๑
๒
เ ฉ ก วิ ถี โ ค้ ง เ ดี ย ว กั น ศุภวัลยา ปรางแก้ ว
เ ฉ ก วิ ถี โ ค้ ง เ ดี ย ว กั น เขียน : ศุภวัลยา ปรางแก้ ว พุทธศักราช ๒๕๕๐
ชมรมคนเขียนฝั น ร.ร. หาดใหญ่วิทยาลัย
พิมพ์ครัง้ ที่ ๒ : กลุม่ เขียนข้ าว มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ เขียนข้ าวคริเอท โทร. 0869719267
๓
๔
สหายเอย.. โดยมิร้ ูเลยว่าภายใต้ เบื ้องลึกของข้ าและสหายแล้ ว เป็ นเช่นไร.. โอ สหายเอย..สหายที่รักแห่งข้ า . . มิลืมสําหรับลายเส้ นรักในแววตา ข้ าเชื่อมัน่ และ คารวะเจ้ าด้ วยรักในแววตา เฉกวิถีโค้ งเดียวกัน . .
เ ฉ ก วิ ถี โ ค้ ง เ ดี ย ว กั น ศุภวัลยา ปรางแก้ ว
เฉกวิถีโค้งเดียวกัน วันนีเ้ ป็ นอีกวัน.. ทีท่ ําสิ่ งเดียวกัน ด้วยความรู้สึกทีต่ ่างกัน..
๕
.. ความปั่ นป่ วนในจิตค่อยๆทวีความรุนแรงขึ ้น ไส้ ศกึ กลับซื่อสัตย์ตอ่ นายคนใหม่ ขณะกุนซือหมดหน้ าที่และไร้ ซงึ่ ความสําคัญ . . เส้ นโลหะยังคงเดินตามวิถีโค้ ง..เช่นวันวาร มันรักษาบทบาทอันทรงคุณอย่างแน่ว สงบนิ่ง..ทว่าแฝงเร้ นด้ วยลายเส้ นอันทรงพลัง ,, เสียงอื ้ออึงปะทุปปุ ะขึ ้นในหูอย่างแรง..หลับตานิ่งยาวนาน ลมวิวาทแย่งชิงพื ้นที่..จับจองถือครองสิทธิ์ เจ้ าของร่างเซถลา..สํานึกแห่งจิตเท่านัน้ ที่กําลังหมุนคว้ าง.. สํานึกแห่งจิต..อีกเช่นกัน คอยสิ.. รอคอยสิ เดี่ยวนี ้แหละ ประเดี๋ยว..ก็มา คอย สหายแห่งข้ าแหวกม่านมนุษย์ผา่ นหน้ าข้ าพเจ้ าไป
๖
สหายแล้ ว..สหายเล่า โอ สหายที่รักแห่งข้ าเอ๋ย เหตุอนั ใดเจ้ าจึงปล่อยข้ าไว้ เพียงลําพังเช่นนี ้ ว่าอย่างไร..พันธนาการแห่งชีวิตเช่นนันหรื ้ อ.. หรื อเพียงแววตาสํานึกผิดของเจ้ า ลายเส้ นรักในแววตาที่ถกั ทอด้ วยสายใจกาลเวลา ประหนึง่ เส้ นโลหะแห่งวิถีโค้ ง.. สหายที่รักแห่งข้ าเอ๋ย.. หยาดนํ ้าตาใสๆของเจ้ า.. จะต่างกันไหมกับก้ อนเนื ้อรูปหัวใจ ขณะสัมผัสนัน.. ้ ข้ าหวาดหวัน่ เหลือเกิน.. โดยมิปรารถนาเลยว่าเจ้ าจักสนองต่อข้ าเช่นนี ้ สหายเอย.. โดยมิร้ ูเลยว่าภายใต้ เบื ้องลึกของข้ าและสหายแล้ ว เป็ นเช่นไร..
โอ สหายเอย..สหายที่รักแห่งข้ า . มิลืมสําหรับลายเส้ นรักในแววตา ข้ าเชื่อมัน่ และ คารวะเจ้ าด้ วยรักในแววตา เฉกวิถีโค้ งเดียวกัน . . โอ สหายที่รักแห่งข้ า..แห่งข้ าเอย!!
