ร้อยแก้วเนานิยายจากห้วงใจของธารรัก
แก้มนางกราย ต้นรักเติบตัวแตกต้น อยู่ ณ ที่นี่ ว่ากันว่า ธารวราลี
บรรณาธิการ คุรุการ เลขธัมม์ ภาพปก ภาพประกอบ จันทร์วารี พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม ๒๕๕๒ พิมพ์ครั้งที่สอง สิงหาคม ๒๕๕๕ สานักพิมพ์เขียนข้าวคริเอท ตู้ ปณ. ๑๒ ปณภ. บางคนที สมุทรสงคราม ๗๕๑๒๐ โทร. ๐๘๖ ๙๗๑ ๙๒๖๗ อีเมล์ khien-khao@hotmail.com
สรรบรรณ คาของคืน “สองเรา” ลาเนาเรื่อง "จากหุบห้วยธารน้าฝัน" 2009-03-20
ว่ากันว่า – ก่อเกิด เป็นอยู่ ที่นั่น มีตานาน เรื่องมีอยู่ว่า เขามาจากที่ไหน 2009-03-21
ไม่ไกลจากทีเ่ ขาเป็นอยู่ ที่นั่น ดอกไม้รักอยู่กับดิน บนป่าสูง น้าที่ไหลมาจากป่า ความอิ่มคือสิ่งใด คือสิ่งใด เริ่มเรื่อง
ลานารัก “ฤดูกาล” นิทานรัก บทสนทนาของดอกไม้กับแมลง แดดเช้าของวันหนึ่ง น้าที่นี่เย็นใส ความหิวกระหายในองค์ร่างของเธอ 2009-03-22
วันเวลาแห่งชีวิตเรา พึงสงวน เพื่อบรรลุสิ่งหวัง เราต่างเป็นฤดูกาลอย่างสัมบูรณ์ ในฐานะที่ซึ่งเราพานัก ชีวิตผีเสื้อเป็นเพียงช่วงสั้น-สั้น– เพียงวันนี้ โดยแท้แล้วเราต่างแต้มสีสันแก่ดวงตา กรอบทางที่ขับเคลื่อน หมู่เพื่อนแห่งเราเล่า สูงขึ้นไปเป็นก้อนเมฆ เราหอมหวานได้โดยการรอคอย
ลานาคา "ป่าเมือง" หนอนบอกเล่าถึงเนื้อไม้ที่กลืนกิน การหล่นร่วงของเกสรดอกไม้ หมอกน้า, ก่อนที่ไฟจะลามป่า หินกลมในหุบห้วย เราไม่ได้เดินทางออกจากป่า, ใช่ไหม? ลึกลงไป พิมพ์ภาพในรู้สึกเป็นเพียงขณะ, ก่อนที่จะจากลา 2009-03-23
แพรุ้งของรุ้งบนฟ้า ป่าเพาะสร้างเมล็ดพันธุ์ให้ผู้อยู่กิน
ลาเลงภาพ "เพียงเงา" 2009-03-25
ภาพแรกของคาสวัสดี ภาพสอง คือดวงใจ 2009-03-26
ภาพสาม ความงามคือนามของความรัก ภาพสี่ การตื่นขึ้นของฝันในฤดูกาล
ภาพห้า ณ ป่าสูง ที่นั้นเป็นถิ่นเถื่อน ที่นั้นมีแต่สิ่งสวยงาม ภาพหก น้าในหุบห้วย 2009-03-27
ภาพเจ็ด คือสิ่งที่หลั่งไหล ภาพแปด คือดวงใจแห่งธาร ภาพเก้า บทเพลงเนานิยายในเดือนนั้น 2009-03-29
ภาพสิบ ตัวหนังสือของความรัก 2009-03-30
ภาพสิบเอ็ด หนึ่งกับหนึ่ง จึงเป็นหนึ่ง ภาพสิบสอง สามกับเจ็ดเท่ากับสิบ ภาพสิบสาม ภาพของอดีต ภาพสิบสี่ วันของน้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น 0000-00-00
ภาพสามสาม หนังสือเล่มนั้น ภาพสามสี่ ตานานของน้าที่ไหลมาจากป่าสูง ภาพสามห้า ก่อนภาพแรกของคาสวัสดี ภาพสามหก คืนแรม
เนานิยาย "นางกราย" 2009-10-25
ก่อนเนานิยาย 2009-10-26
น้าของน้าในลาห้วย 2010-01-02
วันเวลาของชีวิต, การเดินทางของแก้มนางกรายกับชายพเนจร 2010-02-19
บางบทของพิมพ์ภาพแห่งอยู่ครอง,-หนึ่งดอกไม้นั้น คือเธอ
คาของคืน “สองเรา” บทที่ ๑๖ (เนานิยาย) ต้นรักเติบตัวแตกต้น อยู่ ณ ที่นี่ ว่ากันว่า –
ธารวราลี
ลาเนาเรื่อง
"จากหุบห้วยธารน้าฝัน" ลาเนาเรื่อง พากย์บท ว่ากันว่า ที่นั่น เป็นถิ่นเถื่อน มีแต่สิ่งสวยงาม สรรพชีวิต ทั้งหมดอยู่ร่วมกันด้วยรัก เป็นตานานมานานช้า เป็นตานานทับซ้อนตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ... เราต่างเป็นอยู่โดยมีตานาน
ว่ากันว่า ว่ากันว่า ที่ต้นห้วยโน้น น้าอยู่ที่นั่น ต้นไม้อยู่ที่นั่น อะไรๆ ทั้งหมดที่สวยงามอยู่ที่นั่น ที่นั่น ว่ากันว่า เป็นถิ่นเถื่อน ถิ่นไพร แต่อะไรๆ ทั้งหมดที่นั่นกลับสวยงาม "แก้มนางกราย" ก็เกิดขึ้นที่นั่น ว่ากันว่า ที่นั่น อยู่ไม่ไกล แต่บางครั้งคนเรากลับไปไม่ถึง..
ก่อเกิด ต้นชีวิตก่อเกิดขึ้นตรงที่น้าห้วยไหลริน ใบไม้ป่าซับน้าจากฟ้าไว้โดยรากที่แตกแขนงในเนื้อใบ น้าป่าย่อมมาจากป่า รวมถึงทุกชีวิตก็ย่อมมาจากป่า ป่า มีต้นไม้ มีดินให้ต้นไม้ มีน้าให้ต้นไม้ มีแดด มีลมให้ต้นไม้ และชีวิตทั้งหมด ผีเสื้อที่โบยบิน มด แมง แมลงทั้งหมด ก็อยู่กินกับป่า ทุกชีวิตอยู่กินและหากินอยู่กับป่า ไม่มีป่าก่อเกิด ทุกชีวิตก็สิ้นปราณ
เป็นอยู่ นกร้อง ขานป่า ระงมเสียงรวมกับเสียงใบไม้ทไี่ หวลม เสียงน้าในห้วย เสียงดินทีถ่ ูกพรวนด้วยไส้เดือน กระต่ายป่างันนิ่งกับเสียงดินนั่น เงี่ยหูตั้งใจฟัง แดดกับลมบอกเล่าแก่หุบห้วยว่า เราต่างเป็นอยู่โดยมีตานาน
ที่นั่น มีตานาน ธารน้าที่ไหลมาจากที่ต้นห้วยโน้น ฟังคาเล่าขานมาจากแดดและลม แล้วรินบอกเล่าไว้กับหมู่บา้ นว่า ที่ๆ เราเดินทางมา ที่นั่น มีตานาน สืบทอดกันมานานช้าเพื่อให้การก่อเกิดใหม่ เป็นอีกตานานแห่งหมู่บ้าน เราไม่ใช่น้าใหม่ใดๆ
เรื่องมีอยู่ว่า ชายพเนจรกับนกสีสด เลียบหุบห้วยนั่นมาตั้งแต่เริ่มเสียงนกป่าของเช้าวันหนึ่ง สองชีวิตพกเสบียงมาเพียงก้อนข้าวเท่าสองกามือ อาหารอีกอื่นคือ เนื้อไม้ตามรายทางกับน้าในลาห้วย ทั้งสองเดินทางจากต้นห้วยโน้น เข้ามาถึงในหมูบ่ ้านก่อนที่แดดบ่ายลา เด็กๆ ในหมู่บ้านมองผู้มาเยือนด้วยแปลกใจ และแปลกตากับนกสีสด เขายิ้มให้เด็กๆ แก้มหม่นดินแล้วยื่นไม้ผลสองสามชนิดให้ นกสีสดจิบเสียงดีใจ
ไม้ผลจากป่า คืออาหารให้ชีวา เด็กคนหนึ่งวิ่งเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงร้องบอกว่า มีคนให้ นกสีสดจิบเสียงดีใจ ชายพเนจร บอกลายิ้มที่เปื้อนดิน
เขามาจากที่ไหน น้าที่หลั่งซบหินในลาห้วยบอกว่า เขาเดินทางมาพร้อมกับฉัน เรามาจากหุบห้วยโน้น ที่เป็นต้นน้าแห่งเรา เรามาตามทางทีร่ ักดิน หิน กรวด ทราย และใบไม้ที่เปื่อยลาให้กับโลก นกสีสดตัวนั้นไม่เคยอยู่หา่ งจากตัวเขา เก้งและควายป่าเคยบอกกับฉันว่า นกสีสด สวย ชายพเนจรคนนั้นก็ไม่มีระแวงอยู่ในดวงใจ ป่าและผู้อยู่ป่าต่างบอกเล่ากันเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาไม่ได้ไปไหนและนกสีสดอยู่กับเขาตลอดทาง ดูสิ เขาไม่ได้ไปไหน และนกสีสดก็อยู่กับเขา
ไม่ไกลจากทีเ่ ขาเป็นอยู่ ฟ้างามเป็นสีฟ้า ลมเริงร่ากับใบไม้ แดดจูบไล้ทุกแก้มสิ่งที่ไม่มีอื่นกั้นบัง น้าเดินทางสู่ต้นไม้ สู่ฟ้า และสู่ดิน ดินนุ่มแน่นกับน้า นกป่าบินไปมาอยู่กับป่า สัตว์ป่าเหล่าอื่นชื่นมื่นอยู่กับป่า ทั้งป่าให้ชีวติ แก่กันและกัน ที่นั่น ไม่มีเขา
ที่นั่น ดอกไม้รักอยู่กับดิน มีดอกไม้หลายดอกในหลายพืชพรรณไม้ดอก ยืนยิ้มอยู่กับป่างามนั่น ทุกดอกและทุกต้น ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ มีหมู่แมลง แมง มด ผีเสื้อ และอื่นสัตว์ ต่างมารุมเร้าจีบครองในหวาน ในร่มเงา และในเนื้อไม้ของต้น ของใบ ของผลฯ ดอกไม้ของต้นไม้ทุกต้น รักอยู่กับดินในป่านั่น
บนป่าสูง ชายพเนจรอยู่กับนกสีสด ทั้งสองไม่เคยห่างกัน เขาเดินทางมากับธารน้าจากหุบห้วยนั่น จากป่าสู่หมู่บ้าน สู่เมือง แต่เขาไม่ได้ไปไหน บนป่าสูง เขายังอยู่ที่นั่น อยู่กับป่า กับน้าและนกสีสด น้ายังคงไหลออกมาจากหุบห้วยนั่น เด็กๆ ที่รับไม้ผลจากเขา กินอิ่มและนอนหลับไปแล้วกับแสงตะวันบ่าย ของวันที่เขาเดินทางมากับธารน้าจากหุบห้วยนั่น
น้าที่ไหลมาจากป่า ที่เห็นสูงและครึ้มนั่น เป็นป่าบนภูเขาสูง ต้นน้านี้อยู่ที่หุบห้วยบนป่าสูง ไหลจากที่สูงสู่ที่ต่า ทุกอย่างมาจากป่านั่น มีชีวิต หรือไม่มีชวี ิตล้วนมาจากป่านั่น ทั้งหมดหลั่งไหลมาอย่างนั้น เป็นตานานแห่งตานานทับซ้อนกันมา และไม่ใช่ของใหม่ แต่ให้สิ่งใหม่ๆ แก่หลากหลายทั้งหมด ไหลมาจากป่าสู่บ้าน สู่เมือง สู่ใจ กลับเกิดให้เป็นป่าใบชีวิต
ความอิ่มคือสิ่งใด น้าที่ไหลมาจากหุบห้วยโน้น อิ่มกับกระแสที่ไหวรินนั่นไหม ดินเอิบซับน้านั่นไว้ อิ่มหรือไม่ รากของต้นไม้ต้นงามนั่นล่ะ อิ่มน้า อิ่มดิน อิ่มธาตุโลกไหม เด็กๆ ที่รับไม้ผลจากชายพเนจร กินผลนั่นแล้ว เธออิ่มไหม ชายพเนจรกับนกสีสดล่ะ อิ่มกับก้อนข้าวในมือ น้าในลาห้วย และหมู่เนื้อไม้นั่นไหม
นกชราริมห้วย ก้มเงยๆ หาความอบอุ่นให้กระเพาะอาหาร อ้าปากกระซิบมากับลมกลางแดดว่า สรรพสิ่งแท้แล้ว มีความอิ่มในตัว เพราะไม่มีความพร่อง อีกโลกหนึ่งหรอก ที่ล้นและยังไม่อิ่ม จึงเป็นอยู่กับอิ่มครั้งหนึ่งๆ
คือสิ่งใด ชายพเนจรกับนกสีสด อยู่ที่นั่น ที่ต้นห้วยบนป่าสูง ที่นั่นว่ากันว่า เป็นถิ่นเถื่อน มีแต่สิ่งสวยงาม เขาและนกสีสดมากับน้าที่ไหลมาจากต้นห้วยนั่น ทุกอย่างมาจากป่า เป็นตานานทับซ้อนตานาน แต่ไม่ใช่น้าใหม่ เขาอยู่ที่นั่น ทั้งสองไม่ได้ไปไหน ทาไมจึงมาสู่หมู่บ้าน สู่เมือง ให้ไม้ผลกับเด็กๆ เด็กๆ กินแล้วนอนหลับในแดดบ่าย
เขา - ชายพเนจรคนนั้นไม่มีระแวงอยู่ในดวงใจ เขาอยู่กับนกสีสด ก้อนข้าวในมือ น้าในลาห้วย และเนื้อไม้จากไม้ จากผล เป็นเสบียงในการเดินทางจากที่นั่นมาสู่บ้าน สู่เมือง แต่เขาไม่ได้ไปไหน นกสีสดก็อยู่กับเขา ทั้งสองอยู่ที่นั่น ... นกชราบอกว่า ทุกอย่างมีความอิ่มในตัว อีกโลกหนึ่งหรอก เป็นอยู่กับอิ่มครั้งหนึ่งๆ เป็นตานานทับซ้อนตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่...
