอสัมผัสเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมซึ่งสามารถ อยากรูก้ นั แล้วใช่ไหมคะว่าเรากำลังจะไปที่ไหน เดินชมได้อย่างไม่รู้เบื่อ กัน มาฟังคำเฉลยของพลอยกันเลยค่ะ สถานที่แห่งนี้ก็คือ “พิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ” โถงต้อนรับ ห้องแรกที่จะได้พบเมื่อมาเยือน นัน่ เอง พิพธิ ภัณฑ์แห่งนีต้ งั้ อยู่ใต้อฒ ั จันทร์ของสนาม พิพิธภัณฑ์กีฬา คือ โถงต้อนรับ ผนังด้านหน้า ราชมังคลากีฬาสถาน สนามกีฬาทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ ในประเทศ ประดับด้วยตราพระราชพิธรี ชั มังคลาภิเษก และแผ่น ไทย หลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อร่วมชมร่วมเชียร์การ ศิลาลงพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั แข่งขันกีฬาหลากหลายประเภท พอการแข่งขันจบ ในการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “ราชมังคลากีฬา ลงก็แยกย้ายกันกลับบ้าน นีจ่ งึ เป็นสาเหตุหนึง่ ทีน่ อ้ ย สถาน” คนนักจะสังเกตเห็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ด้านซ้ายมือเป็นส่วนสำหรับลงทะเบียนและให้ และเมือ่ พูดถึงคำว่าพิพธิ ภัณฑ์ คนส่วนใหญ่มกั บริการแก่ผู้เข้าชม หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถาม พากันเบือ่ หน่าย ส่ายหน้าไปตามๆ กัน ข้ อ มู ล เพิ่ ม เติ ม กั บ เจ้ า หน้ า ที่ประจำ พานจะทำให้นึกถึงสถานทีเ่ ก่าแก่คร่ำ พิพธิ ภัณฑ์ได้ทนั ที ซึง่ ต้องขอชมเชย ครึไม่นา่ ไป แต่พลอยรับรองว่าทีน่ จี่ ะ ว่าให้บริการดีมากๆ ค่ะ ทำให้เพือ่ นๆ ลบภาพเหล่านัน้ ออกไป จากใจอย่างสิ้นเชิง ๖๖


ห้องวิวัฒนาการกีฬาสากลของไทย

Guide Tip! เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำว่า ควรเดินชมเป็น รูปตัว U และดูแผ่นพับประกอบ จะทำให้เรา เดินได้ถูกต้องตามลำดับ และสร้างความเข้าใจ ในการชมมากยิ่งขึ้น ห้องวิวัฒนาการกีฬาสากลของไทย เมื่อผ่าน

โถงต้อนรับมา โดยเริ่มเดินจากทางซ้ายมือ จะพบ กับห้องที่สองคือ ห้องวิวัฒนาการกีฬาสากล ห้อง นี้มีบอร์ดแสดงประวัติความเป็นมาของกีฬาสากล ชนิดต่างๆ รวมกัน ๑๘ ชนิด ตูแ้ สดงเอกสารต้นฉบับ เพลงกราวกีฬา ประพันธ์โดยเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ มนตรี ที่มีคำร้องติดปากว่า “…อึม อึม อึม อึม กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ... ฮ้าไฮ้ ฮ้าไฮ้ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลสทำคนให้เป็นคน ผลของการฝึกตน เล่นกีฬา สากล ตะละล้า” คุน้ หูกนั ดีใช่ไหมคะ เราฟัง กันมาตัง้ แต่สมัยเด็กๆ เพราะได้ รับความนิยมและแพร่หลายมากในการแข่งขันกีฬา ทุกประเภท ฟังแล้วรู้สึกจิตใจฮึกเหิม คนเล่นก็มี

กำลังใจ คนเชียร์ ก็ เ ชี ย ร์ ไ ด้ ไ ม่ รู้ จั ก เหน็ดเหนื่อย จุ ด เด่ น ของ ห้องนี้คือ การย่อ ส่วนสนามราชมัง คลากีฬาสถานมา จั ด แสดงไว้ ก ลาง ห้ อ งซึ่ ง ดู เ หมื อ น จริงมากๆ บริเวณผนังโดยรอบห้องจัดแสดงภาพของ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ ๗๐๐ ปี ภาพอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก และภาพสนามศุภชลาศัย ชมกันพอหอมปากหอมคอ มาต่อกันทีห่ อ้ งถัด มากันเลยนะคะ ห้ององค์กรกีฬา ห้องนีเ้ ต็มไปด้วยข้อมูลของ หน่วยงานต่างๆ ทีเ่ ป็นองค์กรหลักทางการกีฬาของไทย เช่น กิจกรรม กีฬาของกรมพลศึกษา กิจกรรมกีฬา ของคณะกรรมการโอลิมปิก ซึ่งจัดแสดงข้อมูลอยู่ รอบห้อง พลอยว่าเพื่อนๆ น่าจะสะดุดตากับสีสัน สวยงามของผนังห้องที่ดึงดูดทุกสายตาของคนเข้า มาชมแน่ๆ ๖๗


หอเกียรติยศนักกีฬา

ห้องถัดไป พลอยอยากชวนเพื่อนๆ และคุณผู้ อ่านมาหวนระลึกถึงชัยชนะอันหอมหวานของเหล่า วีรบุรุษที่เรียกเสียงเชียร์กระหึ่มก้องฟ้าจากคนไทย ทั่วทั้งประเทศมาแล้ว หอเกียรติยศนักกีฬา เมื่อเข้ามาในห้อง หาก ใครเป็นคนช่างสังเกต ก็จะพบกับวงแหวนห้าวงซ้อน กัน สัญลักษณ์ของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก บนพื้น ห้องและเพดานห้อง จึงทำให้หอ้ งดูมชี วี ติ ชีวามากขึ้น บริเวณโดยรอบจัดแสดงประวัติของนักกีฬาที่ ทำชื่ อ เสี ย งให้ แ ก่ ป ระเทศอยู่ บ นแผ่ น บอร์ ด ขนาด ใหญ่ เรียงซ้อนกันอยู่บริเวณริมผนังทั้งสองด้าน ลูก เล่นทีน่ า่ สนใจอยูท่ เี่ ราสามารถสนุกสนานกับการเลือ่ น

๖๘

หากใครเป็นคนช่างสังเกต ก็จะพบกับวงแหวนห้าวงซ้อนกัน สัญลักษณ์ของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก บนพื้นห้องและเพดานห้อง

บอร์ดเพื่ออ่านประวัติของนักกีฬาแต่ละคนอย่าง เพลิดเพลิน นักกีฬาในตำนานที่ยังอยู่ในความทรงจำของ ใครหลายคน เช่น สุระ แสนคำ (เขาทราย แกแล็คซี)่ นักกีฬามวยสากลอาชีพที่ได้รับสมญานามว่า “ซ้าย ทะลวงไส้” แชมป์โลกผู้ไม่เคยแพ้ใครตลอดระยะเวลา ที่ครองตำแหน่ง ๒,๖๒๘ วัน หรือ ๗ ปี ๒ เดือน ๓๐ วัน ร.ท.สกุล คำตัน อดีตทหารผ่านศึก นักกีฬา พิ การไทยที่ ไ ด้ รั บ เหรี ย ญรางวั ล จากการแข่ ง ขั น พาราลิมปิกเกมส์เป็นครัง้ แรก จากกีฬาพุง่ แหลนชาย และยังมีนกั กีฬาทีม่ ชี อื่ เสียงอีกมากมายทีเ่ ราสามารถ เรียนรู้ชีวิตของบุคคลเหล่านี้ และไม่แน่ว่าเกียรติยศ ทีง่ ดงามของแต่ละท่านอาจจะเป็นแรงบันดาลใจและ


ห้องกิตติคุณ เชิดชูบุคคลสำคัญผู้ซึ่งทำ คุณประโยชน์ให้แก่วงการกีฬาของประเทศไทย

พลังผลักดันให้เพื่อนๆ หรือน้องๆ เยาวชนอยากจะ ตามรอยฝันให้ถงึ สุดทางตามอย่างบ้างก็ได้ มาถึงสิ่งที่เด่นชัดและดึงดูดความสนใจในห้อง นี้โดยเฉพาะเด็กๆ ก็คือ รูปปั้นจำลองของคุณมานะ สีดอกบวบ (โผน กิ่งเพชร แชมป์โลกชาวไทยคน แรกในประวัติศาสตร์ที่ชกชนะ ปาสคาล เปเรซ) ใน ชุดกางเกงสีแดงสด พร้อมนวมคู่ใจ ยืนโพสต์ทา่ เท่ๆ ให้พลอยได้มีโอกาสแชะรูปคู่ใกล้ชิดกับคนดังระดับ

ตำนาน จัดแสดงอยู่บนเวทีมวยจำลอง ด้านในสุด ของห้อง ก่อนออกจากห้องนี้ พลอยสะดุดตากับตู้เล็กๆ ทางซ้ายมือ จัดแสดงลูกฟุตบอลโลกที่ระลึกในการ แข่งขันฟุตบอลโลก Fifa World Cup Korea Japan 2002 เพือ่ นๆ หรือน้องๆ ทีช่ นื่ ชอบการเล่นฟุตบอล คงชอบอกชอบใจไม่น้อย ห้องสมาคมกีฬาและกีฬาพื้นบ้านไทย มาถึง ห้องที่ ๕ ซึ่งเป็นส่วนในสุดของพิพิธภัณฑ์ ผนัง ด้านซ้ายจัดแสดงประวัติและแบบจำลองหุ่นการละ เล่นกีฬาพื้นบ้านและการละเล่นของไทย ถ่ายทอด ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าที่สะท้อนให้เห็นถึงความ คิดความเป็นอยู่ของคนในสมัยโบราณที่ส่งต่อจาก รุ่นสู่รุ่น เช่น ขี่ม้าส่งเมือง หมากรุกไทย ว่าวไทย และการแข่งเรือ ซึง่ หลายคนอาจลืมเลือนการละเล่น เหล่านี้ไปเสียแล้ว ข้ามฝั่งมาชมด้านขวา แสดงประวัติความเป็น มาของสมาคมกีฬาต่างๆอย่างละเอียด เช่น สมาคม กรีฑา กอล์ฟ กีฬาคนพิการ เรือใบ แบดมินตัน เปตอง ฯลฯ บริเวณกลางห้อง จัดแสดงตู้กระจก ๓ ใบซึ่ง ยาวขนานไปกับตัวห้อง ตู้แรกประดับโชว์คบเพลิง จากการแข่งขันโอลิมปิก ตูก้ ลางจัดแสดงถ้วยและโล่ รางวัล เข็มทีร่ ะลึกจากการแข่งขันกีฬาต่างๆ ตูส้ ดุ ท้าย จัดแสดงเสื้อคลุม เสื้อสูทของเจ้าหน้าที่ นักกีฬา และผู้ฝึกสอนที่สวมใส่ ในการเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ และ กีฬาโอลิมปิก โดยรอบฐาน ของตู้ทั้ง ๓ ใบประดับประดาเหรียญที่ระลึกจากการ แข่งขันกีฬาแหลมทอง ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และ โอลิมปิก ซึ่งเราคงไม่สามารถหาดูได้จากที่ไหนอีก แล้ว ห้องกิตติคุณ มาร่วมเชิดชูบุคคลสำคัญผู้ซึ่ง

ทำคุณประโยชน์ ให้แก่วงการกีฬาของประเทศไทย ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช องค์อปุ ถัมภ์กจิ กรรม กีฬาของชาติ ๖๙


หลวงสุขมุ นัยประดิษฐ์ ผูก้ อ่ ตัง้ อ.ส.ก.ท. (กกท.) และริเริ่มการแข่งขันกีฬาแหลมทอง (ซีเกมส์) พลอากาศเอกทวี จุลละทรัพย์ กรรมการ โอลิมปิกสากลคนแรกของประเทศไทย นายแพทย์บญุ สม มาร์ตนิ ผูร้ เิ ริม่ ก่อตัง้ วิทยาลัย พลศึกษาทั่วประเทศ และยังมีท่านอื่นๆ อีกมากมาย ที่เพื่อนๆ อาจ จะเกิดไม่ทัน หรือคุ้นชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าค่า ตา ที่นี่ก็นำภาพถ่ายของท่านเหล่านั้นมาจัดแสดง เพื่อให้พวกเราได้ร่วมชื่นชมและระลึกถึงคุณูปการ อันยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไปแล้ว ห้องพระองค์เจ้าพีระ หากพูดถึงนักแข่งรถที่ มีชอื่ เสียงทีส่ ดุ ในประวัตศิ าสตร์ของชาวไทย คงทราบ กันดีว่าคือ “พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระพงษ์ ภานุเดช” หรือที่รู้จักกันในนาม “พระองค์เจ้าพีระฯ” ทรงทำให้ชาวโลกได้ประจักษ์ถึงความสามารถของ คนไทย ทรงเป็นคนไทยและคนเอเชียคนแรกที่เป็น

แชมป์แข่งรถถึง ๓ สมัยซ้อน ทรงได้รับรางวัล เกียรติยศจากสมาพันธ์แข่งรถแห่งชาติอังกฤษ และ ได้รับรางวัล “ดาราทอง” (Road Racing Gold Star) จากพระเจ้ายอร์ชที่ ๕ แห่งประเทศอังกฤษ ในห้องนีเ้ ราจะได้พบกับ “รอมิวลุส” (Romulus) รถแข่งประวัติศาสตร์ของไทยและของโลก โดยมี

ห้องพระบรมวงศานุวงศ์กับการกีฬา

รถคูพ่ ระทัยคันนีพ้ น่ สีฟา้ ซึง่ เป็นสีทพ่ี ระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดชทรงโปรด และสั่งทำ เป็นพิเศษ ในครัง้ นัน้ ทรงหาตัวอย่างสีอย่างทีต่ อ้ งการให้กับบริษัทรถไม่ได้ บังเอิญวันหนึง่ ได้ทรงพบกับเพือ่ น เก่าชือ่ นางสาวยาร์ยารา กรุต เธอสวมชุดสีฟ้าซึ่งตรงกับสีที่ทรงต้องการ จึงทรงขอผ้าชิ้นเล็กๆจากชุดนั้นมา เป็นตัวอย่างให้บริษัทผลิตรถ และทรงพ่นสีรถทุกคันด้วยสีนี้ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ สีฟ้าพีระ (Bira Blue) ๗๐


พระรูปจำลองของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีระ พงษ์ภานุเดช ยืนประทับข้างรถแข่งคู่พระทัยในชุด นักแข่งรถ พลอยคิดว่าเพือ่ นๆ น่าจะรูส้ กึ เหมือนพลอยคือ แม้จะเกิดไม่ทันช่วงเวลาที่โลกต้องจารึก แต่การได้ มาเห็นอย่างนี้ ก็ทำให้ทั้งตื่นเต้น ตื้นตันอย่างบอก ไม่ถูกจริงๆ ค่ะ

ห้องพระบรมวงศานุวงศ์กับการกีฬา ภาพที่

เห็นเด่นเป็นสง่าตัง้ แต่เดินเข้ามาในห้องก็คอื พระรูป จำลองสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในฉลอง พระองค์สีแดง ในพระอิริยาบถทรงกีฬาเปตอง “เปตองเป็นยาวิเศษสำหรับฉัน” เป็นพระดำรัส ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระองค์ ทรงนำกีฬาเปตองมาเผยแพร่ให้คนไทยรูจ้ กั “สมเด็จ ย่า” ทรงเล่นกีฬาเปตองเป็นการออกกำลังพระวรกาย ห้องสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ เป็นประจำ เมื่อมีโอกาสเสด็จไปเยี่ยมราษฎรตาม แต่ถือเป็นห้องที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ชนบท ยังโปรดให้ขา้ ราชบริพารและประชาชนได้มา ดังคำกล่าวที่ว่า “ของดีต้องเก็บไว้ทีหลัง” ร่วมเล่นอย่างไม่ถือพระองค์ ภายในห้องยังจัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในการ กีฬาของพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น ฉลองพระองค์ และพระมาลาทรงเรือใบของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ฉลองพระองค์และไม้แบดมินตันของพระเจ้า หลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่ทรง ประทานแก่นักกีฬาคนพิการ ทัง้ ยังจัดแสดงถ้วยรางวัลฝีพระหัตถ์ของสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพระราชทาน ๗๑


ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทหารมหาดเล็กราช วัลลภกับข้าราชบริพาร เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๘ ณ วังไกลกังวล หัวหิน ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีบอร์ดแสดงพระจริยาวัตร ทางด้านการกีฬาของพระบรมวงศ์ทุกพระองค์อีก ด้วย ห้ อ งพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว กั บ การ

กีฬา ห้องสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์ แต่ถือเป็นห้องที่

สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า “ของดีต้องเก็บไว้ทีหลัง” เพราะเพื่อนๆ จะต้องตก ตะลึงกับเรือใบฝีพระหัตถ์ ๓ ลำ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ใจกลางห้อง มีการจำลองฐานที่ตั้งเป็นกระจกสีฟ้า เล่นแสงให้ดูเสมือนเรือใบกำลังลอยลำอยู่ในน้ำ ดู สมจริงและน่าทึ่งเป็นที่สุด บริเวณโดยรอบจัดแสดง ๗๒

บอร์ดพระราชประวัติ พระราชจริยาวัตรด้านการกีฬา และภาพอันทรงคุณค่าที่หาดูได้ยากยิ่ง เรือใบฝีพระหัตถ์ ๓ ลำ ที่พระราชทานเพื่อจัด แสดงในพิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ มีดังนี้ เรือใบฝีพระหัตถ์ “ไมโครมด ๓” เป็นเรือที่มี ขนาดเล็กที่สุดในเรือตระกูล “มด” พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงต่อขึ้นด้วยไม้อัดเพียงแผ่นเดียว เหมาะสำหรับเด็กและคนรูปร่างเล็ก เรือใบฝีพระหัตถ์ “เอ.จี. เอ็นเตอร์ไพรซ์” ทรง ต่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นเรือพระที่นั่งของทูล กระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา เรือใบฝีพระหัตถ์ “ซูเปอร์มด ๓” ทรงออกแบบ และทรงต่อขึ้นเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๐ นับเป็นเรือต้นแบบของเรือประเภทมดที่ใช้แข่งขัน กีฬานานาชาติครัง้ แรกในกีฬาแหลมทองครัง้ ที่ ๔ ณ


ประเทศไทย พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยูห่ วั ของปวงชนชาวไทยนัน้ สุดทีจ่ ะพรรณนาได้จริงๆ พลอยเชือ่ ว่าเพือ่ นๆ หรือใครก็ตามที่ได้มาเห็นอย่าง ทีพ่ ลอยเห็น จะรูส้ กึ ว่าเราโชคดีเหลือเกินทีเ่ กิดมาเป็น คนไทย และมีชีวิตอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร อย่างนี้ แม้พลอยจะใช้เวลาไม่นานนักในการเดินชม และซึมซับแก่นแท้ของสิ่งที่พิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ ตัง้ ใจนำเสนอ แต่สงิ่ ที่ได้กลับมานัน้ คุม้ เสียยิง่ กว่าคุม้ นัน่ คือ การได้เก็บเกีย่ วความรู้ ประสบการณ์ทสี่ ง่ ผ่าน จากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆให้กับตัวเองราว

กับเปิดตำราเล่มใหญ่ได้ครบทุกหน้าเชียวค่ะ อยากให้เพื่อนๆ ลองหาวันว่างชวนครอบครัว มาสัมผัสความสนุกสนาน ทันสมัย แบบได้สาระ ของพิพธิ ภัณฑ์แห่งนีก้ นั ดู ยิง่ คุณพ่อคุณแม่ที่ได้อา่ น คอลัมน์นี้และมีลูกในวัยกำลังเรียนรู้ยิ่งควรมาอย่าง ยิ่งค่ะ นอกจากช่วยปลูกฝังนิสัยของเด็กๆ ให้รัก และสนใจในเรื่องกีฬามากขึ้นแล้ว ไม่แน่ว่าเยาวชน ตัวน้อยที่พามาในวันนี้ อาจเติบโตไปเป็นนักกีฬาที่ มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกในวันข้างหน้าก็เป็นได้ ทุกอย่างมีที่มาจากจุดเริ่มต้น และพิพิธภัณฑ์ กีฬาแห่งชาติ ก็นา่ จะเป็นจุดเริม่ ต้นทีด่ ขี องทุกครอบครัว ได้แน่ๆ ค่ะ พิพิธภัณฑ์กีฬาแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โซน W4 และ W52088 เปิดให้บริการ ตั้ง แต่วันจันทร์-เสาร์ เวลา ๘.๓๐-๑๖.๓๐ ปิด ทำการวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ โทรศัพท์ ๐-๒๗๑๘-๕๙๑๓-๔ เปิดให้เข้าชมฟรี การเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์ รถประจำทาง: ๒๒, ๕๘, ๖๐, ๖๑, ๗๑, ๙๒, ๙๓, ๙๙, ๑๐๙, ๑๑๓, ๑๑๕, ๑๒๒, ๒๐๗ รถปรับอากาศ: ๑, ๑๔, ๙๒, ๑๓๗, ๕๑๒, ๕๒๐, ๕๔๕, ปอ.พ.๓, ๔, ๗, ๑๐, ๑๕, ๑๗ สังเกตง่ายๆ นะคะ รถสายไหนที่ผ่าน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็จะผ่านสนามราช มังคลากีฬาสถานด้วยค่ะ ระเบียบการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ หากมาชมเป็นหมู่คณะทางพิพิธภัณฑ์ จะจัดเจ้าหน้าทีน่ ำชมให้ แต่ควรแจ้งให้ทราบ ล่วงหน้าก่อน ห้ามนำสัตว์เลีย้ ง อาหารหรือเครือ่ งดืม่ เข้ามาในพิพิธภัณฑ์ ห้ า มส่ ง เสี ย งหรื อ กระทำการรบกวน ผู้อื่น ๗๓


รักษ์โลก

เรื่อง...ดร.จิรพล สินธุนาวา

บทบาทของเยาวชน

ในการช่วยลดโลกร้อน เยาวชนจะต้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ทราบที่มาของก๊าซเรือนกระจกและกิจกรรมทีท่ ำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เพือ่ ให้เกิดความเข้าใจ และมีส่วนร่วมลด และป้องกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่ง และกิจกรรมเหล่านั้น

กิ

จกรรมหลากหลายในกระบวนการผลิตและบริโภคของมนุษย์เป็นปัจจัยที่สำคัญ อย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายถ่ายเทวัตถุธาตุและสารประกอบจากแหล่ง ต่างๆ ในธรรมชาติสู่วิถีชีวิตในชุมชนและเมือง รวมทั้งการปล่อยผลพวงจากการเผา ไหม้และการใช้พลังงานขึ้นไปสะสมในชั้นบรรยากาศที่ส่งผลให้เกิดการสะสมความ ร้อน และอุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกเพิ่มขึ้น ผลพวงเหล่านี้ได้แก่ก๊าซชนิดต่างๆ ซึ่ง ต่อมาเราเรียนรูว้ า่ เป็นก๊าซทีท่ ำให้เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้โลกของเรามีอณ ุ หภูมิ เฉลี่ยที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเรียกก๊าซเหล่านี้ว่า ก๊าซเรือนกระจก ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ และเกี่ ย วข้ อ งกั บ มนุ ษ ย์ เ ป็ น อย่ า งมากได้ แ ก่ ก๊ า ซ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซมีเทนหรือก๊าซชีวภาพ (CH4) ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (NOx) ละอองน้ำ (H2O) ก๊าซโอโซน (O3) สารประกอบคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ ความสามารถในการดูดซับความร้อนของ ก๊าซเรือนกระจกแต่ละชนิดไม่เท่ากัน และมีระยะเวลาในการคงอยู่ในชั้นบรรยากาศ ได้นานไม่เท่ากัน แต่ถูกปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศปริมาณมากและเร็วกว่าการ สลายตัวตามธรรมชาติทุกวัน ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น ผลที่ตามมาคืออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น ตามลำดับ และหากการปล่อยก๊าซไปในชั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างรวดเร็วและปริมาณ มาก การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลกก็จะ เร็วขึ้นด้วย ปัจจัยสำคัญ กิจกรรมการบริโภคและ การผลิตที่หลากหลายในทั่วทุกมุมโลกเป็น ปัจจัยเร่งในการแพร่กระจายและสะสมเพิ่ม มากขึน้ ของก๊าซเรือนกระจกในชัน้ บรรยากาศ ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ชนิดและปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกไป ก๊าซเหล่านี้ บางส่วนไม่ได้เกิดจากการเผาไหม้โดยตรง แต่เกิดจากการย่อยสลายของอินทรียว์ ตั ถุ ตามธรรมชาติซึ่งได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน หรือก๊าซชีวภาพ ซึ่งเป็นการยากที่จะป้องกัน แต่ก็อาจจะหลีกเลี่ยงได้ระดับหนึ่ง การปล่อยก๊าซมีเทนตามธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการย่อยสลาย

๗๔


อินทรียว์ ตั ถุในทีต่ า่ งๆ ขณะทีก่ จิ กรรมการบริโภคของ มนุษ ย์ทุกวันนี้ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการ ย่ อ ยสลายอิ น ทรี ย์ วั ต ถุ ใ นภาวะที่ ข าดอากาศหรื อ ออกซิเจน นอกจากนี้การฝังกลบขยะมูลฝอยของ ชุมชน และครัวเรือนการเกษตรกรรมที่มีเศษเหลือ จากการเก็บเกีย่ ว ก็มกี ารย่อยสลายโดยขาดออกซิเจน เช่นกัน เช่นในแปลงเพาะปลูก โดยเฉพาะในนาข้าว ปัญหาดังกล่าวหลีกเลี่ยงได้โดยการเก็บรวบรวมเศษ เหลื อ จากการบริ โ ภคโดยเฉพาะมู ล ฝอยอิ น ทรี ย์ ทัง้ หมด เพือ่ จัดให้มกี ารย่อยสลายในภาวะทีม่ อี ากาศ เพียงพอและต่อเนื่อง ดังนั้นการเกิดตามแหล่งที่มาของก๊าซเรือน กระจกจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการลดภาวะโลกร้อน เยาวชนจะต้องร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการ เรียนรู้เพื่อให้ทราบที่มาของก๊าซเรือนกระจกและ กิจกรรมทีท่ ำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก เพือ่ ให้เกิดความ เข้าใจ และมีส่วนร่วมลด และป้องกันการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกจากแหล่งและกิจกรรมเหล่านั้น ก๊าซเรือนกระจกใกล้ตวั ทีส่ ำคัญยังประกอบด้วย ก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึง่ มาจากการใช้และแปรสภาพ

ของปุ๋ยไนโตรเจนในพื้นที่เกษตรกรรม การผลิตทาง อุตสาหกรรมและการเผาไหม้ หรือกิจกรรมอืน่ ทีเ่ ป็น ต้นเหตุให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมี ก๊าซคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ซึง่ มาจากการใช้สเปรย์ อัดอากาศ ได้แก่ สีสเปรย์ ยาฆ่าแมลง น้ำยาปรับ กลิ่นในห้องปรับอากาศและสเปรย์เป่าผม หรือการ ใช้เครื่องสำอางจากกระป๋องอัดอากาศหลากหลาย ชนิด บทบาทของเยาวชนในการรับมือกับโลกร้อน เดินหรือขี่จักรยานให้มากขึ้นเมื่อพบว่ามี ความปลอดภัย ใช้บริการขนส่งมวลชน ซื้อของใกล้ บ้าน ลดการเดินทางให้มีจำนวนครั้งน้อยลง เดิน ทางท่องเที่ยวและพักผ่อนโดยรถไฟเพื่อลดการใช้ รถยนต์และการเดินทาง โดยเครือ่ งบิน ขอให้คณุ พ่อคุณแม่และทุกคนที่ รู้จักช่วยดับเครื่องยนต์ ขณะจอดเติมน้ำมันหรือ รอรับหน้าโรงเรียน

.

