10 พันธะระหว่างวัย

Page 1

๑


“พันธะระหว่างวัย” เสือยิ้ มมุมปาก


พันธะระหว่างวัย เขียน : เสือยิ้ มมุมปาก พุทธศักราช ๒๕๔๘

ชมรมคนเขียนฝัน ร.ร. หาดใหญ่วิทยาลัย

พิมพ์ครั้งที่ ๒ : กลุ่มเขียนข้าว มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ เขียนข้าวคริ เอท โทร. 0869719267

ฉีกปากไอ้เสือให้ยมิ้


๔ ๑). วัน ที่ ผ มอายุ ๑๖ – ๑๗ ปี มัน เป็ นปี พ.ศ. ๒๕๒๗ – ๒๕๒๘ เป็ นวัยสดใสเบิกบานและโลกเบื้ องหน้าคือพื้ นที่ที่ผมยํา่ ไปโดยไม่สะทก เท้า ยิง่ เป็ นนักเรียนโปรแกรมพลานามัยที่ร่างกายต้องกํายํา ตัดสินใจ รวดเร็ ว และอ่านเกมให้ออก มันยิ่งทําให้การยํา่ โลกของผมเป็ นไป อย่างสนุ กสนาน โลดโผนสมบุกสมบัน หลายครั้งที่ผมล้มลงบาดเจ็บ แต่ “วัย” นี่ แหละที่ฉุดกระชากผมขึ้ นมาเช็ดเลือด แล้วยิ้ มมุมปากให้กบั บาดแผลเล็กน้อยนั้น จนกระทัง่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ผมอายุ ๒๑ ชีวิตหนั กหน่ วงในรามฯ ได้หล่อหลอมผมให้กลายเป็ นนั กอ่าน แหละเริ่มกระเหี้ ยนกระหือรือ อยากเป็ นนั กเขี ยน เป็ นการเริ่ มต้น ๑ ช่วงทศวรรษเต็ มๆที่ ผมอ่า น อย่างบ้าคลัง่ พร้อมไปกับการเขียนทิ้ งเขียนขว้างอย่างพยายามยิ่ง ปี นั้นเด็กสาวคนหนึ่ งได้ลืมตาดูโลกใบนี้ หลายคนบอกว่าในเสียงอุแว้ของ เธอ มีเสียงบ่นงึมงําๆอยูห่ ลายนาที มันต้องมีเหตุ ผลอะไรสักอย่าง ที่ ทําให้เด็ กสาวคนหนึ่ งมีความ สนใจในงานเขียน เมื่อเที ยบกับขณะที่ ผมมีวยั เท่าเธอ มันยิ่งรูส้ ึ ก ประหลาดใจ วัยเช่นนี้ มันควรที่จะเบิกบานอยู่ในโลกเบื้ องหน้าที่ ตา เห็น กระโจนตนไปตามเงาของก้อนเมฆที่ทอดทาบทับทางเดิน และ สนุ กอยูก่ บั สิ่งแปลกใหม่อนั ตื่นตา มากกว่าที่จะมานัง่ ขมวดคิ้ วขยับแว่น ครุ่นคิดจนตีนกาเป็ นริ้ วถึงบทกวีสกั บท ผมพิจารณาเธอจากงานเขียน ของเธอ พบว่างานเขียนของเธอมีการคิดซับซ้อนอยู่ อีกทั้งภาษาที่ ใช้ก็ค่อนข้างจะเป็ นภาษาจํากัดเฉพาะ งานของเธอโดดเด่นในเรื่องวิธี คิดและภาษา เป็ นความโดดเด่ นหลุ ดออกมาจาก “วัย” ที่ เธอกําลัง ดํารงอยู่ เป็ นเรื่องน่ าสนใจ ยิ่งเมื่อมองเด็กรุ่นเธอในปั จจุบนั ที่ปล่อย ให้วยั ผ่านเลยไปตามแต่โลกจะหมุนผ่าน ผมมองเห็นเธอยืนจังก้าเท้า สะเอว มองโลกที่หมุนผ่านนั้ นอย่างพิจารณา อย่างพยายามเรียนรู ้ อย่างพยายามรูใ้ ห้เท่าทัน และผมได้ยนิ เสียงเธอพูดถึงสิ่งเหล่านั้นใน งานเขียนของเธอ


๕ ยิง่ พิจารณาถึงตัวเธอจากตัวตนของเธอ ยิง่ พบว่าเธอ จําเป็ นต้องเขียน เธอมีสมองที่แล่นได้รวดเร็ว มีเรื่องเล่ามากมายจน ทยอยเล่าไม่รหู ้ มด เธอมีพลังในการเล่าได้ไม่รเู ้ หนื่ อย เธอตื่นเต้น เสมอเมื่อเริ่มเล่าเรื่อง จนหลายครั้งที่ผฟู้ ั งต้องตั้งใจฟั งอย่างตั้งอกตั้งใจ การได้เขียนเพื่อสื่อสิ่งที่คิดจึงเป็ นวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อเราจะได้ละเมียด ความคิดของเธออย่างค่อยเป็ นค่อยไป พลังในการเล่าคือสิ่งที่นักเขียนไม่ว่าชื่อชั้นระดับไหนต่างโหยหา เธอมีตรงนี้ เปี่ ยมล้น ! ยิ่งมีการคิดเชิงซ้อนเธอยิ่งได้เปรียบในการ อธิ บาย เธอสามารถสร้างและมีทางเลือกในการสร้างการเล่าเรื่องได้ มากกว่าคนอื่น มันจะค่อยๆพัฒนาระบบวิธีคิดให้เป็ นไปตามกลไก ซ้อนขึ้ นยากขึ้ นอธิบายได้ละเอียดขึ้ น เพื่อค้นหาคําตอบอันจริงแท้ที่ถูก มายาภาพบดบังเอาไว้ ๒). “พันธะระหว่างวัย” เราสามารถมองเห็นความเป็ นพันธุพ์ ื้ นเมือง ของเธอชัดเจน ฉากและบรรยากาศพื้ นถิ่นได้ถูกใส่เข้าไปไม่ทางตรงก็ ทางอ้อม กลิ่นอายแห่งรากเหง้าของสังคมไทยกรุ่นกําจายอยู่อบอวล นี่ ก็เป็ นสิ่งที่แปลกประหลาดสําหรับผมอีกอย่าง ด้วยวัยของเธอเท่าที่ พบเห็นมา ล้วนแล้วถูกแรงเหวี่ยงของโลกโยกโยนให้กลายพันธุ์ไปเป็ น อื่นเสียสิ้ น ชัดที่สุดก็คือการอยากเป็ นญี่ปุ่น และเกาหลี ผมมองเห็นเธอยืนจังก้าเท้าสะเอว มองกระแสสองกระแสที่บ่า โครมนั้ นอย่างพิจารณา เห็นเธอเหลียวหันไปดูกระแสเก่าของสังคมที่ กําลังถูกพัดพาหายลับอย่างอาลัย เธอหยิบติหมาตักนํ้ ามาโอบกอด กดโทรศัพท์มือถือไปหาแม่ และเธอเริ่มเล่าสิ่งที่เธอคิด สิ่งที่เธอคิด นั้นมากเสียจนแบตเตอรี่หมดก็ยงั มีเรื่องเล่าอีกมากมาย


ผมยืนยันว่าสังคมไทยต้องการเด็ กสาวอย่างเธอ ผูร้ ูจ้ กั คิดและ กล้าพูดออกมา ๓).

