มาดามทุ่งอีแร้ง 1
มาดามทุ่งอีแร้ง วัตตรา : เขียน ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๗๗๓๕-๕๑-๑ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๘ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘ หมวดนวนิยาย ลำดับที่ ๔
จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด ในเครือ บริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำกัด เลขที่ ๒๙/๑๐๖ วิสต้า อเวนิว วัชรพล แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศัพท์ : ๐๘๕-๖๖๕-๕๔๒๒ โทรสาร : ๐-๒๑๕๓-๐๕๐๐ อีเมล : groove_publishing@hotmail.com เว็บไซต์ : www.groovebooks.com, http://www.facebook.com/groovepublishing บรรณาธิการที่ปรึกษา : พจมาน พงษ์ไพบูลย์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์ : อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ ประสานงานการผลิต : สุลวัณ จันทรวรินทร์ และ นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ พิสูจน์อักษร : กฤษดา ศิริกิจพาณิชย์กูล และ เนตรนภา ณ ถลาง ออกแบบปก : พินิจ สังสกฤษ ประสานงานการผลิตปก : จารุนันทน์ ศรีรัตนตรัย รูปเล่ม : Aim Graphic ดำเนินการผลิตโดย เอมกราฟฟิกเฮ้าส์ โทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๖-๙๑๒๓ โทรสาร ๐-๒๘๘๓-๖๑๒๑ พิมพ์ที่ บริษัท เอ.พี. กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด ๑/๘ หมู่ที่ ๔ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๐-๓ โทรสาร ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๔ จัดจำหน่ายโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ๑๐๘ หมู่ที่ ๒ ถ.บางกรวย - จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๙-๙๒๒๒, ๐-๒๔๔๙-๙๕๐๐-๖ Homepage : http://www.naiin.com
2 วัตตรา
ราคา ๓๔๐ บาท
มาดามทุ่งอีแร้ง 3
คำนำสำนักพิมพ์ เราจะตัดสินใจอย่างไรดี หากต้องเลือกคู่ครองสักคนเพื่อที่จะอยู่ ร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกันไปตลอดชีวิต เพราะคนที่รักอาจไม่เหมาะสม แต่ คนที่เหมาะสมอาจไม่ได้รัก คงจะดีที่สุดถ้าคนที่เราเลือก เป็นคนที่เรารัก และเหมาะสมกับเราด้วยประการทั้งปวง “วั ต ตรา” นั ก เขี ย นอารมณ์ ส ดใส มองโลกในแง่ ดี ก็ มี มุ ม มอง ดังกล่าวแล้วจึงได้สรรค์สร้าง “มาดามทุ่งอีแร้ง” ให้ผู้อ่านได้รื่นรมย์ไปกับ การเลือกคู่ของท่านทูตหนุ่มอนาคตไกล กับมาดามคู่ชีวิตที่ยังไม่อาจ ลงเอยว่าจะเป็นคนที่รัก หรือคนที่เหมาะสมกับตัวเอง สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด หวังว่าผู้อ่านจะมีความสุขกับเรื่องราว สนุ ก สนาน (แม้ อ าจจะเหลื อ เชื่ อ ไปบ้ า ง) ผสมผสานกั บ ปมปั ญ หาที่ น่าสนใจ สะท้อนแนวคิดเชิงสังคมไว้ระหว่างบรรทัดให้ชวนติดตาม อ่านแล้วส่งสารมาบอกให้เรารู้บ้าง ว่าคุณสนุกสนานกับ “มาดาม ทุ่งอีแร้ง” มากแค่ไหน พจมาน พงษ์ไพบูลย์ บรรณาธิการที่ปรึกษา สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด ในเครือบริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำกัด
4 วัตตรา
คำนำนักเขียน “ความรัก” ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ก็ไม่อาจมีใครนิยามคำนี้ให้เป็น สูตรสำเร็จได้ แต่หากเป็นนวนิยายรักโรแมนติกแล้ว “ความรัก” มักจะ ลงเอยด้วยความสุข สมหวังเสมอ หลังจากที่ตัวละครต่างฝ่าฟันอุปสรรค ทั้งภายนอก และภายใน (ใจ) ของตนเอง “มาดามทุ่ ง อี แ ร้ ง ” แม้ จ ะเป็ น นวนิ ย ายแนวโรแมนติ ก คอเมดี (ตามแบบฉบับของ “วัตตรา” ที่มีโลโก้ประจำตัวว่า วัตตราอารมณ์ดี) แต่ อุปสรรคของความรักก็จำเป็นต้องมีเพื่อให้ผู้อ่านได้ติดตามและลุ้นว่า “ความรัก” ของคู่พระนางจะลงเอยดังที่ตนเองคาดหวังไว้หรือไม่ “ภารกิจลวง” คือปมปัญหาที่ตัวละครต้องดำเนินทุกอย่างไปตาม เรื่องที่ถูกสร้างไว้ ในรอยยิ้ม ก็จะมีความอึดอัด หวาดเสียว และลุ้นว่า “ความจะแตกเมื่อใดและผลที่จะตามมาคืออะไร” บางเหตุการณ์ในเรื่อง อาจถูกดัดแปลงจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยบางยุคบางสมัย บาง สถานการณ์ก็อาจจะดูเกินจริงไปบ้าง เพราะเป็นการผสมผสานระหว่าง เรื่องจริงกับจินตนาการของผู้เขียน อาจจะเกิดคำถามในใจผู้อ่านว่า ใช่ หรือ จริงหรือ...ก็ให้ถอื ว่านัน่ เป็นกลยุทธ์ในการสร้างเรือ่ งเพือ่ ความบันเทิง และท้ายที่สุดทุกคนก็จะสมหวัง มีรอยยิ้ม มีความคลี่คลายในใจ แล้ว อาจได้ตระหนักว่า ใดใดในโลกนี้ความจริงคือสิ่งไม่ตาย “ความรัก” จะนำพาสิ่งที่ดีมาสู่ผู้มีหัวใจรักเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ความรั ก ระหว่ า งพ่ อ แม่ ลู ก ระหว่ า งเพื่ อ น ระหว่ า งเพื่ อ นมนุ ษ ย์ หรื อ ระหว่างหนุ่มสาว ซึ่งประการหลังนี้ ผู้มีความรักมักจะมองเห็นแสงแห่งรัก ในแววตาของกันและกันเสมอ ผู้เขียนหวังว่า “มาดามทุ่งอีแร้ง” จะทำให้ผู้อ่านได้สนุกกับการลุ้น มาดามทุ่งอีแร้ง 5
ภารกิจของ “ปัญชรี” สาวงามแห่งทุ่งอีแร้ง เพื่อพิชิตหัวใจ และตำแหน่ง “มาดาม” ของ “ฟ้าคราม” ว่าทีท่ า่ นทูตหนุม่ หล่อโปรไฟล์เลิศจากหน้าแรก ไปจนถึงบทอวสาน ขอให้ใจทุกดวงเต็มเปี่ยมไปด้วย “ความรัก”
6 วัตตรา
“วัตตรา”
มาดาม ทุ่งอีแร้ง วัตตรา
มาดามทุ่งอีแร้ง 7
8 วัตตรา
๑
ในห้องนอนสีควันบุหรีอ่ นั โอ่อา่ และเย็นฉ่ำเพราะการทำงาน ของเครื่องปรับอากาศยี่ห้อดัง แต่เจ้าของห้องกลับร้อนรุ่มในอกขึ้นมา ทันทีเมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนส่งเสียงมาตามสายว่า “ผมยังรับปากไม่ได้นะครับคุณแม่ ว่าจะลาได้นานแค่ไหน” “แต่ลูกไปอยู่โปตั้งสามปีแล้วนะ มีสิทธิ์ลาพักร้อนได้ถึงสามเดือน ไม่ใช่เหรอ ลากลับมาให้พ่อแม่ได้ชื่นใจบ้างซี่” พวงครามพูดถึงประเทศโปซีเนีย๑ เป็นประเทศทางแถบคาบสมุทร สแกนดิเนเวีย ในยุโรปเหนือ ฟ้าครามไปเป็นเลขานุการที่ปฏิบัติงานเป็น ผูช้ ว่ ยท่านเอกอัครราชทูตซึง่ ในอีกไม่กเี่ ดือนข้างหน้าตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำประเทศโปซีเนียก็จะตกเป็นของเขาเพราะท่านเอกอัครราชทูต คนปั จ จุ บั น กำลั ง จะเกษี ย ณ และเดิ น ทางกลั บ ไปอยู่ กั บ ครอบครั ว ที่ ประเทศไทยเป็นการถาวร ฟ้าครามในฐานะผู้ช่วยใกล้ชิดรู้งานทุกอย่าง จึงได้รับการเสนอชื่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตแทน “ผมจะพยายามจัดเวลาให้ลงตัวครับคุณแม่” ๑ ประเทศสมมติ โดยผู้เขียน มาดามทุ่งอีแร้ง 9
