แมยก วัตตรา
แม่ยก 1
แม่ยก วัตตรา : เขียน ISBN : ๙๗๘-๖๑๖-๗๗๓๕-๖๖-๕ พิมพ์ครั้งที่ ๑ : สำนักพิมพ์กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๙ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.๒๕๕๘ หมวดนวนิยาย ลำดับที่ ๗
จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด ในเครือ บริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำกัด เลขที่ ๒๙/๑๐๖ วิสต้า อเวนิว วัชรพล แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ๑๐๒๒๐ โทรศัพท์ : ๐๘๕-๖๖๕-๕๔๒๒ โทรสาร : ๐-๒๑๕๓-๐๕๐๐ อีเมล : groove_publishing@hotmail.com เว็บไซต์ : www.groovebooks.com, http://www.facebook.com/groovepublishing บรรณาธิการที่ปรึกษา : พจมาน พงษ์ไพบูลย์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์ : อรรถรัตน์ จันทรวรินทร์ ประสานงานการผลิต : สุลวัณ จันทรวรินทร์ และ นายแพทย์พงศกร จินดาวัฒนะ พิสูจน์อักษร : กฤษดา ศิริกิจพาณิชย์กูล และ เนตรนภา ณ ถลาง ออกแบบปก : พินิจ สังสกฤษ ประสานงานการออกแบบปก : จารุนันทน์ ศรีรัตนตรัย รูปเล่ม : Aim Graphic House ดำเนินการผลิตโดย เอมกราฟฟิกเฮ้าส์ โทรศัพท์ ๐๘๑-๖๒๖-๙๑๒๓ โทรสาร ๐-๒๘๘๓-๖๑๒๑ พิมพ์ที่ บริษัท เอ.พี. กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด ๑/๘ หมู่ที่ ๔ ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๐-๓ โทรสาร ๐-๒๔๙๗-๖๘๔๔ จัดจำหน่ายโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ๑๐๘ หมู่ที่ ๒ ถ.บางกรวย - จงถนอม ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ๑๑๑๓๐ โทรศัพท์ ๐-๒๔๒๓-๙๙๙๙ โทรสาร ๐-๒๔๔๙-๙๒๒๒, ๐-๒๔๔๙-๙๕๐๐-๖ Homepage : http://www.naiin.com
ราคา ๓๐๐ บาท
2 วัตตรา
แม่ยก 3
คำนำสำนักพิมพ์ ในบรรดาความบันเทิงของคนทุกวัย ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘เสียงเพลง’ เป็นหนึ่งในความบันเทิงนั้น อาจจะเป็นเพราะสังคมไทยมีเรื่องของเพลง อยู่ในชีวิตมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพลงลูกทุ่งที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต ของคนไทยได้อย่างครบถ้วน “วั ต ตรา” นั ก เขี ย นอารมณ์ ดี ไ ด้ จั บ ประเด็ น ของเพลงลู ก ทุ่ ง มา นำเสนอให้ผู้อ่านได้เห็นภาพของความสนุกสนาน และองค์ประกอบที่ สำคัญคือ “แม่ยก” ที่เป็นปรากฏการณ์อันน่าทึ่งมาทุกยุคทุกสมัย เพราะ นอกจากนักร้องจะแข่งขันกันแล้ว บรรดาแม่ยกทั้งหลายก็ยังตั้งกองเชียร์ แข่งขันกันอีกด้วย ดังเช่น คุณนายอุษณีย์, คุณนายเบญญาวรรณ และบรรดาก๊วน ของแม่ยกที่เฝ้าติดตามเชียร์นักร้องคนโปรด จนทำให้ลูกชายและลูกสาว ของทัง้ สองฝ่ายต้องสงบศึกกันชัว่ คราวเพือ่ วางแผนกันบรรดาคุณแม่ออก จากนักร้องคนดัง ด้วยเหตุผลบางประการ หวังว่าผู้อ่านคงได้มีความสุข สนุกและอมยิ้มไปกับนวนิยายของ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด อีกครั้งนะคะ
พจมาน พงษ์ไพบูลย์ บรรณาธิการที่ปรึกษา สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ ฟีล กู๊ด ในเครือบริษัท กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง จำกัด
4 วัตตรา
คำนำนักเขียน การบอกเล่าสูผ่ อู้ า่ นในเรือ่ งเหตุผล และแรงบันดาลใจในการเขียน นวนิยายแต่ละเรื่องของผู้เขียนนั้น เหมือนเป็นการได้พูดคุยกับผู้อ่าน ซึง่ หลายท่านอาจจะมีคำถามว่า “นึกยังไงถึงเขียนเรือ่ งนี”้ และอาจถามว่า “อะไรเป็นแรงบันดาลใจ” ผูเ้ ขียนใคร่บอกว่า เมือ่ ครัง้ ทีเ่ ขียนนิยายขนาดสัน้ ผู้เขียนใช้พลอตสิ้นเปลืองมาก ดังนั้น สิ่งที่อยู่รายรอบตัว หรือคำคม บางครั้งรวมถึงคำด่าทอที่ได้ยิน ภาพที่ได้เห็น จึงถูกหยิบมาเป็นพลอต เป็นจุดเกิดเรื่องทั้งสิ้น นวนิยายโรแมนติกคอเมดีเรื่อง “แม่ยก” นี้อาจพูดได้ว่า ผู้เขียน ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตรงที่มีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีทั้ง กับศิลปิน และกับเหล่าผู้ชื่นชอบศิลปินทั้งหลาย (ผู้เขียนยังไม่ถึงขั้นที่ เรียกได้วา่ แฟน แม่ยก หรือ FC) จึงเกิดความคิด คำถาม และจินตนาการ จากเหตุการณ์ จากถ้อยคำ และจากความประทับใจที่ได้รับ แล้วก็เกิด เป็นความอยากถ่ายทอดเรื่องราวที่ผู้เขียนวางพลอต ผูกร้อยเหตุการณ์ไว้ บางเหตุการณ์ก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง บางเหตุการณ์ก็นำความรู้ จากแหล่งอื่นมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับเนื้อเรื่อง ชื่อ “แม่ยก” เป็นการนำเสนอแบบตรงไปตรงมา เล่าเรื่องสาวใหญ่ คลั่งไคล้นักร้อง เล่าเรื่องความรักของหนุ่มสาว เล่าเรื่องมิตรภาพของ คนเราที่เกิดขึ้นได้ แตกสลายได้ ถ้าไม่รู้จักรักษาไว้ และตามสูตรสำเร็จ ของนวนิยายไทยที่ต้องมีทั้งคนคิดดี ทำดี และคนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม นวนิยายเรื่องนี้ แม้จะมีข้อมูลจริง บางเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจริง มีสาระ มีความรู้ มีข้อคิดแฝงอยู่ แต่ผู้เขียนแนะนำว่าให้อ่านเพื่อความบันเทิง เป็นหลัก มิได้นำเสนอเป็นสารคดี หรือศาสตร์แห่งความเป็นแม่ยกแต่ ประการใด แต่หากบางเหตุการณ์ บางประโยคของผู้เขียน หรือบาง แม่ยก 5
ถ้อยคำของบางตัวละครจะเป็นสาระ เป็นข้อคิดและเป็นกำลังใจให้ผอู้ า่ น บางท่าน ก็นับว่าเป็นผลพลอยได้ที่งดงามจาก “แม่ยก”
ด้วยความศรัทธา “วัตตรา”
6 วัตตรา
8 วัตตรา
๑
