มาตรฐานวิชาชีพบริหารการก่อสร้ างของ วปท. (Standard Practice of Construction Management)
1.
1
วัตถุประสงค์ เพือให้การบริ หารการก่อสร้างของวิศวกรทีปรึ กษา (Consulting Engineers) เป็ นไป ตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่ งกฎหมาย สมาคมวิศวกรที ปรึ กษาแห่ งประเทศไทย (Consulting Engineers Association of Thailand – CEAT) จึงได้จดั ทํามาตรฐานวิชาชีพการบริ หารการก่อสร้างฉบับนีเพือเป็ นแนวทางในการ บริ หารการก่อสร้างของวิศวกรทีปรึ กษา มาตรฐานวิ ชาชี พ ฉบับนี มีว ตั ถุ ประสงค์เ พือให้ เ ป็ นแนวทางในการปฏิ บตั ิ งาน บริ หารการก่อสร้างของวิศวกรทีปรึ กษา วิศวกรทีปรึ กษาไม่จาํ เป็ นต้องปฏิบตั ิตาม มาตรฐานวิชาชีพฉบับนี แต่หากประสงค์จะประกอบวิชาชีพตามทีควรจะเป็ นตาม วิธีปฏิบตั ิโดยทัวไป การปฏิบตั ิตามมาตรฐานวิชาชีพฉบับนีจะทําให้คุณภาพในการ ปฏิบตั ิงานเป็ นไปอย่างมีคุณภาพและสอดคล้องกับวิธีการปฏิบตั ิทีเป็ นสากลนิยม
2.
ความหมายของมาตรฐานวิชาชีพวิศวกรทีปรึกษา มาตรฐานวิชาชี พบริ ห ารการก่อ สร้างฉบับนี เป็ นมาตรฐานทีรวบรวมมาจากการ ปฏิบตั ิทวไปของผู ั ป้ ระกอบวิชาชีพบริ หารการก่อสร้าง ทังในต่างประเทศและใน ประเทศ ทียอมรับกันอย่างแพร่ หลายว่าเป็ นการปฏิบตั ิทีถูกต้อง ได้ผลดี ควรแก่การ นําไปปฏิบตั ิทีจะทําให้ได้รับความสําเร็ จตามความมุ่งหมาย
3.
บทบาท หน้ าที และขอบเขตของการบริหารการก่อสร้ าง 3.1
ขอบเขตของงานของผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง อาจแบ่งออกเป็ นระยะๆ (Phase) ได้ดงั นี
193
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 2
3.2
194
(1)
ระยะแรก (Pre-Design Phase) – ตังแต่เ ริ มโครงการไปจนถึ งการ ออกแบบแล้วเสร็ จ
(2)
ระยะทีสอง (Procurement Phase) – ตังแต่ ห ลัง จากการออกแบบ แปลนแล้วเสร็ จไปจนถึงเริ มต้นก่อสร้าง
(3)
ระยะทีสาม (Construction Phase) – ตังแต่ เ ริ มต้นการก่ อ สร้ างไป จนถึงการก่อสร้างแล้วเสร็ จ
ผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง (Construction Administrator) ที (1)
มีขอบเขตของงานทัง ระยะ เรี ยกว่า ผูบ้ ริ หารโครงการก่อสร้าง เรี ยกเป็ นภาษาอังกฤษว่า Project Manager หรื อ PM
(2)
มีขอบเขตของงาน ระยะ คือ ระยะที และระยะที เรี ยกว่า ผูบ้ ริ หาร งานก่อสร้าง เรี ยกเป็ นภาษาอังกฤษว่า Construction Manager หรื อ CM
(3)
มีขอบเขตของงานเฉพาะระยะที เรี ยกว่า ผูก้ าํ กับและตรวจสอบการ ก่ อสร้ าง เรี ยกเป็ นภาษาอังกฤษว่า Construction Supervisor / Inspector หรื อ CS
3.3
ชือทีเรี ยกขานผูบ้ ริ หารการก่อสร้างและขอบเขตของงานของผูบ้ ริ หารการ ก่อสร้างอาจแตกต่างกันในแต่ละโครงการ ชือทีใช้เรี ยกขานและขอบเขต ของงานในแต่ ล ะโครงการจึ ง อยู่ภ ายในบังคับ ของสั ญ ญาจ้า งระหว่ า ง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างกับผูว้ ่าจ้าง
3.4
ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างไม่ใช่ผูค้ วบคุ มงานหรื อผูอ้ าํ นวยการก่ อสร้ างตามที กฎหมายกําหนด แต่ เ ป็ นผูใ้ ห้ความช่ว ยเหลื อ ผูว้ ่าจ้างในการบริ หารการ ก่อสร้าง รวมทังกํากับและตรวจสอบงานก่อสร้างเพือให้โครงการสําเร็ จไป ด้วยความเรี ยบร้อยสมบูรณ์
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 3
4.
เป้าหมายหลักของการบริหารการก่อสร้ าง (Main Objectives) 4.1
4.2
4.3
เป้ าหมายหลักในการกํากับและตรวจสอบงานก่อสร้าง ได้แก่ (1)
การบริ หารเวลา (Time Management) เพือให้การก่อสร้างแล้วเสร็ จ ภายในเวลาทีกําหนด
(2)
การบริ หารคุณภาพ (Quality Management) เพือให้การก่อ สร้างมี คุณภาพตามรายการก่อสร้าง (Specification) มาตรฐานการก่อสร้าง หลักวิชาช่าง และสัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างและผูร้ ับจ้างก่อสร้าง
(3)
การบริ หารค่ าใช้จ่าย (Cost Management) เพือให้ค่ าใช้จ่ายอยู่ใ น กรอบของค่าจ้างทีผูว้ ่าจ้างและผูร้ ับจ้างก่อสร้างตกลงกัน
เป้ าหมายหลักในการบริ หารงานก่อสร้าง ได้แก่ (1)
การจัดหาผูร้ ับจ้างก่อสร้าง (Contractor) ผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้า (Supplier) ทีปรึ กษา (Advisor) และบุคลากรอืนอย่างครบถ้วน เหมาะสม ด้วย ค่าจ้างหรื อค่าใช้จ่ายทีเหมาะสม
(2)
จัดทําเอกสารการจัดซือจัดจ้างร่ วมกับผูป้ ระกอบวิชาชีพทีเกียวข้อง อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
(3)
จัดให้มีการบริ หารความเสี ยงอย่างรอบคอบและครบถ้วน
(4)
จัดให้มีขนตอนในการบริ ั หารงานก่อสร้างอย่างเป็ นระบบอันจะทํา ให้งานก่อสร้างเป็ นไปด้วยความเรี ยบร้อยสมบูรณ์
เป้ าหมายหลักของการบริ หารโครงการก่อสร้ าง ได้แก่ (1)
กําหนดวัตถุประสงค์และลักษณะของโครงการ
195
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 4
5.