๗๕


.. เปลีปิดสวิย่ นหลอดไส้ เป็นหลอดประหยัดพลังงาน ทช์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ ใช้ ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดทันทีที่เลิกใช้งาน

จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้น บรรยากาศ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้วย ดื่ ม น้ ำ ที่ ผ่ า นการกรองสะอาดที่ บ้ า นและ ขณะเดินทาง เพื่อลดการซื้อน้ำดื่มในขวดพลาสติก นำภาชนะรองรับน้ำติดตัวเมื่อออกจากบ้านเพื่อลด และหลีกเลีย่ งการใช้พาชนะรองรับที่ใช้เพียงครัง้ เดียว แล้วทิ้ง เพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอย ลดพลังงานที่ ต้องใช้ ในการเก็บและขนขยะมูลฝอย รวมทั้งลด พลังงานงานที่ต้องใช้ในการกำจัดขยะมูลฝอย ซื้อของที่ผลิตได้ในท้องถิ่น ซื้อของที่ผลิต ได้ตามฤดูกาล เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงในการขนส่ง ถนอมรักษา ผลิต และกำจัดบรรจุภัณฑ์ ปฏิเสธการรับถุงพลาสติก เตรียมพร้อมเมือ่ ต้องออกไปซื้อของด้วยการนำถุงผ้าติดตัวไปทุกครั้ง เพือ่ ลดการรับถุงพลาสติกกลับบ้านซึง่ ช่วยลดปริมาณ ขยะมูลฝอย และหลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกไปสู่ มูลฝอยอินทรีย์ที่จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ปลูกต้นไม้เพือ่ ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทีบ่ า้ น โรงเรียน และในทีส่ าธารณะเมือ่ มีโอกาสเพือ่ ฟื้นฟูระบบนิเวศ ด้วยการปลูกพันธุ์พืชท้องถิ่น พืช ผักสวนครัว รวมทัง้ พืชทีช่ ว่ ยลดการกัดเซาะพังทะลาย

. . . .

๗๖

.

ของดิน ใช้กระดาษอย่างรู้คุณค่าจะช่วยลดปริมาณ ขยะมูลฝอย การนำกระดาษใช้แล้วกลับมาใช้อกี ช่วย ลดการใช้พลังงานในการผลิต ลดขยะมูลฝอยและ ก๊าซเรือนกระจกจากการย่อยสลายขยะมูลฝอย เยาวชน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้กระดาษ จะช่วยลดการตัด ต้นไม้ทจี่ ะสามารถช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจก และ ลดความรุนแรงจากภาวะโลกร้อน แยกขยะมูลฝอยเพื่อลดปริมาณมูลฝอย ทั้ง ที่โรงเรียน ครัวเรือน และในชุมชน และเพื่อนำ ทรัพยากรหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ โดยนำมูลฝอย อินทรีย์ไปทำปุ๋ยบำรุงดิน และช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี ทีเ่ ป็นต้นเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ที่มีศักยภาพทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกได้มากกว่า

.


ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง ๓๑๐ เท่า การผลิต ก๊าซชีวภาพจากมูลฝอยอินทรีย์ นอกจากจะได้ก๊าซ ชีวภาพไปใช้ประโยชน์ในการหุงต้มแล้ว ยังได้ปุ๋ย อินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อพืชอีกด้วย รับประทานอาหารให้หมดจาน การตักอาหาร แต่พอประมาณจะช่วยลดเศษเหลือจากการรับประทาน อาหาร เศษเหลือจากการประกอบอาหาร และการ รับประทานอาหารจะเป็นวัตถุดิบสำคัญของการเกิด ก๊าซเรือนกระจก จากการย่อยสลาย และการแปร สภาพย่อยสลายในภาวะที่ขาดออกซิเจน ปลูกพืชผักผลไม้และสมุนไพรลดโลกร้อน การปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพรที่เป็นยาไว้ที่ บ้านจะช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสารเคมี และวัตถุมีพิษในอาหาร และช่วยลดความจำเป็นที่ จะต้องเดินทางออกจากบ้านไปซื้อนอกบ้าน การ เปลี่ยนสวนหย่อมหรือพืชกระถางที่ใช้ตกแต่งสถาน ทีเ่ ป็นพืชผักสวนครัวและยาจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพ ของเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน โรงเรียน และ ชุมชนได้ด้วย

. .

ดังนัน้ การกวาดเศษอาหารออกจากภาชนะก่อนล้าง จานจะช่วยลดการปนเปื้อนและลดการเกิดก๊าซเรือน กระจกได้ เลือกใช้ผ้าห่มให้เหมาะกับอุณหภูมิจะช่วย ลดการใช้พลังงานในการปรับอากาศได้มาก ผ้าห่ม ผืนหนาและชุดนอนชนิดหนาที่สวมใส่นอนในฤดู หนาวจะเป็นต้นเหตุสำคัญของการเปิดเครื่องปรับ อากาศ และใช้เครื่องปรับอากาศเกินความจำเป็น มี ค่าใช้จา่ ยพลังงานสูงขึน้ และเพิม่ การปล่อยก๊าซเรือน กระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ เข้านอนเร็วขึ้นช่วยลดโลกร้อน เยาวชนที่ อยู่ดึกจะทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อยลง และขณะอยู่ ดึกจำเป็นต้องใช้แสงสว่างจึงใช้พลังงานมากขึน้ ปล่อย ก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ทั้งจากการใช้ไฟฟ้า เครือ่ ง ปรับอากาศ การดูโทรทัศน์ การใช้คอมพิวเตอร์ เครือ่ ง เสียง รวมทัง้ เครือ่ งใช้ไฟฟ้าและก๊าซในการปรุงและอุ่น อาหารขณะที่ต้องอยู่ดึก การเข้านอนเร็วขึ้นจะช่วย ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน ค่าใช้จ่าย และการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน จากข้อแนะนำในการรับมือกับโลกร้อนดังกล่าว มานี้ เป็นที่เชื่อได้ว่าหากเยาวชนร่วมมือปฏิบัติตาม อย่างพร้อมเพรียง นอกจากจะเกิดความพอเพียงใน ครอบครัว และชุมชนแล้ว ยังจะมีส่วนช่วยลดภาวะ โลกร้อน ไม่ให้โลกของเราระอุมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ขณะนี้ เพื่อพวกเราและเยาวชนรุ่นต่อๆ ไป

. .

. ล้างจานถูกวิธชี ว่ ยลดโลกร้อน การล้างจาน เป็นขั้นตอนหนึ่งของการชำระล้างเศษอาหารออก

จากภาชนะ เศษอาหารทีล่ ะลายน้ำได้ และทีม่ ขี นาด เล็กจะเล็ดลอดผ่านการกรองในอ่างล้างจาน เป็นต้น เหตุของการปนเปือ้ นของน้ำทีจ่ ำเป็นต้องใช้พลังงาน ในการบำบัดน้ำทีม่ กี ารปนเปือ้ นนี้ ขณะเดียวกันการย่อย สลายของมูลฝอยอินทรีย์ในน้ำทีม่ ปี ริมาณออกซิเจน จำกัด จะมีโอกาสได้กา๊ ซชีวภาพซึง่ เป็นก๊าซเรือนกระจก

๗๗


เกร็ดต่างแดน เรื่อง...กองบรรณาธิการ

The World Exposition 2010 Shanghai China นปีนี้สายตาจากทั่วทุกมุมโลกกำลังจับจ้องมายัง นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน เจ้าภาพในการจัดงานมหกรรมสินค้า World Expo 2010 ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม – ๓๑ ตุลาคม ซึง่ นับเป็นงานใหญ่อนั ดับ ๓ ของโลก รองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และการแข่งขันฟุตบอลโลกทีส่ าธารณรัฐแอฟริกาใต้ การจัดงานครั้งนี้มีขึ้นภายใต้แนวคิด “Better City, Better Life” เพื่อ สะท้อนถึงความตืน่ ตัวต่อการพัฒนาอย่างยัง่ ยืนระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ใช้พื้นที่ในการจัดงานมากถึง ๕.๒๘ ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ ๓,๐๐๐ ไร่ สิ่งที่ทำให้ผู้เข้าชมตื่นตาตื่นใจมากที่สุดคงไม่พ้นการจัดแสดงอาคาร ของเกือบทุกประเทศทั่วโลกที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในประเทศนั้นๆ ผ่านสถาปัตยกรรมที่งดงาม รวมถึง นวัตกรรมล่าสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึง่ ร่วมเนรมิตให้มหานครแห่งนีก้ ลายเป็น เมืองที่โลกต้องตะลึง สำหรับอาคารน่าสนใจทีอ่ ยากให้ทกุ คนได้เห็น อันดับแรกต้องเป็นของเจ้าภาพอย่าง China Pavilion: The Crown of the East โดดเด่นด้วยตัวอาคารสีแดงสด สะดุดตาด้วยความสูง ๖๓ เมตร รองลงมาเป็นของ ประเทศโปแลนด์ Human Created the City ซึง่ ติดอันดับ ๑ ใน ๑๒ ของอาคารทีม่ ดี ไี ซน์นา่ สนใจมากทีส่ ดุ และ สุดท้ายทีต่ อ้ งปรบมือให้ดงั ๆ Thailand Pavilion: Sustainable Ways of Life ติดอันดับ ๑ ใน ๕ ของอาคารทีผ่ เู้ ข้า ชมให้ความสนใจทีส่ ดุ ในช่วงเดือนแรกของการจัดงาน เห็นไหมคะว่าประเทศไทยเราก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก จีน-อินเดีย แชมป์การเติบโตของปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ วยความทันสมัยและก้าวไกลของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ประชาชนบริโภคสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่ม มากขึ้น ทั้งคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆที่เดี๋ยวนี้ใช้งานเพียง ๓-๕ ปี หรือโทรศัพท์มือถือที่มีอายุการใช้งาน เฉลี่ยแค่ ๑๘ เดือน ก็เปลี่ยนใหม่กันเป็นว่าเล่น เพราะหากไม่เปลี่ยนก็กลัวจะไม่ทันสมัย โดยที่ไม่ได้คำนึงเลย ว่าเมื่อเราทิ้งอุปกรณ์พวกนี้ไปแล้ว จะมีการกำจัดอย่างไรเพื่อไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน และส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ดูเหมือนว่าจีนกับอินเดียจะเป็นแชมป์ของปัญหานี้ เพราะในแต่ละปีมีการทิ้งโทรทัศน์รวมกันกว่า ๑.๕ ล้านตัน ตู้เย็นอีกกว่า ๖ แสนตัน และมีการคาดการณ์กันว่าในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ จีนจะมีขยะคอมพิวเตอร์เพิ่ม ขึ้นอีก ๒-๔ เท่า ในขณะที่คาดว่าในประเทศอินเดียจะเพิ่มขึ้นถึง ๕ เท่า และโทรศัพท์มือถือที่ถูกทิ้งในจีนจะ เพิ่มขึ้น ๗ เท่า ส่วนอินเดียจะสูงถึง ๑๘ เท่า สาเหตุใหญ่อกี อย่างหนึง่ คือ ประเทศทีพ่ ฒ ั นาแล้วมีการส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปยังตะวันออกไกล (เช่น จีนและอินเดีย) เนื่องจากมีต้นทุนในการรีไซเคิลขยะถูกกว่า เช่น ต้นทุนการรีไซเคิลกระจกจอคอมพิวเตอร์ใน สหรัฐอเมริกา คิดเป็น ๐.๕ เหรียญต่อน้ำหนัก ๑ ปอนด์ เทียบกับ ๐.๐๕ เหรียญในประเทศจีน ซึ่งหากทั้ง สองประเทศยังไม่มีวิธีรับมือกับขยะเหล่านี้ คาดว่าสักวันขยะอิเล็กทรอนิกส์คงล้นเมืองเป็นแน่ เมือ่ ขยะเหล่านีก้ ำลังส่งผลต่อสิง่ แวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จึงมีการเริม่ ใช้อนุสญั ญาบาเซิล (Basel Convention) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระดับนานาชาติ ว่าด้วยการจำกัดการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายระหว่าง ประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศกำลังพัฒนาไปยังประเทศด้อยพัฒนา จุดมุ่งหมายคือลดปริมาณสารพิษที่เกิด จากของเสีย หรือ ขยะ ปัจจุบันมี ๑๖๖ ประเทศที่ลงนามให้ความร่วมมือแล้ว

ด้

๗๘


ตามล่า…ทอร์นาโด ชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ดูหนังเรื่อง “ทวิสเตอร์ (Twister)” หรือหากไม่เคยดู ก็น่าจะเห็นข่าวพายุทอร์นาโด ถล่มเมืองต่างๆจากในทีวีมาบ้าง และคงทราบถึงพลานุภาพที่ร้ายแรงของเจ้าพายุหมุนลูกนี้ พายุทอร์นาโดจะสร้างความเสียหายในทุกทีท่ มี่ นั ผ่าน เมือ่ เจ้าพายุหมุนผ่านไปตรงไหนก็จะดูดเอาสิง่ ต่างๆ บริเวณนั้นลอยขึ้นไป แต่จะสร้างความเสียหายมากหรือน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับระดับความเร็วของพายุที่มีตั้ง แต่ระดับ F1-F5 และไม่ว่าใครที่เจอ ต้องรีบหนีให้ไกลที่สุด แต่กลับตรงกันข้ามกับคนกลุ่มนี้ที่ออกตระเวนไปตามถนนเพื่อไล่ล่าทอร์นาโด คนกลุ่มที่ว่านั้นก็คือ ทีม นักวิจัยนานาชาติที่กำลังศึกษาพายุทอร์นาโดครั้งใหญ่ที่สุดในบริเวณตอนกลางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นถิ่นที่ เกิดทอร์นาโดบ่อยที่สุดในโลก เพื่อหวังจะนำเอาความรู้ใหม่ๆมาใช้ในการพยากรณ์และออกคำเตือน ล่วงหน้าถึงการก่อตัวของพายุ การวิจยั ครัง้ นีจ้ ะทำให้ทราบถึงสาเหตุการก่อตัวของพายุและเหตุใดมัน ถึงมีพลังมากมายขนาดนี้ เพราะอุณหภูมิและกระแสลมที่ต่างกันในสองพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ กิโลเมตร ก็อาจก่อให้เกิดทอร์นาโดได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที มูลนิธวิ ทิ ยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐทุม่ งบประมาณให้การวิจยั นีถ้ งึ ๔๐๐ ล้านบาท และหากโครงการ ประสบความสำเร็จ ต่อไปในอนาคต เราก็คงลดความเสียหายทีเ่ กิดขึน้ จากพายุทอร์นาโดได้ไม่มากก็นอ้ ย เนเธอร์แลนด์ สวรรค์ของคนรักจักรยาน พื่อนๆ ทราบกันไหมว่า ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนขี่ จักรยาน เพราะเป็นประเทศทีม่ จี ำนวนจักรยานถึง ๑๗ ล้านคัน ซึง่ เป็นจำนวนพอๆ กับประชากรของประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนรถจักรยานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนที่นี่ส่วนใหญ่อาศัยการเดินทางจากระบบขนส่งมวลชนและรถจักรยาน น้อยคนนักที่จะใช้รถยนต์ส่วน ตัว เนื่องจากราคาสูงและเสียภาษีรถแพงมาก ในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลก็ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้คนในประเทศใช้จักรยาน โดยสร้างทางจักรยาน อย่างดี มีความปลอดภัยสูง ออกแบบทางวิ่งให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั่วเมือง มีที่จอดจักรยานเกือบทุกแห่ง และทันสมัยมาก ด้วยความที่ผู้คนส่วนมากนิยมปั่นจักรยานจากบ้านมาจอดตามที่จอดรถ แล้วโดยสารรถไฟ ใต้ดิน หรือ รถเมล์ไปทำงานกันมากกว่า เนเธอร์แลนด์จึงเป็นประเทศที่มีอากาศดี สุขภาพจิตของผู้คนอยู่ใน เกณฑ์ดี จึงทำให้เป็นดินแดนของคนอายุยืน และมีจำนวนคนสูงอายุมากที่สุดในโลก คุณยายวัย ๙๑ ผู้รักการอ่าน สูงอายุหลายๆท่าน อาจจะมีกจิ กรรมยามว่างมากมาย เช่น ออกกำลังกาย ดูทวี ี พูดคุยสนทนากับกลุ่มคนในวัยเดียวกัน หรือเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไป ตามประสา แต่ไม่ใช่กับคุณยายหลุยส์ บราวน์ (Louise Brown) วัย ๙๑ ปีผู้นี้ ที่ถึงแม้อยู่ในวัยชรา แต่คุณยายก็ยังรักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ และเป็นสิ่งที่ต้องทำสม่ำเสมอทุกวัน คุณยาย บราวน์เริ่มเป็นแขกประจำของห้องสมุดในเมืองแคสเซิล ดักกลาส (Castle Douglas) ทางใต้ของสก็อตแลนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๔๖ และอีก ๗ ปีต่อมา คุณยายย้ายมาอยู่กับลูกสาวที่เมืองสแตรนเรอร์ (Stranraer) และยืม หนังสือจากห้องสมุดประจำเมืองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในครั้งแรกที่คุณยายบราวน์มาใช้บริการห้องสมุดนั้น เธอยืมหนังสือถึง ๖ เล่ม แต่ตอนนี้ทางห้องสมุด อนุญาตให้เธอยืมได้ครั้งละ ๑๒ เล่ม ซึ่งเธอก็ยืมเต็มอัตราทุกครั้ง หนังสือที่คุณยายโปรดปรานมากที่สุดคือ