ท่ามกลางแดดยามบ่ายทีแ่ ผดเปรีย้ ง แม้บริเวณทีจ่ ดั คอนเสิรต์ จะมีตาข่ายพรางแสงสีเขียวตรึงอยูก่ บั โครงหลังคาชัว่ คราว แต่กไ็ ม่ได้ชว่ ย ให้ฝูงชนที่มาออกันเต็มลานนั้นรู้สึกเย็นสบายแต่ประการใด ด้วยความชื่นชอบศิลปินคนโปรดแม้จะร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อย บรรดาแม่ยกทั้งหลายก็ยังคงนั่งฟังเพลงอย่างเคลิบเคลิ้ม บนเวทีคอนเสิรต์ “รวมพลคนรักเพลงลูกทุง่ ไทย” เจ้าของเสียงเจือ้ ย แจ้วก้องกังวานทีก่ ำลังขับขานบทเพลงสะกดผูช้ มอยูน่ นั้ คือ กฤษณะ ม้าศึก ที่ได้รับฉายาว่า “ลูกทุ่งหน้าใสขวัญใจแม่ยก” เขาเป็นนักร้องลูกทุ่งหนุ่ม รูปหล่อ เสียงหวาน และกำลังดังเป็นพลุแตกอยู่ในเวลานี้ พอเพลงจบลงเขาก็วาดลวดลายออดอ้อน “สวัสดีพี่ป้าน้าอาที่แสนสวยและน่ารักของกฤษณะทุกคน...คิดถึง จังเลย...คิดถึงกันบ้างมั้ยครับ...ใครคิดถึงขอเสียงดังๆ หน่อยนะคร้าบ” เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ที่อยู่ข้างล่างได้อย่างถล่มทลาย และมี เสียงตอบรับกลับมาอย่างเซ็งแซ่ “คิดถึงมาก...รักนะกฤษณะ” “ผมก็รักทุกคนเหมือนกันคร้าบ...งั้นเรามาร้องเพลงนี้ด้วยกันนะ แม่ยก 9
ครับ...อยากรักแม่ยก” พอเขาพูดชื่อเพลงจบเสียงกรี๊ดสนั่นลั่นลานคอนเสิร์ตก็ดังขึ้นไป อีก นักร้อง กฤษณะ ม้าศึก ผู้นี้ ไม่ใช่ธรรมดา เขามีดีกรีเป็นถึงนักร้อง ผู้ชนะการประกวดจากเวที “ค้นหาดาวลูกทุ่งกรุงสยาม” หรือเรียกย่อๆ ว่า “The SG” (The Thai Country Singer Guy) ซึ่งเพิ่งจบการประกวด ไปหมาดๆ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง และผลงานเพลงในอัลบัมชุดแรก ของเขาก็ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงทั่วประเทศอย่างดีเยี่ยม จนเป็น ที่พอใจอย่างยิ่งของค่ายต้นสังกัด คือ บริษัทนับดาวโปรโมชั่น ซึ่งมีเสี่ย นพคุณ เป็นเจ้าของค่ายและผูบ้ ริหารสูงสุด รวมถึงเจ๊จู หรือ ชูศกั ดิ์ กะเทย ผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของกฤษณะ และในบรรดาแฟนเพลงทัง้ หมดทีเ่ ฮโลกันเข้ามาชมคอนเสิรต์ ทีจ่ ดั ขึน้ ครัง้ นี้ แบ่งเป็นสองกลุม่ ใหญ่ๆ คือ กลุม่ สมาชิกเว็บไซต์ “รักนะกฤษณะ G5” ซึ่งมีคุณนายอุษณีย์เป็นเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าว และอีกกลุ่มคือ กลุม่ สมาชิกเว็บไซต์ “คนรักกฤษณะ G5 จุบ๊ ๆ” ซึง่ มีคณ ุ นายเบญญาวรรณ เป็นเจ้าของเว็บไซต์ ทั น ที ที่ ป ระโยคสุ ด ท้ า ยของเพลง “อยากรั ก แม่ ย ก” จบลง ทั้ ง คุณนายอุษณีย์และคุณนายเบญญาวรรณต่างแย่งกันวิ่งออกไปหน้าเวที เพื่อคล้องพวงมาลัยติดแบงก์ให้แก่กฤษณะ จนชนกันหกล้มหงายหลัง ลงไปทั้งคู่ และเมื่อลุกขึ้นมาได้ ต่างก็รีบตะเกียกตะกายไปจนถึงหน้าเวที เพื่อมอบมาลัยแบงก์ให้นักร้องหนุ่มหล่อคนโปรด “นี่ เธอ ฉันมาถึงก่อนนะยะ เธอจะมาแซงหน้าบังฉันทำไมเนี่ย” คุณนายอุษณีย์ส่งเสียงแหวขึ้นด้วยความฉุนเฉียว เมื่อร่างค่อนข้างท้วม ของคุณนายถูกบังด้วยร่างผอมเพรียวของคุณนายเบญญาวรรณในนาที สุดท้ายก่อนถึงหน้าเวที 10 วัตตรา
“อ๊าย ก็ชว่ ยไม่ได้นะยะ ใครถึงก่อนก็ตอ้ งมีสทิ ธิใ์ ห้กอ่ นซียะ ตัวเตีย้ ขาสั้นกว่า มาถึงช้าก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้” คุณนายเบญญาวรรณ ตอบโต้อย่างดุเดือดไม่แพ้กัน ส่วนมือก็ชูพวงมาลัยแบงก์พันที่บรรจง ประดิดประดอยมากับมือ รวมแล้วหนึ่งหมื่นบาท เตรียมส่งให้นักร้อง คนโปรดที่กำลังโปรยยิ้มหวานอยู่บนเวที ด้วยความดีใจจึงไม่ทนั ระวังตัว ร่างผอมบางของคุณนายเบญญาวรรณก็ถูกร่างท้วมของคุณนายอุษณีย์เบียดจนเซไปทางหนึ่ง ส่วนตัว คุณนายอุษณีย์เองก็ชูพวงมาลัยแบงก์ร้อยพวงยาวที่รวมแล้วก็เป็นหมื่น บาทขึ้นหวังจะให้กฤษณะเห็นชัดๆ ฝ่ายคุณนายเบญญาวรรณก็หายอมไม่ ทันทีที่ตั้งหลักได้ ก็ถลา เข้ามายืนบังหน้าคู่แข่งคนสำคัญ ซ้ำยังเหยียบลงไปบนเท้าที่สวมรองเท้า ส้นตึกของคุณนายอุษณีย์เต็มแรง คุณนายอุษณีย์ไม่ทันระวังตัวก็กรีด ร้องด้วยความตกใจและเจ็บปวด แล้วเสียงร้องนั้นก็ยิ่งโหยหวนขึ้นเมื่อ แลเห็นคู่อาฆาตของตนบรรจงสวมพวงมาลัยแบงก์พันให้แก่กฤษณะ ม้าศึก ด้วยทีท่ากระชดกระช้อย ทั้งๆ ที่ยังเหยียบอยู่บนเท้าของตน ไวเท่าความคิด คุณนายอุษณีย์รวบรวมเรี่ยวแรงสะบัดเท้าออก จากการเหยียบของคุณนายเบญญาวรรณเต็มแรง ทำให้อีกฝ่ายเสียหลัก กระเด็ น ไปตามแรงสะบั ด ก่ อ นจะทรุ ด ลงไปกองกั บ พื้ น พร้ อ มกั บ ที่ คุณนายอุษณีย์ก็ชูพวงมาลัยแบงก์ร้อยสีสดสวยขึ้นคล้องคอกฤษณะ ม้าศึก ได้สมความตั้งใจ ทันทีที่กฤษณะก้มตัวลงรับพวงมาลัยจากแม่ยกคนที่สอง เขาก็ ส่ ง ยิ้ ม หวานพร้อมส่งจูบอย่างงามให้แก่คุณนายอุษณีย์และคุณนาย เบญญาวรรณคนละที ก่อนจะลุกขึน้ ยืดตัวตรงและเดินหายลับเข้าไปหลัง เวทีโดยไม่สนใจอะไรอีก นอกจากคว้าพวงมาลัยทีค่ ล้องอยูบ่ นคอลงมานับ จำนวนธนบัตรทัง้ หมดอย่างรวดเร็วก่อนจะจับซุกเข้าไปในกระเป๋าเสือ้ นอก แม่ยก 11
ด้านในที่จัดทำไว้พิเศษเพื่อเก็บซ่อนเงินโดยเฉพาะ เสียงดนตรีจากเครื่องดนตรียุคใหม่เป็นเสียงระนาดดังขึ้นเพื่อเปิด ตัวนักร้องอีกคนหนึ่ง ซึ่งชิงชัยกับกฤษณะมาตั้งแต่เริ่มการประกวดจน กระทั่งผลออกมาว่าเขาแพ้คะแนนโหวตกฤษณะไปเพียงไม่กี่คะแนน เขาคือ ฟ้าคราม แดนไชโย ผู้เป็นอดีตพระเอกลิเกที่มีเอกลักษณ์ ฟ้าครามเดินสวนกับกฤษณะออกไปหน้าเวที เขาเริ่มต้นร้องลิเก เพื่อแนะนำตัวอย่างที่ชอบทำเสมอในการปรากฏตัวต่อสาธารณชนตาม สไตล์ของเขา เสียงโห่ร้องจากผู้ฟังผู้ชมข้างล่างเริ่มดังขึ้น จากกลุ่มของ คุณนายอุษณีย์และคุณนายเบญญาวรรณ เพื่อเรียกร้องให้กฤษณะกลับ ออกมาร้องเพลงอีก ขณะเดียวกัน กลุ่มแฟนเพลงที่สนับสนุนฟ้าคราม ก็แสดงปฏิกิริยาต่อต้านแฟนเพลงฝ่ายตรงข้ามทั้งสองกลุ่มนี้ด้วยความ ไม่พอใจเช่นกัน หลังส่งเสียงโห่กันไปโห่กันมาได้พักใหญ่โดยไม่มีใครสนใจฟัง เสียงร้องลิเกของฟ้าครามบนเวทีเลย ความชุลมุนก็เริม่ ขึน้ จากการปาขวด น้ำและใช้อุปกรณ์มือตบต่างสีตบเข้าใส่กันจนไม่รู้ว่ากลุ่มไหนเป็นกลุ่ม ไหน ฟ้าครามเห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งไปหลบหลังเวทีอย่างว่องไวด้วยความ เคยชินเพราะบนเวทีตามงานวัดต่างๆ ที่ตนเองเคยร้องในอดีตนั้นก็มักมี การตีกันอยู่บ่อยๆ ครั้นเมื่อหลบไปแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้ามาดู ความเคลื่อนไหวเบื้องล่างพร้อมกับร้องต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ และแล้วรองเท้าของใครบางคนก็ถูกขว้างขึ้นไป และให้บังเอิญ โดนไมโครโฟนที่ฟ้าครามยังคงถืออยู่เข้าอย่างจัง ส่งผลให้ไมโครโฟนนั้น กระแทกปากของอดีตพระเอกลิเกแล้วร่วงหลุดจากมือไป ทำให้เสียงร้อง หยุดลงในทันที พร้อมกับเลือดสดๆ เริม่ ไหลซึมออกจากแผลบริเวณทีป่ าก กับฟันกระทบกัน เพราะถูกไมโครโฟนกระแทก คุณนายแม่ยกทั้งสองที่เปิดศึกติดพันกันมาตั้งแต่เมื่อกฤษณะ 12 วัตตรา
