In blue sample

Page 1


Author Illust Editor Coordinator Proofread

สักวัน ซึมลึก krappom takuya Nigiri-Sushi

First Published : January 2014 CORYRIGHT © 2014 by สักวัน


This is a work of fiction. Names, characters, places and incidents either are products of the author’s imagination. นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับ ชื่อ บุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น


-1Mad World

ทราย

ที่นี่ไม่ได้เป็นสีขาว ทั้งให้สัมผัสหยาบๆ แต่ ผมก็ชอบมัน

เมื่อผมเดินย�่ำเท้าบนผืนทรายครั้งแรกมันคงเป็นแค่รอยเท้าเล็กๆ เหมือนค�ำเปรียบที่ว่า ‘ตีนเท่าฝาหอย’ ผมจ�ำความรูส้ กึ แรกทีเ่ ท้าสัมผัสไม่ได้ แต่เมือ่ เริม่ ชินผมจะรูส้ กึ ชอบ ทุกๆ ครัง้ ทีเ่ ดินบนทราย ชอบไอร้อนใต้ฝา่ เท้าผ่านง่ามนิว้ ชอบทีม่ นั สามารถ ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้เพียงชั่วครู่ แต่ที่สุดแล้วก็เลือนหายไป ที่ส�ำคัญทราย เหล่านี้เป็นเพื่อนเล่นเพียงหนึ่งเดียวของผม... ผมจะเดินย�่ำมันทุกครั้งที่ไม่มีที่ไป เดินเตร็ดเตร่ หรือก่อกองทราย เล็กๆ เป็นรูปต่างๆ ที่อยากท�ำ บ้านของผมอยู่แถวๆ ชายหาด จะเรียกว่า บ้านเลยก็คงไม่ถกู เพราะแม่ขอเขาอาศัยห้องเล็กๆ ชัน้ บนของบาร์ มีพหี่ ญิง กับฝรั่งจอห์นเป็นเจ้าของร้าน มันสะดวกแม่ดีเพราะแม่ท�ำงานที่บาร์นั่น

4


ก่อนหน้าที่จะมีผมแม่ก็ท�ำงานที่นี่อยู่แล้วเพียงแต่มีห้องเช่าของตัวเอง แต่ เนื่องจากเสียงร้องของเด็กทารกอย่างผม บรรดาคนในตึกจึงไม่ต้อนรับแม่ อีกต่อไป ด้วยความที่แม่ยังเด็กและมีลูก พี่หญิงที่ถึงไม่ได้ใจดีแต่ก็มีน�้ำใจ ให้แม่อยู่ที่ร้าน แม่จึงเคารพและไม่เคยขัดใจอะไรเมื่อพี่หญิงสั่ง แท้จริงแล้วในสมองเล็กๆ ของผมเกลียดที่ๆ ตัวเองซุกหัวนอนมา ตลอดเก้าปีมานี้ ผมไม่ชอบที่จะอยู่ในร้าน มันไม่ใช่ที่ๆ ผู้ปกครองควรจะ ให้เด็กอยู่ แต่แม่ผมคงไม่คิดสน ผมรู้ดี เมื่อก่อนผมไม่เห็นว่าเด็กตัวเล็กๆ อย่างผมจะเดินไปไหนมาไหนโดยไม่มผี ใู้ หญ่คอยอุม้ หรือจูงมือได้ แต่ผใู้ หญ่ ในร้านและรอบๆ ตัวผมท�ำสิง่ ตรงกันข้าม เขาให้ผมท�ำสิง่ ต่างๆ ทีผ่ มสามารถ ท�ำได้ เหมือนกับว่ามันก็ถูกแล้วที่ให้ผมท�ำสิ่งเหล่านั้น ล้างจาน ท�ำความ สะอาด ออกไปซื้อของ ส่งของ ถ้าพวกเขาคิดว่าผมท�ำได้ก็จะให้ผมท�ำ ท�ำ ไม่ดีก็ด่าบ้าง ตีบ้าง แรกๆ ก็เจ็บ ร้องไห้ตามประสา นอกจากเขาจะไม่ สงสารแล้วยังจะโดนซ�้ำ หลังๆ ผมจึงเรียนรู้ที่จะท�ำตัวเฉยๆ เจ็บจะไม่ร้อง ไม่พูด ไม่ถาม วันนี้หลังจากเดินเล่นที่หาดสักพักจนพอใจผมก็กลับเข้าร้าน มัน เป็นตอนเย็นๆ ที่แขกยังไม่เยอะ ผมเห็นแม่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของฝรั่งคน หนึง่ ดูทา่ ว่างานของแม่เริม่ แล้ว ผมจึงเดินเลีย่ งๆ มาในครัวเพือ่ หาอะไรกิน “มาแล้วเหรอไอ้บลู หายหัวไปไหนมา” พี่หญิงเดินลงบันไดมาเจอ ผมพอดีพลักหัวผม “หาด” “จะให้ไปส่งของก็หายหัว เที่ยวเดินเล่น” แกว่าแล้วเดินไปหยิบห่อ ของหลังบาร์ บอกให้ผมเอาไปส่งร้านเจ๊หนิง ผมรับของมาจากพี่หญิงแล้ว รีบเดินออกนอกร้าน นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่มาร้านเจ๊หนิง มันอยู่ไม่ห่างจากร้านพี่หญิง นัก ครัง้ แรกพีห่ ญิงพาผมมาเพือ่ ทีค่ ราวต่อไปจะได้มาส่งของให้และแนะน�ำ ให้ผมรู้จักกับเพศที่สามที่ชื่อเจ๊หนิง เมื่อมาถึงร้านผมเดินมาถามหาเจ๊หนิง กับพนักงาน เขาเดินไปเรียกให้ไม่นานเจ๊ก็ออกมาหาผม เจ๊หนิงไม่ได้แต่ง

5


ตัวแบบผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆ ในร้าน ทั้งไว้ผมสั้น หากดูเผินๆ อาจคิดว่า เป็น ผู้ชาย แต่ท่าทางและการพูดนั้นกลับตรงกันข้ามกับการแต่งตัวอย่าง สิ้นเชิง “ว่ายังไง น้องบลู” เมื่อเจ๊เห็น ผมก็เดินยิ้มเข้ามาหาผมที่อยู่หน้า เคาน์เตอร์ “หน้าตาเห็นแววหล่อมาแต่ไกล โตขึ้นหน่อยแล้วนะเรา” เจ๊พูด ผม ยื่นของที่พี่หญิงฝากมาให้เจ๊ “เจ๊จะกินเด็กเหรอ” พี่กะเทยในร้านที่เดิน ผ่านแถวนั้นคนหนึ่งพูด กับเจ๊ “ย่ะ ฉันจะกิน หล่อนจะท�ำไม” “น้องบลูอายุเท่าไรแล้วคะ” พีก่ ะเทยคนเดิมถามต่อไม่สนใจสายตาเจ๊ “เก้าครับ” ผมก้มหน้าตอบ หลบมือเจ๊ที่ลูบแก้มผม “รออีกหน่อยเหอะเจ๊” พี่กะเทยคนนั้นพูดพลางหัวเราะ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วเจ๊เลยบอกให้ผมกลับร้าน ผมบอกลาเจ๊ สั้นๆ แล้วก็ออกมา

6

ข้างนอกท้องฟ้าเป็นสีส้ม ผมไม่คอ่ ยชอบช่วงเวลานีเ้ ลย ช่วงเวลาสัน้ ๆ ทีพ่ ระอาทิตย์กำ� ลังตก มันให้ความรูส้ กึ ว้าเหว่อย่างบอกไม่ถกู ผมรูส้ กึ ว่าโลกทีผ่ มเกิดมันมีสหี ม่นๆ อยู่ตลอดเวลา ผมไม่มีเพื่อน ไม่ได้เรียนหนังสือ โลกสีสดใสของเด็กๆ ผม ไม่เคยเห็น ผมเห็นแต่โลกของผู้ใหญ่ เห็นแสงสีท่ามกลางความมืด เห็น ม่านหมอกของควันบุหรี่ เห็นความบันเทิงของพวกเขาทีม่ าในรูปแบบต่างๆ เห็นแม่กบั ผูช้ ายหลายคน ได้ยนิ แต่เสียงกรีดร้องและครวญคราง ทัง้ หมดนัน้ มันท�ำให้จิตใจผมรู้สึกเกลียดชังโลกที่อยู่ แม่ผมเป็นเด็กใจแตก หนีตาม ผูช้ ายออกจากบ้านตอนอายุสบิ ห้า ไม่นานผูช้ ายก็ทงิ้ ไปเพราะอยูก่ นั ไม่รอด แม่ระหกระเหินมาเจอพี่หญิงและมาท�ำงานด้วย พอท�ำงานได้สักพักด้วย


ความที่ไม่รู้และเด็กเกินกว่าจะสนใจแม่ก็ปล่อยให้ผมมีตัวตนขึ้นมาจนยาก จะท�ำลาย ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ตั้งใจให้ผมเกิดแม้สักนิด ผมหยักศกสีน�้ำตาลเข้ม และตาสีฟ้าของผมไม่มีใครรู้เชื้อชาติ ผมเกลียดชังเพราะมันย�้ำชัด มันย�้ำ ว่าผมเกิดจากเศษเสี้ยวความโสมมของคนคู่หนึ่ง...เพียงแค่นั้น... บางครั้งบางคราวที่ผมเห็นพ่อแม่ที่พาลูกๆ มาเที่ยว ผมนึกอิจฉา สายตาที่เขามองลูกๆ มันเป็นสายตาของความรัก ความสุข ความห่วงใย ความรู้สึกที่ผมไม่เคยได้ ไม่ช้าไม่นานเมื่อผมรู้สึกเศร้าแทนที่จะมีความสุข เมื่อเห็น ผมก็เลิกที่จะมองพวกเขา ใจของผมจะสงบกว่ากันมากหากไม่ สนใจ ผมไม่หวังหรอกว่าแม่จะมีความรู้สึกเหล่านั้นให้ผม เพราะผมรู้จักผู้ หญิงคนนี้ดี ผู้หญิงที่ให้ผมมีร่างกายและหัวใจที่เต้นอยู่ในอกนี่ ขณะเดียว กันก็เป็นผู้ท�ำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจผมเช่นเดียวกัน “พีก่ เ็ อาไปสิ หนูไม่ได้วา่ อะไร” ผมได้ยนิ แม่พดู กับพีห่ ญิงเมือ่ ผมเดิน เข้ามาในร้าน “แกพูดจริงเหรอป่าน พี่ไม่ได้บังคับนะ” พี่หญิงพูดอย่างมีน�้ำใจแต่ ท่าทางก็รู้อยู่แล้วว่าแม่จะไม่ขัดใจ พอหันมาเห็นผมพอดีก็กวักมือเรียก “บังคับอะไรกันพี่ ล�ำพังเลี้ยงมันมาก็ล�ำบากจะตายแล้ว พี่อยาก ให้มันท�ำอะไรก็ให้มันท�ำเถอะ” แม่พูดหันมามองผมอีกคน ผมเข้าใจแล้ว ว่าพูดถึงผมอยู่ แต่ไม่แน่ใจนักว่าให้ท�ำอะไร ในใจก็นึกกลัวสายตาของทั้ง สองคน ผมไม่เคยชอบอะไรทั้งนั้นที่พี่หญิงให้ท�ำแต่ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธมัน ไม่ได้อยู่ดี เมื่อผมเดินไปใกล้ๆ ทั้งสองคนพี่หญิงจับผมหันซ้ายหันขวาเหมือน กับส�ำรวจอะไรบางอย่างแล้วร้องอืมในล�ำคออย่างพอใจ “แกพามันไปอาบน�้ำอาบท่า กินข้าวซะ เสร็จแล้วพามาหาพี่”

7


แม่พยักหน้าแล้วพาผมขึ้นมาบนห้อง ถึงผมอยากรู้ผมก็ถามไม่ได้ เพราะรู้ว่าถ้าแม่จะบอกอะไรเดี๋ยวก็คงบอกเอง แม่พาผมมาอาบน�ำ้ ขัดตัวในห้อง ปกติแล้วแม่แทบไม่เคยจะอาบน�ำ้ ให้ ผมไม่คิดว่าจะต้องสะอาดอะไรมากมายขนาดนี้ แม่ขัดราวกับว่าตัวผม สกปรก ล้างและขัดทุกๆ ส่วนอย่างที่ผมไม่เคยจะใส่ใจท�ำ “เจ็บ” ผมบอกเบาแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะแม่ขัดแรงจนท�ำให้ผม แสบ “เดีย๋ วแกจะเจ็บกว่านี”้ แม่วา่ แต่กเ็ บาแรงลงแล้วถอนหายใจ “ไม่วา่ พี่หญิงจะให้แกท�ำอะไร แกต้องท�ำตาม เข้าใจมั้ยไอ้บลู” ผมพยักหน้าช้าๆ เพราะทีผ่ า่ นมาแม่กส็ งั่ อย่างนีเ้ สมอๆ แต่คราวนีส้ ายตาแม่จริงจังกว่าคราว ก่อนๆ มาก “ตั้งใจท�ำงานดีๆ แล้วฉันจะพาไปขี่เจ็ทสกี” แม่ว่าอย่างนั้น ผมตาลุกวาว ผมเคยบอกแม่ว่าอยากให้แม่พาไปขี่เจ็ทสกี หลังจาก เห็นคนอื่นๆ เล่นที่หาด ผมอยากเล่นขนาดว่าเป็นสิ่งแรกที่กล้าขอแม่ แต่ ก็โดนด่าไม่เจียมตัว เพราะเล่นแต่ละทีไม่ใช่ถกู ๆ ผมเลยได้แต่นงั่ มองคนอืน่ เขาเล่นก็เท่านั้น หลังจากอาบน�้ำกินข้าวเสร็จผมก็มาหาพี่หญิง ผมเห็นฝรั่งหัวโล้น ตัวใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย เขามองผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปหาพี่หญิง ใจผม กระตุก เข้าใจทุกอย่างในทันที พีห่ ญิงก�ำลังพูดบางอย่างเกีย่ วกับผมในขณะ ทีเ่ ขาเริม่ เอือ้ มมือมาลูบหน้าของผม สายตาแบบนีแ้ ม้ผมยังเด็กแต่การทีอ่ ยู่ ที่นี่ตั้งแต่เกิดมันท�ำให้สองเท้าของผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล แต่ส�ำหรับ เด็กอย่างผมต่อให้อยากหนีไปไหนก็คงท�ำไม่ไ่ ด้ ไม่มที ใี่ ห้ไป ไม่มใี ครให้ชว่ ย ผมตระหนักเอาตอนนี้ว่าผมโดดเดี่ยวแค่ไหนบนโลกสกปรกใบนี้ “แกไปอยู่กับบ็อบสักสองสามวันนะ เขาให้แกท�ำอะไรก็ท�ำซะ อย่า ให้ฉันรู้ว่าแกท�ำให้บ็อบไม่พอใจ จะโดนดี” พี่หญิงว่าเสร็จบ็อบก็จูงแขนผม มาขึ้นรถ เขาถามผมว่าชื่ออะไรผมก็ตอบไป ผมพูดพอได้บ้างเพราะจอห์น

8


เป็นหนึง่ คนทีเ่ ลีย้ งผมมาพร้อมกับพีห่ ญิงและแม่ เขาไม่พดู ภาษาไทยทัง้ ยัง สบถด่าผมเป็นประจ�ำ นั่งมาไม่นานก็ถึงโรงแรมที่หนึ่ง เขาพาผมเดินขึ้นห้อง ผมเริ่มสั่น ด้วยความกลัว บ็อบหายเข้าไปในห้องน�้ำสักพักก็ออกมาด้วยชุดคลุมสีขาว ผมที่นั่งกอดเข่าอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้ากระจกสะดุ้งขึ้นเมื่อเขาเอามือมาลูบหัว ผมพร้อมแสยะยิ้ม เขาบอกให้ผมลุกขึ้นและถอดเสื้อผ้า ผมไม่ขยับอะไร ตัวสั่นจนเกร็ง มือก�ำชายเสื้อแน่น เขาไม่พูดอะไรอีกแต่เอื้อมมือมาดึงเสื้อ ผมขึ้น ผมยื้อเสื้อตัวเองไว้แน่นไม่ปล่อยให้เขาดึงออกจากตัว แต่แรงของ เด็กกับผู้ใหญ่มันต่างกัน เขาถอดเสื้อผมได้แต่ก็มีท่าทีไม่พอใจและย�้ำกับ ผมว่าจะฟ้องพี่หญิงถ้าผมขัดขืน ไม่ช้าไม่นานตัวผมก็ว่างเปล่า บ็อบหยิบเชือกเส้นยาวมามัดมือผมไขว้หลังและยังมีเชือกอีกหลาย เส้นที่โยงรั้งไปทั้งตัว สุดท้ายก็เอาผ้ามามัดปาก ตัวผมสั่น ทั้งอึดอัดทั้งกลัว และมันก็เจ็บ ร่างกายที่ยังโตไม่เต็มที่ไม่สามารถโดนกระท�ำป่าเถื่อนโหดร้ายได้ โดยไม่เจ็บปวด แม้วา่ เขาพยายามท�ำมันอย่างเบามือทีส่ ดุ ก็ตาม เสียงสะอืน้ ของผมดังออกมาเป็นพักๆ ผมกลัวจับใจ พันธนาการที่มัดผมไว้ท�ำให้ผม หนีไปไหนไม่ได้ อยากร้องให้ใครสักคนช่วย มันเจ็บจนทนไม่ไหว เจ็บจน อยากตายเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ความตายมันคงง่ายเกินไป ในเวลานั้น ผมนึกถึงแม่ ความเกลียดชังมันค่อยๆ หยั่งรากลงไปช้าๆ ตั้งแต่ตอนนั้น และมันจะไม่มวี นั เปลีย่ นแปลงไปได้เลย เมือ่ ไรทีผ่ มเจ็บและเท่าไรทีผ่ มเจ็บ ทีละเล็ก ทีละน้อย ความเกลียดชังค่อยๆ หล่อหลอมหัวใจให้เฉยชา และ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกต่อไป คืนนั้นมันยาวนานกว่าคืนไหนตั้งแต่ผมเกิดมา มันจบลงพร้อมๆ กับโลกสีหม่นๆ ของผม และแทนที่ด้วยสีด�ำอันมืดมิดไร้ก้นบึ้ง

9


ผมอยู่กับบ็อบสองวัน ไม่มีวันไหนที่ได้ออกจากห้อง หลังจากบ็อบ พามาส่งทีร่ า้ นผมต้องนอนเฉยๆ ไปทัง้ อาทิตย์โดยมีแม่ดแู ล สายตาของแม่ ที่มองดูผมนั้นผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ผมก็ไม่คิดตีความมันอีกต่อไป จากครัง้ ทีบ่ อ็ บพาผมไปครัง้ แรกก็มคี รัง้ ต่อๆ มาอีก ทุกๆ ครัง้ บ็อบ จะมัดผมไว้เสมอ มันคือหนึ่งในรูปแบบความบันเทิงอันวิปริตของมนุษย์ นอกจากบ็อบแล้วก็ยงั มีแขกคนอืน่ ๆข องพีห่ ญิงอีกนับไม่ถว้ น เจ็ทสกีทแี่ ม่ สัญญาไว้ผมไม่สนใจมันอีกแล้ว และดูเหมือนแม่ก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ในสถานที่อโคจรแห่งนี้ สิ่งที่ทุกคนสนใจคงจะมีแต่ความสุขของตัวเอง เท่านั้น จากเดือนเป็นปี ครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อเมื่อผมอายุสิบเอ็ดปีจึงสิ้นสุด ลงด้วยความช่วยเหลือจากเจ๊หนิง เย็นวันหนึ่งหลังจากที่แขกคนล่าสุดมาส่ง ผมยังไม่อยากเข้าร้าน เลยเลือกที่จะนั่งลงตรงริมฟุตบาท กอดเข่าฟุบหน้าลงอย่างหมดแรง แต่ แล้วก็ตอ้ งเงยหน้าขึน้ เมือ่ รูส้ กึ ว่ามีคนเข้ามาใกล้ ผมเงยหน้าขึน้ มาเจอเจ๊หนิง เจ๊ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมส่ายหน้า จะว่าเป็นก็เป็น จะว่าไม่เป็นก็ ไม่เป็น ไม่รู้จะตอบยังไงดี สีหน้าของเจ๊หนิงฉายแววแปลกใจ เจ๊พิจารณา ผมอยู่ครู่หนึ่งสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยช�้ำบนข้อมือที่ขึ้นสีเขียวชัดเจน แววตาเจ๊เปลี่ยนไปเมื่อสบตาผมอีกครั้ง เจ๊บอกให้ผมลุกขึ้นแล้วให้ตามเจ๊ ไปที่ร้าน “บลูบอกเจ๊สิ มันนานเท่าไรแล้ว” เจ๊ถามเมื่อมาถึง จับตัวผมพลิกดู ไปมารวมถึงเปิดเสื้อผมดูเห็นรอยบนตัวที่ยังใหม่ๆ เพราะเพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อคืน “นานแล้ว” ผมไม่รู้จะตอบอะไรได้ เจ๊มองผมด้วยแววตาเหมือน สงสารเจือแววขุ่นเคืองและหายามาทาแผลที่ตัวให้ “แม่บลูไม่ห้ามอีหญิงมันเหรอ ท�ำไมถึงปล่อยไปได้” ผมส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

10


“เดี๋ยวเจ๊จะไปคุยกับอีหญิงมัน เลี้ยงมากับมือ ท�ำแบบนี้มันเกินไป” ว่าแล้วเจ๊ก็เดินออกไปจากร้านโดยบอกให้ผมรออยู่นี่ ในร้านของเจ๊มีทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสองแต่งตัวกันฉูดฉาด ผมเข้ามารอในห้องแต่งตัวเห็นพวกเขาแต่งหน้าพูดคุยกันเฮฮา ร้านเจ๊จะ เป็นร้านที่มีโชว์เยอะแยะ ถึงจะไม่ใหญ่แต่ก็ดังมากในย่านนั้น ไปไม่นานเจ๊หนิงก็กลับมาโดยที่แม่ผมตามมาด้วย แม่เดินตรงเข้า มาฉุดแขนผมให้กลับร้าน “ถ้าคิดว่าจะให้มนั ท�ำอย่างเดิม เจ๊ไม่ให้บลูมนั กลับไปด้วยหรอกนะ” เจ๊หนิงยืนขวางระหว่างแม่กับผมไว้ โดยปกติแล้วเจ๊หนิงจะอารมณ์ดีอยู่ ตลอดเวลา ผมไม่เคยเห็นเจ๊จริงจังอย่างนี้มาก่อน คิดว่าแม่ก็คงเหมือนกัน เลยปล่อยแขนผมช้าๆ “ไม่ให้กลับแล้วจะให้มันไปอยู่ที่ไหน เจ๊จะดูมันให้หนูเหรอ พี่หญิง จะว่ายังไงถ้าไม่พามันกลับไป” แม่ดเู หมือนเริม่ สับสน เพราะกลัวทัง้ พีห่ ญิง และเจ๊หนิง “ก็บอกว่ามันหนีไป โกหกเพื่อลูกตัวเองน่ะท�ำได้ไหม” “แต่...” “ให้อยู่กับเจ๊ก่อนนี่แหละ เสียดายที่ไปแล้วไม่เจออีหญิง มันท�ำได้ ยังไงอยากจะถามมัน แต่เอาเถอะ เจ๊ว่าถ้าให้มันรู้ว่าพี่จะเอาบลูมามันคง ไม่ยอมง่ายๆ” “แล้วพี่หญิงจะไม่รู้เอาเหรอเจ๊” “แค่ป่านที่เป็นแม่บลูยอม เรื่องอื่นเดี๋ยวเจ๊จัดการเอง” แม่นิ่งไปสักพักแล้วพยักหน้าในที่สุด “หนูไม่มปี ญ ั ญาเลีย้ งมัน ทีใ่ ห้มนั ท�ำเพราะไม่อยากขัดพีห่ ญิง หนูไม่รู้ จะท�ำยังไง” แม่พูด ใจผมค้านว่าแม่จะท�ำยังไงก็ได้แค่แม่เป็นคนตัดสินใจ เพราะพี่หญิงถามแม่แล้ว ถ้าแม่เห็น ผมเป็นลูกสักนิด แม่ก็คงจะปกป้อง ผมบ้าง