“โทรมาทีไรลูกก็พดู แบบนี.้ ..อย่าบอกนะว่าทีไ่ ม่อยากกลับเมืองไทย เพราะลูกแอบมีเมียอยู่ที่โปน่ะ” “โห...คุณแม่...คิดมากอะไรขนาดนัน้ ครับ...ผมไม่ทำอย่างนัน้ หรอก ...คุณแม่ต้องเข้าใจนะครับว่าผมรอตำแหน่งอยู่ ผมน่ะโชคดีที่สุดที่อายุ ยังไม่ถึงสามสิบก็ได้เป็นเลขาของท่านทูต เพราะฉะนั้นใครที่จะมาเดิน เคียงข้างผมต้องมีความเหมาะสม และมีคุณสมบัติพอจะเป็นมาดามที่ ช่วยเชิดหน้าชูตานะครับ...เรือ่ งแบบนีต้ อ้ งเลือกกันนานหน่อย...ผมไม่รบี ” “ได้ฟังแบบนี้แม่ก็สบายใจ แต่ครึ่งเดียวเองนะตาคราม” “แล้วอีกครึ่งล่ะครับคุณแม่” เขาถามกลั้วหัวเราะกลับมา “เอาเถอะจัดสรรเรือ่ งเวลาได้เมือ่ ไหร่กร็ บี ส่งข่าวให้แม่รเู้ ป็นคนแรก ละกัน...แม่จะเตรียมต้อนรับการกลับบ้านของลูกให้สมกับทีพ่ อ่ แม่คดิ ถึง” พวงครามยังอยากรู้อยากถามลูกชายอีกหลายเรื่องแต่ฟ้าคราม รีบตัดบทและขอวางสายไปก่อน คนเป็นแม่จึงได้แต่นั่งนิ่งขึง รู้สึกร้อน จนต้องหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศมาปรับอุณหภูมิใหม่ ตระการออกมาจากห้องแต่งตัว เขาอยู่ในชุดนอน ฮัมเพลงลูกทุ่ง หมอลำเก่าแก่ “ไม่อยากจะคิดสงสาร...ไม่อยากจะคิดสงสาร...ชะโอ๊ะโอ๊ะโอ๊ย”... แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโดนความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ “โอ้โห...หนาวจังเลยแม่...พ่อมีไข้หรือแอร์มันเย็นมากกันแน่เนี่ย” ตระการกอดอกตัวงอมองหน้าบึ้งตึงของภรรยา แล้วหยิบรีโมต ในมือพวงครามมาเพิ่มอุณหภูมิ ก่อนนั่งลงข้างๆ แล้วปลอบโยนว่า “แม่ก็ต้องทำใจและเข้าใจนะถ้าลูกจะพูดแบบเดิมๆ เราเลี้ยงลูก มากับมือ ลูกเติบโตมาจากความจนและต่อสู้ดิ้นรนมากับเรา เขารู้คิด รู้ทำและเขาก็ทำสำเร็จ มีลูกชาวนาสักกี่คนที่จะเรียนเก่งและได้เป็นถึง เลขาทูต...อีกไม่นานก็ต้องได้เป็นทูต” 10 วัตตรา
“แม่รู้ แต่นี่มันเป็นความคิดถึงจริงๆ หรือว่าสามปีมานี้พ่อไม่คิดถึง ไม่อยากเห็นหน้าลูกฮึ” ประโยคท้ายๆ หล่อนเริ่มพาล ตระการกะพริบตาถีๆ่ เมือ่ ถูกพาล...ความจริงเมือ่ ไม่กนี่ าทีทผี่ า่ นมา ขณะอาบน้ำอุ่นอย่างสบายอกสบายใจเขาก็หวนคิดถึงความหลัง ครั้งที่ เป็นชาวนาที่ต้องเสียนาเพราะเสียรู้คน...ออกจากห้องแต่งตัวมา เขา ตั้ ง ใจว่ า จะพู ด เรื่ อ งความหลั ง นี้ ใ ห้ พ วงครามรู้ ว่ า ในชี วิ ต ที่ เ คยเป็ น หนี้ เป็นสินใครก็ได้ใช้หนี้หมดแล้ว มีแต่เพื่อนสนิทที่บ้านทุ่งอีแร้งเท่านั้น ที่ยังไม่ได้ใช้คืน...แต่เมื่อออกมาเห็นอาการงอนงอแงของพวงคราม เขา รีบปิดสมองที่กำลังคิดเรื่องหนี้ มาสนใจเรื่องความรู้สึกของภรรยาก่อน โดยรีบบอกเสียงนุ่มว่า “คิดถึงซี่...แต่เราก็ได้คุยกับลูกบ่อยๆ นี่นา เขาเมลรูปมาให้ดู ทุกเดือน แถมยังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เราได้ร่วมรับรู้เรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตของเขาอีกนะ” “แหม พ่อก็...ดูรปู มันจะเหมือนดูคนตัวเป็นๆ ได้ไง...