ในวันที่ ผมอายุ ๑๖ – ๑๗ ผมใช้ชีวิตล่องไปตามกระแสของ โลก แรงเหวี่ยงของโลกโยกคลอนผมจนสูญเสี ยตัวตน และด้วยวัย เช่นนั้นผมยํา่ โลกเบื้ องหน้าที่เห็นจนเป็ นเทือก เช่นเดียวกับเพื่อนๆร่วม วัยทั้งหลายเป็ น ผมล้มลงบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดว้ ย “วัย” อีก นั ่ น แหละที่ ฉุ ด กระชากผมขึ้ นมาขึ้ นมาเป็ นนั ก เขี ย นเมื่ อ อายุ ๒๕ ในขณะที่เสือยิ้ มมุมปากคนนี้ เริ่มเมื่ออายุ ๑๖ ! แด่มุมปากที่ถกู ฉีกให้ยมิ้ มนตรี ศรียงค์ ๒๖ สิงห์ ๔๘ ร้านหมี่เป็ ดศิริวฒ ั น์

คําข้า..คําเขียน


๗ สวัสดี.. รูส้ ึกดีเหมือนกัน..ที่มีคนหลงกลยอมอ่านข้อเขียนของ คนบ๊องๆ เต็มจนปริ่ม มากจนล้น อย่างเราคนนี้ - - -ไม่รเู ้ หมือนกันว่า “พันธะระหว่างวัย” เล่มนี้ เกิดขึ้ นได้ยงั ไง บอกไม่ได้ อธิบายไม่ถกู .. ถ้า ถามว่า แล้วคิดยังไงกับเล่มนี้ อย่างแรกเลยที่อยากจะบอกคือ มันเป็ น ผลผลิตของชีวิต .. ใช่! เราชอบ มันก็เหมือนๆกับการงานแห่งชีวิตนัน่ แหละ .. เราทํามันขึ้ นมา เราไม่ได้หวังว่า มันจะต้องขายได้ ขายหมด แค่มีคนอ่านมัน ยืนอ่านก็ได้ .. ไม่ได้หวังเลยว่าจะต้องมีคนถือหนังสือ เล่มนี้ กลับบ้าน แค่วา่ ตอนที่คนอ่านได้อา่ นนั้น เค้าได้อะไรเหมือนที่เรา อยากจะให้หรือเปล่า? เค้าจะรูไ้ หม? ว่าเราสื่ออะไร ปรารถนาจะมอบ อะไรให้กบั เค้า.. แค่นี้แหละ คือความสุขของคนอยากเขียน .. แค่นี้จริงๆ แล้วถ้าเล่มนี้ ล่ะ .. อยากจะให้อะไร ..อยากให้เห็นมุมมองและความจริง ที่เกิดขึ้ น-เป็ นไปรวมถึงบางอุบตั ิการณ์ชีวิตที่ผ่านเข้ามาในการเดินทาง ของจิตใจ .. เฮ้อ! เหนื่ อยเหมือนกัน แต่ก็สุขใจดี สําหรับแรงบันดาลใจ + ความหวัง ต้องขอบคุณ ตัวตนของ ตนเอง ส่วนคําพูดกระตุน้ ของาน คอยถาม “ไหนงานเธอ ส่งได้แล้ว” คงต้องยกยอดคําขอบคุณให้หนุ่ มผมสั้นอารมณ์ดี แน่ ะๆ มีแอบงงว่าใคร ก็ (ครูโสภณ ฉิมพลีศิริ ) และผูท้ ี่ชี้แนะ ให้กาํ ลังใจ ยกยอ..จนคนบ้าย ออย่างเราเริ่มลอยได้ ก็นี่เลย “พี่หมี่เป็ ด” มนตรี ศรียงค์ เจ้าของร้านหมี เป็ ดศิริวฒ ั น์ที่อร่อยที่สุดในหาดใหญ่ และคนเขียนงาน&เพลงอีก มากมาย เช่น รวมบทกวีชุดดอกฝัน และ ส่วนผสมของความซ่า ฯลฯ รวมถึงเพื่อนๆ ที่คอยก่นด่าว่า “แกจะบ้าเหรอ เขียนอะไรของแกนักหนา .. เออ แต่ไหนเอามาอ่านสักนิ ดก็ได้ ถือว่าเป็ นโชคของแกนะ ที่คนสวย อย่างฉันยอมอ่านงานบ้าๆบอๆ..อ่านไม่รเู ้ รื่องของแก” เสือยิ้ มมุมปาก งานครบรอบวันเกิดหาดใหญ่วิทยาลัย 60 ปี ญว.

- กฎเหล็กของคนโง่ -


สิ่งที่คิดว่าทําได้ กลับทําไม่ได้ -เบื้ องหลังความพ่ายแพ้ คือนาฎการของความอ่อนล้า นํ้าตารินไหล - จวบจนรุ่งเช้า เหมือนชีวติ ใหม่ยา่ งกรายเข้ามาอีกครั้ง ------------------------ทุกอย่างจมดิ่งสู่หว้ งเหวแห่งความเจ็บร้าว ไม่มีสิ่งใดสามารถฉุดรั้ง - กฎเหล็กของคนโง่ คนโง่อย่างฉัน - คนโง่ผรู้ อคอยการปลดแอกความโง่ ด้วยใจที่ไร้หวัง แต่กาํ ลังรอคอย . . . สิ่งซึ่งควรค่าแก่การรอคอย …………………………………………………. แม้นมองไม่แม้เห็นทาง - ๑๐/๐๘/๔๘ ปี ระกา ๑๐.๓๐ นาฬิกา คาบคณิต ทนอด – อดทน


ความอดทน.. อุบตั ิขึ้นด้วยบางการณ์ บนความรวดร้าว ทนอด .. คืออีกหนึ่ งวาระของความอดทน สองสิ่งซึ่งหาได้แปลกแยกแตกต่าง แต่..กลับกลายเป็ น - - เส้นขนาน - เส้นขนาน .. ความเหมือนบนความแตกต่าง หรือไม่?? อย่างไร ?? ๗/๐๗/๔๘ ปี ระกา ยามเย็น เขต ๘ ทะเลไทย


๑๐

แมวย้อม

แมวย้อม.. มันวิง่ อยูห่ ลังบ้าน วิง่ – วิง่ .. ............................................... ฝนเม็ดใหญ่โปรยปราย แมวสีสวยตัวเล็ก..หลับใหล .............................................. ฟ้ าหลังฝน - ฟ้ ายังคงใสเช่นเดิม แต่ - - - แมวเปลี่ยนสี ..... เพราะมันเป็ นแมวย้อม - - .. มันเป็ น “แมวย้อม” ๗/๐๗/๔๘ ปี ระกา ยามเย็น เขต ๘ ทะเลไทย


๑๑

พันธะระหว่างหัวใจ ใจรํา่ ร้อง.. พรํา่ เพรียกการทวงคืนของยุคสมัยแห่งรัก .. ว่างเปล่า .. แต่ทว่า - สายใจสัมพันธ์ .. แนบแน่ น กลับแยกออกจากกันไม่ได้ !! มีสิ่งหนึ่ งแทรกตรงช่องว่างระหว่างใจ - - พันธะ - ๗/๐๗/๔๘ ปี ระกา ยามเย็น เขต ๘ ทะเลไทย


๑๒

พันธะระหว่างวัย ฉันยืนมอง .. การทวงคืนของกาลสมัย มันย้อนมา .. ทิ้ งร่องตีนเปล่าเปลือยไว้ สะท้อนเสียงสะอึกสะอื้ น .. รํา่ ไห้ แต่ .. ฉันยังยืนอยู่ ณ ตรงที่เดิม .. ตรงนี้ พันธะของคนรุ่นเก่า..จบไปแล้ว ครึ่งๆกลางๆ .. ลูกผีลกู คน พันธะของคนรุ่นใหม่..ย่างกรายเข้ามา ด้วยแววตาเหี้ ยม..โหดร้าย พันธะของคนรุ่นปั จจุบนั .. สัมผัส – เผชิญ แรงยุยง แรงถาโถมของการเสี้ ยมสอน ของผูใ้ หญ่

ผ่านไป ….


