๑
๒
ด้วยดวงตาของเธอเอง ก ถ า นิ พ น ธ์ แ ห่ ง รั ก คุรุการ เลขธัมม์
พิมพ์ : กลุ่มเขียนข้าว พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ เขียนข้าวคริเอท โทร. 086 9719267
๓
ความรู้สึกของหัวใจ-------------------ฉันดีใจ ดีใจอย่างมากที่ได้รับรู้ความรู้สึกของหัวใจเธอ ฉันรับรู้จากปากของเธอ เธอบอกเล่าหัวใจเป็นถ้อยคา นาเสียงเธอตัดพ้อต่อฉัน วันนันเอง, เธอพูดตัดพ้อให้แก่ฉัน จึงทาให้ฉันยอมเปิดดวงใจรับ เปิดดวงใจทังหมดในชีวิตตอบรับหัวใจเธอ .. ก่อนนัน, ฉันเฝ้าพยายามไว้หัวใจ ฉันเก็บงาหัวใจไว้ในดวงใจ เพราะไม่อาจกล้าจะให้หัวใจเธอกับฉัน ได้รับความเศร้าหมองเพราะรักอีก ! ฉันยอมรับความรู้สึกของหัวใจเธอตังแต่วันนัน แล้วเฝ้าดูหัวใจเธอกับหัวใจฉันเอง เฝ้าดูแลหัวใจของเรา..,
๔
วันหนึ่ง,- เป็นวันแรกของเรา ในห้องสมุดแห่งความรัก .. และหลังจากนัน, หัวใจของฉันได้รับคาตอบชัดเจน ฉันมีเธออย่างเต็มชีวิต .. ความรักผูกพันยิ่งทวีในหัวใจ ดวงใจแห่งชีวิตเป็นสุขและหวัง ในการอยู่ครองอย่างยิ่ง หัวใจยิ่งร่าร้องหาในรัก เฝ้าหวังในความเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ สมบูรณ์ในความเป็นเราตลอดชีวิต, .. เราเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน ด้วยการเรียนรู้ชีวิต บอกเล่า ตักเตือนชีวิตแก่กันและกัน เราไม่เคยทาหัวใจให้ห่างจากกัน
๕
.. คืนวันเหมือนดังฝัน... ........ มาช่วงหนึ่ง, เธอบอกเล่า,ชีวิตไม่ได้เป็นดังฝัน เพียงเคลื่อนผ่านวารวันเท่านัน,เธอบอกเล่าเพื่อปลอบโยนฉัน.., ห้วงเวลาช่างเนิ่นนานในความรู้สึกของฉัน และเนิ่นนานในแต่ละวันคืนที่ฉันเฝ้าครุ่นคิด ฉันเฝ้ามองความรู้สึกของหัวใจ.. เธอกับฉัน. แด่เธอทังหมดและโลก ขอให้มีดาวในดวงตาและดวงใจ คุรุการ เลขธัมม์ 21:09|3|6|5|2551
๖
- - - - - สารบัญ - - - - เธอพาชีวิตมาเยือน o o o o o o o
เธอพาชีวิตมาเยือน ผลิรักในการเยือน กระทบโลมราบรื่นในคืนรัก ตื่นในรัก ธรรมชาติประกาศรัก สิทธิในรักตระหนักรู้ พึงกระทาด้วยความรัก
จันทร์ดาว:ในดวงตาและดวงใจ o o o o o o o o o
ร้อยรัดรักไว้กับชีวิต ยิ่งคิดถึง..ยิ่งรัก ดาวเคียงเดือน, ยิมของฟ้าค่า คือ ยิมของจันทร์ ยิมในดวงตาแห่งดาว เราพบว่า เราคือรักนัน รัก สองเราผู้ไม่เคยพรากจาก.. ไม่ว่าจะเกิด ณ โลกแห่งกัปป์ใด คิดถึงไหม หัวใจในเรือรัก นิ่งในรัก
๗
o o o o o o o o o o o
รอด้วยรัก เพื่อรัก, รักเธอ ฉันปรารถนา ปลูกต้นรักในหัวใจ, โปรดฟังอีกครัง.. ผมรักคุณครับ รักแรกและรักครังสุดท้าย แรมเดือน, ดาวรุ่งที่คุ้งฟ้า- ผมคิดถึงเธอ ไม่มีคาลาจากเมฆก้อนนัน ขอบคุณหัวใจที่ปราณีรักผม รู้ รื่นจ๋า..กลับมากระท่อมรักเรา ภาพประโลม ในดาว เพียงจันทร์
บินสู่ฟ้า:การเดินทางของนางสาวไปรษณีย์ o o o o o o o o o o o
นกไกล ลมที่ผ่านไป เมฆในแดดร้อน ฟ้า.. ของใคร ? คากล่าวในระหว่าง.. อุ่นไอรักที่เคยอุ่น หัวใจใด.. บิน.. บินไป คืนนีเดือนแรม , และเธอจูบฟ้าประกายดาว กระดาษมีชีวิต การเดินทางของ “โปสการ์ดใบหนึ่ง”
๘
o
เธอ, โปสการ์ด แสตมป์และผีเสือ
กุมภาพันธ์:เรื่องสั้นเรื่องรักเรื่องที่สอง o o o o o o o o o o o o o o
หอมดอกราตรี : บทสนทนาว่าด้วยความรัก ความรักคือ ชีวานิพนธ์ แดดไสวจันทร์สว่าง จงส่องทางกันและกัน เธอต้องการดอกไม้สีอะไรในดวงใจ เมื่อคืนเธอร้องไห้อีกแล้ว.. จูบแห่งรัก ผู้หญิงมีทางเลือกมากกว่านีเหรอค่ะ... ดวงใจคุณไม่รู้หรอก ชายผู้ไม่เคยให้ความหวังใดแก่ฉันได้ นอกจากรัก ไม่มีวันพรุ่งนีที่ฉันจะรักคุณ ถ้าผมจาคนรักและเรื่องราวความรักของตนเองไม่ได้ ก็คงไม่มีใครที่จะจาอะไรได้ หญิงสาวชุดดา กุหลาบสองดอก, เธอ- เนือคู่ของผม,- วันนี เรื่องของผู้หญิงกับเรื่องของผู้ชาย อทวิภาค, รักสองเรา
จากห้องสมุดของความโศกเศร้า o o o o
พบเธอ พบความรัก ค่าคืน..., คืนจันทร์ฉาย กลางแสงเดือน
๙
o o o o o o o o o o o o
ความเปลี่ยวดาย, มนุษย์คงกลัวสิ่งนี จึงไขว่คว้าหารักกันอย่างวุ่นวาย แห่งหัวใจที่โศกเศร้า หัวใจและความฝัน ความหวั่นกลัวในใจของฉัน เรือนใจฉันถูกไฟไหม้, ชีวิต คือเวลา..วันเวลาในการเดินออกจากกัน ? ปรารถนาหัวเราะโดยนาตาที่ตกใน ฤดูกาลของเธอ หัวใจชีวิตรักของเรา อ้อมกอดที่อุ่น ไม่มีบทรักใดเท่าหัวใจที่เราตื่น จารักฉันไว้กับชีวิตเธอ
วาสนะแห่งรัก o o o o o o o o o
สัมผัสแห่งรัก กิจแห่งรัก การกระทาความรักต่อกัน ความทรงจาของความรัก ความไม่เศร้าของความรัก “ความเคยชิน” คือ รัก พืนที่ของหัวใจ ลมหายใจของความรัก เงาชีวิต เงารัก
๑๐
o o o o o o o
แนบรักอกอุ่นไว้ แนบเนืออกใจ ในพันธะ ความรัก ความศรัทธา อิสรภาพของความรัก ความงดงามแห่งรัก แสงแห่งชีวิต วาสนะแห่งรัก
ด้วยดวงตาของเธอเอง o o o o o o o o o o o o o o
คนรัก ความรัก เกือกูล ฝัน ไกล – ใกล้ ความมั่งคง ผูกพัน ศรัทธา วาสนา เราต่างสร้างการวิจัยความรัก ค้นหาตัวแปรที่ทาให้เกิดความยั่งยืน ด้วยดวงตาของเธอเอง โปรดเดินทางต่อไปเถิดที่รัก.. ขอให้มีดาวในดวงตา เรากาลังเดินทาง.. โดยสารความรู้สึก
๑๑
เธอพาชีวิตมาเยือน
... รักผลิงามนามใจนั้น แน่นอนนัก เราแย้มตระหนัก ดักรู้ใจในหวั่น …
๑๒
เธอพาชีวิตมาเยือน เฟือนฟ้าแดดลมและฝน อลวนปนเคลื่อนหอบมา เคาะประตูใจ เอ่ยคา พี่จ๋า พี่จ๋า พี่จ๋า เฟือนฝันในกมล ลมเหียรเวียนวนว่า โอ โชคชะตา น้องจ๋า น้องจ๋า ประตูดังปัง เปิดปาก เธอฉุดมือกระชาก - ปากกล้า มือตบหน้า เจ็บ สัมภาระเกลื่อนที่ทางชีวิต เล็บ ที่มืองามๆ นันพลิกเก็บ ฉันนอนพาดที่นอน
๑๓
เข้าที่เข้าทางชีวิต ปากเธอพร่าคล้ายบอกสอน หน้านิ่วโอดวอน ทาตัวเองให้ดูดีบ้าง สักพักข้าวและกับหอมกรุ่น จานชามสะอาด, เธอล้าง พร้อมวางลง นั่งเคียงข้าง อาหารชีวิต รัก ; กาลัง พลัง อานาจ ขยายขนาดจากทีละนิด กล้าเติบเต็มติด ผลิรักในการเยือน.
๑๔
ผลิรักในการเยือน กระเพื่อมๆ ดังนาในแม่นา เลื่อมงามสลวย เต็มใจแก่กันด้วย รัก รักผลิงามนามใจนัน แน่นอนนัก เราแย้มตระหนัก ดักรู้ใจในหวั่น กระซิก ริกเร้าระรวยรรร กันและกัน เยือนนันก็บานชื่น ผลิรักด้วยเพราะราก เป็นดวงใจฝากระรื่น เติมเต็มชีวาตื่น ผลิรัก ....
๑๕
หวั่นลมแดดที่ไล้รูปนา กระทบงาม นาหนัก หน่วยหนาแน่นราบแบนทัก กระทบโลมราบรื่นในคืนรัก.
๑๖
กระทบโลมราบรื่นในคืนรัก ประเทียบทกให้สะท้าน รสหวาน, หวั่นๆ อาบอุ่นหนุนเนือสองเรานัน ประชิด เอกสภาพ หนึ่งกายหนึ่งจิต สนิท ในสนาน โลกสะท้านภพสะเทือน เนิ่นนาน ประสาน รัก
๑๗
หยาดเหงื่อชีวิต แน่นหนัก แย้มยิมพริมพักตร์ กักกายกกใจ กระทบโลมราบรื่น ตื่นในรัก.
๑๘
ตื่นในรัก ฟื้นฟ้าแหวกเมฆ คว้าตะวัน หยิบฉวยพลันแสงสุรีย์กล้า พลิกแปลงแต่งตังใหม่ในนภา ประดับทารักทีแปลง โอบอุ้มเมล็ดพันธุ์ จากถันจันทร์ที่เครือแสง จัดแจง หยั่งรากฝากผืนดาดิน ฟูกฟักรักษ์นา ถนอมยามรักชีวิน ตบตอบฝนชลาสินธุ์ หยาดรักหยดย้อมมนูญ
๑๙
ผลิรัก แตกทักเทิดทูน ใจเดิมแท้มูล ตื่นฟื้นอยู่ในใจดินทอง ใบสองประคองรัก ตื่นทักแล้วในทังสอง ครรลอง ธรรมชาติประกาศรัก.
๒๐
ธรรมชาติประกาศรัก แรกร้องของทารก ทาริกา ประกาศว่า ฉันรักคุณ โลกเอ๋ยเจ้าจงหมุน สมดุลชีวา แรกแก้มแดงเรื่อฝาดหนุ่มสาว เริ่มเรื่องราวแห่งรักสิเนหา ทุกข์ สุขนาพา วันเวลาปรากฏชีวิต แรกอุ่นกอดคู่สร้างสม ชื่นชมในรักสิทธิ์ เราต่างประดิษฐ์ รัก
๒๑
ธรรมชาติ ธรรมชาติ วาดชีวี ตระหนัก พัก รู้จักธรรมชาติ ธรรมชาติประกาศรัก ตื่นทัก รู้จักสวาท จิตแนบ ปูลาด สิทธิในรักตระหนักรู้.
๒๒
สิทธิในรักตระหนักรู้ รักเรา,- เท่าชีวี ระลึกรู้วันนี ชีวิต ตน กาหนด ลิขิต ผลิรักดวงใจ เป็นสิทธิในรักตระหนักรู้ เพ่งดูภายใน ใช่อยู่กับคนอื่นไกล ละมุนละไมอยู่ในหัวใจตน สาเร็จทังหมด ปรากฏผล ยล ในดลนัน
๒๓
ตราบช่วงลมผ่านเข้าออกสองรูจมูก ปลูกวันเวลา,- ใช่บีบคัน ! สรรพสิ่ง แบ่งปัน ความเป็นจริงฝัน ปรากฏเพราะรัก เป็นสิทธิในรักตระหนักรู้ เราเป็นอยู่, หลากหลาย ทัก ชัดแจ้ง, รักคือลายแทง ฟูมฟัก สาเร็จในรัก ในตน จงยลสิทธิ์ สิทธิในรักตระหนักรู้ เพ่งดู หมายดวงจิต ชีวิต พึงกระทาด้วยความรัก.
๒๔
พึงกระทาด้วยความรัก ไม่มีรักมาจากอื่น หากเราตื่นทั่ว ไม่มีรักที่พันพัว กล้าๆ กลัวๆ ไม่เห็นทาง ไม่มีรักไหนๆ ซ้าย ขวา แต่อยู่กลาง วางรักเป็น ไม่มีรักจากที่อื่นให้เราขื่น ให้เราฝืนเคี่ยวเข็ญ มีเพียงรักอุ่นเย็น อยู่อย่างนัน อยู่อย่างนัน ไม่มีรักที่ไหนจากใคร ใกล้ไกลเห็นไม่เห็น ยาว สัน ไม่มีรักที่เราอาจดึงดัน รันถามหา
๒๕
มีที่นี่ ตรงนี่ ที่ชีวิต ทีละนิดๆ นาพา วันเวลา พาอยู่กับตน อย่าบอกว่าเรารัก ว่ารัก ลงมือทอถักให้เป็นผล อย่าค้นหา วิ่งวน สับสนจน จนใจ กระทาสิ กระทาด้วยรัก อย่าอ้างนัก จนอื่นไกล รักเราใช่ขึนอยู่กับใครๆ ทาไม ต้องผลักไสหัวใจเรา หากเราเพียงหนึ่ง ซึงรักแล้วทอทักด้วยไม่เหงา หวานนันก็นานเนา เกิดเราด้วยรักจริง พึงกระทาด้วยความรัก แล้วเจ้าจักเห็นทุกสิ่ง โน้มกอดอย่างอุ่นอิง นิ่งๆ หนึ่งนัน คือเพราะรักฯ
๒๖
จันทร์ดาว : ในดวงตาและดวงใจ
.... ไกลของกาย เหนื่อยใจรอหา ไกลกันไห้ใจล้า ใจรัก รักร้างจากไกล ....
๒๗
ร้อยรัดรักไว้กับชีวิต ร้อยรัดรักให้สนานไว้ในหัวใจชีวิต ละนิดทุกวันฝันสวย สลักรักไว้อย่าสงสัย งงงวย ประดิษฐ์ประดับแต่งใจ ร้อยรัดรักที่รักประจักษ์แจ้ง มิระแวง แหนง ขับไส ระลึกรู้อยู่ด้วยรักทุกรักไป ประโยชน์นันอยู่กับตน ร้อยรัดรักด้วยรักสลักในดวงจิต ใช่เพียงถูก - ผิด,- เหตุผล ใช่รักแสร้งรักนันให้แยบยล ฤดีเราฉุดคร่าบางนาที
๒๘
พบรักจงเฝ้าร้อยสร้อยดอกรัก อุระหนักรักวิถี พบรักเฝ้าร้อยรัดรักด้วยชีวี ขณะหนึ่ง ร้อยรัดรัก ร้อยรัดรักไว้กับชีวิตเรา ประโลมเบาเบา ตระหนัก หากเหนื่อยอ่อนผ่อนเข้าออก, รู้พัก กะจิตเห็นประเด็นรักฯ 2:48 12/6/2551
๒๙
ยิ่งคิดถึง.. ยิ่งรัก นานแล้วนะที่ให้เฝ้าคิดถึง ประหวัดซึงอย่างแรงกล้า ฝนผ่าน, ก็ไม่พบประสบหน้า คะนึงห่วงในดวงใจ เฝ้าคิดถึงคิดถึงด้วยเพราะรัก มิรู้จักทาประการใด หนาวผ่าน, ยาวนานมาอีกสมัย ก็ห่างหายคลายจากกัน เฝ้าวอนเฝ้าเว้าเฝ้าคิดถึงทุกเวลา ขณะทิวาและค่าจันทร์ ร้อนผ่าน, ครบปี- ชีวีคิดถึงทุกวัน ยิ่งคิดถึงและยิ่งรัก
๓๐
ยิ่งคิดถึงยิ่งรักในรักที่คิดถึง สวาทรึงตรึงจิตฝัก อยู่ยามเฝ้าไถ่ถามตามทายทัก ทุกอณูของหัวใจ ... แค่เพียงความคิดถึง ก็ทาให้รู้ว่ารัก ..ยิ่งไกลห่างให้ยิ่งรัก..
14:02 14/6/2551
๓๑
ดาวเคียงเดือน, ยิ้มของฟ้าค่า คือ ยิ้มของจันทร์ ยิ้มในดวงตาแห่งดาว ยิมในดวงตาแห่งดาว ยิมของจันทร์ เป็นยิมด้วยกัน ในกันและกัน- ฉันเธอ ฟ้าของจันทร์ คือฟ้าของดาว- เสมอ คู่เกลอความรัก นิรันดร์ เป็นยิมที่บอกเรื่องราวด้วยเล่า กล่าวถ้อยจากสวรรค์ เจิมฟ้าสู่ใจ - เนื่องกัน จิบใจแจ่มพลัน,- ดาวเคียงเดือน รัตติกาลจูงจันทร์และดาว จูบฟ้าเป็นเรียมเรือน รักเราก็เยือน ณ ชีวา
๓๒
ยิมของจันทร์ คมผ่องเรียวไสว เป็นยิมของใจ, บอกว่ารัตติกาลคือวารีบนเวหา เราจักล่องนาวานันด้วยกัน.. นะที่รัก ดาวในดวงตา ยิมในดวงใจ บอกว่านี่ไง คือเรา- เพิงพัก จันทร์ยิม ดาวยิม,- ตระหนัก จริงแท้ รู้จักในเรา เห็นดาวเคียงเดือน ด้วยทักและเตือน- ด้วยความงาม,- ใช่เขลา ! ชีวิตเคลื่อนไหว นันเป็นรูปเงา เพียงหนักและเบา,- คือเรากันและกัน
๓๓
ดูโน่นสิ ! คุ้งฟ้าสร้างสรรค์ รอยทาง จัดวาง แบ่งปัน บอกว่า นั่นคือ รัก ! จากฟ้าสู่ใจ จากไกลสู่ใกล้ จากใกล้สู่กัน- พร้อมพรัก ! สวรรค์ยิมทัก วักฟ้าตอบใจด้วยใจ.
2:09 11/12/2551
๓๔
เราพบว่า เราคือรักนั้น หนาวหนักหน่วงของลม แรงกดหนาแน่นของอากาศ ความรู้สึกที่ผ่องผ่านของชีวิต ทุกละออง ครุ่น,- กรุ่นไห้กับทุกจังหวะของลมชีวิต เพียงบอกว่า เหล่านี คือความเป็นที่กาลังแผ่วผ่าน แผ่วผ่าน .. แผ่วผ่าน เพื่อให้เรารู้ว่า เราคือรักนัน.
20:43 8/12/2551
๓๕
รัก .. รักนันสวยงาม หวามในหัวใจเริงร่า .. ความรัก คือวันเวลา ให้ชีวิตเป็นอยู่ .. โลกนันสวยงาม เพราะความเป็นคู่ .. ให้เราเรียนรู้ อยู่กับชีวิต .. เราทังหมด คือ รัก งดงามในความคิด .. อย่ากล่าวว่า ถูก ผิด เพียงจิตขณะหนึ่ง .. เถิด จงรัก รัก รัก รักอย่างรู้ลึกตืนซึง .. ทุกห้วงคานึง จึงรู้รัก - ฉันเธอ . 20:31 3/3/2552
๓๖
คิดถึงไหม นับนานของวารวัน เนิบเนื่องไปอย่างอ้อยสร้อย หัวใจรินรู้สึกแปลกปร่าในของช่วงนึกคิด ปนเคล้าด้วยการพยายามยิมรู้กับความงามจริงของรัก ความงามจริงของรักเรา ผสมเพื่อก่อ ฉาบทาดวงใจให้เป็นอยู่ เป็นอยู่ นึกคิด ด้วยจิตรัก เฝ้า รอ ค่าวันกันและกัน.
3:11 26/1/2552
๓๗
สองเราผู้ไม่เคยพรากจาก.. ไม่ว่าจะเกิด ณ โลกแห่งกัปป์ใด แม่หญิงแห่งข้าฯ บัดนีเราได้กลับมาจุติใหม่อีกครา ณ แดนโลกมนุษย์ สองเรามาจุติพร้อมอีกครา ข้าฯ ยินดียิ่งนัก คามั่นของชีวิตเรายั่งยืนจริงแท้ หลายกัปกัลป์แม่หญิงและข้าฯ รักกันเช่นใด สองเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราผ่านการเกิดมาด้วยกันไม่ว่าในภพใดๆ เทพธิดากวีแห่งข้าฯ เราทังสองเคลื่อนไปด้วยกัน ข้าฯ รักแม่หญิง แม่หญิงรักข้าฯ เก้าร้อยกว่าปีก่อนในโลกมนุษย์ ข้าฯ ยังจาได้มั่น เราอยู่ด้วยกันจนร่างกลบดิน
๓๘
บัดนี แม้หนทางการเป็นอยู่ดูช่างไกลแสนไกล แต่ดวงใจเราทังสองใกล้ชิดอุ่นเล้าอิ่มโลม อยู่อย่างรักนิรันดร์ ........ แม้ว่า..บางช่วงเวลา.. เราจะเจ็บร้าวในกันและกันบ้าง เทพธิดากวีแห่งข้าฯ ข้าฯ รักเจ้ายิ่งนัก แม่หญิงแห่งข้าฯ .. 21:10 8/10/2551
๓๙
หัวใจในเรือรัก หัวใจคุณ หัวใจผม ในหัวใจที่เต็มดวงเต็มใบ วันนันเรือรักเราได้พบฝันที่เต็มดวงเต็มใบ เหมือนความฝันในวันนัน วันก่อนๆ ที่เราฝันด้วยกัน เราลอยเรือรักมาเผชิญกันท่ามดาราและจันทร์ดวงงาม ค่าคืนของเรือรักใต้จันทร์ดารา หัวใจคุณ หัวใจผม
๔๐
สองใจปะทะ จนเต็มดวงเต็มใบ เด่นในดวงใจ เด่นท้าแสงจันทร์ที่เต็มดวง วันนัน วันนี เรือรักแห่งฝันเรา เต็มดวงเต็มใบ เติมเต็มในทรวงกันและกัน ผมรักคุณนะ.
17:52 9/10/2551
๔๑
นิ่งในรัก หัวใจ.. เงียบรู้ อยู่กับฝัน.. ของเรา โลกไม่เศร้าเหงา มีเราในห้วงใจ ปรารถนา .. เสียงแห่งรักเคลื่อนไหว หอมรักจากที่ไกล ในเรากันและกัน..
18:24 28/2/2552
๔๒
รอด้วยรัก เพื่อรัก, รักเธอ ฉันปรารถนา หัวใจฉันรักเธอ ฉันรู้,- หัวใจเธอก็รักฉัน ใช่ ! เรารักกัน โดยรักและเพื่อรัก เราต่างมีกันและกัน ฉันปรารถนา ฉันปรารถนา เธอ, ก็ปรารถนา ใช่ไหม ? แต่ทาไมต้องทาให้ฉันชาใจอย่างอ้างว้างที่สุด ! เธอเดินบนทางของเธอ ฉันเฝ้าแหน แลหาด้วยห่วงหวง โดยลาพัง โดยลาพัง
๔๓
ทาไม ? ไม่ทาให้ทางโดยลาพังของเรา เป็นทางเดียวกัน ทางแห่งรัก ด้วยรัก เพื่อรัก เพื่อเราทังสอง และเพื่อโลก.
22:59 5/1/2552
๔๔
ปลูกต้นรักในหัวใจ, โปรดฟังอีกครั้ง.. ผมรักคุณครับ จับจองเธอไว้ จับทังตัวและดวงใจ ผมรักคุณ, อะไรๆ ก็ไม่มีมากไปกว่ารัก อะไรๆ ก็ไม่มีมากไปกว่าเพียงคุณ หนาวกาลังพรากไปพร้อมไม้ดอกหลายๆ ดอกแห่งลมหนาว ฝนกาลังจะพรั่งพราวลงมาอีกหลายๆ ฝน ดินทังผองกาลังรอเมล็ดพันธุ์ผลิใบแรกด้วยรากที่รู้ตื่น ความชื่นบานของอีกคราครังชีวิตกาลังเหยียบย่างสู่ฤดูนัน หน้ากระท่อมในนามแห่งรัก เรากาลังช่วยกันปลูกต้นไม้ ดินเอ๋ย ตื่นฟื้นขึนมารองรับเราทังสอง- มวลเมล็ดพรรณ ลมเอ๋ย กระเซ้าล้อฝันที่วรรณไหวกระทบสัมผัสเราทังสอง- มวล พรรณเมล็ด
๔๕
นาเอ๋ย ซับอยู่ด้วยรักกับฉันและเธอ- มวลพันธุ์แห่งโลก แดดเอ๋ย พยับวาบในทาบทับและแผดระริกปรุงใบรักนันมวลพรรณแห่งเมล็ดพันธุ์ หมู่แมลงและสัตว์ผู้ให้ขีดิน เถิดนะ- รักอยู่กับเรา ทังหมดมิใช่การแย่งครอง แท้คือ การเป็นอยู่ร่วม,ผมรักคุณ.
18-2-2552
๔๖
รักแรกและรักครั้งสุดท้าย ผมไม่อาจล่วงรู้ถึงรักแรกของคุณ สาหรับรักแรกของผม, เดินหายไปจากความเป็นจริง ที่ประจักษ์ในครังนันไปนานแล้ว... นานนับสองทศวรรษ.., อยากรู้นัก- รักแรกคุณเป็นอย่างไร ผมใคร่อยากไถ่ถาม.., คุณครับ ผมคิดถึงคุณมาก คิดถึงที่เพียงได้คิดถึง คานึงอยู่อย่างนัน.. หัวใจผมเดินทางตามหาคุณอยู่ทุกขณะที่ราลึก เพราะอะไรเล่า เพราะหัวใจผมอยู่ที่คุณ หัวใจผมอยู่ที่คุณ- ในใจผมเอง ครับ, เราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ารักครังสุดท้าย อยู่ ณ ที่ใด
๔๗
เราไม่อาจพยากรณ์ แต่เราต่างหวังปรารถนา ให้รักเรานัน.. ครังนี คือครังที่สุด ที่สุดของหัวใจ, ผมเคยคุยกับคุณรักแรกและรักครังสุดท้าย ต่างกันตรงไหน .... ผมอยากอยู่ใกล้คุณนะครับ ไม่อาจบอกได้ว่า เป็นรักครังสุดท้าย แต่บอกได้อย่างเต็มหัวใจว่ารักคุณอย่างมากที่สุด รักครับ. 20:43 9/2/2552
๔๘
แรมเดือน, ดาวรุ่งที่คุ้งฟ้า- ผมคิดถึงเธอ อยู่กับผมนะที่รัก- อยู่เป็นขวัญในฝันกันและกัน อยู่กับคืนวันที่เป็นจริงแห่งเรา ไม่นาน,- การอยู่ร่วมแห่งเราจักได้อวลงามในความจริง บ้านเรา คือ รักที่แท้ แท้จริงอยู่ในดวงใจตน- กันและกัน ณ ที่ซึ่งโค้งฟ้าแห่งรัก เราสองคนงามอยู่โดยรักและรัก ทังหมดแจ่มและแวมทักในวักเวี่ยให้ตื่น แปมที่แต้มฟ้านั่น ดูสิ มีเรามีรัก แจ่มที่แวมฟ้านั่น ดูสิ มีรักมีเรา ศศิธรฉายหวานครึ่งดวง- คืนนี เพื่อบอกเราว่า อีกไม่กี่แรม ปักษ์แห่งรักค่อยๆ เปล่งแก้ม แย้มใจเราให้เต็มเปี่ยม
๔๙
ดาวที่รุ่งอยู่คุ้งฟ้านั่น วอมแสงให้เราคิดถึงกันและกัน แหงนมองสิที่รักเจ้าขนตางอน เจ้าอย่าออนซอนหัวใจนัก รักผมสิ รักผม.