โอ๊ย...ไม่เอาละ ไม่อยากคุยด้วยแล้ว คนอะไรไม่อ่อนไหวตามกันมั่งเลย” พวงครามงอน สะบัดตัวเดินหนีไปจากห้องนอน ตระการอมยิ้มรู้ใจภรรยาจอมเผด็จการดีว่าอยากจะให้เขาเออออ ตาม...ไม่กี่นาทีพวงครามก็กลับมานอน ตระการเอนกายลงนอนข้างๆ ภรรยาแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามแบบฉบับของเขา “ก่อนหลับบางวันแม่เคยนอนคิดมั้ยว่า...เราผจญภัยและล้มลุก คลุกคลานมายังไง เราถึงมีวันนี้ได้” “ก็...เคย...นี่พ่อจะพูดถึงเรื่องอะไร” พวงครามตะแคงหน้ามาถาม “อ๋อ...พ่อก็แค่จะบอกว่า ในอดีตตอนที่เราเป็นชาวนาแล้วต้อง เสียนาไป เราสิ้นเนื้อประดาตัว...แต่เราลุกขึ้นมาสู้ต่อได้เพราะเงินทุน ก้อนหนึ่งของประเดิม” มาดามทุ่งอีแร้ง 11
“พ่อกำลังจะบอกว่า...” “ใช่...เราควรจะรักษาสัญญากับประเดิมนะ...เมือ่ เรามีเงินแล้วเรา ก็ควรจะเอาไปคืนเขา” “ก็จริง...เรามีเงินมีฐานะที่ดีมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เราไม่ได้นึกถึง เขาเพราะเรามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจขยายสาขาและขายแฟรนไชส์ ...แล้วยังไงล่ะพ่อ” “พ่อคิดว่าถึงเวลาที่เราจะใช้หนี้แล้ว” น้ำเสียงนุ่มสุขุมนั้นเหมือน ซ่อนความอึดอัดบางอย่างไว้ โดยคนเป็นภรรยาสามารถอ่านออกได้ ไม่ยาก “แล้วพ่อกังวลอะไร” “เราต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประเดิมด้วยนะ” “สัญญาอะไรพ่อ” พวงครามพรวดพราดลุกขึ้นนั่งทันที “แม่จำวันนั้นไม่ได้เหรอ” ตระการลุกขึ้นมาตั้งคำถาม แล้วภาพความหลังของทั้งสองก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ทีบ่ า้ นทุง่ อีแร้ง ดินแดนทีอ่ ดุ มสมบูรณ์มาแต่ครัง้ บรรพบุรษุ ...ทุง่ ข้าว เหลื อ งอร่ า มจนสุ ด สายตานั้ น เป็ น ผื น นาของหลายครอบครั ว ที่ ท ำนา ในเวลาเดียวกัน เมื่อมันออกรวงอย่างพร้อมเพรียงกัน ท้าแดดท้าลมมา ด้วยกันจนสุกเหลือง มันจึงเหมือนทุ่งสีทองที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว หมู่บ้าน หนุ่มสาวสามครอบครัวยืนกอดอกมองท้องทุ่งของตนเองด้วย ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกันก็มองลูกๆ ของตนเองที่วิ่งตาม คันนาไล่จับตั๊กแตนกันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกรู้สากับเปลวแดดที่แผด เปรี้ยง เด็กชายฟ้าครามวัย ๑๐ ขวบ ลูกชายของตระการและพวงคราม นางามเลิศ เป็นคนนำเด็กหญิงข้าวปั้นวัย ๘ ขวบ ลูกสาวของเพิ่มบุญกับ 12 วัตตรา
ลาวัลย์ นาสุดไกล และเด็กหญิงปานวัย ๖ ขวบ ลูกสาวของประเดิมและ มาลี นาสูงส่ง วิ่งไล่จับตั๊กแตนด้วยเครื่องมือที่ทำมาจากถุงพลาสติก ผูกติดกับไม้ไผ่ ที่เขาทำให้น้องสาวทั้งสอง แต่...ในความเป็นผู้นำ บางครั้งเด็กชายฟ้าครามก็เป็นตัวป่วน ทำให้ น้ อ งสาวทั้ ง สองเสี ย รู้ แ ละต้ อ งเสี ย น้ ำ ตาอยู่ บ่ อ ยๆ โดยเฉพาะ เด็กหญิงปาน ‘อ้ายถามว่าหนึ่งบวกหนึ่งเป็นทอได๋ ไผตอบถืกอ้ายสิให่ตั๊กแตน ของอ้ายโต๋นึงแมนบ่’ ฟ้าครามถาม ‘แมนแล่ ว ข้ อ ยตอบถื ก อ้ า ยคึ บ่ ใ ห้ ข้ อ ย...เอามาแม๊ . ..เอามา’ เด็กหญิงปานวิ่งไล่จะเอาตั๊กแตนของเด็กชายฟ้าคราม พอไล่ไม่ทันก็ ร้องไห้ ‘โอ๊ย...