คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑
๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
คือ...จันทร์วารี สวัสดี...ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง “... บทกวีที่ถูกเขียนด้วยกวี ย่อมงดงามและล้าลึก เขียนตามที่ใจอยากจะเขียน เพราะบทกวี คือ บทกวี บทกวี งดงาม ในบทกวี ความรัก งดงาม ในความรัก เพราะความรักนันงดงาม จึงมีบทกวีที่งดงาม ...” จันทร์วารี
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
คือ...จันทร์วารี สวัสดี...ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง เขียน : จันทร์วารี พุทธศักราช ๒๕๕๐
จัดพิมพ์ : กลุ่มเขียนข้าว มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑ บรรณาธิการ : พลายพัทลุง เขียนข้าวคริเอท โทร. ๐๘๖๙๗๑๙๒๖๗
๓
๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
สารบัญ ๐ จันทวาริกถา : ถ้อยค้าของเพ็ญในน้า : คือ... จันทร์วารี/ พลายพัทลุง ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง... : เส้นทางฝัน...ฝันให้ไกล...ไปให้ถึง.../ จันทร์วารี
๐ เรือ่ งไม่เป็นเรือ่ ง ๒-แก่อีกปี งุงุ ๓-ความรักซ่อนอยู่ไหน ๕-รักของกวี ๖-ดื่ม ! ๘-ความรัก..อีกแล้ว..เฮ่อเบื่อ... ๙-เรื่องบ้า ๆ ๑๐-I am I : ฉันท์ ๑๓-คือฉัน..เป็นฉัน ..ฉันท์เอง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๕
๐ ลมเพลมพัด...โซซัดโซเซ ๑๖-ใครสักคน.. ๑๗-ขอแค่หนึ่ง..เพียงหนึ่ง..หนึ่งเท่านัน ๑๙-จันทร์เหงา... ๒๑-หยาดฝนโปรย.. ๒๓-จันทร์หม่น ๒๔-คืนที่ดาวกับจันทร์ล้วนหลับใหล ๒๕-สายหมอกบาง บาง... ๒๖-จันทร์ยังส่องแสง..แม้อ่อนแรง.. ๒๗-ฟ้าวันนี.. ๒๘-บันทึกหน้าที่หายไป ๓๐-ฉันรู้สึกห่อเหี่ยว...ความรู้สึกมัวซัว... ๓๒-สู้ ๆ ๓๒-เท่านันเอง ๓๓-เอาความรักมาฝาก.. คนเหงา.. คนเศร้า... ๓๖-ก้าลังใจ...จากใจ.. ๓๘-เหนื่อยไหม.. คนดี.. มาสิ.. มานอนหนุนตักเพื่อพักใจ ..
๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๐ ชีวติ เดินทาง ๔๓-เสียงสนบนภูสอยดาว ๔๗-ก้าสรด..ผู้กล้า... ๕๐-บินหลาเจ้าจงโบกบินสู่ศานติ ๕๓-รุ้งกินน้า... ๕๔-เช้าใส ๆ ๕๕-ก้าวย่างอย่างมั่นในฝันใฝ่ ๕๗-ปีกฝัน ๕๙-รักสามฤดู ๖๑-เคียงจันทร์ ๖๓-เพียงรัก... ๖๕-กว่าจะรู้ซึงถึงค้าว่ารัก... ๖๙-เขียนสิ เขียนบทกวีที่งดงาม ๗๑-อรุโณทัยแห่งชีวิต… ๗๓-ลมยังโบก..โลกยังอุ่น…
๐ ในแสงจันทร์ ๗๕-ความเงียบ ๗๖-ในท่ามกลางความไม่สงัด ๗๗-ฝนตกอีกแล้ว... ๗๘-เด็ดเดี่ยว เดียวดาย ๗๙-ยืนหยัด
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๘๐-ลืมเสียเถิดความหลังครังร้าวราน ๘๑-อยากลองรักดูสักหน ๘๒-ดาว ๘๓-จันทร์กับดาว ๘๔-ในค้าว่า "รัก" ๑ -ในค้าว่า "รัก" ๒ ๘๕-มาลาร้อยเรียงเคียงใจ ๘๖-เพียงฤดีเดียว ๘๗-พบพราก นี่คือชีวิต -สัจจะ – มายา ๘๘-ในรูป ๘๙-ไม่มีใครใจร้ายในความรัก ๙๐-ใจรัก ๙๑-อย่าใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ๙๒-เขียนกถา *********************************** ๙๓-๐ อ่านหนังสือ : I, Phoolan Devi -พูลาน เทวี นางพญาโจร และ สวนสัตว์ -สุวรรณี สุคนธา ๑๐๐- **แม่…พระอรหันต์ของลูก...รักแม่คะ่ ๑๐๔- **วันเกิดของลูก คือวันทีแ่ ม่เจ็บเจียนตาย.. ๑๐๗-๐ นิคมธรรม.. สวัสดี : แสงใจ
๗
๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
คือ...จันทร์วารี สวัสดี... ม่านหมอกและหยาดนา้ ค้าง
จันทร์วารี
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
จันทวาริกถา : ถ้อยค้าของเพ็ญในนา้ คือ... จันทร์วารี คือเพ็ญในน้าของความรัก คิดถึง พิมพ์ประกาย ณ ห้วงค้านึง ซึง ๆ วาบงามทุกยามเห็น ผ่องนวล อิ่มเย็น เพ็ญจันทร์ในวารี ส่องฉานประภาวรรณ อาบนัทที ปิ่มสมปฤดี ตื่นชีวัน คือ... จันทร์วารี ปิยสตรีเฉิดฉันท์ ค้าแห่งเธออนันต์ เพื่อชีวาฯ
พลายพัทลุง ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๑/ เพิงภพจันทร์ดาว
๙
๑๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง... เส้นทางฝัน...ฝันให้ไกล...ไปให้ถึง… ชีวิตที่ก่อเกิด.. ขับเคลื่อนด้วยแรงฝัน ที่นั่น.. ที่แห่งฝัน .. โลกกว้างคือจุดหมาย เส้นทางร้อยสายท้าทายให้เดิน ผ่านม่านหมอก.. หยาดน้าค้าง คละเคล้าหยาดน้าตา แสงแดดแผดเผา.. เร่าร้อนต่อเรื่องราว... ลมราตรีที่ยะเยือก.. ความหนาวเหน็บ ความเหงา กัดกร่อนความฝัน... หนทางไกล.. มากทุกข์เข็ญ... แต่.. ความฝันยังมี... ชีวิตเริ่มต้นเมื่อลืมตาตื่น...
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๑
ความละมุนของอรุณรุ่ง... ความนุ่มนวลของสายลม เสียงใบไม้ไหวลู่.. ดอกไม้เริงระบ้า แม้ในราตรีอันมืดมิด.. เมฆคลึมโลมเลีย แสงดาวยังวาววับ.. ทาบฟ้าทอประกาย… จันทราฉายแสงนวล.. มืดหมอกคลี่คลาย... อุปสรรคมลายสูญสลายไป...
จันทร์วารี บึงหนองโง้ง (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐)
๑๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เรื่องไม่เป็นเรือ่ ง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๓
แก่อีกปี.. งุงุ .. ปีใหม่ปีเก่าก็เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มคือวัยใกล้ชรา โอ้ชีวิตคิดแล้วเศร้าเจ้าตีนกา ขึนเต็มหน้าเต็มตาน่าเศร้าจัง.. ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑
๑๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ความรักซ่อนอยู่ไหน ความรักซ่อนอยู่ไหน ซ่อนอยู่ในใต้ท้องรถ โดนเหยียบโดนบีบด เพราะคนคดปดว่ารัก .. ความรักซ่อนอยู่ไหน ซ่อนอยู่ในใต้ลินชัก เสียงเต้นดังทึกทัก เพราะมีดปักกลางหลังข้า ... ความรักซ่อนอยู่ไหน ซ่อนอยู่ในใต้ชายคา ร้องร่้าคร่้าคราญหา ประดุจว่าล้าเหลือทน ....
