G-Magz Vol.35

Page 1




HOT PRODUCTS Philips Lifeline GoSafe

เมือ่ ก่อนเราเคยนำเสนออุปกรณ์สำหรับพ่อแม่ลกู อ่อน แต่สำหรับอุปกรณ์น้ี เหมาะสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วยเพราะ Philips Lifeline GoSafe เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุอยู่ ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เพราะการ

ติดตั้งมันไว้ ในบ้านจะเป็นเหมือนมีระบบเฝ้าดูผู้สูงอายุผ่านทางศูนย์ให้ บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัว และหาก เกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาอื่นๆ ขึ้นบริการช่วยเหลือก็จะสามารถส่งตรงถึง บ้านทันที

Yeti 150

Yeti 150 จาก GoalZero อุปกรณ์พลังงานสำรองไฟที่มีขนาด และกำลังไฟที่สามารถจ่ายออกไปให้ทั้งโน้ตบุ๊กที่กินไฟมากกว่า

มือถือแน่ๆ ดูจากหน้าตาแล้วมันมาพร้อมกับปลั๊กเสียบไฟปกติ ซึ่งผู้ผลิตบอกว่าแค่ชาร์จไฟให้มือถือมันเป็นเรื่องเล็กแต่ทำให้

โน้ตบุ๊กของคุณอยู่ใช้งานได้เป็นอาทิตย์นี่ซิเจ๋งกว่าเยอะ

E-Ink iPhone Case

ไม่มีสินค้าอะไรที่ขายดีเท่าเคสโทรศัพท์มือถืออีกแล้วในยุคนี้ เพราะมันแทบจะ เหมือนกับสินค้าสิ้นเปลืองกันเลยทีเดียวเพราะจากข้อมูลบอกว่ามีคนจำนวนมาก เปลี่ยนเคสมือถือมากกว่า 1 ชิ้นในหนึ่งเดือน E-Ink iPhone Case จากบริษัท

เกิดใหม่ที่ชื่อ Gajah โดยที่เจ้าเคสมือถือนี้เจ๋งกว่าอันอื่นตรงที่คุณสามารถโหลดรูป ไปโชว์ ที่ ด้ า นหลั ง ของเคส โดยจะทำการอั พ โหลดรู ป ผ่ า นทาง Bluetooth ซึ่ ง

ณ ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ออกมา 2 รุ่นคือ iPhone และ Samsung Note2

CST-01 นาฬิกาข้อมือที่บางที่สุดในโลก

หากท่านใดยังคงคิดว่า นาฬิกาข้อมือในปัจจุบันนี้มีรูปร่างหน้าตา ใหญ่โต หนา

สร้างความรำคาญเวลาสวมใส่ ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ใส่นาฬิกา

ข้อมือแล้วล่ะก็ ลองดู CST-01 นาฬิกาข้อมือตัวนี้ดีกว่า มันคงไม่ใหญ่ และหนา สร้างความรำคาญให้คุณแน่ๆ เพราะว่ามันคือ นาฬิกาที่บางที่สุดในโลก CST-01

ได้รับการออกแบบมาให้คล้ายกำไลแผ่นบาง มีความบางเพียง 0.5 มิลลิเมตร เท่านั้น วัสดุทำจากสแตนเลสชั้นดี สามารถปรับขนาดให้เข้ากับข้อมือของผู้ใส่ได้ ทุกขนาด ส่วนด้านหน้าจอแสดงผล E-Ink ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสมือนกระดาษ อิเล็กทรอนิกส์ ใช้พลังงานน้อย แบตเตอรี่แบบ Micro Energy Cell (MEC) ที่ ทนทานโดยหลังจากชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที ก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน ถึง 1 เดือน แต่ข้อเสียของมันก็คือ เพราะว่ามันบางมากๆ มันจึงสามารถทำได้ แค่ดูเวลาได้อย่างเดียวเท่านั้น

4

G-MagZ IT MAGAZINE


IT NEWS บริษัทเทคโนโลยีแดนผู้ดีคิดค้น ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ขนาดเล็กที่สุดในโลก บริษัทเทคโนโลยีจากเกาะอังกฤษคิดค้นผลิตที่เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรอง ของแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีขนาด เทียบเท่ากับลูกกุญแจทั่วไป อุปกรณ์สำรองไฟฟ้าดังกล่าวจะติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 220 มิลลิแอมป์ ไว้ภายใน ซึ่งจะช่วยเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองในกรณีฉุกเฉินที่ผู้ ใช้งาน โทรศัพท์มือถือ เกิดปัญหาแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดขณะที่กำลังเจรจา ติดต่อธุระสำคัญ โดยที่เครื่องสำรองไฟฟ้านี้จะช่วยแก้ ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการชาร์จพลังงาน ไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ เพื่อเพิ่ม เวลาในการสนทนาออกไปได้อีกประมาณ 20-30 นาทีหรืออาจจะเป็น ชั่วโมงหากมีสายชาร์จ USB ขนาดเล็กที่มีช่องเสียบพอดีกับเครื่อง สำรองไฟฟ้า

เครื่องสำรองไฟฟ้านี้เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในยุคปัจจุบันอย่างมาก

ถึงแม้จะมีขนาดที่เล็กแต่ประสิทธิภาพการใช้งานถือว่าเต็มเปี่ยม ด้วยการ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือที่ เป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในยุคสมัยนี้ ไป แล้วและด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้สะดวกกับการพกพาไปใช้งานได้ ในทุกสถานที่ ที่มา : energysavingmedia.com

อีเอสอาร์ ไอ (ประเทศไทย) จำกัด นำจีพีเอส GARMIN nuvi 3560LM เอาใจคนรักจีพีเอส

นายชาญณรงค์ ธีระโรจนารัตน์ ผู้จัดการแผนกเทเลเมติกส์ บริษัท

อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำในการให้บริการ GIS แบบครบ วงจร และผู้แทนจำหน่ายจีพีเอส GARMIN หนึ่งในกลุ่มบริษัทซีดีจี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำจีพีเอสรุ่นใหม่ GARMIN nuvi 3560LM

รุกตลาดในช่วงนี้ เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ ต้องการใช้งานจีพีเอสที่ใช้งานง่าย ค้นหาข้อมูลเส้นทางได้อย่างรวดเร็ว เพราะ GARMIN nuvi 3560LM นัน้ มี Interface ใหม่ New Guidance 3.0 พร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Multi-Touch ด้วยหน้าจอขนาด 5 นิ้ว

ที่ใช้งานง่าย สามารถแสดงผลเป็นภาพแบบ 3D Buildings & Terrain View พร้อมรองรับอุปกรณ์เสริม Driving Recorder โดยจำหน่ายใน ราคาเพียง 12,790 บาท ในคุณสมบัติของ GARMIN nuvi 3560LM ยังมี Smartphone Link ช่วยให้เครื่อง nuvi 3560LM สามารถที่จะดึงข้อมูลพยากรณ์อากาศใน พื้นที่ที่สนใจ โดยผ่านช่องทางการสื่อสารของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผ่ า นแอพพลิ เ คชั่ น Garmin Smartphone Link ซึ่ ง แอพพลิ เ คชั่ น

ดังกล่าวนี้ สามารถดาวน์โหลดได้จาก Google Play Store นายชาญณรงค์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ GARMIN nuvi 3560LM ยังมี Advanced Highway Mode แสดงข้อมูลทางออกที่อยู่ระหว่างทาง โดย ไม่จำกัดเพียงแค่ 3 ทางออกข้างหน้า พร้อมกับมีลูกศรให้ควบคุมการ เลื่อนขึ้นลงเพื่อตรวจสอบรายการทางออกได้ด้วย และสามารถที่จะสั่ง นำทางได้จากสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย เนื่องจากการเดินทางในปัจจุบัน ผู้ ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่มีความต้องการ ข้อมูลการจราจรที่เกิดขึ้นในแต่ละเส้นทางอย่างทันเหตุการณ์ เพื่อจะได้ วางแผนการจราจรของตนเองได้อย่างคล่องตัวและสะดวกสบาย ใน GARMIN nuvi 3560LM นี้จึงมี NOSTRA Traffic สำหรับรองรับการ แสดงผลข้อมูลรายงานสภาพการจราจร และสถานการณ์ เพื่อหลีกเลี่ยง ปัญหาการจราจรติดขัด (โดยเป็นอุปกรณ์เสริม) สอบถามข้อมูลข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่แผนกสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัทซีดีจี คุณสุรินทร์ทิพย์ เดชประยูรทรัพย์ โทร 0 2678 0200 ต่อ 2996 e-mail : cdg.cc@cdg.co.th สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ ได้ทค่ี ณ ุ นันทณัช ธัญญะวัฒนา แผนก Product Marketing โทร 0 2636 8421 ต่อ 350 e-mail : nantanach.th@cdg.co.th G-MagZ IT MAGAZINE

5


IT NEWS

ซีเอ เทคโนโลยีเปิดตัว CA DCIM 4.0 รุกตลาดซอฟต์แวร์ บริหารดาต้าเซ็นเตอร์ ซอฟต์แวร์ CA DCIM 4.0 ใหม่ชว่ ยให้ผู้ใช้ สามารถรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานและ ข้อมูลโดยรวมของระบบและส่วนต่างๆ ที่มี อยู่ ใ นศู น ย์ ด าต้ า เซ็ น เตอร์ และระบบไอที ทัง้ หมด เพือ่ นำมาวิเคราะห์ รายงาน แจ้งเตือน รวมทั้งควบคุมสภาพการใช้งานศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ได้ดกี ว่าเดิม ผูด้ แู ลระบบจะตัดสินใจ เรื่องการใช้พลังงาน เห็นภาพวมของการใช้ พื้นที่ในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ตำแหน่งจัดวาง ของเซิรฟ์ เวอร์และวัสดุอปุ กรณ์ทมี่ อี ยูท่ งั้ หมด บริหารจัดการได้ว่าอายุการใช้งานของแต่ละ เครือ่ งเป็นอย่างไร วางแผนความจุ ตลอดจน ตรวจสอบสาเหตุการผิดพลาดได้งา่ ยหากเกิดปัญหาขัดข้องขึน้ ฟีเจอร์ใช้งานทัง้ หมดนีจ้ ะช่วยลดต้นทุน เพิม่ สมรรถนะงานเซอร์วสิ และปรับ เปลี่ยนการใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ระบบ CA DCIM 4.0 ยังช่วยเชือ่ มระบบดูแลศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ให้เข้ากับระบบบริหาร ไอทีโดยรวม ทำให้ตอบสนองธุรกิจได้ดีขึ้น ขยายงานได้ตามความจำเป็นที่ ต้องการภายใต้งบประมาณทีจ่ ำกัด นอกจากนี้ ในรายงานที่ตีพิมพ์เมื่อเร็วๆ นี้โดยบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยตลาด

ไอที อย่าง IDC ได้ระบุวา่ ซีเอ เทคโนโลยี คือผูน้ ำ MarketScape Leader

ในด้านการบริหารโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center Infrastructure Management) โดยในรายงานทีม่ ชี อื่ ว่า “IDC MarketScape : Worldwide Datacenter Infrastructure Management (DCIM) 2011 Vendor Analysis” ทีพ่ มิ พ์เผยแพร่ออกมา ในเดือนมกราคม 2012 นี้ กล่าว ว่า ซีเอ เทคโนโลยี ทำงานได้ดใี นด้านขีดความสามารถทางธุรกิจ และยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในด้านกลยุทธ์การเติบโต นวัตกรรม และการจัดการพนักงาน ในรายงานดังกล่าวยังได้ชี้ว่า โปรดักต์ต่างๆ ของซีเอ เทคโนโลยี ยังมีขีด ความสามารถในการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ และบริษทั ผู้ให้บริการเซอร์วสิ ไอที รวมทัง้ ดูแลง่าย และใช้งานวันต่อวันได้สะดวกอีกด้วย

“ออราเคิล” ยังคงได้การ “โฮม ออฟฟิศ” เลียนแบบ”สตาร์ เทร็ค” จัดอันดับจากการ์ทเนอร์ว่าเป็น นวัตกรรมใหม่สุดล้ำ ไมโครซอฟท์-มะกันเตรียมใช้ กข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ห้องปฏิบัติการ “MWE” ผู้นำตลาด RDBMS อันดับหนึ่ง สำนั ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นควีเบคของแคนาดา สร้างความฮือฮา หลังสามารถประดิษฐ์และทดสอบ ของโลกในปี 2012 “เก้าอีท้ ำงานไฮเทค” เหมือนอุปกรณ์บนยาน “สตาร์ เทร็ค” โดยเก้าอี้ ไฮเทคนี้กำลังจะถูกใช้

การ์ทเนอร์ บริษทั วิจยั ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เผยรายงาน ล่ า สุ ด “Market Share: All Software Markets, Worldwide 2012,” พบว่าในปี 2012 นั้นออราเคิลมียอด การขายรวมทั้งหมดในส่วนของ Relational database management systems (RDBMS) สูงถึง 48.3 เปอร์เซนต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งที่ตามมาติดๆ สีอันดับด้วยกันรวมกัน

ซึ่งห่างจากอันที่สองถึง 29% อ้างอิงจาก : Market Share: All Software Markets, Worldwide 2012 - Gartner

6

G-MagZ IT MAGAZINE

บริการโดยบริษัทชั้นนำของโลก อย่าง “ไมโครซอฟท์” และ “กองทัพเรือสหรัฐ” ในเร็วๆ นี้ รายงานระบุวา่ เก้าอี้ไฮเทคนีซ้ ง่ึ มีชอ่ื เรียกว่า “The Emperor 202” ซึ่งมีสนนราคา 30,000 ปอนด์ (ราว 1.4 ล้านบาท) ถู ก สร้ า งด้ ว ยเทคโนโลยี ชั้ น สู ง ประกอบด้ ว ยที่ นั่ ง และ

ศูนย์ควบคุมด้วยระบบ “ทัชสกรีน” มีจอคอมพิวเตอร์แบบ “แอลอีดี” ขนาด 27 นิ้ว จำนวน 3 ตัว และมีระบบกรอง อากาศ และระบบควบคุมความร้อน ถือเป็นออฟฟิศทำงาน ที่ บ้ า นที่ ล้ ำ สมั ย ที่ สุ ด ของโลก โดยเบาะนั่ ง ซึ่ ง ปู ด้ ว ยหนั ง

ยังสามารถทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานในลักษณะหมุนรอบตัว หรือในสภาพนอนได้ ซึ่งจะช่วย

แก้ปัญหาอาการเจ็บหลังจากการทำงานในสภาพปัจจุบันได้ นอกจากนี้ เก้าอี้ ไฮเทคยังมีรุ่น “The Emperor 1510 XL” ซึ่งมีราคา 14,000 ปอนด์ (ราว 658,000 บาท) หรือเท่ากับราคารถยนต์” Volkswagen Jetta “ที่จะวางจำหน่ายพร้อมๆ กับ รุ่น The Emperor 202” และห้องปฏิบัติการ “MWE” ยังมีแผนที่จะผลิตเก้าอี้ ไฮเทคอีกรุ่น ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อตอบสนองต่อผู้สนใจจะใช้เก้าอี้ ไฮเทคนี้ทำงานในลักษณะ “Home Office” ซึ่งคาดว่าสนนราคาจะอยู่ราว 4,000 ปอนด์ (ราว 188,000 บาท) ด้วย ทั้งนี้

ด้านห้องปฏิบัติการ “MWE” ยังคุยว่าเก้าอี้ ไฮเทคถือเป็นที่นั่งทำงานคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด ที่สุดของโลกแล้ว ที่มา : มติชนออนไลน์


