1
วารสารทิศไท มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑ ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๖๒๙-๙๔๗๖ โทรสาร : ๐-๒๒๘๒-๕๓๒๒ website : nif-tidthai.org
นวมินทรมหาราชาศิรวาทราชสดุดี
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ทุกดวงใจไทยปลื้มเปรมปรีดา หกสิบสี่ปีทองทรงครองราชย์ พระเสโทท่วมองค์พระทรงชัย กว่าสามพันโครงการพระราชดำริ ทศพิธราชธรรมนำชีวี ทรงเป็นนักปกครองกรองธรรมนิติ เป็นกษัตริย์รัฐประชาธิปไตย พระทรงญาณชาญเกษตรเศรษฐกิจ คือเกษตรผสมผสานอันยืนยง ทรงเป็นนักธรณีที่เชี่ยวชาญ ทั้งลมฟ้าอากาศธาตุวิจัย ทรงเชี่ยวชาญการช่างนักประดิษฐ์ เฉกสร้างสรรค์เรือใบได้มาตรา ทรงประดิษฐ์วิทยุด้วยพระหัตถ์ ช่วยสื่อสารการขจัดพิบัติภัย ทรงเป็นปราชญ์การอักษรวรรณศิลป์ พระอัจฉริยะดนตรีเลิศปรีชา สมพระราชสมัญญา “อัครศิลปิน” หลากรางวัลเกียรติยศปรากฏธรรม วโรกาสมิ่งมงคลพระชนม์เฉลิม เป็น “พลังแห่งแผ่นดิน” ปิ่นจักรา
วโรกาสแปดสิบสี่พระชนมพรรษา เป็นมหามิ่งมงคลดลไผท เปล่งโอภาสจริยวัตรนิรัติศัย โลกซึ้งในผองพระราชกรณี พระตรัสตริเพื่อทวยชนดลสุขศรี เปล่งพระปรีชาชาญอันเกริกไกร ยุติธรรมดับวิกฤตพิสิฐสมัย ธำรงไทยเทิดธรรมเด่นดำรง ทรงสัมฤทธิ์ทฤษฎีที่สูงส่ง เกษตรคงคู่ถิ่นแผ่นดินไทย ประเมินการดินน้ำล้ำวิสัย ลบแล้งให้ด้วยฝนหลวงร่วงเมฆา เนื่องพินิจตั้งแต่กาลเยาว์ชันษา ทรงใช้แข่งกีฬาชำนะชัย ทรงสันทัดโทรคมนิยมสมัย ดับพิสัยแก้วิกฤตเป็นนิจมา เลื่องระบิลแปลผสานผ่านภาษา ทั้งนานาจิตรกรรมประติมากรรม ยิ่งภูมินทร์ใดไพรัชจรัสร่ำ ยิ่งเลิศล้ำเหรียญ “สูงสุดการพัฒนาฯ” โปรดไตรรัตน์พิพัฒน์เพิ่มพระชันษา ปกสยามพสุธานิรันดร์เทอญ
นายประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ ผู้ร้อยกรอง
๒๙
๔
สารบัญ ๔
๔๔
ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๓ เดือนมกราคม - มีนาคม ๒๕๕๔
หนึ่งในใจชน
โครงการหลวง แนวพระราชดำริเพื่อความ อยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืนของคนในชาติ
๔๔ ชวนเที่ยว
คว้าความฝัน ไต่จุดหมาย ที่ปลายทาง...ภูกระดึง
๑๐ ยอดเยาวชน
ผ้าทอไทย สืบสานภูมิปัญญาชีวิต ของคนรุ่นก่อนถึงปัจจุบัน
๒๗ วิทยาศาสตร์การกีฬา
๗๖ สุขภาพน่ารู้
๕๑ ภูมิปัญญาไทย
ชยากร พงษ์ศิริ เยาวชนจากบุรีรัมย์ หนึ่งใน ทีมผู้สร้างประวัติศาสตร์คว้า ๕ ทองฟิสิกส์ ๕๖ นวัตกรรม โอลิมปิก วชิรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ นักประดิษฐ์รุ่นใหม่ “อยู่กับสิ่งที่รัก แล้วมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ” ๑๖ โอลิมปิกวิชาการ ประเทศไทยกับครั้งแรกของการเป็นเจ้าภาพ ๖๐ บันทึก..หัวใจไทย การแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกวิชาการ ๒๕๕๔ คริสตี้ กิ๊บสัน ฝรั่งรักไทย หัวใจลูกทุ่ง
ผู้สร้างความประหลาดใจให้แก่วงการนักร้องเพลง ๑๘ Sport Hero ลูกทุ่งไทย
รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาผู้สร้างแรงบันดาลใจ ๖๖ แบบอย่างประชาธิปไตย ชุมชนและหมู่บ้านประชาธิปไตยตัวอย่าง ๒๓ VIP Stage อมรินทร์ กรัยวิเชียร (เรย์) ๗๐ รักษ์โลก มุ่งสู่ฝัน บนเส้นทางนักกอล์ฟมืออาชีพ ถึงเวลาสิ้นยุคสุขกันเถิดเรา
เล่นกอล์ฟให้สุขภาพดี ด้วยหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
ไดโนเสาร์มีชีวิต ที่ พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์
๒๙ ตำราเล่มใหญ่
๓๕ กว่าจะเป็นประเทศไทย วันวานของล้านนา ๔๒ กาละ เทศะ
๓๕ ๒
ออกกำลังกายแต่เด็ก ช่วยอารมณ์ จิตใจ สังคม แข็งแรง
“พระอัจฉริยะภาพที่ยิ่งใหญ่” แรงบันดาลใจสู่ ผลงานหุ่นยนต์ชิ้นเยี่ยมฝีมือเด็กไทย
แท็บเล็ต พีซี-คอมพิวเตอร์จิ๋วเพื่ออนาคต
๗๙ เก็บมาเล่า
๘๓ โลกดิจิตอล
๘๕ เกร็ดต่างแดน
เรื่องของพัศกับแพร ตอน กิน กิน และกิน ๘๘ เยาวชนซุบซิบ
๑๐
๑๘
๒๓
๖๐
บทบรรณาธิการ พุทธศักราช ๒๕๕๔ คือปีมหามงคลอีกปีหนึ่งของคนไทย เนื่อง ด้วยเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองพระชนมายุ ๘๔ พรรษาของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทิศไท ฉบับต้อนรับศักราชใหม่งดงามด้วยรูปลักษณ์ใหม่ จัดพิมพ์ ๔ สีทั้งเล่ม อันเป็นเจตนารมย์ของคณะกรรมการจัดทำ ที่อยากให้วารสาร ฉบับนี้ ถูกพลิกอ่านทุกหน้าเมื่อได้ผ่านมือน้องๆ เยาวชนและคุณผู้อ่าน ทุกท่าน และเพือ่ มีสว่ นร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทิศไทจึงนำเสนอเรือ่ งราวโครงการหลวง ที่ไม่เพียงแต่ช่วยชาวเขาในภาคเหนือ แต่ยังได้ช่วยเหลือต่างประเทศด้วย ฉบับนี้ เราเปิดคอลัมน์ใหม่ “นวัตกรรม” แนะนำเยาวชนคนเก่งที่ตามล่าหาฝันของการเป็นนัก ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่อยู่ในความสนใจ อันเป็นความน่าชื่นชมอีกแนวทางหนึ่ง นอกเหนือจากน้องคนเก่ง เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการ และนักกีฬาดาวเด่นที่เป็นฮีโร่ในดวงใจของใครๆ หลายคน น้องๆ ทุกคนต่างมีฝัน แล้วมุ่งมั่นที่จะทำฝันให้เป็นจริง คงช่วยจุดประกายให้อีกหลายคนที่ได้อ่าน กล้าทำตาม ฝันเช่นเดียวกัน สิ่งดีๆ ที่ทิศไทนำมามอบให้มีอีกมากมาย ทั้งท่องเที่ยว ภูมิปัญญาไทย ประวัติศาสตร์ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม เกร็ดต่างแดน ใครๆ ก็หยิบไปใช้ได้ แต่ที่เราเน้นนักหนา คือ บทบาทของวารสารเล่มเล็ก เหมาะมือเล่มนี้ที่จะส่งต่อแรงบันดาลใจ และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย สู่เยาวชนในทุกหนทุกแห่ง
พิมพ์ที่ โรงพิมพ์อักษรสัมพันธ์ (๑๙๘๗) จำกัด เลขที่ ๑๘ ซอยประชาอุทิศ ๓๓ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐
ห้ามจำหน่าย เผยแพร่เป็นอภินันทนาการสำหรับ โรงเรียน สถานศึกษา และประชาชนทั่วไป จากมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ
๓
หนึ่งในใจชน
เรียบเรียง...กอง บ.ก. ข้อมูลและภาพ จากหนังสือ Royal Activities and International Cooperation
โครงการหลวง
แนวพระราชดำริเพื่อความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืนของคนในชาติ ในแถบเทือกเขาอันหนาวเย็นและปกคลุมไปด้วยหมอกทางตอนเหนือของประเทศไทย เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนซึ่งแต่เดิมแทบจะไม่ ได้รับการเหลียวแล หากในปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของชาวไทยภูเขา ที่บรรพบุรุษเคยเรร่อนตามเทือกเขาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
๔
อ
นันต์ หนุม่ วัย ๓๗ ปี เติบโต มากับความยากแค้น เมือ่ ยัง เด็ก เขาได้เห็นภาพพ่อแม่และบรรดา เพือ่ นบ้านปลูกฝิน่ เพือ่ ยังชีพ บริเวณ ทุง่ หญ้าและภูเขาทีร่ ายล้อมหมูบ่ า้ น หนองหอยนั้นแทบไม่เหลือต้นไม้ ขึ้นเลย ช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๘ ประเทศไทย ผลิตฝิ่นเป็นจำนวนมากถึงร้อยละ ๘ ของผลผลิตฝิ่น ของโลก เมื่อนำไปแปรรูปเป็นเฮโรอีน มันเพียงพอ ต่อการเสพของผู้ติดยาในสหรัฐฯ ได้ถึงหนึ่งปี แต่ผู้ ผลิตเองกลับอดอยากยากไร้ สิ่งที่เข้ามาช่วยให้ชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวเขาดีขึ้นนั้นเกิดจากแนวพระ ราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงริเริม่ โครงการหลวงขึ้น ในช่วง พ.ศ. ๒๕๑๒ ป่าไม้ในเขตพื้นที่สูงทาง เหนือถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการปลูกฝิ่น และข้าว ที่เรียกว่า การทำไร่เลื่อนลอย การเผาป่าบน เนินเขาทำให้พื้นดินแห้งแล้งและพังทลาย ป่าไม้ใน
ประเทศถูกทำลายเพื่อการตั้งรกราก และการเพาะปลูก ซึ่งเกิดจากการ ดิ้นรนเอาตัวรอดของชาวเขา ชาวไร่ชาวนาในกลุม่ ของอนันต์ คือชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ที่สุด อพยพมาจากมณฑลยูนนาน ของประเทศจีนเมื่อหลายสิบปีก่อน นอกจากนั้นยังมีชาวเขาเผ่าเย้า จีนฮ่อ และไทยใหญ่ ซึ่ ง บางเผ่ า มี การต่ อ สู้ เ พื่ อ อิ ส รภาพในการปกครอง ตนเอง โดยมีเงินทุนสนับสนุนการกูช้ าติจากพวกค้าฝิน่ ชาวเขาปลูกและจัดส่งฝิ่นให้แก่พวกที่เสนอราคาให้ สูงสุด ส่วนชาวเขาเผ่าเล็กๆ ได้แก่ เผ่ากะเหรี่ยง ปะหล่อง ละว้า มูเซอดำ มูเซอแดง และไทยใหญ่ ซึ่ง ในไม่ช้าก็ค้นพบพื้นที่ปลูกฝิ่นของตัวเองตามไหล่เขา เกือบทัง้ หมดอพยพเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย พื้นที่แถบนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความแตกต่างทาง วัฒนธรรม แต่ทุกคนยากจนข้นแค้น การปลูกฝิ่นซึ่ง ครั้งหนึ่งเป็นเพียงอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งไม่มี พิษภัยได้เปลี่ยนแปลงไป ๕
ช่วงก่อน พ.ศ. ๒๕๑๐ ชาวเขาปลูกฝิน่ เพียงเล็ก น้อยเพื่อใช้เป็นยาให้ตัวเอง จากผลผลิตเพียง ๑๕๐ ตันต่อปี รัฐบาลตรวจพบว่าผลผลิตในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ เพิ่มมากขึ้นเป็น ๒๐๐ ตันต่อปี อุตสาหกรรมนี้มี มูลค่านับพันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ชาวเขากลับได้รับ ค่าตอบแทนในจำนวนที่น้อยมาก หมู่บ้านชาวเขาส่วนใหญ่ในพื้นที่ห่างไกล ปกติ แล้วต้องใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆ ขณะนั้นมีชาวเขา ๒๕๐,๐๐๐ คนอาศัยในเขตพื้นที่สูง มีเพียงไม่กี่คน เท่านั้นที่อ่านออกเขียนได้ ส่วนใหญ่ขาดสารอาหาร เมื่อพวกเขาไม่มีหมอรักษายามเจ็บไข้ ฝิ่นจึงเป็นยา ทีล่ ดความเจ็บปวดทีด่ ที สี่ ดุ ใช้เวลาไม่นานนัก พวกเขา จึงตกเป็นทาสของมัน วิธีเดียวที่จะเข้าใจสถานการณ์ ที่แท้จริงได้ ก็คือ ต้องเดินทางขึ้นไปยังที่ที่พวกเขา อาศัยอยู่ และรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำสิ่งนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงพบว่าชาวไร่บางคนมีรายได้จากการปลูกผลไม้ มากกว่าการปลูกฝิ่น อย่างชาวเขาคนนี้ที่เล่าให้ฟังว่า “เกิดที่นี่ ตอนนี้อายุ ๓๗ ปี ที่นี่มีการปลูกฝิ่นมา ตัง้ แต่รนุ่ ของพ่อ หลังจากนัน้ แต่ละปี หลังฤดูเก็บเกีย่ ว ปลูกข้าว ปลูกฝิ่นเสร็จ ชาวบ้านที่นี่ก็ไม่มีงานทำ แต่ ภายหลังจากในหลวงเสด็จฯ มาตั้งเป็นโครงการหลวง ขึ้น มีการปลูกผัก ผลไม้ ปลูกองุ่น มีพืชผักอีกหลาย ชนิดที่โครงการหลวงได้นำเข้ามา ทำให้ชาวบ้านที่นี่ และครอบครัวของพวกเขาดีขึ้นกว่าเดิมมาก” เมื่อถึง พ.ศ. ๒๕๒๐ จึงไม่มีใครปลูกฝิ่นแม้แต่ ต้นเดียวในเขตภูเขารอบหมู่บ้านหนองหอย แต่พื้นที่ อื่นๆ ยังต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะในการเปลี่ยนแปลง ทันทีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระ ๖
ราชดำริให้จดั ตัง้ โครงการหลวงขึน้ พระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริแก่นักวิจัยชั้นนำของไทย และอาสา สมัครชาวต่างชาติ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ผู้ถวายงานรับ ใช้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการดำเนิน งานโครงการหลวงมากว่า 30 ปี ทรงเล่าว่า “เราลงไปที่ไร่ฝิ่น ฝิ่นกำลังออกดอกสวยมาก ก็ เดินทะลุไร่ฝิ่นบุกเข้าไป เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวรับสั่งถามแม้วว่าทำอะไรกินนอกจากฝิ่น เขาก็ บอกว่ามีต้นท้อลูกเล็กๆอย่างพันธุ์พื้นเมือง ทรงทราบ ว่าถ้าเราเอาลูกพีชมาต่อยอด ก็จะได้ลกู ใหญ่ๆ พระองค์ ก็ทรงตัง้ โครงการหลวงขึน้ มา และรับสัง่ ให้หาพืชเมือง หนาว ผัก ดอกไม้ ผลไม้ มาปลูกแทนฝิ่น รับสั่ง ว่าถ้าเราจะให้เขาหยุดปลูกฝิ่นโดยจับไปเข้าคุกแล้ว เมืองไทยเราไม่มีคุกใหญ่พอจะเก็บคนได้ ๔๐๐,๐๐๐ คน มีวิธีเดียวคือหาพืชอื่นที่ดีๆ ราคาดีๆ มาให้เขา ปลูก ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แต่บนดอยอากาศ หนาว ถ้าเราเอาพืชเมืองหนาวลงมาขายข้างล่างก็จะ ได้ราคาดีมาก” พ.ศ. ๒๕๑๓ โครงการหลวงเปิดศูนย์พัฒนา ดอยอ่างขาง สถานีแห่งนี้ เกษตรกรสามารถเข้ารับคำ แนะนำและความช่วยเหลือการทำเกษตรกรรมได้โดย ไม่มีค่าใช้จ่าย พ.ศ. ๒๕๓๕ โครงการหลวงเปลี่ยนสถานะเป็น มูลนิธิโครงการหลวง ปัจจุบันมูลนิธิมีสถานีวิจัย ๔ แห่ง ศูนย์พัฒนา ๓๘ แห่ง ในหมู่บ้านแห่งนี้ เด็กๆ ชาวไทยภูเขาเผ่ามูเซอและปะหล่อง ต่างมีอนาคตภายใต้ พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั พวกเขาบางคนอาจไม่เคยพบมาก่อน แต่รจู้ กั พระองค์ ตามโปสเตอร์และพระบรมสาทิสลักษณ์ที่ประดับไว้ ตามกำแพงโรงเรียนของพวกเขา การปฏิบัติงานของโครงการหลวงในสมัยแรก
นัน้ ประสบความยากลำบากหลายประการ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งถนนหนทาง การติดต่อสื่อสาร โทรคมนาคม น้ำ ไฟ เมื่อโครงการฯ เริ่มงานขึ้นนั้น ถนนหนทาง และการคมนาคมระหว่างดอยต่างๆ เป็นไปอย่างยาก ลำบาก คณะทำงานมักจะต้องเดินเท้ากันอยู่เสมอ อีก ทั้งการติดต่อสื่อสารมักขาดความสะดวกและล่าช้า มาก ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ได้อนุญาตให้โครงการฯ ติดตั้งวิทยุตาม ดอยต่างๆ โดยใช้เครือข่ายคลื่นวิทยุของมหาวิทยาลัย ได้ พืชพันธุ์ที่ โครงการหลวงแนะนำให้ปลูกไม่ ใช่ พันธุ์พื้นเมืองของไทยทั้งหมด ที่ดอยอินทนนท์ คณะ นักวิจัยได้ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้ ได้พันธุ์พืชที่ดีกว่าและแข็งแรงกว่าอยู่เสมอ ปัจจุบันโครงการหลวงแนะนำพืชผักผลไม้และดอกไม้ มากกว่า ๑๕๐ สายพันธุ์ให้แก่เกษตรกรที่อาศัยอยู่ใน พื้นที่ของโครงการ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พระราชดำริเรือ่ งโครงการหลวง พระองค์มไิ ด้ทรงละเลย
ความสำคัญของการหาตลาดให้แก่ผลิตผลเพื่อพืช ทดแทน ใครจะเป็นผูซ้ อื้ ผลิตผลการเกษตรเหล่านีจ้ าก ชาวไร่ชาวนา ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ โครงการหลวงได้ก่อตั้งหน่วย งานรับผิดชอบการตลาดเพือ่ หาช่องทางในการจำหน่าย การทำตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารนั้นอยู่ภายใต้ตรา สัญลักษณ์ของ ดอยคำ และ โครงการหลวง ทีมการ ตลาดจะซือ้ ผลผลิตหนึง่ ในสามของพืน้ ที่โครงการ และ จำหน่ายให้ลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในเมือง การปฏิบัติ เช่นนี้นำไปสู่ความสำเร็จของโครงการหลวงในที่สุด ผลิตผลของชาวเขาที่อยู่ในพื้นที่ของโครงการหลวง สร้างรายได้ ๑๓ ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ในแต่ละวัน ผัก ผลไม้ และดอกไม้ ส่งไปบรรจุในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นจึงส่งไปจำหน่ายยังร้านดอยคำทั่วประเทศและ ร้านค้าปลีก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่ง ในลูกค้าหลักของโครงการหลวง ฝ่ายครัวการบินไทย รับผิดชอบการจัดเตรียมอาหารโดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ โครงการหลวง สำหรับผู้โดยสารของ ๔๘ สายการบิน ราวเจ็ดหมื่นกว่าคนต่อวัน นอกจากนัน้ ผลิตผลการเกษตรยังส่งไปยังรีสอร์ต และโรงแรมที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก การเผยแพร่ผลงานและผลิตภัณฑ์ โครงการฯ ยังมีการเปิดร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โครงการหลวง ในกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันมีอยู่ ๔ แห่ง คือ ตลาด องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ บางเขน ที่ศูนย์การค้าดิโอลด์สยาม วังบูรพา และที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนที่จังหวัด ๗
เชียงใหม่ เรียกชื่อว่า “ร้านดอยคำโครงการหลวง” ปัจจุบนั มี ๓ แห่ง คือ สนามบินเชียงใหม่ เชียงอินทร์ พลาซ่า และบริเวณคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาเหตุที่มีผู้นิยมกันมากก็เพราะมีการเปิดให้ชม สถานทีข่ องโครงการฯ ซึง่ เป็นทีป่ ฏิบตั งิ านจริงของสถานี วิจยั และศูนย์สง่ เสริมฯ สถานทีท่ เี่ ปิดให้เข้าชมได้ คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ สถานีวจิ ยั โครงการหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ศูนย์ พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อ.แม่รนิ จ.เชียงใหม่ ศูนย์ พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และสวนกุหลาบโครงการหลวงห้วยผักไผ่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ปัจจัยหลักสามประการที่ทำให้โครงการหลวงได้ รับความสำเร็จคือ การพัฒนาแบบยั่งยืน การอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม และการกำจัดฝิ่นให้หมดไป และก้าวต่อไปคือ การแบ่งปันความสำเร็จนี้กับ ผูอ้ นื่ โครงการหลวงเริม่ ต้นด้วยการแบ่งปันความรูแ้ ละ รายละเอียดแก่ประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาเรื่องฝิ่น และพืชทีม่ สี ารเสพติด ความสำเร็จของโครงการหลวงส่ง ผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ จากครัง้ ทีส่ ามเหลีย่ มทองคำเคยเป็น แหล่งผลิตยาเสพติดสำคัญในประเทศไทย พม่า และ ๘
ลาว บัดนีไ้ ด้ถกู ทำลายล้างไปหมดสิน้ นับได้วา่ โครงการหลวงเป็นโครงการทีม่ เี อกลักษณ์ เฉพาะตัวด้วยพระบารมีขององค์พระประมุข โครงการฯ จึงเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการ ข้าราชการ และเอกชน จากแหล่งต่างๆ ซึ่งต่างก็เต็มใจจะเข้ามาร่วมโครงการ ทำงานถวายอย่างไม่ยอ่ ท้อ นอกจากให้ความช่วยเหลือ ภายในประเทศแล้ว โครงการหลวงพยายามให้ความ ช่วยเหลือต่างประเทศอย่างเต็มที่ เพราะเรือ่ งยาเสพ ติด คือ ฝิ่นและเฮโรอีน เป็นปัญหาของคนทั้งโลก
โครงการหลวงได้รับรางวัลระดับโลก ดังนี้ รางวัลแมกไซไซ ในสาขา INTERNATIONAL UNDERSTANDING ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ Life Time Achievement Award, ICDF Taiwan (หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี) ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ COLOMBO PLAN สาขาองค์กรที่แก้ไขปัญหา การปลูกฝิ่นในเชิงสร้างสรรค์ได้เป็นผลสำเร็จ ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ Expo Zaragoza ๒๐๐๘ “Water and Sustainable Development” ประเทศสเปนปี พ.ศ. ๒๕๕๑ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นายโคฟี อันนัน เลขาธิการ สหประชาชาติ ได้ทูลเกล้าฯถวายรางวัลความสำเร็จ สูงสุดในด้านพัฒนามนุษย์แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยูห่ วั ด้วยคุณปู การอันใหญ่หลวงจากพระราชกรณียกิจ
และพระวิริยะอุตสาหะเพื่อการอยู่ดีกินดีของปวงชน ชาวไทย วันนีถ้ า้ ได้เห็นอนันต์เด็กชาวเขาในอดีต เราก็จะได้ รับรูค้ วามสำเร็จอันแท้จริงของโครงการหลวง นอกจาก จะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประเทศอื่นๆ แล้ว ยังแสดงให้ เห็นว่าประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือผูค้ นให้มคี วาม เป็นอยู่ที่ดีขึ้นภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวด้วยกันทั้งสิ้น การมีโอกาสมาตั้งรกราก ในผืนแผ่นดินไทยและเป็นคนไทย นำความภาคภูมใิ จมา สู่เกษตรกรชาวไทยภูเขาและลูกๆ ของพวกเขา ดังที่ อนันต์บอกไว้ว่า “ผมเป็นคนไทยครับ ผมได้อยู่ที่นี่ แม้จะอยู่บน ดอย ก็อบอุ่นใจ ดีใจที่สุดเลย” อนันต์และเพื่อนบ้านของเขาเชื่อว่าบุคคลคน หนึ่ง สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนนับล้านได้ เช่นเดียวกับที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศเชื่อ มั่นอย่างนั้นมากว่า ๖๐ ปี แห่งการครองแผ่นดินของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อนันต์ ก็เหมือนคนไทยทั้งมวล ที่ตระหนักใน พระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั และพร้อมใจกันเฉลิมฉลองถวายพระพรใน โอกาสทรงเจริญพระชนมมายุ ๘๔ พรรษา ในพุทธศักราช ๒๕๕๔ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ๙
หนึ่งในทีมผู้สร้างประวัติศาสตร์คว้า ๕ ทองฟิสิกส์โอลิมปิก
ชยากร พงษ์ศิริ เยาวชนจากบุรีรัมย์
เรื่อง...เพลิน ภาพ...พิมพ์ณัฐ
ยอดเยาวชน
๑๐
ฟิสิกส์โอลิมปิก ในเวทีฟิสิกส์โลกที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา นับเป็นครั้ง แรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันที่เด็กไทยสามารถคว้าชัยชนะมาได้ทั้งหมด ๕ รางวัล! ทั้งนี้ หนึ่งในห้าของตัวแทน นายชยากร พงษ์ศิริ หรือ น้องตุลย์ ได้กล่าว ถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ว่า เกิดขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทำให้เกิดมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) โดยแท้
ส
อวน.นี้มีศูนย์อยู่ทั่วประเทศ โดยได้ผลัก ดันและสนับสนุนเยาวชนคนเก่งที่มีความ สามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพือ่ จะได้เข้าสูก่ ารแข่งขันโอลิมปิกระหว่างประเทศ น้องตุลย์ ในฐานะผู้แทนจากประเทศไทย ทีอ่ ายุนอ้ ยทีส่ ดุ คนนี้ ก็เคยผ่านการคัดเลือกจาก ศูนย์สอวน. ที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จังหวัด นครราชสีมา เมื่อครั้งเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โดยก่อนจะไปแข่งขันฟิสกิ ส์โอลิมปิก น้องตุลย์ ย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และได้เป็นผู้แทนประเทศไทยในช่วงก่อนที่จะ ขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ น้องตุลย์จึงเป็นเหมือน ตัวแทนจากเยาวชนไทย ที่จะมาบอกกล่าวว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ก็ประสบความสำเร็จได้ น้องตุลย์เข้ามาในเส้นทางการแข่งขันโอลิมปิก วิชาการได้อย่างไรคะ ตอนนั้นผมเข้าร่วมโครงการของสอวน. ตัง้ แต่ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ของโรงเรียนราชสีมา วิทยาลัย ก่อนจะขึน้ มัธยม ศึกษาตอนปลาย ผม เข้าร่วมสอบคัดเลือกทางด้านคณิตศาสตร์แต่ก็ พลาดไป แล้วพอย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมหิดล วิทยานุสรณ์ตอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ก็หัน มาสอบใหม่ โดยเลือกวิชาฟิสิกส์ ซึ่งคิดว่าเรา น่าจะถนัดมากกว่า จากนั้นผ่านการทดสอบจน ได้คัดเลือกเข้าค่ายกับทางสถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพือ่ เข้าสูก่ ารแข่งขันโอลิมปิกครับ
วิชาฟิ สิกส์มีความน่าสนใจอย่างไรบ้างคะ ผมชอบฟิสกิ ส์เพราะรูส้ กึ ว่า เรียนแล้วสนุกดี ไม่น่าเบื่อ ฟิสิกส์ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หลายอย่าง ฟิสกิ ส์จะเป็นตัวอธิบายหลักการการ ทำงานของอุปกรณ์ทเี่ ราเคยเห็น เช่น หลอดไฟ รู้ว่ามีระบบการทำงานอย่างไร เป็นวิชาที่ทำให้ เรารูอ้ ะไรมากขึน้ อย่างเวลาไปตามสถานทีต่ า่ งๆ จะมีเครือ่ งมือตรวจจับวัตถุระเบิด ซึง่ พอเราเห็น ของจริง เราก็นกึ ออกว่า เครือ่ งมือพวกนีม้ กี ลไก อย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่เราเคยเรียนมาแล้ว โดยเฉพาะเวลาเรียนภาคปฏิบัติ ฟิสิกส์ เป็นหนึง่ ในวิชาวิทยาศาสตร์อยูแ่ ล้ว ทำให้เราได้ ทำการทดลองต่างๆ อย่างวิชาอืน่ ๆ เช่น ชีววิทยา ก็อาจจะต้องเลอะเปรอะเปื้อนบ้าง ส่วนวิชาเคมี บางทีถ้าทดลองผิดก็อาจเกิดอันตรายได้ แต่ สำหรับฟิสกิ ส์เป็นวิชาทีเ่ ราสามารถทำซ้ำได้งา่ ย และบ่อยโดยไม่ตอ้ งกลัวเลอะหรืออันตราย ก็เลย สนใจวิชานี้มากกว่าครับ ๑๑
ถามถึงบรรยากาศการเรียนที่โรงเรียนมหิดล วิทยานุสรณ์กันบ้างค่ะ โรงเรียนก็มแี ผนกการสอนเหมือนโรงเรียน ทั่วไปครับ ปีหนึ่งเปิดรับแค่ ๒๔๐ คน เพียงแต่ ว่าที่นี่จะมีหลักสูตรที่เข้มข้นกว่า เด็กทุกคนจะ ได้เรียนทุกวิชา ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จนจบ มัธยมปลาย แต่จะดีตรงทีห่ ากเราสนใจวิชาใดเป็น พิเศษ ทางสอวน. ก็จะมาติวให้เราเรียนวิชานั้น ให้จบได้ในเทอมเดียว เพือ่ ให้มโี อกาสเข้าค่าย คัดเลือกสู่โอลิมปิก อยากให้เล่าถึงการเตรียมตัวก่อนการแข่งขันค่ะ ทุกคนจะต้องเข้าไปเตรียมตัวอยู่ ในค่าย ของสสวท. ทีเ่ อกมัยค่อนข้างนานครับ ส่วนใหญ่ จะเป็นเวลาในช่วงตอนปิดเทอม อาจจะคาบเกีย่ ว เปิดเทอมมาสักอาทิตย์-สองอาทิตย์ มีผลกระทบ ต่อการเรียนบ้าง แต่ทางโรงเรียนก็ช่วยเราด้วย การให้กลับไปตามสอบทีหลัง บรรยากาศในค่ายสนุกดี มีอาจารย์สอนแนะ นำตลอด ยิง่ พอคัดเลือกคนไปเรือ่ ยๆ คนก็จะเหลือ จำนวนน้อยลง ยิง่ สร้างความเป็นกันเองมากขึ้น เวลาที่เราสงสัยอะไรก็ถามอาจารย์ได้ทนั ที ตอน เรียนจะมีการคุยกัน ถกปัญหาช่วยกัน ฝึกทำแบบ ฝึกหัด ทัง้ รุน่ พีก่ พ็ ร้อมช่วยเหลือตลอด ไม่ได้เป็น บรรยากาศทีต่ อ้ งเรียนอย่างเดียว ทีค่ า่ ยมีกีฬาไว้ ๑๒
ให้เล่นด้วยทั้งสนามฟุตบอล และโต๊ะปิงปอง รู้สึกกดดันไหมคะในการเข้าแข่งขันแต่ละครั้ง ตอนที่รู้ว่าได้เข้าค่ายโอลิมปิกครั้งแรก ก็ ดีใจครับ แต่เราไม่ได้กดดันตัวเอง จะคิดว่าการ สอบคัดเลือกแต่ละรอบก็จะทำให้ดที สี่ ดุ พอผ่าน การทดสอบมาเรื่อยๆ ก็คิดว่าเราจะได้ผ่านสู่อีก รอบต่อไป ต้องทำให้ดีๆ นะ พอถึงด่านสุดท้าย ก็คอื การเป็นตัวแทน และนีเ่ ป็นปีแรกทีผ่ มได้เข้า แข่งขันด้วย แอบคิดในใจว่า ถ้าได้สักเหรียญ กลับมาเมืองไทยด้วยก็คงดีใจมาก ตอนทีจ่ ะไปแข่งก็ยงั ไม่ตนื่ เต้นเท่าไหร่ แต่ พอกลับมาศึกษาดูวา่ การแข่งขันฟิสกิ ส์โอลิมปิก ระหว่างประเทศเมือ่ ปี ๒๕๕๒ ทีป่ ระเทศเม็กซิโก ทีมไทยทำได้ ๑ เหรียญทองและ ๔ เหรียญเงิน
ชยากร กับคุณพ่อและคุณแม่
ก็คดิ ว่าอย่างน้อยเราน่าจะทำให้ได้ไม่ตำ่ กว่าเหรียญ เงินนะ ตอนนั้นก็เริ่มเครียดบ้างครับ อยากให้เล่าเรื่องการไปแข่งที่กรุงซาเกรบ ประเทศโครเอเชียค่ะ พอไปถึงอย่างแรกเลยตกใจกับที่พักของ เขาครับ และอากาศที่นั่นก็ร้อนมากขนาดสี่สิบ องศา น่าจะเป็นช่วงที่มีฮีทเวฟ (คลื่นความร้อน สูง) เพราะเป็นช่วงฤดูรอ้ นของเขา ทีพ่ กั ก็ออก แบบมาให้กนั ความหนาวด้วย ยิง่ ร้อนเข้าไปใหญ่ แต่โชคดีที่เราไปพักก่อนหนึ่งวัน ถือว่าเป็นการ ปรับตัวให้ชินก่อน เพราะคนอื่นๆ ที่มาแข่งขัน ทุกคนก็ช็อคไปตามๆ กัน แม้จะได้ไปโครเอเชียช่วงอากาศร้อนแต่ก็ สวยครับ มีน้ำตกที่เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ มีพพิ ธิ ภัณฑ์ดๆี ผมกับเพือ่ นๆ มีโอกาสไปซือ้ ของ ในเมือง ทีช่ อบทีส่ ดุ คงเป็นเรือ่ งระบบคมนาคม ประเทศเขามีรถรางสะดวกดี คล้ายรถไฟฟ้าบ้าน เราแต่มีสายเยอะกว่า แทรกอยู่ทั่วเมือง ทำให้ เดินทางสะดวก ตอนที่ไปเขาให้ใช้บัตรโดยสาร ฟรี เที่ยวโดยรถบัสด้วยก็ได้ มีไปชายหาดด้วย แต่ผมว่า ทะเลบ้านเราสวยกว่าครับ ช่วงเวลาที่ ไปอยู่ โน่นก็ ไม่เครียดมากนะ ครับ จะมีแค่วันสอบกับวันประกาศผลเท่านั้นที่ เครียด วันสอบจะมีแค่สองวัน ส่วนวันที่เหลือก็ ใช้เวลาไปกับการเที่ยว การสอบใช้เวลาแค่ครึ่ง วัน มีสอบทฤษฎี และปฏิบัติ ตอนบ่ายเราก็ไป เที่ยวรอบๆ เมือง แถมเวลาตรวจคะแนนเรายัง สามารถพบอาจารย์ได้อสิ ระ ให้ทา่ นดูขอ้ สอบและ อธิบายวิธคี ดิ ของเรา ส่วนผมเจอปัญหาเรือ่ งกด เครื่องคิดเลขผิด แต่เวลาแทนค่าเราแทนค่าถูก ก็อธิบายให้อาจารย์เข้าใจ เพื่อให้อาจารย์ได้ไป พูดคุยและอธิบายกับคณะกรรมการส่วนกลาง อีกที ตอนนั้นก็ลุ้นพอสมควร เลยทำให้แอบรู้ ผลมาบ้างว่าทีมไทยนำ เพราะอาจารย์จะแอบ ไปถามคะแนนจากชาติอื่นๆ ความสำเร็จครั้งนี้คงมาจากความตั้งใจ พยายามฝึกฝนในค่ายอย่างสม่ำเสมอ ช่วงเข้าค่ายทำให้เราได้พัฒนาทักษะ ทางด้านปฏิบัติการดีมาก