๗ .
๘
ผลึกธุลี เคยสงสัยเมื่อครัง้ หนึง่ ..เห็นคนร้ องไห้ ระคนกับความมืดดําที่รายรอบ ถามตัวเอง..ถามพ่อ ถามแม่ .. คนพวกนันเป็ ้ นอะไรกัน? เสียใจ ? แม้ กระทัง่ เสียงหวีดหวิวของใบไม้ ก็บอกฉันเยี่ยงนี ้ ความสูญเสีย? พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ มิใช่หรื อ ‘ เราไม่เคยเป็ นเจ้ าของสิง่ ใด ‘ แสดงตนประหนึง่ รํ าคาญแต่ทว่าหวาดหวัน่ ลึกๆ จากที่เคยมี ..สูญ แม้ วินาทีสดุ ท้ ายก็ตะเกียกตะกาย..ไขว่คว้ า เพื่อจะรู้สกึ ว่า.. ยังมีอยู่ แบมือ..เศษธุลี..แรงหวิวไหวกลับพรากไปเสียสิ ้น
นาทีนี ้ รับรู้อย่างเต็มแรงต่อวิถีแห่งการสูญเสีย – สละ ใครหนอ ? ช่างโหดร้ ายเหลือเกิน ความมืดดําเบื ้องหน้ าอันใด..ปิ ดตาเธอไว้ สิ ้น เธอมองไม่เห็นแม้ แววตาเศร้ าหม่น.. เธอไม่ได้ ยินแม้ เสียงโหยไห้ ครํ่ าครวญของเด็กน้ อย
‘ พ่อจ๋า พ่ออยูท่ ี่ไหน ทําไมไม่กลับมา ‘ เธอได้ ยินแล้ วไหมนัน่ ? ความเดียงสาที่เธอบดยํ่า ฉันแม้ นไม่ได้ ยิน.. แต่รับรู้ ทว่า.. อาจไม่เข้ าใจ
๙
๑๐
กู
ชีวิต .. ที่มิใช่ ของ
กู
ย้ อนรอยทางแห่งสังคมบุพกาล ผู้เฒ่าคนหนึง่ กล่าวไว้ ด้วยเสียงอันแหบพร่า 'มึงมันชัว่ อัปรี ย์ เกิดมาเป็ นตัวถ่วงความเจริญ' มึงกับกู .. นรกกับสวรรค์ เออเว้ ย - กูเกิดปี มะโรง .. กูผิด? มึงเกิด ปี จอ ต่างกันตรงไหน !! กูไม่เคยแม้ แต่จะร้ องขอให้ กมู านัง่ หายใจรดอากาศ ณ ที่ตรงนี ้เลยแม้ แต่สกั กระผีกเสียง ใครที่ไหนก็ไม่ร้ ู .. อ้ างว่า มะโรงกับจอเป็ นอัปรี ย์แห่งชีวิต .. อยูด่ ้ วยกันแล้ วมีแต่ลม่ จม สูญเสีย กูพยายามหลายครัง้ ที่จะลบคํากรี ดใจเช่นนี ้ .......................................................
๑๑
มีนาคม 2532 ….