G-NEWS จีเอเบิล ประกาศแต่งตั้ง “อนุกูล ปิยะธนานุกูล” รักษาการแม่ทัพ CDGM

จีเอเบิล ประกาศแต่งตั้ง “อนุกูล ปิยะธนานุกูล” ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป เพื่อนำทีม ผู้นำด้านไอทีโซลูชั่นครบวงจรเพื่อตอบรับการขยายตัวของตลาดไอทีอย่างเต็มที่ คุณมยุรี ชาติเมธากุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล IT Professional Services รายใหญ่ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ได้ประกาศแต่งตั้ง คุณอนุกูล ปิยะธนานุกูล ดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีดีจี ไมโครซีสเต็มส์ จำกัด หรือ CDG Microsystems Limited

(CDGM) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทจีเอเบิล และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งให้เกิดความหลากหลายและนำเสนอทางเลือก

ใหม่ๆ ให้แก่องค์กรลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตอกย้ำการเป็นองค์กรไอทีเซอร์วิสอย่าง เต็มตัว ด้วยบทบาทการเป็น A Premier IT SOLUTIONS Provider “คุณอนุกูล มีความรู้ ความสามารถ พร้อมทั้งประสบการณ์และการยอมรับ รวมถึงการเป็น พนักงานของกลุ่มบริษัทจีเอเบิลมากว่า 15 ปี พร้อมกันนี้ยังได้สร้างความสำเร็จและผลงาน ต่างๆ ไว้มากมาย จึงเป็นที่ไว้วางใจในการที่จะเข้ามาบริหารงาน รวมถึงผลักดันให้ CDGM เป็นผู้นำด้านไอทีโซลูชั่นต่อไป”

G-ABLE ร่วมออกบูธกิจกรรมในงาน Symantec Virtualization Solutions Day

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท จีเอเบิล จำกัด ได้ร่วมออกบูธกิจกรรมในงาน สัมมนา Symantec Virtualization Solutions Day ณ โรงแรม

เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 22 ห้องโลตัส 1-4 โดย ภายในงานทางบริษัทฯ ได้นำเสนอโซลูชั่น Veritas Operation Manager หรือ VOM ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการ Config, Monitor แล้วจะรายงานผ่าน Web-based Console และ Virtual Business Services หรือ VBS โดยจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดเวลา รวมถึงสามารถกู้คืน Application หรือ Database Server ที่ทำงาน อยู่ต่าง Tier กันได้ โดยทั้ง 2 โซลูชั่นนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ ความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งภายในงานนี้

ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

จีเอเบิล จัดกิจกรรม ทำโป่งสร้างฝาย กิจกรรมดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม

กลุ่มบริษัทจีเอเบิล จัดกิจกรรมตอบแทนสังคม (CSR) “ทำโป่ง สร้างฝาย” ภายใต้จากโครงการ Green Friends ซึ่งเป็นความ ร่วมมือระหว่างกลุม่ บริษทั จีเอเบิล และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการ รณรงค์พร้อมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสัตว์ป่าและพื้นที่ป่าให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ มีความ สมดุลในระบบนิเวศวิทยาให้คงอยู่ต่อไป อีกทั้งเพื่อให้พนักงาน

ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง CSR และปลูกฝัง

ค่านิยมในการตอบแทนสังคมอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมดังกล่าว ได้รบั ความสนใจจากพนักงานในกลุม่ บริษทั เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากแม่ทัพใหญ่ คุณมยุรี ชาติเมธากุล กรรมการ ผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล นำทีมพนักงานตะลุยไปทำโป่งและ สร้างฝายกันถึง จ.เพชรบุร ี G-MagZ IT MAGAZINE

7


G-NEWS

TCS จัดสัมมนา “Strategies for Dealing With Advancde Targeted Threats”

บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด จัดงานสัมมนาหัวข้อ “Strategies for Dealing With Advanced Targeted Threats” ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท โดย ภายในงานได้รบั เกียรติจาก พ.ต.อ ศิรพิ งษ์ ติมลุ า รองผูบ้ งั คับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกีย่ วกับอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี มาร่วมแชร์ประสบการณ์พร้อมทั้งเผยถึงขั้นตอน เทคนิคการตรวจจับการโจรกรรมข้อมูล และวิธีหยุดยั้งการโจมตี ระบบของเหล่าอาชญกรไซเบอร์ที่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง ของการดำเนินงานในองค์กรภาครัฐ-เอกชน และยังได้รับเกียรติ จาก Mr. Terence Siau, Director of Asean Sales, Cyber-Ark Software Ltd. และ Mr. Stephen Tan, CISA, CISM Tripwire ซึ่งมาร่วมแนะนำวิธีการจัดการลดความเสี่ยงต่อการโจรกรรม ข้อมูล พร้อมทั้งโซลูชั่นที่จะช่วยระบุปัญหาและประเมินความ เสี่ยงที่สามารถกำหนดวิธีการแก้ ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพือ่ ช่วยให้องค์กรรับมือและจัดการกับภัยคุมคามของผู้ไม่ประสงค์ดี บนโลกไซเบอร์

TCS ผนึก สกอ. แนะทิศทางใหม่ ICT ปี 56 สู่กลุ่มการศึกษา

บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด (TCS) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย สารสนเทศแบบครบวงจร ร่วมกับ สำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อ พัฒนาการศึกษา จัดงานสัมมนาหัวข้อ “แนวโน้มเทคโนโลยีสารสนเทศปี 2556 สำหรับสถาบันการศึกษา” โดย ผศ. วิชาญ เลิศวิภาตระกูล (ผูอ้ ำนวยการสำนักงาน บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา) ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม สัมมนา พร้อมกันนี้ คุณไตรรัตน์ ใจสำราญ ผูจ้ ดั การทัว่ ไป บริษทั เดอะ คอมมูนเิ คชัน่ โซลูชน่ั จำกัด ให้เกียรติมอบของทีร่ ะลึก และภายในงานยังได้รบั เกียรติจากวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านแทคโนโลยีเครือข่ายสารสนเทศ ที่มาร่วมบรรยายและเสวนา เพือ่ ชีแ้ นะแนวโน้มและแลกเปลีย่ นประสบการณ์ความรูข้ อ้ มูล ข่าวสารความเคลือ่ นไหว ต่างๆ ทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับสถาบันการศึกษา อาทิ รองศาสตราจารย์ ยืน ภู่วรวรรณ (ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน โดยมีผู้เข้า ร่วมสัมมนาจากสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นจำนวนมาก ณ ห้อง ประชุมนวัตกรรมบัวหลวง อาคารจัตุรัสจามจุรีชั้น 14

CDGM ตบเท้ารับตำแหน่งใหม่จาก VMware ก้าวขึ้นเป็น Premier Solution Provider เต็มขั้น

คุณนพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทซีดีจี ไมโครซีสเต็มส์ จำกัด (ซีดีจีเอ็ม) ได้รับเกียรติจาก VMware ให้เข้ารับโล่ตำแหน่ง ตัวแทนขาย VMware ปี 2013 VMware จากคุณทวิพงศ์ อโนทัย สินทวี Partner Business Manager เพือ่ ประกาศขยับเลือ่ นตำแหน่ง เป็นตัวแทนขายระดับสูงของ VMware อย่างเป็นทางการ และเพื่อ ตอกย้ำถึงความสำเร็จในปีทผี่ า่ นมากับบทบาทการเป็นตัวแทนชัน้ เยีย่ ม

ของบริษัทซีดีจีเอ็ม ที่สร้างเป้ายอดขายโซลูชั่นของ VMware ได้ อย่างน่าพอใจ ด้วยชื่อเสียงขององค์กรที่มีความพร้อมในการนำเสนอ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ เ ทคโนโลยี ส ารสนเทศที่ ทั น สมั ย และโซลู ชั่ น ต่ า งๆ จาก VMware อย่างเต็มประสิทธิภาพ ณ Meeting Room 1807, 18th Floor, CDG House

8

G-MagZ IT MAGAZINE


G-NEWS

CDGM โชว์โซลูชั่นร้อน เจาะระบบไอทีองค์กร กลางงานใหญ่ Thailand Online Expo 2013

บริษัทซีดีจี ไมโครซีสเต็มส์ จำกัด [CDGM] จับมือยักษ์ใหญ่ HP เสริม กระบวนทัพด้วย VMWARE, MICROSOFT และแนะนำ SAS นำโซลูชั่น ร้อนโชว์สู่กลุ่มลูกค้าองค์กรทุกระดับ เพื่อแนะนำและสร้างทางเลือกใหม่ ในการเป็นผูช้ ว่ ยมือหนึง่ รองรับแผนพัฒนาระบบไอทีองค์กร เพือ่ เตรียมพร้อม และนำระบบไอทีองค์กรเข้าสู่ Cloud Computer ในอนาคต โดยนำเสนอ สาระที่อัดแน่นถึงเต็ม 4 วัน เริ่มด้วยการโชว์เทคนิคการทำงานของ HP Cloud ซึง่ ได้นำ Cloud Management Layer ช่วยเพิม่ ศักยภาพการทำงาน บน Multi-Platform ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อด้วย VMware Horizon ที่ประกอบไปด้วย Centralize Management, Workspace, AnywhereAny Devices - all OS ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพ SmartWork@Online จาก Microsoft ด้วยการทำ Direct Access, BYOD, Exchange, Lync และ App-V สร้างความสะดวกและทำงานง่ายให้กบั ผู้ใช้งานสามารถทำงาน กับ Notebook, Tablet มือถือ Smart Phone ติดต่อสื่อสารกันจากทุกที่

ได้ทั่วโลก และปิดท้ายด้วย Business Intelligence ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ

วิเคาราะห์การทำงาน โดย SAS Visual Analytics ช่วยเพิ่มศักยภาพการ ทำงานบนระบบ Online ณ Queen Sirikit Center

First Logic Training Center บุก SCB จัด Update Technology

เฟิร์ส ลอจิก เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ โดย บริษัทเฟิร์ส ลอจิก จำกัด จัด กิจกรรม “Update Technology : Mobile Application Trends” ให้ กับกลุ่ม IT ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยผู้เชี่ยวชาญ จากเฟิร์ส ลอจิก ได้ร่วมแบ่งปันความรู้ เกี่ยวกับการใช้ Smart Phone ประกอบกับความเร็วทีเ่ พิม่ ขึน้ ของบริการเครือข่าย ทีส่ ง่ ผลต่อพฤติกรรม การใช้งาน Mobile และ Application ทั้งแบบผู้ใช้งานทั่วไป และผู้ใช้ งานระดับองค์กร พร้อมกันนี้ยังมีการวิเคราะห์เจาะลึก แนวโน้มของ Mobile Application ความได้เปรียบเสียเปรียบของการพัฒนาแต่ละ แพลตฟอร์ม การเลือกใช้เทคโนโลยีทเ่ี หมาะสมกับองค์กร เพือ่ ให้สามารถ นำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบการพิจารณาแผนพัฒนาธุรกิจขององค์กร ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ณ ห้องไทยพาณิชย์ 1, อาคาร SCB สำนักงานใหญ่

First Logic ผนึก 2 ยักษ์ ใหญ่ จัด Partner Workshop

บริษทั เฟิรส์ ลอจิก จำกัด ร่วมกับ บริษทั ไซแมนเทค (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

จัดงานสัมมนา “First Logic Partner Workshop” ขึ้น โดยภายใน งานไซแมนเทคได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุม่ Availability อาทิ Storage Foundation และ NBU Appliance เพื่อให้ทราบถึง Positioning ข้อมูลคู่แข่ง รวมถึงจุดขายของตัวผลิตภัณฑ์ ที่สามารถนำไปปรับใช้ การนำเสนอการขายได้จริง และออราเคิลนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ คือ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ตระกูล T-Series (T5) และ M-Series รวมทั้ง เทคโนโลยี Virtualization และเครือ่ งมือบริหารจัดการ (Management Tool) สำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Service @First Logic ทั้งผลิตภัณฑ์ของออราเคิลและไซแมนเทค ซึ่งมี

รูปแบบการบริการแบบต่อยอดจากการบริการขั้นพื้นฐาน อาทิ การ Design, Assessment, การติดตัง้ , Implement รวมถึงการส่งเจ้าหน้าที่ เข้าแก้ ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ณ Royal Hills Golf Resort & Spa, Nakornnayok G-MagZ IT MAGAZINE

9


SOLUTIONS วิบูลย์ ชัยจิราภรณ์

Why Automated Testing? แนวโน้มของการทดสอบระบบซอฟต์แวร์ (Software Testing) ในอนาคต จะเป็นการทดสอบโดยนำเครื่องมือ

(Test Tool) เข้ามาช่วย เพื่อลดระยะเวลาและแรงงานที่ ใช้ ในการทำทดสอบ รวมถึงยังสามารถนำกลับมาทำซ้ำ

ได้อีก (Regression Test) การทดสอบที่จะกล่าวถึงนี้ ถูกเรียกว่า Automated Test

จะต้ อ งมี ทั ก ษะ ความรู้ และประสบการณ์ เ กี่ ย วกั บ Test

Techniques และต้องมีทกั ษะการเขียนโปรแกรม หรือสคริปต์ ด้วย ลองดู Flow ของการทำ Automation Test ด้านล่าง

แนะนำประเภท หรือความสามารถเบื้องต้น ของ Automated Test กันก่อน • Functional Automated Test

การนำ Test Tool มาช่วยในการทำทดสอบระบบ หรือโปรแกรม ว่าทำงานได้ตรงตาม Requirement/Functional หรือ Businees Flow หรือไม่ โดยใช้ Tool เข้าไปจดจำการทำงาน หรือการ Record จากหน้าจอโปรแกรมหรือ Web หลังจากนั้น Tool จะ Generate Script ขึ้นมา Script ที่ถูกสร้างขึ้นมา นำมา ปรับปรุง เพื่อนำมา Execute ซ้ำ ก็จะบอกได้ว่าที่ Execute ไปนั้น Pass หรือ Fail ช่วงแรกอาจจะเสียเวลาบ้างในการ

ปรับปรุง Script แต่จะช่วยลดเวลาการ Test ไปได้เยอะเลย เมื่อนำมาทำ Regression Test หรือการ Test ที่มีปริมาณ TestCase เยอะ

รู้จัก Automated Test

• Performance Automated Test

จากบทความฉบับที่แล้ว ได้กล่าวถึง การทำ Test ที่

เรียกว่า Manual Test

ฉบับนี้ ผมจะขอกล่าวถึงการทำ Test อีกแบบ ที่เรียกว่า

Automated Test ที่เป็นการทำ Test โดยใช้เครื่องมือที่เรียก ว่า Test Tool เข้ามาช่วย โดย Tester ที่จะทำงานตรงนี้ ได้ดี

Tool จะ Record Scenario ตามที่เราบันทึกไว้ และจะจับ

Data ที่รับส่งกันระหว่าง Client กับ Server ว่ามีการส่งอะไร

กันในระดับ Protocol (TCP, UDP, HTTP, SMTP) จากนั้น

ก็จะสร้าง Virtual User เพื่อจำลองจำนวน User ในระบบ แล้วยิงข้อมูลเหล่านี้เข้าไปที่ Server เพื่อดูว่า Server จะ

ทำงานได้จริงหรือไม่ นอกจากนั้นยังกำหนด Scenario ต่างๆ

Flow ของการทำ Automation Test

10

G-MagZ IT MAGAZINE


SOLUTIONS

ของการ Test ได้ ด้ ว ย เช่ น ทำ Stress Test โดยเพิ่ ม

User ทีละ 10 คน เพิ่มทุกๆ 10 นาทีจนถึง 1000 คน เพื่อ

ดูวา่ ระบบ หรือโปรแกรม ว่าจะล่มตอนไหน หรือจำลองช่วงเวลา

ที่ User จะ Peak ขึ้นมา เช่น ระบบค้าหลักทรัพย์ จะมีลูกค้า เข้าระบบเยอะช่วง 9:45-10:00 (ก่อนตลาดเปิด) 12:25-12:30

