6 จากความเปล่าดาย

Page 1

๑


จากความเปล่าดาย ถึงความโศกเศร้าและคนรัก เขียน : ไผ่สามัญญ์

พุทธศักราช ๒๕๕๒ บรรณาธิการ ค่​่าหนึ่ง เก้าจันทร์ฉาย

เขียนข้าวคริเอท ตู้ ปณ.๑๒ ปณภ.บางคนที สมุทรสงคราม ๗๕๑๒๐ โทร. ๐๘๖ ๙๗๑ ๙๒๖๗


สารบัญ ๏ กระท่อมเปล่าดาย ก่อนตะวันพลบ ค่าคืน ยามเช้า วันเวลา คุณค่าและการแลเห็น ความเป็นจริงๆ ของความรัก บันไดน่า ทุกคนเดินผ่านไปด้านหน้า กลางแสงเดือน ความเจ็บไข้ในลมหนาว ความร้าวรานของหัวใจ ฤดูกาลของเธอ เขาเดินทางอยู่โดยรักและคิดถึงนัน ๏ จากห้องสมุดของความโศกเศร้า เธอ : อ้อมกอดทีอุ่น เธอ : ความรู้สึกของหัวใจ เธอ : ความเหงาของหัวใจ เธอ : ความเงียบของความรัก


-

เธอ : ความพอใจและรักของเธอ เธอ : ชีวิตในฝัน, และใช่ ! เหล่าเธอ อยู่กับชีวิต ในฝันด้วยความจริงแห่งชีวิต

๏ สองข้างทางที่เผชิญ ฉัน : พบเธอ พบความรัก ฉันกับเธอ : เงาชีวิต เงารัก เธอกับฉัน : ความหวันกลัวในใจของฉัน ฉันกับเธอ : หัวใจชีวิตรักของเรา ฉันกับเธอ : หัวใจและความฝัน ฉัน : ผู้ยากไร้ทีผู้หญิงรักแต่เธอไม่ต้องการ ๏ วาสนะแห่งรัก เรา : ในพันธะ เรา : ความรัก ความศรัทธา เรา : กาละ เทศะ โอกาส : วันเวลา, พืนที ทิศทาง, และโอกาสของหัวใจชีวิต


ใจค่าวเนจรในกระท่อมทีนังนอน เปล่าดาย วาดไว้เพียงค่าล่าน่าชีวิต วาดขวัญชีวา ตกหวัง ผลิ ใจระริก ผูกเศร้าคละเคล้ากันฯ


๏ กระท่อมเปล่าดาย


ก่อนตะวันพลบ ผ่านแดดกร้าวทังวันมาอย่างร้อนเหนือย ได้กลับมานังทีเดิม ระคายอายแดดและฝุ่นเกรอะกรัง เหนียวเหนอะทังตัว มองใบไผ่ หยิบขึนมาหนึงใบสัมผัสเน้นหัวแม่มือ ถูไปมาบนผิวใบ ระคายๆ ความรู้สึกตามเนือตัวไม่ต่างไปจากว่าเหมือนโดนระคาย จากใบไผ่เสียดบาดผิวเนือ ....


สบายตัวแล้วละ หลังจากอาบน่าเปลียนผลัดเสือ กางเกง มานุ่งผ้าขาวม้าเพียงผืนแล้วออกมานังทีเดิมอีกครัง นกมาหวีดหวิวเสียงเตือนคืนรัง ดวงอาทิตย์เริมเรียหลบต่าลงๆ ระบายแสงสีให้เป็นฟ้าใกล้พลบ วัน คือเวลาทีเคลือนอยู่ทุกขณะ สรรพสิงก็เป็นเวลา เพราะเคลือนอยู่ทุกขณะ ช่างเป็นธรรมดาๆ ... ก้มๆ เงยๆ เก็บหักท่อนกิงไม้แห้งมากองไว้ท่าไม้ฟืน ไม่นานกลับมาทรุดตัวลงนังทีเดิม เจ็บแน่นในอก เสียดตันทิมแทงขึนมา นังตัวคู้แล้วเหยียดกายราบบนแคร่ไม้ ตาเห็นยอดไผ่คล้ายว่าเย้ยหยัน ทนไม่ไหวจนต้องหลับตาลง ประคองลมหายใจเข้าออกให้สม่าเสมอ แว๊บในรู้สึกขณะนัน ใบหน้าของผู้หญิงสองคนปรากฏเด่น วาบทาบหน้า ....


โลกในโลก หรือจะว่าโลกบนโลก หรือจะเป็นโลกใดๆ ลอยละลิว... พาผมไปกราบตักแม่ในวันสงกรานต์ แล้วเดินละห้อยกลับมานังทีเดิม นังใจโหยไห้ถึงผู้หญิงอีกหนึง ....

17:44|16|04|2551


๑๐

ค่​่าคืน ลมร้อนพัดหายไป ใจอุ่นกรุ่นขึนมาบ้าง แคร่ไม้ไผ่ข้างกอไผ่ค่านีน่านอนยิงนัก จันทร์เสียวเกียวฟ้าสงกรานต์คืนสุดท้ายช่างงามนัก ดาวพริบพร่างอยู่เป็นดวงๆ กองไฟทีสุ่มฟืนไว้ยังคงติดวูบวาบเรือยๆ ลมดึกพัดอ่อนๆ แม้เดียวดาย ก็ให้รู้สึกสุขกับบรรยากาศยามนี.. รอบข้างอวลด้วยก่าลังชีวิตทุ่ง.. ณ ชานเมือง โลกจริงและโลกเสมือนจริงต่างอึงคะนึงในแหล่งเดียวกัน ดูแปลกในความเคลือนไหว เป็นอยู่และเปลียนผ่านนัน หลังผ่านความเร่าร้อนของลมแดด และบางขณะของห้วงใจ ทีในทีเราอยู่ก็ช่างมีสุขเสียด้วยจริงๆ ใบไผ่เกลือนพืน ผมใช้เรียวไผ่กวาดใบเหล่านันเข้าสุมบนกองไฟ ควันกรุ่นและเปลวไฟลามเลีย


๑๑

กลินควันช่างหอม หอมต่างกับดอกไผ่ยามออกในฤดู นีถ้าเป็นช่วงกลางวัน หน่อไผ่เผาได้เป็นอาหารอันโอชะอีกแน่ หรีดหริงเรไร.. ใครนะช่างตังชือ ตังชือได้สมกับเสียงของพวกมันดีจริงๆ ยุง แมลงอืนๆ ก็มีบ้าง แต่ก็ได้ผ้าขาวม้าปัดไล่ แสงตะเกียงทีปรับเอาหลอดไฟมาใช้แทนไส้ตะเกียง ประกอบน่ามันก๊าดส่องแสงเหลืองนวล ล้อกับแสงจากกองไฟ และแสงในจอสีเหลียมของโลกบนสเปซ.. อยากเรียกมันว่า โลกในโลก ดูให้รู้สึกสับสนดี มองแล้วอะไรๆ ในโลกนี ต่างก็เป็นโลกในโลกไปทังหมดนะ.. ถามตนเองกับกองไฟ และก่าลังชีวิตรอบข้างทังหมด ....


๑๒

จะมีใครเปล่าดายอยู่ ณ หุบห้วงใดบ้างหนอ เปล่าดายอยู่เพือรอ อาจรอเพียงหนึงเดียว หรือมากกว่าหนึงในการรอนัน..

00:06 |16|04|2551


๑๓

ยามเช้า น่าค้างพร่างเป็นดอกใสงามบนแคร่ไม้ไผ่ ใบไม้ทังบนต้นและทีโรยรายรอบบริเวณบนกองขีเถ้า มีร่องรอยหยาดน่าหยดรินลงซับ แดดอ่อนนวลเริมไล้ทาบทา กรุ่นกลินเช้า ชืนเข้ามาในโพรงจมูก เมือคืนเอนร่างมองฟ้า เมฆ ดาวและจันทร์เสียวจนหลับไป ชัวระยะ รู้สึกตัวตืนขึนมาหยิบจับเก็บข้าวของเข้าทีพัก แล้วเหยียดร่างหลับต่อจนเช้า


๑๔

ติดไฟกองเดิมขึนอีกครัง ตังกาต้มน่า ผ้าขาวม้าผืนเดิมปาดเช็ดดอกน่าค้างบนแคร่ นกมาเริงร่อนรา่ เสียงเจี๊ยวจ๊าวบนกิงไม้ อีกเช้าทีเหมือนวันก่อนๆ โลกบนโลกเริมขึนอีกคราครัง เป็นเช่นนีเหมือนไม่อาจตัดขาดสายธาร บางเช้า เป็นสายป่านของค่าคืน ผมนังล่าดับความคิด ความฝันของราตรีทีผ่าน ความเปล่าดายยังคงท่างานภายในจิตรู้สึก การตังหน้าตังตารอ ยังคาอยู่ในห้วงส่านึกว่าต้องรอ แม้จะบอกกับตนเองว่า ชีวิตไม่ได้มีเพียงการรอ แต่ชีวิตในบางห้วงยามเราต้องรอ และจ่าเป็นต้องรอ ..รอเพือพบ รอเพือพบบางคน รอเพือพบบางสิงบางอย่างทีปรารถนา และในขณะทีเรารออยู่นัน การด่าเนินอืนก็ต้องไปเป็น เช่นเดียวกับการรอ


๑๕

.. การรอ ก็คือการด่าเนินในขณะด้วย เหมือนกับทีเรารอค่าคืนให้ผ่านเข้าสู่ยามเช้า แม้ว่าการรอ ไม่จ่าเป็นต้องรอ เพราะทุกอย่างย่อมด่าเนินเป็นไปตามวิถี แต่ก็นันละ เราก็ยังต้องคิด รู้สึกถึง การรอคอย ....