เริ่มเรื่อง ป่าที่ต้นน้า งามด้วยต้นไม้ น้าฯ และสรรพชีวิต ทั้งหมดอยู่ร่วมกันด้วยรัก เป็นตานานมานานช้า ชายพเนจรกับแก้มนางกราย นกสีสด เกิดที่นี่ เติบตัวแตกต้นตน ณ ที่นี่ เฉกเช่นธรรมชาติทั้งปวง .. ก่อนที่น้าจะไหลออกจากป่า น้ามาจากโลกทั้งปวง เติบตัวขึ้นบนฟ้า เหนือป่าสูงแห่งนี้ แล้วน้าก็มาอยู่กินกับดินบนป่าสูง ทั้งหมดจึงเป็นอยู่และอยู่กินกับป่า ทั้งหมดจึงมาจากป่า
ถิ่นเถื่อนที่มีแต่สิ่งสวยงาม นิทานรักจึงเริ่มขึ้นจากที่นี่
ลานารัก
“ฤดูกาล” ลานารัก ก่อนฤดูกาล ที่นี่เราอยู่กันด้วยความรัก และให้นกสีสดเกิดขึ้น เรารู้ว่า ดอกไม้เช่นใดคือดอกไม้ที่เราปรารถนา เราจะอยู่กินกับดอกไม้เช่นนั้น และต่างรับรู้ได้จากการพานัก ทุกสิ่งเป็นอย่างเดียวกัน เรายินดีต้อนรับทุกสิ่งของโลกนี้ เราคือฤดูกาลนั้น .... เพียงวันนี้ที่ฉันได้อยู่กับเธอ
นิทานรัก น้ามาจากฟ้าสู่ป่าสูง ดินจึงรักน้า หิน กรวด ทรายก็รักน้า ต้นไม้รักน้า ทุกชีวิตก็รักน้า ฟ้าก็รักน้าด้วยสินะ แมลงปอตัวน้อยปีกบางเริงอยู่เหนือผิวน้า ถามอย่างนั้น เพื่อนๆ ของเธอก็ถามกันอย่างนั้น เพื่อนในป่าทั้งหมด ก็เฝ้าถามกันอย่างนั้น รักสิ เพราะฟ้าโอบอุ้มฉันไว้ และฟ้าก็รักเธอทั้งหมด จึงให้ฉันลงมาอยู่กับเธอ กับเธอ ฟ้าเรียกฉันไปเพื่อให้ฉันลงมาอยู่กับทุกอย่าง ข้างบน ข้างล่างไกลกันแต่ก็มีฉันอยู่ ทุกๆ ที่มีฉัน และหลั่งไหลเพื่อทั้งผอง แก้มนางกราย นั่งอยู่ที่นั่น ฟังคาสนทนาแล้วยิ้มให้กบั น้า ให้กับทุกอย่างที่อยูต่ รงหน้า
ใช่, ฉันก็รักน้า - "น้าภู" คือตัวฉัน แก้มนางกรายเริงร่าบอกกล่าวแก่ทุกสิ่ง แล้วน้าจะไหลไปสู่หมูบ่ ้านโน้นไหม - เธอกล่าวกับน้า ขอฉันเดินทางไปด้วยนะ เธอคือผู้นาทาง ได้ส,ิ ชายพเนจรคนนั้นกับนกสีสดก็เคยไปกับฉัน แต่เขาไม่เคยไปไหน ใครเหรอ ชายพเนจร? - นกสีสด สวยไหม แล้วฉันจะได้เจอเขาไหม ชายพเนจรกับนกสีสด ก็เกิดที่นี่ เธอไม่เคยเจอกันเหรอ? นกสีสด สวยมาก ทุกคนมีนกสีสดอยู่กับตัว เธอก็มีนกสีสด ที่นี่เราอยู่กันด้วยความรัก และให้นกสีสดเกิดขึ้น
เธอได้ยินตานานที่เป็นมานั่นไหม
บทสนทนาของดอกไม้กับแมลง ดอกไม้ดอกหนึ่ง บอกเล่ากล่าวถามกับแมลงตัวหนึ่งว่า แมลงแห่งเรา, เธออยู่กับเราที่นี่ ที่ก้านดอก ที่กลีบดอก ที่เกสร เธอชอบสีแห่งเราหรือไม่ แล้วรู้จักไหมว่า เราชื่อดอกไม้อะไร แมลงน้อยตัวนั้นพานักกล่าวอยู่ที่ริมกลีบดอกว่า เธอคือดอกไม้ดอกหนึ่ง มีรูปทรงอย่างหนึ่ง มีสีอย่างหนึ่ง มีกลิ่นอย่างหนึ่ง มีรสอย่างหนึ่ง เราสัมผัสได้ถึงความเป็นดอกไม้แห่งเธอ กับดอกอื่นๆ ก็เป็นเช่นนั้น เรารู้ว่า ดอกไม้เช่นใดคือดอกไม้ที่เราปรารถนา เราจะอยู่กินกับดอกไม้เช่นนั้น เธอจะชื่อว่า ดอกอะไร ในหมู่แมลงเราหาได้เรียกชื่อกันไม่
ชื่อนั้นหาได้สาคัญต่อเรา โภชน์ผลอันน่าปรารถนาต่างหากที่เราต้องการ ดูเหมือนเธอใจร้ายนะ ที่ไม่สนใจรู้จักชื่อเรา แต่เราต่างก็อยู่กินกับป่าแห่งนี้ด้วยกันใช่ไหม ป่านี้ เดิมนั้นก็หามีชื่อเรียกขานกันไม่ เธอ ฉัน ป่า และทุกอย่างแห่งป่านี้ ถูกเรียนขานว่า ชื่อนั่น ชื่อนี้ จากเพื่อนของเราที่เขาเรียกตนเองว่า คน อืม.. อีกคา- มนุษย์ อืม.. ใช่ น่าขอบคุณเขานะ ที่ทาให้ทั้งหมดในป่านี้มีชอื่ เรียก เพราะความแตกต่างกันของสิ่งทั้งหมดที่นี่ จึงทาให้มีชื่อ มนุษย์ยินดีในกล่าวขานชื่อเราเพื่อความงดงามและใช้สอย เธอเคยเห็นชายพเนจร แก้มนางกรายที่มีนกสีสดนั่นไหม ....
แดดเช้าของวันหนึ่ง น้าของหุบห้วยตื่นเต้นไหวริกล้อกับแดดเช้า หมอกน้าลอยตัวไต่ฟ้าขึ้นไปกับแดดนั่นหมดแล้ว ฝากคาไว้กับลาน้าว่า มีความสุขนะ แล้วฉันจะมาเยีย่ มอีก ชายพเนจรกับนกสีสด ไม่ได้ไปไหน เขากลับมาจากหมู่บ้านเมือ่ วันก่อน วันนี้, ทั้งสองเตรียมเสบียง - ก้อนข้าวในมือ แล้วเริ่มต้นเดินทางเข้าไปหมู่บ้านนั่นอีกครั้ง เขาเดินทางไปกับน้าในลาห้วย ที่มาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น น้ามีแดดเช้าเป็นเพื่อน ทั้งคู่เต้นระบาเคียงคู่ไปด้วยกัน ต่างแวะทักทายเพื่อนๆ ริมทาง
ไม้น้าและกอหญ้าริมธารยกมือไม้ทักทาย พลางกล่าว แดดอย่าเพิ่งรีบร้อนนักนะ น้ากาลังเย็นดี ไม้ต้นโตงามก็ว่า - แดดและน้าคือผู้ช่วยเหลือชีวิตแห่งเรา ชายพเนจรกับนกสีสด ยิ้มให้กับสิ่งที่เห็น
น้าที่นี่เย็นใส ก้อนหิน ดิน กรวด ทราย ปลาและแมงน้า ทั้งหมดเริงรื่นอยู่กับน้า น้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น ทาให้เหล่าเธอนั้นเห็นท้องฟ้า เห็นเมฆ แดดของวันสดแสง น้าเย็นใส ทุกสิ่งที่อยู่กินกับป่าต่างบอกแก่กันว่า น้าที่นี่เย็นใส เพราะเป็นน้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น
ความหิวกระหายในองค์ร่างของเธอ ต้นไม้โตงาม ต้นไม้เล็กสวย สัตว์ป่าโตงาม สัตว์ป่าเล็กสวย น้ากับแดด อาบเต้นกันและกัน ร้องเพลงคาเหล่านี้กล่อมทางชายพเนจรกับนกสีสด ทั้งสองยิ้มให้อย่างเข้าใจด้วยใบหน้าเริงแดด หิวหรือยัง ไม่พักก่อนหรือท่านทั้งสอง - น้าเอ่ยถาม เราพร้อมเสมอกับการดื่มกินของท่านและสรรพสิ่ง เราอิ่มน้าจากหมอกน้าแล้วเมื่อเช้า แดดร้องบอกแก่ทั้งหมด ชายพเนจรกับนกสีสด สัมผัสมือบอกเล่าแก่หินก้อนนั้นว่า ขอเรานั่งพักกับเธอเพียงครู่นะ
ก้อนหินยิ้มรับอย่างยินดี ลมหอบร่างโบกพัดเย็นของน้าและตนมาให้แก่ทั้งสอง ทั้งผองที่อยู่กินกับป่าต่างยินดีให้แก่กันและกัน ปรารถนาในต้องการของแต่ละตน เกื้อกูลเช่นนั้น
วันเวลาแห่งชีวิตเรา พึงสงวน แดดแรงแสงยิ่งขึ้นในตอนเที่ยงวัน ใบไม้ป่าปกป่าไว้ให้แดดราไรสาดแสงเป็นลาสวย ก้อนหิน ดิน กรวด ทรายในลาห้วย เก็บเย็นของน้าไว้กับน้าและกับตน ดินของป่ารักษ์น้าไว้ให้เย็นอุ่นกับป่ากับตน บางเหล่าสัตว์อิงแอบอยู่กับร่มไม้และแอ่งน้า แดดกล้าแสงนั้นบอกเล่าแก่ทั้งหมดว่า เราเปิดตัวออกสาแดงพลัง เพื่อให้ทุกชีวิตและไม่มีชีวติ ได้สงวนวันเวลานั้นไว้กับโลก
เพื่อบรรลุสิ่งหวัง ชายพเนจรนั่งสนทนาอยู่กับนกสีสด ร่มแดดนั้นกาลังสนทนากับใบไม้ที่เปื่อยลา หนอนตัวหนึ่ง สนทนากับผีเสื้อตัวปีกงามถึงการก่อเกิดของดักแด้ กุ้ง หอย ปู ปลา สนทนากันถึงการมองเห็นของน้าในลาห้วย ลมหวู่พัดถ้อยคาหยอกล้ออยู่กับยอดใบไม้ที่เพิ่งเริ่มผลิใหม่ สัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตยามกลางคืนสนทนากับตนเองในความฝัน กิ้งก่าที่คาคบไม้ สนทนากับแมลงก่อนที่จะกระทาให้เป็นเหยื่อ เพื่อสร้างความอบอุ่นแก่กระเพาะอาหาร ทุกอย่างที่อยู่กินกับป่าสนทนากันและกัน เพื่อการเดินทางต่อ
เราต่างเป็นฤดูกาลอย่างสัมบูรณ์ ในหมู่บ้าน, เด็กๆ กาลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน สักพักทั้งหมดไปรวมกลุ่มกัน นั่งพักเหน็ดเหนื่อยใต้ร่มไม้มีชื่ออย่างหนึ่ง ใต้ร่มไม้นั้น - แก้มนางกราย นั่งเด่นอยู่ในกลุ่มเด็กๆ เธอเดินทางมาในหมู่บา้ นนี้เมื่อหลายวันก่อน น้าจากต้นน้าในหุบห้วยโน้นนาทางเธอมาสู่ที่นี่ ทั้งหมดตั้งใจฟังตานานที่ไม่ใช่สิ่งใหม่ จากคาเล่าของลาแสงแดดที่ส่องงามลงทาบดินใต้ต้นไม้นั้น ชายพเนจรกับนกสีสด ที่เดินทางมากับน้าจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น จากที่เดียวกันกับแก้มนางกราย ทั้งสองเข้ามาสู่ในที่ไม่ไกลจากใต้ร่มไม้มีชื่ออย่างหนึ่งนั้น
เด็กๆ หันมามอง ไม่แปลกใจและไม่แปลกตากับชายพเนจรและนกสีสดนั้น เพราะชายพเนจรและนกสีสดนั้น ไม่ได้ไปไหน ทั้งสองอยู่ที่ต้นน้าในหุบห้วยโน้น แก้มนางกราย รับรูจ้ ากปากคาของเด็กๆ แล้วลุกขึ้นออกมาต้อนรับเขา เรามาจากที่แห่งเดียวกัน - จากต้นน้าในหุบห้วยโน้น ชายพเนจรกับนกสีสด ยิ้มให้กับเธอ แล้วยื่นไม้ผลให้แก่เด็กๆ สายลมที่ล่องรอบ ณ ที่นั้น บอกกับไม้ผลในมือน้อยของเด็กๆ ว่า เธอ - ไม้ผลนั่นคือฤดูกาล .. ชายพเนจรกับแก้มนางกราย บอกกับนกสีสดว่า เราคือฤดูกาลนั้น