(ช่วงพักกินข้าว) 14:25-14:30 (ช่วงเปิดบ่าย) 16:25-16:40

(ก่อนปิดตลาด) เป็นต้น ทำให้เราสามารถ Test ระบบ Load Balancing ได้ว่ารองรับการทำงานได้จริงหรือไม่

• Security Automated Test

Tool ที่ ช่ ว ยทดสอบ เรื่ อ งความปลอดภั ย ของระบบ หรื อ เพื่อดูเรื่องความปลอดภัยของการเข้าใช้งานระบบ ว่ามีช่อง (Vulnerable) ให้ผู้ ไม่ประสงค์ดี เข้ามาลักลอบนำข้อมูลออก หรือเข้ามาทำลายระบบ

ยังมีงานอื่นอีกมั๊ย? ที่เหมาะกับ Automated Test

เป็น Tool สำหรับบริหารจัดการ Test Resource และจัดการ Progress ของการ Test สามารถใช้เก็บ Requirement หรือ ติ ด ตามงาน แล้ ว ยั ง สามารถนำเอา Test Script ของ Automation ขึ้นเก็บได้ด้วย คือแทนที่จะมานั่ง Run script แล้วกลับมากรอกว่า Test ผ่านหรือไม่ผา่ น ก็เอา Test Script ใส่เข้าไป แล้วตั้งเวลา Execute ตอนเย็น หรือจะสั่งเป็น Schedule Run ตอนเช้า แล้วค่อยมาดูผลว่า Pass หรือ เท่าไหร่

การทำ Automated Unit Test มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น 1. ช่วยให้เราหา Defect เจอตั้งแต่แรกๆ ซึ่งทำให้การ Fix

Bug ไม่เสียเวลามากนัก (เทียบกับตอนไปเจอ Defect ใน

Integration Test หรือ System Test) 2. เราจะใช้โอกาสนี้ ในการทำ Code Review ซึ่งช่วยหา

Defect ได้เยอะเลยครับ 3. เราสามารถ Reuse โดยนำ Automated Test Script

ในขั้นตอน Unit Test ไปใช้ในขั้นตอน Regression Test

ได้ซึ่งจะช่วยลดเวลาและกำลังคนไปได้มากเลยครับ

• Test Management

แล้วเมื่อไหร่ ถึงจะเลือก Automated Test

John Overbaugh กล่าวไว้วา่ “เราควรใช้ Automated Test ก็ต่อเมื่อค่าใช้จ่าย สำหรับการสร้างและค่าดูแลรักษาของ Automated Test น้อยกว่ากำลังและ เวลาทีเ่ ราเสียไปกับการทำ Manual Test” ผมจะขอยกตัวอย่างสองสถานการณ์ เพื่อให้เห็นภาพกันมากขึ้น John Overbaugh Director of Security

Compliance, 1. เมื่อการทำ Test Execution แบบ and Emerging Business

Manual นั้นยากมากๆ เช่นกรณีที่ Division at Aetna เราทำ Performance Test ซึ่ ง

Tester ต้องมาเสียเวลากับการสร้างข้อมูลปริมาณมากๆ

เพื่อทดสอบครับ หรือกรณีที่เราต้อง Test ในส่วนที่มีความ

ซับ ซ้อ นมากๆ ซึ่ง ต้ อ งเสียเวลาในการเตรียมข้อมูลหรือ

เตรียมขั้นตอนที่เป็น Prerequisite เยอะๆ ครับ 2. เมื่อการ Test นั้นๆ ต้องทำซ้ำบ่อยๆ เช่น การทำ Build

Verification Test (BVT) ตามหลักการ Continuous-

Integration ของ Agile ซึ่ ง ต้ อ งมี ก าร Test บ่ อ ยๆ

อาจจะเป็นทุกครั้งที่ Commit Code หรือทุกวัน หรือทุกๆ

Release อีกตัวอย่างหนึง่ ก็ ได้แก่ การทำ Regression Test

เพื่อทดสอบความถูกต้องของ Software ที่ต้องทำบ่อยๆ

• Unit Test

• Regression Test

สำหรับ Test Case ทีต่ อ้ ง Run หลายๆ ครัง้ ก่อนออก Release ใหม่เพื่อตรวจสอบว่าการทำงานของซอฟต์แวร์ยังถูกต้องอยู่

หรือเพื่อที่จะยืนยันว่า Bug ที่แก้ ไปไม่กระทบกับโปรแกรม ส่วนอืน่ ๆ สถานการณ์แบบนีเ้ หมาะกับการทำ Automated Test

• Random Test

การทำ Test ที่ต้องส่งข้อมูลที่เป็นพวก Transaction เยอะๆ หรือยาวๆ เข้าไปในระบบเพื่อสุ่มตรวจสอบหา Bug ก็เหมาะ กับ Automated Test เหมือนกัน

• Capacity Test/Stress Test

ระบบที่ต้องรองรับการโหลดข้อมูลขนาดใหญ่ เช่น รองรับ 50,000 Transaction ได้โดยระบบไม่ลม่ ถ้าจะทำด้วย Manual Test คงไม่ไหว ก็คงต้องนำ Automated Test มาใช้

• Reliability Test:

การทำ Performance กับ Reliability Test สำหรับพวก Web Application เป็นเรื่องที่ควรหาทางทำ Automated เหมือนกัน เช่น Test เพื่อหา Responsive Time หรือ Test เพื่อดู Scalability เป็นต้น G-MagZ IT MAGAZINE

11


SOLUTIONS

แล้วถ้าต้องเลือก ระหว่าง Manual Test กับ Automated Test ควรเลือกอะไรดี

Mike Kelly The Director of Testing and QA for Interaction

Mike Kelly ได้กล่าวไว้ว่า “ขอให้ แน่ใจก่อนว่าทีมเรามีความสามารถ ในการจั ด การกั บ ความเสี่ ย งที่ จ ะ

เกิดขึน้ หรือเข้าใจงานดีพอทีจ่ ะมอง Test Coverage ได้อย่างครบถ้วน และเข้ า ใจในหลั ก การเพื่ อ เลื อ ก Testing Technique ที่เหมาะสม จากนั้นจึงค่อยมาพูดกันเรื่องจะใช้ Automated Testing” ถ้าพิจารณา ข้ อ ดี ข้ อ เสี ย และความพร้ อ มของ

เราอย่างถี่ถ้วนแล้วสรุปได้ว่าเรายัง

ไม่พร้อม งั้นก็ทำ Manual Test กันต่อไป แต่ถ้าเห็นว่าพร้อม แล้ว ก็มาเริ่มการทำ Automated Test ได้เลย “Automated testing is great for regression testing, non-GUI, Agile, composite applications, error-prone tests, off-hours execution Manual testing is needed exploratory testing, unstable code and is key to defects only a human would recognize” หรืออีกวิธี คือเรามาลองดูข้อดีข้อเสียของ Manual Test

และ Automated Test แล้วนำมาชั่งน้ำหนัก เพื่อช่วยใน

การตัดสินใจกันครับว่า ควรใช้การ Test แบบใด

Automated Test ข้ อดี

ถ้าเราต้อง Run Test ซ้ำๆ Automated Testing จะช่วยได้มาก ช่วยในการทำ Compatibility Testing นั่นคือ Test ซอฟต์แวร์ซ้ำๆ ในชุด configuration ที่ต่างกัน ช่วยให้เราทำ Regression test ได้อย่างรวดเร็ว สามารถ Test ได้จากเครื่องคอมฯ หลายๆ เครื่อง ซึ่งจะช่วยลดเวลาอย่างมาก ทำงานได้เร็ว และแม่นยำกว่าการใช้คนทำ สามารถสั่งให้ Execute งาน Test Case ในช่วงเวลากลางคืน แล้วค่อยมาดูผลลัพธ์ ในตอนเช้าโดยไม่ต้องมี Tester อยู่ดูแล คุ้มค่าในระยะยาว

ข้ อเสีย

ลงทุนสูงในช่วงเริ่มต้น สูงกว่า Manual Test อย่างชัดเจน (มาจากค่า Licensing Cost) เราทำ automate test ไม่ ได้ทุกอย่าง บางครั้งก็ต้องพึ่ง Manual Test เหมือนกัน ต้องใช้คนทำที่มีทักษะการเขียนโปรแกรม ต้องใช้คนทำที่รู้หลักการของการทำ Testing อย่างดี

Manual Test ข้ อดี

ถ้าไม่ต้อง Run Test บ่อยๆ (Reuse Test Case ไม่ ได้) ก็ใช้แบบ Manual ไปดีกว่า เหมาะสมสำหรับการทำ Ac-hoc Test คือไม่ต้องมี Test Case ไว้ก่อน ทำแบบสุ่มๆ ได้เลย ระบบ หรือโปรแกรม ที่ถูกเขียนด้วย Programming Language สมัยเก่าๆ ควรทำด้วย Manual Test เนื่องจาก ไม่ถูก Support ด้วย Tool สมัยใหม่ คุ้มค่าในระยะสั้น

ข้ อเสีย

ลงทุนน้อยกว่า Automated Test แต่เสียเวลา ทั้งการเตรียม Test Data ชุดใหม่, จำนวน Tester ใช้เยอะ, Human Error สำหรับทุกๆ release เราต้องมานั่ง run test ซ้ำๆ

อ่ า นกั น มาถึ ง ตรงนี้ คิ ด ว่ า ทุ ก ท่ า นน่ า ที่ จ ะเริ่ ม ทราบแล้ ว ว่ า

Automated Test คืออะไร แล้วงานหรือโปรแกรมที่ทุกท่าน

เขียนขึ้นมา ถ้าจะ Test ควรใช้การ Test แบบใด จึงจะ

เหมาะสมกับงานหรือโปรแกรมของตน แล้วพบกันใหม่ ฉบับหน้าครับ สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท จีเอเบิล จำกัด Call Center โทร +66(0) 2685-9333

12

G-MagZ IT MAGAZINE

ขอบคุณข้อมูล:

http://www.HP.com http://www.chapterpiece.com http://www.thaideveloperexpert.org/index.php/ softwareengineeringtopics/65-autotesting http://michaeldkelly.com/


SOLUTIONS เอมอร บุญชูสกุลเจริญ

Active-Active Datacenter ฉีกรูปแบบโซลูชั่นศูนย์สำรองแบบเดิมๆ ความสามารถในการให้บริการระบบไอทีอย่างต่อเนื่องและการเข้าถึงข้อมูลมีความสำคัญมากกับการดำเนิน ธุรกิจในปัจจุบัน เพราะการชะงักของการให้บริการเพียงระยะเวลาอันสั้นอาจหมายถึงการสูญเสียรายได้ ชื่อเสียง และความพึงพอใจของลูกค้าที่ประเมินค่าไม่ ได้

เป็นที่น่ากังวลว่าเหตุการณ์ภัยธรรมชาติและการเมือง ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกปัจจุบัน ส่งผลให้เกิด ความเสีย่ งของการดำเนินงานอย่างต่อเนือ่ งของระบบ ไอทีโดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นที่เป็นหัวใจขององค์กร ดังนั้น ระบบศูนย์สำรองจึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ ได้สำหรับองค์กร ธุรกิจในปัจจุบนั และเป็นความท้าทายของ CIO ในการพิจารณา เลือกระบบที่ ให้ความมั่นใจกับผู้ ใช้งานในขณะเดียวกันก็ ใช้ งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด การให้ความสำคัญต่อการเลือกใช้โซลูชั่นด้านการกู้คืนข้อมูล เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในอันดับต้นๆ โดยแต่เดิมทุกองค์กร มักจะเรียกใช้โซลูชั่นที่เรียกว่า Active-Passive ด้วยการแบ่ง ศูนย์บริการข้อมูลออกเป็นสองส่วน ศูนย์หลักที่ทำหน้าที่ ให้ บริการข้อมูล (Active Primary Copy) และศูนย์สำรองที่ทำ หน้าที่ Standby เพื่อให้บริการข้อมูลกรณีเกิดปัญหาขึ้นใน ศูนย์หลัก (Passive Secondary Copy) ซึ่งเทคโนโลยีดัง กล่าวยังมีจุดอ่อน จากการที่อุปกรณ์ไอทีในศูนย์สำรองอาจจะ ถูกปล่อยทิง้ ไว้โดยเปล่าประโยชน์ (Idle) จนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ ทีต่ อ้ งย้ายการทำงานมายังศูนย์สำรอง หรือกล่าวได้วา่ ประมาณ

50% ของเงินที่ลงทุนไปในอุปกรณ์ไอทีที่มีราคาแพงนั้นไม่ได้ ถูกนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้การ โยกย้าย (Failover) ไปใช้อุปกรณ์สำรองอาจมี Downtime ที่ ทำให้การให้บริการไอทีเกิดการหยุดชะงักอีกด้วย ดังนั้นจึง เกิ ด เป็ น โจทย์ ต่ อ ทุ ก องค์ ก รที่ ก ำลั ง มี ก ารลงทุ น เพื่ อ สร้ า ง Datacenter ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น องค์กรต้อง มีโซลูชน่ั แบบไหนทีจ่ ะรองรับเพือ่ ให้การใช้ประโยชน์กบั อุปกรณ์ ไอทีทล่ี งทุนไป เกิดการทำงานทีเ่ ต็มประสิทธิภาพสูง ช่วยสร้าง ความสะดวก รวดเร็ว ในการโยกย้ายการทำงานไปยังอุปกรณ์ ฝั่งศูนย์สำรอง อุปกรณ์ต่างๆ ก็ยังสามารถทำงานได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ โดยไม่เกิดการหยุดชะงัก หรือเกิดน้อยที่สุด Active-Active Datacenter เป็นโซลูชั่นอีกหนึ่งทางเลือกที่

ผู้ ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จาก Datacenter ทั้งสองฝั่งได้ พร้อมๆ กัน (Active-Active) โดยจะพลิกโฉมหน้าจาก Disaster Recovery (การกู้คืนระบบจากความเสียหาย) เปลี่ยนไปเป็น Continuous Availability กล่าวคือเมื่อศูนย์หลักเกิดปัญหา

ผู้ ใช้ยังสามารถใช้งานจากระบบเหมือนเดิมโดยไม่ต้องหยุด ระบบ (Zero Downtime) นอกจากนี้ผู้บริหารและผู้ดูแลระบบ

ไอทีไม่ตอ้ งปวดหัวกับขัน้ ตอนทีย่ งุ่ ยากและมัน่ ใจว่าการ Failover ระหว่าง Datacenter จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งประโยชน์ที่ ได้รับจาก Active-Active Datacenter มีดังนี้ • Increased Availability เมือ่ Datacenter ทัง้ สองทีท่ ำงานร่วมกันจนเสมือนเป็น Storage ชุดเดียวกันแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าไม่ว่า Datacenter

ฝัง่ ไหนจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน Datacenter ทีเ่ หลือสามารถ ทำงานแทนได้ทันที โดยการทำงานไม่สะดุด นั่นหมายความว่า องค์กรไม่ต้องรับความเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้ ชื่อเสียง และ ความพึงพอใจของลูกค้าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม • Increased Asset Utilization ระบบศูนย์สำรองแบบเดิมๆ นัน้ ในสภาวะปกติผ้ใู ช้ไม่สามารถใช้ ประโยชน์ จ ากอุ ป กรณ์ ส ำรองได้ เ ต็ ม ที่ ซึ่ ง เป็ น ที่ น่ า เสี ย ดาย เปรียบเสมือนการซื้อประกันที่จะได้ ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ G-MagZ IT MAGAZINE

13


SOLUTIONS

14

G-MagZ IT MAGAZINE

• VMware: เมื่ อ VPLEX ทำงานร่ ว มกั บ Server

Virtualization เช่น VMware สตอเรจทั้งสองฝั่งจะทำ

หน้าที่เสมือนกับเป็นสตอเรจตัวเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถ

