คำรัก “เถื่อน จันทร์ธำร” คำ : เถื่อน จันทร์ธำร
พิมพ์ : กลุ่มเขียนข้ำว พุทธศักรำช ๒๕๕๒ เขียนข้ำวคริเอท โทร. ๐๘๖๙๗๑๙๒๖๗
เหนื่อยไหม ใจล้าบ้างหรือเปล่า ? หยุดพักสักประเดี๋ยวสิ หายใจลึก ๆ นึกถึง – ค ว า ม เ ป็ น จ ริ ง ๆ นั่งลงสิ ฉันจะเล่านิทานให้ฟัง.
ฉัน คือ ดวงดาวในดวงตาของคุณ เสมือนคานาว่า- ฝากเธอไว้กับดวงตาแห่งรัก ฉัน คือ ดวงดาวของคุณ ทาบประดับฟ้าในยามราตรีแห่งรัก วาบประกายโลมลูบที่เรียวพลิ้วยอดหญ้า ระริก ๆ วาบพริ้ว ๆ อยู่ระรื่น ทุกค่่าคืนแห่งเพ็ญและเดือนดับ ฉันไล้โลมเลียบรัตติ แม้แสงแวมเพียงกระพริบ ริบรี่ โอ ติณชาติ เจ้าประดับงามในปฐวี มีมหาธาตุทั้งสี่ ให้ยืนหยัด ฉันซิ ! เสมือนกวัดแกว่งในเวิ้งหนที่โพ้นไกล ไห้ห่างหาย..
ใช่สิ ช่างห่างไกลอยู่สุด แม้กระทั่งแผ่วผิวของลมที่รินสายลงพัดพาน.. ความฝันของฉันเองหรอกที่คิดว่า แสงดาวส่องไล้มาอุ่นอวลกับยอดหญ้า ไม่ได้ฝันสิ นั่นคือ ความเป็นจริงนี่นา ใช่ ! แม้มีเพียงหนึ่งน้อยที่ได้ต้องตาม มองฉันซิ มองดวงดาวของคุณ ฉันเป็นดวงดาวของคุณ แม้จะเป็นเพียงดวงดาวของคุณ ได้เพียงในช่วงรัตติกาล.. โอ มหาธาตุทั้งสี่ แม้ฉันไม่ได้ปลุก เธอก็ย่อมเห็น เราต่างมี เป็นเช่นเดียวกัน ....
โอม มหาธาตุทั้งสี่ ข้าจักขอปลุก ขอแม่ธาตุทั้งปวง จงลุก ตื่นฟื้นอย่างเบิกบาน ข้าและเธอจักขออยู่ร่วมกัน รักคุณ ขอให้มีดาวในดวงตาและดวงใจ หลับฝันถึงดาว จากดวงดาวของคุณ.
เถื่อน จันทร์ธาร ในระหว่างเร่ร่อนของหัวใจชีวิต พืชมงคล, พุทธศักราช สองพันห้าร้อยห้าสิบสอง
ในค่าว่า “รัก”
ขอจงมีความผูกพันด้วยหัวใจ และขอจงได้รู้ว่า “รักอย่างไร” จึงไม่แพ้ภัยตนเอง
ใบสองประคองรัก ตื่นทักแล้วในทั้งสอง ครรลอง ธรรมชาติประกาศรัก
วันเวลาเดี๋ยวนี้ เมื่อตะกี้วันเวลา พลัดหายพรากมา เธอพาชีวิตมาเยือน
พึงกระท่าด้วยความรัก แล้วเจ้าจักเห็นทุกสิ่ง โน้มกอดอย่างอุ่นอิง นิ่งๆ หนึ่งนั้น คือเพราะรัก
รักเรา,-เท่าชีวี ระลึกรู้วันนี้ ชีวิต ตน ก่าหนด ลิขิต ผลิรักดวงใจ
แรกอุ่นกอดคู่สร้างสม ชื่นชมในรักสิทธิ์ เราต่างประดิษฐ์ รัก
ธรรมชาติ ธรรมชาติ วาดชีวี ตระหนัก พัก รู้จักธรรมชาติ