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๕
ความรักซ่อนอยู่ไหน ซุกอยู่ในซอกถนน เปียกปอนด้วยฟ้าฝน เพราะผู้คนเหยียบย่้าย้า .... ความรักซ่อนอยู่ไหน หลบหลีกไปอยู่ในถ้า รักษาแผลที่ลึกล้า ที่ชอกช้ากับค้าหยัน ... ความรักซ่อนอยู่ไหน ซ่อนอยู่ในใต้เงาจันทร์ สักวันต้องถึงฝั่งฝัน ด้วยเชื่อมั่นรักแท้.. จะมาเยือน.. งุงุ
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๑๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
รักของกวี รักของกวีนีช้านัก กวีมักอกไหม้และไส้ขม กวียอมระทมใจตรอมตรม ยอมงายงมในรักแม้หักใน จะได้ร่้าสุราเมื่อจาบัลย์ พร่้าร้าพันคร่้าคราญหวนไห้ ถึงความรักที่จากไป แล้วจดไว้เป็นบทกวี กวีชอบอกหัก จะได้หาเรื่องกินเหล้า งิงิ กวี ! ขอยาดอง กิงมั่ง ดื่มเพื่อลืมเธอ.. งุงุ จันทร์วารี งุงุ ๔ กันยายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ดื่ม ! มาสิมา มาดื่ม เพื่อลืมโลก ทิงรอยโศกลงถังฝังลงดิน มาสิมา มาดื่ม ให้ลืมสิน น้องจะรินสุราใสให้ถ้วนหน้า เอ้า ! ดื่ม ดื่มเข้าไป กรอกลงไส้ที่ไหม้ให้ขมปร่า เอ้า ! อีกจอกตอกเข้าไปอย่าให้ช้า มัวลีลา ข้ากินหมด อดนะเออ... งุงุ มามะ เพื่อนผองน้องพี่ จันทร์วารีคนงาม งุงุ จะรินสุราให้นะค้า เอ้าชน ดื่ม เพื่อลืมเธอ งุงุ
๑๗
๑๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ธารน้าใสไหลรินจ้า... คนละจอกสองจอก เอ้า..ดื่มกันสหาย ดื่มกันคนรู้ใจแม้พันจอกมิเมามาย ยกไหสุรานารีแดง รสแรงร้อนรุ่มแต่ชุ่มใจ คนละจอกสองจอกกรอกเข้าไป แล้วร่ายกวีวิไลให้โลกฟัง มาร่วมร่า้ สุราเมรัย ร่ายกวี ..
๗ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๙
ความรัก.. อีกแล้ว.. เฮ่อเบื่อ... เมื่อรักมาทายทัก ใจคึกคักรักอ่อนหวาน โลกนีคล้ายอ้อยตาล ใจเบ่งบานปานดอกเบีย .... เมื่อระลึกใจระริก เต้นตุกติกไม่อ่อนเพลีย อยากเคียงคู่เคล้าคลอเคลีย ไม่อ่อนเปลีย.. น้อง.. เบียร์ขวด.. เฮ่อ.. ตาจะได้สว่าง ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๒๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เรื่องบ้า ๆ ฉันเป็นหญิงแท้จริงมีสมอง โปรดอย่ามองเพียงรูปกายใช่งี่เง่า โปรดอย่าคิดให้ฉันนันเป็นเงา ทดแทนเขาหรือใครไหนทังนัน
แม้ฉันนีสวยมากหน่อยจนเล็กน้อย แต่มิคอยเศษใจให้ถูกหยัน แม้จะมีความรู้สึกที่ผูกพัน แต่อย่าฝัน.. ฉันไม่ใช่ไร้ความคิด.
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
I am I : ฉันท์ ๏ หากเป็นเช่นดอกหญ้า ขอเติบกล้าในป่าไพร แต่งแต้มแซมไม้ใหญ่ แตกหน่อใบในพนา ๏ ไม่อยู่คู่เมืองหลวง เป็นด่างดวงร่วงโรยรา หาใครที่เห็นค่า เพียงเศษหญ้ารกรุงรัง
๒๑
๒๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๏ มิใช่ดอกหญ้าไหว เด็ดดมได้ตามใจหวัง แม้ดอกน้อยด้อยพลัง หยิ่งโอหังอย่าหวังเชย ๏ ดอกหญ้าพลิวไสว โลมลูบไล้ลมร้าเพย อย่าเทียบอย่าเปรียบเปรย แม้งอกเงยอยู่ริมทาง ๏ แม้เป็นเพียงดอกหญ้า กรุณาอย่าถากถาง แม้ไม่งามสล้าง แต่ก็สร้างคุณอนันต์ ๚จะ๙
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๒๓
๒๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
คือฉัน.. เป็นฉัน.. ฉันท์เอง ชีวิตฉัน ฉันคือ ผู้ลิขิต ถูกหรือผิด คือฉัน ตัดสินใจ แม้ล้มลุก คลุกคลาน สักปานใด ก็จะไม่ ให้เห็น เป็นนา้ ตา ฉันเดินอย่าง มั่นใจ ในครรลอง ฉันผยอง ในตน อย่างล้นค่า ฉันคือผู้ ยึดมั่น ในจรรยา มิได้บ้า ใบ้ไป ในสังคม
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๒๕
ฉันเคยผิด คิดพลาด เคยขลาดเขลา เรื่องเก่า ๆ เป็นครู ผู้สั่งสม คอยเตือนใจ ไม่หลง งงโง่งม มิให้ล้ม จมปลัก ที่หนักเขื่อง ไม่ทะนง หลงว่า ตัวกล้าเก่ง ไม่เคยเบ่ง ว่าฉลาด แสนปราดเปรื่อง แต่คิดเป็น เช่นผู้ผ่าน กาลร้อยเรื่อง และไม่เชื่อง เซื่องซึม ทึ่มดั่งลา.
๒๖ กันยายน ๒๕๕๐
๒๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ลมเพลมพัด...โซซัดโซเซ
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๒๗
ใครสักคน.. ใครสักคน.. ที่มองตาแล้วเห็นดาววาววับ ใครสักคน.. ทีเ่ หมือนกับฝนยามแห้งโหย ใครสักคน.. ทีเ่ พียงแค่คิดถึงก็อุ่นใจ..แม้ไม่อยู่เคียง.
๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๒๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ขอแค่หนึ่ง.. เพียงหนึ่ง.. หนึ่งเท่านัน นั่งอยู่ในหอห้องมโหฬาร อยู่ในงานรื่นเริงบันเทิงจิต มองรอบข้างนั่งอยู่คือหมู่มิตร ไฉนคิดว่าอยู่เดียวเปลีย่ วเอกา .... คล้ายดั่งโลกใบนีมีพียงเรา ความเงียบเหงาถาโถมโน้มเข้ามา โอ้กระไรใยเป็นเช่นนีหนา หรือเพราะว่าเรานีแปลกแยกคนอื่น
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๒๙
... ขอแค่หนึ่ง.. เพียงหนึ่ง.. หนึ่งเท่านัน คนร่วมฝันร่วมวันและร่วมคืน เพียงแค่หนึ่งเพื่อสบตาเมื่อยามตื่น เพื่อร่วมรื่นร่วมสุขร่วมทุกข์เศร้า ... เมื่อวันนัน.. วันนัน.. อาจไม่เปลี่ยว ไม่อยู่เดียวอยู่ดายอาจคลายเหงา อยู่ร่วมเรียงคู่เคียงเพียงสองเรา เคียงคู่เคล้าเย้าหยอก.. บอกรักกัน…
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๓๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
จันทร์เหงา... จันทร์นวลผ่องส่องคนเหงา แต่จันทร์เจ้ายิ่งเหงากว่า อยู่ดวงเดียวเปลี่ยวเอกา แสนเหว่ว้าหาเพื่อนใจ จะมีไหมใครเคียงคู่ คอยอุ้มชูอยู่เคียงใกล้ คอยปลอบขวัญคอยห่วงใย มอบอุ่นไอให้อกอุ่น
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๓๑
แม้คืนหนาวที่ยาวนาน คอยขับขานหวานละมุน กระซิบค้าน้าใจกรุ่น หายวายวุ่นครุ่นคิดฝัน จันทร์ช่างฝันแม้ฝันค้าง ยังอ้างว้างช่างน่าขัน ผ่านคืนขื่นผ่านคืนวัน จันทร์เจ้านัน.. ยังฝันไกล...
๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐
๓๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
หยาดฝนโปรย.. ฝนโปรยปรายเป็นสายนา้ ตอนย่้าค่้า มองฝนพร้าผ่านฟ้ามาเป็นสาย โอ้ใจหนอใยเหงาใจเปล่าดาย แม้นรอบกายรายล้อมด้วยผูค้ น ใยใจเจ้ายังเหงาเฝ้าร้าพึง ใจคะนึงถึงสิ่งใดใยสับสน คิดถึงใครอย่างไรให้วกวน มองสายฝนยลสายลมห่มความเหงา
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๓๓
ฟ้าก็เหงาดาวก็ดับเมฆลาลับ เพียงสดับสายฝนแผ่วแว่วเบา ๆ ท้องฟ้าหม่นทุกหนโศกโลกซึมเซา มีเพียงเรายังจ่อมเจ่าเฝ้าฝนโปรย .... ฝนหยุดแล้วแต่เรายังเจ่าจุก กอดเข่าซุกซบหน้าล้าอิดโรย ใจหวิวหวิวแผ่วแผ่วแฝงแววโหย ถูกเฆี่ยนโบยด้วยเวลาราตรีกาล.
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐
๓๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
จันทร์หม่น จันทร์หม่นในคืนเหงา เพียงเงาแห่งรอยฝัน จุดประกายให้ฝา่ ฟัน ผ่านวันอย่างอดทน
จันทร์หม่นในคืนหนาว บางคราวก็สับสน เพียงก้าลังใจจากใจตน เพื่อพ้นผ่าน.. คืนเดียวดาย…
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ บึงหนองโง้งอันเงียบเหงา
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๓๕
คืนที่ดาวกับจันทร์ล้วนหลับใหล ท่ามกลางความเงียบของค่้าคืน คืนที่ดาวกับจันทร์คล้ายไม่ตื่นจากหลับใหล มีเพียงม่านขาว บาง ๆ ของหมอกต้นฤดูหนาว เย็น อุ่น หรือหนาว ความรู้สึกคละเคล้ากันไป .. แต่สงบ สุข สุขในความ เงียบ สงบในความเหงา ใจที่สงบ... โลกทังใบก็คล้ายเงียบงัน แต่โลกยังหมุน หมุนอย่างแผ่วเบาในรู้สึก. เที่ยงคืน สินตุลาคม ๒๕๕๐ ณ บึงหนองโง้ง
๓๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
สายหมอกบาง.. บาง... ลมหนาวพัดมาอีกหนาว สายหมอกสีขาวบาง.. บาง ยอดหญ้าแวววาวน้าค้าง เยียบเย็นอ้างว้างอย่างเคย… ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๓๗
จันทร์ยังส่องแสง.. แม้อ่อนแรง… .. หากโลกมันวุ่นวาย ขอเร้นกายให้ห่าง ๆ แม้จะดูว่าง ๆ ดูอ้างว้างดูร้างรา .. ขอซุกซบสงบใจ พักผ่อนให้คลายอ่อนล้า ไม่เห็นหรอกน้าตา มีเพียงหน้าที่ปร่าปรอย .. ขอพักเพียงชั่วครู่ เพียงนั่งดูอยู่หงอย ๆ มีเพียงตาละห้อย ที่ยังคอยชม้อยมอง .. มีเรื่องให้ต้องคิด ต้องเพ่งจิตพินิจตรอง รวมทังยังขุ่นข้อง ทังเรื่องหมองที่ต้องลืม. ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐
๓๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ฟ้าวันนี.. ฟ้าวันนี.. ท้าไมช่างเงียบเหงา หรือตัวเราที่แปลกแยกออกไป หรือเป็นเราที่ต่างจากใคร ๆ ใจเอยใจใยเหงาเศร้ารอน ๆ ฟ้าวันนี.. มีหมอกมัวขาว ๆ มองดูราวฟ้าหม่นจนสั่นคลอน ใบไม้ไหวเบา ๆ ราวเหนื่อยอ่อน ดอกไม้ซ่อนดวงตาว่าบอบช้า.
๒๙ มกราคม ๒๕๕๑
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
บันทึกหน้าที่หายไป ความทรงจ้าครังวันวานผ่านเข้ามา วันเวลาเหล่านันผ่านเลยลับ ทุก ๆ สิ่งต่างล่วงเกินย้อนกลับ เพียงยอมรับกับสิ่งที่ผันผ่าน ฉันได้ปล่อยบางสิ่งวิ่งลับไป นั่นคือใจใครคนหนึ่งซึ่งพบพาน พบแล้วจากฝากเพียงค้าย้าจดจาร จดค้าหวานลงไว้ในดวงใจ ค้าฝากรักสลักจิตเมื่อคิดถึง ยามคะนึงเพียงร้าพันและหวั่นไหว โอกาสนันผันผ่านล่วงเลยไป ไม่อยากให้เป็นเช่นนีเลยนะเธอ
๓๙
๔๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
หากย้อนกลับนับใหม่ในวันล่วง จะชิงช่วงโอกาสไม่พลาดเผลอ จะถนอมกล่อมความรักฟูมฟักเสมอ ไม่ต้องเพ้อไขว่คว้ามาเพียงเงา ความทรงจ้าวันวานยังหวานหวาม ยังคอยถามคอยย้าในยามเหงา หากวันใดได้โอกาสไม่ขลาดเขลา รีบคว้าเอามากอดมาพลอดรัก. **
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ฉันรู้สึกห่อเหี่ยว.. ความรู้สึกมัวซัว... ฉันรู้สึกห่อเหี่ยวนัก.. ไม่ถึงกับเศร้า.. แต่ห่อเหี่ยว... ฉันรู้สึกผิดหวัง.. กับบางสิ่ง… ฉันรู้.. ฉันไม่สามารถแก้ไขเรือ่ งราวใดได้ เพราะมันล่วงไปแล้ว... ฉันได้แต่ซ่อมแซมจิตใจของฉันเอง และยอมรับเรื่องห่อเหี่ยวนัน… ทุกเรื่องไม่เป็นอย่างที่เราคิด... สมหวังและพลาดหวัง.. เป็นเรื่องธรรมดา ฉันรู้.. และยอมรับมัน...
๔๑
๔๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ถ้าทุกวันมีแต่เรื่องห่อเหี่ยว... ฉันคงเฉาตาย... หนึ่ง.. สอง.. สาม.. โห่ๆ ... ... ฮิว ๆ ... ... เฮ่อ.. ค่อยหายห่อเหี่ยวหน่อย โลกสดใสรอฉันอยู่... ฉันไม่อยากเฉาตายนี่นา...
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๔๓
สู้ ๆ แม้เมฆหมอกแน่นหนามาปกคลุม แม้ไฟสุมรุมเร้าแผดเผาใจ พายุพัดกระหน่้ามาซ้าใส่ ก็จะไม่ย่อท้อต่อทางฝัน. ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เท่านันเอง เดือนเพ็ญ เดือนแรม เป็นแรมเดือน ดาวเกลื่อน เคลื่อนคล้อย เป็นร้อยดาว วันเวียน เปลี่ยนไป ใจแกร่งกร้าว เหน็บหนาว เพียงหนาว เท่านันเอง.
๑๒ มกราคม ๒๕๕๑
๔๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เอาความรักมาฝาก.. คนเหงา.. คนเศร้า... ฉันเอาความรักมาฝาก ความรักจากหัวใจให้ฟรี ๆ เพิ่มความสุขสนุกทุกวันวี่ เพื่อนคนดีอย่าเศร้าอย่าเหงาใจ
ความรักจักเยียวยาให้หายเศร้า ปัดเป่าเหงาร้าวรานให้ผา่ นไป เป็นน้าทิพย์ชโลมให้ชุ่มใจ ดั่งน้าใสไหลรี่ปรี่ล้นทรวง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เห็นเพื่อนเหงาเพื่อนเศร้าก็เศร้าตาม อยากไต่ถามถึงเรื่องท้าน้าตาร่วง อยากคอยซับน้าตาทุกข์ทังปวง แสนเป็นห่วงเพื่อนเกลอเพ้อตรอมตรม
ปล่อยวางเถอะความเศร้าที่รา้ วราน ให้มันผ่านเลยไปกับสายลม ความเศร้าความเหงาความขืน่ ขม ความโง่งมฝากไปกับสายน้า
๔๕
๔๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
อรุณพรุ่งตะวันยังส่องแสง เพื่อเติมแต่งพืนพิภพให้งามล้า ความสุขอยูร่ อบตัวเราทุกเช้าค่้า ความบอบช้าเป็นเพียงรอยจดจาร
เราเกิดมาเพื่อเสพกับความสุข ความหม่นทุกข์ทิงไว้ในวันวาน ลุกขึนยืนก้าวเดินอย่างอาจหาญ เชิดหน้าอย่างชื่นบานส้าราญใจ…
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ก้าลังใจ.. จากใจ... ดูก่อนเพื่อนข้า เจ้าค้นหาความหมายใดในชีวติ เส้นทางเจ้าเป็นผู้ขีดลิขิต ถูกหรือผิดเจ้าคิดพินิจอ่าน
โลกใบนีมิได้มีแค่ล้าเค็ญ ความทุกข์เข็ญเป็นเพียงลมพัดผ่าน เราทุกคนล้วนประสบพบพาน มันคือด่านชีวิตเราทุกคน
๔๗
๔๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เมื่อเจ้าล้มจงอย่าพ่ายในชะตา จงอย่าช้าลุกขึนในบัดดล ลุกขึนสู้เรียนรู้และอดทน เกิดเป็นคนจงภูมิใจในคุณค่า
สองมือสองขาและสมอง เป็นดั่งทองต้องใช้เพื่อฟันฝ่า หนักก็เอาเบาก็สู้ทนอุตส่าห์ เพื่อเป็นกล้าของฝันในวันพรุง่ .