ออกจากข้ อ จำกั ด ของระยะทาง กล่ า วคื อ สามารถทำ

VMware High Availability และ VMware Fault

Tolerance ระหว่าง Datacenter ที่อยู่ห่างกันได้ และ

สามารถทำการ Failover ได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องติดตั้ง

VMware SRM นอกจากนี้ยังรองรับ VMware DRS ทำให้

ผู้ ใ ช้ ยั ง สามารถทำ Load Balance ระหว่ า งสอง

Datacenter และทำ vMotion คือย้าย VM ไปยังอีก

Datacenter หนึ่งได้อีกด้วย (นอกจาก VMware แล้ว

VPLEX ได้รับการ Certified จาก Server Virtualization

Vendor อีกมากมาย เช่น Microsoft - Hyper-V และ

IBM - Power HA) สำรองก็ต่อเมื่ออุปกรณ์ในศูนย์หลักมีปัญหาเท่านั้น ในขณะที่ • Oracle Real Application Clusters (RAC) : Oracle

ระบบ Active-Active Datacenter นั้นอุปกรณ์ทั้งสองฝั่ง RAC เป็ น โซลู ชั่ น สำหรั บ Continuous Availability

สำหรับ Oracle Database ในการใช้งานรูปแบบทั่วไป

สามารถให้บริการผู้ใช้ ได้พร้อมๆ กัน การทำงานระหว่างสอง Datacenter จะทำงานในรูปแบบ

Active-Passive แต่เมื่อ VPLEX ทำงานร่วมกับ Oracle

• Increased Performance (Locality of Data (RAC) จะทำให้สามารถทำงานในลักษณะ Active-Active

Access) รูปแบบการทำงานสะดวกเพราะผู้ใช้ ไม่จำเป็นทีจ่ ะเข้าถึงข้อมูล กล่าวคือผู้ ใช้ทั้งหลายจะสามารถเข้าใช้งานได้จากทั้งสอง

เพียงจากศูนย์หลักเท่านั้น ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทั้ง Datacenter พร้อมๆ กัน ทำให้ ได้ประโยชน์จากทรัพยากร

สองศูนย์ ทำให้การทำงานของแอพพลิเคชัน่ สะดวกรวดเร็วกว่า ของทั้งสองฝั่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มี Performance

เพิ่มขึ้น นอกจากนี้

ยังไม่ต้องเสีย Host

หลักการของ Active-Active Datacenter CPU Cycle ไปกับ

โดยการใช้อุปกรณ์จาก EMC ที่มีชื่อว่า VPLEX ซึ่งเชื่อมโยง สตอเรจจาก Datacenter ต่างๆ ให้เป็นเสมือนสตอเรจตัว งาน Mirror ข้อมูล

เดียวกันในมุมมองของ Servers นอกจากนี้ยังทำให้เราย้าย ระหว่ า งสอง Site

ข้อมูลระหว่างศูนย์ (Data mobility) ได้โดยไม่ต้องหยุดระบบ แ ล ะ ยั ง ช่ ว ย ล ด

ทำให้ผบู้ ริหารสามารถตอบโจทย์ของ Service Level Agreements ความซั บ ซ้ อ นของ

(SLAs), Recovery Point Objective (RPO) และ Zero ระบบทำให้ จั ด การ

ได้ ง่ า ยอี ก ทั้ ง ยั ง ไม่

Recovery Time Objective (RTO) ได้อย่างมั่นใจ ต้องทำ Customize

เมื่อ VPLEX ทำงาน ระบบ Oracle RAC

ร่วมกับแอพพลิเคชั่น อีกด้วย การทำงานระหว่ า ง สตอเรจจาก Data- จากทีก่ ล่าวมาคงจะพอเห็นภาพว่า VPLEX และ Active-Active center ทั้งสองเปรียบ Datacenter นั้ น ช่ ว ยลดขี ด จำกั ด ให้ ก ารทำงานระหว่ า ง เสมื อ นสตอเรจตั ว Datacenter ให้ทำงานได้คุ้มค่า สะดวก ขจัดเวลาที่ต้องเสีย เ ดี ย ว กั น ส ำ ห รั บ ไปกับการหยุดระบบ และทำให้มั่นใจว่าการโยกย้ายงานไปยัง เซิ ร์ ฟ เวอร์ จึ ง ทำให้ ศูนย์สำรองจะทำได้อย่างราบรื่นโดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ ตั ด ข้ อ จ ำ กั ด ข อ ง ที่มิคาดฝัน ระยะทางระหว่างสอง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Datacenter ได้ เราจะ บริษัท ซีดีจี ไมโครซีสเต็มส์ จำกัด เห็นได้จากตัวอย่างแอพพลิเคชัน่ ทีย่ กขึน้ เพือ่ ให้เข้าใจการทำงาน Call Center โทร +66(0) 685-9333 ของ VPLEX และ Active-Active Datacenter ดังนี้


TECH&TREND ปิติพงศ์ อัครจันทโชติ

เพิม่ ประสิทธิภาพและความยืดหยุน่ ในการทำงานร่วมกันของระบบงานต่างๆ ด้วย Oracle Service Bus (OSB) ปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น เสมอๆ กั บ องค์ ก รขนาดใหญ่ ห รื อ องค์ ก รที่ มี ร ะบบงานจำนวนมากคื อ ปั ญ หา Point-to-Point Integration เนื่องมาจากว่าในแต่ละระบบงานก็จะมีส่วนที่จะต้องไปเรียกใช้งานหรือ ขอข้อมูลจากระบบอื่น

รวมทั้งการให้บริการข้อมูลหรือถูกเรียกใช้งานโดยระบบ อื่นๆ ซึ่งหากในองค์กรมีระบบงานอยู่เพียงจำนวนน้อย ก็คงจะยังไม่มีปัญหามากนัก ตัวอย่างเช่น หากมีระบบ A, B, C การต่อเชื่อมก็เพียงแค่พัฒนาการเชื่อมต่อสำหรับ ระบบ A-B, A-C, B-C จำนวนสามตัวเชื่อมเท่านั้น แต่ถ้าหาก ในองค์กรนั้นๆ มีระบบงานเป็นจำนวนมากกว่านั้น ก็จะเผชิญ

ปัญหาทีว่ า่ จะทำอย่างไรทีจ่ ะทำให้ระบบทัง้ หมดทีม่ คี วามแตกต่างกัน ทั้งทางด้านเทคโนโลยี, โปรโตคอลที่ใช้งาน, รูปแบบของข้อมูลที่ ถูกกำหนดไว้ และอื่นๆ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้โดยที่ไม่ต้อง พัฒนาการเชื่อมต่ออีกเป็นจำนวนมากขึ้นมาเพื่อให้รองรับการ ทำงานร่วมกันของระบบทั้งหมด G-MagZ IT MAGAZINE

15


TECH &TREND

สุดท้ายปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นก็คือเมื่อองค์กรมีระบบงานเกิดขึ้น จำนวนมาก ก็จะเป็นการยากทีจ่ ะ Integrate ระบบต่างๆ ให้ทำงาน ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่เป็นปัญหายิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่ อ มี ร ะบบใดระบบหนึ่ ง ต้ อ งการทำการ Upgrade หรื อ เปลีย่ นแปลง Software ที่ใช้งานเพือ่ ให้ระบบนัน้ ๆ มีความสามารถ ยิ่งขึ้น ก็มักจะไม่สามารถ Upgrade ได้ เนื่องมาจากว่าถ้ามีการ เปลีย่ นแปลงระบบใดๆ ก็จะส่งผลกระทบไปถึงระบบอืน่ ๆ ทีท่ ำงาน ร่วมกันด้วย ทำให้สุดท้ายแล้วองค์กรมักจะต้องยอมทนใช้ระบบ เดิมที่มีความสามารถต่ำแทนที่ที่จะได้ใช้ระบบใหม่ที่ดีกว่า เพียง เพราะสาเหตุคือ ไม่สามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงได้

คุณสมบัติหลักๆ ของ Oracle Service Bus ที่จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกันของระบบ ต่างๆ จะมีดังเช่น • Location Transparency – การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่

มักจะเกิดขึ้นบ่อยในระบบงาน IT ก็คือมีการย้าย Service

จาก Host หนึ่งไปยังอีก Host หนึ่ง ส่งผลให้ระบบอื่นๆ ที่

เกี่ยวข้องหรือมีการเรียกใช้งาน Service ดังกล่าวนี้ จำเป็น

จะต้ อ งมี Downtime เพื่ อ แก้ ไ ขระบบงานให้ ม าเรี ย กใช้

Service ที่ Host ใหม่นี้ ซึ่งการแก้ ไขนี้จะต้องทำกับทุกๆ

ระบบงานที่มาเรียกใช้ Service นี้

Figure 3 - Isolate from changes to service location

Figure 1 – Point-to-Point Integration Problem

ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ ไขปัญหา แทนที่จะเชื่อมต่อระบบแบบ Point-to-Point เหมือนเดิม Oracle Service Bus ได้เปลี่ยนวิธี การเชื่อมต่อให้เป็นแบบ Bus แทน ทำให้การเชื่อมต่อที่แต่เดิม จะต้องมีเป็นจำนวนมากลดลงมาเหลือเพียงเท่ากับจำนวนระบบ ที่มีเท่านั้น ทำให้ช่วยลดปัญหาความยุ่งยากในการเชื่อมต่อระบบ การดูแลระบบ รวมถึงเวลาที่ต้องใช้ในการพัฒนาระบบให้ทำงาน ร่วมกับระบบอื่นๆ นอกจากนี้แล้ว Oracle Service Bus ยังมี ความสามารถอืน่ ๆ ทีจ่ ะช่วยในเรือ่ งของความยืดหยุน่ และจัดการ

กับความเปลี่ยนแปลงของระบบงานที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย

Figure 2 – รูปแบบการเชื่อมต่อระบบงานด้วย Oracle Service Bus

16

G-MagZ IT MAGAZINE

แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Oracle Service Bus จะช่วยทำการ

Re-route Request ให้ ไปยัง Host ใหม่ได้เอง โดยที่ระบบ

งานที่เรียกใช้ Service นั้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีการแก้ ไขใดๆ

ทำให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบกับระบบงาน

อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง • Backwards Compatibility – ในกรณีที่มีการ Upgrade

Version Software ของระบบงาน มักจะส่งผลกระทบให้

ระบบงานอื่นๆ ที่ต้องเรียกใช้งาน Service นั้นๆ จำเป็นจะ

ต้องมีการแก้ ไขด้วยเพื่อให้มี Compatibility สามารถเรียก

ใช้งาน Service Version ใหม่นี้ ได้

Figure 4 - Isolate from changes to service interface

แต่ด้วยเทคโนโลยีของ Oracle Service Bus จะช่วยในการ

Transform Request Message ที่ถูกส่งมาในรูปแบบของ

Version เดิม ให้เปลี่ยนมาอยู่ในรูปแบบของ Version ใหม่

แล้วจึงค่อยส่งต่อไปให้ Host ที่ ให้บริการ Service นั้นๆ

(Service Provider) ทำให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ส่ง

ผลกระทบกับระบบงานอื่นๆ ในขณะที่หากมีระบบงานอื่นที่

สามารถติ ด ต่ อ กั บ Service Provider ในรู ป แบบของ

Version ใหม่นี้ ได้เองอยู่แล้ว ก็สามารถติดต่อได้ตามปกติ

โดยที่ OSB จะเป็นตัวเชื่อมให้ ได้กับทั้งการเรียกใช้งานใน

รูปแบบของ Version เดิม และ Version ใหม่พร้อมๆ กัน


TECH &TREND

• Protocol Transformation – ในกรณีที่มีระบบงานที่

จำเป็นจะต้องทำงานร่วมกันแต่มีข้อจำกัดที่แต่ละระบบต่างก็

ไม่รองรับ Communication Protocol การเชื่อมต่อของอีก

ระบบ ทำให้ ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

• Message Enrichment – ในกรณีที่ Service Provider

ต้องการข้อมูลที่มากกว่าที่ผู้เรียกใช้บริการส่งมาให้ Oracle

Service Bus สามารถเพิ่มเติมข้อมูลที่ขาดไปนั้น โดยการไป

เรียกใช้งาน Service อื่นๆ เพื่อขอข้อมูลที่ต้องการนี้และ

นำไปรวมกับข้อมูลเดิมให้ก่อนส่งต่อไปยัง Service Provider

ซึ่งสถานการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการ Upgrade Software

ของ Service Provider หรือผู้เรียกใช้ Service ทำให้

จำนวนหรื อ ลั ก ษณะข้ อ มู ล ที่ ต้ อ งใช้ ในการรั บ ส่ ง นั้ น

เปลี่ยนแปลงไป

Figure 5 – Performs a protocol transformation

Oracle Service Bus จะช่ ว ยแก้ ไ ขปั ญ หานี้ ด้ ว ยวิ ธี ก าร

Protocol Transformation ตัวอย่างเช่น ระบบ Expense

Reimbursement Process ซึ่งสามารถติดต่อกับระบบงาน

อื่นผ่านทาง SOAP ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีความ

จำเป็นจะต้องเรียกใช้งานระบบ Payroll Service ซึ่งก็จะ

รู้จักแต่เพียง JMS เท่านั้น OSB จะแก้ ไขปัญหานี้โดยการ

Transforms Protocol จาก SOAP ให้มาเป็น JMS ก่อน

แล้วจึงค่อยส่งไปให้ Payroll Service • Dynamic Routing – Oracle Service Bus มีความ

สามารถในการ Route Request ที่ ได้รับไปยัง Service

Provider ที่แตกต่างกันได้ตามความต้องการ โดยพิจารณา

จากข้อมูลที่อยู่ใน Request นั้นๆ

Figure 7 – Update message using the response from another service

ตัวอย่างเช่น ระบบ Insurance Portal ต้องการเรียกใช้งาน

ระบบ Rate Quote Service แต่หลังจากที่ระบบ Rate

Quote Service ได้ มี ก าร Upgrade ไป ทำให้ ร ะบบ

Version ใหม่นี้ต้องการข้อมูล Customer History เพิ่มเติม

มาใน Request ด้วย ซึ่งระบบ Insurance Portal จะไม่ได้

ส่งข้อมูลนี้มาให้ด้วย OSB จะแก้ปัญหาโดยการไปเรียกใช้

Get Customer History Service ให้เองและนำข้อมูลที่ได้

มานี้มารวมไว้ใน Request เดิมที่ได้รับมา แล้วจึงทำการส่ง

ข้อมูลทั้งหมดไปให้ Rate Quote Service ทำให้ระบบต่างๆ

ไม่จำเป็นต้องทำการแก้ ไขใดๆ เพื่อให้ ใช้งานได้ตามปกติ

หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงของระบบที่เกี่ยวข้อง

Figure 6 – Use business rules to determine destination service

ตัวอย่างเช่น ระบบ HR Portal ส่ง Request มาเพื่อติดต่อ

เรี ย กใช้ ร ะบบ New Staff Service ซึ่ ง จะมี ก ารแยก

Service Provider ไว้ ส องระบบแยกตามประเภทของ

พนักงานคือ สำหรับพนักงานทั่วไป จะไปที่ New Employee

Service ส่วนสำหรับระดับบริหาร จะไปที่ New Manager

Service ซึ่งระบบที่เป็นผู้เรียกใช้นี้จะไม่จำเป็นต้องแก้ ไข

เปลี่ยนแปลงหรือต้องรู้ว่าปลายทางมีการแบ่งแยก Service

Provider ไว้อย่างไร แต่ OSB จะทำการตรวจสอบข้อมูลใน

Request ที่ส่งมาเองแล้วจึงทำการพิจารณาจากข้อกำหนดที่

ตั้ ง ไว้ จากนั้ น จึ ง ค่ อ ยส่ ง ต่ อ Request นี้ ไ ปยั ง Service

Provider ที่กำหนดไว้

จากคุณสมบัตติ า่ งๆ ที่ได้กล่าวมานี้ จะพบว่า Oracle Service Bus จะเข้ามาช่วยในการ Integrate ระบบงาน IT ต่างๆ

