เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองหยุดเต้น เด็กอย่างผม... ได้แต่คิดว่าถ้าท�ำอะไรได้มากกว่านี้อีกสักนิดก็คงจะดี มันเจ็บปวด รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เอาไหน ผมอยากจะลุกขึ้นยืนได้เต็มเท้าทั้งสองข้างของตัวเองบ้าง ความคิดในตอนนั้น มันคือจุดเริ่มต้นที่ท�ำให้ผมมาเป็นหมอ
Prologue
“เป็นอย่างไรบ้างครับ” เสียงทุม้ ดังขึน้ พร้อมกับร่างกายทีท่ ะยานไปด้านหน้า ด้วยความเร็วทีส่ งู อาจเพราะริมฝีปากหยักได้รูปซึ่งตัดกับผิวขาวเฉกเช่นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ ร่มตลอดเวลา เพราะโครงสร้างที่เหลี่ยมสันได้สัดส่วนและใบหน้าซึ่งดูเอิบอาบไป ด้วยรอยยิ้มทั้งที่มิได้คลี่แย้มใดๆ อาจเพราะเสียงทุ้มสุภาพที่เอ่ยขึ้นซ�้ำซากเหมือน ไม่รู้หน่ายเพื่อขอความร่วมมือจากฝูงชนในบริเวณนั้น หรืออาจเป็นเพราะแววตา ที่มุ่งมั่นเรืองรองแม้อยู่ภายใต้กรอบกระจกใส ดวงตาที่ฉายแสงแรงกล้าไม่ต่างกับ ดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าบนฟ้าสีคราม ร่างสูงก�ำย�ำของตุลธรจึงดูโดดเด่นสะดุดตา กว่าใครๆ ในฝูงชนที่อึงอลอยู่บริเวณนั้น “ความดันเลือด 80/20 อัตราหายใจ 22 ครับ” เขาพยักหน้ารับรู้เมื่อ ได้ยินเสียงตอบจากเจ้าหน้าที่ มือกว้างกระชับกระเป๋าสะพายที่เต็มไปด้วยเครื่อง มือจนมัน่ เขาหันไปสบตากับพยาบาลผู้ช่วยที่วิ่งตามมาจนกระชั้นก่อนจะแทรกตัว เข้าไปยังร่างของเด็กหนุ่มที่ติดอยู่กับเครื่องจักรขนาดใหญ่ คุณหมอหนุ่มชะงักไปกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ฝ่าเท้าของเขาก�ำลังเหยียบ ลงบนกองเลือดขนาดใหญ่ สีแดงหม่นและส่งกลิ่นคาวคลุ้งกระจายอยู่ทุกหนแห่ง -5-
paper moon
ทีอ่ ยูต่ รงหน้าเขาในขณะนีค้ อื ร่างของเด็กหนุม่ ทีร่ วยรินลมหายใจ แขนขวาถูกลูกกลิง้ ขนาดยักษ์ของเครื่องจักรบดจนละเอียด แม้มองด้วยตาก็พอรู้ได้ว่ากระดูกแขน ข้างนั้นคงแหลกละเอียดเป็นผงไปเสียแล้ว ยามนั้นเจ้าของดวงตาที่มุ่งมั่นไม่ปล่อย เวลาให้ผ่านไปแม้เสี้ยววินาที เขารีบตรวจสอบปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย เด็กหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว “คนไข้ก�ำลังช็อก สอดท่อเข้าเส้นเลือดด�ำด้วยครับ” ร่างสูงสง่าหันมาบอก กับพยาบาลผู้ช่วย หญิงสาวร่างเล็กในชุดสีขาวที่ดูเหมือนมีประสบการณ์มานาน ตอบรับค�ำสั่งนั้นอย่างคล่องแคล่ว หมอหนุ่มไล่สายตาสลับที่แขนข้างที่ติดกับ เครือ่ งจักรและส่วนอืน่ ๆ ขณะทีส่ องมือก็ทำ� หน้าทีต่ รวจสอบบาดแผลต่างๆ บริเวณ ร่างกายไปพร้อมกัน “แขนขวาถูกลูกกลิ้งดึงเข้าไปลึกจนถึงต้นแขน ดูเหมือนว่าบริเวณอกจะได้ รับความเสียหาย” เขาหยุดพิจารณาสภาพบาดแผลชั่วครู่ “เกิดเหตุมานานแค่ไหน แล้วครับ” “ประมาณหนึ่งชั่วโมงครับหมอ” ใครสักคนในบริเวณนั้นส่งเสียงตอบมา “คนไข้ชื่ออะไรครับ” ดูเหมือนท่าทีของชายหนุ่มยังคงนิ่งสงบแม้ในสถานการณ์ เช่นนี้ “ดอนครับ...ชื่อดอน” อีกฝ่ายละล�่ำละลักตอบ “คุณดอนได้ยินเสียงผมไหมครับ ผม...นายแพทย์ตุลธร จะเป็นคนดูแลคุณ ครับ อดทนหน่อยนะครับ หมอจะพยายามช่วยคุณเต็มที่ ตอนนี้หมอจะเริ่มท�ำการ เช็กการหายใจของคุณนะครับ” เขารัดต้นแขนของเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยยาง ก่อนที่ จะแทงเข็มเจาะเลือดเข้าเส้นชีพจรแล้วปลดรัดต้นแขนออก รวดเร็วมาก เร็วจนทุกคนไม่ทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ขั้นตอนทั้งหมดใช้ เวลาเพียงพริบตา มือกว้างนัน้ นิง่ แม่นย�ำ มัน่ คง และคล่องแคล่วจนแม้แต่พยาบาล ผูช้ ว่ ยทีม่ ปี ระสบการณ์มานานมองด้วยความตกตะลึง “หายใจอ่อนมาก” ดวงตาของตุลธรจ้องมองที่ร่างรวยรินนั้นอย่างสงบ ทุก อย่างรอบตัวกลืนเข้าสู่ความเงียบจนสงัด เงียบจนเขาได้ยินเสียงของเข็มนาฬิกา เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งทุกสรรพเสียงของการเคลื่อนไหว และในความสงบเงียบ นั้นเองที่สมองของเขาก�ำลังวิเคราะห์บางสิ่งบางอย่าง เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง เสี้ยววินาทีก่อนที่เสียงทุ้มนั้นจะหยุดลมหายใจของทุกคนในบริเวณนั้น -6-
Lucea
“...ต้องตัดแขน” ทุกสิ่งชะงักค้างทันทีที่ความสั่นสะเทือนในอากาศยุติลง ทุกคนที่รายรอบ บริเวณนั้น...ทุกคนแม้แต่พยาบาลผู้ช่วย เกิดเสียงเซ็งแซ่ข้ึนมาในพริบตาพร้อมกับชายร่างเล็กคนหนึ่งที่ทรุดเข่าลง หลังที่คุ้มนั้นดูจะโค้งลงหมอบแนบพื้น “หมอ...ลูกชายผมมันเพิ่งอายุสิบเจ็ดเองนะ มันก�ำลังเข้ามหาวิทยาลัยเลยนะหมอ นัน่ ...นัน่ มันแขนขวานะ แขนคนนะหมอ แล้ว ชีวติ มันนับจากนีไ้ อ้ดอนมันจะอยูย่ งั ไง ได้โปรดเถอะ หมอไม่มที างอืน่ เลยแล้วหรือ อย่าให้ลกู ชายผมมันต้องกลายเป็นคนพิการเลย ได้โปรดเถอะ สงสารมันเถอะ” “ตอนนีห้ มอจะต้องพาคนเจ็บให้ผา่ นตรงนีไ้ ปให้ได้กอ่ น ถ้าใช้เวลานานมาก ไป หัวใจของเขาจะหยุดเต้นจากการเสียเลือด” เขาเงียบไปชั่วขณะ “ซึ่งจะไม่มีวันพรุ่งนี้ส�ำหรับดอนครับ อาจไม่มีแม้กระทั่งชั่วโมงต่อไป” เจ้าของดวงตาสีเทาสั่นไหวในความเงียบ หากแต่ดวงตาอีกคู่หนึ่งนั้นกลับ โชนแสงด้วยความมุ่งมั่น “คุณพ่อครับ นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ” ความมุง่ มัน่ นัน้ แฝงอยูใ่ นในน�ำ้ เสียงเช่นกัน อาการฟูมฟายของชายวัยกลาง คนดูเหมือนจะสงบลงทันใด หมอหนุม่ หันกลับไปสบตาพยาบาลผูช้ ว่ ยทีด่ จู ะยังอึง้ ไม่หาย หากแต่วา่ ผูเ้ ป็นหมอยังคงมัน่ คง ในทีส่ ดุ หญิงสาวก็พยักหน้าส่งสัญญาณว่า ตัง้ สติพร้อมในวินาทีตอ่ มา เช่นนัน้ ตุลธรจึงหันกลับมาทีร่ า่ งเด็กหนุม่ ทันที “หมอจะท�ำการตัดแขนคุณนะครับ ถ้าปล่อยเอาไว้นาน ร่างกายคุณจะอาจ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและหัวใจอาจหยุดเต้นเพราะเสียเลือดจ�ำนวนมาก หมอไม่มี ทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องท�ำการตัดแขนขวาของคุณ” เขาเงียบ จากนั้นก็เริ่มพูดอีกครั้ง “คุณดอนครับ คุณยินยอมหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นนิ่งไป...และวินาทีต่อมาก็พยักหน้ารับ บนใบหน้าที่ละม้าย คล้ายกับชายวัยกลางคนที่หมอบอยู่กับพื้น ตุลธรมองเห็นหยดน�้ำใสๆ ที่ไหลผ่าน แก้มลงมาถึงเครื่องช่วยหายใจ แผ่นอกนั้นยวบลงเหมือนคนที่ตายไปแล้ว แต่เขาก็ สงบพอที่จะไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า -7-
paper moon
“ขอยาระงับประสาทด้วยครับ” เสียงทุ้มนั้นดูเฉียบขาดและทรงพลัง “ค่ะ” “ให้ยาแบบไอวีดริปi” พยาบาลผู้ช่วยคนนั้นรับค�ำด้วยน�้ำเสียงที่หนักแน่น จากนัน้ ก็เริม่ ฉีกถุงหลอดฉีดยาแล้วด�ำเนินการตามค�ำสัง่ ตุลธรหันกลับไปทางกลุม่ คนที่ยืนอยู่แล้วขอความช่วยเหลือสนับสนุนทันที “ผมขอแสงไฟด้วยครับ มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” เขาเปิดฝาขวดน�้ำยาฆ่า เชื้อแล้วราดลงบนแผล ของเหลวสีน�้ำตาลเข้มไหลผสมปนเปกับสีแดงตุ่นบนพื้น แววตาที่เคยอ่อนโยนบัดนี้กลับดูแน่วแน่ แน่นิ่งคล้ายกับเป็นคนละคน ตุลธรหงาย ฝ่ามือของตัวเองขึ้น นาทีนั้นเสียงทุ้มที่แสนสุภาพ...ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ “มีดผ่าตัดครับ” ประตูไม้บานใหญ่เปิดออก ตุลธรก้าวเข้ามาในห้องทีล่ อ้ มไปด้วยชัน้ หนังสือ อันเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสาร กึ่งกลางห้องมีโต๊ะท�ำงานขนาดใหญ่ และเบื้องหลังไม้ สี่เหลี่ยมที่น่าเกรงขามนั้นมีชายหนุ่มสูงวัยสวมเสื้อกาวน์นั่งยิ้มแย้ม ถัดไปด้าน ซ้ายมือมีเด็กหนุ่มท่าทางหัวแข็งคนหนึ่งยืนอยู่ ดูจากการแต่งกายแล้วตุลธรเดาว่า น่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์ และแม้จะนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็เลือกจะเก็บ ความสงสัยนั้นไว้ในใจ “ท่านผู้อ�ำนวยการเรียกผมหรือครับ” คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะลุกขึ้นแล้วหงาย ฝ่ามือเชื้อเชิญ “นั่งสิคุณหมอตุล ต้องขอโทษจริงๆ ที่ท�ำให้ล�ำบาก ห้องฉุกเฉินวันนี้ก็เจอ ผ่าตัดด่วนกันหมด ขอบคุณมากนะที่ออกพื้นที่ให้ ได้ข่าวว่าเจอของหนักเลยเหรอ” ชายหนุ่มวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม “นิดหน่อยครับ ผู้ป่วยเป็นเพศชาย อายุสิบเจ็ดปี มีเลือดออกมากบริเวณ หน้าอกและอยู่ในอาการช็อก แขนขวาถูกดูดเข้าไปในเครื่องจักร พิจารณาการ ช่วยเหลือถือว่าเป็นไปไม่ได้จึงท�ำการตัดแขน ณ ที่เกิดเหตุ” เขาตอบด้วยเสียงที่ สุภาพ ไม่มีวี่แววของความหวั่นไหวใดๆ “ตัดแขน? อายุแค่สิบเจ็ดเนี่ยนะ?” i IV Drip หรือ Intravenous Drip คือการให้ยาโดยหยดเข้าทางหลอดเลือดด�ำ
-8-
Lucea
เด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ในอุทานกับตัวเองด้วยอาการตกใจ สีหน้าตกตะลึง อย่างถึงขีดสุด ตุลธรไม่ได้ตอบใดๆ เขาเพียงแต่นงั่ เงียบๆ อยูเ่ ช่นนัน้ “ผู้ป่วยเสียเลือดมากและมีอาการช็อก ถ้าใช้เวลานานไปคนไข้จะเสียชีวิต การตัดแขนตั้งแต่เนิ่นๆ ถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก เฉียบคมจริงๆ สมแล้วที่ โปรเฟสเซอร์คารินชื่นชมนักหนา เธอสบายดีใช่ไหม” “สบายดีครับ และฝากความระลึกถึงท่านผู้อ�ำนวยการมาด้วย” ตุลธรเงยหน้าขึ้นอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้ม ชายหนุ่มเริ่มงานใหม่ในต�ำแหน่ง หัวหน้าศูนย์กระดูกและข้อหรือ ออร์โธปิดิกส์ ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ตามค�ำแนะน�ำ จากโปรเฟสเซอร์คารินผู้ที่เป็นที่ปรึกษาเขา ศ.นพ. ภาณุ ผูอ้ ำ� นวยการของโรงพยาบาลแห่งนีเ้ คยศึกษาต่อทีม่ หาวิทยาลัย แห่งเดียวกันกับตุลธรที่เยอรมันได้ติดต่อผ่านมิสคารินด้วยรู้จักเป็นการส่วนตัว ความทีเ่ ป็นลูกหม้อ มีฝมี อื โดดเด่นและแม่นย�ำ ทัง้ ยังได้รบั การรับรองจากมหาวิทยาลัย ทางการแพทย์ทเี่ ลือ่ งชือ่ ระดับโลก ตุลธรจึงมีตำ� แหน่งงานทีร่ ออยูก่ อ่ นส�ำเร็จการศึกษา เพิม่ เติมเป็นเวลาหลายเดือน “อันทีจ่ ริง ผมก็ไม่มอี ะไรมากนอกจากจะขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณ ทีม่ อบให้กบั โรงพยาบาลเรา นอกจากนัน้ ก็อยากจะแนะน�ำให้รจู้ กั กับเด็กทีอ่ ยากจะ ฝากให้เป็นผูช้ ว่ ยคุณ” ท่านผูอ้ ำ� นวยการหันไปเรียกเด็กหนุม่ ทีย่ นื หน้ามุย่ อยูท่ มี่ มุ ห้อง “...มานีส่ ิ ภัทรพล” “ภัทรพลเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่หนึ่ง อายุน้อยนักแต่กลับสอบเข้ามา ด้วยคะแนนสูงที่สุดในชั้นปี หน่วยก้านใช้ได้ทีเดียว ผมคิดว่าถ้าเราพยายามปั้นคน ใหม่ๆ นายภัทรคนนี้น่าจะเป็นอีกคนที่อนาคตไกล ผมอยากให้เขาเรียนรู้จากคุณ ถือเสียว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของคุณแล้วกันนะ ให้ช่วยดูพวกเอกสารต่างๆ หรือจะ ให้ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ตามที่คุณเห็นสมควรเถอะ” เด็กหนุ่มผิวขาวก้าวขึ้นมาข้างหน้า เป็นเด็กหนุ่มตัวสูงและมีรูปร่างไล่เลี่ย กับเขา หน้าตาดี ปากนิดจมูกหน่อย รวงแก้มดูใสผิดเด็กหนุ่มทั่วไปในวัยเดียวกัน ภัทรพลมีริมฝีปากสีระเรื่อ มีจมูกที่รั้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่สะดุดตาเป็นพิเศษกลับ ไม่ใช่เครือ่ งเคราบนใบหน้าทีด่ พู อดิบพอดีเหล่านัน้ ทว่าเป็นดวงตาทีแ่ น่วแน่แข็งขืน ดวงตาของคนทีด่ ฉู ลาดเฉลียวมัน่ ใจและแฝงไว้ดว้ ยถือตัวไม่ใช่นอ้ ย เด็กหนุม่ คนนัน้ ยกมือไหว้แบบพอเป็นพิธี ผมสีด�ำเงาแบบคนสุขภาพดีปรกไหวลงจนชวนมอง -9-
paper moon