09:16|16|04|2551


๑๖

วันเวลา ชีวิตผ่านโมงยามชีวิตเนินนาน เป็นความเคลือนเปลียน ทีไหวทุกขณะ มันเป็นการเป็นอยู่ทีไหวเร้าต่อสรรพสิงกระทบ บางครังกระแทกทันให้เจ็บปวด บางครังอุน่ โลมให้เริงร่า พบพรากผ่านให้กับชีวิต เป็นวิถี.., ชีวิตนังมองชีวิต มองเข้าไปในรู้สึกเป็นขณะๆ พลิก-ลับ กลับมา เดี๋ยวให้รอยยิมกับตนเอง เดี๋ยวให้ขุ่นหมองกับหัวใจ พยายามเดินทางในชีวิต ย่างก้าวสองเท้าผลัดเปลียนทียืน ทีนัง ทีนอน แหงนมองโลกภายนอก-สรรพชีวิตและอนินทรีย์ทังหลาย เดินทางภายใน ท่าความรู้จักกับอินทรีย์ตนเอง


๑๗

ใบไม้ไหว ลมกระทบ มองเห็น รู้สึก ภาวนาตรึกอยู่กับชีวิต สรรพสิงภายนอกไหวกระทบกัน บ้างก็เพือเกือกูล บ้างก็ท่าลาย อินทรีย์ภายใน เฉกเช่นเดียวกัน ! ช่วงชีวิตกะจิดริดเท่านัน แต่ทบทูนระนาบเนือทีเป็นวงกว้าง ลึก ซับซ้อนในชีวิตทีรู้สึกแผ่กดทับชีวิต ชีวิตกดทับชีวิต ! รู้สึกเห็นแล้วน่ากลัวยิงกว่าใดๆ ยินในทางเป็นกลางจากวิถีโดยรอบ ปลดวางแส้ทีตนเองหวดตีตนเอง นังมองเนือน่าทีระลอกอยู่ เรือผ่านไม่นานน่าสวยงาม และแม้กระทังทีเรือแผดเสียงปั่นน่าให้ป่วนนัน น่านันก็งามน่าชม แดดก่อนค่า ส่องทาบเหลียมย่อมุมไม้สิบสอง ประทับสายตามองเรืออีกหลายล่าเคลือนแหวกน่าผ่าน นังมองแดด มองน่า


๑๘

ดูวิถีชีวิต ฟังสรรพเสียง ทังภายนอก ภายใน วันเวลาชีวิตแผ่วผ่านเข้าออกในห้วงคิด ดูหรือช่างหวนมาปรากฏ.. แดดละเหลียมย่อมุมไม้สิบสอง ผ้าแพรแดงห่มองค์อยู่อย่างสงบพระเจดีย์ยอดแหลมนัน แม้เอียงองค์ก็ส่งยอดประกาศบอกว่า "หนึงเดียวเท่านัน จิตเจ้าจงตามรักษา"

17:39|2|14|07|2551


๑๙

คุณค่าและการแลเห็น ลมพัดหอบฝนมากระหน่า ต้นไม้บริเวณทีพักไหวสะท้าน ละอองฝนโปรยผ่านเข้ามาถึงทีนังทีนอน วาบเย็นลมและฝนทีต้องใบหน้า ตามเนือตัว ผมนังมองสายฝนและลมนัน มือลูบเม็ดน่าทีกระเซ็นลงมากระทบ ใจครุ่นถึงคนไกล เมือคืนจันทร์เสียวสวย งามอยู่ไม่ไกลจากดาวประกายพรึก ผมไม่รู้จักว่าดาวดวงนันชืออะไร แต่มองเห็นสว่างชัดหนึงดวง บนฟ้านัน นึกถึงการแลเห็น สิงทีเราเห็นภายนอกกับสิงทีเราเห็นภายใน ทังกลางวันและกลางคืน ทังในตนเองและผู้อืน


๒๐

ธรรมชาติสรรพสิงทีเห็นนันล้วนมีคุณและค่า ผมมองความเป็นไปของธรรมชาติ ไม่ว่าในคืนและวันทีฝนตก หรือแดดร้อน เพ่งมองถึงคุณและค่าทีธรรมชาตินันมีให้ เหมือนทีผมมองเธอ มองคุณและค่าแบบแยกส่วนแล้วมองอย่างองค์รวม ในคุณค่าทีเธอมี เธอมีคุณมีค่าต่อชีวิตผมอย่างไร ผมประจักษ์จากทีเราได้รักกัน เหมือนฝนทีตกผ่านไปเมือวันสองวันนี และทีเคยตกผ่านไปก่อนนัน นานเท่านาน ไม่ว่าปรอยฝนเม็ดเล็กๆ หรือบรรดาฝนทังหมดทีกระหน่า ทังหมดนันก็คือน่า เป็นน่าทีหล่อเลียงชีวิตเช่นเดียวกับลม ชีวิตคนเรา ก็ต่างอาศัยคุณค่าหลายๆ อย่างของธรรมชาติ เข้ามาผสมเพือประสานให้ชีวิตเป็นอยู่


๒๑

เธอก็เป็นคุณค่าทีเข้ามาช่วยพยุงให้ชีวิต เกิดการเคลือนไหวไปบนทาง เป็นคุณค่าในตัวเธอเอง เป็นคุณค่าแก่เพือนชีวิต และเป็นคุณค่าแก่โลก .... ฝนตกลงตามฤดูกาล ผมนังนอนอยู่กับชีวิต เฝ้าครุ่นคิดถึงธรรมชาติของธรรมชาติ ธรรมชาติของคน และธรรมชาติของโลก ครุ่นคิดในตระหนักด้วยความรัก.. ความรู้สึกรักทีต้องพานอยู่กับโลภ โกรธ หลง น้อยเนือต่าใจและกระหาย มองสิงทีเกิดกระทบให้ชีวิตไหวด้วยการตามรู้.. ตามรู้เพือการเห็น เห็นคุณค่าตามทีมีทีเป็น ใบไม้ทีปลิดจากต้นเพราะลม ปลิวลงแนบพืนใต้ต้นไม่นานก็คืนสภาพกลับสู่ต้นไม้ ต้นเดิมและต้นเล็กๆ ทีเคียงข้าง เป็นคุณค่าทีคงอยู่นานแสนนาน


๒๒

หัวใจชีวิต ทีพบผ่านหลากหลายของความเป็นแห่งโลก ก็ย่อมคืนกลับสู่ธาตุเดิม เป็นคุณค่าทีคงอยู่นานแสนนาน เช่นเดียวกัน .... ผมเฝ้าเรียนรู้และตระหนักเสมอมาถึงความเป็นเธอ ผมพบความเป็นแห่งคุณค่าในตัวเธอ เธอมีคุณค่าในตนเองเพือตนเองและโลก เธอมีคุณค่าต่อหัวใจชีวิตผม ผมรู้สึกครังแรก เมือผมคิดถึงเธอ คิดถึงแม่ เธอมีหลายอย่างทีเหมือนแม่ หัวใจทีแกร่ง สู้ เด็ดเดียว เธอมีความงามทังร่างกายและจิตใจเหมือนแม่ ผมจึงตระหนักในตัวเธอ โน้มชีวิตเธอเข้ามาอยู่กับชีวิตตนเอง ตลอดมา ตังแต่ทีผมรู้สึกถึงหัวใจรักของเธอ


๒๓

ผมมองเห็นเธอทังหมด จากความรู้สึกคิดถึงแม่ เลือดเนือชีวิตแม่เกิดเป็นตัวผม หัวใจชีวิตเธอเกิดเป็นหัวใจชีวิตผม .... แดดก่าลังร้อนจัด ไม่นานฝนคงตกลงมาอีก ธรรมชาติย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ คุณค่าในหัวใจชีวิตเธอ สดับอยู่ในหัวใจชีวิตผม ผมเฝ้าฟังเสียงจากหัวใจชีวิตผมกับเธอ ผมเห็นคุณค่าในตัวเธอ เพราะเธอมีคุณค่าต่อผมเสมือนผู้ให้ก่าเนิดหัวใจชีวิต ในวัยหนุ่มก่าลังลาไกล ....


๒๔

การแลเห็นเธอ ผมสัมผัสรู้จากหัวใจทีเรารักกัน ขอเธอได้อยู่เป็นคุณค่าแห่งชีวิตเราเถิด คนดีของความรัก ผมรักคุณจากหัวใจทีคุณมีรัก.