จากความสำเร็จที่ได้รับ คิดว่าทีมไทยเตรียม ตัวมาพร้อมขนาดไหนคะ เนื่องจากเนื้อหาที่เราเรียนตอนเข้าค่าย จะลึกกว่าตอนสอบ โดยเฉพาะพวกแนวคิดต่างๆ ซึ่ ง อาจารย์ ท่ า นจะสอนวิ ธี คิ ด ในแบบที่ เ ข้ า ใจ ค่อนข้างยาก พอเราไปเจอโจทย์ที่ง่ายกว่า เรา ก็สามารถทำได้เลย อีกอย่างเวลาเรียนในค่าย พอถึงเวลาสอน อาจารย์จะไม่สอน แต่จะขึ้น โจทย์ให้เราทำ ถ้าใครไม่รู้อาจจะคิดว่า อาจารย์ นั่งเฉยๆ แต่จริงๆ แล้วนั่นคือการทดสอบว่า เราเข้าใจแนวคิดในเรื่องของโจทย์แบบนี้หรือไม่ ถ้าเราทำไม่ได้ แสดงว่า เรากำลังงงกับแนวคิด แบบนีอ้ ยู่ แต่ถา้ ทำได้ทา่ นก็จะหาโจทย์ทมี่ แี นวคิด แบบอื่นเข้ามาเพื่อฝึก แต่ที่สำคัญ การแข่งขัน มีทงั้ ในส่วนทฤษฎีและภาคปฏิบตั ิ หากเราพลาด ข้อใด เราก็สามารถมาแก้ตัวในอีกส่วนหนึ่งได้ และผลก็สามารถพลิกผันได้เช่นกันครับ แล้วส่วนตัวล่ะคะ คิดว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ เพราะอะไร ความสำเร็จครั้งนี้คงมาจากความตั้งใจ พยายามฝึกฝนในค่ายอย่างสม่ำเสมอ ช่วงเข้า ค่ายทำให้เราได้พฒ ั นาทักษะทางด้านปฏิบตั ิการ ดีมาก และอาจารย์กช็ ว่ ยชีแ้ นะได้เยอะครับ ทัง้ นี้ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ก็สนับสนุนเราด้วย เพราะทางโรงเรียนเข้าใจดีว่า ถ้าเราไปเข้าค่าย ก็อาจจะต้องทุ่มเทให้เวลาไปกับส่วนนั้นอย่าง เต็มที่
๑๓
ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทา่ นก็ไปรับ-ส่ง เวลาเรา ไปเข้าอบรมที่ค่าย ท่านจะคอยซื้อหนังสือที่เรา สนใจตั้งแต่เด็ก พอเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอน ต้น โรงเรียนก็แนะนำให้เรารู้จักกับ สอวน. พอ เข้าในโครงการของสอวน. แล้ว เราก็จะมีเส้น ทางเดินที่แน่นอน ว่าจะต้องไปทางไหนอย่างไร ครับ ขอเคล็บลับจากคนเก่งหน่อยค่ะ เวลาอยู่ในห้องเรียน ต้องตั้งใจเรียนให้ดี ถ้าเรางงก็อย่าอาย ให้ถามอาจารย์ทันที กลับ มาก็ควรทบทวนถึงสิง่ ทีเ่ ราไม่คอ่ ยเข้าใจ หรือจะ ชวนเพือ่ นๆ มาติวกันบ้าง ผมเองเวลาที่ไปแข่ง แล้วเสียเวลาเรียนไปก็ต้องกลับมาถามเพื่อนๆ
๑๔
ให้เขาอธิบายบางวิชาเหมือนกัน ส่วนเราก็ติว ฟิสิกส์ให้เขาบ้าง สำหรับเวลาพักผ่อน ผมก็ เหมือนเด็กคนอื่นๆ ทั่วไป ชอบนอนดูทีวี และ อ่านหนังสือนิยายแปลสำหรับเยาวชน มองอนาคตของตัวเองอย่างไรบ้างคะ พอศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย ผมอาจ จะเรียนทางด้านนักวิจัย และเข้าทำงานต่อที่ มหาวิทยาลัย หรือพวกสถาบันวิจยั ต่างๆ สำหรับ นักฟิสิกส์ในประเทศไทย น่าจะนำความรู้มา พัฒนาการเกษตรกรรมให้เป็นประโยชน์ได้ เช่น พัฒนารังสีเพื่อปรับปรุงพันธุ์พืช ตอนนี้ก็คิดไว้ หลายอย่างครับ เพราะเราได้รับทุนไปเรียนต่าง ประเทศของ สสวท. อาจจะเป็นทีส่ หรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ แต่รุ่นพี่ส่วนใหญ่จะชอบไปอังกฤษ มากกว่า ตอนนี้ผมยังเพิ่งอยู่แค่ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๕ หากจบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ไปแล้วอาจจะ เปลีย่ นความคิดได้ เพราะการไปเรียนต่างประเทศ เราจะต้องเจอสภาพอากาศ อาหารการกินที่ไม่ ชิน เลยไม่แน่ใจว่า สิ่งเหล่านั้นจะมีผลทำให้เรา มีความสุขเวลาเรียนหรือเปล่า หากศึกษาต่อใน ประเทศไทยก็คดิ ไว้วา่ น่าจะเรียนด้านแพทยศาสตร์ ครับ ส่วนตัวแล้วผมเองก็ชอบเรียนอะไรใหม่ๆ ด้วย ในตอนนี้ผมชอบฟิสิกส์ แต่หากได้เรียน เคมีเพิ่มเติม ผมก็อาจชอบมากเช่นกันครับ ฝากถึงเยาวชนทีไ่ ด้อา่ นเรือ่ งของตุลย์หน่อยค่ะ อยากให้ทุกคนตั้งใจเรียนในห้องครับ ถ้า มีความฝันไปถึงโอลิมปิก ก็อยากให้หาวิชาทีเ่ รา ชอบจริงๆ เรียนแล้วชอบ และอาจต้องเตรียม ตัวเรียนภาษาอังกฤษเพิม่ ด้วย เพราะเวลาไปแข่ง ต่างประเทศจะได้เข้าใจครับ มาคุยกับคุณพ่ออิทธิเดช และคุณแม่โศภิษฐประภา พงษ์ศิริกันบ้าง แม้ทั้งสองท่านจะอยู่ ต่างจังหวัด และอยู่ห่างกับน้องตุลย์ ท่านก็มี แนวการเลี้ยงลูกให้เติบโตมาเป็นเด็กดีได้อย่าง น่าชื่นชม คุณแม่ : คุณแม่เป็นคุณครูสอนคณิตศาสตร์ ที่โรงเรียนลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ค่ะ ส่วน คุณพ่อเป็นผู้จัดการยาสูบอยู่ที่สำนักงานยาสูบ
บ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ตอนเด็กๆ ก็จะให้ เขาท่องสูตรคูณบ้างเพราะเราเป็นครูสอนเลข (หัวเราะ) ช่วงทีน่ อ้ งตุลย์อยูช่ นั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓ สสวท. จัดให้มโี ครงการสอบแข่งขันอัจฉริยภาพ ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ ซึ่งการแข่งขันครั้งนั้นน้องตุลย์ ได้เหรียญเงิน ทางด้านคณิตศาสตร์ พออยู่ชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๖ เขาก็ได้เหรียญทองทางด้านวิทยาศาสตร์ เราเลยเห็นแววเขาตั้งแต่ตอนประถมศึกษาแล้ว แม่จะคอยอยู่เบื้องหลังเขามากกว่า น้อง ตุลย์เขาตั้งใจเรียนตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ เวลาทำการบ้านก็จะทำให้เสร็จโดยเราไม่ต้อง จ้ำจีจ้ ำ้ ไช เสร็จแล้วก็เอามาให้ตรวจ รับผิดชอบ เรื่องการเรียนมาตลอด ช่วงประถมศึกษาเขา ต้องไปเรียนทีต่ วั จังหวัด เพราะบ้านอยู่ในอำเภอ เขาก็ต้องนั่งรถตู้ไปเรียนเอง พออยู่ชั้นมัธยมฯ ต้นย้ายไปเรียนที่โคราช เขาก็อยู่หอ จนย้ายมา เรียนที่มหิดลวิทยานุสรณ์ ทำให้เขาต้องดูแลตัว เองมาตลอด เวลาห่างกัน คุณแม่ก็เป็นห่วงนะคะ แต่ จะใช้วิธีโทรศัพท์ทุกวัน โทรในช่วงตอนเย็น จะ ถามไถ่วา่ วันนีเ้ ป็นอย่างไรบ้าง ให้เขาไม่รสู้ กึ เหงา พอปิดเทอมกลับบ้าน เขาจะชอบอ่านหนังสือ อย่างวิชาคณิตศาสตร์ เขาจะชอบหาโจทย์มาฝึก ทำเองตลอด เราเองไม่เคยบังคับลูก เขาอยาก เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมก็พาไปสมัคร อยาก
สิง่ หนึง่ ทีผ่ มจะสอนเขาเสมอก็คือ อยากให้เขาเป็นคนดีมีคุณค่า สร้างประโยชน์ ให้แก่ สังคมและประเทศชาติ ซึ่งการเป็นคนดีผมคิดว่า มันสำคัญมากกว่าเหรียญทองที่ได้มาอีก ได้หนังสืออะไรก็สนับสนุนทุกสิง่ ค่ะ ส่วนอนาคต แล้วแต่เขาจะตัดสินใจ ไมได้บงั คับ อยากให้เขา เรียนในสิง่ ทีช่ อบ เรียกได้วา่ ภูมใิ จในลูกคนนีส้ ดุ ๆ เพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของเราค่ะ (ยิ้มกว้าง) คุณพ่อ : สำหรับผม แม้เราจะอยู่ห่างกัน แต่ ก็ จะคอยช่วยดูแลสนับสนุนเขาตลอดโดย เฉพาะทางด้านการเรียน สิง่ หนึง่ ทีผ่ มจะสอนเขา เสมอก็คือ อยากให้เขาเป็นคนดีมีคุณค่า สร้าง ประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติ ซึ่งการ เป็ น คนดี ผ มคิ ดว่ า มั น สำคั ญ มากกว่ า เหรี ย ญ ทองที่ได้มาอีก ผมเองทำงานอยู่ขอนแก่น นานๆ อาจจะ เจอกัน เดือนละครั้งหรือสองสามเดือนครั้ง แม้ เราจะอยูห่ า่ งกัน แต่ผมเชือ่ ว่า เขาได้อยูใ่ นสังคมที่ ดี มีเวลาก็จะพาไปตามสถานที่เขาชอบ เช่น ทะเล ตามแต่โอกาส ผมอยากบอกเขาว่า ตุลย์ ได้สร้างความภูมิใจให้แก่ตวั เอง ครอบครัว และ ญาติพี่น้อง การที่ลูกเรียนเก่ง และเป็นเด็กดี มี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเพื่อนฝูงเท่าที่ ทำได้ ทำให้เราพ่อแม่หวังว่า เขาจะเติบโตขึ้น มาเป็นคนดีมีคุณภาพในสังคมต่อไปครับ
๑๕
โอลิ มปิกวิชาการ เรื่องและภาพ...แพรชมพู เมือ่ ปี ๒๕๕๒ เลขาธิการของฟิสกิ ส์โอลิมปิกชาวไต้หวัน ประเทศไทยกับครั้งแรกของ มาร่วมงานทีเ่ มืองไทยด้วย เขาคิดว่าเราน่าจะมีศกั ยภาพ การเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน ที่จะจัดงานได้ น่าจะมีความพร้อมในระดับหนึ่ง เลยมี
ฟิสิกส์โอลิมปิกวิชาการ ๒๕๕๔
สู้สุดใจ ในปีมหามงคล ๗ รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ใ
นโอกาสทีป่ ระเทศไทยกำลังจะ ได้ เ ป็ น เจ้ า ภาพการแข่ ง ขั น ฟิสิกส์โอลิมปิกวิชาการระหว่าง ประเทศครัง้ แรกระหว่างวันที่ ๑๐๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ณ คณะ วิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วารสารทิศไท ได้รับ เกียรติจาก รศ.สุวรรณ คูสำราญ รองผู้อำนวยการบริหารโครงการ มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการ (สอวน.) กรุณามาเล่าให้ฟังถึงการเตรียมความพร้อม ทั้งสถานที่ แรงสนับสนุน กำลังคน โดยเฉพาะเด็ก ไทย ซึ่งเป็นตัวแทนของประเทศ เรียนถามถึงความเป็นมาของการได้เป็นเจ้าภาพ การจัดการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกในระดับนานาชาติ เป็นครั้งแรกของประเทศไทยค่ะ ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟิสกิ ส์โอลิมปิก วิชาการระหว่างประเทศ ๒๕๕๔ หรือ International Physics Olympiad ซึ่งนับเป็นครั้งที่ ๔๒ แล้ว ถือ เป็นเจ้าภาพปีแรกนะคะ เดิมเราได้รับการจัดไว้เป็น เจ้าภาพในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ก็อีก ๑๑ ปีข้างหน้า แต่ บังเอิญว่าเมื่อสองปีก่อน ทางฝ่ายประธานของฟิสิกส์ โอลิมปิกวิชาการที่ต่างประเทศติดต่อมา บอกว่าเจ้า ภาพคือประเทศเบลเยีย่ มมีปญั หา เข้าใจว่าคงเป็นเพราะ สภาพเศรษฐกิจของทางยุโรปที่เป็นไปทั้งหมด เขา หาสปอนเซอร์มาสนับสนุนการจัดงานได้ลำบากมาก เลยขอไม่จัด นับว่ากะทันหันมาก เพิ่งทราบเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้ว ช่วงเวลาแค่หนึ่งปีเศษๆ มีปัญหาใน การเตรียมงานมาก บังเอิญประเทศไทยเราเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดงาน ฟิสกิ ส์โอลิมปิกระดับเอเชีย ทีม่ หาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ๑๖
หนังสือทาบทามมาว่าพอจะรับได้ไหม ก็ได้นำมาเรียน ปรึกษาศาสตราจารย์ศักดา ศิริพันธุ์ กรรมการและ เลขาธิการมูลนิธิ สอวน. รองศาสตราจารย์เย็นใจ สมวิเชียร กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิ สอวน. ก็ เห็นว่าเราสมควรจะรับได้ ติดขัดทีแรกว่าเราจะจัดทีไ่ หน ท่านก็ไปคุยกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ท่านคณบดีก็ เห็นว่าอยู่ในวิสัยที่น่าจะรับได้ เหตุผลที่รับเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ปี ๒๕๕๔ ก็เป็นปีมหามงคลของประเทศไทย พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ ๗ รอบ และมูลนิธิฟิสิกส์โอลิมปิกวิชาการก็อยู่ในพระอุปถัมภ์ ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เราจึงอยากจะทำงาน ใหญ่ๆ ในการร่วมเฉลิมฉลองปีพิเศษนี้ น่ายินดีว่าวันเปิดการแข่งขัน ๑๑ กรกฎาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะ เสด็จฯในช่วงเช้าของพิธีเปิด และวันปิดคือ ๑๗ กรกฎาคม ท่านก็จะเสด็จฯ มาทรงปิดงานให้ดว้ ย นับ เป็นทีน่ า่ ยินดีกบั คณะกรรมการจัดงานทุกคนที่ท่านทรง มีพระกรุณามาก ตั้งเป้าจำนวนชาติที่จะเข้าร่วมในปีนี้อย่างไร ในปีที่ผ่านมามี ๗๙ ประเทศ ที่มากที่สุดใน ประวัติศาสตร์คือ ๘๒ ประเทศที่ประเทศสิงคโปร์กับ เวียดนาม ปีนี้เราเริ่มทำจดหมายเชิญแล้วคือ ๘๗ ประเทศ คาดการณ์กนั ว่าจะอยูท่ ปี่ ระมาณ ๙๐ ประเทศ ประเทศทีเ่ ราเชิญมาเพิม่ เติมคือลาว โดยส่วนตัวก็รบั ปาก แล้ว หรือบังคลาเทศ ซึง่ เขาก็พยายามริเริม่ ทีจ่ ะทำให้ วงการของเขาเข้มแข็ง การเตรียมความพร้อมในฐานะเจ้าภาพ เรื่องของเด็ก เราทำเป็นระบบค่อนข้างอยู่ตัวอยู่ แล้ว คือล่วงหน้าหนึ่งปี เราคัดเลือกนักเรียนเข้ามา อบรมในค่ายอบรมเข้มของ สอวน. ช่วงปิดเทอมเดือน ตุลาคมและมีนาคม จากนั้นเราก็คัดเด็กจากค่ายทั่ว ประเทศมาแข่งกันประมาณ ๒๕ คน ขณะนี้ทั้งหมดก็ ส่งไปอบรมที่ สสวท. และคัดเหลือ ๑๕ คนแล้ว จาก นั้นน่าจะคัดอีกทีเหลือ ๘ คน เราจะมีการส่งไปแข่ง ระดับทวีปเอเชียก่อน ผลจากตอนนั้นก็จะคัดเหลือ ๕ คน ซึง่ จะมาแข่งในรายการนีช้ ว่ งเดือนกรกฎาคมพอดี
ระบบนี้เราทำมาค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ถามว่าทำอะไร พิเศษไหม เราจะไม่เน้นอะไรเพราะความเป็นเจ้าบ้าน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกประเทศ แต่เด็กเราก็ตอ้ งมี ความพร้อมสูงสุด อาจจะมีความกดดันพอสมควรใน การเตรียมทีม บังเอิญปีทแี่ ล้วเป็นปีพเิ ศษของเรามากๆ โชคดีที่เราได้เหรียญทองยกทีม ๕ คน ก็เป็นความ กดดันอีกแบบหนึ่ง การเตรียมความพร้อมในส่วนของเลขาธิการ มูลนิธิฯ มีอะไรบ้างคะ ขั้นต้นก็ต้องตัดสินใจก่อนว่าเราจะเลือกสถานที่ จัดการแข่งขันที่ไหน ซึง่ ก็เลือกไปแล้วคือจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ทีนี้เนื่องจากขนาดของการแข่งขันใหญ่ มาก ทั้งหมด ๘๗ ประเทศ หมายความว่ามีนักเรียน เข้ามาแข่งขันประมาณ ๔๐๐ คน ทั้งหมดนี้ต้องมี ห้องสอบที่แข่งได้พร้อมๆกัน ก็โชคดีที่ปีนี้จุฬาฯ จะ เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย จุฬาฯ ก็ สร้างสปอร์ต คอมเพลกซ์ขึ้นมาใหม่ เรานึกภาพว่าถ้า ใช้ที่นี่ จะเป็นห้องโล่งๆกว้างๆ ก็สามารถจัดที่นั่งให้ เด็กสอบได้ ถามจุฬาฯ เขาก็บอกว่าจัดได้ ๔๐๖ ที่นั่ง ก็ลงตัวพอดีเลย นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาอีกว่าอาจารย์ที่ต้องมา ประชุมข้อสอบกับอาจารย์ของเรา มาถกกันว่าข้อสอบ เป็นทีย่ อมรับมัย้ ยอมรับแล้วก็ตอ้ งมีสถานทีใ่ ห้เขาแปล และพิมพ์ขอ้ สอบเป็นภาษาให้เด็กเขาเอง ก็เลือกทีเ่ ดียว กันแต่คนละชั้น ส่วนพิธีเปิดพิธีปิด เราก็ได้หอประชุม จุฬาฯ ซึง่ ใครๆ ก็ยอมรับและทราบกันดีวา่ สง่างามและ ศักดิ์สิทธิ์ กว่าเด็กไทยของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างที่ เห็นทุกวันนี้ มูลนิธิ สอวน.ถือเป็นหลักในการ พัฒนาทีเดียวนะคะ แนวโน้มหลังจากมูลนิธิ สอวน. เริ่มกิจกรรมมา แล้ว พัฒนาการของการแข่งขันฟิสกิ ส์ดขี นึ้ ผิดหูผดิ ตา ขออนุญาตเล่าประวัติการแข่งขันย้อนหลังว่าไทยเรา เองเริม่ ไปแข่งขันกับเขาในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ วิชาฟิสกิ ส์ไป ๒๕๓๓ ถ้าสังเกตดูปีแรกๆ ที่ไป เราไม่สำเร็จเลย อาจารย์เย็นใจก็ใช้วิธีเลือกเด็กในโครงการ สสวท. ที่ สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์มาอบรมสักสองรอบในเดือน ตุลาคมและเดือนมีนาคม แล้วก็คดั นักเรียนไปแข่ง ไป กี่ทีอย่างมากก็ได้เพียงเหรียญทองแดงในวิชาฟิสิกส์ ส่วนชีวะบางทีฟลุกได้ทองบ้าง แล้วก็หายไป เราก็มา วิเคราะห์กัน
บุคคลสำคัญที่สุดที่ต้องเอ่ยถึงคือสมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ ทรงสนพระทัยโครงการนีม้ าตัง้ แต่ปี ๒๕๓๒ ทุกปีพอเรากลับมา ท่านจะให้เข้าเฝ้าฯ รับสั่งถามว่า เป็นอย่างไร แล้วเกิดอะไรขึน้ กับฟิสกิ ส์ กับคณิตศาสตร์ ถึงทำไม่ขึ้นเลยเมื่อเทียบกับวิชาอื่น จะได้แค่เหรียญ ทองแดง นานๆถึงจะได้ทอง พวกเราก็มาปรึกษากัน แล้วก็ทูลท่านว่า จริงๆ เด็กมีความสามารถ แต่ความ ที่เขาชินกับการเลือกตอบคำถามแบบ ก ข ค ง แต่ ที่ไปสอบนี่คือ ๕ ชั่วโมง ๓ ข้อ มันคนละเรื่องกันเลย ต้องอดทนมากๆ อีกอย่างคือต้องสอบปฏิบัติด้วย ซึ่ง ในโรงเรียนไทยแทบจะไม่เคยเห็นกันเลย การสอนเพียงสองครั้งไม่เพียงพอที่จะทำให้เด็ก ของเราไปสู้เขาได้ ก็รับสั่งว่า แล้วจะมีทางแก้ไหม พวกเราคิดว่า ถ้าเรามีเวลาที่จะให้เด็กมีพื้นฐานความ รู้เพิ่มมากขึ้น ก็น่าจะทำได้ ท่านก็เลยมีพระดำริให้ตั้ง มูลนิธิ สอวน.ขึ้น เพื่อให้ความรู้เด็กให้เพียงพอ แต่ ถ้าให้แค่เด็กที่ไปแข่งขัน ไม่คุ้ม ทำไมเราไม่ให้โอกาส เด็กทั้งประเทศด้วย ก็เลยเป็นที่มาของการตั้งศูนย์ สอวน. ทั่วประเทศ ใครอยากมาก็สมัครเข้ามา ปีหนึ่ง จะได้ประมาณ ๒,๓๐๐ คน ในกลุ่มนี้ก็มี ๓๐ คนที่ จะขึ้นมาข้างบนได้ พอทำปีแรกสำหรับฟิสกิ ส์ เราได้เหรียญทองและ ต่อเนื่องมาทุกปี จนปีที่ผ่านมาเราได้ยกทีม ในปีพิเศษมหามงคล เตรียมอะไรเป็นพิเศษไหมคะ รูปแบบการแข่งขันคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ จะเป็นการจัดงานให้สมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวครบ ๗ รอบ ชื่อเสียงประเทศไทย เรา จะสื่อสารกับต่างชาติให้รู้ว่าเราทำเต็มที่เพื่อพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา อยากให้ฝากถึงคนอ่านวารสารทิศไทค่ะ อยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันให้กำลังใจ ต้อนรับ แขกบ้านแขกเมือง เอาใจช่วยให้ปีนี้เป็นปีมหามงคล จริงๆ ให้ทกุ อย่างราบรืน่ ราบเรียบ เราสามารถทำงานนี้ ได้สำเร็จ ทำให้ทุกคนยอมรับในศักยภาพของคนไทย และความปรองดองสามัคคี ให้เขาได้เห็นความรักทีค่ น ไทยมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เห็นว่าของ จริงคืออะไร และความรักของพวกเรานัน้ ยิง่ ใหญ่แค่ไหนค่ะ พวกเราก็มาเอาใจช่วยให้งานระดับโลกครัง้ นีข้ อง ประเทศไทยผ่านไปได้ด้วยดีกันนะคะ ๑๗
Sport Hero
เรื่อง...เพลิน ภาพ....พิมพ์ณัฐ
รัชนก อินทนนท์
นักกีฬาผู้สร้างแรงบันดาลใจ Sport Inspiring Young People หรือ รางวัลนักกีฬาเยาวชนผู้สร้างแรงบันดาลใจใน การเล่นกีฬา คือรางวัลจากคณะกรรมการ โอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ทีเ่ พิง่ มอบให้แก่นกั กีฬาไทย เป็นครั้งแรก และหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ ดังกล่าว คือ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ แชมเปี้ยนแบดมินตันเยาวชนโลกสองสมัยซ้อนจน
พูดได้เต็มปากว่า นาทีนี้น้องเมย์คือความหวัง ของวงการนักตบลูกขนไก่ของไทย ๑๘
จอมซนฉายแววเก่ง ย้อนกลับไปเมือ่ ตอนอายุเพียง ๕-๖ ขวบ ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่ของน้องเมย์ (นาย วินสั ชัย อินทนนท์ และนางคำผัน สุวรรณศาลา) ทำงานอยูก่ บั คุณกมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียน แบดมินตันบ้านทองหยอด ทำให้เธออยู่ในสาย ตาของคุณกมลามาตลอด เมื่อคุณกมลาเห็น ว่า น้องเมย์เป็นเด็กซนแก่น จึงจับเธอมาฝึก ตีแบดเพือ่ จะได้อยูน่ งิ่ ๆ และใช้เวลาว่างให้เป็น ประโยชน์ แต่ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่ของ เธอไม่สามารถออกค่าอุปกรณ์ในการตีแบดได้ เธอจึงได้รับสปอนเซอร์ไม้แบดมินตันจากรุ่น พี่ที่ฝึกด้วยกัน ซึ่งน้องเมย์เองก็เริ่มรู้สึกสนุก เวลาทีไ่ ด้ออกกำลังกาย จนกลายเป็นความชอบ และเริ่มเข้าสู่วงการแข่งขันแบดมินตันตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา
รางวัลนักกีฬาเยาวชนผู้ สร้างแรงบันดาลใจในการ เล่นกีฬา จากคณะ กรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี)
แชมป์ตัวน้อย นับแต่วันนั้น น้องเมย์ได้ผ่านการฝึกฝน และเริม่ แข่งตามสโมสรต่างๆ จนได้แชมป์การ แข่ ง ขั น รายการแรกของชี วิ ต ด้ ว ยวั ย เพี ย ง ๗-๘ ขวบ โดยเธอสามารถคว้าแชมป์ในรายการ อุดรธานี โอเพ่น น้องเมย์ยอมรับว่า แรกๆ เธอสนุกกับการแข่งขัน เพราะคิดเสมอว่าได้ ทำกิจกรรมกับเพื่อนและไม่คิดอะไรมาก แต่ เมื่อเธอได้แชมป์แรกแล้ว เธอก็ปรารถนาที่จะ ได้แชมป์ต่อๆ ไป พรสวรรค์ที่มาพร้อมกับการฝึกฝน การเป็นนักแบดมินตันที่ดี ต้องมีองค์ ประกอบหลายอย่าง อาทิ การฝึกสมาธิให้นิ่ง และที่สำคัญต้องมีการตัดสินใจที่ชาญฉลาดใน ยามคับขัน ซึง่ ผูฝ้ กึ สอนของน้องเมย์ตา่ งชืน่ ชม ในไหวพริบที่เธอสามารถตัดสินใจคิดแก้เกม และตีลกู กลับได้อย่างรวดเร็ว ซึง่ น้องเมย์กล่าว ว่า ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ที่ต้องผ่านการ ฝึกฝน และนำความรู้จากการฝึกของโค้ชมา จดจำให้ดี
๑๙
เธอกล่าวว่า ภูมิใจทุก รายการ แต่ รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ติดทีมชาติ ไทย โดยเธอเข้า ร่วมมหกรรม การแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๕ ซึ่งจัดขึ้นที่ นครเวียงจันทน์
๒๐
โค้ชคนสำคัญ นับว่าเป็นความโชคดีที่น้องเมย์ได้โค้ช ภัททพล เงินศรีสุข หรือที่เธอเรียกว่า พี่เป้ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยเป็นผู้คอยควบ คุมการฝึกฝนอย่างใกล้ชิด รวมถึงโค้ชเซี้ยะ โค้ชจากเมืองจีนทีม่ เี ทคนิคใหม่ๆ มาคอยสอน ให้ตลอด รายการแชมป์ที่ภูมิใจ แม้จะผ่านการแข่งขันมามากมาย เมื่อ ให้ย้อนถึงรางวัลสำคัญที่น้องเมย์ภูมิใจ เธอ กล่าวว่า ภูมิใจทุกรายการ แต่รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ติดทีมชาติไทย โดยเธอเข้าร่วมมหกรรม การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครัง้ ที่ ๒๕ ซึง่ จัดขึน้ ที่ นครเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว เมือ่ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ และน้องเมย์สามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ รวม ถึงการแข่งขันอื่นๆ อาทิ แชมป์หญิงเดี่ยว ฮานอยอินเตอร์เนชั่นแนลชาเลนจ์ ๒๐๐๙ ที่ เวียดนาม แชมป์หญิงคู่ คูผ่ สมทองแดง หญิง เดีย่ วยุวชนชิงแชมป์โลก ๒๐๐๗ ที่ไอซ์แลนด์ รวมถึงแชมป์อนิ โดนีเซีย กรังด์ปรีซโ์ กลด์ ๒๐๑๐ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ดินแดนที่มีแชมป์โลก แบดมินตันมากที่สุด น้องเมย์กับถ้วยรางวัลแชมเปี้ยน แบดมินตันเยาวชนโลกสองสมัย
นักตบลูกขนไก่ สาวน้อยมหัศจรรย์ ด้วยวัยเพียง ๑๕ ปี แต่น้องเมย์กลับ สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันระดับโลกไปได้ ๒ รายการติดต่อกัน หลังจากคว้าแชมป์เวียดนาม กรังด์ปรีซ์ ๒๐๑๐ (Ciputra Hanoi Vietnam International Challenge) หนึ่งอาทิตย์ต่อมา น้องเมย์ก็กลายเป็นนักกีฬาแบดมินตันเพียง หนึง่ เดียวของไทยทีฝ่ า่ ด่านเข้าถึงรอบชิง และ ในที่สุดเธอก็สามารถคว้าแชมป์ อินโดนีเซีย
กรังด์ปรีซ์โกลด์ ๒๐๑๐ (Indonesia Grand Prix Gold 2010) ทำให้ชื่อเสียงของน้องเมย์ ยิ่งกลายเป็นที่รู้จัก ไม่ใช่เพียงแต่ประเทศไทย แต่ยังดังไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยน้องเมย์สามารถเอาชนะ มาเรีย เฟเบ กุสุมาสตูตี นักแบดมินตันมือวางอันดับ ๑ ของอินโดนีเซียในรอบรองชนะเลิศ และรอบ สุดท้ายก็สามารถเอาชนะเจ้า จี เจิ้ง คู่ตอ่ สู้ จากไต้หวันได้สำเร็จ ส่งผลให้นอ้ งเมย์กลายเป็น นักแบดมินตันทีค่ ว้าแชมป์ระดับ World Grand Prix ที่อายุน้อยที่สุด ทัง้ นีน้ ายสมพล คูเกษมกิจ ผูช้ ว่ ยผูจ้ ดั การ ทีมแบดมินตันชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๖ ได้ กล่าวชืน่ ชมน้องเมย์ไว้วา่ น้องเมย์มฟี อร์มกำลัง ดีต่อเนื่อง สภาพร่างกายพร้อม เป็นนักกีฬา ที่มีพรสวรรค์สูง มีความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม อย่างดีเยี่ยม และจะเป็นกำลังสำคัญของทีม ชาติไทยได้ในอนาคตอย่างแน่นอน กว่าจะก้าวสู่ชัยชนะ ด้วยความที่เธออายุยังน้อย น้องเมย์จึง ยังคงต้องฝึกซ้อมทุกวัน เธอยอมรับว่า มีความ ท้อบ้างเพราะเหนื่อย ยิ่งเฉพาะเมื่อมีการแข่ง ขันติดต่อกัน เธอจะต้องยิ่งฝึกซ้อมเป็นพิเศษ โค้ชบอกว่า ฝีมือของเธอนั้นไม่แพ้ใคร แต่มี จุดอ่อนในเรือ่ งกำลังทีจ่ ะหมดแรงได้งา่ ย เธอจึง ต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างพลังและ กล้ามเนือ้ โดยเน้นหนักทีก่ ารใช้พลังของข้อมือ เพือ่ เวลาตีลกู จะวิง่ ได้เร็วขึน้ โดยก่อนการแข่งขัน เธอจะต้องหาข้อมูลคู่ต่อสู้ไปก่อนเสมอ
อดทนเพื่อครอบครัว บ่อยครั้งที่ความเหน็ดเหนื่อยจากการ ซ้อม ทำให้น้องเมย์คิดที่จะเลิกแข่ง เพราะ การจะเป็นนักแบดมินตันระดับโลกได้ จะต้อง ผ่านการฝึกอย่างหนักหน่วง ได้พักเต็มที่ก็แค่ วันเดียวเท่านัน้ น้องเมย์เคยปรารภกับแม่ของ เธอว่าไม่ไหวแล้ว แต่แม่ก็ให้กำลังใจว่า เธอ คือความหวังของพ่อแม่ เธอจึงขอสัญญาว่า จะ พยายามให้ถึงที่สุด
น้องเมย์กับคุณแม่
คู่ต่อสู้สำคัญ สำหรับกีฬาแบดมินตันนัน้ มีเจ้าเหรียญ ทองอยู่สองประเทศ ที่น้องเมย์ต้องหมั่นเพิ่ม ทักษะให้สามารถต่อกรกับคู่ต่อสู้ให้ได้ นั่นคือ ประเทศจีนทีม่ คี วามแกร่ง และออกลูกได้แม่นยำ ส่วนอินโดนีเซียจะมีการออกลูกทีค่ ลาสสิค คือ ฉลาดในการเล่น น้องเมย์จึงได้รับการฝึกปรือ เพื่อปรับเล่นให้ได้ทุกอย่าง ทั้งนี้ทั้งนั้น เธอ หวังว่า ประสบการณ์จากการแข่งขันจะช่วยสอน เธอให้เก่งยิ่งขึ้น โดยการแข่งขันครัง้ ล่าสุดทีน่ อ้ งเมย์ได้รว่ ม แข่งคือ แบดมินตันประเภททีมหญิงรอบชิงชนะ เลิศ เอเชีย่ นเกมส์ครัง้ ที่ ๑๖ กวางโจวเกมส์ ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน น้องเมย์ได้พบกับคู่ แข่งจากประเทศเจ้าภาพ ผลปรากฏว่า ทีม แบดมินตันของไทย ต้านทานความแข็งแกร่ง ไม่ได้ พ่ายไป ๐ - ๓ คู่ ครองเหรียญเงิน ซึ่ง เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่เจ้าภาพจีนคว้า เหรียญทองไปตามความคาดหมาย
๒๑
เหรียญเงินแบดมินตันประเภททีมหญิง เอเชีย่ นเกมส์ครัง้ ที่ ๑๖ กวางโจวเกมส์ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
น้องเมย์ยัง อยากจะขอบคุณ บุคคลสำคัญที่ เปิดโอกาสให้เธอ ได้รู้จักกับกีฬา แบดมินตัน ซึ่ง นั่นก็คือ คุณกมลา ทองกร
๒๒
คำขอบคุณแด่ผู้มีพระคุณ นอกจากคุณพ่อคุณแม่ที่ให้กำเนิดและ เป็นกำลังใจให้เธอเสมอมาแล้ว น้องเมย์ยงั อยาก จะขอบคุณบุคคลสำคัญที่เปิดโอกาสให้เธอได้ รูจ้ กั กับกีฬาแบดมินตัน ซึง่ นัน่ ก็คอื คุณกมลา ทองกร หรือที่น้องเมย์เรียกว่า “แม่ปลูก” ผู้ รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว ทั้งมอบความ ปรารถนาดีให้แก่เธอตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนโค้ชเซี้ยะ โค้ชชาวจีนที่มอบเทคนิค การเล่น และคุณภัททพล เงินศรีสุข หรือพี่เป้ ผู้เสียสละเวลา ทุ่มเทแรงกายและใจให้กับลูก ศิษย์อย่างเธอ
อนาคตมุ่งสู่การเล่นระดับมืออาชีพ ด้วยความทีเ่ ธอยังศึกษาอยูช่ นั้ มัธยมศึกษา ปีที่ ๔ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ทำให้น้อง เมย์ยงั คงต้องสัง่ สมประสบการณ์ไปเรือ่ ยๆ และ คาดหวังว่า ในภายภาคหน้าเธอจะได้เป็นนักกีฬา แบดมินตันมืออาชีพ เจริญรอยตามรุน่ พีค่ นอืน่ ๆ เธอคือเกียรติยศของวงการแบดมินตันโลก การได้รบั รางวัลของน้องเมย์ในครัง้ นีน้ บั เป็นครัง้ แรกของวงการแบดมินตันโลก ทีม่ อบให้ แก่นกั กีฬาประเภทแบดมินตัน โดยศาสตราจารย์ เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมแบดมินตันแห่ง ประเทศไทย กล่าวชืน่ ชมว่า เกียรติยศทีไ่ อโอซี
มอบให้นอ้ งเมย์นนั้ ไม่เพียงแต่เป็นความภูมิใจ ของคนไทยเท่านัน้ แต่ถอื ว่าเป็นเกียรติยศของ วงการแบดมินตันระดับโลก เธอคือแรงบันดาล ใจให้เด็กทั่วโลกหันมาเล่นกีฬาประเภทนี้ โดย รางวัลที่มอบให้นั้นจะไม่มีการแจ้งให้ทราบ ล่วงหน้าก่อน เป็นการรวบรวมข้อมูลของคณะ กรรมการเอง ดังนั้นผู้ที่ได้รับรางวัลจะไม่รู้ตัว มาก่อนเลย ชักชวนเยาวชนไทยมาเล่นแบดมินตัน น้องเมย์ได้ฝากทิง้ ท้ายถึงเพือ่ นๆ เยาวชน ไทยว่า กีฬาทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งดี ที่จะทำให้ เราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ให้เรารู้จักแพ้ ชนะ ให้อภัยกัน ป้องกันเราห่างไกลจากยาเสพ ติด ส่วนกีฬาแบดมินตันนั้นมีข้อดีในเรื่องการ ช่วยฝึกสมาธิ นอกจากนี้ยังได้ฝึกให้ตัวเองมี ระเบียบอีกด้วย