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มยกมือพนมรับ กล่าวสวัสดีและยิ้มให้ “จากนี้ไปผมคงต้องขอฝากทั้งคนไข้ทั้งเด็กนักศึกษาคนนี้ไว้กับคนรุ่นใหม่ แบบคุณแล้ว ยินดีต้อนรับสู่โรงพยาบาลของเรานะคุณหมอตุล” ผอ. ภาณุยืนขึ้น แล้วจับมือทั้งสองข้างของเขาเขย่า นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจดจ�ำได้ก่อนเดินจากห้องกว้างนั้นมา ชายหนุ่มต่างวัยสองคนก้าวออกมาจากห้องของผู้อ�ำนวยการ จากโถงทาง เดิน ตุลธรมุง่ ตรงไปสูห่ อ้ งล็อกเกอร์ทอี่ ยูช่ นั้ ล่างบริเวณปีกขวาของอาคาร เบือ้ งหลัง มีภัทรพล ผู้ช่วยที่ถูกฝากฝังเดินตามแผ่นหลังเขาด้วยระยะห่างและความเร็วที่ สม�่ำเสมอ “คนที่อายุสิบเจ็ดปีคนนั้น ลุงเป็นตัดแขนขวาเขาใช่ไหม” หมอหนุ่มวัยสามสิบห้าสะดุ้งตัวแล้วหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่เชื่อหูในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก เรียกได้ว่าสะดุดหูกับสรรพนามที่เด็กหนุ่ม ผู้ช่วยใช้เรียกตัวเขา นี่กลายเป็นลุงไปแล้วอย่างนั้นหรือ “ลุงเหรอ” ตุลถามเสียงแผ่วขณะเดียวกันก็ประเมินเด็กหนุ่มผู้ช่วยที่เดินอยู่ ข้างกาย “ก็ลุงแก่แล้วนี่ ตั้งสามสิบกว่า อายุก็มากกว่าผมเกินสองเท่าอีก” สองเท่า! นี่ห่างกันเกินสองเท่าเชียวเรอะ? ตุลธรยกมือขึ้นนวดหลังคอตัวเองเบาๆ ผ่อนลมหายใจ แล้วลอบมองเด็ก หนุ่มที่ลอยหน้าลอยตาเหมือนทองไม่รู้ร้อน เขาได้แต่กะพริบตาอย่างมึนงง นาน แค่ไหนแล้วที่ลืมเลือนช่วงเวลาของวัยรุ่นที่สนุกสนานไปแล้วทุ่มเทให้กับการงาน กับการศึกษาแบบนี้ เผลอแผล็บเดียว เขาก็ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนให้เด็กนักศึกษา เรียกว่า ‘ลุง’ เข้าให้แล้ว “มันควรเป็นอย่างนัน้ ” หมอหนุม่ วัยสามสิบห้ารีบเปลีย่ นหัวข้อสนทนากลับ มาสูเ่ รือ่ งตัง้ ต้นทีถ่ กู ถาม ตุลธรยกนิว้ ชีข้ นึ้ ดันพลาสติกสีดำ� บนสันจมูกให้ขนึ้ สูงแล้ว ปล่อยให้มนั ตกลงทีเ่ ดิมเหมือนไม่รวู้ า่ จะท�ำอะไรทีด่ ไี ปกว่านัน้ “ตรงจุดเกิดเหตุ ตอนที่ลุงตัดแขน ลุงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” เด็กภัทร ถามต่อด้วยความสงสัย หมอหนุ่มที่เพิ่งกลายเป็นลุงหมาดๆ ทอดสายตาไปที่ทาง เดินเบื้องหน้าที่ยาวไกล “รู้สึกสิ” เขาตอบ -10-
Lucea
“...ร้อนมากทีเดียว” ดูเหมือนว่าค�ำตอบนั้นจะตรึงฝีเท้าคนที่เดินเคียงข้างในทันที ความเปลี่ยน แปลง ทีเ่ กิดขึน้ กับเด็กหนุม่ ทีเ่ ยาว์วยั กว่า ท�ำให้รา่ งสูงก�ำย�ำชะงักเท้าของตัวเองตาม เขาหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ช่วยวัยเด็กที่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงจากนั้นก็ส่ง ยิ้มน้อยๆ “ผ่าตัดข้างนอกไม่มีเครื่องปรับอากาศ มันร้อนมากจนแทบอยากจะ เป็นลม ไม่ได้สบายเหมือนกับการผ่าตัดในโรงพยาบาลหรอก” “บ้าไปแล้ว! คนแบบลุงนี่...” ภัทรส่ายหัวแล้วชักสีหน้าอย่างเปิดเผย “นี่คือ คนที่ผม...คนที่ผมต้องช่วยงานตลอดจนกว่าจะเรียนจบน่ะเหรอ” “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น” ตุลระบายรอยยิ้มอย่างไม่ถือความ เขาสูดลม หายใจเข้าปอดก่อนจะผ่อนออกมาเฉกเช่นกับการหายใจเข้าและออกปกติทั่วไป สิ่งเดียวที่แตกต่างจากสิ่งปกติทั่วไปที่ว่าคือดวงตาภายใต้กรอบแว่นคู่นั้น ดวงตาที่ เหมือนดูดซับความรู้สึกมากมายไว้ภายในสีด�ำที่ลึกล�้ำ “ตอนที่ตัดแขนขวานั้น แม้ว่าเหงื่อจะหยด แม้ว่าจะร้อนแค่ไหน...แต่ข้างใน มันกลับหนาวสุดขั้ว” หมอหนุ่มสบตาผู้ช่วยของตัวเอง ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มปกติที่เหมือนจะไม่มี อะไร ก่อนที่ปลายขาทั้งสองข้างจะเริ่มขยับตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง เสียงทุ้มที่แสน อ่อนโยนของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งโถงทางเดินที่ว่างเปล่า “พี่ตัดแขนขวาเด็กคนนั้นเอง...และพี่ก็ดีใจที่เลือกท�ำแบบนั้น”
-11-
paper moon
6 มือกว้างรั้งเสื้อขึ้นจากล�ำตัวจนเสียดสีไปกับท่อนบนที่เป็นเหลี่ยมหลั่น เรขาคณิต สีขาวสะอาดของผ้าตัดกับผิวสีเนือ้ ของร่างสูงใหญ่คล้ายกับการหยอกล้อ ของศิลปะแห่งสีสนั กระทัง่ ปลายนิว้ มือทัง้ สองข้างคลายปมเชือกสุดท้ายออกเสือ้ ยืด ทีป่ กปิดล�ำตัวนัน้ ก็ถกู โยนเข้าล็อกเกอร์สเี่ หลีย่ มเล็กๆ ตรงหน้า เมื่อปราศจากเครื่องแบบ ตุลธรก็ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ดูสะอาดสะอ้าน ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ดูเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมไว้ให้ยิ้มแย้มและ ปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครมองเห็น เขาเป็นแค่คนธรรมดา เป็นเหมือนคนทั่วไปที่มีเลือดเนื้อหัวใจ ทุกโมงยามแห่งชีวิตของนายแพทย์ตุลธร ดวงตาที่ดูฉาบด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาคู่นั้นมีเพียงภาพของต�ำราแพทย์ เตียงสีขาว หยูกยา และเครื่องมือผ่าตัดที่แลเห็นมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี ในแสงไฟที่ สาดส่องผ่านหลอดแอลอีดีในห้องผ่าตัด เขาเป็นแพทย์ฝีมือดีคนหนึ่งที่พยายาม ท�ำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่...อย่างดีที่สุด หากแต่อีกด้านหนึ่งนั้น เขาคือชายหนุ่มงามสง่าที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว กาลเวลาสลักเสลาตุลธรด้วยความรู้ที่คมกริบดั่งมีดที่ใช้ผ่าตัด ขัดเหลี่ยมมุมที่ กระด้างแข็งและอ่อนเดียงสาด้วยประสบการณ์ซึ่งบ่มเพาะจนสุขุมลึกซึ้ง ทุกเข็ม -12-
Lucea
นาทีที่เดินไปข้างหน้านั้นชายหนุ่มถูกกลึงเกลาด้วยสายลมแห่งวิวัฒนาการ ผ่าน ร้อนผ่านหนาวจนเติบใหญ่ ถ่ายทอดชีวิตชีวาอันเปี่ยมด้วยเสน่ห์ในสติปัญญาที่ ลึกล�้ำเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่นุ่มนวลและอ่อนโยนบนทุกย่างก้าวของเวลา หากแต่จะมีใครสักคนที่มองเห็นตุลธรในเวลานี้ ร่างกายที่เปลือยเปล่า ปราศจากเครือ่ งแบบหรืออาภรณ์ใดทีเ่ ป็นเปลือกหุม้ ก็จะพบว่าเขาเป็นเพียงแค่ชาย หนุม่ คนหนึง่ ทีเ่ รียนรูโ้ ลกมาสามสิบห้าปี เป็นเพียงคนทีย่ นื อยูต่ รงกลางระหว่างแรง ปะทะของความสมบูรณ์แบบในหน้าที่และชีวิตธรรมดาที่แสนเรียบง่าย เขาเป็น ผู้ชายสุภาพเรียบร้อยที่ชอบโยกหัวกับเพลงร็อกตามสมัยนิยม เล่นดนตรีและร้อง เพลงเก่งพอๆ กับผ่าตัดและวินิจฉัยโรคร้าย ตุลธรชอบออกก�ำลังกายเท่ากับชอบ นอนตืน่ สาย เขาเป็นชายหนุม่ ผูร้ กั ความสะอาดแต่กห็ น่ายทีจ่ ะเก็บห้องหรือท�ำงาน บ้านเหมือนผู้ชายคนอื่นทั่วไป...เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่น่าสนใจ ยังไม่ทันที่หมอหนุ่มจะแต่งตัวให้มิดชิด สายตาก็พลันชะงักเมื่อเห็นรูปร่าง ไม่เล็กแต่ก็ไม่สูงมากมายที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา รวงแก้มใสที่ดูคุ้นตา ริมฝีปากสี ระเรื่อ จมูกที่รั้นเล็กน้อย และดวงตาที่แน่วแน่แข็งขืนคู่นั้น...ดวงตาที่จ้องมองมาที่ เขา “น้องภัทร...มีอะไรหรือเปล่าครับ” “พันผ้าเช็ดตัวก่อนดีไหม” เด็กหนุม่ ถอนใจแล้วเบือนหน้าไปอีกด้าน ก้มมอง ดูตวั เองก็พบสาเหตุทที่ ำ� เอาเขาหัวเราะจนไหล่ไหว ความทีใ่ ช้ชวี ติ อยูค่ นเดียว...และ เป็นตัวคนเดียวที่ต่างแดนเสียส่วนใหญ่ท�ำให้ตุลธรติดนิสัยเปิดเผยตามธรรมเนียม ฝรั่งมาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มเอื้อมมือเข้าล็อกเกอร์ หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันตัวท่อน ล่างไว้ “เป็นพวกโรคจิตชอบโชว์หรือไง” เด็กน้อยบ่นเล็กบ่นน้อยไม่เลิก เขาแกล้งไม่ได้ยิน หากแต่ดวงตาเปี่ยมแววสุขุมหรี่มองคนตรงหน้าอย่าง พิจารณา “คงคิดว่าหุ่นดี พ่อให้มาเยอะสินะ” ถึงริมฝีปากที่เชิดรั้นนั่นจะยังบ่นต่อไป แต่ปลายเท้ากลับถอยกรูดไปข้างหลัง “เปล่าเลย แค่ออกก�ำลังกายนิดหน่อย ปกติทั่วไป” เสียงทุ้มลอยขึ้นใน อากาศพร้อมกับรอยยิ้ม ขณะเดียวกันมือกว้างก็หยิบท่อนล่างขึ้นสวมใส่ แล้วพับ ผ้าขนหนูออกลวกๆ ก่อนจะวางมันกลับในล็อกเกอร์ -13-
paper moon
“ลุงนี่ไม่เหมือนเมื่อวานเลยแฮะ ถึงจะใส่แว่น หน้าตาหมอๆ แต่พอถอด เครื่องแบบแล้วกลับดูไม่เหมือนหมอเลย” น�้ำเสียงและท่าท่าที่ดื้อรั้นนั้นยังคงดู ประดักประเดิด แปลก...ที่สิ่งนั้นเรียกรอยยิ้มของตุลธรให้กว้างยิ่งขึ้น “แล้วเหมือนอะไร” เด็กหนุ่มบี้ปลายรองเท้าหนังของตัวเองกับพื้นห้องจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด “นักกีฬา...พวกนักกีฬาอะไรสักอย่าง ว่ายน�้ำมั้ง นักบาสฯ...ไม่ก็นักวิ่ง” “ถ้าการวิง่ จ๊อกกิงตอนเช้าพอจะนับรวมไปด้วยนัน่ นะ” เขาตอบ รอยยิม้ นัน้ ยังคงดูสว่างไสวแม้อยู่ในล็อกเกอร์รูมที่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ใบเขียวหรือ ดอกไม้เล็กๆ ให้สดชื่น เด็กหนุ่มวัยไม่ถึงยี่สิบยักไหล่แล้วเริ่มขยับเท้าเข้ามาใกล้ขึ้น “เวลาลุงยิ้มก็ ดูไม่เหมือนหมอ” “คงไม่ได้บอกว่าดูเหมือนนักแสดงตลกหรอกนะ” เขาถามอารมณ์ดี “ไม่เหมือน” นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งส่ายหน้า คราวนี้ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะ เผลอหัวเราะตามคนที่ตัวเองเรียกว่าลุงโดยไม่รู้ตัว “ประมาณนายแบบ นักร้อง เหมือนพวกดาราละครหลังข่าวที่ยิ้มแล้วโลกสดใส...รอยยิ้มแบบจอมปลอมพวก นั้นน่ะ” ท้ายประโยคท�ำเอาหัวคิ้วเข้มยกขึ้นสูง ตุลธรสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเพ่ง มองเด็กหนุม่ ตรงหน้าอย่างครุน่ คิด เด็กคนนีด้ เู หมือนพร้อมจะเกลียดคนได้ทงั้ โลก อยู่ตลอดเวลา แต่ในเวลาเดียวกันก็แสดงออกว่าไม่ได้ยินดียินร้ายสักเท่าไรหาก โลกเป็นไปได้จริงตามตัวเองต้องการ “ถ้าไม่ชอบก็จะพยายามไม่ยิ้มให้นะ” ถึงจะ พูดแบบนั้น แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอยู่ดี ไม่ได้กวน เขาแค่ท�ำมันจนติดเป็นนิสัย “ยิ้มอะไร?” เด็กหนุ่มพูดเสียงแข็งพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้น “น้องภัทรคงไม่ได้ตื่นแต่เช้าเพื่อมาชวนพี่ทะเลาะใช่ไหมครับ” ตุลธรยกมือ สองข้างขึ้นกอดอก มองผู้ช่วยของเขาจนเต็มสองตา กิริยาของคนตรงหน้าจะเรียก ว่าไม่พอใจก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าหาเรื่องกันก็ไม่เชิง ท่าทางพวกนั้นคล้ายกับเด็กจอม พาลที่พยายามจะหาเรื่องคุยมากกว่า -14-
Lucea
“ผมเริ่มงานผู้ช่วยวันนี้ และก็ไม่อยากให้ท่านอาจารย์ภาณุต�ำหนิได้ แต่ลุง ก็ไม่คิดจะให้ตารางเวร เด็กท�ำอะไรก็ผิด แล้วผมก็ไม่โง่พอที่จะรอให้โดนด่าก่อน หรอกนะ” ฟังแล้วคนใส่แว่นก็คลายวงแขนทีก่ อดอกออก ก่อนจะเอือ้ มมือไปควานหาก ระดาษแผ่นหนึง่ ในล็อกเกอร์ แล้วหยิบปากกาขึน้ มาขีดเขียนยุกยิกก่อนทีจ่ ะส่งให้กบั ภัทรพลพร้อมรอยยิม้ “ตารางงานเดือนนี้ พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ ทัง้ มือถือและที่ บ้าน รวมทัง้ ไลน์ แล้วก็อเี มล์ และถ้าเราสงสัย...พีเ่ ลิกเล่นเฟซบุก๊ แล้ว” “แก่แล้วก็งี้” ตุลธรคิว้ กระตุกแต่กย็ งั ตอบค�ำถามด้วยดี “มีตวั ป่วนนิดหน่อย ก็เลยเบือ่ จะ เล่นแล้ว” หมอหนุ่มวางปากกาคืนกลับที่เดิมในตู้โลหะสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้น “แล้วนี่ ตืน่ แต่เช้า ไม่งว่ งเหรอ” “ลุงยังตื่นได้ หรือมีแต่คนแก่ที่ชอบนอนน้อย?” แต่ตุลธรไม่ใช่คนประเภทที่จะคาดคิดได้ เขาเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะตามเกม พวกนีข้ องเด็กๆ ชายหนุม่ แค่เพียงอมยิม้ น้อยๆ แล้วทอดสายตาผ่านหัวไหล่สมส่วน ของคนตรงหน้า ห้องล็อกเกอร์ว่างเปล่า แห้งแล้ง เงียบเหงา ชืดเย็น และเหมือนกันทุกโรง พยาบาล อย่างน้อยเขาก็เคยคิดแบบนั้น หากแต่เช้านี้ดูจะแตกต่างไปกว่าทุกวัน และทุกที่ที่ผ่านมา ตรงนี้และตอนนี้มีเด็กหัวรั้นคนหนึ่งมาต่อล้อต่อเถียงด้วยเรื่อง ไม่เป็นเรื่องกับเขา ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายจนเกินไป ตุลธรขยับปลายเท้ามาข้างหน้า เอื้อมมือขึ้นลูบศีรษะเด็กหนุ่มตรงหน้าเบาๆ ด้วย ความรู้สึกเอ็นดู “มีคนเคยบอกบ้างไหมว่าเราเป็นคนพูดจาไม่นา่ รักเลย ท�ำไมไม่พดู เพราะๆ ล่ะ พีว่ า่ น่ารักดีออกนะ” “ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ” เด็กหนุ่มปัดป้องมือที่ลูบไปบนผมตัวเอง เด็กก็คอื เด็ก ภัทรพลไม่ตา่ งกับเด็กวัยรุน่ ทัว่ ไป ดือ้ ซน อารมณ์เปลีย่ นแปลง เร็ว บทจะโกรธ จะโวยวายก็ทำ� ได้งา่ ยๆ แต่บทจะหายก็นงิ่ เป็นลูกแมวตัวน้อยขึน้ มา เสียกะทันหัน ในเวลาที่ไม่พอใจ ดวงตาคู่นั้นก็จะปรากฏภาพของเมฆฝนที่พร้อม คลุ้มค�ำรามเต็มที่ ตุลธรนึกสงสัยขึ้นมาว่าในเวลาที่มีความสุขนั้น แววตาที่ดื้อดึง และริมฝีปากทีเ่ ชิดรัน้ ของเด็กภัทรจะปรากฏภาพท้องฟ้าทีส่ ว่างใสชวนมองเพียงใด -15-
paper moon