ผู้

๗๙


หนังสือแนวครอบครัว นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ และเรื่องราวเกี่ยวกับ สงคราม คุณยายไม่มีปัญหาในเรื่องของสายตา เพราะมีอุปกรณ์ช่วยใน การอ่าน และมักเลือกหนังสือทีม่ ตี วั หนังสือโตพออ่านได้ ปัญหาอย่างเดียว ในตอนนีค้ อื คุณยายอ่านหนังสือจนเกือบจะหมดห้องสมุดประจำเมืองแล้ว จนถึงเวลานี้ คุณยายยืมหนังสือจากห้องสมุดมากกว่า ๒๕,๐๐๐ เล่มแล้ว ภูเขาไฟไอซ์แลนด์ระเบิด ลายคนคงได้ยนิ ข่าวกันแล้ว เมือ่ กลางเดือนเมษายนทีผ่ า่ นมาธุรกิจการ บินทัว่ โลกปัน่ ป่วนอย่างหนัก เพราะหลายประเทศในยุโรปปิดน่านฟ้า สาเหตุก็มาจากการระเบิดของภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ที่ก่อให้เกิด เถ้าภูเขาไฟฟุ้งกระจายทั่วท้องฟ้าในยุโรป ภูเขาไฟสามารถแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ๑. ภูเขาไฟที่ระเบิด รุนแรง และ ๒. ภูเขาไฟทีร่ ะเบิดไม่รนุ แรง ตามปกติแล้วภูเขาไฟไอซ์แลนด์ จัดอยู่ในประเภทภูเขาไฟที่ระเบิดไม่ รุนแรง เพราะเกิดในบริเวณแผ่นเปลือกโลกแยกตัวออกจากกัน แต่ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องพิเศษ เนื่องจาก ภูเขาไฟลูกนี้อยู่ใต้ธารน้ำแข็งไอย์ยาฟยัลลาโยกูล (Eyjafjallajokull) ซึ่งมีชั้นน้ำแข็งหนามากปิดทับอยู่ จึงเกิด การสะสมพลังงานมหาศาลเกินกว่าจะรับไหว แรงดันทำให้น้ำแข็งที่ปิดทับอยู่ระเบิดออกอย่างรุนแรง ทำให้ เกิดเถ้าภูเขาไฟฟุ้งกระจายและเคลื่อนตัวไปไกลมาก ปกคลุมไปทั่วชั้นบรรยากาศ ในบริเวณประเทศสหราช อาณาจักร ไอร์แลนด์ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ สร้างความเสียหาย ให้กับทั่วโลกเป็นอย่างมาก เด็กชายอเมริกันวัย ๑๓ พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ อร์แดน โรเมโร เด็กชายวัย ๑๓ ปีจากรัฐแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ กลายเป็นนักปีนเขา อายุน้อยที่สุดในโลกที่ประสบความสำเร็จในการไต่ถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ใน เนปาล เป็นการทำลายสถิตนิ กั ปีนเขาอายุนอ้ ยทีส่ ดุ ของหนุม่ น้อยวัย ๑๖ ปีชาวเนปาล ที่สร้างไว้เมื่อหลายปีก่อน จอร์แดน โรเมโร ปีนถึงยอดเขาเอเวอร์เรสต์ที่สูงสุดในโลกพร้อมด้วยบิดา รวมทั้งผู้นำทาง ๓ คน ซึ่ง เป็นชนเผ่าเชอร์ปา เมือ่ ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ ก็ไม่ใช่ยอดเขาแห่งแรกทีเ่ ด็กชาย โรเมโรพิชติ ได้ เพราะเขาเคยปีนถึงยอดเขาคิรมี านจาโรมาแล้วเมือ่ ตอนอายุได้เพียง ๑๐ ขวบ และวางเป้าหมาย ที่จะพิชิตยอดเขาที่สูงสุดใน ๗ ทวีปให้สำเร็จ เก็บขยะสูงที่สุดในโลก เรายังอยูก่ นั ทีภ่ เู ขาเอเวอร์เรสต์ จะมีใครในโลกนี้ไหมที่กล้าเสีย่ งชีวติ ทำดีบนยอดเขา ที่สูงที่สุดในโลก! “เอ็กซ์ตรีม เอเวอร์เรสต์ เอ็กซ์เพดิชั่น ๒๐๑๐” (Extreme Everest Expedition 2010) กลุ่มนักปีนเขา นำทีมโดยนายนัมกยัล เชอร์ปา ผู้ที่เคย พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์แล้วถึง ๗ ครั้ง และเพื่อนๆจะร่วมแรงร่วมใจกันปีนขึ้นไปบนเขาเอเวอร์เรสต์อีกครั้ง ไม่ใช่เพื่อสร้างสถิติ แต่เพื่อเก็บขยะที่นักปีนเขาทั้งหลายทิ้งไว้ เช่น อุปกรณ์ไต่เขาที่ชำรุด เศษอาหาร ถัง ออกซิเจน เชือก รวมถึงศพของอดีตนักไต่เขาด้วย โดยตั้งเป้าจะเก็บขยะให้ได้อย่างน้อย ๒,๐๐๐ กิโลกรัม ๘๐

จ เ


สุขภาพน่ารู้

เรื่อง...นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์

นอนให้พอเพียง

ถ้าง่วงไม่ขับ ระวังหลับใน คนที่อดนอนหากต้องขับรถทางไกลต้องไม่ดื่ม แอลกอฮอล์ ความง่วงรวมกับแอลกอฮอล์แม้ เพียงเล็กน้อย สามารถทำให้เกิดการหลับใน ระหว่างขับรถได้

ารนอนให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพ ที่ดี เหมือนกับการรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ และการออกกำลังกาย ในสัตว์ทดลองถ้าเราบังคับ ไม่ให้สัตว์ได้นอนติดต่อกันนานๆ ถึงแม้เราจะให้น้ำ และอาหารพอเพียง สัตว์ทดลองจะเสียชีวิตในที่สุด แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับต่อการ ดำรงชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งถึง เศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งความพอเพียงในด้านอื่นๆ ของประชาชน การนอนให้พอเพียงก็มคี วามจำเป็นต่อ ความเป็นอยู่ และการดำรงชีวิตของประชาชนเช่น เดียวกัน การนอนให้พอเพียงขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการ นอนหลับ คนส่วนใหญ่ตอ้ งนอนประมาณ ๗-๘ ชัว่ โมง แต่บางคนต้องการน้อยหรือมากกว่านัน้ และขึน้ อยูก่ บั คุณภาพของการนอนหลับ เช่น นอนหลับลึกขนาด ไหน มีปจั จัยบางอย่างมารบกวนการนอนหลับหรือไม่ เช่น การหยุดหายใจขณะหลับบ่อยครัง้ จะทำให้คณุ ภาพ ของการนอนหลับไม่ดี เวลาตื่นขึ้นมาจึงยังง่วงอยู่ ปัจจุบันคนไทยมีการกินอยู่ที่ดีขึ้น พบคนอ้วนมากขึ้น คนอ้วนจะมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับมากกว่า คนผอม คนอ้วนจะมีปัญหาง่วงง่าย หลับง่ายในที่ ทำงานหรือเวลาขับรถ เนื่องจากสังคมในปัจจุบันเป็นสังคมที่ไม่มีการ นอนหลับ มีคนทำงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง คนส่วน ใหญ่โดยเฉพาะในเมืองใหญ่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียง

พอ บางคนด้วยความจำเป็นทางการหาเลี้ยงชีพต้อง ทำงานวันละ ๑๕-๑๖ ชั่วโมง บางคนทำงานหนักตั้ง แต่วันจันทร์ถึงศุกร์ วันหยุดแทนที่จะนอนพักผ่อนให้ เพียงพอ กลับตืน่ แต่เช้ามืดเพือ่ ไปตีกอล์ฟหรือไปเทีย่ ว เตร่ดึกๆ ถึงจะกลับบ้าน นักเรียนเตรียมสอบเข้า มหาวิทยาลัยจะอดหลับอดนอนอ่านหนังสือ วัยรุ่น หลายคนทำงานและเรียนไปด้วยทำให้มีโอกาสสูงที่จะ อดนอน กิจกรรมต่างๆ จะไปแย่งเวลานอนหลับ ทำให้ การนอนไม่พอเพียง อย่างกรณีของนายปาณรวัฐ (อภิเชษฏ์ กิตติกร เจริญ) หรือบิ๊กดีทูบี ที่ประสบอุบัติเหตุโดยที่บิ๊กตื่น เช้าไปถ่ายแบบที่ปราณบุรี ในช่วงตอนค่ำเข้าห้อง สตูดิโออัดเสียง ต่อมาเวลา ๐๐.๑๕ น. ของวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ระหว่างขับรถกลับบ้านอีก ๕ ๘๑


กิโลเมตรจะถึงบ้าน มีรถจักรยานยนต์ตดั หน้า บิก๊ คงจะ เหนือ่ ยและง่วง จึงหักหลบทำให้รถคว่ำตกคู ชีวติ ของ เขาจึงเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้น นอกจากนีค้ นทีท่ ำงานเป็นกะ ทีต่ อ้ งเปลีย่ นเวลา นอนจากกลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน สลับไปสลับมา มีผลต่อคุณภาพของการนอนหลับ ทำให้งว่ งในเวลาตืน่ มากกว่าคนทีท่ ำงานตามเวลาปกติ คนที่อดนอนติดต่อกันหลายๆ วัน การอดนอน จะสะสมไปเรื่อยๆ สมองจะเรียกร้องให้ใช้คืน เมื่อมี โอกาส ไม่แปลกเลยที่เห็นเด็กวัยรุ่นที่อดนอนในวัน ธรรมดานั้น วันหยุดเขาจะนอนต่อเนื่องรวดเดียว ๑๔-๑๕ ชั่วโมง เพราะร่างกายต้องชดใช้หนี้ที่ติดไว้ เนือ่ งจากการอดนอนในวันธรรมดา ถ้าไม่นอนเพิม่ ขึน้ เพื่อชดเชยเวลาที่นอนน้อยไปเขาจะรู้สึกง่วงและบาง ครัง้ จะงีบหลับไปเองโดยที่ไม่สามารถฝืนได้ เช่นผล็อย หลับในห้องประชุมระหว่างฟังการสัมมนา แต่ทนี่ า่ กลัว ทีส่ ดุ คือหลับขณะทำงานกับเครือ่ งจักรในโรงงาน หรือ หลับขณะขับรถ เพราะจะเป็นอันตราย ทั้งต่อตัวเอง และชีวิตผู้อื่น คนที่อดนอนมักจะง่วงมากเวลาหลังอาหารมื้อ เที่ยง ช่วงบ่ายๆ หรือเวลาดึกๆ หลังเที่ยงคืน ซึ่งเป็น เวลาเดียวกับที่อุบัติเหตุทางรถยนต์มักจะเกิดขึ้นบ่อย เคยมีผศู้ กึ ษาทำรายงานไว้วา่ การอดนอน มีผลต่อการ ขับรถเหมือนกับการดืม่ แอลกอฮอล์ทรี่ ะดับ ๕๐ มิลลิกรัม เปอร์เซ็นต์ ซึง่ ในทางกฎหมายถือว่าเมา และหากคนที่ อดนอนดื่มแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ ทำให้ระดับแอลกอฮอลล์สงู เกินกว่าทีก่ ฎหมายกำหนด แต่ก็มีผลต่อสมรรถภาพในการขับรถมากกว่าคนที่ดื่ม แอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว แอลกอฮอล์เป็นสารเคมี ที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทเหมือนกับยากล่อมประสาท