ธรรมชาติประกาศรัก ตื่นทัก รู้จักสวาท จิตแนบ ปูลาด สิทธิในรักตระหนักรู้
สิทธิในรักตระหนักรู้
เพ่งดูภายใน ใช่อยู่กับคนอื่นไกล ละมุนละไมอยู่ในหัวใจตน
สิทธิในรักตระหนักรู้ เพ่งดู หมายดวงจิต ชีวิต พึงกระท่าด้วยความรัก
หวั่นลมแดดที่ไล้รูปน้่า
กระทบงาม น้่าหนัก หน่วยหนาแน่นราบแบนทัก กระทบโลมราบรื่นตื่นเพราะรัก
รักผลิงามนามใจนั้น แน่นอนนัก เราแย้มตระหนัก ดักรู้ใจในหวั่น
คนสองคน รักกัน
คิดถึงกัน คิดถึง คิดถึง ผูห้ ญิง ผู้ชาย รักกันอย่างไร คือรักที่แท้ รัก รัก รัก อย่าถามได้ไหมฯ
คิดถึง.. ไกล อยู่ในหนึ่งเดียว หัวใจ
คิดถึงกันให้รู้จักเย็น อุ่นกาย อุ่นใจ อุ่นในคิดถึง จึงรัก.
ความบ้าเกิดเพราะใจ ใจรัก ก็บ้ารัก ใจเกลียด ก็บ้าเกลียด ใจโกรธ ก็บ้าโกรธ แล้วเป็นโกรธบ้า ถ้าใจดี ไม่บ้าดี ถึงจะดี
ความคิดถึงในเธอ ยิ่งท่าให้ยึดมั่น ผูกพัน ความคิดถึงแต่ตัวฉัน ท่าให้เกิดมานะ ทิฐิ
ฤดูใดบ้างจะมีในฤดีเดียว
ในฤดีเพียวเพียวสุขใจยิ่ง แท้แล้วใจเราเองใช่ไหมที่ประวิง หลบอิงในฤดูไม่รู้ในฤดี
รัก คิดถึง
กอดรัดดวงใจเข้ามาไว้ ในห้วงดวงใจ รักอย่างเต็มเปี่ยม อาทรกรุณา คือ ปรารถนาแห่งชีวิต
แค่เพียงความคิดถึง ก็ท่าให้รู้ว่ารัก ..ยิ่งไกลห่างจงให้ยิ่งรัก.
ภาพทั้งหมดแห่งความเป็นเธอพูดอะไร มือ,ใจเธอ หรือสรรพสิ่งในจักรวาล กวักเรียกให้ฉันปรารถนา มวลธาตุแห่งเธอ ล้วนอยู่ในตา ดวงใจ และชีวิตฉัน ฉันจะยึดมั่นดีไหม
โอ้.. ดวงดาวแห่งรัก ดวงตาหัวใจชีวิต จักรพาลนี้คิดเยี่ยงไร ใจแห่งฟ้า หรือใจข้า กว้างกว่า
ฉันจักเขียนเธอเป็นบทกวี
ไว้เป็นความรักของสองเรา ในโลกนี้และทุกปรโลก
สีของรัก มีหลากหลาย
บางทีจะสีอะไรๆ ก็กลับกลาย ยามเมื่อตาย เอวังฯ
ระรื่นเสียง ระเริงค่า คิดถึง ระลึกคะนึงในคะเน ณ เธอ..
รัก คิดถึงนักหนา ใคร ฤา จะรู้ว่าเรารัก เท่าเรารู้ว่าเรารัก คิดถึง ห่วง หวง.
สยามยุวตีที่รัก
ผู้ชายไทยมีเพียงรัก เธอมิปรารถนาหรือ.
เหน็บหนาวเร่าร้อนมีในทุกห้วงฤดู ใจก็เฝ้าฝนรัก หนาวรัก ร้อนรัก ก่นกระหวัด ซัดพรู ต่าหัวอกรู้ ก็ยังกู่ก้องตะโกนว่ารัก.
ความเหงาในพื้นที่หัวใจที่ว่างเปล่า บอกเราว่า รัก.