VIP Stage
เรื่อง...อิรวะดี ภาพ...สิงหรา
อมรินทร์ กรัยวิเชียร (เรย์) มุ่งสู่ฝัน บนเส้นทาง นักกอล์ฟมืออาชีพ
นักกอล์ฟรุน่ เยาว์ผเู้ พิง่ คว้าอันดับ ๕ ในรายการ ๒๐๑๐ U.S. Kids Golf Teen World Championships ในรุน่ อายุ ๑๓ ปี มุง่ มัน่ ทีจ่ ะก้าวเดินสูเ่ ส้นทางฝัน นักกอล์ฟมืออาชีพ
๒๓
กี
ฬากอล์ฟกับเมืองไทย นับวันก็ยงิ่ ได้รบั ความนิยม ในหมู่เยาวชนมากขึ้นทุกที การจะก้าวเข้าไปสู่ แวดวงของ ‘นักกอล์ฟมืออาชีพ’ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว อีกต่อไป วันนีเ้ ราจะมาเผยเคล็ดลับทีจ่ ะช่วยให้เยาวชน ผู้มีใจรักในกีฬากอล์ฟได้ก้าวเข้าไปสู่ความสำเร็จดังที่ ใจหวังได้ โดยมีตัวแทนเป็นถึงนักกอล์ฟรุ่นเยาว์ผู้เพิ่งคว้า อันดับ ๕ ในรายการ ๒๐๑๐ U.S. Kids Golf Teen World Championships ในรุ่นอายุ ๑๓ ปี น้องเรย์ หรือ เด็กชายอมรินทร์ กรัยวิเชียร ผู้มีความมุ่งมั่นที่ จะก้าวเดินสู่เส้นทางฝันในการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ หนูน้อยฉายแววนักกอล์ฟ ด้วยวัยเพียงหนึ่งขวบเศษ ของขวัญคริสต์มาส ชิ้นแรกที่คุณพ่อ (คุณมหินทร์ กรัยวิเชียร ผู้อำนวย การสำนักกฎหมายของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด) เลือกให้กับลูกชายตัวน้อยคือไม้กอล์ฟพลาสติก เมื่อ น้องเรย์ได้หยิบไม้กอล์ฟขึ้นมาหวดครั้งแรก คุณพ่อก็ ต้องแปลกใจว่าลูกชายคนนี้สามารถตีได้แม่นยำจนไม่ น่าเชื่อ และด้วยความที่ตัวคุณมหินทร์ชอบกีฬากอล์ฟ อยูแ่ ล้ว การสนับสนุนจึงเป็นอีกแรงผลักดันให้นอ้ งเรย์ ก้าวสู่การแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือกันต่อไป โดยคุณ พ่อกล่าวถึงเหตุผลที่สนับสนุนในการเล่นกอล์ฟของ บุตรชายว่า เป็นกีฬาทีไ่ ม่ตอ้ งมีคแู่ ข่งอืน่ ใด นอกจากแข่ง กับตัวเองและสนาม เน้นการวางแผน ทำให้เกิดความ ท้าทายอันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักกอล์ฟทุกคนต้องหมั่น ฝึกฝนตนเสมอ เมื่อน้องเรย์อายุ ๔ ขวบ เขาได้เริ่มเข้าสู่การ แข่งขัน เป็นรายการของชมรมส่งเสริมนักกอล์ฟเยาวชน ไทย โดยแข่งขันในรุ่นอายุไม่เกิน ๘ ปี นับเป็นนัก
๒๔
คุณพ่อเป็นแคดดี้ในทัวร์นาเมนท์ตา่ งประเทศ
กอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่เข้าแข่งขัน ซึ่งคุณพ่อได้เอ่ยถึง พรสวรรค์ที่เขาค้นพบจากน้องเรย์คือ ‘ความมุ่งมั่น’ น้องเรย์มีใจที่สู้ และไม่เคยกลัวใคร ไม่ท้อถอยง่ายๆ หรือแม้กระทั่งการซ้อมน้องเรย์ก็ยังตั้งใจในทุกๆ ครั้ง ที่ตีลูกออกไป กอล์ฟคือความสนุกและกลายเป็นส่วนหนึง่ ของชีวติ นับว่าเป็นนักกอล์ฟที่เริ่มหัดตีตอนอายุยังน้อย มาก กว่าที่น้องเรย์จะรู้ว่าตัวเองสนุกกับกีฬาประเภท นีม้ ากแค่ไหนก็ตอนอายุ ๖ ขวบ และสิง่ ทีช่ อบในตอนนัน้ คือการได้ตีลูกออกไป แม้ตอนเด็กคุณแม่ของน้องเรย์ (คุณจันทรามาศ กรัยวิเชียร) จะต้องเป็นผูค้ อยเตือนในเรือ่ งการฝึกซ้อม แต่ทุกวันนี้น้องเรย์ทำให้คุณพ่อคุณแม่เบาใจในเรื่อง การตั้งใจซ้อมมากขึ้น โดยทุกวันหลังเลิกเรียนตั้งแต่ ๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. น้องเรย์จะต้องทุม่ เทให้กบั การซ้อม
กอล์ฟก่อนทีจ่ ะกลับไปทำการบ้าน หรือเมือ่ มีเวลาว่าง เขาก็จะคิดถึงการซ้อมทันที เรียกได้ว่า กอล์ฟคือส่วน หนึ่งของชีวิตไปแล้ว น้องเรย์ให้เหตุผลว่า ในเมื่อเขา ชอบและรักกีฬากอล์ฟ เขาจึงไม่เคยเบื่อเลย คุณแม่พดู ถึงน้องเรย์ดว้ ยความชืน่ ชมว่า จากการ ขยั น ซ้ อ มทำให้ เ ขามี พั ฒ นาการที่ เ ห็ น เด่ น ชั ด มาก และเมื่อเข้าร่วมกับโครงการ Thai Talent ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ทำให้เขามีรุ่นพี่ที่มาคอยฝึก ซ้อมด้วยกัน จึงเกิดแรงผลักดันให้น้องเรย์เริ่มอยาก จะพัฒนาฝีมือไปตามรุ่นพี่
กีฬาและการเรียน สองอย่างที่ต้องควบคู่กัน แม้จะรักกีฬากอล์ฟมากแค่ไหน แต่น้องเรย์ยัง คงให้ความสำคัญกับการเรียนเสมอ ปัจจุบันน้องเรย์ กำลังศึกษาทีช่ นั้ ปีที่ ๙ โรงเรียน Bangkok Preparatory & Secondary School โดยเพิ่งย้ายมาจากโรงเรียน จิตรลดา เพื่อปรับเวลาไม่ให้ช่วงการแข่งขันรายการ ใหญ่ในต่างประเทศชนกับการเรียน ถามถึงวิชาที่ชอบ อันดับหนึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นพลศึกษา รองลงมาคือ คณิตศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ส่วนคุณแม่กล่าวเสริมว่า อาจจะเป็นความโชคดี ของน้องเรย์ที่เขาเจอสิ่งที่ชอบตั้งแต่ยังเล็ก และยังคง แน่วแน่ในสิง่ นัน้ มาตลอด ครอบครัวจึงทุม่ เทให้กบั เขา ได้เต็มที่ และตอนนี้น้องเรย์เริ่มรู้จักจัดการระบบของ ชีวิตตัวเอง ตั้งใจไปซ้อมตลอด ส่วนเรื่องเรียนนั้น แทบจะไม่มอี ะไรน่าห่วงเลย เพราะการเป็นนักกีฬาทำให้ เด็กมีสมาธิดี น้องเรย์จงึ ได้รบั คำชมจากคุณครูวา่ เขา ตัง้ ใจเรียนในชัน้ เรียนเป็นอย่างมาก ทำให้ผลการเรียน ออกมาดีน่าพอใจ
ทัวร์นาเมนท์สุดประทับใจ ผ่านการแข่งขันมามากพอสมควร นับจากถ้วย รางวัลที่มีก็มากกว่า ๙๐ ใบ แต่หากให้พูดถึงประสบ การณ์การแข่งขันอันแสนสนุก น้องเรย์พดู ถึงการแข่งขัน ที่ย้อนไปเมื่อสองปีที่แล้ว ในรายการแข่งขัน U.S. Kids Golf European Championships ๒๐๐๘ ซึง่ จัด ขึน้ เป็นครัง้ แรกในทวีปยุโรป ทีส่ นามกอล์ฟต่างๆ ใน เขต Gullane, East Lothian ประเทศสก็อตแลนด์ โดยแข่งขันในรุ่นอายุ ๑๑ ปี มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน ๔๖ คน แข่งขัน ๓ วัน ท่ามกลางอากาศแปรปรวนของ ประเทศสก็อตแลนด์ ซึง่ เป็นอากาศทีเ่ ขาไม่คนุ้ เคย ไม่ว่า จะเป็นอากาศเย็น ลมแรง และฝนตกเป็นระยะ แต่ น้องเรย์ก็สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศ อันดับ ๑ โดย เป็นผู้นำในการแข่งขันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่สามซึ่ง เป็นวันสุดท้าย คำสอนจากคุณพ่อคุณแม่ถึงน้องเรย์ ในโลกปัจจุบันสังคมเราต้องการคนดีมากที่สุด ดังนั้นคุณพ่อและคุณแม่จะคำนึงถึงการสอนลูกให้เป็น คนดี มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นเป็นสำคัญ โดย คุณพ่อมักจะยกตัวอย่างให้น้องเรย์เห็นว่า การที่เรา เกิดมามีพร้อมกว่าเด็กคนอื่น ก็นับว่าเป็นเรื่องโชคดี แต่เมื่อมีโอกาสเราก็ควรหยิบยื่นการช่วยเหลือผู้อื่น บ้างตามที่เราเห็นสมควร ส่วนคุณแม่จะใช้ โอกาสในช่วงที่น้องเรย์กำลัง ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนจิตรลดา โดยชี้ให้เห็นว่า โรงเรียน ที่น้องเรย์ได้เรียนนั้นเป็นของในหลวง เราจึงต้องรัก พระองค์ทา่ น เพราะพระองค์เปิดโอกาสให้คนทุกชนชัน้ สามารถเข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ คุณแม่จะเน้น เรือ่ งความสุขความอบอุน่ ของครอบครัวเป็นหลัก สอน ให้เขาคิดว่า แม้จะมีเงิน แต่ถ้าไม่มีการแบ่งปัน ไม่มี คนรัก จะมีประโยชน์อะไร จนวันหนึ่งมีคนเคยหยอก น้องเรย์วา่ เป็นนักกอล์ฟอย่างนี้ ทีบ่ า้ นคงต้องรวยมาก สิ น้องเรย์ก็สามารถตอบได้อย่างน่าฟังว่า บ้านของ เขารวยไหมไม่รู้ แต่เขาอยูแ่ ล้วมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ความภูมิใจของครอบครัว เมื่อถามว่าสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ภูมิ ใจในตัวบุตร ชายคนนีท้ สี่ ดุ คำตอบกลับเป็นเรือ่ งมารยาทมากกว่าถ้วย รางวัลจากรายการแข่งขันใหญ่โต “เราภูมิใจที่น้องเรย์ ๒๕
เป็นคนมีสัมมาคารวะ แม้แต่แคดดี้ที่ถือถุงให้เขา เขา ก็ไหว้ทุกคน หลายเสียงชื่นชมว่าเขาพูดจาสุภาพ รู้ จักกาละเทศะ เขารูว้ า่ เราต้องเสียเงินทองไปกับการเล่น กอล์ฟ แต่เขาก็ตอบแทนด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่าจะ เป็น เรื่องการซ้อม การแข่งและการเรียน ทุกอย่าง เขาทำให้เราภูมิใจมาก” การฝึกซ้อมระดับมืออาชีพ นอกจากจะซ้อมทุกวันแล้ว น้องเรย์เพิ่งจะเข้าสู่ โปรแกรมการแก้ไขจุดบกพร่องที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพ นักกอล์ฟ (V Golf) สถาบันที่เปิดขึ้นมาเพื่อพัฒนา ศักยภาพของนักกอล์ฟโดยเฉพาะ โดยมีทีมแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญอย่าง นพ.วีระยุทธ เชาว์ปรีชา ผู้อำนวย การศูนย์ฯ คอยตรวจเช็คการทำงานของกล้ามเนือ้ โดย ทำงานควบคู่กับเทรนเนอร์ และยังได้รับการดูแลจาก โปรษาริณี เล็กสุวรรณ โปรหญิงคนแรกของประเทศ ไทยเป็นผู้ควบคุมดูแลการฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ล่าสุดทางโครงการ Thai Talent ยัง นำน้องเรย์เข้าร่วมการฝึกซ้อมกับ CIMB Clinic โดย มีโปรกอล์ฟระดับโลกที่เคยแข่งขันในระดับ PGA มา ร่วมโครงการกอล์ฟคลินกิ ในครัง้ ทีผ่ า่ นมา ทำให้นอ้ งเรย์ ได้ความรู้มากมาย เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิดกับนักกอล์ฟ ระดับโลก ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและได้เก็บเกี่ยวความ รู้มาใช้ในการฝึกซ้อมจนถึงทุกวันนี้ สุดยอดนักกอล์ฟในดวงใจ เมือ่ ถามถึงนักกอล์ฟทีน่ อ้ งเรย์ประทับใจ นอกจาก จะมีไทเกอร์ วู้ดส์ แล้ว ลอรี่ แมคอินรอย (Laurie McInroy) นักกอล์ฟชาวไอร์แลนด์ที่มีอายุน้อยในวัย เพียงยีส่ บิ ต้นๆ ก็ทำให้นอ้ งเรย์อดทีจ่ ะชืน่ ชมถึงวงสวิง ของเขาที่ตีได้สวยงาม แต่กลับมีความดุดัน ทำให้เกม ดูแล้วสนุก แต่สำหรับน้องเรย์กลับมีสไตล์การเล่นที่แตก ต่าง โดยส่วนตัวแล้วเขาจะไม่ค่อยตีบุกมากนัก คือ ถ้าจังหวะไหนไม่ชวั ร์กจ็ ะไม่เล่นบุก แต่จะรอจังหวะการทำ คะแนนเมื่อโอกาสมาถึง มุง่ สู่ College Golfer นักเรียนทุนของกีฬากอล์ฟ การจะศึกษาต่อปริญญาตรีนั้น ทั้งน้องเรย์และ คุณแม่ต่างมุ่งหมายไปที่การเป็นนักเรียนทุนของกีฬา กอล์ฟ (College Golfer) เพราะนอกจากจะได้หา ๒๖
นพ.วีระยุทธ เชาว์ปรีชา ตรวจเช็คการทำงาน ของกล้ามเนื้อให้กับน้องเรย์
ประสบการณ์ในต่างแดนแล้ว ยังมีครรลองชีวติ ทีแ่ น่นอน มีติวเตอร์สำหรับตารางเรียนและการแข่งขัน มีแรง ผลักดันให้นกั กอล์ฟต้องไม่ทงิ้ การเรียน เพราะหากเรียน ไม่ผ่านก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปแข่งขันเช่นเดียวกัน คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวล ส่วนน้องเรย์บอกว่า นีค่ อื เป้าหมายอนาคตอันใกล้ที่ เขามองไว้ ก่อนจะทิง้ ท้ายด้วยความมุง่ มัน่ และรอยยิม้ ว่า “ผมจะเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพให้ได้”
ฝากทิ้งท้ายถึงเพื่อนๆ เยาวชน “สำหรับเพือ่ นๆ ทีไ่ ม่เคยเล่นกอล์ฟเลย ผมก็อยาก ให้มาลองเล่นดู เพราะมีความสนุก และเราได้อยูก่ บั ธรรมชาติ สบายๆ ไม่ตอ้ งแออัดเหมือนในเมือง การ เล่นกอล์ฟก็เหมือนเราได้ออกไปเที่ยวด้วย และถ้า หากใครอยากเป็นนักกอล์ฟทีด่ กี ค็ วรจะมีวนิ ยั หมัน่ ฝึก ซ้อม และทีส่ ำคัญต้องไม่ทงิ้ เรือ่ งเรียนเด็ดขาดครับ”
วิทยาศาสตร์การกีฬา เรื่อง...คะริน
เล่นกอล์ฟให้สุขภาพดี วหัวมาเพื่อนๆ อาจ ด้วยหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา จั่ สงสัยว่าวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์การกีฬายังก่อให้เกิดการเรียนรูถ้ งึ การกีฬาคืออะไร เขามีชอื่ เรียกในภาษาอังกฤษว่า Sports science จิตใจของมนุษย์ภายใต้สภาวะการเล่นกีฬา หรือการ หมายถึงการนำเอาความรูท้ ผี่ า่ นกระบวนการ แข่งขัน ผูท้ ชี่ นะเลิศคือ บุคคลทีส่ ามารถควบคุมจิตใจ พิสูจน์ ทดลอง ค้นคว้าจนได้ความรู้ใหม่ ของตนเองได้เป็นอย่างดี และนำมาใช้ในการออกกำลังกายและการ เล่นกีฬาอย่างถูกต้องตามหลักการโดยมีเป้า ถึง ๖-๗ กิโลเมตร ซึง่ จะเป็นผลดีตอ่ สุขภาพเป็นอย่างยิง่ หมายที่ชัดเจน คือ การออกกำลังกายเพื่อพัฒนา อย่างไรก็ดี กอล์ฟเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงและ ร่างกายให้แข็งแรง และการเล่นกีฬาเพือ่ พัฒนาสูค่ วาม แนวโน้มในการบาดเจ็บมากทีส่ ดุ หากไม่เตรียมสภาพ เป็นเลิศ ร่างกายให้พร้อม เนือ่ งจากกีฬาชนิดนี้ใช้กล้ามเนือ้ ทุก จะบอกว่าวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นทางลัดให้ ส่วนของร่างกาย มีการบิดของลำตัวมาก ถ้ากล้าม เกิดการปรับปรุงแก้ไขวิธีการฝึก หรือการแข่งขันให้ เนื้อยืดหยุ่นและแข็งแรงไม่พอ อาจบาดเจ็บได้ ยก ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นก็ว่าได้ โดย ตัวอย่างนักกอล์ฟอาชีพไทยหลายคนประสบเหตุจาก การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้เข้ากับการเล่นกีฬาหรือ การเล่นกอล์ฟ กระดูกร้าว นิ้วหัก ข้อมือเคล็ด ต้อง ออกกำลังกาย ที่สำคัญ วิทยาศาสตร์การกีฬายังก่อ ใช้ระยะเวลารักษาตัวนาน ๒-๓ เดือน ทำให้สูญเสีย ให้เกิดการเรียนรู้ถึงจิตใจของมนุษย์ภายใต้สภาวะการ โอกาสในการแข่งขันล่ารางวัลแมทช์ใหญ่ๆ หรือแม้แต่ เล่นกีฬา หรือการแข่งขัน ผู้ที่ชนะเลิศคือบุคคลที่ นักกอล์ฟอันดับต้นๆ ของโลก อย่าง เดวิด ดูวัล นิค สามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้เป็นอย่างดี ฟาวด์เดอร์ ซึ่งประสบเหตุเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถ ศาสตราจารย์แอนเดอร์ส อัลบอม หัวหน้าคณะ กลับมาเล่นกอล์ฟได้ท็อปฟอร์มเหมือนเดิม นักวิจัยของสถาบันคาโรลินสก้า สถาบันวิจัยทางการ ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าวิทยาศาสตร์การกีฬาจะ แพทย์และสุขภาพของประเทศสวีเดน ได้ศึกษาข้อมูล ช่วยในเรื่องกอล์ฟได้อย่างไรบ้าง ของนักกอล์ฟชาวสวีเดนทั้งอาชีพและสมัครเล่น ทั้ง หนุ่มสาวและสูงอายุ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ราย โดยราย รวบรวมสมาธิ/ความตั้งใจ งานผลการศึกษาลงในวารสารวิชาการ “เวชศาสตร์และ ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเล่นกีฬาไม่ว่าจะ วิทยาศาสตร์การกีฬา” ว่า นักกอล์ฟทัง้ ชายและหญิง ไม่ เป็นการแข่งขันหรือการฝึกซ้อม หากนักกีฬาขาดสมาธิ ว่าหนุ่มหรือแก่ และมีฐานะอย่างไร ต่างสามารถยืด จิตใจสับสน อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในระหว่าง อายุตนเองขึ้นไปได้อีกถึง ๕ ปี โดยอัตราของการเสีย การแข่งขัน บ่อยครัง้ เราจะเห็นนักอล์ฟบางคนไม่สามารถ ชีวิตจะลดน้อยลงถึง ๔๐% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ ตีได้ ต้องหยุดแล้วทำสมาธิใหม่ ขณะที่บางคนอาจถึง เล่น โดยเฉพาะกับนักกอล์ฟ กับแสดงอาการไม่พอใจด้วยซ้ำ เราจึงได้ยินนักกอล์ฟ ที่แฮนดิแคปต่ำๆ ที่ใช้เวลา พูดกันเสมอว่า กีฬากอล์ฟนอกจากจะวัดกันทีฝ่ มี อื แล้ว ส่วนใหญ่ ในการฝึกซ้อมและ ยังวัดกันที่ใครมีสมาธิไม่วอกแวกมากกว่ากัน ออกรอบ ทั้งนี้เพราะเมือ่ นัก ด้วยเหตุนี้ ปัจจุบันนักกีฬาและผู้ฝึกสอนจึงเห็น กอล์ฟออกรอบแต่ละครัง้ จะ ความสำคัญของสมาธิในการเล่นกีฬาเป็นอย่างมาก ต้องใช้เวลาอยู่กลางแจ้งเป็น แม้แต่นักกีฬาอาชีพก็ยังยอมรับว่าสมาธิมีผลต่อการ ช่วงเวลานาน ๔-๕ ชั่วโมง แสดงความสามารถของตนเอง อย่างไทเกอร์ วูด เคยให้ และต้องเดินเร็วเป็นระยะทาง สัมภาษณ์ว่า ก่อนการแข่งขันเขาชอบอยู่ห่างไกลจาก ๒๗
ผูค้ น ทำจิตใจให้สงบเงียบและสันโดษ เพือ่ เตรียมจิตใจให้ มีสมาธิ สดชื่น ก่อนการแข่งขันสำคัญ หรือแม้แต่ วี เจย์ ซิงค์ ยอดนักกอล์ฟชาวฟิจิ ก็ใช้การทำสมาธิฝึก จิตใจเช่นเดียวกัน ยืดกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อ มีประโยชน์คือ ช่วยลดความ ตึงตัวและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ทำให้ กล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นในขณะ เล่นกีฬา ป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนือ้ และข้อต่อ วิธียืดกล้ามเนื้อ มีดังนี้ ทำการยืดก่อนและหลังเล่นกีฬากอล์ฟทุกครั้ง เคลื่อนไหวช้าๆ ในท่าที่กำหนดจนรู้สึกตึง ยึดกล้าม เนื้อในท่านั้นๆ ค้างไว้ ๑๐-๒๐ วินาที ทำชุดละ ๕๑๐ ครั้ง ถ้าความตึงตัวของกล้ามเนื้อยังไม่ลด ให้ เพิ่มจำนวนชุดอีก ฝึกความแข็งแรงด้วยบอล สำหรับนักกีฬากอล์ฟ ท่าออกกำลังกายเหล่านี้ จะช่ ว ยสร้ า งความแข็ ง แรงของกล้ า มเนื้ อ และการ เคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง Kneeling posterior shoulder stretch นั่ง คุกเข่าด้านหน้าบอล ให้ทิศทางบอลเลื่อนไปทางด้าน ซ้าย มือขวาวางบนบอลในลักษณะพาดผ่านแนวกลาง ลำตัว จากนัน้ เริม่ ต้นหมุนบอลไปทางซ้ายโดยผลักด้วย มือขวา จนกระทั่งเอื้อมสุดการเคลื่อนไหวในลักษณะ งอข้อไหล่ไปด้านหน้า จะช่วยเพิม่ การยืดส่วนด้านหลัง ของกล้ามเนื้อเดลตอย และกล้ามเนื้อรอมบอยซึ่งอยู่ ระหว่างส่วนของไหล่และกระดูกสันหลังส่วนบน ยืด ค้างไว้นานประมาณ ๒๐-๓๐ วินาที และเริ่มทำซ้ำ ใหม่ตั้งแต่ต้นจำนวน ๓-๕ ครั้ง
๒๘
Hip extension knee flexion เริ่มจัดท่า โดยนอนหงายบนพื้ น วางส้นเท้าบนบอล วาง แขนในลักษณะรูปตัว T เพือ่ ช่วยรักษาสมดุล จาก นั้นเริ่มการเคลื่อนไหว โดยการบิดและยกสะโพก ขึ้นจากพื้น ให้ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพกอยู่ใน แนวเดียวกัน ดึงส้นเท้า เข้าหาตัวโดยการงอเข่า ในแต่ละครั้งให้ เคลื่อน ส้นเท้าจนสุดการเคลือ่ น ไหว แล้วเคลื่อนกลับใน ทิศตรงข้ามในลักษณะเหยียดเข่าออก Isodynamic rear delt raise (IRDR) ท่า IRDR เป็นท่าออกกำลังกายทีพ่ เิ ศษ เพราะเป็นการ เกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่เกิดการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อที่ เป็นเป้าหมายคือ บริเวณรอบหัวไหล่ แผ่นไหล่ (สะบัก) กล้ามเนือ้ เงยศีรษะ และกล้ามเนือ้ เหยียดกระดูกสันหลัง เริ่มโดยการนอนคว่ำบนบอล ให้ตำแหน่งของ บอลอยู่ต่ำกว่าหน้าอก ลำตัวควรอยู่ในแนวเดียวกับ ข้อเท้า ข้อเข่า และข้อสะโพก ส่วนของลำตัวก้มไป ด้านหน้าจนกระทั่งร่างกายส่วนบนทำมุม ๔๕ องศา กับพื้น ถือดัมเบลในแต่ละมือไว้ในท่าเตรียม และยก แขนงอศอกขนานกับพื้น ในแต่ละครั้งแขนจะอยู่ในตำแหน่งโดยไม่เคลื่อน ไหว เป็นการหดเกร็งกล้ามเนื้อโดยทำค้างไว้ ๕-๑๐ วินาที ผู้ทำต้องพยายามรักษาตำแหน่งของศีรษะให้ดี หลังจากเวลาผ่านไป ๕-๑๐ วินาที จะรู้สึกว่ากล้าม เนื้อไหล่เมื่อยอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงค่อยงอเข่าและ หลังคลึงบนบอล ทำมุมประมาณ ๒๐ องศา แต่ยังคง ท่าและตำแหน่งของแขนไว้อย่างเดิม ทำต่อถือค้างไว้ อีก ๕-๑๐ วินาที ค่อยวางดัมเบลกับพื้นและพักได้ เอกสารอ้างอิง : เทคนิคการฝึกซ้อมกีฬา กอง วิจัยและพัฒนากีฬา ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา / กีฬา เวชศาสตร์ คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การ เคลื่อนไหวประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล / จิตวิทยา การกีฬา วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัย บูรพา
ตำราเล่ มใหญ่ เรื่อง...น้ำดอกไม้ ภาพ...พิมพ์ณัฐ สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส Siamotyrannus isanensis
ไดโนเสาร์มีชีวิต ที่ จังหวัดกาฬสินธุ์
พิพธิ ภัณฑ์สริ นิ ธร
ลองมาสัมผัสโลกของไดโนเสาร์ ในพิพธิ ภัณฑ์เมืองไทยที่ใครได้ไปต่างก็บอก เป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้มพี พิ ธิ ภัณฑ์ แบบนี้ในเมืองไทยอีกเยอะๆ จังเลย
๒๙
เ
พือ่ นๆ หลายคนอาจร้องยี!้ ถ้าจะชวนไปเดิน เล่นในพิพธิ ภัณฑ์สกั แห่ง แถมถ้าชวนไปไกล ถึงจังหวัดกาฬสินธุ์อาจมีส่ายหน้า ไกลก็ไกล ร้อนก็ร้อน จะมีอะไรน่าไปนักหนา แต่ถ้าบอกว่าที่นี่คือพิพิธภัณฑ์สิรินธร ซึ่งพาไดโนเสาร์ขนาดเท่าจริงกลับมามีชีวิต (แบบยืนนิง่ ๆ น่ะนะ) ในสถานทีซ่ งึ่ ไม่นา่ เบือ่ เลย รอบๆตัวเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ มีของ เล่นให้เล่นสนุกทุกวัย มีการทดลองที่สามารถ สัมผัสได้จริง ทัง้ ได้เรียนรูก้ ารกำเนิดไดโนเสาร์ที่ ไม่ใช่แค่เปิดสไลด์หรือยืนอ่านแผ่นป้าย เพือ่ นๆ น่าจะเริ่มหูผึ่งแล้วใช่ไหมล่ะ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่ เท่ามือคลำ ลองมาสัมผัสโลกของไดโนเสาร์ ในพิพิธภัณฑ์เมืองไทยที่ใครได้ไปต่างก็บอก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้มพี พิ ธิ ภัณฑ์แบบนี้ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเเนตรการทำงานของคณะเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยาการธรณี ในเมืองไทยอีกเยอะๆ จังเลย หลักฐานต่างๆ ที่พบระบุได้ว่าภูกุ้มข้าว เป็น แหล่ ง ไดโนเสาร์ กิ น พื ช ที่ ส มบู ร ณ์ ที่ สุ ด ของ ประเทศไทย โดยพบกระดูกไดโนเสาร์เกือบ ทั้งตัว กองรวมอยู่กับกระดูกไดโนเสาร์กินพืช อีกชนิดหนึง่ กระดูกทัง้ หมดอยูใ่ นชัน้ หินทีว่ างตัว อยู่ บนไหล่เขาของภูกุ้มข้าวซึ่งมีรูปร่างคล้าย ลอมฟาง มีความสูงประมาณ ๒๔๐ เมตร
พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้ง อยู่ที่เชิงภูกุ้มข้าว อำเภอสหัสขันธ์ บริเวณ ภูกมุ้ ข้าวซึง่ เดิมเป็นพืน้ ทีข่ องวัดสักกะวัน เป็น สถานทีค่ น้ พบกระดูกไดโนเสาร์จำนวนมาก รวม ทั้งโครงกระดูกไดโนเสาร์ทั้งตัวที่สมบูรณ์ที่ฝัง อยู่ในพืน้ ดินและได้รบั การขุดแต่งโดยเจ้าหน้าที่ กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีชอื่ เรียกอีกชือ่ หนึง่ ว่า “พิพธิ ภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูกุ้มข้าว” ซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ทภี่ กู มุ้ ข้าว พบโดยพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัด สักกะวัน ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ จากนั้นจึงมีการ เริ่มทำการขุดค้นอย่างเป็นระบบ โดยคณะนัก สำรวจไดโนเสาร์จากกรมทรัพยากรธรณี และ ๓๐
อาคารหลุมขุดในปัจจุบัน บริเวณภูกุ้มข้าว
ในการขุดค้นกรมทรัพยากรธรณีพบกระดูก มากกว่า ๗๐๐ ชิ้น เป็นกลุ่มของกระดูกส่วน ขา สะโพก ซีโ่ ครง คอ และหางของไดโนเสาร์ กินพืชไม่นอ้ ยกว่า ๗ ตัว นอกจากนีย้ งั พบฟัน ของไดโนเสาร์ทั้งกินพืชและกินเนื้ออีกอย่าง ละ ๒ ชนิด จากลักษณะของกระดูกพบว่าเป็น ไดโนเสาร์กนิ พืชสกุลภูเวียง (Phuwiangosaurus sirindhornae) ๑ ชนิด และเป็นไดโนเสาร์กนิ พืช ชนิดใหม่อกี ๑ ชนิด คาดว่าอาจเป็นไดโนเสาร์ สกุลและชนิดใหม่ของโลก ทิศไทจะพาเพื่อนๆ ไปชมพิพิธภัณฑ์ สิรินธรซึ่งมีทั้งหมด ๘ โซน ซึ่งต่างเชื่อมต่อ โซนที่ ๑ จักรวาลและโลก สิ่งมีชีวิต กันด้วยทางเดิน อุโมงค์ สะพาน ที่ล้วนตื่นตา รวมทั้ ง ไดโนเสาร์ ถื อ กำเนิ ด ขึ้ นมานานแล้ ว ตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาเรือ่ งราวทีล่ ลี้ บั นี้ นับจากการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่หรือ “บิ๊กแบง” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาล การกำเนิดของ ดาวฤกษ์และพัฒนาการของระบบสุริยะและ โลก สัณฐานธรณีตา่ งๆ บนโลกรวมทัง้ หินต่างๆ บันทึกหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญทาง ธรณีวิทยา ตลอดช่วงเวลา ๔,๖๐๐ ล้านปีที่ ผ่านมาของโลก ซึง่ เราจะได้เรียนรูไ้ ปตามลำดับ อายุทางธรณีวิทยา โซนที่ ๒ เมื่อชีวิตแรกปรากฏ จาก ดาวเคราะห์รอ้ นจัดและปัน่ ป่วนอันเนือ่ งมาจาก ภูเขาไฟระเบิดและการพุ่งชนของอุกกาบาต โลกของเราค่อยๆ เย็นตัวลง ทั้งบรรยากาศ และน้ำช่วยนำทางไปสูพ่ ฒั นาการของสารเคมีอัน สลับซับซ้อน ซึ่งเรียกว่าชีวิต สิ่งมีชีวิตยุค แรกเริ่มที่มีรูปร่างง่ายๆ และมองไม่เห็นด้วย ตาเปล่าได้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของโลก อีสานโนเซอร์รัส อรรถวิภัชนีชี
๓๑
ด้ ว ยการเติ ม ออกซิ เ จนสู่ ม หาสมุ ท รและ ออกมาโลดแล่นเสมือนกลับไปสู่ยุคจูราสสิค บรรยากาศ จนกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสม พาร์ค โซนนี้ยังแบ่งออกเป็นสองภาคคือ สำหรับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ มหายุ ค แห่ ง สั ต ว์ เ ลื้ อ ยคลานและ โซนที่ ๓ มหายุคพาลีโอโซอิก มหายุค ไดโนเสาร์ ในช่วงปลายมหายุคพาลีโอโซอิก แห่งวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ๕๔๒ ล้าน แผ่นทวีปทั้งหมดได้เคลื่อนมารวมกันเป็นผืน ปีทแี่ ล้ว สิง่ มีชวี ติ บนโลกเกิดการขยายเผ่าพันธุ์ เดียว เรียกว่า “แพนเจีย ” ความใหญ่โตของ ครัง้ ใหญ่จากพวกทีม่ รี ปู แบบง่ายๆ ไม่กปี่ ระเภท แผ่นดินทำให้ตอนกลางของทวีปซึ่งห่างไกล วิวัฒนาการไปสู่สิ่งมีชีวิตหลากรูปแบบ จาก จากทะเลทีส่ ภาพแห้งแล้งเป็นทะเลทรายกว้าง สั ตว์ ตั ว อ่ อ นนุ่ ม ไปสู่ สั ตว์ ที่ มี เ ปลื อ กแข็ ง หุ้ ม ใหญ่ จึงเป็นปัจจัยทีเ่ อือ้ ต่อการใช้ชวี ติ ของสัตว์ ปลาโบราณขนาดใหญ่ยาวกว่า ๕ เมตร แหวก เลือ้ ยคลานมากทีส่ ดุ หลังการสูญพันธ์คุ รัง้ ยิ่ง ว่ายผ่านแนวปะการังมหึมาทีแ่ ผ่ไปทัง้ ท้องทะเล ใหญ่ตอนสิน้ สุดมหายุคพาลีโอโซอิก สัตว์เลือ้ ย เขตร้อน สิง่ มีชวี ติ บางประเภทพากันรุกคืบขึน้ คลานก็ก้าวขึ้นมาครองโลกในมหายุคมีโซโซ บก เปลีย่ นแผ่นดินอันเวิง้ ว้างว่างเปล่าให้กลาย อิกทีต่ ามมา ไดโนเสาร์ครองความยิง่ ใหญ่บน เป็นป่าทึบทีอ่ ดุ มไปด้วยแมลง สัตว์สะเทินน้ำ แผ่นดิน เทอโรซอร์ทงี่ ามสง่าเป็นจ้าวเวหา สัตว์ สะเทินบกและสัตว์เลือ้ ยคลาน ก่อนทีม่ หันตภัย เลือ้ ยคลานทะเลขนาดมหึมาเป็นจ้าวสมุทร นก ปริศนาจะกวาดล้างสรรพชีวติ บนโลกไปจนเกือบ ปรากฏขึน้ เป็นครัง้ แรก และสภาพแวดล้อมบน หมดสิ้น โลกก็ทวีความหลากหลายยิ่งกว่าครั้งใดๆ พืช โซนที่ ๔ มหายุคมีโซโซอิก นับตั้งแต่ ดอกช่ ว ยแต่ ง เติ ม สี สั น แก่ ป่ า ผื น กว้ า งที่ สั ตว์ โซนนีแ้ หละทีเ่ ราจะได้เห็นไดโนเสาร์ตวั เท่าจริง เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดจิว๋ ซึง่ เป็นบรรพบุรษุ ของ
.
๓๒
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในมหายุคซีโนโซอิกในประเทศไทย
มนุษย์ ต้องใช้ชวี ติ หลบๆ ซ่อนๆ จากคมเขีย้ ว ของไดโนเสาร์ ไดโนเสาร์ไทย มหายุคมีโซโซอิกแผ่น ดินทีป่ จั จุบนั เป็นประเทศไทย เป็นแหล่งอาศัย ของไดโนเสาร์นานาชนิด นับตัง้ แต่พวกกินเนือ้ ขนาดใหญ่ ห รื อ เทอโรพอดที่ เ ป็ น ญาติ ส นิ ท ของ ไทรันโนซอรัส เร็กซ์ พวกกินพืชคอยาว หรือซอโรพอด ซึ่งหนักกว่าช้างหลายตัวรวม กัน ไปจนถึงไดโนเสาร์ปากนกแก้วตัวจิว๋ การ ศึ ก ษาอย่ า งต่ อ เนื่ อ งทำให้ เ ราเข้ า ใจความ เกีย่ วข้องระหว่างไดโนเสาร์กลุม่ ต่างๆ ทัง้ พวก สะโพกแบบนกและสะโพกแบบสัตว์เลือ้ ยคลาน และตระหนักว่าไดโนเสาร์ไทยมีคุณูปการต่อ ความเข้าใจเรื่องวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ใน ระดับโลกมากเพียงใด โซนที่ ๕ วิถชี วี ติ ไดโนเสาร์ การค้นพบ ข้อมูลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้เราเข้าใจ ถึงเรื่องราวในมุมลึกของไดโนเสาร์ นอกจาก จะล่วงรูถ้ งึ รูปร่างของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆ แล้ว ยังช่วยให้เข้าใจเรือ่ งการกินอาหาร การล่าเหยือ่ การป้องกันตัวและการเลี้ยงลูกอ่อน อีกทั้งยัง ช่วยให้เราเห็นภาพไดโนเสาร์ที่มีชีวิตชีวามาก
.