๘๒

และยานอนหลับ ถ้าดื่มไปมากๆ จะทำให้ง่วงและ หลับได้ โดยสรุป สาเหตุของความง่วงที่พบบ่อยและนำ ไปสู่อุบัติเหตมีดังนีุ้ ๑. การอดนอน นอนไม่พอเป็นสาเหตุที่พบบ่อย ที่สุด ๒. ยาต่างๆ เช่น ยาคลายเครียด ยาแก้โรคซึม เศร้า ยานอนหลับ ยาแก้ไอ แก้หวัด ยาแก้ภูมิแพ้ ยาแก้คัน ยาแก้เวียนศีรษะ ๓. แอลกอฮอล์ ๔. โรคประจำตัวที่ทำให้เกิดความง่วงขณะตื่น เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับ ความง่ ว งมี ผ ลต่ อ สมรรถภาพในการขั บ รถ เหมือนกับการเมา ทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างช้าลง การรับรูช้ า้ ลง การตัดสินใจผิดพลาด สมองตือ้ การสั่ง การของสมองไปยังกล้ามเนื้อช้าลง เมื่อคับขันจึงอาจ แตะเบรกได้ชา้ กว่าปกติ หรือหักรถหลบหลีกได้ชา้ กว่า ปกติ ถ้าหากการหลับในเกิดขึ้น คนขับจะไม่สามารถ ควบคุมการขับรถได้เลย มีบ่อยๆที่เมื่อรถติดไฟแดง คนขับทีง่ ว่ งจะชนท้ายรถคันอืน่ หรือขับรถตกข้างทาง โดยที่ไม่มสี ญั ญาณอะไรบอกล่วงหน้า เช่น ขับส่ายไป มาหรือเร็วผิดปกติ การตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ทำได้ง่าย แต่การตรวจว่าง่วงผิดปกติทำได้ยาก ต้อง อาศัยห้องปฏิบัติการนอนหลับเท่านั้น ในประเทศทีเ่ จริญแล้ว ความง่วงเป็นสาเหตุของ อุบัติเหตุจราจรมากกว่าการเมา ในแผนงานด้านการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร ปี ๒๕๔๗ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ปรากฏในสื่อมวลชน ๒๐ โครงการ กลับไม่มีโครงการใดพูดถึงการง่วงนอน ว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ นอกจากนี้เอแบคโพลล์ ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ขับขี่จำนวน ๑,๒๕๓ คน ถึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ๘๒% ตอบว่าอุบัติเหตุ เกิดจากการเมาอ่อนเพลีย หรือป่วย ๗๖% เกิดจาก ความประมาท ๗๑% เกิดจากการฝ่าฝืนกฎจราจร ซึ่งไม่มีใครเอ่ยว่าความง่วงเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ เช่นกัน ถึ ง เวลาแล้ ว ที่ เ ราจะต้ อ งรณรงค์ ใ ห้ ค นไทย ตระหนักถึงความสำคัญของความง่วง ถ้าง่วงต้องไม่ขบั และต้องหยุดขับ มิฉะนัน้ แล้วเราไม่อาจจะลดอุบตั เิ หตุ จราจรลงได้ เพราะถึงแม้จะมีการรณรงค์เพื่อลด


อุบัติเหตุจราจรอย่างกว้างขวาง แต่ในช่วงเวลา ๙ วัน ระหว่าง ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ยอดผูเ้ สียชีวติ จากอุบตั เิ หตุ จราจร กลับเพิ่มขึ้นเป็น ๙๐๒ ราย และบาดเจ็บ ๔๖,๕๑๖ ราย ปี ๒๕๔๕ มีผเู้ สียชีวติ จากอุบตั เิ หตุ ๑๓,๒๙๐ ราย เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๔๔ ประมาณ ๒๗% บาด เจ็บ ๙๕๒,๓๔๘ ราย ทำให้สูญ เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวน ๑๑๓,๙๔๐ ล้านบาท แต่ละปีมีวัยรุ่นจำนวนมากที่ประสบอุบัติเหตุจราจร จนได้รับบาดเจ็บบ้าง พิการบ้าง และถึงตายด้วย ดัง นั้น อุบัติเหตุจราจรจึงเป็นสาเหตุการตายอันดับแรกๆ ของคนที่มีอายุน้อยในประเทศไทย การรณรงค์เรื่องความง่วงต้องทำไปพร้อมกับ เรื่องเมาไม่ขับ ซึ่งควรจะเป็นง่วง/ดื่มไม่ขับ แทนที่จะ รณรงค์เรื่องเดียวเช่นที่กำลังทำอยู่ ต้องรณรงค์ให้คน ไทยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ที่รู้ตัวว่าง่วงต้องไม่ ฝืนขับ คนไทยต้องให้ความสำคัญต่อการนอนหลับให้ เพียงพอ มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร เมื่อง่วงต้องนอน แทนทีจ่ ะพยายามฝืนร่างกายให้ทำงาน หรืออ่านหนังสือ ต่อไป สำหรับคนที่นอนกรนดังมากๆ อ้วน ง่วงผิด ปกติเวลากลางวัน หรือเป็นโรคหยุดหายใจขณะนอน หลับ ควรปรึกษาแพทย์เพราะสามารถรักษาให้ดีขึ้น ได้ เนื่องจากไม่มีวิธีตรวจสอบความง่วง ข้อห้ามและ บทลงโทษทางกฎหมายเหมือนกับเรื่องการเมาแล้ว ขับ ทางเดียวเท่านัน้ ทีเ่ ราสามารถทำได้ คือการรณรงค์ สร้างจิตสำนึกของคนไทยให้รู้ว่าง่วงไม่ขับ เพราะว่า ฝืนสังขารร่างกายอาจจะหลับยาวตลอดไปก็เป็นได้ ข้ อ แนะนำในการลดอุ บั ติ เ หตุ จ ราจรที่ เ กิ ด ขึ้ น จากความง่วง ถ้าต้องขับรถทางไกลต้องนอนให้เพียงพออย่าง น้อย ๘ ชั่วโมงติดต่อกัน ๒ วัน การรณรงค์นอนให้ เพียงพอ ต้องเริ่มตั้งแต่เด็กโดยที่พ่อแม่ และครูสอน ให้เห็นความสำคัญของการนอนให้เพียงพอ เป็นสิ่ง จำเป็นสำหรับสุขภาพและการเรียนที่ดี ในสหรัฐอเมริกาเริ่มมีการบรรจุในหลักสูตรการ เรียนการสอนในชั่วโมงชีววิทยาของนักเรียนมัธยม ปลายในปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ถึงความสำคัญของ

การนอนและผลเสียของการอด นอนต่อร่างกาย จิตใจ การเรียน และการทำงาน ควรหลีกเลี่ยงยา นอนหลับ ยาคลายเครียด ยาแก้ โรคซึมเศร้า ยาแก้หวัด ยาแก้ไอ ยาแก้ภูมิแพ้ ยาแก้คัน ยาแก้ เวียนศีรษะ ก่ อ นขั บ รถต้ อ งประชาสัมพันธ์ ให้คนไทยทุกคนทราบ ว่า แอลกอฮอล์มีฤทธิ์เหมือนยา นอนหลับ ถ้าดื่มมากจะกดระบบประสาททำให้หลับ ได้ คนที่อดนอนหากต้องขับรถทางไกลต้องไม่ดื่ม แอลกอฮอล์ ความง่วงรวมกับแอลกอฮอล์แม้เพียง เล็กน้อย สามารถทำให้เกิดการหลับในระหว่างขับรถ ได้ ควรงดดืม่ แอลกอฮอล์ตงั้ แต่คนื ก่อนจะเดินทาง ถึง แม้วา่ แอลกอฮอล์จะมีฤทธิเ์ หมือนยานอนหลับ แต่เป็น ยานอนหลับที่ไม่ดี เพราะคนที่ดื่มจะหลับๆ ตื่นๆ หลับไม่สนิท ตื่นขึ้นมาจะยังง่วงอยู่ ไม่สดชื่นเหมือน คนปกติ คนที่มีประวัติง่วงง่าย นอนกรน และอ้วน ควรหลีกเลี่ยงการขับรถ ไม่ควรขับรถโดยลำพัง ถ้า นั่งรถด้วยกันหลายคน ควรมีการถามไถ่ว่า คนขับ ง่วงหรือไม่ ถ้าง่วงต้องสลับกันขับ หรือชวนคุยไม่ให้ หลับใน มิฉะนั้นหากทุกคนในรถนั่งหลับกันหมดแล้ว คนขับมีอาการง่วง อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ควรจอดรถ ทุก ๒ ชั่วโมง หรือทุกระยะ ๑๕๐ กิโลเมตร เพื่อยืด เส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา หากรู้สึกง่วง ควรหาของกินเล่นขบเคี้ยวในระหว่างขับรถเพื่อแก้ ง่วง เช่น หมากฝรั่ง บ๊วย ลูกอม ควรดื่มกาแฟ ๑-๒ แก้ว หรือเครื่องดื่มชูกำลังที่มีแคฟเฟอีน ๑-๒ ขวด เมื่อเริ่มง่วง เพราะต้องใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที ก่อนที่แคฟเฟอีนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ออกฤทธิก์ ระตุน้ ระบบประสาททำให้คลายความง่วง เปิด หน้าต่างให้ลมโชยเข้ามา เปิดเพลงดังๆ และจังหวะ เร็วๆ และร้องตามไปด้วย ช่วยได้บ้างเมื่อง่วงน้อยๆ เมื่อรู้ตัวว่าง่วงมากต้องจอดแวะข้างทางงีบ ๑๕ นาที ควรดืม่ กาแฟหรือเครือ่ งดืม่ ทีม่ แี คฟเฟอีนก่อนงีบ หลับ เมื่อตื่นขึ้นมาจะกระปรี้กระเปร่า สามารถขับรถ ต่อไปได้โดยปลอดภัย หากรูต้ วั ว่าจะหลับในและรูต้ วั ว่า ฝืนขับต่อไปไม่ไหวแต่ไม่สามารถแวะจอดข้างทางได้ ควรทำให้ตัวเองเจ็บเพื่อทำให้ตาสว่างสักครู่ โดยใช้ ๘๓


ปลายเล็บของนิ้วโป้งจิกลงบนโคนหรือจมูกเล็บของ นิว้ ก้อยของมือข้างเดียวกัน หรือการบีบหัวนมตัวเอง แรงๆ ซึง่ จะทำให้ตนเองเจ็บโดยที่ไม่เกิดการฟกช้ำดำ เขียวต่อร่างกายและทำให้ตนื่ ขึน้ มาชัว่ ครู่ พอให้มเี วลา จอดแวะข้างทางได้ รัฐควรออกฎหมายบังคับให้พนัก งานขับรถโดยสารสาธารณะ ขับรถไม่เกินวันละ ๑๑ ชัว่ โมงเหมือนกับประเทศในแถบยุโรป เพือ่ ป้องกันการ หลับในขณะขับรถ และไม่ควรขับติดต่อกันนานกว่า ๓ ชั่วโมงโดยที่ไม่ได้หยุดพักก่อนถึงจุดอันตรายที่เกิด อุบัติเหตุซ้ำซ้อนเนื่องจากรถตกข้างทางหรือรถพุ่งชน ท้ายกัน ควรมีป้ายติดที่ข้างทาง เตือนถึงอันตราย ของความง่วงหลับใน และแนะนำว่าถ้าง่วงอย่าฝืนขับ ให้จอดข้างทางเพื่องีบหลับก่อนขับต่อบนไหล่ทาง ของทางหลวงระหว่างเมือง โดยเฉพาะอย่างยิง่ บริเวณทีร่ ถตกข้างทางบ่อยๆ ควรสร้างแถบสั่นสะเทือน ชนิดเซาะร่อง (rumble strip) เพือ่ ว่าเมือ่ รถวิง่ ออกนอกถนน ล้อรถวิง่ ทับแถบ สั่นสะเทือนบนไหล่ทาง รถจะสั่นและเกิดเสียงดังปลุก คนขับให้ตื่นขึ้นมาหักรถกลับเข้าถนนได้ทันเวลา ในประเทศสหรั ฐ อเมริ กามี การสร้ า งแถบสั่ น สะเทือนบนไหล่ทางของทางหลวงระหว่างรัฐ เป็นระบบ เตือนภัยไม่ให้รถตกข้างทางมานานกว่า ๔๐ ปีแล้ว

๘๔

การออกแบบสร้างขอบทางข้างถนน โดยมีที่พักเป็น ระยะๆ รวมทั้งที่พักริมทางหลวง มีทั้งที่พักหลับนอน ขายอาหาร ขายของ ห้องน้ำ และปั๊มน้ำมัน ช่วยให้ คนขับสามารถจอดแวะพักเมื่อรู้ว่าตัวเองขับต่อไปไม่ ได้ โดยเฉพาะทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์ที่ต้องขับ ระยะทางไกลๆ สื่อมวลชนทุกแขนงควรให้ความสำคัญต่อการ รณรงค์ ให้ทุกคนตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จากการขับรถ ทั้งที่รู้ตัวว่าง่วงหรือกำลังง่วงอย่างต่อ เนื่อง เพื่อให้สังคมปลอดภัยจากอุบัติเหตุจราจรที่นับ วันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี

“ง่วงอย่าฝืนขับ จอดงีบหลับ ก่อนขับต่อ” “ง่วงแล้วต้องจอด ชีวิตรอดปลอดภัย” “เหล้าเท่ากับยานอนหลับ ดื่มแล้วอย่าขับจะง่วง หลับใน” “ง่วงนัก จอดเถิดหนา พักกายา ดื่มกาแฟ งีบ 15 นาที จะดีแท้ สดชื่นแน่ ขับไม่หลับใน”


โลกดิจิตอล

เรื่อง...ชมพลอย

เกาะกระแสสังคมออนไลน์กับ facebook

Facebook ถือเป็นสังคมออนไลน์ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และใช้กันมานาน เนื่องจากมีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย และมีความเป็น ส่วนตัวมากกว่าเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งเราสามารถมีหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง ใส่รูปภาพ คลิปวีดีโอ มีเกมให้เลือกเล่นกับเพื่อนๆ มากมาย

นยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์ เทคโนโลยีการสื่อสารที่ดำเนินไป อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างฉับไว จึงก่อให้เกิดเว็บไซต์ใน รูปแบบของ “Social Network” หรือที่เรียกกันว่า “สังคมออนไลน์” มากขึ้น เพื่อใช้ทำความ รูจ้ กั พูดคุย และเป็นสือ่ กลาง ในการเชือ่ มโยงคนทัว่ ทุกมุมโลกเข้าไว้ดว้ ยกัน ซึง่ เว็บไซต์สงั คม ออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเราได้แก่ Hi5, Facebook และ Twitter แต่ดูเหมือนว่า Hi5 กำลังถึงจุดอิ่มตัว ในขณะที่ Twitter ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร คงเหลือแต่ Facebook ที่ กำลังขยายวงกว้าง และมีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน เพราะ Facebook ถือเป็นสังคมออนไลน์ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ และใช้กันมา นาน เนื่องจากมีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย และมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเว็บไซต์อื่นๆ ซึ่งเรา สามารถมีหน้าโปรไฟล์ของตัวเอง ใส่รปู ภาพ คลิปวีดโี อ มีเกมให้เลือกเล่นกับเพือ่ นๆ มากมาย มีพื้นที่ในการเขียนเรื่องราว เพื่อบอกเล่าความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ อีกทั้งยังสามารถเขียน ข้อความโต้ตอบไปมาระหว่างกันได้อีกด้วย ๘๕