11


“ป่านไม่ต้องห่วง ยังไงเจ๊คงดูแลบลูได้ดีกว่าหญิงมันอยู่แล้ว” แม่กลับไปแล้ว...ในใจผมมันวาบโหวงอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่ามันจะสิ้นสุดลง แต่ผมก็ไม่สามารถลืมเลือ นชีวิตช่วงหนึ่งใน วัยเด็กนีม้ นั ทิง้ ร่องรอยเอาไว้ลกึ มากกว่าทีใ่ ครจะรู้ ทุกอย่างทีผ่ มแสดงออก ว่าปกติดีเมื่อเจอเรื่องเลวร้ายต่างๆ ก็แค่ปกปิดรอยแผลเอาไว้ ผมไม่อยาก ให้ใครเห็น แต่หากได้มองดีๆ ก็คงเห็นได้ไม่ยากเพราะใครคนหนึ่งบอกผม ว่าผมส่งความเจ็บปวดทั้งหมดออกมาทางแววตา ผมไม่รู้ว่าเจ๊หนิงจะเลี้ยงผมอย่างไรได้โดยที่พี่หญิงไม่รู้เพราะถึง อย่างไรร้านของพีห่ ญิงก็อยูใ่ กล้กนั แต่โดยทีผ่ มไม่ทนั ตัง้ ตัวเจ๊หนิงกลับโทร หาน้องชายและขอให้เขามารับผมไปช่วยดูแลก่อนในตอนนี้ เจ๊บอกกับผม ว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น น้องชายเจ๊เป็นคนดีและจะช่วยดูผมให้ เจ๊ อาจคิดว่าผมจะกลัวเมื่อถูกส่งไปอยู่กับคนแปลกหน้า แต่ส�ำหรับผม มัน เป็นความเคยชินไปเสียแล้ว พอท้องฟ้ามืดน้องชายเจ๊หนิงก็มาถึง เขาชื่อวิทย์ เจ๊หนิงบอกให้เรียกเขาว่าน้าวิทย์ น้าวิทย์เป็นคนที่มีใบหน้าคมเข้ม แววตาไม่น่ากลัวเหมือนคนอื่นๆ ที่เคยเจอ เขายิ้มให้ผมเมื่อเจ๊หนิงแนะน�ำ น้าวิทย์และเจ๊หนิงนั่งคุยกันอยู่ พักใหญ่ๆ ผมได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาของพวกเขา เจ๊หนิงคงจะเล่า เรื่องของผมให้ฟัง ผมก็ได้แต่นั่งกอดเข่ารอเงียบๆ อยู่มุมหนึ่งของร้าน “บลูไปอยู่กับน้านะ” น้าวิทย์นั่งลงคุกเข่าพูดกับผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และยื่นมือมาลูบหัว ผมไม่พูดอะไรและไม่ได้สบตาได้แต่นั่งก้มหน้าอยู่ อย่างนั้นเขาจึงฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น “ฝากด้วยนะวิทย์ ถ้าเพลงเลี้ยงไม่ไหวหรือมีปัญหาอะไรให้บอกพี่ นะ พี่ไม่อยากรบกวนแต่ก็ปล่อยไปไม่ได้เหมือนกัน” “ผมกับเพลงดูแลได้ พี่วางใจเถอะ” น้าวิทย์บอก

12


“เจ๊จะไปหาบ่อยๆ นะบลู เข้มแข็งไว้นะครับ” ผมพยักหน้า ใจจริง แล้วผมอยากขอบคุณเจ๊แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ส่วนหนึ่งเพราะผมยังไม่ไว้ใจ ใครและสถานที่ที่เจ๊ส่งผมไปกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เป็นอย่างไรผมยัง ไม่รู้เลย หลังจากเจ๊หนิงและน้าวิทย์กล่าวลากันน้าวิทย์กพ็ าผมขึน้ รถกระบะ สีด�ำของเขาจากหาดหนึ่งมาถึงอีกหาดหนึ่งซึ่งใช้เวลานานพอสมควร บ้าน น้าวิทย์เป็นอู่อยู่ตรงข้ามหาดแห่งหนึ่ง เพียงแค่ข้ามถนนไปเท้าของผมก็ สัม ผัสทรายได้เหมือนเดิม ข้างล่างของอู่มีขนาดใหญ่แยกเป็นสองฝั่ง ฝั่ง หนึง่ มีรถ อีกฝัง่ หนึง่ มีเจ็ทสกี น้าวิทย์พาผมเดินขึน้ มาชัน้ บนทีเ่ ป็นส่วนของ บ้าน ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งดูทีวีโดยมีเด็กผู้ชายนอนตักอยู่ “เพลง” น้าวิทย์ส่งเสียงเรียก ผู้หญิงคนนั้นหันมามองและส่งยิ้มให้ ทั้งผมและน้าวิทย์ “พ่อ!” เด็กผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นเรียก วิ่งกางแขนมาหา น้าวิทย์ยกขึ้น อุ้มทันทีเมื่อโถมตัวมาถึง “ไงครับ ท�ำไมยังไม่นอน พรุ่งนี้ไปโรงเรียนนะ” “ก�ำลังจะพาไปนอนแล้ว วิทย์มาพอดี” ผู้หญิงคนนั้นบอกน้าวิทย์ แล้วหันมามองผม “ดีแล้วจะได้เจอกันเลย นีบ่ ลูนะ เด็กทีพ่ หี่ นิงฝากมาให้วทิ ย์ชว่ ยดูให้” “สวัสดีคะ่ น้าชือ่ เพลงนะ” ผมไม่ได้ตอบรับหรืออะไรแค่พยักหน้าให้ “ทะเลครับ สวัสดีพี่บลูเร็ว พี่เขาจะมาอยู่ด้วย ถ้าทะเลไม่ดื้อพี่เขา จะได้เป็นเพือ่ นเล่นกับทะเลไงครับ” น้าวิทย์วางตัวเด็กทีช่ อื่ ทะเลลงบนพืน้ ตรงหน้าผม ทะเลยิ้มแล้วยกมือเล็กๆ ขึ้นไหว้ “สวัสดีครับ!” ทะเลเด็กตัวขาวยิ้มให้ผมตาหยีจนเห็นลักยิ้มทั้งสอง ข้าง “น้องเพิง่ จะหกขวบ บลูมาอยูท่ นี่ ก่ี ม็ นี อ้ งเป็นเพือ่ นนะ อยูก่ บั พวกน้า ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น อึดอัดอะไรก็บอกน้าได้ทุกอย่างนะครับ”

13


เป็นอีกครั้งที่ผมพยักหน้า น้าวิทย์กับน้าเพลงมองหน้ากันอย่าง กังวลกับความเงียบของผม จากนัน้ น้าเพลงก็อมุ้ ทะเลไปนอน ส่วนน้าวิทย์ พาผมไปที่ห้องๆ หนึ่งบนชั้นสาม ในห้องมีเตียงเดี่ยวและห้องน�้ำในตัวแต่ ไม่มขี องใช้อะไรมากนัก น้าวิทย์บอกว่านีจ่ ะเป็นห้องของผม วันนีใ้ ห้อาบน�ำ้ พักผ่อนซะ เสื้อผ้าเดี๋ยวน้าเพลงจะเอาขึ้นมาให้ ผมไม่เคยมีห้องของตัวเองมาก่อน มันใหญ่กว่าห้องที่ผมอยู่กับแม่ เสียอีก ผมเดินไปนั่งบนเตียงไม่รู้นานเท่าไรน้าเพลงก็เคาะประตูแล้วเปิด เข้ามาเอาเสื้อผ้าและของใช้มาให้ ผมรับมาเงียบๆ น้าเพลงยืนมองผมอยู่ ครู่หนึ่งสายตาก็เห็นรอยช�้ำตรงข้อมือ น้าเพลงคุกเข่าลงตรงหน้าและลูบ หัวผมเบาๆ โดยไม่เอ่ยอะไร สายตาทีม่ องมามันอ่อนโยนเต็มไปด้วยความ สงสารท�ำให้ขอบตาร้อนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หากว่าแม่จะรู้สึกสงสารผมแม้สักนิดให้เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ มองผม...เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าผมเกลียดแม่ พยายามไม่แคร์ว่าแม่จะรู้สึกยังไง แต่ลึกๆ แล้ว ในส่วนที่ผมไม่อาจควบคุม ผมปฎิเสธไม่ได้ว่าผมอยากเห็น แม่มองผมด้วยสายตาอ่อนโยน อยากให้เป็นห่วงว่าผมจะเจ็บตรงไหนบ้าง ไหม อยากให้ยิ้มให้ผมบ้าง กอดผมบ้าง... ทั้งหมดทั้งมวลในตอนนั้น ผมไม่รู้ว่ามันคือสิ่งที่มนุษย์นิยามว่า... ความรัก... น�ำ้ ตาผมไหลลงมาโดยไม่มเี สียงสะอืน้ มันหยดลงบนมือของน้าเพลง ที่กุมมือผมไว้ เมื่ออารมณ์ทะลักทลายออกมามายมายขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้ ยินเสียงร้องของตัวเอง มันแหบแห้งครางยาวเหมือนบาดเจ็บ ผมจ�ำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้มันนานเท่าไรมาแล้ว อาจเป็น คืนนั้น หรืออาจไม่ใช่ แต่ครั้งนี้มันกลั่นออกมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดใน ชีวิตสิบเอ็ดปีของผม

14


ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าผมชินชาต่อความเจ็บปวดทุกอย่างแล้ว ต่อเมื่อเสียน�้ำตา...ผมถึงรู้ว่าผมยังมีหัวใจ ค�ำถามเดิมวนซ�้ำๆ ผมเกิดมาเพื่ออะไร เพื่อเป็นภาระ เพื่อใช้เป็นเครื่องสนองความต้องการ เพื่อเจ็บ เพื่อ เหงา เพื่อเสียใจ เพื่ออะไร ผมหวังว่าอนาคตคงจะได้ค�ำตอบที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่ ณ วันนี้ สายสัมพันธ์เพียงหนึ่งเดียวกับผู้หญิงที่ให้ก�ำเนิดชีวิตไร้ค่าของผม ขาดลงแล้ว มีเพียงความรู้สึกหนึ่งเดียวที่แจ่มชัด โดดเดี่ยวเหลือเกิน

15


-2Behind Blue Eyes

เมื่อ

โลกที่มืดมิดของผมได้เจอกับแสงสว่าง

ผมไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ ต้องยกมือบดบังเอาไว้ มันเจิดจ้า...บาดตาเกินไป ท�ำให้ผมเพิ่งรู้ว่า ‘แสงสว่าง’ ก็สามารถท�ำร้ายเราได้เช่นเดียวกัน ผมได้มาอยูใ่ นครอบครัวทีส่ มบูรณ์พร้อม น่าแปลกทีภ่ าพครอบครัว ที่อบอุ่นก็สามารถท�ำร้ายจิตใจคนได้ แรกทีเดียวผมยังไม่รู้สึกอะไร ยังคงหมกมุ่นหม่นหมองอยู่เป็นนาน หลายสัปดาห์จนอารมณ์ตกตะกอน ผมอาจเป็นโรคซึมเศร้าอย่างที่ได้ยิน น้าเพลงบอกกับน้าวิทย์ สายตาของทัง้ คูบ่ อกความความกังวลชัดแจ้งเสมอๆ เมื่อเห็นผมเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ความจริงก็คือ...ผมรู้สึกแปลกแยก

16


แม้น้าวิทย์และน้าเพลงจะเต็มใจให้ผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ผมก็รู้สึกเป็นส่วนเกินอยู่ดี ทุกครัง้ ขณะทีผ่ มนัง่ อยูใ่ นมุมเงียบๆ นัน่ เมือ่ ผมตืน่ จากภวังค์ความ คิดของตัวเอง ภาพที่ผมเห็นอย่างชินตาคือรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มบางๆ พวกเขายิ้ม...เพียงแค่ทะเลวิ่งเอารูปภาพที่ระบายสีเสร็จไปอวด ยิ้ม อย่างไม่มีความหมายเมื่อนั่งกินข้าวด้วยกัน ยิ้มอย่างเอ็นดู ยิ้มอย่างเห็นข�ำ จะยิ้มด้วยอะไรก็แล้วแต่มันล้วนเป็นธรรมชาติ สิ่งเรียบๆ สิ่งนี้ผมเห็นแล้วเหมือนตกอยู่ในห้วงอะไรสักอย่าง ทั้งอึดอัด ทั้งอิจฉา ทั้งโหยหา มันไม่ดีเลย ไม่มีอะไรดีส�ำหรับผม ผ่านไปเป็นเดือน จากที่เจ๊หนิงบอกว่าให้ผมอยู่กับน้าวิทย์ไปก่อน ช่วงหนึง่ ก็กลายเป็นการอาศัยอยูต่ อ่ ไปเรือ่ ยๆ โดยทีไ่ ม่มใี ครเอ่ยถึงอนาคต ทุกวันในตอนเช้าทั้งสามจะออกจากบ้านพร้อมๆ กัน น้าวิทย์จะ ไปส่งน้าเพลงและทะเลที่โรงเรียน น้าเพลงเป็นครูมัธยมสอนอยู่ที่โรงเรียน ในตัวเมือง ส่วนทะเลเรียนอยูโ่ รงเรียนใกล้ๆ บ้าน หลังจากส่งน้าเพลงและ ทะเลแล้ว น้าวิทย์ก็กลับมาท�ำงานที่อู่ และออกไปรับที่ทะเลอีกครั้งเมื่อ โรงเรียนเลิก ส่วนน้าเพลงจะกลับมาในตอนเย็นท�ำกับข้าวและกินมื้อเย็น ด้วยกัน ส่วนใหญ่แล้วผมจะอยู่ที่ส�ำนักงาน มันเป็นห้องกระจกเล็กๆ ที่กั้น ผมกับผูค้ นโดยทีย่ งั อยูใ่ นสายตาของน้าวิทย์ ผมก็ไม่เชิงว่านัง่ ว่างๆ น้าวิทย์ พยายามหาอะไรให้ผมท�ำเพราะกลัวผมเบื่อ เอาเกมของทะเลมาให้เล่น ให้ดูทีวี และคอยถามผมเสมอว่าอยากท�ำอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า อยาก ได้อะไรเพิม่ เติมไหม ผมได้แต่สา่ ยหัว อย่างเดียวทีข่ อคือขอออกไปเดินเล่น ที่หาดบ่อยๆ ซึ่งน้าวิทย์ก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าผมไปได้ทุกเมื่อที่อยากไป ผมสามารถอยู่ท่ีหาดได้เป็นวันๆ ที่นี่...มันเป็นสถานที่ๆ ให้ความ รู้สึกเป็นบ้าน ผมสามารถก่อกองทรายเป็นรูปใหญ่โตโดยไม่เสียดายว่ามัน จะคงอยู่ได้ไม่นาน ผมจะลืมทุกสิ่งเมื่อตั้งใจปั้นมันให้เป็นรูปเป็นร่าง มีแค่ ผมและทรายหยาบๆ ในมือเป็นโลกส่วนตัว แม้วา่ จะมีคนมาเทีย่ วมากมาย

17


ที่นี่ แต่ผมกลับรู้สึกปลอดโปร่ง ไม่มีใครสนใจใคร มันเป็นความคึกคักที่ผม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้คนผ่านมาและผ่านไป ไร้เรื่องราว ไร้ตัวตนส�ำหรับผม ช่วงเข้าเดือนทีส่ ามของการมาอยูท่ นี่ ี่ น้าเพลงถามผมว่าอยากเรียน หนังสือไหม น้าเพลงจะสอนให้ ผมไม่เคยเรียนหนังสือเลยจนถึงตอนนีแ้ ละ ผมก็อยากเรียนมาตลอด การไม่รู้หนังสือมันให้ความรู้สึกด้อยค่า ผมบอก น้าเพลงว่าผมอยากเรียน น้าเพลงจึงจัดสรรเวลาและบอกผมว่าจะสอนผม ทุกๆ วันในตอนค�่ำ หลังจากนั้นในทุกๆ วันผมเฝ้ารอที่จะได้เรียนกับน้าเพลง แม้ตอน เริ่มต้น ผมจะคิดว่ามันยาก แต่การที่ผมมีเวลาว่างทุกวันท�ำให้ผมพัฒนา เร็วขึ้น ผมจะรู้สึกดีที่ได้รับค�ำชมและรอยยิ้มจากน้าเพลง มันเหมือนกับ รอยยิ้มที่ยิ้มให้ทะเล เมื่อผมได้รับมันบ้างจึงให้ความรู้สึกเป็นสุข แต่ตอนนัน้ ผมคงเด็กเกินไป เมือ่ ผมได้รบั ความสุขทีไ่ ม่เคยได้ ผมโลภ ผมอยากได้มากขึ้น และมากขึ้นไปอีก มันไม่พอ ทั้งกระหายและหวงแหน ผมพยายามให้น้าเพลงสนใจผม ตั้งใจท�ำการบ้าน ตั้งใจท�ำแบบฝึกหัด ตั้งใจเรียน แต่แล้วบางทีในช่วงเวลาของผม ช่วงเวลาที่น้าเพลงก�ำลังสอน ผม ทะเลมักจะเข้ามาเรียกร้องให้น้าเพลงดูรูปที่วาด เข้ามานั่งตักและพูด เจื้อยแจ้ว ผมพยายามไม่สนใจ แต่ยังไงผมก็รู้สึกไม่พอใจทุกที มันท�ำให้ ผมเริ่มไม่ชอบทะเล ไม่อยากคุยด้วย ความรู้สึกแง่ลบต่างๆ มันเข้ามาใน ความคิดอย่างที่ผมไม่สามารถควบคุมมันได้เลย ตอนเย็นๆ หลังจากทะเลกลับมาจากโรงเรียนเป็นช่วงเวลาที่ผมได้ อยู่ตามล�ำพังกับทะเล ทั้งผมและทะเลจะมาอยู่ในส�ำนักงานของน้าวิทย์ ทะเลจะท�ำการบ้านส่วนผมจะนั่งท�ำแบบฝึกหัดและอ่านหนังสืออยู่ท่ีโต๊ะ ตรงมุมห้อง ทะเลชอบที่จะชวนผมคุย ชอบถามนู่นถามนี่อย่างเด็กๆ ใน วัยอยากรู้ ผมไม่ตอบอะไร มันไม่อยากพูด ซึ่งบางอย่างจริงๆ ผมก็ตอบไม่ ได้ มันเป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง ทะเลจะถามอะไรที่มันไม่สลักส�ำคัญ ถาม อย่างอยากรูอ้ ยากเห็นในเรือ่ งทีผ่ ใู้ หญ่คงจะข�ำและเอ็นดูในความไร้เดียงสา

18


แม้ทุกครั้งทะเลจะไม่ได้ค�ำตอบ แต่ก็ยังคงชวนผมคุยและถามค�ำถามผม อยู่ทุกวัน วันนี้...ทะเลถามผมว่า ‘ท�ำไมพี่บลูถึงตาสีฟ้า’ มันเป็นค�ำถามพื้นๆ ไม่ได้ซบั ซ้อน ถามตามทีต่ าเห็น ทุกครัง้ เมือ่ ทะเลถาม ผมก็แอบตอบค�ำถาม อยู่ในใจ ครั้งนี้ค�ำตอบที่ผมแอบตอบมันเหมือนกวนตะกอนขึ้นมาอีกครั้ง ถามว่ารู้ไหมว่าท�ำไมถึงตาสีฟ้า แน่นอนว่าผมรู้ เพราะว่ารู้...ถึงเกลียดตาสีนี้ เกลียดที่เหมือนฝรั่งพวกนั้น และยังรู้อีกว่าเพราะตาสีนี้ถึงได้ชื่อว่า...บลู... ผมใช้ตาสีฟ้าคู่นี้จ้องทะเลอยู่นาน ค�ำถามนั้นมันเหมือนตอกย�้ำความรู้สึกที่ผมมีต่อทะเลมากยิ่งขึ้น และมันคงสื่อชัดเจนจนเด็กอย่างทะเลเข้าใจ หลังจากวันนั้นทุกเย็นที่อยู่ด้วยกันทะเลไม่ได้ถามอะไรผมอีกเลย แค่นั่งดูการ์ตูนหรือท�ำการบ้านเงียบๆ เหมือนกับรับรู้ความรู้สึกของผม แต่ถึงอย่างนั้น ในบางทีที่ทะเลเห็นผมมองอยู่ ทะเลก็ยังคงยิ้มให้ ยิ้มจน ตาหยีเห็นลักยิ้มสองข้าง หากแต่ผมไม่ได้สนใจ ผมคิดมาตลอดว่าผมกับเด็กคนนี้...แตกต่างกันเกินไป ผมชอบนึกเปรียบเทียบตัวเองกับทะเล ตอนผมอายุหกขวบ สิ่งที่ จ�ำได้ชัดคือภาพของแม่กับผู้ชายผมทองในแสงไฟสีส้มที่หลังบาร์ ทั้งการ เคลื่อนไหวอันเร่งเร้ารุนแรงและเสียงกรีดร้องที่ผมคิดว่าคือความเจ็บปวด มันติดตา จนกลายเป็นชินตาในเวลาต่อมาตั้งแต่นั้น กลับกันกับทะเล ผม เห็นแต่ความสดใสในสายตา นั่นหมายความว่าทะเลคงได้เห็นแต่สิ่งที่สวย งามและเหมาะควร ผมอิจฉาในความไร้เดียงสาที่ทะเลมี เพราะความไร้ เดียงสาของผมถูกพรากไปโดยที่ผมไม่สามารถยื้อไว้กับตัวได้ มันเป็นสิ่งที่ หากสูญเสียไปแล้วไม่มีวันได้กลับคืน ยิ่งผมคิดเปรียบเทียบเท่าไร ผมก็ยิ่ง อยากได้ในสิ่งที่เด็กคนนี้มีเท่านั้น และความรู้สึกทั้งหมด...ผมอาจแสดงออกอย่างชัดเจนเกินไปจน น้าวิทย์รู้สึกได้

19


ผมเห็นสายตาเคลือบแคลงที่มองผม มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ใน บางทีทผี่ มกับทะเลอยูด่ ว้ ยกันสองคนจะไม่มเี สียงใดๆ ให้ได้ยนิ เลยในระยะ หลังๆ เมื่อน้าวิทย์สังเกตเห็นก็จับจ้องทุกๆ การกระท�ำของผมมากขึ้น คง เห็นแม้กระทั่งตอนที่ผมมองทะเลเมื่ออยู่กับน้าเพลง ผมไม่รู้ว่าผมแสดง ออกไปอย่างไร แต่ดูจากสีหน้าของน้าวิทย์มันคงท�ำให้น้าวิทย์ไม่สบายใจ