ตุลธรส่งยิ้ม ไม่คิดจะชักมือกลับ และแม้ว่าริมฝีปากจะยิ้มแย้ม หากแต่ ดวงตาที่เฉียบคมกลับหรี่ลงแล้วมองภัทรพลอย่างครุ่นคิดกว่าทุกครั้ง ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยรู.้ ..อาจจะไม่ใส่ใจจะรับรูเ้ สียมากกว่าว่าตนเองมีรปู ร่างหน้าตาทีช่ วนมองแค่ไหน ภัทรพลเป็นเด็กหนุม่ ทีผ่ ดิ กับเด็กผูช้ ายทัว่ ไป มี ดวงตา ที่กลมโตสดใส ริมฝีปากและแก้มแดงปลั่งคล้ายกับอาบด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ตลอดเวลา ผิวขาวราวกับงาช้างเนือ้ ดี และดูเด่นขึน้ เมือ่ ตัดกับผมสีดำ� เงาราวกับดูด ซับความมืดแห่งรัตติกาลเอาไว้จนอิม่ สี ไม่มสี งิ่ ไหนทีแ่ พ้เด็กผูห้ ญิงในวัยนี้ จะผิด เพีย้ นก็ตรงทีว่ า่ เมือ่ ทุกอย่างอยูบ่ นโครงหน้าของบุรษุ เพศ ภัทรพลจึงดูจะเป็นเด็ก หนุม่ ประเภททีเ่ รียกว่าน่าเอ็นดูจนหยุดทุกสายตาให้จบั จ้อง “ถ้าไม่ชอบให้ใครมองว่าเป็นเด็กก็ต้องท�ำตัวเป็นผู้ใหญ่นะ” มือกว้างขยี้ผม ของภัทรพลเบาๆ อีกครั้งพร้อมรอยยิ้มที่คลี่อยู่บนใบหน้า และแม้รูปร่างหน้าตาจะเป็นเช่นนั้นแต่ภัทรพลไม่ได้ดูเรียบร้อยเลยสักนิด ตุลธรเชื่อว่าเด็กหนุ่มหัวดีคนนี้ติดจะทโมนและแสบสันเอาเรื่องเมื่อไม่ได้อยู่ต่อ หน้าอาจารย์หรือผู้ใหญ่ที่คอยตีกรอบเอาไว้ ค�ำพูดที่ไม่ค่อยไว้หน้าใครและท่าเดิน ที่หาญห้าวนั่นดูอย่างไรก็ไม่ให้กับใบหน้าที่ดู...น่ารัก ใช่แล้วล่ะ ไม่ให้เข้ากับใบหน้าที่ดูน่ารักนั่นเลยสักนิด “อย่ามายุ่งน่า!” “เป็นเด็กต้องพูดจาเพราะๆ สิ” “ไม่ใช่เด็กแล้ว!” ภัทรพลแย้งอีกครั้ง ละม้ายว่านัน่ คือข้อโต้แย้งต่อค�ำพูดทีเ่ พิง่ ได้ยนิ ริมฝีปากของผูพ้ ดู จึงคลีอ่ อก จนคล้ายเหยียดยิม้ ภัทรพลฟึดฟัด ขยับเท้าเข้าไปหาแล้วหยุดยืนตรงหน้าของชายหนุม่ ทีส่ งู วัย กว่าในระยะประชิด เด็กหนุม่ ยกริมฝีปากอวดดีขนึ้ จากนัน้ ก็แสยะยิม้ กลับ ดูเป็นรอย ยิม้ ทีใ่ ห้ความรูส้ กึ แตกต่างจากยิม้ ของเขาอยู่นิดหน่อย เจ้าของปลายจมูกเชิดรั้นไล่ สายตาส�ำรวจท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเขาแล้วหยุดสายตาไว้ที่กรอบแว่นเหนือ จมูก บางสิง่ บางอย่างในแววตาคูน่ นั้ ท�ำให้ตลุ ธรรูส้ กึ แปลกใจขึน้ มาเล็กน้อย “อ้อ...จริงสินะ เขาว่าหัวหน้าศูนย์ออร์โธฯ คนใหม่ อายุไม่เท่าไรเเต่ฝีมือดี มาก เป็นศาสตราจารย์ทงั้ ทีอ่ ายุยงั น้อย รูปหล่อ ฐานะดี แถมยังโสดสนิท” ภัทรพล -16-
Lucea
ยิ้มเย้าเหมือนคนซึ่งถือไพ่ลับในมือที่เหนือกว่า “เขาพูดว่าที่ยังโสดสนิทเพราะ นายแพทย์ตุลธรเป็นคนไม่สนใจผู้หญิง” เจ้าของแผ่นอกกว้างแกล้งท�ำท่าตกใจ “แย่แฮะ ใครเป็นคนปล่อยข่าวลือพวกนี้นะ ช่างสืบได้เก่งเสียจริง” ตุลธร ขยับขาแว่นตาของตัวเองแล้วระบายรอยยิ้ม ไม่แน่ใจว่าเด็กอวดดีตรงหน้าจะมา ไม้ไหน ริมฝีปากรั้นนั้นยกมุมองศาขึ้นสูง ไม่ได้ตอบรับมุกแบ่งรับแบ่งสู้ของเขาแต่ อย่างใด เด็กหนุ่มแค่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ สบตาและยืนนิ่ง ดวงตาคู่นั้นก�ำลังตรึงคน สวมแว่นให้เผลอมองจ้องสีด�ำลึกล�้ำที่ปรากฏตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว ภัทรพลโคลงหัว ตัวเองเล็กน้อยแล้วเอ่ยค�ำถาม น�ำ้ เสียงรัน้ และห้าวเป็นปกติดงั่ ทีเ่ ขาได้ยนิ มาตลอด “ที่ว่าไม่สนใจผู้หญิงนี่...” ภัทรพลขยับขาตัวเองเข้ามาใกล้...ใกล้จนหัวไหล่เบียดกระทบกัน “เพราะว่าสนใจผู้ชายหรือเปล่านะ?” ตุลธรยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม ผู้ช่วยของเขาในตอนนี้ไม่ได้ดูเป็นเพียงเด็ก นักศึกษาแพทย์ปหี นึง่ หรือเป็นเพียงเป็นวัยรุน่ อายุไม่ถงึ ยีส่ บิ ดี...ภัทรดูเป็นเด็กหนุม่ คนหนึง่ เด็กหนุม่ ทีก่ ำ� ลังเติบโตขึน้ ตามวัย มีความอยากรูอ้ ยากเห็น มีความกล้าที่ อัดแน่นอยูใ่ นความขลาดกลัว ในตอนที่ได้ยินค�ำถามนั่น เขาแค่ส่งยิ้มกลับเท่านั้น และถึงแม้ร่างไม่เล็กไม่ ใหญ่นั้นจะหายลับไปพร้อมกับอาการหัวเสียได้สักพักแล้ว หากแต่ผิวกายของเขา ยังคงจดจ�ำสายลมอุน่ ทีพ่ รมลงบนแผ่นอก ยังจ�ำเสียงรัน้ เอาแต่ใจทีข่ ฟู่ อ่ เสียน่ากลัว นั้นได้ และเหนือสิ่งใด เขายังจดจ�ำได้อย่างแม่นย�ำว่าตัวเองแกล้งตอบกลับไปว่า อะไร เด็กภัทรถึงท�ำอะไรไม่ถูกแล้วเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างนั้น “น้องภัทรก�ำลังสนใจพี่หรือครับ” ตุลธรหัวเราะชอบใจ และไม่รู้ว่าเพราะอะไรขณะที่คิดถึงท่าทางอวดเก่ง ดื้อรั้นของเด็กคนนั้น หัวใจของเขาเหมือนจะเบิกบานขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
-17-
paper moon
384,403 หลังวันหยุดชดเชยที่ติดกับวันหยุดสุดสัปดาห์และการสะสางงานเอกสาร กองพะเนินจนแทบล้นโต๊ะ ตุลธรมีนัดกับเพื่อนสนิทที่สุดของเขาสองคน เขาเดิน ผ่านกลุ่มนักศึกษาแพทย์หา้ หกคน เด็กหนุม่ พวกนัน้ น่ารักกว่าทีเ่ คยเห็น หรือบางที อาจจะเป็นเพราะเขาแก่แล้วอย่างที่เด็กภัทรนั่นพูดจริงๆ ตุลธรส่งยิ้มให้พวกนั้น ตอนเดินผ่าน แต่เด็กพวกนั้นไม่ได้ยิ้มตอบ บางทีมันอาจจะคล้ายกับตอนที่เขาท�ำ วิจัยที่เยอรมันสมัยเพิ่งจบใหม่ๆ ในนั้นมีผู้ชายอายุสามสิบกว่าอยู่หนึ่งคน ตุลธร จ�ำได้ ผู้ชายคนนั้นโดดเด่นที่สุดในแล็บเพราะว่าเขาแก่หง่อม และนั่นคืออายุของเขาในตอนนี้ มันช่างเป็นการยากเหลือเกินเมื่อวันหนึ่งเกิดตระหนักขึ้นมาได้ว่าตัวเอง แก่บรมในสายตาเด็กไปซะเเล้ว คุณหมอหนุ่มคอตกเดินต่อพร้อมรอยยิ้มแบบ เก้อๆ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม เขาลองหันมาส่งยิ้มทักทายเหล่าพยาบาลและ คนไข้บ้าง คราวนี้อีกฝ่ายยิ้มตอบ ในที่สุดตุลธรก็เข้าใจแล้วว่ารอยยิ้มของเขาคง ได้ผลเฉพาะกับคนในวัยสามสิบอัพเท่านั้น
-18-
Lucea
เขายังเดินหลงทางอยู่นิดหน่อยกับที่ท�ำงานที่ยังไม่คุ้น กว่าจะคล�ำหาทาง ที่ยังจ�ำไม่ค่อยได้มาถึงที่นัดได้ก็ปาไปอีกยี่สิบนาที คะน้าและทิมii ยืนอยู่ห่างจาก ประตูรา้ นกาแฟทีเ่ พิง่ เปิดใหม่ดา้ นล่างของอาคารผูป้ ว่ ยนอก ร้านนัน้ มีกาแฟบดใหม่ ส่งกลิ่นหอมทุกครั้งที่เดินผ่าน ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยดูนุ่มน่านั่ง และมี หน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นทัศนียภาพสีเขียวอันมีอยู่น้อยนิดของกรุงเทพฯ เขาชอบที่นี่ อย่างน้อยมันก็เป็นสถานที่นัดเดียวที่พอจะนึกออกในโรงพยาบาล แห่งนี้ จุดสนใจแรกอยู่ที่คนที่มีดวงตาที่น่ารักคนนั้น กาลเวลาไม่ได้ท�ำให้รอยยิ้ม ที่ชวนมองนั้นดึงดูดสายตาน้อยลงเลย คะน้ายังคงโดดเด่นสะดุดตา สังเกตได้จาก เด็กหนุ่มสาวที่พากันส่งยิ้มให้...มากมายอะไรขนาดนั้น แล้วท�ำไมยิ้มของเขามันถึง... ตุลธรเก็บความขื่นขมเล็กๆ ไว้ในใจ ก่อนจะโบกมือแล้วส่งยิ้มทักทายให้ กับคะน้า แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับรอยยิ้มก็ยิ้มตอบ ซึ่งก็แหงล่ะ คนวัยเดียวกันนี่นะ แม้ไม่ได้พบกันหลายปีแต่ก็คนๆ นี้ก็ยังดูดีเหมือนเดิม คะน้าคือคนรักเก่า ของเขา ห้าปีก่อนที่จะไปศึกษาต่อพวกเขาเคยมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน ใช้เวลา หลายชั่วโมงหลังเลิกงานและในช่วงวันหยุดแบบคู่รักทั่วไป เดินซื้อของมากมาย แต่กลับไม่เคยได้อะไรสักชิ้น พวกเขามีจูบที่ท�ำให้ขนลุกซู่ มีเพลงที่เป็น ‘เพลงของ เรา’ หวานหยดชวนส�ำลัก แม้สุดท้ายเรื่องคราวนั้นมันจะจบลงตรงที่เขาเป็นได้แค่ พระรองผู้เสียสละในนิยายรัก...แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่ดีกว่า ตุลธรได้เพื่อนสนิทที่รู้ใจกว่าใครๆ กลับมาจากความรักครั้งนั้น “ท้องฟ้าที่กรุงเทพฯ ไม่สวยแบบในโปสการ์ดหรือภาพในอินเตอร์เน็ตเลย... แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีนะ” เขากางแขนทั้งสองข้างออกเต็มที่ ตั้งท่าสวมกอดคะน้า ให้หายคิดถึง อนิจจา ความฝันที่แสนสวยงามนั้นช่างสั้นนัก วงแขนของเขายังไม่ได้แตะตัวของคะน้าดีด้วยซ�้ำ เสียงหนึ่งก็ดังเหมือนจะ กระชากร่างของร่างสูงในชุดกาวน์สีขาวออกมาจากความฝันที่หอมหวาน “ก็แล้ว ไม่ดูในเน็ตต่อไปล่ะ จะรีบกลับมาท�ำไมกัน” คนที่พูดคือทิม ยืนจังก้า หน้างุ้มเหมือนคนขับถ่ายไม่ออกมาเป็นแรมปี ii ตัวละครจากเรื่องผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์
-19-
paper moon
“อยากกอดนักมากอดนี่ มาๆ” เห็นได้ชัดว่าทิมมีความพยายามจะแกะ แขนเขาหนึบหนับแล้วแทรกตัวเข้ามาขวางตรงกลางให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันส�ำเร็จ แล้วทิมก็คว้าตัวเขาหมับจากนั้นก็ดึงมากอดหน้าตาเฉย “ท�ำไมล่ะ กอดเข้าไปสิ ให้กอดฟรีๆ เลยเอ้า!” ฟังจบ ตุลธรก็ท�ำหน้าเหยเก แต่ก็เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมาที่เขาหัวเราะได้อย่างเต็มเสียง เขารู้จักกับทิมตั้งแต่ตอนที่เพิ่งใช้ทุนเสร็จ ช่วงที่เขากลับไปเป็นนักศึกษา แพทย์อีกครั้ง หอบต�ำราเป็นสิบเล่มมาท�ำวิจัยที่เยอรมันครั้งแรก ทิมแชร์บา้ นร่วม กับเขาและเพือ่ นอีกคน เป็นลูกชายคนเดียวของอภิมหาเศรษฐีดา้ นอสังหาริมทรัพย์ ผูใ้ ช้ชวี ติ อย่างเสรี แต่หลังจากกลับมาท�ำงานทีไ่ ทย มีเรือ่ งราวมากมายเกิดขึน้ รวม ถึงวีรกรรมเฉียดตายเมื่อหลายปีก่อนที่ท�ำให้เจ้าตัวเลือกจะออกมาใช้ชีวิตแสนจะ เรียบง่ายธรรมดาแบบคนทั่วไป เพียงไม่กปี่ ี จากคนทีเ่ คยกอดคอนัง่ กินเหล้าเมามาย ท�ำตัวเป็นจิก๊ โก๋ฝกึ หัด แต่ดนั ไปเจอกับของจริงจนเผ่นแทบไม่ทนั จากคนยียวนทีส่ ร้างเรือ่ งชวนหัวในอีเมล และสารพันโซเชียลเน็ตเวิร์กจนเขาเข็ดขยาด (ถ้าไม่จ�ำเป็นจริงๆ ตุลธรจะไม่แตะ ต้องพวกนั้นอีกเลย) หลายปีให้หลัง ทิมกลับกลายเป็นวิศวกรโยธามือฉมังคุม โครงการมูลค่าพันล้านนับไม่ถ้วน แม้ช่วงเวลาหนึ่งทั้งคู่จะเคยเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมากมายจนต่างฝ่ายต่างเติบโตขึ้น ตุลธรพบว่าเรื่อง ระหว่างเขาและทิมในตอนนั้นมันก็เป็นเพียงจุดด�ำเล็กๆ ที่บิดเบี้ยวไร้แก่นสาร ที่รอยต่อเล็กๆ ในชีวิต เราทุกคนต่างเคยหลงทาง แล้ววันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่อะไรที่ตัวเราเองอยากจะให้ลงเอยแบบนั้น สิ่งถัดมา ที่ลงมาท�ำก็คือการพยายามที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีต ตุลธรเรียกสิ่งนี้ว่า การเติบโตเป็นผูใ้ หญ่ และเชือ่ ว่าในช่วงเวลาหนึง่ ของชีวติ เราทุกคนต่างก็เคยสัมผัส กับประสบการณ์เหล่านี้ให้เรียนรู้และก้าวผ่านเพื่อค้นพบตัวตนที่ดีกว่าของตัวเรา เองในวันข้างหน้า มีเรื่องที่ผิดใจนิดหน่อย เรื่องที่ผิดหวังอีกเล็กน้อย แต่แล้วมันก็จะผ่านไป ทีเ่ ยอรมันมีสภุ าษิตว่า ‘ถ้าสุดท้ายแล้วทุกอย่างออกมาดีกน็ บั ว่าเป็นเรือ่ งทีด่ ที งั้ หมด’ เขาเชื่อแบบนั้น ความรักทีส่ นิ้ สุดลงไปแม้จะทิง้ ร่องรอยในใจให้เจ็บปวดในตอนแรก แต่เมือ่ ทุกอย่างมันนิง่ จนตกตะกอนแล้ว สิง่ ทีต่ ามมาก็คอื การได้หนั มาให้ความส�ำคัญกับ -20-
Lucea
เรื่องที่ควรจะให้ความส�ำคัญ ในวันนั้นความโศกเศร้านี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้เขา ใช้เวลาทุกนาทีกับการศึกษางานวิจัยใหม่ๆ และผลจากความทุ่มเทนั้นก็ให้สิ่งที่ น่าพึงพอใจ ตุลธรไม่เคยคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นหัวหน้าฝ่ายศัลยศาสตร์กระดูกและข้อ ในโรงพยาบาลทีเ่ ก่าแก่และได้รบั การยอมรับมากทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ของประเทศด้วยวัย เพียงเท่านี้ อันทีจ่ ริงเขาไม่ได้ชอบกับต�ำแหน่งหน้าทีอ่ นั สูงลิบลิว่ อะไรนักหนา เป็นที่ รู้กันว่าของพวกนี้มักจะมาคู่กับความคาดหวังบางอย่าง ซึ่งบางครั้งตัวเองก็คร้าน ที่จะแบกมันเอาไว้ อะไรที่ว่าก็ประเภทที่เขาก�ำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั่นแหละ พอจะนึกภาพของผู้ชายวัยสามสิบกว่าๆ สามคนมายืนกอดรัดฟัดเหวี่ยง แบบเนือ้ แนบเนือ้ อย่างนีอ้ อกไหม ถ้าพอนึกออกก็นา่ จะเดาได้วา่ มันเรียกสายตากีค่ ู่ ให้หันมามอง เริ่มต้นจากเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ ที่จ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆ ถัดมาก็คงจะเป็นเหล่านางพยาบาลกลุม่ ใหญ่กำ� ลังยืนซุบซิบอยูต่ รงนัน้ ไม่ตอ้ งบอก คุณหมอหนุม่ ก็พอจะเดาได้วา่ ไม่เกินเย็นนีต้ อ้ งมีขา่ วแปลกๆ ของเขากระจายไปทัว่ ทัง้ โรงพยาบาลอย่างแน่นอน เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับข่าวลือต่างๆ แม้จะไม่ได้เปิดเผยจนป่าวประกาศแต่ ก็ไม่เคยปิดบังเรือ่ งรสนิยมของตัวเอง โลกเปลีย่ นไปแล้ว สังคมเปิดรับอะไรได้มาก ขึน้ ตุลธรพิสจู น์ตวั เองด้วยความสามารถในการท�ำงาน ตราบใดทีย่ งั สามารถผ่าตัด คนไข้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทุกอย่างไม่นับว่าเป็นปัญหาส�ำหรับเขา เด็กที่ยืนมุ่ยหน้าอยู่ตรงนั้นต่างหากที่เป็นปัญหา ภัทรพลยืนจ้องเขม็งพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ ยังคงดูเด่นสะดุดตา เหมือนทุกครั้ง แต่สิ่งที่ดึงความสนใจที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็นสายตาดุดันราวกับ ทหารที่ก�ำลังไล่ต้อนเชลยศึกในสงครามโลกคู่นั้น แววตาแบบที่ท�ำให้คะน้าถึงกับ รีบยกมือขึ้นสะกิดเรียก และก็เป็นจังหวะนั้นเองที่ภัทรพลก้าวเข้ามา “ลุงครับ มีเอกสารด่วน ขอคอนซัลต์ครับ” ตุลธรรับแฟ้มเอกสารมาพร้อมกับสบตาที่ขึงขัง อดจะตั้งค�ำถามไม่ได้ว่า อะไรท�ำให้เด็กคนนีด้ เู หมือนคนหงุดหงิดประท้วงคนทัง้ โลกได้ตลอดเวลา นิสยั ส่วน ตัว สิง่ แวดล้อมทีห่ ล่อมหลอมหรืออะไรทีน่ อกเหนือกว่านัน้ หากแต่เพียรหาค�ำตอบ -21-