6.
196
(2)
สรรหาผูอ้ อกแบบอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกระบบ
(3)
กํา หนดวิ ธี ก ารตรวจสอบเพื อลดความขัด แย้ง ของแบบ และ ความถูกต้องตามกฎหมาย
(4)
กําหนดองค์กรการบริ หารการก่อสร้าง
(5)
กําหนดระยะเวลาในการดําเนินงาน
เครืองมือในการบริหารการก่อสร้ าง 5.1
องค์กรการบริ หาร (Management Organization)
5.2
แผนกําหนดเวลาการทํางานหลัก (Master Schedule)
5.3
แผนงานการบริ หาร (Management Plan)
5.4
คู่มือการบริ หาร (Management Manual)
5.5
การประสานงาน (Coordination)
องค์กรการบริหาร (Management Organization) 6.1
องค์กรการบริ หารมีบทบาททีสําคัญอย่างยิงในการทําให้โครงการก่อสร้าง ประสบความสําเร็ จตามความมุ่งหมายของผูว้ ่าจ้าง
6.2
องค์ก รการบริ ห ารควรประกอบด้ว ยผูแ้ ทนผูว้ ่า จ้า งที มี อ ํานาจกํา หนด วัตถุ ประสงค์ข องโครงการ และบุค ลากรอื นทีสําคัญ ในการปฏิ บตั ิ ตาม ความต้องการของผูว้ ่าจ้าง องค์ประกอบขององค์กรการบริ หารอาจมีการ ปรับปรุ งเป็ นระยะๆ ตามความคืบหน้าของโครงการ
6.3
องค์ ป ระกอบองค์ ก รการบริ หารควรกํา หนดผูแ้ ทนทํา หน้า ที ในการ
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 5
ประสานงานเพือกําหนดวันเวลาการประชุมและติดตามความคืบหน้าของ งานทีได้รับมอบหมาย 6.4
7.
8.
องค์กรการบริ หารควรจัดให้มีการประชุ มเป็ นระยะๆ จนกว่าจะได้ทราบ ความต้องการของผูว้ ่าจ้างอย่างชัดเจน กําหนดกรอบเวลาการทํางาน และ ปฏิบตั ิงานตามทีได้รับมอบหมายแล้วเสร็ จ
แผนกําหนดเวลาการทํางานหลัก (Master Schedule) 7.1
แผนงานหลักกําหนดเวลาการทํางาน (Master Schedule) เป็ นแผนกําหนดเวลา อย่า งเป็ นขันตอนในการดํา เนิ น งานแต่ ล ะงานและการแล้ว เสร็ จ ของ โครงการทังโครงการ
7.2
บุคลากรทีเกียวข้องจะอาศัยแผนกําหนดเวลาการทํางานหลักไปจัดทําแผน กําหนดเวลาการทํางานย่อ ยเพือให้งานในส่ วนของตนเป็ นไปตามแผน กําหนดเวลาการทํางานหลัก
7.3
แผนกําหนดเวลาการทํางานหลักอาจปรับปรุ งหรื อเปลียนแปลงเมือมีเหตุ จําเป็ น
7.4
ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างจะอาศัยแผนกํา หนดเวลาการทํางานหลัก ในการ ติดตามความคืบหน้าของงานจากบุคลากรทีเกียวข้อง
แผนงานการบริหารโครงการ (Project Management Plan – PMP) 8.1
แผนงานการบริ หารโครงการเป็ นเครื องมือทีสําคัญอีกเครื องมือหนึ งทีจะ ทําให้โครงการก่ อสร้างประสบความสําเร็ จด้วยความเรี ยบร้ อย สมบูรณ์ และถูกต้องตามความมุ่งหมาย
8.2
แผนงานการบริ หารโครงการควรได้รับความเห็ นชอบจากผูว้ ่าจ้างก่ อ น
197
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 6
นําไปเป็ นเครื องมือในการบริ หารโครงการ 8.3
แผนงานการบริ หารโครงการ ควรประกอบด้วย (1)
แผนงานการบริ หารเวลา (Time Management Plan)
(2)
แผนงานการบริ หารคุณภาพ (Quality Management Plan)
(3)
แผนงานการบริ หารค่าใช้จ่าย (Cost Management Plan)
(4)
แผนงานการบริ หารความเสี ยง (Risk Management Plan)
(5)
แผนงานการกํากับและตรวจสอบงานก่อสร้าง (Construction Supervision Plan)
(6)
แผนงานการจัดซือจัดจ้าง (Procurement Plan)
(7)
แผนงานในการส่ งมอบสถานทีก่อสร้าง (Site Handover) และการ แล้วเสร็ จของงาน (Completion of Works)
(8)
แผนงานการบริ หารสิ งแวดล้อม (Environment Management Plan)
(9)
แผนงานการบริ หารสัญญา (Contract Management Plan)
(10) แผนงานการบริ หารความปลอดภัย (Safety Management Plan) (11)
แผนงานการบริ หารในกรณีฉุกเฉิ น (Emergency Management Plan)
(12) แผนงานการบริ หารเอกสาร (Document Management Plan) (13) แผนงานการสื อสาร (Communication Plan) (14) แผนงานการบริ หารข้อเรี ยกร้อง (Claim Management Plan) (15)
198
แผนงานอืนๆ ทีเหมาะสมกับโครงการเฉพาะทีบริ หาร (Other Specific
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 7
Project Management Plan) 9.