20

“บลูอยากอยู่กับน้าไปตลอดไหม” นี่คือค�ำถามเกริ่นน�ำของน้าวิทย์ ในส�ำนักงานที่ผมอยู่ น้าวิทย์เข้ามา นั่งลงตรงโซฟา ถามผมที่นั่ง คัดลายมือในตอนบ่ายของวันๆ หนึง่ ผมเงยหน้าขึน้ มอง ขมวดคิว้ กับค�ำถาม ในใจผม...แน่นอนว่าอยากอยู่ท่ีนี่ ผมไม่มีที่ไปอยู่แล้ว แต่ผมยังกลัว...กลัว ว่าน้าวิทย์จะไล่ผมไป กลัวว่าเขาจะส่งผมไปที่อื่น “ถ้าบลูอยาก...น้าก็อยากให้บลูอยู่ด้วยกัน” น้าวิทย์พูดต่อ ผมดีใจ จนต้องยิ้มออกมา ถ้าพวกเขาให้ผมอยู่ไปตลอด...นั่นหมายความว่า...ที่นี่... ก็จะเป็นบ้านของผม...ผมไม่ต้องไปไหนหรือกลัวว่าจะต้องไปอยู่กับใครอีก แล้ว “ผม...ก็อยากอยู่ที่นี่” เมื่อผมตอบน้าวิทย์ก็ยิ้มบางๆ “น้าบอกเรื่องนี้กับเจ๊หนิงแล้วว่าจะเลี้ยงบลูเอง...” “ทีน่ เี่ ป็นบ้านของบลูแล้ว เป็นทัง้ บ้านและครอบครัว...น้าอยากให้บลู รู้ว่าบลูก็เหมือนลูกอีกคนของน้ากับน้าเพลง...” น้าวิทย์เว้นช่วงไปพักหนึ่ง มองตาผม จากนั้นค่อยพูดต่อ “...และน้าก็อยากให้บลูคิดว่า...ทะเล...เป็น น้องคนหนึ่งของบลู” ผมยิ้ม เข้าใจและปวดใจ น้าวิทย์ก�ำลังพยายามเปลี่ยนความคิดผม ต้องการให้ผมรักทะเล เช่นเดียวกับพวกเขา น้าวิทย์คงทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจผม เข้าใจตรงที่ว่า...ผมไม่ชอบทะเล...อิจฉาและอยากได้สิ่งที่ทะเลมี ไม่เข้าใจผมตรงที่ว่า...ท�ำไมผมถึงจะเปลี่ยนความคิดง่ายดายปาน นั้น แค่เพียงบอกว่า...เราเป็นครอบครัวเดียวกัน


เพราะสิ่งที่ชัดแจ้งแก่ใจของผมคือ...ผมไม่ใช่ลูกพวกเขา...ผมไม่ สามารถเชื่ออย่างสนิทใจได้ว่าพวกเขาจะรักผมเหมือนกับทะเล ในใจคิดอย่างไรผมก็ได้แต่ยมิ้ ให้นา้ วิทย์ ให้นา้ วิทย์ไม่ตอ้ งกังวลเพือ่ ทีว่ า่ ผมจะได้อยูท่ นี่ ี่ เพราะมันคือสิง่ ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ ส�ำหรับผมตอนนี้ หากมัน จะท�ำให้น้าวิทย์สบายใจ ผมก็จะไม่แสดงออกต่อทะเลอย่างที่เคย...ผมอาจ จะต้อง ‘แสร้ง’ พูดคุยหรือเล่นกับทะเล เพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงไว้ ให้พวกเขาเห็นว่าผมสามารถเข้ากับทะเลได้ดี ให้พวกเขาคิดว่าผมรัก ‘น้อง’ ของผม ทะเลเป็นเด็กที่ใครๆ เห็นก็ชอบ พูดเก่ง ยิ้มเก่ง อ้อนเก่ง เวลายิ้ม หรือหัวเราะจะเห็นลักยิ้มเล็กๆ สองข้างแก้ม เป็นเด็กที่ดูน่ารักและเป็นจุดศูนย์กลางของทุกคน...ผมให้ค�ำจ�ำกัด ความแบบนั้น แม้วา่ ผมจะแสดงท่าทีไม่สนใจทะเลอยูต่ ลอดเวลา แต่เด็กคนนีก้ ย็ งั คงป้วนเปี้ยนและลอบมองผมอยู่เสมอ ผมโตกว่าทะเลห้าปี ช่วงห่างนี้ดู เหมือนจะไม่มาก เพราะถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ในอู่รวมถึงน้าเพลงและน้า วิทย์ ผมดูน่าจะเป็นเพื่อนเล่นกับทะเลได้มากที่สุด ผมรู้ว่าทะเลอยากหา เพื่อนเล่น แต่ผมไม่ต้องการเพื่อนเล่น เพราะการที่ไม่เคยมีเพื่อนในวัย เดียวกันท�ำให้ผมเคยชินที่จะมีโลกส่วนตัวไปเสียแล้ว หลังจากที่คุยกับน้าวิทย์ ผมต้องค่อยๆ ปรับตัวกับทะเล การที่คน เราเป็นพี่น้องกันต้องแสดงออกแบบไหนบ้างผมก็ไม่รู้ แต่แน่นอนว่าคงไม่ เฉยชาอย่างที่ผมเคยท�ำ เมื่อทะเลยิ้มให้ ผมก็ฝืนยิ้มตอบ เมื่อทะเลเห็นผมยิ้มตอบก็กล้าเข้าหาและพูดคุย เมื่อผมเริ่มพูดคุย ทะเลก็กล้าที่จะชวนผมเล่น ความรู้สึกของผมมันก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ตราบใดที่มีคนรัก มาก มันก็ช่วยไม่ได้ที่ผมยังคงรู้สึกอิจฉา แต่ครั้งนี้ผมปกปิดความรู้สึกเอา ไว้ เมื่อผมท�ำตัวดีกับทะเล น้าวิทย์ก็ดูคลายกังวลขึ้นมาก

21


ผมก็ได้แต่ ‘แสร้ง’ ต่อไป ทะเลที่เห็น ผมเล่นด้วย คุยด้วย ก็ติดหนึบผมไปไหนๆ ทุกที่ ผม ท�ำการบ้านหรือคัดลายมือก็จะมานัง่ คัดด้วย ชวนเล่นเกมผมก็เล่น วันเสาร์ อาทิตย์ที่ทะเลไม่ไปโรงเรียนเวลาที่ผมไปเดินเล่นที่หาดทะเลก็จะตามไป ด้วย หลายๆ ครั้ง ผมรู้สึกว่าโลกส่วนตัวผมเหมือนหายไป แต่นานเข้าเมื่อได้อยู่กับทะเลสองคนที่หาด ผมก็คิดได้ว่าผมก็ไม่ จ�ำเป็นต้องแสร้งท�ำ เพราะไม่มีน้าวิทย์หรือใครคอยดู มีแค่ผมกับทะเล เท่านั้น

22

วันนี้ ผมนั่งเงียบๆ มองทะเลก่อกองทราย ในใจมีความคิดอยากแกล้ง มือน้อยๆ ก่อทรายขึน้ เป็นรูปคล้ายตัวอะไรสักตัว ทะเลปัน้ จนเสร็จ ก็เรียกให้ผมดู ผมยิ้ม ทะเลก็ยิ้ม แล้วผมก็ยกเท้าขึ้นขยี้ทรายกองนั้นจนแหลกสลายไม่เหลือเค้าเดิม ผมคิดไว้ว่าทะเลคงโกรธผม หรือไม่ก็โวยวาย แต่ผมก็คิดผิด ทะเลได้แต่มองทรายไม่เป็นรูปอย่างเสียดาย จากนั้นก็มองผมด้วย สายตาเศร้าสร้อย ผมยิ้มให้อีกครั้ง แต่เป็นยิ้มเยาะ ทะเลก็ยิ้มตอบแม้จะฝืนเต็มที จากกนั้นก็ค่อยๆ ก่อทรายขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าอะไรผมสักค�ำ ท�ำไมล่ะ? หากเป็นผมคงอารมณ์เสีย โกรธ ไม่มีกะใจจะมานั่งท�ำใหม่อย่างนี้ ผมอยากเห็นทะเลโกรธ อยากเห็นทะเลร้องไห้ แต่กลับเป็นผมเอง ที่เป็นฝ่ายไม่พอใจ


ทะเลปั้นใหม่จนเสร็จ...ผมก็ท�ำแบบเดิมอีกครั้ง ครั้งนี้ทะเลขมวดคิ้วเล็กๆ นั่น มองผมอย่างไม่เข้าใจ “พี่บลูไม่ชอบรูปที่ทะเลปั้นเหรอ” ทะเลถาม ไม่ใช่วา่ ไม่ชอบรูปทีป่ น้ั แต่ไม่ชอบคนปัน้ ผมไม่ได้ตอบออกไป มอง เมินก่อนจะลุกขึ้น ทะเลก็ลุกตามมา ผมเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ โดย มีทะเลเดินตามต้อยๆ ผมเริ่มเดินเร็วขึ้น อยากสลัดทะเลออกไป ขาเล็กๆ ของทะเลก็พยายามเร่งความเร็วตาม ผมเลยถอดรองเท้ามาถือไว้แล้วออกวิง่ ผมวิง่ เร็วจนสุดแรงเพือ่ ทีท่ ะเลจะได้ตามไม่ทนั แต่ไม่นานก็ตอ้ งหยุด ลงด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่ฝ่าเท้าจนต้องทรุดนั่งลง มีเศษแก้วฝังอยู่ในนั้น...บาดลงไปจนลึก ทะเลวิ่งตามผมมาจนทัน เมื่อเห็นเลือดก็ทรุดนั่งลงข้างๆ ผม “พี่บลูเจ็บไหม...ฮึก...เลือด...” ผมตกใจ ละสายตาจากแผลตัวเองขึ้นมอง ทะเลร้องไห้? นัน่ เป็นครัง้ แรกทีผ่ มเห็นทะเลทีอ่ ารมณ์ดตี ลอดเวลา ยิม้ ตลอดเวลา... ก�ำลังร้องไห้... น�้ำตาที่ผมอยากจะเห็นมันก�ำลังไหล...ให้กับผม? ความรู้สึกบางอย่างท�ำให้ผมจุกในอก แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งจากความคิดตัวเองเพราะรู้สึกเจ็บแผลอีก ครั้ง...ทะเลเอื้อมมือมาดึงเศษแก้วออกให้ทั้งที่ยังสะอื้น ผมเห็นว่ามือทะเลก็โดนบาด...แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ กลับจับๆ ลูบๆ อยู่ที่เท้าของผม “พี่บลูกลับบ้านกันนะ ไปหาพ่อกัน” ผมค่อยๆ ลุกขึ้นตามแรงฉุด ของทะเล และค่อยๆ เดินกลับบ้านด้วยกัน ทันทีที่ไปถึงน้าวิทย์กับน้าเพลงรีบเข้ามาหาผมกับทะเลเมื่อเห็น ทะเลร้องไห้ “พ่อ! พี่บลูโดนแก้วบาดเท้า” ทะเลที่ตายังคงแดงก�่ำบอก

23


น้าวิทย์ให้ผมนั่ง ยกขาผมขึ้นดูและพาไปท�ำแผลที่คลินิกใกล้ๆ น้า เพลงกับทะเลก็ตามมาด้วย ผมบอกน้าวิทย์ว่าทะเลโดนบาดที่มือเหมือน กันเพราะน้าวิทย์ยังไม่รู้ คิดว่าเลือดที่เปื้อนมือทะเลเป็นเลือดผม พวกเรา ท�ำแผลเสร็จก็กลับจากคลินกิ น้าวิทย์และน้าเพลงไม่ได้วา่ อะไรทีท่ งั้ ผมและ ทะเลกลับมาพร้อมแผล มันเป็นอุบัติเหตุท่ีเกิดขึ้นได้แต่ก็บอกให้ระวังตัว กันมากกว่านี้

24

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นภาพของทะเลที่ก�ำลังร้องไห้มันติดตา ผมไม่เข้าใจว่าท�ำไม ท�ำไมทะเลถึงไม่ร้องไห้เมื่อโดนผมแกล้ง ไม่โกรธที่ผมไม่พูดด้วย และมองเมิน แต่ทะเลกลับร้องไห้...เพียงเพราะผมโดนแก้วบาด ทัง้ ๆ ทีม่ นั ไม่ใช่เรื่องของทะเลเลยด้วยซ�้ำ สัมผัสของมือเล็กๆ นั่นยังคงอยู่...สัมผัสที่ลูบเท้าผมอย่างห่วงใย มันไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับผม... คนที่ห่วงใยผม...ห่วงจนถึงกับหลั่งน�้ำตา ไม่เคยมี... เมื่อมันเกิดขึ้นกับเด็กที่ผมนึกเกลียดมันก็สร้างความสับสน ผมมองนิ้วเล็กๆ ที่ติดพลาสเตอร์เอาไว้ และมองทะเลอย่างเต็มๆ ตาอีกครั้ง ไม่ว่าทะเลจะแสดงออกมาเพราะอะไร จะห่วง กลัว หรืออะไรก็ แล้วแต่ มันได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในใจผมแล้ว ครั้งนี้...เมื่อทะเลยิ้มให้ ผมก็ยิ้มตอบ ยิ้มโดยไม่ได้ฝืนใจ ยิ้มอย่าง เปิดใจ และทันทีที่ผมเปิดใจ ผมก็พบว่ารอยยิ้มที่มีลักยิ้มสองข้างแก้มของ ทะเลไม่ได้ขัดตาอีกต่อไป เพียงแค่เศษแก้วชิน้ เล็กๆ ท�ำให้ผมได้เห็นว่าแค่ความห่วงใยจากใคร สักคนก็เพียงพอแล้วส�ำหรับผม มันเป็นความบริสุทธิ์ใจ...ความไร้เดียงสาที่มีให้กับผม คราวนีผ้ มจะรักษามันไว้ ทัง้ ความสดใส ความบริสทุ ธิ์ ความไร้เดียง สาที่ผมไม่มี


ผมจะดูแล...รักษามันไว้ให้นานที่สุด... ท้องฟ้าเป็นสีส้มอีกครั้ง มันไม่ได้ให้ความรู้สึกหดหู่อย่างที่เคย ทั้งผมและทะเลอยู่ที่ชายหาดช่วยกันก่อกองทราย เมื่อออกมาเป็น ที่พอใจเราสองคนก็ยืนดูอยู่นาน พยายามจดจ�ำภาพของมันเอาไว้ ทะเล ชอบมันมาก ผมจึงยืนอยู่เป็นเพื่อนท่ามกลางแสงสีส้มของตอนเย็นๆ สีของท้องฟ้าที่เคยสร้างความหดหู่ให้กับผมก�ำลังบันทึกภาพความ ทรงจ�ำใหม่ ทะเลเอือ้ มมือมาจับมือผม ผมจับตอบและจูงน้องของผมกลับบ้าน ความอบอุ่นเล็กๆ เกิดขึ้นกับผม... เหมือนกับแสงที่ส่องเข้ามาในความหนาวเย็นของความมืด ผมค่อยๆ ชินกับแสงสว่างนี้แล้ว มันไม่ได้เจิดจ้าบาดตาอีกต่อไป และผมก็เห็นความสวยงามของมัน มันเป็นความสุข ผมคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ที่ผมคิดว่าแค่...ทะเล...ก็พอแล้วส�ำหรับผม ผมไม่รู้ตัว... ไม่รู้ใจตัวเองเลยจริงๆ

25


-3Holidays In The Sun

เพลง

อึกทึกอยูด่ า้ นนอก เสียงนักร้องน�ำแหกปากอย่าง สะใจ ไม่ต้องเห็นภาพก็รู้ว่าพวกวัยรุ่นเลือดร้อน คงก�ำลังบ้าคลั่ง กระโดดและโห่ร้องตามจังหวะเพลง “เฮ้ย! เตรียมขึน้ นะ” พีต่ นิ เปิดประตูมาบอกพวกผมให้เตรียมพร้อม และจากไป ประตูยงั ไม่ทนั ปิดดี ไอ้รอ็ คก็เดินเข้ามาจากหลังร้านพูดกับผม “บลู น้องมึงมา” ทะเลสะพายกีตาร์เดินยิ้มเข้ามา ผมส่ายหัว ทั้งที่บอกว่าไม่ให้มาก็ มาจนได้ “รออยู่นี่ พี่จะขึ้นแล้ว” “ไม่ เดี๋ยวเลจะไปดูข้างนอกด้วย” ผมพยักหน้าตามใจเพราะบอก อะไรไปก็คงไม่ฟัง แต่ก็ดี ถ้าอยู่ข้างนอกจะได้อยู่ในสายตา เพลงจบ วงที่เล่นก่อนหน้าลงจากเวที พวกเราก็ขึ้นประจ�ำที่ ผม นั่งรอเพื่อนๆ เซ็ตเครื่องสักพัก สายตาก็มองหาทะเล

26


เห็นแล้ว...ขวาสุดข้างบาร์ ทันทีที่เห็นผมมองทะเลก็ส่งยิ้มพร้อมลักยิ้มสองข้างมาให้ ผมยกยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนจะเคาะไม้ให้จังหวะขึ้นเพลงแรกของวง พวกเรา Holidays In The Sun ผมอยู่กับน้าวิทย์มาเก้าปีแล้ว ในระยะเก้าปีนี้มีความเปลี่ยนแปลง มากมายในชีวิตผม เจ๊หนิงมาเยี่ยมผมสองสามเดือนครั้ง แต่ครั้งแรกที่มา หาผมหลังจากที่มาอยู่กับน้าวิทย์ก็ล่วงเลยมาหกเดือน ซึ่งในขณะนั้น ผม ก็ได้ปรับตัวกับครอบครัวนี้เรียบร้อยแล้วเจ๊หนิงจึงไม่ได้กังวลอะไร และ บอกผมเหมือนกับที่น้าวิทย์บอกว่าให้คิดซะว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ๊หนิงเล่าให้ฟังว่าพี่หญิงยังไม่รู้ว่าผมหายไปไหน และคงคิดว่าผม หนีไป ในขณะทีเ่ จ๊กค็ าดคัน้ เอาจากแม่วา่ พีห่ ญิงให้ผมท�ำแบบนีต้ งั้ แต่เมือ่ ไร แม่ก็เล่าให้เจ๊ฟังทั้งหมด สายตาสงสารของเจ๊ท�ำให้ต้องผมบอกเจ๊ว่าผมไม่ เป็นไรแล้วตอนนี้ และทั้งหมด ผมต้องขอบคุณเจ๊หนิงจริงๆ ผมเรียนหนังสือกับน้าเพลงอยู่หลายปี จากนั้นน้าเพลงก็สมัคร การศึกษานอกระบบให้ เพื่อที่จะได้สามารถเรียนจบมัธยมและสอบเข้า มหาลัยได้ แรกเริ่มมันเป็นแค่ความตั้งใจของน้าเพลง เพราะผมยังไม่รู้ว่าจะ เรียนมหาลัยเพื่ออะไร หรืออยากเรียนอะไร ผมแค่ตั้งใจเรียนตามบทเรียน ไปเรือ่ ยๆ ตามแต่นา้ เพลงจะสอน นอกจากเรียนแล้วผมก็มชี ว่ งเวลาทีว่ า่ งๆ อยูม่ าก มันเป็นช่วงเวลาทีท่ งั้ น้าเพลงและทะเลไม่อยูบ่ า้ น เวลาทีไ่ ม่รจู้ ะท�ำ อะไรผมก็ออกจากห้องลงไปที่อู่ดูน้าวิทย์และคนในอู่ท�ำงาน บางทีก็ถาม น้าวิทย์ว่ามีอะไรที่ผมช่วยท�ำได้ไหม น้าวิทย์คงเห็น ผมเบื่อๆ ที่ไม่มีอะไร ท�ำเลยค่อยๆ สอนผม สอนให้รู้จักกับเครื่องยนต์ บางทีก็ให้ช่วยดูเรื่อง เอกสาร ผมค่อยๆ ซึมซับทุกๆ อย่างเข้ามา ทั้งเรื่องรถ และเรื่องต่างๆ ยิ่ง ผมเรียนรู้ ผมก็ยิ่งชอบ... โดยเฉพาะ...เจ็ทสกี...

27


เจ็ทสกีที่ผมยังจ�ำได้ว่าผมอยากจะเล่นนักหนา ในที่สุดผมก็ได้ขี่มัน แล้ว บางครั้งที่น้าวิทย์ต้องซ่อมผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้ลองขี่เพื่อ ทดสอบ ความรู้สึกที่ได้ขี่มันดียิ่งกว่าที่ผมเคยจินตนาการ ทั้งน�้ำทะเล ลม และความเร็ว มันเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกในตัวเอง ผมมักจะขอน้า วิทย์ขที่ กุ ครัง้ ทีม่ โี อกาส ด้วยความทีเ่ ห็นผมสนใจเป็นพิเศษและชอบมันมาก น้าวิทย์เลยซื้อเจ็ทสกีมือสองให้ผมล�ำหนึ่ง มันเป็นสีน�้ำเงิน น้าวิทย์บอกว่า ให้ผมเอาไว้ขี่เล่นหรือเอาไว้ให้เช่าก็ได้ หลังจากที่ผมได้มันมาผมก็ใช้เวลาว่างของผมแทบทั้งหมดไปกับ มัน ผมอายุ 15 ตอนที่ได้เจ็ทสกีล�ำนั้น ทุกครั้งพี่ๆ ที่อู่จะช่วยยกขึ้นเทรล เลอร์ไปที่หาดให้ บางทีที่ว่างทั้งวันผมก็จะให้คนเช่าบ้าง ทะเลก็มาอยู่กับ ผมแทบตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่หาดเพราะชอบให้ผมพาขี่เล่น ผมบอกไม่ถูกว่ามีความสุขมากแค่ไหนช่วงเวลานั้น มันเหมือนผม ได้ใช้ชีวิตของช่วงวัยเด็กที่ขาดหาย ได้เล่น ได้เรียน มีทะเลเป็นเพื่อนและน้อง มีน้าวิทย์กับน้าเพลง เป็นครอบครัว ผมมีชีวิตที่ผมเรียกว่าสมบูรณ์และด�ำเนินไปในลักษณะนั้นจนผม อายุสิบเจ็ด ช่วงชีวิตวัยรุ่นของผมก็ค่อยๆ เริ่มขึ้น...พร้อมๆ กับเพื่อนใหม่...ที่ ชื่อ ‘ป๊อป’ กับ ‘ร็อค’

28

มันเป็นวันที่แดดร้อนระอุครั้งแรกที่ได้เจอทั้งสองกับรถญี่ปุ่นสีม่วง เปลือกมังคุด ผู้ชายวัยรุ่นสองคนเข็นรถช้าๆ มาถึงอู่ของน้าวิทย์ ตอนนั้นผมอยู่ หน้าอู่พอดี พวกเขามองผมและหนึ่งในนั้นทักขึ้น “ไฮ” คนผมสกินเฮดทักผมแบบนัน้ อาจเป็นเพราะไม่รวู้ า่ ผมพูดไทยหรือ อังกฤษ ผมยังไม่ได้ตอบอะไรน้าวิทย์ก็เดินมาหาแล้วถามอาการของรถ