๑๓

คนรุ่นเก่า กับ คนรุ่นใหม่ ไม่แตกต่างกัน คนรุ่นเก่า .. เคยเป็ นคนรุ่นใหม่ ในขณะ .. คนรุ่นใหม่ .. กลับกลายเป็ นคนรุ่นเก่า ในอีกไม่ชา้ .. ? ผ่านไปแล้ว .. ภาระแห่งยุคสมัย ปลดปล่อยพันธนาการ .. คล้ายว่าสวยงาม ทิ้ งไว้ .. เหลือเพียง .. ฉัน - ความพ่ายแพ้ และความไม่เข้าใจ หอพัก – โดดเดี่ยวกลางผูค้ น ปี ระกา – ๔๘

ฉันเห็นอะไรบางอย่าง..??


๑๔

นัยน์ตาฝ้ าฟาง .. ฉันเห็น .. เห็นอะไรบางอย่าง .. อะไรบางอย่าง .. ที่ไม่มีอะไร นัยน์ตาฝ้ าฟาง ..ฉันเห็น .. เห็นอะไรบางอย่าง .. อะไรบางอย่าง .. ที่เหมือนไม่มีอะไร นัยน์ตาฝ้ าฟาง .. ฉันไม่อยากเห็น .. อะไรบางอย่าง .. อะไรบางอย่าง .. ซ่อนภายใต้นัยน์ตา นัยน์ตาฝ้ าฟาง .. ฉันไม่อยากเห็น .. อะไรบางอย่าง .. อะไรบางอย่าง .. พร้อมหยดนํ้าริน วันที่อยากให้ทุกวันเป็ นวันอาทิตย์ มีนาคม ๒๕๔๘


๑๕

..กรอบเกณฑ์.. พันธนาการแห่งชีวติ ..ผูกมัน..ตราตรึงไว้ดว้ ย - กรอบล้อมทางความคิด พันธนาการทางความคิด..ปิ ดกั้น..ห้อมล้อม - ความรูส้ ึก – จิตวิญญาณ พันธนาการของจิตวิญญาณ..ร้อนรน..โหยหา รอคอยซึ่งวาระแห่งการปลดปล่อย ---------สิ้ นสุดลงแล้ว..แอกพันธะ เกิดขึ้ นแล้ว .. อิสระ ณ ประตูใจ สังเกตการณ์ - เวทีกลอนสด ม.วลัยลักษณ์

. . ห้วงราตรี . .


๑๖

ห้วงรัตติกาลแห่งราตรี ณ เพลานี้ .. เนิ่ นนาน .. หดหู่ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วผิว ..รวยระริน ทว่า... กลับทรงพลัง ..ฮึกเหิม.. อย่างอัศจรรย์ใจ

----

หล่อน ... สัมผัสซึ่งสิ่งไร้สมั ผัส ที่แม้กระทัง่ ฉัน.. ยังคงเฟ้ นหามาซึ่งข้ออรรถาธิบาย ....................................................... หล่อน ... แย้มโปรยยิ้ ม ยะเยือกจิต ฉันยังคงสับสน ... เฝ้ าพรรณนาหลากวิถีบรรลุธรรม .......................................................... หล่อน ... รับรู ้ ณ สิ่งซึ่งมิควรค่าแก่การรับรู ้ ฉันเชื่อ .. รูจ้ กั โกรธ เหตุใด ไร้จิตหวัน่ .. .............................................................. หล่อน ... เชื่อในสิ่งที่มีและเป็ นไป .. ทุกวาระและการกระทํา ฉันปรารถนาถึงข้ออรรถาธิบาย ..


๑๗

ปั จจุบนั กระทัง่ บุพกาล ..................................................................... .. หล่อน ... คือ .. หล่อน มีชีวติ ..ผนวก..จิตใจ อาจสับสน ฤา เปลี่ยนแปลง ล้วนแต่ .. เป็ นไปตามวิถีครรลองธรรม ..

ห้วงรัตติกาล ณ เพลานี้ .. ฉันพรํา่ เพ้อพรรณนา .. … เว้าวอน..บุพกาล หมูบ่ า้ นภาสว่าง มีนาคม ๔๘


๑๘

ตรง

ประชาธิปไตยในหัวใจฉัน - - สําหรับผูช้ นะ - - เรียงความที่ถกู บังคับให้เขียน สําหรับฉัน - - เขียนเพราะอยากเขียน - - ในหัวใจฉัน .. ย่อมจากใจฉัน - ประชาธิปไตย สิ่งซึ่งเป็ นเพียงนามธรรม แต่ข่มเหงคนได้ท้งั ประเทศ - ใคร ? คือ ประชาธิปไตย - ใคร ? วิง่ ว่อนในหัวใจฉัน เต้นพล่าน .. ระร่านระริก ฉันเขียน .. ฉันเขียน - - จากใจ - - แน่ นอน! ผ่านตากรรมการ … แต่ – ความหลอกลวงคงฉาบไว้บางเกินไป เพราะ - ฉันตรงเกินไป – ฉันมัน่ ใจเกินไป ฉันยืนบนฐานอุดมการณ์ สวมมงกุฎอุดมคติ มองผ่านแว่นตาที่ซึ่งเงาของบุปผาชนสัน่ ไหว -----หัวเราะกับความจริงที่พา่ ยแพ้ - - เปิ ดเผย สุขใจ ร้องไห้กบั ชัยชนะ - - หลืบซอก หลอกลวง ------ในเมื่อสิ่งซึ่งออกจากหัวใจฉัน


๑๙

- - มันกัดเซาะหัวใจใคร ฉันพร้อม - ที่จะบีบคั้นหัวใจ เปลี่ยนไปเป็ นลูกไก่ในตมโคลน… - -ในตมโคลน!! มือขวา – เรียงความประชาธิปไตยฯ พ่ายแพ้..แต่สมบูรณ์


๒๐

อยากฉีกทิ้ ง เธออยากจะฉีกความรูส้ ึกดีๆของฉันทิ้ ง ด้วยเหตุอนั ใด? เธอจึงมองไม่เห็นคําพูดดีๆจากใจฉัน คําพูดจากใจฉันที่อยากให้ใครสักคน - - เข้าใจ - ฉันเชื่อว่าเขาคนนั้นปรารถนาสิ่งเล็กๆ - - จากใจฉัน - แต่เธออีกคนนั้น – กลับไม่สนใจ ----ถามเธออีกครั้ง หมอกเมฆอันใด ? บดบังตา – ใจของเธอ - - นํ้าตา นํ้าตาของฉันช่วยลบภาพความมืดมน ออกจากใจเธอได้ไหม ? ขอโทษ! ถ้าฉันทําผิดไป… ใช่! ฉันทําผิด ..


๒๑

- ผิดต่อความต้องการของคนอื่น -------ฉันควรทําอย่างไร ? น้อมรับความผิด …โดยดุษณี ?? ๒๓/๐๘/๔๘ คาบฝรัง่ เศส วันอังคาร

( เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้ นด้วยความตั้งใจหรือไม่? ไม่อาจรู ้ - แต่ก็เป็ นอีกหนึ่ งบทเรียนสําหรับฉัน .. เพราะ “การมองของคน อื่น” )


๒๒

เกือบจะดีที่สุด

สิ่งที่ดีที่สุด – ในมุมมองของคนอื่น อาจกลับกลาย …………….. อาจแปลกแยก – เลวร้าย ….. แตกต่าง …………… แม้วา่ สําหรับฉัน .. มันจะดีที่สุด ด้วยมาตรฐานความรูส้ ึกของฉัน …………………………….. ไม่อาจสัมผัสได้ - กฎเกณฑ์ – มาตรฐาน ?? สําหรับใครสักคน..อาจจะใช่ แต่สาํ หรับใครอื่น- อาจตรงกันข้าม …….. เช่นกันกับฉันตอนนี้ - - ตอบคําถามตัวเองว่าสิ่งที่ได้รบั คืออะไร? ดีที่สุดหรือไม่? อย่างไร ? มาตรฐาน ? ฟุ้ งซ่านไปเรื่อย – ตึก ๗ ชั้น ๔