คู่มอื การบริหาร (Management Manual) 9.1
คู่มือการบริ หาร (Management Manual) เป็ นเอกสารทีกําหนดขันตอนและ วิธี การดําเนิ นงานตามแผนงานการบริ ห าร (Management Plan) คู่มือการ บริ หารจึงต้องสอดคล้องกับแผนงานการบริ หาร
9.2
คู่มือการบริ หารควร
9.3
(1)
ประกอบด้วยแบบพิมพ์ต่างๆ ทีจําเป็ นต้องใช้
(2)
กําหนดวิธีปฏิบตั ิเป็ นลําดับขันตอนในการทํางานทีสามารถปฏิบตั ิ ตามได้โดยง่ายและอย่างรวดเร็ ว
(3)
แจกจ่ายให้ผเู้ กียวข้องนําไปปฏิบตั ิในแนวทางเดียวกัน
(4)
ปรับปรุ งเป็ นระยะๆ ให้สอดคล้องกับสภาพหน้างานจริ ง
รายการต่างๆ ในคู่มือการบริ หาร อาจประกอบด้วย (1)
การทําแบบสนาม (Shop Drawing)
(2)
การประชุม ต่ างๆ (Meetings) และผูเ้ ข้าร่ ว มประชุ มในแต่ ละกรณี (Participants)
(3)
การประสานงาน (Coordination)
(4)
การรายงานต่างๆ (Reports)
(5)
การสื อสารระหว่างกัน (Communication and Distribution of Documents)
(6)
การทําและปรับปรุ งแผนกําหนดเวลาการทํางาน (Works Schedule)
199
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 8
(7)
การรวบรวมปัญหาและอุปสรรค และการติดตามผลการดําเนินงาน
(8)
การเปลียนแปลงงาน (Variation of Works) การกําหนดราคางานที เปลี ยนแปลง (Price Adjustment) และการย่นหรื อ ขยายเวลาการ ทํางาน
(9)
การขอเทียบเท่าวัสดุอุปกรณ์ (Alternative Materials)
(10) การรักษาความสะอาดในสถานทีก่อสร้าง (Site Cleanliness) (11) การรักษาความปลอดภัยในสถานทีก่อสร้าง (Site Safety) (12) การกํากับและตรวจสอบการปฏิบตั ิตามสัญญา (13) การกํากับและตรวจสอบการปฏิบตั ิตามกฎหมาย (14) การกํากับและตรวจสอบระยะเวลาการทํางานเทียบกับแผนการ ทํางาน (15) การกํากับและตรวจสอบคุณภาพของงาน และสิ งแวดล้อม รวมทัง การปฏิบตั ิตาม LEED Requirements (16) การกํากับและตรวจสอบการเบิกจ่ายค่าจ้าง (Payment) (17) การดําเนินการในกรณีฉุกเฉิน (18) การขนย้ายเครื องจักร และการใช้สถานทีก่อสร้าง (Mobilization and Site Utilization) (19) การจัดเก็บเอกสาร (Document Administration) 10.
200
การประชุม (Meeting)
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 9
10.1 การประชุมมีความจําเป็ นและสําคัญอย่างยิงในการบริ หารการก่อสร้าง 10.2 การประชุมอาจจัดให้มีขึนเพือวัตถุประสงค์เฉพาะแต่ละวัตถุประสงค์ เช่น เพือ (1)
ทบทวนความครบถ้ว นสมบู ร ณ์ ข องแบบแปลนและเอกสาร ประกอบแบบ
(2)
ทบทวนความครบถ้วนสมบูรณ์ของเอกสารการจัดซือจัดจ้าง
(3)
ทบทวนความเหมาะสมของวัสดุและอุปกรณ์การก่อสร้าง
(4)
ประสานงานกับผูเ้ กียวข้อง
(5)
ติดตามความก้าวหน้าของงาน
(6)
แก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการทํางาน
10.3 ระยะเวลาหรื อความถีของการประชุมแต่ ละวัตถุประสงค์ขึ นอยู่ก ับความ จําเป็ นของแต่ละวัตถุประสงค์ เช่น การประชุมติดตามความก้าวหน้าของ งานก่อสร้างอาจจัดให้มีขึนทุกสัปดาห์ 10.4 สถานทีประชุ มควรขึ นอยู่กบั ความเหมาะสม เช่ น ก่ อนการก่อ สร้างอาจ ประชุม ณ สถานทีทํางานของผูว้ ่าจ้าง การประชุมเพือการอืนๆ อาจประชุม ณ สถานทีก่อสร้าง หรื อบริ เวณใกล้เคียงกับสถานทีก่อสร้าง 10.5 ผูเ้ ข้าร่ วมประชุมแต่ล ะวัตถุประสงค์ ควรประกอบด้วยผูเ้ กียวข้อ งทุกฝ่ าย และให้ผเู้ ข้าร่ วมประชุมลงลายมือชือเข้าร่ วมประชุมไว้ดว้ ย 10.6 ในการประชุมทุกครัง ควรต้องมีการบันทึกการประชุมสาระสําคัญทีจําเป็ น โดยย่อ
201
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 10
10.7 บันทึกการประชุมควรมีรายละเอียด ดังนี (1)
ชื อผูเ้ ข้า ร่ ว มประชุ ม และชื อบริ ษัท หรื อ หน่ ว ยงานที ผูเ้ ข้า ร่ ว ม ประชุมนันเป็ นผูแ้ ทน
(2)
วาระหรื อเรื องทีประชุม ซึงอาจประกอบด้วย
(3)
(ก)
เรื องทีประธานหรื อผูเ้ ข้าร่ วมประชุมแจ้งให้ทราบ
(ข)
รายงานความก้าวหน้าของงานของผูเ้ กียวข้อง
(ค)
เรื องทีค้างจากการประชุมคราวก่อน
(ง)
เรื องประจําทีกําหนดไว้สาํ หรับการประชุมนัน
(จ)
เรื องอืนทีผูเ้ ข้าร่ วมประชุมเสนอให้พิจารณา
บัน ทึ ก การประชุ ม ควรกํา หนดด้ว ยว่ า ในแต่ ล ะเรื อง ผูใ้ ดเป็ น ผูร้ ั บ ผิด ชอบดําเนิ น การ และจะดําเนิ นการให้ แ ล้ว เสร็ จ ภายใน กําหนดเวลาใด
10.8 บันทึกการประชุมคราวก่อนและเรื องทีประชุมในคราวทีประชุมควรจัดส่ ง ให้ผเู้ ข้าร่ วมประชุมก่อนการประชุมในเวลาอันสมควร สําหรับบันทึกการ ประชุมประจําสัปดาห์ควรจัดส่ งให้ผเู้ ข้าร่ วมประชุมก่อนไม่น้อยกว่า วัน ทําการ 10.9 ในการประชุ มแต่ละวัตถุประสงค์ ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรกําหนดให้มี ผูต้ ิดตามงานจากผูร้ ับผิดชอบเพือให้งานสําเร็ จตามผลการประชุม 11.