ในองค์กรให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง ช่ ว ยลดปั ญ หาความยุ่ ง ยากต่ า งๆ ที่ สื บ เนื่ อ งมาจากการ เปลี่ยนแปลงของระบบงานแวดล้อมอื่น ส่งผลให้ระบบงาน IT สามารถช่วยสนับสนุนการดำเนินการและเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขันขององค์กรได้ G-MagZ IT MAGAZINE

17


BIZ&CONSULT โอฬาร อึงอำนวยพร Software Research Consultant

บรรยากาศงาน WWDC 2013 @San Francisco จบไปแล้วกับงาน Apple World Wide Developer Conferences หรือ WWDC 2013 ที่จัดขึ้นที่

เมือง San Francisco ประเทศสหรัฐอเมริกา ปีนี้ผมมีโอกาสได้ ไปร่วมงานชนิดที่เรียกว่าโชคช่วยสุดๆ

เพราะบัตรขายหมดเร็วมาก ก็เลยขอนำบรรยากาศภายในงานมาฝากกันครับ

WWDC

สำหรับในวงการ IT แล้ว ผมคิดว่าทุกท่านน่าจะรู้จักงานนี้ เป็นอย่างดี เพราะเป็นงานใหญ่ของ Apple ที่จัดขึ้นปีละ ครั้ง มีนักพัฒนามาร่วมงานมากมาย สื่อต่างๆ นำเสนอข่าวตั้งแต่ ก่อนงานจะเริ่ม และที่สำคัญ Apple มักจะประกาศสินค้าใหม่ๆ ทั้ง Hardware และ Software ให้ทุกคนได้ลุ้นกันว่าจะมีอะไรออกมา ใหม่เสมอ สำหรับของใหม่จากในงานนัน้ ผมคงไม่พดู ถึงครับ เพราะ สื่อต่างๆ คงจะนำเสนอไปหมดแล้ว ทั้ง Mac Pro ตัวใหม่ ทั้ง

iOS7 และ OSX Mavericks แต่ผมจะเล่าถึงบรรยากาศในฐานะที่ ได้ ไปร่วมงานดีกว่าครับ หลายๆ ท่านที่ไม่ได้เป็นนักพัฒนาบน Platform Mac หรือ iOS อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับงานนี้มากนัก แต่สำหรับนักพัฒนาสาวก Apple แล้วต้องบอกว่า งานนี้เป็นงานที่ต้องเดินทางมาร่วมงานให้ ได้ครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียว สังเกตได้จากบัตรเข้าร่วมงานที่ขายหมด ไปในเวลาเพียง 72 วินาทีเท่านั้น (ตามสถิติที่ Tim Cook ประกาศ

18

G-MagZ IT MAGAZINE

บนเวที) ผมเคยเข้าใจว่างานนี้บัตรหายากเพราะสื่อมวลชนมาร่วม งานเยอะ แต่ผมเข้าใจผิดครับเพราะตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายคน ที่เข้าร่วมงานยังหนาตาตลอด หัวข้อไหนที่เป็น New Topic ใน Hall ใหญ่คนก็ยังคงนั่งฟังกันแน่นเลย เรียกว่าถ้าไม่ใช่นักพัฒนา และไม่รักกันจริง ก็คงไม่อยู่จนวันสุดท้ายครับ (หรือบัตรแพง ก็ เลยขอใช้ให้คุ้มก็ ไม่รู้เนอะ ^_^)


BIZ& CONSULT

Registration งานจัดในวันที่ 10-14 มิถนุ ายน ทีอ่ าคาร Moscone Center West เป็นตึกใหญ่มี 3 ชั้น ชั้น 1 ใช้เป็นจุดลงทะเบียน นอกจากนั้นก็ถูก แบ่งออกเป็น Zone ต่างๆ ทัง้ 3 ชัน้ ทาง Apple เปิดให้ลงทะเบียน กันตั้งแต่ 9 โมงเช้าวันอาทิตย์ ตอนที่ไปถึงงานคนไม่เยอะครับ คิด ว่าคงจะมากันเรื่อยๆ ลงทะเบียนแล้วก็กลับ เจ้าหน้าที่ต้อนรับก็เป็น กันเอง ได้อารมณ์เหมือนเดินเข้า Apple Store ยังไงยังงั้น

นอกจากนั้น ยังมี App ใน iPhone ให้ด้วย (ต้อง login ด้วย Apple ID ที่ซึ่งบัตรเข้างาน) ซึ่ง Apple จะคอย Push ข้อมูล

เข้า iPhone ของเราเรื่อยๆ ตามวันที่งานดำเนินไป ช่วงแรกบาง Session จะไม่มีหัวข้อครับ เพราะหัวข้อจะเกี่ยวข้องกับ Feature ใหม่ๆ ของ iOS และ OSX ต้องรอจน Keynote จบนั่นแหละครับ ข้อมูลถึงจะค่อยๆ โผล่ออกมาให้เห็น ก็ตาม Style Apple ละครับ เก็บความลับกันแบบสุดๆ ไปเลย

ส่ ว นของที่ ร ะลึ ก มี แ ค่ Badge เป็นป้ายสีชมพูกบั สายห้อยคอและ เสือ้ แจ๊กเก็ตสีดำ แค่นน้ั ครับ ใคร ที่คาดหวังว่าจ่ายค่าบัตรเข้างาน ราคาพอๆ กับ Macbook Pro 15 นิ้ว ตัวนึงแล้วจะได้ของแถม หรูๆ หรือ Geek แบบ Google

I/O ละก็ เสียใจครับ มีแค่นแ้ี หละ T_T ... แต่เสือ้ สวยครับ ผ้าดีมาก เลย เพื่อนผมบอกว่ามีคนเอาไปประมูลใน Ebay ราคาเกิน $100 ไปแล้ว ... อืม น่าสน ^_^

Keynote

การลงทะเบียน Apple จะใช้ Pass คู่กับ Passport หรืออะไรก็ แล้วแต่ที่มีรูปที่ออกโดยรัฐบาล ซึ่งความเจ๋งก็คือ Apple จะส่ง Pass มาทาง Email แล้วมี Llink ให้เพิ่ม Pass เข้าไปใน App Passbook ของ iPhone เมื่อไปถึงงานก็สามารถลงทะเบียนโดย ยืนยัน Passport แล้วเอา Passbook ที่มี QRCode Scan ที่ เครื่องอ่านได้เลย ผมก็แอบคิดว่าแล้วถ้าไม่มี iPhone หรือ iPad จะทำยังไงหว่า ก็คือได้ 2 แง่คือ คนที่เป็น iOS Developer ต้องมี iPhone อยู่แล้ว เพราะต้องใช้ Hardware ในการ Test และ Deploy App หรืออีกแง่คือ ไม่มี iPhone ก็อดเข้างาน ... ล้อเล่น ครับ ใช้ Confirm Code ก็ ได้ครับ ^_^

ก่อนที่งานจะเริ่ม 1 วัน ผมมีโอกาสได้คุยกับ Developer ที่มาร่วม งานในปีที่ผ่านมา เค้าบอกว่าจะมารอตอน 6 โมงครึ่ง ... o_O! ... ผมก็ถามว่า ยูจะมาทำไมเช้าขนาดนั้น เค้าบอกผมว่า “It’s ok if you want to see the keynote in the other hall. The main hall space is not enough for everyone.” เท่านั้นละครับ งาน เข้าเลย คือนั่งเครื่องมา 17 ชั่วโมง เริ่มมึนๆ เพราะ Jet lack แล้วต้องมาต่อแถวแต่เช้าอีก เอ้า ... เอาก็เอา (ฟะ) อุตส่าห์มา ถึงที่แล้ว (ไม่รู้ชีวิตนี้จะมีโอกาสอีกไหม >_<) 6 โมงครึ่งก็เอา (ตื่น ตี 5 ครึ่ง -_-!) หลังจากพยายามอยู่นาน ก็ลากสังขารมาถึงที่จัดงานตอน 6:45

จนได้ พอมาถึงก็ตะลึงเลยครับ บร๊ะเจ้า ยังกะต่อแถวรอซือ้ iPhone6 ขอโทษครับ แถวยาวมากๆ คนเยอะมาก แล้วผมก็เจอ Developer ที่คุยกันเมื่อวานพอดี เค้าบอกว่า I told you, Right? (แล้วเค้าก็ ให้ ไปยืนกับเค้าครับ บอกว่าไอ Reserve ให้ยู อิอิ โชคดีอย่างแรง เห็นคนอื่นไม่ด่าก็ OK แต่ก็อยู่ท้ายๆ แถวนะครับ ไม่ใช่หัวแถว) G-MagZ IT MAGAZINE

19


BIZ& CONSULT

เค้าบอกว่ารอไม่นานหรอก เพราะเจ้าหน้าที่จะทยอยให้คนเข้าไป เรื่อยๆ ทัน Keynote แน่นอน ก็คงต้องลุ้นครับว่าที่เราอยู่ตรงนี้จะ ทันได้เข้าไปนั่งดู Keynote กันใน Main Hall รึเปล่า เรารอกันจนถึงเวลา 7:30 เจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยปล่อยเข้าไป จุดที่ ผมรอเป็นด้านตรงข้ามกับทางเข้าเลย ลุ้นมากว่าจะได้เข้าไปใน Hall รึ เ ปล่ า ก็ ค่ อ ยๆ ทยอยกั น ไปครั บ ระหว่ า งทางก็ คุ ย กั บ Developer ที่อยู่ในแถวใกล้เคียง ทุกคนตื่นเต้นมาก คุยกันว่าจะมี อะไรใหม่ iOS7 จะเป็นยังไง ฯลฯ ก็ ได้บรรยากาศดีครับ ระหว่าง ทางเจ้ า หน้ า ที่ จ ะทยอยปล่ อ ยคนเพื่ อ ป้ อ งกั น ไม่ ใ ห้ เ กิ ด อุ บั ติ เ หตุ ทำงานกันเป็นระบบดีทีเดียว หลังจากเข้าไปรอที่ชั้นสองอยู่เกือบชั่วโมง ในที่สุดก็เริ่มขยับ และ ก็ ได้เข้าไปใน Main Hall จนได้ ผมคิดว่าผมอยู่ค่อนข้างหลังแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากเลยที่ตามมาและไม่ได้เข้า ก็ถือว่าโชคดีครับแม้จะ ไม่ได้นั่ง Zone หน้าๆ ก็ตาม ระหว่างทางเห็นป้ายใหญ่ๆ มีผ้าดำ ปิดด้วย จะเป็นอะไรน้า ...

20

G-MagZ IT MAGAZINE

อ้อ ระหว่างนั่งรอ ฝรั่งคนนึงเปิด facebook ให้ดู เพื่อนเค้าแชร์ รูปมา (เสียดายลืมขอรูปไว้) บอกว่าคิวแรกมารอแค่ 21 ชั่วโมง เอง คือลงทะเบียนเมื่อวานแล้วรอเลย อะไรจะขนาดน้าน ไม่ใช่ งานเปิดขาย iPhone6 นะ ผมขอข้าม Keynote ไปนะครับ เพราะท่านสามารถเปิดดูย้อนหลัง ได้ทาง Website ของ Apple และหลังจากที่ Keynote จบลง คน ก็ทยอยเดินออกมาทานข้าวกัน พอออกมานอก Hall ก็เห็นว่าเค้า เอาผ้าดำทีป่ ดิ ป้ายออกแล้วครับ เป็นรูป iOS7 และ OSX Mavericks นั่นเอง และยังเอา Mac Pro ตัวใหม่มาโชว์ด้วย แหม อะไรจะไว ปานนั้น

นอกจากนั้นในระหว่างรอ ผมทดลองเข้า Website ของ Apple จาก wifi ของในงานเพื่อดูว่าตอนนี้ Live Stream ของ Apple เริ่มถ่ายทอดหรือยัง ก็พบข้อความประมาณว่า “คุณอยู่ในงานอยู่ แล้วไม่ต้องดู Live Stream หรอก ขอให้สนุกกับ Keynote นะ” ... แม้แต่พวก Video ของ Session ต่างๆ ที่มีแล้วก็เหมือนกัน คือถ้่า ใช้ wifi ของที่นี่ละก็เปิดดูไม่ได้ครับ ... โอ้ว อะไรจะจัดงานแบบลง รายละเอียดได้ขนาดนั้นนี้เนี่ยะ สมกับเป็น Apple จริงๆ

Seminar

สำหรับงาน WWDC นั้น จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ การ บรรยายหัวข้อต่างๆ และ Lab ครับ สำหรับการบรรยายก็เหมือน งานสัมมนาทั่วไป คือแบ่งเป็นหัวข้อจัดตามห้องต่างๆ หัวข้อไหน ที่เป็นเรื่องใหม่ๆ ก็จะถูกจัดในห้องใหญ่ แต่หัวข้อไหนที่เฉพาะทาง หน่อยอย่างเช่นเกมส์ หรือ Passbook ก็จะจัดห้องเล็กกว่า


BIZ& CONSULT

ผมคิดว่าส่วนที่ 2 น่าสนใจกว่าครับ คือส่วนของ Lab ซึ่งจะแบ่ง เป็นกลุ่มต่างๆ เช่น User Interface Design Lab, Framework Lab, Service Lab, etc. เป็นต้น แต่ละกลุ่มก็มีเครื่อง iMac มา ตั้งและมี Engineer ของ Apple คอยดูแล และแบ่งเป็นช่วงเวลา สั้นบ้างยาวบ้าง ผมเคยไปงาน TechEd. ของ Microsoft ก็จะมี Lab เหมือนกัน ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกัน คือจะมีเครื่อง ให้ ใช้ มีหัวข้อกับ Hands-out แล้วทำ Lab ปรากฏว่าไม่ใช่ครับ Lab ของ Apple คือ เป็นการ Discuss กับ Engineer ของ Apple ที่เป็นทีมพัฒนาเรื่องนั้นโดยตรงเลย เช่น ถ้า Session นั้นเป็น เรื่อง Auto Layout Lab ก็จะจัดใน Zone User Interface และ ถ้าใครที่มีปัญหาในการทำ App ที่เกี่ยวกับหัวข้อนั้น ก็ให้เราเอา Code มาเปิดให้เค้าดูเลยว่าติดปัญหาอะไร เค้าจะช่วยแก้ปัญหา ให้เราครับ โอ้ว... ประมาณว่าติดอะไรก็ถามคนทำมันเลยทีเดียว ผมเองก็ ได้เจอทีมที่ทำ Mobile Device Management และ App Map ด้วย ถามไปนี่พี่แกต้องกัดฟันตอบเลย เพราะโบ้ยให้ ใคร

ไม่ได้แล้ว (ขอไม่บอกนะครับว่าถามเรื่องอะไร ^_^)

นอกจากนัน้ บริเวณรอบๆ ของชัน้ 1 ก็จะเป็น Zone สำหรับนัง่ ทาง อาหารกลางวัน (มี ให้ทุกวัน เป็นพวกแซนวิชครับ) มี Internet