กูมองเห็นเลือดเนื ้อแห่งชีวิตครัง้ แรกที่นี่ ด้ วยความรัก..ด้ วยสายเลือด..และสายใยแห่งความผูกพัน ไม่เคยเลยที่กจู ะตระหนักว่า .. กูเกิดปี มะโรง และไม่เคยเลยอีกเช่นกันที่กจู ะมองว่า หญิงเกิดปี จอ ชายเกิดปี หมา กูอยูม่ าเรื่ อยๆ ตามประสาของกู หลบลี ้หนีหน้ าในบางถ้ อยที่ไร้ คําอรรธถาธิบาย ยอมก้ มหัวในบางวาระที่มิอาจสู้ พยักเพยิดเยินเยอเมื่อต้ องการในสิง่ ที่ปรารถนา..โหยไห้ ใครจะรู้บ้างเล่า? ว่าภายใต้ จิตสํานึกของกูแล้ วนัน่ .. มีจิตวิญญาณขบถแห่งยุคสมัยแฝงตัวอยู่ กูแอบมันไว้ ภายใต้ แววตาบริสทุ ธิ์ของกู มันดิ ้นพล่านระร่านระริ กที่จะออกมา ออกมาเป็ นตัวตน..ให้ กมู ีชีวติ ที่เป็ นชีวิต
๑๒
ชี วิ ต ข อ ง กู -กันยายน 2548 …. กูมีชีวิตอยูไ่ ด้ เพียงร่างกาย ปั ญญา . . แล้ ว 'จิตใจ' กู ? จิตใจกูอยูแ่ ห่งใด .. ใครกันหนอ ครอบงํามันไว้ ..ไม่อาจเอื ้อม กูเพียงแค่อยากจะบิน .. บิน .. บิน อิสระ - - พ้ นแอกพันธนาการ อีกครัง้ กับพันธะที่ก่อเกิดด้ วยความรัก กูยอมรับว่า..ต้ องการ แต่ไม่อยากกอดรัดไว้ ทกุ ช่วงเวลา กูเพียงแค่อยากจะเดินตามรอยทางความฝั น แล้ วเหตุใดเล่า ความเหลวแหลกของสังคมใช่ไหม ที่สร้ างความไม่เข้ าใจให้ เกิดขึ ้น ระหว่างกูและคนรุ่นเก่า
๑๓
..ที่มองว่ากู คือมนุษย์ไขลาน ต้ องการอะไร..กูต้องทําได้ แม้ แต่ตอนให้ กมู าอยูบ่ นโลกอันโสโครกเช่นนี ้ ก็เป็ นความต้ องการของคนอื่น .. ทังสิ ้ ้น ไม่ได้ เกิดจากเนื ้อใจของกูเลยแม้ แต่น้อย . . แล้ วนี่ ?? ขอเพียงแค่ให้ กไู ด้ เดินเคียงคูก่ บั ตัวเองบ้ าง ผิดนักหรื อ ?? เออเว้ ย.. อย่างน้ อยกูก็ยงั มีความสุขกับเสพเศษซากสังขารแห่งวันวาร โดยปราศจากคนที่คอยกํากับว่า ... อะไร คือ อะไร - และกู .. ควรเลือกจะเป็ นอะไร
๑๔
โหยกระหาย พึงใจ ตะกอน
โดยความโหยกระหายยิง่ .. ประหนึง่ รุมทึ ้งซากสวะ กัดกิน.. หนอนเน่า.. เหวอะหวะ.. ความพึงใจก่อขึ ้นท่ามแรงเหวี่ยงที่ฉดุ คร่า ฉาบไว้ ด้วยสนิมแห่งความโหดร้ าย มัจจุราชกาลเวลากระพือปี ก ยาว – สัน้ สองแขนยืดยาว
แหละ.. ทิ ้งตัวจมสูก่ องเลือด ขณะ.. ดิ ้นแถกเพื่อหลุดพ้ นวังวนเบื ้องสูง เหนือตะกอนวิญญาณ กรี ดร้ อง.. ราวแหลกสลาย
๑๕
๑๖
แด่..มนุษย์
มนุษย์เอ๋ย.. เจ้ าเลือกแล้ วใช่ไหม.. สําหรับวิถีทางแห่งความหิวโหย เจ้ าแน่ใจสําหรับการเผชิญหน้ ากับภาวะเส้ นด้ าย เจ้ าพร้ อมกับการถูกแรงเหวี่ยงคร้ ามแห่งกระแสโลกฉุกคร่า เจ้ ามิหวาดหวัน่ ต่อการทวงคืนระหว่างยุคสมัย เจ้ ามิพรั่นพรึงต่อการสูญเสียโลกผืนใหม่ที่อบุ ตั ขิ ึ ้นเบื ้องหน้ า ราววิถีการตูมบานของดอกไม้ .. ประหนึง่ สวยงาม มนุษย์เอ๋ย.. แม้ แต่มจั จุราช ยังขลาดกลัวการเดินทางบนดินแดนสวะ ดินแดนสวะ มนุษย์อย่างเจ้ าปรารถนายิง่ ที่จะเป็ นส่วนหนึง่ ส่วนหนึง่ ของสวะ
๑๗ มนุษย์เอ๋ย.. เวลาแห่งการเป็ นมนุษย์ของเจ้ าจบลงแล้ ว เดินทางกลับวิถีภมู ิของเจ้ าเถอะ.. กเฬวรากเดิม ย่อมแสดงสํานึกตัวตนให้ ปรากฏแก่อารยชน
มนุษย์เอ๋ย.. เวทนาความเป็ นไปที่เด่นชัดอย่างยิง่ สําหรับความมืดดําริมวิถี ทุกรอยเท้ าแห่งการก้ าวยํ่า.. มนุษย์ผ้ หู ลงในวังวนอบายยังคงมีอีกมากมาย แม้ นโมกษะอ้ าแขนรักเพียงไร.. ความทะนงยิง่ ในค่าความเป็ นมนุษย์กลับบดบัง.. อาตมัน ? .. , โมกษะ ?