การประสานงาน (Coordination) 11.1 โครงการก่ อ สร้างมีผูเ้ กียวข้องจํานวนมาก ผูเ้ กียวข้อ งแต่ล ะรายมีห น้าที แตกต่างกัน และส่ วนใหญ่จะเกียวเนืองกัน การทํางานทีสอดคล้องกันและ
202
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 11
ประสานต่อ เนื องกันอย่างเป็ นระบบและทันต่อ เวลาทีกําหนดจึ งมีความ จําเป็ นอย่างยิงเพือไม่ให้เกิดความล่าช้าหรื อเสี ยหาย 11.2 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างจึงควรต้องกําหนดหน้าทีของผูเ้ กียวข้องแต่ละรายใน การดําเนิ นการทีสอดคล้องกันซึงในทางปฏิบตั ิในการก่อสร้างในประเทศ ไทย มีการกํา หนดหน้าทีในการประสานงานไว้ชดั เจนแล้ว ผูบ้ ริ ห ารการ ก่อสร้างจึงควรนํามาปรับปรุ งใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโครงการ 11.3 นอกจากเอกสารการประสานงานระหว่ า งผูเ้ กี ยวข้อ งฝ่ ายต่ า งๆ แล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดให้มีการประชุมประสานงานเพือให้แน่ ใจว่า การดําเนิ นการของฝ่ ายต่างๆ ไม่มีปัญ หาและอุปสรรคต่อ การดําเนิ นงาน ของอีกฝ่ ายหนึง 12.
การส่ งมอบ และ การใช้ สถานทีก่อสร้ าง (Site Handover and Utilization) 12.1 ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างควรให้ความช่ ว ยเหลื อ และแนะนําผูว้ ่าจ้างในการ จัดเตรี ยมสถานทีก่อสร้างเพือส่ งมอบให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างทําการก่อสร้างได้ 12.2 การส่ งมอบสถานทีก่อสร้างควรสอดคล้องกับข้อสัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างกับ ผูร้ ับจ้างก่อสร้าง 12.3 ในการส่ งมอบสถานทีก่อสร้าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดเตรี ยมเอกสาร การส่ งมอบสถานทีก่อสร้างเพือให้ผวู้ ่าจ้างและผูร้ ับจ้างลงลายมือชือไว้เพือ ใช้ในการบริ หารเวลาการก่อสร้างต่อไป
13.
การทบทวนแบบแปลนและเอกสารประกอบแบบ (Review of Drawing and Related Document) 13.1 วัตถุประสงค์ข องการทบทวนแบบแปลนและเอกสารประกอบแบบ คื อ
203
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 12
เพือให้ได้ความแน่ใจว่า (1)
แบบแปลน (Drawing) รายการประกอบแบบ (Specification) บัญชี รายละเอียดของราคา (Bill of Quantities) และเอกสารอืนๆ มีความ ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมาย
(2)
การก่อสร้างตามแบบแปลนสามารถทําได้ (Constructability)
(3)
แบบแปลนและเอกสารอืนๆ มีความชัดเจน (Clarity)
(4)
แบบแปลนและเอกสารอืนๆ มีความสอดคล้องกัน (Consistency)
(5)
วัสดุทีกําหนดให้ใช้ในการก่ อสร้างมีความเหมาะสม (Suitability) และสามารถจัดหาได้ (Availability)
(6)
การกําหนดชือสิ นค้าและผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้ามีความเหมาะสมและไม่ เป็ นการเลือกปฏิบตั ิ
13.2 ควรจัดให้มี การประชุ มทบทวนแบบแปลนและเอกสารประกอบแบบ จนกว่ า จะแน่ ใ จว่ า แบบแปลนและเอกสารประกอบแบบบรรลุ ต าม วัตถุประสงค์ครบถ้วนก่อนการดําเนินการจัดซือจัดจ้าง 14.