ขี้ไห้แท้น้อ...ปานตอบบ่ถืกสิเอาของอ้ายได้จังได๋’ ‘ข้อยตอบถูก หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสิบ...เอามาแม้ เอามาให้ปาน สิบโต’ สาวน้อยจะเอาของเขาถึงสิบตัว ‘บ่ แ มนเด๊ ป าน...เจ้ า ตอบบ่ ถื ก สิ ไ ปเอาของอ้ า ยครามได้ จั ง ได๋ ’ ข้าวปั้นแย้งขึ้นมา เพราะเห็นว่าเด็กหญิงปานตอบไม่ถูก ข้าวปั้นนั้นเรียน อยู่ประถมสองแล้ว บวกเลขเก่งเพราะเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิของห้อง ‘แมนแล่ว ข้าวปั้นเว้าถืกแล้ว อ้ายบ่ให่ปานดอก’ ‘ซั่นอ้ายครามกะเอาตั๊กแตนของอ้ายมาให่ข้อย เพราะข้อยตอบ ถืก’ เด็กหญิงข้าวปั้นทวง ‘โอ๊ย อ้ายบ่ได้เล่นกับคนสอบได้ที่หนึ่งเด๊ล่ะ...อ้ายเล่นกับคนปึก แบบปานเด๊ละ’ ‘ฮือๆ มาว่าข้อยปึก ข้อยบ่ยอม ไปฟ้องพ่อดีกว่า’ เด็กหญิงปาน ใช้ไม้เดิม เด็กชายฟ้าครามรู้วิธีเอาตัวรอด รู้ว่าเด็กหญิงปานบ้ายอจึงรีบโอ๋ มาดามทุ่งอีแร้ง 13
‘อย่าไปฟ้องพ่อเด้อปานคนงาม...เจ้าใหญ่ขึ้นมาเจ้าต้องได้เป็น นางงาม...เชื่ออ้ายเถอะ’ เท่านั้นแหละเด็กหญิงปานก็เงียบ ยิ้มแต้ทั้งน้ำตา แถมไม่ทวงเอา ตั๊กแตนแต่เกาะแขนเด็กชายฟ้าครามไว้แน่น ‘ถ้าข้อยเป็นนางงามอ้ายครามสิมักข้อยบ่’ เด็กชายฟ้าครามหัวเราะเสียงดัง ยักคิ้วให้เด็กหญิงข้าวปั้นซึ่งยืน หน้าบึ้งไม่พอใจที่ตนเองไม่ได้ตั๊กแตน...แต่คนไหวพริบดีอย่างข้าวปั้น ไม่มีวันยอมให้ใครมาโกง เธอชิงลงมือแก้แค้นทันที ‘อ้ายคราม...ลองหันหน้าให้พระอาทิตย์แล้วหลับตาเด้อ อ้ายคราม สิเห็นแสงวิ้ง วิ้ง ง้ามงาม ลองเฮ็ดเบิ่งเด้อ’ เด็กชายฟ้าครามทำตามอย่างงงๆ แต่ยังไม่ได้เห็นอะไร เด็กหญิง ข้าวปั้นก็ฉกถุงตั๊กแตนของเขามาจากมือ แล้วเปิดปากถุงปล่อยให้มันบิน ออกไปแล้วตัวเธอก็วิ่งหนีไปหาพ่อแม่ ‘เฮ้ย...ข้าวปั้น คึเฮ็ดจังซั่นวะ...โอ๊ย...ขี้โกงแท้...ข้าวปั้น...กลับมา ก่อน’ ส่ ว นเด็ ก หญิ ง ปานยั ง คงนั่ ง ร้ อ งไห้ ขี้ มู ก โป่ ง งอแงอ้ อ นจะขี่ ห ลั ง เด็กชายฟ้าครามกลับบ้าน...ซึ่งในที่สดุ เด็กหญิงปานก็แอบยิม้ อย่างสะใจ อยู่บนหลังอ้ายฟ้าคราม ชาวบ้านทุ่งอีแร้งล้วนมีน้ำใจให้แก่กัน โดยเฉพาะเพื่อนในวัยเยาว์ อย่างตระการ ประเดิม และเพิ่มบุญ เมื่อถึงตอนลงแขกช่วยกันเกี่ยวข้าว เพิ่มบุญมีที่นาน้อยนิด พอเกี่ยวข้าวนาของตัวเองเสร็จก็ไปช่วยนาของ ตระการและประเดิม ก่อนถึงช่วงเก็บเกี่ยวข้าวมี ‘นายทุน’ คนหนึ่ง ที่เทียวมาพูดคุยกับ ชาวนาทุ่งอีแร้งอยู่บ่อยๆ ได้ให้ข้อเสนอว่าจะช่วยหาคนมาร่วมลงทุนทำ นากับตระการ เพิ่มบุญ และชาวบ้านอื่นๆ อีกเกือบสิบคน ให้ได้ผลผลิต 14 วัตตรา
มากขึ้นโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อย ให้ราคาข้าวสูงขึ้น เขาแวะมาดูผลผลิต มาแจ้งราคาข้าวที่เขาจะเอาไปขายให้ หลังเก็บเกี่ยวข้าวไม่ถึงเดือน ‘นายทุน’ คนนั้นก็เดินทางเข้ามาใน หมู่บ้านอีกครั้งพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ประกาศว่าจะมายึดนา ของตระการ เพิ่มบุญและอีกหลายคนที่ได้มอบโฉนดที่นาให้กับ ‘นายทุน’ คนนั้น พร้อมกับเซ็นมอบอำนาจต่างๆ ให้เขาไปแล้วโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหมู่บ้านทุ่งอีแร้ง