1 ข้างหน้าต่างที่เปิดไว้บานเดียว ตารา สาระ

Page 1

๑


ข้างหน้าต่างทีเ่ ปิดไว้บานเดียว ตารา สาระ

พิมพ์ : กลุ่มเขียนข้าว พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ เขียนข้าวคริเอท โทร. 086 9719267


สารบาญ ความรัก ความรัก เพราะเธอมีชีวิต ที่รัก รู้สึก เดินทาง ดอกคา เหนือฝั่งนา แม่ เธอคือผู้รู้ สวัสดี.. ม่านหมอกและหยาดนาค้าง.. ทางผ่าน อิสรภาพของความรัก ธันวาที่รัก พบ ต่างเป็น กิน


อยู่ ธรรม เป็นอยู่ เคี่ยว ปลอบ จะยึดหรือให้ เปี่ยม อโห.. ซึง สัมพันธ์ เงียบ ราลึก อ้าง ดอกเมฆ เปลี่ยวดาย เธอ คลาย


ความรัก ตารา สาระ ธีรธาร

เขียนคาไทย เขียนคาบาลี

ยถา นิราสอากาโร จิตฺตคฺโค ราคกามิโน อยมฺปิ ตสฺส โหตี ว ราคกามสฺส ปาสติ เอว เปมมฺหิ สญฺชาน ปชานนญฺจ ธารณ สมสฺสาสนมสฺสาปิ โหนฺติ มนปฺปสาทน ฯ อาการอกหัก เป็นหัวใจของนักรัก จึงเป็นที่ระลึกถึงของนักรัก ดังนี ฉันใด ความรู้สึก ความเข้าใจ และความทรงจาในความรัก จึงเป็นสิ่งปลอบประโลมใจแห่งนักรัก ฉันนัน ฯ


ความรัก

ธงชัยแห่งความรัก คือกรุณาและปัญญา ดุลยภาพแห่งความรัก คือความรู้สึกร่วมในความดีงาม ที่แสดงออกโดยความมั่งคง แห่งศีล สมาธิ ปัญญา ถ้อยคาภาวนาที่แท้จริง สาหรับความรัก คือ รั ก รู้ และ รั ก


หัวใจของความรัก คือสัมมาญาณทัศนะ ที่รู้แจ้งแทงตลอดถึงการเกิดขึน การดารงอยู่ และการแตกดับไป ของสังขารธาตุทังปวง หัวใจของคู่รัก คือ ปั จ จุ บั น ข ณ ะ ที่ แ ท้ จ ริ ง


เพราะเธอมีชีวติ มีน. ๒๕๓๙

น้องสาว... เธอไม่ควรร้องไห้เพียงแค่นัน เธอควรร้องไห้-ให้มากกว่านี เผื่อบางทีเธออาจจะรู้สึกดีขึนมาบ้าง สาวน้อยผู้น่าสงสาร ทาไมเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ดูนาตาเธอซิ ..นาตาแห่งความอัดอัน รันทด หรือกดกลัน.. น้องสาว...ร้องไห้ไปเถิดคนดี ให้นาตามันไหลพราก ให้มันไหลพรากไปจากดวงตา พ้นไปจากพวงแก้มที่เคยสดใส และพ้นไปจากดวงใจอันทดท้อ


น้องสาว... ความทุกข์ของเธอ คือนาตาของเธอ นาตาของเธอ เป็นเช่นเดียวกับความทุกข์ของเธอ เพียงแค่ซึมไหลอาบแก้มแล้วเหือดแห้งไปเท่านัน สุดท้าย ก็ไม่มี.. น้องสาว... เธอเช็ดนาตาที่อาบหน้า และริวรอยที่ถูกขีดผ่านในดวงใจเสียเถอะ ............ น้องสาว... เธอเห็นไหม? นาตาของเธอ ไหลออกมาอีกแล้ว...