ในฐานะที่ซึ่งเราพานัก ควันจากกองไฟ, สุมด้วยไม้แห้งที่จากต้นมาเองโดยธรรม เป็นควันจากฟืนจากป่า ลอยกรุ่นกอดรักกับลมน้อยๆ ใต้ไม้งามต้นนั้น แมลงกลางคืนเฝ้าล้อมเป็นเพื่อนคืนอยู่ไม่ไกล ตอนนี้ยังไม่ดึก นกป่าที่กล่อมไพรในหมู่บา้ นยังไม่ได้ขบั ขานมา บนขอนไม้ - ต้นที่เคยยืนอยู่กับหมู่บ้านมาร่วมสามสิบปี บัดนี้ก็ยังอยู่กับหมู่บ้าน ขอนไม้นั้นพานักตนเอง โดยการการุญให้จากผู้คนในหมู่บ้าน ให้อยู่ใต้รม่ ไม้งามต้นนั้นเพื่อเป็นที่พักของทุกชีวิต ขอนไม้ชอบบรรยากาศของขณะนี้ยิ่งนัก
ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด เป็นอยู่ ณ ตรงนั้นด้วยกันร่วมกับทุกอย่างที่อยู่กินกับป่า ดวงดาวพระเคราะห์ค่าคืน บ้างฉานแสงจารัส บ้างวอมให้ฟ้านั่นยิ่งงาม ทุกดวงนั่นอยู่ไกลนักแต่โอบป่าและทุกชีวิตไว้ด้วยอบอุ่น บทสนทนาของทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า -------ป่าทั้งหมด สวรรค์นั้นทั้งหมด เป็นโลกทั้งปวงของการสนทนา ทั้งหมดสนทนาต่อกันโดยสุ่มเสียงที่เกิดจากการพานัก และต่างรับรู้ได้จากการพานัก
ชีวิตผีเสื้อเป็นเพียงช่วงสั้น-สั้น - เพียงวันนี้ ดอกไม้แรกอรุณตื่นเช้าขึน้ มาเฝ้าอ้อนแดด เธอผ่านราตรีมาด้วยการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่อับเฉา เช้าวันนี้, เป็นเช้าวันนี้ของทุกๆ วัน เธอไม่ใช่ดอกไม้ดอกเดิมหรือดอกใหม่ เพียงดอกไม้ทพี่ ักผ่อนในราตรีและตื่นเช้า ในวันเช้า เช้านี้เธอตื่นขึ้นมาสนทนาดังเดิมกับทุกสิ่งที่อยู่กินกับป่า ดินบอกแก่เธอว่า – เรายินดีต้อนรับทุกสิ่งของโลกนี้ ผีเสื้อปีกลายสวยบอกว่า – เพียงวันนี้ที่ฉันได้อยู่กับเธอ
โดยแท้แล้วเราต่างแต้มสีสันแก่ดวงตา เช้าวันนี้, ในหมู่บ้านอยู่กินกับป่าดังตานานที่เล่าขานกันมา ผู้คนในหมู่บ้านทามาหากินกับป่าด้วยความสุขของป่า นกชราบอกว่า - เราเป็นอยู่กันอย่างนี้มานานช้า ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด ใช้ชีวิตอยู่กินกับป่าเหมือนดังทุกอย่างที่อยู่ในป่า น้าในลาห้วยก็บอกว่า - เราก็ไม่ใช่น้าใหม่ เป็นน้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น ป่าสูงให้กาเนิดเราและป่าในหมู่บ้านนี้ ทุกอย่างเป็นตานานที่ไม่ใช่สิ่งใหม่
กรอบทางที่ขับเคลื่อน น้าในเมฆตกลงบนป่าสูง น้าในหุบห้วยโน้นไหลลงมาสู่หมู่บ้าน เมล็ดป่าตกเติบตนอยู่กับป่า สัตว์ทั้งมวลอยู่กินกับป่า เป็นตานานอยู่อย่างนั้น ไม่ใช่สิ่งใหม่ ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด เดินทางมากับน้าที่ไหลมาจากหุบห้วยโน้น ทุกอย่างสนทนากันด้วยการพานัก รับรู้ซึ่งกันและกันด้วยการพานัก หิน ดิน กรวด ทราย และไม้น้าบอกว่า เราไม่เคยสงสัยในการหลัง่ ไหลของน้า
กุ้ง หอย ปู ปลาและแมงน้า บอกว่า เราไม่เคยสงสัยในการมองเห็นและการเย็นอุ่นของน้า นกชรา, พักจากการหาความอบอุ่นให้แก่กระเพาะอาหาร บอกว่า เป็นตานานมานานช้า ทุกอย่างมาจากป่า ถิ่นเถื่อนที่มีแต่ความสวยงาม ทุกอย่างอยู่กินกับป่า ความรักเกิดเติบตัวแตกต้น ณ ที่นี่ ไม่ใช่สิ่งใหม่ เป็นมาแล้วอย่างนั้นและกาลังเป็นอยู่
หมู่เพื่อนแห่งเราเล่า อาทิตย์หมากสุก- ปลั่งฟ้าก่อนพลบ แลเห็นลิบกลมมีเมฆเพื่อนอยู่ตะวันตกของป่าสูง นกป่ากลับรัง การงานแห่งวันของทุกชีวิตที่อยู่กินกับป่า พักไว้เพื่อให้ราตรีเฝ้าแหน การหุงต้มในครัวเรือนเริ่มขึ้นอีกครั้งของวัน ควันไฟยามย่าใช่วา่ จะแตกต่างกับควันไฟยามเช้า หรือแม้ควันไฟในระหว่างวัน ผู้คนในหมู่บ้านอยู่กินกับป่า ป่าให้ทุกอุดมสัมบูรณ์แก่ทุกชีวิตและไม่มีชีวิต ในป่านั้นดารงความเป็นป่าไว้ได้โดยป่า และทุกสิ่งที่อยู่กินกับป่า
ดวงดาวพระเคราะห์ที่ชื่อว่า จันทร์ บอกว่า เราก็ไม่แตกต่างจากดวงดาวพระเคราะห์ที่ชื่อว่า อาทิตย์ หรือดวงดาวพระเคราะห์ที่มีชื่อว่าอื่นใด ทั้งหมดไม่ได้แตกต่างจากกันเลย เราเป็นอยู่กับคาบอกเล่าของตานานนั้น เป็นตานานที่ทับซ้อนตานานมานานช้า ทุกสิ่งเป็นอย่างเดียวกัน
สูงขึ้นไปเป็นก้อนเมฆ ดินบอกเล่าแก่ฝูงควายป่า ในขณะที่แดดทางานอย่างแข็งขันว่า เหล่าท่านอยู่กับเรามา- ท่านละนานปี มูลของท่าน ก่อนนั้นเกิดจากเราที่ให้พานักแก่ต้นหญ้าเขียวงาม เราต่างอยู่กินกับป่า เป็นตานานที่เล่าขานนานช้า เหล่าเรา - ฝูงควายป่านั้นกล่าวคา ช่างร้อนกันเหลือเกิน เหล่าเรากาลังอยู่กันในแอ่งเว้าแห่งท่าน น้าจากเมฆโน่นให้เย็นอุ่นแก่เหล่าเรา แดดฟังอยู่จึงร่วนสนทนาว่า เรากาลังชวนน้าขึ้นไปเล่นบนฟ้าโน้น เรากาลังขับเคลื่อนกระเพาะอาหารของป่า
น้าไปเล่นเป็นเมฆไม่นานหรอก เดี๋ยวเธอก็กลับมาสู่ป่าสูง สู่หุบห้วย สู่ท้องทุ่ง สู่น้า สู่ดิน ทุกพื้นที่ที่ทั้งผองเป็นอยู่ น้าเป็นน้า เฉกเช่นเดียวกับที่ดินเป็นดิน เราเป็นแดด สายลมระรวยที่รินผ่านแดดแข็งขันนั้น ก็กล่าวร่วมวงด้วยว่า ใช่, ทุกอย่างเป็นในที่ที่ตนเป็น เห็นว่าเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นมาอย่างนั้น แม้ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นตัวแห่งเรา ท่านทั้งหลายก็สามารถสัมผัสได้ ที่เป็นอย่างนี้ๆ อย่างนั้นๆ เป็นตานานที่ไม่ใช่สิ่งใหม่ สูงขึ้นไปเป็นก้อนเมฆ ต่านั้นเพียงดิน เราทาหน้าที่ให้ทุกอย่างขึน้ -ลง ----
ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด พานักอยู่ใต้ร่มต้นไม้งามต้นหนึ่งนั้น ฟังคาสนทนาเหล่านั้นด้วยนกสีสด อาหารอันให้อบอุ่นแก่กระเพาะคือก้อนข้าวในมือ น้าในลาห้วย และหมู่เนื้อไม้จากหน่อ จากใบ จากผล
นกชรา ยิ้มให้กับแดดและทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า
เราหอมหวานได้โดยการรอคอย นกตัวสีสวย บินไปมาจับกิ่งไม้โน้นกิ่งไม้นี้ จิบเสียงรื่นเริงบนต้นไม้ตน้ งามต้นนั้น ต้นที่ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสดนั่งกันอยู่ ชายพเนจร แก้มนางกราย พูดคุยกันอยู่ด้วยรัก ด้วยวัยฤดูกาลอันสัมบูรณ์ ---ภาพและคานั้น-นั้น ทาให้นกตัวสีสวยตัวนั้นรื่นเริงไปด้วย เนื้อแห่งไม้คือผลของต้นไม้ต้นงามต้นนั้น บอกเล่ากับนกตัวสีสวยตัวนั้นว่า ทั้งสองเฉกเช่นความหอมหวานแห่งเรา ที่ผู้อยู่กินกับป่าต้องรอคอย
ลานาคา
"ป่าเมือง" ลานาคา ตานานป่าเมือง กาลเวลาเป็นช่วงขณะแห่งรส คือการสั่งสมรอไว้ในอีกครั้ง และเป็นความงามหนึ่งนั้นที่จะต่อรักให้เติบต้น เป็นตานานทับซ้อนตานาน ขัดเกลา กลึงให้เนียนเพื่อการรับรู้ รับการเป็นอยู่ของการกระทบ กระทบให้ริ้วลาย เพื่อความงาม ดวงใจของเราเป็นดังแพรุง้ ของรุ้งบนฟ้า แดดและลมที่รายรอบนั้นก็กล่าวว่า - อย่างนั้น เกสรดอกไม้นั้นจักคืนสู่ต้นไม้
หนอนบอกเล่าถึงเนื้อไม้ที่กลืนกิน หนอนตัวหนึ่ง ตัวที่เกาะพานักอยู่ที่เนื้อตัวต้นไม้ต้นงามต้นนั้น ได้ยินถึงการสนทนา ระหว่างเนื้อแห่งไม้คือผลของต้นไม้ต้นงามต้นนั้น กับนกตัวสีสวยตัวนั้น จึงเถิบไต่ไปใกล้ๆ แล้วจึงกล่าวร่วมสนทนาว่า ความหอมหวาน จืด เปรีย้ ว หรือแปลกรสอื่น เราคือผู้กลืนกินทั้งหมดนั้น เราอยู่กินกับป่า อยู่กินกับทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า กาลเวลาเป็นช่วงขณะแห่งรส ทั้งสองที่นั่งอยู่ด้วยรักเบื้องล่างนั้น คือชายพเนจร แก้มนางกราย และนกสีสด ทั้งสองก็คือผู้กลืนกินทั้งหมดนั้น นกสีสดจะเป็นผู้บอกเล่าแก่เขาเหล่านั้น
นกตัวสีสวยตัวนั้น จึงถามหนอนตัวหนึ่งนั้นว่า แล้วเมื่อไหร่ นกสีสดจะเป็นผู้บอกเล่าแก่เขาเหล่านั้น หนอนตัวหนึ่งนั้น ตอบว่า เขาเหล่านั้นอยู่กับนกสีสดตลอด เมื่อไหร่ทเี่ ขาเหล่านั้นรู้จักนกสีสดได้โดยดี นกสีสดจะบอกเล่าแก่เขาเหล่านั้น เนื้อแห่งไม้คือผลของต้นไม้ต้นงามต้นนั้น จึงกล่าวแก่หนอนตัวหนึ่งนั้น และนกตัวสีสวยตัวนั้นว่า ฤดูกาลของเขาเหล่านั้น ทาให้นกสีสดที่อยู่กับเขาเหล่านั้นเติบตัวแตกต้น เพราะเขาเหล่านั้นเป็นอยู่ด้วยกัน ดังการอยู่กินกับป่าที่เป็นตานานมานานช้า นกชราคอยเฝ้าบอกเล่าเขาเหล่านั้น อยู่เป็นขณะ-ขณะ
หนอนตัวหนึ่งนั้น จึงกล่าวว่า อย่างนั้น, และนกชรา คืออีกผู้กลืนกินทั้งหมดนั้น