แหละมนุษย์.. เจ้ าคือผู้เลือก สําหรับตัวเจ้ าเอง
๑๘
อ ย่ า ง เ ส รี คนคลําทาง ท่ามกลางแสงสว่างอันเฉิดฉาย หาได้ต่างอันใดกับมนุ ษย์นัยน์ตาโพลง ท่ามกลางวารวันอันหม่นมืด ... เลือกแล้ว ปล่อยวิถี ขนาน เคียงคู่ มิบรรจบ
ท่ามกลางความมืดมิด บินล่องลอยอย่างเสรี สํานึ กแห่งจิต กระพือปี ก อิสระแม้เต็มด้วยบ่วงพันธะ
วินาทีที่สว่างจ้า บทกําหนดมากมายถูกบัญญัติขึ้น มนุ ษย์เล็กๆ ไม่อาจทัดทาน ความเจิดจ้า และการแหกกฎ จึงอุบตั ิขึ้น ราวเส้นขนานที่คาบเกี่ยวกัน ประหนึ่ ง .., รอคอย
๑๙
๒๐
แด่เธอ..ผูจ้ ากไป “ รดนํ้าดอกฝันของฉันด้วย ” ... เธอทําให้ ฉนั สําเหนียกเสมอถึงเหตุผลของการเป็ นอยู่ เธอทําให้ ฉนั ค้ นพบวิถีทางตามแบบอย่างที่ควรจะเป็ น ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะทําความเข้ าใจเธอ โดยมิรอคอยให้ เธอปรับตัวเพื่อฉัน ดอกฝั นของฉันแหละเธอ เบ่งบานเสมอในใจ ดอกฝั นของฉันสวย.., ดอกใจของเธองดงามยิ่งกว่า
๒๑ มิเคยลืม .. รดนํ ้าดอกฝั นให้ ฉนั ด้ วย จะได้ สวยเหมือนไม้ งามตามใจสรรค์ เบิกบานเบ่งกล้ าทุกคืนวัน รดดอกฝั นด้ วยนํ ้าใจให้ งดงาม
ขณะ.. ประหวัน่ ยิง่ ต่อสิง่ ซึง่ รับรู้ ต่อกรกับความจริ งที่เป็ นไป ดิ ้นแถกเพื่อหลุดพ้ น หยุดนิ่ง .. คิด ความไม่เข้ าใจประเดประดัง อยุตธิ รรม ? ไม่อาจยอมรับ ไม่อาจเมินเฉย.. ไม่ใส่ใจ
๒๒
ดอกฝั น.., อาจโรยรา ณ จุดเปลี่ยนแห่งวินาที ขณะจังหวะหัวใจใกล้ จะอ่อนแรง ปลายมือสัน่ ระริ ก ก้ อนเนื ้อรูปหัวใจสะพรึงยิง่ กว่า ดอกฝั น.., มิอาจโรยรา แม้ หวั ใจก้ าวเดินอ่อนล้ า ช้ าเชื่อง..เยื ้องย่าง ดอกฝั นเบ่งบานยิง่ กว่า ด้ วยฝั นรักในแววตา กระซิบ - ทราบ.. เถิดลา และจากไป
อาลัยแด่เธอผูจ้ ากไป..
๒๓
( สถิตแท้ใจฉันนิรนั ดร )
ไม่อาจเรียกคืนตัวตนของเธอกลับคืนมา มีเพียงสํานึกแห่งจิตเท่านั้น ที่เต้นเร่าๆอยูภ่ ายใน ขณะรับรูถ้ ึงการจากไป.. เฉกหัวใจแตกสลาย !