paper moon
อย่างไรก็ดูเหมือนความคิดของเขาไม่อาจจะตกผลึกได้เสียที หรือบางที...เป็นไป ได้ไหมที่เขาอาจจะแก่เกินกว่าจะเข้าใจเด็กในวัยนี้เสียแล้ว คิดแล้วก็เศร้าในอกเล็กๆ ตุลธรก้มหน้าดูเอกสารในมือ ขณะทีส่ ายตาก�ำลัง จับจ้องอยู่ที่รายชื่อยาเหล่านั้น ในสมองกลับคิดถึงท่าทางหัวเสียของคนตรงหน้า คิ้วเข้มที่แทบจะบิดเป็นเกลียว ริมฝีปากที่ตึงเหมือนกับถูกขึงจากรอบด้าน แปลก ที่กิริยาพวกนั้นกลับท�ำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างประหลาด เขาคิดว่าสีหน้าแบบนั้นมันช่างไม่เข้ากับปากนิดจมูกหน่อยแบบนั้นเลย ส่วนผสมที่ดูจะไม่ลงตัวทุกอย่างของภัทรพลก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง และสิ่ง นั้นตุลธรสรุปเอาเองว่ามันคือความน่าเอ็นดู ทั้งที่มีอายุเพียงแค่นั้น เด็กนี่ช่างท�ำ หน้าได้ราวกับว่าแบกความเบื่อหน่ายของโลกมาทั้งใบก็ไม่ปาน สุดท้ายก็เป็นเขา เองนั่นล่ะที่อดไม่ได้จนต้องเงยหน้าขึ้นแอบมองท่าทางของเด็กขี้หงุดหงิดคนนั้น อีกจนได้ “หงุดหงิดอะไรขนาดนั้น” เขากระเซ้า “ใครจะระรื่นได้เหมือนลุง ตัณหากลับ วิตถาร แสดงความรักเสียวซ่านได้ ทุกที่” อีกฝ่ายเสียงแข็งกลับ สาบานว่านั่นปาก? ตุลธรตั้งค�ำถามพลางนึกสนุกในใจ แบบนี้แหละ แค่เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ให้วันที่แสนน่าเบื่อของเขามีสีสันอะไรให้ตื่นเต้นบ้าง อันที่จริงผู้ช่วยเด็กของเขา คนนี้ถือว่าโดดเด่นมากในเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ที่เด่นกว่าเรื่องพวกนั้นคือความ ปากร้าย ดือ้ รัน้ เอาแต่ใจ และกวนโทสะ ใครหนอใครทีค่ ดิ จะจับคูเ่ ขากับเด็กภัทรนี่ เห็นทีคงต้องกลับไปคิดเสียใหม่ก็ยังไม่สาย “อายุขนาดนี้แล้วยังท�ำตัวเป็นวัยรุ่น ไม่เว้นแม้แต่ที่ท�ำงาน หื่นไม่เลือกที่” “แต่เลือกคนนะ” พูดจบก็ยิ้มจนอีกฝ่ายหน้าหงิก สมใจอยากเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าบอกบุญไม่รับกว่าเดิม แล้วตุลธรจึงค่อย ก้มลงตรวจดูแผ่นกระดาษในมือ ในนั้นเป็นเอกสารเกี่ยวกับรายชื่อยาตัวใหม่ที่ โรงพยาบาลอาจสัง่ ซือ้ หน้าทีข่ องแพทย์ไม่ได้มแี ค่รกั ษาคนไข้แบบทีค่ นทัว่ ไปเข้าใจ แพทย์ต้องตรวจสอบพิจารณาเรื่องตัวยาใหม่ๆ ที่ใช้ในการรักษา และปริมาณการ สั่งซื้อที่เพียงพอต่อการใช้งานในงบประมาณที่ทางโรงพยาบาลตั้งไว้ -22-
Lucea
ฝ่ายเภสัชกรรมได้แสดงความคิดเห็นบางส่วนที่น่าสนใจ ยาบางตัวในราย ชื่อนี้อาจมีผลข้างเคียงต่อเม็ดเลือด การท�ำงานของหัวใจ และระบบการท�ำงาน ของต่อมไร้ท่อในร่างกาย อีกทั้งมีราคาแพงและยังสามารถใช้ยาตัวอื่นทดแทนได้ เขาเห็นว่ายังไม่มีความจ�ำเป็นในการสั่งซื้อเพิ่ม ในขณะที่ยาอีกตัว มีอายุการใช้งาน ที่จ�ำกัด ต้องใช้เวลานานในการสั่งซื้อ แต่ความต้องการในการใช้ยานั้นมีค่อนข้าง สูง ตุลธรพยายามค�ำนวนถึงปริมาณคนไข้ที่เข้ารักษาในแผนกแต่ละเดือนและชั่ง น�้ำหนักว่าเท่าใดจึงจะเพียงพอเหมาะสม “วิปริต โรคจิต พวกชอบโชว์ กอดกันได้ไม่อายคนมอง พออายุจะขึ้นเลขสี่ ความอายเลยไม่เหลือสินะ” คนที่ยืนอยู่ยังไม่เลิกขมุบขมิบปาก “ว่าอะไรนะ?” เขาแกล้งหรี่ตาเหมือนได้ยินไม่ชัด เห็นอีกฝ่ายเสมองไปอีก ด้านและเบะปากก็กลั้นยิ้มแล้วตอบ “เรื่องเอกสารนี่คงยาว ฝากเรียนท่านผอ.ให้ หน่อยว่าขอเวลาอีกนิด จะรีบสรุปให้เสร็จวันพรุ่งนี้ ส่วนแฟ้มนี้ฝากไปวางไว้บน โต๊ะพี่ที” เขาตอบพร้อมกับยื่นแฟ้มให้ อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วรับไปถือ ตั้งท่าจะหัน หลังกลับ “เดี๋ยวก่อน” เด็กหนุ่มชะงักเท้าไว้ ตุลธรจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้แล้วหย่อนปากกาหมึก แห้งชนิดเปลี่ยนไส้ใหม่ได้เมื่อใช้หมดในมือของตัวเองลงในกระเป๋าเสื้อของอีก ฝ่าย จากนั้นก็ส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู “เอาไว้ใช้ตอนคิดถึง” ภัทรพลยืนอึ้งแล้วท�ำท่าขนลุก “ล้อเล่นน่า พี่ให้” ตุลธรหัวเราะอารมณ์ดี “เอาไว้จดเลกเชอร์นะครับ จะได้ จ�ำแม่นๆ” เด็กภัทรท�ำหน้าประหลาดแล้วก้มลงมองปากกาด้ามเข้มในกระเป๋าเสื้อ ของตัวเอง ดึงมันขึ้นมาเพ่งมองอย่างพิจารณาก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้ว ยกรอยยิ้ม “เด็กสมัยนี้เขาจดบนแท็บเล็ตกันแล้วนะลุง” เงียบ... เงียบไปหลายอึดใจก่อนที่ตุลธรจะดึงตัวเองกลับออกมาจากโลกในยุคปี เก้าศูนย์ที่ตัวเองคุ้นเคย เขาลืมเสียสนิทไปว่าเด็กๆ สมัยนี้ใช้ชีวิตอีกแบบ โตขึ้นมา พร้อมๆ กับรถไฟฟ้า สมาร์ทโฟน และอินเตอร์เน็ตความเร็วสิบเม็กกะไบต์ ตุลธร -23-
paper moon
แค่คิดว่ามันเพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่ปี เขายังจ�ำสมัยที่เบิร์ด ธงไชยยังร้องและเต้น เพลง ‘คู่กัด’ ได้เมามันหลุดโลก ช่วงที่สุกี้เอ็มเค โปรแกรมเวิร์ดส์จุฬา อินเตอร์เน็ต ความเร็วห้าสิบหกกิโลไบต์ และการพกวอล์กแมนติดกระเป๋าเป็นเรื่องที่ทันสมัย ที่สุด ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะใกล้เคียงกับค�ำว่าชราภาพและหลัง เขามาก่อน กระทั่งได้รู้จักเด็กภัทรพลคนนั้น ดูเหมือนกราฟความมั่นใจในความ เป็นหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ของเขาจะตกฮวบจนเข้าขั้นวิกฤต ตุลธรหายใจเหนื่อย บอก ตัวเองว่าคงถึงเวลาที่จะปัดฝุ่นหยากไย่บนตัวเองแล้วหันมาสนใจกับเทคโนโลยีที่ เปลี่ยนเร็วกว่าไส้ดินสอกดเสียที ภัทรพลเดินกลับไปแล้ว เมื่อหมุนตัวกลับไป เขาเห็นทิมนั่งจิบกาแฟอย่าง มีความสุข อะไรก็ไม่เลวร้ายเท่าสายตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น แต่เรื่องพวกนี้กลับ ดูจะเลวร้ายขึ้นอีกเมื่อคะน้าก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย “เลิกคิดอะไรไม่เป็นเรื่องเถอะครับ” เขารีบพูดดัก และก็พดู ค�ำนีซ้ ำ้� ๆ อีกราวหนึง่ ชัว่ โมง ทัง้ ๆ ทีเ่ ขาก็แค่แกล้งหยอกเล่น ตุลธร ไม่เข้าใจเลยว่าการที่ตัวเองยังโสดอยู่อย่างนี้จะเป็นช่องโหว่ให้เพื่อนทั้งสองคน โจมตีพลางจับคู่ให้เป็นจริงเป็นจังแบบนี้ แต่ก็นับว่าเขาพอมีโชคอยู่บ้าง ขณะที่ ก�ำลังคับขัน หมอก้อย น้องจิว๋ ทีเ่ ป็นพยาบาล รวมถึงคนอืน่ ๆ ในแผนกก็พร้อมใจกัน เดินมาตามเขากลับไปท�ำงาน ไม่อย่างนั้น ตุลธรคิดว่าตัวเองอาจจะได้คู่สักคนใน ร้านกาแฟแห่งนี้ด้วยฝีมือของเพื่อนๆ เอาเสียแน่ๆ ในตอนหัวค�่ำหลังจากออกเวรตรวจผู้ป่วยนอกและตรวจอาการคนไข้ใน เสร็จ ตุลธรเดินกลับไปทีห่ อ้ งท�ำงานราวกับว่าขณะนีเ้ ป็นเวลาแปดโมงเช้าของวันใหม่ คล่องแคล่ว เต็มเปีย่ มไปด้วยพลังงาน และฉาบด้วยรอยยิม้ แบบทีต่ ดิ เป็นนิสยั ทันที ที่เปิดประตูห้อง เขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นภัทรพลนั่งเอกเขนกอยู่ในนั้น ชายเสื้อถูก ดึงออกนอกกางเกง หูทั้งสองข้างเสียบสายไอพ็อด ขณะที่มือยังถือแท่งดินสอค้าง เอาไว้ เจ้าตัวก็ทอดสายตามองออกไปทีก่ อ้ นเมฆสีมว่ งซึง่ บิดเกลียวอยูบ่ นท้องฟ้า แสงอาทิตย์ยงั คงมีอยู่ ใบหน้าและล�ำตัวของภัทรพลเบือ้ งหลังกรอบหน้าต่าง จึงมีเงาพาดผ่าน คล้ายกับภาพสีน�้ำมันขนาดใหญ่ที่จิตรกรวาดไว้ สวยและน่ามอง เหลือเกิน เขามองและยืนอยู่อย่างนั้น กระทั่งเด็กหนุ่มรู้สึกตัวแล้วหันกลับมา คน ที่แอบมองอยู่จึงเอ่ยทัก “ยังไม่กลับบ้านหรือ” -24-
Lucea
ภัทรพลท�ำหน้าเบื่อใส่แล้วไม่ตอบ เริ่มชินเสียแล้ว ตุลธรปรับสีหน้าตัวเองให้กลับมาดูปกติขณะเดินเข้ามาที่ โต๊ะท�ำงานของตน เขานั่งลงและเริ่มจัดการงานเอกสารพร้อมกับชวนอีกฝ่ายคุย เรื่อยเปื่อยคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เมื่อบ่ายไปเรียนทันไหม” อีกฝ่ายยักหัวไหล่ราวกับไม่อยากจะใส่ใจอะไรนัก ภัทรพลเอนตัวฟุบลง เหนือแผ่นกระดาษทีข่ ดี เขียนเป็นรูปการ์ตนู ต่างๆ เด็กหนุม่ เอียงแก้มแนบกับฝ่ามือ ทีเ่ หยียดกาง ขณะทีข่ ยับหัวไปตามจังหวะเพลงคุน้ หูทลี่ อดออกมาทางหูฟงั ภัทรพล ก็มองเขาแล้วส่งยิ้ม เป็นภาพที่น่ามอง แต่เขาท�ำเป็นมองไม่เห็น ตุลธรก้มหน้าลงจัดการกับ เอกสารในแฟ้ม ยอมรับว่าไม่ค่อยจะเข้าใจท่าทางแปลกๆ ที่เด็กสมัยนี้ชอบท�ำ รวมไปถึงภาษาวิบัติต่างๆ ประเภท ‘คิดถึงตะเองจุงเบย’ เขาแก่แล้ว (ยอมรับก็ได้) คนแก่มักไม่อินกับศัพท์แสงต่างๆ ที่พวกวัยรุ่นชอบยกมาพูดเหมือนกับที่ไม่เข้าใจ เพลงฮอตฮิตติดชาร์ตสมัยนีว้ า่ ได้รบั ความนิยมขึน้ มาได้อย่างไร เมือ่ ไม่เข้าใจ ตุลธร ก็ไม่อยากใส่ใจอะไรนักหนากับท่าทางพิลกึ พิลนั่ ของเจ้าเด็กทีม่ องจ้องอยูต่ รงหน้า กระทั่ง... “มีผมหงอกด้วยนี่นา” เขาชะงักกึก และเข้าใจแล้วว่ารอยยิ้มนั้นมีความหมายอย่างไร วินาทีนั้นเองที่ตุลธร กระซิ บ บอกตั ว เองว่ า สิ่ ง แรกที่ จ ะท� ำ หลั ง เลิ ก งานวั น นี้ คื อ การเดิ น ไปซู เ ปอร์ มาร์เก็ต ซือ้ ยาย้อมผมชนิดปิดผมขาวอย่างเร่งด่วน จากนัน้ ค่อยซือ้ อาหารส�ำเร็จรูป ส�ำหรับมื้อค�่ำกลับไปที่ห้อง กินไป ย้อมไป! “สามสิบห้าแล้วก็คงเริ่มมีบ้าง” เขาตอบ ปีศาจร้ายตรงหน้ายักคิ้วแล้วอมยิ้ม “หลายเส้นเลยนะ” “ในบางคนอาจจะมีหลายเส้นหน่อย” เห็นท่ากวนประสาทก็รู้สึกคันไม้คันมือนิดหน่อย เมื่อก่อนตุลธรเคยคิดว่า ตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์อยู่พอตัว หลายคนบอกว่าเขาเป็นคนพูดเก่ง ให้ความรู้สึก ดึงดูดระดับหลอมละลายทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้ แต่นั่นมันกี่ปีแล้วนะ -25-
paper moon
ห้าปีก่อน เขายังจ�ำได้ว่าตัวเองมีทั้งหมอ ทั้งพยาบาลเข้าหามากมายขนาด ไหน แม้แต่หมอก้อย หรือน้องจิ๋วที่เป็นพยาบาล เขาก็ยังดูออกว่าเธอทั้งสองคงยัง รูส้ กึ บางอย่างกับเขา หรือแม้แต่ทกุ วันนี้ ขณะทีอ่ อกตรวจ คนไข้หนุม่ สาวหลายคน ก็ยังยิ้มขวยเขินให้ไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้หลงตัวเอง เพียงแต่นึกสงสัยอะไรบางอย่าง เฉพาะสามสิบปีขึ้นไปเท่านั้นใช่ไหม? “ห้องพักอะไรให้ความรูส้ กึ แก่ได้ขนาดนี้ แทนทีจ่ ะมีอะไรโคมไฟเท่ๆ ภาพถ่าย ภาพวาด นี่อะไร มีพระ” ปากเล็กๆ ของภัทรพลยังไม่เลิกบริภาษ “กลัวผีหรือไง เนี่ย แก่ปูนนี้อย่าบอกนะว่ากลัวผีมาหลอก” เขาเงียบ ปล่อยให้คนขี้สงสัยถามไปเรื่อยเปื่อย “ลุง” และยังคงนิ่งเฉย “ลุงๆ” นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว “หูตึงแล้วเหรอ” แต่บางครั้งเคลื่อนไหวบ้างก็คงดี “อาการหูตงึ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ติดเชือ้ ไวรัส หลอดเลือดแตก เยือ่ หูชนั้ ในช�ำรุด หรือแม้กระทัง่ เกิดจากอาการเนือ้ งอกในสมอง ในอนาคตต้องท�ำงานเกีย่ ว กับสุขภาพ ควรท�ำความเข้าใจเกีย่ วกับสาเหตุของการเกิดปัญหาภายใต้ปจั จัยต่างๆ อย่างถ่องแท้ คนจะเป็นหมอไม่ควรพูดเล่นกับเรือ่ งพวกนีน้ ะภัทร อย่าลืมว่าเราจะ ต้องเป็นคนให้ความรูท้ ถี่ กู ต้องกับคนไข้ทฝี่ ากสุขภาพไว้กบั เรา” เด็กภัทรหุบยิ้มสนิทแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ จากนั้นก็ถอนหายใจเซ็ง ตาม ด้วยพึมพ�ำท�ำนองว่าคนแก่ขี้บ่นไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย เขายิ้ม อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย แม้จะไม่ได้มีความสุขเหมือนกับที่การดู แบดมินตันหญิงไทยได้แชมป์ในแมตซ์ระดับโลกเมือ่ กลางปีทผี่ า่ นมาiii แต่อย่างน้อย การได้ต่อความกับเด็กนี่ก็ท�ำให้เขาอมยิ้มได้ก็แล้วกัน “แล้วนั่นท�ำอะไรอยู่” iii สิงหาคม ปี 2556 น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ รับต�ำแหน่งผู้ชนะเลิศด้วยอายุที่น้อยที่สุดในรายการเวิลด์ แชมเปียนชิปส์ และถือเป็นคนไทยคนแรกที่คว้ารางวัลการแข่งขันแบดมินตันระดับโลก
-26-
Lucea