ที่จะถ่ายภาพใหม่ได้ทันที

ปรับเปลี่ยนโปรไฟล์ในแบบที่เป็นคุณ (Fill out your profile information)

วิธีการสมัคร

การใช้งาน Facebook ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เริ่มแรกให้เข้าไปที่ www.facebook.com จะปรากฏ หน้าแรกของเว็บไซต์ขึ้นมา ให้กรอกข้อมูลของเราลง ไป ได้แก่ ชื่อ วันเดือนปีเกิด เพศ อีเมล์ที่สามารถ ติดต่อได้ และตั้งพาสเวิร์ดสำหรับเข้าใช้งาน แล้วกด Sign Up จากนัน้ ระบบจะมีชอ่ งให้กรอกตัวอักษรเพียง แค่พมิ พ์ตวั อักษรทีป่ รากฏลงในช่อง และกด Sign Up อีกครั้ง เพียงเท่านี้เราก็จะมี Facebook ของตัวเอง ไว้ใช้งาน เมื่อสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ครั้งแรกที่ล็อก อินเข้าระบบ จะพบกับหน้าแรกทีถ่ อื เป็นตัวช่วยให้คณ ุ จัดการปรับแต่ง Facebook ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ ทำตามหัวข้อต่อไปนี้

โหลดภาพสวยลง Facebook (Upload a profile picture)

โดยเลือกได้ ๒ วิธี คือ Upload Photo เลือก ภาพทีม่ อี ยูใ่ นคอมพิวเตอร์อพั โหลดขึน้ เป็นภาพโปรไฟล์ สวยๆ หรือ Take Photo หากใครมีเว็บแคม ก็เลือก ๘๖

ในส่วนนี้เราสามารถเพิ่ม หรือแก้ไขข้อมูลส่วน ตัวได้อย่างง่ายๆ โดยการเลือก Edit Profile และ ทำการปรับแต่งส่วนต่างๆดังนี้ Basic Information เป็นเรื่องของข้อมูลทั่วไป เพศ วันเกิด ทีอ่ ยูป่ จั จุบนั สถานภาพ และยังสามารถ เลือกได้วา่ อยากจะทำความรูจ้ กั เป็นเพือ่ นในรูปแบบใด Personal Information ระบุถงึ ความสนใจ ความ ชอบในเรื่องต่างๆ เป็นส่วนที่จะบอกความเป็นตัวเรา ให้คนอื่นได้รับรู้ เช่น ชอบฟังเพลง ดูหนัง อ่าน หนังสือประเภทไหน Contact Information ข้อมูลตรงนีจ้ ะทำให้บคุ คล อื่นสามารถติดต่อกับเราได้ทั้งทางอีเมล์ มือถือ และ ที่อยู่ ซึ่งก็ต้องมองว่าจะทำให้หมดความเป็นส่วนตัว หรือไม่ แต่เราสามารถเลือกเปิดเผยแก่คนเฉพาะกลุม่ ได้ โดยการคลิกที่รูปกุญแจทางด้านขวามือเพื่อตั้งค่า Education and work ใส่สถานที่ศึกษาและที่


ทำงาน

ค้นหาเพื่อน ง่ายนิดเดียว (Find people you know)

วิธีการค้นหาเพื่อนที่ง่าย และสะดวกที่สุด คือ การค้นหาเพื่อนจากบัญชีรายชื่อของอีเมล์ที่ใช้อยู่เป็น ประจำ เพียงแค่กรอก อีเมล์ พาสเวิร์ด แล้วกด Find Friends เพียงแค่นรี้ ะบบก็จะทำการค้นหาว่าเพือ่ นของ

เพื่อนสามารถเห็นข้อมูลทุกอย่างของเรา การตั้งค่าทำได้โดยการคลิกเข้าไปที่ Account มุมบนด้านขวาสุดของหน้าจอ แล้วเลือก Privacy Setting จากนั้นทำการตั้งค่าใน ๓ หัวข้อหลักๆ ที่ สำคัญ ดังต่อไปนี้ Profile Information สามารถเลือกได้วา่ จะจำกัด ให้ดูข้อมูลได้แค่ ในส่วนไหน เช่น ข้อมูลส่วนตัว วันเกิด สถานศึกษา ที่ทำงาน รูปภาพ วีดีโอ และ ข้อความต่างๆที่แสดงในหน้าโปรไฟล์ Contact Information เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ เว็บไซต์ และอีเมล์ Applications and Websites การตั้งค่าในการ เลือกรับหรือบล็อก Applications ต่างๆที่ส่งมา หรือ กำหนดให้ใครเห็นหรือไม่เห็นก็ได้ สำหรับบางคนที่เลือกรับเฉพาะคนที่รู้จักเป็น เพื่อน ก็ยังไม่น่าเป็นกังวลเท่าไหร่ แต่บางคนที่สนใจ

เราคนไหนที่ใช้ Facebook บ้าง

ตามติดความเคลื่อนไหวในหน้า Homepage

Homepage หรือหน้าแรกของ Facebook มี ส่วนหลักๆอยู่ด้วยกัน ๒ ส่วน คือ New Feed ที่ ถือว่าเป็นจุดเด่นของหน้านี้ เพราะเป็นส่วนที่เราจะได้ รับรู้ข่าวสารของทุกคน ทำหน้าที่เสมือนหน่วยข่าวที่ คอยอัพเดทความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆว่ากำลังทำ อะไร อยูท่ ี่ไหน ทุกเรื่องที่เพื่อนพิมพ์ เราก็จะรับรู้ ด้วย ส่วนที่ ๒ คือ Requests เป็นตัวบอกว่ามีข้อมูล อะไรทีก่ ำลังรอให้ตอบรับอยู่ แบ่งเป็นส่วนของ Friend Requests, Group Requests คือเมื่อมีเพื่อนหรือ กลุม่ เพิม่ มา เราสามารถเลือกทีจ่ ะตอบรับหรือปฏิเสธ และ Other Requests คือ ส่วนของ Application ต่างๆ ที่เพื่อนส่งมาชวนให้เล่นเกม ความเป็นส่วนตัว กับ Privacy Setting

ส่วนนี้ถือเป็นจุดสำคัญที่หลายคนกลับมองข้าม ไป เพราะเราสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ว่า จะ อนุญาตให้ใครดูในส่วนไหน หรือ แสดงความคิดเห็น ได้หรือไม่ได้ เช่น ให้คนทั่วไปดูได้เพียงแค่รูป แต่ไม่ สามารถแสดงความเห็นได้ หรือ อนุญาตให้เฉพาะ

ว่าใครเป็นใคร เพิม่ มาก็รบั หมด นับว่าน่าห่วงอย่างยิง่ เพราะเราอย่าลืมว่าในโลกอินเตอร์เน็ต บางครั้ง ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่มีทั้งด้านดีและด้านเสีย เนื่องจากยังมีผู้ประสงค์ร้ายแฝงตัวอยู่ เพื่อหวังจะนำ เอาข้อมูลของเราไปใช้ในทางทีไ่ ม่ดี หรือใช้เพือ่ แสวงหา ผลประโยชน์สว่ นตน เด็กๆ บางคนทีย่ งั รูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์ อาจถูกหลอก หรือถูกชักจูงไปในทางที่ผิดก็เป็นได้ ฉะนั้นเราควรรู้จักวิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ ให้ตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว คือ - สำหรับน้องๆในวัยเรียน ไม่ควรนัดพบกับคน แปลกหน้าที่รู้จักกันในอินเตอร์เน็ต - ไม่ควรให้ขอ้ มูลใดๆกับคนที่ไม่รจู้ กั หรือพิมพ์ ข้อความที่เป็นข้อมูลส่วนตัวทิ้งไว้ในเว็บไซต์ เช่น ชื่อ ๘๗


ทีอ่ ยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เพราะคนไม่ประสงค์ดสี ามารถ เอาข้อมูลเหล่านี้ไปเชือ่ มโยง เพือ่ หารหัสผ่านต่างๆได้ - สำหรับหลายๆคนที่เล่นตามร้านอินเตอร์เน็ต เมื่อเล่นเสร็จควรกด Log out ออกจากระบบทุกครั้ง เพื่อป้องกันผู้เล่นคนอื่นนำข้อมูลของเราไปใช้งาน จากทีก่ ล่าวมาทัง้ หมดนี้ จะเห็นได้วา่ ด้วยรูปแบบ การใช้งานที่ง่าย มีลูกเล่นต่างๆให้เลือกปรับแต่งได้ อย่างหลากหลาย มีพื้นที่ไว้ใช้ในการพูดคุย แบ่งปัน ประสบการณ์ อัพเดทความเคลื่อนไหวให้เพื่อนได้รับ รู้ เปลี่ยนความไกลให้เป็นความใกล้ ทำให้ระยะทาง ไม่เป็นอุปสรรคในการติดต่อสือ่ สารอีกต่อไป ด้วยเหตุ นี้ Facebook จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของ หวาน ยิ่งใช้เวลาในการทำมากเท่าไหร่ ราคาของ เว็บไซต์ Social Network ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลก อาหารก็ยิ่งสูงขึ้น แต่จุดที่เป็นที่ถูกอกถูกใจหลายๆ ใจเลยว่าทำไม Facebook ถึงได้รบั ความนิยมจากกลุม่ คนคือ การตกแต่งร้านให้สวยงาม เพราะหากทำ อาหารได้มาก ก็จะมีเงินมากขึ้น เพื่อใช้ซื้อของ ตกแต่งร้าน ควิซ Quiz ควิซยอดนิยมที่หลายคนต้องเผลอ กดเล่นทุกวัน คงหนีไม่พ้นควิซทำนาย หรือดูดวงที่ จะแม่นแค่ไหนก็คงขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน Your Luck [Daily]: ทำนายว่าวันนี้คุณจะโชค ดีสักกี่เปอร์เซ็นต์ Anita Predictions: คุณป้าแอนนิต้าจะส่งคำ ทำนายมาให้คุณอยู่เสมอ ว่ า ชี วิ ต ของคุ ณ ในช่ ว งนี้ เป็ น อย่ า งไร และมี ค ำ แนะนำต่ า งๆมาให้ อ่ า น คนต่างๆ มากมาย ควิซนี้ช่วยให้เราได้ฝึกภาษาอังกฤษกันไม่มากก็น้อย เกมฮิตบน Facebook แต่หลายคนยืนยันมาแล้วว่าควิซนี้แม่นจริงๆ FarmVille เกมปลูกผัก: เกมที่จำลองพื้นที่ใน Smart Tip! การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เปลี่ยนตัวคุณให้กลายเป็น หากอีเมล์จาก Facebook ที่ส่งมาในแต่ละวัน เกษตรกรตัวน้อย ยิ่ง level สูงมากเท่าไหร่ ก็สามารถ ทำให้รำคาญใจ หรือเบื่อที่ต้องมานั่งลบละก็ วิธีที่จะ เลือกปลูกผักได้หลากหลายชนิด และยังเก็บเกี่ยวผล ทำให้ปญั หานัน้ หมดไป คือ เข้าไปที่ My Account >> ผลิตเพื่อนำไปขาย เพิ่มเงิน เพิ่ม level และเพิ่ม Notifications แล้วกำหนดได้เลยว่าจะให้สง่ ข้อมูลส่วน พื้นที่ในการปลูกให้กับตัวคุณ ไหนมาเตือนในอีเมล์ หากไม่ต้องการให้ส่งมา เพียง Cafe World เข้าครัวทำอาหาร: เกมทำอาหาร แค่เอาเครื่องหมายถูกออก แค่นี้ก็จะไม่มีอีเมล์ส่งมา น่ารักๆ ที่ผู้เล่นสมมุติตัวเองให้เป็นพ่อครัว แม่ครัว ให้กวนใจแล้วล่ะ รวมทั้งชวนเพื่อนๆมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ เราสามารถ เลือกเมนูอาหารได้หลายประเภท ทั้งของคาวของ ๘๘


เยาวชนซุบซิบ เรื่อง...ชมพลอย

ประกวดวรรณกรรม

มูลนิธิสุภาว์ เทวกุลฯ ร่วมกับสมาคมนักเขียน

แห่งประเทศไทย จัดการประกวดวรรณกรรมเพื่อการ รับรางวัลสุภาว์ เทวกุลฯ ประจำปี ๒๕๕๓ (ครั้งที่ ๑๖) โดยกำหนดให้เป็นนวนิยายขนาดสั้น ความยาว ประมาณ ๑๕-๒๐ ตอน ไม่จำกัดความยาวของบท และไม่จำกัดเนือ้ หา โดยเขียนเป็นภาษาไทยสร้างสรรค์ ขึน้ เอง ไม่แปล-แปลงจากงานเขียนของผูอ้ นื่ และต้อง ไม่เคยตีพิมพ์หรือรวมเล่มมาก่อน ผู้ ที่ ส นใจสามารถส่ ง ผลงานได้ ด้ ว ยตนเองที่ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย เลขที่ ๓๑ ซอย กรุงเทพ-นนทบุรี ๓๓ (เทวรัตน์) แขวง/เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ๑๐๘๐๐ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินสด จำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมโล่เกียรติยศ สามารถส่งผลงาน ได้จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ

“Muse Mobile พิพิธภัณฑ์ติดล้อ” เริ่มออก

สัญจรอีกครั้งสู่ จ.พิษณุโลก พบกับนิทรรศการเรียง ความประเทศไทยที่จัดแสดงแบบ “ย่อส่วน” อยู่ในตู้ คอนเทนเนอร์ ๔ ตู้ ๔ หัวข้อ คือ อะไรคือไทยแท้? สุวรรณภูมิอยู่ที่ไหน? กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา จุดเปลี่ยนของประเทศไทย และมุมกิจกรรมเสริม นิทรรศการ อาทิ กิจกรรมเวที ขุดค้นทางโบราณคดี เป็นต้น ณ บริเวณลานจอดรถหอสมุดเทศบาลนคร พิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ออกสัญจรตั้งแต่วันนี้ถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ – ๑๘.๐๐ น.) เ ข้ า ช ม ฟ รี ส อ บ ถ า ม ข้ อ มู ล เพิ่มเติม ๐-๒๒๒๕๒๗๗๗ ต่อ ๔๑๑