๒๔
มนุษย์เล็กๆเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นั ่น?
เท่านี ้ก็พอเพียงแล้ วสําหรับมนุษย์เล็กๆที่จําต้ องจากไกล พื ้นที่แคบๆหากมองจากภายนอก แต่กะทัดรัดเมื่อลองสัมผัส ด้ วยเครื่ องเคียงข้ างกาย นัน่ ? บ่งบอกถึงหมวกหลายสิบใบที่อาศัยพื ้นที่เหนือศีรษะ นัน่ ? อาจรับรู้ หรื อจากไปโดยไม่คดิ ถึง หรื อ..อาจมีคนคิดถึง
ใครคือมนุษย์เล็กๆผู้โชคดีคนต่อไป รอราชรถแห่งการจากลามาเยือน ถาวรโดยยินดี ผู้จากไป..พึงใจ ขณะ.., ผู้ยืนหยัดเบื ้องหน้ า กลับต้ องก้ าวกล้ าด้ วยใจมัน่ คง มนุษย์เล็กๆอย่างข้ าและท่าน เสียดสีประชดประชัน จิตต่อจิตกระแทกกระทัน้ สงครามเงินตรา สะท้ อนสํานึกเลวทรามสูโ่ ลกหน้ า ก็พอเพียงแล้ วสําหรั บมนุษย์ เล็กๆที่จาํ ต้ องจากไกล พืน้ ที่แคบๆหากมองจากภายนอก แต่ กะทัดรั ดเมื่อลองสัมผัส
มนุษย์เล็กๆเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
๒๕
๒๖
อาเน๊าะ เดาะ ตอเย๊าะ
: แผลบนต้ นยาง
ตุลาคม 2516 - เสียงสะอึกสะอื ้นสะท้ านขึ ้นในความมืด ได้ ยินไหมนัน่ ? เด็กน้ อยผู้ไม่เดียงสา ต้ องทนเฝ้ามองการเดินทางของกาลสมัย ภายใต้ ห้วงหาวแห่งความเจ็บร้ าวที่มืดมิด
๒๗ เจ้ านกพิราบเอย ข้ ารอคอยการกลับมาของเจ้ า อนิจจา เจ้ าคงกลับมาช้ าเกินไป โอ...ขบถยุคสมัย เชือดเฉือนก้ อนเนื ้อแห่งจิตใจไปเสียสิ ้น ศักดิศ์ รี และความทระนงกลับทะลักล้ น ไหลรวมอยูเ่ บื ้องหน้ า เหมือนไม่ใช่สงิ่ ที่มีและเป็ นไป . . ทะลักปะทะร่องแผล แผลบนต้ นยาง.. เลี ้ยงชีวิตมีแผล ทะลักล้ น,
๒๘
: พิราบเถื่อนโฉบผ่ านหลังคามุงจาก
ย้ อนรอยทางเบื ้องหน้ า.. เสียงวิญญาณดิบเถื่อน ฟาดฟั นแววตาอ่อนโยน แววตาอ่อนโยน ที่คนบางคนไม่มี คนบางคนที่ไม่เคยรู้รสของการสูญเสีย เพียงมื ้อคํ่าบางมื ้อ.. เทียบเท่าได้ กบั ครัง้ หนึง่ ของการจากไป อาจโดยจริ งแท้ หรื อไม่นนั่ มิอาจรู้ได้ ?