22:54 3/3/2552
๕๐
ไม่มีคาลาจากเมฆก้อนนั้น ฝนสาดซัดเม็ดนาร่วงลงมาหมดแล้ว ลมจากทิศใต้เปลี่ยนทิศทางใหม่ล่วงเข้าสู่อีกฝั่งทะเล ความคิดถึงที่พลัดตกอยู่ ณ ห้วงเหวอันแรมใจ นอนซบร่าง เดียวดาย ....... จันทร์คืนนีแรมแสง กระไอลมร้อนเริ่มระอุเรียงริวเข้ามา ใต้ต้นไม้ที่รอรัก ร่องรอยความคิดถึงจากเมฆก้อนนัน ยังฝังรอยอยู่ตรงนัน คิดถึงพี่บ้าง..
18:36 23/3/2552
๕๑
ขอบคุณหัวใจที่ปราณีรักผม จะไม่ลืมบุญคุณที่คุณคิดถึงและเฝ้ารักผม จะไม่ลืมยิมแก้มสวยที่คุณยิมให้ จะไม่ลืมตางามที่คุณมองมาสบตาด้วยเสน่ห์ซึงละมุน จะไม่ลืมทุกถ้อยคาที่คุณกลั่นกล่าวด้วยปากและหัวใจ จะไม่ลืมทุกอายตนะที่รับสัมผัสจากคุณ จะไม่ลืมว่ายังมีคุณอยู่เคียงคู่กับผมบนประเทศของโลกนี และอีกประเทศของโลกหน้า ผมจะไม่ลืม ขอบคุณหัวใจที่ปราณีรักผม.
19:23/ 8-11-2551
๕๒
รู้ วันที่เธออยู่กับฉัน เธอร้องไห้ อย่างที่ฉันเชื่อ ฉันเห็นนาตาเธอ เห็นใบหน้าที่โศกเศร้านัน เท่าๆ กับที่ฉันได้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมยิม ดวงใจที่เข้มแข็งของเธอ, ฉันมองเธอเต็มตาอีกครัง เห็นทุกอย่างที่เธอเป็นทังหมด เธอยิมอย่างไร หัวเราะอย่างไร ร้องไห้อย่างไร.. ฉันรู้ว่ารักเธอแค่ไหนและอย่างไร แม้ในวันที่เธอจากฉันไป ฉันเชื่อว่าเธอยังรักฉัน. 2:45 9/10/2551
๕๓
รื่นจ๋า.. กลับมากระท่อมรักเรา เพียงฝนพรา ราบารักฝากชื่น เพียงลมตื่นฟื้นอุ่นกรุ่นลมฝน เพียงกระทบเพราะสาดซัดราบัดตน เพียงระคนครุ่นเคล้ายะเย้าใจ กลับมาเถิดที่รัก กลับมาถักรักนันให้หวั่นไหว กลับมาให้อุ่นตักอุ่นใกล้ใกล้ กลับมา- อย่าเบี่ยงบ่าย- ย้ายเป็นอื่น ด้วยรักแห่งรัก ด้วยรักจักไม่ขมขื่น ด้วยรักในรู้ตื่น ด้วยรักชื่น.. เราสองคน เรา คือทังหมดของโลก เรา รักเราโศก- โลกสับสน เรา รักเราชื่น- โลกตื่นกมล โลกรักสองคน คือคนแห่งรัก. 9:13 28/10/2551
๕๔
ภาพประโลม ' ตราทับอยู่ในชีวิต.. คือวงแหวนแห่งความนึกคิดนัน ' วาบภาพแห่งความทรงจา เคลื่อนนาเป็นวิถีทาง วาดฉายสลับจับกลาง อยู่ในระหว่างห้วงโคจร เพรียกผ่าน วนเฝ้าเพรียกผ่าน เนิ่นนานกับภาพในก่อน ให้สุขเศร้าและร้าวรอน บางครังอ่อน บางครังหนักเอาการ ที่สุดของการเกือบแตกดับ เกิดทับซ้อนของภาพหวาน ให้อิ่มอุ่นละมุนนาน มาช่วยคานช่วยบรรเทา
๕๕
จึงมีเพียงภาพประโลม คอยเป็นโจมให้คลายเหงา ให้ได้รู้ราลึกว่ามีเรา แม้เพียงเงา หัวใจก็เยาว์วัย หัวใจของฉันฉ่าชืนขึน ดังนาค้างในป่าไส หยาดซับร้อนที่บ่อนไช ให้ต้นไม้คลายตะวัน วงแหวนภาพประโลม จึงดุจโคมไฟสวรรค์ คอยส่องใจในราพัน ให้หวานชื่นในขื่นทรวง ' ความหลังที่เศร้าและขื่นขม ทาให้เจ็บปวด และยังคงความเจ็บปวดอยู่สมอ .. เป็นความเจ็บปวดที่หวานชื่นเสียเหลือเกิน.. ' 23:5 9/8/2551
๕๖
ในดาว ใบไม้ร่วงใต้เงาดวงดาว ปลิดราววาบวาวดวงใจ หวิวแวบแปลบปลาบใน นาตาใส คึงหน่วยในดวงตา ใช่ ! ฟ้าไม่ได้มีแยกเป็นสอง สรรพสิ่งเพียงครรลองในรู้สา เป็นเหตุเป็นไปเนิ่นมา กับวันเวลาที่ผ่านเลย ดาวยังคงเกลื่อนกลาดฟากฟ้า ค่าคืนย่อมรู้ตื่นในเฉลย สรรพสิ่งใช่เงียบยินในเฉยเมย ความคุ้นเคยลาพังยังแผ่วยิน
๕๗
ปลอบดาวเถอะจันทราที่รัก ให้ดาววักหัวใจขึนดื่มกิน ให้ดาวรู้สึกรู้สาในชาชิน ให้ดาวรินรักในถวิลทุกนิทรา ปลอบดาวเถอะจันทราที่รัก ประโลมดาวในอุ่นตักรักอุ่น ประโลมดาวแสงเศร้าให้เคล้ากรุ่น ประโลมดาวในราตรีให้ตื่นรับอรุณเบิกบานฯ
03.56 12/4/2551
๕๘
เพียงจันทร์ ๑. เพ็งจันทร์, พระจันทร์เจ้าสุกสกาว ณ ราตรีสว่างฟ้า นวลดวงอย่างผุดผ่องแสงออมจ้า ประดับแล้วโลกสวรรค์ ๒. อวลนวลลงทาบโลกด้วยนวลแสง กะแสดงแจงชีวัน เพ็ญแล้วเอือโลกนีให้หฤหรรษ์ มิใช่ว่าจะพาที ๓. เป็นเพียงจันทร์กระจ่างฟ้ารัตติกาล เป็นอยู่นันด้วยแสงสี เสียวหนึ่งซึงซึง อวบกลมอิ่มมี ประดับไว้ให้ชวนชม ๔. เป็นเพียงจันทร์หายจากฟ้าในทิวา คะเคลื่อนคราในโพยม อีกค่าคืน ผ่านมาเยือนให้สุขสม ก็ละดวงเป็นเสียวแรม ๕. เพียงคืนผ่านลาลับเป็นเดือนดับ จากฟ้าขับให้ดาวแปม เป็นเพียงจันทร์ขวัญฟ้าอร่ามแซม ให้ยินดีในคืนเรือง
๕๙
๖. เพ็ญจันทร์, เดือนดับ ไปมาสลับ กลายกลับอยู่กับเมือง เป็นอยู่อย่างนีใช่สินสูญเปลือง คือจันทร์บนฟ้าราตรี ๗. ใช่จันทร์กลับกลอก ไปมา หลอกหลอก เพียงบอกคืนวันหันหนี บอกเล่ามนุษย์สวรรค์ เช่นนันชีวี ละผ่าน - นานพ้น - เฝ้าคอย ๘. เดือนดับไม่นานกลับเพ็งเปล่งแสง จัดแจง จัดวาง ใช้สอย จันทร์ดับ เพียงดับใช่ลับ สลับรอย ให้ตื่น ให้รู้ ณ กาล ๙. เดือนเต็ม ใช่เต็มจริงแท้แน่นัย ณ ดวงไสวเนิ่นนาน เพียงเต็ม เพียงพร่องล่องฟ้าบอกขาน สว่าง, ลับ กลับนัน.. เพียงจันทร์ฯ
06:49 6/6/2551
๖๐
บินสู่ฟ้า : การเดินทางของนางสาวไปรษณีย์
ห้วงเดือนในราวดาว - เป็นไป โดยใด หรือโดยพราวโดยดาวเดือน
๖๑
นกไกล มีปีกที่หัวใจ มีตีนที่หัวใจ มีใจ ที่ ใ จ โลกหมุนรอบตัวเอง เหวี่ยงตัวฉันไปสู่ ไปสู่.. ฉันหมุนรอบตัวเอง หนทางในอากาศ ดังหนทางในใจ ไกลๆ ใกล้ๆ นกไกล.. ตัวฉัน ฝากลมที่ผ่านปะทะไปนัน ไปถึงข้างหลัง ถึงเธอ, นกไกล ใจฉัน ยังมีเธอ.
๖๒
ลมที่ผ่านไป เหมือนว่า, ลมนันจะอยู่ไกล.. แสนไกล ปะทะอยู่รอบนอก ปะทะอยู่ข้างใน ปะทะผ่านเลยไป .. หรือยังคงอยู่, ลมที่ผ่านมากับลมที่ผ่านไป เป็นลมเดียวกันไหม ? สายลม - ดวงใจ ข้างใน ข้างนอก ลมบอกเล่าใดแก่ฉันบ้าง . . หรือเพียงว้าง.. ร้างไกล โดยไม่มีแม้เพียง- สักคาอาลา ลมเอย.. ทาไมเจ้าไม่บอกเล่าใดๆ แก่ฉันบ้าง ลมเล่าอ้างอันใดเพื่อใจตน. . .
๖๓
เมฆในแดดร้อน เมฆ เมฆ เมฆ.. เมฆจ๋า เธอร้อนไหม ในแดดร้อน เมฆจ๋า เธอมีกี่ก้อน- หัวใจ เมฆจ๋า เธอร้อนไหม- เมฆจ๋า เธอร้อนไหม หัวใจเธอ, เมฆจ๋า ท่ามแดดร้อน, เธอเศร้าไหม - หัวใจฉันละเมอ เมฆจ๋า เธอเจอฉันไหม - หัวใจฉันละเมอยิ่งละเมอ อบอุ่นไหมตัวเธอ- เธอเป็นเมฆนา น่ากลัวไหมตัวเธอ- เธอเป็นเมฆมืด สวยงามใช่ไหม- เธอเป็นเมฆสวย หมอกปุย เวี่ยร่าย, ทะมึนหมายดามืดใด . .
๖๔
เมฆ เมฆ เมฆ.. เมฆจ๋า เธอ.. คิดถึงใครบ้างไหม เมฆจ๋า เธอช่างไกล เมฆจ๋า ใจเธอ ใจฉัน ใจของใครไกลกว่า แดดร้อนทาให้เธอได้โอบอุ้มนาไว้ใช่ไหม เธอจะไปตกเป็นฝน ณ หนแห่งใด หัวใจฉันเป็นดังฝนตกในเมฆของแดดร้อน.
๖๕
ฟ้า.. ของใคร ? ใดเล่า, ฉันยิมร้าวหาคาตอบ จากขอบฟ้าโน้น, .. นั่งจิบร้าวเฝ้าปลอบโยน กระโจนใจไปสู่คุ้งฟ้า - ฟ้าจ๋า ฟ้าจ๋า มีใครไหมที่จักรู้ว่า ฟ้าของใคร - - ลันลา ฟ้าของใคร - - คล้ายนิ่งลากับเป็นไป เมฆเป็นของฟ้าไหม ? แดดใสของฟ้านั่นละ - จากที่ไกล ลมนั่นละที่วู่ไหว หรือใครเป็นเจ้าของฟ้า หรือฟ้าเป็นของรุ้ง ? ใครกันนะที่บอกว่าแพรุ้งนั่นที่โค้งฟ้า, - เธอลันลา - ลันลา เจ็ดสีงามตา- วันเวลาในใจ
๖๖
หรือฟ้าเป็นของนก ? ที่โผผกไปไว - ไว อิ่มฝันแล้วบินจากไกล จากไกล จากไกล ไปสู่ฟ้า.. ฟ้าจะเป็นของฉันไหม ? มาอยู่ในใจฉันนะ มา - มา มาวาดรุ้งไว้ในใจ- วันเวลา มาจากฟ้าสู่ใจ.. ใจฉัน ..
๖๗
คากล่าวในระหว่าง.. มีบางคาของบางใจ บ่งบอกไว้ว่า - ในเวลา ในเวลา ระหว่างเรา, ที่เงียบหายนัน- ฉันกาลังยุ่ง วุ่นกับฝันที่ปรารถนาเนา และฉันเฝ้าปลูกดอกไม้ที่ปลายเหงา - ปลูกดอกไม้ไว้ที่ดวงใจ, ไม่มีใครรู้ถึงดอกไม้ ใช่, เธอไม่รู้ ดอกไม้ฉัน- ภายใน กาลังงอกงามสวยใส คือสิ่งนัน,- ฉันปรารถนา ฉันกาลังปลูกดอกไม้กลางดวงใจ เป็นดอกไม้จากที่ไกล ฉันแสวงหา เป็นหนึ่งรักวักไว้ด้วยวันเวลา ดอกไม้จักนาพาฉันไป,
๖๘
นันคือ คากล่าวในระหว่าง และอีกหลายประโยคเธอเผยวางไว้ให้คิดไข สุดท้าย ไม่มีอะไร - อะไร เธอ.. บินไปสู่ฟ้า . . รัก รัก.
๖๙
อุ่นไอรักที่เคยอุ่น จากไกล ใจฝันผะผ่าว ร้าวลิดรอน อุ่นตักรักหนุนนอน กลับหาย จากไกล ใจแทบพังมลาย เกิดเป็น ดับตาย- ไห้ดวงใจ .. คลับคล้ายคลับคลาว่านันคือความเป็นจริง- เพียงสิ่งหนึ่งๆ อวดตัวในฉุดไว้ให้เจ็บซึง คลอคลึงอึงว้างระหว่างนัย .. เสมือนดังรักในอุ่นตักรักที่เฝ้าอุ่น สลับไว้ในว้าวุ่นเฝ้าหนุนตัก สลักรอยร้าวนัน- เป็นรอยร้าวแห่งรัก ฝากไว้ให้อุ่นตัก- รักที่เคยอุ่น !
หัวใจใด.. บิน.. บินไป
๗๐
เวี่ยว่ายฟ้าไปแล้วนั่น, บินไปกับหัวใจใด มีดวงใจใคร- ให้เธอคิดถึงบ้าง ความงาม ความรัก- ในระหว่าง เบา - เบา หรือหนักบาง- ระหว่างใด ระหว่างวัน ระหว่างฝัน ระหว่างดวงจันทร์หวั่นไหว ระหว่างบางงีบเศร้า- ภายใน ระหว่าง- ใครบางคน หรือว่า,- ไม่มีอะไรในระหว่าง ในยกย่างของระหว่างดล ในยกย่างของวันวานที่หว่านผล ในใครบางคน.. ในระหว่าง .. ... .... ในระหว่าง.
คืนนีเดือนแรม, และเธอ-
๗๑
แรมเดือน เป็นเดือนแรม ฟ้าเรียบๆ ไหวๆ - นั่น,- ลูกดาว เศร้าแปมฟ้า ลูกดาวแวมแปมฟ้าในคืนแรม- ในลา ปวดร้าวจากใจสู่ฟ้า จากลาสู่ไกล .. ดูสิ , ลูกดาวที่วิบแสง โดยแสดง- หวั่นไหว - หวั่นไหว โดยแสดง- แรงรัก ณ ใจ โดยแสดงแสงใด- โดยดาว .. และเธอ,- และเธอ โดยเสมอ,- - โดยเรื่องราว ติดในฟ้า ติดในใจ- วิบวาว และฉัน,- โดยปวดร้าว ราวใด .. และเธอ,- และเธอ และฉันพบเจอ- เสมอเยื่อใย ห้วงเดือนในราวดาว- เป็นไป โดยใด หรือโดยพราวโดยดาวเดือน ..
๗๒
ดูนั่น, ฟ้า,- เรามองทางหน้าต่าง จากห้วงห่างที่ลางเลือน จากฟ้าสู่ใจ- ใจเราเติบเตือน . หรือลูกดาวเคลื่อนสู่หนใด,- คืนนี . ลูกดาวเคลื่อนสู่หนใด,- คืนนี ลูกดาวจักร้าวเคลื่อนสู่หนใด,- ในคืนนี . . ในคืนนี - ในคืนนี . . ในคืนนี. 25/3/2552
๗๓
จูบฟ้าประกายดาว มานั่งนับดาวกลางหาวคนเดียว แสงดาววิบเรียวเกี่ยวใจสู่ฟ้า เคล้าใจเงียบฝันกับสวรรค์คีตา ทังหมดนันบอกว่า.. พักเถิดชีวิต เพื่อตื่นผลิชีวา นิทราเถิดชีวิต เพื่อตื่นผลิชีวา ดาวกระพริบลิบลิบบนนภา เป็นใจของฟ้า เป็นข้าของใจ ดวงดาวแสนไกล ใจนันไกลกว่า มองดาว นับดาว เก็บชีวิตเรื่องราว ความจริง สุขและเศร้า บอกดาว บอกใจ บอกความเป็นไป แสงดาวกระพริบไกลๆ แสงใจกระพริบบอกตนเอง
๗๔
ฟ้าจ๋า ดาวจ๋า ใจจ๋า สรวงสวรรค์แห่งดวงตา ฉันขอจูบฟ้าประกายดาว ดาวกระพริบลิบลิบบนนภา เป็นใจของฟ้า ให้ค่าแก่ใจ ดวงดาวแสนไกล ใจนันไกลกว่า จูบฟ้าประกายดาว.
๗๕
กระดาษมีชีวิต เราให้ความฝันนันมีชีวิตไปกับการเดินทางของภาพและคา สี่คูณหก,- รูปร่างเธองามอย่างสมส่วน ผมหลงรักเธอมานานกว่าสองทศวรรษ ผมให้ชีวิตเธอ เธอให้ชีวิตผม เราต่างให้ชีวิตแก่กันและกัน จากชีวิตสู่ชีวิต ผมกาหนดให้เธอเดินทางเพื่อไปสู่อีกชีวิต เพื่อความมีชีวิตอย่างมีชีวา เราไม่เคยพรากจากกัน ไม่เคยพรากจากกันในทรงจาอันหอมหวนนัน ผมรักกลิ่นกายเธอ กลิ่นกายเธอในขณะที่อยู่กับผม และกลิ่นกายเธอจากการเดินทาง ฟังสิ, เธอเฝ้าเรียกร้องผมอยู่ในรู้สึกของห้วงหวังและฝันนัน เสียงแห่งเธอวอนเว้าอย่างกระซิกยิ่ง ระอุในหัวใจอย่างตื่นฟัง ! ผมรัก,
๗๖
ผมสัมผัสเธอ ! รับรู้กาย รับรู้กลิ่นและรส รับรู้เสียง รับรู้ทุกความรู้สึกนึกคิดที่เธอมีให้ ผมรัก ! ผมรัก ! ผมรักเธอด้วยชีวิต.
21:16 3/2/2552
๗๗
การเดินทางของ “โปสการ์ดใบหนึ่ง” คือเธอ,- กระดาษใบน้อย ล่องลอยเดินทาง เป็นกระดาษใบบางบาง ใช่ต่างจากใจ เป็นภาพ เป็นคา เป็นไป สู่ใครอีกคน เป็นหนึ่งของเหตุและผล เยี่ยมยลชีวา ฝากผ่าน เดินทาง นันมา คือตาแห่งดวงดาว ถ้อยคาและภาพเต้นพราว วับวาวกวี เป็นคาเป็นภาพ วิถี ความดี ความงาม คือเธอ,- ผู้ทา ผู้ตาม คาถามชีวิต คือเธอ,- ผู้แผ่ดวงจิต ผู้คิด เดินทาง ! 20:29 3/2/2552
จากใจเฝ้าคอย อักษรว่าวาง บอกเล่าจากใน แต่ใช่เป็นกล ประสบพบว่า เห็นเป็นเรื่องราว ยิมโดยวิธี ผู้ให้นิยาม ผู้นฤมิต
๗๘
เธอ, โปสการ์ด แสตมป์และผีเสื้อ ประทับวงกลม เป็นวงหมาย บอกเลขวันที่เดือนปีไว้ และต้นทาง ขนส่งจากหัวใจ- ในระหว่าง ของหยิบวาง - จัดวาง ระหว่างใจ นั่นคือ,- ระหว่างของจริง - ฝัน กับบางวันบ่งบอกนัย บอกความเป็นไป เป็นความเคลื่อนไหว- ชีวิต, เพียงกระดาษภาพแบบบาง เสมือนบอกเล่าอ้าง- ลิขิต ตื่นฝันในค่าวัน แจ่มจิต น้อยนิดก็คือ ชีวัน, - - ตราประทับ - โปสการ์ด แต้มด้วยแปะตรงมุมเหลี่ยม อร่ามเรี่ยมดังฉายจันทร์ ประจุค่าสมมตินัน เบิกแล้วมรคา- เดินทาง, - - แสตมป์
๗๙
เดินทางโดยโบยบิน ไม่ต่างอินทรีย์ ท่ามนภางค์ อิสระความจริง, ไม่ต่าง ทุกอย่าง,- เสรี เป็นเสรี สิทธิที่จักรัก โดยพร้อมวัก ตื่นพร้อม- ดนตรี สวยสดงดงาม เป็นศรี ว่านี,่ - คือความงามและความจริง, - - ผีเสือ - ทุกอย่าง,- คือหอมหวานของดอกไม้ แต่งแต้มไว้โดยทุกสิ่ง อุ่นนัน เพราะแนบอิง เงียบนิ่งก็รู้ค่า.. โอ้ ความงาม, - - รักเธอฯ
19:18 27/4/2552
๘๐
กุมภาพันธ์ : เรื่องสั้นเรื่องรักเรื่องที่สอง
ความธรรมดา คือ ธรรม ความหลากหลาย คือ ธรรม และธรรมนั่นแหล่ะ คือ รัก เพราะรัก คือธรรมที่ดารงอยู่แล้วอย่างนั้น
๘๑
หอมดอกราตรี : บทสนทนาว่าด้วยความรัก ๑. "พูดขึนมาแล้ว ทาให้คิดถึงความหลังนะ" "ใช่สิ- มันทาให้เราได้หวนระลึกถึงเสมอล่ะก้อมันน่าคิดถึงนะซี่" "อืม.. หอมจริงๆ นะ เจ้าดอกวาสนาราตรีนี่- นี่บรรยากาศอย่างนีถ้าได้นั่งคุยกับสาว สุขบรมเลยล่ะ..." "ใช่สิ- แต่เรามันก้อได้แค่นึกฝันนั่นแหล่ะ..." "ก้อ.. ดีกว่าไม่มีความฝันไม่ใช่รึ-" "ใช่สิ-" ๒. ใต้ต้นหูกวางบนเนินใกล้ย่านตลาด ในทุกค่าคืนมีแสงไฟ ดวงน้อยคอยส่องแสงสว่างให้แก่หนุ่มสาว เด็กหนุ่มกับเด็กสาวรุ่นสิบห้ากาลฝนย่างเข้าสู่กาลฝนที่สิบหก นั่ง คุยกันอย่างรื่นรมย์ และอย่างน่าอิจฉา จากไอ้หนุ่มรุ่นพี่ 2 - 3 คนที่อยู่บ้านใกล้ๆ
๘๒
"ไอ้สองคนนี มันจะคุยอะไรกันนักหนาฮึ ทุกคืนซีน่า.." พี่สาวเดินผ่านมากับเสียงบ่น หนุ่มใหญ่ผัวของแกยิมให้อย่างรู้ใจ กัน คู่รักใหม่ยิมให้ด้วยรอยเขินอาย "ก้อคุยกันไปเรื่อยๆ แหละพี่ ยังไม่ง่วงน่ะ" เด็กหนุ่มกล่าว กับพี่สาว ฝ่ายหญิงเอียงหน้าหลบสายตา เสไปหยิบแก้วนาดื่ม ลมพัดเข้ามาใต้ร่มหูกวางถ่ายเทอากาศให้อย่างเหมือนรู้เห็น เป็นใจด้วย ใบแห้งของมันปลิดขัวใบทิงร่วงลงบนแคร่ไม้ไผ่อย่าง แผ่วเบา กลิ่นหอมจากดอกมะนาวโชยผ่านเข้ามารื่นๆ "สงสัยปีนีมะนาวจะดกเน๊อะ-" เด็กหนุ่มพูดถึงต้นมะนาวที่ ปลูกอยู่ใกล้กับต้นหูกวางและต้นมะม่วง "พี่เดือน..." "ฮื่อ..." "........ ...."
๘๓
๓. "นึกขึนมาทีไร ใจมันรู้สึกหวิวๆ ยังไงไม่รู้.. มันอยากจะกลับไปเป็นอย่างนันอีกน่ะ--" "ก้อใช่สิ- ป่านนีแต่งงานได้ลูกไปแล้วมั๊ง- " "ได้ข่าวว่าได้ลูกคนหนึง่ แล้ว- " ภิกษุวัยหนุ่มกาลังลาไกลเอ่ยบอก "ไอ้เรามันก้อแค่ได้คิดถึงแหล่ะนะ- " ภิกษุผู้อ่อนอาวุโสกว่ากล่าวยิมๆ "คุณว่า ความรักคืออะไร- ในความเห็นในความรู้สึกของคุณ- " "ความรักมันก้อ.. ก้อคือการได้มีความสุขกับคู่รักไง- " "คุณได้อ่าน 'ด้วยรักแห่งอุดมการณ์' ของวัฒน์รึยัง.." "ยังไม่ได้อ่าน" "มีอยู่ประโยคหนึง่ นะว่า'ความรักคือการเห็นแก่ตัวเท่านันหรือ..' มันเป็นความคิดความรู้สึกเชิงตรวจสอบของผู้หญิงในเรื่องน่ะ" "ผมอาจจะว่า มันเห็นแก่ตัวก้อได้ ถ้าคนนันรักอย่างที่จะเอาฝ่ายเดียว.."