เด็กไทยเจ๋งอีกครั้ง คว้า ๔ รางวัล นักวิทยาศาสตร์จิ๋วระดับโลก

ประเทศไทยส่ ง เยาวชน เข้ า ร่ ว มประกวด

โครงการวิทยาศาสตร์ระดับโลก Intel International Science and Engineering Fair (Intel ISEF 2010) จัดขึน้ ทีส่ หรัฐอเมริกา ในระหว่างวันที่ ๘-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๓ มีเยาวชนเข้าร่วม ๑,๕๐๐ คน จาก ๕๐ ประเทศทั่วโลก ปรากฏว่า เยาวชนไทยสามารถคว้า รางวัลถึง ๔ รางวัล ได้แก่ นายศุภชัย นิลดำ นักเรียน จากโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ จ.ศรีสะเกษ คว้ารางวัล Grand Awards สาขาวิศวกรรม-วัสดุศาสตร์ ประเภท บุคคลอันดับ ๔ จากโครงงานผลตอบแทนและคุณภาพ ของยางก้อนถ้วยระหว่างการใช้นำ้ หมักจุลนิ ทรียช์ วี ภาพ กับกรดฟอร์มิก ได้รับเงินรางวัล ๕๐๐ เหรียญสหรัฐ ส่วนประเภททีม น.ส.สายฝน นภนิภา และ น.ส.อภิชญา นพเลิศ นักเรียนจากโรงเรียนพนมสารคามพนมอดุล วิทยา จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับรางวัล Grand Awards อันดับ ๔ จากโครงงานผลของการดัดแปลงสี รสชาติ และกลิ่นของเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยสารสกัดธรรมชาติต่อ การป้องกันนกกินข้าวในนาหว่าน ได้รบั เงินรางวัล ๕๐๐ เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ น.ส.มาลินี มีทา โรงเรียนพนมสารคาม พนมอดุลวิทยา จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับรางวัลที่ ๓ Grand Awards สาขาพฤกษศาสตร์ ภายใต้โครงงาน ผลของสารสกัดจากพืชวงศ์กำจัดปูนา ได้รบั เงินรางวัล ๑,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ ส่วนนายฉัตรเฉลิม เกษเวชสุรยิ า โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ ได้รบั รางวัล ที่ ๓ Special Awards จากสถาบันภูมศิ าสตร์อเมริกนั ในผลงานโครงงานการศึ ก ษาโบราณชี ววิ ท ยาของ หอยฝาเดียวยุคเพอร์เมียน บริเวณเขาน้อย อ.ตาตลี จ.นครสวรรค์ ได้รับเงินรางวัล ๒๕๐ เหรียญสหรัฐ

๘๙


ประกวดภาพวาดระบายสีชิงทุนกับ ไอเดีย กรีน

กระดาษไอเดีย กรีน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการ

การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดกิจกรรมเสริมสร้างความ คิดเชิงอนุรกั ษ์สงิ่ แวดล้อมให้แก่เด็กและเยาวชน ชวนน้องๆ ระดับอนุบาล ประถม และมัธยม ร่วมส่งผลงานเข้าประกวด ภาพวาดระบายสีภายใต้แนวคิด “รั ก ษ์ โ ลก…รั ก ษ์ สิ่ ง มี ชี วิ ต ใน ชุมชนของเรา” พร้อมอธิบายแนว คิดของภาพเพื่อร่วมกันรณรงค์ สร้างจิตสำนึกรักและดูแลเอาใจ ใส่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชิงทุนการศึกษารวมมูลค่า กว่า ๒๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ อย่ารอ ช้ารีบส่งผลงานก่อน ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ นี้ การส่งผลงาน ขัน้ ตอนที่ ๑ วาดภาพภายใต้หวั ข้อ “รักษ์โลก…รักษ์ สิ่งมีชีวิตในชุมชนของเรา” ลงบนกระดาษวาดเขียนขนาด A3 พร้อมเขียนคำบรรยายไม่เกินครึ่งหน้ากระดาษ A4 ขั้นตอนที่ ๒ นำภาพที่วาดเสร็จแล้วไปรับการลง ลายมือชื่อรับรองผลงานว่าเป็นของผู้ส่งเข้าประกวดจริง โดยผู้อำนวยการโรงเรียนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา ขั้นตอนที่ ๓ ส่งผลงานภาพวาด (ไม่พับภาพ) ทาง ไปรษณีย์มาที่ โครงการ “ไอเดีย กรีน ชวนน้องรักษ์ ธรรมชาติ” ตู้ปณ. ๗๐ ปณศ. บางซื่อ กทม. ๑๐๘๐๐ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ideaonpaper.com หรือ Call Center ๐- ๒๕๘๖ -๑๐๐๐ ปิดรับผลงาน ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ประกาศผลการตัดสิน ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓

ไทยสุดเจ๋ง คว้ารางวัลใหญ่ระดับโลก

ขอแสดงความยินดีกับ ทีม Chakkham Sagacious Team,Thailand จาก โรงเรียนจักร

คำคณาทร จังหวัด ลำพูน คว้ารางวัล Team Spirit Award ในการแข่งขันหุ่นยนต์นานาชาติ ในงาน First LEGO League Open International Championship 2010 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเกาสง สาธารณรัฐไต้หวัน เมื่อ ต้นเดือนพฤกษภาคมที่ผ่านมา ทีมนักเรียน ร.ร.จักรคำคณาทร ๑๐ คนที่คว้า แชมป์มาครอง ได้แก่ นายรชานนท์ คำพรรษา นายสุริยา สุริยจักร นายจิรายุ สัมฤทธิ์ นายพงษ์ภูมิ กันสิทธิ์ นายศุภพงศ์ วงศ์สถาน นางสาวพรรณธิดา จิรศรัณยานนท์ นางสาวธมลวรรณ ด้วงอ้าย นางสาว พัชรินทร์ งามใส นางสาวปาริฉตั ร จันทร์ปนั้ เด็กชาย ธนกฤต พิชัยธรรม และ อาจารย์อรอุมา พงค์ธัญญะ ดิลก ผู้ควบคุมทีม สามารถคว้ารางวัลประเภททีม ยอดเยี่ยม ตามกติกาทุกทีมต้องแข่งขัน 4 ประเภท คือ การนำเสนอโครงงาน การนำเสนอด้านเทคนิค แข่ง ขันความสามารถของหุ่นยนต์ และทีมเวิร์ค ซึ่งคณะ กรรมการพจิ ารณาจากผลคะแนนในการทำภารกิจของ ผูเ้ ข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด ๖๔ ทีมจาก ๒๓ ประเทศ น่าดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เด็กไทยเราสามารถคว้ารางวัล และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติได้สำเร็จ

นิสิต-นักดนตรี แชมป์กีฬาระบำใต้น้ำ

รวิศรา วรรธกวรกุล นิสิตชั้นปีที่ ๓ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาศิลปะ ดนตรี

และนาฏศิลป์ศึกษา ครองแชมป์กีฬาระบำใต้น้ำคว้า ๒ เหรียญทองจากการแข่งขัน “The 1st Asia Pacific Open & Age-Group Synchronized Swimming Championships 2009” ณ เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย นอกจากรางวัลดังกล่าวแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ วริศรายังได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขัน “The 8th Asian Swimming Championships” ณ เมืองกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน และสามารถทำผลงานติดอันดับ ๔ และ ๕ ในการแข่งขันทุกประเภท เราขอเอาใจช่วยให้ เธอมีฝีมือก้าวไกลไปยิ่งขึ้น ๙๐


ปิ๊งส์ โครงการใหม่หัวใจเยาวชน!

โครงการ “ปิ๊งส์” เปิดช่องทางให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา มีพื้นที่แสดงความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้นำไป สู่สังคมสุขภาวะที่ดีขึ้น ในรูปแบบสื่อสร้างสรรค์ประเภทต่างๆ อย่าง โฆษณา หนังสั้น สารคดี นิตยสาร มิวสิกวิดีโอ และการจัดรายการวิทยุ เป็นต้น ผ่าน ประเด็นสร้างสรรค์สังคม ได้แก่ เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า และโภชนาการ เพื่อร่วมกัน เปลี่ยนประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยน้องๆเยาวชนที่สนใจอยากจะ “ปิ๊งส์” กับโครงการ สามารถมีส่วนร่วมได้ ๒ ช่องทาง ได้แก่ ๑. ช่องทาง Online - ผ่านเว็บไซต์ “ปิ๊งส์” www.PINGS.in.th สมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ เพื่อร่วมเป็นชาว “ปิ๊งส์ คลับ” นอกจากจะได้สิทธิในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้แล้ว ยัง มีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆมากมายที่มีมาให้ชาว “ปิ๊งส์ คลับ” อย่างไม่ขาดสายแน่นอน ๒. ช่องทาง Offline - สมัครเข้าร่วมโครงการ “ปิ๊งส์” ตามภูมิภาคหรือสถาบันการศึกษาที่ เข้าร่วมโครงการ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเชิงปฏิบัติการตามภูมิภาค ในการอบรมผลิตและพัฒนา สื่อสร้างสรรค์ตามที่ตนเองสนใจ จนกระทั่งมีโอกาสได้ผลิตเป็นชิ้นงานจริงเป็นของตัวเอง ด้วย การสนับสนุนงบการผลิตจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดย น้องๆ สามารถติดตามปฏิทินงานและกำหนดการของการเปิดรับสมัครโครงการได้ทางเว็บไซต์ www.PINGS.in.th และ บริเวณสถาบันการศึกษาที่ร่วมโครงการ “....ง่ายๆแค่นี้เอง ไปเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกายและใจ เพื่อมาร่วมกิจกรรมกับโครงการ “ปิ๊งส์” กันนะ....”

“รวมพลคนทำสื่อ” ครั้งที่ ๔

มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดงานสัมมนาทางวิชาการ “รวมพลคนทำสื่อ” ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เรื่อง

Media Integration: Education, Communications and Information Technology ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ณ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) วัตถุประสงค์ก็เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างกัน และพัฒนา งานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือ ข่ายความร่วมมือทางวิชาการให้มคี วามเข้มแข็งและยัง่ ยืน ในงานสัมมนามีการจัดกิจกรรมในรูปแบบ ต่างๆ คือ การเสนอผลงานทางวิชาการ นิทรรศการ การสาธิตเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารการศึกษา จากบริษัทชั้นนำ การประกวดสื่อการศึกษา e-Learning และสิ่งประดิษฐ์ระดับประเทศ เพื่อการก้าวสู่ เวทีระดับนานาชาติในปีตอ่ ไป ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานพร้อมดูรายละเอียดการส่งผลงานทางวิชาการและ เกณฑ์การประกวดสื่อได้ทางเว็บไซต์ www.eg.mahidol.ac.th/mediaknight หรือสอบถามข้อมูลเพิ่ม เติมได้ที่ คุณธรรมชาติ กาญจนภิญโญ โทร ๐-๒๔๔๑-๕๐๕๙ ต่อ ๓๔๑๑ หรือ คุณสายชล จันทร์เพชร โทร. ๐-๒๘๘๙-๒๑๓๘ ต่อ ๐๔๔ ลงทะเบียนฟรี

๙๑


ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานแม่ฮ่องสอน ฝึกอบรมอาชีพเสริม

ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังเปิดรับ

สมัครเยาวชนและบุคลทั่วไปชาย-หญิง เข้าฝึกอบรมตามแผน งานวันเกษตรแห่งชาติ ปฏิบัติการพัฒนาฝีมือแรงงาน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๓ โดย มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เปิดรับสมัครเยาวชนและบุคลทั่วไป ชาย-หญิง เพื่อเข้ารับการฝึก งานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๓ อาชีพในหลักสูตรต่างๆ อาทิ หลักสูตรการฝึกเตรียมเข้าทำงาน จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๖-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มี ๕ สาขาช่าง หลักสูตรการฝึกยกระดับฝีมือ มี ๔๐ สาขาวิชา ณ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาล า และการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม จังหวัดนครศรีธรรมราช ในการสมัครรวมทัง้ ค่าใช้จา่ ยในการฝึก และมีหอพักให้อยูฟ่ รีสำหรับ ภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการ ผู้ที่อยู่ห่างไกล ยกเว้นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าอาหาร จะต้อง เทิ ด พร ะเกี ย รติ พ ระบ าท สม เด็ จ พร ะเจ้ า อยู่ ห ัว จ่ายเอง โดยน้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ สำหรับผูท้ มี่ คี วามประสงค์จะเข้าพักหอพักของศูนย์ฯ สามารถ พระองค์ท่านมาเป็นแนวคิดหลักของการจัดงาน ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายพัฒนาศักยภาพแรงงาน ศูนย์ เพื่อการเกษตรปลอดภัยยั่งยืน และเป็นแหล่ พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน เลขที่ ๖๙ หมู่ที่ ๔ ผลิตอาหารของโลก นิทรรศการผลงานวิจัยของง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน โทรศัพท์ ๐-๕๓๖๘-๖๐๕๒ หน่วยวิจัยและสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ในวันและเวลาราชการ หมดเขต : ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ การสัมมนาทางวิชา การ การประกวด/แขง่ ขัน การจัดแสดงและจำหนา่ ย ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร สินค้า OTOP

การแสดงศิลปะเครื่องปั้น

ดินเผาแห่งชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับการท ่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

และกรมส่งเสริม การส่งออก กระทรวงพาณิชย์ โดยก าร สน ั บ สน ุ น ขอ งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และบริษัทไทยเบ ฟเ วอ เรจ จำ กั ด (มห าชน) จัดการประกวดและ การแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๕ ประจำปี ๒๕๕๓ ประเภทงานเครื่องปั้นดินเผา ได้แ ประเภทผลิตภัณฑ์ตน้ แบบ งานอุตสาหกก่ ประเภทศิลปกรรม ประเภทศิลปหัตถกรรม รรม และผปู้ ระกอบการอตุ สาหกรรมเคร ดินเผาและนวัตกรรมใหม่ อื่ งปนั้ กำหนดสง่ ผลงาน วันที่ ๒๗ กันยายน – - ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ สถานทีด่ งั ต่อไปนี้ ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร ๖ รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัย ์ - หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงให - ศูนย์พัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบด ม่ จ.เชียงใหม่ โทร. ๐-๕๓๒๒-๑๗๒๑ สอบถามรายละเอียดเพมิ่ เติมได้ที่ หอศิลป์ ินเผา จ.ลำปาง โทร. ๐-๕๔๒๘-๑๘๘๔ มหาวิทยาลัยศิลปากร โทร. ๐-๒๒๒๑๒๘๔๑ หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.art-centre.su.ac.th