10:07|3|9|9|2551


๒๕

ความเป็นจริงๆ ของความรัก เดือนแห่งฝน ท่าให้ความรู้สึกนึกคิดทีเป็นอยู่กับตนเอง เกิดสลับไปมากันระหว่างเหงา เศร้ากับพยายามสงบ การเป็นอยู่คนเดียวคราครังสงบสุข เพราะได้เงียบระงับ คราครัง ก็ท่าให้เกิดความรู้สึกนึกคิดมากมาย พยายามนิงด้วยการระงับจากการนึกคิดนันๆ แล้วมองความเป็นไปของสรรพสิง สรรพสิงช่างมากมายแม้เพียงในเรืองๆ เดียว ระหว่างลมฝน ไม่มีอะไรมากไปจากการรู้สึกนึกคิด อยู่แต่กับเรือง ค ว า ม รั ก และเฝ้าเขียนอยู่แต่กับเรืองๆ เดียว ดูเหมือนจะหมกมุ่น แต่เปล่า ! ผมเฝ้ามองถึง มองหาความเป็นจริงๆ ของความรัก


๒๖

ทีสุดของทีสุด คือ "การเป็นอยู่" เป็นการเป็นอยู่ทีแสนธรรมดา ! เป็นอยู่อย่างนันมาแต่ดังเดิม เป็นสิงทีด่ารงอยู่แล้วอย่างนัน ความเคลือนไหว ความหวันไหวอืนทีเกิดหลังจากนัน เราต่างกระท่าเพิม ! เรากระท่าเพิมด้วยกระแสทีเรามารู้สึกว่า "รัก" พอรู้สึกดังนันแล้วเราต่างก็ใฝ่ฝัน แสวงหา ปรารถนา ต้องการ ไขว่คว้า พยายามเข้าถือครองถือยึด เราเป็นไปด้วยการกระท่าเพิม - เพิมความรู้สึกนึกคิด เป็นรัก โกรธ หลง หึง หวง ต้องการ ไม่ต้องการ "อยากท่าอย่างนันกับเธอ" ด้วยสารพัดของปรารถนาหัวใจ ....


๒๗

เราพบอย่างประจักษ์เห็น สุข ทุกข์เกิดกับเรามากมาย เสียดทาน กดทับ ทะลวง ชืนมืน เริงร่า ยิม และน่าตาของความเจ็บเศร้า ฯ .... หลายปีก่อน.. 14-15 ปีทีผ่าน ผมพบและภาวนา อยู่กับความรักว่างเปล่า (Love emptiness) ในขณะทีผมเป็นอยู่ด้วยหัวใจเช่นนัน เพือนๆ รอบข้างหลายคนประสพอยู่กับรักทีแสนเศร้า น่าตาและเลือดหลังรวมลงทีเดียวกันบนพืนห้อง สมุดบันทึก กระดาษทีเธอและเขากรีด ทิมแทงเนือด้วยคมมีด เอาเลือดมาเขียนบอกค่า “รัก” เธอและเขาต่างมาหาผม ร้องขอให้ผมช่วย ร่วมหนึงเดือนทีผมต้องคอยเป็นยามเฝ้าระวัง การท่าร้ายตนเองของเพือนชายจากต่างแดน


๒๘

ร่วม 10 ปีทีผมต้องคอยปลอบโยน ให้ค่าเยียวยาแก่เธอ และอีกหลายเขาและเธอ ผมในฐานะทีผองหมู่เล็งเห็นว่าจะปลอบโยน และหาทางออกให้เขาและเธอได้ ผมรับหน้าทีนีมาอย่างยาวนาน ทังในระหว่างทีตนเองก็เกือบเอาตัวไม่รอด ! จนไปๆ มาๆ ผมได้แต่เป็นเสมือนหิงพระให้เขาและเธอ บวงสรวงอ้อนวอน แปลก ! เขาและเธอเหล่านันต่างก็อยู่ได้อย่างมีสุข จนทุกวันนี จนทุกวันนี ในขณะทีผมก็ยังอยู่อย่างโดดเดียวไม่สินสุด .... ความเป็นจริงๆ ของความรักคือ สิงทีด่ารงอยู่แล้วอย่างนัน ส ง บ ง า ม พิ ศุ ท ธิ์ อยู่กับความเป็นจริงๆ ของความรักเถิด อย่าอยู่กับความรู้สึกว่า "รัก" ทีเกิดจากการกระท่าเพิม ทีเห็นแก่ตนเอง


๒๙

อยู่กับความเป็นจริงๆ ของความรักเถิด แล้วกระท่าเพิมความรักนันด้วย “รักทีแท้” ความเป็นจริงๆ ของความรัก มีอยู่ในทุกอณูของภาพและธรรม รูปนามความรักอยู่กับเรา อยู่กับโลก ด่ารงอยู่แล้วอย่างนัน.

08:32|7|13|9|2551


๓๐

บันไดน่า บันไดเจ็ดขัน ทอดขันอยู่กับท่าน่าและน่า นานหลายปี อาบน่า แดดและหนาวอยู่อย่างนัน บางขันหักไปบ้างแต่ก็ได้รับการซ่อมแซมใหม่ แต่นันล่ะ ไม่นานคราบตะไคร้น่าเขียวครึม ก็จับเกาะขึนอีกจนได้ ผมนังมองขันบันได คลืนน่าทีกระทบอาบ แดดทีทาบไล้ เม็ดน่าทีแตกกระเซ็น ฟองน่าทีฟู่ฟองแตก ไม่ว่าน่าและแดดจะเทียบกระทบเท่าใด บันไดเจ็ดขันนันก็ดูเหมือนยังสงบอยู่อย่างนัน ไม่ฟ้องตอบ ไม่ฎีกา อุทธรณ์ หรือร้อนใจ โหยไห้ใดๆ


๓๑

นังมอง คิดๆ ถ้าใจเราเป็นดังบันได ถูกน่า แดดและตีนของสรรพมนุษย์- สรรพสัตว์ย่างย่า แต่คงยังนิงทนท่าตัวดังไม่หวันไหวอนาทร หรืออาทรใดๆ ก็ดีนะ .. บันไดแช่ตัวอยู่ในน่า ใจแช่ตัวอยู่ในกระแส ทังบันได ใจ ต่างอยู่ในกระแส บันได บางครังดูเหมือนนิง ไม่เคลือนคลอนในทันที ให้เห็นจะๆ แต่ใจนีสิ รับการกระทบแล้ว ไหวในทันใดทันที แต่ก็แปลกทีเราก็ไม่ทันได้จับตามองใจ ต่อเมือบางคราหรอกทีเราได้แว๊บคิดแล้วมอง มองไป คิดไป น่ากับใจก็เหมือนกันด้วยนี


๓๒

บางห้วงช่างหลังไหล บางห้วงติดขัง ไหลดังน่าเชียว เอ่อท้นดังน่าท่วม สุดจะทานทนดังน่าคร่า มีทังเรียบนิงในหนองน่าบึงใส มีทังเรียบนิงในบ่อน่าทิง .... แดด น่าและตีน ทักทายบันไดด้วยรักบ้างไหม ? ใจทีตีนรองรับอยู่มีรักอย่างไร ? ผมตังค่าถามกับความรู้สึก ทีถูกตีนแห่งรักเหยียบหัวบันไดใจ มันชอกช่าอยู่และร้องหาค่าตอบ !?

22:22|4|1|10|2551


๓๓

ทุกคนเดินผ่านไปด้านหน้า ฝนตกติดๆ มาสองสามวัน ทีพักของผมอาบน่าฝนอย่างเปียกปอน ฝนคงก่าลังสังฟ้าลาฤดู.. เพือให้หนาวอีกครังมาเยือน วันเวลาผ่านไปๆ ราวกะไม่ยอมเบือหน่าย ผมนังครุ่นคิดอยู่ในทีพักวันแล้วคืนเล่า.. ฤดูกาลมาเยือนและจากพราก เหมือนกับหญิงสาวทีเดินมาให้พบปะ เธอช่างเหมือนฤดูกาล บางเธอรุ่มร้อน บางเธอตกหวัง บางเธอโลดแล่นสนุกสนาน ผ่านมาถึงทีพักของผม เห็นผม- เธออยากรู้จัก เธอเข้ามาทักทาย เธอค้นหาด้วยอยากรู้โดยใส่ใจครุ่นครวญ เฝ้าถาม และพูดคุยอย่างเริงรืน


๓๔

ลมชีวิตพัดโบยอยู่ไม่นาน แดดแรงสาดฉายอยู่เพียงไม่กีแดด ฝนชีวิตตกพร่าและซัดสาดเพียงไม่กีฝน หนาวฤดูอยากอุ่นเนือก็เพียงไม่ถึงหนึงฤดูหนาว เธอทังหมดก็ละจากการอิงพักเพียงครู่นันไป ทุกคนเดินผ่านไปด้านหน้า ! ฝากรัก ทรงจ่าทีดีและปวดปร่าไว้กับชีวิตผม ต่านานชีวิตจึงไม่เคยแปรไปพ้นการจากพราก ครังแล้ว ครังเล่า ! กระท่อมเปล่าดาย ยังคงมีคนเปล่าดาย นังเยียบยินอยู่กับความเป็นจริงๆ เหล่านัน ฤดูกาลแห่งโลก เป็นฤดูกาลแห่งชีวิต ฤดูกาลแห่งชีวิตยังพร่องอยู่ด้วยการเติมเต็มของฤดูใจ ....