(สาย LAN) ให้ใช้ และที่สำคัญ Internet เร็วมาก แม้ว่าคนจะนั่ง กันเยอะมากก็ตาม ส่วนบริเวณรอบๆ ชั้น 2-3 ก็จะมี Block ย่อยๆ ให้นง่ั ทำงานได้ทว่ั ไปเหมือนกัน ทัง้ นัง่ ทัง้ นอนเอกเขนกกันเลยทีเดียว (ระหว่างที่กำลังพิมพ์บทความนี้อยู่ มีบางคนนอนเลยครับ กรน สนั่นหวั่นไหวทีเดียว แอบขำกันเป็นแถว ^_^) ทั้งงานจะมี WiFi ให้ใช้ แต่ก็จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับปริมาณคนที่ใช้งาน ณ จุดนั้น ไม่เร็วเหมือนกับชั้น 1 แต่มีดีกว่าตรงที่จะมีขนมขบเคี้ยวอย่างพวก เลย์เป็นซองๆ และเครื่องดื่มพวกแป๊บซี่วางไว้ให้ตลอด วันแรกมี M&M ด้วยนะ ส่วนกาแฟก็เติมให้ไม่ขาดครับ เป็นของ Starbucks

ด้วย แต่เป็น Americano นะครับ คือกาแฟดำครับ มีนมสดกับ น้ำตาลให้ และ ... ชงเองครับ เพราะฉะนั้นรสชาติจะออกมาเป็น ยังไงก็ตัวใครตัวมันคร้าบ ^_^ สิ่งที่แตกต่างไปจากงานอื่นๆ ก็คือ ในงานจะไม่มี Boot ของ 3rd Party เลยครับ อย่างงานของ Sun หรือ Oracle ก็จะมี Boot ของคู่ค้าที่จะมาจัดแสดงสินค้าหรือบริการ พอที่จะได้เอานามบัตร แลกของที่ระลึกหรือของ Premium มาฝากบ้าง แต่ของ Apple ไม่มีครับ แต่ก็จะมีทดแทนด้วยของโชว์ เช่น ในงานจะการนำ App มาโชว์ ซึ่งเป็นโต๊ะยาววาง iPad ต่อๆ กัน โดนบน iPad แต่ละตัว จะมี icon ของ App บน AppStore วางชิดๆ กันต่อกันยาวเหยียด และหน้าจอจะแสดง icon ไหลไปเรื่อยๆ จากด้านหนึ่งไปอีกด้าน หนึ่ง ต่อเนื่องจากจอหนึ่งไปอีกจอหนึ่งด้วย ถ้าเอานิ้วแตะดู ก็จะมี Effect คลื่นเหมือนแตะลงบนผิวน้ำ และคลื่นจะกระเพื่อมไปยังจอ iPad ที่ติดกันด้วย รองรับ Multi-touch อีกต่างหาก แต่ที่เจ๋งมาก ก็คือ icon บนจอจะกระพริบทุกครั้งที่ App ตัวนั้นถูก Download จาก AppStore ครับ โอ้ว อยากรู้จังว่าเขียนยังไง >_<

นอกจากนั้นก็มีของที่ระลึกขาย จะเป็นของ Apple เอง เช่น เสื้อ กันหนาวแบบมี Hood เสื้อทีเชิร์ตสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่เป็น Logo WWDC ของปีนี้ แก้วน้ำ หมวก กระติกน้ำเก็บอุณหภูมิ G-MagZ IT MAGAZINE

21


BIZ& CONSULT

คิดถึงมาก่อนด้วย (ขออุบไว้ก่อนครับ ลองคิดเล่นๆ ครับว่าทำยังไง ^_^) จบงานก็เป็นการเลี้ยงอาหารเย็น เพื่อให้ Developer ได้พูด คุยทำความรู้จักกันและได้มีโอกาสคุยกับ Engineer ของ Apple ด้วย

เป็นต้น ราคาก็แรงใช้ ได้เลย เสื้อกันหนาวก็ $50, T-Shirt $20, ปากกา 4$ เป็นต้น ว่าแล้วก็บูชา เอ้ย ถอยเสื้อยืดกับเสื้อกันหนาว มาอย่างละตัวก็แล้วกัน ไหนๆ ก็ ได้มีโอกาสได้มางานกับเค้าทั้งที

The Bash

นอกจากงานที่เกี่ยวกับวิชาการแล้ว ก็จะมีงานอื่นๆ อีก เช่น งาน แจก App ดีเด่นในเย็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นงานที่ Apple ให้รางวัลแก่ นักพัฒนาที่พัฒนา App ได้โดนใจ ตัวอย่าง App ที่ดังๆ ก็เช่น Yahoo Weather บน iOS หรือ App ของ WWF เป็นต้น ในเย็นวันอังคารก็จะมีงาน Stump The Expert ซึ่งเป็นงานฮาๆ เบาสมอง ที่เอา Expert Engineer ของ Apple มานั่งบนเวที แล้ว ให้นักพัฒนาถามอะไรก็ ได้ ซึ่งฮามาก เค้าเป็นกันเองมาก จิกกัด กันเองและกัดผู้ร่วมงานตลอด อย่างถามว่า Product ของ Apple ที่มี Video Memory น้อยที่สุด คือ Product อะไร ... ห๊ะ คำถาม แฟนพันธุ์แท้เลยนะ Engineer Apple ยังตอบไม่ ได้เลย แต่มี Developer ตอบถูก (ฮา) และมีคำถามหนึ่งที่ Developer ถาม Engineer แล้วผมชอบมากเลย เค้าถามว่า “เราจะสั่ง Macbook Pro เครื่องหนึ่งให้เข้าสู่ Sleep Mode (เหมือนการปิดฝาลงมา) จาก Macbook Pro อีกเครือ่ งหนึง่ ยังไงโดยไม่แตะต้องปุม่ Power, keyboard หรือปิดฝาเครื่องที่ถูกสั่งปิด” Engineer ก็ ไปหาวิธีกัน มา แล้วตอบได้ด้วย คำตอบที่ได้บ้าบอมาก แต่ก็เป็นสาระที่ไม่เคย

22

G-MagZ IT MAGAZINE

ส่วนเย็นวันพฤหัสบดีก็จะเป็นงาน The Bash ซึ่งจะเป็นการแสดง สดของวงแวมไพร์ โดยจัดที่ Yerba Buena Gardens ซึ่งอยู่ตรง ข้ามกับ Moscone Center West นั่นเอง ในงานก็จะมีติ่มซำ ข้าว หน้าหมูตุ๋น (มั้ง) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสิร์ฟไม่อั้นเลยทีเดียว

Conclusion

สำหรับงาน WWDC ปีนี้ก็ต้องบอกว่าประทับใจครับ ได้ความรู้

มากมาย (และมีงานที่รอให้ทำอยู่ข้างหน้าอีกเพียบเช่นกัน) ระหว่าง งานก็สัมผัสได้ถึงความใส่ใจในงานของ Apple ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่า จะเป็นเรื่องคิวงานและสถานที่ที่สามารถรองรับนักพัฒนาขนาด 5,000 คนได้อย่างไม่มปี ญ ั หา รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ

น้อยๆ ที่แทรกอยู่ทั่วทั้งงาน เหมือนกับที่เราสามารถสัมผัสได้ถึง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แทรกอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Apple ที่ ทำให้เรารูส้ กึ ว่า Apple ใส่ใจในรายละเอียดของสินค้าจริงๆ นัน่ แหละ นอกจากนั้น ก็มีความรู้สึกว่านักพัฒนาที่ผมเจอและพูดคุยด้วย ก็ เป็นพวกที่มีใจรักการเขียนโปรแกรมจริงๆ เห็นได้จากความตื่นเต้น และกระตือรือร้นที่จะนำสิ่งที่ได้ ไปพัฒนางานต่อ งานผ่านมา 5 วัน แล้วก็ยังอยู่กันหนาตา เมื่อเทียบกับงานอื่นๆ ที่ผมเคยไปมาแค่วันที่ 3 ก็บางตาแล้ว ก็อยากให้นักพัฒนาในบ้านเราเป็นแบบนี้บ้างครับ สุดท้าย ขอเฉลยคำถามของ Stump The Expert ครับ วิธีก็คือ ให้เอา Macbook Pro อีกเครื่องมาแตะตรงมุมๆ หนึ่งของ Macbook Pro ที่เราจะสั่ง Sleep ครับ (ลองหาดูละกันว่า

มุมไหน) เพราะหลักการของ OSX ที่สั่งให้ Macbook Pro

เข้าสู่ Mode Sleep ก็คือ บนฝาของเครื่อง Macbook Pro จะ มีแม่แหล็กอยู่ เมื่อฝาปิดลงมาบน Censor ของเครื่อง ก็จะส่ง Message ไปให้ OSX ทำการสัง่ เครือ่ งเข้าสู่ Sleep Mode ครับ เพราะฉะนัน้ ถึงจะเป็นฝาของเครือ่ งอืน่ ก็สงั่ Sleep ได้เหมือนกัน เค้าทำให้ดูบนเวทีเลยครับ ทำได้แน่นอน ^_^


THE IDEA MANO

THE WORLD’S MOST INNOVATIVE COMPANIES 2013 ในยุคปัจจุบัน หลายองค์กรมุ่งเน้นพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ ในอุตสาหกรรมใด โดยเฉพาะ ความรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนมีความสำคัญมากกว่าในอดีตอย่างมาก เราจะเห็นการปรับตัวขององค์กร ในระดับต่างๆ ทั้งองค์กรระดับโลกที่มีสินค้าและตราสินค้าติดตลาดก็ ไม่มีการหยุดนิ่ง องค์กรหน้าใหม่ขนาด กะทัดรัดที่มีนวัตกรรมของสินค้าและบริการเป็นตัวนำ บทเรียนจากการปรับตัวขององค์กรในอุตสาหกรรม ประเภทหนึ่งสามารถถ่ายทอดสู่อีกอุตสาหกรรมหนึ่งได้ง่ายขึ้น เครือข่ายสังคมกลายเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ทุกองค์กร “ซอฟต์แวร์” เป็นปัจจัยที่สร้างปรากฎการณ์มหัศจรรย์เบื้องหลังบริการต่างๆ ขณะที่ “ข้อมูล” สร้างความแตกต่างในการดำเนินธุรกิจ และในปีถัดๆ ไป ปัจจัยที่จะนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จสามารถ เปลี่ยนไปได้อีก

บริษัท Fast Company (FC) ได้จัดอันดับองค์กรที่มี ความคิดสร้างสรรค์ไว้ทั้งหมด 50 อันดับ องค์กรใน แต่ละอุตสาหกรรม ขนาดเล็กหรือใหญ่สามารถติดโผ นี้ ได้ การจัดอันดับสะท้อนสถานะของความสร้างสรรค์ของ องค์กรที่นำพาให้องค์กรสู่ความสำเร็จเป็นสำคัญ โดยไม่ ได้ เน้นที่มูลค่าหรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น เรียกได้ว่างานนี้แข่งขัน กับตัวเองเป็นหลัก ซึง่ ในปี 2012 บริษทั ที่ได้อนั ดับ 1-5 ได้แก่ Apple, Facebook, Google, Amazon และ Square ตาม ลำดับ ซึ่งถ้าดูจากชื่อองค์กรทั้ง 5 ผมเชื่อว่าพวกเราจะรู้จัก อย่ า งน้ อ ย 4 องค์ ก รอย่ า งแน่ น อน เพราะเป็ น องค์ ก รที่ มี ผลิตภัณฑ์และบริการทีเ่ ป็นทีน่ ยิ มและรูจ้ กั ทัว่ โลก จะมีอยูบ่ ริษทั เดียวคือ Square ที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในแถบภูมิภาคนี้ แต่ผู้ก่อตั้ง Square ก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายสังคมชื่อดัง Twitter เช่นกัน การพูดถึงผลการจัดอันดับของปี 2012 คงไม่สำคัญเท่ากับผล ในปี 2013 ซึง่ เปลีย่ นแปลงค่อนข้างมาก โดยมีเพียง 2 องค์กรที่

สามารถรักษาอันดับอยูใ่ น 5 อันดับแรกคือ Amazon และ Square มี 2 องค์กรที่ยังคงติดอยู่ในกลุ่ม 20 อันดับแรกได้แก่ Apple และ Google ส่วน องค์ ก รที่ ห ลุ ด จาก 50 อั น ดั บ แรกไปเลยนั่ น คื อ Facebook อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่าการจัดอันดับนี้ ไม่ได้ประเมินจากมูลค่าในทางธุรกิจ หรือความนิยม ชมชอบในผลิตภัณฑ์และบริการแต่อย่างใด แต่ขึ้น กั บ สถานะขององค์ ก รในช่ ว งเวลา 1 ปี นั้ น ว่ า มี

นวัตกรรมใหม่หรือไม่ ดังนั้นการที่องค์กรใดๆ มี อันดับติดอยู่ในกลุ่มได้จะต้องมีขบวนการจัดการใน ด้านนวัตกรรมขององค์กร หรือความสร้างสรรค์ อย่างต่อเนื่อง สามารถก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ที่ โดนใจหรือกระทบต่อคนกลุ่มมาก ในบทความนี้จะขอพูดถึงองค์กรที่ ได้อันดับหนึ่งจากการจัด อันดับองค์กรด้านนวัตกรรมในปี 2013 นั่นคือ NIKE ที่เบียด องค์กรชัน้ นำในกลุม่ เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตขึน้ มาได้ NIKE สามารถคว้าอันดับหนึ่งจากนวัตกรรมในสองผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทช่ี อ่ื “FuelBand” ซึง่ เป็นสายคาดมืออิเล็กทรอนิกส์

ที่สามารถวัดค่าต่างๆ ระหว่างที่เราออกกำลังกายหรือดำเนิน กิจวัตรประจำวันอยู่ โดยมีภาพลักษณ์ที่ดูเรียบง่าย ใช้งานง่าย ค่าต่างๆ ที่ถูกวัดไม่ว่าจะเป็นจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป จำนวนก้าวที่วิ่ง/เดิน และค่าคะแนน NikeFuel ซึ่งเป็นหน่วย วัดที่ทาง NIKE ตั้งขึ้นมาเองเพื่อต้องการให้เราใช้อ้างอิงและ สามารถนำไปโชว์กันในโลกออนไลน์ และ FuelBand เป็น ผลิตภัณฑ์ที่บอกเป็นนัยๆ ว่าตอนนี้ NIKE เข้าสู่ธุรกิจดิจิตอล เต็มตัวแล้ว ส่วนอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งคือ “Flyknit” รองเท้าวิ่งที่ มีน้ำหนักเบาราวกับสวมถุงเท้าเท่านั้น โดยเน้นใช้เทคโนโลยี G-MagZ IT MAGAZINE

23


THE IDEA

FUELBAND

Nike embedded 120 LED lights into the Fuelband, modeling the display after a retro scoreboard.

การถักด้ายแทนที่จะใช้ผ้าหลายๆ ชั้น ตัวผลิตภัณฑ์เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม แม้ว่าต้องใช้ขบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด แต่ จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาว จากบทสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของ NIKE มีกฎ 4 ข้อที่ องค์กรใช้เป็นแนวทางในการสร้างนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์ ดังต่อไปนี้ 1. การคิ ด ใหม่ แ ละทำใหม่ ใ นแต่ ล ะขั้ น ตอน เพื่ อ ให้ เ กิ ด

ผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นอย่างชัดเจน 2. การจิ น ตนาการเกี่ ย วกั บ วิ วั ฒ นาการของผลิ ต ภั ณ ฑ์ ไ ว้

ล่วงหน้า 3. การเร่งติดต่อไปยังพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 4. การสานต่อวัฒนธรรมองค์กร เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ นักเทนนิสหญิงอาชีพ มือวางอันดับหนึ่ง ของโลกก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ ให้ความชื่นชมต่อความเป็น NIKE โดยเธอได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจ 3 ข้อ คือ 1. NIKE มี อ ะไรใหม่ ๆ อยู่ เ สมอ ถ้ า นั บ ตั้ ง แต่ ยุ ค ปี 80 ที่

NIKE ได้ถือกำเนิดขึ้นมา 2. NIKE สามารถแปลสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ (ภาพลักษณ์

ความรู้สึก) มาเป็นสินค้าที่จับต้องได้ 3. NIKE ไม่เคยหยุดนิ่งกับความสำเร็จที่ผ่านๆ มา

24

G-MagZ IT MAGAZINE

FLYKNIT

Knit threading and supportive cables (think suspension bridges) allow the Flyknit Racer to weigh just 5.6 ounces.