๙๒


โอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ ๒๕๕๓

กระจายข่าว

มูลนิธสิ ง่ เสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศกึ ษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพีน่ างเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวฒ ั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) เปิดเผยรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการสอบคัดเลือกระดับชาติ เพื่อเป็นผู้แทนนักเรียนไทย ที่จะเดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๓ ดังนี้ วิทยาศาสตร์โอลิมปิก รุ่นเยาว์ จำนวน ๖ คน ไปแข่งขัน วิชาชีววิทยา จำนวน ๔ คน ไปแข่งขัน ณ เมืองชางวอน ณ เมืองอบูจา ประเทศไนจีเรีย ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๓ ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ๑. เด็กหญิงณัฐนันท์ ถนอมวาจามั่น โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ๑. นายฐิติกร กิตติบุญญา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๒. นายณัฐพงศ์ สงวนเกียรติชัย โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ๓. นายณัฐวัฒน์ ลีฬหะกร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๒. เด็กชายกรวัฒน์ พฤกษานุศักดิ์ โรงเรียนแสงทองวิทยา ๔. นายธนัท โชติจารุมณีวงศ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ๓. เด็กชายอานนท์ ภูริชิติพร โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย วิชาฟิสิกส์ จำนวน ๕ คน ไปแข่งขัน ณ เมืองซาเกรบ ๔. เด็กหญิงภัททิยา สว่างกิจ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ประเทศโครเอเชีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ๑. นายชยากร พงษ์ศิริ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๕. เด็กชายภูรินท์ ศิริพานทอง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (เหรียญเงินฟิสิกส์เอเชียป ๕๓) ๖. เด็กชายบัณฑิต ดิลกนวฤทธิ์ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒. นายนครินทร์ โลหิตศิริ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา วิชาดาราศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน ๓ คน ไปแข่งขัน (เหรียญทองฟิสิกส์เอเชียปี ๕๓) ณ เมืองซูดัค ประเทศไครเมีย ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๓. นายสิรภัทร จงอร่ามรุ่งเรือง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๑. เด็กชายณภัทร หงษ์ทอง โรงเรียนสุราษฎร์ธานี ๔. นายวีรภัทร พิทยครรชิต โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๒. เด็กชายกิตติพศ เงินยวง โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (เหรียญทองฟิสิกส์เอเชียปี ๕๒ และ ๓. เด็กชายนนท์ ปณิธานไพศาล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เงินปี ๕๓) (เหรียญเงินปี ๕๒) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน ๕ คน ไปแข่งขัน ณ เมืองปักกิ่ง ๕. นายอิสระพงศ์ เอกสินชล โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ (เหรียญทองฟิสิกส์เอเชียปี ๕๒ และ ๑. นายพชร วงศ์สุทธิโกศล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปี ๕๓) (เหรียญเงินปี ๕๒) ๒. นายเอกภพ กุลโชครังสรรค์ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย วิชาคณิตศาสตร์ จำนวน ๖ คน ไปแข่งขัน ณ เมืองแอสตานา ๓. นายยศธร ทะวะบุตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ประเทศคาซัคสถาน ระหว่างวันที่ ๒ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ๔. นายกฤตานน ศิโรรัตนกุล โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๑. นายธนาตย์ คุรุธัช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๕. นายนพดล ปั้นสืบสาย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (เหรียญเงินปี ๕๒) โลกและอวกาศโอลิมปิก จำนวน ๔ คน ไปแข่งขัน ๒. เด็กชายนิปุณ ปิติมานะอารี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ณ เมืองยอร์กยาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๘ ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน กันยายน ๒๕๕๓ (เหรียญเงินปี ๕๒) ๑. นางสาวปัถยา เพิ่มน้ำทิพย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๓. นายพงศ์ภัค ภูมิวัฒน์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๒. นายณัฐนันท์ ตันติวัสดาการ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (เหรียญเงินปี ๕๒) ๓. นางสาวรวิ จงพิพัฒน์ชัย โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๔. นายภควุฒิ จิรดิลก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๔. เด็กชายณัฐชัย ประชาพิพัฒ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย (เหรียญเงินปี ๕๒) ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ๕. นายวิจิตร ยังจิตร โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ Asian Science Camp 2010 จำนวน ๑๐ คน ไปแข่งขัน ๖. นายศุภณัฐ คำตื้อ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เหรียญเงินปี ๕๑ และปี ๕๒) ๑. นายธิปก รักอำนวยกิจ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย วิชาคอมพิวเตอร์ จำนวน ๔ คน ไปแข่งขัน ณ เมืองออนตาริโอ ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ๒. นายวรพล รัตนพันธ์ โรงเรียนมงฟอร์ดวิทยาลัย ๑. นายพศิน มนูรังษี โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ๓. นายพิษณุ บุปผามาลัย คณะวิทยาศาสตร์ (เหรียญเงินคณิตศาสตร์ปี ๕๐ มหาวิทยาลัยมหิดล เหรียญทองคณิตศาสตร์ปี ๕๑ และ ๔. นายเชต เขมะคงคานนท์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย เหรียญเงินคอมพิวเตอร์ปี ๕๒) ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ๒. นายวีระกานต์ สินทวีเลิศมงคล โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๕. นายชนวีร์ หิรัญภัทรศิลป์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๓. นายศรัณย์ ไพศาลศรีสมสุข โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๖. นายพัฒนนาวี นาเลาห์ โรงเรียนชลประทานวิทยา ๔. นายสุธี เรืองวิเศษ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๗. นางสาวจิรนันท์ พลับประสิทธิ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (เหรียญทองคณิตศาสตร์ปี ๕๒) ๘. นายกษิต ศักดิ์ศิริสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี วิชาเคมี จำนวน ๔ คน ไปแข่งขัน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ๙. นายจตุพร วานิชานนท์ คณะวิทยาศาสตร์ ๑. นายเขตภากร ชาครเวท โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒. นายจิราบริรักษ์ เจริญภัทรปรีดา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๑๐. นางสาวสุภัคนิตย์ ลิมป์โสวรรณ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย ๓. นางสาวพิณนรี เตี่ยมังกรพันธุ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (เหรียญเงินปี ๕๒) ๔. นายอลิฟ น้อยคำ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ๙๓ (เหรียญเงินปี ๕๒)


โครงการประกวดรางวัล

อุครั้งตที่ ๘สาหกรรมท่ อ งเที ย ่ วไทย ประจำปี ๒๕๕๓ (Thailand Tourism Awards 2010) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรรมอันเป็นรูปธรรม สะท้อนการส่งเสริมการท่องเทีย่ วในมิตทิ ยี่ งั่ ยืนด้วย โครงการประกวด รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Thailand Tourism Awards ซึ่งมี กินรีเป็นสัญลักษณ์รางวัลอันทรงคุณค่า ประกาศรับรองคุณภาพสินค้า และบริการทางการท่องเทีย่ ว เป็นทีย่ อมรับของนักท่องเทีย่ วไทยและ ระดับนานาชาติ เป้าหมายโครงการฯ เพือ่ ส่งเสริมให้ผปู้ ระกอบการและผูเ้ กีย่ วข้อง ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการ ทางการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพระดับสากล โดยการดำเนินการที่ให้ ความสำคัญต่อการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม สังคม และการมีส่วนร่วมของชุมชน โครงการฯ จัดการประกวดอย่างต่อเนื่องทุก ๒ ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๙ – ๒๕๕๑ รวม ๗ ครั้ง และจัดวาระพิเศษการประกวดชุมชนเฉลิมพระเกียรติฯ ปี ๒๕๕๐ อีก ๑ ครั้ง มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนส่งผลงานร่วมการประกวดกว่า ๑,๒๗๐ ผลงาน ได้รับรางวัล ๒๙๓ ราย ซึง่ ททท. ได้ขยายผลประชาสัมพันธ์ดา้ นการตลาดให้แก่ผลงานที่ได้รบั รางวัลทัง้ ในประเทศ และตลาดต่างประเทศ ทั่วโลก รวมทั้งเว็บไซต์เผยแพร่ผลงาน ครั้งที่ ๑-๗ เป็นระยะเวลา ๒ ปี http://www.tourismthailand.org/ tourismawards และในปี ๒๕๕๓ โครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ ๘ นับเป็นหนึ่ง กิจกรรมสำคัญในวาระที่ ททท. ครบ ๕๐ ปี โครงการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ ๘ ประจำปี ๒๕๕๓ ประกอบด้วยประเภทรางวัล ๕ ประเภท ๑. ประเภทแหล่งท่องเทีย่ ว ประกอบด้วยแหล่งท่องเทีย่ วธรรมชาติ แหล่งท่องเทีย่ วประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร แหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ ๒. ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว ประกอบด้วยโรงแรมในเมือง โรงแรมตากอากาศ โรงแรมเพื่อการประชุม สัมมนา โรงแรมบูติคโฮเต็ล โรงแรมพูลวิลล่า ๓. ประเภทรายการนำเที่ยว ประกอบด้วยรายการนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และสำหรับนัก ท่องเที่ยวต่างประเทศ ๔. ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ๕. ประเภทท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประกอบด้วย Day Spa, Destination Spa, Hotel / Resort Spa สถาน พยาบาลส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นอกจากนี้ได้บูรณาการอีก ๒ รางวัล คือมัคคุเทศก์ดีเด่น (Tourist Guide Awards) ครั้งที่ ๖ และ รางวัล Friend Of Thailand 2010 เพื่อส่งเสริมคุณภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กำหนดจัดงานมอบรางวัลในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ ซึ่งตรงกับวันท่องเที่ยวโลก เพื่อ แสดงถึงเจตนารมณ์ของ ททท. ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่อง เทีย่ วให้ได้มาตรฐานระดับสากล ซึง่ ยึดหลักโครงการปฏิญญารักษาสิง่ แวดล้อมเพือ่ การท่องเทีย่ ว ที่ยั่งยืน และลดภาวะโลกร้อน ๙๔


“ขับขี่ปลอดภัยกับไทยเบฟ” บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นองค์กรที่ให้ความ สำคัญเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนมาโดยตลอด และตระหนักดี ว่าวินัยจราจรเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุบน ท้องถนนลดลงได้ นายพลภัทร สุวรรณศร ผูอ้ ำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการ “ขับขี่ ปลอดภัยกับไทยเบฟ” ว่า ไทยเบฟดำเนินงานทีเ่ กีย่ วข้องกับการเสริม สร้างวินัยจราจรและความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุง่ เน้นให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเข้าใจถึงการขับขีอ่ ย่างปลอดภัย เคารพกฎจราจร และไม่ประมาทจนทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง และผู้อื่น ด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และปลุกจิตสำนึกผ่าน โครงการดังกล่าว ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาครัฐและ ภาคเอกชน ทั้งนี้ภายใต้โครงการดังกล่าว ไทยเบฟได้ร่วมกับ “ทุนง่วงอย่า ขับ” ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งมี นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็น ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ จัดทำโครงการแนะนำ กระเป๋า กันง่วง...ลดอุบัติเหตุ เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงภัยอันตราย ของการง่วงแล้วขับ และบอกถึงวิธีการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง กระเป๋า กันง่วง...ลดอุบัติเหตุ นี้ใช้สำหรับวางข้างตัวคนขับ ข้างกระเป๋ามี ข้อความบอกถึงอันตรายของการง่วงแล้วขับ และมีวิธีป้องกันง่ายๆ ด้วยตนเอง ในกระเป๋านี้บรรจุของที่จำเป็น ๙ อย่าง ได้แก่ น้ำดื่ม ลูกอม หมากฝรั่ง ยาหม่องน้ำหรือยาดม กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หมอนรองคอ หน้ากากปิดตาและปลั๊กอุดหู เพื่อให้คนขับหยิบใช้ได้ ทันทีเมื่อเกิดอาการง่วงหรือต้องการพักผ่อน เป็นการช่วยลดอุบัติเหตุจากการหลับใน และเพือ่ เป็นการตอกย้ำถึงเจตนารมย์ในการรณรงค์สร้างจิตสำนึกดังกล่าว ไทยเบฟ จึงได้จัดทำสติ๊กเกอร์ติดรถ “ง่วงเมาเราไม่ขับ นอนหลับให้พอเพียง” พร้อมทั้งคู่มือขับขี่ ปลอดภัยกับไทยเบฟ แจกจ่ายพร้อมกับกระเป๋ากันง่วงให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศ โดย เฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยเบฟ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ภายใต้โครงการดังกล่าวอีกหลายประการ อาทิ สติ๊กเกอร์รณรงค์ข้างรถประจำทาง ป้ายรณรงค์หลังรถแท็กซี่ รวมไปถึงการมอบ หมวกกั น น๊ อ คมาตรฐานผลิ ต ภั ณ ฑ์ อุ ต สาหกรรมให้ ผู้ ใ ช้ ร ถจั กรยานยนต์ เ พื่ อ ความ ปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทั้งนี้ “ไทยเบฟ” จะดำเนินกิจกรรมทั้งหมดนี้อย่างต่อ เนื่อง เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกด้านวินัยจราจรของคนไทยและสังคมไทย ๙๕


๙๖


รายนามคณะกรรมการจัดทำวารสารทิศไท ร้อยโท ดร.สุวิทย์ ยอดมณี คุณหญิงคณิตา เลขะกุล นายพลภัทร สุวรรณศร (นางสาวสุธาสินี แท่นอ่อน แทน) นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา นางเฉิดโฉม ศรีวรรธนะ คิบรับ ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ (นางสาวอรวรรณ ศิริโชติรัตน์ แทน) ดร.นนชัย ศานติบุตร นายพงศธร เกษสำลี นางเพ็ญศรี เคียงศิริ นางเยาวลักษณ์ แพ่งสภา รศ.เย็นใจ สมวิเชียร นางวิณีนารถ พันธุ์วุฒิ นายอุดม จะโนภาษ ดร.อัญชลี เกษสุริยงค์ นางสุมาลี เกตุแก้ว นางสาวปองภัทร ทองดารา นางกมลวรรณ ทองแก้ว

กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

คณะที่ปรึกษากองบรรณาธิการ

ผู้อุปถัมภ์

ร้อยโท ดร.สุวิทย์ คุณหญิงคณิตา คุณหญิงทรงสุดา รศ.เย็นใจ นางเพ็ญศรี ดร.นนชัย นายพงศธร นายจิรุตถ์ บรรณาธิการ

ยอดมณี เลขะกุล ยอดมณี สมวิเชียร เคียงศิริ ศานติบุตร เกษสำลี อิศรางกูร ณ อยุธยา

นางวิณีนารถ

พันธุ์วุฒิ

นางทัศนีย์

เอื้อวิทยา

นายสมชาย

หงวนเสงี่ยม

ผู้ช่วยบรรณาธิการ ศิลปกรรม

ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บริษทั ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

เทสโก้โลตัส


ทิศไท เปิดสู่ทุกทิศ และ เปิดรับทุกทิศ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.