ม้าศึก หลบเข้าหลังเวที ก็ยังมิได้เลิกราต่อกันแต่ประการใด “นี่แน่ะ หล่อนมาเหยียบตีนฉันทำไม” คุณนายเบญญาวรรณร้องด้วยความแค้น ก่อนปรี่เข้ามาทึ้งผมที่ ตีโป่งไว้ฟูฟ่องของคู่แค้นเต็มแรง “ก็หล่อนมาเหยียบตีนฉันก่อนทำไมเล่า” คุณนายอุษณีย์หันมาเถียงขณะคว้าคอของคู่วิวาท ก่อนจะเหวี่ยง ออกไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย “ก็แล้วแกมากระแทกฉันทำไมเล่า” คุณนายเบญญาวรรณเถียงอย่างไม่ลดละ มือก็ทึ้งเสื้อตัวสวยของ คู่แข่งเต็มแรงจนเสียงขาดดังแควก “ก็แล้วแกมาบังหน้าฉันทำไมหา…ยัยคุณนายแปดสาแหรก” แล้วคุณนายตัวอวบผูม้ ไิ ด้ใส่ใจกับรอยขาดแนวยาวของเสือ้ ตัวสวย ทีส่ วมใส่อยู่ นางเหวีย่ งมือตบสีขาวซัดโครมเข้าให้ทแี่ ก้มพองๆ ของคูต่ อ่ สู้ ด้วยความเจ็บใจ ฝ่ายคุณนายเบญญาวรรณไม่รอช้า เสือกมือตบสีดำทิ่ม พรวดเข้าไปที่ท้องของคู่วิวาทเต็มแรง จนตัวงอลงไป “หยูดดด!...หยุ…ด!...บอกให้หยุด ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ สันติ และอหิงสา เดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนอย่างเฉียบขาดของสารวัตรทหารในเครื่องแบบลาย พรางสีเขียว ที่คอยดูแลความเรียบร้อยดังขึ้นบนเวที แทนที่จะเป็นนักร้อง คนใดคนหนึง่ พร้อมกับร่างของเจ้าหน้าทีต่ ำรวจและพนักงานรักษาความ ปลอดภัยอีกหลายคนต่างก็เร่งกระจายกำลังกันโอบล้อมรอบคนที่ยืนชม คอนเสิร์ตเป็นจุดๆ จากด้านหลังเข้ามาถึงด้านหน้าเวที ปกติคอนเสิร์ตกลางแจ้งแบบนี้ เหล่าผู้ชมระดับมืออาชีพมักจะมี ที่นั่งมือถือ ชนิดที่นั่งแล้วทิ้ง มันคือหนังสือพิมพ์นั่นเอง ส่วนคอคอนเสิร์ต มืออาชีพบางกลุ่มจะมีเก้าอี้เล็กๆ แบบพับได้ พร้อมกระติกน้ำหิ้วไปหา แม่ยก 13
ที่นั่งใกล้ไกลเวทีได้หมด พอเกิดเหตุโกลาหล ผู้ชมแบบแรกก็จะลุกฮือ และพร้อมที่จะเผ่นหนี หรือวิ่งตัวเปล่าเข้าไปชมเหตุการณ์ใกล้ๆ ได้ง่ายๆ ส่วนพวกหลังลุกฮือพร้อมอุปกรณ์ กลุ่มนี้มักจะถอยหนีไปตั้งหลักก่อน เสียงตะโกนนั้นได้ผล! ความชุลมุนวุ่นวายทั้งหมดสะดุดหยุดลงในบัดดล ทุกคนยืนนิ่ง อยู่กับที่ราวหยุดหายใจ ยกเว้นคุณนายสองคนที่ยังคงยื้อยุดกัน ตำรวจ และทหารส่งสัญญาณให้ผู้ชมด้านหลังนั่งลงกับพื้น ขณะที่ตำรวจสามสี่ นายตรงไปหาคุณนายอุษณียแ์ ละคุณนายเบญญาวรรณซึง่ ยังคงยืนหยัด สู้กันเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้สนิทชิดใกล้ของทั้งสองฝ่ายที่ รายล้อมอยู่รอบตัว ภาพของคู่ต่อสู้ที่ต่างกำลังใช้มือตบประจำตัวคือมือตบสีขาวของ คุณนายอุษณีย์และสีดำของคุณนายเบญญาวรรณตบกันไปมา ขณะที่ ตำรวจคนแรกที่เข้ามาก็พลันเจอลูกหลงมือตบของคุณนายอุษณีย์เข้าไป เต็มๆ เพราะยั้งไม่ทัน ส่วนคนที่สองซึ่งพยายามจะรวบแขนของคุณนาย เบญญาวรรณก็โดนมือตบสีดำเข้าที่หูเช่นกัน เนื่องจากคุณนายเป็นโรค บ้าจี้อยู่แล้ว และไม่ว่าใครที่แตะต้องตัวโดยคุณนายไม่รู้ตัวก็จะต้องเจ็บ ตัวอยูบ่ อ่ ยๆ เนือ่ งจากอาการชักกระตุกทีเ่ ป็นไปโดยอัตโนมัตขิ องคุณนาย นั่นเอง ภาพเหตุการณ์ทงั้ หมดนี้ สารวัตรทหารผูย้ นื นิง่ ขึงอยูบ่ นเวทีแลเห็น โดยตลอด เขาจึงร้องบอกให้ตำรวจทีก่ ำลังจูโ่ จมเข้าจับตัวคุณนายทัง้ สอง คน จัดการควบคุมแม่ยกสองรายนีเ้ พือ่ พาไปสอบสวนทีส่ ถานีตำรวจฐาน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะต่อไป ส่วนคนอื่นๆ นั้นสลายตัวถอย หนีไปตั้งหลักตั้งแต่ได้ยินเสียงนกหวีดครั้งแรกแล้ว คุณนายอุษณีย์และคุณนายเบญญาวรรณ ซึ่งต่างก็เสื้อผ้าขาด กะรุ่งกะริ่ง และผมเผ้าที่ทำไว้อย่างสวยงามก่อนมาชมคอนเสิร์ตกลาย 14 วัตตรา
สภาพเป็นรังนกกระจอกถูกพายุ ถูกตำรวจต้อนไปขึ้นรถขังนักโทษที่มี ตาข่ายโปร่งกั้นไว้รอบคัน ก่อนจะขับพาไปยังสถานีตำรวจ โดยมีบุญหล้า สาวใช้คนสนิทของคุณนายอุษณีย์ และนายขลุ่ย คนขับรถของคุณนาย เบญญาวรรณติดสอยห้อยตามไปด้วย ระหว่างทางที่นั่งกันไปในรถ คุณนายแม่ยกทั้งสองต่างนึกสงสาร ตัวเองที่ต้องมาโดยสารรถกรงขัง ในสภาพที่ต่างก็อ่อนเพลีย หมดเรี่ยว หมดแรง จึงต่างนั่งกันนิ่งๆ สงบสติอารมณ์ ภาพนี้ตกเป็นเป้าสายตาของ ผูค้ นทีส่ ญ ั จรไปมาบนท้องถนนตลอดสาย สมุนทัง้ สองของคุณนายแม่ยก ซึ่งมองหน้ากันไปมา ต่างก็เกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา จึงเปิดฉากวิวาทะกัน อี ก รอบ ด้ ว ยเสี ย งอั น ดั ง และด้ ว ยถ้ อ ยคำที่ ฟั ง แล้ ว ไม่ ส บายหู จึ ง ถู ก คุ ณ นายทั้ ง สองพร้ อ มใจกั น ตวาดใส่ ด้ ว ยอารมณ์ ฉุ น เฉี ย วอย่ า งหนั ก บริวารทั้งสองจึงสงบปากสงบคำกัน แต่กระนั้นบุญหล้าก็ยังไม่วายจะ ต่อว่าคู่อริอีกจนได้ “เพราะพวกแกแท้ๆ เชียว ฉันกับคุณนายเลยต้องถูกจับมาเข้า ซังเตเนี่ย” สาวใช้วัยยี่สิบห้าผู้จงรักภักดีต่อคุณนายอุษณีย์เสมอด้วยชีวิตพูด จบก็ค้อนขวับไปที่นายขลุ่ย คนขับรถผู้ติดตามคุณนายเบญญาวรรณราว กับเงาตามตัว ฝ่ายชายเมื่อถูกกล่าวโทษก็หันมาจ้องหน้าฝ่ายหญิงอย่าง อาฆาตแค้นเช่นกัน “แกจะมาโทษพวกฉันได้ไง ก็พวกแกเริ่มอาละวาดก่อน” นายขลุย่ เถียงพร้อมชายตาไปมองเสือ้ คุณนายอุษณียท์ ถี่ กู เจ้านาย ตนฉีกทึ้งจนขาดรุ่งริ่ง ดีแต่ว่าสวมใส่เสื้อชั้นในตัวหนา จึงพอปกปิดได้ “หยุด…หยุดเถียงกันเดี๋ยวนี้” คุณนายอุษณีย์ซึ่งบังเอิญหันมาเห็น สายตาของนายขลุ่ยตวาดอย่างเกรี้ยวกราด “โอ๊ย คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ จะเถียงกันไปทำไม ฮะ!” แม่ยก 15