เมื่อ ‘นายทุน’ ประกาศว่า ทุกคนต้องใช้หนี้ที่ก่อขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัวมาก่อน หากไม่จ่ายจะต้อง ถูกจับดำเนินคดีเพราะมีเอกสารลงชื่อชาวนาทุกคนพร้อมสำเนาบัตร ประชาชน ส่วนที่นาหากใครอยากได้โฉนดคืนก็ต้องมีเงินมาไถ่ ชาวบ้าน คนอื่นๆ รวมถึงเพิ่มบุญยอมเป็นหนี้กู้เงินจากประเดิมไปจ่ายเพื่อรักษา ที่นาเอาไว้ ประเดิมซึ่งไม่ได้เข้าร่วมทำธุรกรรมใดๆ กับคนแปลกหน้า พอจะมีเงินก้อนใหญ่ให้เพื่อนบ้านหยิบยืมไปไถ่โฉนดคืน เขาก็ให้เพื่อน ยืมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร มีเพียงตระการเท่านัน้ ทีท่ งั้ เจ็บแค้นใจและอับอายทีม่ ที นี่ ามากกว่า เพื่อนคนอื่นๆ และต้องสูญเสียไปหมดเพราะเขายอมทุ่มเทให้กับคน แปลกหน้าไปหมด ด้วยหวังจะขยับขยายการทำนาให้ได้ผลผลิตมาก กว่าเดิม ความโลภและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้เขาต้องยืมเงินจากประเดิม ก้อนหนึ่งเป็นเรือนแสนมาจ่าย เพื่อไม่ให้ถูกจับ ส่วนเงินที่จะไถ่โฉนดคืน นั้นมันมากมายจนเขาไม่กล้ายืมใคร ต้องยอมสูญเสียมันไป กลายเป็น คนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีที่ทำกินไม่มีที่ซุกหัวนอน ตระการและพวงครามเก็บซ่อนน้ำตาไว้ไม่ให้ใครรู้เห็น ทั้งสอง เจ็บปวดกับการเสียรู้คนในครั้งนี้ แต่เมื่ออยู่ในบ้านของตนเอง ทั้งสอง ร่ำไห้น้ำตาแทบจะท่วมบ้าน เด็กชายฟ้าครามพอรู้อะไรบ้างแล้วได้แต่ ปลอบโยนพ่อแม่ว่า มาดามทุ่งอีแร้ง 15
‘ยืมเงินของลุงเดิมมาไถ่นาเราคืนเถอะพ่อ แล้วช่วยกันทำนาหา เงินมาใช้หนี้ลุงเดิม’ ‘พ่อก็อยากเฮ็ดจังซัน่ อยู.่ ..แต่เฮ็ดนาเป็นสิบปีกใ็ ช้หนีค้ นื บ่เหมิดดอก ...สู้ไปหาเฮ็ดอย่างอื่นดีกว่า’ ‘อ้ า ยการสิ ไ ปไส ไปเฮ็ ด หยั ง ข้ อ ยก็ พ ร้ อ มสิ สู้ กั บ เจ้ า ทุ ก อย่ า ง’ พวงครามยังเชื่อมั่นในผู้นำครอบครัวเหมือนเดิม หลายวันหลายคืนที่ตระการและพวงครามกินไม่ได้นอนไม่หลับ เด็กชายฟ้าครามก็เครียดตามจนไม่คดิ จะอยากไปโรงเรียนทัง้ ทีอ่ กี ไม่กวี่ นั ก็จะสอบไล่ แต่ในที่สุดเด็กชายฟ้าครามก็ต้องไปสอบและจบประถมสี่ ตระการและพวงครามตัดสินใจไปเจรจาขอยืมเงินประเดิมอีกก้อนหนึ่ง ‘เฮาสิไปกรุงเทพ ไปเฮ็ดงานที่มันได้เงินทุกมื่อ สิเก็บเงินมาใช้หนี้ เจ้าให้ครบทุกบาททุกสตางค์’ ‘ใจเย็นๆ ...อย่าฟ้าวคิดไปไกล...ยืมน่ะยืมได้ แต่แน่ใจรึว่าสิไป กรุงเทพ เขาว่ามันอยู่ยากกว่าบ้านเฮาเด๊’ ‘ต้องไปตายเอาดาบหน้าแล้วละเสี่ยวเอ๊ย...ถ้าเฮ็ดงานได้เงินแล้ว เฮาสิฟ้าวส่งเงินมาคืนให้เทือละหน่อยเด้อ...ถ้าหาเงินบ่ได้สิให้ฟ้าคราม มาซอยเจ้าเฮ็ดนา’ ประเดิมหัวเราะชอบใจในคำสัญญานั้น เขาตอบเพื่อนไปแบบ เป็นกลางๆ ว่า ‘ก็คอ่ ยๆ ทำมาหากินไป มีนอ้ ยกะเก็บไว้กอ่ น ได้หลายๆ ค่อยส่งมา ให้ ถ้ารุ่งเรืองร่ำรวยก็เอามาคืนให้กันจนเหมิดกะได้ หรือถ้าฟ้าครามได้ เป็นเจ้าเป็นนายคนก็มาพาน้องปานไปเป็นคุณนายของเจ้าได้บ่ฟ้าคราม’ เด็กชายฟ้าครามได้แต่ยิ้มจางๆ ไม่ได้รับปากรับคำเพราะไม่รู้ว่า สิ่งที่ประเดิมพูดนั้นจริงจังแค่ไหน แต่เด็กน้อยขี้แย เอะอะร้องไห้ขี้มูกโป่ง แบบเด็กหญิงปาน เด็กชายฟ้าครามไม่ได้นึกเอ็นดูเลย เขาเอ็นดูและ 16 วัตตรา