13:57|7|1|11|2551


๓๕

กลางแสงเดือน ขึนสิบสีค่า เดือนสิบสอง ฟังข่าวว่าในทีไม่ไกลน่าท่วมนองเอ่อทัวบริเวณ ฟังข่าวว่าในทีไกลน่าท่วมนองเอ่อล้นหลากสวน ไร่ นา ฟังข่าวว่าทีบ้านเพิงเก็บล้างภาชนะหลังงานแต่งเสร็จสิน ท่ามสายฝนทีรวยรินและกระหน่า คู่รักสุขในสมรส ท่ามลมหนาวทีเริมวาดริวหนาว อีกหลายคู่รักสุขในสมรสและสมรัก ....


๓๖

อากาศ ณ ทีพักของผมขยับตัวกดดันผิวหน้าและตัวตน หัวใจนิงรับทุกรู้สึกนัน ส่าเสียงจากงานลอยกระทงอึงอยู่ไม่ไกล ผู้คนคงมากมายในการรืนเริง ผมเพิงได้พูดคุยกับดวงจันทร์ในคืนเพ็ญนี เธอสวยงามอยู่กับฟ้า งามเด่นดวง เด่นตา เด่นใจ ยิงนัก .... กลางแสงเดือน เธอก่าลังนอนหลับ ผมคอยนังเฝ้า และนังรอเธอลุกขึนมาพูดคุยอีกครัง เราชมจันทร์ดวงเดียวกันไปเมือสักพัก เดือนช่างงาม เธอก็งามดังดวงเดือน คอยเฝ้าสะกิดเตือนหัวใจแห่งรัก ให้อุ่นในรักดังแสงเดือนอุ่น


๓๗

คืนนี ดวงเดือนอยู่กับใจ หัวใจเป็นหนึงเดียว . . ท่ามความเปล่าดาย.

23:11 |4|12|11|2551


๓๘

ความเจ็บไข้ในลมหนาว เงียบหนาว- อย่างโดดเดียว ลอยคว้างและเสียดตัวอยู่กับลมหายใจ สีธันวา กว่าจะพรากแดดและลมหนาวทีแสบกัดหน้า อณูของความกดอากาศทีอุดอือในหู กวาดโพรงจมูกและล่าคอ กลับมาถึงทีพักได้ น่าตาพรากเพรือจากนัยน์ตา น่ามูกอุดจมูกและคอ หญิงสาวคนหนึง นังอยู่ระหว่างผมกินยาแล้วหลับไปจากเย็นจนค่า รู้สึกตัวตืนอีกครังค่อนดึกพบว่าไม่มีเธออยู่ทีนีแล้ว จ่าได้คลับคลาว่า ช่วงค่าเธอและเขานังคุยกันอยู่ข้างๆ ทีผมซุกตัวนอนหลับเพราะพิษไข้ .. โอ้ ช่างเดียวดาย


๓๙

ห้าธันวา อยู่กับความไข้คนเดียว ส่งข่าวบอกเธอ มีค่าคิดถึงบอก..หายเร็วๆ นะ แก่เฒ่าแล้วก้องีแหล่ะ .. โอ้ ช่างเปล่าดาย หกธันวา หญิงสาวคนหนึงมาเยือน แล้วก็กลับไปพร้อมกับสัมภาระทีเธอต้องการ เธอเดินทางมาเพือเพียงสัมภาระของเธอ มีเพียงค่าถาม.. ไงบ้าง ไม่ไปโรงพยาบาลละ ผมซุกตัวอยู่ในผ้าคลุมกันหนาวและไข้ สลึมสลืมรับรู้อยู่เพียงว่า เธอมา ถามเพียงนัน จัดของทีต้องการได้แล้วก็ไป .. โอ้ ช่างน่าสงสาร บ่ายสาม แข็งใจยันร่างลุกขึนพาตัวออกจากผ้าทีคลุมทับ ผมคิดถึงนางพยาบาลสาวสวยทีโรงพยาบาลสักแห่งหนึง


๔๐

พลางพยายามพาร่างกายตนเองไปถึงต้นพริกและมะละกอ กลับมานังต่ามะละกอ ปลาร้า กลืนลงคอเพือให้ยาแผงทีสองได้ลงไปท่างาน .... อยู่คนเดียว เจ็บไข้คนเดียว ก็ต้องเป็นอยู่คนเดียว ขอบคุณเธอทุกคนทีท่าให้ได้ระลึกว่า อยูค่ นเดียว ! ขอบคุณบางค่าทีถาม ขอบคุณบางค่าทีบอก ขอบคุณ..

18:33 7|6|12|2551


๔๑

ความร้าวรานของหัวใจ เราใช้โลกเพือการบอกเล่า ว่าเราคือโลก ความเศร้าทีมี ได้รับการบอกเล่าไม่สินสุด เราเหงาใช่ไหม ? เราเพียงต้องการ "ใครสักคน" อย่างถึงทีสุดก็ตัวเราเอง ตัวเราเองทีเราพบว่า คือ ทาง ตัวเราเองทีเราพบว่า คือ แผ่นที คือพืนทีทีอยู่ของการร่าบายออก และคือพืนทีทีให้สิงทีร่าบายอยู่นันเกิดการสบคิด เพียงเราอาศัยอีกทีส่าหรับวางเรียงถ้อยค่าสุขทุกข์นัน ตัวอักษร... หญิงสาวกล่าวค่าเศร้ามากมายกว่าชายหนุ่ม หรือชายหนุ่มกล่าวค่าทุกข์มากมายกว่า เราไม่อาจนับ !


๔๒

วันนี ผมนังอ่านหลายถ้อยค่าของหญิงสาว ..หลายคน พบว่าเหล่าเธอช่างมีโศกเศร้า เหล่าเธอต่างกล่าวน่าเสนอบนพืนทีอย่างไม่อิงอาย เหล่าเธอบอกเล่าแด่โลก ชายหนุ่มและหญิงสาวแห่งเดือนกุมภาพันธ์ ! เพราะเรามีชีวิต ใช่แล้วเพราะเราต่างมีชีวิต ชีวิต คือการเคลือนไหว ไหวไปตามโลกทีเรารู้สึกนึกคิด ทังหมดล้วนเกิดจากหนึงเดียวคือ ค่าว่า "รัก" จงร้าวรานด้วยหัวใจ ! จงร้าวรานด้วยหัวใจ ! จงร้าวรานด้วยหัวใจทีแตกสลาย และให้ทังหมดนันเป็นการเรียนรู้ เพือรักเราได้เติบกล้าด้วยหัวใจทีสัมบูรณ์ 20:16|1|1|2|2552


๔๓

ฤดูกาลของเธอ

เปลียนผ่านสุขทุกข์ชีวิต ปรากฏแด่เธอในเยาวมาลย์ จนล่วงย่างเข้าเต็มเพ็ญ- ชีวา กาลฝน หนาวและร้อนพรากชีวิตสู่ชีวิต พร้อมๆ กับ พรากทังมวล ลงสู่ทางกลับเพือการเดินทางต่อ ไม่มีแล้วซึงค่าถามว่า รัก ไม่รัก เพราะฤดูกาลของเธอใกล้ ..ใกล้ทีสุดแล้ว หวานและขมของผึงป่า ทังหมดเยียวยามาแล้วตลอดช่วง ฝนแห่งรัก หนาวแห่งรัก ร้อนแห่งรัก เป็นฤดูกาลแห่งเธอมาเพียบพร้อมแล้ว ทีสุดของฤดูกาล ไม่มีทีสุด ! ทีสุดของทีสุดก็หามีไม่


๔๔

การเดินทางในฤดูกาลของเธอ เรียบรายด้วยราชวัตรแห่งโลกและจักรวาล.. .... แม้ดอกผลชีวิตเติบเต็มและหล่นพร่องบางคราวครัง ฤดูกาลนันก็ยังสร้างเธอพร้อมกับทีเธอสร้างฤดูกาล โอ้.. นิศานารถ เพ็ญและแรม คือเธอ ความพรังพร้อมแห่งฤดูมาถึงแล้ว มาเถอะ ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน ขอจงได้เป็นอยู่กับฉัน.

14:39|7|7|2|2552


๔๕

เขาเดินทางอยู่โดยรักและคิดถึงนัน กระท่อมเปล่าดาย ได้มีโอกาสต้อนรับการเดินทางของดอกไม้ขาว ไม่สามารถกล่าวได้ว่า ความเศร้าได้น่าพาเธอมาทีนี และไม่อาจทีจะกล่าวได้ว่า โศกใดทีเป็นอยู่ในเธอ.. ดวงตาทีหวานยิมปิดบังภายในนันไว้ ปากช่างเจราไม่ปรารถนาเอือนเอ่ยความเป็นนัน เธอบอก- อ่านเรืองสันนะเจ้าค่ะ ...., เธอกลับสู่ทีพัก - ในเทียงวัน ผมนังอ่านเรืองสัน - เรืองนัน ...., ความจริงแห่งชีวิตทีเลยผ่าน บอกเล่าอยู่ในทรงจ่าและถ้อยค่าเหล่านัน..