๓ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เหนื่อยไหม.. คนดี.. มาสิ.. มานอนหนุนตักเพื่อพักใจ .. เพื่อนรัก.. เหนื่อยนัก ก็พักก่อน มาสิ มานอน หนุนตักนี่ จะเล่า นิทาน อ่านกวี เพื่อผ่าน ราตรี ที่เหน็บหนาว
๔๙
๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
หลับตาสิ.. แล้วฝัน ถึงวันพรุ่ง ฝันถึงทุ่ง สีทอง ของรวงข้าว ดูนั่นสิ สายหมอก ดอกไม้ขาว น้าค้างพราว ราวเกล็ด ของเพชรนิล
ฟังสิ.. ฟังดนตรี คีตโลก เสียงลมโกรก โตรกธาร เซาะผ่านหิน เสียงใบไม้ บรรเลง ดั่งเพลงพิณ เสียงนกบิน ผินไป สู่ไพรสัณห์
สูดสิ.. สูดหายใจ หอมละไม ดอกไม้ป่า นานาพันธุ์ หอมแดดอุ่น กรุ่นไอดิน กลิ่นสวรรค์ ทุกสิ่งนัน หอมฟุ้ง จรุงใจ
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
รักสิ.. รักตัวเอง อย่าข่มเหง ตนตัว มัวหมองไหม้ สิ่งร้าย ๆ ปล่อยมัน ผันผ่านไป ทุกสิ่งไม่ จีรัง และยั่งยืน
ชีวิตนัน.. มันไม่แน่ มีดีแย่ ปะปน ต้องทนฝืน เช่นเรานัน ผ่านวัน และผ่านคืน อาจชื่นมื่น รื่นสุข หรือทุกข์ตรม
ตื่นสิ.. ตื่นขึนมา มองดูฟ้า เมฆาล่อง แดดส่องพรม สิ่งรอบตัว ทั่วถ้วน ล้วนน่าชม จงรื่นรมย์ กับชีวี ที่เกิดมา
๕๑
๕๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เราก้าเนิด เกิดมา เพื่อหาสุข จะมัวทุกข์ อยูใ่ ย ให้ใจล้า เกิดเป็นคน มีกรรม เป็นธรรมดา เป็นคนดี มีค่า อย่ากลัวกรรม
เพื่อนรัก.. ลุกขึนสิ ลุกขึนยืน แม้จะฝืน ฟื้นตัว อย่ากลัวช้า ก้าวขาสิ.. ก้าวช้า ๆ อย่าถล้า โลกงามลา้ ก้าลังคอย พร้อมรอยยิม.
๑๐ กันยายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ชีวิตเดินทาง
๕๓
๕๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เสียงสนบนภูสอยดาว ย่้าเดินไปในวันฟ้าสดใส เปี่ยมด้วยใจหมายมุ่งสู่ขุนเขา ที่แห่งนันคือที่หมายแห่งผองเรา ด้วยวัยเยาว์จึงมีแรงแฝงความฝัน ..
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ย่้าสะดุดลื่นไถลใจยังสู้ ด้วยใจรู้เสียงสนอยู่ที่แห่งนัน หยาดเหงื่อไหลไคลย้อยก็มิหวั่น แม้เขาชันมิครั่นคร้ามมิน้าพา .. สายลมโลมลูบไล้ผิวกายเนือ ระรินเรื่อกรุ่นกลิ่นถิ่นบุปผา แมลงน้อยแข่งกันร้องก้องพนา เหล่านกกาประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน .. คลื่นขุนเขาเขียวขจีถึงที่หมาย ความเหนื่อยกายหายไปมลายพลัน โอ้นี่หรือคือแดนดินถิ่นสวรรค์ แดนแห่งฝันหรือไฉนใครบอกที ..
๕๕
๕๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
มวลดอกไม้ชูช่อล้อลมเล่น สนสูงเด่นเป็นสง่าเปล่งราศรี "ดุสิตา" งามยิ่งงามทวี หงอนนาคปรีเปรมสมอารมณ์รื่น .. สุริยาอัสดงลงเหลี่ยมเขา สวยแสงเงาทาบทับกับแผ่นพืน จันทราส่องนภาเกลื่อนดาวดาษดื่น แสนชื่นมื่นอิ่มหัวใจเกษมสันต์ .. นั่งล้อมรอบกองไฟขับไขขาน ร้องต้านานพงไพรและไฟฝัน ต่างแลกเปลี่ยนความในใจกันและกัน จิบน้าจัณฑ์ขับสังคีตยลจันทรา ...
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๕๗
ดึกสงัดสายลมแผ่วแว่วเสียงสน แว่วเสียงดนตรีไพรไพเราะหนา ซาบซ่านทรวงอิ่มเอมในอุรา โอ้นิทรานีสุขแสนดั่งแดนสรวง ... เสียงธารเซาะซอกหินระรินไหล ขับกล่อมไพรพงพนาป่าทังปวง หรีดหริ่งร้องเรไรรับสลับช่วง เวลาล่วงเลยฝันสู่วันใหม่ ... สวัสดี.. ม่านหมอก.. ดอกไม้งาม วิบวับวามหยาดน้าค้างพร่างไผท ธรรมชาติสร้างโลกสวยสดใส ป่าดงไพรเป็นของเราเฝ้ารักษา...
๕ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๕๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ก้าสรด.. ผู้กล้า... แว่วเสียงเพลงพญาโศก แว่วเสียงโลกโศกก้าสรวล ความอาดูรสินสูญอบอวล คร่้าครวญหวนไห้อาลัย .. พี่จ้าจากแล้วเจ้าแก้วตา จากลูกยายอดดวงใจ จากไปยังถิ่นแดนไกล ทังที่ใจยังห่วงนัก .. ที่ได้จากเพราะหน้าที่ พลีชีพนีเพื่อปกปัก เพื่อคุ้มครองและอารักษ์ เพื่อพิทักษ์แผ่นดินเรา
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
.. พี่ฝากพ่อและแม่ ฝากดูแลท่านแก่เฒ่า ช่วยปลอบโยนจนคลายเหงา คลายความเศร้าวอนเจ้าเอย... .. ลูกรักพ่อจ้าพราก พ่อไม่อยากจากเจ้าเลย อยากถนอมกล่อมอย่างเคย โอ้ลูกเอ๋ยพ่อจ้าจร .. จงเชื่อฟังค้าแม่เตือน อย่าแชเชือนค้าแม่สอน รักบ้านเกิดและเมืองนอน เอืออาทรกันและกัน ..
๕๙
๖๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
พี่ขอลาทุก ๆ คน เพื่อสู่หนทางสวรรค์ อดกลันความจาบัลย์ วันหนึ่งนันจักพบพาน... ... สองมือยกประณต เพื่อยอยศผู้กล้าหาญ กราบด้วยจิตด้วยวิญญาณ ขอสักการด้วยส้านึก.. ในบุญคุณ...