การที่ได้นำ NIKE มาเป็นกรณีศึกษาในเรื่องนวัตกรรมองค์กร คงพอทำให้เห็นตัวอย่างหนึ่งของความไม่หยุดนิ่งขององค์กร ชัน้ นำ ต้องพัฒนาตัวเองอยูต่ ลอดเวลาเพือ่ ดำรงความสามารถใน การแข่งขัน องค์กรได้ ใช้แนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใน สองแกนคือ พัฒนาผลิตภัณฑ์เดิม (ที่ติดตลาดอยู่แล้ว) ให้ดี ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็พัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใหม่อย่างธุรกิจ ดิจิตอล โดยมีขบวนการสร้างนวัตกรรมเป็นโครงร่าง และ วัฒนธรรมองค์กรเป็นพื้นฐาน


ISO/IEC 20000-1:2011 อีกหนึ่งความแข็งแกร่งของ CPF นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เสริมสร้างศักยภาพ ในงานบริการด้วยระบบไอทีของซีพีเอฟ ที่ผ่าน

การรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ทัง้ นีค้ ณ ุ ประเดิม โชติศภุ ราช รองกรรมการผูจ้ ดั การ

บริหาร สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบงาน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้เปิดเผยกับ GMagz เกี่ยวกับความสำเร็จของทีมงาน CPF IT ที่ ได้มีการบริหาร รวมถึงการพัฒนาระบบงานด้านไอทีของ CPF ทั้งหมด ให้สามารถผ่านการรับรองมาตรฐาน

สากล ISO/IEC 20000-1:2011

คุณประเดิม โชติศุภราช รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบงาน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)

คุ ณ ประเดิ ม ได้ ก ล่ า วถึ ง เหตุ ผ ลหลั ก ในการที่ CPF สามารถผ่ า นการยอมรั บ และได้ รั บ การรั บ รอง

มาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 ซึ่งเป็นมาตรฐาน

สากลด้านการบริหารบริการ IT โดยเฉพาะ ด้วยการเล็งเห็น ปัญหาและประโยชน์ที่จะได้รับจาก /IEC 20000-1:2011 จาก

ทีมผูบ้ ริหาร เพือ่ ให้สามารถตรวจสอบข้อมูลและระบบการทำงาน ของการบริหารด้านไอที ในองค์กรได้ทั้งระบบ เพื่อสามารถนำ ข้อมูลต่างๆ มาปรับปรุงวางแผนนโยบาย ให้สอดคล้องกับการ แก้ปญ ั หาในเชิงการวิเคราะห์แบบเชิงลึกได้อย่างถูกจุดและบริหาร ระบบงานบริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยอาศัยระบบไอทีที่ ผ่านมาตรฐานสากล เพื่อให้ระบบบริหารจัดการระบบไอทีมีความ

ยืดหยุ่นและสร้างความโปร่งใสทั้งระบบ เพื่อส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ ดังนั้น กลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบ

งานส่วนนี้คือ CPF IT Center เนื่องจากต้องเป็นหน่วยงานที่ สร้างระบบงานเชื่อมต่อที่ต้องเกี่ยวข้องกับการให้บริการกลุ่ม

ผู้ใช้งานจำนวนมากของ CPF ทัง้ ในและต่างประเทศ ซึง่ มีมากกว่า 10 ประเทศทัว่ โลก เราจึงจำเป็นต้องมี Certified ให้กบั CPF IT เพื่อสร้างเครดิตให้กับตัวเองก่อน เพื่อตอกย้ำว่า ระบบงานไอที ของเรามีมาตรฐานในระดับสากลให้เป็นทีย่ อมรับอย่างกว้างขวาง “การที่องค์กรทราบถึงจุดอ่อน – จุดแข็ง ก็จะช่วยสนับสนุน พัฒนาและปรับปรุงระบบงานบริการด้านไอที ให้สอดคล้อง มาตรฐานสากลได้อย่างดี ทำให้ CPF ตัดสินใจที่จะขอการ รับรองมาตรฐาน ISO 20000 ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ ถูกต้อง สร้างความภาคภูมิใจให้กับองค์กร ขณะเดียวกันที่ CPF มีความโชคดี มีทีมที่ปรึกษามืออาชีพและเป็นทีมที่มี ประสิทธิภาพจาก CDGM ได้จัดทีมพี่เลี้ยงเข้าช่วยเหลือ ให้ คำแนะนำและลงมาคลุกคลีการทำงานกับทีม CPF IT ของ เราอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ร่วมเคียงข้างกับความสำเร็จนี้ ร่วมกันอย่างน่าภาคภูมิใจ” คุณประเดิมได้กล่าวเสริมในส่วนของอุปสรรคและส่วนงานที่ยาก

ทีส่ ดุ ว่า “ในการดำเนินการกระบวนการ ขอการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 20000-1:2011 สิ่งที่ยากที่สุดคือ เรื่องคน ซึ่งก่อน อื่นจำเป็นต้องปรับวิสัยทัศน์ “คน” ให้ ได้ก่อน เพื่อให้เข้าใจ ในเป้าหมายที่ตรงกัน ชี้ ให้เห็นถึงเส้นทางที่จะก้าวสู่มาตรฐาน

G-MagZ IT MAGAZINE

25


คุณประกอบ ฤกษ์ปรีดาพงศ์ Vice President (VP) บริษัท ซีพีเอฟ ไอทีเซ็นเตอร์ จำกัด

สากลร่วมกัน เนือ่ งจาก ISO20000 จะมุง่ เน้นทางด้านการบริหาร จัดการทางด้าน IT เป็นหลัก ต้องประกอบไปด้วยการทำงานของ

กลุม่ คนหลายส่วน จึงอาจต้องเจอการต่อต้านจากการเปลีย่ นแปลง

รูปแบบการทำงานแบบเดิมที่คุ้นเคย ซึ่งระบบงานทั้งหมดจะมี

ผลกระทบถึงรูปแบการทำงานของพนักงานได้ ซึ่งถือเป็นเรื่อง

ธรรมดาที่จะมีการต่อต้านเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สิ่งที่

ทางคณะทำงานพยายามแก้ปัญหา โดยผลักดันให้เกิดขึ้นภายใน

องค์กรคือการเรียนรูถ้ งึ สิง่ ทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปในรูปแบบการพัฒนา

ให้ดีขึ้น ประโยชน์ที่องค์กรและส่วนบุคคลจะได้รับ รวมถึงการ

สนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงรูปแบบการทำงาน

ของพนักงานในทุกระดับชั้นไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างการยอมรับ

และสร้างบทบาทให้ทุกคนพร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน” คุณประเดิม ชี้ย้ำถึงปัจจัยความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “การร่วมมือ

ร่วมใจกันของทีมงาน CPF IT ที่มีความมุ่งมั่นและมีการ

กระจายข่าวสารภายในองค์กรอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ไม่วา่ จะเป็นการสร้างความตระหนัก (Awareness) และสร้าง

ความเข้าใจให้พนักงานเห็นถึงความสำคัญของ ISO20000

รวมถึงการส่งข้อมูลรายละเอียดเกีย่ วกับการรับรอง ISO20000 ข้อกำหนดต่างๆ ที่จำเป็นและต้องปฏิบัติตามอย่างทั่วถึงและ

ครอบคลุมครบถ้วน ควบคู่ไปกับการมีทมี ทีป่ รึกษา (Consultant ทีม่ คี ณ ุ ภาพและการได้รบั การสนับสนุนและให้เห็นความสำคัญ

ในการจัดสรรงบประมาณให้สำหรับการพัฒนาระบบอย่าง

จริ ง จั ง ทั้ ง หมดคื อ ปั จ จั ย หลั ก ในการสร้ า งความสำเร็ จ ใน

ครั้งนี้” พร้อมกับการกล่าวทิ้งท้าย ฝากถึงทุกองค์กรที่มีแผนการ ขอรับรองมาตรฐาน ISO 20000 ว่า “ทุกองค์กรจะต้องมีความ พร้อมทั้งทีมงาน และมีการเลือกทีม Consultant ที่มีจุดแข็ง ด้านชือ่ เสียงหรือทีมงานทีป่ รึกษา ทีม่ คี วามเข้าใจสภาพการทำงาน ระหว่างกันให้มากที่สุด พร้อมไปกับทีมผู้บริหารเอง ต้องตอบตัว

26

G-MagZ IT MAGAZINE

เองให้ได้กอ่ นว่าองค์กรมีนโยบายในการให้บริการด้าน IT อย่างไร หลังจากนั้นต้องทำความเข้าใจถึงมาตรฐาน ISO20000 ว่าคือ อะไร องค์กรควรได้ประโยชน์อะไรจากการสร้างระบบ แล้วบทบาท หน้าที่สำหรับผู้บริหารในระบบนั้นๆ คืออะไร และหลังจากนั้นก็ มอบหมายกลุ่มทำงานที่ไว้ใจได้ ลงทำงานจริง ด้วยจัดทำระบบ ที่จริงจัง มีระยะเวลาการทำงานชัดเจน พร้อมไปกับการสร้าง ระบบงานแจ้งความคืบหน้าอย่างมีระบบ มีการปฏิบตั ติ ามเอกสารที ่ จั ด ทำขึ้ น อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง แล้ ว ก็ ผ ลั ก ดั น ให้ มี ก ารตรวจติ ด ตาม และสิ่งสำคัญคือ ต้องผลักดันให้เกิดการปรับปรุงในที่ประชุม

ผู้บริหารให้เห็นแนวทางว่า มาตรฐาน ISO20000 จะเกิด

ประโยชน์กับองค์กรร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยทั้งหมดจะ

สร้ า งให้ ทุ ก องค์ ก รก้ า วขึ้ น สู่ ม าตรฐานสากล อย่ า งที่ CPF

ประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจกันในวันนี้” คุณประกอบ ฤกษ์ปรีดาพงศ์ Vice President (VP) แม่ทัพใหญ่

ของทีม CPF IT ที่ควบคุมและดูแลระบบ Infrastructure ให้กับ บริษัทในเครือของ CPF ทั้งในและต่างประเทศ ได้กล่าวเสริม ความเป็นมาของการเลือกใช้ทีมที่ปรึกษา เพื่อสร้างความสำเร็จ ในครัง้ นีว้ า่ “ตอนทีค่ ดั เลือก Consultant เรามีตวั เลือกหลายราย

แต่ เ ราเชื่ อ มั่ น ในชื่ อ เสี ย งและการดู แ ลจาก CDGM ที่ ยื น

เคียงข้าง พัฒนาและสร้างความสำเร็จให้กับระบบไอที ให้กับ CPF มานาน เชือ่ มัน่ ในการทำงานร่วมกัน และเข้าใจใน Process การทำงานภายในของ CPF มาเป็นอย่างดี อีกทัง้ ได้รบั คำแนะนำที่ เป็นประโยชน์ เข้าสนับสนุนด้านการให้คำแนะนำและร่วมทำงาน อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจให้กับทีมงานภายในของเรา ด้วยการส่งทีมที่ปรึกษา เข้ามาประกบและร่วมทำงานเสมือน เป็นทีมเดียวกับทาง CPF ทำให้ตลอดเวลาที่มีการทำงานร่วมกัน

มีความเข้าใจในสภาพการทำงาน และในระหว่างทางก็มีการให้ กำลังใจกันและกันโดยตลอด”


หมอลี

โลกร้อน หลายวันก่อน ผมได้อ่านข่าวต่างประเทศ ผ่านทาง Yahoo บวกกับได้มาดูหนัง The Day After Tomorrow ทาง HBO ผมเลยคิดว่าเรื่องนี้ ไม่ ได้เป็นเรื่องที่จะมีผลกระทบต่อเราในวันข้างหน้า

แต่เป็นวันนี้ เดี๋ยวนี้ โดยที่เราไม่รู้ตัว และยังคงเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต และการบริโภคพลังงาน แบบเดิม การที่จะพูดถึงเรื่องนี้ก็คงไม่สายไป เลยคิดว่าบทความนี้ ไม่ ได้เป็นอะไรที่เป็น IT ล้วนๆ ก็จะ มาเล่าสู่กันฟังหน่อย เราทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างไร

เป็นเวลามากกว่า 1 ทศวรรษแล้วที่ผู้คนพึ่งพาเชื้อเพลิง ฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เพื่อ ตอบสนองความต้องการพลังงาน การเผาไหม้เชื้อเพลิงปล่อย ก๊ า ซคาร์ บ อนไดออกไซด์ ซึ่ ง ก่ อ ให้ เ กิ ด ภาวะโลกร้ อ นออกสู่ บรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่สร้างผลกระทบมากกว่า ก็เป็นสาเหตุเช่นกัน รวมถึงการทำลายป่าอย่างมหาศาล

ความจริงที่เรารู้

แม้วา่ จะยังมีความไม่แน่นอนต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่าง เรื่องเวลา ขอบเขต และภูมภิ าค ของภาวะโลกร้อน แต่มกี ารยอม รับร่วมกันเรื่องข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้

• ก๊าซต่างๆ เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศนั้น ก่อให้ เกิด “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” ซึ่งกักเก็บความร้อนเอาไว้ และรักษาโลกให้อบอุ่นพอที่จะหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิต ดังที่เรา ทราบกันดี • การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหิน น้ำมัน ฯลฯ) ปล่อย คาร์ บ อนไดออกไซด์ อ อกสู่ บ รรยากาศเพิ่ ม ขึ้ น อี ก แม้ ว่ า

คาร์บอนออกไซด์จะไม่ใช่ตวั การสร้างผลกระทบมากทีส่ ดุ แต่ก ็ เป็นก๊าซที่มนุษย์เป็นผู้ก่อให้เกิดมากที่สุด เนื่องจากถูกปล่อย ออกมาปริมาณมาก • ปัจจุบันความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศอยู่ ในระดับสูงที่สุดใน 150,000 ปี • คาดว่าทศวรรษ 1990 เป็นทศวรรษทีร่ อ้ นทีส่ ดุ ในประวัตศิ าสตร์ และ ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541) เป็นปีที่ร้อนที่สุด

G-MagZ IT MAGAZINE

27


นอกจากนี้ยังได้ยอมรับร่วมกันอย่างกว้างขวางในสิ่งต่อไปนี้ • ความร้ อ นที่ เ พิ่ ม ขึ้ น ในระดั บ หนึ่ ง นั่ น คื อ ราว 1.3 องศา เซลเซียส (2.3 องศาฟาเรนไฮท์) เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุค อุตสาหกรรม อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ ได้เมื่อพิจารณาการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนถึงปัจจุบัน การจำกัดความร้อนให้ อยู่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส (3.6 ฟาเรนไฮท์) นั้นเป็นสิ่ง

จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน • ถ้าไม่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ภาวะ โลกร้อนใน 100 ปี ข้างหน้าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย เป็นมาตั้งแต่กำเนิดอารยธรรมมนุษย์ • เป็นไปได้สูงมากที่กลไกการตอบโต้ของสภาพภูมิอากาศจะนำ ไปสู่ ก ารเปลี่ ย นแปลงของสภาพอากาศแบบทั น ที แ ละไม่

สามารถกลับคืนเหมือนเดิม ไม่มีใครรู้ว่าภาวะโลกร้อนจะต้อง รุนแรงมากขึ้นเพียงใดจึงจะจุดชนวนให้เกิด “สถานการณ์ วันสิ้นโลก”