การจัดซือจัดจ้ าง (Procurement Procedures) 14.1 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรศึกษาและเสนอแนะผูว้ ่าจ้างในการจัดซื อจัดจ้าง เช่น
204
(1)
ว่าจ้างผูอ้ อกแบบรายเดียวทีออกแบบงานทุกระบบ หรื อแยกรายกัน
(2)
ว่าจ้างผูร้ ับจ้างก่อสร้างรายเดียวทําการก่อสร้างงานทุกระบบ หรื อ แยกรายกัน
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 13
(3)
ซือวัสดุอุปกรณ์เองทังหมด หรื อบางรายการ
14.2 ในการเสนอแนะผูว้ ่าจ้า งในการจัดซื อจัดจ้าง ผูบ้ ริ ห ารการก่ อสร้าง ควร พิจารณาถึง (1)
กรอบระยะเวลาของโครงการทีผูว้ ่าจ้างกําหนด
(2)
คุณภาพของงานทีผูว้ ่าจ้างกําหนด
(3)
งบประมาณของโครงการทีผูว้ ่าจ้างกําหนด
14.3 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรเสนอแนะผูว้ ่าจ้างในการกําหนดวิธีการจัดซือจัด จ้างตามความเหมาะสม เช่น (1)
การเจรจากับผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้าเฉพาะราย (Negotiation)
(2)
การคัดเลือกผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้าบางรายการให้เสนอราคา (Proposal)
(3)
การเชิญผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้าเป็ นการทัวไปเพือประกวด ราคา (Bidding)
14.4 ในการจัดซื อจัดจ้าง ผูบ้ ริ หารการก่ อสร้างควรร่ ว มกับผูป้ ระกอบวิชาชี พ เฉพาะด้านทีเกียวข้องในการจัดเตรี ยมเงือนไขการจัดซื อจัดจ้างให้ครบถ้วน เพือให้ผรู้ ับจ้างหรื อ ผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้าสามารถคํานวณราคาค่ าจ้างหรื อ ค่ า สิ น ค้า ได้โ ดยถู ก ต้อ งอย่า งเสมอภาคกัน ทังนี เพื อให้ ผูว้ ่ า จ้า งสามารถ ตัดสิ นใจในการจัดซื อจัดจ้างได้อย่างเหมาะสมและเพือไม่ให้เ กิดปั ญ หา ตามมา 14.5 เงือนไขการจัดซือจัดจ้างควรต้องมีเอกสารประกอบอย่างครบถ้วน เช่น (1)
ตัวอย่างสัญญา
205
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 14
(2)
ตัวอย่างหนังสื อคําประกันธนาคาร
14.6 เงือนไขแห่ งสัญญาจัดซือจัดจ้าง (1)
ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดเตรี ยมสัญ ญาจ้าง สัญญาซื อขายวัส ดุ อุปกรณ์การก่อสร้าง และสัญญาอืนๆ เสนอให้ผวู้ ่าจ้างพิจารณาให้ ความเห็นชอบ
(2)
ในการจัดเตรี ยมสัญญาต่ างๆ ผูบ้ ริ หารการก่ อสร้ างควรจัดเตรี ยม ร่ ว มกับ ผูป้ ระกอบวิ ช าชี พ ที เกี ยวข้อ งเพื อความรอบคอบและ ครบถ้วนสมบูรณ์
(3)
สัญ ญาทีจัด เตรี ยมควรประกอบด้วยเงื อนไขทีใช้ก ันโดยทัวไปที เหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของผูว้ ่าจ้างและแผนงาน การบริ หาร
14.7 ในการกําหนดเงือนไขแห่ งสัญญาจัดซื อจัดจ้าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร คํานึงถึง (1)
206
การบริ หารความเสี ยง เช่น กําหนดให้มี (ก)
หลักประกันการเสนอราคา (Bid Bond)
(ข)
หลักประกันการปฏิบตั ิตามสัญญา (Performance Bond)
(ค)
การหักเงินประกันผลงาน (Retention Money) และหลักประกัน ความชํารุ ดบกพร่ อง (Maintenance Bond)
(ง)
การทําประกันภัย (Insurance)
(จ)
ความรับผิดของผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้าต่อ งานทีทํา หรื อสิ นค้าทีส่ งมอบ
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 15
(2)
(3)
(4)
(ฉ)
สภาพบังคับทีเหมาะสมต่อการประพฤติผดิ สัญญา
(ช)
การเลิกสัญญาและผลของการเลิกสัญญา
(ซ)
วิธีการระงับข้อพิพาท
การเบิกและการจ่ายค่าจ้างหรื อค่าสิ นค้า เช่นกําหนดให้มี (ก)
การจ่ายค่าจ้างล่วงหน้า (Advance Payment) การใช้เงินค่าจ้าง ล่วงหน้าคืน การใช้เงินค่าจ้างล่วงหน้า และหลักประกันการ ชําระเงินค่าจ้างล่วงหน้าคืน
(ข)
การชําระค่าจ้างหรื อค่าสิ นค้าและรายงวด
(ค)
เงือนไขในการชําระค่าจ้างหรื อค่าสิ นค้าในแต่ละงวด
(ง)
กําหนดระยะเวลาการเบิกค่าจ้างหรื อค่าสิ นค้า และกําหนดเวลา ในการชําระเงินทีขอเบิก
การแก้ปัญหาการขัดแย้งของแบบและรายการประกอบแบบ เช่ น กําหนดให้ (ก)
ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างเป็ นผูว้ ินิจฉัยชีขาดให้เป็ นไปตามแบบ แปลนหรื อรายการประกอบแบบ
(ข)
การวินิจฉัยของผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง ต้องเป็ นไปตามหลัก วิชาช่ าง เพือความสมบูรณ์ และแข็งแรงของสิ งก่ อ สร้ า ง ไม่ใช่เพือประโยชน์ของคู่สัญญาฝ่ ายหนึงฝ่ ายใด
การเปลียนแปลงงาน (Variation of Works) เช่นกําหนด (ก)
ว่าการเปลียนแปลงงาน ไม่ว่าจะเป็ นการเพิมงาน ลดงาน หรื อเปลียนแปลงงานเป็ นอย่างอืนโดยไม่มีการเพิมหรื อลด
207
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 16
งาน ผูว้ ่าจ้าง ผูร้ ับจ้าง หรื อผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้า อาจเสนอให้มี การเปลียนแปลงงานได้
(5)
(6)
208
(ข)
ว่าการเปลียนแปลงงานไม่ทาํ ให้สัญญาตกเป็ นโมฆะหรื อ เสี ยไป
(ค)
วิธีการคํานวณราคางานทีเพิมหรื อลด และการย่นหรื อขยาย ระยะเวลาตามสัญญา