การหล่นร่วงของเกสรดอกไม้ ลมพัดยามเที่ยงวันเบา-เบา เกสรดอกไม้จากดอกไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น ร่วงโปรยลงมาสู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้น สู่ดิน สู่เนื้อตัวของชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด ที่นั่งพานักอยู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้น นกสีสดบอกเล่าแก่ ชายพเนจร แก้มนางกราย ว่า ดอกไม้คือความงาม เกสรดอกไม้คือหนึ่งส่วนของความงามนั้น และเป็นความงามหนึ่งนั้นที่จะต่อรักให้เติบต้น การหล่นร่วงของเกสรดอกไม้ ที่ไปปราศจากจุดทีจ่ ักให้กาเนิด หาใช่การสิ้นสูญอีกกาเนิดไม่ ความงามหนึ่งนั้นไม่ได้สูญสิ้นไปไหน
การหล่นร่วงของอีกหนึ่งความงามนั้น คือการสั่งสมรอไว้ในอีกครั้ง เหมือนดังน้าในหุบห้วยไหลสู่หมู่บ้านก็เพื่อการสั่งสม หาได้สูญสิ้นไปจากหุบห้วยนั้นไม่ การหล่นร่วงของอีกหนึ่งความงาม ทาให้เกิดการคืนรู้สู่ความงามครั้งใหม่ เกสรดอกไม้นั้นจักคืนสู่ต้นไม้
หมอกน้า, ก่อนที่ไฟจะลามป่า แรกเช้าของแล้งนั้น, ที่ป่าสูง เหนือหุบห้วยต้นน้าโน้น เหมยหมอกแรฟ้า แรไม้ แรป่านั้นให้รุ่งฟ้า ไม่นาน, แดดก็ทวีแสงให้อบร้อน ชื้นของหมอกน้าที่เคยเรี่ยนั้นหมดไป อบกรอบของไม้แห้งและกิ่งใบเกรียมที่ทิ้งพื้น กร๊อบแกร๊บแตกด้วยเหยียบย่าของผู้ที่อยู่กินกับป่า ลมตะโกนก้องขึ้นในป่าบอกว่าต่อไปจะเกิดประกาย และการลุกลามของร้อนไฟ น้าที่ขึ้นไปรวมตัวเป็นเมฆนั้น ยังไม่พร้อมสาหรับการเดินทางกลับ เพราะฤดูกาลนี้เป็นของไฟ นกชรา, ตื่นขึ้นมาจากงีบพักหลังอบอุ่นแห่งกระเพาะ มื้อเมื่อก่อนที่ประกายไฟจะเกิดขึ้น บอกว่า -
หลังการลากลามไล้ร้อนแห่งไฟ การเกิดขึ้นใหม่ของป่าและผู้อยู่กินกับป่า จะเริม่ เขียวงาม ความอบอุ่นจะเป็นอยู่ดังเดิม เป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่สิ่งใหม่ หมอกน้าจะกลับมาอีกครั้ง
หินกลมในหุบห้วย กลมเนียน, ให้นวล- กับน้าในหุบห้วยรินผ่าน ผิวเกลี้ยงเพราะฤดูกาลของหิน ของน้า หินกลมในหุบห้วย เกลาด้วยวันเวลาแห่งน้าและวันเวลาแห่งตน เย็นอุ่นอยู่กับน้านั้น เสกสลักริ้วลายให้กับน้าโดยไม่รจู้ บของหลั่งไหล เขียวไคลตะไคร้น้า ฝุ่น หิน ดิน ทราย และใบ- กิ่งของไม้ที่ปลีกลา ออเซาะอยู่กับเธอและระหว่าง ทั้งหมดอยู่กินกับป่า ไม่เคยราพันไห้กับกฎของกระแทกใด เป็นหินกลมก้อนเล็กก้อนใหญ่ สวยงามกับการเดินทางของป่า กุ้ง หอย ปู ปลา บอกกันและกันต่อๆ กันมาว่า เป็นตานานทับซ้อนตานาน
ขัดเกลา กลึงให้เนียนเพื่อการรับรู้ รับการเป็นอยู่ของการกระทบ กระทบให้ริ้วลาย เพื่อความงาม
เราไม่ได้เดินทางออกจากป่า, ใช่ไหม? ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด เดินมาตักน้าในลาห้วย สาหรับหลังก้อนข้าวในมือ ของมื้อเที่ยงแห่งวัน - หลังการงานในไร่นาของหมู่บ้าน ร่มไม้ของต้นไม้งามต้นนัน้ ร้องบอกเขาทั้งสองว่า เจ้าทั้งสองถามน้าจากต้นน้าในหุบห้วยโน้นซิ ว่า น้าเดินทางออกจากป่าหรือไม่ ไม้ริมน้าห้วยได้ยินก็ถามขึน้ ก่อนว่า อืม.. ใช่ส,ิ เราก็สงสัยมานาน น้าๆ ตอบหน่อยสิ- เราเห็นเธอหลั่งไหลไปไม่รจู้ บ ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด พักตัวลงนั่งฟัง เราทั้งหมดอยู่กินกับป่าและมาจากป่า – น้าในลาห้วยนั้นกล่าว
เราทั้งหมดไม่ได้ไปไหน การเป็นอยู่คือการเดินทางออก เราทั้งหมดมาจากป่าแต่ไม่เคยเดินทางออกจากป่า ป่าคือที่อยู่ของทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต - ทั้งหมดอยู่กินกับป่า การเดินทางออก เป็นการเดินทางที่อยู่กินกับป่า ---แดดของเที่ยงวันที่เดินทางมาจากดวงอาทิตย์ ไหวริกอยู่กับน้า ย้าคาของน้าในลาห้วยแก่ทั้งหมดว่า เช่นนั้น, การเป็นอยู่คือการเดินทางออก การเดินทางออก เป็นการเดินทางที่อยู่กินกับป่า .. ดังเราทีเ่ ดินทางมาจากดวงอาทิตย์
ก้อนข้าวในกามือของเธอทั้งสอง ก็เป็นเช่นนั้น- แดดของเที่ยงวันที่เดินทางมาจากดวงอาทิตย์ ไหวริกอยู่กับน้าในลาห้วยนั้นหันมากล่าวแก่ ชายพเนจร แก้มนางกรายและนกสีสด ที่พักตัวลงนั่งฟัง
ลึกลงไป น้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น เป็นน้าในลาห้วย ไหลมาสู่หมู่บ้าน เป็นน้าในลาห้วยในหมู่บ้าน ทั้งหมดอยู่กินกับป่า ทาให้ปา่ เติบโต ทาให้คน สัตว์ ต้นไม้ ผลของไม้และอื่นในหมู่บ้านเติบโต ทาให้เมฆเติบโต ทาให้น้าในลาห้วยเติบโต ทาให้อากาศของแดดเติบโต ทาให้ก้อนหินและอื่นในน้าเติบโต
พิมพ์ภาพในรู้สึกเป็นเพียงขณะ, ก่อนที่จะจากลา หมู่นกตัวสีสวยจิ๊บจ๊าวเจื้อยแจ้ว สนุกสนานอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น จิกกินผลของไม้จากต้นไม้งามต้นนั้น พลางถ่ายมูลให้อยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น และให้อยู่กับดินใต้ต้นไม้งามต้นนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะถ่ายมูลไว้ให้อยู่กับใด-ใด นกสีสดจาคาของนกชราไว้ บอกเล่าแก่ชายพเนจร แก้มนางกราย ว่า - เป็นตานานอยู่อย่างนั้น และไม่ใช่สิ่งใหม่ แดดและลมที่รายรอบนั้นก็กล่าวว่า - อย่างนั้น
แพรุ้งของรุ้งบนฟ้า บ่ายของวันนี้, เม็ดฝนเล่นน้าอยู่กับรุ้งที่บนฟ้านั่น เจ็ดสีนั้นเป็นแพรุ้งของรุ้งบนฟ้า เม็ดฝนเล่นลงจากฟ้ามาเล่นอยู่กับรุ้ง รุ้งจึงกินน้า น้านั้นเคยอยู่กับฟ้าเป็นเมฆ น้านั้นเคยอยู่กับป่า เป็นน้าที่ต้นน้าในหุบห้วยโน้น และที่เป็นน้าไหลมาในลาห้วยสู่หมู่บ้าน แพรุ้งของรุ้งบนฟ้ากินน้าที่ต้นน้าในหุบห้วยโน้น นกสีสดบอกกับชายพเนจร แก้มนางกราย ว่า – ดวงใจของเราเป็นดังแพรุ้งของรุ้งบนฟ้า
ป่าเพาะสร้างเมล็ดพันธุ์ให้ผู้อยู่กิน ต้นไม้งามต้นนั้น บอกกับแดดนั้นว่า ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา ต้นหญ้าที่ริมลาห้วยนั้น บอกกับแดดนั้นว่า ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา มด แมลง หนอน แมง ผีเสื้อ บอกกับต้นไม้งามต้นนั้นว่า ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา เสือ ช้าง ควายป่า นกตัวสีสวย กระรอก กระแตตัวน้อย บอกกับป่านั้นว่า ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา แมงดินและไส้เดือน บอกกับดินนั้นว่า ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา
กรวด หิน ดิน ทราย, กุ้ง หอย ปู ปลา บอกกับน้าในลาห้วยนั้นว่า – ขอบคุณท่านที่ให้กาลังแก่เรา ชายพเนจร บอกกับแก้มนางกรายและนกสีสดว่า ขอบคุณเธอที่ให้กาลังแก่เรา นกชรา, ละจากการหาความอบอุ่นให้แก่กระเพาะ หันมาบอกกับทั้งหมดว่า เราทั้งหมดคือผู้อยู่กินกับป่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้กาลังแก่เรา
ลาเลงภาพ
"เพียงเงา" ลาเลงภาพ วาดเงา เพลงน้ายามค่าคืน รินระรื่นยิ่งกว่าเพลงน้าของยามวัน ความฝันในเธอช่างบานเช้าและบานคืน หนอนตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น บอกว่า เธอจงอย่ากินไม้ของเนื้อไม้ของต้นไม้ส่วนใดๆ เพียงเพราะว่าเธอชอบ ทุกอย่างเดินทางจากถิ่นเถื่อนที่มีแต่ความสวยงาม ฤดูกาลทั้งสองมาถึงแล้ว ดวงตาสบดวงตาเพราะดวงใจ ดวงใจคือพันธะ ทุกสรรพสิ่งบรรสานซึ่งกันและก้น บรรสานประคองนั้น ทั้งผองโลก
ความรักคือการดารงอยู่ของความสัมพันธ์ ความงามคือนามของความรัก ลมฝนเดือนมีนาคมบอกว่า ฤดูกาลนั้นเป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ทุกขณะคือการเดินทางของฤดูกาลแห่งรัก ขอเธอทั้งสองจงได้เป็นอยู่ ทุกอย่าง คือ หนึ่งนั้น
ภาพแรกของคาสวัสดี "ภาพเธอกล่าวทักทาย สวัสดี" สวัสดี สวัสดี คุณชื่อไร .... แก้มนางกราย เอ่ยคาทักทายสวัสดี ชายพเนจรที่มาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น บอกกล่าวสวัสดีทัก สวัสดี เรามาจากวารีในเวลา เหรอ งั้น เรามาจากทีเ่ ดียวกัน คุณมานานหรือยังค่ะ .... ดีใจค่ะพี่ ทีไ่ ด้รู้จักกัน .... .... ห้ามคิดถึงน๊า..