๑๐

ทีร่ ัก 13.46 น./อา. 31 ตุลย์. 42 ๑ ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนทุกปี เช่นเดียวกับสายฝนที่กลับไปพักผ่อน เพื่อให้ลมหนาวกลับมาทาหน้าที่ จากความชุ่มชื่นสู่ความเหน็บหนาวและแล้งโหย ที่รัก เธอผ่านมาทุกฤดูเช่นกันใช่ไหม? เธอมีความสุขมีความทุกข์ เพราะมีรักมีร้าง,สิ่งเหล่านีคือ “ความเป็นอยู่” ที่เป็นเสียยิ่งกว่าการเป็นอยู่เฉยๆ ดูโน่นซิ เจ้านกตัวน้อยกาลังจิกกินผลไทร ปลาในสระกาลังฮุบกินอาหาร กระรอกคู่กาลังแตะไต่ไล่ตามกัน อย่างมีความสุขหลังฝนหยุดโปรยสาย มาที่นี่ซิ ที่รัก


๑๑

๒ ที่รัก ขอเธอจงได้มาที่นี่ มาพบกับความเป็นจริง ดูซิ นั่น ร่มไทรช่างอบอุ่น ความเขียวขจีโอบอุ้มความร่มเย็นไว้เพื่อเธอ กระรอก นก บางผีเสือและแมลง ต่างก็อยู่กันอย่างมีความสุข.. ที่รัก เธอมีความทุกข์ใช่ไหม? มาสู่ที่นี่ซิ เพราะที่นี่มีรัก ๓ ใบไม้เกือบทังหมด ไม่เคยผลิร่วงไปไกลจากโคนต้น เพราะใบไม้ย่อมคืนสู่รากไม้ ความรักครังแรกและรักครังสุดท้ายของเรา ก็ใช่ว่าจะสูญหาย ย่อมคืนสู่ใจของตนเอง


๑๒

ทังใบไม้และความรัก ต่างก็มีธาตุแห่งการตื่นฟื้น เพื่อการก่อเกิดครังใหม่ เพ่งภาวนามองใบไม้ที่ปริเปื่อย และความรู้สึกแห่งรักที่แตกสลายดูซิ เธอจักเห็นและรู้ถึงความว่างเปล่า และการเป็นอยู่ซึ่งกันและกันอย่างเต็มเปี่ยม ๔ ภาวนาคานีเถิดที่รัก “เพราะว่างจึงเต็ม เพราะเต็มจึงว่าง เพราะว่างจึงเต็ม เพราะเต็มจึงว่าง” แล้วเธอจักรู้สึกถึงความรักที่บริบูรณ์ และจักเป็นอยู่ด้วยความรักที่พอเพียง


๑๓

รู้สกึ ฝนร่วง ปรกปรอยกระทบหลังคา โสตสดับสาเนียง กายสัมผัสความรู้สึกเย็นและหนาว… กายสัมผัสกาย เพียงเนือสัมผัสเนือ ธรรมารมณ์อวลครุ่นคนึง เพียงระยะสัมผัส กบ เขียด อึ่งอ่างและแมลงแมงราตรี ขับขานสาเนียง โสตสดับเสียงขับขาน รูป กายภาพของเธอ นาม วิญญาณภาพของเธอ ผัสสะเพียงผัสสะ รู้สึกจริง เพียงขณะนัน จากนันสัญญาทาหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและเพ้อหลง, เพียงผัสสะ เพียงวิญญาณรู้สึก เพียงขณะนัน สัญญาชั่งเพียรยาให้ราลึก เวทนาปรากฏ สุข ทุกข์ เพียงผ่าน เพียงนัน แค่นัน แต่เฝ้าเพียรคานึง ซึงๆ อยู่อย่างนัน.


๑๔

เดินทาง

ชีวิตเริ่มเดินทาง ณ ปลายจมูก ด้วยก้าวย่างของดวงใจ ความฝันใฝ่ของสมอง.. จังหวะย่างก้าวที่มากขึน คือ ทางพราก เพรียก พบ พราก เพียง เพื่อ พัก.. ชีวิต


๑๕

ดอกคา มีน. ๒๕๓๙

ดอกคา ดอกสีขาวพราวดอกสวย เป็นดอกหนึ่งซึ่งร่ารวย ด้วยดอกรัก ดอกคา ดอกสีแดง ณ แหล่งพานัก คือดอกหนึ่งซึ่งประจักษ์ สลักจิต ดอกคา ดอกสีเหลืองชาเลืองพิศ นั่นดอกหนึ่งซึ่งเห็นผิด คิดซาใจ


๑๖

ดอกคา ดอกสีม่วงห่วงดอกใด รู้ดอกรักตระหนักภายใน ใครตระหนัก ดอกคา ดอกสีดาชอกชานัก เป็นดอกเดียว เดี่ยวดายรัก ถักอารมณ์...