คารวาลัยทหารกล้า ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
บินหลาเจ้าจงโบกบินสู่ศานติ ได้สดับรับข่าวเรื่องราวร้าย แล้วใจหายกับภัยปลายด้ามขวาน เหล่าพี่น้องของไทยถูกภัยพาล ถูกรุกรานผลาญชีวีถูกบีฑา
๖๑
๖๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ชีวิตร่วงหล่นกราวราวใบไม้ ปลิดร่วงไปเหมือนไร้ในคุณค่า เลือดเพื่อนผองต้องนองพสุธา หยาดน้าตาต้องหยดรดแผ่นดิน
มีชีวิตอยู่ท่ามความหวาดหวัน่ อกก็สั่นขวัญผวาน้าตาริน ตายอย่างไร้ความผิดชีวิตภินท์ ต้องแดดินสินไปกับภัยร้าย
นานแค่ไหนเมื่อใดอย่างไรเล่า ความโศกเศร้าเหล่านีจะลีหาย ความประหวั่นพรั่นพรึงถึงจะคลาย หมอกสลายวายสินจากถิ่นทอง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๖๓
สวดมนต์อ้อนวอนสิ่งที่สิงสถิตย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกหล้าทิศาผอง โปรดจงช่วยปกปักพิทักษ์ครอง เหล่าพี่น้องของไทยจากภัยพาล
ให้อยู่ดีมีสุขกันทุกคน ให้เปี่ยมล้นระคนสุขสนุกสนาน ทุกข์ใด ๆ อย่าได้มาแผ้วพาน ยิมเบิกบานสราญทั่วทุกครัวเรือน.
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐
๖๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
รุ้งกินน้า... พายัพฝนลับหายที่ปลายฟ้า รุ้งงามตาอวดโฉมโพยมหน มองรุ้งมองฟ้าช่างน่ายล รุ้งแสนกลพาดฟ้ามาจากไหน แม่บอกว่าเทวดาท่านหิวน้า รุ้งงามล้าจึงอาสาพาน้าใส ให้เทวดาท่านดื่มจนจุใจ รุ้งจึงได้.. กินน้า.. ตามนีเอย... ......
นิทานก่อนนอนตอนเป็นเด็ก....
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๖๕
เช้าใส ๆ เช้า ๆ ฉันตื่นขึนมาท้ากับข้าวใส่บาตร วันนีฉันท้าไข่เจียวเลิศรส (คิดเอง งุงุ) อากาศยามเช้า ช่างสดชื่นนัก มองออกไปที่แปลงดอกไม้ที่ฉันลงแรงปลูก ดอกพุดพิชญาออกดอกขาวสะพรั่ง ตัดกับบรรยากาศขมุกขมัวของยามเช้า ลมเย็น ๆ พัดมาเอื่อย ๆ ... สุขใจจัง... พระมาแล้ว.. ฉันใส่บาตรด้วยความอิ่มเอิบ แล้วก็คิดว่า… พรุ่งนีจะท้าอะไรใส่บาตรดีนะ ไข่ต้ม หรือ ไข่ดาวดีนะ ก็ฉันท้าเป็นแค่นีนี่นะ งุงุ สงสารพระจังได้กินแต่ไข่..
เช้ามืด, ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
๖๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ก้าวย่างอย่างมั่นในฝันใฝ่ จุดไฟฟอน ไฟฝัน ให้ลุกโชน แล้วกระโจน โผนไป ให้สุดตัว เดินไปสู่ ประตูฝัน อย่าหวัน่ กลัว อย่ามามัว ชักช้า กล้า ๆ หน่อย
แล้วเงยหน้า มองฟ้า ท้าชะตา ตังจิตว่า ข้านี ไม่มถี อย แม้ความฝัน นันใคร ว่าเลื่อนลอย แล้วจงคอย ดูว่า ข้าท้าได้
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๖๗
ทางข้างหน้า ข้ารู้ ว่าล้าบาก แต่ก็อยาก ลองดู เพื่อรู้ไว้ มัวมานั่ง นอนรอ งอมือไม้ คงจะไม่ ไปถึง ซึ่งฝั่งฝัน
ข้าต้องท้า ต้องท้า ท้าให้ได้ ข้าจะไม่ ลังเล ไม่เหหัน ข้าจะเดิน เดินไป อย่างใจมัน่ ข้าจะหมั่น ขยันเพียร เรียนรู้งาน.
๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
๖๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ปีกฝัน ปีกแห่งฝันกระพือให้ลือเลื่อง ขับฟันเฟืองเฟื่องไปสู่ปลายฝัน แม้ยากเย็นเข็ญใจก็ไม่หวั่น จะบากบั่นฟันฝ่าไปคว้ามา
ก้าแพงฝันนันสูงสักแค่ไหน สูงเสียดฟ้าเพียงใดไม่คณนา จะปีนป่ายไม่หยุดด้วยอุตส่าห์ แม้อ่อนล้าเพียงใดแต่ใจแกร่ง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๖๙
ชีวิตนีมีฝันอันโชติช่วง ดุจดั่งดวงตะวันอันโชนแสง อย่าท้อถอยปล่อยใจให้อ่อนแรง อย่าคลางแคลงตัวตนของตนเอง
แม้จะล้มก็เพียงล้มใช่จมปลัก จะตระหนักสักวันอย่าหวั่นเกรง หนึ่งสมองสองมือสองขาตาเพ่ง แล้วรีบเร่งสานฝันให้บันลือ.
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๐
๗๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
รักสามฤดู ความรักยามร้อนแล้ง รักร้อนแรงดั่งแสงสูรย์ เมื่อใจรักต้องเกือกูล ต้องเทิดทูนคุณค่ากัน .. ความรักยามฝนพร้า รักชุ่มฉ่้าเกษมสันต์ ความรักจักนิรันดร์ หากแบ่งปันธารน้าใจ ..
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๗๑
ความรักยามหนาวเนือ ต้องเอือเฟื้อรักอุ่นไอ ความรักคือการให้ ให้อภัยใหญ่ยิ่งนัก .. ความรักจรรโลงโลก ปัดความโศกและปกปัก เยียวยาและพิงพัก เรามารักกันและกัน…
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐
๗๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เคียงจันทร์ คือจันทร์จวงดวงน้อยลอยกลางหาว คือดวงดาวระย้าย้อยเป็นสร้อยศรี เรียงเป็นสายประดับฟ้าในราตรี แล้วร่วมส่องต้องนทีนีด้วยกัน คือจันทร์เพ็ญเย็นผ่องต้องลมหนาว แสงนวลขาวพราวตาคล้ายว่าฝัน นิ่งสงัดเย็นเยียบและเงียบงัน เจ้าจวงจันทร์นันจริงหรือสิ่งลวง
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๗๓
คือจันทร์เสียวเดียวดายอยูป่ ลายฟ้า ดวงดาราหลบเร้นไม่เห็นดวง ทอแสงอ่อนซ่อนใจในหุบห้วง คล้ายดั่งทรวงกลวงเปล่าเหงาฝืดเฝื่อน
คือจันทร์แจ่มแอร่มฟ้าต้องวารี ในราตรีที่ดาวสกาวเกลื่อน เกี่ยวดาราเป็นสร้อยร้อยเคียงเดือน ให้เป็นเพื่อนร่วมเรียงเคียงคูก่ ัน.