.... .... ส่งรูปสวยๆ มาให้ไว้ดูค่ะ .... ........ ตะวันตกดินลับจากป่าสูงไปแล้ว ในหมู่บ้านเสียงเอิกเกริกไปด้วยการหุงหาในแต่ละบ้าน เด็กๆ กาลังวิ่งเล่นในแสงใกล้ย่า นกตัวสีสวยกลับรวงรังบนต้นไม้งามต้นนั้น ไม่นานราตรีก็คลี่ม่านห่มป่า แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสด นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้น ดาวกับเดือนในคืนนั้นยิ้มให้กันและกัน ฟ้าแห่งค่าคืนบอกว่า เป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่
ภาพสอง คือดวงใจ "ภาพยิ้มของแก้มนางกราย กับภาพยิ้มของชายพเนจรและนกสีสด" แก้มนางกราย ตื่นเต้นกับวันเวลาของวันและของคืน เธอกรุ่นชื่นบานดังว่า ดอกไม้แรกแย้มทักทายโลกงามยามแดดเช้าให้แดด น้าค้างในดวงใจสดใสด้วยชีวิตที่ผลิก่อนเช้า เธอยิ้มงามกับชีวิตในวันวัยที่ถึงพร้อมด้วยฤดูกาล ความฝันในเธอช่างบานเช้าและบานคืน ชายพเนจรกับนกสีสด ทาให้เธอยิ้มงามกับชีวิต ทั้งสองมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น มาพบกันในหมู่บ้าน ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนั้น ชายพเนจรนั้นเล่าก็ช่างสุขกับชีวิตตนเอง ด้วยเพราะมีแก้มนางกรายคอยเจรจาให้สุขใจ
วันเวลาของวันและของคืน แผ่วผ่านทั้งสองดังน้าใสไหลเย็นในลาห้วยนั้น ดอกไม้งามใดเอย ให้ความรักสดสวยแสนงาม แดดและลมใดเอย ให้ความรักกรุ่นอวลด้วยฝันและจริงของชีวิตงอกงาม น้าและอื่นใดเอย ให้ทั้งสองรักกันอยู่ด้วยสดชื่นตื่นฝัน นกตัวสีสวยจิบเสียงแจ้วหวานบอกว่า ความรักคือการดารงอยู่ของความสัมพันธ์
ภาพสาม ความงามคือนามของความรัก "ภาพการสนทนาของคนสองคน" แก้มนางกราย : พี่คิดถึงแก้มไหม ชายพเนจร : ไม่คิดถึง จะคิดถึงทาไม แก้มนางกราย : ทาไม ไม่คิดถึงเค้าหล่ะ ชายพเนจร : ก้อไม่คิดถึงอ่ะ แก้มนางกราย : จริงๆ ดิ ชายพเนจร : ฮื่อ.. แก้มนางกราย : อืม.. ก็ดีที่ไม่คิดถึง อย่ามาคิดถึงเค้าก้อแล้วกัน แก้มนางกราย : พี่ไม่คิดถึงแก้มจริงๆ หง่ะ ชายพเนจร : อืม.. จริงๆ นกตัวสีสวย ฟังทั้งสองอยู่บนต้นไม้งามต้นนั้น กระดิกหัวไปมา
ไม้ของผลไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น บอกกับนกตัวสีสวยนั้น ว่า เธออิจฉาเขาไหม? นี่เป็นตานานมานานช้าและไม่ใช่ของใหม่ แก้มนางกราย : พี่รักแก้มไหม? ห้ามบอกว่า รัก ชายพเนจร : อืม.. ไม่รัก แก้มนางกราย : รักก้อบอกมาเหอะนา อิอิ ชายพเนจร : ไม่รัก.. แก้มนางกราย : จริงๆ ดิ ชายพเนจร : จริง หรือไม่จริง มั๊ง.. ไม่รู้สิ แก้มนางกราย : ทาไมละ? ชายพเนจร : ถามใจแก้มเองดิว่า แก้มรักพี่รึปา่ ว แก้มนางกราย : ไม่รัก.. ชายพเนจร : จริงดิ แก้มนางกราย : จริง หรือไม่จริง มั๊ง.. ไม่รู้สิ อิอิ นกตัวสีสวยกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ๆ ไม้ของผลไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น
พลางบอกกับไม้ของผลไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น ว่า – อยากอบอุ่นจัง ไม้ของผลไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น กล่าวว่า – เป็นตานานและไม่ใช่ของใหม่ ฟ้าของค่าคืนนี้ พราวไปด้วยหมู่ดาวและมีจันทร์เจ้ายิ้มอยูใ่ กล้ๆ บนฟ้านั่น เสียงป่าในหมู่บา้ น และจากป่าสูงแว่วหวานราตรีมาโดยลมพฤศจิกา ดอกของไม้ที่เป็นดอกไม้ป่าของค่าคืน รินหอมให้อวลรื่นเข้ามาหาทั้งสอง แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสด ต่างลาดับเรื่องราวแห่งรักด้วยกันและกัน แก้มนางกราย : พี่จะไม่นอนเหรอ ชายพเนจร : ปรารถนานั้นมิอาจหลับ แก้มนางกราย : ปรัชญาอีกแล้ว ชายพเนจร : ไม่ใช่ - เป็นความจริง
แก้มนางกราย : จริงๆ ดิ ชายพเนจร : จริง.. แก้มนางกราย : พี่นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยคุยกันอีก นะ นะ ชายพเนจร : ความงามคือนามของความรัก แก้มนางกราย : ค่าๆ ทราบค่ะ อิอิ พี่นี่ จริงๆ นะ ชายพเนจร : พี่ไม่คิดถึงจริงๆ นะ แก้มนางกราย : ค่าๆ แล้วอย่ามาคิดถึงเค้าก้อแล้วกัน ปายหล่ะ บะบุยจ้า
ภาพสี่ การตื่นขึ้นของฝันในฤดูกาล "ภาพแก้มนางกรายยิ้มทีด่ วงตา หัวใจเดินไปสู่ชายพเนจร" แก้มนางกราย : พี่ทาไรอยู่ค่ะ คิดถึงแก้มไหม ห้ามคิดถึงนะ อิอิ ชายพเนจร : ไม่คิดถึงครับ แก้มนางกราย : แก้มตามอ่านงานของพี่หมดแล้วนะ ที่พี่บอกหน่ะ อยากอ่านทั้งหมดที่พี่เขียนจังเลย ขอแก้มอ่านทั้งหมดได้ม่ะ ทุกอย่างที่พี่เขียนนะ นะ นะ นะ นะค่ะ ชายพเนจร : ได้ครับ แก้มนางกราย : ส่งไฟล์มานะค่ะ ชายพเนจร : อยู่ในสมุดหน่ะครับ ยังไม่ได้พิมพ์ มาอ่านดิ อิอิ แก้มนางกราย : ได้เลย เดี๋ยวว่าง ไปแน่ๆ พี่ต้องให้อ่านทั้งหมดนะค่ะ ชายพเนจร : ไม่เห็นมีเรือ่ งไรน่าอ่านนี่ครับ
มีแต่ที่เขียนเรื่อยเปื่อย แก้มนางกราย : ก้อแก้มชอบหง่ะ ชอบที่พี่เขียน จริงๆ นะค่ะ นกสีสดยิ้มให้กับชายพเนจรและแก้มนางกราย ลมไล้รินสายมาเบาๆ นกตัวสีสวยที่พานักอยู่บนต้นไม้งามต้นนั้น ขยับตัว กระพือปีกเบาๆ ไม้ของผลไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น แย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า การตื่นขึ้นของฝันในฤดูกาล กาลังเริ่มขึ้นแล้วอีกครั้ง แก้มนางกราย : เมื่อไหร่ พี่จะเขียนถึงแก้มบ้างค่ะ อยากอ่านๆ อิอิ ชายพเนจร : ให้เขียนต่อว่าแบบทีแ่ ก้มได้อ่านรึครับ อิอิ แก้มนางกราย : ไม่เอาสิ เอาแบบหวานๆ ซึ้งๆ อิอิ ชายพเนจร : อ้าว เห็นบอกชอบที่พี่เขียน ก้อที่ให้อ่านหน่ะ มีแต่ต่อว่า
แก้มนางกราย : ก้อเอาแบบเรื่อง - - ดิ ชายพเนจร : เขียนไว้แล้วครับ แต่ไม่ให้แก้มอ่านหรอก อิอิ แก้มนางกราย : อ้าว ไงงั้นละ เอามาให้แก้มอ่านเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นไม่คุยด้วยจริงๆ เอามาเลยๆ ชายพเนจร : เดี๋ยวไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยอ่านครับ แก้มนางกราย : ไม่เอาๆ เค้าจะอ่านตอนนี้ เดี๋ยวนี้นะ พี่เอามาเลย เอามาๆ ชายพเนจร : ค่อยอ่านนะครับ แล้วพี่จะให้อ่านจริงๆ ครับ แก้มนางกราย : ไม่เอาๆ เค้าจะอ่านตอนนี้ เค้าไม่ยอมด้วย ชายพเนจร : ครับๆ อิอิ ไม้ของใบของต้นไม้งามต้นนั้น เริงลมระรวยๆ อย่างมีสุข เสียงน้าในลาห้วยรินสายเป็นเพลงแม่น้า
ต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับนกตัวสีสวยว่า เพลงน้ายามค่าคืน รินระรื่นยิ่งกว่าเพลงน้าของยามวัน นกตัวสีสด จิบเสียงเบาๆ บอกกับนกตัวสีสวยว่า – ค่าคืนนี้เราทั้งหมด – นอนหลับอย่างมีสุขในฤดูกาล
ภาพห้า ณ ป่าสูง ที่นั้นเป็นถิ่นเถื่อน ที่นั้นมีแต่สิ่งสวยงาม "ภาพป่าสูง ณ ที่ต้นน้าในหุบห้วยพานักอยู่" ที่นั้นเป็นถิ่นเถื่อน มีแต่สิ่งสวยงาม นกชราบอกว่า - เป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่ของใหม่ ทุกอย่างออกมาจากป่า และเป็นผู้อยู่กินกับป่า ป่าให้ชีวิต ทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า เป็นอยู่กันด้วยความรัก ไฟจะลามป่าในแล้งนั่น แล้วฝน ลม ดิน แดดจะสร้างป่าอีกครั้ง สรรพสิ่งเป็นอยู่อย่างนี้ เป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่ของใหม่ ป่าสูงเป็นอยู่กับดินกับฟ้า ต้นไม้และทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า เป็นอยู่กับป่า เมฆนั่นเป็นอยู่กับน้ากับฟ้า น้าที่ต้นน้าในหุบห้วย จะนาทุกผู้ที่อยู่กินกับป่าไปสู่หมู่บ้าน เพื่อให้อยู่กินกับป่า เป็นตานาน ไม่ใช่ของใหม่
เราเองก็คือ นกชราตัวเดียวกันกับตัวที่อยู่กินกับป่าในป่าสูง และอยู่กินกับป่าในหมู่บ้าน น้าที่เป็นต้นน้าในหุบห้วย บอกว่า เราก็มาจากทุกสิ่ง มาสู่ป่าสูงแล้วไหลไปสู่หมู่บ้าน เราคือผู้นาทุกผู้อยู่กินกับป่าไปสู่หมู่บา้ น แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสดก็เดินทางไปกับเรา ตอนนี้ทั้งสองกาลังมีความสุข กับการอยู่กินกับป่าที่ในหมู่บ้านโน้น ฤดูกาลทั้งสองมาถึงแล้ว การเป็นอยู่ของเขาทั้งสองจักสร้างทั้งสอง ทั้งสองจะเป็นอยู่อย่างไร นกสีสดจะบอกแก่เขาทั้งสอง ดังเช่นที่บอกกับทุกผู้ที่อยู่กินกับป่า ทุกอย่างเดินทางจากถิ่นเถื่อนที่มีแต่ความสวยงาม นกสีสดจะบอกเล่าในตัวเขาเอง