๒๓

บอดี้ การ์ด – มือปื น ? พ่อ …. บอกหนูหน่ อย พ่อเลือกจะเป็ นใคร ? …………………………………….. มือปื น ? …. ใช่! พ่อเลือกมือปื น – ถ้าไม่มีมือปื น .. แล้วเจ้าจะเห็นค่าของบอดี้ การ์ดไหม? ……………….. แต่สาํ หรับหนู - ไม่ใช่ ! หนูเลือกบอดี้ การ์ด อย่างน้อย บอดี้ การ์ด ก็มีโอกาสได้อยูเ่ คียงข้างนายของมัน อย่างสงบนิ่ ง – ใจเย็น แต่ก็พร้อมจะอารักขา – ระแวดระวังในทุกๆเมื่อ ………….. ล้วนเกิดขึ้ นด้วยเจตนาดี แต่ “มือปื น” มุง่ เข้ามาหาเหยือ่ .. “เหยือ่ ” ?? - ใครเล่า?ที่เจ้าหวังจะให้เป็ นเหยือ่

ริมบาทวิถี-ศุกร์สงัด


๒๔

เทียนสีดาํ

ในบางสถานการณ์วา้ วุน่ – สับสน ฉันไม่อาจแยกแยะความถูกต้องกับความอยูร่ อด ………………………………………… รูส้ ึกโดดเดี่ยวท่ามกลางผูค้ นมากมาย เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง - - ความวุน่ วาย นํ้าตาไหลริน .. ระคนเสียงหัวเราะ เสียงหัวใจเต้นดังสงัด .. เสียงลมหายใจเงียบกระหึ่ม …….. เกิดอะไรขึ้ นกับฉัน ? - - ว่างเปล่า - สองสิ่งซึ่งตั้งอยูต่ รงหน้า – ผ้าขาว เปื้ อนสี ผ้าดํา เปื้ อนหยดนํ้าตาเทียนสีขาว ?? ………หลอมรวมคงดี .. นาฎกรรมชีวติ ใหม่ “เทียนสีดาํ ..” สีไม่สวย – แต่ แกร่ง !!

ถามหาความจริงใจ ศุกร์สงัด


๒๕

ลูบเพื่อ? นครศรีฯ - ที่วดั พระธาตุ ………………………………….. คนมากมายรายล้อมตรงเข้าไปในพระอุโบสถ ด้วยจุดมุง่ หมายที่คล้ายจะแตกต่างกัน สําหรับฉัน..คงไม่ต่างอะไรไปกับไก่ตื่น ตื่นเต้น – ตื่นตัว – ตื่นตระหนกและตกใจ …………………………………. มันก็ไม่แน่ เหมือนกัน!! ………………………………… คนมากมายรายล้อมตรงเข้าไป “ลูบฆ้อง” ฉันก็เหมือนกัน .. อยากลูบ - แว่วๆว่า ใครลูบแล้วดังกังวาน บ่งบอกถึง บุญเก่า แต่ถา้ ใครลูบแล้วไม่ดงั - - ว่างเปล่า ……………………………… ก็การสัน่ สะเทือนชัดๆ ฉันถามพ่อเฒ่าคนหนึ่ ง .. “ลูบทําไมคะ?” แกย้อนถามว่า “แล้วคิดอย่างไร ถึงลูบ?” แกบอก… “ก็ลบู ให้มนั ดัง..ให้มนั มีเสียง – ลูบให้รวู ้ า่ ลูบแล้ว”


๒๖

………………. ลูบให้รูว้ ่าลูบแล้ว!! - - แล้วจะเอาอะไรอีกกับชีวติ “ฆ้อง” ที่ใครหลายคนกลับมองด้วย แววตาเปี่ ยมศรัทธา . . ฆ้อง มีไว้ ลูบ คน มีไว้ เพื่อ ?? ย้อนภาพการณ์ค่ายกวีครั้งแรก ต้นปี ๔๘ ม.วลัยลักษณ์


เชือกชีวิต

๒๗

ทําไม? ต้องเอาชีวติ ของเราไปผูกกับ - ความต้องการของคนอื่น ศักดิ์ศรีของเราอยูไ่ หน ความโลภมาบดบังหรือ? ……………………………………………. คนจนๆ อาจต้องการแค่ ข้าวพอประทังชีวติ มีก็กิน ไม่มีก็ ไม่กิน เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นมีใครอดตาย แต่คนรวยบางคน กลับคิดว่า - จะกินมื้ อคํา่ ที่ไหนดี จะเอาอะไรมากระแทกปาก หูฉลาม – อาหารสแกนดิเนเวีย – อาหารอิตาเลียน ฯลฯ - - แค่ ข้าวหย่อมหนึ่ งในจานสังกะสี ปลาเค็มแคะแกร็น ก็สุขใจ.. ไม่รเู ้ หมือนกันว่า .. อาหารภัตตาคารหรูเริ่ด กับ ข้าวในจาน สังกะสี อย่างไหน คือ ความสุขที่แท้จริง ?? ..


๒๘

จําเป็ นไหมที่ตอ้ งพูดถึง

อย่าบ่นถึงความหิว.. เพราะมันไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มขึ้ น อย่าบ่นเลยว่าร้อน เพราะไม่มีอะไรมาทําให้เรารูส้ ึกเย็นสบาย อย่าโหยหาความรํา่ รวย เพราะทรัพย์สมบัติไม่ได้ร่วงลงจากฟากฟ้ า อย่าเรียกร้องอิสระภาพ เพราะอย่างไรก็ตามเราก็ตอ้ งอยูใ่ นกรอบเกณฑ์แห่งชีวติ ……………………………………………………….. อย่าทําเพียงแค่ลมปาก แต่ทาํ ทุกอย่างที่อยากได้ ด้วย การกระทําจริงๆ ………….. ไม่ตอ้ งไขว่คว้าด้วยวาจา ไม่ตอ้ งวอนขอจากพระเจ้าใดๆ … ทําด้วยตัวเอง .. แล้วทุกอย่างก็จะมาเหมือนเงา ตามตัวมันเองเหมือนกัน ..

เช้าวันเสาร์ ๑.๔๐ น.


๒๙

บันทึก..กลางทุง่ นา (พัทลุง)

มะพร้าวแก่ยนื หยัดทระนง – โดดเดี่ยว ท่ามกลางผืนต้นกล้าแห่งชีวติ – หลากหลาย นานาพันธุ ์ – เอนอ่อนลู่เอน – ระเริงพลิ้ ว - - ต้นไม้มีชีวติ - สองชรายืนหยัดทระนง – อ้างว้าง ท่ามกลางผูค้ น – คนของคนอื่น สายนํ้าตา .. รินไหล .. ซาบซึ้ งซึ่งตื้ นตัน - - ไม้ (ใกล้) มีชีวติ - ..หยิบถุงนอน หมอนพับ บัตรเครดิต.. เหลือเพียงสมุดบันทึก – โลกที่กระจัดกระจาย – กล้องถ่ายรูป เพื่อสุนทรียภาพแห่งชีวติ เปลี่ยนจากรถตู ้ เป็ น รสบัสธรรมดา ..กระโจนตนสู.่ .สองแถวบุโรทัง่ ..สบายอุรา