การนํา วัส ดุ ใ นการก่ อ สร้ า งที ผิด ไปจากที กํา หนดมายัง สถานที ก่อสร้าง เช่น กําหนด (ก)
ให้แจ้งผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง เมือมีการนําวัสดุก่อสร้างเข้า มายังสถานทีก่อสร้างเพือตรวจสอบความถูกต้องของวัสดุ ก่อสร้างตามทีกําหนดในสัญญา
(ข)
ว่าเมือผูบ้ ริ หารการก่ อสร้ างตรวจพบความไม่ถูกต้อ งของ วัส ดุ ก่ อ สร้ า ง ให้ อ าํ นาจผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ า งในการทํา เครื องหมาย และสังให้ผรู้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้านําวัสดุ ก่อสร้างออกจากสถานทีก่อสร้าง และห้ามนํามาใช้ในการ ก่อสร้าง
การขอเทียบเท่าวัสดุก่อสร้าง เช่น กําหนดว่า (ก)
เมือวัสดุ ทีกําหนดให้ใช้ในการก่อสร้างไม่มีการผลิตต่อไป หาซื อไม่ ได้ หรื อ มีว สั ดุ อื นทีมีคุ ณภาพเท่ า เที ยมกับหรื อ ดีกว่าวัสดุ ทีกําหนด ผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ ายสิ นค้าอาจขอ ความเห็นชอบจากผูว้ ่าจ้างเพือใช้วสั ดุอืนนันแทนได้
(ข)
เมือผูว้ ่าจ้างให้ความเห็ นชอบแล้ว ผูร้ ั บจ้างหรื อ ผูจ้ าํ หน่ าย
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 17
สิ น ค้า จึ ง จะนํา หรื อ ใช้ว ัส ดุ เ ที ย บเท่ า ที ผูว้ ่ า จ้า งให้ ค วาม เห็ นชอบแล้วมายังสถานทีก่อสร้างหรื อใช้ในการก่อสร้าง ได้ (7)
(8)
(9)
การระงับการก่อสร้าง (Suspension of Works) เช่น กําหนด (ก)
ให้ผวู้ ่าจ้างมีสิทธิสงระงั ั บการก่อสร้างได้ เมือวิธีการก่อสร้าง ของผู้รั บ จ้า งไม่ ถู ก ต้อ งตามแบบแปลน อาจก่ อ ให้ เ กิ ด อันตรายหรื อความเสี ยหาย เมือขุดพบโบราณวัตถุ สิ งของมี ค่ า ทรั พยากรธรรมชาติ วัตถุ อ ันตราย หรื อ เมื อผูว้ ่ าจ้า ง ต้องการเปลียนแปลงแบบ
(ข)
วิธีการเปลียนแปลงค่าจ้างและระยะเวลาการทํางาน
ค่าปรับในการก่อสร้างหรื อส่ งมอบสิ นค้าล่าช้ากว่ากําหนด (Liquidated Damage) เช่น กําหนด (ก)
ให้ผรู้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้ารับผิดในค่าปรับเมือทําการ ก่อสร้างหรื อส่ งมอบสิ นค้าล่าช้าเฉพาะทีเกิดจากการกระทํา ของผูร้ ับจ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้า
(ข)
จํานวนค่าปรับไม่เกินร้อยละ ค่าสิ นค้าตามสัญญา
(ค)
ผูว้ ่าจ้างมีสิทธิหักเงินค่าปรับก่อนการชําระเงินใดๆ ให้ผูร้ ับ จ้างหรื อผูจ้ าํ หน่ายสิ นค้า
ของจํานวนเงินค่าจ้างหรื อ
การกําหนดสภาพบังคับทีเหมาะสมและเป็ นธรรม (ก)
การกําหนดสภาพบังคับทีเหมาะสมจะทําให้การบริ หารการ ก่ อ สร้ า งประสบความสํ า เร็ จสมความมุ่ ง หมาย การ
209
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 18
กําหนดให้คู่สัญ ญาบอกเลิ กสัญ ญาได้เมือคู่สั ญญาอีก ฝ่ าย หนึ งประพฤติ ผิดสัญ ญาข้อ หนึ งข้อใดจะก่ อ ให้เ กิ ดความ เสี ยหายต่อคู่สัญญาทีไม่ได้ประพฤติผดิ สัญญาด้วย (ข)
สภาพบังคับทีเหมาะสมสําหรับการทีผูร้ ับจ้างขอเบิกค่าจ้าง โดยทียังทํางานตามทีกําหนดไม่ครบถ้วน มีเอกสารการขอ เบิก ค่าจ้างไม่ส มบูรณ์ น่ าจะเป็ นการให้ผรู้ ั บจ้างแก้ไขให้ ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนการชําระค่าจ้าง
(ค)
สภาพบังคับทีเหมาะสมกับการก่ อสร้ างทีบกพร่ อ ง น่ าจะ เป็ นการสังให้ผรู้ ั บจ้างแก้ไข หากไม่แก้ไขภายในเวลาที กําหนด ผูว้ ่าจ้างมีสิทธิจา้ งบุคคลอืนให้ทาํ การซ่อมแซมโดย ใช้เงินประกันผลงานทีหักไว้เป็ นค่าจ้าง หากไม่เพียงพอให้ หัก จากเงินค่าจ้างทีผูว้ ่าจ้างจะต้อ งชําระให้แก่ผรู้ ับจ้างใน งวดการชําระค่าจ้างงวดต่อไป
(ง)
สภาพบังคับทีเหมาะสมในการทีผูว้ ่าจ้างชําระค่ าจ้างล่ าช้า น่าจะเป็ นความรับผิดในการชําระดอกเบียในอัตราทีกําหนด
(10) การเลิกสัญญาและผลของการเลิกสัญญา เช่น กําหนด (ก)
ให้สัญญาเลิกกันโดยไม่ตอ้ งบอกกล่าว เมือคู่สัญญาฝ่ ายหนึ ง ฝ่ ายใดถูกศาลพิทกั ษ์ทรัพย์เด็ดขาดหรื อพิพากษาล้มละลาย
(ข)
ให้ผวู้ ่าจ้างบอกเลิกสัญญาได้ เช่นเมือ x ผูร้ ับจ้างหยุดงานติดต่อกันเกิดกว่าระยะเวลาทีกําหนด โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผูว้ ่าจ้างหรื อทิงงาน x ผูว้ ่าจ้างเห็นว่าผูร้ ับจ้างจะไม่สามารถทําการก่อสร้างให้
210
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 19
แล้วเสร็ จภายในเวลาทีกําหนดได้ x เมือผูว้ ่าจ้างบอกเลิกสัญญาแล้ว ผูว้ ่าจ้างมีสิทธิ ใช้วสั ดุ อุ ปกรณ์ และเครื องมือ เครื องใช้ข องผูร้ ั บ จ้า งทีอยู่ใ น สถานทีก่อสร้างเพือทําการก่อสร้างต่อไปได้ (ค)
ให้ผรู้ ับจ้างบอกเลิกสัญญาได้ เช่นเมือผูว้ ่าจ้าง x ไม่ชาํ ระค่าจ้างให้แก่ผรู้ ับจ้างเกินกว่าจํานวนงวดทีกําหนด x สังให้ผรู้ ั บจ้างหยุดงานติ ดต่อ กันเกิ นกว่าระยะเวลาที กําหนด x เมือผูร้ ับจ้างบอกเลิกสัญญาแล้ว ผูร้ ับจ้างมีสิทธิ นาํ วัสดุ อุปกรณ์และเครื องมือเครื องใช้ของผูร้ ับจ้างออกไปจาก สถานทีก่อสร้างได้
(11) การระงับข้อพิพาท เช่นกําหนดให้มีการระงับข้อพิพาทเป็ นลําดับ ดังนี
15.