๘๔
"แล้วความรักกับความใคร่ล่ะ คุณคิดเห็นอย่างไร- " "มันคนละอย่างกันบางคนเกิดความใคร่ก่อนที่จะมีความรู้สึกรัก อย่างที่พอเห็นผู้หญิงหรือผู้ชายเข้าก้อเกิดชอบขึนมาก่อน นี่ มันรับรู้ทางอายตนะแล้วเกิดใคร่พอใจในรูปนัน ต่อจากนันอาจรู้สึกรักขึนมา- " "ผมว่ามันอาจเป็นคนละอย่างกันก้อจริง แต่มันก้อเกิดอาศัยกันอย่างที่คุณว่า.. แล้วมันเป็นเพียงแค่ความ เพ้อฝันหรืออุดมคติของชีวิตฮึ ในความเห็นคุณ- " "มันอาจเป็นความเพ้อฝันสาหรับบางคน และเป็นอุดมคติที่บางคนยึดถือจนถึงกับบูชาความรัก" "คุณกลัวที่จะไม่มีความรักอีกครังมั๊ย ?" "ผมไม่กลัว เพราะผมมีความรักอยู่ตลอด" "คุณไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวเลย ?" "ใช่ - ผมไม่เคยรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเลย -- นี่ดูสิ มันยิ่งหอมนะ ยิ่งดึกยิ่งหอมจริงๆ .." "ปีหนึ่งมันน่าจะออกดอกหลายครังนะ จะได้นั่งชื่นชมมากหน่อย.. นี่ดอกกาหลงก้อพราวดอกขาว เป็นเต็มต้นเลย ปีนีออกดอกมากกว่าปีก่อนๆ ด้วย-"
๘๕
"ชื่อดีนะ- กาหลง" "กาหลงออกดอกมากอย่างงี น่าจะมีสาวหลงบ้างนะ ฮะๆ.." "ไม่เอาหรอก สาวหลง" "ไม่ใช่ ..คือว่าสาวที่เราเคยรักน่ะ น่าจะหลงแวะหรือผ่านมาบ้าง.." "อย่างนันมันก้อดีนะซี ก้อมันมีหรือเปล่าล่ะ - " "มี แต่ไม่มีว่ะ - " "คุณไม่กลัวความเปล่าเปลี่ยวเหรอะ.." "ไม่- " "กฤษณะมูรติ กล่าวไว้ว่า'หากที่ใดมีความกลัว ที่นั่นย่อมปราศจากรัก ถ้าเธอรู้จักรัก เธอก้อจะไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป’ .." "ใช่สิ คนเรามีความกลัวมากไป.. คุณกลัวความเปล่าเปลี่ยวเหรอะ- " "บางครังนะ.. มันก้อแค่ความรู้สึกน่ะ- ใช่มั๊ย?" "อาจใช่.. คนเราที่รักกันก้อต้องมีความสัมพันธ์กันบ้างสิ -ไม่น่าปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวเลยนะ- น่าสงสาร ฮึๆ.." "ความรักเป็นพืนฐานของความต้องการ และความรักก้อเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการงดงาม..
๘๖
กวีวิสา คัญทัพ เขียนไว้ใน- 'แด่ความรักอันงดงาม' อย่างนัน.. เขาว่าถ้ามันเกิดพร้อมๆ กันทังสองฝ่าย มันก้อเหมือนนกนางนวลที่บินทะยานจากฟากฟ้า ลงมาโฉบเหยื่อกลางทะเล.. เพราะมั๊ย ?- " "เพราะดี.. แล้วความรักของคุณครังนันล่ะ.." "มันก้อเป็นความต้องการของวัยรุ่นคนหนึง่ แหล่ะนะ จะว่ามันทาให้เกิดความงดงามนันก้อใช่ เพราะเราต้องการให้เป็นอย่างนัน.. แต่มันก้อเป็นความงดงามที่ เกิดขึนดารงอยู่จริง ๆ ครานันเท่านัน.. สาหรับเรา.." "เป็นยังไง ?" "เธอจากไปกับสายฝน- เพราะในคืนฝนตกนั่นเองที่เราจากกัน และเธอคือภาพฝันสุดท้ายของวัยหนุ่มลาไกล.." "บ๊ะ ! อะไรจะเหมือนกะนิยายอย่างน้าน.." "ก้อน่านนะสิ ..แต่มันเป็นอย่างนันจริงๆ" "งัน- ตอนนีก้อโดดเดี่ยวล่ะซิ-" "อย่างนัน.."
๘๗
๔. อีกหลายวันต่อมา... "ดอกวาสนาราตรีมันจะร่วงเกือบหมดแล้วนะ.. น่าเสียดาย น่าจะออกดอกหอมอยู่ซักปีครึ่งปี.." ภิกษุอ่อนอาวุโสเอ่ยขึน "เช่นนันเอง มีเกิดขึน ตังอยู่แล้วดับไป" ภิกษุผู้มีวัยหนุ่มกาลังลาไกลปลง "คงเหมือนความรักของผู้หญิง สาวที่รักของคุณเลยนะ.. ฮึๆ" "......... ตอนนีผมมีความรักใหม่แล้ว.." "เหรอ- " "ใช่ รักอย่างที่ไม่ต้องรัก"
14/2/2539
๘๘
ความรักคือ ชีวานิพนธ์ ในห้องหับที่รกเรือและสกปรก ใต้ห้องนั่นและรอบๆ ข้างงามธรรมชาติแดด ลม แมกไม้และสรรพสัตว์ ชายกลางคนนั่งๆ นอนๆ อยู่กับกองหนังสือและของเล่น ณ เบืองหน้าหนังสือ คอมพิวเตอร์ ภาพและคา, เขานั่งรืออ่านหนังสือ ทาโปสการ์ด เขียนเรื่องโน้นเรื่องนี วันและค่าคืนผ่านอย่างนิ่งเนือย- นิ่งเนือยและครุ่นในคนรัก - หญิงสาวของเขาเงียบอย่างที่เป็น เขาไม่หาญกล้าที่จะรบเร้าใดๆ แม้ปรารถนาในใคร่กระซิกเย้าล้อหยอกเอินเช่นในก่อน,หญิงสาวของเขานิ่ง เขาจึงนิ่ง- เฝ้ามองความคิดฝันของเธอ ... ทังสองผ่านชีวิตมาจนรู้ชีวิต ทุกข์สุข พบในพรากพร้อมๆ ที่พรากในพบ ต่างคนจึงคอยเฝ้าดูแลดวงใจตนเองด้วยตัวตนที่มี..
๘๙
เขาครุ่นอยู่ในทุกอิริยาบถชีวิตเพื่อหา "การเป็นอยู่ได้" ราลึกถึงความเป็นจริงนันที่ผ่าน ขบในความเป็นจริงๆ ให้แตกรู้ "การเป็นอยู่ได้" ใช่ ! นี่คือชีวาที่แท้ .... นกให้เสียงอยู่รอบข้างขานเข้ามาในการรับรู้ รอบข้างในห้องหับรกอยู่อย่างที่เห็น แดดและลมกุมภาพันธ์ อุ่นและร้อนอยู่ในรับสัมผัส วันนีเขาลุกจากที่นอนในช่วงบ่าย ลงไปใต้ร่มไม้ในครุ่นคิด - หญิง สาวอยู่ไหนนะ เสาร์ อาทิตย์เธอมักเดินทาง - หยิบสายยางเปิดก๊อกนาล้างหน้าอย่างเกียจคร้าน สัมผัสนา มองสัมผัสต้นไม้ แดด วาดใจรับลมแห่งกุมภาพันธ์ สายนาหลั่งลงกระทบเท้ารู้สึกเย็นสบาย เขาจึงราดรดนาจากสายยางนันลงบนหัว แล้วทาเป็นฝนโปรยลงบนร่างเหนือหัวอาบนาให้ตนเองในรอบสี่วัน เขาเฝ้าอาบนาให้ตนเองและต้นไม้รอบๆ อย่างชื่นสุข ใจคิดถึงเธอและยิมชื่นกับสิ่งที่เห็นโดยรอบ
๙๐
พลันใจกายรู้สึก "อบอุ่น - พอดี" เขาเห็นยิมและตาเจ้าเล่ห์หวานของเธอ โอ.. นี่เอง - - "การเป็นอยู่ได้" ใช่สิ ! เขาเป็นอยู่ได้โดยคะนึงเห็นศานติและไมตรีของเธอ หัวใจและชีวาแห่งเธอและเขาเมื่อราลึกถึงกันในอบอุ่น - - ก็พอดี อา - - "ความจาได้" ทาให้เขาได้ทวนรู้เพื่อแจ้งในสิ่งนัน จาได้ในศานติและไมตรี - - จึงเข้าใจ "เข้าใจ" จึง "อบอุ่น - พอดี" นี่ใช่ไหม ? คือปฏิบัติการแห่งรัก - ยามที่เราอยู่ไกลกันและเฝ้าหวังในกันและกัน เราสามารถปฏิบัติใช่ไหม ? เมื่อยินรู้ในรัก ความจาได้ในศานติ - ไมตรี, อบอุ่น พอดีอย่างเข้าใจในรัก ... ยอดไม้ไหวใบรับแดดบ่าย ช่างไหวงาม นกและไก่ ส่งเสียงขานให้รู้ เขายิมกับคานึง- ชีวิตเธอ,- คิดถึงนะครับ ...
๙๑
ความจาได้ - - ศานติ - ไมตรี, อบอุ่น พอดีอย่างเข้าใจในรัก ฟื้นตัวขึนมาในสามารถปฏิบัติของเขาอีกครัง ช่างเป็นฤดูกาลชีวา - - ไม่ค่อยได้โทรหาแต่ดวงใจเฝ้าติดตามคุณด้วยรักนะครับ เขาฝากลมและแดดกุมภาพันธ์ไปกระทบหัวใจเธอให้รับรู้ - - รอการเป็นอยู่ได้ซึ่งกันและกัน เขาลงท้ายในจดหมายแดดฝากถึงณ ที่ซึ่งไม่ไกลจากทุ่งทานตะวัน.
17:16 21/2/2552
๙๒
แดดไสวจันทร์สว่าง จงส่องทางกันและกัน แดดบ่ายใกล้เย็นกุมภาพันธ์ ส่องแสงงาม, ผมหลงรักดอกแดดที่เต้นรา บนใบไม้และพืนถนนที่ส่องสายตามอง - แดดช่างไสวจริงๆ ฤดูร้อนเริ่มแตกรับในร้อนกาย-ใจผู้คน, การดาเนินชีวิตที่ต่างพรากในวันเวลา ทาให้ในดวงใจเราพกพาหลากหลายรู้สึกเสียจริงๆ และทุกลมหายใจที่บางครังเราลืม “สัมผัสรู้” จึงทาให้หลงลืมการประมวลดอกผลชีวิต.. บางเราไขว่คว้าหาหวังและฝันอย่างมิอาจรู้แดนจบสิน บางเราหดหู่อยู่กับการแดดินของหัวใจที่แตกพัง บางเราก็พยายามให้ชีวิตได้เป็นอยู่อย่างนิ่งๆ เข้าหาความเงียบงัน และรางับการดินพล่านของแรงปรารถนา ชีวิตล่วงวันคืนโดยไม่ได้ยิมกับผืนดินที่เหยียบยืน ไม่ได้สบตากับจันทร์ ดวงดาว อาทิตย์ หรือแม้นแต่สักดวงดาวพระเคราะห์ใดๆ แต่กลับหลงวุ่นวายอยู่กับเคราะห์กรรมชีวิตที่ตนพยายามตัด
๙๓
บางเราเฝ้าเดินทางสะเดาะเคราะห์ที่ว่านัน กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเพียงพอกับความต้องการ บางเราก็ต่างแยกแตกเหล่ากอออกเป็นฝักฝ่ายพวกพ้อง ชักลากถ้อยคาและชีวิตเข้ามาห่าหั่นกันและกันอย่างสนาน บางเรา ... .... ผมอยู่กับแดดและร้อนกุมภาพันธ์อย่างเหนียวเหนอะ นั่งมองรู้สึกของใจกาย นั่งคานึงถึงเรื่องราวและชีวิตผู้คน คนโน้น คนนี ... แดดร้อนแต่สวย ! สวยงามเมื่อมองโดยรู้สึกว่าแดดนันไสว สว่างงาม ทาให้ผมมองเห็นสรรพสิ่งที่ครรลองตาทาบไต่ไปถึง ดวงใจตามตาสองตาไป แต่รู้สึกอีกขณะแห่งดวงใจเดียวกันของผม- พลัดไปสู่อีกคานึง - ใจดวงเดียว เที่ยวไปจริงๆ ....
๙๔
ค่า- พอมืดสนิทเต็มที่แห่งวัน, ผมออกเดินไปด้วยเท้าทังสอง ตาทังสองและดวงใจเดิมเดียวนี ลมหัวค่าพัดกระทบกายสบายตัวดีจริงๆ ลมนันพัดอย่างกับบอกให้รู้ว่าเป็นลมลาหนาวพร้อมๆ กับเป็นลมรับร้อน ผมเอากายใจรับลมเย็นตัวนันอย่างสุขเต็มที่ ส่องตามองลม มองฟ้าหาที่มาของลม พลันตาทังสองก็พบกับจันทร์เสียวงามของวันขึนสี่ค่าเดือนสี่ ใกล้ๆ กันมีดาวสว่างดวงหนึ่ง ผมหยุดตัวยืนมองจันทร์เสียวงามกับดาวสว่างนัน ยืนมองอยู่อย่างมีสุขราวสิบนาที - ใจดวงเดียวของผม เที่ยวไปอีกแล้ว ผมประทับภาพนันไว้ในดวงใจที่รับรู้ แล้วเดินไปนั่งคานึง ไต่ถามด้วยคิดในตน- กันและกัน, สรรพสิ่งอิงรักกันและกันอยู่อย่างนัน เกลียดโกรธหวังทาร้ายก็กันและกันอย่างนัน แต่.. โอ ความรักมีมากกว่าความไม่รัก เพราะหากมีความไม่รักมากกว่า - ผมจะได้เห็นแดดไสวงามนันหรือ
๙๕
ผมจะได้เห็นจันทร์เสียวงาม ดาวสว่างนันหรือ ผมจะได้รับลมร้อน ลมเย็นนันหรือ และใจดวงเดียวของผมจะได้เที่ยวไปหรือ .. ในร้อนของแดดนัน ไสวด้วยแสงสว่างให้ดวงตาเราพบเห็นสรรพสิ่ง ในจันทร์เพียงเสียวสี่ก็ให้สว่างงามมาสู่ดวงตาดวงใจ ในดาวที่เห็นเพียงดวงน้อยนิดก็ให้สว่างดวงตาดวงใจเช่นเดียวกัน ดวงตา ดวงใจ- ตัวเรา เป็นธรรมชาติ ทังหมดรอบตัวเรานันก็ล้วนธรรมชาติ และการเสกสรรปั้นแต่งด้วยมนุษย์- ผู้มาจากธรรมชาติ ไม่มีอื่นใดที่จะไม่- กันและกัน ทังฝ่ายที่เราสมมติว่า ดี ว่า ชั่ว ทังหมดนันก็- กันและกันอยู่เช่นนัน ! - - และไม่ได้ขึนอยู่กับกาหนดนิยาม การตีความ การประเมินค่า ฯ มันเพียงความคงอยู่ - เป็นสิ่งที่ดารงอยู่แล้วอย่างนัน เราเพียงผู้รับรู้ ประมวลผล เก็บรับ แล้วผ่องถ่ายเข้าออกๆ ให้กับชีวิต
๙๖
- - ความธรรมดา คือ ธรรม ความหลากหลาย คือ ธรรม, และธรรมนั่นแหล่ะ คือ รัก เพราะรัก คือธรรมที่ดารงอยู่แล้วอย่างนัน เป็นเมตตาสุญญตาอยู่โดยภาวะคือ ความรักสุญญตาที่อยู่คงคู่กับโลก คือแผ่นดิน คืนโลก คือหมู่สัตว์ - - แดดไสวจันทร์สว่าง จงส่องทางกันและกัน.
2:59 28/2/2552
๙๗
เธอต้องการดอกไม้สีอะไรในดวงใจ ร่างเธอเอนอิงพิงมาที่ไหล่,- - คุณนึกดูสิ ว่าเธองามเพียงใด ในลาพังคนเดียว แทนความว้าเหว่ - ผมเปี่ยมสุขเพราะมีเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด แม่งามเอย , - -ผมไม่คิดอิจฉาอิเหนา ไม่อิจฉากามนิต ไม่อิจฉาพระอภัยมณี ไม่อิจฉาเจ้าขุนศึกเสมา และไม่คิดอิจฉาแม้กระทั่งท่านขุนแผนแสนสะท้าน คราวที่สะท้านหวิววามไม่ว่ากับพิมพิลาไลย ลาวทองหรืออีกอื่นใคร ! เธองามแม้กระทั่งกว่าเทพธิดาแห่ง เหม เวชกร, ยิ่งกว่ารูปนางทังผองของจักรพันธุ์ โปษยะกฤต เธอคือยอดพธูแห่งดวงใจของผม เธอต้องการดอกไม้, ผมเดินอยู่ในที่ไม่ไกลจากทุ่งดอกทานตะวันและทุ่งดอกดาวเรือง ที่เหลืองอร่ามจับจิตในแดดร้อนกุมภาพันธ์ ผมเห็นดอกรักที่ปลูกไว้หน้ากระท่อม เคียงข้างกับนางกวักกอเขียวงาม ผมเห็นดอกพะยอมกับดอกสุพรรณิการ์เคียงคู่กันโดยรัก
๙๘
ผมเห็นดอกบัวน้อยลอยชูช่อ- บัวแดง บัวหลวง บัวขาว ฯ ผมเห็นดอกตะแบกบานบนต้น เห็นผักตบชวาในลาคลอง และเห็นดอกไม้ดอกหญ้าอื่นอีกมากมาย ทุกดอกที่ล้วนมีสีชมพูแกมม่วง- ผมรักอย่างจับใจ ... ยิ่งดึกสงัด, แม่ยอดกัลยาของผมก็ยิ่งตัดพ้อและตอบโต้ด้วยปากคา สานวนที่หยิกเจ็บยอดใจยามที่ผมยืนอย่างโดดเดี่ยวกลางแสงเดือนผ่อง เสียงลมสะบัดใบตาลแห้งเดียวดาย เธอกลับอ่อนหวาน และกลั่นกล่าวถ้อยคาหวานกล่อมดวงใจผมยิ่งนัก, คุณคิดดูซี,เธออยู่เคียงข้างชีวิตผมมาในทุกกาเนิดแห่งชีวิต เธอต้องการดอกไม้, ผมจึงกระเย้อกระแหย่งตะเกียกตะกายเก็บดอกไม้ให้เธอ เพื่อสาหรับเธอผู้มีดวงตาหวานเจ้าเล่ห์ และอ่อนโยนยิ่ง
๙๙
เธอผู้ย้อมดวงใจผมให้เป็นอยู่ได้อย่างเป็นสุข อย่างที่ไม่เคยมีหญิงสาว- ที่ปรากฏตัวตนจริงคนใดเหมือน เธอต้องการดอกไม้สีอะไรในดวงใจ ผมจักเก็บให้เธอ- ยอดหญิงอันเป็นยอดรัก.
19:02 24/2/2552
๑๐๐
เมื่อคืนเธอร้องไห้อีกแล้ว.. เมื่อคืนเธอร้องไห้อีกแล้ว, ... .... เอ้กับสาลี่กาลังสนุกสนานอยู่กับการพูดคุยระหว่างเพื่อน, ของเล่นทังเด็กและหนุ่มสาว ไม่วายเว้นแม้กับหลายคนของวัยใกล้เฒ่าชรา พวกเธอเรียกมันว่า ฮิห้า,เป็นของเล่นที่แรงตีควบมากับสิ่งที่พวกเธอเรียกมันว่า- กบ เสียงดัง- ดังอย่างที่พวกเขามีและเป็นเป็นเสียงเดียวกับที่ได้ยินทั่วโลก ค่าคืนคือชีวิตของผู้คน, ท่ามวันคือเวลาของชีวิต ".. ไม่มีพลังแล้ว ทาอย่างไรให้พลังนันกลับมา ต้องเลิกร้างหรือให้คนรักทิงไปใช่ไหมพลังนันถึงจะกลับคืนมา.. เหมือนครังก่อนที่เคยถูกทิง ตอนที่พี่เขาทิงไป ตอนนันรู้สึกมีพลังมากมายที่จะทอดคาออกมาอย่างงาม และแท้จริง.. ทาไมเมื่อมีความรักแล้วรู้สึกไม่มีพลัง ที่ทอดถ่ายออกมาอย่างที่เคยเป็น... ทาไม่ได้อีกแล้ว - - "
๑๐๑
เด็กสาวคนหนึ่งนั่งร้องไห้ ทดท้อในโอดครวญถึงพลังที่ตนเองเคยมี " - - ได้ยินเสียงไหม จะบ้าตายแล้วไม่มีสมาธิอ่านหนังสือหรือจะทาอื่นได้เลย" เธอยังคงวุ่นไปกับความรู้สึกนึกคิดที่กาลังกระทบ มันสมองเต้นเร่า ถีบทับเส้นโลหิต ลมภายในกาเริบหายใจอย่างขัดเคือง วาจานันก็ไม่อาจหยุดการพร่าไปมาอย่างที่เคยเป็น -- ผมบอกให้เธอไปอาบนา หรือไม่ก็เอาหัวปะทะกับเหลี่ยมเสาหอพัก อาจเป็นเพียงสองวิธีนีเท่านัน ที่จะทาให้เธอหยุดคร่าครวญ ร่าไห้ - ผมแนะนาอย่างนีเสมอเมื่อเธอ "ร้องไห้อีกแล้ว.." "ต้องทาอย่างไรถึงให้มีพลัง - -" เธอเฝ้าโอดถาม "- - ต้องกลับไปบ้าน ไปปลูกต้นไม้อย่างจริงจังพลังจะกลับคืนมา-" เธอยืนยันความคิดที่นึกคิดนัน
๑๐๒
ดูซิ, มันก็เพียงความรู้สึกนึกคิดเองนี่น่ะเด็กเอ๋ย ! เธอรู้จักตนเองดีนี่ หรือขณะห้วงชีวิตนีเพียงสับสน ไม่แน่ใจการกระทาให้ตนเองคิดว่าแน่ใจ - - ที่สุดแล้วมันก็เพียง "สิ่งที่เธอจัดวาง" คงเป็นอยู่ว่า - - เธอไม่รู้ว่าจะจัดวางอย่างไรดี ร้องไห้ไปก่อนเมื่อมีคนให้ร้องไห้ด้วย ครวญบ้าไปก่อนเมื่อยังมีคนให้เธอได้ชักลากถ้อยคาใส่ สบถ ร้องไห้ หัวเราะ ฯลฯ มี-เป็นอีกมากมายเยี่ยงนี - เพราะว่าเธอยังไม่ได้อยู่กับ "รักที่จริง" อ้าว ! นี่ตกลงว่า ผมครวญคร่าไปเองคนเดี่ยวแล้วหรือนี่ ฉากที่เธอกาลังร้องไห้ จัดวางไว้ตอนไหนแล้วนะ ฉากที่เธอสบถด่าอยู่อย่างหัวเสียล่ะ ฉากที่เธอหัวเราะอย่างมีความสุขละ เพื่อนๆ ที่ส่งเสียงในสนุกสนานพรมแดนนันละ เมื่อคืนเธอร้องไห้อยู่นะ ก่อนเมื่อคืน- หลายๆ วันและคืนก่อนๆ นันเธอก็ร้องไห้
๑๐๓
นี่ตกลงว่า ฉากเหล่านัน ตัวละครเหล่านัน อาการกัปกิริยาเหล่านันหายไปแล้วนี่ ผมทาหายไปหรือนี่ !? ผมนึกคิดเห็นอยู่นะเมื่อกีนี ผมจาได้ !! ....
--
ผมกลับมานั่งค้นหาซีดีเพลงที่เธอเอามาให้ – "รู้ว่าความรักมีพลัง" เธอเขียนไว้ให้บนปกว่า - "เมื่อรู้ว่าความรักมีพลัง รักษาทังความรักและพลัง" เด็กสาวนั่งร้องไห้ตีตนไปกับความไห้ในรู้สึกตนว่าไม่มีพลัง ทังๆ ที่ปากเธอบอกว่า "มีความรัก มีคนรัก" - - ผมไปไม่ถูกแล้ว ฉาก ตัวละคร ความจริง ความงาม ความดี ความลวง ถูกจัดวางไปมาๆ แวบหาย แวบเกิด - - ปรากฏจริง หรือปรากฏลวง ชักไม่แน่ใจ !! ? ไปๆ มาๆ บทสนทนาที่เธอปรารถนาให้ด้วยรักอย่างแรงกลับแจ่ม ชัดในเรื่องราวของผม"ปากหมา !! เมื่อไหร่จะตายๆ ไปสักที- "
๑๐๔
ผมบอกได้คาเดียวว่า "รักเธอ" - - รักที่เธอสบถด่าโลก รักที่เธอร้องไห้ รักที่เธอบ้าอย่างที่เป็น อ้าว ! อีกแล้ว นี่ผมจะจัดวางโครงเรื่องนีอย่างไรดี ตกลงว่าทังหมดที่เราเป็น มันก็เพียง "โลกจัดวาง - เราจัดวางโลก" ถึงตอนนีผมยิมกับวาจากล่าว ที่ผมมอบให้เธอด้วยเพราะกลั่นออกมาแล้วเพื่อเธอ"อีเด็กจัดวาง" ผมหัวเราะถูกใจกับคาไล่ให้ไปตายๆ ซะ เออนะ แล้วเมื่อถึงตอนที่ผมตาย เธอจะร้องไห้กับศพผมไหม แล้วผมจะได้ยินได้เห็นเธอร้องไห้หรือเปล่าเนีย ผมจาได้ๆ จาภาพ จาเสียงเธอได้ เมื่อคืนเธอร้องไห้อีกแล้ว.. ผมจาได้ - 17:47 26/2/2552
๑๐๕
จูบแห่งรัก ในบ้านของตากับยาย ในบ้านเช่าที่ตลาดสด ในบ้านของพ่อเลียง ในบ้านของยามยุ้งข้าวแห่งหมู่บ้าน ในบ้านของป้า ในบ้านแห่งสลัมแม่ค้าพ่อค้า ในกระท่อมกลางทุ่งนา ในแผงขายของอันเป็นที่นอน ในบ้านข้างทางรถไฟ ในตึกแถวที่เช่า ในบ้านหลังแรกของแม่ นิทานของแม่มักจะเริ่มต้นขึนว่าในสมัยก่อน- ก่อนที่พวกเจ้าจะเกิดมา พ่อของพวกเจ้านั่นบ้าบ้ามานั่งใต้ร่มไม้ริมคลองฝั่งตรงข้ามบ้านของตากับยาย ร้องเพลงจีบแม่- แม่กาลังขายของ, ในบ้านตากับยายมีลูกสาวห้าคนกาลังสาว ขยัน เก่ง สวย หนุ่มๆ ในหมู่บ้านและต่างบ้านมาจีบกันเต็ม
๑๐๖
พ่อของพวกเจ้านะ คนหนึ่งล่ะ นุ่งผ้าผืนเดียว รัดเอวอีกผืน พาดบ่าอีกผืน ใส่เสือแขนเดียวมาร้องเพลงจีบแม่จากเย็นจนค่า พอค่ามานั่งในบ้าน สั่งเหล้าหนึ่งกั๊กแล้วนั่งอยู่นันแหล่ะ นั่งอยู่จนแม่ต้องไล่ให้กลับเพราะจะปิดบ้านปิดร้าน ก็ไม่ยอมกลับ จนแม่ต้องหยิบไม้ขัดประตูมาเงือขึนทาท่าจะตี แม่ทังด่าทังไล่ พ่อของพวกเจ้าก็คลี่ผ้าขาวม้าออก ทามือกอบกวาดคาด่าของแม่ใส่ห่อผ้า พลางพูด- ผู้หญิงด่าผู้หญิงรัก จะเก็บไปนอนกอด พ่อของพวกเจ้าบ้าไหมล่ะ-- , แม่เล่าความก่อนพวกเราเกิดอย่างยิมแย้ม ตาของแม่และของพวกเราทังสี่คนพี่น้องลูกของพ่อ, กับอีกหนึ่งน้องสาว ที่เกิดมาเป็นคนที่ห้าต่างยิมอย่างมีความสุข แม่เล่าเรื่องต่อว่าในบ้านหลังสถานีรถไฟของปู่กับย่า ที่นันคือที่ๆ พ่อกับแม่จัดพิธีแต่งงาน พิธีแต่งงานที่เกิดการยิงต่อสู้กันเพื่อจะแย่งชิงตัวเจ้าสาว
๑๐๗
เจ้าสาวถูกแย่งชิงพาตัวไปลงเรือหางยาว เพื่อจะพาหนีออกไปทางทะเลสาบ ญาติ เพื่อนบ้านและเจ้าบ่าวลงเรือ ตามติดไปแย่งชิงตัวกลับมาได้ก่อนที่เรือจะออกสู่ลาคลองใหญ่ -ในทุกที่ๆ แม่อพยพพาพวกเราลูกชายหนึ่งลูกหญิงสองไปทามาหากิน โดยการค้าขายผัก ปลา ผลไม้, เมื่อถึงเวลาโรงเรียนปิดภาคการเรียน พี่ชายคนโตที่อยู่กับทวดฝ่ายพ่อ และน้องสาวคนเล็กที่อยู่กับพ่อของเธอ พวกเราทังหมดลูกชายสอง ลูกหญิงสามตามลาดับได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน เรื่องเล่าของแม่ก็เริ่มขึนอีกครัง.., - - จูบแรกแห่งรักของแม่มีห้าครัง เมื่อลูกแต่ละคนเกิดจากแม่ ....