เพื่อนรัก..
ระหว่างชาย หญิง ความละเอียดอ่อนของจิตใจ การเห็น และความรัก ความเป็นจริง และการปรุงแต่งฝัน ความรู้สึกและการหมายรู้ในจิตใจระหว่างชาย หญิง เรามีความรู้สึกในความรักอย่างไร เราหมายรู้ในความรักอย่างไร เรารู้สึก หมายรู้ และเห็นในความรัก ตามที่เป็นจริงๆ ของภาวะนั้น อย่างไร เธอเป็นที่พึ่งของฉัน .. เพราะท่าให้ฉันรู้จักเธอ ฉันเป็นที่พึ่งของเธอ .. เพราะฉันท่าให้เธอรู้จักฉัน เราอิงอาศัย เรียนรู้กันและกัน จากความเป็นเรา ความเป็นเธอ ความเป็นฉัน และความเป็นอื่น.
ร่องรอยของความรักและสติปัญญา
ในเวิ้งฟ้าที่ว่างเปล่า แตกสลายจากการหล่อหลอมในเป้าหลอมแห่งทิฏฐิ มิใช่อยู่เหนือการรับหรือปฎิเสธ เธอและฉัน ต่างได้ยินเสียงคลื่นรักลูบโลมหัวใจ ศรัทธาของเราคาบเส้นอยู่ในจิตรู้สึก บนเส้นทางตัณหา ฉันและเธอ คืนเดือนหงายและขน่าไม้ เธอรู้สึกเพียงเท่าคู่รักของเธอ โอ.. คนหนุ่มสาว กรรมเช่นนี้ของเธอ เธอ คือ ชีวิต และทุกสิ่งที่เธอแสดงออกนั้น คือความเป็นจริง ยึดถือในอิสรภาพตัวตน ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการพอกพูนกิเลสและทิฐิ.
น้องสาว...ความทุกข์ของเธอ คือน่้าตาของเธอ น่้าตาของเธอ เป็นเช่นเดียวกับความทุกข์ของเธอ เพียงแค่ซึมไหลอาบแก้มแล้วเหือดแห้งไปเท่านั้น สุดท้าย ก็ไม่มี.. น้องสาว...เธอเช็ดน่้าตาที่อาบหน้า และริ้วรอยที่ถูกขีดผ่านในดวงใจเสียเถอะ ............ น้องสาว...เธอเห็นไหม? น่้าตาของเธอ ไหลออกมาอีกแล้ว...
ที่รัก
๑
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนทุกปี เช่นเดียวกับสายฝนที่กลับไปพักผ่อน เพื่อให้ลมหนาวกลับมาท่าหน้าที่ จากความชุ่มชื่นสู่ความเหน็บหนาวและแล้งโหย ที่รัก เธอผ่านมาทุกฤดูเช่นกันใช่ไหม? เธอมีความสุขมีความทุกข์ เพราะมีรักมีร้าง,สิ่งเหล่านี้คือ “ความเป็นอยู่” ที่เป็นเสียยิ่งกว่าการเป็นอยู่เฉยๆ ดูโน่นซิ เจ้านกตัวน้อยก่าลังจิกกินผลไทร ปลาในสระก่าลังฮุบกินอาหาร กระรอกคู่ก่าลังแตะไต่ไล่ตามกัน อย่างมีความสุขหลังฝนหยุดโปรยสาย มาที่นี่ซิ ที่รัก
๒ ที่รัก ขอเธอจงได้มาที่นี่ มาพบกับความเป็นจริง ดูซิ นั่น ร่มไทรช่างอบอุ่น ความเขียวขจีโอบอุ้มความร่มเย็นไว้เพื่อเธอ กระรอก นก บางผีเสื้อและแมลง ต่างก็อยู่กันอย่างมีความสุข.. ที่รัก เธอมีความทุกข์ใช่ไหม? มาสู่ที่นี่ซิ เพราะที่นี่มีรัก ๓ ใบไม้เกือบทั้งหมด ไม่เคยผลิร่วงไปไกลจากโคนต้น เพราะใบไม้ย่อมคืนสู่รากไม้ ความรักครั้งแรกและรักครั้งสุดท้ายของเรา ก็ใช่ว่าจะสูญหาย ย่อมคืนสู่ใจของตนเอง ทั้งใบไม้และความรัก ต่างก็มีธาตุแห่งการตื่นฟื้น เพื่อการก่อเกิดครั้งใหม่
เพ่งภาวนามองใบไม้ที่ปริเปื่อย และความรู้สึกแห่งรักที่แตกสลายดูซิ เธอจักเห็นและรู้ถึงความว่างเปล่า และการเป็นอยู่ซึ่งกันและกันอย่างเต็มเปี่ยม ๔ ภาวนาค่านี้เถิดที่รัก “เพราะว่างจึงเต็ม เพราะเต็มจึงว่าง เพราะว่างจึงเต็ม เพราะเต็มจึงว่าง” แล้วเธอจักรู้สึกถึงความรักที่บริบูรณ์ และจักเป็นอยู่ด้วยความรักที่พอเพียง.