๔๖

ผมนิงอ่านเรืองสันๆ เรืองราวของชีวิต.. ช่างสัน ร่าพันค่านึงของเธอชีวิตเกิดมาก็เพือจากกันเพียงแค่นัน.. ...., ดอกไม้หนึงแห่งค่าคืนอวลกลินมารุ่ยโรย คงเดินทางมาจากทีแห่งนัน.. หัวใจผมยิงนิงงัน เงียบยินลงไปสู่ความรู้สึกนันทีเธอมี.. คนเราต่างมีภาพจริงทีผ่าน - ฝากตรึงชีวิต ดอกไม้ ความรักและคิดถึง เป็นทังหมดของชีวิตทียังคงเพรียกไห้อยู่กับรักและชีวิตเธอ .... เธอยังคงเดินทาง เขาก่าลังเดินทาง


๔๗

เธออยู่กับรักและคิดถึง เขาก็ย่อมเดินทางอยู่โดยรักและคิดถึงนัน ยังเดินร่วมทางอยู่กับเธอ โดยความเป็นชีวิตอีกสอง และโดยความเป็นชีวิตของเธอเอง .... ภาพวาดในความคิดถึง คือภาพแห่งรัก ดอกไม้ดอกนัน เป็นดอกไม้ใจ ขอเธอได้อยู่กับด้วยดอกไม้ใจ ทียังความยินดี อวลหอมชีวิตให้ด่ารงอยู่ เขาเดินทางอยู่โดยรักและคิดถึงนัน.

14:52|5|12|2|2552


๔๘

๏ จากห้องสมุดของความโศกเศร้า


๔๙

เธอ : อ้อมกอดที่อุ่น

อ้อมกอดทีอุ่น.. เราต่างเคยได้สัมผัสใช่ไหม เพราะฉันโอบเธอซุกแอบอิง นันเพราะหัวใจเราไขว่คว้าเข้าหากัน อุ่นนันยังซาบอยู่ในหัวอกฉัน หัวใจฉันซึงรักอยู่ตรงนี อุ่นเนือแรกของรักเรา อ้อมกอดทีอุ่น.. เปิดเผยหัวใจในชีวิตรักให้เผชิญและประจักษ์ เป็นชีวิตรักของเราสองคน กระชับแขนโอบให้เธอกับฉันอุ่น ซุกตัวแนบหน้าใต้ลมหายใจ ใบหน้าเธอช่างงามน่ารักยิงนัก ซบหน้าเรียกไออุ่นให้กันและกัน


๕๐

วันนัน.. เป็นกอดทีอบอุ่นรักหนุ่มสาวอย่างยิง ฉันไม่อาจลืมเพราะเป็นชีวิตของความรัก ในห้องสมุดของความรัก .... อ้อมกอดทีอุ่น.. ฉันเคยได้พานพบในห้องสมุดของความรัก แต่นานหลายเดือนมานี อ้อมกอดทีอุ่นๆ ซึงอยู่อย่างเปล่าดาย ในห้องสมุดของความโศกเศร้า คือห้องสมุดของเรา ทีมีเพียงฉันเปล่าดาย...

01:10|17|04|51


๕๑

เธอ : ความรู้สึกของหัวใจ

ฉันดีใจ ดีใจอย่างมากทีได้รับรู้ความรู้สึกของหัวใจเธอ ฉันรับรู้จากปากของเธอ เธอบอกเล่าหัวใจเป็นถ้อยค่า น่าเสียงเธอตัดพ้อต่อฉัน วันนันเอง เธอพูดตัดพ้อให้แก่ฉัน จึงท่าให้ฉันยอมเปิดดวงใจรับ เปิดดวงใจทังหมดในชีวิต ตอบรับหัวใจเธอ .. ก่อนนัน ฉันเฝ้าพยายามไว้หัวใจ ฉันเก็บง่าหัวใจไว้ในดวงใจ เพราะไม่หาญกล้าทีจะให้หัวใจเธอกับฉัน ได้รับความเศร้าหมองเพราะรักอีก !


๕๒

ฉันยอมรับความรู้สึกของหัวใจเธอตังแต่วันนัน แล้วเฝ้าดูหัวใจเธอกับหัวใจฉันเอง เฝ้าดูแลหัวใจของเรา.. วันหนึง เป็นวันแรกของเรา ในห้องสมุดแห่งความรัก และหลังจากนัน.. หัวใจของฉันได้รับค่าตอบชัดเจน ฉันมีเธออย่างเต็มชีวิต .. ความรักผูกพันยิงทวีในหัวใจ ดวงใจแห่งชีวิตเป็นสุขและหวัง ในการอยู่ครองอย่างยิง หัวใจยิงร่าร้องหาในรัก เฝ้าหวังในความเป็นชีวิตทีสมบูรณ์ สมบูรณ์ในความเป็นเราตลอดชีวิต


๕๓

.. เราเป็นอยู่ซึงกันและกัน ด้วยการเรียนรู้ชีวิต บอกเล่า ตักเตือนชีวิตแก่กันและกัน เราไม่เคยท่าหัวใจให้ห่างจากกัน คืนวันเหมือนดังฝัน.. ........ มาช่วงหนึง เธอบอกเล่า ชีวิตไม่ได้เป็นดังฝัน เพียงเคลือนผ่านวารวันเท่านัน เธอบอกเล่าเพือปลอบโยนฉัน.. ห้วงเวลาช่างเนินนานในความรู้สึกของฉัน และเนินนานในแต่ละวันคืนทีฉันเฝ้าครุ่นคิด ฉันเฝ้ามองความรู้สึกของหัวใจเธอ. 21:09|3|6|5|2551


๕๔

เธอ : ความเหงาของหัวใจ

ความเหงาของหัวใจ ท่าให้เรามาเจอกัน พบกันอย่างอยากรู้ ดีใจ ระทึก ปลืมหัวใจ อยู่กันแสนไกล แต่เหมือนเราใกล้กันทุกวันและค่าคืน จากวันเป็นเดือนเป็นปี เรารักกันด้วยหัวใจหนุ่มสาว ใกล้ไกลในรักและกระทบกระทังกันบ้าง ใจเราก็ยังเข้าใจในรัก เข้าใจถึงคนสองคน คนๆ เดียว และเข้าใจคนรอบข้างทีพบพาน ความเหงาในหัวใจและไกลห่างของกาย กลายเป็นกระบวนการท่าให้ใจออกห่าง ..เพียงคราครังหรอกนะทีท่าให้เธอ ดูเหมือนใจห่าง


๕๕

ฉันเชือในหัวใจของเธอ ว่าเธอรักฉันไม่คลาย เพราะฉันรู้ตนเองดีว่ารักเธอ รักในหัวใจและกายนันทีเป็นชีวิตเธอ เพียงความเหงาของหัวใจ บางครังเท่านันหรอก ทีท่าให้คนเรา เป็นเก่า เป็นใหม่ เพียงบางครัง.. เป็นอืน จะอย่างไร ฉันก็เชือมันแท้แน่นอนว่า ทังหมดเรายังเป็นเรา ซึงในรักนัน และเป็นอยู่ซึงกันและกัน.

23:35|17|04|2551


๕๖

เธอ : ความเงียบของความรัก

เงียบจากการคุ้นเคย ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีบทสนทนา มีเพียงบรรยากาศของความเงียบ เหงา และโดดเดียวของตัวละคร เป็นทุกข์ในความเงียบของความรัก ในฉากและเนือหาทีกรุ่นอวลไปด้วยใจแสนเศร้า วันหยุดของสัปดาห์ เราเคยได้มาพบกัน อบอุ่นอยู่ด้วยกัน อุ่นด้วยหัวใจรัก อุ่นด้วยเนือกายทีแนบนอนเคียงใกล้ ลมหายใจชีวิตมีความสุข เลือดในกายสูบฉีด ให้ใบหน้า ฝ่ามือและหัวใจเป็นสีชมพู อีกเดือนกว่าๆ ก็จะครบปี ของความห่างทางร่างกาย


๕๗

ย่างเข้าเกือบเดือนแล้วทีความเงียบ รรรงมในความรักย่าหัวใจให้ยิงรู้สึกถึง ความเปล่าดายอย่างรุนแรง เป็นความเงียบของความรักทีช่างทรมาน ต่างกันอย่างลิบลับกับความเงียบของความรัก ทีเป็นความเงียบทีไม่มีอืนมาแอบแฝง นอกจากความเงียบของความรัก ทีอุ่นชินด้วยหัวใจมีสุข เงียบจากความทุกข์.