คุณนายเบญญาวรรณขึ้นเสียงเอาบ้าง เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเอง ก็มีอำนาจไม่แพ้คู่แข่ง ซึ่งก็ได้ผล เพราะลูกสมุนทั้งสองต่างสงบปากสงบ คำและหันไปมองลอดลูกกรงรถออกไปสบตาคนบนท้องถนน เมื่อถึงสถานีตำรวจ ทั้งหมดถูกต้อนลงจากรถกรงขังผู้ต้องหา คุณนายอุษณีย์และคุณนายเบญญาวรรณเดินตามกันเข้าไปพบร้อยเวร ซึ่งรอพิมพ์คำให้การอยู่ แต่ด้วยต่างคนต่างต้องการจะบอกว่าตนนั้นเป็น ฝ่ายถูกและอีกฝ่ายผิด จึงแย่งกันพูดแย่งกันให้การกับร้อยเวรแบบไม่มี ใครยอมใคร ทำให้ร้อยเวรถึงกับเกาศีรษะด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า จนท้ายที่สุดก็ยื่นคำขาดว่า “หยุดนะ! ทั้งสองนั่นแหละ ถ้าป้ายังไม่หยุดทะเลาะกันละก็ ผมจะ จับขังหมดทั้งคู่เลยนะ ห้ามเยี่ยมห้ามประกันด้วยเอ้า ดูซิว่าถ้าเข้าไปอยู่ ในกรงแล้วเนี่ย ยังจะมีแรงทะเลาะกันอีกมั้ย” “นี่ … คุ ณ ตำรวจ อย่ า มาขู่ ฉั น ซะให้ ย ากเลย ฉั น รู้ ห รอก ข้ อ หา ทะเลาะวิวาทเนี่ย ยังไงก็ต้องได้ประกันตัวย่ะ แล้วคุณตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ จะขังฉันด้วยเพราะยังไม่มเี จ้าทุกข์มาแจ้งความอะไรเลย” คุณนายอุษณีย์ ซึ่งถือตัวว่าเป็นภรรยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รีบส่งเสียงคัดค้านตำรวจ พร้ อ มกั บ ค้ อ นปะหลั บ ปะเหลื อ กไปทั่ ว ห้ อ งสอบสวน ขณะที่ คุ ณ นาย เบญญาวรรณหันมาพยักพเยิดเป็นเชิงสนับสนุนว่า “ใช่ๆ ไม่เห็นมีใครมาแจ้งความกล่าวหาพวกเราเลย แล้วเราก็ไม่ ได้ทะเลาะกันซักหน่อย แค่ซ้อมใช้มือตบเพื่อจะเชียร์นักร้องขวัญใจของ เราเท่านั้นเอง จริงมั้ยจ๊ะ เธอ” “อ้าว…อ้าว…เดี๋ยวจะโดนข้อหาให้การเท็จอีกกระทงนะ ป้า… ซ้อมเซิ้มอะไรกัน ดูสภาพป้าทั้งสองคนซะก่อนเถอะ หัวหูผมเผ้ากระเซอะ กระเซิงซะขนาดนีเ้ นีย่ นะ แถมยังเสือ้ ผ้าฉีกขาดกะรุง่ กะริง่ หยัง่ งี้ ใครทีไ่ หน เขาจะเชื่อป้าว่าไม่ได้ทะเลาะตบตีกัน” 16 วัตตรา
ยังไม่ทันที่ผู้ต้องหาซึ่งถูกเรียกว่าป้าทั้งสองจะได้โต้ตอบอะไรต่อ ร่างของหนุ่มสาวคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนสถานีตำรวจในเวลาไล่เลี่ยกัน วาสุ ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี หล่อเหลาจนสะกดสายตาของคนที่ เตร่ๆ อยู่แถวนั้นให้หันมามองซ้ำเพื่อจะดูว่าเขาคือดาราหรือไม่ เขาเป็น บุตรชายคนเดียวของคุณนายเบญญาวรรณ ชายหนุ่มอาศัยช่วงขาที่ยาว กว่าก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายของโรงพักขึ้นมาได้ก่อน เขาเอ่ยถามตำรวจ คนแรกที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องด้านใน “คุณตำรวจครับ คือ ผมมาหาแม่ของผม คนชือ่ เบญญาวรรณทีถ่ กู ตำรวจจับมาจากเวทีคอนเสิร์ตน่ะครับ” ขณะเดียวกัน ปรวีร์ หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ในชุดเสื้อแขนกุด สี ช มพู ห วานกั บ กางเกงเอวสู ง สี ด ำสนิ ท เนื้ อ ผ้ า พลิ้ ว ไหวตามแรงลม ผิวขาวสะอาดสะอ้าน แถมยังสวมแว่นกันแดดสีดำสนิท เรียวปากสีแดง ตัดกับสีดำของแว่นนั้นทำให้เธอดูสวยสะดุดตา และคนที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ ลุ้นว่าเธอคือดาราคนไหน แต่ความจริงเธอคือบุตรสาวคนเดียวของคุณนายอุษณีย์ ที่เดิน ตามชายหนุ่มมาติดๆ เธอถามขึ้นบ้างว่า “คุณตำรวจคะ แม่ของดิฉัน คุณอุษณีย์ที่ถูกตำรวจจับมาจากเวที คอนเสิร์ตน่ะค่ะ อยู่ไหนคะ” ยังไม่ทันที่ตำรวจนายนั้นจะตอบ นักข่าวสายโรงพักที่กำลังรอทำ ข่าวทะเลาะวิวาทแม่ยกของนักร้องดังก็กรูกันเข้ามาถ่ายภาพหนุ่มสาว อย่างไม่ยอมให้ทั้งสองตั้งตัว “โอ๊ย คุณ…จะถ่ายไปไหนเนี่ย เราไม่ใช่ผู้ต้องหานะ เราแค่จะมา ประกันตัวแม่ของเรา พวกคุณจะถ่ายไปทำไม” วาสุซึ่งปกติก็เลือดร้อนไม่แพ้คุณนายเบญญาวรรณผู้เป็นแม่หัน ไปเปิดศึกกับนักข่าวอย่างไม่หวั่นเกรง ส่วนปรวีร์ สาวสวยผู้มีฤทธิ์เดชไม่ แม่ยก 17
แพ้มารดาคือคุณนายอุษณีย์ ชี้นิ้วกราดไปทางนักข่าวที่มะรุมมะตุ้มอยู่ พร้อมกับตะโกนออกไปว่า “นี่พวกคุณ จะมาถ่ายฉันทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แล้วก็ ไม่ชอบเป็นข่าวด้วย ถ้าใครเอารูปฉันไปลงหน้าหนึ่งหรือออกทีวีละก็ ฉัน จะฟ้องกลับให้หมดทุกสื่อเลย” จากนั้น ปรวีร์ก็รีบเดินแซงหน้าวาสุเข้าไปในห้องสอบสวน “คุณแม่!” ปรวีร์อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของคุณนาย อุษณีย์ซึ่งไม่เหลือภาพลักษณ์ของคุณนายมาดเนี้ยบอยู่อีกเลย “แม่!” วาสุซึ่งเดินตามปรวีร์มาติดๆ ร้องออกมาเต็มเสียงทันทีที่ เห็นสภาพของคุณนายเบญญาวรรณ แต่แล้ว ขณะที่วาสุจะเข้าไปหาแม่เขา ปรวีร์ซึ่งยืนขวางอยู่ก็หัน ขวับมาต่อว่าชายหนุ่มหน้าคมเข้มผู้นี้ทันที “เพราะแม่คุณแท้ๆ เลยนะเนี่ย ทำให้แม่ฉันต้องกลายสภาพเป็น แบบนี้ ดูซิ คุณนายอุษณีย์ผู้แสนสวย อดีตเทพีดงองุ่น ต้องกลายเป็น ยายเพิ้งแบบนี้” “หนูปอ แม่น่ะ เป็นอดีตเทพีไร่องุ่นนะจ๊ะ ไม่ใช่ดงองุ่น” คุณนาย อุษณีย์หันมามองหน้าลูกสาวพร้อมกับค้านเสียงอ่อยๆ “นั่ น แหละค่ ะ จะเป็ น ดงหรื อ เป็ น ไร่ คุ ณ แม่ ก็ เ คยเป็ น มาแล้ ว ” ว่าแล้วปรวีร์ก็หันกลับมา ตั้งท่าจะต่อว่าวาสุให้สะใจอีกรอบ ซึ่งฝ่ายชาย ก็ไม่ยอมแพ้ เขาจ้องหน้าสาวสวยที่ยืนประจันหน้าอยู่อย่างท้าทาย ก่อน จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า “นี่คุณ คุณจะมาโทษแม่ผมฝ่ายเดียวได้ไง ดูสภาพแม่ผมซะก่อน ซิ ยังกะถูกหมาไล่ฟัดมาซะขนาดนี้ คุณยังมีแก่ใจจะโทษว่าแม่ผมเป็น ต้นเหตุอีกเหรอ” “เรื่องอะไรมาว่าแม่ฉันเป็นหมาไล่ฟัดแม่คุณฮึ” 18 วัตตรา