๑๗

เหนือฝัง่ นา

โลกตระการ สุข ทุกข์ งดงามและยุ่งยาก ชีวิตฝัน และใฝ่คว้า รัก โลภ โกรธ หลง ทิฏฐิ มานะ ทระนง หมุนวนดังลมและนา โลกตระการ มนุษย์เอ๋ย วิถีชีวิตย่อมเผยสัจจะ ดิน นา ลม ไฟ จิตใจพึงตระหนัก โลกนีตระการ โลกเอ๋ยตระการ มีฉัน มีเธอ ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ มีฉัน มีเธอ ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ โลกเอ๋ย


๑๘

แม่ ก่อนลูกจะเป็นแม่ ลูกร้องแงๆ แม่หนูหิวนม กินมานานแม่หย่าด้วยของขม ชีวิต ลูกเอ๋ย มีทังตรมและหวาน แม่สอนเรา สอนมาแล้วตังนาน ชีวิตอยู่ที่เรารู้จักขับขาน กล่อมวิญญาณด้วยความดี ก่อนแม่จะได้ลูก แม่ร้องโอยๆ พันผูกชีพยอมพลี ได้ลูกแล้วกล่อมด้วยหวานวจี แต่ลูกไม่ปรานีกล่าวคาร้าย แม่สอนเรา สอนมาแล้วตังนานเหมือนเข็มกับด้าย คอยเย็บร้อยสร้อยสาย ให้ได้ลูกเป็นคนดี


๑๙

เธอคือผูร้ ู้

เมื่อเธอเข้าห้องสมุด เธอรู้ว่านีคือห้องสมุด เธอส่ายตามองหนังสือ เลือก...หยิบ...อ่านบางข้อความบนปก เปิดดูบางหน้า แล้วหาที่นั่ง..., เพียงเธออ่านด้วยชีวิตปัจจุบัน คือ ต ร ะ ห นั ก รู้ เธอคือ ผู้ รู้ เธอจักรักหนังสือ รักชีวิต รักโลก- ทุกสิ่ง และเธอจักรู้ว่า ควรถนุถนอม “ความมีอยู่” ได้อย่างไร -----------------------


๒๐

นักเขียนที่ไม่รู้ "ใจ" ของสิ่งทังหลายอย่างแท้จริง ย่อมมิใช่ นักเขียนที่แท้ --------------------บทกวี ต้องให้คาถาม ถ้าให้คาตอบ ต้องเป็นคาตอบที่เราต้องค้นเอง

แหลงให้ กวิสรา อ่าน 20 พค.50


๒๑

สวัสดี.. ม่านหมอกและหยาดนาค้าง.. สวัสดี....ม่านหมอก และ หยาดนาค้าง.. ยามเช้า ของวันทุกข์ สุข โศกหรือเศร้า ของชีวิต... สวัสดี....ม่านหมอก ที่หยอกเอินไล้ทิวสน ที่โอบอุ้มฟ้า ป่าและดิน ไล้เรี่ยรินสู่ดวงใจ สวัสดี....หยาดนาค้าง ที่พร่างริน คืนสู่ดิน สู่ใจ... สวัสดี...ชีวิต


๒๒

ทางผ่าน 24 มีน 39

ทาง ทาง ทาง ทาง ทาง ทาง ทาง ทาง เคยผ่าน นาน แต่ไม่นาน บนทางสายกรวดลูกรังหม่นแดง เธอเดินผ่านไป ฉันเดินผ่านไป หลายคนก็เคยเดินผ่านไป แต่สองข้างทางที่เราต่างก็เคยผ่าน ต่างกัน เหมือนกัน ต่างคนต่างเห็น


๒๓

นกยางขาวก็เคยโฉบบินผ่านอย่างอิสระ หมาขีเรือนก็เคยผ่านอย่างซัดเซ ต่างคนต่างสัตว์ ต่างผ่าน ทางเรียบ ทางลื่น เพียงแค่รู้ตื่น


๒๔

อิสรภาพของความรัก 22.00./ ส. 12 เมษา 51 ผูกพันด้วยหัวใจปภัสสธรรม สตินาในใคร่ครวญ หวนในรู้สึกดี ๆ นิ่ง ยิม สงบสัมปฤดี จิตปฏิพันธ์ ปฏิพัทธ์ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ วางเหตุแลผลของกันและกันไว้กลาง ๆ มองอย่างละวาง เท่าทัน อิสรภาพของความรัก เกิดภายในหัวใจปาริสุทธิ การุญด้วยหิตคุณ วิมุตติ์ ผ่องผุดดุจกลีบขาวของบุปผา


๒๕

อิสรภาพของความรัก มีเบืองต้น ท่ามกลาง แลที่สุด สถิตย์ ณ หัวใจที่รู้เท่าทัน ยิ่งค้น ยิ่งมืด ยิ่งสืบ ยิ่งหาย ยิ่งสาว ยิ่งตึงมิคลาย นิ่งๆ แล้วกาหนดหมาย ..นั่นไง !