๑๐๘
แม่เล่าเรื่องทังหมดนีอย่างมีความสุขทุกครังที่พวกเราพร้อมหน้ากัน และแม่ก็ได้มีจูบแห่งรักครังใหม่ เมื่อหลานคนแรกเกิดจากลูกสาวคนโต - - แม่เฝ้าใฝ่ฝันจูบแห่งรักครังใหม่ในหลานลูกของลูกชายทังสองและในหลาน- ลูกของลูกสาวอีกหนึ่ง ส่วนลูกสาวอีกหนึ่งเธอไม่อาจที่จะมีลูกได้แล้ว แม่จูบเธอ พร้อมๆ กับจูบชมหลานคนแรกในอ้อมแขนของเธอ.
8:59 25/2/2552
๑๐๙
ผู้หญิงมีทางเลือกมากกว่านี้เหรอค่ะ... เก้าอีไม้ตัวนันยังคงวางอยู่ตรงนัน,- มวลนาหลั่งพาผักตบชวาลอยเอื่อยไปเรียบเรื่อย ในทิศทางที่ลานาสายนันไหลไปออกปากนาเจ้าพระยา - หรืออาจจะสักแหล่งหนึ่ง ภาพตัดไปที่เก้าอีอีกตัว,- มวลแดดทาบตัวอยู่กับฝุ่นทังภาคพืนดินแดงและละอองฝุ่นในมวลลม แดดและลม ร้อน หนาวอยู่กับสรรพสิ่งตรงนัน - หรืออาจจะร้อน หนาวอยู่ในระดับรู้สึกนึกคิดใครสักคน หญิงสาวเดินอยู่ตรงนัน,- ภาพยังไม่แจ่มชัดเพราะถูกการประกอบสร้าง ให้เห็นเพียงรางเลือน แต่ผมเห็นว่าเป็น- หญิงสาวเดินอยู่ตรงนัน ใช่ ! อาจเป็นเธอเดินอยู่นัน ไม่ใช่สิ ! เธอจะเดินอยู่ตรงนันได้อย่างไร ก็เธอเดินนี่ ต้องเป็น- หญิงสาวเดินอยู่ตรงนันๆ เพราะเธอเดินอยู่นี่ จะอยู่ตรงนันได้อย่างไร
๑๑๐
ภาพเกิดในมโน - คุณกาลังคิดใช่ไหม ? คุณเห็นอะไร ? กล้องคือความคิดของคุณจับภาพนันไว้ด้วยสายตาและสายใจ นั่นไง ! เห็นหรือยังครับ ? ........
........ ผมเว้นช่องนันไว้ให้คุณ,โดยการใส่ . (สมมติที่รู้กันว่า จุดอืม.. อ่านว่า จุด จุด จุด จุด จุด จุด จุด และจุด อย่างนีได้ไหม ?) หญิงสาวเดินอยู่ตรงไหน เธอเลือกเดินในทางใด อย่างไร ผมตอบได้ก็เพียงตามที่เห็น- "เห็น" คาๆ นี - -, เห็นไหมๆ ?? (สมมติรู้กันว่าเครื่องอุปกรณ์สาหรับถาม- "ถาม")
๑๑๑
เก้าอีไม้ตัวนันยังคงวางอยู่ตรงนัน,- เก้าอีไม้ตัวนันยังคงวางอยู่ตรงนัน,- มองภาพนันให้ชัดๆ - "ชัด" ภาพตัดอีกครัง - ผู้หญิงคนหนึ่ง (สงสัยจะเป็นคนเดียวกัน- ที่เห็นว่าเดินอยู่ตรงนันๆ) นั่งคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง,- แต่คุณไม่เห็นภาพนันนะ ผมสาบานคุณไม่เห็นภาพนันจริงๆ ชายหญิงคู่นันก็ไม่เห็นกันจริงๆ แต่ให้บ้าซิ ! คนเรามักบอกแก่ตัวเองว่า "เห็น" ----------------------------------------(ขีดๆ นี่สมมติให้เป็นทาง- "ทาง") จะให้เป็นทางที่เดินไปสู่เก้าอีไม้ตัวนันที่ยังคงวางอยู่ตรงนัน,- -หรือ จะให้เป็นทางที่หญิงสาวเดินอยู่ตรงนันๆ ,- คุณคิดเอาเองก็แล้วกัน ! - , ผมคิดตอนนีนะ- มันก็คือทาง- ทางนันๆ คุณลองทายสิ ? ว่าหญิงสาวจะเดินไปนั่งเก้าอีตัวไหน คุณเห็นภาพเก้าอีนันๆ ไหม ?
๑๑๒
คุณเห็นภาพหญิงสาวที่เดินอยู่ไหม ? คุณเห็นทางๆ นันไหม ? ภาพในมโนกาลังจับอยู่ที่คาถามของผมกับตัวคุณ ตัวคุณทังร่างกายและจิตใจ บทสนทนาเกิดขึนในรู้สึกนึกคิดของคุณ ขณะที่ชายหญิงคู่นันกาลังแสดงบทสนทนากันว่าด้วยเรื่องความรัก- "ความรัก" เรื่องนีแหล่ะ- ผู้หญิงมีทางเลือกมากกว่านีเหรอค่ะ... "ผู้หญิงมีทางเลือกมากกว่านีเหรอค่ะ..." - เป็นประโยคคากล่าวเชิงถาม, ........ (ผมเว้นว่างแล้วกดแป้นพิมพ์จุดอีกแปดครังปรากฏให้เห็น- "เห็น" แปดจุด) ตกลงว่า- ผู้หญิง เอ้า ! ผู้ชายด้วย .. อืมนะ ประเภทไหนๆ ได้หมด บอกหน่อยสิครับว่าผู้หญิง หรือเราๆ ทังหมดนี่แหล่ะ เลือกทาง ด้วยเพราะเห็นทางนันตรงไหน
๑๑๓
ผมก็นั่งคิดล่ะนะว่าไอ้เรื่องทางเลือกๆ นี่, ตรงนีๆ ณ บรรทัดนีผู้หญิงทาไมถึงจึงมักคิดเป็นผู้เลือก, และต้องมีคาว่า"ทางเลือกมากกว่านี" อืม.. ต้องมีคาถาม- มี- - - เหรอค่ะ - ภาพในมโนของผมตะโกนบอกแก่ผมว่าก็ทางมันมีทางเดียว ! ก็ไอ้ทางที่เธอเลือกนั่นแหล่ะ ! มันจะมากกว่านี น้อยไปกว่านีได้ที่ไหนกัน -- ทางมันมีทางเดียว ! แล้วไอ้การเลือกๆ นี่ มันก็คิดเลือกอยู่ในทางเดียวนั่นละ คุณลืมเก้าอี หญิงสาว หรือยัง ? ตัดภาพในมโน หรือกลับไปอ่านอีกครังสิครับ คุณๆ คุณผู้หญิงที่เดินอยู่นั่นแหละ คุณรู้ คุณเห็นหรือยังทางเลือกอยู่ตรงไหน ? เก้าอีมันว่างอยู่คุณก็เดินไปนั่งลงสิครับ ก็เท่านัน คิดอะไรมากมาย
๑๑๔
นั่งให้สบายสิ ตามที่ใจปรารถนาอยากนั่ง คุณ "รู้จัก" คุณ "เห็น"- "ทาง" อะไรๆ มันก็เหมือนที่คุณเห็นเก้าอีไม้ตัวนันยังคงวางอยู่ตรงนัน นั่นแหละ ! มัวแต่เดินอยู่ตรงนันๆ แล้วมันจะได้นั่งเก้าอีตัวนันๆ ไหมครับ- - คุณผู้หญิง !!? ภาพตอนนีจับอยู่ที่เลขแสดงเวลา 4 : 54 เวลาขณะหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ ผมยังเห็นหญิงสาวเดินอยู่ตรงนัน,- เธอเดินอยู่อย่างนัน เธอเดินอยู่อย่างนันแสดงว่า อยู่ไม่นิ่งนะ- เพราะเธอเดินอยู่อย่างนัน ผมนั่งยิม,เสียง ฮึๆ เต้นเบาๆ จากลาคอออกมาบอกเล่าที่ริมฝีปาก ผมเผลอเอามือจับปาก นึกขึนได้เลยปล่อยมือ แต่ยังรู้อยู่ว่า ปากไม่แข็ง ! แต่หัวใจคนนี่สินะ ยามแข็ง ก็ช่างแข็ง เช่นเดียวกัน- ที่ยามอ่อน ก็ช่างอ่อน แล้วก็แข็งและอ่อนในสิ่งที่ไม่น่า นี่สิ- ผมเจ็บปวด
๑๑๕
เดินไปแล้วนั่งลงบนเก้าอีที่ปรารถนานั่นสิคุณ ! มัวแต่คิด ทางเลือกๆ จนไม่พบทางเลือกที่แท้ แล้วมันจะได้นั่งพักบ้างไหม !? ผมพบเจอทางแล้ว- ก็ไอ้ทางๆ เดียวกับคุณนั่นหล่ะ เพียงแต่คุณมัวแต่เดินอยู่นั่นแหละ ! (เรื่องยังไม่จบ เพียงแต่ตอนนีฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ดังนัน ภาพที่คุณดูอยู่คุณจะเห็นได้โดยการประกอบสร้างที่รางเลือนโดยธรรมชาติ แต่ภาพนันเป็น "ทาง" ให้คุณได้สัญญาในจิตใจ)
5:22 27/2/2552
๑๑๖
ดวงใจคุณไม่รู้หรอก คุณไม่อาจรู้ถึงดวงใจฉันจริงๆ หรอก ฉันยอมรับว่า คุณคือผู้ที่รู้ดวงใจฉันมากที่สุดคนหนึ่ง คุณรักฉัน ใช่ ! คุณรักฉันและบอกกับฉันอย่างนัน และคุณแสดงออกถึงรักที่มีต่อฉันโดยดีตลอดมา จะให้ฉันทาอย่างไร ชีวิตฉันต้องเดินทางไปข้างหน้า ฉันรักครอบครัว ฉันรักชีวิตของฉัน ฉันต้องเดินไปกับชีวิตนันในลาพังของตัวฉันเอง ปรารถนาของฉัน ของคุณ เป็นปรารถนาที่ไม่ต่างกัน เราต่างปรารถนาในชีวิตที่มีความสุข สุขด้วยรัก สุขด้วยชีวิต .. แม้ว่ารัก.. รักของเรานันไม่อาจที่จะอยู่ร่วม ฉันรู้ว่าคุณรอคอย ใช่ ! ฉันเองก็รอคอย เราต่างคือผู้รอคอยด้วยความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ ฉันรอคอยคุณ เช่นดังที่คุณรอคอยฉัน เราต่างรอคอยในความหวังถึงชีวิตที่จักเป็นอยู่ แต่หนทางนันกลับให้เราต้องเดินไปในทางที่ขนาน
๑๑๗
.. แม้ว่าคุณจะกาลังย่างเดินมาในทางเดียวกับฉัน แต่ทางนัน.. ทางของฉันอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว พร้อมให้ฉันย่างเท้าก้าวเดิน.. เราต่างมีที่ทางของตนๆ ใช่ คุณอาจบอกว่า เราสามารถจะร่วมเดินทางเดียวกันได้ แต่จะให้ฉันทาอย่างไร.. ดวงใจคุณไม่รู้หรอก คุณรู้อยู่เต็มอก.. แต่คุณกลับไม่รู้จริงถึงชีวิตฉันมากไปกว่าตัวฉันเองหรอก และใช่ ! ฉันอาจรู้จริงในชีวิตของฉันเอง แต่นันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะแน่.. แต่ฉันพร้อมแล้วในการเดินทาง ทางข้างหน้านันจะเป็นอย่างไร เมื่อฉันตกลงใจเดินลงไปแล้ว ฉันก็ต้องเดินไปด้วยชีวิตฉันเอง ดวงใจคุณรู้.. แต่ดวงใจคุณอีกนั่นล่ะ ที่ไม่รู้ การเดินทางของฉัน คือชีวิตของฉัน เป็นการเดินทางด้วยชีวิต โดยชีวิต เราต่างคือผู้เดินทาง.. เพราะเราต่างมีชีวิต ขอให้ชีวิตของคุณเดินทางประสบความสาเร็จ
๑๑๘
คุณยังอยู่กับชีวิตฉัน รักของเรายังมีอยู่กับฉัน ฉันรักคุณค่ะ ........ ดวงแข นั่งลงเขียนจดหมายถึงเขาด้วยหัวใจที่มีรัก รักที่ตนเองมี รักที่เขามี รักที่ต่างมีด้วยกัน เธอไม่อาจบอกเล่าถึงการเดินทางในครังนีแก่เขาได้ แต่รู้ว่า เขาคงรู้.. เพราะเขาเฝ้าติดตามคอยสอดส่องถึงความเป็นไปของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่เคยปริปากบอกเล่าใดๆ เขาเคยเฝ้าถาม เฝ้าบอก ขอให้เธอบอกเล่าให้เขาได้รับรู้บ้าง กระนัน เธอก็ได้แต่เพียงบอกว่า แล้วจะบอก ดวงจันทร์แรมมาจนใกล้จะสินสุดอีกปักษ์ แล้วค่อยๆ ขึนเต็มเรื่อยๆ อีกครา.. ก่อนที่จะถึงจันทร์แรมนันในคืนจันทร์ใกล้เพ็ญ ดวงแขนั่งมองจันทร์ตรงหน้าต่างของห้องนอน ห้องนอนของเธอที่บ้าน บ้านที่ไม่ได้ไปนอนให้อบอุ่นนานแล้ว
๑๑๙
เธอนั่งมองจันทร์นัน ด้วยรู้สึกดิ่งลึกเข้าสู่ภายในดวงใจชีวิตตนเอง .. ลาดับเรื่องราวชีวิตที่ผ่าน ความรักของตนเอง ครอบครัวที่มีแม่ พี่ น้อง และหลานๆ และนึกหวังเข้าไปสู่คิดในอนาคตชีวิตของตนที่กาลังจะไปสู่.. นึก ถึงเขา ความรักที่มีต่อกัน.. เราต่างมีกรรมเป็นของตน มีทางเป็นของตน ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ใครจะรู้จริงแท้ถึงดวงใจฉันบ้างนะ ใครจะรับรู้ได้ถึงดวงใจของฉัน นอกจากตัวฉันเอง.. คุณรึจะรู้ถึงใจฉันแท้ แม้ตัวคุณเองก็ยังไม่มีใดให้รู้ให้เห็นเลยว่าคุณจะเดินทางไปไหน อย่างไร เราต่างมีชีวิตในการเดินทางด้วยเท้าและดวงใจของตน ความหวังที่เคยคิดร่วมเดินทางไปด้วยกันนัน มันขัดแย้งอยู่กับชีวิตฉัน และคุณบอกกับฉันเอง โอกาส คือที่ทางของชีวิต แต่ที่ทางของชีวิตจริง แตกต่างกับที่ทางของชีวิตในความนึกคิดฝันนะ ขณะนีคุณยังมีเพียงที่ทางของชีวิตในความนึกคิดฝัน
๑๒๐
แต่ฉันสิ ฉันอยู่กับความเป็นจริง และเป็นความเป็นจริงที่ฉันเผชิญอยู่โดยลาพัง ฉันรอคอยชีวิตในความนึกคิดฝันมานานแล้ว ฉันเฝ้ารอ ฉันเฝ้ารอ.. รอให้ถึงฤดูกาล ฤดูกาลของฉันมาถึงแล้ว แต่ใจฉันสิ.. ดวงใจคุณไม่รู้หรอกว่าฉันต้องเดินโดยลาพังในตนเองขนาดไหน ฉันเดินโดยลาพังในดวงใจของฉันเอง ใจเอย ใจฉัน.. ฉันต้องอยู่กับดวงใจของฉัน ยากนักที่ใจฉันจะตัดสินใจ ทางข้างหน้าที่จะเดินจะเป็นอย่างไร เมื่อฉันเลือกแล้ว ฉันจักก้าวไป ฉันจักก้าวไป.. ก้าวไปด้วยใจฉันเอง ขอบคุณความรักของคุณ ความรักของฉัน ความรักของเรา รักของเราจักยังอยู่ ดวงใจชีวิตฉันยังมีคุณ รักคุณค่ะ.. ........ ห้วงใจของดวงแขตามนึกคิดรู้กับชีวิตที่เป็นไปแล้ว เธอเฝ้าบอกเล่ากับตนเองถึงเขา จันทร์คืนสิบสี่ค่าใกล้เพ็ญนอกหน้าต่างนัน จะรู้ดวงใจฉันไหม ดวงใจฉันเอย
๑๒๑
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึน เขานั่นเองที่โทรมา แต่ไม่มีนาเสียงใดที่จะบอกว่าเขาคิดอย่างไร เขาช่างปกปิดความในใจนัน ใช่ เขารู้ เขารู้ว่าฉันรู้สึกนึกคิดอย่างไร เขารู้ว่าตนเองรู้สึกนึกคิดอย่างไร เขามักเจ็บอยู่ในรู้นันและเขารู้ในเจ็บนัน เจ็บรึ ฉันเองละ ฉันก็ไม่ต่างจากคุณนัก ฉันอาจเจ็บยิ่งกว่าคุณเสียอีก คุณมักว่าฉันนิ่ง คุณเองก็เถอะ นิ่งเสียจนเนิบเนือยไม่เคลื่อนไหว ไม่ดินรนใดๆ .... ดวงแขนอนหลับตาหลับใจลงบนที่นอนในห้องนอนที่บ้าน ในระหว่างของจันทร์เจ้าที่กาลังเคลื่อนตัว พรุ่งนีมียามเช้าเสมอ ดังค่าคืนมีดวงจันทร์ กลางวันมีดวงอาทิตย์ สรรพสิ่งเป็นไปอย่างนัน ชีวิตย่อมมีรุ่งอรุณเสมอ .. ฉันอยากนอนหลับเคียงข้างคุณเหลือเกิน
2:41 25/3/2552
๑๒๒
ชายผู้ไม่เคยให้ความหวังใดแก่ฉันได้ นอกจากรัก "คูณไม่ทาอะไรเลย คุณอยู่ไปเรื่อยๆ วันๆ ความหวังใดมีในชีวิตคุณบ้าง คุณพูดถึงความฝันโน้นนีเยอะแยะ แต่ไม่เคยเห็นคุณทาอะไร นอกจากฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ" "คุณมีแต่ความรู้ ความคิด ความรูป้ ริญญาโทคุณเอาไปทาอะไรบ้าง วันๆ คุณเอาแต่นั่งเขียนๆ อ่านแต่โลกที่ตนเองคิด คาที่คุณพูดจากความคิดคุณหรู ดูมีหลักการ แนวทางดี แต่คุณเคยลงมือทาบ้างไหม คุณมีอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิตที่กาลังเป็นอยู่ และในอนาคตบ้างไหม- ไม่มี- ไม่เห็นมีอะไรเลย" คาของฉันยังดังก้องอยู่ในรู้สึก ฉันผละจากเขามาเมื่อไม่นานนี ฉันเจ็บใจที่เขาไม่เดินทางในสิ่งใดเลย ฉันมีความฝันมีความหวังกับเขามานานพอแล้ว สองปีกว่าฉันคิดว่านานพอที่ฉันรอคอยด้วยหวังจากเขา
๑๒๓
ทาไมชีวิตฉันต้องไปผูกกับผู้ชายอุดมคติงดงามที่มีแต่ความคิด แต่ ไม่มีการกระทา ฉันไปหลงใหลอะไรกับเขาได้ถึงสองปี ฉันทนอยู่อย่างโดดเดี่ยว หัวใจฉันปรารถนาอยู่เคียงข้างเขาในค่าคืนเหงา แต่ไม่เคยมีเลยที่เขาจะใส่ใจ ใช่ ! เขามีแต่คารักประเล้าประโลม เขาเพียงแต่เฝ้ายาถึงรักที่แท้ อย่างนันคือรัก อย่างนันไม่ใช่รัก รักของฉันเป็นอย่างไร รักของคุณเป็นอย่างไร รักของเราเป็นอย่างไร ที่สุดแห่งรักคืออะไร ฉันเรียนรู้เรื่องรักกับเขาจนรู้ไส้รู้พุงเขาหมดแล้ว ความหวังที่ฉันเคยมีกับเขาอย่างรุ่งโรจน์นัน มันทาให้หัวใจฉันพับพ่ายไปแล้ว พับพ่ายไปเพราะไม่มีความเป็นจริงใดๆ นอกจากฉันรอ รออย่างเหงาเศร้าคนเดียว "ทังรัก ทังชัง ทังโกรธโถมสู่หัวใจฉันมานานพอ ที่จะทาให้ฉันต้องหันเหชีวิตไปจากคุณสักที ชีวิตคุณมีค่ามากนักแต่คุณทาตัวไร้ค่า รักของคุณงดงามนัก แต่คุณมีเพียงรัก คุณดื่มกินความรัก แต่ฉันกินความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอก"
๑๒๔
........ ฉันพุดกับเขาอย่างคับแค้นในหัวใจ นาตาแห่งทังรักทังแค้นอัดแน่นออกอาบตา ฉันรู้หัวใจรักเขากาลังเจ็บชา หัวใจฉันละ ไม่ได้เจ็บชาเป็นบ้างดอกหรือ ยามที่ฉันเงียบเหงา เขากลับนั่งสั่งสอนเรื่องรักกับผู้หญิงอีกหลายคน แต่พอยามที่ฉันร่าเริงหัวใจให้หายเหงานัน เขากลับยาหัวใจฉันให้ตระหนัก "กรรมใด ฟ้าใดหนอลิขิตฉัน กรรม ฟ้าก็คือความคิดของเราเองอย่างที่คุณพูดนันหรือ ถ้าเป็นอย่างนัน ทาไมความคิดของฉันที่ต้องการปรารถนาคุณ อยากให้คณ ุ เดินทางในชีวิตจริงๆ เสียที อย่าอยู่แต่กับความฝันนัก ทาไมมันไม่เป็นอย่างนันเล่า" "ตกลงว่า ที่ฉันเป็น ที่คุณเป็น เราต่างเป็นอย่างที่ตนเองคิดสิ คุณเลยคิดๆ อยู่จนไม่รู้จักทาประโยชน์ให้กับเราเพื่ออนาคต" "รักคุณค่ะ แต่ฉันไม่รอคอยอีกแล้ว" 21:19 7/4/2552
๑๒๕
ไม่มีวันพรุ่งนี้ที่ฉันจะรักคุณ สาหรับความรักของฉัน, คุณไม่รู้หรอกว่า ความรักในหัวใจฉันดารงอยู่อย่างไร ฉันคนเดียวเท่านันที่รู้เรื่องความรักของฉันดี และไม่มีวันพรุ่งนีที่ฉันจะรักคุณ ! หัวใจรักของฉันดารงอยู่เพียงในขณะนีเท่านัน ในขณะนีที่มีคุณ มีฉัน มีเราสองคน คุณจะไขว่คว้าอีกอื่นใดเล่าถึงรักในพรุ่งนี หากคุณยังไม่ได้รักฉันในวันนี เช่นเดียวกันจะให้ฉันไขว่คว้าอีกอื่นใด ในเมื่อวันนี ขณะนีฉันรักคุณ ฉันยังจาได้ถึงคาของคุณ'วันนีคือมารดาแห่งรัก' เมื่อวันนี คือมารดาแห่งรัก ความรักนันก็จักเลียงดูชีวิตรักของเราเองใช่ไหม บุตรธิดาแห่งรักของวันพรุ่ง ก็จะเป็นบุตรธิดาแห่งรักในแต่ละขณะ
๑๒๖
เราสองคนคือผู้เป็นแหล่งกาเนิด ให้มารดาแห่งรักเกิดขึนเพื่อดูแลเลียงดูปลอบโยน บุตรธิดาแห่งรักในวันพรุ่งที่เป็นบุตรธิดาแห่งรักในแต่ขณะ ผู้ร้องไห้ เศร้าหมองด้วยเหตุจากรัก คุณจาได้ไหม ? ขณะๆ ที่ล่วงผ่านเราทังสองไปนัน คือชราภาพของมารดาแห่งรัก แต่มิใช่การเสื่อมถอยไป ของภาวะที่เมล็ดพันธ์ดังเดิมสินสูญ การจาเริญเติบโตของภาวะภายใน ยังปลุกเร้าและให้เราอบอุ่น เลียงดู ปลอบโยนเราอยู่ทุกขณะ คุณอย่าหลงลืมวันนี ขณะนีสิ ! และคุณจะไม่ต้องมานั่งเรียกร้องให้ฉันรักคุณ.