“คุณคิดไปเองนะผม เอ่ยชื่อหรือยัง” “ก็แม่คุณกับแม่ฉันฟัดกันอยู่สองคน...คุณพูดว่าแม่คุณถูกหมา ไล่ฟัดก็หาว่าแม่ฉันเป็นหมาน่ะสิ” “นั่นไง คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าแม่คุณฟัดแม่ผม คนอะไร ช่าง...” วาสุยงั พูดไม่จบประโยค นายร้อยเวรผูก้ ำลังสอบสวนก็เอ่ยสวนขึน้ มาทันทีอย่างอดรนทนไม่ได้ว่า “นี่ถ้าคุณสองคนจะเปิดศึกกันอีกคู่ละก็ ผมจะจับเข้าห้องขังให้ หมดทั้งสองครอบครัวเลยนะ…แค่แม่คุณสองคนผมก็ปวดหัวจนแทบจะ ระเบิดอยู่แล้ว คุณสองคนมาถึงก็ทะเลาะกันแบบนี้ ผมว่าส่งเข้าไปสงบ สติอารมณ์ในห้องขังกันซักคนละคืน ดีมั้ย” “ไม่ดี!” หนุ่มสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “ขังเธอคนเดียวเถอะ” “ขังนายคนเดียวสิ” “หยุด หยุดเลยคุณสองคน โอ๊ย หัวผมจะระเบิดอยู่แล้ว” ทันใดนั้น ข้างนอกห้องก็มีเสียงฮือฮา พร้อมเสียงรัวแฟลชไลต์ดัง แทรกขึ้น ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของนักร้องลูกทุ่งชื่อดังจะโผล่เข้ามา พร้อม กองทัพช่างภาพและนักข่าวที่ล้อมหน้าล้อมหลังมะรุมมะตุ้มจนแทบมอง ไม่เห็นตัวนักร้อง ทั้งวาสุและปรวีร์ก็ตื่นตะลึงกับนักร้องขวัญใจแม่ยก เพราะหนุ่ม สาวไม่เคยเห็นตัวจริงของกฤษณะมาก่อน คุณนายอุษณีย์และคุณนาย เบญญาวรรณถึงกับลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ราวถูกเข็มแทง ต่างโผเข้ากอด กฤษณะด้วยความดีใจจนดูเหมือนจะลืมความบาดหมางและขุ่นข้อง หมองใจที่มีต่อกันไปเสียสิ้น “คุณแม่ที่รักของกฤษณะ...โธ่...โถ...โถ” กฤษณะโอบกอดแม่ยก เอาไว้ แ นบแน่ น ข้ า งละคน ขณะที่ ช่ า งภาพกลุ้ ม รุ ม ถ่ า ยภาพที่ นั ก ร้ อ แม่ยก 19
หน้าใสยืนกลาง ขนาบข้างด้วยหน้ามันๆ ผมยุ่งๆ เสื้อผ้าฉีกขาด ของ แม่ยกสองคน คุณนายทั้งสองมีอารมณ์ชื่นมื่นขึ้นเพราะนักร้องหนุ่มขวัญใจของ ตนอุตส่าห์เดินทางมาเยี่ยมถึงสถานีตำรวจ “ปรองดองนะครับ ปรองดอง...แม่ๆ ของกฤษณะ ไม่โกรธกันแล้ว นะครับ” ”ไม่โกรธแล้วจ้ะ” คุณนายอุษณีย์รับปากอย่างหวานหยด “ดีกันแล้วจ้ะ ดีกัน” คุณนายเบญญาวรรณก็เออออตาม “เจ๊จูครับ” กฤษณะหันไปหาเจ๊จู หรือชูศักดิ์ กะเทยแต่งแมนวัย ๓๐ ที่พูดคุยยิ้มแย้มอยู่กับนายตำรวจคนหนึ่งอยู่ไม่ห่างจากนักร้องหนุ่ม มากนัก ชูศักดิ์รีบโผมาหาศิลปินของเขา จีบปากจีบคอบอกว่า “เจ๊คุยกับตำรวจเรียบร้อยแล้วจ้ะ กฤษณะ โถ โถ โถ ห่วงใยแม่ยก ขอตามมาดูใจ...เอ๊ย...มาดูว่าเคลียร์กันได้มั้ย...น้องน่ารักมากเลยนะฮ้า คุณพี่นักข่าวขา” เขาหั น ไปอ้ อ นนั ก ข่ า วแทนตั ว ศิ ล ปิ น มี แ สงแฟลชวู บ วาบขึ้ น อีกครั้ง วาสุและปรวีร์รู้สึกจะไม่ชอบใจนักที่เห็นมารดาของตนเองไปเกาะ กอดอยู่กับผู้ชาย...แม้จะเป็นนักร้องดังที่ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ แต่เพราะ ต่างเป็นลูกคนเดียวทำให้ทั้งคู่ถลาเข้าไปหมายจะฉุดแม่ตนเองออกมา แต่...ทั้งสองก็ต้องเบรกเท้าของตนเองไว้เพราะฝ่ามือพิฆาตของ ชูศักดิ์ที่ยกขึ้นยืนจับไหล่ของหนุ่มสาวไว้ “เดี๋ยวค่ะคุณน้องขา...รีบไปจ่ายค่าปรับให้คุณแม่เถอะค่ะ ชักช้า เดี๋ยวตำรวจเปลี่ยนใจนะจ๊ะ” ทั้งสองต่างกุลีกุจอไปจ่ายค่าปรับฐานทะเลาะวิวาทให้แก่มารดา 20 วัตตรา
ของตนจนแทบจะเปิดศึกกันอีกรอบเพราะความที่ต่างฝ่ายต่างก็ใจร้อน ต้องการจะจัดการเรื่องของมารดาให้ได้เร็วที่สุด และต่างก็อยากเสร็จธุระ ก่อน
แม่ยก 21
๒
หลังจากที่ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ชูศักดิ์รีบพา ศิลปินของเขากลับไปขึ้นรถตู้ของบริษัท แล้วก็บ่นขึ้นมาทันที “ไม่รู้จะมาทำไม วันนี้อุตส่าห์ดีใจว่าเธอร้องเพลงเดียว เสร็จงาน ฉันจะได้ไปนั่งชิลจิบอะไรเย็นๆ ซะหน่อย ดันต้องบากหน้ามาโรงพัก” “อ้าวเจ๊จู...เจ๊จำไม่ได้หรือไงว่าให้ผมรู้จักสร้างข่าวปั่นกระแสไป เรื่อยๆ ไง” “อุ๊ม่า...ฉันไม่ได้หมายถึงข่าวขี้หมูขี้หมาแบบนี้” “ไม่ขี้หมานา...เจ๊จำไม่ได้เหรอว่า...คุณนายสองคนนั่นน่ะแฟน พันธุ์แท้ ทรงอิทธิพล แล้วก็กระเป๋าหนักนะ” “อ้อ พูดถึงกระเป๋าหนัก ฉันเห็นเธอรีบหอบมาลัยแบงก์กลับเข้า หลังเวที ตอนเขาตะลุมบอนกัน...ได้เท่าไหร่ล่ะ คุ้มค่ากับที่ลดตัวลงมา สร้างภาพว่าห่วงใยพวกเขาบนสถานีตำรวจมั้ย” แทนที่กฤษณะจะตอบคำถาม เขากลับแกล้งหลับและกรนเบาๆ ชูศักดิ์มองค้อน แล้วชะโงกหน้าไปเร่งคนขับรถให้รีบไปส่งกฤษณะโดย เร็ว ลูกสาวลูกชายของคุณนายแม่ยกต่างฝ่ายต่างพาแม่ และลูกน้อง 22 วัตตรา
คนสนิทออกจากสถานีตำรวจ สร้างความโล่งอกสบายใจแก่ตำรวจบน โรงพั ก แห่ ง นั้ น แต่ ห นุ่ ม สาวผู้ ท ำหน้ า ที่ ลู ก กตั ญ ญู ทั้ ง สองก็ ยั ง ไม่ ว าย มองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาถมึงทึง พร้อมกับกล่าวคำ อาฆาตต่อกันไว้ “คราวหน้าฉันต้องไล่ล่าราวีนายแน่ ถ้านายปล่อยให้แม่ของนาย มารังแกแม่ฉัน” “ผมก็ไม่ปล่อยวางเหมือน ถ้าเจอกันแล้วแม่คุณมาหาเรื่องชวน แม่ผมทะเลาะ” “แม่ใครกันแน่เริ่มก่อน” ปรวีร์ชี้หน้าอย่างไม่หวาดหวั่น “แม่คุณนั่นแหละ คุณเองก็เหมือนแม่ เจอผมครั้งแรกก็มาชวน ทะเลาะ...นิสัย...นิสัย” “นิสัยอะไร...นายนั่นแหละ...จำไว้นะ อย่าให้เจอที่ไหนอีกละกัน” หนุ่มสาวต่างก็ง้างกำปั้นเตรียมจะแลกหมัด แต่ก็ถูกคนของฝ่าย ตนดึงตัวออกห่างกัน บุญหล้าพูดกับปรวีร์ว่า “พาคุณนายแม่กลับก่อนเถอะค่ะคุณปอ หน้ามอมแมมแบบนั้น ถ้ า ไม่ รี บ กลั บ บ้ า นล้ า งหน้ า อาบน้ ำ เดี๋ ย วสิ ว ขึ้ น นะคะ คุ ณ นายแม่ ผิ ว อ่อนเยาว์” “นังบุญหล้า!” “ลีล่าค่ะคุณนายแม่ขา เวลาออกนอกบ้านต้องเรียกลีล่านะคะ” “เออ...ฉันจะเรียกอีหล้า แกอย่ามาหาเรื่องให้ฉันด่านะ” “เอ๊า ก็ลีล่าหวังดีนี่คะ” “แกหวังดี แต่ฉันอารมณ์ไม่ดี” บุญหล้าถอนหายใจเฮือกใหญ่บน่ อุบอิบว่า ทำดีไม่ได้ดี แล้วก็คว้า แขนสองแม่ลูกให้รีบเดินห่างออกจากฝ่ายคู่อริ วาสุหันกลับมามองหน้าผู้เป็นแม่ คุณนายเบญญาวรรณไม่ยอม แม่ยก 23