พวกเขา เมื่อเขาบอก น้าวิทย์ก็บอกว่าคงใช้เวลาหน่อยอาจเสร็จเย็นๆ จะ รอก็ได้หรือจะมารับวันพรุง่ นีก้ ไ็ ด้ พวกเขาเลือกทีจ่ ะรอและฆ่าเวลาด้วยการ หยิบกีตาร์ออกมาจากหลังรถและนั่งลงแถวๆ เจ็ทสกีของผมที่จอดอยู่ ผมเพิ่งจะมองพวกเขาชัดๆ ก็ตอนนี้ ...พวกเขาเป็นฝาแผด... ทั้งสองหน้าตาเหมือนกัน แต่ก็ต่างกันอย่างชัดเจน คนหนึ่งตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ตัดผมสกินเฮด อีกคนหนึ่ง ผมข้างหน้ายาวปิดหน้าผากปัดไปด้านข้าง เมื่อเขาเริ่มดีดกีตาร์ เสียงมันใสมากจนผมต้องเดินเข้าไปฟังใกล้ๆ คนผมยาวเล่นกีตาร์ในขณะที่อีกคนฮัมเพลงเบาๆ ผมคงมองเขาอยู่นาน จนเขาเห็นและยิ้มให้ “เพราะไหม อยากเรียนรึเปล่า” คนผมสกินเฮดถามพลางหัวเราะ คนผมยาวยกเท้าหมายจะถีบแต่เขาก็หลบทัน “ไอ้นี่มันจะสอนกีตาร์ แต่ยังไม่มีคนเรียน” พูดแล้วก็หัวเราะอีก คนผมยาวส่ายหน้าไม่สนใจแล้วเล่นเพลงอื่นต่อ คราวนี้เพลงที่เขาเล่นท�ำนอนมันค่อนข้างเศร้า เป็นเพราะเขาเล่น เก่งหรือว่าเพลงมันเพราะก็ไม่รู้ท�ำให้ผมต้องตั้งใจฟัง ผมค่อยๆ ทิ้งตัวนั่ง ลงเงียบๆ ตรงเสาห่างจากพวกเขามาหน่อย ไม่มใี ครพูดอะไรอีก มีแต่เสียง เพลงที่สั่นคลอนจิตใจ ผมทั้งรู้สึกเศร้า ทั้งรู้สึกชอบจนอยากจะฟังต่อไป เรื่อยๆ “มึงมีแฟนคลับแล้วล่ะป๊อป ดูดิหลับตาฟังเงียบเลย” สิ้นเสียงกีตาร์ คนผมสกินเฮดก็พูดอีกครั้ง คนที่ชื่อป๊อปยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบนิดหน่อย แล้วลุกขึ้นโดยไม่ได้พูดอะไร เดินออกไปบอกพวกพี่ๆ ให้ช่วยยกเจ็ทสกีไป ที่หาด ผมออกมาเล่นเจ็ทสกีอยู่เกือบชั่วโมง จนเมื่อเอามาจอดและดับ เครื่องผมก็เห็นฝาแฝดทั้งสองคนใส่แว่นกันแดดนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหาดใต้ร่ม ที่เรียงติดกัน ผมเดินไปหาพวกเขาและถามว่าอยากจะเล่นบ้างไหม

29


“ไม่ดีกว่า ไม่มีชุดเปลี่ยน เอาไว้ว่างๆ จะมาเล่นนะ” เป็นคนที่ชื่อ ป๊อปที่ตอบ จากนั้นคนผมสกินเฮดก็ถามผมว่าชื่ออะไร เขาก็แนะน�ำตัวว่า ชื่อร็อค และคนผมยาวเป็นพี่ชายฝาแฝดชื่อป๊อป หลังจากแนะน�ำตัว ผมก็นั่งคุยกับทั้งสองอยู่นาน พวกเขาอายุสิบ เจ็ดเท่าผม ผมรู้สึกถูกชะตาทั้งสองคนมาก ซึ่งมันก็แปลกที่ผมอยากจะคุย กับสองคนนี้อย่างที่ไม่เคยจะเป็นกับคนแปลกหน้าอื่นๆ มาก่อน พวกเขา เล่าว่าบ้านอยู่ในตัวเมืองและเปิดให้เช่าห้องซ้อมดนตรี วันนี้โดดเรียนและ กะจะมาเทีย่ วเล่นแต่รถก็มาเสียซะก่อน ตอนนีท้ โี่ รงเรียนมันเป็นช่วงกีฬาสี และพวกเขาก็อยู่มอหกซึ่งแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังไม่สนใจเป็นทุน เดิมก็เลยมาเร่รอ่ นกันอยูถ่ งึ แถวนี้ เขาถามผมว่าเรียนอยูท่ ไี่ หน ผมเลยตอบ เขาไปคร่าวๆ ว่าไม่ได้เรียนที่โรงเรียนแต่เรียนนอกระบบ... กลางแดดจ้าตอนบ่ายและลมร้อนของทะเล ผู้คนบางตาในวัน ธรรมดา เราคุยกันไป บางทีป๊อปก็เล่นกีตาร์คลอไปด้วย จวบจนถึงตอน บ่ายแก่ๆ ที่ผมต้องไปรับทะเลแล้วจึงต้องบอกลาพวกเขา แต่เราก็ไม่ได้จากกันนาน ผมคิดว่าเป็นเพราะเราต่างก็ถูกชะตากัน หลังจากวันนั้นพวกเขาก็ มาหาผมบ่อยๆ มานัง่ เล่นทีห่ าด บางทีกเ็ อากีตาร์มาด้วยอีกตัวเพือ่ สอนผม เจ็ทสกีของผมก็ได้ใช้งานหนักขึ้นเพราะเพื่อนใหม่ทั้งสอง เราสนิทกันมาก ขึ้นในเวลารวดเร็ว จนวันหนึง่ พวกเขาก็ชวนผมมาทีห่ อ้ งซ้อมและเจอกับเพือ่ นๆ ในวง คนอื่นๆ ซึ่งเป็นเพื่อนที่เล่นวงด้วยกันที่โรงเรียน หากว่าการฟังเสียงกีตาร์เพียงอย่างเดียวให้ความรู้สึกเศร้าและ กระทบความรู้สึกบางอย่างในตัวผมแล้ว... การที่ได้ยินเล่นเต็มๆ วงแบบนี้มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ...คล้ายๆ กับการได้ขเี่ จ็ทสกี บางครัง้ ล่องลอย บางครัง้ หนักหน่วง เสียงเพลงทีด่ งั จน สั่นสะเทือน มันให้ทั้งความสะใจ...สาสมใจ...

30


ผมชอบเพลงทีพ่ วกเขาเล่น...มันคล้ายจะเยาะเย้ย คล้ายจะถากถาง โลก ร็อคเคยบอกว่าพ่อของเขาชอบดนตรีแนวนี้และพวกเขาก็ชอบมัน เหมือนกันเพราะซึมซับจากพ่อมา ความเข้าใจดนตรีของพวกเขามันก็ทำ� ให้ ผมรู้สึกกับเพลงไปด้วย มันเต็มไปด้วยพลังและความรู้สึกที่ผมสัมผัสได้ เมื่อขาผมก้าวเข้าไปในโลกของพวกเขามันก็เหมือนจะถอยออกมา ยาก มันมีเสน่ห์ล้นเหลือและดึงดูด มันเป็นเหตุผล... เป็นจุดเริ่มต้นที่ท�ำให้ ผมเริ่มเล่นดนตรี ผมลองเล่นทุกๆ อย่าง และก็มาลงที่กลองเป็นเครื่อง ดนตรีประจ�ำ เพราะเหตุผมเดียวคือ...มันสะใจผมที่สุดแล้ว... ผมเริ่มจะฟังเพลงและหมกมุ่นอยู่กับดนตรีก็ตอนนั้น เมื่ออยู่ในห้องหรืออยู่ในออฟฟิLน้าวิทย์ผมก็มักจะเปิดเพลงฟัง เสมอๆ ทะเลทีต่ วั ติดกับผมก็พลอยชอบฟังเพลงไปด้วย เมือ่ เริม่ เล่นดนตรี มันก็ท�ำให้ต้องผมต้องหาเพลงมาฟังเยอะๆ และที่ๆ ผมหาก็ไม่ใช่ที่ไหน นอกจากหาเอากับพวกมันทั้งสอง ป๊อปกับร็อคมันก็ดูจะชอบแนะน�ำและ หาเพลงที่พวกมันชอบมาให้ผมฟัง บางทีที่ป๊อปกับร็อคมาหาก็เจอทะเล บ้าง ครัง้ แรกทีท่ ะเลได้ยนิ ป๊อปเล่นกีตาร์ทะเลก็ตงั้ ใจฟังเหมือนผมตอนแรก ไม่มีผิด ซ�้ำยังบอกให้ป๊อปสอนให้ด้วยท่าทีสนอกสนใจเหมือนเห็นของเล่น ถูกใจ และป๊อปที่หานักเรียนอยู่ก็ได้ทะเลเป็นนักเรียนคนแรกในที่สุด ผมมักได้ยนิ เสียงกีตาร์ทที่ ะเลเล่นเรือ่ ยๆ เสียงคอร์ดบอดๆ จากมือ เล็กๆ นั่นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นท�ำนองเพลงสั้นๆ พอเล่นได้แค่นั้นก็ท�ำหน้า ดีใจเหมือนรอเวลานี้มานาน แล้วไปเล่นให้น้าวิทย์ฟังเพื่ออ้อนขอกีตาร์ น้าวิทย์ก็ท�ำท่าเหมือนจะไม่ให้ แล้วมาแอบบอกให้ผมกับเพื่อนๆ ไปช่วย กันเลือกกีตาร์มาให้ทะเล ผม ร็อค และป๊อปเลือกกันอยู่นานก็ได้กีตาร์โปร่งสีด�ำมาเป็นของ ขวัญวันเกิดอายุครบสิบสองให้ทะเลในปีนั้น... และภาพที่ทะเลร้องอย่าง ดี ใ จและรอยยิ้ ม เมื่ อ เห็ น กี ต าร์ ข องทะเลนั้ น มั น ก็ ท� ำ ให้ เ ราทุ ก คนยิ้ ม ไป ตามๆ กัน

31


นั บ ได้ ค รึ่ ง ปี ที่ รู ้ จั ก กั น ป๊ อ ปกั บ ร็ อ คก็ จ บม.ปลายและสอบเข้ า มหาวิทยาลัยสาขาดนตรีได้ทงั้ สองคน ซึง่ ก็เป็นมหาวิทยาลัยในจังหวัดนีเ้ อง ถึงจะเข้ามหาลัยแล้วพวกเราก็ยังคงเล่นดนตรีด้วยกันเหมือนเดิม เพื่อนๆ ในวงตอนมอปลายของพวกมันหายไปบ้าง ผมก็เลยได้เล่นในวงประจ�ำ ต�ำแหน่งกลองอย่างถาวร เวลาผ่านไปเหมือนไม่นานในความรู้สึก สามปีที่เป็นเพื่อนกับป๊อป และร็อค ผมได้เล่นดนตรี ได้ซ้อมอยู่กับวง จนถึงช่วงที่พวกมันอยู่ปีสาม และมีเวลาว่างพวกเราก็ตัดสินใจลองหาร้านเพื่อเล่นดู มันมีร้านไม่มากที่ จะรับวงทีเ่ ล่นแนวเพลงอย่างพวกเรา หนึง่ ในนัน้ ก็เป็นร้านของพีต่ นิ ซึง่ เป็น ร้านดังและมีวงดนตรีเจ๋งๆ เล่นอยู่เยอะ แม้ว่าวงที่ร้านจะมีอยู่แล้วแต่พี่ติน ก็ยงั ให้เราลองเล่นให้ดู ซึง่ แน่นอนว่าเขาชอบ พีต่ นิ เลยบอกให้วงเรามาเล่น ที่ร้านในเวลาที่วงประจ�ำไม่ว่างหรือติดธุระ และการเริ่มต้นเล่นดนตรีที่ร้านนี้เองที่เป็นช่วงเริ่มต้นของอะไร หลายๆ อย่างของพวกเรา

32

Holidays In The Sun เพลงโปรดของไอ้ร็อคจบลงพร้อมกับเสียง โห่ร้อง จากนั้นพวกเราก็เล่นเพลงอย่างต่อเนื่องจนครบเวลา ตลอดเวลาที่เล่นอยู่นั้น ทั้งบรรยากาศ คนดู เสียงเพลง มันให้ ความรูส้ กึ ตืน่ เต้น ผมรับรูไ้ ด้ถงึ อะดรีนาลีนทีห่ ลัง่ ทัว่ ร่าง...มันเหมือนเป็นช่วง เวลาทีผ่ มสัมผัสได้ถงึ ความมืดมิดทีเ่ ก็บเอาไว้ และปลดปล่อยออกมาสูท่ ๆ ี่ มีคนร่วมกันรับรู้และรู้สึกร่วมกัน...มันท�ำให้ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ “พี่บลู!” เสียงสองเสียงของชายหญิงเรียกผมทันทีที่เปิดเข้าไปใน ห้องพักหลังร้าน หนึ่งเสียงที่เรียกคือทะเล อีกหนึ่งคือน้องสาวของร็อคกับป๊อปที่ชื่อ ‘แจ๊ส’ ผมเลิกคิ้วขึ้นมองทั้งสองแล้วยิ้มบางๆ “พี่บลูโคตรเท่เลยอะ เล่นครั้งแรกก็มีแฟนคลับแล้วมั้ง เห็นกรี๊ดกัน จัง”


“แกก็กรี๊ด อย่าคิดว่าพี่ไม่เห็น” ร็อคพูดกับน้องมัน ทุกคนก็หัวเราะ ผมเดินมากอดคอทะเล เมื่อเห็นคิ้วนั่นขมวดมุ่น ทะเลเงยหน้ามอง ผมแล้วถามว่าเราจะกลับบ้านกันเมื่อไร ผมหันไปถามเพื่อนๆ ในวง มัน บอกว่ากะจะไปต่อกัน แต่ผมไม่อยากให้ทะเลไปด้วยเลยบอกเพื่อนๆ ว่า จะกลับก่อน ทะเลเดินตามผมออกมาจากร้านแต่ก็เงียบผิดปกติ “ง่วงเหรอ” ผมถาม ทะเลมองผมสักพักก่อนจะพยักหน้า ผมยิ้ม...แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์พาทะเลกลับบ้าน ทะเลกอดเอวผมซุกหน้าอยู่กับหลังเมื่อลมพัดผ่านหน้า ผมรู้สึกได้ ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติของทะเล หรือว่าอยากจะไปเที่ยว... จริงๆ อายุสบิ ห้าของทะเลก็โตพอจะไปเทีย่ วไหนๆ ได้แล้ว น้าวิทย์ ปล่อยทะเลพอสมควรเพราะมีผมคอยดู แต่ผมก็บ่ายเบี่ยงไม่ค่อยอยากจะ พาไป เพราะผมยังคงไม่ชอบแสงไฟสลัวของทีเ่ ทีย่ วในตอนกลางคืน ผมมา จากย่านแบบนัน้ และคุน้ เคยดี มันไม่มอี ะไรเลยนอกจากด้านทีน่ า่ ขยะแขยง ของมนุษย์ ส�ำหรับผมแล้วทะเลไม่เหมาะสักนิดกับที่แบบนั้น ไม่ต้องพาไปแหละดีแล้ว... ผมคิดและถอนหายใจออกมา ทะเลเงยหน้าขึน้ จากหลังผมแล้วถาม “พี่อยากไปต่อกับเพื่อนหรือเปล่า” “ไม่” ผมตอบออกมาแทบจะในทันที และเป็นทะเลที่ถอนหายใจ ออกมาบ้างแล้วซุกหน้าลงกับหลังผมเหมือนเดิม เมื่อเราถึงบ้านทะเลก็อาบน�้ำแล้วก็มานอนห้องผมอย่างเคย เราไม่ ได้นอนเตียงเดียวกัน ทะเลจะปูที่นอนข้างล่างข้างเตียงผม มันเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่เมื่อไรผมก็จ�ำไม่ได้ ผมเคยคิดว่าเมื่อทะเลโตก็คงจะกลับไปนอนห้อง ตัวเองแต่จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แวว... ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ ของ ทะเล

33


“พี่บลู” ผมครางในล�ำคอตอบ พลิกตัวมาหา เห็นทะเลก็หันมาทางผมเช่น เดียวกัน ทะเลไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยื่นมือมาจับมือของผม แม้จะแปลกใจแต่ ผมก็ทิ้งมือลงข้างเตียงให้ทะเลจับได้ถนัดขึ้น ทะเลจับไว้อย่างนั้น ค้างนิ่ง ไม่ได้ปล่อยออก สักพักผมก็เห็นตาใสๆ นั่นหลับลง ผมสงสัยในการกระท�ำแต่ก็ไม่ได้มากพอที่จะถามอะไรออกไป ผมมองทะเลในความมืดเห็นแค่เงาด�ำลางๆ ทะเลที่ค่อยๆ เปลี่ยน แปลงไปทีละนิดๆ จากเด็กตัวเล็กๆ ที่ร่าเริงสดใสทะเลโตขึ้นมาก เป็นเด็ก หนุ่มที่ดวงตายังคงความสดใสแต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนในเวลา เดียวกัน เป็นคนที่ใครๆ ก็อยากเข้าหา ผมให้ค�ำจ�ำกัดความใหม่กับทะเล แบบนั้น มือทีจ่ บั กันตอนนีใ้ ห้ความรูส้ กึ ทีแ่ ปลกประหลาดส�ำหรับผม มันเป็น ความเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งที่รู้สึกได้ทั้งของทะเลและตัวผมเอง เป็นความรู้สึกอะไรบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่ควร ผมเห็นเงาด�ำที่พาดผ่านตัวผมเอง มันค่อยๆ ชัดขึ้นจนผมเริ่มกลัว และพยายามดึงตัวเองไม่ให้ด�ำดิ่งลงไปกับมัน ผมถอนใจ กระชับมือทะเลให้แน่นเข้าอีกนิดและหลับตา...เลือกที่ จะไม่คิดอะไรอีก... เลือกที่จะปล่อยมันไป... จนกว่าจะถึงเวลา

34


-4Dark Shines

น้า

เพลงบอกผมว่าผมสอบติดแล้ว คณะวิศวะมหาวิทยาลัย เดียวกับเพื่อนทั้งสองของผม

ผู้หญิงที่เปรียบเสมือนแม่มองดูผมอย่างภูมิใจ น้าวิทย์ก็ดูจะดีใจ จากรอยยิม้ ทีก่ ว้างกว่าเคยเมือ่ น้าเพลงบอกข่าวนี้ ความสัมพันธ์เกือบสิบปี ท�ำให้ผมเชื่อแล้วในที่สุด ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของน้าเพลงผมคิดเชื่อสนิท ใจว่าผมเป็นลูกของพวกเขาและก�ำลังท�ำให้พอ่ แม่ภมู ใิ จ ผมได้เห็นพวกเขา ภูมใิ จในตัวผม แค่นมี้ นั ก็คมุ้ ค่าความพยายามแล้ว มันเป็นแค่สงิ่ เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมสามารถท�ำให้ได้เป็นการตอบแทน เวลานี้ผมนึกย้อนถึงช่วงที่ผ่านมา ช่วงที่ได้อยู่กับครอบครัวนี้ตั้งแต่ ย่างเท้าก้าวเข้ามาผมจะไม่มีวันลืม ผมอยู่ เติบโต และเรียนรู้ที่นี่ บางทีผม ก็ท�ำตัวร้ายกาจ ผมรู้ ผมเคยเกลียดทะเลและกลั่นแกล้งตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อ ปรับตัวคุน้ ชินจนคุน้ เคยหลายครัง้ ผมก็ดอื้ เงียบไม่เชือ่ ฟัง ชอบท�ำให้เป็นห่วง พาทะเลไปไหนต่อไหนราวกับเป็นสมบัติของตัวเอง มีโอกาสก็เล่นซนคึก คะนอง โดนดุ โดนว่า โดนสั่งสอนตามสมควรเหมือนเด็กๆ คนอื่นๆ

35


น้าวิทย์เป็นคนใจดีก็จริงแต่ก็โหดอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อครั้งหนึ่ง จับได้ว่าผมแอบเอาบุหรี่ของพี่ที่อู่มาสูบ ตอนจับได้ไม่ใช่แค่คาหนังคาเขา แต่คาตาจะๆ ตอนผมพ่นควันใส่หน้าทะเลที่ไอค่อกแค่ก ผมจ�ำได้ว่าโดนดุ ด่ารุนแรงกว่าทุกครั้ง น้าวิทย์ตะคอกผมคอเป็นเอ็น เสียงดังจนทะเลที่ไม่ ได้ท�ำอะไรผิดเกาะแขนผมร้องไห้น�้ำตาหยดน�้ำมูกย้อย การลงโทษไม่พอ แค่นนั้ ผมยังโดนจับแยกกับทะเลไปหลายวันเหมือนทัง้ น้าวิทย์กบั น้าเพลง จะรู้ว่ามันเป็นการลงโทษที่ทรมานเจ็บแสบ ซึ่งมันก็จริง ตอนนั้นผมไม่ได้ คิดอะไรเลยแม้แต่นอ้ ยถึงเหตุผล ผมคิดแค่วา่ จะต้องท�ำตัวดีๆ เพือ่ พวกเขา จะได้คืนทะเลมา เพื่อที่ผมจะได้ไม่เหงา เพื่อที่จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว... เพื่อที่ผมจะได้มีความสุข

36

ตอนบ่ายๆ ผมรีบไปรับทะเล อยากเห็นทะเลดีใจไปกับผมด้วย ผมจอดมอเตอร์ไซค์แล้วมานั่งโต๊ะประจ�ำเหมือนทุกครั้งที่มารับ ตอนนี้ บรรยากาศยังเงียบอยู่เพราะโรงเรียนยังไม่เลิก ผมใจร้อนเลยต้องมานั่งรอ ตั้งครึ่งชั่วโมง แต่มันก็ไม่นานเท่าไร เพราะตอนนี้ผมเห็นทะเลแล้ว เดินมา กับเพื่อนสองสามคนเหมือนเคยซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจนัก ทันทีที่ทะเลมาอยู่ ตรงหน้าผมก็ยิ้มแล้วก็ดึงเข้ามากอดโดยที่ยังไม่ได้บอกอะไร ถึงทะเลจะ ถามด้วยความงงแต่ก็กอดตอบ “พี่สอบติดแล้ว” เมื่อผมบอกทะเลก็ท�ำหน้าตาตกใจแล้วก็ยิ้มออก มา ยิ้มจนตาหยีเห็นลักยิ้มสองข้าง...ยิ้มที่ผมอยากเห็น “เก่งว่ะพี่บลู” ฟอร์ดเพื่อนของทะเลบอกกับผม ผมหันไปมองเพือ่ นๆ ของทะเลทีย่ งั อยู่ หนึง่ ในนัน้ มีกา้ นเพือ่ นสนิท ของทะเลยืนหน้านิง่ อยูด่ ว้ ย แม้จะเจอกันหลายครัง้ แต่กไ็ ม่เคยพูดกันสักครัง้ ผมไม่ชอบสายตาแข็งๆ ทีม่ องทีผ่ มในขณะทีก่ า้ นก็คงไม่ชอบสายตาของผม เช่นเดียวกัน เรารับรู้กันอยู่เงียบๆ ถึงไม่มีการพูดคุยกัน ทะเลบอกลาเพือ่ นและขึน้ มอเตอร์ไซค์ไปห้องซ้อมกับผม ตอนเด็กๆ ทะเลติดผมยังไงก็ยังคงติดผมอยู่อย่างนั้น ผมไปไหนทะเลก็ต้องตามไป ด้วย ผมซ้อมวงบ่อยๆ และกลับดึก ทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง รวมทั้งผมเองก็ไม่