วิญญาณแห่งรักอาทรกรุณา
เคยปกคลุมจิตสมาทานความรู้สึกใหม่ แต่นั้นเมื่อกาลที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปครั้งก่อน แต่เมื่ออีกกาละและเทศะใหม่ วิญญาณแห่งรักใหม่กับคนใหม่ กลับไปคลุ้มคลั่งและเพ้อเจ้อใหม่ ความรู้สึกเก่า-ใหม่ ยังคงเกิด-ด่ารง-ดับอยู่เสมอ เช่นกับข้าฯ และเธอ - เพียงความเป็น !
จากโหยหาเสียเหลือเกินแล้ว
สู่เพ้อเจ้อ ฟุ่มเฟือยความรู้สึกเสียเหลือเกินแล้ว และสู่นิ่ง เจ็บ นิ่ง เพ้อเจ้ออีกและฝัน เป็นอยู่นั่นคือ ความรัก เห็นแก่ใจอยาก ก็คือชีวิต.
เถอะที่รัก เธอคือผู้เดินทาง โลกนี้อ้างว้างพอ ฉันจะรอรอรอรอ รอจนกว่าฉันจะตายไปเอง.
ที่รัก
ราตรีอยู่ที่นี่ ย่่าอรุณรุ่งแรกวันอยู่ที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่ และเธอก็อยู่ที่นี่ แต่เราไม่เคยพบกัน ที่รัก แว่วสายฝนบอก ว่าดอกฝนหลายๆ ดอกร่วง เพื่อให้มนุษย์ตักตวงความชื่นฉ่่า ที่รัก แว่วลมผ่านสายฝนบอก ว่าดอกลมหลายๆ ดอกพัด เพื่อให้มนุษย์กอดรัดความเป็นจริง ที่รัก แว่วใบไม้ที่ผลิร่วงบอก ว่าไม่นาน ดอกไม้จะเกิดใหม่ เพื่อให้มนุษย์มีใจเบิกบาน
ที่รัก แว่วใบไม้ที่เริ่มเปื่อยบอก ว่าดอกดินยังคงเป็นธาตุเดิม เพื่อให้มนุษย์รู้จักเติมใจเต็ม ที่รัก กลางวันและกลางคืนอยู่ที่นี่ ฉันและเธอก็อยู่ที่นี่ ต่างก็อยู่อย่างเดียวดาย มีความฝันมากมายที่ยังไม่เป็นจริง…
ในค่าว่า
“รัก” แม้เนิ่นนานของความห่างหาย และแม้ใจจะผลักไสอยู่ทุกคืนวัน แต่ก็ไม่พ้นไปจากความรู้สึกแห่งรัก ที่ผันแปร และตราตรึง รัก ยังคงอยู่ ในหัวใจแห่งรัก.