07:39|20|04|2551


๕๘

เธอ : ความพอใจและรักของเธอ เธอยินดีทีจะพูดคุยกับชายด้วยความรู้สึกรืนรมย์ เพียงต้องการได้พูดคุย สนุกสนาน ก่อนนัน เธอยินดีในการสรวลเสเฮฮากับฉันทุกวันคืน จนเราเกิดความยินดี รักใคร่ต่อกัน เฝ้าคิดถึง เฝ้ารักคลอเคล้าด้วยรัก แต่ก็ นันล่ะ เธอเป็นคนมีเสน่ห์ ชายมากหลายต่างก็ชืนชมในความเป็นเธอ อยากพูดคุย สนิทสนมกับเธอ ฉัน คนนานของสนิทนันกลับกลายเป็นคนน่าเบือ เพราะฉันมักไม่ชอบมาพาด้วยกับชายทีเธอคุยด้วยเหล่านัน ฉันโอดค่า และบ้าสุดเหวียงในการนัน ฉันเฝ้าติดตามด้วยเพราะไม่ไว้วางใจชายเหล่านัน เพราะฉันกลัว กลัวความสนิทสนม


๕๙

ใช่ล่ะ ไม่ว่าชายใดก็ตามทีรักในหญิงสาวทีตนเองรัก จะไม่พอใจเมือชายอืนมาเกาะเกะหญิงสาวทีตนเองรัก การกระท่าของฉัน กลายเป็นสิงทีน่ารังเกียจส่าหรับเธอ ฉันรู้ ฉันคิดว่าจะไม่กระท่าอะไรๆ ทีเป็นทีระคายเคืองใจเธอ แต่ไม่อาจสามารถ,.. หลายๆ คราวฉันจึงพยายามนิง นิงอย่างทรมานหัวใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอะไรมากมายหรอกนะ มันก็เพียงความพอใจของเธอ ฉันต้องยอมรับด้วยเข้าใจ เรียนรู้ความพอใจความรักของเธอ วางตนเองให้ถูกควร ไม่ท่าให้เธอวุ่นร่าคาญใจ เพือเราได้รักซึงกันและกัน ใช่ ! ฉันมันคนบ้า บ้าทีวิงวุ่นในหัวใจด้วยเพราะรัก เธอกล่าวว่า- ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร


๖๐

ทุกสิงล้วนว่างเปล่า คนรัก เป็นเพียงค่าทีมนุษย์สร้างขึน ใช่ ! แม้แต่ความพอใจของคนก็ไม่เทียงแท้ ฉันพยายามท่าใจด้วยหวังในรักอย่างยิง พอใจในรักนัน พอใจทังหมดในความเป็นฉัน เป็นเธอ เป็นเรา.

16:02|2|16|6|2551


๖๑

เธอ : ชีวิตในฝัน, และใช่! เหล่าเธอ อยู่กับชีวิตในฝัน ด้วยความจริงแห่งชีวิต เพือนของเธอบอกว่า 'จะจัดการทุกอย่างเพือให้เธออยู่สบาย..' ฉันคิดหนักถึงปรารถนาหวังดีนัน และมองลึกรู้สึกลงไปอีกอย่าง.. แต่ก็เข้าใจ ตระหนักถึงวิถีทาง ! .. เพือนของเธอบอกว่า 'เธอต้องไปอยูก่ ับเขา..' ฉันชักแน่ใจแล้วว่า "คนในฝัน" ทีเธอและเพือนของเธอยินดีอยู่นัน คือ "คนเช่นไร" .. เธอต้องไปอยู่กับเขา เธอต้องละทิงการงานประจ่าจากทีนี เธออาจจะต้องละการงานทีเธอกับเพือนร่วมกันท่า หรือเธออาจขยายกิจการไปอยู่ทีเดียวกับเขา.. ????


๖๒

หากเขาคนนันเป็นเช่นดังทีฉันขบคิด คาดคิดเอาตามค่าของเพือนเธอ '...รักเธอประเทศไกลๆ ชืออะไรนะ อ่านไม่ออก' จริงๆ และเขาก็เป็น "คนในฝัน" ทีเธอปรารถนา (จริงๆ หรือ ?) เขาจะยอมให้เธอเป็นอยู่อย่างทีเคยเป็นหรือ บ้าน แม่ พี น้อง หลานๆ งาน เพือน ชีวิตอิสระ เขาจะยอมให้เธอด่าเนินการงานของเธอ หรือร่วมกิจการนันกับเธอหรือ ... ฉันมองไปเห็นว่า "ชีวิตคนเช่นนัน" เขาคงปรารถนาอยู่เสพสุขสบายบันปลาย โดยเพียงต้องการหญิงสาวเคียงกายปรนนิบัติรับใช้ชีวิต เคียงใจในชราธรรม !? หากเป็นจริงดังนัน เธอจะเป็นคนทีเขาปรารถนาหรือ เธอจะเป็นในสิงทีเขาต้องการหรือ เพราะชีวิตทีผ่านมา เธอไม่ใช่คนเช่นนัน-"ผู้รับใช้สามี!"


๖๓

... หรือเธอคิดหวังทีจะเป็น กล้าทีจะเป็น หรือใฝ่ฝันทีจะเป็นเช่นนัน..

ฉันปรารถนาให้เธอมีสุข สุขของหัวใจทีชืนบาน ชืนอย่างเบิกบานด้วยตนเอง ... ฉันเห็นหญิงสาวทีเดินทางไปก่อนนัน เธอเหล่านันต่างบอกเล่าชีวิตแก่ฉัน เพือหวังค่าปลอบประโลมหัวใจค่าแนะน่าเพือเยียวยาชีวิต ปรับวิถีคิดในการจัดการ ฉันมีแต่ความรัก ห่วงใย ก่าลังใจ ถ้อยค่าเพือเธอเท่านัน เพราะเธอต่างก็ได้เลือกทางของตนเองแล้ว เธอเหล่านัน- "ดรุณีสยาม" ...


๖๔

ฉันกลัวๆ ในถ้อยค่าตนเอง เพราะถ้อยค่าของฉันมักท่าให้ฉันเจ็บปวด ทุกถ้อยค่าทีฉันเขียนๆ ออกจากวิถีคิด ความมีเป็นในขณะชีวิต เขียนจากทุกข์ สุข และปรารถนาสุขแด่เธอ ถ้อยค่าของฉันมักท่าให้ฉันเจ็บปวด การได้เขียนถ้อยค่าของฉัน.. เยียวยาชีวิตฉัน ตลอดกาละและเทศะ 3 เดือนผ่านพ้น ถ้อยค่าของเธอทีกล่าวแก่ฉันในกาลก่อน ฉันประดับขึนมาในสมองเพือเยียวยาหัวใจชีวิต ! ... รักในรักแห่งชีวิตเธอกับฉันและสรรพสิง

27|06 - 4|2|07|2551


๖๕

๏ สองข้างทางที่เผชิญ


๖๖

ฉัน : พบเธอ พบความรัก ใบหน้า ตา และยิมของเธอ เป็นสิงเสริมให้ผมยิงคิดถึงเธอ หัวใจในชีวิตของเธอ ยิงสานส่งให้ผมรักเธอ วงหน้าอิมเปล่ง คมคาย ดุและงามอยู่ในใบหน้า ท่าให้หัวใจผมยอมลงอย่างตกหลุมรักเต็มชีวิต หัวใจ ความรู้สึกนึกคิด ทีเรียบและคมลึก เก็บซ่อนความเต็มชีวิตไว้ภายใน ท่าให้ผมยอมรับเธอไว้ในฐานะคนของชีวิต ... เราพบกันด้วยความแปลกใจต่อกันว่า มาพบกันได้อย่างไร ผมงง จากการทักทายของเธอ เธองง จากการถามของผม


๖๗

แต่ผมรู้ว่าขณะนัน หัวใจของเราทังสองดีใจ ดีใจทีได้มารู้จักกัน จากวันและคืนนัน เราพูดคุยกันทุกวันและค่าคืน บอกเล่าชีวิตแก่กันและกัน เก็บรับความยินดีเข้าสู่หัวใจของกันและกัน จนเป็นหัวใจเดียวกัน ผมมองเธอเป็นดังน้องสาวของชีวิต เธอชืนชมผมเป็นดังพีชายทีเธอไม่เคยมี วันเวลาของพีชายกับน้องสาวอบอุ่นทุกวัน เราสนุกสนานกันดังว่าเรายังเป็นเด็ก ๆ แล้วความรักก็ยิงเกิดขึนในหัวใจเรา.