“กินข้าวมั้ง” ภัทรพลตอบขณะก้มหน้าวาดลายเส้นหมุนเป็นวงกลม ตุลธร ชะโงกหน้ามองด้วยความสงสัยจนกระทั่งภัทรพลแหงนหน้าขึ้นแล้วตอบในสิ่งที่ เขาสงสัย “พระจันทร์” “ยังไง?” เขาถาม ยังแปลกใจไม่หาย เพราะมองอย่างไรก็เหมือนจะเป็น ภาพก้นหอยยึกยือ หรือถ้าจะบอกว่าเป็นหลุมด�ำก็ดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่า ภัทรพลท�ำหน้าหงุดหงิด ก้มหน้าวาดๆ ฝนๆ จนเป็นลายเส้นที่แปลก ประหลาดสมใจแล้วก็ยมิ้ อย่างภูมใิ จ หากแต่เมือ่ เห็นสายตาสยดสยองของเขา เจ้าตัว ก็ฉกี กระดาษแผ่นทีว่ าดรูปขยุกขยุยนัน่ แล้วยืน่ ให้ “อยากได้ละสิ อะ...ให้” ตุลธรรีบก้มหน้าลงแกล้งหันกลับไปสนใจงานเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่ง จิตรกรผู้มีฝีมือเก่งฉกาจยัดมันเข้าเท็กซ์บุ๊กเล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วมัดมือ ชกเสร็จสรรพ “เก็บไว้สิ วันหลังจะมีมูลค่ามหาศาลนะ” “ถ้าเป็นแบบนั้น ภัทรเก็บไว้เองเถอะ” “ผมยังรับปากกาของลุงเลย” จนใจ ตุลธรถอนหายใจเหนื่อยแล้วรับไว้ จากนั้นก็หันไปบอกภัทรพลว่า ไม่ต้องอยู่รอจนมืดค�่ำทุกวันแบบนี้ ด้วยงานที่เอาเวลาแน่นอนไม่ได้ บางครั้งการ ตรวจผู้ป่วยในอาจกินเวลาออกไปช้ากว่าปกติ หรือบางทีอาจมีผ่าเคสด่วนขึ้นมา ทั้งหมดอาจกินระยะเวลามากเกินไปส�ำหรับนักศึกษาแพทย์ที่ต้องอ่านต�ำรา เตรียมสอบหรือท�ำงานส่งอาจารย์ในแต่ละวัน หากมีธุระอะไรต้องท�ำ ตุลธรอยาก ให้ภัทรพลให้ความส�ำคัญกับสิ่งเหล่านั้นก่อนงานผู้ช่วยของเขา และอีกอย่าง...เขา เองจะได้ไม่ต้องจ�ำใจรับภาพศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้อีก “ก็ไม่มีธุระอะไร” เด็กภัทรตอบด้วยเสียงเกียจคร้าน ตุลธรมองงานเอกสารในแฟ้มซึง่ เหลืออีกไม่มาก คาดว่าน่าจะเสร็จสิน้ ตาม เป้าหมายทีว่ างไว้ได้อย่างไม่มปี ญ ั หา หลังจากชัง่ ใจอยูช่ วั่ ครู่ เขาก็ปดิ แฟ้มเอกสารลง แล้วส่งยิม้ ให้คปู่ รับต่างวัยของตัวเอง “งั้นไปกินข้าวกันไหม พี่เลี้ยงเอง” “ไม่ละลุง ผมไม่หิว จะกลับไปนอนฟังเพลงใหม่ๆ” แล้วภัทรพลก็ลุกขึ้น ยืน บิดขี้เกียจ “แล้วเดี๋ยวจะเอามาคืนนะ หวัดดีครับ” -27-
paper moon
คืนอะไร? จะเอาอะไรมาคืน? แม้จะงงนิดหน่อยกับค�ำพูดของเด็กแสบก็ตามแต่เขาก็รบั ไหว้โดยดี ภัทรพล กลับไปแล้ว ห้องท�ำงานก็เงียบสงบลงอีกครัง้ คุณหมอหนุม่ ตัง้ สมาธิแล้วจัดการงาน ที่เหลืออีกเล็กน้อย ไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ตุลธรแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้ออาหารส�ำเร็จรูปนิดหน่อยส�ำหรับมื้อเย็น ได้แกงเขียวหวานกระดูกไก่กับผัดผักรวมมิตรใส่กุ้งตัวเล็กๆ สองสามตัว พักหลัง เขาเริ่มรู้สึกว่ามื้อไหนที่ไม่ได้ทานสารพัดผักสีเขียวจะรู้สึกไม่สบายท้อง ชายหนุ่ม บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่สัญญาณที่บ่งบอกว่าร่างกายก�ำลังย่างเข้าวัยชราด้วยระบบ การย่อยอาหารที่เสื่อมถอย เขาแค่อยากหันกลับมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองแบบคน หนุ่มรุ่นใหม่ต่างหาก และขณะที่เดินก�ำลังเลือกซื้อน�้ำยาเปลี่ยนสีผมนั่น ในใจก็ พลันหวนคิดไปถึงเด็กปากเสียที่ทักมาได้ว่าเขาผมหงอกเต็มหัวเสียหน้าตาเฉย และในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะสะกิดใจกับบางอย่าง กลับไปนอนฟังเพลงใหม่ๆ? หนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากการเอ่ยค�ำลาในห้องท�ำงานนั่น ตุลธรเพิ่งตระหนัก ได้ว่าไอพ็อดของตัวเองโบกมือลาไปอยู่กับผู้ช่วยสุดแสบเสียแล้ว ถึงว่าละ...แต่ละ เพลงที่ได้ยินมันช่างคุ้นหูนัก! เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วไลน์ไปที่เด็กแสบ ‘ยืมไปนี่อย่าให้พังกลับมานะ’ สักพักก็มีข้อความตอบกลับมา ‘บ่นเป็นตาแก่เลยวุ้ย’
-28-
Lucea
18 “ตายจริง ไม่แก่หรอกค่ะ ถ้าอย่างตุลดูเป็นลุง ก้อยคงได้เป็นระดับยายทวด ไปแล้วละ” หญิงสาวหัวเราะทันทีทตี่ ลุ ธรถามถึงเรือ่ งสุดสะเทือนใจซึง่ ได้ยนิ นับครัง้ ไม่ถว้ นตลอดสัปดาห์ทผี่ า่ นมานี้ “ไม่รู้เลยนะครับว่าหงอกแล้ว เหมือนจะเยอะด้วยแฮะ” เขายกมือขึ้นจับ ท้ายทอยอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ไม่เคยเห็นเลยนะคะ” “ย้อมแล้วน่ะครับ” หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็มองส�ำรวจเขาอีกครั้งอย่าง พิจารณา จนแล้วจนรอดก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลงตรงไหน ตุลธรจึงบอกว่าเขา ย้อมสีน�้ำตาลเข้มจนคล้ายกับสีผมจริงมาก เธอจึงได้หยุดมองด้วยสายตาพินิจ พิจารณา “เอาจริงๆ นะ ถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือมองเรื่องต�ำแหน่งที่เป็นถึง ศาสตราจารย์ทั้งที่อายุแค่นี้ รวมทั้งเป็นหัวหน้าแผนกศัลย์ ก้อยคงคิดว่าอย่างมาก หมอคนนี้ก็คงยี่สิบปลายๆ ตุลดูหนุ่มมาก กลืนกับพวกหมอจบใหม่ๆ ได้สบาย เลย” -29-
paper moon
“นีค่ งไม่ได้พดู เพราะเห็นแก่ความเป็นเพือ่ นหรอกนะ” เหมือนจะรูส้ กึ โล่งใจ ขึ้นมานิดหน่อย หญิงสาวหัวเราะและยืนกรานอีกครั้งว่าเธอพูดความจริง หมอก้อยเป็นเพือ่ นในกลุม่ เดียวกันตัง้ แต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ สนิทกัน ตั้งแต่สามปีแรกที่ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเรียนเป็นหลัก พอสามปีถัดมาที่ต้องอยู่ในโรง พยาบาลมากขึ้น ความที่นิสัยคล้ายกัน เป็นคนช่างซักช่างถาม และยังขึ้นชื่อว่าอึด เดนตายทั้งคู่เลยยิ่งท�ำให้สนิทกันมากขึ้น “เทียบกันแล้ว ตุลดูดีกว่าตอนที่ต่อเฉพาะทางด้วยซ�้ำ” “โอ้...ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองหล่อสะเด็ดน่าดู” เขาหัวเราะ จบปีที่หกเขาและก้อยก็เลือกเรียนเหมือนกัน นั่นคือต่อด้านสมองซึ่งถือว่า หินและถึกสุดๆ อยู่เวรกันคนละครึ่งปี ท�ำงานสองวันได้หยุดสองวัน แต่เอาเข้า จริงกลับต้องสิงอยู่ที่โรงพยาบาลแทบทุกวันเพราะที่นี่เป็นศูนย์ผู้ป่วยสมองจน กระทั่งแปรสภาพเป็นผีดิบ มีค�ำพูดข�ำๆ ระหว่างเราที่บอกว่าความผิดพลาดครั้ง แรกในชีวิตคือการเลือกเรียนหมอ ส่วนความผิดซ�้ำๆ ซากๆ ที่ไม่น่าให้อภัยคือการ ต่อเฉพาะทางด้านสมอง ด้วยความที่มีแพทย์ด้านนี้จ�ำนวนน้อย ทุกคนจึงต้อง ท�ำงานแบบน็อกรอบเข็มนาฬิกา จบเคสแรก อีกหนึ่งชั่วโมงมีผ่าตัดต่อ หมดแรง กันถึงต้องขั้นนอนพักในห้องผ่าตัดก็บ่อย และนั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ก้อยเบนเข็ม มาด้านกระดูกในปีถัดมา ขณะที่เขายังคงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นแม้ สภาพร่างกายแทบจะไม่ต่างกับวิญญาณเดินได้ก็ตาม “ถ้าไม่เกิดเรื่องตอนนั้น ป่านนี้อาจกลายเป็นหมอศัลย์นูโรฯiv รูปหล่อไป แล้ว” เธอยิ้ม ขณะที่เขาหยุดยืนแล้วแกล้งท�ำหน้าเซ็งเต็มที่ “ให้ตายสิ คุณนี่คงเกลียดผมมากเลยใช่ไหม” เขาพูดเหมือนคนหมดแรง คราวนี้เธอหัวเราะจนตัวสั่นทีเดียว เป็นอันรู้กันในหมู่แพทย์ว่าระบบประสาทและสมองเป็นงานที่โหดสุดๆ สภาพของหมอด้านนีท้ กุ คนแทบจะไม่ได้ใช้ชวี ติ อย่างมีความสุข กดดันทุกครัง้ ทีพ่ ดู คุยกับคนไข้หรือจับมีดในห้องผ่าตัด อันทีจ่ ริงตุลธรรับมือกับเหล่านีไ้ ด้และค่อนข้าง มีความสุขกับมันพอสมควร กระทัง่ วันหนึง่ ทีต่ วั เขาประสบอุบตั เิ หตุตอ้ งแอดมิดอยู่ โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ เจ็บกระดูกสันหลังจนร้าวไปทั้งตัว ช่วงเวลานั้นเองที่เขา iv Neurology หรือประสาทวิทยา
-30-
Lucea
เริม่ หันกลับมาสนใจเกีย่ วกับระบบกระดูกและข้อ กระทัง่ เบนเข็มลงมาเต็มตัวแบบ เดียวกับหญิงสาวอย่างทุกวันนี้ “จะว่าไปแล้วก็คดิ ถึงตอนนัน้ นะคะ โรงพยาบาลกลายเป็นบ้านไปแล้ว เห็น หน้ากันยิง่ กว่าคนในครอบครัวอีก” เธอยิม้ ให้กบั ความทรงจ�ำมากมาย ตุลธรรู้ดีว่ารอยยิ้มนั้นหมายถึงสิ่งใด ในตอนนั้นเขาไม่เคยเอะใจสักนิด ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ก้อยเริ่มคิดกับเขามากกว่าค�ำว่าเพื่อน แม้ว่าเขาจะให้ค�ำตอบ ไปอย่างชัดเจนว่าไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้ แต่ก้อยก็ยังคงเหมือนเดิม และ ยังคงความรู้สึกอยู่อย่างนั้นตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา “เรารู้จักกันมานานเหลือเกิน ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ จ�ำได้ไหมที่เพื่อนๆ ล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน” “จ�ำได้สิครับ เพื่อนที่ดีที่สุดทั้งคน” ถึงตรงนี้รอยยิ้มของหญิงสาวก็หม่นลง ตุลธรยังคงก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าในโถงทางเดิน เขาเป็นคนใจร้ายทีด่ เู หมือน ไม่มคี วามรูส้ กึ แต่เขากลับรูส้ กึ ดีกว่าทีเ่ ลือกทางเดินแบบนี้ แม้บางครัง้ ความดีของ เธอท�ำให้เขาคิดจะลองฝืนตัวเอง เขาพยายามแล้ว และคิดว่าตนเองคงตอบสนอง ทางร่างกายกับเธอได้ แต่มันคงเป็นสิ่งที่หยาบช้าและเลวร้ายเหลือเกินที่เขาจะ กอดเธอโดยจินตนาการว่าตัวเองก�ำลังร่วมรักกับผู้ชายที่ไหนสักคน เขาไม่รู้ตัวว่า เมื่อไรที่ตนเองเอาแต่มองเด็กผู้ชายน่ารักๆ แล้วรู้สึกแบบนั้น แต่มันก็เป็นไปแล้ว และเพราะเหตุนี้เขาจึงจ�ำเป็นจะต้องตรงไปตรงมากับเธอและทุกคนที่ตั้งใจจะ ก้าวเข้ามาหาเขาในฐานะนั้น “ผมขอโทษครับ” “อย่าคิดมากเลยค่ะ ตุลไม่ได้ผิดอะไรเสียหน่อย” เธอยิ้มเรียบแบบทุกครั้ง “เดี๋ยวก้อยลงไปห้องฉุกเฉินก่อนนะคะ แล้วคุยกัน” “แล้วคุยกันครับ” หญิงสาวเดินออกไป ทรงตัวอย่างมัน่ คงบนรองเท้าส้นเข็ม แล้วตุลธรก็เห็น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ กลืนหายไปในฝูงชนที่เดินไปมาในอาคาร ตอนทีถ่ งึ แผนก ตุลธรเห็นเหล่าพยาบาลยืนสุมกันทีเ่ คาน์เตอร์ ภาพเหล่านี้ เป็นสิ่งคุ้นตาที่เขาเห็นมาตลอดเวลานับตั้งแต่เป็นแพทย์ฝึกหัดเดินตามอาจารย์ -31-
paper moon
หมอต้อยๆ กระทั่งในเวลาที่บทบาทชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปรไป ภาพเหล่านั้นก็ยัง ฉายซ�้ำๆ แบบเดิมแค่หมุนเวียนตัวละครใหม่ๆ ไปเรื่อย “แหม คุณหมอตุลนีด่ นู า่ หม�ำ่ ทุกวันเลยนะคะ” สุดา หัวหน้าพยาบาลประจ�ำ ศูนย์กระดูกและข้อส่งเสียงหัวเราะแหลมเล็กมาแต่ไกล “บางทีก็อยากหน้าเท่งบ้างนะครับเนี่ยv” ตุลธรมั่นใจมากในมุกที่ตบกลับ ขนาดที่ยืนยิ้มแฉ่งรอรับเสียงหัวเราะที่จะสาดเข้ามา แต่ทุกคนยืนเงียบ...เงียบกริบ กระทัง่ เป็นสุดาทีถ่ อนหายใจหน่าย “คุณหมอคะ อย่าปล่อยมุกฝืดๆ แบบนี้ อีกนะคะถือว่าพี่ขอร้อง ฟังแล้วพี่เครียดเลยค่ะ” คราวนี้กลายเป็นได้ยินเสียงคน หัวเราะปรบมือชอบใจ สุดาอายุราวๆ สีส่ บิ รูปร่างท้วมใหญ่ มีสามีทเี่ ธอพร�ำ่ บอกว่าไม่เอาไหนและ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทีซ่ นเหมือนลิง และถึงแม้จะบ่นขนาดหนักทุกวัน แต่เธอก็ บอกทุกครั้งว่าคนเหล่านี้เป็นครอบครัวที่แสนรักนักหนา สุดาเป็นที่รักของทุกคน เพราะความเป็นคนทีม่ อี ารมณ์ขนั เหลือเฟือ และเพราะสิง่ นีน้ นั่ เองทีท่ ำ� ให้สดุ ารูจ้ กั คนมาก เมือ่ รูจ้ กั คนมากจึงไม่แปลกทีเ่ ธอจะพ่วงต�ำแหน่งเจ้ากรมข่าวลือทุกแขนงใน โรงพยาบาลไปอีกอัตรา “รับทราบและปฏิบตั ติ ามครับ” เขาหัวเราะแหยขณะทีส่ ายตาก็ตรวจดูบนั ทึก การให้ยาของคนไข้ในวอร์ด “ดีค่ะ หมอตุลช่วยสร้างภาพลักษณ์อะไรให้เหมาะกับหน้าตาหน่อยนะคะ พี่เสียดายของ” เธอเกี่ยวแขนเขา หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ตอนนี้ใครๆ ก็บอกว่า หมอตุลทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมยังใจดี มีแต่คนพากันตกหลุมรัก” “เดีย๋ วรับเงินสินบนด้วยครับ จ่ายด้วยค่าลงตรวจไข้ทงั้ สัปดาห์ของผมเลยนะ ครับนัน่ ” มุกนีไ้ ด้ผล พีด่ าถึงกับส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ในโรงพยาบาลรัฐแล้ว ถ้าใครคิดว่าการเป็นหมอจะท�ำให้มอี ทิ ธิพลสูงสุดใน วอร์ดแล้วล่ะก็ขอให้คิดใหม่ สาวๆ ในเครื่องแบบสีขาวเหล่านี้ต่างหากที่กุมอ�ำนาจ ทั้งหมดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นสต๊าฟvi เฟลโลว์vii เหล่าเรสซิเดนท์viii พวกอินเทิร์นix
-32-
v เป็นการเล่นค�ำพ้องเสียงของค�ำว่า ‘หน้า’ และ ‘น่า’ กับกลุ่มดาราตลกชื่อดัง หม�่ำ เท่ง โหน่ง vi Staff คือ อาจารย์แพทย์ vii Fellow คือ แพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ viii Resident คือ แพทย์ประจ�ำบ้านหรือแพทย์ที่ก�ำลังศึกษาต่อเฉพาะทาง ix Intern คือ แพทย์ใช้ทุนหลังจากศึกษาจบ 6 ปีแล้ว
Lucea