เพราะความรักจึงท่าให้มีโลก และมีเธอ มีเรา มีทั้งหมดที่มีที่เป็น
โลกนี้มีแต่ความรัก
ทั้งที่เราเห็นว่าเลวร้าย แท้แล้วมีความรักนิ่งนอนอยู่ในนั้น
จริงแท้ที่สุด คือ,-
โลกนี้มีแต่ความเป็นจริง เป็นความงามโดยความรัก
ไม่ใช่รัก – ไม่รัก
เพียงสองข้างนี้เท่านั้น ความรักโดดๆ และความไม่รักโดดๆ นั้น เป็นเพียงขณะของการเป็นอยู่ และการอยากมี อยากเป็น กาละและเทศะในระหว่างนั้น คือจุดเชื่อมโยง ประสาน และเป็นชีวิตประคอง ของรักและชีวิต
เหมือนระหว่างของจันทร์ดวงนวลแสง กับพื้นผิวน้่าบนโลก จากจุดหนึ่งสู่จุดหนึ่ง นี่ละ คือสิ่งที่ท่าให้เราเห็น ท่าให้เราเป็น ห้วงระหว่างของสองสิ่ง คือเรา เราจึงมี จึงเป็น วงรอบชีวิตและจุดเชื่อมโยง สร้างเรา
รักพบได้ในใจรักเรา
เมื่อใจ เรามีรัก เราจะพบและอยู่กับความรัก ชีวิตจงด่าเนิน
ผู้มีความดี คือผู้มีความสุข ผู้มีความสุข คือผู้มีความรัก ผู้มีความรัก คือผู้ไม่ดื้อ ไม่รั้น
ผู้ไม่ดื้อไม่รั้น คือผู้เข้าใจ ผู้เข้าใจ คือผู้ที่สามารถท่าความเข้าใจและน้อมรับ ผู้ที่สามารถท่าความเข้าใจและน้อมรับ คือผู้มีความเคารพ ผู้มีความเคารพ คือผู้รู้จักธรรมชาติ ผู้รู้จักธรรมชาติ คือผู้มีความรัก.
อิสรภาพของความรัก
เกิดภายในหัวใจปาริสุทธิ การุญด้วยหิตคุณ วิมุตติ์ ผ่องผุดดุจกลีบขาวของบุปผา
อิสรภาพของความรัก
มีเบื้องต้น ท่ามกลาง แลที่สุด สถิต ณ หัวใจที่รู้เท่าทัน
อาการอกหัก
เป็นหัวใจของนักรัก จึงเป็นที่ระลึกถึงของนักรัก ดังนี้ ฉันใด ความรู้สึก ความเข้าใจ และความทรงจ่าในความรัก จึงเป็นสิ่งปลอบประโลมใจแห่งนักรัก ฉันนั้น
ธงชัยแห่งความรัก คือกรุณาและปัญญา
ดุลยภาพแห่งความรัก คือความรู้สึกร่วมในความดีงาม ที่แสดงออกโดยความมั่งคง แห่งศีล สมาธิ ปัญญา ถ้อยค่าภาวนาที่แท้จริง ส่าหรับความรัก คือ รั ก รู้ และ รั ก หัวใจของความรัก คือสัมมาญาณทัศนะ ที่รู้แจ้งแทงตลอดถึงการเกิดขึ้น การด่ารงอยู่ และการแตกดับไป ของสังขารธาตุทั้งปวง หัวใจของคู่รัก คือ ปั จ จุ บั น ข ณ ะ ที่ แ ท้ จ ริ ง
ขอเพียงมีดวงใจรัก
หวังเราได้อยู่กันด้วยอบอุ่น เพราะรักที่ซึ้งละมุน หนุนชีวิตในตื่นและนิทรา
เชื่อไไหม ?
ต้นธารน้่าตาเรา ไหลออกมาจาก "รัก"
อากาศเปลี่ยนแปลงเช่นไร ก็ช่างเถอะ ขอหัวใจคุณได้ด่ารงอยู่ในความสุขสวัสดีทุก ๆ วัน
จงอยู่กับโลก
อย่างร่าลึกอยู่เสมอว่า ทั้งหมดนั้น คือ บทกวีแห่งชีวิต เราเขียนชีวิตเองทั้งหมด ด้วยชีวิต ! จงเขียนโลกชีวิตให้เข้มแข็งด้วยรัก.
เป็นอยู่ทั้งหมดนั้น คือ เรา