ขึ้น และดื่มด่ำกับความอัศจรรย์ของสัตว์ดึก ดำบรรพ์ที่ยิ่งใหญ่กลุ่มนี้ได้อย่างแท้จริง โซนที่ ๖ คืนชีวติ ให้ไดโนเสาร์ สัตว์เลือ้ ย คลานขนาดใหญ่ และสิ่งมีชีวิตหลายประเภท ในมหายุคมีโซโซอิกสูญพันธุ์ไปในมหันตภัย ปริศนาเมื่อ ๖๕ ล้านปีที่แล้ว แต่นักชีววิทยา ซึ่งทำงานศึกษาอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์อยู่ ตามสถาบันต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งที่ภูกุ้มข้าว แห่งนี้ ได้ชว่ ยกันฟืน้ ชีวติ และสร้างความหมาย ให้แก่ซากดึกดำบรรพ์เพื่อนำเราย้อนกลับไป สัมผัสกับยุคที่ไดโนเสาร์เป็นใหญ่
โซนที่ ๗ ซีโนโซอิก : มหายุคแห่งสัตว์ เลีย้ งลูกด้วยนม หลังการสูญพันธุข์ องไดโนเสาร์
สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่เหลืออยู่ต้องหลีก ทางให้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ทวีเผ่าพันธุ์ อย่างรวดเร็วและพากันเข้ายึดครองภูมปิ ระเทศ กันหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าทึบ ท้องทะเล และในอากาศ นีค่ อื โลกทีเ่ ราคุน้ เคยดีเพราะยัง มีทายาทของช้าง ม้า แรด วาฬ ค้างคาว และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหลักๆ ให้เห็นเป็น ตัวอย่างของวิวัฒนาการขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น ในช่วง ๖๕ ล้านปีที่ผ่านมา ๓๓
สวนไดโนเสาร์ที่อยู่ถึงก่อนภูกุ้มข้าว แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งอาศัยของไดโนเสาร์นานาชนิด
โซนที่ ๘ เรือ่ งของมนุษย์ จาก “ไพรเมต” การของโลก เสมือนได้นั่งไทม์แมชชีน (Time
หรือสัตว์ในตระกูลลิง ที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ซึ่ง ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ได้แยกตัวเอง ออกจากเผ่าพันธุ์ลิงใหญ่ และเริ่มวิวัฒนาการ มาเป็นสัตว์ที่เดิน ๒ ขา และอาศัยบนพื้นดิน แต่ความโดดเด่นของมนุษย์อยู่ที่พัฒนาการ ทางสมอง และภูมิปัญญาที่มีความฉลาดกว่า สัตว์ประเภทอืน่ ซึง่ เปิดโอกาสให้เราสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ ตั้งแต่ขวานหินไปจนถึงคอมพิวเตอร์ ทัง้ ๘ โซนนำเสนอให้เราได้เห็นวิวฒั นา
เรื่องของมนุษย์ ๓๔
machine) ย้อนเวลากลับไปตัง้ แต่กอ่ นไดโนเสาร์ จะครองโลก แล้วจูๆ่ ก็สญู หายไปในมหันตภัย ที่เข้ามาคุกคามโลก ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะมีชีวิต อยู่ในยุคที่ไดโนเสาร์ยังออกเดินเล่นเพ่นพ่าน เป็นจ้าวโลก แต่การได้เข้าไปทำความรูจ้ กั ทีม่ าที่ ไปของสัตว์ชนิดนี้ รวมถึงสิ่งมีชีวิตยุคโบราณ ที่เคยใช้ชีวิตอยู่จริง ภายใต้สื่อการเรียนรู้สนุก สนานสมจริง ก็ทำให้เด็กๆ รวมถึงผูใ้ หญ่ทเี่ ข้ามา ที่นี่ ต่างได้รับอาหารสมองอัน ละเมียดละไมกันไปถ้วนหน้า ถ้าไม่เชื่อว่ามีพิพิธภัณฑ์ นี้อยู่จริงในเมืองไทย ต้องมา พิสูจน์ให้เห็นกับตาค่ะ พิพธิ ภัณฑ์สริ นิ ธร จังหวัด กาฬสินธุ์ เปิดให้เข้าชมฟรีทกุ วัน ตั้ ง แต่ เ วลาแปดโมงเช้ า ถึ ง ห้ า โมงเย็น สอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ ๐๔๓-๘๗๐๑๔
กว่าจะเป็นประเทศไทย
เรื่อง...คุณหญิงคณิตา เลขะกุล
วันวานของล้านนา “กลุม่ ชนแถบลุม่ แม่นำ้ สายอันเป็นบรรพชนของพ่อขุนมังรายได้เป็นผู้ ยึดครองดินแดนภาคเหนือของประเทศไทยไว้ได้ ตัง้ เมืองเชียงใหม่เป็น ราชธานี ครอบครองดินแดนแถบลุม่ น้ำโขง ลุม่ น้ำกก ลุม่ น้ำปิง วัง ลุม่ น้ำอิง และน่านตอนบนทัง้ หมด เป็นดินแดนทีก่ ว้างใหญ่ไพศาล” เมื่อไทยเริ่มตั้งอาณาจักร บรรดาเมืองใหญ่ๆ ทีเ่ จริญมาแล้วแต่โบราณจนถึง ปัจจุบนั ในภาคเหนือของไทยเรา เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย เชียงแสน และพะเยา เป็นต้น ล้วนตั้งอยู่ ในบริเวณที่ราบลุ่มกว้างใหญ่ตามหุบเขา แทบทั้งสิ้น พื้นที่ราบลุ่มที่เหมาะแก่การเพาะปลูกจึง เป็นพืน้ ฐานทีส่ ำคัญในทางเศรษฐกิจของบ้านเมือง แม่นำ้ สายต่างๆ ในบริเวณที่ราบลุ่ม นอกจากจะหล่อเลี้ยง พืน้ ดินให้ชมุ่ ชืน้ อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังทำหน้าทีเ่ ป็นเส้น
ทางคมนาคมระหว่างเมืองใหญ่กับเมืองเล็กเมืองน้อย บริเวณใกล้เคียงอีกด้วย แคว้นโยนก เมือ่ ขุนบรม (จีนเรียก พีลอ่ โก๊ะ) ได้ขยายอำนาจลง มาปกครองแคว้นใหม่ทางใต้ ชื่อว่า “สิบสองจุไทย” แล้ว ก็ได้สร้างเมืองแถงขึน้ เป็นราชธานีปกครองแคว้น นั้นราว พ.ศ. ๑๒๗๔ จากเมืองแถงนี้เองได้ทรงส่ง ราชโอรส ๗ พระองค์ แยกย้ายกันออกไป “สร้างบ้าน ๓๕
แปงเมือง” ขึ้นใหม่ในทิศต่างๆ เฉพาะขุนไสผง (บ้างก็เรียก ขุนไชยพงศ์) โอรส องค์ที่สี่ ได้อพยพผู้คนมาทางทิศตะวันตกในราว พ.ศ. ๑๓๐๐ ได้ทรงสร้างเมืองใหม่ขึ้นบนฝั่งแม่น้ำโขงใกล้ๆ เมืองสุวรรณโคมคำทีร่ า้ งมานานแล้ว ตัง้ เป็นแคว้นโยนก ขึน้ ขุนไสผงครองราชย์ถงึ พ.ศ. ๑๓๑๖ ก็สนิ้ พระชนม์ ขาดผู้สืบราชสมบัติต่อ พระเจ้ากาลหงส์พระเชษฐาที่ ครองอาณาจักรหนองแสอยู่ทราบเรื่องเข้า ก็ส่งเจ้า สิงหนวัติโอรสพร้อมครัวไทยลงมาครองแคว้นโยนก ของพระเจ้าอา แต่เมือ่ มาถึงแล้วเจ้าสิงหนวัตไิ ม่ได้เข้าไป อยูใ่ นเมืองเก่านัน้ แต่ไปสร้างเมืองขึน้ ใหม่บนฝัง่ แม่นำ้ สายให้ชอื่ ว่านาคพันธุสงิ หนวัตนิ คร ภายหลังชือ่ นีเ้ ปลีย่ น เป็นนาเคนทร์นคร นาคบุรี โยนกนาคนคร และโยนก นครหลวงตามลำดับ แต่เรียกชือ่ แคว้นว่าโยนกเชียงแสน ตามจำนวนครัวไทยแสนครัวที่เจ้าสิงหนวัติอพยพมา (นักปราชญ์มีความเห็นว่า เมืองนี้คงอยู่บริเวณสบรวก ห่างจากเชียงแสนลงมาทางใต้ราว ๘ กม.) ชั่วเวลา ๒๐ ปีต่อมา พระเจ้าสิงหนวัติได้แผ่ อาณาเขตโยนกเชียงแสนออกไปกว้างขวางมาก ทิศ เหนือจดน่านเจ้า ทิศใต้จดปากน้ำโขง ทิศตะวันออกจด แม่น้ำดำในแคว้นตังเกี๋ย และทิศตะวันตกจดแม่น้ำ สาละวิน มีกษัตริย์ครองราชย์สืบต่อกันมาหลายสิบ พระองค์ แต่พระองค์หลังๆ ทรงอ่อนแอ ถูกพวกกล๋อม หรือขอมดำ (ฝรัง่ เรียกตามชาติพนั ธุว์ า่ มอญ-ขอม หรือ มอญ-เขมร) รุกรานหลายครั้งหลายหน จนกระทั่ง ต้องตกอยู่ในอำนาจขอม ขอมปล่อยให้ปกครองตนเอง คงบังคับให้สง่ ส่วยทองคำอย่างเดียว เหตุการณ์สำคัญ ในรัชกาลต่อมาก็มีเพียงว่า พระเจ้าอชุตราชทรงสร้าง มหาสถูปขึ้นบนดอยตุง เมื่อ พ.ศ. ๑๔๕๔ และ พระเจ้าไชยนารายณ์ทรงสร้างเวียงไชยนารายณ์ขนึ้ บน ฝัง่ แม่น้ำลาว พ.ศ. ๑๕๘๐ ขอมได้เปลีย่ นนโยบายการปกครองใน แคว้นโยนกเสียใหม่ โดยส่งคนเข้าไปปกครองเอง และ เรียกเก็บส่วยทองคำรุนแรงขึน้ ด้วย จนปรากฏว่าพระเจ้า พังคราชทีท่ รงครองแคว้นอยู่ในขณะนัน้ ทนไม่ไหว ต้อง อพยพครอบครัวหนีไปซ่อนอยู่ที่เวียงสีทวงซึ่งเป็น เมืองเล็กๆ แม้กระนัน้ พวกขอมก็ยงั คงตามไปพบ และ บังคับให้สง่ ส่วยทองคำอยูอ่ กี เว้นแต่ลดจำนวนลง ขณะ ประทับอยู่เมืองนั้นพระเจ้าพังคราชได้พระโอรสองค์ แรก มีพระนามว่าทุกขิตกุมารเพราะเกิดในยามทุกข์ ๓๖
ยาก ต่อมาได้โอรสอีกพระองค์หนึ่ง ประสูติใน พ.ศ. ๑๕๘๓ ทรงพระนามว่า พรหมกุมาร (เพราะมีวรรณ ผุดผ่องสวยงาม) ผูเ้ ป็นบุคคลสำคัญคนหนึง่ ของแคว้น โยนกและของชาติไทย พระเจ้าพรหมกุมารมีพระทัยกล้าหาญ สนพระทัย ศึกษาเพลงอาวุธและตำราพิชยั สงคราม เมือ่ พระชันษาได้ ๑๓ ปี ก็ได้ช้างเผือกเอกช้างหนึ่ง พระบิดาโปรดให้ ทำพางคำ (กระดึงทองคำ) แขวนคอให้ จึงเรียกกันว่า ช้างพางคำ เจ้าพรหมกุมารได้ห้ามมิให้ส่งส่วยให้แก่ ขอมอีก และได้จัดเตรียมกำลังทหารไว้เงียบๆ ใน พ.ศ. ๑๕๙๙ เจ้าพรหมกุมารมีพระชันษา ๑๗ ปี พระยาขอมได้ยกกองทัพมาทวงส่วย แต่ถูก เจ้าพรหมกุมารตีแตก ไพร่พลหนีกลับกระจัดกระจาย เมื่อทรงเห็นว่าขอมอ่อนแอกว่าที่คาดคิด ก็ยกกอง ทหารรุกไล่ขอมไปจนได้เมืองอุมงคเสลาของขอม เท่านัน้ ยังไม่พอ เมื่อพระยาขอมดำพาครอบครัวและบริวาร หนีลงใต้อย่างไม่เป็นกระบวน เจ้าพรหมกุมารคุมกองทัพ ติดตามไปมิลดละด้วยตั้งพระทัยว่าจะกำจัดพวกขอม เสียให้หมด หากพบขอมอยู่ที่ใดก็ติดตามทำลายอยู่ เช่นนี้ถึงเดือนหนึ่ง กระทั่งเข้าไปในดินแดนของแคว้น ลวะรัฐก็เข้าตีและยึดได้เป็นลำดับไป จนกระทัง่ ถึงตำบลๆ หนึง่ ร้อนถึงพระอินทร์ทรงเห็นว่าเจ้าพรหมกุมารทำลาย ชีวิตพวกขอมลงมากนักหนาแล้ว สมควรจะยุติเพื่อมิ ให้มีเวรหนักยิ่งขึ้น จึงลงมาเนรมิตกำแพงกั้นไว้มิให้ กองทัพเจ้าพรหมกุมารลงไปทางใต้ได้อีก ถึงกระนั้น กล่าวได้ว่า เจ้าพรหมกุมารปราบปรามพวกขอมที่มา ปกครองแคว้นโยนกเชียงแสนอยู่ถึง ๑๙ ปี จึง ราบคาบ ในตำนานสิงหนวัติกุมารกล่าวว่า “พรหมกุมารเจ้ากำจัดพวกขอมพ่ายหนีไปอยู่ ริมสมุทรสิ้นเมืองขอมก็หาคนอยู่มิได้แต่นั้นมา”
เจดีย์หลวงเมืองเชียงแสน
เมื่อเสร็จสงคราม เจ้าพรหมกุมารเสด็จถึงโยนก นครหลวงแล้ว ก็ได้เชิญพระบิดาจากเวียงสีทวง (ซึ่ง ขณะนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘เวียงพางคำ’ ตามชื่อช้าง เผือกเอกแล้ว) มาครองเมืองโยนกนครหลวงตามเดิม ทรงสถาปนาเจ้าทุกขิตราช พระเชษฐาขึน้ เป็นมหาอุปราช และก็เพราะมีชยั ชนะขอมจึงทรงเปลีย่ นชือ่ เมืองโยนก นครหลวง เป็น เวียงไชยบุรี อีกด้วย ส่วนพระองค์ เองได้เสด็จไปสร้างเมืองขึน้ ใหม่ตรงแม่นำ้ ฝางกับแม่นำ้ กกมาบรรจบกัน ซึ่งเป็นชัยภูมิเหมาะสำหรับป้องกัน ข้าศึกชื่อ เวียงไชยปราการ แล้วประทับอยู่ที่นั่น ต่อมา พระเจ้าพังคราชทรงขอนางแก้วสภา พระ ธิดาพระยาเรือนแก้วทีค่ รองเวียงไชยนารายณ์ และเป็น วงศ์เดียวกันมาอภิเษกสมรสกับเจ้าพรหมกุมาร มี พระโอรสพระองค์หนึง่ ทรงพระนามว่า เจ้าไชยสิรกิ มุ าร และได้ครองราชย์ต่อจากพระเจ้าพรหมมหาราช ถึง พ.ศ. ๑๗๐๒ ขุนเสือขวัญฟ้า (ลางแห่งเรียก ‘ขุนเสือขานฟ้า’ ก็มี ‘ขุนเสือขวานฟ้า’ ก็มี) แห่ง อาณาจักรไทยเมา ยกกำลังมารุกรานแคว้นต่างๆ ทาง ใต้ พระเจ้าไชยสิริได้รวมกำลังจากเวียงไชยปราการ เวียงไชยบุรแี ละเวียงไชยนารายณ์เข้าทำการสูร้ บป้องกัน ดินแดนเป็นสามารถ แต่กไ็ ม่อาจจะต้านทานกำลังข้าศึกที่ มีมากกว่าหลายเท่าได้ พระเจ้าไชยสิริจึงทรงรวบรวม ผู้คนทรัพย์สินมีค่าและเสบียงอาหารที่พอจะเอาไปได้ ยกออกไปจากนครไชยปราการมุ่งหน้าลงทางใต้ โดย ยึดเอาแควน้ำแม่ปงิ เป็นแนวทาง เดินทางมาได้เดือนหนึง่ ก็เข้าแคว้นชะเลียง บรรลุถงึ ตำบลทีพ่ ระเจ้าพรหมกุมาร เคยไล่ขอมมา แล้วถูกพระอินทร์ลงมาเนรมิตกำแพง ขวางกั้นไว้มิให้รุกขอมต่อไปอีก ในคราวนี้พระอินทร์ ก็ทรงถือโอกาสเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งหนึ่ง คือขณะ ที่พระเจ้าไชยสิริเคลื่อนพลมาถึงตำบลนั้น พระอินทร์ ก็ลงมาเนรมิตเป็นตาผ้าขาวลงมาทูลแนะนำให้ทรง สร้างเมืองขึน้ ทีน่ นั่ เมือ่ ได้สร้างเมืองขึน้ แล้วก็ได้เอานิมติ ที่พระอินทร์ลงมาเนรมิตกำแพงหินขวางกั้นกองทัพ พระเจ้าพรหมพระบิดาตัง้ ชือ่ เมืองใหม่นนั้ ว่า กำแพงเพชร เมื่อพวกไทยเมายกกำลังกลับไปแล้ว พวกชาว ไทยที่ยังตกค้างอยู่ในบริเวณนครไชยบุรีและนครไชย ปราการ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างกันนัก ได้ประชุมกันยก “ขุนลัง” ขึ้นเป็นหัวหน้าปกครองตน และได้สร้างเมือง ใหม่ ขึ้ น อี ก เมื อ งหนึ่ ง บนฝั่ ง ตะวั น ตกของแม่ น้ ำ โขง เรียกว่า เวียงปรึกษา (ได้ชื่อตามอาการที่คนมาชุมนุม
พระธาตุจอมกิตติ เมืองเชียงแสน
ปรึกษาเลือกขุนลังขึ้นเป็นประมุขคนแรก ตั้งเมืองอยู่ ห่างจากเมืองเชียงแสนไปทางใต้ประมาณ ๓ กม. ที่ รู้จักกันในบัดนี้เรียกว่า “เชียงแสนน้อย” เจ้าเมืองที่ได้ รับเลือกตำนานประวัตบิ นั ทึกเรือ่ งเรียกว่า “ขุนแต่งเมือง”) เวียงหนองล่ม สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่ง ประวัตศิ าสตร์ของชาติไทย ทรงเชือ่ มัน่ ว่าอาณาจักรโยนก นั้น เป็นแหล่งพุทธศิลปของไทยในรอบพุทธศตวรรษ ที่ ๑๖ ที่ทรงบัญญัติเป็นพุทธศิลปสมัยเชียงแสนขึ้น ในวงวิชาการสืบมา นัน่ เป็นผลอันเนือ่ งมาจากเอกสาร โบราณตำนานประวัติเรื่องนี้ พระองค์ทรงยุติจากเรื่อง ของพระเจ้าพรหมซึ่งเป็นเชื้อสายกษัตริย์อันสืบมาแต่ พระเจ้าสิงหนวัติ ผูท้ รงสร้างเมืองโยนกนครเป็นต้นมา จึงเป็นเหตุให้พระเจ้าพรหมได้รับสมัญญาว่า พระเจ้า พรหมมหาราช ในขณะทรงกอบกู้เอกราชเมืองโยนก นครให้พ้นจากอำนาจพระยาขอมดำที่ได้เข้ายึดครอง เมืองโยนกนครอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่บัดนี้เราไม่สามารถจะค้นพบเมืองโยนกนคร นัน้ แล้ว เพราะเมืองนีท้ งั้ เมืองได้ลม่ ถล่มจมลงไปกลาย เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า เวียงหนองล่ม ปัจจุบนั อยู่ในเขตตำบลทุ่งฟ้าฮ่ามหรือตำบลหนองล่ม อำเภอ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตำนานสิงหนวัติเล่าถึงสาเหตุที่เมืองโยนกนคร ถึงแก่กาลอวสานล่มถล่มลงไปทั้งเมืองว่า เนื่องจาก ชาวเมืองโยนกกินปลาตะเพียนเผือกตัวใหญ่เท่าต้นตาล ยาวประมาณ ๗ วา พอตกกลางคืนเมืองทั้งเมืองก็ ถล่มจมหายไป เกิดเป็นหนองน้ำใหญ่ ผู้คนพลเมือง และกษัตริย์ผู้ครองนามว่า พระองค์มหาชัยชนะ ได้ จมหายไปใต้น้ำสิ้นยังเหลือแต่เรือนแม่หม้ายเฒ่าหลัง เดียว ๓๗
แคว้นล้านนา วงศ์สงิ หนวัตนิ มี้ กี ษัตริยส์ บื ต่อกันมา ๔๖ พระองค์ ผลงานที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุดของวงศ์นี้ นอกจากสร้าง บ้านแปงเมืองขึ้นหลายเมืองแล้ว กษัตริย์ในวงศ์นี้มี พระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงทะนุบำรุง พระพุทธศาสนาตลอดมา ดังจะเห็นว่าได้อัญเชิญพระ บรมสารีรกิ ธาตุเข้าบรรจุไว้ในพระบรมธาตุดอยตุง สร้าง พระสถูปบรรจุพระเกศธาตุไว้ทถี่ ำ้ แก้ว เวียงสีทวงใกล้ๆ ฝั่งแม่น้ำสาย สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ ณ ตำบลพูกวาวเหนือ เวียงไชยนารายณ์ และ ฟากฝัง่ ตะวันออกของแม่นำ้ โขงอีกสองแห่ง สร้างพระ อารามและพระสถูปหลังผารูปเต่า สร้างพระวิหารพระ พุทธบาทไว้บนเขาผาเลือก สร้างพระเจดีย์ไว้ ณ ผาเลงโลก สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ในพระธาตุจอมทอง กลางเวียงไชยนารายณ์ สิ่งเหล่า นี้กษัตริย์ราชวงศ์สิงหนวัติได้ทรงเตรียมปูทางไว้ ให้ วงศ์ลาวจกทีเ่ ข้ามาครอบครองต่อมาได้รบั ความสะดวกใน การปกครอง และรวบรวมกำลังพลไว้สขู้ า้ ศึกทีม่ ารบกวน
ไทยกลุ่มแรกลงมาสร้างเมืองเชียงลาวและเมืองอื่นๆ ขึ้นริมแม่น้ำสายมาหลายชั่วคนก่อน ครั้นสิ้นวงศ์ สิงหนวัติ วงศ์ลาวจกก็ได้รบั การยกย่องขึน้ ปกครองแทน ได้ส่งบุคคลที่เข้มแข็งภายในวงศ์แยกย้ายไปปกครอง เมืองสำคัญๆ เฉพาะเวียงสีทวง (เล่ากันว่าเดิมเรียก “เวียงสี่ตวง” ซึ่งมาจากการที่พวกละว้าต้องส่งส่วยให้ แก่พระเจ้าอชุตราชปีละ ๔ ตวง คือ เท่ากับลูกมะตูม ๔ ลูก ปัจจุบันยังปรากฏคูเวียงกว้าง ๔ เมตร ลึก ๖ เมตร อยู่ ๒ ชั้น เรียกว่า “เวียงแก้ว” อยู่ในตำบลป่า สักน้อย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเชียงแสนเก่า) ลาวเคียงได้มาครองสืบต่อมาจนถึงลาวเมงกษัตริย์ ไทยพระองค์นี้ได้พยายามขับไล่พวกลัวะ อันเป็นชาว ป่าและอยู่ในบริเวณนั้นให้อพยพไปอยู่ตามป่าเขาได้ สำเร็จ ใน พ.ศ. ๑๗๘๑ เจ้าลาวเมงมีพระโอรสกับนาง เทพคำขยาย (ราชธิดากษัตริย์เชียงรุ่ง) พระองค์หนึ่ง มีพระนามว่า เจ้ามังราย (ที่เรามักขานพระนามว่า พ่อขุนมังราย หรือ พระยาเมงราย) ครั้นเจ้ามังราย ได้ขึ้นครองราชย์ ในเมืองหิรัญนครเงินยางเมื่อพระ ชันษา ๒๒ ปี แล้ว ก็ทรงคิดขยายอาณาจักรให้กว้าง ขวางขึน้ เฉพาะหัวเมืองต่างๆ ทางฝ่ายเหนือนัน้ ทรงใช้ วิธีให้เจ้าครองนครมาอ่อนน้อมบ้าง ทรงส่งกองทัพไป ตีบ้าง ทรงได้เมืองมอบเมืองไร และเมืองเชียงคำมา ไว้ในอาณาจักร นอกจากนัน้ เมือ่ เสด็จไปพบว่าบริเวณใด ที่มีทีท่าว่าจะเจริญก้าวหน้าในภายหน้าได้ ก็ทรงสร้าง ขึ้นเป็นเมืองหลายเมือง เช่น เชียงราย ลำปาง เวียง กุมกาม และเชียงใหม่ เป็นต้น
พระธาตุดอยตุง
แม้ว่าวงศ์ลาวจก (มาจากแคว้นจก ตอนใต้ของ ประเทศจีน) ได้อพยพลงมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณโยนก เชียงแสนมาก่อน แต่พอวงศ์สิงหนวัติอพยพมาอยู่ถิ่น นีบ้ า้ ง ก็ยอมอยูใ่ นอำนาจด้วยเห็นว่าเป็นพวกไทยด้วยกัน จนกระทัง่ แคว้นโยนกถูกทำลายลงในราว พ.ศ. ๑๗๐๒ และวงศ์สิงหนวัติต้องกระจัดพลัดพรายไปคนละทิศละ ทางแล้ว วงศ์ลาวจกก็เข้ารับบทบาทผู้นำชนชาติไทย โดยกล่าวกันว่าปูเ่ จ้าลาวจกในวงศ์ลาวจก ได้อพยพชาว ๓๘
พระธาตุจอมทอง
สร้างเมืองเชียงราย พงศาวดารโยนกกล่าวถึงการสร้างเมืองเชียงรายว่า วันหนึ่งบังเอิญช้างมงคลของพ่อขุนมังรายหลุดหนีไป จึงทรงออกติดตามรอยเท้าไปจนพบตัวที่ริมแม่น้ำกก ทรงเห็นว่าภูมิประเทศบริเวณนั้นร่มรื่นสวยงาม และ เป็นชัยภูมิดี จึงทรงสร้างขึ้นเป็นเมืองสำเร็จใน พ.ศ. ๑๘๐๕ และประทานชื่อว่า เมืองเชียงราย แล้วเสด็จ จากเมืองหิรญั นครเงินยางมาประทับ ณ เมืองเชียงรายนี้ อีก ๓ ปี ต่อมา ทรงมอบให้ขุนเครื่องราชบุตร องค์ใหญ่อยู่ปกครองเชียงราย แล้วทรงยกทัพไปอยู่ที่ เวียงไชยปราการ (ฝาง) เพราะเป็นศูนย์กลางทีส่ ามารถ ยกกำลังตรงไปยังหัวเมืองสำคัญได้รวดเร็วและรอบ ทิศ ๖ ปี ต่อมา ทรงตีได้เมืองผาแดง เมืองเชียงของ และเมืองเซิง แล้วต้องเสด็จกลับมาประทับอยู่ที่เมือง เชียงรายอีกวาระหนึ่ง เพราะขุนเครื่องคิดขบถ ต้อง ส่งคนมาลอบประหารด้วยหน้าไม้ ใน พ.ศ. ๑๘๑๙ พ่อขุนมังรายทรงยกกองทัพ มาติดเมืองพะเยา แต่พระยางำเมืองซึง่ เป็นทัง้ พระญาติ และพระสหายที่เคยร่วมเรียนวิชาจากอาจารย์เดียว กันมาก่อน ได้ทรงต้อนรับเป็นอย่างดี การรบจึงไม่ เกิดขึ้น กลับทำสัตย์สาบานเป็นมิตรไมตรีไม่เบียด เบียนกันอีกด้วย อีก ๔ ปีต่อมา เมื่ออ้ายฟ้าคนฉลาดเข้าไป ดำเนินการบ่อนทำลายอยู่ในนครหริภุญไชยได้สำเร็จ ก็นัดแนะให้พ่อขุนมังรายยกกำลังเข้านครหริภุญไชย ได้อย่างสะดวกสบายแล้ว เป็นอันว่าในขณะนัน้ มีแคว้น ไทยอยู่ในแหลมทองแล้ว ๓ แคว้น คือ แคว้นล้านนา (ของพ่อขุนมังรายมหาราช) แคว้นพะเยา (ของพระยางำ เมือง) และแคว้นสุโขทัย (ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช) มีเขตติดต่อกัน และเป็นมิตรซึ่งกันและกัน เพราะ กษัตริย์ทั้งสามพระองค์เคยเล่าเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ ทรงพระเยาว์ เมื่อเป็นกษัตริย์แล้วก็ร่วมสาบานว่าจะ ไม่เบียดเบียนต่อกันอีกด้วย แคว้นพะเยา พะเยาเป็ น บ้ า นเป็ น เมื อ งมาแต่ ส มั ย โบราณ พงศาวดารโยนกกล่าวว่า ในรัชกาลของเจ้าขุนเงินแห่ง ราชวงศ์ลวจักราช ซึ่งครองเมืองหิรัญนครเงินยาง ได้ ส่งโอรสองค์หนึง่ มีพระนามว่าขุนจอมธรรมไปสร้างเมือง ขึ้นใหม่ ณ เชิงเขาขุนภู หรือดอยด้วนใกล้แม่น้ำ
สายตา (หรือแม่น้ำอิง) บริเวณที่สร้างเมืองใหม่นี้เคย เป็ น เมื อ งร้ า งมาแต่ โ บราณชื่ อ เมื อ งเชี ย งแก่ น ครั้ น สร้างเมืองเสร็จก็ขนานนามเมืองนี้ว่า เมืองภูกามยาว ซึ่งภายหลังเรียกว่า เมืองพะเยา ขุ น จอมธรรมได้ ค รองราชย์ เ ป็ น กษั ต ริ ย์ เ มื อ ง ภูกามยาว มีหวั เมืองใหญ่นอ้ ยอยู่ในอำนาจหลายเมือง เป็นต้นว่า เมืองงาว กาวสะเอบ เชียงมอนสะปง ออยงิม สะลาว ครอบเชียงแรง หงาวลอเทิง แช่เหียง แช่ลุง ปากช่อง หนองขวาง เชียงแช่ตอ๊ ด เมืองอิง แช่หลวง แช่หม เมืองภูกามยาว เป็นรัฐทีใ่ หญ่โตรัฐหนึง่ ในสมัยนัน้ พ่อขุนจอมธรรมมีโอรส ๒ องค์ องค์แรกทรง นามว่า ขุนเจื๋อง องค์ที่สองทรงนามว่าขุนชอง หรือ จอม เมื่อพ่อขุนจอมธรรมสวรรคตแล้ว ขุนเจื๋องก็ได้ ราชสมบัติต่อมา ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีอานุภาพมาก สามารถปราบบ้านเล็กเมืองน้อยในบริเวณลุม่ แม่นำ้ กก แม่น้ำสาย แม่น้ำวัง และแม่น้ำโขงเข้าไว้ด้วยกัน ต่อ มาได้เสด็จจากเมืองภูกามยาวมาครองเมืองหิรัญนคร เงินยาง (เชียงแสน) เป็นราชธานี เมืองภูกามยาว กลายสภาพเป็นเมืองลูกหลวง กษัตริย์ที่ครองเมือง ภูกามยาวสมัยต่อมาล้วนสืบเชื้อสายมาจากขุนชองผู้ เป็นอนุชาของพระเจ้าขุนเจื๋อง และองค์ที่สำคัญ คือ พ่อขุนงำเมือง ผูร้ ว่ มสมัยกับพ่อขุนมังรายมหาราชนัน่ เอง สิ้นรัชกาลพ่อขุนงำเมือง ภูกามยาวก็สิ้นความ สำคัญไปหลายชัว่ คน จนถึงสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่ง ล้านนาไทย ซึง่ ร่วมสมัยกับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้น พระยายุทธิษฐิร หรือ พระยาเชลียงผู้ครองศรีสัชนาลัยเป็นขบถ อพยพ ครอบครัวไปเข้ากับพระเจ้าติโลกราช จนเป็นเหตุให้ เกิดสงครามขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับล้านนาไทย พระเจ้าติโลกราชโปรดให้พระยายุทธิษฐิรไปเป็นเจ้า เมืองพะเยา เมืองภูกามยาวหรือพะเยาคงจะฟืน้ ฟูขนึ้ อีก ครั้งหนึ่ง ประวัติศาสตร์กล่าวว่า พระยาเชลียงได้ อพยพครอบครัวช่างปัน้ ถ้วยชามจากเมืองศรีสชั นาลัยขึ้น ไปเมืองเหนือด้วย จึงทำให้เกิดมีเตาเผาเครื่องถ้วย ชามแบบสังคโลกขึ้นในเมืองเหนือปัจจุบันพบซากเตา เผาเครื่องถ้วยชามที่เวียงป่าเป้าและเมืองพาน ในเขต เมืองพะเยาจึงมีเศษกระเบื้องและเครื่องถ้วยชามดัง กล่าวมากมาย หลังรัชกาลพระเจ้าติโลกราชลงมา เรือ่ งราวเกีย่ ว กับพะเยาหายไป เพราะต่อมาอีกไม่กี่รัชกาล ล้านนา ๓๙
ไทยก็เสียเอกราชเป็นเมืองขึ้นอยู่ภายใต้การปกครอง ของกษัตริย์พม่า นพบุรีศรีมหานครพิงค์เชียงใหม่ เนือ่ งจากพ่อขุนมังรายทรงมีพระทัยเป็นนักสร้าง สรรค์และพัฒนาการ เมือ่ ทรงตัง้ อ้ายฟ้าให้ปกครองนคร หริภญุ ไชยแล้ว ได้เสด็จไปสร้างเวียงกุมกาม (อ.สารภี) ขึ้นทางเหนือของนครหริภุญไชย เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๙ จากนั้น ทรงยกทัพไปตีได้ประเทศมอญและพม่าเป็น ประเทศราชอีก ๒ แห่ง ไม่แต่เท่านัน้ ใน พ.ศ. ๑๘๓๔ พ่อขุนมังรายทรงเห็นว่าที่ราบกว้างใหญ่ระหว่างดอย สุเทพกับดอยสะเก็ด ซึ่งมีลำน้ำแม่ปิงไหลผ่านนั้นเป็น ที่สมบูรณ์ เหมาะที่จะตั้งเป็นนครใหญ่ได้ จึงทูลเชิญ พระยางำเมืองและพ่อขุนรามคำแหง พระสหายมาทรง ช่วยให้คำแนะนำ ได้ทำพิธีฝังเสาหลักเมืองใน พ.ศ. ๑๘๓๙ เสร็จแล้วขนานนามว่านพบุรีศรีมหานครพิงค์ เชียงใหม่แต่ชื่อนี้ออกจะยาวเกินไปผู้คนจึงเรียกว่า เชียงใหม่ ฝ่ายพระยายีบาเจ้านครหริภุญไชย (ลำพูน) ที่ หนีไปอยู่เมืองเขลางค์นคร (ลำปาง) กับพระยาเบิก โอรสนั้นเวลาล่วงไป ๑๔ ปี พระยาเบิกยกทัพมาตี ลำพูนหมายจะชิงเมืองคืนให้พระยายีบา พ่อขุนมังราย โปรดให้ขุนครามที่ครองเชียงรายอยู่ยกทัพมายับยั้ง ขุนครามชนช้างชนะพระยาเบิกถึงจับตัวได้และประหาร เสีย พ่อขุนมังรายจึงสถาปนาขุนครามขึ้นเป็นเจ้าไชย สงครามโปรดให้กลับไปครองเชียงรายตามเดิมและ ทรงยกเมืองเชียงดาวให้เป็นบำเหน็จด้วย พ.ศ. ๑๘๖๐ พ่อขุนมังรายมหาราชทรงถูกฟ้าผ่า สวรรคตในขณะเสด็จประพาสตลาด พระยาไชยสงคราม พระโอรสได้ขนึ้ ครองราชย์ตอ่ แต่ทรงมอบให้ทา้ วแสนภู โอรสองค์ใหญ่ครองเชียงใหม่ แล้วเสด็จกลับไปประทับที่ เชียงรายตามเดิม หิรัญนครไชยบุรีศรีเชียงแสน พ.ศ. ๑๘๗๐ พระยาไชยสงครามสิน้ พระชนม์ พระยาแสนภูขนึ้ ครองราชย์ตอ่ และต้องเสด็จไปประทับที่ เชียงราย เพราะขณะนัน้ มีความสำคัญในทางปกครองกว่า เชียงใหม่ จึงทรงมอบให้เจ้าคำฟูพระโอรสครองเชียงใหม่ แทน พระยาแสนภูประทับอยู่ทีเชียงรายไม่นาน ก็มี ๔๐
พระประสงค์จะสร้างนครใหม่ โดยทรงเห็นว่าบริเวณ กว้างใหญ่ที่มีซากเมืองสำคัญๆ ครั้งโบราณอยู่หลาย เมือง แต่แล้วเมืองต่างๆ เหล่านั้นถูกข้าศึกทำลาย หรือร่วงโรยไปตามลำดับ จนกระทั่งบริเวณนั้นเต็มไป ด้วยซากและร่องรอยเมืองเก่าอยู่ทั่วไป เช่น เวียงเก่า เชียงลาว เมืองสุวรรณโคมคำ เมืองสิงหนวัตินคร เวียงไชยบุรี เวียงปรึกษา และในที่สุดตั้งเป็นเมือง หิรัญนครเงินยาง เป็นเหตุให้เรียกบริเวณนั้นว่าเมือง รอย จึงทรงตกลงจะสร้างนครใหม่ขั้น ณ ที่นั้น นครใหม่นตี้ งั้ อยูร่ มิ แม่นำ้ โขง ขุดคูกอ่ กำแพงล้อม ไว้เพียง ๓ ด้าน ด้านตะวันออก ใช้ฝั่งอันสูงชันของ แม่นำ้ โขงเป็นขอบคูแทนกำแพง แล้วตัง้ พิธฝี งั หลักเมือง ใน พ.ศ. ๑๘๗๑ และประทานชื่อว่า หิรัญนครไชยบุรี ศรีเชียงแสน ซึง่ ปรากฏชือ่ เมืองเก่าๆ ทีอ่ ยูใ่ นบริเวณนั้น กับพระนามของพระองค์รว่ มอยูด่ ว้ ย แต่ตอ่ มาคนเรียก เพียงสัน้ ๆ ว่าเชียงแสน นับได้วา่ เชียงแสนได้เป็นราชธานี ของแคว้นล้านนาไทยอยู่ระยะหนึ่ง เมือ่ พระยาแสนภูสนิ้ พระชนม์ลงใน พ.ศ. ๑๘๗๗ พระยาคำฟูต้องเสด็จมาประทับที่เชียงแสนแทนพระ บิดา และทรงมอบเชียงใหม่ให้เจ้าผายูโอรสครองแทน หลังจากนั้น ๔ ปี พระยาคำฟูก็ทรงทำลายไมตรีที่มี ต่อแคว้นพะเยามาแต่เดิม โดยตีเอาแคว้นนั้นมารวม กับแคว้นล้านนา แต่แล้วไม่กี่ปีต่อมาพระยาคำฟูก็ถูก จระเข้ ใหญ่คาบจมน้ำหายไปในขณะเสด็จลงสรงใน แม่นำ้ คำใน พ.ศ. ๑๘๘๘ ต่อมาจึงพบพระศพ รัชกาล พระยาคำฟูนเี้ ชียงแสนยังเป็นราชธานีของแคว้นล้านนา ใน พ.ศ. ๑๙๗๙ มีเหตุการณ์สำคัญที่น่าบันทึก คือ พระสถูปใหญ่ในวัดพระแก้วเมืองเชียงรายถูกฟ้า ฝ่า จึงได้พบพระพุทธรูปลงรักปิดทององค์หนึ่งในนั้น
วัดพระแก้วเมืองเชียงราย
เจ้าอธิการวัดได้รกั ษาไว้ ต่อมา สังเกตเห็นว่าตรงปลาย พระนาสิกมีสีเขียว จึงได้ชำระขัดสีก็ทราบว่าภายใน เป็นพระพุทธรูปแก้วสีเขียวทึบทั้งองค์ ผู้คนจึงพากัน ไปนมัสการมากมาย เมือ่ ข่าวทราบไปถึงนครเชียงใหม่ พระเจ้าสามฝัง่ แกนจึงแต่งกระบวนแห่ไปรับมาประดิษฐาน ไว้ ณ นครเชียงใหม่ แต่เมือ่ กระบวนแห่เดินทางมาถึง ทางแยกที่จะไปเมืองนครลำปาง ช้างที่อัญเชิญพระ แก้วมรกตก็วงิ่ ตืน่ ไปทางเมืองนัน้ แม้หมอควาญจะขูเ่ ข็ญ หรือทำประการใด ก็ไม่ยอมไปทางเมืองเชียงใหม่ ท้าวพระยาผู้ไปรับพระแก้วมรกตเห็นแปลกประหลาด จึงมีใบบอกไปทูลพระเจ้าสามฝัง่ แกน ครัง้ นัน้ เจ้าเมือง เชียงใหม่นบั ถือผีสางเทวดามาก จึงทรงวิตกว่า ชะรอย เทวดาซึ่งรักษาองค์พระจะไม่ยอมมาเมืองเชียงใหม่ ก็ได้ จึงยอมให้เชิญพระแก้วมรกตไปประดิษฐานไว้ใน เมืองนครลำปาง ชาวเมืองนครลำปางจึงช่วยกันสร้าง วัดถวายชือ่ ว่า วัดพระแก้วดอนเต้า (อยูท่ บี่ า้ นเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง) พระแก้วมรกตองค์นี้ คือองค์ที่ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรตั นศาสดาราม กรุงเทพมหานคร เขลางค์นคร ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ได้เล่าถึงพระนาง จามเทวีผู้ครองหริภุญไชยว่า มีพระโอรสฝาแฝด ๒ พระองค์ องค์พี่มีนามว่ามหายส (มหันตยส) องค์น้อง มีนามว่าอินทวร (อนันตยศ) เมือ่ โอรสเจริญวัย พระนางก็ เวนราชสมบัตใิ ห้เจ้ามหายสครองหริภญุ ไชย เจ้าอินทวร จึงอยากจะแยกไปสร้างเมืองต่างหาก พระนางจามเทวีจึง ให้ไปบอกฤษีวาสุเทพ ท่านวาสุเทพแนะนำให้เจ้าอิน ทวรเดินทางจากนครหริภุญไชยไปเอาพรานเขลางค์ ซึง่ อาศัยอยูท่ ดี่ อยสุททบรรพต (ทางด้านทิศตะวันออก ของนครหริภุญไชย) เป็นมัคคุเทศก์พาไปกราบฤษี สุพรหมที่สุภบรรพตริมฝั่งแม่น้ำวัง ขอให้ช่วยสร้าง เมืองให้ เจ้าอินทวรก็พาบริวารไปตามที่ฤษีวาสุเทพ แนะนำ หนังสือชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า “ต่อแต่นนั้ ฤษีสพุ รหมกับพรานเขลางค์จงึ สร้างนคร อันดีงามขึน้ นครหนึง่ มอบให้เจ้าอินทวรครอบครอง เพราะ อาศัยพรานเขลางค์นนั้ นครนีจ้ งึ มีชอื่ ว่า เขลางค์นคร...” เมือ่ สร้างเขลางค์นครเสร็จแล้ว พระนางจามเทวีได้ เสด็จมาทีน่ ครเขลางค์ แล้วทรงอภิเษกพระเจ้าอินทวรใน
นครเขลางค์ด้วยอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ ในรัชกาลพ่อขุนมังราย เมื่อพระยาเบิกผู้ครอง เขลางค์นครยกทัพไปตีลำพูนเพื่อจะชิงเมืองคืนให้ พระยายีบา และได้ชนช้างกับขุนคราม ถูกจับตัวได้ และถูกประหาร (เหลือแต่ชื่อ “เจ้าพ่อขุนตาน”) แล้ว ขุ น ครามได้ ย กทั พ เข้ า ยึ ด เมื อ งนครเขลางค์ ไ ด้ ด้ ว ย เขลางค์นครจึงถูกผนวกเข้าไว้ในแคว้นล้านนานับแต่ นั้นมา เมืองเขลางค์นครตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของ แม่น้ำวัง เมืองนี้สัณฐานเป็นเมืองใหญ่สร้างเป็นรูป สี่เหลี่ยมไปตามการคดของลำน้ำวัง กำแพงเมืองเป็น ดิน แต่มรี อ่ งรอยการก่อสร้างด้วยอิฐทับตอนบนในสมัย หลังตัวเมืองมีความยาวราว ๒ กม. ภายในเมืองมีวัด ที่สำคัญหลายวัด ลัมภะกัปปะนคร ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคา มี เมืองโบราณขนาดเล็กรูปสี่เหลี่ยมมน มีกำแพงล้อม รอบสามชั้น และมีคูน้ำระหว่างกำแพงสองคู ในเมือง มีโบราณสถานสำคัญคือ พระธาตุลำปางหลวง ซึ่งตั้ง อยู่บนเนินสูง เมืองนี้ในตำนานเรียกว่า ลัมภะกัปปะ นคร เป็นเมืองมาแต่สมัยกรุงหริภญุ ไชยยังเรืองอำนาจ เป็นเมืองโบราณทีส่ วยงามมากเมืองหนึง่ ในภาคเหนือ
วัดพระธาตุลำปางหลวง ๔๑
กาละเรื่อเทศะ ง...สุวิชา