08:42|28|04|51


๖๘

ฉันกับเธอ : เงาชีวิต เงารัก

"....... ฉันก็หวังว่าจะรักและถูกรักอย่างสุดหัวใจ.." เป็นค่าทีเธอเขียนไว้ให้อ่าน ... เราทังสองต่างก็ผ่านเรืองราวแห่งรักกันมา ครึงหนึงของชีวิตทังหมด เป็นชีวิตรักแรกรุ่น หนุ่มสาว จนย่างเข้าความเป็นหนุ่มสาวได้เต็มชีวิต ต่างคนมาพบกัน ต่างคนต่างมีเงารักในชีวิต เงานัน มิใช่ตัวตน บุคคล แต่เป็นชีวิตภายในชีวิต ชีวิตคนเราล่วงผ่านวัย พรากเอาชีวิตตนเองและผู้อืน เข้ามาติดไว้ในชีวิตเสมอ อยู่ทีว่าจะเป็นเงาชีวิต เงารัก อย่างไรในหัวใจ


๖๙

เพียงเราได้ยินเสียง เพียงได้พบสบตา ละจากเพียงขณะนัน เราก็ต่างเป็นเงาชีวิตเงารักของกันและกันแล้ว เงาชีวิตใหม่ เงาชีวิตเก่า เงารักใหม่ เงารักเก่า สบทับประดับอยู่ในชีวิตเราเสมอ เราต่างหวังให้เงาชีวิตใหม่ เงารักใหม่ ประทับจับแต่งหัวใจชีวิตให้งอกงาม ด้วยรักบริบูรณ์ ใช่ ! เราต่างหวัง และเราใช้เงาชีวิตเก่า เงารักเก่า เป็นฐานเรียนรู้เพือให้ชีวิตรักเรา เติบกล้า แกร่ง มันคงด้วยรักแห่งชีวิต เราเรียนรู้โดยท่าความเข้าใจ เข้าใจในทุกลีลาแห่งธรรมชาติสรรพสิง เข้าใจในทุกลีลาแห่งกรรม !


๗๐

การจากพราก เราต่างพบอยู่ทุกขณะลมหายใจชีวิต เราหายใจเข้า หายใจออกเงาชีวิต เงารัก ให้เติมเต็มและผ่องถ่ายชีวิตของกันและกัน ! ฉัน เธอ เราก็ต่างหวังว่าจะรักและถูกรักอย่างสุดหัวใจ ฉันเห็น รับรู้ด้วยชีวิตรักว่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก มีชีวิต ความรักของเธอ มีชีวิต ความรักของฉัน เป็นเงาชีวิต เงารักของเรากันและกัน เดินทางเพือสืบต่อชีวิตรักของเราทังสอง และของโลกอยู่อย่างรัก รักอย่างสุดหัวใจแห่งมนุษย์กรรม ! ฉัน เธอ,- เรารักกันและต่างหวังเป็นผู้ถูกรักอย่างสุดหัวใจ.

04:39|7|3|


๗๑

เธอกับฉัน : ความหวั่นกลัวในใจของฉัน

เธอเงียบในชีวิตแต่ละวัน คล้ายไม่อยากเอ่ยกล่าว หรืออาจจะยังไม่แน่ใจตนเอง หาใช่เธอจะปิดบังไม่ !? เธอเงียบในชีวิตคิดฝันนัน ฉันได้เพียงแต่เฝ้าครุ่นมอง อยากตีโพยตีพายกับเธอ แต่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจ ในสิงทีฉันก่าลังครุ่นมอง ด้วยติดตามอย่างหวันหวาดนัน ใช่ ! ฉันหวันหวาดและห่วงในเธอ หวันหวาดกับสถานการณ์ทีอาจจะเกิดขึน ห่วงในเธอเพราะไม่อยากให้เร่งรีบตัดสินใจ


๗๒

ชีวิต ใช่ตัดสินใจง่ายดาย ! และใช่จะลังเล กระนัน ความสืบเนืองของกาลเทศะแห่งชีวิต ในเบืองหน้านัน ส่าคัญต่อเรายิงนัก ความคิดฝัน หวัง น่าพาเราให้เดินทาง ฉันปรารถนาให้เธอตระหนักในคิดฝัน หวังนัน ชีวิตคู่ คือสุดยอดการงานแห่งมนุษย์ในโลกิยะ มนุษย์เกิดมาย่อมมีทังปรารถนาและไม่ปรารถนา ฉันเองปรารถนายิงนัก เห็นในปรารถนาของตนเองเพราะเธอ และเฝ้าปรารถนาส่าเร็จการงานนันเพราะเธอ ความคิดฝัน หวังของฉันกับเธอ หาได้ต่างกันไม่ เราต่างปรารถนา แต่ก็นันหละชีวิต- ความเคลือนผ่าน ในปรารถนา คิดฝัน หวังของคนเรา มักมีทางให้เลือก...


๗๓

ฉันหวันกลัวในใจตนเอง เมือครุ่นมองด้วยติดตาม ความเป็นอยู่ของเธอ เธอเงียบในชีวิตทีคิดฝัน หวังนัน คล้ายไม่อยากเอ่ยบอก หรืออาจจะยังไม่แน่ใจตนเอง หาใช่เธอจะปิดบังไม่ !? ฉันได้แต่นังนอนหวันกลัว กลัวในทางทีเธอเลือก ห่วงเธอในทางทีคิดจะเลือกนัน.. ....

19:54|6|27|06|2551


๗๔

ฉันกับเธอ : หัวใจชีวิตรักของเรา

"จงเชือมัน และศรัทธาในความรัก" เธอบอกฉัน และตนเอง ครังเมือเราประจักษ์ในรักด้วยกัน .... "โลกนีไม่ได้มีแต่ความรักนี!" เธอบอกฉันในปัจจุบัน หลังวันเวลาผ่านเลย ....... ฉันเชืออย่างเต็มหัวใจ หัวใจรักของผู้หญิงคงมันทีสุด ผู้หญิงมีหัวใจรักอย่างเต็มเปี่ยม มากกว่าผู้ชาย ! หัวใจรักเธอ ไม่เปลียนแปลง !! 'โอกาส' เท่านัน ท่าให้เธอยิงคงมันในการไขว่คว้า เพือสร้างความ 'มันคง'


๗๕

เธอฝังหัวใจรักไว้กับชีวิตอย่างรักนิรันดร์ เพืออยู่กับความมันคง .... พืนทีในหัวใจชีวิต ถูกหัวใจรักตนเองขีดผ่าน เป็นเส้นสายแห่งรักอย่างหยัดทะนง อยู่ในโดดเดียวและเดียวดายอย่างท้าทายโลกและชีวิต !! .... ฉันรักคุณ ผมรักคุณ.

18.09|7|18|05|2551


๗๖

ฉันกับเธอ : หัวใจและความฝัน เธอกล่าวว่า"หัวใจใคร หัวใจมัน... เดินตามทางทีใจฝัน เท่านันพอ.. " อ่านแล้วหวันในหัวใจ ช่างคล้ายกับว่าปลิดปรารถนา ตัดรานดวงใจรัก.. ฉันอ่านอย่างครุ่นครวญในขณะของไหวหวันนัน แล้วกลับอ่านซ่าแล้วซ่าเล่าด้วยพิจัยของนิงในคิดค้น แล้วเผลอยิมเยาะให้กับตนเอง ยิมเยาะในรู้สึกตนเองอย่างผาดพร่า วาดความคิดคาดหมายถึงความรู้สึกของเธอในขณะ มองอย่างเข้าใจแล้วพาดดวงใจและปีกรักไว้กับชีวิต ซึงอยู่กับความรู้สึกนัน ฉันอยู่กับรู้สึกของตนเองมาตลอด ด้วยรักแห่งชีวิต ! เหมือนกับว่าเกือบทุกครัง จับจ่อ ผ่อนถ่าย วนเวียน


๗๗

ไม่พรากผ่านไปกับรู้สึกพรากนัน ทรมานในหัวใจและความฝัน ภาพความคิดวาดตัวตัดปุยฝันขาดเป็นห้วงๆ และภาพความคิดอีกนันล่ะ เข้ามาเชือมผสานฝันต่อติดกับหัวใจรัก ให้เปิดดวงใจอาทรต่อความรู้สึกนึกคิดแห่งหัวใจ และความฝันของเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดแห่งหัวใจและความฝันของเรา ทีอวลอยู่ในชีวิตของฉัน.. ฉันคิดในสิงทีฉันคิด ฉันคิดในสิงทีเธอคิด หรือทีฉันคาดหมายเอาเองว่าเธอคิดเช่นนันๆ หัวใจรักเฝ้าถามตอบๆ ความฝันอึงคะนึงและยิมหวาน ชีวิตเศร้า ยิมเยาะและตีตัวให้เดินทาง.. .... อาจเพียงล่าพังทีฉันเป็นอยู่ .... 00:09|7|14|6|2551


๗๘

ฉัน : ผู้ยากไร้ที่ผู้หญิงรักแต่เธอไม่ต้องการ

เธอเหล่านันรักเพราะชอบใจ และเธอเหล่านันรักเพราะเธอรัก แต่หญิงสาวเหล่านัน ไม่ต้องการฉันไว้ในครอบครอง ! ความยากไร้ของชายหนุ่ม เป็นเครืองหมายว่า เธอเหล่านันไม่ต้องการ ! แม้ว่าเธอเหล่านันจะรัก.. ... ความเปล่าดาย อาดูรมีบางคราวครัง ในหัวใจทีเงียบเหงา ฉันได้พบอย่างสม่าเสมอ หลังการได้รู้จักและรักกับเธอเหล่านัน เราพบกันเพือจะจากทุกคนเลยหรือ ?