อยากพาทะเลมา แต่บททะเลจะดือ้ ก็ทำ� ให้พวกเราได้แต่สา่ ยหน้ายอมตามใจ วันไหนที่มีซ้อมผมจะพาทะเลมาด้วยหลังจากไปรับที่โรงเรียนเสมอๆ จน ตอนนี้ก็กลายเป็นกิจวัตรไป เราถึงห้องซ้อมกันก่อนที่ป๊อปกับร็อคจะกลับมา ผมซ้อมกลองไป ทะเลก็นั่งเล่นกีตาร์ไป สักพักทะเลก็หยุดเล่น มองผมเหมือนเพิ่งจะนึก อะไรได้ “พี่บลูไปเรียนก็ไม่ได้มารับเลแล้วสิ” เมื่อทะเลถามผมถึงเพิ่งคิด เพราะผมอยู่บ้านและมีเวลาว่างตลอด เลยมีเวลาไปไหนมาไหนได้ แต่หลังจากเข้ามหาลัยแล้วก็คงไม่ว่างเหมือน เดิม เหมือนๆ ป๊อปกับร็อคตอนนี้ที่ยังคงไม่กลับมา “ถ้าพีว่ า่ งก็จะไปรับ” ทะเลพยักหน้าหงอยๆ จนผมต้องลุกจากกลอง ไปนั่งที่พื้นข้างๆ ลูบหัวเบาๆ ทะเลก็เอนหัวมาพิงไหล่ผม ไม่ทันไรประตู ห้องซ้อมก็เปิดออกพร้อมกับแฝดสองและไอ้โอนักร้องน�ำ ป๊อปมองผมกับทะเลด้วยสายตาบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่าคืออะไรชั่ว แวบเดียวแล้วก็ทักทายกันปกติ จากนั้นผมก็บอกข่าวพวกมันว่าจะไปเป็น รุ่นน้องมันที่มหาลัยแล้วปีหน้า “เฮ้ย เจ๋งมากน้องบลู!” ไอ้รอ็ คว่าแล้วพุง่ เข้ามากอดผมดีใจออกหน้า ออกตา “งี้ต้องเลี้ยง” โอบอก “พวกมึงสิต้องเลี้ยงกู” ผมว่า “ได้! เดี๋ยวกูจัดรับน้องให้มึงก่อนเลยคืนนี้” ร็อคปิดประเด็นแล้วเรา เริ่มซ้อมกัน หลังจากนัน้ ไม่กชี่ งั่ โมงพวกเราก็ไปจบกันทีร่ า้ นๆ หนึง่ เป็นการเลีย้ ง ฉลองเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยให้กับผม ช่วงทีเ่ ข้ามหาลัยใหม่ๆ ผมต้องยุง่ อยูก่ บั กิจกรรมจนไม่มเี วลาไปรับ ทะเลอย่างที่คิดกันเอาไว้ ถ้าผมไม่ได้รู้จักป๊อปกับร็อคผมคิดว่ามันคงหนัก หนาอยู่พอควรกับสังคมใหม่นี้ ความสามารถทางด้านการเข้าสังคมที่แทบ

37


เรียกได้ว่าเป็นศูนย์จนถึงติดลบค่อยพัฒนาหน่อยตอนรู้จักกับพวกมันและ เพือ่ นในวง ผมไม่เข้าหาใคร แต่กย็ งั มีคนเข้ามาหา ผมเป็นทีจ่ บั ตามองและ เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ จนอดโทษรูปลักษณ์ของตัวเองไม่ได้ การปรับตัวมันต้องใช้เวลาพอสมควรและผมก็ผ่านมันไปได้อย่าง ทุลักทุเล ช่วงแรกๆ ทีเ่ ราทุกคนต้องท�ำความรูจ้ กั กัน ผมอึดอัดจนถึงขัน้ ร�ำคาญ กับการที่ต้องตอบค�ำถาม ค�ำถามที่ผมเกลียด ลูกครึ่งอะไร ผมไม่ตอบค�ำถามนี้และมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่นานก็ เลิกถามกันไปเอง ผมค่อนข้างแปลกใจเมือ่ มาคิดๆ ดูวา่ ป๊อปกับร็อคไม่เคย ถามค�ำถามนี้ และผมก็เข้าใจได้วา่ ท�ำไมถึงเป็นเพือ่ นกับพวกมันได้งา่ ยดาย เช่นนั้น ผ่านช่วงปรับตัวผมก็มีกลุ่มเพื่อนที่คณะที่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เป็นกลุม่ หกคนทีล่ ากผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ ทัง้ ในห้องเรียนและตอน ท�ำกิจกรรม เป็นกลุม่ ทีค่ รืน้ เครงเฮฮามากจนผมสามารถนัง่ เฉยๆ ได้โดยที่ ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ได้ชวนผมคุยส่วนตัวให้อึดอัดแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ผมอยู่ คนเดียว ผมจึงสบายใจเมื่อได้อยู่กับพวกนี้ ไม่ต้องนั่งคนเดียวให้คนอื่นๆ เข้ามาท�ำความรู้จักอีกแล้ว หลังจากผมเลิกตอนเย็นก็รีบไปที่ห้องซ้อมทุกครั้ง ถึงจะไปช้าแต่ ทุกคนก็เข้าใจช่วงใหม่ๆ ของการเรียนปีหนึ่ง วันนี้เมื่อผมเข้ามาในห้องทุก คนก็อยูก่ นั พร้อมหน้าแล้ว แต่บรรยากาศมันเงียบผิดไปจากทุกที ไม่มแี ม้แต่ เสียงเครื่องดนตรีสักชิ้น “พวกมึงอย่าโกรธกูนะ ขอโทษจริงๆ ว่ะ” โอพูดขึน้ แล้วก็หนั มามอง ผมที่เพิ่งมา “กูไม่ค่อยมีเวลา เรียนหนักด้วย คงร้องเพลงกับพวกมึงไม่ได้ แล้ว แต่กูจะร้องไปก่อนจนกว่าจะหาคนแทนได้นะเว้ย “ “แล้วจะไปหานักร้องอย่างมึงที่ไหนวะ” ร็อคดูอารมณ์เสียพอดูซึ่ง ผมก็เข้าใจ

38


วงเดิมที่เคยเล่นกันตอนอยู่ม.ปลายเหลือแค่ร็อคกับป๊อปแล้ว เรา เพิ่งจะได้เล่นร้านพี่ตินไม่นานก็ต้องหานักร้องใหม่อีก ซ�้ำคนที่ร้องได้อย่าง โอก็ไม่ใช่จะหาง่ายๆ “เดี๋ยวกูช่วยหา มึงอย่างเพิ่งเครียด กูรู้สึกผิด” “กูจะเครียดให้มึงรู้สึกผิด เชี่ยโอ” ร็อคพูดแค่นั้นโอก็ยิ้มได้ ถ้าร็อค มันกวนตีนแบบนี้มันคงไม่เครียดอะไรมากเท่าไร “เอาแจ๊สมาร้องไหม กูว่าพอไหวนะ” โอมันแนะน�ำ “ไหวมันก็ไหว แต่กูอยากได้ผู้ชายมากกว่า” ป๊อปบอก คนอื่นๆ ก็ พยักหน้า “กูว่าลองหากันไปก่อนเหอะว่ะ อาจมีเจ๋งๆ อยู่ก็ได้” ผมพูดเพราะ รู้ว่าไอ้พวกนี้มีเพื่อนเยอะอยู่ อาจไม่ได้หายากขนาดนั้น แต่ผมก็คิดผิด เราพยายามเอาคนที่เพื่อนพวกมันแนะน�ำแต่ก็ยังไม่มีใครโอเคสัก คน แถมพี่ตินยังบอกว่ามีวงเก่าออกไปวงหนึ่งและจะให้พวกเรามาเล่น ประจ�ำแทน เราเลยต้องให้แจ๊สมาร้องแทนเมื่อไอ้โอไม่ว่าง แม้แจ๊สจะเพิ่ง เข้าปีหนึง่ เหมือนกันแต่กเ็ ป็นพวกชอบโดดกิจกรรมกลับบ้านตลอดเลยไม่มี ปัญหาอะไรมากนัก แรกๆ ที่เป็นเพื่อนกับป๊อปและร็อคผมไม่ค่อยได้เจอแจ๊ส แค่พอ จะเห็นกันอยู่บ้าง ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยขึ้นทั้งที่ร้านพี่ตินและห้องซ้อม ใน ความคิดผมแจ๊สเป็นผูห้ ญิงทีม่ คี วามโดดเด่นแปลกแยกจากผูห้ ญิงธรรมดา อย่างเห็นได้ชัด ผมซอยสั้น เจาะคิ้ว ผิวขาว ชอบทาปากแดง บุคลิกดูเป็น คนมั่นใจ มีความเป็นศิลปินไม่ต่างกันทั้งครอบครัว แม้ว่าจะชอบร้องเพลง แต่ก็ชอบที่จะวาดรูปและออกแบบเสื้อผ้ามากกว่าเลยเลือกที่จะเรียนใน ทางนั้น ยิง่ อยูก่ นั ไปเรือ่ ยๆ ผมก็คดิ ว่าแจ๊สมีนสิ ยั เหมือนกับพวกพีๆ ่ มันเลย ท�ำให้ผมสนิทใจเวลาอยู่ด้วย ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะเกิดกับผู้หญิงคนอื่นๆ เราเรียนที่เดียวกันก็เจอกันบ้าง ความบังเอิญที่ เจอกันใต้ตึกผมนี่เองเป็นเหตุให้ตอนเย็นๆ เกือบทุกวันเรากลับห้องซ้อม

39


พร้อมกัน จากบังเอิญก็เป็นไม่บังเอิญ ในวันที่มีซ้อมผมจะเห็นแจ๊สที่ใต้ตึก เสมอๆ แม้จะไม่ได้นัดไว้ก็ตาม ในสายตาคนนอกเป็นอย่างไรผมรู้ แต่ทั้งผมและแจ๊สต่างก็รู้ดีว่า มันไม่ได้มีอะไร ผมถือว่าแจ๊สเป็นเพื่อนผมคนหนึ่งและแจ๊สก็คงคิดกับผม แบบนั้นเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปอย่างที่ใครๆ คิด เพื่อนบางคนชอบแซว กันเห็นเป็นเรื่องสนุกและอยากรู้อยากเห็นจนบางทีผมก็หงุดหงิด ผมไม่ ชอบและไม่ชินที่คนจะให้ความสนใจ แต่ผมก็ไม่ชอบอธิบายอะไร ได้แต่รอ และปล่อยไปจนกว่าพวกมันเบื่อที่จะสนใจกันไปเอง ตอนนี้ผมคิดถึงทะเล...ในขณะที่แจ๊สซ้อนท้ายกลับด้วยกัน สัมผัส ของแขนที่โอบรอบเอวมันไม่อาจแทนที่ของทะเลได้ มันไม่เหมือนกันและไม่อาจซ�้ำรอย อยากไปรับทะเล...เป็นค�ำที่ได้แต่คิดอยู่ทุกวัน นึกถึงหน้าหงอยๆ เมื่อไม่เห็น ผมหน้าโรงเรียนแล้วก็อยากให้ช่วงเวลากิจกรรมพวกนี้ผ่านไป ให้พ้นๆ คงบอกไม่ได้วา่ ทะเลติดผมอยูฝ่ า่ ยเดียว ผมเคยชินทีม่ ที ะเลอยูใ่ กล้ๆ เคยชินมากเกินไปจนรู้สึกขาดเมื่อมองไม่เห็น ...ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันทุกวันแต่ก็ยังคิดถึง....

40

เมฆหนาครึ้ม ผมจอดมอเตอร์ไซค์แอบๆ ไว้ก่อนเผื่อฝนตก แจ๊สขึ้นห้องซ้อมไป แล้ว ผมหยิบบุหรี่ออกมา อีกมือก�ำไฟแช็ก นึกชั่งใจ จะจุดดีหรือไม่ แม้จะ มีช่วงที่ผมสูบจัดแต่ตอนนี้ก็พยายามลด ระหว่างคิดก็มีมอเตอร์ไซค์มาจอด หน้าตึก ทะเลลงจากมอเตอร์ไซค์คนั นัน้ ทีผ่ มจ�ำได้วา่ เป็นของก้านเพือ่ นสนิท ทะเล ผมอยู่ไม่ไกลตรงมุมตึกที่จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ ยืนมองทั้งสองเงียบๆ “พี่บลูรู้รึเปล่าว่ามึงมาเนี่ย” “ไม่รู้มั้ง คงคิดว่ากูกลับบ้าน มึงก็กลับเหอะ ขอบใจมาก” ทะเลพูด แล้วท�ำท่าจะหันหลังเดินเข้าตึกก้านก็คว้าแขนไว้ “พรุ่งนี้ให้กูไปรับไหม”


“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บลูไปส่ง” “..........” “ไว้วันไหนพี่บลูไม่ว่างกูให้มึงมารับแล้วกัน” “ต้องให้พี่มึงไม่ว่างก่อนถึงให้กูไปรับได้ใช่ไหม” “ก้าน ไหนมึงบอกว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากกูไง” “...ขอโทษ” ก้านปล่อยแขนทะเลเมื่อเห็นทะเลเสียงแข็งอย่างที่ผม ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทะเลก็ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าก้านเบาๆ “กูไปนะ” ทะเลบอกจากนัน้ ก็เดินเข้าตึกไป ก้านเหม่อไปสักพักก่อน จะสตาร์ทรถแล้วพาตัวเองจากไปเช่นกัน ความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ท�ำให้ผมกดไฟแช็กจ่อที่ปลายมวน อัด เข้าไปเต็มปอดแล้วปล่อยควันออกมา...โดยหวังให้คลื่นอารมณ์บางอย่าง ในตอนนี้... เบาบาง...เจือจางลง ผมเข้าห้องซ้อมไปทุกคนก็ประจ�ำที่กันหมดแล้ว ทะเลยิ้มเมื่อเห็น ผมแต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มตอบอย่างเคย ทุกคนมองผมอย่างประหลาดใจโดย เฉพาะทะเล บรรยากาศห้องตึงเครียดขึ้นโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ร็อคที่เห็น อารมณ์ที่แปลกไปของผมก็เลือกที่จะบอกชื่อเพลงเพื่อที่เราจะได้เริ่มซ้อม กันทันทีโดยไม่มีการสนทนาใดๆ ผมเห็นสายตาหงอยๆ จากทะเลทีม่ องมาอยูต่ ลอด จนแล้วจนรอด ผมก็ไม่อาจเมินเฉยต่อไปได้อีก แม้อารมณ์ยังไม่คงที่นักแต่ผมก็ลงไปซื้อ ขนมให้เป็นการเอาใจก่อนทะเลจะหงอยไปมากกกว่านี้ “พี่ก็กลับมากับพี่บลูทุกวันนั่นแหละ” เป็นเสียงแจ๊สพูด ผมกลับขึ้นมาจากซื้อของ เปิดเข้าไปในห้องซ้อมก็ได้ยินประโยคนี้ และความเงียบก็เข้ามาแทนที่หลังจากนั้น ในห้องมีแค่ทะเลกับแจ๊ส ป๊อ ปกับร็อคคงออกไปสูบบุหรี่กันข้างนอก ผมเอาช็อคโกแล็ตไปให้ทะเล โดยหวังจะยิ้มให้กันอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทะเลแค่รับไปเงียบๆ โดยไม่มองหน้า

41


42

ผมเห็นเค้าความไม่พอใจปรากฏชัดท�ำให้ความรู้สึกหงุดหงิดก่อน หน้าที่ยังไม่จางหายโหมซัดเข้ามาอีก เมื่อป๊อปกับร็อคกลับมาเราก็ซ้อมกันต่อ ทะเลไม่ได้จ้องมองผม เหมือนก่อนหน้านี้ แค่หยิบมือถือมาเล่นและเมินเฉยต่อทุกสิ่ง ความสงสัยบวกกับความหงุดหงิดของตัวเองก่อนหน้านี้ค่อยขยาย ตัวอีกครั้งจากท่าทีเมินเฉยต่อผมของทะเล ผมไม่ชอบให้ทะเลเงียบ ไม่ชอบให้เราเป็นแบบนี้ ที่สุดแล้วผมก็ทนไม่ไหว ผมเลิกเล่นกลางคัน โยนไม้กลองทิ้งแล้วออกมาข้างนอก พวกมันคงงงแต่ผมไม่สน มันอึดอัดและหงุดหงิดจนไม่สามารถ เล่นต่อไปได้ ผมนัง่ ปล่อยควันอยูห่ น้าตึกอีกครัง้ ร็อคมันก็ตามมานัง่ เงียบๆ เป็น เพื่อน ผมไม่ได้พูด ร็อคก็ไม่ได้ถาม ถึงร็อคจะดูเหมือนพูดมากและกวนตีนไปเรื่อยแต่มันก็เลือกที่จะ เงียบทุกทีที่เห็น ผมหงุดหงิด เราเป็นเพื่อนกันมาหลายปี ในระยะเวลา ระหว่างนี้มันก็มีบางครั้งบางทีที่มีเรื่องมาสะกิดใจให้ผมนึกถึงช่วงที่อยู่กับ แม่ ผมจะหงุดหงิดและแสดงออกทางแววตา ถึงมันจะไม่รู้เหตุผลแต่ก็รู้สึก ถึงอารมณ์ผิดปกติทุกครั้ง และจะมานั่งข้างๆ เป็นเพื่อนผมเสมอ ทุกครัง้ ทีห่ งุดหงิด ผมจะรูส้ กึ ถึงอารมณ์บา้ คลัง่ และรุนแรงทีอ่ ยูใ่ นใจ มันก่อตัวขึ้นเมื่อไรผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามีมันอยู่ตลอดเวลา ตลอดเวลา...ตัง้ แต่อยูก่ บั แม่ หากแต่ผมรูว้ า่ ไม่สามารถแสดงมันออก มาได้ ผมต้องกดมันไว้ให้ลึกที่สุด นั่นก็เพราะผมเกลียดด้านนี้ของมนุษย์ ด้านที่มืดมิด ผมเกลียดแต่ก็มีมันอยู่ในตัว เกลียด...ที่ไม่สามารถห้ามความรู้สึกร้ายกาจนี้ได้ และกลัว...ว่าสักวันหนึ่งผมจะระเบิดมันออกมา...


“กูก็ไม่อยากถามนะ แต่หงุดหงิดขนาดนี้ โมโหอะไรวะ” “กูก็ไม่รู้จะบอกยังไง” “แล้วมึงทะเลาะอะไรกับเล” “เปล่า” “อย่ามาเปล่า กูไม่เห็นพวกมึงจะคุยกัน มองยังไม่มองกันเลย” “ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่เข้าใจท�ำไมเลเมินกู” “กูเห็นมึงเมินมันก่อน” “.............” “มึงเมินน้องมันท�ำไม” “.............” ผมไม่ตอบเพราะเหตุผลจริงๆ มันก็แค่ความรู้สึก...ขัดหูขัดตากับ การกระท�ำและค�ำพูดของทะเลกับก้าน ผมไม่อยากให้ใครรับรู้เหตุผลบ้าๆ แบบนี้ “เอาเหอะว่ะ หายหงุดหงิดแล้วก็พดู กันดีๆ” ร็อคพูดแล้วกลับเข้าไป เหลือเพียงผมที่นั่งจมกับความคิดกับควันบุหรี่จางๆ ความรู้สึกกับทะเลบางอย่างที่เบาบางมันเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที ผมรับ รู้แต่พยายามเมินเฉยมัน ปฏิเสธมัน ไม่อยากยอมรับมัน ผมอยากให้ความรู้สึกที่มีต่อทะเลยังคงบริสุทธิ์สดใสเหมือนตอน เด็กๆ ที่ต้องการเพียงแค่ความอบอุ่น ...ผมอยากให้ตัวเองยังคงต้องการเพียงแค่นั้น... ฝนเริม่ ลงเม็ด ผมกลับเข้าตึกในขณะทีเ่ ห็นทะเลเดินสวนออกมาโดย ที่พยายามไม่มองผม “ไปไหน” “กลับบ้าน” ทะเลตอบแต่ก็ยังมองที่อื่น “กลับยังไง ฝนตก” “...............” ทะเลที่เพิ่งเห็นฝนข้างนอกก็เงียบไป เรายืนกันอยู่สักพัก โดยไม่มีใครพูดอะไรจนผมทนไม่ไหวต้องถามออกมา

43


“เป็นอะไร” “พี่ล่ะเป็นอะไร ท�ำไมไม่คุยกับเล” “หงุดหงิด” “หงุดหงิดเลเรื่องอะไร” “ไม่ได้หงุดหงิดเล เรื่องอื่น ช่างมันเถอะ” ผมบอกแบบขอไปทีแล้ว มองทะเลหาเค้าความไม่พอใจผมก่อนหน้านี้ ทะเลก็จอ้ งมองผมเช่นเดียวกัน เรายืนจ้องกันเหมือนพยายามหาค�ำตอบจากอีกฝ่าย แม้จะพยายาม ค้นหาแต่ตา่ งคนต่างก็ซกุ ซ่อนมันเอาไว้ ผมไม่สามารถบอกอะไรได้เลยจาก แววตาทะเล ผมถอนหายใจแล้วยกมือลูบผมทะเลเบาๆ “ฝนหยุดแล้วค่อยกลับ พร้อมกัน” ทะเลยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาคว้ามือของผมที่ก�ำลังลูบหัว อยู่มาจับแล้วพยักหน้า ผมก็ยิ้มให้ “พรุ่งนี้ไปรับเลที่โรงเรียนไหม” “ไปสิ” ไม่ต้องคิด ต่อให้ผมต้องโดดกิจกรรมหรืออะไรก็แล้วแต่ผมก็จะไป เมื่อผมตอบรอยยิ้มกว้างและสดใสที่ผมชอบก็กลับมาอีกครั้ง เรา ต่างท�ำเหมือนกับว่าเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิด เลือกที่จะยิ้ม ให้กันโดยไม่ได้ถามหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว เรากลบเกลื่อนความรู้สึกกัน เอาไว้ ส�ำหรับทะเลผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ส�ำหรับผม ผมไม่มีทางจะให้ ทะเลรับรู้ความรู้สึกของผมเด็ดขาด เพราะมันสกปรกโสมมเกินไป ต้องหัก ห้ามมันไว้ ไม่อยากท�ำลายความบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาเพียงหนึ่งเดียวในชีวิต ที่ผมมี แต่ใครจะรู้ว่าในที่สุดแล้ว...ผมก็ไม่อาจรักษามันไว้ได้อยู่ดี

44


-5Cannonball

เจ็ทสกี

หรือ ดนตรี ผมบอกไม่ได้ว่าชอบอะไรมากไป กว่ากัน เพราะทั้งสองสิ่งต่างก็ให้ความสุขกับ

ผมทั้งนั้น เทอมสองของปีหนึ่งเป็นช่วงที่ไม่ยุ่งมากเท่าไร ไม่มีช่วงกิจกรรมให้ นึกร�ำคาญใจอีกต่อไปแล้ว ผมพยายามแบ่งเวลาซ้อมเจ็ทสกี ซ้อมดนตรี และเรียนหนังสือให้เท่าๆ กัน ซึง่ มันก็ดที ที่ ำ� ให้ผมไม่มเี วลาฟุง้ ซ่านมากนัก... เจ็ทสกีที่ผมขี่อยู่เป็นล�ำใหม่ที่น้าวิทย์ซื้อให้เพราะผมชนะการแข่งปี ที่แล้ว ปีนี้แม้เวลาที่ได้เล่นจะน้อยกว่าเดิมแต่ผมก็ยังหวังว่าจะท�ำได้ไม่แย่ นัก อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่ท้ายๆ ก็ยังดี ผมเอาเจ็ทสกีเข้าฝั่งหลังจากซ้อมเสร็จ เดินขึ้นมาที่หาดที่ทะเลนั่ง อยู่กับเพื่อนๆ สายตาผมที่มองหาทะเลก่อนอย่างอื่นก็เห็นว่าทะเลก�ำลัง เล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่กับก้านโดยที่คนอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนร่วม... กับภาพตรงหน้าผมได้แต่ถามตัวเองว่าเมื่อไรผมจะชินและปล่อย ความรู้สึกนี้ไปได้สักที