หลบตา “จะมาหาเรื่องอะไรแม่” “แม่ครับ...ผมไม่ได้หาเรื่องนะครับ ผมแค่ดูสภาพว่าแม่ยอมให้ ตัวเองกลายเป็นยัยหัวฟูแบบนี้ได้ยังไง อย่ามีเรื่องแบบนี้อีกนะครับ” “ฉันจะมีใครจะทำไม” “แม่มีเรื่องกับคุณนายคนนั้น ผมกับลูกสาวเขาก็ต้องมีเรื่องกัน” “นั่นไง มาห้ามแม่ไม่ให้มีเรื่อง แล้วเราเองล่ะ เจอกันครั้งแรกกับ ลูกสาวยัยคุณนายอุด ลูกก็มีเรื่องทันที แล้วจะมาห้ามแม่ทำไม ใครทำ ไม่ถูกแม่ไม่ปล่อยวางแน่” วาสุถอนหายใจขับไล่ความอึดอัด หันไปสัง่ นายขลุย่ ให้กลับไปเอา รถเบนซ์คันงามของคุณนายเบญญาวรรณที่จอดอยู่สถานที่จัดคอนเสิร์ต ส่วนเขาพาผู้เป็นแม่นั่งรถตัวเองกลับบ้าน ขณะขับรถออกจากสถานีตำรวจเห็นท้ายรถของหญิงสาวคู่อริ ความคับแค้นใจที่ถูกปรวีร์ว่าเขาฉอดๆ ก็ปะทุขึ้นมาอย่างเงียบๆ ในหมู่บ้านจัดสรรชื่อดังที่มีชื่อเสียงมายาวนาน บ้านแต่ละ หลังตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่าครึ่งไร่ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีถนนเพียงสายเดียวที่ ค่อนข้างกว้างขวาง ตัวบ้านมีทั้งฝั่งซ้ายและขวา ไม่มีซอยสลับซับซ้อน มีเพียงพื้นที่ว่างสำหรับกลับรถระหว่างบ้านสามหลังต่อหนึ่งช่องว่าง สุดท้ายมีที่กลับรถท้ายหมู่บ้านซึ่งเป็นสโมสร บ้านของคุณช่วงวิทย์ เมธุรส อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เพิ่ง เกษียณอายุไปหมาดๆ เมือ่ ไม่กเี่ ดือนทีผ่ า่ นมานัน้ เป็นบ้านทีอ่ ยูต่ น้ หมูบ่ า้ น แม้จะอยู่มานานนับสิบปี แต่ตัวบ้านก็ยังคงใหม่ ดูหรูหราเพราะได้รับการ ดูแลซ่อมแซมอยู่เสมอ นอกจากตัวบ้านที่โอ่อ่าแล้ว การปลูกไม้ดอกไม้ ประดับและการจัดสวนหย่อมเพือ่ เป็นทีน่ งั่ พักผ่อนภายใต้ตน้ ไม้ใหญ่กท็ ำ 24 วัตตรา
ให้บ้านหลังนี้ดูร่มรื่นน่าอยู่ยิ่งขึ้น สาวใช้ที่เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าที่ตู้จดหมายเดินมาสูด กลิน่ หอมของโมกทีถ่ กู ปล่อยให้เติบโตเป็นพุม่ สูงใหญ่ แถมยังเด็ดช่อเล็กๆ ใกล้มือมาผูกปลายผม ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปที่เรือนครัวด้านหลังของตัวตึก แล้วมาโผล่ที่ห้องอาหาร คุณช่วงวิทย์เดินลงบันไดมาเพื่อจะเข้าไปในห้องอาหาร คำเกลี้ยง สาวใช้ฝ่ายงานครัวรีบเดินตรงเข้ามายื่นหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าให้ ก่อนจะ ปลีกตัวไปจัดเตรียมสำรับเพื่อลำเลียงมาขึ้นโต๊ะอาหารให้ “ท่าน” ของ ทุกคนในบ้าน ประมุขของบ้านยังไม่ทันได้นั่ง เขาก็คลี่หนังสือพิมพ์ที่ม้วนอยู่ เพื่อ ดูข่าวหน้าหนึ่งว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง ‘เฮ้ย…ยายเพิ้งที่ไหนเนี่ย ทำไมหัวหูหน้าตามันถึงได้เยินยับขนาด นั้น’ อดีตรองผู้ว่าฯ อุทานกับตัวเองในใจ เมื่อเห็นภาพสาวใหญ่สองคนที่ ทั้งหน้าตาหัวหูกระเซอะกระเซิงปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ ฉบับเช้าวันนั้น คุณช่วงวิทย์ก้มลงพิจารณาภาพข่าวนั้นอีกครั้ง พอดูชัดๆ แล้วเขา ก็รู้สึกเข่าอ่อนจนต้องรีบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด และยิ่ง เมือ่ หยิบแว่นตาสำหรับอ่านหนังสือขึน้ มาใส่แล้วก้มลงดูหนังสือพิมพ์ใหม่ อีกรอบ มันช่วยให้เห็นภาพและตัวหนังสือชัดเจนขึ้น คุณช่วงวิทย์แทบจะ มุดหน้าลงใต้โต๊ะ เพราะภาพที่เห็นนั้น หนึ่งในหญิงที่คุณช่วงวิทย์แอบคิด ในใจว่า “หยั่งกะไปฟัดกับหมามา” นั้นคือภรรยาของตัวเอง เมือ่ อ่านข่าวโดยละเอียด คุณช่วงวิทย์กย็ งิ่ รูส้ กึ ปวดเศียรเวียนเกล้า มากยิ่งขึ้น เพราะในหน้าสองที่ต่อเนื่องมาจากหน้าหนึ่งยังมีภาพของ ลูกสาวสุดสวาทที่คุณช่วงวิทย์รักและทะนุถนอมปานแก้วตาดวงใจ ยืน ทำหน้ายักษ์ใส่หนุม่ หล่อหน้าคมเข้มคนหนึง่ อย่างเอาเป็นเอาตาย หน้าตา แม่ยก 25
น่าเกลียดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นลูกสาวเป็นอย่างนี้มาก่อน ขณะที่คุณช่วงวิทย์กำลังรู้สึกหน้ามืด ฝืดคอ และหายใจติดขัดอยู่ นั่นเอง ปรวีร์ซึ่งวันนี้ไม่ไปเปิดร้านเพราะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ โรงเรียน ใกล้ร้านของเธอหยุด หญิงสาวจึงถือโอกาสให้เด็กในร้านหยุดพักผ่อน เพราะนอกจากตัวเองจะได้มีเวลาผ่อนคลายความเครียดแล้ว ยังไม่ต้อง จ่ายเบี้ยเลี้ยงรายวันให้ลูกน้องในร้านอาฟเตอร์เวิร์ก ที่ขายทั้งเบเกอรี ไอศกรีม และเครื่องดื่ม และอาหารจานเดียวสุดหรูอีกด้วย เธอเดินนวย นาดอย่างสบายอกสบายใจเข้ามาในห้องอาหาร “ต๊าย…คุณพ่อเป็นอะไรไปคะนั่น ทำหน้ายังกะปลาสำลักน้ำ เอ้อ ...ขอโทษนะคะ…ปอตกใจมากไปหน่อย” หญิงสาวเอ่ยขอโทษผู้เป็นพ่อตามประสาลูกที่มีกิริยามารยาทดี เสมอมา ทันทีที่รู้สึกว่าพูดจาไม่เหมาะสมกับผู้ใหญ่ คุณช่วงวิทย์ยังคง พูดไม่ออกได้ปรายตาไปที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ พร้อมกับจิ้มนิ้วชี้ลงไป อย่างแรงที่ภาพของคุณนายอุษณีย์ จนเมื่อรวบรวมสติกลับคืนมาได้แล้ว จึงเอ่ยถามลูกสาว “นี่มันอะไรกัน ฮึ ยายปอ ทำไมถึงปล่อยให้แม่เขาไปสร้างวีรกรรม อะไรไว้ที่เวทีคอนเสิร์ต รวมพลคนรักเพลงลูกทุ่งไทย นั่น รู้มั้ยว่าทำให้ พ่อจะอับอายขายหน้าแค่ไหนที่คุณนายอดีตรองผู้ว่ามากลายสภาพเป็น ยายปลาร้าปากตลาดแบบนี้” พูดจบก็จ้องหน้าลูกสาวเขม็ง “โธ่ คุณพ่อคะ อย่าว่าแต่คุณพ่อเลยที่จะอาย ปอเองก็อายแทบ แทรกแผ่ น ดิ น ปอก็ ไ ม่ รู้ เ หมื อ นกั น ว่ า คุ ณ แม่ ไ ปทำอี ท่ า ไหน ถึ ง ได้ ไ ป ทะเลาะกับยัยป้าคนนั้นจนยับเยินกันได้ถึงขนาดนี้...ปอว่า เดี๋ยวคุณแม่ ลงมาเมื่อไหร่ คุณพ่อก็ลองถามเอาเองก็แล้วกันค่ะ ที่ปอไปประกันตัวมา ให้เนี่ย ก็เพราะว่ามีเพื่อนคนหนึ่งกำลังขับรถอยู่และบังเอิญเห็นแม่นั่ง 26 วัตตรา