๗๙

ความยากไร้ของชีวิต ท่าให้เกิดความยากไร้ของหัวใจรัก เธอเหล่านันเพียงผ่านมา เหมือนฤดูกาลพลัดเปลียน โอ ! ผู้หญิงของฉัน ความสดสวยแสนงามของธรรมชาติ ให้ความชุ่มชืนแก่หัวใจชีวิต แล้วมาพราก, ทิงไว้ให้ เพียงความแล้งโผย หัวใจชีวิต ช่างยากไร้ !!

00:14|2|05|2551


๘๐

๏ วาสนะแห่งรัก


๘๑

เรา : ในพันธะ

พบเจอกับคนๆ หนึง เราได้พูดคุย บอกเล่าเรืองราวของกันและกัน ใจเกิดความยินดีต่อกัน ในทุกค่าคืนของชีวิตเราต่างเป็นอยู่ซึงกันและกัน บ้างสุข บ้างทุกข์กับปรากฏการณ์ภายนอก-ใน เป็นช่วงๆ สลับไปมา นันท่าให้เราต่างได้เรียนรู้ บอกเล่าชีวิตกับชีวิต รักปรากฏในดวงใจเราทังสอง มีความคิดฝันในตนเอง ในกันและกัน ชีวิตเป็นกาละพร้อมเทศะ ช่วงเวลา พืนทีหัวใจย่อมมากมายไปด้วยความรู้สึกนึกคิด เราเป็นอยู่กับโลก ! เป็นอยู่กับโลกทังสอง โลกทังสาม และโลกทังแปด สรรพารมย์เหนียวหน่วงหัวจิตหัวใจ ให้เป็นไปตามทีรู้สึกนึกคิด สุข เศร้าคละเคล้าชีวติ เราต่างเห็นในเป็นไปนัน


๘๒

หัวใจชายหญิงแห่งโลกและธรรม ย่อมเป็นเช่นนัน รัก โลภ โกรธ หลง น้อยเนือต่าใจ ปรารถนา ตกหวัง ชิงชัง แล้วเวียนวนไปเริมต้นที.. รักอีกครัง ตราบลมหายใจแห่งชีวิตและปรารถนาในรัก หัวใจชายหญิงย่อมเดินทางในกาละและเทศะ เพือสมสร้างกาละและเทศะแห่งรักให้กับชีวิต เราต่างปรารถนารักสวัสดี ใครเล่าจะปรารถนาความถอยห่างของความผูกพัน โอบอุ้มความรู้สึกผูกพันด้วยรักไว้กับชีวิตเถิด เมือเราพบรักในกันและกัน พอใจในพันธะหนึงนัน ด้วยตระหนักว่าตนเองเป็นผู้เป็นทีรัก.

23:49|5|12|6|2551


๘๓

เรา : ความรัก ความศรัทธา

ความรัก ความศรัทธา เป็นสองอย่างทีอยู่ร่วมกัน อิงอาศัยซึงกันและกัน จนรวมเป็นหนึงเดียวกัน เมือเรารัก เราจักศรัทธา เช่นกัน เมือเราศรัทธาแล้วเราจักรัก ความศรัทธา ไม่ใช่ความถือมันต่อสิงทีตนเองเชือ ความรัก ก็ไม่ใช่ความรักมันต่อสิงทีตนเองรัก แต่เป็นความลงตัวของจิตใจ ทีมันในรักอย่างไม่คลางแคลง เป็นรักศรัทธาในดวงใจทีถือครองด้วยการรู้เท่าทัน ประทับดวงใจไว้ในกันและกัน อย่างตืนรู้ เป็นธรรมดา ธรรมชาติอย่างยิง เป็นธรรมชาติในฝ่ายให้รู้สึกยินดี ! แต่เป็นการยินดีอย่างรู้ทัวพร้อม


๘๔

ชายหญิงมีความรักความศรัทธาในหัวใจเท่าๆ กัน เพียงแต่ว่า เขาและเธอ วางความรักความศรัทธานันไว้อย่างไร วางไว้ในใจอย่างโดดๆ หรือกระท่าให้เป็นหนึงเดียว ด้วยความเข้าใจ

ความรัก ความเข้าใจ ความศรัทธา ความเป็นกลางสร้างประสานให้เกิดรักทีแท้.

00:18|6|30|05|2551


๘๕

เรา : กาละ เทศะ โอกาส : วันเวลา พืนที่ ทิศทาง และโอกาสของหัวใจชีวิต เวลา คือ ขณะ สันทีสุด แต่เหนียวหน่วงในรู้สึกนาน เคลือนเป็นสิงผ่าน คาดหมายเป็นสิงก่าลังจะถึง อยากถึง เวลา สถิตนิดเดี๋ยวในขณะๆ ทีเรารับรู้ว่านานเพราะกลายมาเป็นพืนที ทิศทางในความทรงจ่าของเรา เวลา คือ ความเคลือนเปลียน ไหวเร็ว ท่าให้เป็นสัญญาวิวัฒน์อยู่ในพืนทีหัวใจชีวิต เป็นสัญญาวิวัฒน์ คือการจ่าเริญเติบโตของความทรงจ่า ประมวลผลอยู่ในสมอง สมองทีรู้สึกนึกคิดเป็นพืนทีหัวใจชีวิต ในสัญญาวิวัฒน์นันคือ เวลา คือพืนที และคือ ทิศ กล่าวเข้าใจง่ายๆ คือ วันเวลาสร้างพืนทีคือความทรงจ่าให้กับชีวิตคนเรา และในความทรงจ่านันๆ เป็นสัญญาวิวัฒน์ คือ ความทรงจ่าท่าให้เกิดการรู้สึกนึกคิดหลากหลาย และก่อรูปก่าหนดทิศทางให้กับชีวิต


๘๖

.. บางครัง กาละ เทศะ บีบคันหัวใจชีวิตเรา เพราะเราหลงในสัญญา-ความทรงจ่า กล่าวคือ หลง วนอยู่กับความรู้สึกนึกคิดของเราเอง เราไม่ได้ท่าความรู้สึกนึกคิดจากความทรงจ่า ให้เป็นสัญญาวิวัฒน์ คือท่าความรู้สึกนึกคิดนัน ให้เกิดความแจ่มแจ้งด้วยตืนรู้ เท่าทัน เพือให้เกิดสัญญาวิวัฒน์ เพือให้เวลากับชีวิต เพือรู้และสร้างพืนทีหัวใจชีวิต เพือทิศทางของชีวิต เราต้องตระหนักในการรับรู้ ตระหนักในการนึกคิดรู้ และตระหนักในการคาดหมายรู้ ... กาละ เทศะ มีโอกาส คือช่องทางชีวิต หากเราให้เวลากับชีวิต รู้เวลาของชีวิต เท่ากับเราสร้างโอกาสแก่ชีวิต วันเวลา พืนที ทิศทางของหัวใจชีวิต มีโอกาส เป็นเครืองอุปกรณ์เข้ามาให้เราบริหารจัดการ โอกาส เป็นสิงกลางๆ เราจะใช้อย่างไรขึนอยู่กับปัญญาทีตืนรู้ ทีสมสร้างมาจากสัญญาวิวัฒน์ ...


๘๗

ในเวลา คือเพียงขณะๆ ของปัจจุบัน, คือช่วงระยะ ของการก่าหนดหมาย ในเวลานันๆ เป็นพืนที ก่อรูปเป็นทิศทาง ในเวลานันๆ มีโอกาส.. มีโอกาสให้เราเลือก รับ-ปฏิเสธ หรือเพ่งภาวนาเพือ ก่าหนดเป็นเวลา-ช่วงระยะ,พืนที-ทรงจ่า รู้สึกนึกคิด ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง เพือก่าหนดทิศทางหัวใจชีวิต ....... วันนีตอนเทียง ผมได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มาจากเธอ ดีใจอย่างมาก เพราะได้ผ่านช่วงทีเธอไม่ติดต่อพูดคุยมา 10 กว่าวัน เป็นครังแรกทีเธอขาดการติดต่อกับผมยาวนานทีสุด 10 กว่าวันทีผมอยู่กับโอกาส ในกาละ เทศะทีขบกัดกินหัวใจชีวิต และผมพยายามแสวงหาโอกาสทีครุ่นครวญ ไตร่ตรองให้ตระหนักกับกาละ เทศะชีวิต


๘๘

โอกาสทีรู้สึกดี ท่าความเข้าใจ ให้โอกาสแก่กาละ เทศะ แก่ชีวิตเธอ ชีวิตผม โอกาสทีรู้สึกดี เข้าใจในกันและกันของชีวิตเรา "ในเวลาเช่นนี" ผมรัก เข้าใจในเธอ "ในเวลาเช่นนี" ถ้อยค่านี ท่าให้ผมเห็นหัวใจชีวิตเธอ เธอก่าลังให้โอกาสแก่กาละ เทศะหัวใจชีวิต เพือโอกาสของชีวิต ผมรัก นับถือหัวใจชีวิตเธอ ตรงนี ผมปรารถนาเธอเพราะหัวใจชีวิตเธอเป็นอย่างนี เธอรู้จักและใช้กาละ เทศะ โอกาสของชีวิตเป็น ผมรักคุณ.

23:14|5|10|07|2551


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.