เอกซ์เทิรน์ x เภสัชกร คนไข้ รวมไปถึงญาติของผูป้ ว่ ย ผูห้ ญิงเหล่านีท้ ำ� อะไรได้มาก มายกว่าที่คุณๆ คิดนัก หมอคนไหนนิสยั อย่างไร ไว้ใจได้แค่ไหน เภสัชกรคนไหนทีค่ ณ ุ จะคุยด้วยได้ เตียงผูป้ ว่ ยในแผนกมีจำ� นวนเพียงพอจะรองรับเพิม่ ได้หรือไม่ ข่าวคราว...ตลอดจน ข่าวคาวของบุคลากรทุกฝ่ายรวมไปถึงของคนไข้ทุกแผนกในโรงพยาบาล สามารถ หาได้จากที่นี่ ดังนั้นถ้าบังเอิญคุณต้องมีธุระที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะที่โรงพยาบาล แห่งไหนก็ตาม พูดจาดีๆ กับพวกเธอเข้าไว้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ กับคนทีเ่ ป็นหัวหน้า พยาบาลอย่างพี่สุดาคนนี้แหละ “หมอคะ เมื่อวานมีคนซุบซิบว่าหมอไปยืนกอดกับใครก็ไม่รู้ หนุ่มหล่อ หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น สาวๆ ตกใจกันใหญ่ ตอนนี้ก็ลือกันไปทั่วว่าคุณหมอของพี่ดา เป็นเก้งเกย์อะไรไปเรื่อย คิดแล้วโมโหจริงๆ” “แย่ละสิ เขารู้ความจริงกันหมดแล้ว” ตุลธรแกล้งอุทานตกใจ “ดูทำ� ท่าเข้า” เธอค้อนตาเขียว “แล้วสองคนนัน้ เป็นเพือ่ นคุณหมอเหรอคะ ยังโสดอยูห่ รือเปล่าเนีย่ จะรูไ้ หมว่าขโมยหัวใจคนในโรงพยาบาลไปไม่นอ้ ยเลยนะ” “สองคนนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มวางปากกาแล้วส่งเสียงกระซิบ “มีครอบครัว แล้วครับ แถมอยู่กันแบบไม่จดทะเบียนด้วยสิ” “คนรุ่นใหม่สินะคะ” สุดาถอนหายใจอย่างมีจริตจะก้าน คุณหมอหนุ่มก็ไม่ คิดแย้งหากเธอจะเข้าใจไปแบบนั้น “แต่หมอตุลยังโสดอยู่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่คง ต้องหัวใจสลายแน่” “เลหลังยังขายไม่ออกเลยครับ เมือ่ วานมีเด็กบอกว่าผมแก่เป็นลุงเสียแล้วสิ” “อุ๊ย ใครคะ พี่ดาจะไปตบปากให้” ไม่พดู เปล่า สาวใหญ่ยกมือง้างเข้าให้อกี ตุลธรนึกถึงหน้าของเด็กภัทรตอนที่ โดนหัวหน้าพยาบาลสุดโหดเทศนาก็อดจะข�ำไม่ได้ ถ้าพี่สุดารู้ว่าใครเป็นคนพูด มี หวังเด็กแสบนัน้ คงได้หชู าไปสามวันสามคืนแน่ๆ “แน่ะ อารมณ์ดีอะไรคะ ยิ้มใหญ่เลย แอบคิดถึงใครต่อหน้าพี่ได้ลงคอคะ พี่ดาเสียใจนะคะ” “เปล่าครับ ไม่มอี ะไรหรอกครับ” เขารีบส่ายหน้า “อ้อ...พีด่ าครับ ห้องท�ำงาน ผมให้พี่แม่บ้านท�ำความสะอาดเฉพาะวันหยุดผมก็พอนะครับ พอดีอาจารย์ภาณุ x Extern คือ แพทย์ชั้นปีที่ 6
-33-
paper moon
ท่านให้นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งมาช่วยงานผม ผมคงให้น้องเขาช่วยจัดการดูแล เล็กๆ น้อยๆ ให้น่ะครับ จะได้เบาแรงกันไปอีกนิด รบกวนฝากพี่แจ้งแม่บ้านด้วย นะครับ” สุดาพยักหน้า จากนั้นเธอก็กล่าว “อ้อ หมอตุลคะ เห็นว่าท่านผอ.หาตัว อยู่แน่ะ” กรุณา เลขาฯ ของผอ. ภาณุนั่งรับโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะท�ำงานที่เต็มไปด้วย เอกสาร ตอนที่เขาเดินเข้าไป หญิงสาวแค่ยกมือส่งสัญญาณบอกว่าให้รอก่อนจะ ต่อสายเข้าไปหาท่านผู้อ�ำนวยการ ไม่กี่นาทีถัดมา เธอก็โบกมือให้สัญญาณอีกครั้ง ว่าให้เข้าไปในห้องได้ จากนั้นก็ง่วนกับงานเอกสารของเธอต่อ ศ.นพ. ภาณุยนื อยูห่ า่ งจากบานหน้าต่างประมาณสองถึงสามฟุต เขามีสหี น้า และรอยยิ้มที่สดใสเมื่อตุลธรก้าวเข้ามาในห้อง “นั่งสิหมอตุล คนแก่แบบผมคงไม่ ได้กวนเวลาของคุณเกินไปใช่ไหม” ตุลธรส่ายหน้าแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ “ทีผ่ มเรียกคุณมาในวันนีพ้ ราะมีเรือ่ งอยากจะคุยนิดหน่อย เรือ่ งของภัทรพล น่ะ” “ภัทรพลหรือครับ” “ใครๆ ก็บอกว่าเด็กคนนั้นเป็นประเภท ‘น่าเอ็นดูเป็นพิเศษ’ ถึงขนาดเล่น เอาอาจารย์ทกุ คนพากันส่ายหัว” ผูอ้ าวุโสกว่ากลัว้ เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดแี ล้ว พูดต่อ “ปากคอหรือความประพฤติก็เรื่องหนึ่ง แต่ความสามารถก็อีกเรื่อง เด็กคน นั้นเป็นเด็กทีแ่ ปลก ไหวพริบสติปญ ั ญาดีจนน่าตกใจจริงๆ เบสิกเมดิคลั ไซน์xi เด็ก คนนัน้ ได้คะแนนเต็มเกือบหมดทัง้ ทีใ่ นชัว่ โมงเรียนดูจะไม่สนใจสักนิด นอกเวลา เรียนก็ไม่สุงสิงกับใคร ดื้อดึงจนบางครั้งอาจเรียกได้ว่าขวางโลก แต่ภัทรพลก็ไม่ ได้มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กที่ใช้ไม่ได้ สิ่งที่ผมหวาดกลัวก็คือเรื่องของความเครียด ในตัวเด็ก คุณพอนึกออกใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร” ตุลธรพยักหน้า “คุยกันสบายๆ นะคุณหมอ เราต่างรูด้ วี า่ ในแต่ละปีมนี กั ศึกษาแพทย์จำ� นวน ไม่นอ้ ยทีป่ ระสบกับภาวะเครียด หลายคนเรียนไม่จบ ทีเ่ ครียดจนอยากฆ่าตัวตายก็มี -34-
xi วิชาพื้นฐานทางการแพทย์แบ่งออกเป็นแขนงต่างๆ
Lucea
ผมค่อนข้างเป็นห่วงภัทรพล เดิมทีเดียวผมตั้งใจจะให้อาจารย์อภิชาติช่วยดูแล แต่ ด้วยวัยที่ต่างกันเกินไป ผมเลยมองว่าภัทรพลกับคุณน่าจะดูเป็นไปได้มากกว่า” “ผมอายุมากกว่าภัทรพลเกินเท่าตัวเลยนะครับ” “มันก็เหมือนทีผ่ มอายุเกือบจะเท่าตัวของคุณ และเกือบสีเ่ ท่าของเด็กคนนัน้ นัน่ ละ” ผอ. ภาณุหวั เราะ “ทีน่ มี่ แี ต่คนแก่ๆ ไม่เชือ่ ก็ตอ้ งเชือ่ คุณอายุนอ้ ยทีส่ ดุ แล้ว นะคุณหมอ” “ท่านผู้อ�ำนวยการยกเรื่องนี้มาพูด เล่นเอาผมไปต่อไม่ถูกเลยครับ” ตุลธร หัวเราะบ้าง “เรื่องอายุนี่เป็นหน้าเป็นตาของโรงพยาบาลเราเลยนะ เรียกประชุมทีเอา อายุแต่ละคนมากองรวมกันนี่มากกว่าอายุของโรงพยาบาลเสียอีก” ผอ. ภาณุ กล่าวอารมณ์ดี “ภัทรพลอาจดูเป็นตัวปัญหาแต่ไม่น่าใช่เด็กมีปัญหา เหมือนเขา ตั้งใจจะท�ำให้ทุกอย่างมันดูขวางโลกอย่างนั้นเพื่อเรียกร้องหรือประท้วงอะไรบาง อย่าง หรือบางทีมันจะเป็นแค่อาการอกหักของวัยรุ่นผมก็ไม่รู้ คนเราพอแก่แล้ว มันก็แก่จริงๆ ถ้าหนุ่มกว่านี้สักสี่สิบปี ผมคงไม่ต้องพึ่งคุณแล้วแหละ” “อาจารย์ยังหนุ่มอยู่เลยนะครับ” “เอาใจคนแก่นไี่ ม่ได้แปลว่าจะได้วนั หยุดเพิม่ ขึน้ หรอกนะ” คนทีอ่ ายุมากกว่า กล่าว “ทีน่ เี่ ป็นโรงเรียนแพทย์ เราต้องการผลิตบุคลากรทีม่ คี ณ ุ ภาพ ดูแลเขาหน่อย ลองได้คิดแปลกท�ำแปลกแหวกแนวได้แบบนี้ ปั้นดีๆ เด็กคนนี้อนาคตจะไปได้ไกล แน่นอน” ตุลธรค้อมศีรษะลงพร้อมรอยยิ้ม ครุ่นคิดไปถึงปีศาจตัวน้อยที่แสบสมกับ ชื่อเสียงร�่ำลือ
-35-
paper moon
805 การวิ่งจ๊อกกิงสามวันต่อสัปดาห์เป็นการหลีกเลี่ยงอาการ ‘นั่งแล้วเผละ’ ส�ำหรับผู้ชายวัยสามสิบขึ้นไปได้เป็นอย่างดี หากลงเวรเช้า ตุลธรมักมาถึงสวน สาธารณะใกล้โรงพยาบาลก่อนเวลาเข้างานอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หกสิบนาที แรกหมดไปกับการจ๊อกกิง้ ส่วนสามสิบนาทีทเี่ หลือเพือ่ อาบน�ำ้ เตรียมตัวเข้าท�ำงาน เช้านี้เขาวิ่งช้าๆ ไปตามทาง ขนาบด้วยใบไม้สีเขียวที่กางแขนโอบรอบ อากาศบริสุทธิ์ท่ีนี่ท�ำให้สมองปลอดโปร่ง และการออกก�ำลังกายตอนเช้าก็ท�ำให้ ร่างกายเขาตื่นตัว ขณะที่สองเท้ายังคงขยับไปบนทางวิ่ง เหงื่อที่ซึมออกบนใบหน้า ท�ำให้คุณหมอหนุ่มยกชายเสื้อดึงขึ้นมาซับ เขาหอบหายใจสูดออกซิเจนเข้าไป หล่อเลี้ยงปอด ตุลธรรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เสียเหงื่อ เขายืนพัก ดึงเสื้อขึ้นมาบิดน�้ำที่ เปียกชุ่มออกให้สบายตัว เสียงผิวปากของสาวๆ ทีว่ งิ่ ขนาบอยูใ่ กล้ๆ กับสายตาทีจ่ อ้ งมองไปยังซิกแพ็ก บนท้องเหมือนเห็นอาหารจานโปรดตรงหน้า คุณหมอหนุ่มเห็นแล้วก็รีบปล่อย ชายเสื้อลงแล้วยิ้มเขิน เขาชะลอเท้าลง ปล่อยให้สาวสวยพวกนั้นทิ้งห่างออกไป ตุลธรมองไปรอบๆ ตัว กรุงเทพฯ เปลีย่ นไปพอสมควร พืน้ ทีส่ เี ขียวน้อยลง รถติดขึน้ -36-
Lucea
ป้ายโฆษณาแปลกๆ ก็มีมากขึ้น แล้วก็...สาวกรุงเทพฯ ดูเหมือนจะใจกล้าขึ้นนิด หน่อย อย่างไรก็ตามพื้นที่สีเขียวตรงนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปนับจากสมัยที่เขาเรียน เลย ทุกๆ เช้าจะมีเหล่าผูส้ งู อายุมายืนร�ำไทเก๊ก มีหนุม่ สาววิง่ ออกก�ำลังกาย ขณะที่ เด็กๆ ก็วงิ่ เล่นซน ตุลธรหยุดยืนมองดูนกั ศึกษาแพทย์กลุม่ หนึง่ พวกนัน้ หอบกีตาร์ โปร่งมาล้อมวงกันเล่นดนตรีเรีย่ ไรกิจกรรมแพทย์อาสาชนบทแต่เช้าจรดค�ำ่ ครัง้ หนึง่ เขาก็เคยท�ำแบบนี้ ยืนดีดกีตาร์รอ้ งเพลงกับเพือ่ นๆ ส่งเสียงเรียกคนทีเ่ ดินผ่านไปมา ให้หย่อนเศษสตางค์ลงกล่องกระดาษท�ำมือตามก�ำลังจิตศรัทธา ตอนทีย่ นื อยูน่ นั้ มีผหู้ ญิงน่ารักสองสามคน ผูช้ ายทีน่ า่ รักกว่าผูห้ ญิงทีน่ า่ รัก พวกนั้นอีกห้าหกคน ส่งยิ้มให้กับเขาขณะที่วิ่งผ่าน บางคนเดินเข้ามาขอเฟซบุ๊ก ขอไลน์ แต่พอเขาแกล้งท�ำหน้าเหรอหราพูดกลับเป็นภาษาญึ่ปุ่นแบบผิดบ้างถูก บ้าง พวกนั้นก็ถอยหนี เขาปฏิเสธคนไม่เก่ง และด้วยเหตุนี้จึงเรียนรู้วิธีที่จะไม่ต้อง เอ่ยถ้อยค�ำชวนให้ลำ� บากใจพวกนัน้ อันทีจ่ ริง เขาไม่ได้รงั เกียจทีจ่ ะเปิดโอกาสให้กบั ตัวเอง หากแต่ชวี ติ ของตุลธร ยุ่งเกินกว่าที่จะให้ความสนใจกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบนั้น กิจวัตรประจ�ำวันจึง วนเวียนอยูก่ บั บ้านและทีท่ ำ� งาน นานๆ ทีทเี่ ขาถึงจะไปดืม่ กินกับคะน้าและทิมบ้าง ซึง่ ก็นบั ครัง้ ได้ บางครัง้ เขาก็ยอ้ นมานัง่ นึก หรือว่าเขาอาจจะเลยวัยอย่างทีเ่ ด็กภัทร ชอบพูดนั่นก็ได้ เขาส่งยิม้ ให้หญิงชราทีร่ ำ� ไทเก๊กแต่เธอเมินใส่ คุณหมอหนุม่ ส่ายหัวให้กบั ตัว เองก่อนจะขยับเดินไปข้างหน้า จะว่าไปแล้วทุกวันนี้ ความสุขของตุลธรคือการใช้ ชีวติ ทีป่ ราศจากกรอบความสมบูรณ์แบบทีส่ งั คมตีไว้ให้กบั ตนเอง เขาชอบใช้ชวี ติ อยู่ กลางแจ้ง ชอบแสงแดดทีค่ นกรุงเทพฯ เข็ดขยาด ชอบสายฝนหรือลมทีพ่ ดั แรง เขา ชอบธรรมชาติและชอบอุปสรรคทีธ่ รรมชาติสร้างขึน้ มาให้มนุษย์เอาชนะ อาจเพราะ เหตุนี้กระมังที่ท�ำให้เขาเลือกจะเป็นหมอ อาชีพที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาชนะความ เจ็บป่วยและโรคภัยทีท่ ำ� ร้ายมนุษย์ สักพักปลายเท้าทัง้ สองข้างก็เริม่ ขยับวิง่ อีกครัง้ เขาชอบเสียงหัวใจทีเ่ ต้นแรง ขณะเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ชอบชีวิตที่มีการเคลื่อนไหว เขามักจะมาวิ่งที่นี่ มองดู เหล่าผู้สูงอายุร่ายร�ำตามท�ำนองเพลงจีน ดูหนุ่มสาวรักสุขภาพที่ว่ิงสวนกันไปมา มองเด็กๆ หกคะเมนตีลงั กาสนุกสนาน บ่อยครัง้ ทีเ่ ขาจะแหงนหน้าขึน้ มองก้อนเมฆ -37-
paper moon
บนฟ้า มองนกที่กางปีกบินอยู่บนนั้น สูดกลิ่นของใบไม้ที่เอนไหวด้วยแรงลม เหล่านั้นช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและพลังงาน ตรงไปอีกสักพัก เขาก็เห็นเด็กคนหนึ่งสะดุดล้มลงกับพื้น ขณะที่ก�ำลังจะ เข้าไปช่วยดูแผลก็มีเรื่องที่น่าประหลาดใจขึ้น ไม่รู้ว่าภัทรพลโผล่พรวดออกมาจาก ตรงไหน ตัวแสบนั่นวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กตัวน้อยที่ร้องไห้อยู่ ภัทรพลดูแผลแล้ว พยายามปลอบขวัญ แต่ความอ่อนเดียงสาตามวัย เด็กคนนั้นเลยปล่อยโฮเสียงลั่น แม้ว่าแผลนั้นน่าจะแค่เพียงถากที่ผิวหนัง ภัทรพลเองก็ดูจะพยายามปลอบ แต่ ปลอบเท่าไรเด็กตัวเล็กก็ไม่หยุดร้อง ดูแล้วก็เป็นภาพที่น่าข�ำ เมื่อเด็กเอาแต่ใจต้อง มาเจอกับเด็กเอาแต่ใจของจริง รอยยิ้มของเขายกตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัวตอนที่วิ่งย้อนกลับไปหากลุ่มนักศึกษา ที่ถือกีตาร์ร้องเพลง เขายืมกีตาร์เด็กพวกนั้นแล้ววิ่งเหยาะๆ มาหาเด็กตัวเล็ก... กับเด็กตัวใหญ่ พอเห็นเขาเข้ามาใกล้ เด็กตัวใหญ่ก็หน้ามุ่ยขึ้นทันที ตุลธรย่อตัวนั่งยองๆ ข้างกับเด็กตัวใหญ่ที่ว่า เขายกศอกขึ้นแตะสีข้างแล้ว ส่งยิ้ม ภัทรพลหันกลับมามองตาขวาง แม้เวลาที่โกรธเกรี้ยว ปากที่เชิดขึ้นนั้นก็ ช่างรับกับจมูกรั้นได้กลมกลืนจนกลายเป็นภาพที่น่ามองขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ “ลุงไปนั่งไกลๆ ไป เหม็นเหงื่อ” แต่ตุลธรแกล้งท�ำเป็นหูทวนลม เขาหันกลับไปส่งยิ้มให้เด็กที่ก�ำลังร้องไห้ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นวางบนหัวเด็กตัวน้อยเบาๆ แล้วปลอบโยน “เป็นลูกผูช้ ายต้องไม่ขแี้ ยนะครับ” เขายิม้ “ถ้าหยุดร้อง พีจ่ ะเล่นเพลงเพราะๆ ให้ฟังเอาไหมคนเก่ง” เด็กชายคนนั้นหยุดสะอื้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองมาที่เขา ตอนนี้มีเด็กอีกกลุ่ม หนึ่งวิ่งกรูเข้ามา กลายเป็นเขาและภัทรพลก�ำลังถูกล้อมด้วยเด็กตัวน้อยร่วมสิบ คน “ชื่ออะไรครับ” เขาส่งยิ้มแล้วถาม “เปี๊ยก” “แล้วเราล่ะ” “ชื่อ...ชัย” จากนั้นเขาก็ไล่ถามชื่อไปเรื่อยๆ กระทั่ง... “แล้วคนนี้ชื่ออะไรนะครับ” เขาหันไปมองภัทรพล ส่งยิ้มเย้า -38-
Lucea