สนุกกับการได้เล่นกับเด็กหญิงข้าวปั้นมากกว่า แม้เธอจะคอยยอกย้อน เอาคืนเขาอยู่บ่อยๆ ก็ตามที ‘ฟ้าคราม...ไปเล่นบ้านข้าวปั้นก่อนไป...พ่อสิเว้าธุระกับลุงเดิม เด้อ’ เด็กชายฟ้าครามวิ่งไปตามทางเดินใต้ร่มไม้ไปจนสุดทางแล้ววิ่ง เลาะตามคันนาไปบ้านข้าวปั้นที่อยู่ไกลออกไป ปิดเทอมแล้วแต่เด็กหญิงข้าวปั้นยังคงขยันขันแข็งในการแสวงหา ความรู้ด้วยความที่เธอเป็นเด็กฉลาดเรียนรู้เร็ว เพิ่มบุญกับลาวัลย์เข้าไป ตลาดคราใดก็จะซื้อทั้งหนังสือพิมพ์ และนิตยสารรวมถึงหนังสือเสริม ความรู้มาให้ลูกสาวอ่าน ‘ข้าวปั้น...อ้ายมีเรื่องอยากเว้านำ’ เด็กหญิงข้าวปั้นลงจากเปลญวนที่ขึงไว้กับเสาบ้านที่ยกพื้นสูง ‘มีหยังอ้ายคราม’ ‘พ่อแม่อ้ายสิไปทำงานกรุงเทพ อ้ายบ่ได้มาเล่นนำละเด้อ’ ‘ใหญ่ขึ้นมาเฮาสิได้เจอะกันบ่อ้ายคราม’ ‘บ่ฮู้...ถ้าอ้ายได้คืนมาอีก อ้ายสิแวะมาหาข้าวปั้น สิซื้อตุ๊กตา เจ้าหญิงมาให้เด้อ...ข้าวปั้นเรียนเก่งๆ เด้อ อย่าปึกคือปานเด๊’ ‘ข้าวปั้นเรียนเก่งอยู่แล้วบ่ปึกดอก’ คำบอกลาของเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ทั้งสองดังขึ้นไปถึงหูเพิ่มบุญ และลาวัลย์ที่มัดผักเตรียมไปขายตลาด เพิ่มบุญเยี่ยมหน้าลงมาถาม ‘พ่อเจ้าสิไปอยู่กรุงเทพเบาะฟ้าคราม’ ‘แม่นแล้วอา’ ‘ฝากบอกพ่อเจ้าเด้อ...มีเงินมีทองแล้วก็แวะมาเยีย่ มบ้านเฮาแด... คั้นบ่มีหม่องนอนกะมานอนบ้านนี่กะได้เด้อ’ ‘ครับอาเพิ่ม...สิบอกพ่อให้เด้อ’ มาดามทุ่งอีแร้ง 17
การละทิ้ ง บ้ า นเกิ ด และทิ้ ง สมบั ติ ชิ้ น เดี ย วที่ พ่ อ แม่ ย กให้ แ ต่ ไ ม่ สามารถรักษาไว้ได้ ทำให้ตระการรู้สึกเศร้าใจจนไม่คิดจะไปบอกลาใคร เมื่อได้เงินก้อนใหญ่มาพร้อมคำสัญญาที่ให้ไว้กับประเดิมแล้ว ตระการก็ พาครอบครัวนางามเลิศหนีบ้านทุ่งอีแร้งเข้าสู่เมืองกรุงตั้งแต่วันนั้น ชีวิตในเมืองกรุง ตระการมีเงินทุนเป็นหลักแสนก็จริง แต่เขา ก็บริหารเงินอย่างกระเหม็ดกระแหม่ โดยหาห้องเช่าราคาไม่แพง พาลูก เข้าโรงเรียนใกล้บ้าน ด้วยผลการเรียนที่ดีเด็กชายฟ้าครามจึงได้เข้าเรียน ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครไม่ยากแม้จะเพิ่งย้ายมา และยังมีสิทธิ์ เรียนตั้งแต่ประถมปลายจนถึงมัธยมต้น ถ้าไม่คิดจะลาออกหรือไปสอบ เข้าที่อื่น ซึ่งทั้งสามตกลงกันว่าจะอยู่จนถึงชั้นสุดท้ายเพราะโรงเรียนใกล้ ห้องเช่าแค่ป้ายรถเมล์เดียว ด้วยเพราะบ้านเช่าใกล้ปั๊มน้ำมัน ตระการและพวงครามจึงไป สมั ค รเป็ น พนั ก งานปั๊ม คำตอบที่ได้รับคือ ทั้งสองแก่เกินกว่าจะเป็น เด็กปั๊ม แต่ฟ้ายังปรานี เที่ยงวันหนึ่งตระการกับพวงครามทำแจ่วปลาร้า กับตำส้มตำหิ้วมาฝากเจ้าของปั๊มหวังจะได้รับความเมตตาจากผู้บริหาร หนุ่มที่ยังดูอ่อนเยาว์อยู่มาก ทั้งสองอยากได้งานทำพอให้มีเงินรายวัน เป็นค่าใช้จา่ ยบ้าง หนุม่ เจ้าของปัม๊ รับของฝากแล้วส่งให้เมียสาวพร้อมกับ ปฏิเสธว่ารับทั้งสองเข้าทำงานไม่ได้จริงๆ ตระการกับพวงครามเกือบจะสิ้นหวัง...แต่แล้วแจ่วปลาร้ากับ ส้ ม ตำปลาร้ า ฝี มื อ ของทั้ ง สองก็ อ อกฤทธิ์ เ มื่ อ เมี ย สาวของเจ้ า ของปั๊ ม บอกว่า ‘มีที่ว่างหน้าปั๊มสองสามเมตรน่ะ...ลองตำส้มตำขายดูสิเผื่อจะมี รายได้...ไม่คิดค่าเช่าหรอกนะ...แต่เวลาฉันมาช่วยงานเฮียที่ปั๊ม พี่ก็ตำ 18 วัตตรา