(ก)
ด้วยการเจรจากันเอง (Amicable Settlement)
(ข)
ไกล่เกลียข้อพิพาทโดยบุคคลทีสาม (Conciliation or Mediation)
(ค)
การอนุญาโตตุลาการ (Arbitration) หรื อ การชีขาดโดยบุคคล ทีสาม (Adjudication)
(ง)
ศาล (Court)
การรายงาน (Report) 15.1 รายงานเป็ นเอกสารทีสําคัญสําหรับผูบ้ ริ หารการก่อสร้างในการกํากับและ ตรวจสอบความก้าวหน้าและคุณภาพของงาน
211
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 20
15.2 การรายงานมีทงั (1)
รายงานประจําวัน
(2)
รายงานประจําสัปดาห์
(3)
รายงานประจําเดือน
15.3 รายงานประจําวัน อาจมีหลายกรณี เช่น (1)
รายงานจํานวนคนงานทีมาทํางานในแต่ละประเภท
(2)
รายงานสภาพดินฟ้ าอากาศ
(3)
รายงานผลการทํางานประจําวัน
15.4 รายงานประจําสัปดาห์ อาจประกอบด้วย (1)
แผนงานเปรี ยบเทียบ สัปดาห์
(2)
ภาพถ่ายแสดงผลงานทีทําได้
(3)
คําบรรยายแสดงความก้าวหน้าของงาน
(4)
คําบรรยายทีแสดงว่างานทีทําได้เร็ วกว่าหรื อช้ากว่าแผนกําหนดเวลา การทํางาน
(5)
ปัญหาและอุปสรรคในการทํางาน (ถ้ามี)
15.5 รายงานประจําเดือน อาจประกอบด้วย
212
(1)
ผลงานรวมทีทําได้ตงแต่ ั ตน้
(2)
ผลงานทีทําได้ในเดือนทีผ่านมา
(3)
แผนงานทีจะทําในเดือนถัดไป
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 21
16.
(4)
รายการเครื องจักรอุปกรณ์ทีใช้ในการก่อสร้าง
(5)
คําบรรยายทีแสดงว่างานทีทําได้เร็ วกว่าหรื อช้ากว่าแผนกําหนดเวลา การทํางาน
(6)
ปัญหาและอุปสรรคในการทํางาน (ถ้ามี)
การขอความเห็นชอบในการดําเนินงานของผู้รับจ้ างก่อสร้ าง 16.1 ในการก่อสร้างของผูร้ ับจ้างก่อสร้างทุกขันตอน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร กําหนดให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างขอความเห็นชอบจากผูบ้ ริ หารการก่อสร้างก่อน 16.2 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรต้องตรวจสอบความพร้อ มของสถานทีก่อสร้าง เครื องจักรอุปกรณ์ ตลอดจนขันตอนในการก่อสร้าง และมีงานในส่ วนของ ผูร้ ับจ้างรายอืนต้องทําควบคู่กนั ไปหรื อไม่ 16.3 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรมีผแู้ ทนหรื อเจ้าหน้าทีทีมีความรู้ความสามารถอยู่ ดูแลการก่อสร้างด้วย 16.4 ในกรณี ทีการก่อ สร้ างดังกล่าวเป็ นการทํางานล่ ว งเวลาของผูบ้ ริ หารการ ก่อ สร้ าง ซึ งผูร้ ับจ้างรับผิดชอบในค่ าล่ว งเวลาของผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างทีเกียวข้องลงนามในเอกสาร การทํางานล่วงเวลาของผูบ้ ริ หารการก่อสร้างไว้ดว้ ย
17.
แบบสนาม (Shop Drawing) และ แบบก่อสร้ างจริง (As-Built Drawing) 17.1 ในการก่อสร้างทุกขันตอน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้าง ทําแบบสนาม (Shop Drawing) เสนอต่อผูบ้ ริ หารการก่อสร้างเพือให้ความ เห็ นชอบก่อน เว้นแต่เป็ นกรณี ทีตามหลักวิชาช่างไม่ตอ้ งทําหรื อผูบ้ ริ หาร การก่อสร้างเห็นว่าไม่จาํ เป็ นต้องทํา
213
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 22
17.2 ทุก ๆ ระยะเวลาทีกําหนด เช่ น ทุก ๆ เดื อ น ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างควร กําหนดให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างจัดทําแบบก่อสร้างจริ ง (As-Built Drawing) ส่ ง ให้แก่ผบู้ ริ หารการก่อสร้างเพือตรวจสอบในกรณี ทีเกิดปั ญหาหรื อมีความ จําเป็ น 18.