๓๐

นี่ คือ..การเดินทางเพื่อชีวติ โดยชีวติ เพียงเพื่อรื้ อฟื้ นนาฎลีลา จากชราเฒ่า เสียงปี่ พาทย์จบั ใจ..โหยหาสู่หว้ งสํานึ ก..ปลุกเร้าเลือดใต้ให้พงุ่ กระฉุดขึ้ น อีกครา กระดานชนวน.. ทําให้ฉนั รูส้ ึกถึง “อุดมคติ” สร้างสิ่งที่มีและเป็ นไป หนึ่ งที่ไม่รู ้ หนังสือ สอง สาม สี่ ต้องรูห้ นังสือ – พ่อพูด – ซึ้ งใจ เตาถ่าน.. ไม่ใช่เตาหุงต้ม..แต่ .. “เตารีด” .. ตื่นตา – ตื่นใจ ภาคภูม.ิ .แลรับรู ้ เกียรติประวัติภมู ิปัญญาไทย เส้นสีแห่งองค์พระรัตนตรัย ประสูติ - ตรัสรู ้ – ปรินิพพาน ..หลากตํานานเหล่านี้ ล้วนกําเนิ ดก่อนบุพกาล .. ควรค่า แก่การจดจํา ..แสนตราตรึง ..ใช่ๆ .. เก่า .. ผุพงั ..คล้ายจะขาดเป็ นส่วนๆ แต่ความรูส้ ึกยังคงเปี่ ยมล้นด้วยศรัทธา


๓๑

ก้นครัว.. กะทะใบเขื่อง แม้เบื้ องล่าง..ดําปิ๊ ดปี๋ .. รูส้ ึกดี .. ได้สมั ผัส อีกทั้งอาหารกล่อมรสสนธยา ผัดมาม่าจรรโลงพุง ... หม้อดิน .. .. หม้อนํ้าใจ ผ่านไป – ผ่านมา แจกแจงสาธารณคุณ ทั้งละแวกนี้ และละแวกหน้า “ นํ้าเย็นชื่นใจ..นํ้าใจชื่นเย็น ” กระเบื้องดิน.. จินตนาการตามมโนสํานึ กเบื้ องลึก..ปรารถนาแรงกล้า ..วิมานบนดิน.. หมานํา้ .. หาใช่หมาอยูใ่ นนํ้า..แต่..นํ้าอยูใ่ นหมา - กระบะตักนํ้า – สาว..สาว..สาว ..สาวขึ้ น..ลงถัง ละเลงเท้า ..เย็น ลงเอย.. เก้าอี้ ผ้าใบ..ชายทุ่ง เข้ากันจริงๆ .. ลมเย็นๆ พัดเอื่อย ๆ แสงสาดๆ แดดอ่อนๆ .. บรรยากาศชวนสรรสร้างร่างบทกลอน


๓๒

แต่ทว่า..กลับง่วงเหงาชวนนอนได้เช่นกัน ..ฟ้ าสาง .. รุ่งวันใหม่ อาจเป็ นเพราะความสุขมันเปี่ ยมล้น..สองตายาย นํ้าตาซึม – ริมไหล เป็ นภาพลักษณ์ชายทุ่ง..มุง่ วิถีธรรม ... หรือ – ระยะทางห่างกว้าง .. ทางไกล และ – นํ้าใจสองข้างทางกลับใหญ่ยงิ่ ด้วย – รอยยิ้ มเย้ยแย้มหรรษา แต่ – เจือด้วยรสแท้เหยียดหยาม

สงกรานต์ – บ้านย่า ๔๗ พัทลุง


เรือ่ งชั้น

๓๓

อ่านให้จบ .... แต่ก่อนจะพูดคํานี้ .... เขียนให้จบ

…...ก่อนดีกว่าไหม....

ชีวติ ฉันค่อนข้างแปลกประหลาด...ชอบในสิ่งที่ไม่ควร ชอบ ... เป็ นในสิ่งที่ไม่ควรเป็ น ... กลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว ...บ้าเหรอ??.... ฉันว่าฉันไม่บา้ นะ ฉันยังคงปกติดี กินได้ นอนหลับ มีเพื่อน คุยกับสิ่งไม่มชี ีวติ ได้อย่างปกติสุข อ่านหนังสือได้ ...แล้วตกลง..เป็ นไง?? มีคนพูดนะว่า..ทําไมเธอ ทําตัวไม่เหมือนคนอื่น .. ฉันก็บอก..."ไม่ได้ทาํ ...มันเป็ นเอง ..เลือกได้..ก็ไม่ทาํ หรอก" ....ต่ออีกหน่ อยว่า .. ทําแล้วมีความสุข ก็เลยทํา .. เพื่อนก็เลยเลิกถาม .. เลิกสนใจ .. ไม่ไต่ไม่ถาม


๓๔

คล้ายๆกับ "เลิกคบ" สรุป..เพื่อนทิ้ งหรือไร?? (เศร้า) แต่ก็ไม่ (เศร้า) เพราะบางที ความเศร้าก็ยงั มี ความสุขอยูบ่ า้ ง ...เหมือนๆกับ..."ฉัน" ตอนนี้ ที่รกั สีดาํ .. เพราะมันทําให้ฉนั ค้นพบสีขาว "..สีดาํ ..ที่ทาํ ให้พบ..สีขาว .." "..ทุกข์...ที่ทาํ ให้เห็นค่า..ของ..ความสุข" โดดเดี่ยว-กลางฝูงชน ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๊ะหนา – สตูล


๓๕

คือสิ่งที่มี..และเป็ นไป เวิ้ งนํ้าท่ามกลางความมืดมิดอันแจ่มจรัส เนื้ อตัวสัน่ ระริกด้วยรูส้ ึกเย็นผะผ่าว สองเท้าร้อนยะเยือกเหนื อผืนทรายใต้ นํ้า เริงร่าด้วยลีลาแห่งความโศกศัลย์ ใจไร้หวังกําลังรอคอย . . .. ณ ริมฝัง่ ชล .. ตามใจชล ขอบคุณ . . . การกลับมาอีกครั้งของเธอ เธอเดินทางตามหารอยเท้า..บนผืนทราย ร่องตีนเปล่าเปลือย..อ้างว้าง โคมแสงจันทร์เรียงราย..เนื องแน่ น เหตุผล .. เธอกลับมาเรียกร้อง..เพรียกสิ่งที่ควรพรํา่ ทวงถิ่นเช่า – คืนถิ่นยืม ยืมถิ่นเช่า .. เพียงเคยเป็ นเปลวไฟ ,,.. สีขาว – หลอกลวง คืนถิ่นยืม ..วันหน้า..ย่อมเป็ นเปลวไฟเช่นเดิม ,,.. สี ดํา – ยัง่ ยืน


๓๖

ณ โพ้นฝัง่ ชล .. ตามใจฉัน ฉันสงสัยว่า .. เจ้าหนูจะคิดเหมือนฉันไหม ? ฉันไม่รวู ้ า่ .. ถ้าเจ้าหนูคิด .. จะคิดถึงใคร .. จะเหมือนฉันไหม .. ฉันคิดถึงคนที่รอคอย .. ซึ่งควรค่าแก่การรอคอย .. .. สะดุง้ ตื่นจากภาพฝันอันโหดร้าย .. ค้างเติ่งด้วยความ ไหวหวัน่ แต่ลึกๆ “ฉันแอบดีใจ” เสือยิ้ มมุมปาก อู่วฒ ั นธรรม - ทักษิณคดีศึกษา

( ย้อนรอยสึนามิและสถานการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ )


หลังอาน

๓๗

ย้อนไปราวๆ ครึ่งปี ให้หลัง ฉันต้องรอนแรมไป ค้างคืนที่ในตัวเมืองสงขลา ณ มุมหนึ่ ง ภายใต้ชื่อ “ โรงพยาบาลจิตเวชราชนครินทร์ ” แต่ก็ติดปากกับชื่อเก๋ๆ ว่า “ โรง-บาน-ประสาท ” (ความเคยชิน + การเล่นลิ้ นของชาว ใต้) นัน่ แหละ! ฉันไปที่นัน่ ..?! เป็ นผูเ้ ฝ้ าไข้ตามคําบัญชาจาก เบื้ องบน ..จนกระทัง่ ..ฉันเต็มที่..เต็มทนกับความเบื่อหน่ ายที่ ต้องทนนัง่ ..นอนอยูใ่ นกรอบมีมิติ ..ดีดตัวจากเสื่อข้างเตียง ผูป้ ่ วย พลันหัวก็กระแทก ..โป๊ กก..ก เข้าอย่างจังกับขาเตียง และค่อยๆเปิ ดประตู ลงบันไดไปยังที่ ที่ หนึ่ ง ด้วยความครึ้มใจ แน่ละ่ ! ยังไม่มีใครรู.้ . ฉันค่อยๆเอื้อมตัวเปิ ดประตูรถ หยิบกระดานไม้อดั พร้อมด้วยกระดาษปอนด์ 2 แผ่น ( เปล่าๆๆ ไม่ได้เอาไปเขียน รูปหรอก แต่จะเอาไป “เขียน” อย่างอื่ น) เปิ ดท้ายรถ ใช้พลัง ช้างยกจักรยานเสือภูเขา สีเหลืองแปร๋น .. สายตามุ่งมัน่ มอง ลอดรัว้ .. นู่น!ลิบๆเลย ......... “กายพร้อม-ใจพร้อม” “สองล้อเลื่อนเคลื่อนไปในทางหน้า เห็นแผ่นฟ้ าทิวสนโอนลู่ไหว ยินเสียงคลื่นระลอกนํ้าครืนครืนไป มือจับแฮนด์รถไว้..ใจเบิกบาน”


๓๘

ฉันควบเสือ..ตะบึงมาเรื่ อยๆผ่านย่านตลาดเก้าเส้ง ลด เลี้ยวไปละแวกถนนสายต้นสน ปั่ นไปบนเส้นทางพิเศษสําหรับ จักรยาน ตอนเช้าๆ อากาศกําลังดี ลมพัดอ่อนๆ เย็นสบาย แหงนหน้าคอตัง้ บ่า ฟ้ าใสมีเมฆสีขาวปกคลุมบางๆ ปั่ นไป เรื่ อยๆ เริ่ มปวดน่ องตุบๆ แวะพักข้างทางหยิบกระดานมาหนี บ กระดาษ นั่งแหมะบนที่ เหมาะริมทางเท้านั่นแหละ เริ่ มต้นงาน เขียนชิ้นเล็กๆอย่างสุขใจ “อาจจะไร้ซึ่งราคา..แต่เปี่ ยมด้วย คุณค่าด้านกมลาใจ” มันดีนะ! ที่ ได้ขดี ได้เขียนท่ามกลาง ฟ้ า สวย – นํา้ ใส – ใต้เงาสน – ผืนทรายขาวละเอียด นี่ แหละ.. โลกส่วนตัว ..ที่ ฉันโปรดปรานที่ สุด เหมือนดัง่ ฉันได้ปลีกวิเวก ออกจากความวุน่ วายรอบตัว เหมือนบนโลกใบนี้ ที่ ตรงนี้ มีเพียง ฉันคนเดียว ฉันบรรจงบรรทัดแรก ด้วยความตัง้ ใจยิ่ ง “เสียงครวญ...”

เสียงครวญภายใต้ความรูส้ ึก ปลุกเร้าห้วงสํานึ กถึงวันก่อนเก่า เรือน้อยแล่น..เด็กน้อยวิง่ ..เห็นหลังเงา พาใจเศร้า..ปลุกเร้า..เคล้านํ้าตา เสียงครวญภายใต้ทะเลกว้าง อ้างว้างหดหู่เกินจะหา ยามพิโรธโกรธขึ้ งโกรธา ทะเลบ้าคลัง่ คุม้ แลเดือดแรง


๓๙

เสียงครวญภายใต้ฟ้าครามหม่น เศร้า..มืดมนจนจิตไร้แถลง ทะเลคลัง่ ..ฟ้ าเดือด..หัตถ์จดั แจง เพียงเพราะแผ่ว - เสแสร้ง - แกล้งโอดครวญ ‘ตุลา ๔๖ แม้เนื้ อหามันจะไม่ค่อยเกี่ ยวกับบรรยากาศสักเท่าใดนัก แต่สนุ ทรียภาพทางอารมณ์และความคิดในเวลานั้น มันบ่งบอก ให้กระเสือกระสนด้นมือไปตามใจฝั น ร้อยรําพันรจนาประสา เขียน ใช้ดนิ สอร่างภาพด้วยความเพียร รูปสําเร็จไม่แนบเนี ยน แต่เนิ บใจ ... ..ฉันปั่ นจักรยานไปสักพักก็ถงึ “ท่าแพขนานยนต์” ลังเลรีรออยูพ่ กั หนึ่ ง ตัดสินใจจอดรถไว้ เดินไปตามลูจ่ า่ ยเงิน เพื่ อลงแพ ค่าโดยสารครานั้น ได้ยนิ แล้วทําให้ฉนั ตกตะลึง “.. ๑๐๐ สตางค์” คําถามแรกที่ เกิดขึ้นและล้วนเฟ้ นหาคําตอบของ ตัวมันเอง “..ไม่ขาดทุนเหรอเนี่ ย..” ตอนที่ ก้าวลงแพก็ไม่มีจดุ มุง่ หมาย คิดแค่วา่ “ยืนไปยืนกลับ” อยากสัมผัสวิถชี ีวติ ชาวเลดูบา้ ง .. สุดแสนจะมีเสน่ห์ เย้ายวน ดึงดูด และกลายเป็ นตราตรึงในที่ สุด ยืนไปเรื่ อยๆ สายตาทัง้ สองข้าง ก็มองเชิดไปข้างหน้า ราวกับว่า ผืนฟ้ าแห่งนี้ มีเพียงฉันเป็ นเจ้าของ ... และเพียงครูห่ นึ่ ง ฉันก็ได้ยนิ เสียงพ่อ ลูก คู่หนึ่ งคุยกัน ไม่ได้มีสาระอะไรที่ จะจับความได้ แต่มนั จับใจ ((ความรูส้ ึก))


๔๐

ลูก: พ่อๆ เรือมันอิจมหม่ายนิ ? พ่อ: อิ๊!ม่ายจมหรอก เรือมันเติบ ระหว่างนั้น คุณลูกก็ชะโงกหน้า คาดว่าคงจะตื่ นเต้นกับ กระแสนํา้ ที่ กระเพื่ อมไปมา พ่อ: เห่ๆ!ระวังแว่นอิเหลิ่ นนะลูก ลูก: ม่ายเหลิ่ นหรอกพ่อเหอ “..ครุบทัน..” แล้วเสียงหัวเราะต่างทํานองก็ดงั ขึ้นพร้อมกัน.. ฉันยืนไป..สายตาก็มองลงนํา้ ..ดูวถิ ชี ลที่ กระเพื่ อม..ดู ไปดูมา ฉันเริ่ มเกิดอาการลมใส่ เวียนหัว คลื่ นไส้ หน้ามืด ... ((ยังดีที่ยังรอด)) พอขึ้นจากแพแล้วฉันเริ่ มทนไม่ไหวกับสังขาร ที่ ร่อแร่ในขณะนั้น โทร.หาพ่อให้มารับที่ ท่าเทียบแพ พอพ่อรูว้ า่ ฉันปั่ นมาไกลถึงนี่ .. เต็มๆเลย กับเทศนากัณฐ์ใหญ่ เป็ นต้นว่า “อันตราย” “เดี๋ ยวไม่สบาย” บ้างล่ะ.. แต่..มันก็คุม้ นะ กับเส้นทางริมวิถี หนึ่ งประสบการณ์ที่ น่ าจดจํา แม้จะเป็ นช่วงเวลาสั้นๆ พร้อมด้วยบทกวีส้นั ที่เกิดขึ้ น จากสุนทรียภาพทางอารมณ์ในขณะนั้น ..ได้ทราบถึง สมรรถภาพทางกายของตัวเอง (ไม่เอาไหนเลย) แต่ก็ยอม เพราะฉันคนนี้