ส้มตำเข้ามาให้กินแนเด้อ’ ได้เจอะเจอ ‘คนบ้านเดียวกัน’ เพราะคำว่า ‘แนเด้อ’ เข้าเท่านั้น คู่สามีภรรยาก็มีทั้งแรงกายและแรงใจที่จะสู้ต่อไป ร้านส้มตำเพิงหมาแหงนเล็กๆ หน้าปั๊มน้ำมันเปิดวันแรก คนประเดิ ม คื อ ภรรยาของเจ้ า ของปั๊ ม และเด็ ก ปั๊ ม ซึ่ ง ขายได้ ไ ม่ กี่ ค รก ตระการกับพวงครามมองหน้ากันตาปริบๆ ต่างพูดไม่ออก...แต่ทั้งสอง ก็ไม่ย่อท้อ เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนชื่อเสียงในเรื่องรสชาติและความสะอาด ในการทำอาหารอีสานของสองสามีภรรยาก็ระบือไปไกล พนักงานบริษัท ในตึกแถว ชาวบ้านย่านนั้นต่างก็เป็นลูกค้าส้มตำของ ‘เอื้อยพวง’ ก่อน เวลาพักเทีย่ งแต่ละวัน จะมีคนมาส่งใบสัง่ แต่ละใบรายการยาวเป็นบัญชี หางว่าว บางรายมายืนรอ เป็นชั่วโมงกว่าจะถึงคิว เด็กชายฟ้าครามต้องพลอยตื่นแต่เช้ามาช่วยพ่อแม่ปอกมะละกอ ล้างผักเตรียมของใส่รถเข็นไปจอดที่เพิงในปั๊มก่อนไปโรงเรียน หลังเลิก เรียนก่อนเข้าบ้านก็จะแวะที่ร้าน มีข้าวของอะไรที่พอจะหิ้วกลับบ้านไป ล้างได้เด็กชายก็ต้องช่วยพ่อแม่ ระหว่างรอพ่อแม่กลับมาบ้าน เขาต้อง ทำงานบ้านทุกอย่าง เก็บกวาดเช็ดถู ซักผ้า ส่วนอาหารค่ำนั้นบางครั้งเขา ก็ทำไว้เป็นกับข้าวง่ายๆ เสร็จแล้วจึงได้ทำการบ้านอ่านหนังสือทบทวน บทเรียน เขาไม่ได้ออกไปเล่นนอกบ้านเหมือนเด็กเพื่อนบ้านทั่วๆ ไป เวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ตระการแอบปรึกษาภรรยาว่า ‘ทำอะไรที่มันแปลกกว่าใครดีมั้ยแม่พวง’ ‘อะไรล่ะพ่อ’ ‘เอาครกมาวางเรียงเลย หยิบมะละกอใส่ตะกร้าน้อยๆ ใส่เครื่อง เคียงเอาไว้ ใครมีฝีมืออยากตำเองรสไหนก็ลงมือตำเลย...ดีมั้ย’ มาดามทุ่งอีแร้ง 19
‘ฮ่วย...มันสิดีบ้อ...ถ้าเขาตำแซ่บกว่าเฮาล่ะพ่อมึง...บ่...บ่...ข้อย ตำเอง’ พวงครามยังหวงวิชา ‘ซั่นเบาะ...เอ๊าหาแนวแปลกมาเป็นจุดขายให้ร้านเราเจ้าก็บ่มัก เนาะ’ ‘ผมว่าดีนะแม่...พ่อ...วิธีที่พ่อว่าน่ะ’ เด็กชายฟ้าครามแสดงความ คิดเห็นบ้าง มันก็ได้ผลในระดับหนึ่งในความแปลกเพราะมีลูกค้ายินดีที่จะทำ เองกินเองอยู่เช่นกัน แต่ทุกคนก็อยากกินของอร่อยฝีมือนายตระการกับ นางพวงครามมากกว่า นอกจากลูกค้าในย่านนั้นมารุมล้อมร้านแล้ว คนที่ติดใจอาหาร อีสานร้านนีก้ เ็ ขียนไปบอกรายการโทรทัศน์แนวเทีย่ วไปชิมไปให้มาพิสจู น์ และแน่นอนว่าเมื่อรายการโทรทัศน์มาที่ร้านโปรดิวเซอร์รายการก็ชอบใจ ที่ ส ามี ภ รรยาคู่ นี้ รู ป ร่ า งหน้ า ตาดี และมี ลู ก ชายกำลั ง เริ่ ม เป็ น วั ย รุ่ น หน้าตาดีด้วยเหมือนกัน ทุกคนดูสะอาดสะอ้าน แม้ว่าร้านจะเป็นแค่ เพิงเล็กๆ โปรดิวเซอร์รายการแนะนำว่า ‘น่าจะเปิดร้านแบบเล็กๆ อาจจะเป็นตึกแถว หรือซุ้มอาหารที่มี โต๊ะให้คนนั่งบ้าง มีเด็กมาช่วยอีกสักคนสองคน...ผมว่าอีกไม่นานคนจะ มาตามหาส้มตำรสชาตินี้นะ’ เป็นคำแนะนำที่คู่สามีภรรยาเก็บกลับไปนอนแขนก่ายหน้าผาก คิดอยู่หลายคืน และในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
20 วัตตรา