45


46

ผมเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน สนิทกัน ผมก็นึกถึงค�ำพูดที่ทะเลเคยพูด ถึงก้านขึ้นมา ‘ก้านมันก็เหมือนพี่นั่นแหละ ชอบท�ำหน้านิ่งคนอื่นก็เลยกลัว แต่เล ไม่กลัว เลชินมาจากพี่’ เหมือนผมอย่างนั้นเหรอ ทันทีที่ได้ยินมันผมแทบอยากตะโกนเถียงกลับไปว่าไม่เหมือน! ผม ไม่อยากให้ทะเลคิดว่าผมเหมือนก้าน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น...ทั้งรอยยิ้ม และทั้งหมดที่แสดงออกกับผม...ก็จะต้องท�ำแบบนั้นกับก้านด้วย แค่นึกถึงก็ท�ำให้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาได้เฉยๆ แต่ถึงผมไม่อยากให้ทะเลท�ำอย่างนั้น...ตอนนี้ผมก็ท�ำอะไรไม่ได้... ผมเดินเข้าไปหาทะเลและเพื่อนๆ ไม่ได้ยิ้มหรืออะไรทั้งนั้น ทะเล เปิดกระป๋องน�้ำแล้วยื่นให้ผมอย่างเคย ผมรับมายกดื่มแล้วถามถึงป๊อ ปกับร็อคว่ามาหรือยัง ผมนัดให้มันมารับหลังจากซ้อมเจ็ทสกีเสร็จจะได้ ไปร้านพี่ตินด้วยกัน ทะเลบอกว่าพวกมันยังไม่มาผมก็เลยกลับเข้ามาอาบ น�้ำรอ ผมอาบน�้ำเสร็จเตรียมตัวเรียบร้อย พวกมันก็ยังไม่มาเลยออกมา นัง่ อ่านหนังสือรออยูห่ น้าอู่ เห็นทะเลเพิง่ จะกลับเข้ามา เพือ่ นคนอืน่ ๆ ของ ทะเลกลับไปแล้วเหลือแค่ทะเลกับก้าน ทัง้ สองนัง่ ลงทีโ่ ต๊ะม้าหินกับผมหลัง จากนั้นทะเลก็ถามผม “พี่บลูจะไปร้านเลยใช่ไหม เดี๋ยววันนี้เลกับก้านไปดูด้วยนะ” ผม พยักหน้าตอบไม่ได้พูดอะไร “เลกับก้านก�ำลังจะเข้าวงดนตรีของโรงเรียนเหมือนกัน อาทิตย์หน้า มีออดิชั่นเลยอยากให้พี่ป๊อปสอนเพลงให้...” ผมฟังแต่ก็ก้มหน้าอ่านหนังสือไปด้วย ยังไม่อยากจะเงยหน้ามอง ‘เลกับก้าน’ สักเท่าไร แต่เสียงทะเลก็เว้นช่วงไปนาน...ผมได้ยินเสียงก้านพูดเบาๆ ว่า ‘อย่าขยี้’ เลยต้องเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมองแล้วก็ให้รู้สึกบาดตากับภาพ ที่เห็น


ก้านยกมือหนึ่งจับหน้าทะเลเงยขึ้นเพื่อดู อีกมือก็จับข้อมือทะเลไว้ ไม่ให้ขยี้ตา ความอดทนของผมเริ่มจะลดต�่ำลงทุกที ผมกระชากข้อมือทะเล อีกข้างให้ลุกขึ้นก่อนจะไล่ให้ไปบอกน้าเพลงว่าเดี๋ยวจะออกไปห้องซ้อม ด้วยกัน ทะเลเดิ น หายเข้ า ไปในบ้ า นเหลื อ เพี ย งแค่ ผ มกั บ ก้ า น...ซึ่ ง มี แ ต่ ความเงียบ เราจ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา ในใจก็รู้ว่าต่างคนต่างคิดยัง ไง ก้านแสดงความรู้สึกคุกคามเด่นชัดทางสายตา ผมเองก็เช่นกัน นาทีนี้เองผมตัดสินใจได้ว่า...จะไม่มีทางให้ก้านได้สมหวังกับทะเล อย่างแน่นอน เพราะผมไม่ใช่คนดี ผมไม่อยากให้ทะเลเป็นของใคร...แม้จะรวมผมด้วยก็ตาม ทะเลกลับมาพร้อมตาแดงๆ ผมเลยจับหน้าทะเลจ้องตาดูอีกครั้ง ทะเลก็จ้องตาผมตอบและยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ผมรู้ว่าก้านดูอยู่และก็อยากให้ก้านดูเอาไว้ให้ชัดๆ ว่าไม่ว่ายังไง... คนที่ทะเลจะยิ้มให้แบบนี้...จะมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น วันนี้ผมมีแข่ง ท้องฟ้าดูไม่ได้ใสไปกว่าวันไหนๆ แต่บรรยากาศคึกคักขึน้ หลายเท่า จากคนที่เดินทางมาดูการแข่งขัน เพื่อนๆ ผมรวมตัวกันตั้งแต่เช้าที่หาด ทัง้ ป๊อปกับร็อคและพวกเพือ่ นทีม่ หาลัย แม้แรกๆ เพือ่ นทีค่ ณะจะยังเกรงๆ รุ่นพี่อย่างร็อคกับป๊อปอยู่ แต่คุยกันได้ไม่นานผมก็เห็นรวมกลุ่มเฮฮากันดี เหมือนรู้จักกันมานาน โดยเฉพาะไอ้ร็อคที่ท�ำตัวบ้าบอไม่ได้ดูเป็นรุ่นพี่ที่ น่าย�ำเกรงสักนิด จริ​ิงๆ แล้วพวกเราค่อนข้างเป็นที่รู้จักของคนในมหาลัยเพราะมี นักศึกษาไม่น้อยที่มาดูพวกเราเล่นที่ร้านพี่ติน คนมาเชียร์ผมเลยเยอะเป็น พิเศษ ทัง้ รูจ้ กั และไม่รจู้ กั จนผมไม่อยากจะเชือ่ สายตาตัวเอง หากมองย้อน กลับไปในวัยเด็กที่มีแค่ผมเพียงคนเดียวเดินโดดเดี่ยวบนผืนทราย ผมคง จินตนาการถึงอนาคตแบบนี้ไม่ออก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนมาก

47


มายขนาดนี้เข้ามาในชีวิตผม ผมมองคนส�ำคัญทั้งน้าวิทย์ น้าเพลง และ ทะเล รู้แน่ว่าแม้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรมันก็ไม่ส�ำคัญเท่าไรส�ำหรับ พวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะท�ำมันอย่างเต็มที่อยู่ดี คนที่มาให้ก�ำลังใจผมรวมตัวกันที่สแตนฝั่งหนึ่งกว่าครึ่งแถบ ผม มองพวกเขาก่อนจะหยุดที่ทะเลและหันกลับมาเตรียมออกตัว ผมชอบ ความรู้สึกของการแข่งขันไม่น้อยเพราะมันให้ความรู้สึกตื่นเต้น...มีชีวิตชีวา นาทีที่ออกตัว...ผมโฟกัสเฉพาะ ‘ทะเล’ ข้างหน้าก่อนจะพุ่งตัวออก ไปรับคลื่นลม อาบแสงแดด เร่งความเร็ว สนใจเพียงแค่ทุ่นตรงหน้า...ตั้งใจคว้าชัยชนะมาให้ได้ รางวัลอยู่ในมือผม ถึงจะไม่ชนะเลิศแต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้กลับมา มือเปล่า น้าวิทย์เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารทะเลของเพื่อนน้าวิทย์ จากนัน้ เราก็มาต่อกันทีร่ า้ นพีต่ นิ วันนีว้ งพวกเราไม่ได้เล่นก็เลยกินกันเต็มที่ พวกมันชนเอาชนเอาบังคับผมดื่มเข้าไปจนแทบประคองสติไว้ไม่อยู่ เมื่อ ถึงจุดหนึ่งที่ผมคิดว่าต้องหยุดผมก็ไม่แตะต้องมันอีก เพราะการไม่มีสติ หลงเหลืออยู่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิด เสียงเพลงสนั่นหวั่นไหว ประกอบกับการปล่อยอารมณ์เต็มที่ของเพื่อนๆ ท�ำให้ผมต้องดึงทะเลมา ยืนใกล้ๆ และคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา ทะเลตอนนี้ ที่ดูแทบจะไม่เ หลือ สติซบลงตรงบ่า ผม ผมจึ ง ต้ อง ประคองตัวทะเลไว้ไม่ให้ล้ม พวกเรากินกันจนแทบจะดูแลกันไม่ไหวแล้วก็ เลยชวนกันกลับ ผมบอกกับร็อคว่าคืนนี้ขอค้างกับพวกมัน เพราะคิดว่าคง ขับกลับบ้านไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเราแยกย้ายกับเพื่อนที่มหา’ลัย ผมโทรไปบอกน้าเพลงเรียบ ร้อยแล้วพาทะเลมาที่รถ ผม ป๊อป ร็อค แจ๊ส และทะเลกลับด้วยกันโดยมีร็อคเป็นคนขับลูก รักสีม่วงเปลือกมังคุดของมัน

48


ร็อคเป็นคนเดียวทีด่ เู ป็นปกติเหมือนไม่ได้กนิ เหล้าเข้าไปทัง้ ๆ ทีแ่ ทบ กรอก ส่วนผมถึงแม้จะมีสติเหลืออยู่แต่ก็น้อยเต็มที คนอื่นไม่มีทางรู้ว่าผม เมาหรือเปล่าเพราะว่าผมนิ่งยังไงก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น มาถึงบ้านแจ๊สก็แยกตัวเข้าห้องตัวเองก่อนใคร ทั้งสามคนพี่น้องมี ห้องของใครของมัน ร็อคให้ผมและทะเลนอนห้องตัวเอง ส่วนตัวมันนอนที่ ห้องป๊อป ทะเลที่ตาแทบลืมไม่ขึ้นเดินตามแรงลากของผมมาที่ห้อง พอมา ถึงก็ทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ตัวผมเองก็คร้านจะใส่ใจสิ่ง ใดๆ จึงทิ้งตัวลงบนเตียงเช่นเดียวกัน ผมนอนปรือตามองทะเลหมายใจว่าในไม่ช้าจะปิดตาลงแต่ก็ยังไม่ สามารถละสายตาได้ เรานอนหันหน้าเข้าหากัน ทะเลหมดสติหลับไหลไปแล้ว แม้จะนอน ห้องเดียวกันทุกวันแต่กไ็ ม่เคยได้นอนบนเตียงเดียวกันอย่างนี้ ได้เห็นทะเล หลับใกล้ๆ ขนาดนี้ เพราะผมพยายามรักษาระยะห่างทางกายของตัวเอง กับทะเลมาตลอด เพือ่ ทีจ่ ะรักษาระยะห่างทางใจด้วย ตัง้ แต่รสู้ กึ ตัวผมต้อง ต่อสู้กับตัวเองภายในใจอย่างเงียบงัน ผมเป็นคนเกลียดการสัมผัสจากคนอืน่ ทีไ่ ม่ได้รจู้ กั มักคุน้ แต่ผมชอบ สัมผัสของน้าเพลงเพราะผมโหยหามันจากแม่ ชอบสัมผัสของเพือ่ นทีท่ ำ� ให้ รู้ว่าเรามีคนที่คอยอยู่ข้างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นไปได้ผมก็ไม่ชอบที่ จะให้ใครมาแตะต้องตัวผม ซึ่งมันคงเป็นหนึ่งในหลายๆ อย่างที่หลงเหลือ มาจากวัยเด็ก กับทะเล...ผมรับรูค้ วามรูส้ กึ อบอุน่ แม้เพียงได้อยูใ่ กล้ๆ แค่มอื เล็กๆ ในตอนเด็กที่ผมได้สัมผัสก็รู้สึกเหมือนได้เติมเต็มทางด้านความรู้สึก เรา จับมือและกอดกันจนเคยชิน แต่เมื่อไรผมก็จ�ำไม่ได้แล้วว่าสัมผัสของทะเล นั้นให้ความรู้สึกที่แปลกไปส�ำหรับผม มันแปลกไปด้านอารมณ์... เมื่อรู้สึกตัวครั้งแรกผมรังเกียจตัวเองจนไม่สามารถมองหน้าทะเล ได้ หากแต่ทะเลไม่ได้รับรู้ ผมจึงต้องพยายามกลบเกลื่อนและแสดงออก ให้ปกติที่สุด

49


50

ณ ขณะที่ผมได้นอนกับทะเลแบบนี้มันก็ยากที่จะกักเก็บอารมณ์ไว้ ได้ แต่ตอนนีผ้ มไม่จำ� เป็นต้องเก็บมันเอาไว้อกี แล้ว...เพราะลมหายใจเข้าออก เป็นจังหวะเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทะเลจะไม่สามารถรับรู้... ผมขยับเข้าไปใกล้ ยกมือขึ้นลูบผมและเขี่ยไปด้านข้างเพื่อที่จะได้ มองชัดๆ จากนัน้ ก็ลบู ตาทีป่ ดิ สนิท นึกถึงแววตาสดใสผมก็ตอ้ งยิม้ ออกมา ผมชอบทีจ่ ะมองตาใสๆ ของทะเลเพราะมันใสและบริสทุ ธิก์ ว่าใครทีผ่ มเคย เห็น...นิ้วของผมไล้เรื่อยลงมาจนถึงข้างแก้มที่มีลักยิ้มเล็กๆ ทุกครั้งที่ทะเล ยิ้ม...รอยยิ้มที่ท�ำให้ผมต้องยิ้มตาม ผมขยับไปใกล้ทะเลอีกนิดแล้วกอดทะเลเอาไว้ ทะเลขยับตัวเล็ก น้อยแล้วส่งเสียงครางออกมา... เพียงแค่เสียงครางเบาๆ ก็ท�ำให้สติที่ผมพยายามประคองอยู่แทบ กระเจิง ฤทธิ์แอลกอฮอล์มีส่วนท�ำให้ผมคุมอารมณ์ไม่ได้ จากแค่กอดผม กลับมีความต้องการมากมายกว่านั้น ผมกอดทะเลแน่นขึ้น...หวังอยากจะ แนบชิดอีกแค่สักนิด ทะเลครางออกมาอีกแผ่วเบา...หน้าของเราใกล้กันจนผมได้ยิน เสียงนั้นชัดเจน เกินควบคุมแล้ว... ผมค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จดจ้อง ก่อนจะแนบริมฝีปากลงไป แตะเบาๆ อย่างทะนุถนอม สัมผัสทีผ่ มจินตนาการนับครัง้ ไม่ถว้ นท�ำใจสัน่ จนรู้สึกปวด ส�ำนึกต่างๆ ตีพันกันยุ่งเหยิง อยากจะท�ำตามสัญชาตญาณ ดิบเถื่อนสนองตัณหาภายในใจ ผมเบี่ ย งหน้ า ออกมาเล็ ก น้ อ ยก่ อ นจะกดจมู ก ลงไปตรงแก้ ม ต�ำแหน่งที่มีลักยิ้มอยู่ สูดหายใจลึกแล้วเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะกลับ ขึ้นไปจูบซ�้ำๆ ที่ริมฝีปาก ทะเลครางอือและพยายามพลิกตัวหนีอย่างร�ำคาญ ความต้องการทางร่างกายของผมเลยเถิดไปไกลเสียแล้ว มันปวด หนึบจนต้องถอยออกห่าง ผมนอนมองทะเลอย่างหักห้ามใจ ก่อนที่อะไร จะครอบง�ำผมไปมากกว่านี้ผมก็ลุกขึ้นจากเตียง


ต้องออกไปจากตรงนี้...ผมท่องเอาไว้ ผมออกมาเข้าห้องน�ำ้ ข้างนอก มองตัวเองในกระจกเห็นสีหน้าทีเ่ ต็ม ไปด้วยแรงอารมณ์แล้วนึกเกลียดสีหน้าแบบนี้สิ้นดี ผมวักน�้ำล้างหน้าหวัง จะดับอารมณ์ให้เย็นลง แต่สัมผัสของทะเลก็ยังติดตรึง ผมทั้งรู้สึกดีใจและ เสียใจ ดีใจ...ที่ในที่สุดก็ได้...จูบ...ได้สัม ผัสกับริมฝีปากที่คอยแต่จะยิ้มให้ ผม และเสียใจที่รู้สึกไม่เพียงพอ มันยิ่งกระหายมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอันตรายเข้าไปทุกที “บลู...เป็นอะไร” ผมหันไปมอง พอเห็นเป็นป๊อปผมก็ถอนหายใจ หลับตาแล้วนั่งลงพิงผนังห้องน�้ำ ความรู้สึกของฝ่ามือที่แตะใบหน้าท�ำให้ผมต้องปรือตามอง ป๊อป นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าและมองผมด้วยสายตาที่แปลกไป ป๊อปไม่ควร...จะมองผมแบบนี้ ไม่ควรเลย สายตาของความต้องการแบบเดียวกันฉายชัดอยู่ มันอาจเป็นเพราะ แอลกอฮอล์ที่ท�ำให้แสดงความต้องการส่วนลึกออกมา... ไม่อยากจะคิดอะไรอีกแล้ว ผมคว้าคอป๊อปเข้ามาบดจูบรุนแรง ป๊อปก็ตอบสนองอย่างร้อนแรง เพียงกัน เป็นจูบทีด่ บั สิน้ สติทกุ อย่างและจุดไฟอารมณ์ดบิ ให้ลกุ ขึน้ มาแทนที่ เราจูบกันอย่างกระหายอยากจนได้รสฝาดของเลือด ผมฉุดป๊อป ลุกขึ้น ปิดประตู ดันตัวป๊อปติดประตูห้องน�้ำและถอดเสื้อตัวเองออก ป๊อป ดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งมือก็ปลดกางเกงผมไปด้วย ในขณะที่มือผมก็ปลด เปลื้องเสื้อผ้าของป๊อปเช่นเดียวกัน ไม่นานเราก็บดเบียดแนบชิดกันด้วยร่างบนที่เปลือยเปล่า กางเกง ของเราเลื่อนลงแค่ต�่ำกว่าสะโพกเท่านั้น ผมจับป๊อปหันหลัง เอื้อมมือไป ด้านหน้าปลุกเร้าอารมณ์ให้ ก่อนจะไล้มือมาด้านหลังแล้วกดนิ้วลงไป ทุก อย่างเป็นไปอย่างรวดเร็วเร่งร้อน

51


52

ผมดึงดันเข้าไปทั้งที่รู้ว่าป๊อปยังไม่พร้อมและไม่สามารถเข้าไปได้ ลึกกว่านัน้ ป๊อปเอือ้ มไปหยิบบางอย่างตรงอ่างล้างหน้าเพือ่ ทีจ่ ะช่วยให้ผม สามารถเข้าไปได้ง่ายขึ้น เมื่อทุกอย่างเข้าที่ผมก็ไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจาก กระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงหนักหน่วง ผมหลับตา...จินตนาการถึงคนในห้องทีเ่ พิง่ จากมา อารมณ์มากมาย หลั่งไหลเข้ามาจนไม่อาจได้ยินแม้แต่เสียงร้องเจ็บปวด หลังจากปลดปล่อยครั้งแรกผมก็พลิกตัวป๊อปให้หันมา กดจูบ มือ ก็ถอดกางเกงป๊อปออกไม่ให้เกะกะอีกต่อไปและสอดส่วนนั้นกลับเข้าไป อีกครัง้ เราจ้องตากัน ผมเห็นร่อยรอยของน�ำ้ ตาขณะทีป่ อ๊ ปจ้องมองผมด้วย สายตายากอธิบาย แต่ผมก็ไม่อาจหยุดอะไรได้อีกแล้ว “กัด...อึก...กัดที่ไหล่กูที” ผมบอกเพราะอยากรู้สึกถึงความเจ็บปวด เพราะหากไม่เจ็บปวด...มันก็ไม่อาจเติมเต็ม ป๊อปกัดที่ไหล่ตามที่ผมร้องขอ ทันทีที่รู้สึกเจ็บแปลบ ผมจับขาป๊อป ทั้งสองข้างเกี่ยวรอบเอวและขยับกระแทกตัวลึกเป็นจังหวะ ผมหลับตาอีกครัง้ ...ไม่มใี ครอืน่ เลยในจินตนาการ ผมนึกถึงคนเดียว ซ�้ำๆ ซ�้ำๆ นึกถึงจูบที่ได้สัมผัส...มันยังสดใหม่ นุ่มนวล และติดตรึง “ทะ...เล” ผมแทบไม่รู้สึกตัวด้วยซ�้ำเมื่อครางออกมาแผ่วเบา รับรู้ถึงแรงกัดที่กดย�้ำให้เจ็บกว่าเดิมเป็นเท่าตัว... และผมก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด ผมทิง้ ตัวลงกับพืน้ โดยทีป่ อ๊ ปก็ยงั นัง่ คร่อมอยูด่ า้ นหน้า หอบหายใจ หนักหน่วง ความคิดต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา ผมท�ำสิ่งนี้ลงไปแล้ว...กับเพื่อน ป๊อปเงยหน้าขึ้นมาสบตา...คราบน�้ำตายังคงอยู่ชัดเจน ผมยกมือขึ้น เช็ดให้ ป๊อปจ้องหน้าผมโดยไม่พูดอะไรมีแต่น�้ำตาที่ไหลลงมาอีก “ขอโทษ...” พอผมบอกป๊อปก็ส่ายหัวแล้วมองรอยแผลบนไหล่ของผม “เจ็บไหม”


ผมส่ายหน้านิดหน่อยให้รบั รูว้ า่ ไม่เจ็บ ป๊อปก้มลงช้าๆ และเลียเบาๆ ที่แผล ผมสูดหายใจเข้าลึกเพราะรู้สึกแสบ ป๊อปผละออกมาจ้องตากับผมนาน ก่อนจะโอบแขนกอดคอผม แล้วซุกหน้าลงตรงซอกคอ “เหนื่อย...ขออยู่แบบนี้ก่อนนะ” ผมไม่ตอบอะไร นั่งนิ่งกอดป๊อป เอาไว้พร้อมความรู้สึกผิดในใจ “บลู...กู...” ป๊อปบอกเบาๆ ผมพยายามฟังแต่ก็จับใจความอะไรไม่ ได้ ผมไม่รู้ว่าป๊อปพยายามจะบอกอะไร ซ�้ำยังไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร กับป๊อป การแสดงออกของเพื่อนคนนี้ไม่เคยเหมือนคนอื่นๆ เราสนิทกันก็จริง แต่กน็ อ้ ยครัง้ ทีจ่ ะพูดคุยกัน เหมือนเราพูดกันผ่าน ความเงียบ ผมคิดว่าเรามีบางอย่างคล้ายๆ กันในแง่ของความรู้สึก อะไรบาง อย่างท�ำให้รู้สึกว่าเราเปราะบางเหมือนๆ กัน เวลาที่อยู่กับป๊อปสองคนผมไม่ได้อึดอัด ทั้งยังสบายใจ ป๊อปเป็นเพื่อนของผม...เพื่อนที่ไม่อยากเสียไป วันนั้นผมนึกเสียใจ หากเป็นไปได้ผมคงไม่ท�ำ... ผมจะไม่ท�ำ... ถ้าผมรู้ว่าความอยากที่เกิดขึ้นครั้งแรก...มันจะจบลงพร้อมความ เจ็บปวด

53


-6Fake Plastic Trees

บาง

ครั้งความต้องการภายในจิตใจก็มากมายเกินกว่า จะต้านทานด้วยเหตุผล

ผมและป๊อป บ่อยครัง้ ทีผ่ มรูว้ า่ เรารูส้ กึ ตัวแต่กเ็ ลือกทีจ่ ะเพิกเฉยมัน ผมมีอารมณ์ที่อัดแน่นเปี่ยมล้นอยู่ในใจ ป๊อปก็ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบาง อย่างที่น�ำพา เราต้องการเติมเต็มไม่ให้ความรู้สึกภายในมันว่างเปล่า แต่ไม่ว่าเรา จะพยายามกันมากแค่ไหนก็เหมือนจะยิ่งห่างไกลกับค�ำๆ นั้น และเราก็รู้ดี ช่วงนี้ทะเลบ้าซ้อมดนตรีอย่างหนักกับเพื่อนในวงที่โรงเรียนหลัง เลิกเรียน ผมไม่ได้ไปรับไปส่งอย่างเคยแต่ก็มีก้านมาคอยท�ำหน้าที่นี้แทน หลังจากวันนั้นที่ผมเกือบจะห้ามตัวเองไม่อยู่ผมก็ต้องตีตัวออก ห่างจากทะเลเพราะกลัวใจตัวเองขึ้นทุกที ทุกๆ การกระท�ำของทะเล ทั้ง