00:53 10/4/2552
๑๒๗
ถ้าผมจาคนรักและเรื่องราวความรักของตนเองไม่ได้ ก็คงไม่มีใครที่จะจาอะไรได้ "พี่เป็นนักทรงจาอดีต" ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวในคืนหนึ่ง, "ไม่มีใครที่จะลืมอดีตของตนเองได้หมดหรอกผู้ ห ญิ ง มั ก ชอบที่ จ ะพยายามลื ม เรื่ อ งเก่ า ๆ ใช่ ! เมื่ อ เธอไม่ ต้องการ" "แล้วจะจดจาไว้ทาไมค่ะ กับเรื่องที่ทาให้เราต้องเจ็บปวด" เธอถาม "จดจาไว้ ซี พี่ จาทังหมดของสุ ข หอมหวนและแสนเจ็บ ชา นัน- ทุกอย่างคือชีวิต" เขายังคงยาด้วยหัวใจที่แลเห็นในรักที่พรากไปนัน กี่คนๆ ที่พานพบ ด้วยเพราะเธอเดินเข้ามารู้จัก ทาความรู้จัก ค้นหาในตัวเขาด้วย หลงรักยินดี ว๊าว โอ้โห ! พี่ ! ใช่ ! เช่นนันจริงๆ หญิงสาวมักเดินทางมาเจอเขาอย่าง นัน ชมชอบเขาอย่างนันแล้วไม่นานของสองสามปี อืม.. ใช่ ! บางหญิงเพียงปีครึ่งปี
๑๒๘
"ตอนนีพี่นั่งใจไม่สงบ หรือกาลังสงบใจค่ะ" "ทังสองอย่าง อา ! ชีวิต" "ดูเหมือนพี่ไม่เศร้านะ หรือว่าชาชิน-" หญิงสาวคุยเชิงหยอกล้อ "ตานานชีวิตพี่เป็นอย่างนี- ช่างหฤหรรษ์ ! อืม.. เดี๋ยว ! ขอพูดประเด็นเรื่องผู้หญิงชอบทาลืม-" "ทาไมถึงว่า ผู้หญิงชอบทาลืม ต่อว่าผู้หญิงกันนี่พี่-" "เปล่าต่อว่า ว่าจริง ๆ แหล่ะ ก็เป็นงันนี่ ผู้หญิงชอบพูดรอยเท้าที่ย่างเดินจะค่อยๆ ลบเลือนๆ มันลบเลือนไม่หมดหรอก ท้าให้ ! แต่ก็น่ะ เธอลืมได้จริงๆ แหล่ะ เธอลืมได้แม้กับคนที่เธอรัก อย่างจริงใจในตอนที่เธอรัก.." ชายหนุ่มยิ่งพูดยิ่งถึงอารมณ์ชีวิตตนเอง ลาดับภาพหญิงสาวครัง ในก่อนร่อนมาเป็นฉากๆ ทังฉากรักแสนชื่นและฉากเศร้าระคน เธอคือคนแรกที่เคยได้นั่งรับฟังเรื่องราว หญิงสาวที่เขารัก อืม.. ใช่ๆ คือเธอคนแรกที่ได้ฟังตานานรักของ เขามาหมดทุกคน.. "ไม่มีผู้หญิงคนไหนเขาชอบที่จะฟังเรื่องเล่าถึงผู้หญิงอีกคน หรื ออีกหลายคนของชายที่ตนรักหรอก จะบอกให้ " เธอบอกไว้ อย่างนีตอนที่ได้ฟังเรื่องทังหมดนันแล้ว
๑๒๙
"พี่จาทังหมดของทุกเธอไว้ด้วยทังรักทังชัง แต่ให้หั วใจยิม ด้วยรักที่ได้มี- รักของเราสองคนในขณะนัน กับเธอ, พี่ก็จักจาไว้ ด้วยชีวิตเช่นกัน.." "พี่ท่านๆ กลับมาๆ ราลึกความหลังอีกแล้ว คนแก่นี่จริงๆ นะ ชอบอยู่กับความหลัง อิอิ.. พี่รักตรงไหนของผู้หญิงค่ะ" "รักที่เป็นผู้หญิง- ผู้หญิงเป็นผู้หญิง พี่จึงรัก และพี่จักรัก ตอบเมื่อเห็นว่าเธอรักพี่แล้ว - เริ่มรู้จักกันนี่ พี่จะเฝ้ามองหัวใจเธอ เมื่อเห็นชัดว่าในขณะช่วงนันเธอรักเราแล้ว พี่ถึงจะเปิดหัวใจให้เธอ ครอง- คือเธอคนเดียวจะได้ครองหัวใจพี่อยู่ตลอดในช่วงที่เธอยังรัก พี่" "จริ ง จัง นะเนีย อิอิ .. อิจฉาจริง ๆ อยากให้มีใครรักเรา แบบนีบ้าง" "แบบนีหล่ ะๆ หลายหญิง สาวแล้ ว มาแบบนี พูดแบบนี แหล่ ะ สุ ดท้า ย- สุ ดท้า ยเมื่อถึง เวลาหนึ่ง เวลาที่เ ธอเจอคนใหม่ ที่เธอเห็นว่าดีกว่า เธอก็หันหลัง" ชายหนุ่ ม นึก ถึ ง ภาพหญิ ง สาวเดิ น หัน หลั ง ให้ ต่ อ หน้า เขา อืมๆ ใช่ อีก ๆ เขาชอบถ่ายรู ปหญิง สาวของเขาทุกคนที่เ ดินไป ข้างหน้า- หันหลังให้เขา- นั่น,- เมื่อถึงช่วงเวลาที่เขาเห็นว่า ใกล้ แล้วๆ ข้าพเจ้ากาลังใกล้ กับการเป็นอยู่เดียวดายอีก แล้ว- เขาจะ ถ่ายรูปเธอเดิ นไปข้างหน้าไว้เสมอ แล้วก็ไม่นานล่ะ เธอก็เดินไป ข้างหน้าจริงๆ
๑๓๐
ครังแรกที่เขาถ่ายภาพหญิงสาวเดินไปข้างหน้านัน หญิงสาวคน หนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเธอคนนัน มานั่งต่อว่าต่อขานกับเขา ว่า- ไปถ่ายอย่างนันทาไม มันเป็นลางไม่ดีนะพี่ เดี๋ยวพี่เขาก็จากไป จริงๆ หรอก, เขาบอกเธอ- คอยดู, แล้วยิมด้วยระทมใจในคานึง "ผู้หญิงคนไหน ๆ เขาก็เลือกคนที่ดีกว่าอยู่แล้วละพี่" "อีกละ ก๊อปปี้คากันมาเปล่าเนีย ผู้หญิงนี่นะ" "อ้าวเหรอ อิอิ.." "นี่ก็อีก- เออนะ ชีวิต" "โหพี่- อะไรมันจะเหมือนกันอย่างงัน พี่ก้อ.." "จริงๆ ผู้หญิงมักพูดอะไรคล้ายๆ กัน บางทีเรียงคา ประโยคเดียวกันแป๊ะ" "โอเคๆ ค่ะ ยกให้พี่ล่ะกัน ไม่เถียงพี่แล้วละ" "คนเรานะ จดจาคนรักและรักของตนเองไว้ มันดีกว่าไป ลืม หรือแกล้งทาหลงลืม เมื่อไม่ได้รักกันแล้ว ใครมันลืมได้นี่ ทรยศ ต่อหัวใจตนเอง รักและคนรัก น่าจดจาจะตายไป" "อืม..ค่า จดจาจนน่าจะตายๆ ไปซะนะ อิอ"ิ "มาอี กแล้ ว เหมือ นกั นเลย ค าเหมือนกัน เลย โอ้ . . ชีวิ ต จริงๆ เลย" "โอ๊ย ! จะบ้า นี่พูดไรไป ก็เหมือนกันหมดสินะพี่ นี่ ๆ จะ บอกให้ผู้หญิงน่ะ ไม่มีคนไหนชอบหรอก หากพี่พูดว่าเหมือน ๆ กะคนก่ อ นหน่ ะ ผู้ ห ญิ ง เขาไม่ ช อบที่ จ ะให้ ต นเองไปเหมื อ นใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิงคนก่อนของผู้ชายที่ตนเองชอบ-"
๑๓๑
"ก็พูดให้ฟัง นี่ก็พูดเหมือนกันอีกแหล่ะ เออ- ชีวิต" "รู้แล้วแหล่ะว่า ทาไมผู้หญิงเขาทิงพี่ไปหมด พี่ชอบจดจา มากนี่เอง- จาไปในรายละเอียดหมดเลยนะ นี่แหล่ะผู้หญิงเขาไม่ ชอบ" "อืม.. อะไรที่ผู้หญิงไม่ชอบ พี่ชอบทาอย่างนัน" "เวรกรรมจริงๆ พี่เรา เฮ้อ ! ปวดหัว" หญิง สาวกลุ้ มใจกับ ชายหนุ่มเบื องหน้า สงสารก็สงสาร แต่ น่ า สมเพชมากว่า ผู้ชายนี่ก็นะ บ้าๆ ไม่แพ้กันเลย "ผู้หญิงมักมองอะไรๆ เป็นองค์รวมเสียก่อนจนเกินไป ไม่ ค่อยได้มองไอ้ที่หลากหลายที่ประกอบกันขึน ส่วนผู้ชายนี่เขามัก มองในสัดส่วนรายละเอียดแล้วเข้าสู่องค์รวม" ชายหนุ่มอยาก อธิบายถึงผู้หญิงให้เธอรับรู้ อืม.. ใช่อีก เขามักเป็นอย่างนี "ค่าๆ พ่อนักบูรณาการ พ่อคุณช่างหลากหลาย-" "เบื่ อ ฟั ง แล้ ว ซิ งี แหล่ ะ ผู้ ห ญิ ง มั ก ร าคาญง่ า ย เบื่ อ ง่ า ย หน่ายเร็ว" "เออหน่ะ มาว่ากันอีก เอาล่ะ ๆ เชิญพี่ท่านนั่งจดจาคน รั ก และความรั ก ไปคนเดี๋ ย วเหอะ สาวๆ ขอตั ว ไปหาสามี ที่ ดี ดีกว่า" "รวยกว่ามัง อิอิ"
๑๓๒
"ผู้หญิงคนไหน ที่ไหนจะมาอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีหลักแหล่งละ ค่ะ ผู้หญิง เขามองถึงอนาคตย่ ะ หมดสมัยนานแล้ วที่จะทนกัด ก้อนเกลื อกินกันจ้า พี่อ่ะ ออกจากโลกเก่า ๆ ได้แล้ ว รักมันกิน ไม่ได้ ไปละ ขีเกียจฟังแล้ว" .......
8:11 5/4/2552
๑๓๓
หญิงสาวชุดดา กุหลาบสองดอก,เธอ- เนื้อคู่ของผม,- วันนี้ พริมพร่างในนุ่มนวลของเนือนัน เธอสวมชุดดา,กุหลาบสองดอกประดับแนบผ้าสวมไหล่- ซ้าย ชายกระโปรงกระซิบริมอยู่ต้นขาบนบางผ้าขลับดาห่อขาทังสอง มือและเล็บนางสาวของเธอเรียวงามวับ- สวย บนใบหน้าทังหน้าอิ่มงามแห่งนครโคราช,- ผมนึกคิดเช่นนัน !? ตาและปากเธอ สวยมาก ชีวิตบนใบหน้า เรียบงาม สวยอย่างพอเพียง มองทังหมดแห่งเธอ- ผู้หญิงสวย และเรียบนิ่งในชีวิต เธอสวย และงามอย่างที่ผมมองและคิด รู้สึก นึกแล้วคิด - เธอดารงอยู่อย่างที่เธอเป็น !
๑๓๔
ไม่มีเครื่องประทินผิวมากไปกว่าลิปสติกใสแนบบางที่ปากงาม และกรุ่นแป้งที่เนียนฝังผิวเนือ ไม่มีเครื่องประดับมากไปกว่านาฬิกาข้อมือซ้าย .. ไม่มีใดอื่นมากไปกว่า ตาครุ่นมองของผมที่จับโลมไล้ละไมอยู่กับร่างชีวิตเธอ - ด้วยนั่งชื่นชมความสดสวยแสนงามของธรรมชาติ ชีวิตในขณะนันเป็นสุขขึนมาอย่างโลกสันนิวาส เธอ คือ หญิงสาวสวยของโลก วันนี เธอคือเนือคู่ของผม เธอเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้ผม เธอเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้ผม เธอเคลื่อนร่างเข้ามาใกล้ผม เธอเคลื่อนร่างเข้ามาอยู่ในชีวิตผม .. หญิงสาวชุดดา กุหลาบสองดอก, เธอ- เนือคู่ของผม,- วันนี 10.20 31/10/2551
๑๓๕
เรื่องของผู้หญิงกับเรื่องของผู้ชาย ทุกคนมักฝันถึงและไขว่คว้าสิ่งที่ดีกว่า จะ 2 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี 10 ปี ถ้าเขาไม่รักก็คือไม่รัก เขาทาถูกละ ชีวิตไม่ใช่นิยายนี่ จะมากัดก้อนเกลือไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไร จะมีความสุขได้ยังไง เขาก็ต้องมองอนาคตเขาซิ ตอนเป็นคนรักกัน 10 ปี ก็มีความสุข แต่คาว่าครอบครัว มันไม่ใช่แค่รัก ต้องความพร้อม ความที่พี่เขียน มันแค่ความรู้สึกนะ แต่ความจริงมันไม่ได้นี่ ถ้ามีชายสองคนให้แพนเลือกนะ คนแรก แพนรักสุดหัวใจ แต่อีกคน เขารักแพนสุดหัวใจ แพนเลือกคนที่ 2 นะ เพราะเราคิดว่าเขาต้องดูแลเราได้
๑๓๖
รักไม่ใช่แค่รัก อย่างน้อยๆ ก็คือต้องมีบ้าน มีเงิน ความอบอุ่น เงินสาคัญที่สุด แพนไม่เชื่อใครเลยนะที่บอกว่า ไม่มีเงินก็มีความสุข ลองคิดดู ถ้าวันหนึง่ ไม่ใช่มีแค่เราสองคน มีคนที่สอง สาม ในครอบครัว เราไม่มีพอที่จะเลียงดูเขา จะมีความสุขมั๊ย เพราะฉะนัน เราต้องมองตัวเรา ว่าเราเองนั่นแหละที่ควรจะต้องปรับปรุงตัวเรา ถึงแม้พี่จะชอบชีวิตแบบง่ายๆ แต่ถ้าพี่ยังคิดจะมีเขาที่มีมุมมองชีวิตต่างกัน ก็ต้องคนละครึ่งทาง คนเราคงจะให้เขาทาตามที่เราต้องการซะทุกอย่างไม่ได้ - มุมมองชีวิตไม่ต่างนะเราสองคน เข้าใจกันที่สุดเลยละ ถ้าพี่เข้าใจเขาขนาดนัน ทาไมเขาทิงละ - อ้ายบ่ได้เรียกร้องหยัง ปรารถนาให้เขาสุข เขาอยากมีชีวิตที่ดีกว่า
๑๓๗
นั่นละเป็นสิ่งที่ทาให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้มีคุณค่าสาหรับพี่ พี่รู้มั๊ย ? ผู้หญิงนะรักแล้วถึงหลง ถ้ารักใครแล้วจะไม่อยากที่จะรักใครอื่นอีก แต่ถ้าวันหนึง่ คนที่เรารัก เขาทาให้เรารู้สึกเหมือนเราไม่ได้สาคัญสาหรับเขา แล้วเราจะอยู่ทาไม - เขารู้ว่าเขาสาคัญต่อพี่ และพี่ก้อสาคัญต่อเขา แต่เขาปรารถนาเดินทางสบาย เราก้อยินดี แล้วพี่ไม่มีปัญญาเลยหรอที่จะทาให้เขารู้สึกได้สักนิดว่า เราทาให้เขาสบายได้ในส่วนหนึ่ง นั่นเป็นเพราะพี่ไม่พยายามทาให้เขาเห็น - มันเศร้าที่บอกกันไว้แล้วว่า มีไร บอกด้วยนะ แต่ไม่ยอมบอก ให้เราเป็นอยู่ด้วยหวัง ตังหวัง วางแผนไว้โดยโดดเดี่ยวนี่แหล่ะ เป็นแพน ก็ไม่บอก เขาก็คงจะเจ็บไม่ต่างกัน แต่ถ้าวันหนึง่ มีคนที่อ้าแขนพร้อมที่จะโอบ แล้วปลอบเขา แล้วทาไม เราต้องหันหลังมามองความปวดร้าวนั่น
๑๓๘
ผู้หญิงอดทน อดกลันมากกว่าผู้ชายเท่าไหร่ ผู้ชายตะหากที่ไม่เคยเข้าใจพวกเรา ถึงจะเจ็บสักกี่ครัง มากมายแค่ไหน แต่แค่พวกคุณทาความเข้าใจในสิ่งที่พวกเราต้องการ คุณก็ชนะเราได้เสมอ - เข้าใจครับ ความรัก มันอาจจะไม่สวยเหมือนจินตนาการที่พี่สร้างหรอกนะ บางคู่ทังตบทังตี ทังอดๆ อยากๆ เพราะอะไรเขาถึงทนอยู่ บางคนเขาเก็บขยะ เขาก็ยังช่วยกันเข็นรถเก็บขยะมาขาย เหมือนชีวิตเขามีความสุขมากมาย เพราะเขาเห็นว่าต่างคนต่างมีความสาคัญ พร้อมที่จะลาบากและทาเพื่อกันได้เสมอ แต่พี่ไม่ บางครังคาพูดที่พี่บอกว่าพี่อยากให้เขาได้ดี เหมือนคาเห็นแก่ตัวนะ เหมือนตัดเยื่อใยด้วยคาง่ายๆ
๑๓๙
- เขาปรารถนานันมาก่อนที่จะเจอกันแล้วครับ จึงมีให้ได้เพียงรัก มันไม่ใช่เพลงลูกทุ่งนะ แต่ถ้าเขาแบบนัน พี่ก็รู้ว่าคงจะทาให้เขาไม่ได้ พี่ก็ปล่อยวางตังแต่แรก โตแล้วนะ อายุเท่าไหร่ แหม.. หมั่นไส้ สอนเด็กมาเยอะ แล้วเป็นไง - อิหยังน้องหล่า ว่ามาโลดครับ อ้าว พี่จะได้หายเศร้าไง -นี่เขาตอบมาตอนบ่าย 3 ฟ้ากว้างแต่บนทางยังมีดาวเป็นเพื่อน พี่อย่ามัวแต่พร่าเพ้อบทกวีจนลืมหันมองโลกปัจจุบันซิ อย่างพี่เขียน มันเหมือนเป็นการตอกยาตัวเองให้จมลงกับความเศร้าทุกวัน - นั่นละ งานกวี อิอิ เฮ้อ !
๑๔๐
- ก้อรักคือคนรักแห่งชีวิต คือน้องหล่าครับ ทุกคนที่ทิงไป จึงรักอ้ายคือเก่าไง - บ่ได้เขียนให้จมกะเศร้า เพียงบอกเล่าคาชีวิต ธรรมะทังนันแระ อิอิ แล้วพี่อ่าน แล้วมันความเป็นมามั๊ยล๊า เอางิ บวชซะปะถ้างัน จบๆ กัน พี่ไม่ต้องคิดมากหรอก เลิกตอนนี ดีกว่าตอนที่เราเป็นครอบครัว แล้วประคองไม่อยู่ ครอบครัวแตก ตอนนันแพนว่ามันเจ็บยิ่งกว่านี ปัญหามันมากกว่านี ไหนจะลูก ๆ ที่เกิดมาพร้อมปัญหาสังคมมากมาย ไหนจะหนีสินที่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถไม่หมด จะเรื่องภรรยาคนใหม่ที่กาลังจะหาเงินแต่ง - อ้ายง่ะ ถ้ามีครอบครัวแล้ว ไม่ปรารถนาให้แยก แม้เพียงตอนรักกันก้อไม่ปรารถนาแยก แม้ไปมีคนอื่นก้อไม่ปรารถนาแยก
๑๔๑
ไม่มีใครอยากให้เป็นหรอกพี่ชายจ๋า พี่เห็นมั๊ย บางคนเหมือนพร้อมซะทุกอย่าง เรื่องความวันนีใช่ พรุ่งนีตื่นมาอาจไม่ใช่ กว่าจะรักบอกกันมา 10 ปี พอแต่งกัน พูดจาไม่เข้าหู 2 คา เลิกแหละ - มะคิดนะนิ ว่าเจ้าสิเว้าไกล อิอิ ขอบคุณครับน้องหล่าที่มีอารมณ์ร่วม อิอิ กรรม แพนเลยไม่ได้นอน ปวดหัว ใครรับผิดชอบหว๊า - ดีใจจริงๆ นะเจ้าเว้ามาง่ะ พี่ชายจ๋า บางคนนะเก่งในบทเรียน เก่งในหลักวิชาการ แต่บทเรียนที่ยากแก่การเรียนรู้ มันคือชีวิต และตัวเองนี่แหละ เพราะพี่ไม่เข้าใจตัวเองและคนที่พี่รักไง - อ้ายเก่งเรื่องอกหัก อิอิ เจ้าน่าจะบวชชีนะ อิอิ ปากเสีย
๑๔๒
- อิอิ ก้อดูดิ เว้ามาง่ะ แสดงว่า อินอยู่มากเรื่องงี แพนโมโหพี่แหละ ติ๊งต๊อง เป็นผู้ชายอะไร เพ้อเจ้อไม่เข้มแข็ง - ดีใจจริงๆ ได้มองความรู้สึกนึกคิดผู้หญิง แพนร้องไห้ แต่น้อยครังที่จะมีใครได้เห็นนาตาเรื่องความจากแพน พี่เห็นตาแพนมะ บางคนบอกว่ามันแฝงความเศร้า แต่ทาไมแพน ถึงเหมือนว่าสดใสกว่าใคร เวลารัก แพนจะใส่ความจริง - ครับรู้ว่าเศร้า ไม่ได้แฝง แต่เศร้าเลยละ แต่เจ้าปิดด้วยรื่นรมย์ ความทุกข์มีทุกคน อย่างที่แพนบอก คนที่เรารัก เราอาจจะได้แค่ยืนมองแล้วตะโกนให้เขารู้ว่าเรารัก แต่อีกมือเราก็มีคนที่เขารักเรากุมไว้ด้วยความรัก กิ๊วๆ พอๆ
๑๔๓
- อิอิ น่ารักน้องหล่าอ้าย ไม่เคยมีไผเว้านีกะอ้ายนะ ได้ชีวิตจริงๆ แบบนี แพนแค่เด็กบ้านนอก แต่หลายคนบอกแพนว่า แพนไม่ธรรมดา แพนถึงชนะผู้หญิงหลายคนที่คิดว่าตัวเองแน่ - แม่น บ่ธรรมดา อิอิ กิ๊วๆ - เจ้าบินเหินฟ้า อิอิ จุฟให้ 2 ที อิอิ เลิกบ้าได้แล้วแร่ะนอนได้แร่ะ ตะจานต๊องเอ๊ยยยย - นอนแล้วเพิ่งตื่นกีไง ต้องให้ 'จารย์แพน สั่งสอน เป็นง๊ะ จ๋อย - บ่จ๋อยหรอก แต่ได้มุมมองชีวิต ว่าผู้หญิงคิดไง ดีละ
๑๔๔
ใช่ ! ผู้ชายไม่เคยเข้าใจผู้หญิง ในส่วนลึกของความรู้สึก - เจ้ามองได้ทะลุในอ้าย - เข้าใจเว้ยนู๋ แพนขีงอน แต่ไม่ขีแย ถึงจะขีแยก็เวลาอยู่คนเดียว เวลาเดินแพนเชิดหน้า ก้าวขายาวๆ สวมรองเท้าสูงๆ เพราะแพนอยากให้ใครๆ รวมถึงผู้ชาย ได้เห็นความมั่นและแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงมีอะไรมากกว่าที่คุณคิดและเห็น มีผู้ชายที่ทาชอบมาแซวแพน เห็นแพนเป็นคนเปรียวๆ เหมือนหมาหยอกไก่ ยังงันอย่างงี พอลับหลังพูดว่า แซวงันแหละผู้หญิงแบบแพน พอรู้ถึงหู แพนเรียกมาด่าตัวต่อตัวเลยนะ แพนบอกไงรู้มะ บอกว่าถึงฉันจะเป็นแบบนี เพราะมีปัญญาจะหาเงินมาแต่ง และไม่ได้แต่งตัวมาล่อผู้ชายแถวนี แล้วผู้ชายแบบคุณก็ไม่เคยอยู่ในสายตาด้วย
๑๔๕
ผู้หญิงบางคนถ้ามันจะกระหรี่ เรียบร้อยมันก็เป็นได้ ตัวเองเติบโตมาเพราะผู้หญิง อย่ามาดูถูกผู้หญิง ด่าแล้วก็กลัวนะ กลัวโดนเอาคืนทีเผลอ - หลายสาวบอกว่า อ้ายทาความเข้าใจผู้หญิงมากเกินไป... - อิอิ อย่าเผลอดิ ตะคนนีจะชอบเอาคืนเวลาเมา แพนบอกตัวเองไว้เลย มาเลยมึง เรื่องถึง ผจก. แน่ เขาไม่กล้าสู้หน้าแพนนานเหมือนกันนะ ผู้ชายบางคนปากเหลือเกิน แหม.. เห็นเรานุ่งสันหน่อย เราเซฟตัวเองเหมือนกันแหละ - สงสัยหายตัวร้อนแระมั่งนี่ อิอิ
๑๔๖
หัวเวียนแล๊ว พรุ่งนีแพนทางาน ไปนอนแล้วนะ - ครับ ขอบคุณมากครับ น้องหล่าที่เว้าชีวิตให้ตระหนัก แพนแค่ผู้หญิงบ้าน ๆ อาจจะแค่ดีแต่ปาก ดีแต่ตัวอักษร แพนก็เหมือนคนทั่ว บางมุมอาจจะเป็นคนไม่ได้เรื่องก็ได้ - เจ้ามักเอาไร้สาระ มากลบสาระ อิอิ เพราะแพนแค่คนคนฉลาดไง กิ๊วๆ มาจุ๊บที นอนแหละ พอๆ อย่าตามมานะ .... 23:11 27/4/2552
๑๔๗
อทวิภาค, รักสองเรา "สบายดีจ้า" ยี่สิบสองวันผ่านไป, ผมถึงได้รับข้อความนีจากเธอ เป็นข้อความที่เธอบอกเล่ามาครังแรก ในระหว่างยี่สิบสองวันนันจนบัดนี หัวใจของผมยังไม่นิ่งสนิท- ผมพยายามนิ่ง นิ่งเพื่อให้ใจที่ทรมานได้สงบโดยวิธีให้รักของเรายิมให้กับชีวิต เมื่อขณะใดที่ใจผมเจ็บชา โกรธแค้นเคืองใดๆ ขึนมา ผมรีบฉุดใจให้คิดถึงรักของเรา ผมวางหัวใจให้เห็นยิม ดวงตาและใบหน้างามละไมลอยตรงหน้า ผมใช่ !, ผมอยู่กับหวานชีวิตในก่อน ดีกว่าปล่อยให้ใจคิดถึงโดยนึกคิดให้เจ็บร้าว 'ไม่มีอะไรๆ เป็นของใคร ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร' - ผมจาแน่นในคาของเธอ 'รักสองเราเป็นอทวิภาค' - ผมอยู่กับดวงใจเศร้าแสนทนนัน กับพยายามรางับใจที่พลุ่งพล่านเพราะแรงไม่สมปรารถนา มองเห็นรักสองเรานันเป็นหนึ่งเดียว
๑๔๘
ผมแน่ใจโดยหัวใจตนเองว่า รักสองเราอยู่กับเธอไม่เปลี่ยนแปลงในหัวใจ เถอะ ! แม้ว่าใจเธอจะมีรักครังใหม่และกาลังเป็นสุขกับคนรัก เราต่างได้เรียนรู้รักมาด้วยกันด้วยชีวิต สุขทุกข์เราต่างได้เคยบอกเล่า เพียงคา 'สบายดีจ้า' ที่เธอบอกมานัน ทาให้ผม ดีใจ ยินดี หัวใจที่แสนทุกข์ได้ลด วางสัมภาระที่แบกหามอยู่ ผมยินดีกับความแสบเศร้าของตนเองมาอย่างคุ้นเคย ผมอยู่กับการพลัดพรากมาอย่างที่อาจเรียกได้ว่า แสนสนุกหฤหรรษเช่นนันเชียวหรือ- ชีวิต ! ผมเป็นอยู่กับรักอทวิภาคโดยโดดเดี่ยว ลาพังมานานแสนนาน รักที่เป็นหนึ่งเดียวของสองเรา หล่อเลียงหัวใจผมอยู่อย่างลาพัง- คนเดียว ขอหัวใจรักแห่งเธออย่าได้รางเลือน อย่าได้เศร้าหมอง หัวใจรักไม่ใช่หัวใจที่เศร้าหมอง
๑๔๙
หัวใจรัก คือหัวใจที่เป็นสุข อทวิภาคอยู่ในตน ขอบคุณในบอกเล่าและยิมละไมที่มีให้เช่นเดิม มีความสุขนะครับ ดวงใจรักของผม.