ภาพหก น้าในหุบห้วย “ภาพมวลน้าที่พานักอยู่ในหุบห้วย" แดดอิงธาร ธารอิงแอ่ง แอ่งอิงดิน ทราย มวลไม้น้า หิน อิงธารใส ป่าสูงอิงลม อิงแดด ความเป็นไป สรรพสิ่งอิงอาศัย กันและกัน เป็นหุบห้วยของน้า ของป่า ของผู้อยู่กิน ทั้งมวลนวลริน สู่ดิน สู่สวรรค์ ทุกอณูอวลเย้าเคล้านิรันดร์ ลงบรรสานประคองนั้น ทั้งผองโลก ใบไม้ที่เปื่อยซับน้าในหุบห้วยนั้น บอกว่า คือน้าในหุบห้วยของหุบห้วยที่อยู่ด้วยหลากชีวิต ไม่ใช่น้าใหม่ และไม่ใช่น้าเก่า เราผู้เปื่อยลาต่างเวียนไปมาสู่หุบห้วยแหล่งนี้มานานช้า เป็นตานานและไม่ใช่ของใหม่
น้าในหุบห้วยแหล่งนี้ เป็นต้นน้าที่หลั่งไหลไปสู่หมู่บา้ น ไปสู่ทุกชีวิตและไม่มีชีวิต ทุกมวลนั้นเดินทางสู่ทุกดวงใจของผู้ที่อยู่กินกับป่า เดินทางเข้าไปกวาดล้างชาระ เดินทางเข้าไปผสาน เพื่อให้ทุกสรรพสิ่งบรรสานซึ่งกันและก้น ทุกชีวิตและไม่มีชีวิต มีน้าจากต้นน้าในหุบห้วยแหล่งนี้ แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสด เป็นอยู่ซึ่งกันและกันด้วยน้าที่เป็นต้นน้าในหุบห้วยแหล่งนี้ ทั้งสองเดินทางจากป่าสูงไปสู่หมู่บ้าน ด้วยน้าที่เป็นต้นน้าในหุบห้วยแหล่งนี้นาพาทั้งสองไป ทั้งสองไปจากถิ่นเถื่อนที่มีแต่สิ่งสวยงาม น้าที่เป็นต้นน้าในหุบห้วยแหล่งนี้นาพาทั้งสองไป น้าที่เป็นต้นน้าในหุบห้วยแหล่งนี้จักหล่อเลี้ยงเขาทั้งสอง
ภาพเจ็ด คือสิ่งที่หลั่งไหล “ภาพชายพเนจรกับนกสีสด ผู้เดินทางมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น" ทุกคนในหมู่บ้านและทุกสิ่งในหมู่บ้านรู้กันว่า ชายพเนจร คือผู้เดินทางมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น เขามาตามลาห้วยและน้าในลาห้วย ก่อนแดดบ่ายจะมาถึง เขามาถึงที่นี่ เขา- ชายพเนจรและนกสีสด ไม่ได้ไปไหน เขามาถึงที่น-ี่ ในหมู่บ้าน แล้วยื่นไม้ผลให้ในมือของเด็กๆ ในหมู่บ้าน ชายพเนจรและนกสีสด ทั้งสองไม่ได้ไปไหน ทั้งสองยังอยู่ที่ต้นน้าในหุบห้วยโน้น- บนป่าสูง นกชรา บอกว่า นั่นเป็นตานานมานานช้าและไม่ใช่สิ่งใหม่ เขามากับน้าในลาห้วยนั้น
น้าในลาห้วยนั้นไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น เขานั่งพานักอยู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้น แดดนอกร่มไม้ของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเขาว่า ท่านจงชื่นเย็นด้วยแดดร้อน นกตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเขาว่า ท่านจงบินไปด้วยรอยเท้าของฟ้า ไม้ของผลของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเขาว่า ท่านจงเก็บกินไม้ของผลของต้นไม้จากเมล็ด หนอนตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น บอกกับเขาว่า ท่านจงอย่ากินไม้ของเนื้อไม้ของต้นไม้ส่วนใดๆ เพียงเพราะว่าท่านไม่ชอบ ลมที่พัดหอบแดดหอบร้อนมานั้นบอกกับเขาว่า ท่านจงกลืนกินเรา ดังที่เราวิ่งเล่นอยู่กับท่าน
ดอกของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเขาว่า เรางดงามเสมอในตัวท่านเมื่อไส้เดือนพรวนดิน นกสีสดยิ้มรับรู้อยู่กับเขา- ชายพเนจร
ภาพแปด คือดวงใจแห่งธาร "ภาพแก้มนางกราย ผู้เดินทางมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น" ทุกคนในหมู่บ้านและทุกสิ่งในหมู่บ้านรู้กันว่า แก้มนางกราย คือผู้เดินทางมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น เธอมาตามลาห้วยและน้าในลาห้วย เธอเดินทางมาถึงหมู่บ้านหลังจากที่ชายพเนจรกับนกสีสดเดินทางมาถึงหมู่บ้าน เธอนั่งพานักอยู่ใต้ร่มไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น ทั้งสอง - แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสด พบกันที่ใต้ร่มไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น นกชรา บอกว่า นั่นเป็นตานานมานานช้าและไม่ใช่สิ่งใหม่ เขาทั้งสองมากับน้าในลาห้วยนั้น น้าในลาห้วยนั้นไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น
เธอนั่งพานักอยู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้น แดดนอกร่มไม้ของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเธอว่า เธอจงเริงร้อนในกระแสธารที่ฉ่าเย็น นกตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเธอว่า เธอจงบินไปด้วยปีกหวัง ของแมลงปอตัวสีสวยที่งามฟ้าและเหล่าไม้นั่น ไม้ของผลของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเธอว่า เธอจงเก็บกินไม้ของเมล็ดจากผลของต้นไม้ หนอนตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น บอกกับเธอว่า เธอจงอย่ากินไม้ของเนื้อไม้ของต้นไม้ส่วนใดๆ เพียงเพราะว่าเธอชอบ ลมที่พัดหอบแดดหอบร้อนมานั้นบอกกับเธอว่า เธอจงประดับเราไว้กับเรือนร่าง ดังที่เราสวมใส่อยู่กับเธอ
ดอกของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้นบอกกับเธอว่า เรางดงามเสมอในตัวเธอ เมื่อไส้เดือนพรวนดินในคืนจันทร์ฉาย นกสีสดยิ้มรับรู้อยู่กับเธอและเขาแก้มนางกราย ชายพเนจร
ภาพเก้า บทเพลงเนานิยายในเดือนนั้น “ภาพแก้มนางกรายกับชายพเนจรและนกสีสด ผูเ้ ดินทางมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น พานักกันอยู่ ณ ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนั้น" แดดบ่ายเริงแสงด้วยลาแสง ลอดร่างใบของไม้ ก้านกิ่งสาขา ของต้นไม้งามต้นนั้น ดอกของไม้ และผลของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น วันนั้น,หลังจากผ่านปักษ์แรกแห่งกุมภาพันธ์- วันที่ทั้งสองแก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสดพบกันครั้งแรก ณ ที่ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนัน้ วันนั้นที่กล่าว คือวันนี้- ขณะที่ทั้งสองนั่งพานักกันอยู่ ณ ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนั้น อีกครั้งของในครั้งที่สามที่ได้พบกัน
เป็นการพบกันในครั้งที่สองของปักษ์แรกแห่งมีนาคม, วันนั้น, ดนตรีแห่งป่าบรรเลงระทึกแผ่วอย่างยิ่งโดยเหล่านักดนตรี ที่มาจากบนป่าสูง- จากต้นน้าในหุบห้วยโน้น พวกเขาต่างทาที่นี่ให้เป็นหมู่บ้านใหม่แห่งคีตกาล-การณ์ สร้างบทเพลงและดนตรีนั้น บอกเล่าถึงการเกิดขึ้นของบุคคลคนหนึ่งที่มาจากบนป่าสูง- จากต้นน้าในหุบห้วยโน้น แผ่ว ระทึก ระทึกแผ่วอย่างเยียบยิน ผ่านเข้าสู่การระลึกรู้และรับรู้ ในมหกรรมนี้ ณ ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนั้น ทาให้มีครั้งที่สามที่แก้มนางกราย ชายพเนจรและนกสีสดได้มาเจอกัน หลากผู้ที่อยู่กินกับป่ารวมกลุ่มกันด้านหน้าเวที รอบๆ เวที กระจายอยู่โดยรอบบริเวณ ณ ใต้ร่มต้นไม้งามต้นนั้น สิ่งทั้งหมดที่กาลังเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกของที่นี่
แก้มนางกราย : หิวข้าว พี่แก้มหิวแล้วนะ ตั้งแต่เช้ามานี่ยังไม่ได้กินไรเลย หาไรกินกันก่อนเหอะ ชายพเนจร : อืม ไปซื้อสิ อยากกินไร นี่เอาตังส์ แก้มนางกราย : ไม่เอาไม่ต้อง พี่จะกินไรหง่ะ ชายพเนจร : ไรก้อได้ แก้มอยากกินไร ก้อซื้อมาเลยครับ แก้มนางกราย : เดี๋ยวก่อนๆ เพลงนี้เพราะจัง ขอฟังก่อน บทเพลงจากเสียงดนตรีและเสียงของผู้อยู่กินกับป่า เร้ารัวทานองอย่างถึงวิญญาณยิ่งนัก กล่อมทุกผู้อยู่กินกับป่า ณ ที่นั้น ให้โดยสารไปด้วยหัวใจทีแ่ ล่นไป ชายพเนจรและนกสีสด ส่ายตามองหาแก้มนางกราย ตะกี้อยู่ตรงนี้ข้างๆ นี่นา ไปไหนแล้ว เขาออกเดินตามหาแก้มนางกรายไปทั่วบริเวณนั้น หาไม่เจอ
ท่วงชีวิตเพลง ผ่านไปอีกสองเพลงกับการเดินตามหาแก้มนางกราย จนครึ่งชั่วโมงผ่าน แก้มนางกราย หอบหิ้วของกินมาเต็มสองมือหิ้ว เดินตัวอ่อนเอียงมาให้เห็น แก้มนางกราย : เราไปกินกันก่อนเหอะ แก้มหิวจะเป็นลมแล้ว ชายพเนจร : ครับ มาพี่ช่วยถือ ซื้ออะไรเยอะแยะ จะกินหมดรึครับนี่ แก้มนางกราย : หมดดิ ก้อหิวนี่ ชายพเนจร : กินหมดเนี้ยน่ะ โห แม่คุณ อย่างนั้นเขาเรียกว่า - - แล้ว ถึงว่า - - อิอิ ไปซะนาน ชายพเนจรพูดพลางมองหน้ามองตา แล้วมองร่างแก้มนางกราย แก้มนางกราย : ก้อคนมันหิวนี่ ไม่อ้วนหรอกน่า พี่ก้อ ไม่ต้องมอง อิอิ
แดดบ่ายพาเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกา หมุนไปทาบคู่กันไว้ทหี่ มายเลขสี่ แก้มนางกรายหลับไปหนึ่งอิ่ม หลังจากอิ่มไปหนึ่งมื้อ- เพียงหนึ่งมื้อ (อิอิ) ชายพเนจรเฝ้านั่งมองเธอหลับได้ไม่นาน,เห็นแก้มนางกรายเปิดตายิ้มหวาน ทาตาเสน่ห์เจ้าเล่ห์น่ารักกลอกกลับไปมาให้ พลางพูด แก้มนางกราย : พี่มองไร ไม่เคยเห็นรึไง ตาแก้มสวยไหม ฮึฮึ อิอิ ลมฤดูเมื่อกุมภาพันธ์ที่มากับแดดมีนาคม พัดพาให้เขาลุกไปนั่งข้างๆ เธอ ดิน น้า ไฟ ลมแห่งเดือนมีนาคมบอกว่า นั่นเป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่ของใหม่ ดอกของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น บอกกับผีเสื้อตัวสีสวยนั้นว่า เนานิยายแห่งเดือนมีนถึงฤดูกาลบรรเลงแล้ว