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐
๗๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เพียงรัก... ฉันเฝ้าดูเธอด้วยนึกรัก เพียงทักทายกันฉันชื่นใจ คล้ายมีเธอเคียงอยู่ใกล้ ๆ แท้จริงห่างไกลสุดปลายฟ้า
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๗๕
ฉันเฝ้าถามไถ่ห่วงใยเธอ ใจฉันยิ่งเผลอละเมอหา ฉันยิ่งตัดใจไม่ไขว่คว้า แต่ว่าดวงใจยิ่งใฝ่ฝัน
ฉันเฝ้าดูเธออยู่ห่าง ๆ มองดูช่องว่างที่กางกัน ดูความเหลื่อมล้าระหว่างกัน แยกฉันแยกเธอให้ห่างไกล
เพียงแอบรักเธออยู่อย่างนี อยู่ในที่ของเราแม้เหงาใจ เพียงเฝ้ามองเธออย่างห่วงใย เท่านีก็สุขได้ในใจเรา. ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑
๗๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
กว่าจะรู้ซึงถึงค้าว่ารัก... กว่าจะรู้ซึงถึงค้าว่ารัก เวลาจักล่วงผ่านมานานวัน กว่าจะเรียนรู้ม่านมายาฝัน กว่าจะรู้เท่าทันในตัณหา
ทุกสิ่งนันไม่พ้นกฎไตรลักษณ์ เมื่อทุกข์หนักต้องพินิจด้วยปัญญา เกิดดับของรูปนามตามยถา พินิจพิจารณาอย่ายึดมั่น
คนเราทุกข์เพราะยึดถืออุปาทาน คอยเรียกขานความคิดผิดคลองธรรม์ ใช้ปัญญาเมตตาและฝ่าฟัน ถ้าตัดมันออกไปได้ใจสุขี
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เป็นมนุษย์ตัดขาดรักนันไม่ได้ แต่รักให้ถูกทางถูกวิธี จิตใจจะอิสระมีเสรี เมื่อชีวีไม่เป็นทาสของอารมณ์
ความรักนันงดงามอยู่เสมอ แม้ต้องเจอความเศร้าเข้าถาถม แม้ต้องพรากจากคนรักรักขื่นขม แม้ระทมความรักยังงดงาม
แต่ก็ยังประเสริฐกว่าความเกลียด ความแค้นเคียดเบียดเบียนและเหยียดหยาม ดุจไฟฟอนสุมขอนร้อนลุกลาม ทุกโมงยามรุมเร้าและเร่าร้อน
๗๗
๗๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เราพบกันเพื่อจากพรากทุกคน หลีกไม่พ้นหรอกหนาอย่าผัดผ่อน เมื่อได้พบจงรักและอาทร เมื่อจากจรจดจ้าน้าใจไมตรี
เพราะรักยังอยูใ่ นใจเสมอ การพบเจอหรือจากพรากวิถี หาส้าคัญไม่ในชีวี คุณความดีพึงระลึกพึงจดจ้า
เมื่อคิดว่าตัวรักจงถามใจ ถามความในความคิดพินิจค้า ว่ารักด้วยเมตตาหรือราคะง้า รักถล้ารักระแวงแฝงหวาดหวั่น
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๗๙
ความรักคือเมตตาปรารถนาดี คือไมตรีที่ไร้ขอบเขตกางกัน คือความเอืออาทรคอยแบ่งปัน คือผูกพันกันด้วยใจใช่ร่างกาย
แสงสว่างแห่งรักจักฉายส่อง แม้ชีพต้องม้วยไปตายเวียนว่าย ความรักมิจืดจางและเหือดหาย มิสลายไปกับกาลเวลา.
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๐
๘๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เขียนสิ เขียนบทกวีที่งดงาม บทกวีที่ถูกเขียนด้วยกวี ย่อมงดงามและล้าลึก เขียนตามที่ใจอยากจะเขียน เพราะบทกวี คือ บทกวี
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๘๑
บทกวี งดงาม ในบทกวี ความรัก งดงาม ในความรัก เพราะความรักนันงดงาม จึงมีบทกวีที่งดงาม มองสิ มองความรักให้งดงาม เขียนสิ เขียนบทกวีที่งดงาม
บทกวีหวานอุ่นละมุนละไม ออกจากใจส่งไปอีกใจหนึ่ง เรียงร้อยถ้อยค้าที่ลึกซึง ตราตรึงหัวใจให้หวานหวาม.
๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐
๘๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
อรุโณทัยแห่งชีวิต… ความหวัง เรืองรอง ร้าไร ลิบ ๆ โน่นไง ไขว่คว้า สองเท้า ก้าวไป ไม่ชา้ เบืองหน้า ฟ้าใหม่ ใจสู้
ความหวัง พลังใจ ใหญ่ยิ่ง ทุกสิ่ง เพียงหวัง หวังอยู่ ทุกสิ่ง พากเพียร เพียรรู้ มุ่งสู่ หนทาง สร้างฝัน
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๘๓
บนทาง ขวากหนาม ทิ่มต้า ชอกช้า เหยียบย่้า หยามหยัน ยืดอก ยกไหล่ ไม่หวั่น ฝ่าฟัน เพื่อฝัน วันพรุ่ง
มองสิ มองฟ้า กว้างกว่ากว้าง เดินสิ เดินทาง อย่างใจมุ่ง ยิมสิ ยิมรับ กับยามรุ่ง โอบสิ โอบรุ้ง ที่คุ้งฟ้า.
๑๗ กันยายน ๒๕๕๐
๘๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ลมยังโบก.. โลกยังอุ่น… อย่าวุ่นวายสับสน หมุนวนไปตามโลก ความสุขและความโศก คล้ายลมโบกชั่วครู่ยาม เรียนรู้ชีวิตด้วยชีวิต เรียนรู้พิศโลกให้งดงาม แหงนมองฟ้า ฟ้ายังคราม ดาวยังวามจันทร์ยังนวล.
๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ในแสงจันทร์
๘๕
๘๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ความเงียบ ความเงียบดูเหมือนจะเป็นใจ ให้เราร้องไห้อย่างเงียบงัน...
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ในท่ามกลางความไม่สงัด ในท่ามกลางความไม่สงัด แต่ฉันคล้ายโดดเดี่ยวเพียงคนเดียว ความรู้สึกที่แปลกแยก บางครังท้าให้สงัดกว่าสงัด.. ยิ่งสงัด...
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐
๘๗
๘๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ฝนตกอีกแล้ว... ฝนตกอีกแล้ว... ชอบนะฝน.. แต่เหงา… ท้าไมเราต้องรู้สึกเหงาเมื่อฝนตก หรือมนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ของความเหงา เราเหงามาตังแต่เกิดจริง ๆ มาอย่างมือเปล่าและไปอย่างเปล่าดาย...
๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เด็ดเดี่ยว เดียวดาย
หนทางยิ่งไกล ทุกข์ยิ่งมาก.. มีชีวิต ท่านต้องเด็ดเดี่ยว แม้จะเดียวดาย..
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๐
๘๙
๙๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ยืนหยัด แม้ชีวิตจะเป็นเช่นไร ขอน้อมรับไว้ด้วยใจทะนง จะยืนหยัดอย่างอาจอง มั่นคง ในจิต ลิขิตเอง.
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ลืมเสียเถิดความหลังครังร้าวราน
ลืมเสียเถิดความหลังครังร้าวราน ลืมเสียเถิดวันวานที่ผ่านมา ลืมเสียเถิดความเศร้าอย่าเฝ้าหา ลืมเสียเถิดดาราอย่าอาวรณ์.
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐
๙๑
๙๒
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
อยากลองรักดูสักหน อยากลองรักดูสักหน ไม่กังวลผลที่ได้ แม้อกหักก็ไม่ตาย ดีกว่าไร้หัวใจรัก..
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ดาว ดาวกระพริบวิบวามอยู่ท่ามนภา นวลกัลยาเพียงมองดาวส่องแสง ดาว คือดาว เป็นดาวที่พราวแจ้ง แต้มเติมแต่งฟากฟ้ายามราตรี.
๔ ตุลาคม ๒๕๕๐
๙๓
๙๔
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
จันทร์กับดาว จันทร์ดวงน้อยลอยคว้างอยูก่ ลางหาว ในราตรีที่หนาวช่างเหงาหงอย ผ่านกาละเวลาที่เคลื่อนคล้อย มีเพียงดาวดวงน้อยคอยปลอบใจ.
๒ ตุลาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๙๕
ในค้าว่า "รัก" ๑ ในค้าว่า "รัก" ขอจงมีความเชื่อมั่นต่อรัก.
๑๑ กันยายน ๒๕๕๐
ในค้าว่า "รัก" ๒ ในค้าว่ารัก มีคา้ ว่าคิดถึงด้วย... ๙ กันยายน ๒๕๕๐
๙๖
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
มาลาร้อยเรียงเคียงใจ มาลาร้อยเรียงเคียงใจ จักไม่โรยราร้างรอ ร้อยเรียงเพียงรักถักทอ ไม่ห่อเหี่ยวแห้งแล้งโรย.
๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เพียงฤดีเดียว ฤดูมีสามฤดู.. แต่ฤดีมีเพียง.. ฤดีเดียว..
๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐
๙๗
๙๘
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
คือชีวิต.. พบพราก นี่คือชีวิต.. ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๐
สัจจะ - มายา สัจจะคือมายา.. มายาคือสัจจะ... เรามีชีวิตอยู่ท่ามกลางมายา.. นั่นคือสัจจะ...
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ในรูป ข้าก็คือ “ธาตุแห่งความว่างเปล่า”
๓ ธันวาคม ๒๕๕๐
๙๙
๑๐๐ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ไม่มีใครใจร้ายในความรัก ไม่มีใครใจร้ายในความรัก เป็นเพียงปลักน้าใจในช่วงหนึง่ ได้แต่เก็บไว้ในห้วงคะนึง ซุกอยู่ในก้นบึงตรึงหัวใจ ทุกชีวิตต่างลิขิตหนทางเดิน แล้วเผชิญในสิ่งที่เลือกไว้ แม้หนทางนันช่างแสนยาวไกล แต่ชีวิตนันไซร้ใช่หยุดเดิน.