5:25 8/4/2552
๑๕๐
จากห้องสมุดของความโศกเศร้า
หัวใจรักเฝ้าถามตอบๆ ความฝันอึงคะนึงและยิ้มหวาน ชีวิตเศร้า ยิ้มเยาะและตีตัวให้เดินทาง.. .... อาจเพียงลาพังที่ฉันเป็นอยู่
๑๕๑
พบเธอ พบความรัก ใบหน้า ตา และยิมของเธอ เป็นสิ่งเสริมให้ผมยิ่งคิดถึงเธอ หัวใจในชีวิตของเธอ ยิ่งสานส่งให้ผมรักเธอ วงหน้าอิ่มเปล่ง คมคาย ดุและงามอยู่ในใบหน้า ทาให้หัวใจผมยอมลงอย่างตกหลุมรักเต็มชีวิต หัวใจ ความรู้สึกนึกคิด ที่เรียบและคมลึก เก็บซ่อนความเต็มชีวิตไว้ภายใน ทาให้ผมยอมรับเธอไว้ในฐานะคนของชีวิต ... เราพบกันด้วยความแปลกใจต่อกันว่า มาพบกันได้อย่างไร ผมงง จากการทักทายของเธอ เธองง จากการถามของผม แต่ผมรู้ว่าขณะนัน หัวใจของเราทังสองดีใจ ดีใจที่ได้มารู้จักกัน
๑๕๒
จากวันและคืนนัน เราพูดคุยกันทุกวันและค่าคืน บอกเล่าชีวิตแก่กันและกัน เก็บรับความยินดีเข้าสู่หัวใจของกันและกัน จนเป็นหัวใจเดียวกัน ผมมองเธอเป็นดังน้องสาวของชีวิต เธอชื่นชมผมเป็นดังพี่ชายที่เธอไม่เคยมี วันเวลาของพี่ชายกับน้องสาวอบอุ่นทุกวัน เราสนุกสนานกันดังว่าเรายังเป็นเด็กๆ แล้วความรักก็ยิ่งเกิดขึนในหัวใจเรา.
08:42|28|04|51
๑๕๓
ค่าคืน..., ลมร้อนพัดหายไป ใจอุ่นกรุ่นขึนมาบ้าง แคร่ไม้ไผ่ข้างกอไผ่ค่านีน่านอนยิ่งนัก จันทร์เสียวเกียวฟ้าสงกรานต์คืนสุดท้ายช่างงามนัก ดาวพริบพร่างอยู่เป็นดวงๆ กองไฟทีส่ ุ่มฟืนไว้ยังคงติดวูบวาบเรื่อยๆ ลมดึกพัดอ่อนๆ แม้เดียวดายก็ให้รู้สึกสุขกับบรรยากาศยามนี.. รอบข้างอวลด้วยกาลังชีวิตทุ่ง.. ณ ชานเมือง โลกจริงและโลกเสมือนจริง ต่างอึงคะนึงในแหล่งเดียวกัน ดูแปลกในความเคลื่อนไหว เป็นอยู่และเปลี่ยนผ่านนัน หลังผ่านความเร่าร้อนของลมแดดและบางขณะของห้วงใจ ที่ในทีเ่ ราอยู่ก็ช่างมีสุขเสียด้วยจริงๆ ใบไผ่เกลื่อนพืน ผมใช้เรียวไผ่กวาดใบเหล่านันเข้าสุมบนกองไฟ ควันกรุ่นและเปลวไฟลามเลีย กลิ่นควันช่างหอม หอมต่างกับดอกไผ่ยามออกในฤดู นี่ถ้าเป็นช่วงกลางวัน หน่อไผ่เผาได้เป็นอาหารอันโอชะอีกแน่
๑๕๔
หรีดหริ่งเรไร.. ใครนะช่างตังชื่อ ตังชื่อได้สมกับเสียงของพวกมันดีจริงๆ ยุง แมลงอื่นๆ ก็มีบ้าง แต่ก็ได้ผ้าขาวม้าปัดไล่ แสงตะเกียงที่ปรับเอาหลอดไฟมาใช้ แทนไส้ตะเกียงประกอบนามันก๊าด ส่องแสงเหลืองนวลล้อกับแสงจากกองไฟ และแสงในจอสี่เหลี่ยมของโลกบนสเปซ.. อยากเรียกมันว่า โลกในโลก ดูให้รู้สึกสับสนดี มองแล้วอะไรๆ ในโลกนีต่างก็เป็นโลกในโลกไปทังหมดนะ.. ถามตนเองกับกองไฟและกาลังชีวิตรอบข้างทังหมด .... จะมีใครเปล่าดายอยู่ ณ หุบห้วงใดบ้างหนอ เปล่าดายอยู่เพื่อรอ อาจรอเพียงหนึ่งเดียว หรือมากกว่าหนึ่งในการรอนัน.. 00:06 16/4/2551
๑๕๕
คืนจันทร์ฉาย เริ่มของค่าคืนนีที่มีจันทร์ฉันมีสุขใต้แสงจันทร์ที่ฉายแสง แต่ขณะที่เพียงแย้มแขเริ่มแสงนวล ใจก็พลันสั่นสะท้าน วูบดับลงฉับพลัน ... ดึกแล้วจันทร์ยังคงจันทร์จิรา- งามเสมอ แต่หัวใจฉัน.. ความเศร้าโอบกอดเข้ามาๆ ใจวูบดับแล้วยังปลิดปลิว คว้างอย่างไร้ทิศทาง แต่ยังพอเห็นอยู่ว่า ไกลลิบๆ นั่น ดินรนตะกายฟ้ามืดๆ เพื่อหาทางเข้าถึงจันทร์ ปริมาสแห่งรักเธอสุกสว่างนวลใจยิ่ง ยิ่งมอง ยิ่งไขว่คว้า จันทรกานต์- ความน่ารักดังดวงจันทร์ของเธอ ก็ยิ่งทาให้ฉันนึกคิดอย่างตรอมตรม
๑๕๖
คืนจันทร์ฉาย ฉันยังคงเดียวดาย ร้างไร้ความหอมหวานของชีวิต ... รักและคิดถึงคุณ.
02:39 15/10/2551
๑๕๗
กลางแสงเดือน ขึนสิบสี่ค่า เดือนสิบสอง ฟังข่าวว่าในที่ไม่ไกลนาท่วมนองเอ่อทั่วบริเวณ ฟังข่าวว่าในที่ไกลนาท่วมนองเอ่อล้นหลากสวน ไร่ นา ฟังข่าวว่าที่บ้านเพิ่งเก็บล้างภาชนะหลังงานแต่งเสร็จสิน ท่ามสายฝนที่รวยรินและกระหน่า คู่รักสุขในสมรส ท่ามลมหนาวที่เริ่มวาดริวหนาว อีกหลายคู่รักสุขในสมรสและสมรัก .... อากาศ ณ ที่พักของผมขยับตัวกดดันผิวหน้าและตัวตน หัวใจนิ่งรับทุกรู้สึกนัน ส่าเสียงจากงานลอยกระทงอึงอยู่ไม่ไกล ผู้คนคงมากมายในการรื่นเริง ผมเพิ่งได้พูดคุยกับดวงจันทร์ในคืนเพ็ญนี เธอสวยงามอยู่กับฟ้า งามเด่นดวง เด่นตา เด่นใจ ยิ่งนัก ....
๑๕๘
กลางแสงเดือน เธอกาลังนอนหลับ ผมคอยนั่งเฝ้า และนั่งรอเธอลุกขึนมาพูดคุยอีกครัง เราชมจันทร์ดวงเดียวกันไปเมื่อสักพัก เดือนช่างงาม เธอก็งามดังดวงเดือน คอยเฝ้าสะกิดเตือนหัวใจแห่งรัก ให้อุ่นในรักดังแสงเดือนอุ่น คืนนี ดวงเดือนอยู่กับใจ หัวใจเป็นหนึ่งเดียว . . ท่ามความเปล่าดาย. 23:11 12/11/2551
๑๕๙
ความเปลี่ยวดาย, มนุษย์คงกลัวสิ่งนี้ จึงไขว่คว้าหารักกันอย่างวุ่นวาย เช่นนัน, มนุษย์ช่างมีความเปลี่ยวดายยิ่ง มีมาตังแต่ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักคาว่า "รัก" โลกฉุดให้ความรุ่มร้อนภายในกายและจิตใจมนุษย์ ดินรนเพื่อย่างก้าวแห่งมนุษยชาติ ไม่มีมนุษย์หนึ่งใดสามารถเป็นอยู่ได้โดยโดดเดียว ท่ามกลางความหลากหลายของโลก และความหลากหลายนันเองสร้างให้มนุษย์ค้นหาสิ่งที่เรียกว่า "รัก" .. จนกระทั่งคาว่า "รัก" มีมากมายในความรู้สึกที่มนุษย์นึกคิดและคาดหวัง และเป็นคาถามอยู่เสมอว่า คาดหวังของผู้หญิงและผู้ชาย - แตกต่างกันไหม ? ตรงไหน ? ความรักของผู้หญิงและผู้ชาย - แตกต่างกันไหม ? ตรงไหน ? และ ฯลฯ
๑๖๐
การคิดค้นถึงสิ่งที่เรียกว่า "รัก" เติบโตมาพร้อมๆ กับการคิดค้น แสวงหาอุปกรณ์ที่เป็นคุณเครื่องอื่นๆ อย่างไม่รู้สิน เกิดขึนเมื่อมนุษย์รู้สึกถึง "ความกลัว" มนุษย์กลัวธรรมชาติ ! แท้ที่สุดที่มนุษย์กลัว คือธรรมชาติ ที่เป็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์เอง นอกจากนี ไม่มีสิ่งอื่นใดที่มนุษย์จะเกิดความกลัวได้ ! ความเปลี่ยวดาย- เป็นหนึ่งในธรรมชาติมนุษย์ กลัวที่จะเป็นอยู่โดยโดดเดี่ยว เหงา ธรรมชาติอีกนั่นแหล่ะที่สร้างให้มนุษย์แสวงหา แสวงหาอุปกรณ์ที่เป็นคุณเครื่องที่รู้สึกอบอุ่นของชีวิต มนุษย์จึงติดในคาดหวัง ความใฝ่ฝันจึงจาเริญไปโดยใจ ที่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง- เราต่างจึงไขว่คว้า ความวุ่นวายเป็นธรรมชาติของมนุษย์อีกหนึ่งที่เกิดตามมา เมื่อมนุษย์ยังไม่ประสพสมกับปรารถนานัน
๑๖๑
กลัว ดินรน- ธรรมชาติแท้ของมนุษย์ที่กระสับกระส่ายขึน จากรู้สึกนึกคิด หมั่นหมายหวัง แล้วเราจะกล่าวไปใย ในเมื่อสิ่งนีเพียงธรรมชาติมนุษย์ที่เพิ่งเกิดขึน ในภายหลังและเป็นธรรมดาๆ ดังนัน เมื่อเราเพ่งรู้ เข้าใจ เราจักพบรักนันโดยมิต้องวุ่นวาย เพราะความรักดารงมนุษย์ให้อยู่กับโลก.
4:14 14/2/2552
๑๖๒
แห่งหัวใจที่โศกเศร้า เราไม่สามารถผูกเปลความรักให้กายลงนอนได้อย่างอุ่นฝัน แม้กระทั่งหัวใจ ! วันเวลาของขณะที่เปล่าดาย สั่งสม และกาลังหุงต้มอยู่ในหัวใจ กายและหัวใจโดดเดี่ยวอย่างที่สุด โศกเศร้าอย่างเปล่าดายอวลอยู่อย่างคะนึง ไม่ทุรนทุรายร้อนกายใจ ไม่กระสับกระส่าย แต่ว่างไร้อย่างยิ่ง ! ว่างไร้ ใช่ ! หัวใจช่างว่างไร้ ว่างไร้จากหัวใจคนของความรัก ! ปากของห้วงคิดกู่ตะโกนก้องอยู่ว่าทาไม ? ถึงต้องอยู่อย่างเดียวดายอย่างยิ่ง ทาไม ? คนที่เรารักถึงได้ทึง ทิงเราออกไปจากหัวใจ ปล่อยให้เป็นความหลัง ความผูกพันที่เคยผ่าน !
๑๖๓
ปีแล้วปีเล่า คนแล้วคนเล่า ตัดห่วงโซ่มาลัยรักที่เคยร่วมเกี่ยวร้อย กระชากให้กระจาย สะบัดทิงไปปล่อยให้จรจัดอย่างสุดซึงทรมาน ! ทึง กระชาก สะบัดทิงในขณะแห่งรักเรากาลังอุ่นซึงต่อกัน เหมือนพลิกเหรียญบาทกลับด้านในทันควัน เหมือนเขวียงทิงหม้อข้าว ที่กาลังหุงข้าวใกล้สุกเพื่อจะตักกินกันสองคน .. เราทังสองหิวข้าว ร่วมกันหุงข้าว แต่เธอกลับฉวยหม้อข้าวเขวียงทิง ! รักของสองเราดังเมล็ดข้าวสีขาวใกล้สุก เกลื่อนพืนโลก ... สายตาเธอเปล่งประกายเมื่อสบกับสิ่งเร้าใหม่ องคาพยศใหม่เริ่มแจ่มกระจ่างกลางใจเธอ ความเป็นเก่าพรากหายไปจากหัวใจเธอ ฉันเจ็บร้าวอยู่อย่างเปล่าดายกับความเป็นเก่าๆ
๑๖๔
ความรักอย่างยิ่งต่อเธอเคลื่อนคู่กับความเหงา ของหัวใจที่ถูกทิงอย่างปวดปร่า มันเป็นความจริงที่ฉันต้องเป็นอยู่ แห่งหัวใจที่โศกเศร้า.
00:23 19/9/2551
๑๖๕
หัวใจและความฝัน เธอบอกว่า"หัวใจใคร หัวใจมัน... เดินตามทางที่ใจฝัน เท่านันพอ.. " อ่านแล้วหวั่นในหัวใจ ช่างคล้ายกับว่าปลิดปรารถนา ตัดรานดวงใจรัก.. ฉันอ่านอย่างครุ่นครวญในขณะของไหวหวั่นนัน แล้วกลับอ่านซาแล้วซาเล่าด้วยพิจัยของนิ่งในคิดค้น แล้วเผลอยิมเยาะให้กับตนเอง ยิมเยาะในรู้สึกตนเองอย่างผาดพร่า วาดความคิดคาดหมายถึงความรู้สึกของเธอในขณะ มองอย่างเข้าใจแล้วพาดดวงใจและปีกรักไว้กับชีวิต ซึงอยู่กับความรู้สึกนัน ฉันอยู่กับรู้สึกของตนเองมาตลอด ด้วยรักแห่งชีวิต ! เหมือนกับว่าเกือบทุกครัง จับจ่อ ผ่อนถ่าย วนเวียน
๑๖๖
ไม่พรากผ่านไปกับรู้สึกพรากนัน ทรมานในหัวใจและความฝัน ภาพความคิดวาดตัวตัดปุยฝันขาดเป็นห้วงๆ และภาพความคิดอีกนั่นล่ะ เข้ามาเชื่อมผสานฝันต่อติดกับหัวใจรัก ให้เปิดดวงใจอาทรต่อความรู้สึกนึกคิดแห่งหัวใจ และความฝันของเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดแห่งหัวใจและความฝันของเรา ที่อวลอยู่ในชีวิตของฉัน.. ฉันคิดในสิ่งที่ฉันคิด ฉันคิดในสิ่งที่เธอคิด หรือที่ฉันคาดหมายเอาเองว่าเธอคิดเช่นนันๆ หัวใจรักเฝ้าถามตอบๆ ความฝันอึงคะนึงและยิมหวาน ชีวิตเศร้า ยิมเยาะและตีตัวให้เดินทาง.. .... อาจเพียงลาพังที่ฉันเป็นอยู่ .... 00:09|7|14|6|2551
๑๖๗
ความหวั่นกลัวในใจของฉัน เธอเงียบในชีวิตแต่ละวัน คล้ายไม่อยากเอ่ยกล่าว หรืออาจจะยังไม่แน่ใจตนเอง หาใช่เธอจะปิดบังไม่ !? เธอเงียบในชีวิตคิดฝันนัน ฉันได้เพียงแต่เฝ้าครุ่นมอง อยากตีโพยตีพายกับเธอ แต่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ ในสิ่งที่ฉันกาลังครุ่นมอง ด้วยติดตามอย่างหวั่นหวาดนัน ใช่ ! ฉันหวั่นหวาดและห่วงในเธอ หวั่นหวาดกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึน ห่วงในเธอเพราะไม่อยากให้เร่งรีบตัดสินใจ
๑๖๘
ชีวิต ใช่ตัดสินใจง่ายดาย ! และใช่จะลังเล กระนัน ความสืบเนื่องของกาลเทศะแห่งชีวิต ในเบืองหน้านัน สาคัญต่อเรายิ่งนัก ความคิดฝัน หวัง นาพาเราให้เดินทาง ฉันปรารถนาให้เธอตระหนักในคิดฝัน หวังนัน ชีวิตคู่ คือสุดยอดการงานแห่งมนุษย์ในโลกิยะ มนุษย์เกิดมาย่อมมีทังปรารถนาและไม่ปรารถนา ฉันเองปรารถนายิ่งนัก เห็นในปรารถนาของตนเองเพราะเธอ และเฝ้าปรารถนาสาเร็จการงานนันเพราะเธอ ความคิดฝัน หวังของฉันกับเธอ หาได้ต่างกันไม่ เราต่างปรารถนา แต่ก็นั่นหล่ะชีวิต- ความเคลื่อนผ่าน
๑๖๙
ในปรารถนา คิดฝัน หวังของคนเรา มักมีทางให้เลือก... ฉันหวั่นกลัวในใจตนเอง เมื่อครุ่นมองด้วยติดตาม ความเป็นอยู่ของเธอ เธอเงียบในชีวิตที่คิดฝัน หวังนัน คล้ายไม่อยากเอ่ยบอก หรืออาจจะยังไม่แน่ใจตนเอง หาใช่เธอจะปิดบังไม่ !? ฉันได้แต่นั่งนอนหวั่นกลัว กลัวในทางที่เธอเลือก ห่วงเธอในทางที่คิดจะเลือกนัน.. .... 19:54|6|27|06|2551
๑๗๐
เรือนใจฉันถูกไฟไหม้, คนงามตาคม,- ที่รัก บัดนี โอกาสนันมาถึงแล้ว โอกาสที่ฉันได้รับอย่างถนุถนอม เงียบเบาบนเส้นทางรัก เงียบแสนเงียบอย่างไม่ปรารถนาในเงียบนัน เงียบนันให้ความหมดสินไปแห่งใจสุข ระทมนันอุกคลั่งเร่าเผาร้อนขึนอย่างลุกโชน ผลาญทังสินดวงใจ ! เรือนใจฉันถูกไฟไหม้, ฉันตายลงตรงนัน ตายในรู้สึกที่กาลังรับรู้ ฉันพยายามตายอย่างเงียบสนิท ตายอย่างค่อยๆ ให้แผ่วเบา ตายเกรียมชีวาลงค่อยๆ ให้ทุกรับรู้ค่อยๆ เผาลน ลามเลียช้าๆ แต่ละคืบๆ ของดวงใจ เถิด ! เรือนใจแห่งรัก ไฟแห่งรักเจ้าจักแผดเผาดังใด จงแผดเผา เผาด้วยร้อนนันให้ไหม้ทุกอณูทรวง !
๑๗๑
วาบกินให้สินทุกพืนที่ดวงใจ จงเผา จงเผาไหม้ เสาเรือนนันก็จงอย่าได้เว้น เผาให้สูญสินสักครัง.. สักครัง ... ไฟรักเอย ทาไมเจ้าช่างไม่เคยช่วงชิง ดวงใจนันไปพรากจากฉันสักที ช่างเฝ้าเผาลนอยู่อย่างนัน ครังแล้วครังเล่า.. ไม่สูญสิน เหลือซากรักที่ปรักพังไว้คาใจ ทาไม ทาไม ? เพื่อการตื่นฟื้นใหม่รึ ? อีกกี่ครังเล่าสาหรับการให้ตื่นฟื้น กี่ครังใหม่เล่าให้เฝ้าเป็นอยู่อย่างนัน
๑๗๒
เผาให้ดับดินสินสูญไปสักทีเถิด ! จงเผาฉัน จงเผาฉัน ! ตายลง ตายลง ตายลง ดับตาย.
00:11 30/3/2552
๑๗๓
ชีวิต คือเวลา.. วันเวลาในการเดินออกจากกัน ? เช่นนันหรือ ? ผมเฝ้าครุ่นคิดอย่างพยายามให้ใจนิ่งๆ ไม่ตีโพยตีพายไปตามที่ดวงใจรับรู้และรู้สึก ครุ่นคิดอยู่ว่าชีวิต คือเวลา.. วันเวลาในการเดินออกจากกัน หรือ ? เป็นเช่นนันจริงๆ ชีวิต คือเวลา.. วันเวลาในการเดินออกจากกัน ผมพบกับความเป็นจริงๆ ดังนี มาตลอดช่วงชีวิตวัยหนุ่มจนบัดนี หญิงสาวที่ผมแสนรักแสนห่วงด้วยดวงใจอาทร ในวันเวลาเธอค่อยๆ เดินออกจากผม ผมราลึกถึงวันแรกที่เธอเดินเข้ามาสู่ชีวิต ช่วงวันเวลาใหม่ๆ นันทาให้ดวงใจชีวิตเราทังสองเติบงาม อุ่นในกันและกันอย่างตื่นรู้ในรัก ชีวาหลั่งไหลไปกับวันคืนที่ผูกรักไว้ในกันและกัน จนถึง.. พอสมควรแก่เวลา
๑๗๔
ใช่, คานี- พอสมควรแก่เวลา เธอค่อยๆ ให้ระยะในกันและกันห่างออกไป ห่างออกไปเดินในเส้นทางของตนเองมากขึนๆ พร้อมๆ กับค่อยๆ ปลดวางผมไว้ในที่ที่ห่างจากเธอ ทังหมด- ทุกคน จากห่างผมไปทังๆ ที่รักไม่เคยจาง จากไปทังที่ดวงใจแห่งเธอยังรักผมไปแปรเปลี่ยน ! ชีวิต คือเวลา.. วันเวลาในการเดินออกจากกันนัน ไม่เคยทิงรักไว้กับผมเพียงลาพัง แห่งดวงใจรักแห่งเรายังอยู่ เพียงแต่เธอเดินทางออกจากผมไปอยู่กับรวงรังแห่งรักใหม่ คนใหม่เท่านัน ! โอ.. ชีวิต ช่างยินดีกับผมอย่างยิ่ง ผมรักทุกอย่างที่ประดับขึนมาในดวงใจ เพราะทุกอย่างคือความเป็นจริง เป็นความเป็นจริงที่มีให้กับชีวิตผม ได้พบ ได้รัก ได้อยู่กับการเดินทางออกจากไปนัน
๑๗๕
ทังหมดคือวันเวลาแห่งชีวิต ผมรักในทุกความสุขที่มีและในทุกเจ็บร้าวที่มี การเดินออกจากกันคือ สุข- ให้แด่เธอ การเดินออกจากกัน คือเจ็บร้าวนัน- ให้อยู่กับผม ขอสุขจงได้อยู่กับชีวิตเธอ.
00:58 30/3/2552
๑๗๖
ฤดูกาลของเธอ เปลี่ยนผ่านสุขทุกข์ชีวิต ปรากฏแด่เธอในเยาวมาลย์ จนล่วงย่างเข้าเต็มเพ็ญ- ชีวา กาลฝน หนาวและร้อนพรากชีวิตสู่ชีวิต พร้อมๆ กับ พรากทังมวลลงสู่ทางกลับเพื่อการเดินทางต่อ ไม่มีแล้วซึ่งคาถามว่า รัก ไม่รัก เพราะฤดูกาลของเธอใกล้ .. ใกล้ที่สุดแล้ว หวานและขมของผึงป่า ทังหมดเยียวยามาแล้วตลอดช่วง ฝนแห่งรัก หนาวแห่งรัก ร้อนแห่งรัก เป็นฤดูกาลแห่งเธอมาเพียบพร้อมแล้ว ที่สุดของฤดูกาล ไม่มีที่สุด ! ที่สุดของที่สุดก็หามีไม่
๑๗๗
การเดินทางในฤดูกาลของเธอ เรียบรายด้วยราชวัตรแห่งโลกและจักรวาล.. .... แม้ดอกผลชีวิตเติบเต็มและหล่นพร่องบางคราวครัง ฤดูกาลนันก็ยังสร้างเธอพร้อมกับที่เธอสร้างฤดูกาล, โอ้.. นิศานารถ เพ็ญและแรม คือเธอ ความพรั่งพร้อมแห่งฤดูมาถึงแล้ว มาเถอะ ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน.
14:39 7/2/2552.
๑๗๘
ปรารถนาหัวเราะโดยน้าตาที่ตกใน นาตาปรารถนาจะไหลออกมาสู่ดวงตา แต่กลับไหลย้อนอย่างร้าวลึกสู่ดวงใจ นิ่งอยู่กับรู้สึกทังปวง, พยายามไม่ให้สิ่งใดขับเคลื่อน ใจร้าวที่เจ็บชา ชีวิตที่แสบพร่า อดกลันนันทังหมดไว้โดยใจ หนทางที่ตามรู้ เห็นแจ่มชัดขึนมาอย่างเติบเต็มหัวใจ เสมือนดังว่า ไร้ปราณีใดๆ จากเธอ แต่ไม่ใช่เช่นนัน, เธอปราณีรักผมด้วยชีวิตตลอดมา และยังคงมั่นในรักเรา ผมเชื่อด้วยดวงใจชีวิตตนเองและดวงใจชีวิตเธอ เราทังสองไม่ได้เดินทางไกลออกจากกัน เรายังคงเดินร่วมทางชีวิตในกันและกัน
๑๗๙
ชีวิตเธอยังมีผม เพราะชีวิตผมยังมีเธอ และจักมีเธออยู่กับชีวิตผมตลอดไป ทังในชาตินี ชาติหน้าและทุกๆ ชาติ ผมหัวเราะ และยิมให้กับนาตาที่กลืนกิน เวี่ยว่ายดวงใจชีวติ ที่ยิมด้วยรักไปมอบให้เธอ รักคุณอย่างที่สุด.
7:07 12/4/2552
๑๘๐
หัวใจชีวิตรักของเรา "จงเชื่อมั่น และศรัทธาในความรัก" เธอบอกฉัน และตนเอง ครังเมื่อเราประจักษ์ในรักด้วยกัน .... "โลกนีไม่ได้มีแต่ความรักนี่ !" เธอบอกฉันในปัจจุบัน,- หลังวันเวลาผ่านเลย ....... ฉันเชื่ออย่างเต็มหัวใจ,หัวใจรักของผู้หญิงคงมั่นที่สุด ผู้หญิงมีหัวใจรักอย่างเต็มเปี่ยม มากกว่าผู้ชาย ! หัวใจรักเธอ ไม่เปลี่ยนแปลง !! 'โอกาส' เท่านัน ทาให้เธอยิ่งคงมั่นในการไขว่คว้า เพื่อสร้างความ 'มั่นคง'
๑๘๑
เธอฝังหัวใจรักไว้กับชีวิตอย่างรักนิรันดร์ เพื่ออยู่กับความมั่นคง .... พืนที่ในหัวใจชีวิต ถูกหัวใจรักตนเองขีดผ่านเป็นเส้นสายแห่งรักอย่างหยัดทะนง อยู่ในโดดเดี่ยวและเดียวดายอย่างท้าทายโลกและชีวิต !! .... ฉันรักคุณ ผมรักคุณ.
18.09 18/05/2551
๑๘๒
อ้อมกอดที่อุ่น อ้อมกอดที่อุ่น.. เราต่างเคยได้สัมผัสใช่ไหม เพราะฉันโอบเธอซุกแอบอิง นั่นเพราะหัวใจเราไขว่คว้าเข้าหากัน อุ่นนันยังซาบอยู่ในหัวอกฉัน หัวใจฉันซึงรักอยู่ตรงนี อุ่นเนือแรกของรักเรา อ้อมกอดที่อุ่น.. เปิดเผยหัวใจในชีวิตรักให้เผชิญและประจักษ์ เป็นชีวิตรักของเราสองคน กระชับแขนโอบให้เธอกับฉันอุ่น ซุกตัวแนบหน้าใต้ลมหายใจ ใบหน้าเธอช่างงามน่ารักยิ่งนัก ซบหน้าเรียกไออุ่นให้กันและกัน
๑๘๓
วันนัน..เป็นกอดที่อบอุ่นรักหนุ่มสาวอย่างยิ่ง ฉันไม่อาจลืมเพราะเป็นชีวิตของความรัก ในห้องสมุดของความรัก .... อ้อมกอดที่อุ่น.. ฉันเคยได้พานพบในห้องสมุดของความรัก แต่นานหลายเดือนมานี่ อ้อมกอดที่อุ่นๆ ซึงอยู่อย่างเปล่าดาย ในห้องสมุดของความโศกเศร้า คือห้องสมุดของเรา ที่มีเพียงฉันเปล่าดาย...