ภาพสิบ ตัวหนังสือของความรัก "ภาพป่าทีต่ ้องการเมล็ดพันธุ์" แก้มนางกราย : พี่, แก้มอยากเขียนกลอนเป็นมั่งหง่ะ ทาไงๆ ชายพเนจร : เขียน-ก้อเขียนดิ แก้มนางกราย : ก้อนั่นไง เขียนยังไง สอนหน่อยจิ นะ นะ นะ ศิษย์ขอคานับท่านอาจารย์ สอนหน่อย นะ นะ ชายพเนจร : ก้อไปอ่านๆ ดูๆ แล้วก้อเขียน เขียนไรก้อเขียนออกมาเหอะ มันออกมาเองแหล่ะ อิอิ แก้มนางกราย : แล้วเขียนยังไงให้มันถูก ไรนะเขาเรียก- ฉันทลักษณ์หง่ะ มันสัมผัสยังไง ตรงไหน - ชายพเนจร : ก้อตรงที่มันสัมผัสแหล่ะ อิอิ
แก้มนางกราย : เอาจริงๆ ดิพี่ เค้าอยากเขียนเป็นมั่งจริงๆ นะ ชายพเนจร : อืม- ก้อจริง ไม่ได้พูดเล่น,ตรงที่มันสัมผัสนั่นแหล่ะ สัมผัสคา รูป เสียง และสัมผัสใจ เขียนมาเลย ไปเขียนมา มันออกมาเองแหล่ะครับ แก้มนางกราย : จริงดิ ชายพเนจร : ครับ, สัมผัสใจแล้วจะออกมาเองเป็นคานั้นๆ ใบของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้นกล่าวกับเธอว่า นั่นเป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่ของใหม่ ทุกอย่างออกมาจากป่าเพือ่ ทุกผู้อยู่กินกับป่า เมฆบนฟ้าของค่าคืนนั้นกล่าวถามกับเธอว่า เมฆในเวลากลางคืนกับเมฆในเวลากลางวัน ต่างกันไหม อย่างไร,
การสั่งสมของมวลเมฆ คือการสั่งสมไปเพื่อสิ่งใด ดวงใจที่ปล่อยร่วงลงอาบทั้งปวงเบื้องล่าง ปรารถนาใด นกตัวสีสวย กล่าวขึ้นว่า รอยเท้าของเราในอากาศคือทางที่ผ่าน ปรากฏรอยย่านั้นอยู่กับใด นกชรา กล่าวว่า น้าที่หลั่งไหลสวยงามอยู่ดว้ ยน้านั้น และแวดล้อมของน้า เป็นตานานมานานช้า ไม่ใช่ของใหม่
ภาพสิบเอ็ด หนึ่งกับหนึ่ง จึงเป็นหนึ่ง "ภาพนั้น หนึ่งเดียว" แดดวาดน้าจาก ณ ที่นั้นขึ้นไปเป็นเมฆ เมฆจากฟ้านั้นให้น้าลงสู่ป่าสูง จึงต้นน้าในหุบห้วยบนป่าสูงนั้น ให้น้าหลั่งไหลลงไปสู่หมู่บา้ น อาบซับจากป่าสู่ป่า เป็นน้าเดียวกัน วันนั้น- วันหนึ่ง, น้าภูกับไม้ธาร นั่งพานักกันอยู่ใต้ต้นไม้งามต้นนั้นอีกวันหนึ่ง เป็นช่วงวันแห่งก่อนเที่ยงจนตะวันคลายร้อนสู่เย็น เป็นวันที่สาม- ครั้งที่สามที่ทั้งสองได้มานั่งอยู่เคียง ทั้งสองนั่ง นอน อ่านหนังสืออยู่เคียงกัน พูดคุย หยอกล้อกันอยู่โดยรัก
ดวงตาทั้งสองคู่ฉ่าหวานรื่นด้วยดวงใจรัก น้าภู : โอ๊ย- เจ็บ พี่-เค้าเจ็บนะ มาบีบจมูกแก้มทาไม เดีย๋ วก้อหมดสวยดิ ไม้ธาร : ก้อจมูกแก้มน่าบีบนิ อิอิ น้าภู : ร้อนจริงๆ อากาศเดือนมีนานี่ แก้มอาบน้าก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะมาอ่านให้จบเล่ม .... ไม้ธาร : มาพี่หวีผมให้นะครับ ผมแก้มยาวสวย-งาม น้าภู : ก้อคนสวยนี่ อิอิ ไม้ธาร : หันมาทางนี้ ... พี่ดีใจมากนะ ได้หวีผมให้แก้ม .. นกสีสดบอกกับชายพเนจรในใจว่า ท่านจงยินดีในวันเวลาที่มคี วามสุข จงสุขในขณะที่มีอยู่
สายน้าหลั่งไหล ฟากฟ้าสลับสี ขณะๆ อาลาอยู่กับตัวมันเอง ดวงตาสบดวงตาเพราะดวงใจ ดวงใจคือพันธะ ลมเดือนมีนาคม บอกว่า ทั้งมวลคือเรา นั่นคือความรัก เป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ทุกอย่าง คือ หนึ่งนั้น
ภาพสิบสอง สามกับเจ็ดเท่ากับสิบ "ภาพผ่านของวันบนปฏิทิน" แก้มนางกราย : พี่ๆ วันนี้แก้มไปดูดวงมาด้วยนะ ชายพเนจร : อืม-ครับ แล้วเขาว่าไง แก้มนางกราย : พี่ก้อทายมาดิ ชายพเนจร : อ้าว ก้อไปให้หมอดู ดูมาแล้วนี่ จะมาให้พี่ทายทาไมอีกละ อิอิ แก้มนางกราย : แหมพี่กอ้ เร็วๆ มาทายเร็ว ชายพเนจร : อืม สามกับเจ็ดเท่ากับสิบ แก้มนางกราย : อะไรพี่ ชายพเนจร : ก้อสามกับเจ็ดเท่ากับสิบไง แก้มเกิดวันอังคาร พี่เกิดวันเสาร์ สามกับเจ็ดเท่ากับสิบ อิอิ พอดีเลย แสดงว่า เราคู่กนั แก้มนางกราย : โห- ช่างคิดนะ แก้มบอกให้ทายว่า หมอเขาว่ายังไง ชายพเนจร : อืม เขาว่าตามพี่แหล่ะ อิอิ
แก้มนางกราย : จริงๆ เลยนะพี่เนี้ย เค้าไม่คุยด้วยแล้ว งอนแล้วด้วย ชายพเนจร : โอ๊ะๆ ยิ่งงอนนี่หน้ายิ่งแก่นะ ยิ่งแก่อยู่แล้วด้วย อิอิ แก้มนางกราย : ไม่ต้องมาพูดเลย นอนแล้ว แค่นี้แหล่ะ บาย ชายพเนจร : - ชายพเนจร : ไหนบอกจะนอน แล้วไมม่ะปิด ไปนอนๆ แก้มนางกราย : ไม่ต้องมายุ่งกะเค้า ไม่คุย ชายพเนจร : อิอิ อีตานี่ก้อบ้าจริงๆ นะ โคตรบ๊องส์ๆ ด้วย ทีเราคุยดีด้วยชอบมาชวนทาให้เสียอารมณ์ ทีพอเราไม่คุยทามาตามง้อ อีตาบ้า-บ้า-บ้า .... นกตัวสีสด บอกว่า นั่นเป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่
ฟ้าราตรี ยิม้ โดยจันทร์และโดยดาว ให้กับเมฆและป่าสูงแห่งนั้น น้าในลาห้วยยังคงไหลแม้ในเวลากลางคืน
ภาพสิบสาม ภาพของอดีต "ภาพแก้มนางกรายกับภาพชายพเนจรและนกสีสด" แก้มนางกราย : พี่ๆ แก้มส่งรูปไปให้แล้วนะ รูปคนสวยๆ อิอิ ชายพนเจร : ขอบคุณครับ กาลังโหลดรูปคนแก่ๆ อิอิ แก้มนางกราย : มาว่าเค้า ตัวเองนะ แก๊ แก่ๆ เฒ่า อิอิ ดูรูปแล้วห้ามคิดถึงเค้านะ อิอิ เดี๋ยวจะติดตาคอยหลอกหลอน ชายพเนจร : ครับ ผู้หญิงน่ากลัว แก้มนางกราย : กลัวไร ไม่กินตับพี่หรอกน่า กินแต่ตับไก่ อิอิ รูปนี้ส่งให้ยัง อิอิ จาไม่ได้ ชายพเนจร : ยังครับ ส่งมาหมดเลยครับ เอาทั้งหมด ซ้าก้อเอาครับ แก้มนางกราย : พี่จะเอาไปทาไรนักหนา แต่รูปคนสวยนินะ อิอิ
ชายพเนจร : เก็บไว้ราลึกครับ ไม่รู้ว่าแก้มจะมาคุยด้วยนานเพียงไหน แก้มนางกราย : โห คนแก่ปลง อิอิ จะปลงได้รึ อิอิ ไม่รู้สิ แก้มไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านหรอก ที่พี่คุยด้วยเพราะเค้าคุยเก่งดิ ใช่ม่ะ ใครๆ ก้อชอบคุยกะแก้มล่ะ อิอิ แก้มนางกราย : ครับ ชายพเนจร : ครับ แก้มนางกราย : อิอิ ว่าแล้ว พี่ต้องตอบว่า ครับ เลยตอบให้ก่อน น้าฝนที่ตกลงมาเมื่อครู่ ส่วนหนึ่งนั้นลงเป็นน้าเดียวกับน้าในลาห้วยนั่น ใบของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น เย็นตัวกับน้าที่ยังเกาะติดใบ หยดน้านั้นกล่าวกับใบของไม้ของต้นไม้งามต้นนั้น ว่าเราแม้เพียงหยดหนึ่งก็คือน้า
เราพานักกับท่าน ณ ที่นี่เพียงครู่ แต่เราไม่ได้หายไหน เรายังอยู่ เป็นตานานและไม่ใช่สิ่งใหม่
ภาพสิบสี่ วันของน้าที่ไหลมาจากต้นน้าในหุบห้วยโน้น “ภาพวันที่สองกับวันที่สิบสี่ในเดือนนั้น" วันที่สิบสี่, น้าในหุบห้วยบนป่าสูงไหลมาสู่หมู่บ้าน แก้มนางกรายเดินทางมากับน้านั้น มากับน้าที่ไหลมาตามลาห้วยมาสู่หมูบ่ ้าน เช่นเดียวกับชายพเนจรวันนั้น- วันที่สองเขาเดินทางมากับน้านั้น ทั้งสองเดินทางมาในเดือนเดียวกันนั้น มาพบกันในหมู่บ้านใต้ต้นไม้งามต้นนั้น นกสีสดมากับเขาทั้งสอง และอยู่กับเขาทั้งสองตลอดมา ค่าคืนหนึ่งนั้น- ค่าวันที่สิบสี,่ ครั้งแรกของแก้มนางกรายกับชายพเนจรและนกสีสด ความงามชีวิตเต็มในชีวิตทั้งสอง
ชายพเนจร : พี่เขียนให้แก้มนะครับ แก้มนางกราย : ขอบคุณมากค่ะพี่ ดวงใจของน้าภู ยิ้มอย่างยินดี, คาที่ชายพเนจรเขียนให้นั้น ประกาศหัวใจรักที่มีต่อเธออย่างเต็มเปี่ยม เช่นเดียวกับอีกหนึ่งปีต่อมา, คาของน้าภูได้บอกเล่าแก่ชายพเนจรว่า ยังรักและปรารถนาดีต่อเขา ลมฝนเดือนมีนาคมบอกว่า ฤดูกาลนั้นเป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ทุกขณะคือการเดินทางของฤดูกาลแห่งรัก ขอเธอทั้งสองจงได้เป็นอยู่
ภาพสามสาม หนังสือเล่มนั้น ภาพสามสี่ ตานานของน้าที่ไหลมาจากป่าสูง ภาพสามห้า ก่อนภาพแรกของคาสวัสดี ภาพสามหก คืนแรม คืนนั้นจันทร์แรมสิบสีค่ ่า กาลังกลับเข้าสู่ขึ้นค่าหนึ่ง ป่าสูง น้าในหุบห้วย ต้นไม้งามต้นนั้น นกตัวสีสวย นกชรา แก้มนางกราย ชายพเนจร และนกสีสด คืนสู่ตน สู่ใจ คืนสู่ไกวัลย์
เนานิยาย
"นางกราย" เนานิยาย กรายนิยาม ความเศร้าคือชีวิตของเรานะแก้ม หากแก้มไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย แก้มจะรูไ้ ด้ไงว่าเรามีชีวิต ทั้งหมดที่เธอคิดอยู่ในสิ่งเดียว เหมือนน้าของน้าในลาห้วย เป็นตานาน เป็นอย่างนี้ ไม่แปลกไปจากนี้ กาลผลิดอกออกผลเป็นงามของโลก รักเกิดจากการพลิกผ่านของทั้งหมด
ทั้งหมดคือรัก ทั้งหมด, มองสิ คือแง่งามของโลก เป็นอยู่แล้วอย่างนี้ เม็ดดินอาบฝนเติบตื่นให้กับรากของทุกไม้ ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนั้นกับปลารู้ในน้าลาห้วย บอกว่าการหลั่งไหล คือชีวิต ร้อนของแดดนั้นอยู่เบื้องนอก ใต้เราคือรูปเงาของอุ่นนั้น เนานิยายไม่ได้เริ่มจากอื่นไกล แต่เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง รักที่อยู่ครอง คือหนึ่งดอกไม้