๒๖

ธันวาทีร่ ัก

ฉันรักเดือนธันวา เพราะเป็นเดือนสินสุดของปี นับเป็นตัวเลขได้หนึ่งโหล 12 /สิบสอง/ ๑๒ เลข 12 เป็นตัวนับเดือนสุดท้ายแห่งปี และเป็นตัวเลขเรียงลาดับ 1 - 2 ปีหน้าจะนับใหม่ 1 หนึ่ง สอง แล้วหนึ่ง ช่างเป็นจังหวะคณิต จังหวะกาละ จังหวะช่วง จังหวะตาม จังหวะเดินของชีวิต


๒๗

หนึ่ง สอง, หนึ่ง,สอง,สาม,สี,่ ห้า, หก, เจ็ด, แปด, เก้า, สิบ, สิบเอ็ด, สิบสอง-หนึ่ง สอง-ก้าวย่างสิบสองก้าว- หนึ่งปี เขาบอกว่า จะได้ทบทวนชีวิต ปีใหม่ เริ่มชีวิตใหม่ เลขคณิตเปลี่ยนแปลงตามกาหนดมนุษย์ ดาวในห้วงฟ้า เปลี่ยนแปลงตามกาหนดของจักรวาล ใจเราเปลี่ยนแปลงตามกาหนดความคิด ธรรมชาติ แอ่ะ เราล่วงความสาวไปอีกปีหรือนี่ บ่นใหญ่เลย ห้าห้าห้า หนึ่ง สอง หนึ่ง หนึ่ง-สอง ธันวาคม ฉันรักเธอ


๒๘

พบ พบเจอ พบเธอ ณ อนัตตา รู้ซึงถึงระยะเวลา พกพาความรู้สึก “เช่นนันเอง” ----------------------


๒๙

ต่างเป็น

เรา-สู,- ต่างอยู่ในโลก สุข-โศก พาบ้าหวัน ชีวิตท่ามแดดและแสงจันทร์ ค่า-วัน,ราลึกรู้อยู่ในตนฯ


๓๐

กิน ไม่ใช่กินข้าวเหนียว-ข้าวเจ้า ไม่ใช่กินแกงไตปลา ไม่ใช่กินปลาร้าปลาแดก ไม่ใช่กินแกงอ่อม ไม่ใช่กินปลาร้าหรน ไม่ใช้กินนาพริกหนุ่ม ไม่ใช่กินแกงส้ม-แกงเหลือง ไม่ใช่กินมังสวิรัติ ไม่ใช่กินกาแฟ-ขนมปัง ไม่ใช่กินมัสหมั่น ไม่ใช่กินแฮมเบอร์เกอร์-เคเอฟซี-ฟิซ่าฯ ไม่ใช่กินนาเต้าหู้ ฯลฯ กินแต่อาหาร กิน กิน กิน กิน ไม่ให้มันกัดกิน คือหัวใจของการกิน


๓๑

อยู่

สรรพสิ่ง เคลื่อนไหว ในเส้นโค้งกาละ ข้าฯ จะข้ามฟาก บนผิวโค้งแห่งเทศะ ทิงความคิด ไว้บนเส้นตรง ดารงอยู่ ท่ามกลาง ความว่างเปล่า


๓๒

ธรรม

คือสิ่งทังปวง มีรูป ไร้รูป คือสิ่งที่มีอยู่ก่อนสิ่งทังปวง มีรูป ไร้รูป คือสิ่งที่มี และคือสิ่งที่ไม่มี มีรูป ไร้รูป คือความเป็นธรรมดา เช่นนันเอง ธรรมทังปวง เพียงรู้เท่าทัน เกิด ดารงอยู่ และดับไปอย่างไร


๓๓

เป็นอยู่

มวลธาตุไม่แยก หยินหยางไม่แตก นอนใต้ฟ้าเบิ่งฟ้า หลังทาบปฐพี ราลึกอยู่ ณ วันนี วันเวลาปรากฏ