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ใจรัก ขอเพียงดวงใจมีรกั .. แต่ต้องรักอย่างมีสติ.
๙ มีนาคม ๒๕๕๑
๑๐๑
๑๐๒ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
อย่าใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย
อย่าใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยนะคะ หมดแล้วหมดเลย.
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เขียนกถา เขียนชีวิตผ่านอักษร เป็นบทกลอนสอนใจให้ตระหนัก เขียนถึงโลกโศกเศร้าเคล้าด้วยรัก ด้วยใจภักดิ์อักขระภาษาศาสตร์.
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๐
๑๐๓
๑๐๔ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ชวนอ่านหนังสือ : I, Phoolan Devi พูลาน เทวี นางพญาโจร และ สวนสัตว์- สุวรรณี สุคนธา
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๐๕
มีหนังสือสองเล่มที่อยากให้เพื่อน ๆ อ่าน เรื่องแรกค่ะ I, Phoolan Devi : พูลาน เทวี นางพญาโจร เป็นเรื่องราวของผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งเกิดมาใน วรรณะศูทรที่ต่้าต้อย พูลาน เทวี ถือก้าเนิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เธอเป็นลูกสาวของครอบครัวชาวนาที่ยากไร้ ตามขนบของพืนถิ่นอินเดียที่เธอสังกัด ผู้หญิงวรรณะต่้าไม่ เพียงต้องสยบต่อผู้ชายวรรณะเดียวกันเท่านัน อีกทังยังไร้ ปากเสียงอย่างสินเชิงเมื่อถูกย่้ายีหมิ่นหยามโดยผู้ชายใน วรรณะที่สูงกว่า
พูลาน เทวี เธอได้ผ่านคืนวันอันโหดร้ายทังจากความ หิว ความเหียมเกรียมของเพศตรงข้าม ซึ่งเขาเหล่านัน กระท้าทารุณกรรมคล้ายกับเธอไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง ทังทุบ ตี ด่าทอ และรุมโทรมข่มขืนเธอ แห่ประจานเธอ
๑๐๖ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
แล้ววันหนึ่งเธอได้กลายเป็นหัวหน้าโจร แต่เธอไม่ใช่โจร ธรรมดา เธอกลายเป็นเจ้าแม่ของคนทุกข์ยาก ปล้นคน รวยมาแจกคนจน ใช้กองก้าลังที่ มีอยู่ไปสะสาง ความอยุติธรรมอย่างเฉียบขาด ตัดเครื่องเพศผู้ชายที่ชอบ ข่มเหงรังแกผูห้ ญิง (สมน้าหน้า) แต่ทุกข์ยากของเธอก็ไม่หมดไป หรือไม่เคยหมดสินเลย เมื่อเธอถูกตามล่าโดยเจ้าหน้าที่ต้ารวจ เฉียดความตาย หลายครังและสูญเสียชายคนรักไป ต้องอดอยากอยู่ในป่า คนเดียว เป็นเวลาหลายเดือน และถูกกลุ่มโจรด้วยกันหัก หลัง ย่า้ ยีเธอและพาคนทังหมู่บ้านมารุมโทรมข่มขืนเธอ จับเธอเปลือยร่างแห่ประจานเป็นเวลาหลายวัน แต่พูลาน เทวี ก็อยูร่ อดมาได้ราวหัวใจท้าด้วยเหล็ก เพชร ทุกครังที่ล้มลง เธอสามารถลุกขึนมายืนได้ และ ยังคงรณรงค์ปฏิวัติชนบทอินเดียด้วยวิถีแห่งปืน จนกระทั่ง รัฐบาลอินเดียต้องขอเจรจากับเธอ เมื่อฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี ร่างกายฉันร้อนผะผ่าวไป ด้วยความเกลียดชัง เกลียดชังเพศผู้เสียเหลือเกิน ท้าไม
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๐๗
ผู้หญิงจึงถูกข่มเหงรังแก ในเมื่อผู้หญิงคือเพศผู้ให้ก้าเนิด ฉันเกิดใต้ร่มพุทธศาสนาที่สอนฉันว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ ของลูก แต่ท้าไมประเทศที่เป็นต้นก้าเนิดพุทธศาสนา จึง ข่มเหงย่้ายีผู้หญิงนัก ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับอินเดียมาบ้าง แต่ ฉันไม่คิดว่ามันจะโหดร้ายขนาดนี ท้าไมผู้ชายเหล่านันจึง เห็นผู้หญิงเป็นเพียงแค่เศษเนือก้อนหนึ่งเท่านันเอง วัฒนธรรมและประเพณีที่เค้าก้าหนดขึนล้วนเกิดขึนจาก ความเห็นแก่ตัวของเพศชาย ผู้หญิงเป็นเพียงเพศที่ถูก กระท้าเท่านันหรือ หนังสือเล่มนี มันไม่ทิงไว้เพียงรอยเกลียดชังเท่านัน แต่ยังเป็นสิ่งที่สร้างพลังใจให้ทุกครังที่หยิบมาอ่าน มัน สอนฉันว่า ชะตาฟ้าเป็นผู้ลขิ ิต แต่ชีวิตเป็นเราลิขิตเอง ถ้า พูลานเทวีเลือกที่จะนิ่งเงียบ ยอมรับชะตากรรม หรือไม่ก็ ตาย ๆ ไป เรื่องเหล่านีคงไม่เกิดขึน แต่เธอหายอมไม่ เธอต่อสู้เพื่อมีชีวิตที่เท่าเทียม เพื่อให้โลกรูว้ ่าเธอก็เป็นคนมี ชีวิต หาได้เป็นเศษซากก้อนเนือเน่า ๆ ไม่ ส้าหรับคนที่มีความสุขมีพร้อมทุก ๆ อย่างแล้ว ก็ อาจจะหันกลับไปมองดูเพื่อนร่วมโลกคนอื่น ๆ ที่ก้าลังตก
๑๐๘ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ยาก อาจก่อให้เกิดความเห็นใจ คิดช่วยเหลือเกือกูลกัน และต่อต้านความรุนแรงที่เกิดกับเด็กและสตรี ซึ่งเกิดจาก น้ามือของผู้ชาย ผู้หญิงมีความเท่าเทียมกับผู้ชายทุก ประการ ส้าหรับคนที่เป็นทุกข์ ลองถามตัวเองว่า ทุกข์ นันเป็นที่สุดแล้วหรือ มีคนที่ทุกข์ยากล้าบากกว่าเรา หรือไม่ ล้มแล้วลุกขึนมาต่อสู้กับมัน อย่ายอมแพ้ต่อ โชคชะตา เพราะหากเรายอมแพ้ นันหมายถึงเราจะหมด สินทุกสิ่ง เราเป็นผู้กา้ หนดชีวิตของเราเอง.
“สิ่งที่คนอื่นเรียกว่า อาชญากรรม ฉันเรียกมันว่า ความยุติธรรม” พูลาน เทวี
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๐๙
เล่มที่สองค่ะ เป็นหนังสือรวมเรื่องสันชื่อ "สวนสัตว์" โดย สุวรรณี สุคนธา
หนังสือเล่มนี ฉันได้มาเป็นเจ้าของนานมากแล้วค่ะ อ่านเมื่อยังเป็นเด็ก และก็ชอบมากค่ะ เพราะเป็นหนังสือที่ อยู่ในความทรงจ้า แต่ใช้เวลานานโขในการค้นหา งุงุ หนังสือเล่มนี เป็นเรื่องราวสมัยเด็กของคุณสุวรรณี เธอเขียนถึงสัตว์เลียงที่เธอรัก และเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ ร้าลึกถึงอดีตที่อบอุ่น เมื่อหวนคิดถึงคราใดก็อดที่จะมี ความสุขไม่ได้ เมื่อฉันได้อ่านเรื่องนีครังแรก ฉันอยากได้ต้น สารภี มาปลูกที่ลานบ้านของฉันบ้าง ฉันอยากจะเห็น เกสรสีทองของดอกสารภี อยากได้กลิ่นหอม ๆ ของมัน แต่ฉันก็ไม่มีสามารถค่ะ เพราะฉันยังเด็กเกินไปที่จะหาต้น
๑๑๐ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
สารภีมาปลูกได้ รอบ ๆ บ้านฉันมีแต่ต้นมะม่วงต้นใหญ่ ๆ และต้นมะตูม แต่ก็ดีนะคะ กินได้ด้วย งุงุ หนังสือเล่มนีถือได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจของฉันเลย
ฉันมีความรู้สึกว่าอยากเป็นนักเขียนเมื่อฉันอ่าน หนังสือเล่มนี หนังสือที่เล่าเรื่องราวได้อย่างเห็นภาพ นะคะ
ฉันมีนามปากกาด้วยนะ แต่ฉันไม่บอกหรอกว่า อะไร อายง่ะ งุงุ แต่ว่าความฝันในวัยเด็กก็จมหายไปกับ ช่วงเวลา เพราะแต่ละช่วงของวัยความฝันของเด็กก็จะ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ฉันก็เช่นเดียวกันค่ะ และเมื่อไม่นานมานี ฉันได้มีโอกาสอีกครังใน การที่จะเดินตามรอยฝันรอยเดิมของฉัน ความฝันในวัย เด็กของฉันได้กลับมาอีกครัง มันคงไม่สายเกินไปใช่ไหมคะ.. ที่จะฝันอีกครัง..