ทะเลสาบสงขลา ตุลา’๔๖


ประชาธิปไตยในหัวใจฉัน

๔๑

ประชาธิปไตย แปลมาจากคําในภาษาอังกฤษว่า Democracy ซึ่ ง คํา นี้ มาจากรากศัพ ท์ว่า Demokration ในภาษากรีก แปลว่า การปกครองของ ประชาชน ดังที่อดีตประธานาธิบดี ลินคอนของสหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้เป็ นเสมือนคําคมว่า "รัฐบาลประชาธิปไตย คือ รัฐบาลของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน" ซึ่ง หมายถึงระบบการปกครองตามอุดมคติ ระบบหนึ่ ง ที่รฐั บาลใน ระบบประชาธิ ป ไตยจะให้โ อกาสอั น เท่ า เที ย มกั น ในการ ดํารงชีวติ การแสวงหาความสุขที่แท้จริง สําหรับฉันแล้ว … ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบ การปกครองที่ดีที่สุด เป็ นเพียงระบอบการปกครองที่เลวน้อย ที่สุด ทว่ายังคงเป็ นระบอบการปกครองที่ได้รบั ความนิ ยมสูงสุด ในนานาอารยะประเทศ รวมถึงประเทศไทย ผืนดินมาตุภมู ิแผ่น ผ้างแห่งความภาคภูมิใจของฉันด้วย นัยเดียวกัน การที่สงั คมมนุ ษย์ส่วนใหญ่ ใช้ระบอบ ประชาธิปไตยในการปกครอง สามารถบ่งบอกได้ถึงความไม่ลง ตัวของการปกครอง แต่..มนุ ษยชนก็ไม่สามารถหาทางออก ให้กบั การจัดสรรความเป็ นอยูใ่ ห้ลงตัวได้ ... ตามทัศนติของฉัน .. แม้วา่ รูปธรรมแห่งการใช้อาํ นาจ ..เพื่อการแสวงหาอํานาจของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย จะเป็ นไปใน “ทางอ้อม” นัน่ คือ การเลือกผูแ้ ทนราษฎร เข้าไป ..เพียงเพื่อให้แลคล้ายกับได้ทาํ หน้าที่เป็ นปากเสียงแทน แต่ อย่างไรก็ตาม การปกครองก็ยงั คงยืนหยัดภายใต้อุดมคติของผู้


๔๒

ที่ตอ้ งการสร้างความขัดแย้ง ให้กลับกลายเป็ นความแข็งแกร่ง .. อาจลืมไปว่า แท้จริงแล้ว มันคือการกัดกร่อนประชาธิปไตย เสียมากกว่า และการที่ระบอบประชาธิปไตยทางอ้อมได้ถูก สถาปนายกย่อ งขึ้ นให้เ ป็ นส่ ว นหนึ่ ง ของสัง คมที่ ค นส่ ว นใหญ่ ยังคงยากจน ด้อยโอกาสในหลายๆด้านนั้น แน่ นอนที่สุด สิ่ง แรกที่สาํ คัญที่สุด คือการแข่งขันทางการเมืองเพื่อขึ้ นไปยืน ณ จุดที่สูงสุด โดยประชาชนผูม้ ีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า อาหารมื้ อคํา่ ของใครสักคน กลับกลายเป็ นรากฐานทาง การเมืองที่สาํ คัญ และมีความชอบธรรมอันเป็ นคุณค่าสูงสุด เช่นกัน สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในระบอบประชาธิปไตย คือ ความฉ้อ ฉล แลเห็นศักดิ์ศรีของประชาชนตาดําๆเป็ นของไร้ค่า แต่เก้าอี้ ทางการเมืองของตนนั้น..แสนเลอค่า.. อาจจะลืมไปว่า บางที ขาเก้าอี้ อาจจะแตกร้าวไปบ้างแล้ว หรือเป็ นเช่นนี้ .. การเมือง แบบเลื อกตั้ง..ประชาธิ ปไตยจอมปลอมนั้ นไม่ใช่พื้นที่ สําหรับ คนส่วนใหญ่ที่ยากจนและด้อยโอกาสอย่างฉัน จากเหตุ การณ์วิกฤตการทางเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2540 ที่ผ่านนั้น นับว่าเป็ นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน เข่นฆ่า ประชาชนไทย ทุกเวลาทุกสถานการณ์ เกิดผลกระทบต่อความ เป็ นอยู่ของชาวไทยทั้งชาติ นํ าเสนอให้เห็นถึงความยํา่ แย่ ทางการปกครองระบอบประชาธิไตย อาจเป็ นเพราะระบอบนี้ ยึดถือวาทะไทยที่วา่ “มือใครยาว สาวได้สาวเอา” หรือไม่ ที่ทาํ ให้สภาพเศรษฐกิจของไทยต้องเละเทะเช่นนั้ น ถึงกระนั้ น นักวิชาการหลายท่านได้นําเสนอว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทย ควรหันมาคิดทบทวนรูปแบบการปกครองที่เคยใช้กนั เพราะ


๔๓

“ความล้มเหลวทางการปกครอง” ที่ผ่านมานั้น สามารถเป็ น เครื่องยืนยันได้ดีถึงกลโกงที่สวยหรู น่ าหลงใหลสําหรับใครบาง คน แต่กลับเป็ นฝันร้ายของใครอีกหลายคนเช่นกัน แม้พฤษภาทมิฬจะผ่านไป อาจไม่วา่ งเปล่าเสียทีเดียว เสี ย งเรี ย กร้อ งของประชาชนยัง ก้อ งกระทบเป็ นเสี ย งสะท้อ น ระหว่างกัน ปรากฏเป็ นรูปของรัฐธรรมนูญฉบับปั จจุบนั แม้วา่ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 จะเป็ นความภาคภูมิใจของชาวไทย ได้ในระยะหนึ่ ง ประเทศไทยกระเถิบขีดขั้นการพัฒนาขึ้ นมาอีก สักก้าวหรือสองก้าว แต่ความต้องการ ความโหยหา ของฉัน ยังคงอยู่ห่างไกลจุ ดหมาย..จุ ดหมายที่ ตอ้ งการจะเพิ่มอํานาจ แท้จริงที่หนั กแน่ นและถาวรให้แก่ประชาชน เปิ ดโอกาสให้ ประชาชนอย่างฉันได้มีส่วนร่วมในการกําหนดนโยบายบ้าง สอง ในห้าของการตัดสินใจ เพราะประชาชนคือผูท้ ี่สมั ผัสกับปั ญหา… อยู่กบั ปั ญหามาปี แล้วปี เล่าอย่างแท้จริง แต่..ทําได้เพียงแค่รอ คอยการแก้ไขด้วยใจที่ไร้หวัง แล้วการปฎิรูปที่ผ่านมาช่วยได้ มากน้อยเพียงใด … คําตอบเดียวที่รวดร้าวราวกรวดทรายซึ่ง เหยียบยํา่ หัวใจประชาชนไทยอย่างฉันคือ “ไม่” แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ตอ้ งยอมรับระบอบการ ปกครองนี้ โดยดุษณี โดยนักวิชาการบางท่านได้เสนอทางออก ร่วมกันว่า หลักธรรมรัฐ หรือ ธรรมาภิบาล สําหรับวินาทีนี้ ย่ อ มเป็ นทางออกที่ ดี ที่ สุ ด สํ า หรั บ การผ่ อ นปรนปั ญหา ระเกะระกะในสังคมไทย คือ “การปกครองด้วยประชาธิปไตย ที่ตอ้ งคํานึ งถึงความถูกต้อง ความชอบธรรม ความเป็ นธรรม และความดีงามเป็ นส่วนสําคัญในการปกครองด้วย” อาจกล่าว ได้วา่ นี่ แหละสอดคล้องกับหลักธรรมาธิปไตย (ธัมมาธิปไตย)