01:10 /17/42551
๑๘๔
ไม่มีบทรักใดเท่าหัวใจที่เราตื่น การจากพรากรูปและรสทังปวง เป็นเพียงการเดินทางกลับแห่งธรรม บทรักที่เคยรับรู้และตระหนัก เป็นฐานแห่งการเรียนรู้เพื่อชีวิตอีกก้าวเดิน การพรากพ้นไม่ใช่การพรากพ้นของทังหมด พานพบในพรากนันเพื่อให้เราตื่นขึนอีกครา เป็นอีกคราครังของการเรียนรู้ใหม่ ที่อวลรู้สึกสบทับ ต่อติด แผ่เปิดการตื่นรู้ขึนทังปวง รักที่เต็มตืนหัวอก จักสร้างให้เกิดผกผัน ร้าวสุดของหวดไห้- ในตกพราก ตรากลงไปตราบสินวิถีของมัน.. เมฆก็โปรยฝนกระจายฉ่า ....
๑๘๕
ใจผลิอยู่ทุกเมื่อด้วยรักแท้ที่มี ฟื้นคานึงนันเถิด ดวงใจข้าเอย จงรักในพรากนัน ! .... บทรักที่แท้ยังคงสร้างเรา หัวใจรักยังคงอยู่กับเรา เธอจากไปกับฝนแรก เพียงเพื่อจากไปโดยหาปรารถนาจาจากไม่ ใช่ ! ไม่เคยมีใครปรารถนา ไม่เคยมี ! .... อยู่กับบทรักที่เป็น เย็นอยู่กับบทรักที่ยังตรึง มนุษย์ไม่มีปรารถนาใด ที่สุดไปจากรัก รักที่เที่ยงแท้ในทุกความมี ความเป็น เข้าใจ. 4:37 19/2/2552
๑๘๖
จารักฉันไว้กับชีวิตเธอ วันคืนผ่านๆ ฉันได้แต่นั่งเดียวดายอยู่กับถ้อยคาตนเอง ฉันได้แต่นั่งเดียวอยู่กับรู้สึกนึกคิดของตนเอง รู้สึกอย่างถ่องแท้ในหัวใจชีวิตตนเองว่า รักเธออย่างไร นึกรู้ในทรงจาที่ผ่านไปได้ว่า รักเธออย่างไร คิดเห็นในหัวใจชีวิตได้อย่างเพียบพร้อมว่า รักเธออย่างไร ที่รักของฉัน จาฉันไว้กับชีวิตของเธอ โปรดได้จาทุกอย่างไว้กับชีวิต .. ผมบอกเธอว่า เราต่างรู้ว่าเรารักกันอย่างไร รักกันโดยหัวใจเช่นใด รักกันมากเพียงใด และต่างรู้ว่า อย่างไร คือรักของเรา ..
๑๘๗
.. ช่วงการเป็นอยู่ของต่างคนต่างเดียวดาย กายที่ไม่ได้ชิดใกล้ ใจที่เริ่มแตกห่าง อ้างว้างที่เข้าแนบครอง โดดเดียว โหยหายที่เข้ามาอุ้มล้อมใจ ความเป็นใหม่ที่เห็นอยู่ราไร.. ผมบอกเธอ จาฉันไว้กับชีวิตของเธอ ความรักยังอยู่กับเราสองคน เธอบอก "แต่ฉันอยากลืมทุกสิ่ง.. " .. .... .. ความรู้สึกอย่างถ่องแท้ในหัวใจชีวิตของผม รักคุณ การนึกรู้ได้ในทรงจาที่ผ่านชีวิตของผม รักคุณ การคิดเห็นในหัวใจชีวิตของผม รักคุณ .. .... ที่รักของฉัน จาฉันไว้กับชีวิตของเธอ. 20:36 23/9/2551
๑๘๘
วาสนะแห่งรัก
คุณได้เปิดพื้นทีห่ ัวใจของคุณเพื่อใครบ้าง ? เปิดอย่างไร ให้อย่างไร เราหวังใด ทั้งหมดก็เป็นอยู่ในพืน้ ที่หวั ใจของเราเอง.
๑๘๙
สัมผัสแห่งรัก ทังหมดกระทบรู้อยู่ในขณะๆ แผ่วปะทะ ประมวล เก็บรับ หรือปลดทิง เป็นความจริงของแต่ละช่วงกาล - การณ์ เรากระทาให้เกิดความมี ความเป็น หนึ่งเดียว หลากหลาย หรือบางครังจนมากมาย เกินจะเหนี่ยวรัง จนถึงที่สุดเราปะทะรู้ว่าการเกิดเปลี่ยนนัน สัมผัสเราอยู่โดยสิ่งๆ เดียว ที่ทาให้เราอยู่รอด เป็นสัมผัสเดิมแท้ก่อนการติดปรุง เคลื่อนตัวอย่างจริงแท้โดยกฎในระวาง ไม่อึดอัด ไม่ขัดขวาง และไม่ใช่ประเล้าประโลมของมายา
๑๙๐
และไม่ใช่นิยามใหม่อื่น ที่เราเฝ้าประกอบการ ทังหมดกระทบอยู่ในขณะๆ เป็นอยู่อย่างนันๆ อย่างนันๆ .
7:11 20/1/2552
๑๙๑
กิจแห่งรัก ก่อนปฏิสนธิจนถึงขณะปัจจุบันกาล รูปเราอาศัยนามคือความรักหล่อเลียงความเป็นอยู่ เป็นกฎธรรมชาติ เรียกว่า กิจแห่งรัก คือหน้าที่ที่สืบเนื่อง - สายธารชีวิต ธรรมชาติกระทาต่อธรรมชาติ ซึ่งกันและกัน สมดุลด้วยธรรมชาติจัดวาง มนุษย์ผู้อาศัยรักหรอกที่ทาให้ธรรมชาติดังเดิมแตกเปลี่ยน มนุษย์ชอบการจัดวางใหม่ตามหัวใจตนเอง และมักชอบต่อแย้งกับความเป็นจริงๆ กิจแห่งรักจึงแปลกเปลี่ยน ! ...
๑๙๒
"ความเข้าใจใหม่" ที่อยู่กับครรลองธรรมชาติฝ่ายกุศล เรามักหวนระลึกรู้ได้เป็นคราครัง ระลึกได้ครังใด หัวใจและชีวิตเรามีสุขอย่างอิ่มอุ่น แต่ก็นั่นล่ะ โลกมักนาพาเราให้ท่องเที่ยวไป เหมือนเรากาลังเล่นชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุก ทังสนุกและน่ากลัว เร้าใจเราให้เสพคุ้นกับความท้าทาย ... ชีวิตเรามักออกนอกบ้าน ลืมความอบอุ่นแห่งกาเนิด เมื่อใดที่เราพบว่าตนเองเดินแข้งขาล้า เมื่อนัน เราคิดถึงบ้าน, - เราปรารถนาเยี่ยวยาหัวใจชีวิตตนเอง ด้วยบ้านคือการภาวนารู้ว่า เราอยู่ตรงไหน กาลังทาอะไร จะไปไหน และจะไปอย่างไรโดยกิจแห่งรักที่แท้จริง เรารักชีวิตขึนมาแปลกจากที่เคยกระทา เรารู้ว่าชีวติ มีแค่ไหน และจักต้องทาอย่างไร
๑๙๓
ธรรมชาติคือกิจแห่งรัก บอกเราว่า,".. พึงเป็นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงด้วยรัก"
17:39 23/8/2551
๑๙๔
การกระทาความรักต่อกัน เกณฑ์ระหว่างปฏิสัมพันธ์มนุษย์ ถูกจัดแจงขึนโดยกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากบุคคลสู่บุคคล สู่กลุ่มบุคคลย่อยๆ แล้วสู่กลุ่มบุคคลทังมวล ความกระทบนัน คราครังกระทบแผ่วโอน คราครังกระทบจนให้รู้สึกกระเทือนชา เราต่างกระทาต่อกันในนามของคาว่า ดี ชั่ว กระทาดีต่อกัน กระทาชั่วต่อกัน !! เป็นไปโดยการเดินทางของคติ อคติรัก โลภ โกรธ หลง พยาบาท ทิฏฐิแห่งคิดดี คิดชั่ว กระทาด้วยเกลียด สร้างความเจ็บโกรธ กระทาด้วยความเจ็บโกรธ สร้างความเกลียดชัง และแม้บางครังกระทาด้วยรัก แต่กลับสร้างความเจ็บปวด เรากระทาความรักต่อกัน อย่างไร ? หากเรากระทาความรักต่อกันโดยวิธีคิดของเราเอง ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการไตร่ตรอง-
๑๙๕
ทาความเข้าใจให้เห็นความเป็นจริงๆ การกระทาความรักต่อกันนัน ก็ให้ผลที่แปรปรวนไปจากสิ่งที่นึกคิดหวัง ....... ในความสนุกสนานของโลก วิถีแห่งรักเกิดความหลากหลาย ความเป็นจริงของบางสิ่งอย่างก็กลับกลาย การกระทาความรักต่อกันจึงมีความแปลกต่างไปนานา .. ที่สุดแห่งรักแล้ว มนุษย์มีความรักอย่างยิ่ง อยู่ที่ว่าใช้จ่ายความรักด้วยมูลค่าใด หรืออยู่กันด้วยความรัก โดยคุณค่าแห่งรักอย่างไร เราต่างปรารถนากระทาความรักต่อกัน เรากระทาความรักต่อกันด้วยความเข้าใจอย่างไร ? การกระทาความรักต่อกันนัน มีขอบเขต เนือหา ตัวแปรที่แท้จริง ตรงไหน ? ระหว่างปฏิสัมพันธ์มนุษย์. 22:24 18/11/2551
๑๙๖
ความทรงจาของความรัก เคยคิดไหมว่า ความรักมีความทรงจาหรือไม่โดยตัวของมันเอง, เราต่างรู้กันว่า ชีวิตรักของเรา มีความทรงจาแห่งรักมากมาย ใช่, บางคนช่างมีมากมายเหลือเกิน มากจนกระทั่งว่า ไม่อาจนาไปประดับไว้ที่ใด ทังๆ ที่แท้นัน ทังหมดประดับประดาอย่างประเดประดัง อยู่เพียงในใจ- ในใจแห่งสัญญะ ที่บางหนบางทีเราไม่อาจสามารถวิวัฒน์ให้วิจิตร เหตุเพราะเราวินิจอยู่แต่กับความเป็นที่ผ่องผ่าน ด้านเดียว ! ....
๑๙๗
กล่าวที่สุด ความทรงจาของความรัก มีอยู่โดยตัวของมันเอง เป็นไกวัลย์อยู่อย่างนัน และไม่เคยพรากไปจากความเป็นนัน.. , เราต่างหวังเพียงพยายามทรงจาแต่ด้านดี เรามักกล่าวแก่กันอย่างนี ความรัก มีด้านดี ด้านร้าย ด้วยหรือ ? .... เคยมีคนสร้างนิยายรักจากนิทาน เขาให้ชื่อว่า"ความรัก คือความร้าย" โดยให้ผู้รับสารเข้าใจว่า รักนันร้าย เรามักพ่ายเพราะรัก ดังนัน จงได้หลีกจากรัก, แต่ในเนือสารแท้แห่งรักนัน คือการปลอดจากความคิดเห็นที่ผิด ! ....
๑๙๘
ความทรงจาของความรัก เป็นอยู่ที่ทัศนะที่ชอบ ที่ถูกต้อง และไม่มีความร้ายใดๆ มาแผ้วพาน ความทรงจาของความรัก เป็นสัมมาญาณทัศน์ เพื่อการเกิดแห่งสัมมาวิมุตติ์ .... แล้วจะมาบอกเล่า เกี่ยวกับ - "ความรักสุญญตา" ขอให้เธอมีรัก.
17:43 10/2/2551
๑๙๙
ความไม่เศร้าของความรัก เดิมแท้แล้ว, ไม่มีความเศร้าของความรัก จึงมีความไม่เศร้าของความรัก, ต่อมาหรอกที่เรามักพบกับความเป็นที่เราเรียกว่าความเศร้าของความรัก ความเป็นใหม่นีเกิดกระทบต่อเรา ตรงที่หัวใจชีวิต เป็นความเศร้าใหม่ที่เรารับเข้ามาเอง จากรู้สึกนึกคิดที่เรารับรู้ในดวงใจว่า "รัก" .. พรากหวัง ตกหวัง ไม่สมหวัง ไม่เป็นไปดังที่เราเรียกร้องต้องการ .. จากความเป็นใหม่นีเองส่งผลให้เกิด - ความเป็นอื่นต่างเราจึงต่างเป็นหลายๆ อย่าง จนเรารู้สึกในทับท้อนัน จนเราแทบแหลกลาญ
๒๐๐
จนเรา.. .... ต่อเมื่อเรารางับรู้สึกนึกคิดทังปวงนันได้ในเพียงขณะ เราก็จะวาบพบเห็นว่าความเป็นจริงๆ นัน ปรากฏอยู่ในความเป็นเก่า ทังหมดในความเป็นเรา ก็เพียงรูปเงาที่ไหวผ่าน .. แต่ก็นั่นละ เพียงขณะของขณะ ที่เราเป็นอีกเช่นกัน.. .... ความรักเดินทางควบคู่กับเรา โดยธรรมแล้ว, แท้อยู่ในทุกอณูพลังศักย์ และเพียงขับขานบางบทเศร้า สุข ทุกข์นัน อยู่ในทุกพลังจลน์ ! ....
๒๐๑
ความเศร้า หรือความไม่เศร้าของความรัก ต่างบรรเลงดังบทเพลงเดียวดายในกันและกัน สบทางที่หัวใจชีวิตเรา เราให้เป็น เราบรรเลง เราเอง เพียงเป็น.
20.:22 8/2/2552
๒๐๒
"ความเคยชิน" คือ รัก นับเนื่องและเนิ่นนานแห่งการอยู่ครอง ทังหมดเกิดขึนก่อนที่เราถือกาเนิด ทังหมดพรั่งพร้อมจากการสั่งสมแห่งธรรม นับเนื่อง เนิ่นนาน เป็นอยู่อย่างนัน ! หลังการถือกาเนิดแห่งเรา ทุกอย่างค่อยๆ ปรากฏชัด วาบผ่าน และเฝ้านับเนื่อง เนิ่นนานกับเรา เป็นอยู่อย่างนัน ! ทังหมด เราอาจเรียกว่า ความเคยชิน, ความคุ้นชิน ทังหมดนัน สืบสายสานต่ออยู่โดยรัก เคยชิน คุ้นชิน อยู่อย่างนัน เราเสพคุ้นอยู่กับทุกความเป็น ! แม้ในขณะที่ขาดห้วงสมปฤดี รู้ตัวทั่วพร้อม หรือไม่อาจรู้ตัว
๒๐๓
เป็นรักที่เคยชินที่เราพรากออก หรือบางคราวช่วง เราลืมหลง เราเองกลับทาให้รักที่เคยชินกลายไปเป็น รักที่ชินชา เราคุ้นเคยกับความเคยชินใหม่ จนพรากหรือหลงลืมความเคยชินเก่า เรากระทาความเป็นเก่าให้เป็นความเป็นใหม่ จนกลายเป็น "ความเป็นอื่น" โปรดนาความเคยชินแห่งรักกลับมาอยู่กับชีวิต โปรดอย่าได้นาความเคยชินใหม่ที่เป็นอื่นเข้ามาครองชีวิต ความเคยชิน คือ รัก ความเคยชิน คือ ชีวิต ไม่เคยทาให้เราต้องกลายเป็นอื่น ที่เรากลายเป็นอื่น เพราะเราอยู่กับความเคยชิน ที่แตกปร่าออกไปจากความเป็นจริง ความจริงแท้แห่งความเคยชิน คือ รัก นอกจากรักเราไม่เคยชิน นอกไปจากรัก เราไม่เคยชิน. 18:52 3/2/2552
๒๐๔
พื้นที่ของหัวใจ พืนที่ของหัวใจ มีขอบเขตเพียงใด มีอะไรเป็นเครื่องวัดระยะ ? บางครังเราไม่ได้รู้สึกถึงความมีขอบเขต หรือไร้ขอบเขต แต่พอมีเครื่องวัด เราก็ยังกลับไม่ได้ระลึกตามรู้ว่า มันมีขอบเขต ตอนที่ใจเราโกรธ เกลียด ชัง อาฆาต พยาบาท ฟุ้งซ่าน หมกมุ่น อึดอัด ขัดข้อง เหนื่อยหน่าย ดินรน อยากได้ ต้องการ ปรารถนา รัก หวาน ชื่น เริงร่า ลิงโลด ตื่นเต้น.. เราอยู่กับอารมณ์ โลภะ โทสะ โมหะ หลั่งไหลอยู่กับมันอย่างหลงใหล หลงลืม เราได้ใจ เราก็ยังไม่ได้ระลึกตามรู้ว่า มันมีขอบเขต ขอบเขตแห่งรักกับขอบเขตแห่งชัง เท่ากันไหม ?
๒๐๕
พืนที่ของหัวใจเรากักขัง หน่วงเหนี่ยว ถือครอง ทังรักทังชัง- รู้สึกดี ไม่ดี ทังรักและชังแห่งเรา กดกรอบรู้สึกให้คับแคบเข้ามา ให้คับแคบเข้ามาจนอัดอัน หนัก หน่วง ยุดรัง แต่คราครังนะ- หัวใจเราช่างประหลาด ช่างประหลาดจริงๆ เมื่อเรารับรู้สึกถึงว่าโอ.. ใจเราช่างกว้างใหญ่ไพศาล ดังมีใดมาโอบอุ้มเราให้ล่องฟ้า ชีวิตช่างงามเหลือเกิน มองไม่อาจเห็นที่สินสุดแดนว่าขอบเขตอยู่หนใด ! โล่ง โปร่ง ว่าง - ไม่มีขอบเขตจริงๆ ช่างประหลาด ช่างยิ่งใหญ่ ! สิ่งใดเล่า ? คือเครื่องวัดความมีขอบเขต และความไม่มีขอบเขตแห่งหัวใจ
๒๐๖
พืนที่หัวใจของคุณซุกซ่อนใดไว้บ้าง ? คุณได้เปิดพืนที่หัวใจของคุณเพื่อใครบ้าง ? เปิดอย่างไร ให้อย่างไร เปิดเพื่อตนเอง เปิดอย่างไร ให้เพื่อตนเอง ให้อย่างไร เปิดเพื่อผู้อื่น เปิดอย่างไร ให้เพื่อผู้อื่น ให้อย่างไร เราหวังใด ทังหมดก็เป็นอยู่ในพืนที่หัวใจของเราเอง.
17:00 19/3/2552
๒๐๗
ลมหายใจของความรัก เติบกล้าด้วยหัวใจ เป็นอยู่ได้ด้วยหัวใจ ความรักสร้างชีวิต ชีวิตสร้างความรัก ทังหมด,- ด้วยหัวใจ ด้วยหัวใจ คือ เอาใจใส่ เอาใจใส่โดยรักและถูกต้อง ถ้าถูกต้องก็ไปเป็นโดยรักที่แท้ ถูกต้อง คือ แจ้งในสรรพสิ่งทังปวง เห็นว่า อะไร คือ อะไร อย่างไร ทาไม จะทาอย่างไร เพื่ออะไร ได้อะไร
๒๐๘
ธรรมทังปวง,- สสารธรรม จิตธรรม ล้วนแผ่วผ่านอยู่ตรงทวารชีวิต เข้าออก บอกเล่า สร้างสาน ประดิษฐ์ หลงเพียงนิด ติดเป็นกรอบคิด ยิ่งต้องแสวงหา รับรู้ เท่าทัน ณ ขณะๆ เวลา ชื่นช่วงลมชีวิตก็เบิกบาน อยู่กับลมหายใจของความรัก ด้วยหัวใจ,- ใส่ใจ เอาใจใส่ ร่วมเรียนรู้และอยู่ด้วยรัก ชีวสิทธิฯ
17:57 31/12/2551
๒๐๙
เงาชีวิต เงารัก "....... ฉันก็หวังว่าจะรักและถูกรักอย่างสุดหัวใจ.. " เป็นคาที่เธอเขียนไว้ให้อ่าน ... เราทังสองต่างก็ผ่านเรื่องราวแห่งรักกันมา ครึ่งหนึ่งของชีวิตทังหมด เป็นชีวิตรักแรกรุ่น หนุ่มสาว จนย่างเข้าความเป็นหนุ่มสาวได้เต็มชีวิต ต่างคนมาพบกัน ต่างคนต่างมีเงารักในชีวิต เงานัน มิใช่ตัวตน บุคคล แต่เป็นชีวิตภายในชีวิต ชีวิตคนเราล่วงผ่านวัย พรากเอาชีวิตตนเองและผู้อื่น เข้ามาติดไว้ในชีวิตเสมอ อยู่ที่ว่าจะเป็นเงาชีวิต เงารัก อย่างไรในหัวใจ เพียงเราได้ยินเสียง เพียงได้พบสบตา ละจากเพียงขณะนัน
๒๑๐
เราก็ต่างเป็นเงาชีวิตเงารักของกันและกันแล้ว เงาชีวิตใหม่ เงาชีวิตเก่า เงารักใหม่ เงารักเก่า สบทับประดับอยู่ในชีวิตเราเสมอ เราต่างหวังให้เงาชีวิตใหม่ เงารักใหม่ ประทับจับแต่งหัวใจชีวิตให้งอกงาม ด้วยรักบริบูรณ์ ใช่ ! เราต่างหวัง และเราใช้เงาชีวิตเก่า เงารักเก่า เป็นฐานเรียนรู้เพื่อให้ชีวิตรักเรา เติบกล้า แกร่ง มั่นคงด้วยรักแห่งชีวิต เราเรียนรู้โดยทาความเข้าใจ เข้าใจในทุกลีลาแห่งธรรมชาติสรรพสิ่ง เข้าใจในทุกลีลาแห่งกรรม ! การจากพราก เราต่างพบอยู่ทุกขณะลมหายใจชีวิต เราหายใจเข้า หายใจออกเงาชีวิต เงารัก ให้เติมเต็มและผ่องถ่ายชีวิตของกันและกัน !
๒๑๑
ฉัน เธอ,- เราก็ต่างหวังว่าจะรักและถูกรักอย่างสุดหัวใจ ฉันเห็น, รับรู้ด้วยชีวิตรักว่าลมหายใจเข้า ลมหายใจออก มีชีวิต, ความรักของเธอ มีชีวิต, ความรักของฉัน เป็นเงาชีวิต เงารักของเรากันและกัน เดินทางเพื่อสืบต่อชีวิตรักของเราทังสอง และของโลกอยู่อย่างรัก รักอย่างสุดหัวใจแห่งมนุษย์กรรม ! ฉัน เธอ,- เรารักกันและต่างหวังเป็นผู้ถูกรักอย่างสุดหัวใจ.
04:39 3/5/2551
๒๑๒
แนบรักอกอุ่นไว้ แนบเนื้ออกใจ คุณกลัวที่จะรักหรือ ? กลัวทาไมเมื่อหัวใจเรามีรักและเรียกร้องหา ความรักที่อบอุ่น, หัวใจเราทุกคนมีความรัก แต่ธรรมดามนุษย์ที่ยังต้องการอีกรัก เข้ามาเป็นคู่ประสานให้สองหัวใจรักเป็นหนึ่งเดียว,- ในเรา .. ชีวิตที่ผ่านเรื่องราวความรักมา เราพบ เราพราก เจ็บปวดและจดจา, มีเพียงนีหรือ ? ความหอมหวนของรักล่ะ คุณจาได้ไหม ? เริ่มแรกแห่งรักมักเริ่มต้นด้วยอุ่นอวลของหวานชื่น นั่นล่ะ ! คือต้นทางแห่งรักที่แท้จริง ระหว่างทางของรักที่เราพบทังสุขและทุกข์ ก็คือ รักที่แท้,- จริงแท้ที่สุด เพราะ "ความรัก คือการเคลื่อนเปลี่ยน" เป็นการเคลื่อนเปลี่ยนภายในชีวิตเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เรียนรู้พบกับการเปลี่ยนผ่านของชีวิตแต่ละขณะ
๒๑๓
.. ที่สุดแห่งรักไม่ใช่ความเศร้า หรือปวดปร่าทรมานอย่างเอาหัวใจชีวิตตนเองไม่รอด ทุกข์ในระหว่างรักไม่ใช่หนทางนาไปสู่จุดจบของชีวิต แต่ทุกข์ระหว่างรักและทุกข์ทังหมดของชีวิตคนเรา เป็นหนทางนาไปสู่การดับไม่เหลือ ! เป็นการดับไม่เหลือที่เรายังเป็นอยู่โดยสุขสันติ ยิมและสงบงามอยู่ในทุกขณะ .. คุณกลัวหัวใจผม หรือคุณกลัวหัวใจตนเอง ?? คุณปรารถนาความรัก ผมปรารถนาความรัก รักที่เป็นแก่นแท้ของกันและกัน รักที่พยุงชีวิตของเราทังสองให้ก้าวเดินบนทางชีวิตที่มีดุลยภาพ
๒๑๔
คุณปรารถนา ผมปรารถนา แล้วทาไม เราไม่ทาสิ่งนันให้สมปรารถนา อย่าสร้างความกลัวให้เกิดขึนในจิตใจ อย่าก่อกาแพงรักที่ปิดกัน ขอได้ก่อกาแพงรักที่มั่นแกร่งในหัวใจของกันและเถิด ที่รักของผม.
20:19 10/10/2551
๒๑๕
ในพันธะ พบเจอกับคนๆ หนึ่ง เราได้พูดคุย บอกเล่าเรื่องราวของกันและกัน ใจเกิดความยินดีต่อกัน ในทุกค่าคืนของชีวิตเราต่างเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน บ้างสุข บ้างทุกข์กับปรากฏการณ์ภายนอก-ใน เป็นช่วงๆ สลับไปมา นั่นทาให้เราต่างได้เรียนรู้ บอกเล่าชีวิตกับชีวติ รักปรากฏในดวงใจเราทังสอง มีความคิดฝันในตนเอง ในกันและกัน ชีวิตเป็นกาละพร้อมเทศะ, ช่วงเวลา พืนที่หัวใจย่อมมากมายไปด้วยความรู้สึกนึกคิด เราเป็นอยู่กับโลก ! เป็นอยู่กับโลกทังสอง โลกทังสาม และโลกทังแปด สรรพารมณ์เหนี่ยวหน่วงหัวจิตหัวใจให้เป็นไปตามที่รู้สึกนึกคิด สุข เศร้าคละเคล้าชีวิต เราต่างเห็นในเป็นไปนัน หัวใจชายหญิงแห่งโลกและธรรม ย่อมเป็นเช่นนัน รัก โลภ โกรธ หลง น้อยเนือต่าใจ ปรารถนา ตกหวัง ชิงชัง แล้วเวียนวนไปเริ่มต้นที่.. รักอีกครัง
๒๑๖
ตราบลมหายใจแห่งชีวิตและปรารถนาในรัก หัวใจชายหญิงย่อมเดินทางในกาละและเทศะ เพื่อสมสร้างกาละและเทศะแห่งรักให้กับชีวิต เราต่างปรารถนารักสวัสดี ใครเล่าจะปรารถนาความถอยห่างของความผูกพัน โอบอุ้มความรู้สึกผูกพันด้วยรักไว้กับชีวิตเถิด เมื่อเราพบรักในกันและกัน พอใจในพันธะหนึ่งนันด้วยตระหนักว่าตนเอง เป็นผู้เป็นที่รัก.