54


รอยยิ้ม น�้ำเสียง หรือแค่การจ้องมอง มันมีผลต่อจิตใจของผมโดยที่ทะเล ไม่รู้ตัว ผมคอยแต่จะจ้องริมฝีปากนัน่ ทุกทีทเี่ ผลอตัว แค่นกึ ถึงสัมผัสร่างกาย มันก็ร�่ำร้องอย่างน่าไม่อาย หากอยู่ใกล้ผมไม่สามารถจะห้ามใจไม่ให้คิดได้ ผมเลยเลือกที่จะถอยห่างออกมา บางทีผมก็ห่างเหิน บางทีผมก็หมางเมิน ทะเลไม่เข้าใจเหตุผลของผมเพราะผมไม่ต้องการให้เข้าใจ และอะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ผมจะแสร้งลุกขึ้นไปท�ำอย่างอื่นทุกครั้งที่ทะเลเข้ามาซบไหล่ ไม่ได้ ลูบผมปลอบเมือ่ ทะเลท�ำหน้าหงอยเหงาเศร้าสร้อย ไม่ได้ไปรับบ่อยๆ เพือ่ ให้ทะเลเอาแขนเกีย่ วกอดเอวผมไว้ ผมท�ำทุกๆ อย่างตรงข้ามกับความรูส้ กึ จากสายตาที่มีแต่ความสงสัยค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นตัดพ้อ ไม่ใช่แค่ผมที่เมินเฉยทะเลฝ่ายเดียว ทะเลก็เลือกที่จะเมินเฉยผม บ้างเหมือนกัน ผมรู้ว่าผมเป็นคนเริ่มแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อทะเลท�ำแบบนั้น ระยะห่างที่ผมอยากได้มันมาพร้อมความร้อนรุมสุมไฟ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ ใบหน้านิ่งเฉยของผมนั้นอัดแน่นไปด้วยอารมณ์มากมายแค่ไหน แต่หากจะเป็นใครที่สามารถเข้าใจมันได้ดี...ก็คงจะเป็นป๊อป ผมเห็นเววตาของการยอมรับบางอย่างในตัวผมจากสายตาของ เพื่อนคนนี้ การกระท�ำที่ผ่านมาเหมือนจะเปิดเผยส่วนลึกในจิตใจผมโดยที่ ป๊อปไม่ได้ถอยห่างอย่างรังเกียจ และทันทีที่ผมเห็นคนที่สามารถจะแสดง มันออกมาได้ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปิดเผยมัน ผมออกห่างจากทะเลทั้งที่คิดว่ามันสมควรแต่จิตใจกลับต้องการ และโหยหามากกว่าเดิม และผมก็ระบายทุกอย่างลงกับป๊อปทั้งหมดทั้งสิ้น ในห้องเช่าชัว่ คราวทีไ่ ม่มอี ะไรไปมากกว่าเตียง ห้องน�ำ้ และทีวเี ครือ่ ง หนึ่ง สถานที่ที่หาได้เกลื่อนกลาดตลอดเลียบทางชายหาดแห่งนี้ ผมปล่อย

55


ตัวเองและความรู้สึกออกมาอย่างไม่อาจเก็บกลั้น ด้านมืดมันเหมือนจะ งอกเงยได้ดีในใจผม ผมบ่มเพาะมันมานานโดยที่ไม่รู้ตัว พอถึงจุดๆ หนึ่ง ผมก็ไม่สามารถปฏิเสธการมีอยู่ของมันอีกต่อไป ผมครางชื่อทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า ดึงรั้งผมสีด�ำให้แหงนเงยมาด้าน หลัง น�้ำตาบนใบหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งให้อารมณ์กระชั้นจนต้องเคลื่อนตัว เร่งจังหวะ ทุกอย่างพร่างพรายชั่วขณะก่อนที่จะล้มตัวลงนอนเคียงกันปรับ ลมหายใจ ผมคว้าบุหรี่มาจุด สูดเข้าและปล่อยควันออกมาล่องลอยเป็น เพื่อนกับความเงียบ ผมไม่เคยถามว่าท�ำไมป๊อปถึงมีน�้ำตาทุกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะกลัว ค�ำตอบจึงคิดเอาว่าเป็นเพราะความเจ็บ ผมหันไปหาป๊อปและท�ำอย่างเดิมที่ท�ำทุกครั้ง ใช้นิ้วโป้งข้างที่คีบ บุหรี่อยู่ปาดน�้ำตาให้ ป๊อปก็คีบบุหรี่ต่อจากผมไปสูบ เราสองคนกับบุหรี่หนึ่งมวน บนเตียง ความเงียบที่เคยคุ้นท�ำให้เรา ไม่อยากจะเอ่ยอะไรเพื่อท�ำลายมัน ป๊อปเลื่อนหัวมาวางบนตักผม ผมลูบ เส้น ผมยาวคลอเคลียที่ยุ่งเหยิงจากการกิจกรรมเมื่อครู่ไปเรื่อยๆ ให้มัน เข้าที่เข้าทาง “บลู ถามอะไรหน่อยสิ” “อืม” “มาอยู่กับเลได้ยังไง” “รู้จักกับพี่ชายน้าวิทย์” “ตั้งแต่เมื่อไร” “ตอนนั้น...อายุสิบเอ็ด” “แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ” ก่อนหน้านั้น... ผมเงียบ ใจล่องลอยไปในช่วงนั้น เห็นเด็กคนหนึ่งนั่งก่อกองทราย อยู่คนเดียว เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกอ้างว้าง เด็กคนนั้นตัวเล็กมาก เหมือน

56


ผมยืนมองดูจากทีไ่ กลๆ ไม่อยากจะก้าวขาเดินไปใกล้ ไม่อยากเห็นชัดมาก ไปกว่านี้ ผมยิ้มมุมปากเยาะเย้ยความขลาดของตัวเอง ก่อนจะตอบ “อย่ารู้เลย...” ผมไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ ป๊อปลุกขึ้นมาจ้องมองผม จ้อง ด้วยแววตาที่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่าก็ได้ และยกมือขึ้นแตะหน้าผม แผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาช้าๆ ...ผมหลับตา ทะเลกลับไปนอนที่ห้องตัวเองได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว การกระท�ำของผมมันก็คล้ายกับการเอ่ยปากไล่โดยไม่ได้ให้ทาง เลือกกับทะเลเลย แต่ผมเชื่อว่ามันจะดีส�ำหรับตัวทะเลเองจึงจงใจท�ำมัน แม้ว่าตัวผมเองจะรู้สึกเหงาและเจ็บปวดก็ตาม แน่นอนว่าทั้งน้าวิทย์และน้าเพลงสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่ทั้งคู่ ก็ได้แต่มองห่างๆ เพราะเราก็โตกันเกินกว่าทีพ่ วกเขาจะเข้ามาร่วมรับรูด้ ว้ ย เสียงเคาะห้องผมดังขึน้ สองสามครัง้ ผมนัง่ อ่านหนังสืออยูบ่ นเตียง ขานรับเป็นเชิงอนุญาต ทะเลแง้มประตูชา้ ๆ แล้วบอกว่าขอยืมหนังสือเพลง เล่มไหนสักเล่มที่ผมจ�ำไม่ได้แล้วว่ามีอยู่ “เข้ามาหาดูสิ ไม่รู้อยู่ไหน” ผมบอกแค่นั้นแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท�ำทีไม่สนใจ ทะเลหันหลังรือ้ หาอยูต่ รงชัน้ สักพัก ผมก็ละสายตาขึน้ ลอบมอง ผม ทะเลยาวกว่าปกติคงเพราะไม่ได้ตัดมาสักพัก ผมเส้นเล็กๆ ที่เมื่อยาวขึ้น มันก็ยิ่งน่าสัมผัส มันคงจะดีไม่น้อยถ้าได้กอบกุมผ่านง่ามนิ้วและดึงรั้ง... “หาไม่เจอ” ทะเลทิ้งตัวหน้ามุ่ยอยู่ตรงพื้น ผมตื่นจากภวังค์ความคิดตัวเองลุกขึ้นไปหาให้ หาจากชั้นบนไล่ลง มานั่งยองๆ หาที่ชั้นล่างก็ไม่เจอเหมือนกัน ผมถอนใจหันไปหาทะเลก็เจอ สายตาที่มองผมอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาตัดพ้ออย่างเคย ทะเลลุกขึ้นหลบสายตาเมื่อผมจ้องตอบแล้วเดินไปหยิบกีตาร์ตรง มุมห้องขึ้นมาเล่น ทะเลบรรเลงท�ำนองเพลงช้าๆ เพลงหนึ่ง มีผมนั่งฟังอยู่

57


อีกมุมของห้อง ระยะห่างมันมากพอที่จะให้ผมได้เฝ้ามอง ทะเลเล่นไป เรื่อยๆ และผมก็ยังไม่อยากให้หยุด “ท�ำไมพี่บลูชอบท�ำหน้าแบบนี้” “แบบไหน” “แบบที่ท�ำอยู่เนี่ย” “แล้วมันเป็นยังไง” “บอกไม่ถูก มันดูเหงาๆ” “ยังไงที่ดูเหงา” “ก็พี่บลูท�ำตาเศร้า” “ไม่ได้ท�ำสักหน่อย” “ท�ำ ไปส่องกระจกดู” “มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” “มันดูเศร้า...จนบางทีเลก็อยากร้องไห้” “ขนาดนั้นเลย” “แล้วพี่บลูเหงาไหม” “ไม่...” “พี่บลูมีเลอยู่เป็นเพื่อน เลจะอยู่กับพี่ไปตลอดให้พี่ไม่เหงา จะได้ เลิกท�ำตาแบบนี้สักที”

58

ตาแบบนี้... ใช่ทที่ ะเลก�ำลังท�ำอยูห่ รือเปล่า ท�ำไมมันถึงได้ดเู ศร้าจนผมอยากจะ ร้องไห้ ทะเลเหงาเหรอ เหงาใช่หรือเปล่า เพราะผมใช่ไหม ไม่อยากเห็น ทะเลเป็นแบบนี้เลยจริงๆ ผมลุกขึ้นไปแล้วนั่งลงข้างๆ ทะเลที่ยังคงเล่นกีตาร์อยู่ “เลท�ำอะไรผิดเหรอ” ทะเลถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าผม “เลไม่ได้ท�ำอะไรผิด” “แล้วท�ำไม”


“ท�ำไม อะไร” “ท�ำไม...” ทะเลน�้ำตาไหลลงมาเงียบๆ และหยุดเล่นกีตาร์ ผมดึงเอากีตาร์ออกจากตัวทะเลวางตรงที่เดิมของมันแล้วเขยิบเข้า ไปใกล้ๆ ทะเลมากขึ้น ผมไม่ชอบที่จะเห็นน�้ำตาที่มันไหลลงมาเพราะผม เป็นคนท�ำ หากผมจะพ่ายแพ้กับสิ่งใดแล้วก็คงจะเป็นน�้ำตาของทะเลเป็น สิ่งแรก “ท�ำไม...” ค�ำถามย�้ำอยู่อย่างนั้น ผมเข้าใจที่ทะเลถามหากแต่ไม่ อาจตอบ “อย่า...รู้เลย...” ผมก�ำมือแน่นอย่างห้ามใจ ใจที่ตอนนี้มันอยากจะกอดปลอบ...ในขณะเดียวกันถึงผมจะไม่ ชอบที่จะเห็นทะเลเสียใจแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตื่นเต้นเมื่อเห็นน�้ำตา “ไม่เข้าใจเลย เลต้องเป็นแบบนี้ทุกที...ฮึก...พอพี่บลูไม่สนใจ...มัน ทรมาน...” “......” “เลไม่รู้ก็ได้...แต่อย่าท�ำแบบนี้เลยนะ” ทะเลมองผมอย่างอ้อนวอน ผมพ่ายแพ้หมดรูปกับสายตานัน่ ท�ำไม ผมจะไม่รู้ว่าทะเลรู้สึกยังไงในเมื่อผมก็ทรมานไม่ต่างกัน ผมดึงทะเลมา กอด ทะเลก็กอดตอบผมแน่นเหมือนระบายความอึดอัดทัง้ หมด กอดแน่น... เหมือนกลัวผมจะผลักไส มือผมลูบผ่านผมนิ่มๆ ของทะเล คิดว่าสิ่งที่เลือกท�ำไป เลือกที่จะ ถอยห่างออกไปมันดีหรือร้ายกันแน่ ส�ำหรับตัวผมเองก็ยังบอกไม่ได้ ผม ควบคุมตัวเองล�ำบากจึงคิดไปว่ามันคงจะดี ส่วนสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้ส่งผมดีต่อใครทั้งนั้น ทั้งผมหรือทะเล ผมทรมาน ทะเลก็ทรมานเพราะความไม่รู้ ทะเลไม่ได้ผิดอะไร มี แต่ตวั ผมเองทัง้ นัน้ คิดแล้วก็ชา่ งเป็นการกระท�ำทีโ่ ง่เขลา หากมันเป็นเพราะ ความรู้สึกของผม ผมก็ต้องเป็นคนห้ามมันไว้ถึงจะถูก แม้มันจะยากขึ้น ทุกทีก็ตาม

59


การเก็บกดไม่แสดงความรู้สึกมันก็เป็นส่วนหนึ่งของตัว ผมเป็น หน้าที่ที่ผมต้องกระท�ำมันอยู่เสมอ หากจะต้องท�ำต่อไปก็คงจะไม่เป็นไร คงจะ...ไม่เป็นไร...ถ้าผมจะแค่คิด ผมโอบแขนกระชับอ้อมกอดทะเล สูดกลิน่ ไอคนตรงหน้า...แล้วจดจ�ำ เมื่อเราผละออกจากกันผมก็ยิ้มเพื่อให้ทะเลคลายกังวล แม้จะมีน�้ำตาอยู่แต่ทะเลก็ยิ้มตอบ ผมเช็ดน�้ำตาให้ก่อนจะลูบข้าง แก้มตรงลักยิ้มอยู่อย่างนั้น ใช่ มันยากขึ้นทุกที หากทะเลรู้ความคิดของผมตอนนี้ไม่แน่ว่าอาจหนีหายไปจากผม ตลอดชีวิต “คืนนี้นอนกับพี่บลูนะ” ผมพยักหน้า ฉุดทะเลขึ้นมานอนบนเตียง ด้วยกันแล้วเดินไปปิดไฟ เตียงเล็กๆ ส�ำหรับคนตัวใหญ่อย่างผมนอนคนเดียวก็เกือบเต็มแต่ ก็ไม่มีใครบ่นอะไรเมื่อต้องนอนเบียดกัน ทะเลความหามือผมในความมืด แล้วสอดประสานนิ้วทั้งห้าเข้ามาจากนั้นก็นิ่งไปคล้ายได้ที่ที่พอใจ ผมต้องข่มใจให้สงบในความเงียบ ต้องอดทนให้คุ้นชิน มันคงจะไม่ ยากเท่าไรเพราะจนถึงตอนนี้ผมยังสามารถนอนนิ่งอยู่ได้ก็นับว่าเป็นการ เริ่มต้นที่ดี น่าแปลกที่แม้ว่าจะมีความต้องการมากมายแค่ไหนผมก็สามารถ หลับลงได้ในคืนนี้ ผมอบอุ่นใจจนเคลิ้มหลับ ในความฝัน...ผมรับรู้สัมผัสที่ริมฝีปากแผ่วเบา

60

ช่วงใกล้สอบผมคงไม่ได้ขี่เจ็ทสกีบ่อยๆ วันนี้มีเวลาว่างผมเลยปัก หลักอยู่ที่หาดเล่นมันทั้งวัน มีทะเล ป๊อป ร็อค และเพื่อนที่มหา’ลัยผมอีก สองคนคือเคนกับตูนมาด้วย ผมจะมีเพื่อนมาหาที่นี่เป็นประจ�ำโดยที่พวก มันไม่ได้นัดคล้ายรู้ว่าผมคงจะอยู่ แต่หากผมไม่อยู่มันก็คงคิดซะว่ามานั่ง เล่นริมหาดไปแทน


เราอยูก่ นั เยอะก็ยอ่ มเฮฮาเป็นธรรมดา ทัง้ ร้องเพลง เล่นกีตาร์เสียง ดังจนเหมือนจะรบกวนคนรอบข้างให้หันมามองค้อนพวกเราบ่อยๆ เคน เป็นเพื่อนที่มหา’ลัยที่สนิทกับผมมากที่สุดเพราะความบ้าๆ บอๆ ของมัน คล้ายกับร็อคก็เลยเข้ากันได้ดี กับตูนผมก็คอ่ นข้างสนิทในระดับหนึง่ เพราะ เรามีค�ำครหาจากคนอื่นว่า ‘หยิ่ง’ เหมือนๆ กัน เพราะคณะของเราคือวิศวะไม่ใช่ดนตรี แม้วา่ จะอยูก่ ลุม่ เดียวกันกับ ตูนแต่ผมก็ไม่เคยได้ยินมันร้องเพลงมาก่อน มันน่าแปลกที่ว่าพอเด็กวิศวะ คนนีร้ อ้ งเพลงขึน้ มา ทัง้ ผม ป๊อป และร็อคถึงกับมองตากันโดยไม่ได้นดั หมาย เป็นการสื่อว่านี่คือคนที่พวกเราก�ำลังตามหา เสียงแหบๆ แต่ก็มีเสน่ห์เป็น เอกลักษณ์ท�ำให้ป๊อปเอ่ยปากชวนเข้าวงอย่างไม่รีรอ ตูนมองพวกผมงงๆ เหมือนไม่แน่ใจและไม่ทันได้ตั้งตัว เราเลยบอกว่าตูนว่าอย่าเพิ่งคิดมาก ไว้ วันว่างๆ ค่อยมาลองเทสดูก่อนก็ได้ เรานัง่ คุยกันเรือ่ งวงสักพัก ทะเลทีเ่ พิง่ เล่นเจ็ทสกีเสร็จก็เดินตัวเปียก มานั่งข้างๆ ผม ผมหยิบผ้าขนหนูของทะเลมาคลุมให้อย่างเคยชิน ทะเล ยิ้มและพูดคุยกับเพื่อนๆ ผมได้อย่างสนิทสนมด้วยนิสัยเข้ากับคนง่าย ผม นั่งมองรอยยิ้มที่มีลักยิ้มเล็กๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วถอนสายตาออกมา ก่อนจะสบสายตากับป๊อปจากฝั่งตรงข้ามที่มองการกระท�ำของผมอยู่ ใน สายตานิ่งๆ นั่นผมไม่รู้ว่าป๊อปคิดอะไร ป๊อปรู้ว่าผมคิดยังไงกับทะเล รู้...แต่คงไม่เข้าใจ ในสายตานิ่งๆ ที่จับจ้องผสมปนเประหว่างความสงสัยกับความไม่ พอใจ หรืออาจไม่ใช่ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ ผมเสมองไปทางอื่นอย่าง บ่ายเบี่ยงไม่อยากจะคิดอะไรมากจากแววตาคู่นั้น คืนนี้เราก็นัดกันในห้องเดิมๆ หลังจากแยกย้ายกันที่หาดเราก็มา เจอกันที่นี่ อะไรๆ ก็ดูเหมือนเดิมๆ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว ผมโหมกระหน�่ำบ้า คลั่งเพราะสัมผัสของทะเลที่ผมจดจ�ำมันแจ่มชัดในความรู้สึก การที่ได้ใกล้ ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม นอนเตียงเดียวกันทุกคืน ท�ำให้การกระท�ำครั้งนี้มัน

61


รุนแรงไม่แพ้ครั้งไหนๆ ทุกสิ่งที่เก็บกลั้นถาโถมเข้าไปที่ป๊อปอย่างไร้ความ ปรานี แรงจิกที่แผ่นหลังสร้างความเสียวซ่านจนไม่อาจผ่อนแรง ผมปล่อยเสียงครางออกมา และก่อนที่จะหลุดชื่อทะเลออกมาอีก ครั้งป๊อปก็คว้าคอผมไปจูบและขบกัดที่ริมฝีปากจนได้เลือด ผมผละออก จับสะโพกและกระแทกตัวเข้าลึก “บลู...มองกู” เสียงป๊อปเรียกผมจากจินตนาการ ผมยังคงไม่สนใจ และหลับตาอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกได้ถึงแรงตบที่ใบหน้า “ลืมตา มองกูสิ!” ผมลืมตามองป๊อปที่น�้ำตากบตา “อึก กูเจ็บ” “.......” “อย่าคิดถึงคนอื่นได้ไหม” “.......” “มองกูบ้าง” ขณะที่ป๊อปพร�่ำพูดผมยังคงไม่หยุดการกระท�ำ แต่สายตาจ้องมอง คนตรงหน้า “เรียกชื่อกูสิ” ผมก้มหน้าลงซบซอกคอ ป๊อปโอบกอดตัวผม เราแนบชิดกันจนแทบ ไม่มีช่องว่าง ช่วงเวลานี้ผมเลือกที่จะหลบตา “ป๊อป...” ผมเอ่ยเรียกตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ทะเล ทะเล ได้แต่เรียกชื่อนี้อยู่ในใจ “บลู...รัก...” ทะเล “อึก...บลู...กูรักมึง...”