เวลาที่หนูทานอาหารแล้วอยากจะหยุดดื่มน้ำ ก่อนที่จะดื่ม น้ำ ควรจะเอาผ้าแตะทีร่ มิ ฝีปากเสียก่อนเพือ่ ไม่ให้มรี อยปาก ไปติดที่ขอบแก้ว มันจะดูไม่ค่อยดี ที่สำคัญที่สุดของการ รับประทานกันแบบนี้ก็คือต้องใช้ช้อนกลาง สมัยโบราณนี่ นะ เวลาที่กินอาหารรวมๆ กันแบบนี้ เขาก็จะมีช้อนไว้ที่ ชามแกง สมัยก่อนยังไม่ค่อยมีเชื้อโรค บางทีเขาก็เลยเอา ช้อนนี่ตักน้ำแกง ซดน้ำแกงไปเลย แล้วก็เอากลับไปวาง ใหม่ แต่นี่มันนานแล้วนะจ๊ะ ตั้งแต่สมัยที่ย่ายังเด็กๆ ด้วย ซ้ำไป สมัยนี้เขาห้ามไม่ให้เอาช้อนกลางเข้าปากเป็นอัน ขาดนะ เอาช้อนกลางตักอาหารใส่จานเราแล้วก็เอาไปคืน ที่จานกลาง เรื่องนี้หนูก็พอรู้ๆ กันอยู่แล้วนี่ ไม่ยากเย็น อะไร แต่ถา้ เผือ่ เกิดวันนีเ้ ขาเลีย้ งอาหารฝรัง่ ขึน้ มานีส่ ิ พัศ กับแพรก็ต้องระวังมากขึ้นอีกนิดนึง ความจริงหนูก็เคยไป กินอาหารฝรั่งกับพ่อแม่อยู่แล้ว แต่นี่ไปออกสมาคมแบบนี้ เราก็ต้องระวังตัวมากขึ้น อาหารฝรั่งนี่จะมีมีดมีส้อมหลาย อันวางเรียงกันอยู่ แก้วก็มมี ากกว่าหนึง่ แก้ว เพราะว่านอกจาก จะเป็นแก้วน้ำแล้วก็ยงั มีแก้วไวน์ บางทีมอี กี สองแก้วสำหรับ ไวน์ขาว ไวน์แดง หรือบางแห่งยังมีแชมเปญด้วยอีกแก้ว หนึ่ง เป็นแก้วทรงสูง” “คุณย่าว่ามีมีดส้อมหลายอัน จะใช้อย่างไรถึงจะถูก ล่ะคะ” แพรถาม “อาหารฝรั่งนี่หนูจะต้องใช้ช้อนส้อมที่วางเรียงกันอยู่ นั่นนะ ตั้งแต่ด้านนอกเข้ามาด้านใน เช่น ตอนแรกโดย มากมักจะเป็นซุปก่อนหรือบางแห่งจะมีสลัดก่อน ซุปกับ สลัดนี้บางทีสลับกันได้ ซุปก่อนบ้าง สลัดก่อนบ้าง เราก็ ต้องดู ช้อนซุปจะอยู่ข้างขวาข้างนอกสุด เวลาหนูทานซุป เอาด้านข้างของช้อนตักเข้าหรืออกก็ได้ เวลาซดซุปทาง ด้านข้างของช้อนก็อย่าให้มีเสียงดังเป็นอันขาดนะจ๊ะ ถ้า เป็นสลัดมักจะเป็นส้อมหรือบางแห่งอาจจะมีทั้งมีดทั้งส้อม ซึ่งเขาก็จะจัดไปตามที่ ต้องหยิบให้ถูก จำเอาไว้อย่างหนึ่ง ก็คือ ต้องเอาจากด้านนอกเข้ามาหาด้านใน” “ทานแบบฝรั่งเขาทานทีละจานใช่ไหมครับ” พัศพูด แล้วหันไปยักคิ้วกับน้องทำนองว่ารู้ดี “ใช่จ้ะ ถ้าเป็นอาหารชุดใหญ่จริงๆ หลังจากซุปแล้ว เขาจะมีปลาหรือกุง้ ซึง่ ปลาหรือกุง้ จะมีมดี อยูท่ างขวามือนีน่ ะจ๊ะ เป็นมีดที่ไม่ค่อย คม ใบมีดจะค่อนข้างอ้วน ส่วน ส้อมก็อยู่ซ้ายมือนะจ๊ะ หนู
เรื่องของพัศกับแพร
คุ
ตอน
กิน กิน และกิน
ณย่าเดินเข้ามาในห้องที่หลานชายและหลานสาวอยู่ กันพร้อมหน้า หลานชายทำงานอยูห่ น้าคอมพิวเตอร์ หลานสาวนั่งอ่านหนังสือ “พัศกับแพรจ๊ะ วันนีป้ ยู่ า่ จะพาหนูไปบ้านคุณวงเดือน เพื่อนป้าที่เป็นภริยารัฐมนตรีสวัสดิ์น่ะจ้ะ เธอชวนไปทาน ข้าวและก็บอกให้เอาหลานๆ ไปด้วย คุณวงเดือนเห็นหลาน มาตัง้ แต่ตอนเล็กๆ บอกว่าหมูน่ ยี้ า่ ไม่คอ่ ยได้พาไปหาบ้างเลย ไปหน่อยนะจ๊ะ” “ว้า ไปบ้านรัฐมนตรี รัฐมนโท ไม่ตอ้ งมีพธิ รี ตี องมาก หรือครับคุณย่า พัศว่าพัศอยูท่ านข้าวทีบ่ า้ นเราดีกว่านะครับ” “ย่าว่าไปกับปูย่ า่ ก็ดนี ะ หนูควรจะออกไปพบผูค้ นเยอะๆ บ้าง ไม่ใช่ไปแต่กับเพื่อนหรือญาติพี่น้องเท่านั้น ควรจะไป พบคนให้มากขึน้ ผูห้ ลักผูใ้ หญ่กต็ อ้ งไปมาหาสูบ่ า้ ง รูจ้ กั เอาไว้ เยอะๆ ดี โตขึน้ ทำงานทำการอะไร อาจจะมีโอกาสได้พงึ่ พา อาศัยกันต่อไป” “แพรก็ไม่คอ่ ยอยากไปค่ะ ไปบ้านผูด้ ี ไปบ้านรัฐมนตรี เดีย๋ วเราไปรับประทานไม่ถกู วิธกี จ็ ะโดนว่าเอาได้” แพรช่วย เสริมพี่ชาย “ความจริงรัฐมนตรีกค็ นธรรมดาอย่างเราๆ นัน่ แหละ แต่ไม่ว่าเราจะไปรับประทานอาหารกับใคร เราก็น่าจะรู้จัก มารยาทในการรับประทานอาหารให้ถกู ต้อง เดีย๋ วย่าจะสอน ให้วนั นี้ ย่าก็ไม่คอ่ ยแน่ใจว่าเขาชวนไปทานอาหารแบบไหน เอาเป็นว่าเดี๋ยวย่าสอนให้หนูทั้งสองคนทุกแบบเลยก็แล้ว กัน เริ่มจากการกินอาหารแบบไทยๆ ของเรานี่แหละ ซึ่ง ความจริงหลานก็รู้อยู่แล้ว กินกันอยู่ทุกวัน มีเรื่องเพิ่มเติม อีกนิดหน่อยเท่านัน้ คือเวลานัง่ โต๊ะอาหารนี่ หนูตอ้ งนัง่ ตัวตรง และก็ไม่เท้าศอกบนโต๊ะอาหาร” “อย่างนีไ้ ด้ไหมคะ ไม่เท้าศอกแต่เอาแขนขึน้ นิดหน่อย อย่างนี้” แพรทำท่าประกอบ “พอจะได้จะ้ แต่ถา้ เผือ่ ว่านัง่ ทานกับผูห้ ลักผูใ้ หญ่จริงๆ แล้วก็ไม่ควรจะเอาขึ้นมา” “ถ้าเผื่อเขาทานแบบไทย คือทานรวม มีกับข้าวอยู่ ตรงกลาง มีจาน ช้อน ส้อม วางอยู่แล้ว พัศก็ใช้เป็นอยู่ แล้วนะครับคุณย่า” พัศบอก “ดีจ้ะ แต่ถ้าเขามีผ้าเช็ดมือ หนูต้องอย่าลืมคลี่ผ้า เช็ดมือมาปูที่ตักนะ สมัยนี้บางทีเขาก็ใช้กระดาษ ก็เอานั่น แหละจ้ะมาปูที่ตัก เพราะว่าผ้าหรือกระดาษนี่สำคัญนะจ๊ะ ๔๒
เอามีดตักอาหาร แต่ห้ามเอาเข้าปากนะจ๊ะ ในหนังสือ ท่านผูห้ ญิงพัว อนุรกั ษ์ราชมณเฑียร ท่านเตือนเอาไว้วา่ การ เอามีดเข้าปากเป็นการเสียมารยาทมาก” “บางทีมีดปลาที่คุณย่าว่านั้นมันใหญ่นะครับ ผมเคย เห็นบางคนเขาเอาเข้าปาก เขาคงนึกว่าคล้ายๆ กับช้อน แบน” พัศเล่า “บางคนเขาก็อนุโลมว่าใช้ได้ ถ้าอาหารปลาจานนั้น มีน้ำขลุกขลิกด้วย อาจใช้มีดกลมตักน้ำใส่ปากได้ แต่ตาม ธรรมเนียมทั่วๆ ไป ก็มักจะใช้ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก บาง งานทีเ่ ขารับประทานกันอย่างครบถ้วนจริงๆ หลังจากอาหาร ทะเลแล้ว ก็จะมีเชอเบิรต์ (น้ำผลไม้ปนั่ แข็ง ไม่มีครีม) คั่น เพื่อให้ปากสะอาดก่อนรับประทานอาหารจานหลัก ซึ่งมัก จะเป็นเนื้อหรือหมู หรือไก่ หรือปลา ก็อาจเป็นอาหาร จานหลักได้ อันนี้มีดจะคมขึ้นหน่อย และมักจะอยู่ข้างใน สุด ส่วนช้อนส้อมของขนมหวาน ส่วนมากเขามักจะเอาไว้ ข้างบนเหนือจาน ถ้าเป็นอาหารฝรั่ง ช้อนส้อมของขนม จะค่อนข้างใหญ่ จนบางครัง้ คนเข้าใจผิดนึกว่าเป็นช้อนส้อม ของข้าว ก็เอาไปตักข้าวหน้าตาเฉย อาหารฝรั่งนี่ยังมีอีก แบบคืออะไร หนูทายสิจ๊ะ” “บุฟเฟ่ใช่ไหมครับ” พัศรีบบอก “ใช่สิจ๊ะ บุฟเฟ่นี่ความจริงวิธีการรับประทานมันง่าย มาก เพราะว่าเขาจัดเตรียมอาหารวางอยู่บนโต๊ะบุฟเฟ่อยู่ แล้ว แล้วก็มีถ้วย ชาม ช้อน ส้อม เตรียมไว้ให้ เราไปตัก เลือกรับประทานกันได้เลย แต่ขอ้ สำคัญก็คอื หนูตอ้ งเลือก เครื่องมือในการใช้รับประทานให้ถูกต้อง ถ้าเผื่อหนูไปตัก ข้าวมารับประทาน ควรจะใช้ช้อนส้อม ถ้าเผื่อว่าไปตัก อาหารฝรัง่ อย่างเช่น สเต็ก หรือว่าอะไรก็ตามทีเ่ ป็นอาหาร ฝรัง่ ก็ควรจะใช้มดี กับส้อมจึงจะถูกต้อง ทีส่ ำคัญมากอีกอย่าง หนึง่ ในการรับประทานอาหารแบบฟุเฟ่นกี้ ค็ อื อย่าตักอาหาร มากเกินไปจนกระทั่งกินไม่หมด เหลือทิ้ง อันนั้นแหละจะ เป็นการเสียของและเสียมารยาททีเดียว หนูเห็นไหม ตาม ร้านอาหารทีข่ ายอาหารแบบบุฟเฟ่บางแห่งเขาถึงกับมีกฎว่า ถ้าเผือ่ ใครรับประทานเหลือเขาจะหักเงินจากของทีเ่ หลือ อันนี้ ย่าว่าเป็นการดัดนิสยั ไม่ให้คนตาโตจนเกินไป กลัวจะกินไม่ อิม่ ตักของทีต่ วั เองชอบมาเยอะแยะจนกระทัง่ เหลือ ควร กะตักให้พอดีๆ กับที่เราจะทานได้ แล้วถ้าเผื่อเกิดไม่อิ่ม จริงๆ เราก็ลกุ ไปตักใหม่รอบทีส่ องก็ไม่มใี ครว่าอะไร บางคนนี่ เขาลุกไปถึงสามครัง้ คือครัง้ แรกนีเ่ ขาไปตักอาหารชนิดทีเ่ ขา เรียกว่าอาหารเย็นคือ เป็นพวกเนื้อเย็นต่างๆ หรือว่าสลัด หรือพวกออร์เดิรฟ์ มารับประทานก่อน เสร็จแล้วถึงจะไปเอา จานที่สองเป็นอาหารที่หนักขึ้นเช่น ข้าวราดแกง หรือว่า สเต็กหรืออะไรก็ตาม เป็นจานที่สอง เสร็จแล้วถึงจะลุกไป ตักขนมอีกครั้ง แต่ละครั้งก็ตักมาให้พอดีๆ อย่าให้มาก
เกินไปอย่างที่ย่าบอกนั่นแหละ” “เฮ้อ คุณย่าคะ ที่คุณย่าบอกว่าต้องถือส้อมมือซ้าย แล้วก็ถอื มีดมือขวาเวลาทานอาหารฝรัง่ ใช่ไหมคะ แต่วา่ วัน ก่อนแพรเห็นคนเขาทานอาหารฝรั่งแต่เขาถือช้อนมือซ้าย แล้วก็ถือส้อมมือขวาค่ะ ไม่รู้ว่าเขาถนัดซ้ายหรือเปล่า แต่ หนูกเ็ ห็นเขาหยิบแก้วน้ำด้วยมือขวานะคะ เพราะฉะนัน้ เขาคง ถนัดมือขวานั่นแหละ แต่ทำไมเขาถือส้อมมือขวาและถือ ช้อนมือซ้ายก็ไม่ทราบ” “อ้อ นั้นเขาคงทานสปาเก็ตตี้ละซิ โธ่ แพรไม่รู้เรื่อง เสียเลย” พี่ชายทำรู้ดี “ใช่จ้ะ พี่พัศเขาพูดถูกแล้ว เวลากินสปาเก็ตตี้เขาจะ ถือส้อมมือขวา แล้วก็ถอื ช้อนมือซ้าย เพราะว่า เขาจะใช้สอ้ ม จิม้ ทีเ่ ส้นสปาเก็ตตีแ้ ล้วก็หมุนส้อมพันๆ โดยเอาส้อมดันกับ ช้อนเอาไว้แล้วก็เอาเข้าปาก นี่ก็จะเป็นอาหารอย่างเดียว ละมัง้ ที่ใช้ชอ้ นไปอยูม่ อื ซ้าย และส้อมอยูม่ อื ขวา สปาเก็ตตี้ เป็นอาหารหลักอันหนึ่งของชาวอิตาเลี่ยนจ้ะ” “โอ้ย มีหลายแบบจัง” “อือ พัศขอให้เขามีเลี้ยงอาหารไทยง่ายๆ อย่างที่ เราทานที่บ้านนี่ พัศจะได้ทำอะไรต่ออะไรถูก ไม่ไปอายที่ บ้านคนอื่นเขา” “แพรก็วา่ อาหารไทยๆ ของเรานีอ่ ร่อยดีนะคะ อาหาร ฝรั่งนานๆ ทานที อย่างเวลาที่พ่อแม่พาไปทานข้างนอกก็ อร่อยดี แต่ถ้าต้องไปทานกับผู้ใหญ่ต้องคอยระมัดระวัง มารยาทนี่ ก็คงจะไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่” “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ หัดไว้ ย่าเตือนอีกเรื่องหนึ่งเวลา กินอาหารอยู่ อย่าพูดนะจ๊ะ เคี้ยวอาหารให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยพูด” ย่าพูดจบหลานก็หัวเราะกันคิกคัก “งั้นก็คุยระหว่างที่ทานอาหารไม่ได้ซิคะ ไม่ให้พูดไม่ ให้คุยเลยหรือคะ” “คุยได้จะ้ เวลาทีเ่ คีย้ วอาหารเสร็จแล้วก็คยุ ได้ แต่ตอ้ ง คุยในเรือ่ งทีน่ า่ รืน่ รมย์ ไม่ใช่เอาเรือ่ งน่าเกลียดหน้ากลัวมา คุยกันในโต๊ะอาหาร แบบนั้นก็จะเรียกว่าเสียมารยาทอีก ธรรมเนียมฝรั่งเขามีอีกอย่างหนึ่งว่า เวลาที่ทานอาหารถ้า จะไปก้มหน้าก้มตากินเอากินเอาก็จะไม่ค่อยดีเหมือนกัน เขาให้คุยกันบ้างกับคนที่นั่งข้างๆ หรือาจจะนั่งตรงกันข้าม ก็คุยกันได้ แต่ให้อาหารหมดปากเสียก่อนเท่านั้นแหละจ้ะ และสุดท้ายคือ เวลาทานอาหารอย่ายกเรื่องหนักๆ ต่างๆ มาทะเลาะกัน ถือว่าเป็นการเสียมารยาทเช่นกันจ้ะ หนูก็ อย่าไปทะเลาะกันเองบนโต๊ะอาหารล่ะ” คุณย่าล้อหลาน “เอ้า ตกลง ไปก็ไปครับ เจ้าประคูณ้ ขอให้เป็นอาหาร ไทยๆ ธรรมดาๆ ทีเถอะ” พัศพูดพลางพนมมือขึน้ เหนือหัว ๔๓
ชวนเที่ยว
เรื่อง...คะริน ภาพ...วินิจ รังผึ้ง
คว้าความฝัน ไต่จุดหมาย ที่ปลายทาง...ภูกระดึง ภูสูงยอดนิยมชั่วนาตาปี เพียงอุทยานเปิดให้เริ่มฤดูการเดินทาง ใครต่อใครก็เริ่มวางแผนที่จะไปพิชิตให้ ได้อย่างตื่นเต้น ที่น่าพิศวงคือคนที่เคยไปมาแล้ว เหนื่อยมาแล้ว ก็ยังอยากจะไปตกระกำลำบากอย่างมีความสุขแบบนั้นอีก... ที่นี่...ภูกระดึง ๔๔
๔๕
ผาหล่มสัก สัญลักษณ์ของภูกระดึงที่ผู้มาเยือนมารอดูพระอาทิตย์ตก
เต้นท์นักท่องเที่ยวที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้
ระเทศไทยมีภเู ขาใหญ่นอ้ ยมากมายให้ไปท่องเทีย่ ว แสวงหาความรืน่ รมย์ของทะเลหมอก ชืน่ ชมความ หนาวเย็นของบรรยากาศรอบร่างกาย หรือตื่นเต้นกับ พระอาทิตย์ขนึ้ และตกบนยอดภูกจ็ ริง แต่รบั รองว่าไม่มี ที่ไหนเหมือนที่นี่ สถานที่สุดท้าทาย ทั้งนักท่องเที่ยว ตัวจริงและไม่ใช่ เพราะมีพลังผลักดันบางอย่างให้แม้ แต่คนที่ไม่อยากไปไหนมากที่สุด ก็ยังต้องคว้าเป้สวม รองเท้าปีนเขาออกเดินทางไปแสวงหาอะไรบางอย่างที่ อาจจะเรียกว่า...ครั้งหนึ่งในชีวิต แน่ละ ภูสูงยอดนิยมชั่วนาตาปี เพียงอุทยาน เปิดให้เริ่มฤดูการเดินทาง ใครต่อใครก็เริ่มวางแผนที่ จะไปพิชติ ให้ได้อย่างตืน่ เต้น ทีน่ า่ พิศวงคือคนทีเ่ คยไป มาแล้ว เหนือ่ ยมาแล้ว ก็ยงั อยากจะไปตกระกำลำบาก อย่างมีความสุขแบบนั้นอีก...ที่นี่...ภูกระดึง ภูกระดึง เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๒ ของ ประเทศไทย ตัง้ อยูใ่ นท้องทีต่ ำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นภูเขาหินทรายยอดตัด ข้างบนเป็นทีร่ าบ ขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ ๖๐ ตารางกิโลเมตร มี ความสูง ๔๐๐-๑,๒๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ยอดสูงสุดคือ ภูกมุ่ ข้าว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๓๕๐ เมตร เป็นแหล่งกำเนิดของลำน้ำพอง ซึง่ หล่อ เลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจังหวัด ขอนแก่น ยอดภูกระดึงประกอบไปด้วยป่าสนสลับป่า ก่อและทุ่งหญ้า มีพันธุ์ไม้ดอก ไม้ใบ ขึ้นอยู่ทั่วไป ตามบริเวณน้ำตก ลำธาร และลานหิน ซึ่งธรรมชาติ ได้สร้างสรรค์ไว้อย่างน่าอัศจรรย์ ป่าไม้และพันธุไ์ ม้ในเขตอุทยานแห่งชาติภกู ระดึงมี มากมายหลายชนิด ในทุง่ หญ้ามีพนั ธุ์ไม้ดอกทีส่ วยงาม ออกดอกบานสะพรั่งสลับกันไปตามฤดูกาล นอกจากนี้ภูกระดึงยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุมเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ ประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุง่ หญ้าและลำธาร ซึง่ เป็นแหล่ง อาหารที่อุดมสมบูรณ์ สำหรับการเดินทางขึน้ ภูกระดึงนัน้ ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลาเจ็ด โมงเช้าถึงบ่ายสองโมงของทุกวัน และหลังจากนัน้ ทาง อุทยานฯ จะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินขึน้ เขา ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ ๔-๕ ชั่วโมง ซึ่ง
ป
๔๖
ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
จะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้น อาจจะ ทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตราย จากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย และในช่วงหนาวๆ ต้นปีอย่างนี้ อุทยานแห่ง ชาติภูกระดึง จ.เลย เปิดฤดูท่องเที่ยวแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เรื่อยไปถึงวนที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เที่ยวอะไรบนภูกระดึง กว่า ๕ ชั่วโมงของ การเดินเท้าขึ้นภูนับแต่พระอาทิตย์ยังลอยดวงสีแดง สุกปลั่งอ่อนโยนช่วงเช้าตรู่ กระทั่งแผดกล้าร้อนแรง อยู่บนกลางศีรษะ กำลังใจเท่านั้นที่ทำให้สองเท้ายัง ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่อ่อนล้าหรือทรุดฮวบลง ไปกลางทาง โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเทศกาล คนที่ ดาหน้าขึ้นมาด้วยกันจึงไม่ หนาตาจนต้องหลบหลีก บางส่วนที่ขอพักชั่วคราวต่างอวยพรให้กลุม่ ทีย่ งั ไปต่อ ไปได้อย่างราบรืน่ และปลอดภัย แต่ก็นั่นแหละ อีกไม่ นานเราก็คงต้องหาที่นั่งเหมาะๆพักเท้า แล้วก็ส่งเสียง เชียร์คนที่กำลังเดินหน้า ว่ากันว่ามาภูกระดึง ถ้าเพื่อนมาด้วยกัน ไม่เลิก
ทิวสนในแสงตะวันยามเย็น
คบกัน ก็จะรักกันไปนานแสนนาน ถ้าแฟนมาด้วยกัน ไม่เลิกรักกัน ก็จะผูกพันแน่นแฟ้นไปชั่วกาลนาน ด้วยความยากลำบาก ความไม่สบาย ความ เหน็ดเหนือ่ ยเมือ่ ยล้า จะเผยธาตุแท้ทกุ สิง่ ทีเ่ ราต่างคน ต่างมี นับว่าโชคดีที่เมื่อกลับมา เราไม่ได้สูญเสียอะไร ไปสักอย่าง นอกจากความเข็ดเขีย้ วทีว่ า่ ..ไม่ไปอีกแล้ว ไม่ไปอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังนึกถึงเสมอด้วย ความสุขที่ว่า..เอ๊ะ ฉันก็เคยเดินขึ้นภูกระดึงมาแล้วนะ นั่นสิ แล้วบนภูกระดึงมีอะไรให้เราต้องไปกัน แล้วไปกันเล่าด้วยล่ะ ตามมาดูกันทีละแห่งดีกว่า ผานกแอ่น เป็นลานหินเล็กๆ มีสนต้นหนึ่งขึ้น โดดเด่นอยูร่ มิ หน้าผา เป็นจุดท่องเทีย่ วชมพระอาทิตย์ขึ้น ทีส่ ำคัญอยูห่ า่ งจากทีพ่ กั ศูนย์วงั กวางเพียง ๒ กิโลเมตร ในทุกเช้าของหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูป กันมาก แต่ต้องช่วงชิงทำเลดีๆ หน่อยนะ และหาก อากาศดีพอ ในช่วงเวลาที่เดินเท้าฝ่าความมืดมาชม พระอาทิตย์ขนึ้ นัน้ เป็นช่วงทีป่ ระจวบเหมาะกับพระจันทร์ กำลังจะลับขอบฟ้า เราจะได้เห็นภาพสวยงามแปลกตาไป อีกแบบ ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอก ๔๗
ริมผาหล่มสัก
กุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นใน เดือน มีนาคม-เมษายน ใครทีอ่ ยากไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น ควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไป ด้วย ผาหล่มสัก... ยอดนิยมสุดๆ ถ้าไม่มาชมพระ อาทิตย์ตกทีน่ ี่ ก็เหมือนไม่ได้มาภูกระดึง ตัวผาหล่มสัก อยูห่ า่ งจากผาแดง ๒.๕ กิโลเมตร หากเดินมาจากแยก ศูนย์โทรคมนาคมกองทัพอากาศ บนเส้นทางน้ำตก แต่
๔๘
ถ้าเดินจากที่พักศูนย์วังกวาง จะใช้ระยะทางประมาณ ๙ กิโลเมตร ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะขากลับจะมืด กลางทางอย่างแน่นอน ผาหมากดูก... อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่อง เที่ยว ๒.๕ กิโลเมตร เป็นผาที่มีลานหินกว้างขวาง สำหรับชมพระอาทิตย์ตกที่ใกล้ทพี่ กั มากทีส่ ดุ สามารถ ชมทิวทัศน์ภูผาจิตในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ในช่วงต้นฤดูฝนจะมีดอกกระเจียวขึ้นเต็มทุ่งตามเส้น ทางสู่ผาหมากดูก น้ำตกวังกวาง... อยู่ใกล้ที่พักศูนย์วังกวางมาก ที่สุด มีระยะทางห่างแค่ ๑ กิโลเมตรเท่านั้นเอง ห้วย เล็กๆ ที่โอบล้อมที่พักอีกด้านจะไหลลงน้ำตกที่นี่ วัง กวางเป็นน้ำตกเล็กๆ ชัน้ ทีส่ งู สุดจะสูงประมาณ ๗ เมตร ด้านข้างของน้ำตกมีทางแคบๆ สำหรับปีนลงไปทีละ คน จะพบหลืบหินมีลักษณะคล้ายถ้ำใต้น้ำตก น้ำตก วังกวางมีความสวยงามมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม - ตุลาคม บริเวณนีจ้ ะมีทากชุมเพราะเป็น ด่านช้าง หรือทางช้างเดิน ส่วนในฤดูทอ่ งเทีย่ วซึง่ เป็น ฤดูแล้ง ปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย นักท่องเทีย่ วสามารถ แวะชมได้ง่ายใกล้ที่พัก
ใบเมเปิ้ลสีแดงที่น้ำตกขุนพอง
น้ำตกถ้ำสอเหนือ... อยู่ห่างจากศูนย์บริการนัก ท่องเที่ยววังกวาง ๔.๘ กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาด กลาง สูง ๑๐ เมตร น้ำไหลมาจากผาเป็นม่านน้ำตก บริเวณเหนือน้ำตกมีดงกุหลาบแดงซึ่งในช่วงฤดูร้อน จะออกดอกสะพรั่ง น้ำตกเพ็ญพบใหม่... เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว นักท่องเทีย่ วนิยม มาบันทึกภาพใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกซึ่งร่วง หล่นลอยไปตามผิวน้ำ ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิด น้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อ เป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลก คนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อ คราวทีข่ นึ้ ไปซ้อมมวยให้ชนิ กับอากาศหนาว ก่อนเดิน ทางไปชกในต่างประเทศ สระอโนดาด... อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่อง เที่ยว ๒.๗ กิโลเมตร เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่นักที่มี ต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ใกล้กันยังมีลานกินรี ซึ่ง เป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ทั้งพวก กินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิร์น เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึน้ อยูเ่ ต็มไปหมดด้วย
สระแก้ว อยูใ่ นส่วนต้นน้ำของลำธารสวรรค์ ลักษณะ เป็นวังน้ำลึกขนาดไม่กว้างนัก น้ำใสมากจนมองเห็น พื้นหินขาวสะอาด ต่อจากบริเวณสระแก้วมีทางเดิน ชมธรรมชาติผ่านลานหินซึ่งมีดอกหรีสีม่วงอมน้ำเงิน เกสรสีเหลือง ขึ้นอยู่เป็นทุ่งไปจนถึงผานาน้อย น้ำตกตาดร้อง เกิดจากลำน้ำพอง ซึ่งไหลลงมา จากภูกระดึงด้านหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือ สองฝัง่ ของ ตาดร้องเป็นผาหินสูงชันมาก เมือ่ น้ำตกผ่านผาหินกว้างที่ ลดหลัน่ เป็นชัน้ ๆ จึงทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง จากบริเวณ น้ำตกมองเห็นแนวภูเขาเปลือยขวางอยูข่ า้ งหน้า น้ำตก ตาดร้องอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ ๒๐ กิโลเมตร น้ำตกถ้ำใหญ่ ห่างจากน้ำตกเพ็ญพบประมาณ ๑ กิโลเมตร เส้นทางเดินไปสู่น้ำตกนั้นใกล้นิดเดียว สำหรับคนชอบธรรมชาติ ชมนกชมไม้ เพราะตลอด เส้นทางครอบคลุมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีพรรณไม้ใหญ่ และร่มครึ้มกว่าทุกเส้นทางน้ำตกอื่นๆ อาจได้พบต้น ส้มกุ้ง ออกดอกเป็นสีชมพู เกสรกลางสีเหลือง ชอบ ขึ้นตามทางในพื้นที่สูงอย่างป่าดงดิบ ในเส้นทางถ้ำ ใหญ่นี้มีทางเดินบางช่วงที่เลียบข้างลำห้วยเล็กๆ มี ต้นเมเปิ้ลอยู่เป็นระยะๆ ในช่วงต้นมกราคม เส้นทาง นี้จะแดงฉานไปด้วยใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นป่า ความสวยงามของน้ำตกถ้ำใหญ่จะแปลกตาด้วยโขด หินมหึมาวางทับซ้อนไม่เป็นระเบียบ น้ำตกธารสวรรค์ จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่า สนไม่ไกลนัก จะมีทางแยกบนลานหินสูน่ ำ้ ตกธารสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์ พระพุทธเมตตาเพียง ๑.๖ กิโลเมตรเท่านั้น เป็น น้ำตกขนาดเล็ก น้ำตกพระองค์ คล้ายกับน้ำตกถ้ำใหญ่ แต่ขนาด เล็กกว่า เกิดจากลำธารพระองค์ไหลเป็นลำธารเล็กๆ แล้วดิ่งตกลงหน้าผาที่ไม่สูงมากนักมุ่งสู่หินเบื้องล่าง ลำธารพระองค์นเี้ ป็นลำห้วยเล็กๆ ทีไ่ หลจากสระอโนดาด สระน้ ำ กลางป่ า สนซึ่ ง ไม่ เ คยเหื อ ดแห้ ง จึ ง มี น้ ำ ไหล ตลอดปี นอกจากสถานที่ยอดนิยมที่ว่ามานี้ หากมีเวลา หนึ่งวันเต็ม มีกำลังกายพร้อม แนะนำให้เพื่อนๆ ไป สั ม ผั ส เส้ น ทางเดิ น ศึ ก ษาธรรมชาติ เ ข้ า สู่ ป่ า ปิ ด บน ภูกระดึงให้ได้ โดยเฉพาะน้ำตกขุนพอง ซึ่งเปรียบดั่ง สัญลักษณ์แห่งหนึ่งของภูกระดึง มีเจ้าหน้าที่นำทาง และให้ความรูต้ ลอดเส้นทาง แม้จะเป็นการเดิน ไต่เขา ๔๙
ปีนป่าย ที่หนักหนาพอควรสำหรับคนไม่คนุ้ เคย แต่ ความงดงามของธรรมชาติ ที่ ส ร้ า งไว้ อ ย่ า งเร้ น ลั บ มหัศจรรย์ จะทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไม่รู้ลืม การเดินทางสู่ภูกระดึง • รถไฟ จากกรุงเทพมหานคร ไปลงทีข่ อนแก่น จากนัน้ โดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยัง หน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถเมล์เล็ก เดินทางต่อไปอีกประมาณ ๕ กิโลเมตร ก็จะถึงที่ ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นปีน เขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าอีก ๕ กิโลเมตร จึง จะถึง “หลังแป” แล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก ๔ กิโลเมตร ก็ถึงที่พักบนยอดภูกระดึง ทางอุทยานฯ ได้ จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอด ภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม • รถประจำทาง จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ ผานกเค้า แล้วโดยสารรถ ประจำทางไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นเดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึง • รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางไปจังหวัด นครราชสีมา ถึงอำเภอสีคิ้วเลี้ยวซ้าย ใช้ทางหลวง หมายเลข ๒๐๑ ถึงผานกเค้าแล้วเลีย้ วซ้ายใช้ทางหลวง หมายเลข ๒๐๑๙ เข้าที่ทำการอุทยานฯ อีก ๑๐ กิโลเมตร
๕๐
ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกบนภูกระดึง - ที่ทำการอุทยานฯ มีบ้านพักรับรอง ลานกาง เต็นท์ และร้านอาหารให้บริการ - สำหรับบนยอดภู ทีห่ น่วยฯ วังกวาง มีสงิ่ อำนวย ความสะดวกครบครันเช่นเดียวกับทีท่ ำการอุทยานฯ ตาม หน้าผาชมทิวทัศน์ต่างๆ คือ ผาหล่มสัก ผานาน้อย ผาหมากดูก ผาเหยียบเมฆ ผาแดง ผานกแอ่น ก็มี ร้านอาหารให้บริการ - แนะนำให้เตรียมสัมภาระขึ้นไปเท่าที่จำเป็น อาหารและเครื่องดื่มราคาเหมาะสม เทียบกับในเมือง แล้วไม่ต่างกัน นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะ ยัง ช่วยอุดหนุนคนท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่ม สอบถามเพิม่ เติม อุทยานแห่งชาติภกู ระดึง หมู่ ๑ บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย ๔๒๑๘๐ โทรศัพท์ ๐-๔๒๘๗-๑๓๓๓, ๐-๔๒๘๗-๑๔๕๘
ภูเรื่อมง...แพรชมพู ิปัญญาไทย ภาพ...สิงหรา
ผ้ า ทอไทย สืบสานภูมิปัญญาชีวิต ของคนรุ่นก่อนถึง ปัจจุบัน
ผ้าไทย ทั้งลวดลายและสีสัน ของผ้า สืบทอดยาวนานตาม จินตนาการของช่างทอ และอิทธิพลจากปัจจัยอื่นๆ ในอดีตนั้น ผ้าจัดเป็นวัสดุหลักใน การแต่งกายและเป็นเครื่องบ่งบอก ฐานะทางสังคมของผู้แต่ง รวมทั้งตำแหน่งและ กำหนดชั้นวรรณะของผู้สวมใส่
ค
นไทยเรารูจ้ กั นำเอาฝ้าย ปอ และไหม มาทอเป็น ผ้าได้นานแล้ว ปัจจุบันเจริญขึ้นถึงขั้นค้นคิด ประดิ ษ ฐ์ ใยสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาทอเป็น ผ้าดังที่พบอยู่มากมาย หลักฐานทางโบราณคดีและ ประวัติศาสตร์ศิลปะที่พบตามภูมิภาคต่างๆ แสดงให้ เห็นว่า บนแผ่นดินไทยมีรอ่ งรอยการใช้ผา้ และทอผ้าได้ ตัง้ แต่สมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ คือราว ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว และพัฒนาสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน ๕๑
ถามว่า ผ้า สำคัญอย่างไร คงต้องบอกว่า ผ้า เป็นงานหัตถกรรมไทยที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของ วัฒนธรรมประจำชาติ และความคิดสร้างสรรค์ของคน ในชาติ ในการรู้จักทำเครื่องนุ่งห่มและผลิตภัณฑ์ใช้ สอยในชีวติ ประจำวันของคนไทย สังคมในชนบทถือว่า งานทอผ้าเป็นหน้าที่ของผู้หญิงซึ่งทำกันในครัวเรือน ยามว่างจากการทำไร่ทำนา การทอผ้าจึงมีทั่วไปทุก ภาคของประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ผ้าไทย ทั้งลวดลายและสีสันของผ้า สืบทอดยาวนานตามจินตนาการของช่างทอ และอิทธิพล จากปัจจัยอื่นๆ ในอดีตนั้น ผ้าจัดเป็นวัสดุหลักในการ แต่งกายและเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะทางสังคมของผู้ แต่ง รวมทัง้ ตำแหน่งและกำหนดชัน้ วรรณะของผูส้ วมใส่ ด้วยเหตุนี้ การทอผ้าสำหรับบุคคลทีใ่ ช้จงึ มี ๓ ประเภท ใหญ่ๆ ประเภทแรก ผ้าทอสำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่ง มีทั้งผ้าที่ใช้สอยในชีวิตประจำวัน และผ้า ทีใ่ ช้ในโอกาสพิเศษ เกีย่ วเนือ่ งกับความเชือ่ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของกลุม่ ชน เช่น
ผ้าสำหรับนุง่ ห่มใช้ในงานทำบุญ งานนักขัตฤกษ์ งานเทศกาลหรือพิธีการสำคัญๆ ประเภทที่สอง ผ้าสำหรับชนชั้นสูง เจ้านายและพระมหากษัตริย์ เช่น ผ้าปักโบราณ ประเภทที่สาม ผ้าสำหรับพระภิกษุสงฆ์ และ เครือ่ งใช้ในพระพุทธศาสนา เช่น ผ้าห่มคัมภีรใ์ บลาน เป็นต้น ผ้าไทยมีหลายรูปแบบและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ถิน่ ในแต่ละภูมภิ าค ซึง่ มีววิ ฒ ั นาการความเป็นมาหลาย ๕๒
ยุคหลายสมัย อาทิ ประมาณพุทธศตวรรษ ที่ ๒๐-๒๑ ดินแดนของ ภาคเหนื อ เป็ น ที่ ตั้ ง ของ อาณาจั กรล้ า นนาไทยอั น รุ่งเรือง กล่าวกันว่าชาว ล้ า นนามี ความชำนาญใน การทอผ้าใช้เองโดยเฉพาะ ผ้าฝ้าย แพร่หลายถึงขัน้ จัด จำหน่ า ยไปยั ง อาณาจั กร ใกล้เคียง ผ้าฝ้ายทีม่ ชี อื่ เสียง ในยุคนี้มีสีสันหลากหลาย เช่น ผ้าสีจันทร์ขาว ผ้าสี จันทร์แดง ผ้าสีดอกจำปา เป็นต้น อาณาจักรสุโขทัย ประมาณ ๗๕๕ ปีมาแล้ว ชาวสุโขทัยทอผ้าใช้เองทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหมสีต่างๆ เฉพาะผ้าฝ้าย เป็นผ้าสีห้าสี เรียก “ผ้าเบญจรงค์” คือ ผ้าสีแดง เหลือง ดำ เขียว และขาว ประชาชนทั่วไป ใช้ผ้าฝ้ายเป็นหลัก ส่วนผ้าชั้นดีที่ใช้สอยในราชสำนัก
จะมีช่างหลวงเป็นผู้ทอ และส่วนหนึ่งสั่งซื้อมาจาก ต่างประเทศ เช่น ผ้าไหมและผ้าแพรจากจีน นอกจากนัน้ ยังมีการใช้ผา้ มาตกแต่งบ้านเรือนทำผลิตภัณฑ์ประเภท หมอน ฟูก ธงทิว สัปทน ม่าน ฯลฯ สมัยอยุธยา ประมาณ ๔๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยนี้ ผ้านับว่ามีความสำคัญในการค้าและเศรษฐกิจของ ประเทศ ทั้งยังใช้เป็นสิ่งเทียบแทนค่าเงิน พระมหา กษัตริย์ทรงใช้ผ้าเป็นเครื่องปูนบำเหน็จรางวัล หรือ บางทีใช้พระราชทานต่างเงินเดือนปีละหน เรียกว่า “ผ้าหวัดรายปี” ซึง่ ส่วนมากเป็นผ้าสมปัก ทอด้วยไหม เพลาะ ตรงกลางผ้าเป็นสีมลี วดลาย สำหรับประชาชน ทั่วไป ผู้ชายมักใช้ผ้าฝ้าย และผ้านุ่งโจงกระเบนพื้น เรียบ และผ้าขาวม้า ส่วนผู้หญิงใช้ผ้าสไบ ปัจจุบัน การทอผ้าพื้นบ้านของไทยมีกระจายไป ทั่วเกือบทุกภาค แต่ที่มีมากได้แก่ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือและภาคเหนือ รูปแบบของผ้าจะแตกต่าง
กันไปตามคตินิยม ความเชื่อ และขนบธรรมเนียม ประเพณีของเชื้อชาติแต่ละกลุ่มชน เช่น กลุ่มชนพื้น เมืองล้านนาทางภาคเหนือนิยมทอผ้าฝ้ายและผ้าไหมที่ มีลวดลายด้วยวิธีการยกและจกเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้า เป็นกลุ่มชนคนไทยเชื้อสายไทครั่ง ไทพวน ไทยวน และลาวอีสาน นิยมทอผ้าด้วยวิธีจกและมัดหมี่ ส่วน คนพื้นเมืองในภาคใต้นิยมทอผ้ายก เป็นต้น สำหรับเครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการทอผ้า แต่ละภูมภิ าคจะ
มีลกั ษณะใกล้เคียงกัน อุปกรณ์ทสี่ ำคัญได้แก่ อิว้ กง ไน หรือหลา กวัก กระสวย กี่หรือหูก ขั้นตอนในการทอ เริ่มจากการทำเส้นด้ายด้วยวัสดุจากฝ้ายหรือไหมนำ ไปย้อมด้วยสีธรรมชาติ หรือสีเคมี แล้วนำไปทอตาม ลวดลายที่กำหนด และประเภทของผ้าที่ต้องการ อย่างไรก็ดี เราสามารถแบ่งผ้าทอได้เป็นสอง ประเภท ตามวัตถุดิบในการทอ และกรรมวิธีในการ ทอ คือ ผ้าทอที่แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ และ ผ้าทอที่ แบ่งตามกรรมวิธีในการทอ
ผ้าทอที่แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ ได้แก่ ฝ้ายและไหม ฝ้าย เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกทั่วไปในทุกภาค
.