จับเจ่าอยู่ในรถกรงขังที่เขาใช้ขนนักโทษ เขาก็เลยโทรมาถามปอว่าแม่ ไปทำอะไร ถึงได้โดนตำรวจจับ ปอเลยต้องรีบออกจากร้านไปตามหาบน ถนนสายที่เพื่อนบอกจนเจอคุณแม่ที่โรงพัก...” เธอเอ่ยชื่อสถานีตำรวจ ท้องที่แห่งนั้น คุณช่วงวิทย์นิ่งฟังลูกสาวเล่ายืดยาวด้วยความอัดอั้นตันใจอย่าง เงียบๆ จนหมดถ้อยกระทงความ และด้วยความที่ไม่เคยดุหรือพูดจา ทำร้ายจิตใจลูกมาก่อน ทำให้ในครัง้ นีแ้ ม้จะขุน่ ใจต่อเหตุการณ์นา่ อับอาย ของภรรยา แต่คุณช่วงวิทย์ก็พูดอะไรไม่ออกอีกเหมือนเช่นเคย “อ้ อ คุ ณ พ่ อ ลองเรี ย กบุ ญ หล้ า มาถามดู สิ ค ะ เพราะเมื่ อ วาน บุญหล้าอยู่กับคุณแม่ด้วย” ผู้เป็นพ่อนั่งอึ้ง ใช้ความคิดอย่างหนักกับคำแนะนำของลูกสาว ทางด้านคุณนายอุษณียน์ นั้ นอนซมอยูบ่ นเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ละเหี่ยใจเนื่องจากเมื่อวานใช้พลังไปมาก แถมยังรู้สึกปวดเมื่อยเคล็ด ขัดยอกจากการฟาดมือตบกับคูแ่ ข่งคนสำคัญแบบไม่มใี ครยอมยัง้ มือ แต่ ในทีส่ ดุ นางก็ตอ้ งแข็งใจลุกขึน้ อาบน้ำแต่งตัวสวยพริง้ แล้วเดินโผเผลงมา ทันได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของปรวีร์เข้าพอดี “อะไรกันคุณ อะไรจ๊ะแม่ปอ จะซักถามอะไรใครกัน” สองพ่อลูกมองสบตากัน ก่อนที่ปรวีร์จะยักไหล่ และเสตักข้าวต้ม กุ้งในชามตรงหน้าใส่ปากอย่างไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่คุณช่วงวิทย์ ซึ่งก็อีกเช่น กัน เป็นสามีทไี่ ม่เคยมีปากเสียงกับภรรยา นอกจากเอ่ยคำว่า “ตามใจคุณ” มาโดยตลอด ไม่รวู้ า่ จะเริม่ ต้นซักถามอย่างไรดี เพราะปกติกแ็ สนจะถนอม ปากถนอมคำอยู่แล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าภรรยาผู้อ่อนกว่าถึงครึ่งรอบ ในที่สุด คุณช่วงวิทย์ก็ตัดสินใจส่งหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ตรงหน้า ให้ภรรยาก่อนจะทำตามอย่างลูกสาวคือตักข้าวต้มกุ้งใส่ปากอย่างเอร็ด อร่อย แม่ยก 27
“ต๊าย ไอ้สื่อบ้า มันเอารูปแบบนี้ไปลงได้ไงเนี่ย…แม่ปอ คุณคะ ฉันจะฟ้องหนังสือพิมพ์ จะเอารูปฉันลงทั้งที เลือกที่ดูดีกว่านี้หน่อยก็ ไม่ได้ ฉันรับไม่ได้เลยนะเนี่ย แสนจะน่าเกลียดน่าชัง…แล้วดูซิ รูปที่ตบตี กับยายปลาร้านั่นก็อุตส่าห์จะเอาไปลง” แล้วนาทีต่อมาเสียงแปร๋แปร๋นของคุณนายอุษณีย์ก็เปลี่ยนเป็น เสียงหัวเราะก๊ากอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อนึกย้อนไปถึงภาพที่ตัวเองลงไม้ลง มือกับคู่ปรับหน้าเดิมที่ไม่กินเส้นกินสีกันมาตั้งแต่เห็นหน้ากันครั้งแรกใน เวทีคอนเสิร์ตที่กฤษณะ ม้าศึก เปิดการแสดงเป็นครั้งแรกหลังคว้ารางวัล นักร้องยอดเยี่ยมมาครองในการประกวด “The SG” เมื่อหลายเดือนก่อน “นึกๆ แล้วก็ขำ ยายนั่นมันบ้าจี้ ฉันก็ไม่รู้หรอก พอยกมือตบขึ้น เท่านั้นแหละ แหม…มันคว้าแขนเสื้อฉันกระชากจนขาดเลย แถมอีตอน ตำรวจเข้ามาจะจับ ยัยนั่นซัดผัวะที่บ้องหูตำรวจเลยแหละ ดีนะว่าเป็น มือตบพลาสติก ไม่งั้นคงได้เจอข้อหาฆ่าตำรวจตาย เพราะฤทธิ์บ้าจี้ ของมันแน่ๆ” ว่าแล้วคุณนายอุษณีย์ก็นั่งลงหัวเราะต่อโดยไม่สนใจว่า ลูกและ สามีจะคิดหรือรู้สึกอย่างไรต่อปฏิบัติการครั้งนี้ของนาง และนางก็ไม่ได้ สนใจที่สองพ่อลูกจูงมือกันออกจากห้องอาหาร คุ ณ ช่ ว งวิ ท ย์ มี สี ห น้ า ไม่ ส บายใจนั ก เมื่ อ ต้ อ งพู ด เรื่ อ งสำคั ญ กั บ ลูกสาว ปรวีร์อ่านสีหน้าผู้เป็นพ่อออก “คุณพ่อมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” “อืม...ก็เรื่องแม่เรานั่นแหละ...ตั้งแต่ประกวด SG มาจนตอนนี้ เขาหลงใหลได้ปลื้มนักร้องลูกทุ่งพวกนั้นมากไปแล้วนะ ทุ่มเทเวลาไป เชียร์เกือบทุกเวทีคอนเสิร์ต ไปเฉยๆ ก็ไม่ว่า นี่ทุ่มเงินให้นักร้องด้วย” “อืม...ความสุขของคุณแม่ ปอเองก็ไม่ชอบใจนักหรอกนะคะ... แต่คุณพ่อขา...ในบ้านนี้ใครปราบคุณแม่อยู่บ้างล่ะคะ” 28 วัตตรา
“อะไรทำให้แม่เราเป็นแบบนี้ไปได้” “พื้นฐานความชอบ แล้วก็...การอยากได้รับการยอมรับมั้งคะ ในกลุ่มคนชอบลิเก ลูกทุ่ง อาจจะมีคนชื่นชมคุณแม่ ยกให้คุณแม่เป็น หัวหน้าทีมในการทำเว็บไซต์คนรักกฤษณะ คุณแม่เลยสนุกที่จะไปตาม เชียร์นักร้องลูกทุ่งและทุ่มเงินให้นักร้อง ในขณะที่คนอื่นทุ่มน้อยหน่อย” “นั่นแหละคือสิ่งที่พ่อกำลังจะบอกหนูว่า...หนูต้องหาทางหยุด คุณแม่นะลูก” น้ำเสียงเนือยๆ ของผูเ้ ป็นพ่อทำให้ปรวีรต์ อ้ งรับปากอย่างหนักแน่น ว่า เธอจะหาทางหยุดผู้เป็นแม่ให้ได้ ที่ชานเมืองทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ในที่ดิน ที่มีการล้อมรั้วไว้อย่างกว้างขวางนั้น ด้านหน้าถูกจัดสร้างเป็นสำนักงาน อย่างโอ่อ่าทันสมัย ถัดจากนั้นเป็นโรงงานอาหารกระป๋อง “บริษัท เบสท์ คลีนฟู้ด จำกัด” ของเสี่ยโตมร เอกอลัน ถัดจากโรงงานเข้าไปเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่โตโอ่อา่ ของครอบครัว เอกอลัน เช้านี้วาสุ วิศวกรหนุ่มโสดดีกรีปริญญาโทจากสหรัฐฯ ทายาทคน เดียวของเสี่ยโตมรและคุณนายเบญญาวรรณ เดินผิวปากอย่างสบาย อารมณ์ลงมาจากห้องนอนส่วนตัว เข้าสู่ห้องโถงด้านล่างที่อยู่หน้าห้อง อาหาร เขาเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวางพาดอยูบ่ นเท้าแขนของ โซฟาตัวใหญ่ จึงทรุดตัวลงนั่ง กางหนังสือพิมพ์ออกอ่านด้วยความสนใจ พอสายตาปะทะกับพาดหัวข่าวหน้าแรก เขาก็แทบตกเก้าอี้ “สองเศรษฐีนีซัดมือตบกันนัวหน้าเวทีคอนเสิร์ต โดนรวบทั้งคู่ ฐานก่อการวิวาท” ชายหนุม่ เปิดอ่านเนือ้ ข่าวอย่างจริงจัง แค่ไม่กบี่ รรทัดเขาก็รสู้ กึ หน้า แม่ยก 29