23:49 12/6/2551
๒๑๗
ความรัก ความศรัทธา ความรัก ความศรัทธา เป็นสองอย่างที่อยู่ร่วมกัน อิงอาศัยซึ่งกันและกัน จนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเรารัก เราจักศรัทธา เช่นกัน เมื่อเราศรัทธาแล้วเราจักรัก ความศรัทธา ไม่ใช่ความถือมั่นต่อสิ่งที่ตนเองเชื่อ ความรัก ก็ไม่ใช่ความรักมั่นต่อสิ่งที่ตนเองรัก แต่เป็นความลงตัวของจิตใจ ที่มั่นในรักอย่างไม่คลางแคลง เป็นรักศรัทธาในดวงใจที่ถือครองด้วยการรู้เท่าทัน ประทับดวงใจไว้ในกันและกัน อย่างตื่นรู้ เป็นธรรมดา ธรรมชาติอย่างยิ่ง เป็นธรรมชาติในฝ่ายให้รู้สึกยินดี ! แต่เป็นการยินดีอย่างรู้ทั่วพร้อม
๒๑๘
ชายหญิงมีความรักความศรัทธาในหัวใจเท่าๆ กัน เพียงแต่วา่ เขาและเธอ วางความรักความศรัทธานันไว้อย่างไร วางไว้ในใจอย่างโดดๆ หรือกระทาให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยความเข้าใจ ความรัก ความเข้าใจ ความศรัทธา ความเป็นกลางสร้างประสานให้เกิดรักที่แท้.
00:18 30/5/2551
๒๑๙
อิสรภาพของความรัก ผูกพันด้วยหัวใจปภัสสธรรม สตินาในใคร่ครวญ หวนในรู้สึกดีๆ นิ่ง ยิม สงบสัมปฤดี จิตปฏิพันธ์ ปฏิพัทธ์ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ วางเหตุแลผลของกันและกันไว้กลางๆ มองอย่างละวาง เท่าทัน อิสรภาพของความรัก เกิดภายในหัวใจปาริสุทธิ การุญด้วยหิตคุณ วิมุตติ์ ผ่องผุดดุจกลีบขาวของบุปผา
๒๒๐
อิสรภาพของความรัก มีเบืองต้น ท่ามกลาง แลที่สุด สถิต ณ หัวใจที่รู้เท่าทัน ยิ่งค้น ยิ่งมืด ยิ่งสืบ ยิ่งหาย ยิ่งสาว ยิ่งตึงมิคลาย นิ่งๆ แล้วกาหนดหมาย ..นั่นไง !
๒๒๑
ความงดงามแห่งรัก เราต่างบอกแก่กันและกันว่า "รัก" เธอบอกฉันว่า .. มองสิ มองความรักให้งดงาม เพราะความรักนันงดงาม .. จากนันหัวใจชีวิตของเราก็งดงามซึ่งกันและกันด้วยรัก เป็นทุกวันและค่าคืนของชีวิตรักอันงดงาม หัวใจชีวิตเราเติบโตไปด้วยกัน เติบโตด้วยรักของสองหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ... กาละ คือการเคลื่อนเปลี่ยน จึงมีความไหวเปลี่ยนด้วยเพราะหวั่นไปกับกาละและเทศะ ทุกข์เพราะการได้รักจึงเกิด ... ในหัวใจเราทังสองยังมีรัก ที่เป็นรักธรรมชาติดังเดิมก่อนที่จะเกิดมีการได้รัก
๒๒๒
รักนันพยุงหัวใจชีวิตเราไว้ด้วยกัน ไม่ทาให้ความรักที่ก่อเกิดแตกดับ ฉันราลึกคาแห่งเธอมาไว้กับชีวิต มองหาความงดงามแห่งรัก ความรักที่เป็นธรรมชาติดังเดิม งดงามอยู่อย่างเต็มรูปแบบ เป็นพลังศักย์ พลังจลน์ เป็นอยู่และขับเคลื่อนอย่างสมดุล ไม่มีความพร่องในระหว่าง .. ความรักที่ก่อเกิดเพราะการได้รัก กอปรไปด้วยสารพัดของความรู้สึกนึกคิด สั่งสมทบลงเป็นสัมภาระหัวใจ บางครังให้ใจแสนสุข บางครังกดทับอย่างทรมาน ... ฉันผ่านช่วงกาละและเทศะอย่างหลังไปได้ เพราะคาของเธอ และการได้สัมผัสรู้ จากการเฝ้าภาวนาในรักที่เรามีต่อกัน
๒๒๓
ความรักดังเดิมงดงามอย่างที่โลกให้เป็น ความรักที่ก่อเกิดเพราะการได้รัก งดงามได้ด้วยเพราะเรารู้จักอดทน ข่มใจ สงบเสงี่ยมอยู่ด้วยรักอย่างรู้เท่าทัน คือ ขันติรัก และโสรัจจะรัก “ความรักงดงาม มองสิ มองความรักให้งดงาม เพราะความรักนันงดงาม” ขอบคุณความงดงามแห่งรักในหัวใจชีวิตเธอ ขอความรักเราได้งดงามอยู่กับชีวิต รักเธอด้วยรัก. 04:14 31/8/2551
๒๒๔
แสงแห่งชีวิต ธรรม คือทังหมดให้แสงแก่เรา เปรียบอาทิตย์ให้แสงแด่โลก เธอเปรียบดังพระจันทร์ทอแสงนวล ฉันเช่นดังดวงดาวที่วาบแสงเคียงข้าง เราต่างได้รับแสงแห่งธรรม เข้ามาเพื่อฉานแสงในตัวตน ... จันทรา มิได้อวลแสงอยู่อย่างโดดเดี่ยว มีดาราล้อมเพื่อให้จันทร์เฉิดฉาย ฉันเพียงประกายดาวผู้เป็นเพื่อนจันทร์ เธอคือราชินีแห่งฟ้า จันทราย่อมฉานฉายด้วยแสงแห่งโลกแห่งธรรม รับและเป็นเองเฉกเช่นฉัน เราต่างรับแสงแห่งโลกแห่งธรรม เพื่ออุ่นเอือเนือแสงนันกันและกัน ใช่, เราต่างคอยเป็นแสงสว่างให้แก่กันและกัน คาและชีวิตเธอสอนฉัน เหมือนน้องเตือนพี่ เหมือนเพื่อนเตือนมิตร
๒๒๕
เธอเป็นจันทร์ที่เกือแสงประโลมฉันเสมอ ฉันต่างหากเล่าที่น้อยแสงโชนฉายแด่เธอ จันทร์เต็มแสง หัวใจคงมั่น แม้บางครังลดดวงเป็นเสียวเกีย่ วใจ มินานก็คืนเดิม ฉันสิ เป็นดาวกระพริบแสงอยู่นั่น เหมือนหวั่น หรือวาบร้องเรียกให้รับรู้ ... คืนวันผันเปลี่ยนเนิ่นมา จันทร์กับดาวยังพราวแสงแก่กันและกัน โลกยังเอือแสงแก่เรา ธรรมเอือแสงแก่เรา ฉันขอเป็นดวงดาวที่วาบกระพริบแสง บอกจันทร์ว่า ยังมีดาว คอยวาบแสงให้เธอเห็น และรอรับแสงแห่งจันทร์แสงแห่งชีวิต เรา คือแสงแห่งชีวิตในกันและกัน. 20:46 10/7/2551
๒๒๖
วาสนะแห่งรัก โอ้ว่า วาสนา ชีวิตกับความรักเอ๋ย ความเป็นอยู่แห่งรักเราจักนิรันดร์ .. ฉันถามเธอว่า จะอยู่กับฉันไหม เธอตอบ ไม่รู้ แล้วแต่วาสนา ฉันบอกเธอ วาสนาของฉันอยู่กับเธอ เธอบอก วาสนาของเธออยู่กับฟ้า ฉันบอกเธออย่างอุ่นยิมว่า ฟ้าที่มีจันทร์กับดาว เธอกล่าวว่า มีเมฆด้วยนะ ฟ้าหน่ะ ฉันบอก จะฝ่าเมฆหมอกนันไปให้ถึงเธอ ปรารถนาของฉันอยู่กับเธอ, ฉันต้องเดินให้ถึง และจะยิ่งเดินหน้าเมื่อรู้สึกว่าเธอห่างหาย เดินๆ แม้ว่าข้างหน้าจักเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ชีวิตฉันจักเริ่มต้นที่ 39 เพื่อตัวฉัน ความหวังในเธอ และเราสองคน เธอถาม ทาไมเริ่มช้าจัง ฉันบอก ชีวิต อนิจจัง
๒๒๗
ฉันยากับเธอ
จักไม่ยอมพลาดหวัง แม้ในหวังท่ามลมฝน เธอคือผู้ปลุกชีวิตฉันให้ตื่นและเดินทาง เธอกล่าว ดีที่ยังเริ่มเดิน ไม่ใช่นอนทอดอาลัยตายอยาก ฉันบอก ฉันเดินมาตลอดตังแต่เรารู้จักกัน เดินในรู้สึกแห่งรัก เพื่อดูแลหัวใจตนเองและเธอ ฉันบอกเล่า ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่า ที่คิดว่าเธอหวั่น ในทางของเรา ช่วยบอกที แต่ก็ดีที่ทาให้ฉันลืมตาตื่นเพื่อเดินทางไกล เธอบอก ใช่ ดีกว่านอนจมปลักไปวันๆ หาประโยชน์ไม่ได้ ฉันบอก ฉันไม่ใช่คนนอนทอดอาลัยตายอยาก เพียงแต่หวั่นในชีวิตรักเท่านัน เธอเอ่ยคาว่า เหรอ ฉันบอก อืม.. กล้าๆ กลัวๆ เพราะที่ผ่านมา ทุกคนต่างละทิงฉัน ไว้ในความทรงจาของฉันเอง เธอถาม เพราะอะไรหล่ะ เค้าถึงทิงไป ก็รู้อยู่แก่ใจ ฉันตอบ เพราะจน เธอกล่าว แล้วก็มานั่งตัดพ้อเหรอ ฉันบอก ไม่กลัวหรอกกับชีวิต หวั่นแต่เรื่องรัก ครอบครัว ..
๒๒๘
เธอมีความเป็นแบบเด็กๆ ที่ผสานความเป็นผู้ล่วงชีวิตมาได้ค่อน บอกเล่าเรื่องราวชีวิต ทาให้ฉันได้คิดลึกซึงขึนและกว้าง ฉันชอบและรักเธอตรงนี ฉันรักมุมมองผู้หญิงแบบเธอ นีห่ ล่ะ คือ วาสนะแห่งรักของเรา ความเป็นอยู่แห่งรักเราจักนิรันดร์. 19-20/5/2551 จันทร์วิสาขะและอังคารแห่งรักนิรันดร์
๒๒๙
ด้วยดวงตาของเธอเอง
มองเถิด เวิ้งฟ้านั้นกว้างไกล มองด้วยตาสู่ใจในเป็นอยู่ มองด้วยรักวักไว้ให้พรั่งพรู มองดูด้วยดวงตาเธอ
๒๓๐
คนรัก ในฐานะใดจึงจะเรียกได้ว่าคนรัก ในความสัมพันธ์ระดับใดจึงจะเรียกได้ว่าคนรัก.. ?? เพียงเพราะมีใจรักกัน เพียงเพราะมีความสัมพันธ์ทางกาย.. ?? คนรัก เรารักเขา จึงเรียกว่า คนรัก ..... แล้วทาไม เราจึงโกรธคนรัก เพราะรัก ? คนรัก ทังในความเป็นตัวเราเอง และความเป็นตัวเขา เราต่างมีสิทธิ์ บางครังโกรธ บางครังรัก
๒๓๑
สิทธิ์เท่ากันที่เราจะทาความเข้าใจในกันและกัน เท่ากับบางครังที่เราโกรธ เท่ากับที่เรารัก คนรัก หมายถึง บุคคลคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับ บุคคลคนหนึ่ง และกับอีกหลายคน สิทธิ์เท่ากัน ที่เราจะทาความเข้าใจในกันและกัน.
20/4/2551
๒๓๒
ความรัก ความรัก คือบทกวีของชีวิต เป็นบทกวีที่แสนหวาน เป็นบทกวีที่เจ็บนาน ในลานใจ ในลานใจที่ไร้ขอบเขต เป็นเหตุเป็นผล- ยลภายใน เป็นเหตุเป็นผล- กลไก ให้เป็นไป เป็นอยู่ ในลานใจที่เราจากัดขอบเขต เป็นเหตุเป็นผล- ผลักไส - อดสู เป็นเหตุเป็นผล- ข้างๆ คูๆ ก็เพียงแค่บางครัง เพราะรัก
๒๓๓
ความรัก คือบทกวีของชีวิต เป็นบทกวีที่ยาวนานนัก เป็นบทกวีที่เขียนเพื่อให้ตระหนัก เป็นบทกวีที่เรารัก ชีวิต
15/2/2551
๒๓๔
เกื้อกูล ไม่ใช่เพียงบางสิ่งอย่าง แต่เป็นต้นทางของทุกสิ่ง จริงแท้แน่ในและอาบอิง นิ่งอยู่ในกันและกัน อยู่ในรูปที่จับต้อง อยู่ในกาลังที่เกี่ยวพัน เคลื่อนไหวอยู่โดยนัยยะนันๆ สรรแต่งทุกสรรพสถิต - จลน์ รัก ไม่รัก รัก ไม่รัก รัก แปรผ่านเวียนวน ก็ยังเฝ้าตกแต่งในทุกหน แผ่วยลผ่านอยู่นานเนา เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติ ให้รู้เห็น แล้วเย็นเบา เป็นรักของรักอยู่ในหัวใจ - ตักเรา และยังเยาว์ยังเร้าให้เฝ้ามอง
๒๓๕
ไม่ใช่เพียงบางสิ่งอย่าง แต่เป็นต้นทางของทุกสิ่ง อบอุ่น อบอุ่น เป็นความจริง เป็นรากแก้วและกิ่งก้านฯ ชีวิต เกือกูลซึ่งกันและกัน นั่นแหละ "รัก"
12/3/2551
๒๓๖
ฝัน คล้ายกับว่า ชีวิตนันอยู่กับฝัน เป็นชินเป็นอันในฝันที่เป็นไป เป็นเรื่องเป็นราว บอกเล่าภายใน เป็นเยื่อเป็นใยถักทอดวงใจนิรันดร์ เราต่างอยู่กับความฝัน ในแต่ละฝัน เราแบ่งปัน เราสร้างเราสรรค์ ให้ฝันนันเป็นจริง เมื่อฝันเราเป็นจริง เรายิมอิ่มใจในฝันอิง เรามองโลกและทุกสิ่ง อย่างสุขพิงอิงอาศัย เมื่อฝันเราไม่เป็นจริง เราอยู่ไม่นิ่ง ว้าวุ่นหัวใจ เราเศร้า เราอาลัย เจ็บกับฝันภายใน ใจเราร้าวรอน
๒๓๗
ฝัน.. คล้ายกับว่า ชีวิตนันอยู่กับฝัน และเราต่างอ้อนวอน กลัวความฝันนันสั่นคลอน ใจเปียกปอนด้วยฝัน ฝัน.. คล้ายกับว่า ชีวิตนันอยู่กับฝัน ฝันของเราผูกพันกับความจริงนันๆ เป็นความฝันและความจริงของกันและกัน เป็นความฝันและความจริงของกันและกัน.. เราฝัน
22/2/2551
๒๓๘
ไกล - ใกล้ ระยะทาง,- ห่าง ไกล ในสมมติ ระยะใจในสุด สุดคิดถึง ระยะเรา เหงา เศร้าอยู่ในห้วงคานึง ระยะนันจึงคิดถึงหัวใจ.. ที่ดูเหมือนไกล หรือใกล้กัน ระยะทาง,- ใกล้ ในใจรู้สึก ระยะเป็นระยะๆ อยู่ลึกๆ ผนึกผูกพัน ระยะห่าง ใกล้ ไกล ในรู้สึกนัน เพียงระยะๆ เท่าๆ กัน,- ฉัน,เธอ ไกล.... ในระยะทาง ระยะใจ,- หวั่นไหว เสมอ ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้พบเจอ คิดถึง ละเมอ ถึงเธอทุกวัน ใกล้.... ในระยะทางระหว่างหัวใจเธอกับฉัน แม้ไม่ได้พบหน้า ก็มีบ้างเพียงราพัน กอดรักในฝันไกลใกล้เพราะได้รัก ..
๒๓๙
ระยะทาง,- ห่าง ไกล ในที่สุด ต่างเราเพียงสมมติดวงใจให้ประจักษ์ ระยะทาง,- ไกล ใกล้ ใช่ไกลนัก เป็นระยะๆ แสดงอยู่โดยรักหัวใจเรา.
2/4/2551
๒๔๐
ความมั่งคง ชีวิตคู่มีความมั่นคงกี่อย่างนะ สถานะหัวใจ สถานะครอบครัว ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ความมั่งคงขององค์ความรู้ชีวิต สองอย่างนีจะเป็นคาตอบและฐาน ของความมั่นคงของความรัก จริงแท้ใช่ไหม ? ความจาเริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม ความจาเริญเติบโตขององค์ความรู้ชีวิต สองอย่างนีต้องมาก่อนความจาเริญเติบโตของความรัก
๒๔๑
จริงแท้ใช่ไหม ? ความมั่นคง ความคงมั่น ภายในชีวิต ภายนอกชีวิต อย่างไหนสาคัญกว่ากัน ? แล้วเราจักเอาความจาเริญเติบโต ทางใด เป็นบาทฐานเพื่อความมั่งคงของชีวิต และเอาอะไรเป็นเกณฑ์วัดผล ความลุล่วงของชีวิตคู่ที่สุขสงบเย็น ... ใจอย่างเดียว.. ใจเราที่มั่นคงด้วยความจาเริญเติบโตของความรัก
๒๔๒
ใจอย่างเดียวใช่ไหม ? เป็นพลังเพื่อสมสร้างความจาเริญเติบโตขององค์ความรู้ชีวิต อันจักนาไปสู่ความจาเริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม และสุดทางที่ความจาเริญเติบโตของชีวิตที่สัมบูรณ์.. ... 27/6/2551
๒๔๓
ผูกพัน การดารงอยู่ของหัวใจ บางครังแปลกผ่าน.. บางห้วงชีวิต ไตร่ตรองครวญตรึก,บ้างบ้านั่งคิด หัวจิตหัวใจว่าย - วน แปลกผ่านเพราะแปลกเปลี่ยว โดดเดี่ยวเดียวดาย สับสน ไขว่คว้าวิ่งหา ลุกลี ลุกลน ปะปน สนตะพาย สอดส่ายสืบค้น.. เป็นการดารงอยู่ของหัวใจ ! เคลื่อนกระแสในแพ้พ่าย ใช่พรากพ้น ! ชีวิตที่ตังหน้าดันด้น ก้มหน้าก้มตา- ดวงใจ,- ตอบทาน การดารงอยู่ของหัวใจ บางครังแปลกผ่าน.. เพียงผ่าน สบทบพบเจอไม่นาน ใช่เพียงแค่ร้าวรานให้นานเนา
๒๔๔
แปลกผ่าน,- เพื่อเคี่ยวเข็ญ ให้ร้อนหนาวเย็น รู้เหงา เรียนรู้หัวใจชีวิตตัวเรา หนักเบาในชีวิต ผลิดวงใจ,- ดารง เป็นการดารงอยู่ของหัวใจ ! เคลื่อนกระแสในจริงแท้ บอกบ่ง ทวนทางวางแนวในทุกประสงค์ ยืนยงในเป็นอยู่ของหัวใจ.
12/6/2551
๒๔๕
ศรัทธา ใช่ เราศรัทธา เราคงมั่นในสิ่งที่รู้ เราพบ เราพราก เราเห็น เราดู เราเป็นอยู่ ในความเป็น แต่เหล่านัน ไม่อาจใช่ความเชื่อมั่นทังหมด เพียงบางสิง่ เรากาหนด- ประเด็น เราหนาว เราร้อน เราเย็น ในแจ้งในซ้อนเร้น- เป็นไป ความรู้สึกในศรัทธาเหล่านัน บางครังใกล้ บางครังไกล ก็ล้วนอยู่ในหัวใจ เราศรัทธา ความรู้สึกในศรัทธาเหล่านัน บางครังทาให้หวั่น ไขว่หา แต่ก็เพียงบางเวลา บางเวลาที่เราเป็น. 15/2/2551
๒๔๖
วาสนา คนเราเกิดมาแล้วเป็นอยู่อย่างไร เขาว่ากันว่า อยู่ที่วาสนา แล้วแต่วาสนา อยู่ที่- แล้วแต่,แสดงว่า เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว, กาลังเป็นอยู่ด้วย และกาลังจะเป็น ที่สุดแล้วมันก็คือ การเป็นอยู่นั่นเอง เป็นการเป็นอยู่ในแต่ละคราว แต่ละครังของช่วงชีวติ คาว่าชีวิต ก็คือการเป็นอยู่อีกนั่นแหล่ะ ! ตกลงว่า วาสนากับชีวิต คือสิ่งเดียวกัน !!? เพียงแต่ชวี ิตคือการเป็นอยู่ของร่างกายและจิตใจ ส่วนวาสนา.. เป็นตัวพยุงชีวิตให้ดาเนินไปตามที่มีที่เป็น ดังนัน คนเราเกิดมาต่างมีวาสนาติดมากับชีวิต อยู่ที่ว่าใครมีวาสนามาก มีวาสนาน้อย วาสนาคงขึนอยู่กับกรรมของคนเรา !?
๒๔๗
กรรมคือสิ่งที่คนเรากระทา วาสนาก็เช่นเดียวกัน คือสิ่งที่คนเรากระทา ! ทังสองอย่างเป็นการกระทาเพิ่ม กระทาเพิ่มด้วยแรงปรารถนา ปรารถนาในการเป็นอยู่ วาสนาอยู่กับชีวิต วาสนาไม่ใช่สิ่งภายนอก วาสนาอยู่กับทุกขณะชีวิต วาสนาอยู่กับหัวใจที่รัก รู้ และเท่าทันฯ
27/5/2551
๒๔๘
เราต่างสร้างการวิจัยความรัก ค้นหาตัวแปรที่ทาให้เกิดความยั่งยืน …เดินเข้าไปสู่ความรักในฝันด้วยความจริงที่เราคิด นึก รู้สึก มองไปโดยไม่ผ่านเลยทุกอณูของฝุ่นโลก และแสงแห่งทังปวง ณ ที่เห็นนัน พบว่า มีความเคลื่อนไหวในทุกนิ่งงัน และความคลาดเคลื่อนในทุกระดับ ไม่แตกต่างเมื่อทาการเปรียบเทียบ เป็นตัวแปรต้นและตัวแปรตามซึ่งกันและกัน ไม่เชิงอิสระ แต่เราสามารถวิเคราะห์ได้ ด้วยค่าที่สร้างกาหนดขึนเป็นเกณฑ์ ส่งผล สัมพันธ์ สอดคล้องในกระบวนการนันๆ ....เรายี่หระหรือไม่กับความต้องการและไม่ต้องการ คาถามนันอยู่ในระดับความคาดหวัง ความรู้ ไม่รู้ ความเข้าใจ ไม่เข้าใจ
๒๔๙
ถึงบทสุดท้าย เราต่างมีบรรณานุกรมและภาคผนวกให้กันและกัน ฉากกันในทุกระหว่างการรับรู้ ไม่ได้พรากไปจากสมมติฐาน เราสร้างบทคัดย่อให้กับชีวิตตนเอง โดยนั่งอ่านสารบัญก่อนถึงปกสุดท้ายของความหวัง ........
21:27 22/11/2551
๒๕๐
ด้วยดวงตาของเธอเอง ไม่มีอื่นตื่นรักดั่งดวงฤทัย ไม่มีใครไห้ห่วงเทียบดวงขวัญ ไม่มีใดวักดื่มรื่นให้ดังแจ่มจันทร์ มีเพียงวันของขณะรักเรารู้ มองเถิด เวิงฟ้านันกว้างไกล มองด้วยตาสู่ใจในเป็นอยู่ มองด้วยรักวักไว้ให้พรั่งพรู มองดูด้วยดวงตาเธอ ที่นั่น ที่นี่ หรือที่ไหน ณ ที่ที่อื่นใด กว้างไกลเสมอ แต่ที่ลึกตรึกไห้หวนพร่าเพ้อ ณ ที่ซึ่งคือพบเจอในดวงใจ ...
๒๕๑
ฟ้าที่นั่นเวิงว้าง ที่นี่ช่างอ้าง เร้าในหวั่นไหว ที่นั่น ที่นี่ หรือที่ไหน ด้วยด้วยตาห่างไกล- ใจใกล้เธอ.
22/5/2552
๒๕๒
โปรดเดินทางต่อไปเถิดที่รัก.. อยู่กับความเป็นจริงนะ ไม่ใช่เป็นการยอมรับ แต่นั่น คือ การเรียนรู้ชีวิต ถ้าเราคิดว่า เราต้องยอมรับ ต้องจาทน เราเจ็บปวด ทุกสิ่งเกิดจากเรา โดยเราเอง เราเอง คือฐานสาคัญของการเกิดของสิ่งทังปวง เพราะเรา คือ ชีวิต เราเคลื่อนไหว สรรพสิ่งเคลื่อนไหวคู่กับเรา
๒๕๓
อยู่กับทุกความเคลื่อนนัน ด้วยเข้าใจ เข้าใจได้โดยการเรียนรู้ แล้วเราจะรักชีวิต เดินทางต่อไปเถิดที่รัก..
11:03 15/11/2551
๒๕๔
ขอให้มีดาวในดวงตา สงบ ยิม งาม อิงธรรมวิสุทธิ์ จิตแจ่มประดุจฟ้างามนามสวรรค์ เบิกบาน เป็นกลาง รู้วาง เท่าทัน สรรพสิ่งเพียงผัน วันเวลา ปรารมภ์ นิ่งตระหนักตื่นรู้ อยู่ ณ ขณะ แห่งกาละปัจจุฯ รู้- ล้วนสื่อผสม เก็บเกี่ยวชีวิน จินตธาตุ วาดดาวชม เป็นฝันบ่มรัก รู้ชื่น ตื่นในโลกธาตุ สุข โสตถิเถิดแม่หญิงเพื่อน มียิมด้วยรักในเรือน ดุจดาวดารดาษ ผ่องฉานฉายอุ่นด้วยตนแท้มนุษยชาติ องอาจ เที่ยงธรรม คิดสัมมาฯ
23/3/2552
๒๕๕
เรากาลังเดินทาง.. โดยสารความรู้สึก เราต่างเดินด้วยฝันในชีวิตจริง เราวุ่น เรานิ่ง เราตระหนัก เรารัก ทังหมดเราพบ และมีให้พราก รู้จัก เพียงเพื่อ เราพัก วักรื่น ให้ชื่นแก่ชีวิตฯ จะเอาอะไรอีกเล่า ให้มากมายกว่านี จะโต้แย้งแย่งชีว่านั่นถูก - ผิด จะบอกเล่าตัวตนในหนทางที่นฤมิต ตราบที่สุด ตรงจิต โลกนัน เราประดับ เราฝัน เราเดิน ทังหมดเราเป็นอยู่ บางครังเราแท้ในแน่รู้ ทุกขยับ บางครังเราทุกข์ สุดโศกเศร้าเฝ้ารุมรับ ทุกข์จับ สุขจับ เราจับ เราเท่าทัน เรากาลังเดินทาง.. โดยสารความรู้สึก ท่ามคืนและวัน รับแสงด้วยโลก จากอาทิตย์และจันทร์
๒๕๖
ดวงใจดังดวงดาว รับรู้ ผูกพัน เราคือกันและกันของทังปวงฯ
๒๕๗