62

ตลอดมา...ผมรู้ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน เป็นสัตว์สังคมที่ไม่อาจอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย


หากอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะมีความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ความเหงา’ เมื่อก่อนผมคิดแค่ว่าขอใครสักคน ใครก็ได้ที่เห็นผมมีตัวตน เพื่อที่ จะให้เขาก�ำจัดความเหงาที่ผมมี มาวันนี้...เมื่อมีคนๆ หนึ่งที่พร้อมจะรับทุกอย่างที่เป็นผม แต่ไม่ใช่ คนที่ผมต้องการผมถึงเข้าใจ... บางทีความรู้สึกเหงาก็ไม่ได้เกิดจากการไม่มีใคร เพียงแค่คนๆ นั้นไม่ใช่...จิตใจผมก็ยังคงว่างเปล่าและโดดเดี่ยว อย่างที่เคย

63


-7Love Will Come Through

ผม

ควงไม้กลองเล่นอยู่ในห้องซ้อม วันนี้ไม่มีใครว่างแต่ผม ก็ยังมาเพราะอยากอยู่คนเดียว

ช่วงนี้ดูอะไรๆ ก็ดูขวางหูขวางตาไปหมด ผมก�ำลังท�ำตัวไม่ถูกกับ เพื่อน ก�ำลังสับสน และความรู้สึกอีกหลายอย่างที่ประดังประเดเข้ามา “บลู...กูรักมึง” ค�ำๆ นี้มันก็ยังดังก้องอยู่ในหัว ผมพยายามไม่สนใจ ท�ำตัวเหมือน กับว่าไม่ได้ยินที่ป๊อปพูดแต่ความสับสนในแววตาผมคงบ่งบอกชัดว่ารับรู้ มันชัดเจน รัก...ผมไม่คิดว่าจะได้ยินค�ำนี้และไม่เคยมีใครพูดกับผมมาก่อน ผมไม่เข้าใจตัวเองว่าก�ำลังรู้สึกยังไง ผมได้ความรักที่ผมเคยโหยหา ท�ำไมผมไม่รู้สึกดีใจ แต่กลับหนักใจ ทันทีที่ป๊อปพูดค�ำนั้น ก็เหมือนผมได้ก้าวผ่านเส้นบางๆ ที่ไม่ควรจะข้าม มาเสียแล้ว

64


มันท�ำให้ผมอึดอัด มันไม่ใช่แค่ความต้องการของร่างกายอีกต่อไป แต่มีส่วนของความ รูส้ กึ มาเกีย่ วข้อง ผมได้คำ� ตอบของน�ำ้ ตานัน้ แล้ว มันไม่ได้มาจากความเจ็บ ปวดทางร่ายกายอย่างทีผ่ มบอกตัวเอง และผมคิดว่าผมควรจะหยุดก่อนจะ ท�ำร้ายเพื่อนไปมากกว่านี้ ‘คืนนี้ที่เดิมนะ’ ผมมองข้อความในโทรศัพท์นงิ่ แล้วถอนหายใจ ยังไม่พร้อมทีจ่ ะเจอ ‘วันนีไ้ ม่วา่ ง ไว้วนั หลังค่อยเจอกัน’ ผมตอบไปแบบนัน้ เก็บโทรศัพท์ เข้ากระเป๋า ออกจากห้องซ้อมแล้วตรงกลับบ้าน “พี่บลู!” ผมอาบน�้ำออกมาก็เห็นทะเลมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว “เดือนหน้ามีงานโรงเรียน พี่บลูไปดูวงเลเล่นดนตรีนะ” ทะเลยิ้ม บอก ดูก็รู้ว่าตื่นเต้น “ดูก่อน” “ดูอะไรล่ะ” “ไม่รู้ ดูก่อน” “ยังไงก็ต้องไปนะ” “ถ้าพี่มีเรียนล่ะ” “ก็โดดสิ ยากอะไร” ผมฟังยิ้มๆ ไม่รับปาก แล้วทิ้งตัวลงนอนตัก หลับตาให้ทะเลลูบ ผมเล่น ลูบไปลูบมาก็มากดที่หว่างคิ้วผม “เป็นอะไรรึเปล่า ท�ำไมช่วงนี้ดูเครียดๆ” “เปล่านี่” “แต่หน้าพี่มันบอกนะ” “คิดมากน่า” ทะเลไม่ได้ว่าอะไรต่อ ผมจับมือที่กดหว่างคิ้วมาไว้ตรงอก อยากจะ หลับไปทั้งอย่างนี้

65


กับคนๆ นี้ท�ำไมถึงมีผลต่อจิตใจผมนัก ทะเลจะรู้รึเปล่า มือที่ผม จับมาไว้ตรงอกจะรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่แรงผิดปกติไหม ทะเลเป็น คนเดี ยวที่ ผ มอยากกระท� ำ รุ น แรงอย่ า งถึ ง ที่ สุ ด และอยากจะอ่ อ นโยน ทะนุถนอมอย่างถึงที่สุดเช่นเดียวกัน ทั้งไม่อยากจะให้ใครมายุ่ง เป็นคนที่ ผมคิดว่าหากเสียไปโลกของผมก็คงกลับมามืดมิดอีกครั้ง ใช่ ผมต้องรักษาไว้ ห้ามท�ำร้ายเด็ดขาด “พี่บลู...” “อืม...” ทะเลเรียกผมเบาๆ ผมก็ครางในล�ำคอตอบ แต่เห็นทะเล เงียบไปเลยต้องลืมตามอง “เรียกท�ำไม” “เปล่า...เมื่อยขาแล้ว นอนกันเหอะ” ทะเลตอบแบบไม่สบตา ผมลุกขึ้นไปปิดไฟ คืนนั้นเราก็หลับกันไปทั้งๆ ที่มือประสานกัน อย่างเคย

66

เสียงร้องของตูนท�ำให้ผมล่องลอยได้ชั่วขณะ ผมบอกได้เลยว่ามันมีจิตวิญญาณอยู่ในนั้น แต่เจ้าตัวอาจไม่รู้ หลัง จากเลิกเรียนวันนี้ผมก็ชวนตูนมาห้องซ้อมพร้อมๆ กัน มันบอกว่าไม่เคย ร้องจริงจังมาก่อนเลยออกจะกังวลทีต่ อ้ งมาร้องกับวง ยิง่ มันเป็นคนเงียบๆ ด้วยแล้วเลยไม่คิดว่าจะเอนเตอร์เทนใครได้ มันก็อาจจะจริงอย่างที่เจ้าตัว บอก...คนอย่างไอ้ตูนเหมาะกับค�ำว่าหยิ่งของแท้ ทั้งการปรายตามองคนอื่น หน้าเชิด เวลาพูดด้วยบางทีมันก็ไม่ตอบถ้ามันไม่อยากพูด ถึงอย่างนั้นคน ก็ยังชอบเข้าหามันและแกล้งให้มันหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ พอมันร้องไปเพลงหนึ่งเราก็เหมือนติดลม อยากฟังมันร้องอีกเลย เล่นให้มันร้องต่ออีกสองสามเพลง ในใจแต่ละคนคงคิดไปต่างๆ นานาว่า ต้องให้มันเข้าวงให้ได้ แม้แต่ละเพลงที่มันร้องจะไม่ได้เหมือนต้นฉบับแต่ก็ เพราะในแบบของมัน...แบบที่เราต้องการ “น้องตูนมาอยู่วงเราเถอะ” ไอ้ร็อคที่ไม่ได้มีศิลปะในการชักชวนก็ เอ่ยเอาดื้อๆ ผมแอบยิ้มอย่างที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น


“อย่าเรียกว่าน้องตูน” “ก็น้องชื่อตูนไม่ใช่เหรอครับ” “ก็เรียกตูนเฉยๆ สิ” “ก็เรียกน้องตูนแล้วดูน่ารักเหมาะกับหน้า...” “บลู กูไปนะ” “เฮ้ย ล้อเล่น! เรียกตูนเฉยๆ ก็ได้ แค่นี้ท�ำงอน” ตูนปรายตามอง นิ่งๆ อย่างที่มันชอบท�ำ ผมรู้ว่ามันเริ่มจะหงุดหงิดมากเลยรีบพูด “เคยไปดูที่ร้านรึยัง” ผมถาม มันก็ส่ายหน้า “งั้นวันนี้ไปดูไหมละ จะได้รู้ว่าเป็นไง” “ก็ได้ แต่มึงต้องไปส่งกูที่หอนะ” ผมพยักหน้าทีหนึ่งเป็นเชิงว่าโอเค พอตกลงกันได้เราก็ไปหาอะไรกินกันแล้วค่อยไปที่ร้าน ไอ้ร็อคดูคึกแปลกๆ จากปกติ มันชอบกวนตีนตูนอยู่เรื่อยจนตูน แทบไม่อยากจะมองหน้า ผมว่าถ้าตูนมันจะไม่เข้าวงเราก็เพราะไอ้ร็อคมัน นี่แหละ “มึงอย่าไปกวนตีนไอ้ตนู มันมากสิวะ” ผมบอกไอ้รอ็ ค เรานัง่ สูบบุหรี่ หน้าร้านกันสองคนเลยได้โอกาสเตือนมัน “ก็มันน่าแกล้ง” “ห่า คิดอะไรกับเพื่อนกู” ไอ้ร็อคมันยิ้มกวนตีน “ไม่รู้ รู้แต่มันน่ารัก” “คนคิดอย่างมึงเยอะแยะ” “จริงเหรอวะ” “ไม่จริงมั้ง มึงดูหน้ามันเอาเองแล้วกัน” “กูไม่กวนตีนก็ได้ มึงก็ช่วยพูดให้มันอยู่วงเราให้ได้ละกัน” ผมยิ้มมุมปากกวนตีนยังไม่ตอบมัน บุหรีห่ มดมวนแต่เราก็ยงั นัง่ อยูห่ น้าร้าน ข้างในยังวุน่ วายเตรียมร้าน กันอยู่เราเลยยังนั่งตรงนี้ ต่างคนต่างใจลอย เงียบกันอยู่นาน เห็นร็อคมี ท่าทีกังวลใจอะไรสักอย่างดูจากสีหน้า ผมเลยตัดสินใจถาม “มีเรื่องอะไรรึเปล่า”

67


68

ร็อคจ้องหน้าผมนิง่ เหมือนคิดอะไรบางอย่าง “กู...รูเ้ รือ่ งมึงกับป๊อป...” ผมไม่ตกใจที่มันบอก ใจจริงก็ไม่อยากปิดบังอะไร แต่เรื่องแบบนี้ มันพูดล�ำบากทั้งยังยากเข้าใจ “ตั้งแต่เมื่อไร” “วันนั้นที่มึงมานอนบ้านกู” ตั้งแต่ครั้งแรก...แต่ร็อคก็ท�ำเหมือนกับ ว่าไม่ได้รู้อะไร “ป๊อปไม่รวู้ า่ กูรหู้ รอก มันไม่เคยพูด แต่มนั หายไปบ่อยๆ กูกเ็ ดาได้” “โกรธกูรึเปล่า” “โกรธท�ำไมวะ เรื่องของมึงสองคน” “..........” “แต่ใช่ว่ากูจะไม่ห่วง กูรู้ว่าป๊อปชอบมึง...มาก” “........” “หลังๆ มาเห็นมันเครียด บางทีก็ร้องไห้ มันเป็นพวกอ่อนไหวง่าย มึงก็รู้ กูไม่อยากยุ่งแต่ก็ห่วงมัน” “กูก�ำลังสับสน อยากจะให้มันจบ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง” “มึงเลยหลบหน้ามัน” ผมเงียบไม่ตอบรับอะไรทั้งที่มันคือความจริง “กูผิดเองที่เป็นคนเริ่มทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับป๊อป” “งั้นมึงก็ควรจะบอกไปให้มันท�ำใจ ปล่อยค้างคาแบบนี้กูสงสารพี่กู” ถึงผมจะบอกว่าอยากให้จบแต่มันก็ยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถ ละทิ้งได้โดยสิ้นเชิง ผมก�ำลังเห็นแก่ตัว เห็นเพื่อนเป็นที่ระบาย ป๊อปรับผม ได้ทุกอย่างจนผมไม่อาจปล่อยไปอย่างง่ายดาย ใช่ ผมไม่ใช่คนดี...ไม่ใช่...จนเข้าใกล้ค�ำว่าเลวเต็มที “พี่บลู” ทะเลลงจากมอเตอร์ไซค์ของก้านเรียกผมให้ตื่นจากความ คิด ก้านจอดมอเตอร์ไซค์แล้วก็เดิมตามทะเลเข้ามาหาพวกเรา คืนนี้วงเราขึ้นเล่นค่อนข้างช้าก็เลยนั่งดื่มกันอยู่หน้าร้าน พอทุกคน ในวงมารวมตัวกันป๊อปก็แนะน�ำแจ๊สให้รู้จักกับตูนอีกทีแล้วบอกว่าจะมา แทน สองคนนี้เคยเจอกันบ้างที่มหา’ลัยแต่ก็ไม่เคยคุยกันสักครั้ง แจ๊สก็ดู


โอเคที่ได้คนแทนที่ถูกใจพี่ๆ สักที ความจริงแจ๊สก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของ วงเรากลายๆ เพราะความที่ดูแรงและมีเอกลักษณ์ ท�ำให้ดูเหมาะกับวง แบบนี้ เราเลยคิดกันว่าถ้าได้ตูนมาจะให้แจ๊สมาร้องแจมๆ ไปก่อนช่วงแรก ถ้าเปลีย่ นคนไปเลยอาจไม่ชนิ กันทัง้ ตัวคนดูและตัวนักร้องใหม่ น่าจะปล่อย ให้ปรับตัวกันไปก่อน จนถึงที่สุดแล้วคงทั้งบรรยากาศร้าน คนดู และเพลงที่เล่นท�ำให้ตูน ตัดสินใจตอบตกลงเป็นนักร้องน�ำของวงเรา หลังจากเราเล่นเสร็จ กว่าจะ ตกลงให้ใครไปส่งตูนได้ก็เถียงกันอยู่พักใหญ่ เพราะทะเลมาด้วยก็ต้องกลับบ้านพร้อมผมอยู่แล้ว แต่ไอ้ตูนทวง สัญญาที่ผมบอกว่าจะเป็นคนไปส่งมัน ผมเลยบอกให้ทะเลรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวกลับมารับอีกที ก้านก็เสนอตัวขึ้นมาบอกเดี๋ยวไปส่งทะเลเองแต่ผมก็ บอกปัด ไอ้รอ็ คยืนฟังอยูก่ อ็ าสาไปส่งตูนให้ผมจะได้ไม่ตอ้ งล�ำบากไปๆ มาๆ ตอนแรกตูนก็ดื้อไม่ยอมไปยืนนิ่งไม่พูดไม่จา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะ พวกเรายืนกดดัน ดูจากสายตาที่ตูนมองร็อค ผมคิดว่าถ้าหากไม่มีป๊อป กับแจ๊สนั่งไปด้วยไอ้ตูนคงไม่ยอมให้ไปส่งมันอย่างแน่นอน ผมมองข้างตัวเหลือแค่ผม ทะเล...และก้าน ตอนนี้ผมอารมณ์กรุ่นๆ ไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ห้ามอารมณ์แบบนี้ ไม่เคยได้ แต่จะไม่ให้ผมหงุดหงิดได้ยังไง ตลอดเวลาที่ผมเล่นอยู่แน่นอนว่าสายตาผมแทบไม่ได้มองที่อ่ืน ทะเลอยู่ในสายตาผมตลอดแม้กระทั่งตอนที่ก้านจับมือทะเลดึงไปห้องน�้ำ ด้วยกัน ตอนกลับมาจากห้องน�้ำก็ยืนซ้อนหลังทะเลคอยกันแขนอยู่ข้างตัว คล้ายจะปกป้อง หรือในอีกแง่ก็เหมือนการแสดงความเป็นเจ้าของ ท�ำไม ทะเลถึงใกล้ชิดกับก้านจนเหมือนเป็นเรื่องเคยชินแบบนั้น ยิ้มนั่นอีก มัน ท�ำให้ผมนึกหวั่น...กลัวว่าวันใดวันหนึ่ง...ทะเลจะรู้สึกแบบเดียวกับก้าน เวลาที่ก้านเหลือบมาเห็นผมมองอยู่ก็ยิ้มให้ราวกับจะเยาะเย้ยกัน ยิ้ม...เหมือนรู้ว่าผมหวั่นใจ

69


ยิง่ เห็นผมโกรธก้านก็คงจะพอใจ เมือ่ รูแ้ บบนัน้ แล้วผมก็ได้แต่ทำ� ตัว ปกติด้วยใบหน้านิ่งเฉย “กลับดีๆ” ทะเลบอกลาก่อนที่ก้านจะกลับบ้านมันไปได้สักที ผมจับมือของทะเลแล้วจูงมาที่มอเตอร์ไซค์ ทะเลสอดประสานนิ้ว เข้ากับมือผม ทะเลชอบท�ำแบบนีบ้ อ่ ยๆ ระยะหลังมานีแ้ ละผมก็ชอบเพราะ มันให้ทั้งความอบอุ่นและเป็นดูเป็นการกระท�ำที่พิเศษกว่าใคร หวังว่ากับก้านคงไม่เคยท�ำแบบนี้ ผมคิด และนั่นท�ำให้ความหงุดหงิดที่มีมาตลอดลดลงจนแทบไม่ เหลือ

70

‘ออกมาเจอกันหน่อย ที่เดิม จะรอ’ พอกลับถึงบ้านก็เปิดดูข้อความที่ถูกส่งมา ป๊อปส่งมาทุกวัน ผมก็ ตอบปฏิเสธไปทุกวัน แต่คำ� พูดของร็อคทีค่ ยุ กันท�ำให้ผมตัดสินใจจะไปเจอ ป๊อปวันนี้ ยังไงก็คงต้องคุย ทะเลอาบน�้ำเรียบร้อยเข้ามาในห้อง เส้นผมเปียกน�้ำหมาดๆ ท�ำให้ ผมเรียกทะเลมานั่งบนเตียงแล้วเช็ดผมให้ ผมนั่งซ้อนหลัง เช็ดไปสายตาก็ จดจ้องอยู่ที่ต้นคอ ลมหายใจติดขัดขึ้นมาเมื่อจิตนาการว่าถ้าได้ขบกัดลง ไป...จะได้ยินเสียงร้องแบบไหนกัน... อีกแล้ว...เผลออีกแล้ว “แห้งแล้ว” ผมบอกแล้วลุกจากเตียง หยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจ “ไปไหนอะ” ทะเลถามมองผมงงๆ “ไปเอาของ ลืมไว้ในรถไอ้ร็อค” “รีบใช้เหรอ” “อืม คงกลับช้า เลไปนอนห้องเลก็ได้” “ไม่เอา ขอนอนนี่นะ รอพี่บลูกลับมา” ผมยิ้มให้เป็นค�ำตอบแล้วออกมา ผมยืนอยู่หน้าห้องมองแสงไฟในห้องที่ลอดใต้ประตู ป๊อปคงจะมาร ออยู่นานแล้ว ผมยังไม่เปิดประตูเข้าไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกับป๊อปยังไง


แต่เหมือนป๊อปจะเห็นเงาเท้าผมที่ยืนอยู่หน้าห้องเลยเปิดประตู ออกมา เรายืนจ้องกันนิ่ง แม้จะเจอกันช่วงซ้อมหรือเล่นด้วยกันที่ร้านเราก็ ไม่ได้คุยอะไรกันสักค�ำ ผมพยายามหลบสายตาที่ป๊อปมองมาตลอดเวลา คราวนี้เมื่อผมจ้องมองเต็มตาก็เข้าใจแล้วว่าท�ำไมร็อคถึงห่วงพี่มันนัก สายตาป๊อปมันดูเศร้า เหมือนร้องไห้อยู่ข้างใน ผมดันป๊อปเข้าห้องและปิดประตู เรายังคงจ้องกัน ผมยกมือขึ้นลูบ หน้าป๊อปเบาๆ หวังอยากให้คลายความเศร้าลง หากทัง้ หมดมันเป็นเพราะ ผม ผมก็อยากท�ำให้มันหายไป “กูไม่น่าพูดออกมา...” ป๊อปพูดเสียงสั่น “ท�ำเป็นไปได้ยินได้ไหม... แล้วกลับมาเป็นเหมือนเดิม” “....มัน...คงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้” เมื่อผมพูดป๊อปก็โผเข้ากอดผมแน่น “จะไม่พูดแล้ว ไม่อยากได้ยิน ก็จะไม่พูดอีก จะนึกถึงใคร พูดชื่อใครก็ได้ ขอแค่มาเจอกันเหมือนเดิม” เสียงสะอืน้ ดังตามมาหลังจากพูดจบ ผมกอดตอบแล้วลูบหลัง ป๊อป ก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้น “กู...ไม่อยากท�ำมึงเจ็บ” “ตอนนี้กูก็เจ็บ” น�้ำตาที่หยดลงบนไหล่ผมรับรู้ค�ำพูดนั้นของป๊อป เป็นอย่างดีจนผมไม่อาจพูดอะไรได้อีก “บลู...คบกับกูเถอะ ไม่ต้องรักก็ได้ กูจะไม่เรียกร้องอะไร แค่ให้กู เป็นตัวแทนของคนที่มึงต้องการ...เหมือนเดิม...นะ” ป๊อปละจากอ้อมกอด แล้วจูบผมเบาๆ แววตาร้องขอแวววาวด้วยน�้ำตา ความคิดของผมตีพันกัน ถ้าท�ำแบบนั้นป๊อปจะมีความสุขจริงหรือ เปล่า ยอมที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้ ยอมที่จะให้ผมนึกถึงคนอื่น ผมรู้ทั้ง รู้ว่าท�ำแบบนั้นมันผิด ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับป๊อป อยากจะจบ ความสัมพันธ์ที่ก�้ำกึ่งเกินเพื่อน แต่ลึกๆ ในใจผมจริงๆ แล้วก็ไม่อาจตัดใจ ละทิ้งได้ ผมคิดถึงทะเล และก็คิดว่าคงไม่สามารถท�ำอย่างที่ใจต้องการได้ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมจะปกป้องทะเลจนกว่าจะได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่กับ

71


ผม คนที่ข้างในไม่ได้ใสสะอาด จิตใจที่แหว่งวิ่นแหลกเหลวจากตอนเด็ก เป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นแบบนั้น มันแหลกละเอียดเกินไปจนไม่อาจหลอม รวมให้เป็นปกติ ยังไงก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากว่าเป็นป๊อปที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ คนที่เห็น ผมส�ำคัญ คนที่ยอมนอนกับผมโดยไม่ได้ถอยห่างความร้ายกาจที่ผมกระท�ำ ซ�้ำยัง พยายามท�ำให้ผมมีความสุขในทุกๆ ครั้ง ในความรู้สึกผมก็ไม่อยากปล่อย ไปจริงๆ ผมสงสัย ในอนาคตผมจะรักเขาได้ไหม มันคงต้องใช้เวลากว่าจะได้ค�ำตอบนั้น ผมจูบป๊อปแล้วกระซิบติดริมฝีปาก “ก็ได้” น�้ำตาหยดลงมาจากตาคู่นั้นอีกครั้งแต่แววตาไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่ เคย มันไหวระริกคล้ายดีใจ ผมกระชากเข้ามาบดจูบแล้วผลักลงบนเตียง ความรุนแรงทีไ่ ม่เคยลดลงกลับมีแต่จะเพิม่ ขึน้ ร่องรอยขบกัดขึน้ สีจนทัว่ ตัว และเสียงร้องปานขาดใจท�ำให้รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน ยิง่ รูว้ า่ เจ็บแต่ปอ๊ ปก็ไม่ได้ขดั ขืนใดๆ ผมก็ยงิ่ ได้ใจ ทัง้ คิดถึงและเรียก ชื่อคนที่ต้องการออกมา ป๊อปเป็นคนเลือกเอง ผมไม่ผิด มันเป็นข้ออ้างที่ผมใช้ แทนที่จะปล่อยมือ ผมกลับกระชากป๊อปลง มาเจ็บปวดด้วยกัน คนบางคนรู้ว่าจะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังไม่ตัดใจ...จนถึงที่สุดกว่าจะ รู้ตัวก็ปางตาย ผมกับป๊อป เราก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อทุกอย่างสิ้นสุด ทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน ป๊อปหลับไปโดยที่ยัง กอดเอวผมอยู่ เนิ่นนานจนแน่ใจว่าหลับสนิทแล้วผมก็ยกแขนป๊อปขึ้น พา ตัวเองออกมาและตรงกลับบ้าน

72


มีคนรอผมอยู่ ผมเข้าไปในห้องตัวเองที่ยังไม่ได้ปิดไฟ ทะเลนอนนิ่งหลับไปแล้ว ผมอาบน�้ำก่อนที่จะปิดไฟแล้วค่อยๆ ก้าวขึ้นเตียงไม่อยากให้ทะเลตื่น “กลับมาแล้วเหรอ” ทะเลที่รู้สึกตัวจากน�้ำหนักผมที่นอนลงข้างๆ ถามเบาๆ อย่างงัวเงีย “อืม นอนเถอะ” ผมบอก กอดทะเลจากด้านหลังแล้วซบหน้าลง แถวๆ ต้นคอ ทะเลเกร็งตัวจนรู้สึกได้ ผมเลยชักมือออกแต่ทะเลก็เอื้อมคว้ามือ ผมไปกระชับรอบเอวเหมือนเดิม ความอ่อนโยนของทะเลและสัมผัสของร่างกายตอนนี้ให้ความรู้สึก เต็มตื้น แค่นี้ก็พอแล้ว ผมมีคนสนองความรู้สึกทางจิตใจคนหนึ่ง มีคนสนองความต้องการทางร่างกายอีกคนหนึ่ง ทั้งสองไม่อาจรวมเป็นหนึ่ง สิ่งที่ผมก�ำลังท�ำอยู่...มันเป็นการกระท�ำของคนเลวใช่หรือเปล่า

73


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.