ภัทรพลเบือนหน้าหนี เสไปมองเด็กรอบๆ ตัวแล้วพูดเสียงฝืด “มุกคนแก่ หลงวัยหรือไง” ตุลธรผ่านโศกนาฏกรรมของสารพัดค�ำพูดประเภทที่ว่าค�ำก็แก่ สองค�ำก็ หงอกมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พอได้ยินบ่อยๆ เข้า นอกจากจะรู้สึกเฉยๆ แล้วภูมิ ต้านทานของเขายังดีจัดขนาดไม่สะเทือนแม้แต่น้อย “หลงแล้วครับ” เขาหัวเราะ สบตาที่แข็งขืนนั้นกลับอย่างยั่วเย้าแล้วปล่อย ให้อีกฝ่ายคิดว่าหลงที่ว่าคือหลงแบบไหน ผลคือภัทรพลถึงกลับท�ำหน้าส�ำลักน�้ำ รอจังหวะนีอ้ ยูแ่ ล้ว ตุลธรจึงแกล้งยืน่ หน้าเข้าไปใกล้ขนึ้ แล้วกระซิบถาม “ชือ่ อะไรนะ บอกได้ไหมครับ” เงียบไปสักพักพร้อมกับดวงตาสีขนุ่ คลัก่ สุดท้ายคนทีถ่ กู ถามก็ตอบ “ภัทร” กว่าจะตอบก็เล่นเอาเด็กๆ รอบตัวลุ้นตัวโก่ง คุณหมอหนุ่มยิ้มกว้าง จากนั้นก็เขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กับแก้มใสๆ นั้นมากขึ้น “แล้ว...ภัทรมีแฟนหรือยังครับ” พูดจบตุลธรก็รู้สึกแปลกใจตัวเองขึ้นมาที่จู่ๆ ก็ถามออกไปอย่างนั้น นั่น ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะถาม ไม่เคยจะคาดคิดมาก่อนเสียด้วยซ�้ำ นึกแล้วชายหนุ่มก็ยัง รู้สึกงงกับตัวเองอยู่ไม่หาย คนถูกถามหันขวับกลับมามองหน้า พอสบเข้าจังๆ กับดวงตาที่มองจ้อง อยู่ ต่างฝ่ายต่างก็ผละสายตาหนีจากกัน สักพักตุลธรก็หันกลับไปมองคนที่นั่ง ข้างๆ ตั้งใจจะขอโทษที่ละลาบละล้วงเกินเลย แต่พอเห็นตัวแสบที่ปกติต้องแผลง ฤทธิ์เต็มที่ไปแล้วรูดซิปปากสนิท เอาแต่ลูบๆ จับๆ แผลที่หัวเข่าของเด็กชื่อเปี๊ยก ก็นึกสงสัยแปลกๆ ในใจขึ้นมาอีก ก�ำลังเขินอยู่หรือเปล่านะ? ภาพของภัทรพลที่เอาแต่หลบสายตาท�ำให้เขารู้สึกอยากจะรู้ค�ำตอบขึ้นมา อย่างประหลาด “ภัทรมีแฟนหรือยังครับ” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วย�้ำข้างใบหู ภัทรพลยังคงก้มหน้าเหมือนเดิม แต่คราวนี้มือทั้งสองข้างกลับหยุดนิ่ง คุณหมอหนุ่มมองคนที่นั่งข้างๆ อย่างเต็มตา ถ้าไม่ท�ำตัวกวนประสาทหรือพูดจา เป็นขวานผ่าซาก เด็กคนนี้เป็นเด็กที่น่ารักมากจริงๆ บางครั้ง ตุลธรนึกสงสัยขึ้น -39-
paper moon
มาว่าอายุทตี่ า่ งกันถึงเท่าตัวจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยจริงหรือเปล่า ในวันทีภ่ ทั รพล เกิด เขามีอายุมากกว่าเจ้าตัวในตอนนี้เสียด้วยซ�้ำ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ดวงตาที่ อ่อนลงของภัทรพลกลับท�ำให้เขาคิดว่าช่องว่างที่ห่างแสนห่างนั้นก�ำลังค่อยๆ บีบ ตัวแคบลงทีละนิด และถ้ามันยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เขาก็ไม่รู้ว่าในที่สุดนั้นจะยัง เหลือความห่างไกลเหล่านี้อีกไหม เพราะภัทรพลในตอนนี้...เด็กคนนั้นในตอนนี้ อยู่ใกล้กับเขาเสียเหลือเกิน คุณหมอหนุม่ ยังคงมองภัทรพลทีน่ งั่ อยูข่ า้ งๆ อยูอ่ ย่างนัน้ รูส้ กึ ลุน้ เล็กๆ กับ ค�ำตอบที่ไถ่ถาม เขาก�ำลังรอฟังอยู่อย่างนั้นหรือ มันเริ่มต้นจากความรู้สึกอยาก แกล้งถามไปเล่นๆ แต่เพราะอะไรไม่รู้ อยูๆ ่ ก็เหมือนกับว่ามันจะกลายเป็นค�ำถาม จริงๆ ขึน้ มา “มุกเฒ่าหัวงูหรือไงกัน” ภัทรพลตอบออกมาหน้าตาเฉย เด็กๆ รอบตัวหัวเราะแล้วหันมาเรียกเขาว่าตาเฒ่าหัวงูกันหมด นอกจาก จะไม่ปฏิเสธแล้ว คนที่ถูกกล่าวหายังรับสมอ้างหน้าระรื่น ตุลธรยกมือขึ้นชูบนหัว แล้วส่งเสียงขู่ฟ่อใส่เด็กตัวเล็ก...และเด็กตัวโต “กีตาร์นี่ลุงเอามาเล่นหมากเก็บไหม จะร้องไหมเพลงน่ะ น้องๆ รอฟังกัน ใหญ่แล้ว” ภัทรพลท�ำท่าร�ำคาญ เขาพยักหน้าแล้วเริ่มเคาะฝ่ามือลงบนแผ่นไม้ด้านข้างของเครื่องดนตรีให้ จังหวะ ปลายนิ้วสะบัดพรมไปบนสายพร้อมๆ กับเสียงเพลง ‘ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ’ ของ ‘เจ เจตริน’ ที่ดังขึ้น ตุลธรโยกหัวไปตามท่วงท�ำนอง เขาดูมีชีวิตชีวาทุกครั้งที่ ได้เล่นดนตรี โดยเฉพาะกับกีตาร์โปร่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาจนแทบ จะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายพอๆ กับต�ำราแพทย์ มีคนเคยบอกว่านิ้วของเขาเป็น ของวิเศษ ให้ท้ังเสียงดนตรีที่นุ่มนวลและการผ่าตัดที่เฉียบคม หากแต่เขาไม่เคย คิดเช่นนั้น ตุลธรมองว่าเขาก็แค่สนุกสนานกับชีวิต และดนตรีก็คือส่วนประกอบ หนึ่งที่หลอมรวมเป็นเขา ทักษะความรู้ด้านแพทย์ก็เช่นกัน เพลงนี้เป็นเพลงร้องคู่ และเขาก็ท�ำเสียงเล็กเสียงน้อยไปเรื่อย เน้นที่ความ สนุกมากกว่าที่จะตั้งใจร้องแบบจริงจัง พอพ้นจากฮุก ความสนุกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื้อเพลงเข้าสู่ช่วงที่ฝ่ายชายเป็นผู้ออดอ้อน ความที่เนื้อร้องเป็นอย่างนั้นและในที่ นัน้ ก็ดจู ะไม่มใี คร จึงกลับกลายเป็นว่าเขาก�ำลังครวญเพลงเข้าบทพ่อแง่แม่งอนกับ ภัทรพลอยูใ่ นที -40-
Lucea
เด็กตัวน้อยต่างพากันลุกขึ้นมาร้องเล่นเต้นระบ�ำ ขณะที่เด็กตัวใหญ่ที่เขา ร้องไปมองหน้าส่งยิ้มไปก�ำลังท�ำท่าเหมือนคนมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย พอถึงฮุก อีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนเปี๊ยก ชัย และเพื่อนๆ จะลืมความเจ็บไปหมดแล้ว ทุกคน ถึงพร้อมใจกันกระโดดเหย็งๆ แล้วพอเด็กๆ ได้เล่นแล้วมันก็มักจะเหมือนกับใคร สักคนกดสวิตช์เปิดเครื่องซักผ้าโดยที่เราติดอยู่ในนั้น ทุกอย่างรอบๆ ตัวเราจะ หมุนติ้วไปพร้อมกับความซนของพวกเขา เปี๊ยกและชัยหัวเราะดังขึ้นและดังยิ่งขึ้น สั ก พั ก ก็ เ ริ่ ม หั น มารุ ม ทึ้ ง กระโดดขี่ ค อคุ ณ หมอหนุ ่ ม ที่ นั่ ง ดี ด กี ต าร์ โ ยกตั ว อย่ า ง สนุกสนาน ตุลธรร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ แต่ตอนนั้นเองที่เขาเห็นภัทรพลก�ำลัง ยิ้ม เป็นรอยยิ้มครั้งแรกของเด็กคนนั้นที่เขาเคยเห็น และครั้งแรกที่ว่า...ก็เป็นยิ้มที่เหมือนจะส่งมาให้เขา หัวใจของตุลธรผลิบานขึ้นมาโดยเจ้าตัวไม่ทันสังเกต เขายิ้มตอบขณะที่ เด็กๆ ยังรุมทึ้งเขาเหมือนฝูงแมงเม่าที่สมัยนี้หันมาตอมหลอดไฟแทนที่จะโผเข้า ใส่กองไฟแบบค�ำพังเพยสมัยก่อน ดวงตาที่อ่อนโยนยังคงมองจ้องรอยยิ้มที่น่ารัก นั่นเหมือนจะจดจ�ำมันเอาไว้ให้แม่นมั่น ฟังดูแล้วอะไรๆ ก็เหมือนจะดูดีถ้าทุก อย่างจะไม่ลงเอยด้วย... กร๊อบ คล้ายกับว่าคุณหมอหัวหน้าแผนกศัลยศาสตร์กระดูกและข้อจะได้ยิน เสียงลั่นของกระดูกสันหลังและสารพัดข้อของตัวเอง ตุลธรรู้สึกร้าวขึ้นตลอดแนว กล้ามเนื้อหลัง ความปวดระบมเหมือนจะลามไปถึงกระดูก บางทีอาจจะเพราะว่า น�้ำหนักของเด็กๆ ที่กระโดดโถมใส่ หรือไม่ก็การที่เขาก้มหลบผิดท่า แต่ที่แน่ๆ ชายหนุ่มมั่นใจว่ามันจะไม่ใช่สาเหตุที่มาจาก... “แก่แล้วก็งี้” ภัทรพลเติมค�ำพูดในใจตุลธรให้จบประโยคขณะช้อนปีกของ เขาขึ้นพยุงแล้วเดินกระดึ๊บกลับโรงพยาบาล แทนทีจ่ ะยิม้ เศร้าแบบทีผ่ า่ นมา เขากลับอมยิม้ จนคล้ายจะหัวเราะ เด็กภัทร นี่แสบได้ที่จริงๆ หลังจากเดินเอากีตาร์ไปคืนนักศึกษาแพทย์กลุ่มนั้นแล้ว เขาก็ก�ำชับให้ชัย พาเปี๊ยกไปท�ำความสะอาดแผลที่โรงพยาบาล เห็นกลุ่มเด็กๆ ท�ำหน้าแขยง ตอน -41-
paper moon
นั้นเขาถึงได้รู้ว่าเปี๊ยกเป็นลูกของพี่แม่บ้านที่ดูแลความสะอาดให้กับอาคารต่างๆ ในโรงพยาบาลนั่นเอง “ขอบใจนะทีช่ ว่ ยพยุง เดินเองคงช้าน่าดู เด็กหนอเด็กท�ำกันได้ลงคอ” คล้าย กับจะบ่นไปเรือ่ ยเปือ่ ยแต่คณ ุ หมอก็ยงั ยิม้ ได้แม้หลังจะเดีย้ ง เวลาที่ภัทรพลอยู่เงียบๆ แบบนี้ จะเป็นเวลาทีใ่ ครต่อใครจะหันมามองเห็น ความน่ารักของส่วนผสมทีล่ งตัวบนใบหน้าทีไ่ ด้รปู นัน้ เมือ่ มองจากระยะทีใ่ กล้จนชิด แก้มของภัทรดูจะใสกว่าที่เขาเคยเห็น ตุลธรเห็นสีของฝาดเลือดเป็นสีชมพูสด หาก เพิ่มโทนสีให้เข้มขึ้นอีกนิดจะกลายเป็นสีแดงธรรมชาติที่น่ามองแบบสีบนริมฝีปาก รั้นนั่น จมูกของภัทรพลเป็นสันสูงดูเด่น และในระยะใกล้นี่เองที่เขาเริ่มค้นพบว่า ภัทรพลมีแพขนตาทีห่ นาโค้งเหมือนกับตุก๊ ตาเด็กผูห้ ญิง ตลอดเวลาที่เดินขยับไปข้างหน้า ไม่ใช่เพียงแต่คุณหมอหนุ่มที่เอาแต่มอง จ้องเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนตุ๊กตาคนนี้ คล้ายกับว่าสายตาคู่อื่นๆ ก็จ้องมองมาที่ภัทร พลเช่นกัน ขณะที่เจ้าตัวเองดูจะไม่ใส่ใจสักนัก เอาแต่เดินจ�้ำอ้าวจนเขารู้สึกแปลบ ขึ้นไล่มาตามแนวสันหลัง “แบกให้มนั ดีๆ หน่อย คนปวดหลัง จะรีบไปไหนกัน ช้าๆ แล้วแขนขวาน่ะ ออกแรงให้มนั มากกว่านีห้ น่อยเถอะ แค่นหี้ มดแรงแล้วหรือไง พยุงดีๆ หน่อย เป็น นักศึกษาแพทย์ควรจะรูน้ ะว่าการเคลือ่ นไหวทีถ่ กู จังหวะมันจะช่วยเซฟการกระแทก ลดอาการบาดเจ็บได้” “โอ๊ย จะบ่นไปถึงไหนเนี่ย!” คนตัวเล็กกว่าที่พยุงอยู่ข้างๆ เถียงกลับ ตุลธร ตอบกลับเสียงเย็นเป็นปกติ “ไม่ต้องเถียงได้ไหม” “ก็บ่นยิ่งกว่าพ่ออีก!” “ไม่ได้บน่ แต่แนะน�ำเพราะหวังดี เรือ่ งพวกนีเ้ ป็นความรูพ้ นื้ ฐานทีภ่ ทั รควร จะรูไ้ ว้” ยังไม่ทนั พูดจบดี เด็กหนุม่ ส่งเสียงครวญด้วยอาการคร้านจะฟัง “โอ๊ยยย...” “ไม่ต้องโอ๊ย” “วุ้ย จะร้องโอ๊ยก็ยังจะห้าม กรรมอะไรว้า” -42-
Lucea
“ไม่ใช่กรรมอะไรทั้งนั้น กรรมคือการกระท�ำ อยากแก้กรรม ต้องแก้ที่การ กระท�ำ ดังนัน้ ถ้าไม่อยากฟัง ภัทรก็ตอ้ งตัง้ ใจให้มากกว่านี”้ แม้จะฝืนน�้ำเสียงให้ราบเรียบ แต่ในใจกลับรู้สึกสนุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาที่อ่อนโยนคู่นั้นดูจะอุ่นอ่อนกว่าทุกครั้งเมื่อจ้องมองไปยังใบหน้าฉุนเฉียว ซึ่งอยู่ในระยะใกล้เพียงลมหายใจ “เสื้อเลอะเหงื่อหมดเลย” “จะเตรียมบ่นอะไรอีก” ภัทรพลตวัดเสียงเขียวจนมุมปากที่เรียบเฉยของ ตุลธรตวัดโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว คนตัวสูงกว่าอมยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เสียงทุ้มจะแผ่วดัง ขึ้นที่ข้างหู...ดังเท่ากับเสียงกระซิบ “เหม็นไหม” “ก็...” คล้ายกับความใกล้ชิดจะท�ำให้ภัทรพลชะงักไปทันที เสี้ยวนาทีถัดมา แก้มที่ดูจะใสกว่าคนในวัยเดียวกันปลั่งขึ้นเป็นสีระเรื่อขึ้น “หืม?” “ก็...ไม่เหม็นเหงื่อหรอก เหม็นแก่” พูดจบ มุมปากของคนพูดดูจะขยับยก ขึ้นด้วยอารมณ์เบิกบานใจ และตุลธรก็ยิ้มตาม “แล้วยังไม่ชินอีกเหรอ” “ก็ชินแล้ว” “แล้ว...” ตุลธรหยุดพูดแค่นั้น เด็กภัทรหันมามองหน้าสงสัย แต่เขาก็ท�ำส่งยิ้มไปตามเรื่อง ในตอนนัน้ เขาเกือบจะพลัง้ ถามอะไรแปลกๆ ออกไป หากยัง้ ปากไม่ทนั เขา คงเผลอเกีย้ วเด็กออกไปอีกแน่ๆ ตุลธรคิดภาพออกว่าหากเขาถามออกไปว่า ‘แล้ว ชอบไหม’ อีกฝ่ายคงสวนกลับมาว่า ‘มุกวัวแก่อยากเคีย้ วหญ้าอ่อน’ ให้สะเทือนใจอีก เป็นแน่ ไม่ได้สะเทือนใจที่แก่ เขาชินแล้ว แต่คงแค้นที่ถูกหยามว่าได้แค่ ‘อยาก เคี้ยว’ นั่นต่างหากที่น่าช�้ำใจ “แล้วอะไรลุง พูดให้จบสิ จะบ่นอะไรอีกก็ว่ามา หรือแก่แล้วหลงๆ ลืมๆ” “ลืมแล้ว” เขาตอบเพียงสั้นๆ ก่อนที่ร่างซึ่งสูงใหญ่กว่าจะแกล้งทิ้งตัวลงมา บนท่อนแขนที่โอบพยุงไว้เต็มน�้ำหนัก หัวไหล่เบียดหัวไหล่จนผ่าวร้อน ปลายจมูก -43-
paper moon
ที่อยู่เหนือแว่นตาเกือบจะไล้ไปบนกรามแก้มที่เหมือนถูกลมหายใจเสียดสีจน กลายเป็นสีแดงสุก “หนักไหม” ตุลธรถามด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนทีภ่ ทั รพลจะตอบเต็มกลับเต็ม น�้ำเสียง “หนักสิ คนนะไม่ใช่ควาย” หลังจากข้ามถนนด้วยความทุลักทุเล ทั้งสองคนก็มาถึงตัวอาคารได้ส�ำเร็จ ภัทรพลขอตัวไปเรียนคาบเช้า ขณะที่เขาซึ่งสายแล้วก็ยังคงเดินอ้อยอิ่ง(ด้วยความ จ�ำใจ)ต่อไป ทั้งคู่แยกจากกันที่หน้าลิฟต์ ตุลธรเอ่ยขอบใจเด็กแสบอีกครั้ง ปาก ร้ายขวางโลกแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้เด็กนี่ช่วยพยุงมาส่งชีวิตเขาคงจะล�ำบากกว่านี้ คุณหมอหนุ่มโบกมือลา ไม่ลืมที่จะก�ำชับว่าให้ตั้งใจเรียน เจ้าตัวท�ำหน้าหน่ายแล้ว พยักหน้าอือออแบบขอไปที ขณะที่จะผละไป ภัทรพลก็หมุนตัวกลับ คล้ายกับลืม อะไรบางอย่าง “ลุงๆ เพลงนั้นน่ะ” ภัทรพลพูดขึ้น “เพลงที่ลุงร้องน่ะ” “เพลงของเจ เจตรินนั่นหรือ?” จะมีความหลังกับเพลงนั้นหรือเปล่านะ? คุณหมอหนุ่มมองไปที่ดวงตาคู่ นั้น พยายามค้นหาสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน แต่แล้วก็พบเพียงความว่างเปล่า แล้วภัทรพลก็พูดขึ้น “เพลงนั้นมันก่อนผมเกิดอีกนะ” “หา?” เขาโก่งคอพูดเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน “เพลงที่ลุงร้องนั่นน่ะ ก่อนผมเกิดอีก” ภัทรพลจ้องหน้าเขาที่ยืนนิ่งอึ้งแล้ว ส่ายหัว “ไม่อายเด็กๆ เหรอ เพลงโบราณซะไม่มี” ทิ้งท้ายไว้แบบนั้นแล้วก็วิ่งออก ไป นี่เขาพลาดอีกแล้วสินะ โชคดีทคี่ รึง่ เช้าวันนัน้ เป็นเวรของตุลธรทีจ่ ะต้องตอบปัญหาสุขภาพในเว็บไซต์ ของโรงพยาบาล และเขียนบทความส�ำหรับตีพิมพ์ในวารสารของโรงพยาบาลอีก สองคอลัมน์ งานส่วนมากจึงวนๆ เวียนๆ อยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นหลัก เขา ไม่จ�ำเป็นต้องขยับหลังเดี้ยงๆ ไปไหนให้ร้าวระบมเพิ่มขึ้น หลังจากโทรไปไหว้วาน -44-