ของประเทศไทย เป็นพืชเขตร้อน ชอบดินปนทราย และอากาศโปร่ง ไม่ชอบที่ร่ม เส้นใยของฝ้ายจะดูด ความชืน้ ได้งา่ ย และเมือ่ ดูดความชืน้ แล้วจะระเหยเป็น ไอ ดังนั้นเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำด้วยผ้าฝ้ายจะมีความ รู้สึกเย็นสบาย
. ไหม เส้นใยไหมได้จากตัวไหม ซึ่งส่วนใหญ่
นิยมเลีย้ งไหมกันในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ตัวไหมมีลักษณะคล้ายหนอน เมื่อแก่ ตัวจะชักใยหุ้มตัวของมันเอง เรียกว่า รังไหม รังไหม นี้จะนำมาสาวเป็นเส้นไหม แล้วจึงนำไปฟอกด้วยการ ต้มด้วยด่างและนำมากวักเพื่อให้ได้เส้นใยไหม หลัง จากนั้นจึงนำมาย้อมสีและนำไปทอเป็นผืนผ้าตามที่ ต้องการ เส้นไหมมีคุณสมบัติ ลื่น มัน และยืดหยุ่นได้ดี ๕๓
ผ้าทอที่แบ่งตามกรรมวิธีใน การทอ มีชอื่ เรียกต่างกันออกไป
ตามลวดลายที่เกิดจากการทอบน ผืนผ้า เช่น ผ้ามัดหมี่ มีกรรมวิธีการทอที่ ทำให้เกิดลวดลายโดยการย้อมเส้นฝ้ายให้ดา่ ง โดยการ ผูกมัดให้เกิดช่องว่าง การทอผ้ามัดหมีแ่ ต่ละผืนต้องใช้ เวลาและความประณีต โดยจัดเรียงเส้นไหมและฝ้ายให้ สม่ำเสมอ คงที่ กรรมวิธีต้องเรียงลำดับก่อนหลังให้ ถูกต้อง เพื่อทำให้เกิดลวดลายสวยงามตามต้องการ ผ้าจก การทอจกเป็นกรรมวิธีของการทอ และ การปักผ้าไปพร้อมๆกัน การทอลวดลายใช้วิธีการเพิ่ม ด้ายเส้นพุง่ พิเศษเข้าเป็นช่องๆ ไม่ตดิ ต่อกันตลอดหน้า กว้างของผ้า ซึ่งจะทำได้โดยใช้ไม้หรือขนเม่น หรือ นิ้วมือยกขึ้น เป็นการทอผสมการปักกลายๆ ผ้าขิด เป็นการทอผ้าด้วยกรรมวิธเี ขีย่ หรือสะกิด เส้นด้ายยืนขึน้ แล้วสอดเส้นพุง่ ไปตามแนวเส้นยืน จังหวะ การสอดเส้นด้ายพุ่งจะทำให้เกิดลวดลายรูปแบบต่างๆ ผ้าแพรวา เป็นผ้าทอมือด้วยกรรมวิธที อผ้าให้เกิด ลวดลาย ลักษณะผสมกันระหว่างลายขิดกับลายจก ผ้า แพรวาต้องมีหลายๆลายอยู่ในผืนเดียวกัน ผ้ายกดอก มีกรรมวิธกี ารทอให้เกิดลวดลายในการ ๕๔
ยกตะกรอแยกด้ายเส้นยืน แต่ไม่ได้เพิม่ เส้นด้ายยืน หรือ เส้นพุ่งพิเศษเข้าไปในผืนผ้า แต่ในบางครั้งจะยกดอก ด้วยการเพิ่มเส้นพุ่ง จำนวนสองเส้น หรือมากกว่านั้น เข้าไป ภาพรวมการทอผ้าในประเทศไทย
ปัจจุบนั การทอผ้ายังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นศิลปะทีม่ อี ยูท่ วั่ ทุกภูมภิ าคของประเทศไทย หลาย แห่งยังคงลวดลาย และสัญลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ โดย เฉพาะชุมชนที่มีเชื้อสายชาติพันธุ์บางกลุ่ม ยังคง เอกลักษณ์เฉพาะกลุม่ เอาไว้จนถึงทุกวันนี้ โดยสามารถ แบ่งผ้าพื้นเมืองของกลุ่มชนตามภาคต่างๆ ได้ดังนี้ ๑. ภาคเหนือแถบล้านนาไทย (จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงใหม่ และ แม่ฮอ่ งสอน) ประกอบด้วยชาวไทยวน และไทลือ้ ซึง่ ใน ปัจจุบันยังรักษาวัฒนธรรมในรูปแบบและลวดลายที่ สืบทอดกันมา โดยเฉพาะการทอซิน่ ตีนจก ผ้าขิต และผ้า ที่ใช้เทคนิค “เกาะ” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการทอผ้า ไหมยกดอก และการทอซิน่ ไหมต่อตีนจกยกดิน้ เงินดิ้น
ทอง รวมถึงผ้าทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด เช่น ผ้าม่อฮ่อมที่จังหวัดแพร่ และผ้าลายน้ำไหล จังหวัด น่าน เป็นต้น ๒. ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง (จังหวัด พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ สุโขทัย และอุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สระบุรี ลพบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ฯลฯ) ส่วนใหญ่ เป็นกลุม่ ชนชาวไทยวน และ ชาวไทยลาว เช่น พวน โซ่ง ผู้ไท ครั่ง ซึ่งอพยพไป ตัง้ ถิน่ ฐานอยูใ่ นช่วงต่างๆ ของประวัตศิ าสตร์ไทย คนไทย เหล่านี้ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ไว้ได้ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการทอผ้าของผู้หญิงที่ใช้ เทคนิคการทำตีนจก และขิต เพือ่ ตกแต่งเป็นลวดลายบน
ผ้ า ที่ ใ ช้ นุ่ ง ในเทศกาลต่ า งๆหรื อ ใช้ ท ำที่ น อนหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ๓. ภาคอีสาน กลุม่ คนไทยเชือ้ สายลาวเป็นกลุม่ ชน ใหญ่ของภาคอีสาน กระจายกันอยูต่ ามจังหวัดต่างๆ และ มีวัฒนธรรมการทอผ้าอันเป็นประเพณีของผู้หญิงที่ สืบทอดกันมาช้านาน เกือบทุกชุมชน แต่ละกลุม่ แต่ละ เผ่า ก็จะมีลกั ษณะและลวดลายการทอผ้าทีเ่ ป็นเอกลักษณ์ ของตนเอง โดยเฉพาะผ้ามัดหมี่ ผ้าแพรวา ผ้าขิต ผ้า ปูม และผ้าไหมหางกระรอก ๔. ภาคใต้ ภาคใต้มีชื่อเสียงในเรื่องของการทอ ผ้ายก ทั้งยกฝ้าย ยกไหม ยกดิ้นเงินดิ้นทอง สำหรับ ลวดลายยังคงอนุรักษ์ลวดลายดั้งเดิมไว้ เช่น ลาย
ราชวัตร ลายดอกพิกลุ ลายลูกแก้ว ลายก้านแย่ง และ ลายรูปสัตว์ต์ า่ งๆ นอกจากนีย้ งั มีการประยุกต์สร้างสรรค์ ลวดลายที่แปลกใหม่ และสวยงามขึ้น สำหรับแหล่ง ทอผ้ายกทีส่ ำคัญในภาคใต้ คือ จังหวัดนครศรีธี รรมราช สุราษฏร์ธานี สงขลา และตรัง อย่างไรก็ดี การทีผ่ า้ ทอไทยระบือไกลไปถึงสากล ในปัจจุบนั นี้ มาจากการให้ความสนพระทัยของสมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงสนับสนุนส่ง เสริมให้มกี ารทอผ้าพืน้ เมืองสวยงาม โดยทรงเป็นผูน้ ำใน การใช้ผ้าพื้นเมืองฉลองพระองค์ทั้งในขณะที่ประทับ ในประเทศ และในวโรกาสเสด็จเยือนต่างประเทศ ทำให้ ผ้าพืน้ เมืองของไทยได้มโี อกาสอวดโฉมต่อสายตาของ ชาวโลก ทัง้ ยังทำให้ความงดงามวิจติ รของผ้าไทยกลับ มาได้รับความนิยมอีกครั้งในกลุ่มหนุ่มสาวรุ่นใหม่ มี การพัฒนารูปแบบให้ทันสมัย ใช้ได้ในทุกวาระโอกาส และได้รับความชื่นชมอย่างยิ่งถึงทุกวันนี้ ๕๕
นวัตกรรม
เรื่อง..พิม ภาพ...ไอซ์
วชิรวัฒน์ อังศุพาณิชย์
นักประดิษฐ์รุ่นใหม่ “อยู่กับสิ่งที่รัก แล้วมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ”
ไอซ์เพิง่ ได้รบั รางวัลผลงานนักประดิษฐ์รนุ่ ใหม่ ประจำปี ๒๕๕๓จาก สำนักงานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ (วช.) ด้วยผลงานประดิษฐ์ “ยานบินไร้คนขับเพือ่ การสอดแนม” หรือ “ยานบินยอดอัจฉริยะ” ผลงานชิน้ นีค้ ดิ ค้นขึน้ จากเครือ่ งบินจำลอง บังคับวิทยุเพือ่ ถ่ายภาพทางอากาศ ๕๖
ข
ณะที่เด็กคนอื่นออกไปวิ่งเล่น หรือจ่อม จ่ออยูห่ น้าจอคอมพิวเตอร์ ยังมีเด็กๆ อีก หลายคนที่กำลังมุ่งมั่นทำงานอดิเรกที่ตนเอง สนใจอย่างขะมักเขม้น ไอซ์ วชิรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ นักประดิษฐ์รนุ่ เยาว์ วัย ๑๘ ปี จาก จังหวัดเพชรบุรกี เ็ ป็นหนึง่ ในจำนวนนัน้ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ผู้นี้ใช้เวลาเกือบ ๗ ปี คลุกคลีอยู่กับเครื่องยนต์กลไกและสิง่ ประดิษฐ์ ทีเ่ ขารัก และเชือ่ มัน่ ว่าทีใ่ ดมีความมุง่ มัน่ พยายาม ที่นั่นย่อมมีความสำเร็จ ล่าสุด ไอซ์เพิ่งได้รับรางวัลผลงานนัก ประดิษฐ์รนุ่ ใหม่ ประจำปี ๒๕๕๓ จากสำนักงาน คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ด้วยผลงาน ประดิษฐ์ “ยานบินไร้คนขับเพือ่ การสอดแนม” หรือ “ยานบินยอดอัจฉริยะ” ผลงานชิ้นนี้ คิดค้นขึ้นจากเครื่องบินจำลองบังคับวิทยุเพื่อ ถ่ายภาพทางอากาศ พัฒนาต่อยอดเป็นปีกบิน มหัศจรรย์ ทำจากเศษวัสดุเหลือใช้ ช่วยลด ต้นทุนการผลิต และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งกล้อง
เพื่อถ่ายภาพทางอากาศสำรวจพื้นที่ หรือการ สอดแนมสำหรับภารกิจทางทหาร ฯลฯ วารสารทิศไทได้มีโอกาสพูดคุยกับนัก ประดิษฐ์คลื่นลูกใหม่ถึงผลงานสิ่งประดิษฐ์และ ที่มาที่ไปของเขา ทิศไท : ช่วยเล่าถึงยานบินที่ ได้รับรางวัลได้ ไหมคะ
วชิรวัฒน์ : ยานบินยอดอัจฉริยะลำนีเ้ ป็น สิ่งประดิษฐ์ที่ผมพัฒนาต่อยอดมาจากผลงาน เดิมคือ เครือ่ งบินเพือ่ การ ถ่ายภาพทางอากาศครับ ตั ว เครื่ อ งเดิ ม มี ปั ญ หา สำคัญคือ จุดขึ้น-ลงใน งานปฏิบตั งิ าน (Runway) แต่ละพืน้ ทีม่ จี ำนวนจำกัด ผมพยายามปรับปรุงจน กระทัง่ เครือ่ งสามารถขึน้ ลงได้ในแนวดิ่ง ใช้พื้นที่ ในการปฏิบตั กิ ารน้อยมาก ๕๗
หลักการทำงานคือ ใช้อยู่ ๓ แกน แต่ละแกนจะมีมอเตอร์ช่วยรักษาสมดุล ถ้ามี ลมมาปะทะทำให้ ตั ว เครื่ อ งเอี ย งด้ า นซ้ า ย มอเตอร์ที่แขนด้านซ้ายจะเติมรอบขึ้นมา เพื่อ ให้เกิดแรงยกในการรักษาสมดุลเครื่อง ทิศไท : ใช้เวลาพัฒนาผลงานชิน้ นีน้ านแค่ไหน
วชิรวัฒน์ : เริ่มตั้งแต่อยู่ ม. ๓ ครับ ตอนนี้ผมอยู่ ม.๖ แล้ว ใช้เวลาปรับปรุง ประมาณ ๓-๔ ปี แต่ถ้าพูดถึงเครื่องบิน ผม เริ่มต้นสนใจมาตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ ครับ
ทิศไท : ช่วยเล่าถึงสิง่ ประดิษฐ์ชนิ้ แรกหน่อยค่ะ
วชิรวัฒน์ : ผมชอบพวกเครื่องบิน หรือ อะไรที่อยู่บนอากาศ แรงบันดาลใจง่ายๆ ก็ คือ อยากเล่นนั่นแหละครับ แต่ตอนนั้นผม เพิ่งอยู่ชั้นประถม แล้วของเล่นพวกนี้มีราคา แพง คุณพ่อคุณแม่เห็นว่ายังเด็กอยู่ ก็เลยไม่ ให้เล่น เราขอสตางค์มาซื้อไม่ได้ แต่ยังอยาก เล่นอยู่ ก็เลยลองประดิษฐ์เอง (หัวเราะ) ใช้สิ่ง ต่างๆ ที่อยู่รอบตัว พวกของเล่นเสียๆ ตอน แรกรื้อก่อน รื้อแล้วก็ยังทำอะไรไม่ได้ เลยหัน ไปเริม่ จากเครือ่ งร่อน ร่อนไปพอหมดแรงก็ตก พื้น ทีนี้ก็ลองพัฒนา เอาพวกเศษวัสดุที่เรา รือ้ ๆ ไว้นแี่ หละมาประกอบกับชิน้ งานเป็นเครือ่ ง บิน ไม่ได้หาข้อมูลอะไร ลุยเองเลย ลองผิดลอง ถูก ครั้งแรกที่ประดิษฐ์เครื่องบินแล้วบินได้ ๕๘
คือ ตอนประถม ๖ เครื่องบินได้แต่บังคับไม่ ได้นะครับ เราพอรู้เรื่องหลักการแรงยกจาก สารานุกรมก็ใช้จนิ ตนาการต่อเอง เอามอเตอร์ จากรถกระป๋องมาประกอบ ต่อตรงเข้ากับ แบตเตอรี่ พอต่อขั้วเข้ากันมอเตอร์ก็ติด ทีนี้ ก็เอาใบพัดมาใส่ เห็นว่าแรงดีกเ็ อาไปลองทีส่ นาม ฟุตบอลของโรงเรียน ต่อสวิทช์ปุ๊บ เครื่องพุ่ง ขึ้นไป...แล้วก็บินหายไปเลย สรุปว่าชิ้นแรกทำสำเร็จ แต่ไม่ได้อยู่กับ เรา เดินร้องไห้กลับบ้าน (หัวเราะ) หลังจาก นั้นก็เริ่มรู้ว่า ต้องทำให้บังคับได้ ทิศไท : มีใครคอยช่วยหรือสนับสนุนบ้างคะ
วชิรวัฒน์ : ผมลองทำเองคนเดียวมา ตลอดครับ แต่ได้กำลังใจจากผู้ปกครอง คุณ พ่อคุณแม่แล้วก็คณุ ป้า ผมเข้ามาเรียนในเมือง อยูก่ บั คุณป้า ท่านก็สนับสนุนมาตัง้ แต่เด็ก พอ ท่านเห็นว่าเรามีแวว ได้ลองผิดลองถูกทำผล งานขึน้ มา ท่านก็ให้เงินไปซือ้ อุปกรณ์ ประมาณ ว่า ไม่สนับสนุนให้ซื้อเป็นของเล่น แต่ถ้าชอบ ทำชอบประดิษฐ์ก็ได้เต็มที่ ทิศไท : การประกวดครั้งนี้เป็นครั้งแรก หรือเปล่า
วชิรวัฒน์ : ผมส่งผลงานเข้าประกวด หลายครั้งแล้วครับ ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปีที่ ๔ ก็ แข่งมาตลอด ถ้าไปแข่งงานไหนชนะ ได้เงิน รางวัลมา ก็เอามาพัฒนาผลงานต่อไป อย่าง รางวัลชนะเลิศนักประดิษฐ์ของ วช. ก็ได้ทหี่ นึง่ ติดต่อกันมา ๓ ปี ปีนผี้ มอยู่ ม. ๖ แล้ว ต้อง พยายามให้เต็มที่ ทิศไท : ตลอดเวลา ๖-๗ ปีทผี่ า่ นมา มีเวลาที่ ท้อ หรือไม่อยากทำแล้วบ้างไหม
วชิรวัฒน์ : ก็มบี า้ งครับ เป็นเรือ่ งธรรมดา เพราะสิ่งที่เราทำ เราต้องขวนขวายเอง ลอง ผิดลองถูกเอง แต่ด้วยความที่ผมคลุกคลีกับ มันทุกวัน ทุกเวลาที่ว่าง แล้วสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ เราชอบ เลยไม่เบื่อ ทำแล้วมีความสุขครับ
ทิศไท : อยากให้ฝากถึงเพือ่ นเยาวชนคนอืน่ ที่ อยากจะประสบความสำเร็จอย่างน้องไอซ์บา้ ง
วชิรวัฒน์ : ต้องหาให้เจอก่อนว่า เรา ชอบอะไร ถ้าหาเจอแล้ว ก็ทุ่มเทกับมัน รัก ในสิ่งที่ทำ ผมเชื่อว่า ถ้าเราใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ เรารัก แล้วมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ สักวันสิ่งที่เรา ทำจะต้องเป็นที่ยอมรับในสายตาผู้อื่นแน่นอน และเมื่อต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ไอซ์ ก็ได้ไปสร้างชือ่ เสียงให้กบั ประเทศไทย ในการ แข่งขัน Seoul International Inventor Fair 2010 ที่ประเทศเกาหลี โดยการปรับปรุงยาน บินไร้คนขับเพือ่ การสอดแนมของเขาให้มขี นาด เล็กลง แต่แบกน้ำหนักได้เท่าเดิม ทำให้พับเก็บ
ได้ เพราะต้องโหลดขึ้นเครื่องบิน พอถึงเวลา ใช้งานก็กางออกมาใช้งานได้ ชิ้นงาน The Wonderful Wings ของ ไอซ์ได้รบั เหรียญเงิน ถือเป็นรางวัลความสำเร็จที่ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยบนเวทีสากล ไอซ์ทงิ้ ท้ายไว้วา่ เขาตัง้ ใจจะศึกษาต่อใน คณะวิศวกรรมศาสตร์ เพือ่ ต่อยอดความสามารถ ด้านเทคโนโลยีของตนเอง ทางวารสารทิศไท ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับหนุ่มน้อยนักประดิษฐ์ คนเก่ง ให้พฒั นาผลงานและความคิดสร้างสรรค์ ต่อไปเรือ่ ยๆ เพือ่ เป็นอีกหนึง่ กำลังสำคัญในการ พัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคตนะคะ
๕๙
บันทึก...หัวใจไทย เรื่อง...สีฟ้า ภาพ...สิงหรา
คริสตี้ กิ๊บสัน
ฝรั่งรักไทย หัวใจลูกทุ่ง
ผู้สร้างความประหลาดใจให้แก่วงการนักร้อง เพลงลูกทุ่งไทย
๖๐
สิง่ ดีทสี่ ดุ สำหรับชาวต่างชาติที่ได้อาศัยอยูบ่ นผืนแผ่นดินนี้ คือ การได้มสี ว่ นร่วม เป็นเจ้าของความเป็นไทย คริสตีจ้ ะพยายามเป็นคนไทยทีด่ ี เรียนรูค้ วามเป็นไทยใน ทุกด้านให้ดขี นึ้ และเผยแพร่ความเป็นไทยเหล่านีอ้ อกไปค่ะ
เ
มื่อสิบปีที่แล้วในรายการลูกทุ่งเวทีไท เพลง โบว์รักสีดำ ซึ่งต้นตำรับเสียงเดิมคือคุณศิริพร อำไพพงษ์ ได้รับการนำมาขับขานใหม่โดยสาว สวยผมบลอนด์นัยน์ตาฟ้านามว่า คริสตี้ กิ๊บสัน (Christy Gibson) นอกจากจะสร้างความฮือฮา ให้กับวงการเพลงไทยแล้ว เชื่อได้ว่า เราคนไทย ทุกคนยังชืน่ ชมในความสามารถอันน่าทึง่ ของเธอ อีกด้วย วันนี้ คริสตี้ยังสวยสดใส พูดภาษาไทยชัด ถ้อยชัดคำ ฉะฉาน ถ้าไม่ดูหน้าตา สีผม สีตา เธอก็คือสุภาพสตรีชาวไทยที่งดงามน่ารักทั้งใจ และกายคนหนึ่งนั่นเอง
คุณคริสตี้ย้ายมาเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไหร่คะ
คริสตี้มีคุณพ่อเป็นชาวอังกฤษค่ะ ส่วนคุณ แม่เป็นชาวฮอลแลนด์ ท่านพาคริสตีม้ าเมืองไทย ตอนหกขวบ เพราะท่านเข้ามาทำงานด้านการ ศึกษาที่เมืองไทย ตอนแรกท่านคิดว่า น่าจะอยู่ ไม่เกินหนึ่งปี แต่พองานเสร็จแล้ว ท่านก็คิดว่า น่าจะให้ครอบครัวของเราอยู่ที่นี่กันต่อ เพราะ
ประทับใจในวัฒนธรรมไทย ซึ่งท่านคิดว่า น่าจะ ดีสำหรับตัวลูก ตอนแรกพวกเราอยูใ่ นกรุงเทพฯ ค่ะ จากนัน้ ก็ยา้ ยไปอยูต่ า่ งจังหวัดทัง้ โคราชและ ขอนแก่น ซึ่งตอนเด็กๆ ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผล ว่า ทำไมถึงเลือกที่จะอยู่เมืองไทยต่อ แต่มารู้ ภายหลังว่า ท่านอยากให้เราเติบโตในวัฒนธรรม ไทย ซึ่งคริสตี้อยู่แล้วก็มีความสุขมาก มีเพื่อน บ้านที่ดีด้วย
การเลี้ยงดูเป็นแบบไทยหรือแบบตะวันตกคะ
แน่นอนค่ะว่าเราเติบโตในสังคมไทย สภาพ แวดล้อมก็อยู่ในวัฒนธรรมแบบไทย แต่เนือ่ งจาก คุณพ่อคุณแม่เป็นชาวต่างชาติ ท่านอาจจะไม่รู้ ประเพณีไทยทั้งหมด แต่สิ่งหนึ่งที่คริสตี้รู้สึก ขอบคุณในสิง่ ทีค่ ณุ พ่อสอนก็คอื ถึงแม้เราจะเป็น ชาวต่างชาติ แต่เรามาอยู่ประเทศนี้ เราต้อง เรียนรูท้ กุ อย่าง ท่านเลยเลีย้ งเหมือนคนไทยมาก กว่า ให้ทานอาหารไทย พูดภาษาไทย หรือกระทัง่ คำสัง่ สอนเกือบทัง้ หมด โดยเฉพาะการให้เกียรติ พ่อแม่ การให้ความสำคัญกับครอบครัว คุณพ่อ ๖๑
บอกตลอดว่า สมัยก่อนที่เมืองนอกก็เคยเป็น เหมือนเมืองไทย แต่ตอนนีค้ วามสำคัญของครอบ ครัวเริ่มหายไปค่อนข้างเยอะ ท่านก็เลยอยากให้ เรายังคงเป็นแบบนั้นอยู่ เริ่มสนใจร้องเพลงลูกทุ่งตอนไหนคะ
ตอนเป็นเด็กคริสตีช้ อบร้องเพลงอยูแ่ ล้ว จะ ฮัมเพลงเล่นอยูท่ บี่ า้ นตลอด พอย้ายไปอยูข่ อนแก่น ซึง่ ภาคอีสานไม่วา่ เราจะไปไหนมาไหน ก็จะมีแต่ เสียงเพลงลูกทุ่งและหมอลำให้ได้ยินตลอด ทั้งที่ ร้านอาหาร เพื่อนบ้าน ทุกคนเปิดฟังกัน เรา ได้ยนิ ก็ชอบ เพราะคิดว่าเป็นเพลงทีม่ จี งั หวะสนุกดี แต่ตอนนัน้ ก็ยงั ไม่กล้าร้องค่ะ เพราะร้องยากมาก ต้องมีลูกเอื้อน คิดว่าคงได้ซึมซับจากช่วงเวลา นั้นมาเยอะ จนเราเริ่มเป็นวัยรุ่น ก็เข้าไปเรียน การแสดง มีคุณครูสองท่าน เป็นฝรั่งทั้งคู่นะคะ คนแรกเป็นชาวออสเตรเลียอยูเ่ มืองไทยมาหลายปี พูดไทยและแต่งเพลงไทยด้วย ท่านเป็นครูสอน ร้องเพลงของคริสตี้ จากนั้นก็มาเรียนการแสดง กับครูชาวอเมริกนั ในกรุงเทพฯ ได้ฝกึ การเต้น การ แสดงบนเวที จนจบคอร์ส ตอนนั้นก็มาเรียนกับ พี่โจนัสด้วย พี่โจนัสเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่ อยู่ที่โคราชแล้วค่ะ คริสตี้เป็นเพื่อนกับน้องสาว พี่โจนัส และพ่อแม่ของเราก็เป็นเพื่อนกัน
แล้วเข้าวงการมาได้อย่างไรคะ
พอหลังจากจบคอร์สการแสดง พวกเราก็รวม กลุม่ กันเพือ่ ทำกิจกรรมการกุศล เป็นชาวต่างชาติ ทีแ่ สดง ร้องเพลงและพูดภาษาไทย โดยใช้ดนตรี เพื่อเป็นสื่อเข้าหาเยาวชนด้วยกัน พวกเราจะไป ตามโรงเรียน งานเยาวชนสัมพันธ์ของตำรวจ หรือ ตามสถานพินิจต่างๆ เพื่อสอดแทรกข้อคิด พอ แสดงเสร็จก็จะมีการพูดคุย ให้กำลังใจกับเด็กๆ เพราะเราเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน ได้พูดคุยกัน เขา ก็จะรับฟัง ร่วมกันแก้ไขปัญหาในสิ่งที่เขาระบาย ออกมาให้เราฟัง ทำตัวเหมือนเพื่อนเขาค่ะ จากนั้นพอมีคนเริ่มเห็นว่ามีกลุ่มฝรั่งร้อง เพลงไทย เขาก็จะเชิญไปงานปาร์ตตี้ า่ งๆ จนกระทัง่ มีอยู่งานหนึ่งพี่โจนัสได้ไปร่วมด้วย แต่ตอนนั้น คริสตีไ้ ปทำงานทีอ่ นิ เดีย ๓ เดือน เป็นงานปีใหม่ ๖๒
ที่มีคุณวิทวัส สุนทรวิเนตร์ จากรายการตีสิบนั่ง อยู่ในงานด้วย คุณวิทวัสได้เห็นพี่โจนัสร้องเพลง ลูกทุ่ง ซึ่งปกติพวกเราไม่ค่อยได้ร้องนะคะ แต่ ตอนนั้นเพลงติงนังดังมาก คุณวิทวัสก็คุยกับพี่ โจนัสว่า อยากเชิญให้มาออกรายการ พอหกเดือน ต่อมาก็เลยได้ไปออกรายการนี้ หลังจากนัน้ คริสตี้ กลับมาเมืองไทย ก็ได้รับเชิญให้ขึ้นรายการลูก ทุ่งเวทีไท ร้องเพลงหมอลำเป็นเพลงโบว์รักสีดำ ของศิริพร อำไพพงษ์ พอวันรุ่งขึ้นก็ได้รับการ ติดต่อจากรายการสัญญามหาชน นั่นก็เลยกลาย เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนรู้จักคริสตี้ค่ะ
พอมีคนชวนมาเป็นนักร้อง ตัดสินใจรับเลยหรือ เปล่าคะ
ยังค่ะ (ยิ้ม) คริสตี้ใช้เวลานานมาก ราวปี ครึ่งค่ะ เพราะรู้ตัวว่า เราชอบร้องเพลงมาตลอด ก็จริง แต่ไม่เคยคิดวางแผนในชีวติ ว่าจะทำอาชีพนี้ เพราะส่วนใหญ่ร้องเป็นงานอดิเรก ตอนนั้นคิด แต่วา่ อยากช่วยพ่อแม่ทำงานทางด้านการศึกษา มากกว่าค่ะ คิดแบบนีม้ าตลอด เลยทำให้เกิดความ ลังเลว่า เราอยากเป็นนักร้องจริงๆ หรือเปล่า ใช่เราจริงหรือ แล้วตอนนั้นค่ายเพลงที่ติดต่อมา ส่วนใหญ่จะเน้นแนวธุรกิจมากๆ แต่พอได้เห็นพี่ โจนัสเข้าวงการไปก่อน และเราได้รบั ข้อเสนอจาก บริษัทลูกทุ่งเวทีไท ซึ่งไม่ได้ใหญ่โต แต่เขามี โครงการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยอยู่ และคิดว่าถ้า ให้ชาวต่างชาติมาพูดภาษาไทย ร้องเพลงไทยลูกทุง่ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม อยากบอกว่า วัฒนธรรมไทย พอได้ฟัง คริสตี้ รักทั้งหมดที่เป็น รู้สึกชอบ คิดว่าน่าสนใจ เลยตกลง ประเทศไทยค่ะ ความคิด ที่จะมาเป็นนักร้องค่ะ จนตอนนี้ก็มี ของคริสตี้น่าจะต่างกับ ผลงานทัง้ อัลบัม้ เดีย่ ว ร้องคูก่ บั พีโ่ จนัส ฝรั่งคนอื่นๆ ที่มาอยู่ และกำลังเข้าห้องอัดทำอัลบั้มที่ ๗ เมืองไทย ซึ่งคาดว่าจะออกเร็วๆ นี้ค่ะ
พูดถึงเสน่ห์ของเพลงลูกทุ่งหน่อยค่ะ
คริสตี้ว่า บทเพลงของเพลงลูกทุ่งน่าสนใจ เพราะครูเพลงเขียนมาจากเรื่องราวของชีวิตจริง เป็นเรื่องของคนหลายคน ต่างอาชีพกัน พอฟัง แล้วรู้สึกว่า เนื้อหามันกินใจ ใครที่ฟังแล้วอาจ จะรู้สึกว่านี่คือชีวิตเราก็ได้ อีกอย่างเวลาที่ฟังที ไรจะทำให้คริสตีน้ กึ ถึงบรรยากาศตอนเด็กๆ ช่วง เวลาที่อยู่ต่างจังหวัด ฟังแล้วก็ย้อนความทรงจำ ในอดีตกลับมาทุกครั้ง อยู่เมืองไทยมายี่สิบกว่าปีแล้ว รักเมืองไทยมาก แค่ไหนคะ
อยากบอกว่า รักทัง้ หมดทีเ่ ป็นประเทศไทยค่ะ ความคิดของคริสตีน้ า่ จะต่างกับฝรัง่ คนอืน่ ๆ ทีม่ า อยู่เมืองไทยตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะเราเข้า มาอยู่ตั้งแต่เล็กๆ เรียกได้ว่าเกือบทั้งชีวิตเราอยู่ ในเมืองไทยมาตลอด ถ้าถามว่ารักเมืองไทยตรง ไหนคงตอบยาก เพราะประเทศไทยเป็นเหมือน บ้านเราไปแล้ว เวลาไปต่างประเทศหรือกลับไป เยี่ยมญาติ ไปได้สักพักก็รู้สึกว่า คิดถึงบ้าน ต้อง กลับบ้านเราแล้วล่ะ (ยิ้ม)
๖๓
ถ้าให้คะแนนตัวเองว่า มีความ ถ้าไม่ได้เป็นนักร้องแล้ว อยากกลับไปทำงานด้าน เป็นไทยกีเ่ ปอร์เซ็นต์คะ การศึกษาไหมคะ
คงต้ อ งถามคนไทย กลับค่ะว่าให้คะแนนคริสตี้ เท่าไหร่ เพราะทุกวันนี้ก็ พยายามเรี ย นรู้ ภ าษาอยู่ ตลอดเวลา ส่วนตัวคริสตีไ้ ม่ เคยเรียนภาษาไทยแบบเข้า คอร์สอย่างจริงจัง ต้องใช้ วิธีฟัง พยายามพูด และใช้ ชีวติ ประจำวันให้เป็นบทเรียน เมือ่ ไหร่ทเี่ ราคิดว่าเราพูดไทยชัดแล้ว เราก็ไม่พฒั นา ต่อไป ดังนัน้ คริสตีจ้ งึ ตัง้ เป้าหมายไว้ตลอดว่า อยาก เป็นคนไทยให้ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ต้อง เรียนรู้กันอีกค่ะ
๖๔
เคยคิดเหมือนกันค่ะ ถ้าวันหนึ่งเราเต็มอิ่ม กับการเป็นนักร้องแล้ว ก็อยากไปเปิดโรงเรียนซึง่ มีขนาดไม่ใหญ่มาก รับเด็กได้ประมาณไม่เกิน ๖๐ คน คริสตี้อยากสร้างโรงเรียนให้เป็นเหมือน ครอบครัว ให้ครูกบั เด็กนักเรียนได้มคี วามใกล้ชดิ กัน อยากให้โรงเรียนเป็นส่วนหนึง่ ในชีวติ ของเขา และโรงเรียนของคริสตี้จะต้องเผยแพร่ความเป็น ไทยด้วย คุณครูคริสตี้จะสอนเด็กอย่างไรคะ
ก็จะบอกเขาว่า สิ่งที่คนไทยมี ล้วนแต่ดี เลิศ และเท่นะ อยากให้เขาภูมใิ จและรูส้ กึ ว่า ภาษา ไทยมีความสวยงามมาก มีความลึกซึง้ และน่าสนใจ อย่างภาษาอังกฤษเองก็เป็นสิง่ ทีค่ วรเรียนรู้ เพราะ เป็นภาษาโลก แต่เราต้องอย่าลืมภาษาไทย ควร อนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่กับประเทศเราตลอด หรือจะ เป็นเรื่องมารยาท การให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่ อย่างตอนที่ ค ริ ส ตี้ ไ ปเยี่ ย มญาติ ที่ ต่ า งประเทศ พอเห็นเราเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ก้ม หรือนั่งพับเพียบ ที่พื้น ทุกคนจะชื่นชมมาก ซึ่งเด็กไทยที่คุ้นชิน กับการกระทำแบบนี้ อาจจะไม่คิดว่ามันเจ๋งมาก ในสายตาของชาวต่างชาติค่ะ
สิ่งที่คนไทยมี ล้วนแต่ดี เลิศ และเท่นะ อยากให้เขา ภูมิใจและ รู้สึกว่า ภาษาไทยมี ความสวย งามมาก มี ความลึกซึ้ง และน่าสนใจ
ความประทับใจในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวของปวงชนชาวไทยสำหรับคุณคริสตี้มีในด้าน ใดบ้างคะ
นี่น่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คริสตี้อยากจะ บอกว่า บางครั้งการที่เราอยู่ในประเทศนี้มานาน เราอาจจะไม่ได้รู้สึกหรือคิดว่า เรามีกษัตริย์ที่ดี ขนาดไหน แต่สำหรับชาวต่างชาติที่มาเมืองไทย และพอรู้ว่าในหลวงได้ทรงทำอะไรมากมายเพื่อ ประชาชน พระองค์ได้ทมุ่ เทพระวรกายในการดูแล ทุกข์สขุ ของปวงประชามาตลอด พวกเขาจะชืน่ ชม มาก คริสตี้จำได้ว่า ตอนเด็กเวลาไปเที่ยวตาม ต่างจังหวัด จะเห็นโครงการในพระราชดำริตลอด ครั้งแรกที่ได้ดูหนังกับคุณพ่อคุณแม่ ก่อนที่หนัง ฉาย จะมีเพลงสรรเสริญพระบารมีและฉายภาพ พระราชจริยาวัตรของพระองค์ ตอนนัน้ คริสตีย้ นื ร้องไห้เพราะรู้สึกซาบซึ้งไปด้วย พอเราโตและจดจำว่าพระองค์ดกี บั ประชากร ไทยแค่ไหน คริสตีจ้ งึ เริม่ อยากจะทำความดีถวาย พ่อหลวง และไม่อยากให้ตวั เองชินกับสิง่ ทีพ่ ระองค์ ทำ อยากให้เป็นความรู้สึกตลอดชีวิตว่า วันนี้ เราจะต้องทำอะไรเพื่อในหลวง และจะไม่ใช่แค่ การนั่งคิด รวมถึงไม่อยากให้เป็นแค่คำพูด เมื่ อ ครั้ ง ที่ ค ริ ส ตี้ ไ ด้ มี โ อกาสไปร่ ว มงาน ‘๕ ธันวามหาราช’ ที่สนามหลวง ตอนนั้นคริสตี้ ไปเพือ่ จุดเทียนชัยถวายพระพรร่วมกับคนนับแสน จากบนเวทีทคี่ ริสตีม้ องอยู่ คริสตีเ้ ห็นฝรัง่ นักท่อง เทีย่ วมายืนคอยสังเกตการณ์ดว้ ย คริสตีร้ วู้ า่ ฝรัง่ กลุ่มนั้นไม่รู้ภาษาไทยด้วยซ้ำ พวกเขารู้แค่ว่า นี่ เป็นพิธที จี่ ดั ขึน้ เพือ่ กษัตริยข์ องคนไทย คริสตีเ้ ห็น เขาหันไปมองคนไทยที่อยู่รอบตัว จากนั้นพวก เขาก็น้ำตาไหล คริสตี้เชื่อว่า พวกเขาสัมผัสได้ ถึ ง พลั ง แห่ ง ความรั ก ที่ ป ระชาชนมี ต่ อในหลวง และก็รบั รูโ้ ดยอัตโนมัตวิ า่ นีค่ อื สิง่ พิเศษจริงๆ ที่ ประเทศของเขาไม่มี ดังนัน้ สิง่ ดีทสี่ ดุ สำหรับชาวต่างชาติทไี่ ด้อาศัย อยูบ่ นผืนแผ่นดินนี้ คือ การได้มสี ว่ นร่วมเป็นเจ้า ของความเป็นไทย คริสตี้จะพยายามเป็นคนไทย รับโล่เกียรติคุณด้านการสนับสนุนและบริหารการจัดการแก้ไข ที่ดี เรียนรู้ความเป็นไทยในทุกด้านให้ดีขึ้น และ ยาเสพติด จากพลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ เผยแพร่ความเป็นไทยเหล่านี้ออกไปค่ะ ๖๕
แบบอย่างประชาธิปไตย เรื่อง...ดร.อัญชลี เกษสุริยงค์
ชุมชนและหมู่บ้าน ประชาธิปไตยตัวอย่าง
ชุมชนและหมูบ่ า้ นเป็นรากฐานสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ของประเทศชาติในปัจจุบนั เพราะเป็นความสัมพันธ์เชิงระนาบทีม่ รี ปู แบบ การเกาะเกีย่ วความสัมพันธ์ของประชาชนในชุมชนหรือหมูบ่ า้ นเพือ่ สร้าง ความสมดุลของการปกครองโดยยึดพืน้ ทีเ่ ป็นหลัก
ก
ารปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวถึงและ พัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้รับพระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ ๗ ตัง้ แต่พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ เพียงเจ็ดสิบปีเศษระบอบการปกครอง ของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแข็งขัน โดยที่ รัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีความสมดุลระหว่างอำนาจ การปกครองทัง้ สามฝ่าย คือ อำนาจบริหาร อำนาจนิติ บัญญัติ และอำนาจตุลาการ ชุมชนและหมูบ่ า้ นเป็นรากฐานสำคัญในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยของประเทศชาติในปัจจุบนั เพราะ เป็นความสัมพันธ์เชิงระนาบที่มีรูปแบบการเกาะเกี่ยว ความสัมพันธ์ของประชาชนในชุมชนหรือหมู่บ้านเพื่อ สร้างความสมดุลของการปกครองโดยยึดพืน้ ทีเ่ ป็นหลัก ชุมชนหมายถึง ชุมชนในเขตเทศบาล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือเขตพื้นที่อื่น และหมู่บ้านหมายถึง หมูบ่ า้ นทีจ่ ดั ขึน้ ตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะการปกครอง ท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ทั้งชุมชนหรือหมู่บ้านมีความ ๖๖
สนใจ มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน คือ ร่วมกันคิด ร่วมกัน ตัดสินใจ ร่วมกันปฏิบัติ ร่วมกันประเมินผล ร่วมกัน รับผิดชอบ ร่วมกันพัฒนาประโยชน์ให้มีในชุมชนและ หมู่บ้าน มีการพบปะกันทั้งทางตรงและผ่านสื่อต่างๆ ตระหนักในปัญหาร่วมกันทัง้ ด้านเศรษฐกิจ สังคม การ เมืองการปกครอง และสิ่งแวดล้อม ถือว่าประชาชน ในชุมชนหรือหมู่บ้านนั้นเป็นพลังขับเคลื่อนและนำไป สู่ความมีวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยร่วมกัน จนทำให้ ชุมชนหรือหมู่บ้านมีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงปัจจุบัน คณะ กรรมการส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย ในคณะ กรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี ได้ยกย่องประกาศเกียรติคณุ ชุมชนและหมูบ่ า้ น ทีม่ กี ารพัฒนาประชาธิปไตยอย่างเป็น “กระบวนการ” และ มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆทีส่ ง่ เสริมการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนกับชุมชนและหมู่บ้าน รวม ๒๗๒ แห่ง ตัวอย่างเช่น
ชุมชนเกาะพิทักษ์ ชุมชนเกาะพิทกั ษ์ หมูท่ ี่ ๑๔ ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นเกาะห่างจากแผ่นดินประมาณ ๑,๒๐๐ เมตร ชาวบ้านเกาะ พิทกั ษ์ ประกอบอาชีพทำการประมง โดยประชากรร้อยละ ๗๕ ประกอบ อาชีพทำการประมงอย่างเดียว ซึ่งเป็นประมงขนาดเล็ก ร้อยละ ๒๕ ประกอบอาชีพประมงร่วมกับการเกษตร เช่น สวนมะพร้าว รับจ้าง ค้าขาย ชุมชนเกาะพิทักษ์ถือว่าการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมทางทะเลมีความสำคัญมากต่อโลกเรา เกาะ พิทกั ษ์เป็นศูนย์อนุรกั ษ์หอยมือเสือ ปลาโลมา เต่าทะเล ปลิงทะเล และปะการังเขากวางทีส่ วยงามหายาก รวมถึงเกาะ ใกล้เคียงอย่าง “เกาะคราม” ที่ซึ่งนักท่องเที่ยวได้ดำน้ำชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ บนเกาะพิทักษ์มี ทางเดินถนนตัวหนอนรอบเกาะ นักท่องเที่ยวสนใจที่จะศึกษาวิถีชีวิตชาวประมง ชมกรรมวิธีการเผามะพร้าว และชมวิวรอบเกาะได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ชุมชนเกาะพิทักษ์มีกิจกรรมเด่น คือ การแบ่งการปกครองเป็นโซน มีคณะกรรมการทำหน้าที่ช่วยเหลือ ชุมชนให้ประชาชนมีสทิ ธิประโยชน์เท่าเทียมกัน มีการวางแผนและจัดทำแผนพัฒนาชุมชน มีศนู ย์เรียนรูช้ มุ ชน ให้บุคคลภายนอกศึกษา กลุ่มอาชีพและองค์กรชุมชนต่างๆ ในหมู่บ้านเกาะพิทักษ์ที่สำคัญหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มกิจกรรมโฮมสเตย์ กลุ่มแม่บ้านแปรรูปสัตว์น้ำ กลุ่มตลาดกลางสัตว์น้ำ กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ กลุ่มธนาคารปู กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนบนเกาะพิทักษ์นับถือศาสนาพุทธ จึงไม่มีกฎข้อห้ามมากนัก เกาะพิทักษ์ มีขอ้ ห้ามเพียงอย่างเดียวคือ ห้ามนักท่องเทีย่ วที่จะ เดินทางมาพักแรมนำสิง่ เสพติดทุกชนิดขึน้ บน เกาะ ในอดีตชุมชนแห่งนีย้ งั เคยได้รบั รางวัลเกาะ ปลอดภัยจากยาเสพติดมาแล้ว หมู่บ้านหัวทราย หมู่บ้านหัวทราย หมู่ ๑๑ ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ตั้งอยู่ริม ฝั่งแม่น้ำโขง อยู่ตรงข้ามท่าเรือเก็บภาษี หลักกิโลเมตรที่ ๔ ของเมืองหลวง เวียงจันทน์ ประเทศลาว มีพื้นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การเพาะปลูกข้าว ทำไร่ ทำสวน ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ และการเลี้ยงสัตว์ มีหาดทรายสีทองที่สวยงาม ในช่วงฤดู ร้อนแม่น้ำโขงเริ่มแห้งลง บรรยากาศมองเห็นฝั่งนครหลวงเวียงจันทน์ได้ชัดเจน กิจกรรมเด่นของหมูบ่ า้ นหัวทราย คือ ผลิตภัณฑ์ของชุมชนเน้นการตัง้ กลุม่ อาชีพที่ เข้มแข็ง เพือ่ ให้ประชาชนมีรายได้เสริม เกิดการจ้างงาน นอกเหนือจากอาชีพเกษตรกรรม ให้ประชาชนมีราย ได้หมุนเวียนในหมู่บ้าน เช่น กลุ่มทำแผ่นยอ กลุ่มทำมะม่วงแช่อิ่ม กลุ่มทำปลาร้าทรงเครื่อง มีการจัดตั้ง ประชาคมหมู่บ้าน จัดทำแผนประชาชนให้ประชาชนเสนอชื่อบุคคล จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากลุ่ม อาชีพและโหวตลงคะแนน หมู่บ้านหัวทรายมีภูมิปัญญา ท้องถิ่นด้านงานจักสานและทอเสื่อด้วยต้นกกด้วย ๖๗
ชุมชนเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ ชุมชนเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ หมู่ ๗ ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี กิจกรรมเด่นคือความสัมพันธ์กับชุมชน ชุมชนเทศบาลตำบลโคกโพธิ์ อยู่ใน พืน้ ทีท่ เี่ ราเรียกว่าพืน้ ทีส่ แี ดง หากแต่การดำเนินกิจกรรมความสัมพันธ์กบั ชุมชน นับว่าเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เช่น จัดให้มีชมรมผู้สูงอายุ จัดให้มีที่ ออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การรำไม้พลอง การแข่งขันกีฬาระหว่างผู้ สูงอายุของแต่ละชุมชน พาไปศึกษาดูงานชุมชนอืน่ ๆพร้อมนำมาประยุกต์ใช้ใน พืน้ ที่ ส่งเสริมให้มอี าสาสมัครสาธารณสุขประจำหมูบ่ า้ นไปให้ความรูด้ า้ นสุขภาพ อนามัยกับชุมชน รวมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายเต้นแอโรบิกโดย ให้บริการเครื่องมือและสถานที่ของเทศบาลให้เป็นพื้นที่พักผ่อน ส่งเสริมให้มี การแข่งขันกีฬา กรีฑา ประชาชนและนักเรียน การสืบสานถ่ายทอดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของทุกศาสนา เช่น เข้าร่วมประเพณีวันสารทเดือนสิบ ประเพณีชักพระ แห่เทียนเข้าพรรษา การกวนอาซูรอ นอกจากนี้ยังได้ช่วยเหลือให้งบประมาณสนับสนุนด้านสื่อการ เรียนการสอนของโรงเรียนทุกสังกัด และให้ทนุ การศึกษากับนักเรียนทีข่ าดแคลน หรือไม่พร้อมที่จะมาโรงเรียนได้ หมู่บ้านสลักเพชรเหนือ หมู่บ้านสลักเพชรเหนือ หมู่ที่ ๕ ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด กิจกรรมเด่นของหมูบ่ า้ นสลักเพชรเหนือ คือมีกลุม่ คณะกรรมการประชาคมหมูบ่ า้ น ที่ได้มาจากการเลือกตั้งในหมู่บ้าน ซึ่งจะมีการประชุมทุกวันที่ ๗ ของเดือน โดยมีการแจ้งข่าวสารของทางราชการ และร่วมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็น สาธารณะ ลงประชามติที่เห็นพ้องต้องกัน เช่น กรณีการเปิดร้านคาราโอเกะ ในหมู่บ้าน ได้ทำข้อตกลงกำหนดให้มีการเปิดร้านคาราโอเกะได้ต้องไม่เกิน ๒ ร้าน มีการร่วมมือร่วมใจดำเนินกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เช่น การรณรงค์ พัฒนาเส้นทางเดินหรือทำความสะอาดหมูบ่ า้ นเป็นประจำทุกเดือน มีการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนือ่ ง จนเป็นหมูบ่ า้ นเข้มแข็งปลอดยา เสพติด ส่งเสริมการเล่นกีฬาในกลุ่มเยาวชน มีการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพือ่ สร้างรายได้ให้ประชาชน ทัง้ นีเ้ ป็น ไปตามประชามติเพื่อเพิม่ สินค้ามูลค่าเพิม่ โดยคณะกรรมการพัฒนาสตรี และ กลุ่ ม แม่ บ้ า นเกษตรกร เช่น ทุเรียนกวน มังคุดกวน มะพร้าวแก้ว จักสาน ไข่ เค็มพอกใบเตย กล้วยอบแผ่น การแปรรูปอาหารทะเล และกลุ่มผ้าบาติก กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ เดินป่าศึกษาระบบนิเวศ ชมทิวทัศน์เขาแหลมเขาใหญ่ ชม นกเงือก ชมกล้วยไม้นานาพันธุ์ พายเรือคายัค ป่าชายเลน ชมหิง่ ห้อย ๖๘
ชุมชนบ้านสะพานดำ ชุมชนบ้านสะพานดำ ต.วัดแก้ว อ. บางแพ จ.ราชบุรี สภาพทั่วไปเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ชาวบ้านทำสวนผัก สวนผลไม้ โดยอาศัยน้ำ จากชลประทาน และส่วนใหญ่จะทำการเกษตร เชิงเดีย่ ว คือ ปลูกชนิดเดียวเต็มพื้นที่ ผลผลิต ส่งตลาดเป็นส่วนมาก มีบ้างที่ส่งผลผลิตให้แก่ ผู้ส่งออก กิจกรรมเด่นของชุมชนบ้านสะพานดำ คือ มีสภาชุมชนบ้านสะพานดำ โดยใช้ระบบ ตัวแทนผู้มีสิทธิประชาคมล้อกับการบริหาร ประเทศ โดยมีความเชื่อว่าจะเป็นการพัฒนา ประชาธิปไตย มีกจิ กรรมส่งเสริมจิตสำนึกแห่ง คุณธรรม คือ กิจกรรมพัดคุณ (ทำ) ธรรมะ เป็นการทำพัดจีนที่เขียนหลักธรรมที่ตนเอง นับถือปฏิบัติอยู่เป็นสัญญาใจ มีการตั้งองค์กร ศูนย์การเรียนรู้และมีผู้ศึกษาดูงานในหลายๆ ด้าน เช่น พลังงานทดแทนเสริมอาชีพและรักษา สิ่งแวดล้อม อบรมการเผาถ่านในถัว ๒๐๐ ลิตร การทำน้ำยาเอนกประสงค์ การทำถ่าน อัดแท่ง การทำไบโอดีเซล โครงการปลูกต้นสัก คณะเจัาหน้าที่ด้านพลังงานของประเทศลาวมาดูงานที่โรง ไฟฟ้าราชบุรี งานด้านพลังงานทางเลือกและก๊าซชีวภาพ และการทำก๊าซจากมูลสัตว์และเศษอาหาร การดำเนินงานของชุมชน คือทุกเย็นวันที่ ๕ ของเดือนจะมีการประชุมประจำเดือน เพื่อแจ้งข้อมูลข่าว สารต่างๆ ในรอบเดือน การขอมติจากชุมชนในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน ชี้แจงเกี่ยวกับเงิน กองทุนต่างๆ การชำระเงินกู้ การกู้เงินจากกองทุน การออมทรัพย์ และการดำเนินผลงานด้านการเป็นแหล่ง เรียนรู้ด้านพลังงานทดแทน วันสำคัญๆ ตามประเพณีวัฒนธรรมไทย ผู้นำหมู่บ้านร่วมกับราษฎรในหมู่บ้าน จะจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกปี เช่น การทำบุญตักบาตร การพัฒนา ปรับปรุงสิง่ แวดล้อมภาย ในหมู่บ้าน เป็นต้น
๖๙
รักษ์โลก
เรือ่ งและภาพ..ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ถึงเวลาสิ้นยุคสุขกันเถิดเรา โลกร้อนเป็นเช่นมะเร็ง เพราะเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึน้ ไปบนอากาศ จากการใช้พลังงานน้ำมัน ถ่านหิน และฟอสซิลต่างๆ อย่างสุรยุ่ สุรา่ ย ก๊าซพวกนีส้ ะสมอยูข่ า้ งบน ทำยังไงก็ไม่สามารถทำลายได้
๗๐
ใ
นช่วงสองสามปีทผี่ า่ นมา ผมมีโอกาสไปร่วม พูดร่วมคุยเรื่องภาวะโลกร้อนที่โน่นที่นี่ ได้ เรียนรูอ้ ะไรดีๆ มาเยอะ ยิง่ รูก้ ย็ งิ่ ขนลุกครับ ครั้น จะลุกอยู่คนเดียวก็ใช่ที่ ผมจึงชวนคุณมาร่วม ขนลุกด้วยดีกว่า จึงเป็นทีม่ าของบทความชื่อ พิลึกเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมได้มาจากวงสนทนา คือคน ทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจภาวะโลกร้อน เพราะคน ทั่วไปไม่ชอบกราฟ ไม่ชอบตัวเลข พอเห็น นักวิชาการออกมาพูดปาวๆ ก็เกิดอาการหลับ อย่างรวดเร็ว อีกทัง้ ยังคิดว่าภาวะโลกร้อนเป็น เรื่องไกลตัว แม้หมีขาวจะจมน้ำตายใกล้สญู พันธุ์ นั่นก็ยังไกลตัว ต่อให้เป็นหมีควายในป่าห้วย ขาแข้งด้วยซ้ำ จ้างให้ชั้นก็ไม่สน ชีวิตชั้นวน เวียนอยูบ่ นท้องถนน ออฟฟิศ ร้านอาหาร และ บ้าน หมีชนิดไหนจะตายก็เรื่องของหมี
การกระตุ้นความสนใจของคนทั่วไปโดย ใช้กราฟหรือใช้หมี เป็นวิธีการที่ดีแต่สุดท้าย อาจลงเอยด้วยความผิดหวัง จึงอยากเปลี่ยน แนวเล่าเรือ่ งใหม่ ไม่ใช้หมีครับ แต่ใช้ “มะเร็ง” เป็นต้นแบบ เพราะมะเร็งเป็นโรคร้ายยากรักษา บางคนอาจเป็นมะเร็งมานานแต่ไม่ทราบ จน จู่ๆ ดันรู้ขึ้นมา ต้องพยายามหาทางรักษาตัว โลกร้อนเป็นเช่นมะเร็ง เพราะเราปล่อย ก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปบนอากาศ จากการใช้ พลังงานน้ำมัน ถ่านหิน และฟอสซิลต่างๆ อย่าง สุรุ่ยสุร่าย ก๊าซพวกนี้สะสมอยู่ข้างบน ทำยัง ไงก็ไม่สามารถทำลายได้ ต้องปล่อยให้สลาย ไปตามกาลเวลา ก๊าซแต่ละตัวอายุไม่ใช่นอ้ ยๆ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ เมือ่ ขึน้ ไปสูบ่ รรยากาศ กว่าจะสลายอาจต้องใช้เวลาเป็นร้อยปี
๗๑
นอกจากสลายไม่ได้ เรายังส่งก๊าซขึ้น ไปเพิ่มอีกแน่ะ ปริมาณของก๊าซมีมากขึ้นทุก ปี จนในรอบสี่แสนปีที่ผ่านมา ไม่มีครั้งไหนที่ มีกา๊ ซมากมายเหมือนทุกวันนี้ กลายเป็นตัวการ ให้โลกร้อนขึ้นและร้อนขึ้น บางคนบอกว่า โลกร้อนเป็นเช่นไข้หวัด จะให้เป็นถึงขั้นมะเร็งนั้นเกินไป เพราะเข้าใจ ผิดกับคำว่า “ร้อน” หมายถึงอากาศร้อนขึ้น เพียงอย่างเดียว แค่เปิดแอร์ให้แรงหน่อย เรา มีเงินจ่ายค่าไฟ น้ำแข็งจะละลาย น้ำทะเลจะ ท่วมสูงขึ้น อีกสิบปีอย่างดีก็ได้แค่คืบ เราอยู่ ห่างชายฝั่งจะไปกลัวอะไร สร้างกำแพงกั้น ก็ได้ ไม่เห็นเดือดร้อนเลย ปัญหาคือโลกร้อนไม่ใช่หวัด จามฮัดชิ้ว ตัวร้อนกินยานอนพักผ่อนก็หาย ผมเปรียบ ภาวะนีเ้ ช่นมะเร็ง เพราะมีผลข้างเคียงเยอะเหลือ เกิน เยอะจนคุณหมอคาดเดาไม่ออก ภาวะโลก ร้ อ นขึ้ น อย่ า งฉั บ พลั น ด้ ว ยการกระทำของ
๗๒
มนุษย์ ทำให้ธรรมชาติวิปริตผิดอาเพศ ก่อ เกิดผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะ “ฟ้า แปรปรวน” และ “ทะเลแปรปรวน” ฟ้าแปรปรวนหมายถึงลมฟ้าอากาศไม่ เป็นไปตามวัฏจักรที่ผ่านมา ผลเหล่านี้ได้เกิด ขึ้นแล้ว แต่บางท่านอาจไม่ทราบว่า นั่นเกิด มาจากภาวะโลกร้อน เช่น อุทกภัยฝนตกใหญ่ อย่างฉับพลัน แถมยังตกเฉพาะแห่งจนน้ำป่า ไหลคึกๆ อีกแหล่งก็ดนั แล้งไม่มฝี น เหตุการณ์ เมื่อปีที่แล้วคงบอกอะไรเราได้บ้าง ยังหมาย ถึง ณ เวลานี้ ขอเพียงเปิดทีวดี ขู า่ วต่างประเทศ คุณจะพบปัญหาภัยพิบตั เิ กิดขึน้ ทัว่ สารทิศ (ผม เขียนต้นฉบับล่วงหน้านาน วัดใจกันว่าตอนที่คณุ อ่านจะมีขา่ วเหล่านีไ้ หม ? ผมกล้าฟันธง ยังไงก็ มีสักที่ในโลก)
ฟ้าแปรปรวนไม่ได้สง่ ผลเพียงภัยพิบตั ิ แต่ สะเทือนต่อถึงการเกษตรกรรม ชาวนาชาวไร่ คาดเดาไม่ได้วา่ เมือ่ ไหร่จะเข้าฤดูปลูกข้าวทำ นาทำไร่ผลไม้ เมื่อไหร่น้ำจะมา เมื่อไหร่น้ำ จะแห้ง ยังรวมถึงชาวเมือง เช่น เหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ที่หาดใหญ่ในปี ๕๓ ปรกติฝน แถวนั้นจะตกในช่วงเดือนธันวาคม แต่ปีนั้น เกิดอะไรไม่ทราบ ฝนกระหน่ำก่อนหน้าตัง้ ร่วม เดือน ชาวบ้านไม่คดิ ว่าจะเป็นเช่นนัน้ ก็เลยเจอ เข้าไปจั๋งหนับ ยังหมายถึงชาวบ้านอีกหลาย พืน้ ทีท่ วั่ ประเทศ บอกว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้อง แม่ไม่เคยเห็นน้ำมากปานนี้ นัน่ แหละครับบท สรุปที่ดีสำหรับสถานการณ์โลกร้อน “เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น” ผมรับประกัน ผูค้ นในยุคนีจ้ ะได้ “เห็น” สิง่ ทีป่ ยู่ า่ ตายายของ เรา “ไม่เคยเห็น” อีกเยอะครับ
ฟ้าแปรปรวนยังส่งผลต่อโรคภัยไข้เจ็บ เมื่ออากาศร้อนขึ้น วงจรชีวิตของแมลงหลาย ชนิดย่อมเร็วขึ้น แมลงอื่นๆ ยังพอว่า คุณยุง สิน่ากลัว ยุงเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แพร่ โรคไปทัว่ โดยเฉพาะไข้เลือดออก จนกลายเป็น ไข้ฮอตฮิตของเมืองไทย ทะเลแปรปรวนส่งผลอย่างไรบ้าง อันดับ แรกคือกระแสน้ำเปลี่ยนแปลง ปรากฏการณ์ เอลนิโญ่ลานินญ่ารุนแรงขึน้ ต่อเนือ่ งถึงปัญหา พายุกระหน่ำจนชายฝั่งพังทลายหลายแห่ง แถมอุณหภูมิน้ำทะเลยังผิดปรกติ จู่ๆ ก็สูงขึ้น ฮวบฮาบตั้งหลายองศา เกิดปะการังฟอกขาว ตายทัว่ ทะเลไทยในปี ๕๓ ส่งผลกระทบต่อเนือ่ ง ถึงการท่องเที่ยวในแทบทุกพื้นที่ มีนักเที่ยว ทะเลหลายคนบ่นกับผมว่า ปะการังปีนี้โทรม จัง ไม่เห็นสวยเหมือนเมื่อก่อน
๗๓
ภาพแนวปะการังที่เกิดจากผลกระทบภาวะโลกร้อนในทะเลไทยเมื่อปี ๒๕๕๓
เกาะเอไอ
เกาะพีพีดอน
เกาะสิมิลัน
เกาะสุรินทร์
ทะเลแปรปรวนยังเกีย่ วข้องกับปรากฏการณ์ พิสดารอีกหลายอย่าง แม้ยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่เริม่ มีสญั ญานเตือนถึง “ทะเลกรด” น้ำทะเล ทีเ่ ปลีย่ นแปลงสภาพความเป็นกรดด่างจากผล ของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเจือปนลง ไปในน้ำ ทำให้สตั ว์ทะเลหลายกลุม่ เริม่ มีปญั หา และถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ปัญหาจะลุกลาม มากยิ่งขึ้น จนอาจส่งผลให้ทะเลอนาคตไม่ สมบูรณ์พูนสุขเช่นปัจจุบัน จากฟ้าแปรปรวนและทะเลแปรปรวน ส่งผลกระทบทัง้ ทางตรงและทางอ้อม ทางตรง คือคนที่โดนเข้าไปก็ร้องจ๊าก แต่คนส่วนใหญ่ ไม่โดนก็เลยไม่คอ่ ยรูส้ กึ ไม่นกึ ว่าโลกร้อนนีแ่ หละ ๗๔
ตัวกัดกร่อนกินภาษีของเรา เอาง่ายๆ แค่ อุทกภัยครั้งใหญ่ รัฐบาลสั่งตัดงบประมาณทุก กระทรวงลง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ อะไรที่ควรจะ เป็นประโยชน์ กลับต้องกลายเป็นงบเยียวยา และงบฟื้นฟู แล้วคิดว่าเราต้องเยียวยาอีกกี่ ครั้ง ? ฟื้นฟูอีกกี่หน ? แล้วภัยแล้งล่ะ จุดดำ น้ำเสือ่ มโทรม ฤดูกาลท่องเทีย่ วหดสัน้ ลง รายได้ จากการท่องเทีย่ วหดตัวไป ยังไม่นบั ค่าป้องกัน และรักษาโรคระบาดพิสดารขึ้นทุกวัน ฯลฯ บวกไปบวกมา อาจพบว่า แต่ละปีประเทศ ไทยอาจต้ อ งหมดเงิ น ไปนั บ แสนล้ า นบาท เนื่องจากปัญหาโลกร้อน เงินจำนวนนี้ควรนำ ไปใช้เพือ่ การคมนาคม สร้างรถไฟฟ้าสายใหม่
พัฒนาระบบการศึกษาของเราให้ดีขึ้น เป็น สวัสดิการสังคมเพื่อการรักษาพยาบาล ทำให้ คุณภาพชีวิตดีขึ้น โน่นนั่นนี่อีกมากมาย แต่ เรากำลังต้องใช้จ่ายไปกับปัญหาโลกร้อน ที่ สำคัญคือค่าใช้จา่ ยเหล่านี้ มีแต่เพิม่ กับเพิม่ ไม่มี ลดลงสักนิด แล้วเราทำอะไรบ้าง ? เราทราบปัญหา โลกร้อน แต่เรากลับไม่สามารถแก้ปัญหาโลก ร้อนได้ ด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่งคือเราไม่ เห็นโลงศพ เราไม่หลัง่ น้ำตา หรือเราหลัง่ แล้วแต่ ก็ยังไม่เข้าใจเหตุของปัญหา รอแต่ให้รัฐบาล มาเยียวยาช่วยเหลือ อีกเหตุผลหนึ่งคือเรากลัว แต่เราไม่รู้จะ ทำอย่างไร เพราะเราวนเวียนอยูก่ บั วิธกี ารแสน ง่ายที่ไม่ได้ผล เช่น เกิดกระแสโลกร้อน เรา จัดคอนเสิร์ต (ผมเคยพูดกลางเวทีคอนเสิร์ต เรื่องโลกร้อนหลายครั้ง แสงสีเร้าใจดีมากจ้ะ) เราจัดแรลลี่ (เค้าติดต่อผมมา แต่พอผมบอก กติกาแรลลีช่ ว่ ยโลกร้อน ต้องปลูกต้นไม้ให้มาก
กว่าก๊าซที่รถคุณปล่อยระหว่างแรลลี่ เค้าเลย หายต๋อมไปโลด) อุทกภัยมา เราพยายามสร้าง ระบบแจ้งเตือน นัน่ ก็ดคี รับ แต่ผมคิดว่า เหมือน กับการติดกล้องวงจรปิดไว้จบั ขโมยในบ้าน จะดี ยังไงขโมยก็ซัดของเราไปแล้ว ต้องไปตามจับ ทางที่ดีคือทำให้สังคมเป็นสุข เข้มงวดเรื่อง กฎหมาย ทำให้ขโมยน้อยลง แล้วอะไรคือทางออก ? เคราะห์ดเี ป็นอย่าง ยิง่ ที่บทความนี้ชื่อ “สิ้นยุคสุขกันเถิดเรา” มิใช่ “ทางออกประเทศไทย” แต่ผมเชือ่ ว่าทุกคนคง ทราบทางออกสายนั้นกันดีอยู่แล้ว คู่มือโลก ร้อนมีตงั้ ไม่รกู้ สี่ บิ เล่ม แต่เราจะทำหรือไม่ทำ... ก็เท่านั้น หากเราไม่ช่วยกันทำ ก็ต้องวัดใจ ใคร จะซวยก่อนกัน จะรวยแค่ไหน ลูกคุณก็มีสิทธิ ติดไข้เลือดออก หรือนัง่ เครือ่ งบินชัน้ หนึง่ เครือ่ ง ก็มีสิทธิเจอพายุดิ่งพสุธา หรือไม่ก็โรงงานน้ำ ท่วมเหลือแต่หลังคา ธรรมชาติคอื ผูซ้ อื่ ตรงทีส่ ุด ในโลก หากเธอคิดจะทวงคืน รับรองไม่แบ่ง ชั้นวรรณะ ไม่แยกแยะดีชั่วครับ
๗๕
สุขภาพน่ารู้
เรื่อง...นพ.อนันต์ โลหะพัฒนบำรุง
ออกกำลังกายแต่เด็ก ช่วยอารมณ์ จิตใจ สังคม แข็งแรง
การออกกำลังกายเป็นสิง่ ทีส่ ำคัญมาก ต้องเริ่มตั้งแต่ เด็ก วัยรุ่น เพื่อหัดจน เป็นนิสัย (ที่ดี) ช่วยให้ห่างไกลยาเสพติด เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ช่วยสร้างเสริมสุขภาพ ให้มีสมองและจิตใจแจ่มใสด้วย
เ
มื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ปีที่แล้ว ประเทศไทย โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธสิ มาพันธ์ชมรม เดินวิง่ เพือ่ สุขภาพไทย ผูแ้ ทนองค์การอนามัย โลกประจำประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข กทม. และสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจ และสังคมภาคพืน้ เอเชียแปซิฟกิ ( UN ESCAP) เป็นตัวแทนจัดโครงการชวนขยับทั้งประเทศ Thailand On The Move 2010
๗๖
ภายในงานยังมีผเู้ ข้าร่วมมากกว่า ๑๐,๐๐๐ คน มาทำกิจกรรมออกกำลังกายหลายรูปแบบ ทัง้ การเดินเพือ่ สุขภาพระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร วิ่ง ๑๐.๕ กิโลเมตร ขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ ๑๐.๕ กิโลเมตร การเต้นแอโรบิก รำไท้เก๊ก รำพัด ไม้พอง และมวยไทยแอโรบิก เป็นต้น ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า การออกกำลัง กายมีความสำคัญมาก จากข้อมูลองค์การ อนามัยโลกระบุว่าในปี ๒๕๔๘ ทั้งโลกมีผู้เสีย ชีวติ จากโรคเรือ้ รัง ๓๕ ล้านคน และคาดการณ์ ว่าอีก ๑๐ ปีข้างหน้า คือในปี ๒๕๕๘ จะ ขยับขึน้ เป็น ๔๑ ล้านคน ด้วยโรคอาทิ โรควูบ หัวใจขาดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเครียด ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงคือ การ รับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การทำงาน ทีไ่ ม่คอ่ ยมีการเคลือ่ นไหว การสูบบุหรี่ ดืม่ เหล้า เป็นต้น การออกกำลังกายจึงเป็นสิง่ ทีส่ ำคัญมาก เพราะจะช่วยป้องกันโรคเรือ้ รังดังกล่าวข้างต้น และต้องเริ่มตั้งแต่ เด็ก วัยรุ่น เพื่อหัดจนเป็น นิสัย (ที่ดี) ช่วยให้ห่างไกลยาเสพติด เป็นการ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ช่วยสร้างเสริม สุขภาพ ให้มีสมองและจิตใจแจ่มใสด้วย นอกจากนี้ จากการสำรวจเรื่องการใช้ เวลาว่างของเด็กและวัยรุ่น พบว่า เด็กไทยใช้ เวลาในกิจกรรมไม่เคลือ่ นไหวร่างก่ายมากกว่า การออกกำลังกาย โดยวันธรรมดาดูโทรทัศน์ และฟังวิทยุ ๒ ชั่วโมง ในวันหยุดดูมากกว่า ๒-๔ ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนี้ยังเสียเวลากับ การใช้คอมพิวเตอร์ ทัง้ เล่นเกม และเล่นแชท
กับเพื่อนๆอีกทุกวันวันละ ๑-๒ ชั่วโมง ทั้ง ด้านสติปัญญา การเล่นในบ้านและออกไปเล่นตามร้านเกม การออกกำลังกายทำให้เกิดการกระตุ้น ซึง่ กลายเป็นจุดเสีย่ งสำคัญทีท่ ำให้มกี ารทำร้าย ของฮอร์โมนต่างๆ หลายชนิด โดยเฉพาะ ร่างกายกัน และยังมีการรวมกลุ่มแก๊งวัยรุ่น อย่างยิ่ง Growth hormone ซึ่งเป็นฮอร์โมน นับเป็นปัญหาสำคัญอีกปัญหาหนึ่ง เพือ่ การเจริญเติบโต สามารถหลัง่ ออกมาได้มาก สุขนิสยั ทีด่ ตี อ้ งเริม่ แต่วยั เยาว์ ออกกำลัง ขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง เกิดเชาว์ กายเพื่อสุขภาพควรเริ่มแต่วัยเด็ก ปัญญา ส่งผลให้การศึกษาเล่าเรียนอยูใ่ นเกณฑ์ สุขภาพทีแ่ ข็งแรง แสดงถึงคุณภาพชีวติ ที่ ที่ดีกว่า ดี การออกกำลังกายจึงเป็นของคูก่ นั ชีวติ ของ ด้านสุขภาพ คนเราไม่ควรขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะ การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นระบบ อย่างยิง่ ในวัยเด็ก ซึง่ เป็นวัยทีก่ ำลังเจริญเติบโต สร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มีคุณภาพสูงยิ่ง ทุกส่วน ตั้งแต่สรีระร่างกาย จิตใจ ความคิด ขึ้น มีผลในการปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลก ความจำ หากได้รบั การออกกำลังกายก็ยงั สามารถ ปลอมของเชื้อโรค และสารภูมิแพ้ต่างๆ เด็ก พัฒนาสุขภาพโดยรวมได้ทุกๆ ด้าน พ่อ แม่ ที่ขาดการออกกำลังกายจะมีโอกาสเป็นโรค จึงจำเป็นต้องให้การสนับสนุน และฝึกให้ลกู ทำ แทรกซ้อนได้บ่อย ซึ่งปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นประจำสม่ำเสมอ เด็กที่ได้ออกกำลังกาย นี้มักจะติดตัวไปจนถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ด้านสังคมและจิตใจ จะมีข้อได้เปรียบดังนี้ ด้านการเจริญเติบโต การออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นหมู่ ถ้าเด็กได้ออกกำลังกายอย่างถูกหลักวิธี คณะ ทำให้เด็กรูจ้ กั ปรับตัวในสังคม จึงเป็นการ การเจริญเติบโตของเซลล์จะเจริญตามสัดส่วน เพาะบ่มให้เกิด EQ (ความฉลาดทางอารมณ์) ไปด้วย ส่วนเด็กที่ไม่ได้ออกกำลังกายตามวัย สามารถเข้าใจความรู้สึก ความคิดของคนอื่น อันควรอย่างเหมาะสม กระดูกจะเล็ก เปราะ ได้เป็นอย่างดี เป็นประโยชน์สุขในการดำรง บางและขยายสัดส่วนในด้านความยาวได้ไม่ดี ชีวิตในสังคมเมื่อเติบใหญ่ เท่าทีค่ วร จึงทำให้แคระแกร็น เติบโตช้า วัยที่แตกต่างกัน : การออกกำลังกาย การเลือกชนิดหรือวิธีการออกกำลังกาย ทีจ่ ะให้ผลดีตอ่ ร่างกาย ขึน้ อยูก่ บั ช่วงอายุ ดังนี้ วัยเด็ก: ก่อน ๑๑ ปีสำหรับเด็กผู้หญิง และ ก่อน ๑๒ ปีสำหรับเด็กผู้ชาย ในวัยนี้ เป็นช่วงทีร่ า่ งกายมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ ความสามารถยังมีข้อจำกัด ในการฝึกทักษะ กีฬาทีต่ อ้ งใช้เทคนิคสูงๆใช้แรงมาก ใช้ความเร็ว สูง จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้น จึงควรเป็นกิจกรรมหรือกีฬาง่ายๆ ที่มุ่งเน้น ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ไม่ควรเน้นเรื่อง ของการแข่งขันแพ้หรือชนะ เนือ่ งจากจะทำให้ เด็กรู้สึกกดดันและไม่ชอบเล่นกีฬา วัยรุ่น: ระหว่างอายุ ๑๒-๑๕ ปี ซึ่งเป็น วั ย ของการเตรี ย มตั ว สู่ การเป็ น นั ก กี ฬ าที่ มี ความสามารถสูงได้ สภาวะของร่างกายกำลัง มีความเจริญเติบโต การเลือกเล่นกีฬาสามารถ ๗๗
ทำได้แทบทุกประเภทที่มีความชอบหรือสนใจ และถ้ า หากมี ความพยายามที่ จ ะฝึ ก ทั ก ษะ เทคนิค และความชำนาญอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ ก็มีโอกาสประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะอย่าง ยิง่ กีฬายิมนาสติก และว่ายน้ำ ซึง่ เหมาะสำหรับ ฝึกขณะร่างกายกำลังเจริญเติบโตในช่วงนี้ วัยหนุม่ สาว: ตัง้ แต่ ๑๖-๓๐ ปี เป็นช่วง ที่ร่างกายมีการพัฒนาเต็มที่แล้ว สมรรถภาพ ทางกายมีความพร้อม คนที่มีพื้นฐานมาดี จากวัยรุน่ ก็สามารถพัฒนาสืบต่อและฝึกเทคนิค ในขั้นสูงได้ง่าย ซึ่งจะทำให้ประสบผลสำเร็จ สูงสุดในวัยนี้ วัยผู้ใหญ่: ตั้งแต่ ๓๐ ปี ขึ้นไป เป็นวัย ทีส่ มรรถภาพทางร่างกายในด้านต่างๆ เริม่ ถด ถอยลดลงแล้ว โดยเฉลี่ยจะลดลงร้อยละ ๑ ของทุกปี วัยนี้จึงควรเลือกการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพมากกว่ากีฬาเพื่อการแข่งขัน ไม่ ควรหักโหม และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ควรอยู่ ในขั้นพอเหมาะพอควรที่ร่างกายรับได้ ซึ่งจะ ทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายจากการออกกำลังใน ช่วงนี้อย่างมาก เพราะสามารถทำให้อวัยวะ ต่างๆเสื่อมช้าลงด้วย
วัยชรา: ตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป เป็นวัยที่ อวัยวะต่างๆ เริม่ เสือ่ มอย่างชัดเจน สมรรถภาพ การทำงานของร่างกายลดลง ควรหลีกเลี่ยง กิจกรรมที่หนัก เร็ว การเหวี่ยง การกระแทก หรือนานเกินไปโดยไม่มีจังหวะพัก สิ่งที่ควร ตระหนักอีกประการหนึง่ คือ ควรได้รบั การตรวจ ร่างกายโดยแพทย์ เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับ สุขภาพและความสมบูรณ์ของตน เพือ่ ป้องกัน อันตรายและการบาดเจ็บทีอ่ าจเกิดขึน้ ลดความ เสีย่ งในการออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาสำหรับ ผูท้ ี่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ในวัยนีค้ วรได้ รับการตรวจเลือดและคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบวิ่ง บนสายพาน ( Exercise Stress Test )
สุขบัญญัติแห่งชาติ
สุขบัญญัติแห่งชาติ คือข้อกำหนดที่เด็กและเยาวชนตลอดจนประชาชนทั่วไปพึงปฎิบัติ อย่างสม่ำเสมอจนเป็นสุขนิสัย เพื่อให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ อันจะนำไปสู่การมีสุขภาพดี ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งกำหนดแนวทางไว้ ๑๐ ข้อ ดังนี้ ข้อที่ ๑ ดูแลรักษาร่างกายและของใช้ให้สะอาด ข้อที่ ๒ รักษาฟันให้แข็งแรงและแปรงฟันทุกวันอย่างถูกต้อง ข้อที่ ๓ ล้างมือให้สะอาดก่อนกินอาหาร และหลังการขับถ่าย ข้อที่ ๔ กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลีย่ งอาหารรสจัด สีฉดู ฉาด ข้อที่ ๕ งดบุหรี่ สุรา สารเสพติด การพนัน และการส่ำส่อนทางเพศ ข้อที่ ๖ สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น ข้อที่ ๗ ป้องกันอุบัติภัยด้วยการไม่ประมาท ข้อที่ ๘ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและตรวจสุขภาพประจำปี ข้อที่ ๙ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ข้อที่ ๑๐ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม การปฏิบัติสุขบัญญัติ ๑๐ ประการนี้ จะสร้างให้เกิดความแข็งแรง มีสมรรถภาพในการ เรียน การทำงาน มีภูมิต้านทานโรคดี ไม่เจ็บป่วยง่าย สุขภาพดีทั้งกายและใจ และอยู่ใน สังคมอย่างมีความสุข ๗๘
เก็บมาเล่า เรื่อง...พิมพ์
“ ’’
พระอัจฉริยะภาพ ที่ยิ่งใหญ่ แรงบันดาลใจสู่ผลงาน หุ่นยนต์ชิ้นเยี่ยมฝีมือ เด็กไทย
‘หุ่นยนต์คุณหมอพระราชทาน’ ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงเปิดงานศิลปหัตกรรม ประจำปีของกระทรวง ศึกษาธิการ
นั
หุ่นยนต์คุณหมอพระราชทาน
บย้อนไปเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ช่วงเวลาทีย่ งั ไม่มใี คร ในประเทศไทยพกโทรศัพท์มือถือ ภาพบนจอ โทรทัศน์ยังเป็นสีขาว-ดำ และคนไทยน้อยคนนักที่จะ รู้จักคำว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ ‘หุ่นยนต์’ ในเวลาเดียวกันนั้น พระมหากษัตริย์ผู้มีสาย พระเนตรยาวไกล ทรงเล็งเห็นประโยชน์นานัปการของ เทคโนโลยี จึงพระราชทานแนวพระราชดำริ รวมถึง เงินทุนสำหรับการผลิตหุน่ ยนต์ทขี่ ยับเขยือ้ นเคลือ่ นไหว ได้ ด้วยเครือ่ งมือเครือ่ งใช้ใกล้ตวั ทีม่ อี ยู่ในสมัยนัน้ ‘หุ่น ยนต์คณุ หมอพระราชทาน’ ถือกำเนิดขึน้ จากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งที่เสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเปิดงานศิลปหัตกรรมประจำปีของ กระทรวงศึกษาธิการ พระองค์ทอดพระเนตรเห็นผลงาน ของวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ ทรงพอพระราชหฤทัยมาก จึงพระราชทานแนวพระราชดำริให้จดั สร้างหุน่ ยนต์ขนึ้ นายสนั่น สุมิตร ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค กรุงเทพฯ (ในขณะนั้น) ได้บันทึกเหตุการณ์ช่วงนั้นไว้ ว่า “พระองค์รับสั่งถามว่า ทำหุ่นยนต์เดินได้ไหม ผม กราบบังคมทูลทันทีว่า ได้พะย่ะค่ะ รับสั่งต่อไปว่า จะ ต้องใช้เงินเท่าใด ผมไม่มีเวลาจะคิดคำนวณอะไร แต่
จะโดยบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ ตัวเลขสองหมืน่ เกิด แวบเข้ามาในหัว จึงกราบบังคมทูลว่า ต้องใช้เงิน ประมาณสองหมืน่ บาท พระองค์ทา่ นทรงพระสรวลและ รับสั่งว่า จะให้เขาจัดเงินให้” ทางวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ ใช้เวลา ๓ เดือน ก็สามารถสร้างหุ่นยนต์สูงเท่าตัวคน ศีรษะเป็นปูน ปลาสเตอร์ระบายสีเป็นหน้าคนใจดี ลำตัว แขน ขา และ เท้า เป็นอลูมเิ นียมได้สำเร็จ หุน่ ยนต์ตวั นีเ้ ดินได้ ยกมือ ได้ ไหว้ได้ และพูดโต้ตอบรวมถึงคิดเลขและร้องเพลง ได้ดว้ ย เมือ่ นำขึน้ ทูลเกล้าฯถวายให้ทรงทอดพระเนตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั รับสัง่ ให้ใส่เสือ้ กาวน์ให้หนุ่ ยนต์เป็น ‘คุณหมอ’ คล้องหูฟงั ติดตรากาชาดสีแดงที่ หน้าอก นำไปแสดงต่อสาธารณชนครัง้ แรกในงานกาชาด ประจำปี ๒๔๙๘ และได้รับความนิยมจากประชาชน อย่างล้นหลาม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้และ พัฒนาเทคโนโลยี ‘หุ่นยนต์’ ของประเทศไทย พระอัจฉริยภาพเมื่อ ๕๖ ปีที่แล้วยังคงเป็นแรง บันดาลใจให้เด็กไทยรุ่นใหม่สร้างสรรค์ผลงานด้านหุ่น ยนต์จนได้รบั รางวัลต่างๆ ทัง้ ในระดับประเทศและระดับ สากล
๗๙
เด็กไทยประกาศศักดา คว้าเหรียญทองหุ่นยนต์โลก ผลงานชิ้นแรกเป็นรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์โลก World Robot Olympiad ๒๐๑๐ (WRO ๒๐๑๐) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ ๔-๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ เด็กไทยของ เราสามารถคว้ามาได้ถึง ๙ รางวัล ได้แก่ การแข่งขันประเภทหุน่ ยนต์อตั โนมัติ ผูเ้ ข้าแข่งขันจะต้องสร้างโปรแกรมประกอบหุน่ ยนต์ และนำไปปฏิบตั ิ ภารกิจบนสนาม ได้รับ ๑ เหรียญทอง จากรุ่นอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ทีมนักเรียนจากโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ ๑ เหรียญทองแดง จากรุ่นอายุไม่เกิน ๑๕ ปี ทีมนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรุงเทพมหานคร การแข่งขันประเภทโรบอตซอคเกอร์ การแข่งขันหุ่นยนต์เตะฟุตบอล ได้รับ ๑ เหรียญเงิน ทีมนักเรียนจากโรงเรียนธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ๑ เหรียญทองแดง ทีมนักเรียนจากโรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร การประกวดโครงงานหุ่นยนต์อัตโนมัติ การประกวดโครงงานหุ่นยนต์ในหัวข้อ “หุ่นยนต์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว” ได้รับ ๒ รางวัลชมเชย จาก รุ่นอายุไม่เกิน ๑๘ ปี - ทีมนักเรียนจากโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต จังหวัดนครราชสีมา - ทีมนักเรียนจากโรงเรียนเพชรวิทย์ จังหวัดตาก ๓ รางวัลพิเศษจากการโหวตของคณะกรรมการ (Judge Award) - โรงเรียนสามเสนนอกประชาราษฎร์อนุกูล กรุงเทพมหานคร - โรงเรียนอนุบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี และ - โรงเรียนนารีนุกูล จังหวัดอุบลราชธานี นายนรภัทร วงศ์สวัสดิ์ไพศาล หัวหน้าทีมหุ่นยนต์ “ง่ำ ง่ำ” หนึ่ง ในสมาชิกจากทีมโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล เจ้าของรางวัล ๑ เหรียญ ทองจากการแข่งขันประเภทหุ่นยนต์อัตโนมัติ รุ่นอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ไปร่วมแข่งขันระดับโลก และดีใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย อยากฝาก ถึงเพื่อนๆ และรุ่นน้องที่สนใจหุ่นยนต์ว่า สิ่งสำคัญสุดสำหรับการแข่งขัน คือ การฝึกซ้อม ผู้เล่นที่ดีต้องฝึก ซ้อมอย่างหนักและสม่ำเสมอ ผลการแข่งขันมักตัดสินแพ้ชนะเพียงเสี้ยววินาที หลักในการแข่งขันหุ่นยนต์ให้ ประสบความสำเร็จ คือ ต้องทำเวลาให้เร็วที่สุด และแม่นยำมากที่สุด ๘๐
“หุ่นยนต์ชวนน้องอ่านหนังสือ” ไอเดียเด็ดเด็กประถม จากระดับมัธยม ลองมาดูความสามารถของน้องๆ วัยประถมกันบ้าง เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่ ผ่านมา ทางกรุงเทพมหานครได้จัดงาน ‘มหกรรมการศึกษากรุงเทพมหานคร เก่งแบบมีสุข สนุกกับการเรียน ทั้งชีวิต...เราดูแล’ (Smart Learning) กิจกรรมด้านการศึกษา ในรูปแบบของนิทรรศการและกิจกรรมที่ส่ง เสริมให้เด็กๆ มีความรอบรู้รอบด้าน จุดเด่นของงานอยูท่ กี่ ารประกวด “หุน่ ยนต์เพือ่ มหานครของฉัน” ซึง่ รวบรวมสุดยอดแนวคิดของเด็กนักเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครกว่า ๔๓๖ โรงเรียน เข้าร่วมประกวดโครงงานหุ่น ยนต์ที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในเมืองหลวง โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือหุ่นยนต์ทำมือ และ หุ่น ยนต์อัตโนมัติ รางวัลชนะเลิศประเภทหุ่นยนต์ทำมือ ได้แก่ “หุ่นยนต์ชวนน้องอ่านหนังสือ” ผลงานของกลุ่มนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนบางประทุนนอก เขตจอมทอง ประกอบด้วย เด็กชายธนะชัย พิริยะทรัพย์ เด็กชายภูสิต ตรงกลาง เด็กหญิงมาลีวัลย์ แมมิ่ง เด็กหญิงเจนนิตา ภู่สุวรรณรัตน์ และเด็กหญิงสิริเพ็ญ สุวรรณเนตร หุน่ ยนต์ชวนน้องอ่านหนังสือนีส้ ร้างจากรถบังคับ เก่าเหลือใช้นำมาประกอบกับกล่องใส่หนังสือแล้วติดตัง้ เครื่องเสียง แนะนำหนังสือน่าอ่าน เด็กชายธนะชัย หัวหน้ากลุ่มเล่าถึงที่มาของแนวคิดว่า พวกพี่ๆ เห็น น้องเล็กๆ เอาแต่เล่นสนุก เลยอยากให้นอ้ งอ่านหนังสือ มากขึ้น จึงประดิษฐ์หุ่นยนต์ตัวนี้ เมื่อนำไปทดลอง แนะนำหนังสือบริเวณห้องเรียนชั้นประถม ๑-๓ ก็ ปรากฏว่าน้องๆ สนใจอ่านหนังสือกันมากขึน้ จริงๆ ทาง กลุ่มจึงวางแผนว่าจะพัฒนาหุ่นยนต์รุ่น ๒ นำไปติด ตัง้ ในห้องสมุด เพือ่ ประชาสัมพันธ์ให้นกั เรียนเก็บหนังสือ ที่อ่านเสร็จแล้วให้เป็นระเบียบ ๘๑