ผลกระทบ

ไม่มีใครรู้ว่าโลกร้อนมากเพียงใดที่จะ “ปลอดภัย” แต่ที่เรารู้ก็คือ ภาวะโลกร้อนกำลังก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนและระบบนิเวศ ความจริงที่เราเห็นได้ก็คือ ธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย น้ำแข็ง ขั้วโลกสลาย ชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ที่อุ่นขึ้น ปะการังที่ กำลังตาย ระดับน้ำทะเลที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ระบบนิเวศที่กำลัง เปลี่ยนแปลง และคลื่นความร้อนที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ และ ไม่ ใ ช่ นั ก วิ ท ยาศาสตร์ เ ท่ า นั้ น ที่ ก ำลั ง เป็ น ประจั ก ษ์ พ ยานของ ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ตั้งแต่ชนเผ่าอินูท์ในทวีปอาร์กติกทาง ตอนเหนือสุด จนถึงชาวเกาะใกล้เส้นศูนย์สูตร ผู้คนกำลังดิ้นรน เพราะผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแต่ทง้ั หมดทีก่ ล่าวมาเป็นเพียง การเริ่มต้นเท่านั้น เรากำลังประสบกับภาวะโลกร้อนที่อันตราย แล้ว และเราต้องลงมือกระทำเพือ่ หลีกเลีย่ งภาวะโลกร้อนอันเป็น หายนะ ในขณะทีย่ งั ไม่ทราบถึงผลกระทบทัง้ หมดในระดับภูมภิ าค ผลกระทบต่อไปนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหากเรายังปล่อยให้สภาพ ในปัจจุบันดำเนินต่อไป

28

G-MagZ IT MAGAZINE

• ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้น และผลกระทบในตอนเริ่มต้นจาก อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง • ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากธารน้ำแข็งที่กำลังละลาย และอุณหภูมทิ วั่ โลกทีก่ ำลังสูงขึน้ จากการขยายตัวทางความร้อน ของน้ำในมหาสมุทร • ก๊ า ซเรื อ นกระจกที่ ถู ก ปล่ อ ยออกมามหาศาลจากชั้ น ดิ น เยือกแข็ง และป่าที่กำลังตาย • มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดสภาพอากาศรุนแรง เช่น คลื่น ความร้ อ น ความแห้ ง แล้ ง และน้ ำ ท่ ว ม ในปั จ จุ บั น ความ แห้งแล้งทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าใน 30 ปีที่ผ่านมา 2 เท่า • ผลกระทบรุ น แรงในระดั บ ภู มิ ภ าค ตั ว อย่ า งเช่ น ในยุ โ รป จะเกิ ด น้ ำ ท่ ว มจากแม่ น้ ำ เพิ่ ม ขึ้ น ในพื้ น ที่ ส่ ว นมากของทวี ป และตามพื้นที่ชายฝั่งจะเสี่ยงต่อน้ำท่วม การกัดเซาะ และ การสูญเสียพื้นที่ในทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก • ระบบทางธรรมชาติ ซึ่ ง ได้ แ ก่ ธารน้ ำ แข็ ง ปะการั ง

ป่าชายเลน ระบบนิเวศของทวีปอาร์กติก ระบบนิเวศของ เทื อ กเขาสู ง ป่ า สนแถบหนาว ป่ า เขตร้ อ น เขตลุ่ ม น้ ำ ใน ทุ่งหญ้า และเขตทุ่งหญ้าในท้องถิ่น จะถูกคุกคามอย่างรุนแรง • สัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้น และเกิด ความสูญเสียด้านความหลากหลายทางชีวภาพ • ผลกระทบที่รุนแรงกว่าจะตกอยู่กับประเทศยากจน ได้แก่ ประเทศที่ ก ำลั ง พั ฒ นาของทวี ป แอฟริ ก า เอเชี ย และ มหาสมุทรแปซิฟิค ที่มีความสามารถน้อยที่สุดในการป้องกัน ตนเองจากระดับทะเลที่สูงขึ้น การแพร่กระจายของเชื้อโรค และผลผลิตภาคเกษตรที่ต่ำลง • ภาวะโลกร้อนทุกระดับจะทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาทุกข์ ทรมานมากที่สุด • ผลกระทบร้ายแรงในระยะยาวหากโลกร้อนยังดำเนินต่อไป • พืดน้ำแข็งบนเกาะกรีนแลนด์และทวีปแอนตาร์กติกากำลัง

ละลาย หากไม่ควบคุม ความร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกอาจจุดชนวนให้เกิดการละลายของพืดน้ำแข็ง

ทั้งหมดในเกาะกรีนแลนด์ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งจะ


ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 7 เมตร เป็นเวลาหลาย ทศวรรษ มีหลักฐานใหม่ที่แสดงว่าอัตราของการไหลลงต่ำ

ของน้ ำ แข็ ง ในทวี ป แอนตาร์ ก ติ ก าแสดงถึ ง ภาวะเสี่ ย งที่ จ ะ ละลายทั้งหมด • กระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกที่ ไหลช้าลง เปลี่ยน ทิศทาง หรือหยุดไหล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างสูงในยุโรป และ ทำให้ระบบการไหลเวียนของมหาสมุทรผิดปกติ • หายนะจากการปล่อยก๊าซมีเทนอย่างมหาศาลจากมหาสมุทร ซึ่งทำให้ก๊าซมีเทนในบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น มนุ ษ ยชาติ ไ ม่ เ คยถู ก กดดั น ให้ ยื้ อ ยุ ด กั บ วิ ก ฤตสิ่ ง แวดล้ อ มที่ หนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ถ้าเราไม่ลงมือทำอย่างเร่งด่วนและ ทันทีเพื่อหยุดภาวะโลกร้อน อาจทำให้เกิดความเสียหายที่ ไม่ สามารถย้อนกลับคืนได้

IT สีเขียว

อุตสาหกรรมไอที มีอนาคตทีส่ ดใส ขณะเดียวกันก็เป็นอุตสาหกรรม ที่ ใช้ทรัพยากรประกอบค่อนข้างมาก กินพื้นที่และพลังงานใน การทำงานและสื่อสารข้อมูล การลงทุนด้านไอทีนั้น โดยมากมา จากภาคธุรกิจ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตามอาคารพานิชย์ทั่วไป ซึ่งเป็นที่ ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งใช้พลังงานไฟฟ้ามากอันดับต้นๆ ของโลก คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ของอัตรารวมทั้งสิ้น และมิได้มีทีท่าว่าจะ ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด ด้วยบริษัทห้างร้าน องค์กรธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน บ้านเรือนต่างก็หันมาพึ่งพาโครงสร้างไอที เป็นพื้นฐานในการประกอบกิจกรรมทุกประเภทมากยิ่งขึ้นทุกที กระนั้นก็ตามรายงานในปี 2010 ที่จัดทำโดย สถาบันด้านวิจัยที่ มีชื่อเสียง คอนเนคชั่นรีเสิร์ช แสดงว่า อัตราก๊าซเรือนกระจก ที่ เป็นผลจากอุตสาหกรรมไอทีนั้น มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จนถึงปี 2020

ตัวอย่างของโครงการ IT สีเขียว

หากจะเลือกซื้อหรืออัพเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ พีซี โน้ตบุ๊ก หรือจอมอนิเตอร์ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ Energy Star หรือ EPEAT (Electronic Product Protection Tool) ซึ่งบ่ง บอกระดับความสามารถในการรักษาสิ่งแวดล้อมมีอยู่ 3 ระดับ คื อ ทอง เงิ น และทองแดง จั ด ทำโดย Environmental

Protection Agency ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ควรเลือก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นในการประหยัดพลังงาน เช่น การ ตั้งค่า Sleep Mode อัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือสามารถถอด อุปกรณ์ต่อพ่วงที่ไม่จำเป็นออกได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงาน ได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว นอกจากนี้ ในวั น ที่ 1–7 มิถนุ ายนของทุกปีเป็นสัปดาห์ แห่ ง การรณรงค์ ไ อที สี เ ขี ย ว Green IT Week ที่จัดกันใน ทุ กปี โดยความร่วมมื อ จาก ประเทศต่ า งๆ เข้ า ร่ ว ม 37 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ด้วย โดยมีกิจกรรมต่างๆ ทั้ง การบริ จ าค จั ด นิ ท รรศการ ออนไลน์ ผ่ า นทาง Social Media มีสัมมนาความรู้ งานวิจัย หนังสือ และกิจกรรมรณรงค์ อื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ ไอทีสีเขียว เราผู้ใช้ ไอที สามารถปรับพฤติกรรม เพื่อให้โลกนี้น่าอยู่ ด้วยวิธี ง่ายๆ ดังนี้ • ปรั บ ความสว่ า งของหน้ า จอคอมพิ ว เตอร์ โทรทั ศ น์ หรื อ โทรศัพท์มือถือ ให้ความสว่างเหมาะสม • ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน • วางแผนใช้เครือข่ายอย่างคุ้มค่า • ปรั บ สภาพแวดล้ อ มการใช้ ง าน เช่ น ปรั บ อุ ณ หภู มิ ห้ อ งให้ เหมาะสมเพื่อยืดอายุและเพิ่มสมรรถนะของเครื่อง • เปลี่ยนเครื่องที่เก่า กินไฟมากเป็นเครื่องใหม่ที่ประสิทธิภาพ สูงกว่า เช่น - เปลี่ยน CRT เป็น LCD - ใช้ หรือ Solid State แทน Hardisk - เลือก Products ทีส่ ามารถรีไซเคิลได้ จะได้ชว่ ยลด e-waste ตอนนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันยิ่งใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกปี ไม่ว่า จะเป็ น เรื่ อ งสภาพอากาศที่ แ ปรปรวนผิ ด ปกติ และภั ย พิ บั ติ ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น เช่น พายุ แผ่นดินไหว น้ำท่วม พวกเราชาวไอทีก็ต้องช่วยกัน มาร่วมรวมพลังสร้างไอที ให้มี สีเขียว ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้งานไอทีให้คุ้มค่าและเป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ง่ายๆ เริ่มต้นที่ตัวคุณ บทความนี้เนื้อหาส่วนหนึ่งได้จาก เว็บไซต์ กรีนพีซ และ it24hrs.com G-MagZ IT MAGAZINE

29


สถานีช่องนนทรี

ฝนราชการ เรากำลังจะพูดถึงฝนจริงๆ นะครับ ไม่ ใช่คนชื่อฝนแล้วมารับราชการ สังเกตมั๊ยครับว่า... ช่วงหน้าฝนนี้หลายคนสงสัยกันเหลือเกินว่า ทำไมถึงชอบตกก่อนเข้างาน และหลังเลิก งานยังกะดูเวลากันเลย???

สัปดาห์กอ่ นทีมผูเ้ ชีย่ วชาญจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการเปิดเผยผ่านสื่อถึงเรื่องราวเหตุการณ์ เพื่อ สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับคนไทย โดย เริ่มจาก ความร้อนที่เกิดจากภายในเมืองใหญ่ลอยตัวขึ้นแผ่ ปกคลุมไปทั้งเมือง ส่งผลให้อากาศภายในเมืองนั้นมีอุณหภูมิ สูงกว่าอุณหภูมิภายนอกเมือง จนเกิดเป็น “โดมความร้อน” หรือ “เกาะความร้อน” (Urban Heat Island Effect) นั่นเอง ความร้อนเหล่านี้มาจากหลายๆ สิ่ง อาทิ สิ่งปลูกสร้าง เช่น อาคาร บ้านเรือน สร้างขึ้นจาก “คอนกรีต” โดยคอนกรีตนั้น หากเทียบกับน้ำแล้ว จะมีความสามารถในการดูดซับความ ร้ อ นน้ อ ยกว่ า เป็ น 2 เท่ า นั่ น หมายความว่ า คอนกรี ต จะ ปลดปล่อยความร้อนทีส่ ะสมไว้ระหว่างวันออกมามากกว่าแหล่ง น้ำเป็น 2 เท่า! ประกอบกับ “พื้นที่สีเขียว” ในกรุงเทพฯ ที่ เหลือน้อยลง ทำให้ ไม่มีต้นไม้เพียงพอที่จะมีไอน้ำไว้ดูดซับ ความร้อน นอกจากนี้ พฤติกรรม กิจกรรม การใช้ชีวิตของคนเมืองก็มี ส่วน เช่น การเปิดเครื่องปรับอากาศเป็นระยะเวลานานและ

30

G-MagZ IT MAGAZINE

ตั้งอุณหภูมิต่ำมากๆ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศจะดูดความ ร้อนในห้องออกไปไว้ด้านนอกอาคาร ตลอดจนไอร้อนจาก รถยนต์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนในกรุงเทพฯ เฉลี่ยอุณหภูมิราว 50 องศาเซลเซียสจาก 1 คัน ซึ่งปลดปล่อยสู่บรรยากาศ โดย จากการศึกษาตัวเลขเบื้องต้นพบว่ากรุงเทพฯ มีรถยนต์วิ่งอยู่ บนท้องถนนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน ตลอดเวลา!!! โดมความร้อนทีเ่ กิดขึน้ ยังส่งผลให้กรุงเทพฯ มีสภาพภูมอิ ากาศ เป็นเอกเทศ และอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมาก โดยส่งผลต่อ ลั ก ษณะการเกิ ด เมฆฝนและลั ก ษณะช่ ว งเวลาที่ ฝ นตกด้ ว ย ซึ่ ง จะสั ง เกตเห็ น ว่ า ลั ก ษณะการเกิ ด ฝนตกในปั จ จุ บั น ของ กรุงเทพฯ พบว่า มักจะตกลงมาในช่วงหลังเลิกงาน ประมาณ บ่ายสามโมง หรือราว 15.00 น. เป็นต้นไป เหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากหลังเวลาบ่ายสามโมงไปแล้ว อุณหภูมิของอากาศจะ ลดลง ทำให้ “ความชื้น” ถูกปล่อยออกมาก่อตัวเป็น เมฆฝน กลายเป็นฝน หรือที่เรียกว่า “ฝนราชการ” เพราะมักตกเป็น เวลาและตกตอนราชการเลิกงานนั่นเอง วันนี้คนกรุงเทพฯ ก็มีส่วนช่วย หรือบรรเทาภาวะกรุงเทพฯ ร้อนได้ ด้วยการลดระยะเวลาการเปิดเครื่องปรับอากาศ ใช้ รถยนต์ให้น้อยลง เปลี่ยนมาใช้ขนส่งมวลชน เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน หลังคาตึกอาจ สร้างสวนหย่อมไว้ ลดอาคารที่มีกระจกมาก เพราะสะท้อน พลังงานไปทางอื่นนั่นเอง รวมถึงสนับสนุนสินค้าผลิตภัณฑ์ที่ มีนวัตกรรมช่วยลดโลกร้อน ส่วนการดูแลระดับนโยบายคง ต้องพึ่งพาทางกรุงเทพมหานครและภาครัฐที่จะต้องควบคุม และสนับสนุนให้มากกว่านี้ รวมถึงความร่วมมือกับนานาประเทศ และความจริงจัง จริงใจกับการสนับสนุนนวัตกรรมที่ช่วยลด โลกร้อนได้ หมายเหตุ

เกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน นานาประเทศต่างให้ความสำคัญ และจัดให้มีการประชุมนานาชาติเพื่อลดโลกร้อน หรือที่ เรียกว่า Conference of the Parties (COP) จัดติดต่อ กันมาเกือบยี่สิบปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 ที่เยอรมัน จนถึง ปัจจุบัน COP 19 ในปี 2013 ที่โปแลนด์ นอกจากเราจะ ได้ยินคำว่า ภาวะเรือนกระจก สัญญาเกียวโต Carbon Credit เรื่องของฟองอากาศร้อน ในปีนี้ เราอาจจะได้ยิน ศัพท์ ใหม่ๆ จากการประชุมครั้งนี้อีก




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.