Lucea
หมอก้อยให้แวะซื้ออาหารรองท้องง่ายๆ มาเผื่อเพื่อประทังความหิวโหย เขาก็ สามารถผ่านไปอีกหนึ่งมื้อแม้ว่าเธอจะแซวว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ปล่อยให้เด็กมารังแกได้ เป็นประจ�ำก็ตาม ค�ำว่าประจ�ำแปลว่านีไ่ ม่ใช่ครัง้ แรก ตุลธรมักพบเจอกับเหตุการณ์ประเภทนี้ สม�ำ่ เสมอมาตัง้ แต่ไหนแต่ไร ไปทีไ่ หน อยูก่ นั มากเพียงไร แต่มกั จะเป็นเขาคนเดียว ที่เด็กๆ พุ่งเข้าหา มีคนที่มองโลกในแง่ดีบอกว่าเด็กๆ มักจะมีสัญชาตญาณบาง อย่าง เด็กทารกมักจะยิ้มให้กับผู้ใหญ่ที่ถูกชะตา เด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็ไม่ต่างกัน มั กจะเล่ น ซนเป็ นลิ งเป็ น ค่ างกั บคนที่ ให้ ความรู ้สึ กว่ า เป็น พี่ ชายรู ปหล่ อ ใจดี แรกๆ เขาก็คิดว่าพระเจ้าประทานพรมาให้เขาแบบนั้น แต่พอเจอบ่อยๆ เข้าจน กระทั่งมาถึงตอนนี้ เขาคิดทบทวนแล้วว่าพระเจ้าคงไม่มีอยู่จริง หรือถึงมีก็คงจะ ยุ่งเอามากๆ จนลืมประทานพรแห่งความสุขมาให้เขา “พีด่ าครับ เดีย๋ วผมขอนอนพักในห้องก่อนนะครับ แต่ถา้ มีอะไรด่วนโทรตาม ได้ครับ” เขาโทรหาพีส่ ดุ า หัวหน้าพยาบาล เผือ่ ไว้หากเกิดเหตุเร่งด่วน แล้วคุณหมอ หลังยอกก็ทานยาแก้ปวด จากนัน้ ก็เดินไปหยิบผ้าทีไ่ ด้มาจากหมอก้อย ปูมนั ลงบน พืน้ ห้องแล้วล้มตัวลงนอน ซึง่ ยังไม่ทนั ได้หลับตาดี ภัทรพลก็เดินเข้ามา สภาพการณ์จะคล้ายกับการที่คุณมีโอกาสได้เห็นสภาพนักศึกษาแพทย์ใน หอพักของตัวเองแล้วพบกับความจริงอันเหี้ยมโหดชนิดที่ไม่เคยเห็นในละครหลัง ข่าวหรือนวนิยายเกี่ยวกับหมอเรื่องไหนที่จะกล้าเขียนถึง ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ตอนเป็นนักศึกษาแพทย์เป็นอย่างไร ตอนทีไ่ ด้เป็นหมอแล้วก็แทบจะไม่ตา่ งจากนัน้ จึงไม่แปลกเลยที่ภัทรพลจะส่งเสียงถามด้วยความแปลกใจ “นั่นมันซากอะไรน่ะลุง” “ผ้าห่มกับผ้าปูรอง ว่าจะนอนพักเสียหน่อย” เด็กแสบกวาดสายตาไปทั่วห้อง เห็นกล่องโฟมวางอยู่ก็ท�ำหน้ามุ่ยแล้วบ่น ว่าทิ้งไม่เป็นที่ ท�ำเหมือนกับว่าร่างกายเขาเดินเหินได้เป็นปกติอย่างนั้นแหละ พอ บ่นเรื่องกินเสร็จก็กลับมาบ่นเรื่องนอนที่ค้างไว้ต่อ “ท�ำไมลุงไม่ไปนอนที่ห้องพัก ล่ะ” “ว่าจะพักแป๊บเดียวแหละ อีกเดี๋ยวก็ต้องราวด์วอร์ดแล้ว” ภัทรพลพยักหน้านัง่ ลงกับข้างโต๊ะท�ำงาน จากนัน้ ก็หยิบไส้กรอกทีซ่ อ้ื มาจาก มินมิ าร์ทขึน้ มานัง่ กินหน้าตาเฉย “งัน้ ถ้ามีอะไร ลุงก็เรียกแล้วกัน” -45-
paper moon
ตุลธรพยักหน้ารับรู้ แต่ที่นึกสงสัยคือจะมานั่งกินอะไรในห้องท�ำงานเขา แบบนั้น หากแต่เขาหมดแรงจะต่อความหรือสู้รบปรบมือใดๆ กับใครอีกแล้วใน เวลานี้ เขาจึงปล่อยเลยตามเลยไม่คิดถาม ตุลธรหลับตาลง ไม่นานฤทธิ์ยาท�ำให้ ผล็อยหลับไป แต่คนเป็นหมอทุกคนเหมือนถูกค�ำสาปให้ไม่สามารถนอนหลับได้ สนิท คุณอาจจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ปลุกได้ทุกเมื่อเพื่อไปดูเคสด่วนที่ต้องจัดการ เดีย๋ วนัน้ ขณะนัน้ การหลับสนิททีโ่ รงพยาบาลดูจะเป็นภาพในความฝันทีห่ มอทุกคน ได้แต่ภาวนาให้เป็นเรื่องจริงในสักวัน และนี่เขาก็ยังไม่ทันได้หลับสนิทดีด้วยซ�้ำ สัญญาณอันตรายก็มาแล้ว แต่ คราวนีไ้ ม่ใช่เสียงโทรศัพท์ มันเป็นอะไรสักอย่าง...คล้ายๆ กับเสียงเด็กวิง่ เสียงเด็ก ร้องไห้ แล้วมันคือเสียงวิ่งหรือเสียงร้องไห้กันนะ? ตุลธรนึกแปลกใจกับตัวเอง ทั้งๆ ที่เสียงทั้งสองอย่างไม่ได้มีส่วนคล้ายกัน แม้แต่นอ้ ย แต่เขาเหมือนจะได้ยนิ มันผสานเข้ามาในโสตประสาทดัวเอง ดังขึน้ ...และ ใกล้เข้ามา ในความง่วงงุนมีเสียงประตูถกู เปิดออก เขารูส้ กึ ตัวเหมือนจะได้ยนิ เสียง ของเปีย๊ กและชัยโผเข้ามาแล้วคุกเข่าร้องไห้อยูข่ า้ งตัว “ฮือๆ หมอตุลตายแล้วเหรอ ไม่น่าเลยพี่หมอยังหนุ่มอยู่แท้ๆ” ตุลธรสะดุ้งเฮือกพร้อมกับเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที “ไปดีมาดีนะพี่หมอ” แล้วเสียงของชัยก็ดังขึ้น “ดูจากในละคร เขาต้องพูดว่าขอให้ไปผุดไปเกิด ซะทีไม่ใช่เหรอเปี๊ยก” เขาอ้าปากหวอ นั่นมัน...ใช้กับผีที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียทีไม่ใช่เหรอ “ฮือๆ พี่หมอไปผุดไปเกิดนะพี่หมอ อย่ามาเป็นผีเฝ้าโรงพยาบาลเลยนะ” เอาแล้วไง! อารามยังง่วงงุนท�ำให้เขาได้แต่งงงวย พูดอะไรไม่ออก “เอาโคอาล่ามาร์ชไหม เดี๋ยวให้แม่ท�ำบุญไปให้” เด็กชายเปี๊ยกสะอึกสะอื้น “ชัย เรามารดน�้ำศพกัน” ว่าแล้วสองเด็กชายตัวน้อยก็ยัดกุหลาบสีขาวดอกโตใส่มือเขา หนามแหลม ทิ่มมือจนเขาสะดุ้ง แถมสีของมันก็ช่างเหมือน...สีของดอกไม้จันทน์ดีแท้ และก่อน จะได้ซวยซ�้ำซวยซ้อนด้วยความเปียกปอนอีกรอบให้หวัดถามหา ตุลธรจ้องเขม็ง -46-
Lucea
ไปที่ขวดน�้ำขนาดหนึ่งลิตรในมือของเด็กทั้งสอง บอกตัวเองว่าเขาต้องรีบท�ำอะไร สักอย่างในนาทีนี้...ตอนนี้เลย “ยังครับ...ยังไม่ตาย” คุณหมอหนุ่มโบกมือห้าม “หมอปวดหลัง หมอแค่ นอนพักครับ” เห็นเด็กๆ ตกใจร้องเสียงลัน่ แล้วถอยกรูดพลางตะโกนโหวกเหวกว่าผีหลอก เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เปี๊ยกและชัยคงคิดว่าเขาเป็นผีหมอที่สิงอยู่ใน โรงพยาบาลอย่างแม่นากสิงอยู่ในหม้อแบบนั้นสินะ ภัทรพลเดินตามเด็กทัง้ สองเข้ามาในห้อง เท้าสะเอวมองมาทีเ่ ขาแล้วส่งยิม้ ตุลธรคิดจะขอความช่วยเหลือ หากแต่คดิ ดูแล้วลงมือเองดูจะเป็นเรือ่ งทีย่ งุ่ ยากน้อย กว่า “เฮ้ย! ไอ้เปี๊ยก มีพระอยู่ในห้องด้วย ต้องเอาไว้กันผีหมอตุลแน่ๆ เลย” ชัย ร้องเสียงหลง “ไม่ใช่ผีนะครับ หมอยังไม่ตายครับ ไม่เชื่อจับดูสิครับ” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือ ออกไปข้างหน้า พยักหน้าส่งสัญญาณว่าพร้อมจะอุทิศเนื้อตัวให้พิสูจน์ เปี๊ยกและ ชัยเขยิบตัวเข้ามาแบบกล้าๆ กลัวๆ และขณะที่ชัยแตะแขนเขาเบาๆ ตุลธรก็บอก ตัวเองในใจไม่รู้ว่าวันที่แสนยาวนานนี้จะได้พบความสงบสุขแบบใครเขาไหม เห็น ภัทรพลที่ท�ำท่ากางต�ำราอ่านก�ำลังหัวเราะคิกคัก เขายิ่งรู้สึกเหมือนนี่มันอะไร นักหนากับชีวิต และจังหวะที่เผลอนั่นเอง เปี๊ยกก็หยิกหมับเข้าที่แก้มทั้งสองข้าง ของเขาแล้วดึงเหมือนกับว่ามันเป็นหนังสติ๊กไว้ดีดเล่น “เหย็บยับ หยอเหย็บแย้วยับ” (เจ็บครับ หมอเจ็บแล้วครับ) เขาร้องโอดแต่ดูเหมือนว่าเด็กๆ จะยังไม่เชื่อว่าเขายังไม่ตายจริง ชัยจึงใช้ สองมือทึ้งผมเขาจนยุ่งเหยิง เห็นชัยท�ำแล้วไม่โดนหลอก เปี๊ยกจึงเข้ามาร่วมด้วย ช่วยกันอย่างสนุกสนาน พอสมใจเด็กทั้งคู่จึงปล่อยมือแล้วนั่งส่งตาแป๋วราวกับไม่ เคยเกิดอะไรขึ้น แต่สภาพเขานี่สิ มันช่าง... “ดีจัง พี่หมอยังไม่ตาย” เด็กน้อยโผเข้ากอด เขาสะดุ้งเฮือก อยากบอก เหลือเกินว่าร้าวไปทั้งหลังแล้ว “แล้วนี่ไปเอาดอกไม้มาจากไหนครับ” ตุลธรถามขึ้นขณะยกมือขึ้นนวด ต้นคอ -47-
paper moon
“พี่ภัทรให้มาครับ” ตอบอย่างฉะฉาน “พี่ภัทรบอกว่าหมอตุลแก่ตายแล้ว” “เออะ...” “พี่ภัทรบอกว่าหมอตุลแก่ตายในหน้าที่ครับ” “พวกเธอ...” เขาอ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พอเหล่ไปมองที่คนปล่อย ข่าว ภัทรพลก็เดินหนีไปนัง่ แล้วก้มหน้าอ่านหนังสือไม่รไู้ ม่ชี้ ซ�ำ้ ยังแกล้งท�ำท่าถอนใจ ระอา “คนแก่กับเด็กเวลาอยู่ด้วยกันนี่ชอบส่งเสียงหนวกหูจริง” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่หัวไหล่ทั้งสองข้างของวัยรุ่นคนเดียวในห้องก็ไหว กระเพื่อม เป็นเวลาอักหลายนาทีกว่าที่จะก�ำจัดเด็กๆ ออกไปได้ ตุลธรนั่งจ้องผู้ช่วย ตัวแสบทีต่ อนนีเ้ ดินมานัง่ ยองๆ แล้วอมยิม้ อยูข่ า้ งๆ “ระหว่างชัย เปีย๊ ก แล้วก็ภทั ร พี่ไม่รู้จริงๆ ว่าใครซนกว่าใคร” “ก็เด็กๆ เป็นห่วงลุงนี่นา” เห็นภัทรพลนั่งกลั้นหัวเราะขณะพับผ้าห่ม เขา ก็ถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก “แล้วนี่ไปเอากุหลาบจากที่ไหนมาให้ลูกแม่บ้านเล่น” “ก็...ขอป้าหัวหน้าพยาบาลในวอร์ดมา แค่ดอกเดียวเองน่า ลุงไม่บน่ สักเรือ่ ง ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นใบ้หรอก” “ไปเรียกพี่สุดาว่าป้าเดี๋ยวก็ได้มีเรื่องหรอกภัทร” คนฟังยกไหล่ท�ำนองว่า เข้าหูซ้ายเมื่อไรก็ออกหูขวาไปเมื่อนั้นเลย “พูดจาแต่ละค�ำ ระวังจะท�ำให้มีปัญหา เอาสักวัน เรานี่เป็นเด็กที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย” ภัทรพลยักคิ้วให้แล้วท�ำหน้าเฉยชาไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ตอนบ่ายภัทรพลมีนดั ท�ำรายงานกับเพือ่ นร่วมชัน้ ห้องท�ำงานเล็กๆ จึงกลับ สูค่ วามสงบอีกครัง้ เขาม้วนเก็บหมอนผ้าห่มเข้าชัน้ บนของตูเ้ หล็กทีอ่ ยูด่ า้ นหลังโต๊ะ ท�ำงาน หลังจากหวีผมให้กลับเข้าเป็นทรงและส�ำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ก็ พบว่ายังมีเวลาเหลืออีกสิบห้านาทีก่อนจะขึ้นราวด์วอร์ด ตุลธรตัดสินใจหยิบดอก กุหลาบสีขาวขึ้นมา เดินเอามือหนึ่งข้างยันแนวเส้นสันหลังแล้วกระดึ๊บไปข้างล่าง ช้าๆ เมื่อไปถึงแผนกฯ สุดาก็ยืนยิ้มแฉ่งต้อนรับ -48-
Lucea
“ตายจริง คุณหมอเป็นอะไรคะ” “โดนเจ้าเปีย้ กเจ้าชัยรุมสกรัมมาครับ” เขาหัวเราะ คิดแล้วก็นา่ ข�ำ เป็นหมอ ผ่ากระดูกสันหลังแต่กลับเดีย้ งเอาเสียเอง สุดาร้องโธ่พร้อมกับฝ่ามืออูมทีย่ กขึน้ ทาบ อก จากนั้นน้องพยาบาลในแผนกคนอื่นๆ ก็กรูเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แต่เขา ยืนยันว่าไม่เป็นไร ได้พกั ผ่อนเต็มทีส่ กั คืนก็คงหายเป็นปกติ “แล้วนี่คุณหมอลงมาท�ำไมคะ โทรมาก็ได้” “คือ...” เขาหมุนดอกกุหลาบในมือ “ว่าจะเอามาคืนพี่ดาครับ” “พี่เหรอคะ พี่ท�ำไมคะ” สุดาท�ำหน้างง “ก็...” เขาอ้าปากจะพูดแต่ก็หยุดชะงัก “แล้วนั่นดอกไม้อะไรคะ สวยเชียว หมอตุลจะเอาไปให้ใคร เอ๊ะ! หรือได้ มาจากใครคะ” เขายิ้ม ไม่ตอบค�ำถามแต่กลับทบทวนความคิด และดูเหมือนว่าเขาจะพบ บางสิ่งที่ลืมไปเสียสนิท ...ไม่เคยมีแจกันดอกไม้ที่นี่ คิดจะเชื่อค�ำพูดของเด็กแสบมหาภัยคงต้องคิดไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ ให้มากกว่านี้ ตุลธรหันกลับมาส่งยิ้มให้พี่ดาและน้องๆ พยาบาลแล้วปลีกตัวออก มา ข้ออ้างว่าขอเตรียมตัวไปราวด์วอร์ดพอจะฟังขึ้นอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็ใกล้เวลาแล้ว จริงๆ กระนั้นตุลธรก็ได้ยินเสียงของพี่ดาตั้งสันนิษฐานต่างๆ นานา ดูเหมือนเธอ จะเข้าใจว่าเขาได้รับมันมาจากหมอก้อย เดินออกมาสักพัก คุณหมอหนุ่มก็ยกมือขึ้นจับแนวกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง ที่แปลบขึ้น โดยปกติแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอยากใส่ใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับใครเป็นพิเศษ นัน่ รวมไปถึงเด็กผูช้ ว่ ยแสนยียวนโทสะอย่างภัทรพลด้วย ถึงแม้วา่ ผูใ้ หญ่จะฝากฝัง เด็กคนนั้นอยู่ให้ในความดูแลก็ตาม แต่พักหลังเวลาที่เห็นเด็กคนนั้นหยิบจับหรือ ท�ำอะไร กว่าจะรู้สึกตัวอีกที เขาก็พบว่าสายตาตัวเองมักจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่ท่าทาง ชวนให้หงุดหงิดลูกตาของเจ้าตัวป่วนคนนั้น นอกจากนี้ ตุลธรยังพบว่าบ่อยครั้งที่ เขามักจะเลือกเอาตัวเองเข้าไปใกล้ แถมบางครั้งยังเป็นฝ่ายยั่วประสาทของเด็ก แสบนั่นเสียเอง ดอกไม้นเี้ ป็นเครือ่ งพิสจู น์ได้เป็นอย่างดี หากแม้นความแสบสันผิดวิสยั ของ เด็กในวัยเดียวกันจะเป็นตัวกระตุน้ ให้เกิดนึกหวัน่ ไหวขึน้ มาได้อย่างประหลาดแล้ว -49-
paper moon
ละก็ เขาจะต้องหาทางก�ำราบความกวนประสาทของเด็กภัทรเสียให้อยูห่ มัดโดยเร็ว ทีส่ ดุ เจ้าของดวงตาทีท่ อแสงอยูภ่ ายใต้กรอบกระจกแว่นบอกตัวเองว่านับแต่วัน พรุ่งนี้จะท�ำให้เด็กแสบอย่างภัทรพลกลายเป็นเด็กน่ารักในสายตาเขาเสียจงได้ ในสายตาเขาอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่หรอก...ในสายตาของทุกๆ คนต่างหาก ตุลธรก้มมองดอกกุหลาบสีขาวดอกโตในมือแล้วยิ้ม ...น่ารักส�ำหรับทุกคน แน่นอนว่าทุกคนย่อมหมายถึงเขาที่เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
-50-