ส่วนรางวัลชนะเลิศประเภทโครงงานหุน่ ยนต์อตั โนมัติ ได้แก่ “หุน่ ยนต์เก็บขยะในน้ำ” ผลงานจากนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ โรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ เขตบางบอน สมาชิกในกลุ่มประกอบด้วย เด็กชาย สุพรรณ ศรีเฟื่องฟุ้ง เด็กชายสุภากร จิโรปการ เด็กหญิงนุชนาฎ โสภี เด็กหญิงอริสรา สุขสำราญ และ เด็กหญิงสิริรัตน์ อินต๊ะบุญมา ตัวหุ่นยนต์เก็บขยะในน้ำนี้ทำจากตัวต่อเลโก้ ควบคุมทิศทางด้วยระบบอัลตร้าโซนิค ด้านล่างติดใบพัด เพือ่ ช่วยทรงตัวและเพิม่ ออกซิเจนในน้ำ หุน่ จะทำงานโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุทลี่ อยอยูบ่ นน้ำ เมือ่ พบขยะก็จะตัก ขยะไปไว้ที่เก็บขยะ สาเหตุที่กลุ่มนักเรียนโรงเรียนพระยามนธาตุราชศรีพิจิตร์ประดิษฐ์หุ่นยนต์เก็บขยะก็เพราะคิดว่า ปัญหา ใหญ่ที่คนกรุงเทพฯ เผชิญอยู่คือ ปัญหาการจราจรและปัญหาขยะล้นเมือง หากมีหุ่นยนต์ที่ช่วยเก็บขยะในน้ำ ได้ ก็จะลดปริมาณขยะในแม่น้ำลำคลองและรักษาระบบนิเวศให้สมดุล นอกจากนี้หากใช้หุ่นยนต์ คนเก็บขยะ ก็ไม่ต้องสัมผัสกับสารพิษโดยตรงด้วย น่าปลืม้ ใจทีส่ มองเล็กๆ ของเด็กชัน้ ประถมและมัธยมศึกษา สามารถสร้างผลงานน่าทึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เทคโนโลยีที่ทัน สมัยแล้ว ยังรู้จักนำวัสดุใกล้ตัวมาประกอบ เหมือนเป็นการ ต่อยอดจาก ‘หุ่นยนต์คุณหมอพระราชทาน’ ซึ่งเป็นจุดเริ่ม ต้นของวงการหุ่นยนต์ไทย เมื่อ ๕๖ ปีที่แล้ว ‘หุน่ ยนต์’ เป็นกิจกรรมทีเ่ หมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ทุก เวลา สร้างสรรค์ เด็กๆ สามารถเริม่ เล่นหรือประกอบหุน่ ยนต์ได้ ตั้งแต่ระดับอนุบาลกระทั่งระดับอุดมศึกษา การเล่นหุ่นยนต์ จะช่วยพัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์ เพิ่มทักษะการเรียนรู้ และยังได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ หากน้องๆ เยาวชน พัฒนา ศักยภาพโดยมีผปู้ กครองสนับสนุน ในอนาคตอันใกล้ ประเทศ ของเราคงมีนักประดิษฐ์หุ่นยนต์เก่งๆ สร้างหุ่นยนต์ดีๆ และ มีประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกหลายคนทีเดียว ๘๒
โลกดิจิตอล
เรื่อง...สีฟ้า
แท็บเล็ต
พีซี-คอมพิวเตอร์จิ๋วเพื่ออนาคต เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว หนังสือพิมพ์ Mid Day ของอินเดีย ประกาศข่าวดี ให้กับเหล่าเยาวชนของประเทศ ด้วยกระทรวงทรัพยากร มนุษย์ได้มีโครงการพัฒนาโน้ตบุ๊คจิ๋วสำหรับเด็กๆ ซึ่งเรารู้กันว่า โน้ตบุ๊คนี้ มีชื่อเรียกที่ชาวไอทีคุ้นเคยว่า “Tablet PC” หรือ คอมพิวเตอร์ขนาด พกพาซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปที่เรารู้จักกัน เพื่อให้เด็กทั่วประเทศสามารถใช้ได้ ไม่ ว่าจะอยู่ส่วนไหนของอินเดียก็ตาม เครื่องจึง ใช้กำลังไฟแค่ ๒ วัตต์เท่านั้น โดยคาดว่า หนูๆ ชาวภารตะทัง้ หลายจะสามารถเป็นเจ้าของ Table PC ได้ภายในปีหน้า และมีข่าวว่า โครงการนี้จะนำร่องให้เกิดการผลิตเครื่องรุ่น ต่อไป ซึง่ จะมีราคาถูกสุดๆ เพียง ๑๐ เหรียญ สหรัฐฯ ได้ยินข่าวเช่นนี้แล้วก็หวังว่า รัฐบาล ของประเทศไทยก็จะเห็นถึงความสำคัญของ ไอทีกับเยาวชนเช่นกัน ว่าแต่อ่านกันมาถึงบรรทัดนี้แล้ว มีใคร สงสัยไหมว่า เจ้า Tablet PC นี้คืออะไร เผื่อ เพือ่ นๆ คนไหนยังไม่ได้เกาะกระแสเทรนด์เรือ่ ง เทคโนโลยีกบั เขาก็ลองมาทำความรูจ้ กั Tablet PC ไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ Tablet PC คือเครื่องคอมพิวเตอร์ ขนาดพกพาทีม่ คี ณ ุ สมบัตเิ ท่ากับคอมพิวเตอร์ ทัว่ ไป ในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครือ่ ง เหมือนกับโน้ตบุ๊ค แต่เสริมความพิเศษด้วย คุณสมบัติเด่นๆ อาทิ หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาประมาณ ๑ กิโลกรัม
และที่ทำให้เราพลอยยินดีกับข่าวนี้ด้วย เพราะเด็กๆ สามารถหาซื้อมาเป็นเจ้าของได้ ในราคาเพียง ๓๕ เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น ทางหนังสือพิมพ์ Mid Day อ้างว่า Tablet PC นี้จะมีชื่อว่า Sakshat คุณสมบัติเด่นคือ สามารถท่องอินเตอร์เน็ตได้ดว้ ยจอสัมผัสพร้อม คีย์บอร์ดในตัว ใช้ CPU หน่วยเดียวและมี แรมสองกิ๊กเชื่อมต่อผ่านระบบ Wi –Fi และ USB Tablet PC คือเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่มีคุณสมบัติเท่ากับคอมพิวเตอร์ ทั่วไป ในด้านรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่อง จะเหมือนกับโน้ตบุ๊ค แต่เสริมความ พิเศษด้วยคุณสมบัติเด่นๆ อาทิ หน้าจอเป็นระบบสัมผัส
๘๓
หน่อยๆ รองรับการใช้งาน Bluetooth และ Wi-Fi และที่น่าจะถูกใจสำหรับวัยเรียนอย่าง เราก็คือ สามารถใช้ปากกาดิจิตอลสั่งการได้ที่ หน้าจอภาพโดยตรง และแปลงเป็นข้อความ ตัวอักษรได้อัตโนมัติ ทีนี้เราก็สามารถจดเรื่อง ราวต่างๆ ได้โดยไม่ต้องง้อสมุดโน้ตแล้ว สำหรับระบบปฏิบตั กิ ารก็เหมือนคอมพิวเตอร์ทวั่ ไป คือใช้ระบบ Windows XP ซึ่ง ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับ Tablet PC โดย เฉพาะ มีชื่อว่า Windows XP Tablet PC จึง เหมือนใช้คอมพิวเตอร์ที่เพื่อนๆ คุ้นเคย แต่ พกพาสะดวกขึ้น แบตเตอรี่ทำงานได้ยาวนาน กว่า สำหรับการออกแบบอาจจะทำออกมาได้ หลายหน้าตา บางรุ่นจึงสามารถหมุนหน้าจอ ได้ และบางรุน่ สามารถแยกแป้นพิมพ์ออกจาก กันได้ มีระบบปฏิบัติการ Microsoft Office และโปรแกรมเสริมอื่นๆ อีกที่รองรับ Tablet PC โดยเฉพาะ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้งาน แต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาท ก่อนซื้อ จึงต้องถามผู้ขายทุกครั้งว่า เครื่องรองรับการ ใช้งาน Microsoft Office ได้หรือไม่ นอกจาก นี้ Tablet PC ยังเหมาะกับเวลาที่ต้องออกมา พรีเซนต์งานหน้าห้องเรียน เพราะหน้าจอหมุน ได้ จึงง่ายต่อการนำเสนองาน
๘๔
ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์หลายๆ ยี่ห้อได้ พัฒนา Tablet PC ออกมาให้เลือกหลายแบบ บางรุ่ น อาจมี การใช้ ร ะบบปฏิ บั ติ การที่ แ ตก ต่างจาก Windows เช่น Android เป็นต้น ซึ่ง ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของผู้ผลิตแต่ละราย อาทิ HP, Fujitsu, Toshiba, Acer โดยเชือดเฉือนกันที่ คุณสมบัติและราคา ยกตัวอย่างยี่ห้อ Acer ที่ แม้จะประกาศขาย Table PC ช้ากว่าเจ้าอื่นๆ แต่ก็มีรุ่นที่เล็กสุดด้วยหน้าจอขนาด ๔.๘ นิ้ว (ซึ่งเล็กกว่ายี่ห้อ Dell ที่ทำไว้ด้วยขนาดหน้า จอ ๕ นิ้ว) โดยทาง Acer ตั้งใจให้เป็นทั้ง สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตทีส่ มบูรณ์แบบ สำหรับ ราคาเฉลี่ยของ Tablet PC ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และคุณสมบัติ โดยประมาณน่าจะราวๆ ๙,๐๐๐ – ๒๑,๐๐๐ บาท เมื่อเทคโนโลยีก้าวไปไกล ความสะดวก สบายจึงเป็นสิง่ ทีเ่ ราคำนึงถึงมากทีส่ ดุ สำหรับ วันนี้และอนาคตแล้ว Tablet PC น่าจะเป็นตัว ช่วยเปลีย่ นโลกดิจติ อลของเราไปในอีกโฉมหน้า ไม่มากก็น้อย
สำหรับระบบ ปฏิบัติการก็ เหมือน คอมพิวเตอร์ ทั่วไป คือใช้ระบบ Windows XP ซึ่งออกแบบมา เพื่อใช้สำหรับ Tablet PC โดย เฉพาะ มีชื่อว่า Windows XP Tablet PC
เกร็ด ต่างแดน เรื่อง...พิมพ์
ควี นอลิซาเบธทรงมีแฟนเพจบนเฟสบุ๊ก อย่าคิดว่ามีแต่ศิลปินดาราเท่านั้น ทีจ่ ะมีหน้าแฟนเพจในเฟสบุค๊ แม้แต่ควีน อลิซาเบธที่ ๒ แห่งสหราชอาณาจักรก็ มี ห น้ า แฟนเพจของพระองค์ ใ นสั ง คม ออนไลน์ขนาดยักษ์ทมี่ ผี ใู้ ช้บริการมากกว่า ๕๐๐ ล้านคนทั่วโลกนี้ด้วยเช่นกัน เพียง แต่อาจไม่ได้ทรงอัพเดทด้วยพระองค์เอง อย่างเราๆ เท่านั้น ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมซึ่ง เป็นผูส้ ร้างแฟนเพจนี้ได้ออกแถลงการณ์ ว่า หน้าเฟสบุ๊คของสมเด็จพระราชินี อลิซาเบธที่ ๒ จะประกอบด้วยข้อมูลพระราชกรณียกิจของพระองค์เอง และพระบรมวงศานุวงศ์ในรูป แบบของภาพและวิดีโอ ผู้ใช้เฟซบุ๊คสามารถติดตามข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างใกล้ชิด แน่นอนว่างานนีต้ อ้ งมีขา่ วอัพเดทเกีย่ วกับพิธอี ภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับเคท มิดเดิลตัน ซึ่งจะจัดขึ้นในปีนี้มาให้เกาะติดกันด้วย ใครสนใจคลิกไปได้เลยที่ http://www.facebook.com/TheBritishMonarchy
เซิร์นสร้างบิ๊คแบงจิ๋วสำเร็จ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเคยอ่านนิยายหรือดูภาพยนตร์เรื่องดัง ‘รหัสลับดาวินชี (The Davince’s Code)’ คงคุ้นหูกับชื่อเซิร์น (องค์กรวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป – CERN) และเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) กันมาบ้าง ถ้าใครยังไม่รู้จัก ขออธิบายสั้นๆ ว่า เจ้าเครื่องเร่งอนุภาคที่ว่านี้เป็น อุโมงค์วงกลมยาว ๒๗ กิโลเมตร ระหว่างชายแดนฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งใช้เร่งให้อนุภาค โปรตอนวิ่งมาชนกัน เพื่อจำลองการเกิด ‘บิ๊กแบง’ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของห้วงจักรวาล ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ของเซิรน์ ประสบความสำเร็จในการเดินเครือ่ งเร่งอนุภาคจับไอออนตะกั่วชนกัน แทนโปรตอน จนสามารถสร้างภาวะ “บิ๊กแบงจิ๋ว” ซึ่งทำให้เกิดอุณหภูมิสูงกว่าใจกลางดวงอาทิตย์กว่า ล้านเท่า ช่วยในการศึกษาสภาวะพลาสมาของจักรวาล หลังกำเนิดขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาที ถือเป็นการก้าว กระโดดครั้งใหญ่ และหากการทดลองประสบความสำเร็จต่อไปเรือ่ ยๆ บรรดานักวิทยาศาสตร์กจ็ ะสามารถ ค้นหาความลึกลับของการก่อตัวขึน้ เป็นเอกภพได้ในที่สุด
๘๕
เตื อน สาวๆ ดื่มน้ำส้มมาก เสี่ยงโรคเกาต์ น้ำส้มมีรสเปรี้ยวอมหวาน แถมยังสีสวยน่าดื่ม เลยถูกยกให้เป็น ‘น้ำนางเอก’ ที่สาวๆ ในละครชอบ สั่งกันนัก แต่ดื่มมากไปใช่ว่าจะดี เพราะผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตันในสหรัฐอเมริกาเพิ่ง รายงานว่า ผู้หญิงที่ดื่มน้ำส้มวันละ ๒ แก้ว มีแนวโน้มจะเป็นโรคเกาต์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๒.๕ เทียบ เท่ากับความเสี่ยงของการดื่มน้ำอัดลมที่อุดมด้วยน้ำตาล นักวิจัยได้ติดตามพฤติกรรมการกินอาหารของผู้หญิง ๘๐,๐๐๐ คนนานกว่า ๒๒ ปี พบว่าคนที่ดื่ม น้ำส้มวันละ ๑ แก้วมีความเสี่ยงโรคเกาต์เพิ่มขึ้น ๔๑% ส่วนคนที่ดื่ม ๒ แก้วขึ้นไปเสี่ยงมากขึ้น ๒.๔ เท่า สันนิษฐานสาเหตุได้ว่า อาจเป็นเพราะน้ำส้มมีปริมาณน้ำตาลฟรุกโตสมาก เมื่อดื่มเข้าไปแล้วเกิด เป็นกรดยูริกสะสมบริเวณข้อต่อ ทำให้ข้อต่อบวมและเจ็บปวดรุนแรง แบบนี้ดื่มแต่พอดี และกินอาหารให้หลากหลาย น่าจะเหมาะสมที่สุด
อ็อกซ์ฟอร์ดเปิดโรงเรียนสอนหลักสูตรผู้นำ เดีย๋ วนีจ้ ะทำอาชีพอะไรก็ควรมีความรูเ้ ป็นพืน้ ฐานไว้บา้ ง เพราะแม้แต่ผนู้ ำประเทศ ก็มโี รงเรียนเปิดสอนหลักการบริหาร ให้เหมือนกัน ต้นคิดไม่ใช่ใครทีไ่ หน มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั่นเอง มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดได้จัดตั้งโรงเรียนสอนหลัก การบริหารแก่ผู้นำประเทศ โดยตั้งชื่อว่า Blavatnik School of Government เพือ่ เป็นเกียรติแก่นายเลโอนาร์ด บลาวาทนิค นักอุตสาหกรรมและเศรษฐีใจบุญชาวอเมริกนั ที่ได้บริจาคเงิน ๗๕ ล้านปอนด์ (ประมาณ ๓,๗๐๐ ล้านบาท) ให้กับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด หลักสูตรการเรียนการสอนนี้มีระยะเวลา ๑๒ เดือน เน้นให้ความรู้และทักษะในการบริหารประเทศ รวมถึงปลูกฝังความรับผิดชอบของรัฐบาล ควบคูก่ บั การศึกษาด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ กฎหมาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สาธารณสุข การคลัง พลังงาน และนโยบายความมั่นคง รวมถึงเครือข่ายความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ โรงเรียนสอนหลักการบริหารแก่ผู้นำประเทศบลาวาทนิคเปิดรับนักศึกษาจากทั่วโลก และจะเริ่มรับ นักศึกษารุ่นแรกจำนวน ๔๐ คนในปี ๒๕๕๕
หนุ่ม-สาวฟินแลนด์เสียงทองคว้าแชมป์คาราโอเกะโลก
คาราโอเกะซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นงานอดิเรกยอดนิยมระดับโลกไปแล้ว ถึงกับมี การจัดการแข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะชิงแชมป์โลกขึ้นในกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย มีผู้เข้าแข่งขัน ๓๑ คนจาก ๑๐ ประเทศ ในรอบสุดท้ายใช้เวลาขับเคี่ยวกว่า ๓ วัน และใช้การตัดสินจากผลโหวต (โดยห้ามคนชาติเดียวกันโหวตให้กัน) สุดท้ายก็ ได้ผู้ชนะเลิศ รางวัลประเภทชายและหญิงตกเป็นของ นายแซม มุดเด้น และนางสาวทามิ มารี ผู้ชนะเลิศชาวฟินแลนด์ ทัง้ คูจ่ ะได้รบั รางวัลเป็นสัญญาว่าจ้างร้องเพลงซึง่ อาจปูทางสูก่ ารเป็น ดาวรุ่งเสียงทองต่อไป ๘๖
อิน เดียคุมเข้ม ห้ามฉายเรียลลิตี้โชว์ก่อน ๕ ทุ่ม ไม่ได้มแี ค่ผใู้ หญ่บา้ นเมืองเราเท่านัน้ ทีอ่ ยากจัดระเบียบโทรทัศน์ พ่อๆ แม่ๆ ทีเ่ มืองภารตะเขาก็ออกมา เรียกร้องเหมือนกัน ล่าสุดรัฐบาลอินเดียเพิ่งมีคำสั่งห้ามไม่ให้สถานีโทรทัศน์ต่างๆ ออกอากาศรายการ ประเภทเรียลลิตี้โชว์ ก่อนเวลา ๒๓ นาฬิกา สาเหตุหลักมาจากรายการยอดนิยมสองรายการ ได้แก่ บิ๊กบอส (บิ๊กบราเธอร์สฉบับท้องถิ่น) และ รักคี คา อินซาฟ เผยแพร่ภาพและเสียงที่ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชนเอาเสียเลย รายการแรกเป็นข่าว ฮือฮาเพราะนำนางแบบสาวเซ็กซี่สุดอื้อฉาว พาเมลา แอนเดอร์สัน มาแสดงท่าทางกอดจูบออกอากาศ แถมยังใช้ภาษาหยาบคายอยู่ บ่อยๆ ขณะที่รายการหลังมีผู้ร่วมรายการคนหนึ่งฆ่าตัวตาย และ ครอบครัวของเขาก็กล่าวโทษว่า เป็นเพราะคำพูดของพิธีกรสาวใน รายการซึ่งหาว่าเขาไร้น้ำยา อื้อฉาวเสียขนาดนี้ก็เลยต้องถูกจัดระบบกันไปตามระเบียบ เด็กๆ จะได้ไม่เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
กรุณางดใช้เสียง (จริงๆ นะ) เที่ยวบินทั้งหลายต้องจัดตารางบินใหม่ บริษัทต่างๆ ต้องเลื่อนเวลาเข้างาน ทหารต้องหยุดซ้อมยิง นี่ไม่ใช่การก่อการร้าย แต่เพราะเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายของเกาหลีใต้ ๗๑๒,๐๐๐ คนกำลังสอบ เข้ามหาวิทยาลัยต่างหาก! การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นช่วงหัวเลีย้ วหัวต่อทีส่ ำคัญของวัยรุน่ ชาวเกาหลีใต้ เพราะเป็นตัวกำหนด หน้าทีก่ ารงานอนาคตของพวกเขา งานนีท้ างรัฐบาลเลยออกมาตรการมาช่วยป้องกันไม่ให้เด็กๆ ถูกรบกวน ด้วยการระงับเทีย่ วบินกว่า ๑๑๘ เทีย่ ว ระหว่างทีม่ กี ารสอบฟังภาษาอังกฤษทัง้ ในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ขณะทีผ่ ู้ ขับขีย่ านพาหนะและรถไฟก็ถกู สัง่ ห้ามใช้เสียงแตรรบกวนเช่นกัน นอกจากนี้ทางฝ่ายทหารเองก็ต้องหยุด ซ้อมยิงชั่วคราว และห้ามมีการจราจรใน ระยะ ๒๐๐ เมตรจากศูนย์สอบ ๑,๒๐๖ แห่งทั่วประเทศ ส่วนพวกนักเรียนก็หา้ มนำอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเอ็มพีสาม และ เครือ่ งคิดเลขเข้าไปในห้องสอบเพือ่ ป้องกัน การทุจริต ทางฝ่ายคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองก็ พากันเข้าโบสถ์เข้าวัด สวดมนต์ขอพร ให้ลูกๆ สอบได้คะแนนดีๆ ขณะที่ห้าง สรรพสินค้าหลายแห่งวางขายชุดของขวัญ ประกอบด้วยเค้กและขนมหวานซึง่ ทำจากข้าวเหนียว เพราะชาวเกาหลีใต้เชือ่ กันว่า ถ้าได้กนิ เค้กข้าวเหนียวแล้ว จะช่วยให้มีความจำดี ช่วยกันทุกทางขนาดนี้ ต้องทำให้เต็มที่ละนะหนูๆ ๘๗
เยาวชนซุบซิบ เรื่อง...พิมพ์
ออกแบบอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อม
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยการสนับสนุนของ บริษัทไบเออร์ไทย จำกัด ประกาศผลการตัดสิน “การประกวดออกแบบอาคารพาณิชย์เชิงนิเวศ” เพื่อส่ง เสริมและพัฒนาแนวคิดการสร้างอาคารพาณิชย์เชิงนิเวศในประเทศไทยสู่นัก ออกแบบสถาปนิกรุ่นใหม่ โจทย์ทผี่ เู้ ข้าประกวดต้องนำไปคิดก็คอื จะต้องออกแบบอาคารศูนย์การค้า ตามแนวคิดอาคารพาณิชย์เชิงนิเวศทีด่ งึ ดูดใจ มีราคาเหมาะสม ใช้พลังงานน้อยหรือ มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และใช้วสั ดุผลิตภัณฑ์ของไบเออร์ แมททีเรียลซายน์ เป็นหนึ่งในวัสดุออกแบบ รางวัลชนะเลิศได้แก่ ทีม Mr.&Ms.X ประกอบด้วย ปุณยนุช สุขสง และ กอทอง ทองแถม ณ อยุธยา นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นำเสนอผลงานการ ออกแบบที่ชื่อ “The Umbrella” หรือ “ร่ม” สร้างอาคารศูนย์การค้าที่เหมาะ กับสภาพอากาศเมืองไทยซึ่งมีหลากหลายฤดู
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต จัดกิจกรรมภาคฤดูร้อน
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา รังสิต จัดกิจกรรมภาคฤดูร้อน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และครอบครัวที่สนใจ ได้เรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๒ กิจกรรม อาทิ ย้อนรอยฟอสซิล สนุกกับไข่ บอลลูนอากาศร้อน จรวดขวดน้ำ และสนุกกับหุ่นยนต์ ฯลฯ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ภาคฤดูร้อนจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม ๒๕๕๔ ผูส้ นใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิม่ เติม ได้ทโี่ ทร. ๐๒-๕๗๗๕๔๕๕-๙ ต่อ ๓๐๕ หรือเว็บไซต์ www.rscience.net
ค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ รุ่นที่ ๑ (RDPB Camp)
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) จัดโครงการ “ค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ รุ่นที่ ๑” (RDPB Camp) เพื่อ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เปิดโอกาสให้เยาวชนทัว่ ทุกภูมภิ าคของ ประเทศ ได้ศึกษา เรียนรู้และเข้าใจพระราชดำริและพระราชกรณียกิจ โดยจะคัดเลือก ตัวแทนเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีในแต่ละภูมิภาคจำนวนภาคละ ๘๐ คน เป็นมัคคุเทศก์ประจำภาค และร่วมส่งผลงานประกวดผลิตสือ่ สร้างสรรค์ ภายใต้กรอบแนวคิด “ตามรอยพระบาทในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” เยาวชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดูรายละเอียดและสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ ศูนย์ประสานงานโครงการ “ค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ รุ่นที่ ๑” (RDPB Camp) โทรศัพท์ ๐๒-๕๐๓๙๘๕๐-๑ และสำนักงาน กปร. โทรศัพท์ ๐๒-๒๘๐๗๒๑๖ หรือเว็บไซต์ www.rdpb.go.th ๘๘
ค่ายเยาวชนคนดูดาวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติจัดค่ายเยาวชนคนดูดาวและแลก เปลี่ยนวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีอายุระหว่าง ๑๕-๑๘ ปี ผู้สนใจอยากหาความรู้เกี่ยวกับท้องฟ้าและดวงดาว เพื่อสร้างบรรยากาศ การเรี ย นรู้ ท างวิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ภ ายในประเทศโดยใช้ ดาราศาสตร์เป็นสื่อ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ ๖-๘ เมษายน ๒๕๕๔ ค่าใช้ จ่ายฟรีตลอดโครงการ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ โหลดใบ สมัคร หรือเข้าไปศึกษารายละเอียดได้ที่ www.narit.or.th หรือ เข้าร่วม กลุ่มใน Facebook “ค่ายเยาวชนคนดูดาวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม”
โครงการทุนสำรวจโลก eListening ปีที่ ๘
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญร่วมมือกับบริษัท เนกซ์สเตป จำกัด จัดสอบชิงทุนเข้าศึกษาต่อระดับ ปริญญาตรีในคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จำนวน ๑๐๐ ทุน คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบ ขอรับทุนการศึกษา จะต้องเป็นผู้ที่ถือสัญชาติไทย ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในภาคการศึกษาสุดท้ายของระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ในโรงเรียนที่ใช้ภาษาไทยเป็นสื่อการสอนและแผนกสองภาษาเท่านั้น (ยกเว้น โรงเรียนนานาชาติ) กำหนดการรับสมัครและสอบคัดเลือกตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผู้สนใจสามารถ สมัครสอบทางอินเตอร์เน็ตหรือดูรายละเอียดได้ที่ www.elistening.au.edu หรือโทร ๐๒-๗๑๙ ๑๙๑๙
เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประกวดรางวัล หนังสือดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๔
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดการ ประกวด “เซเว่นบุค๊ อวอร์ด” ครัง้ ที่ ๘ ประจำปี ๒๕๕๔ โดยแบ่งการประกวดออกเป็น ๗ ประเภท ได้แก่ นวนิยาย สารคดี รวมเรื่องสั้น กวีนิพนธ์ วรรณกรรมสำหรับ เยาวชน นิยายภาพ (การ์ตูน) และนักเขียนรุ่นเยาว์ สำหรับรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ แบ่งเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ หมวดนวนิยายขนาดสั้น หมวดรวม เรือ่ งสัน้ หมวดกวีนพิ นธ์ และหมวดนิยายภาพ (การ์ตนู ) ผู้ชนะเลิศได้รับรางวัลเงินสด ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อม เกียรติบัตร รองชนะเลิศอันดับ ๑ ได้รับเงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติบัตร และรองชนะเลิศ อันดับ ๒ ได้รับเงินรางวัล ๕,๐๐๐ บาท พร้อมเกียรติ บัตร กำหนดส่งผลงานตัง้ แต่วนั นี้ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.pr7eleven.com หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ ๐๒-๖๔๘๒๙๐๑-๒
ประกวดเรื่องเล่า “ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน”
ตลาดหลักทรัพย์ฯแห่งประเทศไทยเชิญชวนเยาวชน ตัง้ แต่ระดับประถมศึกษาปีที่ ๔ ขึน้ ไป ถึงระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา และระดับประชาชนทัว่ ไป ถ่ายทอดจินตนาการ และสร้างสรรค์ผลงาน ผ่านโครงการประกวดเรื่องเล่า ภายใต้แนวคิด “ฉลาดออม ฉลาดใช้ ฉลาดลงทุน” มอบรางวัลรวมมูลค่ากว่า ๖๐๐,๐๐๐ บาท เนื้อหาของเรื่องเล่าต้องเกี่ยวกับการออมเงินใน ชีวติ ประจำวันของตัวผูเ้ ขียนเอง ซึง่ เป็นการออมและการ ใช้เงินอย่างรู้คุณค่า ต้องเป็นเรื่องที่เขียนขึ้นใหม่ และ ไม่เคยเผยแพร่ในสื่อทุกประเภท กำหนดส่งผลงานตัง้ แต่วนั นี้ - วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔ ผู้สนใจสามารถส่งผลงานด้วยตนเอง หรือทาง ไปรษณีย์มายังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ทางอีเมล chalard_orm@set.or.th สอบถามข้อมูล โทร. ๐๒-๒๒๙๒๒๒๒ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.set.or.th ๘๙
เอเชี ่ยนเกมส์
ขอปิดท้ายคอลัมน์ดว้ ยเสียงปรบมือกราวใหญ่ สำหรับ ทัพนักกีฬาไทยในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ ๑๖ ณ นครกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ ‘กวางเจาเกมส์’ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา งานนีถ้ งึ แม้ทพั นักกีฬาจากแดนมังกรจะเป็นจ้าวเหรียญ ทอง แต่นักกีฬาของไทยเราก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม กวาด มาได้ถึง ๑๑ เหรียญทอง, ๙ เหรียญเงิน และ ๓๒ เหรียญ ทองแดง เป็นอันดับ ๙ ของการแข่งขัน รายชื่อนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองทั้ง ๑๑ เหรียญ มาได้ มีดังต่อไปนี้ ๑. สริตา ผ่องศรี จากกีฬาเทควันโดหญิง รุน่ แบนตัมเวท น้ำหนักไม่เกิน ๕๓ กิโลกรัม ๒. ชัชวาล ขาวละออ จากกีฬาเทควันโดชาย รุน่ ฟินเวท น้ำหนักไม่เกิน ๕๔ กิโลกรัม ๓. ดำรงศักดิ์ และ กฤษฎา วงศ์ทิม จากกีฬาเรือใบ ประเภทโฮบี ทีมชาย ๔. นพเก้า พูนพัฒน์ จากกีฬาเรือใบ ประเภทออฟติมสิ ต์ หญิง ๕. กีระติ บัวลง จากเรือใบ ประเภทเลเซอร์ เรเดียลชาย ๖. วรพจน์ เพชรขุม้ จากกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 56 กก. ๗. เซปักตะกร้อทีมชุดชาย ประกอบด้วย กฤษณะ ธนะกรณ์, สุรยิ นั เป๊ะชาญ, สืบศักดิ์ ผันสืบ, สมพร ใจสิงหล, พรชัย เค้าแก้ว, อนุวัฒน์ ไชยชนะ, เกรียงไกร แก้วเมียน, ภัทรพงษ์ ยุพดี, ศุภชัย มณีนาถ, สิงหา สมสกุล, ศิริวัฒน์ สาขา, วีรวุฒิ ณ หนองคาย ๘. เซปักตะกร้อทีมชุดหญิง ประกอบด้วย ธิดาวรรณ ดาวสกุล, นิตินัดดา แก้วคำไสย, สุนทรี รูปสูง, วันวิสาข์ จันทร์แก่น, พิกลุ สีดำ, นิสา ธนะอรรถวุฒ,ิ ดารณี วงศ์เจริญ, พยอม ศรีหงษา, นรีรตั น์ ตาขัน, แก้วใจ พุม่ สว่างแก้ว, รุง่ ทิพย์ ตะนะขิง, มัสยา ด้วงศรี ๙. เซปักตะกร้อทีมเดี่ยวชาย ประกอบด้วย พรชัย เค้าแก้ว, อนุวฒั น์ ไชยชนะ, เกรียงไกร แก้วเมียน, ภัทรพงษ์ ยุพดี, ศุภชัย มณีนาถ, วีรวุฒิ ณ หนองคาย ๑๐. เซปักตะกร้อทีมเดีย่ วหญิง ประกอบด้วย ธิดาวรรณ ดาวสกุล, สุนทรี รูปสูง, ดารณี วงศ์เจริญ, พยอม ศรีหงษา, นรีรัตน์ ตาขัน, พิกุล สีดำ ๑๑. ทีมวิง่ ผลัดหญิง 4 x 100 เมตร ประกอบด้วย ภัสสร จักษุนิลกร, ณีรนุช กล่อมดี, ลภัสภร ถาวรเจริญ, นงนุช แสนราช, ทัศพร วรรณกิจ, จินตรา เสียงดี
เสียงแห่งชัยชนะจากเหล่านักกีฬาเหรียญทอง สริตา ผ่องศรี เจ้าของเหรียญทองกีฬาเทควันโดหญิง ให้ สัมภาษณ์หลังกลับถึงประเทศไทยว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ มาก จากนี้ไปคงต้องรักษามาตรฐานให้ดี เพราะการรักษา แชมป์นนั้ ยากยิง่ กว่า เป้าหมายต่อไป คือการผ่านเข้าไปเล่น รอบสุดท้าย “ลอนดอนเกมส์” ให้ได้” ส่วนชัชวาล ขาวลออ นักกีฬาเหรียญทองชายจาก กีฬาประเภทเดียวกัน กล่าวว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวัน ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ครั้งนี้ตั้งใจสู้เต็มที่ ต้องขอขอบคุณทุกแรง ใจเสียงเชียร์ที่ส่งกำลังใจไปให้ อนาคตต่อจากนี้ไปขอคว้า เหรียญทองในระดับโอลิมปิกบ้าง ถือเป็นความใฝ่ฝนั ทีย่ งิ่ ใหญ่ “ต้องยกเครดิตให้กับทีมเวิร์คของทุกคนที่ฝึกซ้อมร่วม กันมา ก่อนแข่งคนในทีมพยายามทำสมาธิ ขอกำลังใจจาก พ่อแม่ที่อยู่ที่เมืองไทย ตลอดจนโค้ชและเพื่อนร่วมทีม ขอ ขอบคุณผู้ฝึกสอนทุกคนที่ช่วยฝึกซ้อมให้” ณีรนุช กล่อมดี ลมกรดสาวเจ้าของเหรียญทองวิ่งผลัดหญิง ๔x๑๐๐ เมตร ให้สัมภาษณ์ ขณะทีน่ รีรตั น์ ตาขัน หัวหน้าทีมเซปักตะกร้อทีมเดีย่ ว หญิง กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “เกมวันนี้บีบหัวใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ถูกเวียดนาม ตีเสมอ ๑-๑ เซต แต่สดุ ท้าย เราก็เอาชนะได้ ต้องขอบคุณกองเชียร์ชาวไทยที่ตามมาให้ กำลังใจในสนาม ถ้าไม่มีกำลังใจเหล่านี้ พวกเราคงทำไม่ สำเร็จ ขอมอบชัยชนะให้แก่ชาวไทยทุกคนค่ะ” ปิดท้ายด้วยกีระติ บัวลง นักกีฬาเรือใบ ประเภท เลเซอร์เรเดียลชาย กล่าวว่า “การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้ง นีเ้ ป็นงานหนัก เพราะนักกีฬาญีป่ นุ่ แข็งแกร่งมาก ต้องอาศัย สมาธิมาก จึงใช้วิธีนั่งสมาธิ สวดมนต์ก่อนนอน เพื่อทำใจ ให้สบายก่อนลงแข่ง “ปีหน้าจะมีการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ รอบคัดเลือก ที่ประ เทศฝรั่งเศส โดยจะคัดเอา ๒๕ อันดับ แรก (ประเทศละ ๑ คน) ได้สิทธิ์ไปแข่งขัน ผมคงต้องฝึก ซ้อมให้หนักขึ้น” กีระติสรุป วารสารทิศไทขอร่วมยินดีกับเหรียญรางวัลทุกเหรียญ และนักกีฬาทุกคน ทุกประเภท หวังว่าชัยชนะของพวกพี่ๆ คงเป็นแรงผลักดันให้แก่น้องๆ เยาวชน ให้หันมาสนใจเล่น กีฬา เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ช่วยเสริมสร้าง ร่างกายให้แข็งแรง ฝึกความสามัคคี แล้วยังอาจเป็นโอกาส สร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติได้ อีกด้วย
การแข่งขันกอล์ฟการกุศลของ
มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ครั้งที่ ๑
มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ จัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศล ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ณ สนามกอล์ฟเพร็สซิเด็นท คันทรี คลับ ถนนสุวินทวงศ์ กรุงเทพมหานคร การแข่งขันครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากภาครัฐและ เอกชน ซึง่ ตระหนักในเป้าประสงค์ของมูลนิธฯิ ทีจ่ ะนำเงินรายได้สว่ นหนึง่ จาก การแข่งขันช่วยเหลือกิจกรรมของสเปเชียลโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ซึ่ง เป็นโครงการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายและความสามารถใน การช่วยเหลือ ตนเองของบุคคลผูพ้ กิ ารทางสมองและปัญญาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้การกีฬา เป็นสื่อเป็นอีกหนึ่งแรงช่วยให้บุคคลผู้พิการดังกล่าว มีกำลังใจและมั่นใจในความ สามารถทางการกีฬา อยู่ในสังคมได้อย่างคนที่มีคุณภาพ รายได้จากการแข่งขันกอล์ฟอีกส่วนหนึง่ จะใช้สนับสนุนการจัดทำวารสารทิศไท ของมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ เพื่อให้เยาวชนทั่วประเทศได้ใช้ วารสารเล่มนีเ้ ป็นสือ่ กลางรับรูข้ า่ วสารความเคลือ่ นไหวในแวดวงเยาวชนไทย เป็นแรงบันดาลใจและแนวทางต่อยอดความสามารถด้านต่างๆ ต่อไปใน อนาคต การแข่งขันกอล์ฟการกุศลครัง้ นี้ได้รบั ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทัง้ ผูร้ ว่ ม แข่งขัน ผูอ้ ปุ ถัมภ์ของรางวัล โดยเฉพาะถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติซงึ่ เป็นถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ เป็นถ้วยรางวัลจากพลเอก พิจติ ร กุลละวณิชย์ องคมนตรี ประธาน มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ถ้วยรางวัลจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการคลัง ดร.สุวทิ ย์ ยอดมณี เลขาธิการมูลนิธเิ สริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี ความสำเร็จของการจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศลในครั้งนี้ ชี้ชัดว่า กิจกรรมสาธารณกุศลเพื่อเยาวชนของชาติ และเพื่อผู้ด้อยโอกาส ได้รับ ความร่วมมือและสนับสนุนจากสังคม เป็นการยืนยันว่าอนาคตของชาติ มีแสงสว่าง เป็นแสงแห่งความหวังที่มีความหมายอย่างยิ่ง
๙๖
รายนามคณะกรรมการจัดทำวารสารทิศไท
ร้อยโท ดร.สุวิทย์ คุณหญิงคณิตา นายพลภัทร นายจิรุตถ์ นางเฉิดโฉม ดร.ดามพ์ ดร.นนชัย นายพงศธร นางเพ็ญศรี นางเยาวลักษณ์ รศ.เย็นใจ นางวิณีนารถ นายอุดม ดร.อัญชลี นางสุมาลี นางสาวปองภัทร นางกมลวรรณ
ยอดมณี เลขะกุล สุวรรณศร อิศรางกูร ณ อยุธยา ศรีวรรธนะ คิบรับ สุคนธทรัพย์ ศานติบุตร เกษสำลี เคียงศิริ แพ่งสภา สมวิเชียร พันธุ์วุฒิ จะโนภาษ เกษสุริยงค์ เกตุแก้ว ทองดารา ทองแก้ว
คณะที่ปรึกษากองบรรณาธิการ
พลเอก พิจิตร ร้อยโท ดร.สุวิทย์ คุณหญิงคณิตา คุณหญิงทรงสุดา รศ.เย็นใจ นางเพ็ญศรี ดร.นนชัย นายพงศธร นายจิรุตถ์ บรรณาธิการ
กุลละวณิชย์ ยอดมณี เลขะกุล ยอดมณี สมวิเชียร เคียงศิริ ศานติบุตร เกษสำลี อิศรางกูร ณ อยุธยา พันธุ์วุฒิ
นางทัศนีย์
เอื้อวิทยา
นายสมชาย
หงวนเสงี่ยม
ศิลปกรรม
ผู้อุปถัมภ์
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ บริษทั ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
นางวิณีนารถ
ผู้ช่วยบรรณาธิการ
ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
เทสโก้โลตัส
ทิศไท เปิดสู่ทุกทิศ และ เปิดรับทุกทิศ