จันทร์วารี ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
แม่…พระอรหันต์ของลูก...รักแม่ค่ะ นับจากพ่อจากพวกเราไป... แม่ก็เป็นทังพ่อและแม่ให้กับลูกสาวทัง ๔ คน ลูก ๆ ก้าลังอยู่ในวัยเรียน แม่เข้มแข็ง.. แกร่ง..
๑๑๑
๑๑๒ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
แม่ซ่อนน้าตาอย่างมิดชิด... ซ่อนความรวดร้าวหวาดหวั่นไว้ที่ก้นบึงของหัวใจ และแม่ก็ลุกขึนมาสู้.. สู้เพื่อลูก ๆ แม่บอกว่า แม่ต้องมีชีวิต เพื่อชีวิต.. .. ชีวิตของลูกทัง 4 เราต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน แม้เราจะล้าบาก แต่เราจะอดทน อดทนเพื่อวันพรุ่งนี.. วันพรุ่งนีเราจะดีขึน… แม่บอกว่า เราจะต้องมีความหวัง อย่าสินหวัง เพราะการสินหวังจะท้าให้เราตาย แม่ต้องท้างานหนักเพื่อลูก.. แม่อยากให้ลูกเรียนหนังสือมีความรู้สูง ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องล้าบากเหมือนแม่..
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๑๓
แม่บอกว่า.. ความสุขของแม่ คือการได้เห็นลูกมีความสุขและมีอนาคตที่ดี แม่ไม่ยอมแต่งงานใหม่ ทังที่แม่เป็นคนสวย และมีคนมาชอบแม่มากมาย แม่บอกว่า แม่กลัวว่าผู้ชายคนนันจะมารังแกลูกของแม่ และแม่ก็รักลูก ๆ ของแม่มากกว่าใครไหน ๆ ความรัก.. ความเสียสละที่แม่มีต่อลูก ๆ ท้าให้ลูกทุกคนซาบซึงและเห็นถึงคุณค่าของความรัก ลูกทุก ๆ คนจึงเป็นเด็กดี ตังใจเรียนหนังสือ เพื่อตอบแทนความรักของแม่... แม้มันจะน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับสิ่งที่แม่ท้าเพื่อลูก ๆ ทุกวันนี ลูก ๆ ของแม่มีงานท้ากันทุกคน และเรายังอยู่ด้วยกัน.. ดูแลกันและกัน…
๑๑๔ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
ฉันกอดแม่ หอมแก้มแม่ จูงมือแม่เดินซือของ เพราะฉันไม่รู้ว่าเราจะตายจากกันเมื่อใด และฉันไม่อยากจะเสียใจ.. หากมาหวนคิดอีกครังว่า ฉันท้าอะไรเพื่อแม่หรือยัง เพราะวันนันมันอาจจะสายเกินไป ที่ฉันจะได้ท้าอะไรเพื่อแม่... รักแม่ค่ะ... ลูกสาวคนที่สามของแม่...
จันทร์วารี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๐
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๑๕
..วันเกิดของลูก คือวันที่แม่เจ็บเจียนตาย.. แม่ที่รักยิ่งของลูก แม่คะ.. เมื่อตอนเป็นเด็กลูกเคยแอบน้อยใจว่า ท้าไมลูกถึงไม่มีงานวันเกิดเหมือนกับเพื่อน ๆ ของลูก ไม่มี ของขวัญ ไม่มีเค้ก มีแต่แม่และความเงียบ วันนันลูกไม่ เข้าใจค่ะ และเมื่อลูกทวงถาม แม่ก็อธิบายให้ลูกฟังว่าวันที่ ลูกถือก้าเนิดคือวันที่แม่ต้องแลกชีวิตด้วยชีวิต แม่ตอ้ ง เจ็บปวดที่สุด วันนันคล้ายกับเส้นเอ็นพัน ๆ เส้นของแม่ ต้องขาด ร่างกายเหมือนจะฉีกออกเป็นชิน ๆ เลือดที่ ต้องหลั่ง ความเจ็บปวดเจียนตาย เพราะการถือก้าเนิด ของลูก
๑๑๖ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
เมื่อลูกได้ฟังลูกต้องน้าตาไหล แม่เจ็บปวดขนาด นันเพื่อลูกเลยหรือ แม่ต้องเสียสละขนาดนันเพื่อลูกเลย หรือ แล้วลูกคนนีตอบแทนความเจ็บปวดของแม่อย่างไร บ้าง แม่คะ.. ลูกรู้แล้วค่ะว่า วันเกิดลูกสมควรจะเป็น วันที่ลูกควรท้าอะไรเพื่อแม่ มิใช่ให้แม่ท้าอะไรให้ลูกอีก เพราะแม่ได้ให้ชีวิตให้เลือดเนือแก่ลูกมาแล้ว ลูกไม่ต้องการ ของขวัญ ไม่ต้องการเค้ก ไม่ต้องการงานวันเกิดอีกแล้วค่ะ แม่ …. วันแม่ปีนี ลูกได้ไปบวชชีพราหมณ์เพื่อตังจิต ภาวนาอุทิศบุญกุศลแด่แม่คนดีของลูก ลูกอยากเห็นแม่มี ความสุข และลูกก็รู้ว่าแม่มีความสุขค่ะ เพราะความสุขของ แม่ คือความสุขของลูก แม่สอนลูกเสมอว่าการให้ที่ ประเสริฐที่สุดคือการให้ธรรมะ แม่จึงพาลูกไปวัดฟังธรรม และบวชชีพราหมณ์อยู่เสมอ
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
๑๑๗
แม่คะ.. วันนีเป็นวันคล้ายวันเกิดของลูก.. ลูกขอ ตังจิตอธิษฐานขอพรอันประเสริฐ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ จงมีแด่แม่และอยู่เป็นมิ่งขวัญกับลูกไปนาน ๆ ลูก ไม่ต้องการของขวัญอื่นใดนอกจากความสุขของแม่ค่ะ.
รักแม่ค่ะ จันทร์วารี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๐
๑๑๘ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
นิคมธรรม.. สวัสดี แสงใจ แสงทองอร่ามล้า แสงส่องสู่โลกหล้า แสงกระจ่างจับตา แสงผ่องแผ้วอะเคือ
ปลายฟ้า อุ่นเอือ งามเด่น ยิ่งนา ส่องสินมืดมนฯ
คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...
แสงดาวระยับฟ้า แสงสุกใสสกาว แสงดาวชีชนชาว แสงประดับแผ่นพืน
๑๑๙
วับวาว วาบรืน มิไป่ หลงทาง พร่างฟ้าอร่ามใจฯ
แสงจันทร์นวลเด่นโพ้น แสงนุ่มนวลนภา แสงจันทร์ส่องพสุธา แสงดั่งนิ่มนวลเนือ
งามตา ยิ่งเอย สุขเกือ เป็นเพื่อน คนเหงา แม่น้องนางเอยฯ
แสงธรรมน้าสู่สิน แสงส่องผู้ล้าเค็ญ แสงธรรมสุขร่มเย็น แสงส่องสู่ชนไม่
ทุกข์เข็ญ ร่า้ ไห้ ดุจดั่ง ร่มโพธิ์ ว่ายเวิงบ่วงกรรมฯ
จันทร์วารี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๐
๑๒๐ คือ...จันทร์วารี ๐ สวัสดี....ม่านหมอกและหยาดน้าค้าง...