ก่อนเนานิยาย แก้มนางกราย : แก้มเศร้ามากค่ะ ไม่รู้เป็นไรช่วงนี้เศร้ามากๆ ชายพเนจร : ความเศร้าคือชีวิตของเรานะแก้ม หากแก้มไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย แก้มจะรู้ได้ไงว่าเรามีชีวิต ชายพเนจร บอกเล่าเช่นนี้กับแก้มนางกรายไปเมื่อตอนเย็นวันหนึ่ง ในวันที่แก้มนางกรายรู้สึกเศร้า เธอ- แก้มนางกราย กาลังว่ายวนอยู่กับความคิดความรู้สึกของตนเอง ที่ไม่อาจพรากพ้นไปดังใบไม้ที่ร่วงลงสู่ดินยังแนบอยู่ใต้โคนต้น ใบไม้ที่แปลกตา ลานอยู่ในใจเธอดังเหมือนเรื่องราวที่แปลกอยู่ในใจของเธอ
แก้มนางกรายเป็นอยู่กับชีวิตท่ามแมกไม้งามแปลกตานั่นในหมู่บ้านที่เธอกาลังทาความคุ้นชิน เพื่อนๆ ของเธอให้ความรูส้ ึกนั้นกับเธอ โดยที่เธอเก็บมาคิดเล่ากับตนเองอีกที แก้มนางกราย ไม่อาจเก็บอั้นอารมณ์คิดนั้นไว้ได้ในหัวอกที่เศร้าครวญ เธอเดินทางลงมาตามลาห้วย ที่ไหลมาจากน้าในหุบห้วยบนป่าสูงโน้น ลงมาพบชายพเนจร เพื่อบอกเล่าเรื่องราวนั้น นกสีสดอยู่กับชายพเนจร ได้รับรูจ้ ากปากคาของแก้มนางกราย มันผงกหัวรับรู้แล้วจับนิ่งบนขอนไม้ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนั้น แก้มนางกรายฟังคาจากชายพเนจรแล้วมองนกสีสด เธอก็กลับยิ้มกับตนเองด้วยรู้จากนกสีสดตัวนั้น
เนานิยายไม่ได้เริ่มจากอื่นไกล แต่เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง ปลาในลาห้วยก็บอกว่า ฉันอยู่ในน้า
น้าของน้าในลาห้วย ก่อนตะวันแลง ฝนกระหน่าลงมาฉ่าน้า ปลาในลาห้วยตัวที่บอกว่า ฉันอยู่ในน้า แหวกว่ายรับเม็ดน้าฝนอย่างสนุกสนาน ก้อนหิน ดิน กรวด ทราย ในน้านั้น เย็นตัวเพิม่ จากกระแสน้าที่ไหลอาบผ่าน สายฝนยังพาดป่ายสายเริงลม จนย่าค่า แก้มนางกรายจุดไฟติดตะเกียง แมง และแมลงเพื่อนกรายไฟไปมา ชายพเนจรกับนกสีสดไม่ได้อยู่ในที่นั้น แก้มนางกราย กาลังอยู่ในช่วงเก็บรางับความรู้สึกนึกคิด คนเดียวในกระท่อมทาง
เสียงเม็ดฝนตกซบหลังคา แสงและสีเม็ดฝนที่ปลายคาแวบวาม ด้วยแสงตะเกียงสะท้อนต้อง นัยน์ตาของแก้มนางกรายก็มีดวงไฟตะเกียง ความมืดโดยรอบทาให้เห็น น้าของน้าในลาห้วยทาให้เห็น ฝนจากฟ้า เป็นน้าของน้าของทั้งหมด แก้มนางกรายมองออกไปนอกกระท่อมทาง ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นยืนต้นงามตลอดกาล ไม่ว่ากลางแดดใด และฝนใด ขอนไม้ที่วางใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นหลับสนิท เพราะเป็นค่าคืนฝนที่แก้มนางกรายไม่ได้ออกไปนั่ง ชายพเนจร คงเดินทางอยู่ ณ ที่หนึ่ง และไม่ไกลจากใจของแก้มนางกราย เช่นเดียวกับน้าของน้าในลาห้วย
หิ้งห้อยหนึ่งให้แสงมาวอมแวมงาม บอกกับแก้มนางกรายว่า ทั้งหมดที่เธอคิดอยู่ในสิ่งเดียว เหมือนน้าของน้าในลาห้วย เป็นตานาน เป็นอย่างนี้ ไม่แปลกไปจากนี้ ... แก้มนางกรายชื่นสุขอยู่ในค่าคืนที่มืดสนิท
วันเวลาของชีวิต, การเดินทางของแก้มนางกรายกับชายพเนจร ความมืดโรยร่างอาบโลกด้วยฟ้าค่า วันใหม่ของวันกาลังทอดตัวออกไปทุกขณะ ก่อนนั้น,- เช้าของวันก่อนสุดท้าย ฝนโปรยน้าพรมโลกดังน้ามนต์จากหุบห้วยบนป่าสูง วันสุดท้ายของปี บ่ายร้างแดด ฝนพรมอีกครั้งสั่งลาความเป็นเก่า ชายพเนจรนั่งมองฝนจากฟ้า ขณะอีกซีกป่าของหมู่บ้าน แก้มนางกรายวิ่งเล่นเก็บดอกฝน ชายพเนจรนั่งราลึกวันเวลาชีวิตที่ลุผ่าน แก้มนางกรายเบิกบานกับความเป็นใหม่ของฝนงามนั้น
นกสีสดในกันและกันบอกว่าทั้งหมดคือรัก เม็ดดินอาบฝนเติบตื่นให้กับรากของทุกไม้ ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนั้นกับปลารู้ในน้าลาห้วย บอกว่าการหลั่งไหล คือชีวิต .. บางค่าวันของบางยามเช้าของคืน แก้มนางกรายกับชายพเนจรเดินทางอยู่กับชีวติ กาลผลิดอกออกผลเป็นงามของโลกที่ทั้งสองตื่นรู้ ไส้เดือนพรวนดินรักในคืนจันทร์รอรวง อุ่นของดินรักเกิดจากการพลิกผ่านของทั้งหมด นกชราตัวที่จับอยู่บนคาคบต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น บอกว่าทั้งหมด, มองสิ คือแง่งามของโลก เป็นอยู่แล้วอย่างนี้ เจ้าทั้งสอง คือผู้ตระหนัก
บางบทของพิมพ์ภาพแห่งอยู่ครอง,-หนึ่งดอกไม้นั้น คือเธอ ชายพเนจร ไม่เจอกับแก้มนางกราย ในวันที่กุหลาบป่าพุ่มดอกเพื่อรอบานในวันรัก เขาเดินทางอยู่ในพิมพ์ภาพหนึ่งๆ ที่คอยสลับไหลมาตามร่องสายน้าคืนตน วันนั้น- ทั้งวัน อาทิตย์สาดแสงร้อนให้กับที่พัก, ส่วนในหมู่บ้านคึกครื้นไปด้วยการไหว้สรวง ชายพเนจรนั่งเฝ้ามองอีกพิมพ์ภาพที่หลากหลายตรงหน้า ใจรอคอยแก้มนางกรายอยู่ตรงดวงใจ เขานิ่งเศร้าเฝ้าเปิดประตูบานนั้น .. ลมวาดไล้กับแดดแรงในบ่าย หลากชายหนุ่มและหญิงสาวทุกวัยแห่งหมู่บ้าน เกือบทุกคนเดินยกย่างไปมา ด้วยสวมกอดหนึ่งดอกไม้ไว้ในมือและสิ่งที่เรียกว่า "รัก"
ลมกรุ่นแดดมาปะทะใบหน้า- ชายพเนจร ผู้ไม่มีดอกไม้ในมือเฉกเพือ่ นบ้านอื่น ในที่พักของเขา,- ดินที่ปั้นเป็นดอกแห่งฟ้า ปะทะอยู่กับลมนั้นให้เสียงกรุ่งกริ้งเล็กเร้ารู้สึกเล็กๆ แก้มนางกราย คงเดินอยู่ในทาง แห่งใดสักแห่ง,- เขาคานึง หนึ่งพิมพ์ภาพที่อยู่ครอง ฉายภาพหนึ่งดอกไม้นั้น ให้เติมงามปรากฏในดวงใจ - แก้มนางกราย ยิ้มโดยรักให้กับชายพเนจร นกสีสด สะบัดตัว หัว ปีกและสองขา จิบเสียงให้กับชายพเนจรรักที่อยู่ครอง คือหนึ่งดอกไม้ ชายพเนจร ยิ้มรับในถูกต้องนั้น ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนั้นให้ร่มเงาบอกเล่ากับเขาว่าร้อนของแดดนั้นอยู่เบื้องนอก ใต้เราคือรูปเงาของอุ่นนั้น
ปลาชราในน้าของลาห้วย ที่ไหลมาจากหุบห้วยบนป่าสูงโน้น แหวกว่ายให้เห็นรอยผ่านในน้านั้น ชายพเนจรกู่ตะโกนไปกับฟ้าหนึ่งเดียวนั้นว่า---
เนานิยาย
แก้มนางกราย ลาเนาเรื่อง "จากหุบห้วยธารน้าฝัน" ลาเนาเรื่อง พากย์บท ว่ากันว่า ที่นั่น เป็นถิ่นเถื่อน มีแต่สิ่งสวยงาม สรรพชีวิต ทั้งหมดอยู่ร่วมกันด้วยรัก เป็นตานานมานานช้า เป็นตานานทับซ้อนตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ... เราต่างเป็นอยู่โดยมีตานาน
ลานารัก “ฤดูกาล” ลานารัก ก่อนฤดูกาล ที่นี่เราอยู่กันด้วยความรัก และให้นกสีสดเกิดขึ้น เรารู้ว่า ดอกไม้เช่นใดคือดอกไม้ที่เราปรารถนา เราจะอยู่กินกับดอกไม้เช่นนั้น และต่างรับรู้ได้จากการพานัก ทุกสิ่งเป็นอย่างเดียวกัน เรายินดีต้อนรับทุกสิ่งของโลกนี้ เราคือฤดูกาลนั้น .... เพียงวันนี้ที่ฉันได้อยู่กับเธอ
ลานาคา "ป่าเมือง" ลานาคา ตานานป่าเมือง กาลเวลาเป็นช่วงขณะแห่งรส คือการสั่งสมรอไว้ในอีกครั้ง และเป็นความงามหนึ่งนั้นที่จะต่อรักให้เติบต้น เป็นตานานทับซ้อนตานาน ขัดเกลา กลึงให้เนียนเพื่อการรับรู้ รับการเป็นอยู่ของการกระทบ กระทบให้ริ้วลาย เพื่อความงาม ดวงใจของเราเป็นดังแพรุง้ ของรุ้งบนฟ้า แดดและลมที่รายรอบนั้นก็กล่าวว่า- อย่างนั้น เกสรดอกไม้นั้นจักคืนสู่ต้นไม้
ลาเลงภาพ "เพียงเงา" ลาเลงภาพ วาดเงา เพลงน้ายามค่าคืน รินระรื่นยิ่งกว่าเพลงน้าของยามวัน ความฝันในเธอช่างบานเช้าและบานคืน หนอนตัวสีสวยที่พานักอยู่กับต้นไม้งามต้นนั้น บอกว่า เธอจงอย่ากินไม้ของเนื้อไม้ของต้นไม้ส่วนใดๆ เพียงเพราะว่าเธอชอบ ทุกอย่างเดินทางจากถิ่นเถื่อนที่มีแต่ความสวยงาม ฤดูกาลทั้งสองมาถึงแล้ว ดวงตาสบดวงตาเพราะดวงใจ ดวงใจคือพันธะ ทุกสรรพสิ่งบรรสานซึ่งกันและก้น บรรสานประคองนั้น ทั้งผองโลก ความรักคือการดารงอยู่ของความสัมพันธ์
ความงามคือนามของความรัก ลมฝนเดือนมีนาคมบอกว่า ฤดูกาลนั้นเป็นตานาน ไม่ใช่สิ่งใหม่ ทุกขณะคือการเดินทางของฤดูกาลแห่งรัก ขอเธอทั้งสองจงได้เป็นอยู่ ทุกอย่าง คือ หนึ่งนั้น
เนานิยาย "นางกราย" เนานิยาย กรายนิยาม ความเศร้าคือชีวิตของเรานะแก้ม หากแก้มไม่ได้รู้สึกเศร้าเลย แก้มจะรูไ้ ด้ไงว่าเรามีชีวิต ทั้งหมดที่เธอคิดอยู่ในสิ่งเดียว เหมือนน้าของน้าในลาห้วย เป็นตานาน เป็นอย่างนี้ ไม่แปลกไปจากนี้ กาลผลิดอกออกผลเป็นงามของโลก รักเกิดจากการพลิกผ่านของทั้งหมด ทั้งหมดคือรัก ทั้งหมด, มองสิ คือแง่งามของโลก
เป็นอยู่แล้วอย่างนี้ เม็ดดินอาบฝนเติบตื่นให้กับรากของทุกไม้ ต้นไม้ต้นใหญ่ต้นนั้นกับปลารู้ในน้าลาห้วย บอกว่า การหลั่งไหล คือชีวิต ร้อนของแดดนั้นอยู่เบื้องนอก ใต้เราคือรูปเงาของอุ่นนั้น เนานิยายไม่ได้เริ่มจากอื่นไกล แต่เริ่มต้นที่ความคิดของเราเอง รักที่อยู่ครอง คือหนึ่งดอกไม้