๓๔

เคีย่ ว

ปลดปล่อยตัวตน ให้ไหลลื่น ไปบนชะตากรรม เก็บจิตที่แตกกระสาน ซ่านเซ็นไป ให้มาอยู่กับความเปล่าเปลี่ยว และข้าฯ จักเอือม เอาวิญญาณ ที่รู้เท่าทัน


๓๕

ปลอบ

เธอ เสมือนพยับแดด พุฟองนา เกิด-ดับ เช่นเดียวกัน อย่าพยายาม เพื่อยึดถือ


๓๖

จะยึดหรือให้

ฝนฝากเม็ด บนดิน หน่อไม้แทงยอด ให้มีกิน ณ ที่ฝนหลั่งริน ใจข้า มากนอง ด้วยรัก


๓๗

เปีย่ ม

เงียบสงบ และสดชื่น ต้นไม้รู้เท่าทัน หยั่งราก ลงดีแล้ว ในวิญญาณธาตุข้าฯ อโห สาธุ


๓๘

อโห..

มาลา ที่เธอมอบให้ มันเหี่ยวแห้ง ทุกดอกแล้ว ไม่นาน เธอ ก็เป็น เช่นนันเอง


๓๙

ซึง

กลีบดอกรัก เพิ่งเริ่มผลิ ไม่นาน แดดกล้า ก็มาปลิด ลิด ดอกร่วง


๔๐

สัมพันธ์

ความรักของเธอ ไม่มีชีวิต แต่เธอมีจิตวิญญาณ ที่เปิดเผยให้ปรากฏ ในมรรคา ที่ไม่อาจนับได้ทั่วถ้วน เธอนิ่งส่วนมาก ในฐานะผู้กระทา และกล่าวยา ในความเป็น จุดหนึ่งเดียว


๔๑

เงียบ

เหงา โหยหา เปลี่ยวดาย ตัดพ้อ เพ้อ บทเพลงใบไม้ ปลิดปลิวอย่างเหงาหงอย ฉัน ค อ ย คานึง ลอย โ ค ล ง เ ค ล ง จิตรู้สึก ชื่น แล้ง รู้แจ้ง ในสานึก


๔๒

ราลึก

เธอยังมีฉัน หรือว่า เธอไม่มีฉันแล้ว แต่ที่แน่นอน ด้วยสัจจะ ฉันยังมีเธอ คนที่ฉันรัก ในความเป็นจริง แห่งสังขารธาตุทังมวล


๔๓

อ้าง

เหงาคงเหงาอยู่ในความว่างเปล่า ความรักไม่ใช่ของเรา ดวงใจเศร้าเหงา เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในความเป็นจริง ดวงใจเธอไม่ใช่ของเรา ความรักไม่เป็นของเรา เหงาคงเหงาอยู่ในใจ หึ่งจิตดวงเศร้าเหงา ความรู้สึกรักร้าว ว่างเปล่า ว่างเปล่า


๔๔

ดอกเมฆ 14 ธันว์ 36

เมฆหยิบยืมละอองไอนาไปจากห้วงนา ไม่นานกลับสู่คืนเดิม แล้วแปรตัวระเหยขึนไปใหม่ ฉันทาใจให้ลืมโลกเสียชั่วคราว เพื่อยกจิตขึนไปเป็นปุยเมฆ ล่องลอยอิสระอยู่เหนือโลก แต่ที่สุด ฉันก็ต้องคืนสู่โลกอีกครัง กลับกลายไปมา อยู่เช่นเดิม


๔๕

เปลีย่ วดาย

เปิดตัวตนที่เศร้า และมีปัญหา ให้ยืนอยู่อย่าง เปล่าเปลือย ข้าฯ รู้สึก หนาวเย็น และกลัว


๔๖

เธอ

ดังวิหก ที่บินมา เพียงเพื่อ จับเกาะ แล้วบินจาก โอ ! หญิงคนรักข้าฯ


๔๗

คลาย

รัดรึงอย่างติดขัด เหนี่ยวรัง และหยุดไว้ รู้สภาวะ ดอกฝนห่างหายไปจากฟ้า ลมหนาวขาดช่วงตอน แดดร้อนผ่าว สรรพสิ่ง เป็นความจริง นิ่งแล้วตรอง และไม่นาน แผ่วผิวลิ่วละมุน อบอุ่นแล้วคลาย


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.