๔๔

ทางพระพุทธศาสนานัน่ เองที่พระธรรมปิ ฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ นําเสนอต่อสาธารณชนเสมอว่า หลักธรรมาธิปไตยเป็ นแกน จริยธรรมของประชาธิปไตย เพราะธรรมาธิปไตยคือรากฐาน ทําให้ประชาธิปไตยได้บรรลุภารกิจของหลักการปกครอง ที่ นํามาใช้เป็ นประโยชน์ก่อให้เกิดสันติสุขและความผาสุกที่แท้จริง ของชาวโลกและสั ง คมไทย ได้ ต ลอดไป และการที่ประชาธิปไตยในระบอบประชาธิปไตย โดย ยึดแนวทาง “หลักธรรมรัฐ” จะเป็ นไปในทิศทางที่ถูกต้องนั้น ย่อมขึ้ นอยู่กับคุ ณภาพทางอุดมการณ์ความคิ ดของประชาชน นั น่ คือถ้าหากประชาชนมีคุณภาพดี ประชาธิปไตยย่อมมี คุณภาพดีดว้ ย แต่ถา้ ประชาชนมีคุณภาพตํา่ ประชาธิปไตยก็จะ เป็ นการปกครองที่ เลวร้ายด้วย เพราะ “คุ ณภาพของ ประชาธิปไตย ขึ้ นอยู่กบั คุณภาพของประชาชน แล้วคุณภาพ ของประชาชนขึ้ นอยูก่ บั อะไร ก็ขึ้นอยูก่ บั การศึกษา” ?? ฉันเชื่อว่า .. การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้ น จําเป็ นอย่างยิ่งที่ตอ้ งอาศัยการศึกษา อย่างน้อยที่สุด ก็เพื่อเป็ น การตระเตรียมรากฐานความพร้อมของคนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม เป็ นส่ ว นหนึ่ งในกระบวนการปกครองของสั ง คมระบอบ ประชาธิปไตย และนี่ คือ สาระที่ สําคัญที่สุด คือการเตรียมคน ให้พร้อมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในสังคมประชาธิปไตย หรือใน กระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมด ถ้าไม่เตรียมการคนอย่างนี้ กระบวนการประชาธิปไตยก็จะกลายเป็ นกระบวนการที่ลม้ เหลว เพราะว่า บุคคลที่เป็ นส่วนร่วมซึ่งเป็ นตัวขับเคลื่อนกระบวนนั้น ไม่มีคุณภาพ ไม่มีความพร้อม ทว่าตอนนี้ ..ถ้าสิ่งที่ฉนั รับรูม้ ามี ส่วนของความเป็ นจริ งอยู่ในระดับที่ เชื่อถื อได้ นั น่ ย่อม


๔๕

หมายความว่า “ประเทศไทยผิดเสียแล้วล่ะ” ในเมื่อการศึกษา ก่อเกิดรากฐานในการปกครองที่ดี แล้วคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษา แต่เสนอหน้ามารับใช้ประชาชน ถ้าหากมาด้วยความตั้งใจจริง มาด้วยหัวใจเปี่ ยมล้นด้วยความรักในประเทศไทย แน่ นอนย่อม ให้อภัยกันได้ แต่..ใครอีกหลายๆคน ที่พกวุฒิการศึกษามา เต็มที่ .. แต่ภายใต้จิตสํานึ กรักประเทศไทยกลับไม่ต่างอะไรกับ คนไร้วฒ ั นธรรม … เช่นนั้นไป ด้วยภาพการณ์เช่นนี้ ..ฉันรอ คอยคําตอบของคําถาม “ใครผิด” เสียเหลือเกิน ยังคิดไม่ตก .. ประชาธิปไตยในบ้านเมืองเราที่ กําลังเฉิดฉายเรืองอํานาจกันอยูใ่ นขณะนี้ พัฒนาไปถึงไหน แล้ว หรือนักการเมืองอํานาจสูง จิตใจตํายั ่ งวนเวียนกันอยู่ แต่ในวังวนของผลประโยชน์ อํานาจ และพวกพ้อง เท่านั้น เห็นทีถา้ ยังคงเป็ นเช่นนี้ ..อีกไม่สกั เท่าไร ผูท้ ี่ตอ้ ง เสียใจเป็ นที่สุด ย่อมหนีไม่พน้ “ประชาชน” เฉกเช่นฉันเป็ น แน่!!! “ การปกครองเป็ นของใคร … คนไทยหรือนักการเมือง??

เรียงความบังคับเขียน – ตรงใจ


๔๖

หอมกลิ่นแผ่นดินเกิด

ต้นยาง ใบระโยง ยืนโด่งเด่น กาหลง นกกระเต็น ริมบึงใส เกาะแก่ง แหล่งกําเนิ ด เกิดแล้วใจ นํ้าใส ไหลเย็น เห็นชีวติ แว่วยิน ลํานํา ทํานองคุน้ อบอุ่น หัวใจ เคยสนิ ท อยากหวน คืนถิ่น มาตุมิตร ใกล้ชิด ธรณี ที่เคยนอน วอนอก ท่านแม่ธรณี ประเลงรัก..ชีว.ี .เปรียบหมอน ถิ่นรัก-ถิ่นนี้ ลูกเคยนอน ซบลงอ้อน บ้านเกิด ดื่มกลิ่นดิน อารมณ์เหงา - แม้คนมากมาย


บาปครองบุญ ณ ราตรีสีหม่น..พระจันทร์เศร้า ณ ห้วงฝันคละเคล้า..นํ้าตาโศก ณ ถิ่นอื่นหมื่นใด - ที่ในโลก ณ แผ่นผ้างอับซึ่งโชค - คอยวิญญาณ์ ครานี้ .. อนิ จจาตัวข้ากระทําบาป ชดซึ่งลาภแห่งบุญ..ทุนศาสนา แลเหมือนทําความดี..โดยเจตนา แต่จริงแล้วตัวข้า .. บาปครองบุญ ครานั้น .. ตัวข้าอกสัน่ สนขวัญแทบหาย เพียงเพราะยายไร้เรื่องรับรูส้ ุญ ข้าโมโหโกรธาด่าเป็ นจุณ เห่!ยายเหอ เติ้ นอย่าฉุน้ นักแลงตา

คราหนึ่ ง .. ถึงความกดดันอันสิ้ นสุด ยายกล่าวความเกินหยุด - แสนปุจฉา ฉันอํ้าอึ้ งไร้ซึ่งวิสชั นา

๔๗


๔๘

แล้วการไรของมึงล่ะ!อย่าเสือกที ครานั้น .. ครานี้ - คราไหนๆ ทนไม่ไหว แล้วนะ..จ๊ะ..ยายจ๋า ที่หลานพรํา่ พูดเพ้อพรรณนา เพราะรักยายสุดชีวา..จะขาดใจ

ความเศร้าไร้น้ําตา


๔๙

เสือยิ้ มมุมปาก ฉันคือใครสักคน..ที่เป็ นเพียง ใครบางคน บนโลกใบนี้ อาจมีค่า หรือ อาจด้อยค่า ตามแต่มุมการมองของแต่ละบุคคล …. ฉันรับรู ้ คุณค่าแห่งชีวติ ของฉัน ….. ตอนนี้ ฉันรูส้ ึกอ่อนล้ากับการเปลี่ยนแปลงทางระบบการศึกษา ที่มาเป็ นระลอกคลื่น … ปรารถนาและโหยหาอย่างยิง่ ที่จะทําทุก วัน ให้เป็ นวันอาทิตย์ . . . และฉันชื่อ “ปราง” มอห้าทับสิบเจ็ด หาดใหญ่วทิ ยาลัย บ้านเกิด “สตูล” .. เมืองแห่งพระสมุทรเทวา


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.