๒๙ กันยายน 2548 – พิราบเถื่อนโฉบผ่านหลังคามุงจาก - - ฟากเก่าผุ กร่อน ตีเดาะ อาเด๊ะ ตีเดาะ หลับเสียเถิ ด .. ปล่อยความหลับใหล หลับแล้ว หลับใหล โนย โนยเจ๊ าะ เจ๊ าะมากัน ปาดี อาเน๊าะ เดาะ ตอเย๊ าะ เมาะเนาะ กะตามปาดี เสียงแว่วกังวานแห่งการรอคอย,
๓๐
: คนที่ควรค่ าแก่ การรอคอย ภาพการณ์ที่เห็นเบื ้องหน้ า ก้ องกระทบโสตประสาท - - เชือดเส้ นแว้ งแห่งนัยน์ตา แหวกก้ อนเนื ้อหว่างอกระริก ผุดพรายขึ ้นด้ วยหลากถ้ อยคําถาม อาจไร้ ซงึ่ คําตอบ เด็กน้ อย...จะคิดเหมือนฉันไหม ? ถ้ าเธอคิดจะคิดถึงใคร จะเหมือนฉันไหม ใช่!.. ฉันคิดถึงคนที่ควรค่าแก่การรอคอย,
๓๑
: ใบยางสุดท้ ายร่ วงหล่ น
นกพิราบเถื่อนบินผ่านธาตุอากาศเหนือป่ ายาง.. นํ ้าตายางริ นไหล นํ ้าใจทะลักล้ น แว่วเสียงโหยไห้ จากเด็กน้ อย... พ่อจ๋า - - กลับบ้ านเถอะ โรงเรี ยนใกล้ จะเปิ ดแล้ ว รองเท้ าคูเ่ ดิมยังพอใส่ได้ แต่อ้ งุ มือว่างเปล่าของหนูจําเป็ นอย่างยิง่ สําหรับมือหยาบกร้ านของพ่อ ใบยางสุดท้ ายร่วงหล่น... เช่นกันกับพ่อที่ลื่นไถลไปพร้ อมกับคมมีด,
๓๒
: พิราบเถื่อนโฉบเงาเบือ้ งล่ าง เหวยเหวย..เออละเว้ ยเฮ้ ย!! จิตวิญญาณแห่งยุคสมัย ตะเกียกตะกายออกมาแล้ ว จิตวิญญาณข้ าเกิดขึ ้นพร้ อมกับความสูญเสีย นํ ้าตาของเด็กน้ อย - - เด็กน้ อย ข้ าสวมมงกุฎอุดมการณ์ มองผ่านกรอบแว่นอุดมคติ ภายใต้ แววตาของบุปผาชน ตามรอยทางบนถนนแปลกแยกสายอุดมการณ์ เด็กน้ อยร้ องไห้ ทา่ มกลางความมืดมิด รอยแผลทะลักล้ นบนต้ นยาง พิราบเถื่อนโฉบเงาเบื ้องล่าง . .. เดินย้ อนกลับตามเส้ นทางเดิม ตีเดาะ อาเด๊ะ ตีเดาะ ตีเดาะ อาเด๊ะ ตีเดาะ อาเน๊าะ เดาะ ตอเย๊ าะ ยังคงแว่วกังวานในความมืดมิด
๓๓
แห่งความเจ็บร้ าวและนํ ้าตา .
บางกอก ประเทศไทย Photo by : Rossanee Fareedah
๓๔
เงื่อนตาย
“ กูอยากตาย ” มีชีวิตอยูเ่ พื่อชดใช้ ความผิดพลาดของคนอื่น กเฬวรากเช่นมึง … มิสมควรเลยที่ต้องหายใจรดธาตุอากาศเหนือแผ่นดินนี ้
มึงดิ ้นรนทุกวิถีทาง เพื่อแลกมาซึง่ การจากไป ประหนึง่ เศษสวะ ถาโถมต่อกรกับลมหายใจของวันพรุ่ง เพียงแผ่วเบา
๓๕ ขณะ.., ชีวิตซึ่งมีอยู่ในตัวตนของกู กลับแปลกแยกด้ วยสํานึกแห่ งจิต ไม่ใช่ตวั ตนของกู ยัดเยียด.. เพียงเทริ ด เพียงนัน้ ? ยังไม่ใช่ของกู ...
แหละ..คืนสูส่ ามัญ
๓๖
ตายแล้วไปไหน ? ตายแล้วไม่ได้ไปไหน อ ยู่ ที่ เ ดิ ม .., แต่ ไม่ มใี ครมองเห็น
๓๗
เปลือกไม้, @t วัดพิกุลทอง พัทลุง
๓๘
แหงนหน้า คอตั้งบ่า โหยหา กระหายยิง่ เอาไม่ได้..,
๓๙
ฝนตก, เดินกอดอกกลางฝน นํ้าตาเหือด..,