ร้อนผ่าว เพราะข่าวเขียนถึงวีรกรรมของแม่เขากับคู่กรณี...แล้วภาพของ คุณนายแม่ยกที่เขาเห็นที่สถานีตำรวจเมื่อวานนี้วูบเข้ามาในห้วงคำนึง จากนัน้ ภาพของหญิงสาวร่างเพรียว หน้าใส ก็ตามมา เสียงขูข่ องหญิงสาว ผู้นั้นก็ดังก้องขึ้นในความรู้สึก ‘อย่าให้ฉันเจอแม่นายมาทะเลาะตบตีกับแม่ฉันอีกนะ ได้เห็นดี กันแน่’ ท่าทางขบเขีย้ วเคีย้ วฟันของเจ้าหล่อนช่างน่ากลัวเสียจริงๆ นึกแล้ว เขายังสยองขวัญไม่หาย และเมื่อวาสุอ่านเนื้อความในข่าวอย่างละเอียด เขาจึงได้รู้ว่า เธอชื่อปรวีร์ หรือแม่ปอ ตามที่มารดาของเธอเรียกขานนั่น เอง “อ่านอะไรอยู่รึเจ้าวา...หน้าเครียดเชียว” เสี่ยโตมรถามบุตรชาย พลางนั่งลงชิดกับชายหนุ่มหน้าเข้มที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนเดียวของเขา อันที่จริง การที่เขามีวาสุเพียงคนเดียว หาใช่เป็นเพราะเสี่ยโตมร มีความรักและซื่อสัตย์ต่อภรรยาคนเดียวไม่ ตรงกันข้าม ด้วยธุรกิจนับ ร้อยล้านที่มีอยู่ แม้ทรัพย์สินบางส่วนจะเป็นหนี้ที่กู้จากธนาคาร แต่ก็ถือ ได้ว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการค้าระดับสากลคนหนึ่ง ของวงการอาหารกระป๋องและอาหารแช่แข็งเมืองไทย ซึง่ นีค่ อื เหตุผลหนึง่ ที่ทำให้เขามีโอกาสได้หว่านทั้งเงินและเสน่ห์เผื่อแผ่ไปยังสาวสวยมาก หน้าหลายตา แต่ดว้ ยความทีร่ กั ลูกชายคนเดียวมาก ทำให้เสีย่ โตมรไม่คดิ จะจริงจังกับผู้หญิงคนไหนถึงขั้นที่จะยอมมีน้องชายหรือน้องสาวให้แก่ วาสุได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ คุณนายเบญญาวรรณเองได้จับตัวเสี่ยโตมร ไปทำหมันเสียตั้งแต่เริ่มลืมตาอ้าปากได้ เพราะดูเหมือนนางเองก็รู้จัก สามีดีเช่นกันว่า มีนิสัยเจ้าชู้ และเพราะเหตุผลดังกล่าวนี้ วาสุจึงได้เป็น ทายาทคนเดียวของครอบครัวโดยไร้ปัญหาใดๆ ชายหนุ่มรีบกอดหนังสือพิมพ์ไว้ เพื่อไม่ให้ผู้เป็นพ่อเห็นพาดหัว 30 วัตตรา
และภาพข่าว...แต่ก็ปิดไม่มิด “เฮ้ย…นีแ่ ม่แกไปทำอะไรเนีย่ ทำไมสภาพถึงเป็นยังงีล้ ะ่ ” เสีย่ โตมร อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นภาพและพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ที่ วาสุกอดอยู่ เขาจัดการดึงหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับมาจากมือลูกชายและเปิด อ่านด้วยตาที่พองโตแทบทะลุออกมานอกแว่น “ฉิบหา...แล้ว” อ่านไปได้เพียงครึ่งหน้า เสี่ยร้อยล้านก็อุทานออก มาดังๆ เป็นครั้งที่สอง “หมด…หมดกัน…ชื่อเสียงฉัน…โธ่…โว้ย!” “พ่อครับ พ่อ ใจเย็นๆ ก่อนครับ...มันไม่ได้เลวร้ายมากอย่างที่พ่อ คิดหรอกนะครับ ไอ้พวกสื่อเนี่ย มันก็ถนัดใส่สีตีไข่อยู่แล้ว ก็เลยลงข่าว เป็นเรื่องใหญ่โต ความจริงก็แค่มนุษย์ป้าสองคนทุ่มเถียงทะเลาะกัน เพราะไอ้นักร้องลูกทุ่งขี้อ้อนคนนี้แหละครับ” วาสุ เ อานิ้ ว จิ้ ม ไปที่ ภ าพของกฤษณะซึ่ ง ยื น โอบประคองแม่ ย ก สองคนไว้ข้างละคน หนึ่งในนั้นคือ คุณนายเบญญาวรรณ ภรรยาของ เสี่ยโตมรนั่นเอง “แล้วทำไมแกไม่หา้ มแม่แกเล่า ปล่อยให้เขาอาละวาดยังงีไ้ ด้ยงั ไง ฉันก็อายคนเขาตายห่…น่ะสิ” เสี่ยโตมรไม่หยุดโวยวาย วาสุอธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ถ้านายขลุ่ยไม่โทรศัพท์เข้า มาบอกเขาก็ ไ ม่ รู้ . ..ซึ่ ง แท้ จ ริ ง แล้ ว สายของเขาฝ่ า ยติ ด ตามคุ ณ นาย เบญญาวรรณเป็นคนรายงานมา “ผมก็ทำดีที่สุดแล้วนะครับพ่อ แต่จะไปห้ามไม่ให้แม่เขาไปดู คอนเสิร์ตก็น่าจะยาก...พ่อก็รู้ว่าแม่เขารักทางนี้” ชายหนุ่มจำเรื่องราวของผู้เป็นแม่ที่เล่าให้เขาฟังบ่อยๆ ได้ดีว่า ในอดีตเบญญาวรรณเป็นลูกสาวเจ้าของตลาดที่ต่างจังหวัด ซึ่งมีคณะ แม่ยก 31
ลิเกมาเล่นประจำ ชอบและสนใจ ถึงขั้นอยากเป็นนางเอกลิเก แต่ถูกพ่อ จับแต่งงานกับเสี่ยโตมร เลยมาเป็นเถ้าแก่เนี้ย ผู้ใฝ่ฝันจะมีคณะลิเก ปัน้ พระเอกลิเกเอง แต่ถกู เสีย่ โตมรขอไว้ แลกกับให้คณ ุ นายเบญญาวรรณ ตามเชียร์ ตามเป็นแม่ยกลิเกและนักร้องลูกทุ่งได้ทุกเวที นางติดตาม ลูกทุ่งมาหลายปีแต่ไม่มีใครทำให้เธอทุ่มเทได้เท่ากับการติดตามการ ประกวด The SG และแน่นอนคนที่เธอตามเชียร์ ตามส่งมาลัยติดแบงก์ ก็คือ G5 นั่นเอง และยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ยังตั้งก๊วน “คนรักกฤษณะ G5 จุ๊บๆ” ขึ้นมา รวมถึงรบเร้าให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนช่วยทำเว็บไซต์ให้ แล้วผู้ก่อวีรกรรมขายหน้าก็เดินระทดระทวยเข้ามาสมทบกับสอง พ่อลูก ใบหน้าซีกหนึ่งยังมีรอยแดงเป็นแถบเพราะฤทธิ์มือตบสีขาวที่ คู่กรณีฝากเอาไว้เป็นที่ระลึกโดยคุณนายเบญญาวรรณหลบไม่ทันเพราะ ไม่ทันระวังตัว พอหยิบหนังสือพิมพ์ขนึ้ มาดูคณ ุ นายเบญญาวรรณก็รอ้ งกรีด๊ สนัน่ ทำเอาสองพ่อลูกแทบหัวใจวายเฉียบพลันขึ้นมาในนาทีนั้น “ตายแล้ว…นีส่ อื่ มันเอาข่าวฉันไปลงได้ไงเนีย่ …ไอ้สอื่ บ้า…แล้วดูซิ …หัวหูฉันดูได้ซะที่ไหน ก่อนไปก็อุตส่าห์ไปเสียเงินเซตผมซะตั้งเกือบพัน แค่เหวี่ยงกันไปเหวี่ยงกันมาหน่อยเดียว ดูซิ กระเซอะกระเซิงซะขนาดนี้ ฉันไม่ยอม” “นี่คุณ…ผมว่าดูจากรูปการณ์แล้วมันคงไม่ใช่แค่เหวี่ยงกันไป เหวี่ยงกันมาหรอกมั้ง” เสี่ยโตมรอดไม่ได้ที่จะขัดคอภรรยาก่อนจะแอบ ค้อนอีกวงใหญ่ แถมด้วยประโยคต่อมาว่า “แล้วดูซินี่ ไปฟาดเอาบ้องหูของตำรวจเขาเข้าด้วย ดีนะว่าเขาไม่ จับขัง...” พูดยังไม่ทันจบประโยค คุณนายเบญญาวรรณก็ส่งเสียงขัดขึ้นมา ทันที 32 วัตตรา
“นี่คุณ ไม่ต้องมาซ้ำเติมฉันนะ ก็รู้อยู่แล้วว่าฉันมันบ้าจี้ ใครเข้ามา ใกล้ๆ ได้เหรอ ฉันก็ซัดเข้าให้น่ะสิ คุณเองก็เคยโดนอยู่บ่อยๆ จำรสมือฉัน ไม่ได้รึไง ฮึ” เจอไม้นี้เข้า เสี่ยโตมรก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ไป…กินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว…เมื่อคืนอยู่ประชุมจนดึกดื่น ได้กินอาหารหน่อยเดียวเอง” เขาพูดแล้วลุกเดินนำทุกคนเข้าไปยังห้อง อาหาร วาสุแอบยิ้มกับตัวเองเพราะเขารู้ความจริงดีว่า ที่ผู้เป็นพ่อไม่ได้ กินข้าวนัน้ แท้จริงแล้วไปกินอะไรมา และหลังจากเลิกประชุมแล้วไปไหน ต่อ เพราะวาสุเองก็มีสายที่คอยรายงานข่าวคราวความเคลื่อนไหวต่างๆ ภายในองค์กรให้เขาได้รู้อยู่ตลอดเวลา ส่วนเสี่ยโตมรนั้น เมื่อเห็นภรรยาอารมณ์เสีย เขาก็จะกลบเกลื่อน และง้องอนเพื่อหวังให้หวานใจที่ร่วมก่อร่างสร้างตัวมาด้วยกันตั้งแต่วาสุ ยังไม่เกิดได้อารมณ์ดีขึ้น โดยไม่เอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานอีกเลย
แม่ยก 33