การทดสอบงานระหว่างก่อสร้ าง (Testing) 18.1 ก่ อ นทีจะมีก ารปิ ดหรื อ กลบงานหนึ งงานใด ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างควร ตรวจสอบความถูกต้องของวัสดุทีใช้และทดสอบ (Testing) ความสมบูรณ์ ของงานทีทําไปแล้วนันให้เรี ยบร้อยเสี ยก่อนจึ งจะให้ความเห็ นชอบในการ ปิ ดหรื อกลบงานนันได้ เว้นแต่ เป็ นกรณี ทีตามหลักวิชาช่างหรื อผูบ้ ริ หาร การก่อสร้างเห็นว่าไม่จาํ เป็ นต้องทําการทดสอบก่อน 18.2 ในกรณี ที ผูร้ ั บ จ้า งก่ อ สร้ า งได้ปิ ดหรื อ กลบงานนันไปก่ อ นที จะทํา การ ทดสอบ ผูบ้ ริ หารการก่ อสร้างควรแจ้งให้ผรู้ ั บจ้างเปิ ดหรื อขุดเพือทําการ ทดสอบงานดังกล่าวนัน ด้วยค่าใช้จ่ายของผูร้ ับจ้างก่อสร้างทีทําผิดขันตอน ในการก่อสร้างนี
19.
รายงานการก่อสร้ างผิดไปจากข้ อกําหนด (Non-Compliance Report – NCR) 19.1 เมือปรากฏต่อผูบ้ ริ หารการก่อสร้างว่า ผูร้ ับจ้างก่อสร้างก่อสร้างผิดขันตอน ไม่ถูกต้อง ใช้วสั ดุอุปกรณ์ผดิ ไปจากข้อกําหนด หรื อดําเนิ นการอย่างหนึ ง อย่างใดทีผิดไปจากข้อ สัญ ญา ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ างควรทํารายงานการ ก่ อ สร้ างผิดไปจากข้อ กําหนดส่ งให้ผูร้ ั บจ้างก่ อ สร้ างรายนันเพือทํา การ แก้ไขให้ถูกต้อง 19.2 รายงานการก่ อ สร้ างผิด ไปจากข้อ กําหนดควรต้อ งระบุรายละเอี ยดการ ดําเนินการทีผิดไปจากข้อกําหนดและระยะเวลาทีกําหนดให้แก้ไข
214
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 23
19.3 ในกรณี ทีผูร้ ั บจ้างก่ อ สร้ างไม่ แก้ไขภายในเวลาทีผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ า ง กํา หนด ผูบ้ ริ หารการก่อ สร้างควรเสนอให้ผวู้ ่าจ้างพิจารณาใช้สิทธิ ตาม สัญญา เช่น การว่าจ้างบุคคลอืนทําการซ่ อมแซมแก้ไขโดยใช้เงินประกัน ผลงาน (Retention Money) หรื อใช้สิทธิตามสัญญาประการอืน 20.
การตอบข้ อซักถามของผู้รับจ้ างก่อสร้ าง (Request For Information) หรือ การให้ ความเห็นชอบต่างๆ 20.1 ในกรณีทีผูร้ ับจ้างก่อสร้างมีหนังสื อขอความกระจ่างในเรื องใดๆ ผูบ้ ริ หาร การก่อสร้างควรส่ งให้ผเู้ กียวข้องเป็ นผูใ้ ห้ความกระจ่าง เช่น การขอความ กระจ่างในเรื องแบบแปลน ควรส่ งให้ผอู้ อกแบบเป็ นผูใ้ ห้ความกระจ่างและ ติดตามคําตอบจากผูเ้ กียวข้องเพือส่ งกลับไปให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างโดยเร็ วเพือ ไม่ให้งานก่อสร้างล่าช้า 20.2 ในกรณี ทีเรื องทีขอความกระจ่างนันเป็ นเรื องทีผูบ้ ริ ห ารการก่อสร้ างเป็ น ผูใ้ ห้ความกระจ่าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรให้คาํ ตอบแก่ผรู้ ับจ้างก่อสร้าง โดยเร็ ว 20.3 ในกรณี ทีผูร้ ับจ้างก่อสร้างขอเทียบเท่าวัสดุก่อสร้าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง ควรขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างแสดงเหตุผลถึงความจําเป็ นและคุณภาพวัสดุที กําหนดและคุ ณภาพวัสดุทีขอเทียบเท่า แล้ว หารื อ ผูเ้ กียวข้องและผูว้ ่าจ้าง โดยเร็ ว ก่ อ นทีจะให้ความเห็ นชอบหรื อ ไม่ให้ค วามเห็ นชอบกับการขอ เทียบเท่าวัสดุนนั
21.
การเปลียนแปลงงาน (Variation of Works) 21.1 การเปลียนแปลงงานอาจเกิดจากความประสงค์ของผูว้ ่าจ้าง หรื อข้อเสนอ ของผูร้ ับจ้างก่อสร้าง
215
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 24
21.2 การเปลียนแปลงงานอาจเป็ นการเปลียนแปลงทังเพิมหรื อลดงาน หรื อเป็ น การเปลียนแปลงทีไม่ทาํ ให้งานเพิมหรื อลดก็ได้ 21.3 ผูบ้ ริ ห ารการก่อ สร้างควรตรวจข้อ สัญญาว่า ข้อสัญ ญากําหนดให้ต้องทํา สัญญาแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ โดยปกติทวไปมาตรฐานสั ั ญญาจ้างก่อสร้าง มักมีขอ้ กําหนดไว้แล้วว่าการเปลียนแปลงงานไม่ทาํ ให้สัญญาตกเป็ นโมฆะ หรื อเสี ยไป 21.4 การเปลียนแปลงงานอาจทําให้ค่าจ้างก่อสร้างเพิมขึนหรื อลดลง และทําให้ มีผลกระทบต่อระยะเวลาการก่อสร้างทีคู่สัญญาตกลงกัน 21.5 โดยทัวไปสั ญ ญาจ้า งก่ อ สร้ างจะกํา หนดให้ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ า งเป็ นผู้ กําหนดค่าจ้างทีเพิมหรื อ ลด และกําหนดระยะเวลาการก่อสร้างทีต้องย่น หรื อขยายออกไป 21.6 เงื อนไขของสัญ ญาก่ อ สร้างจะกําหนดวิธี การกําหนดค่ าจ้างเพิมหรื อ ลด และระยะเวลาทีเปลี ยนแปลงไว้ด้ว ย ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างควรกํา หนด ค่าจ้างเพิมลดและระยะเวลาการก่อสร้างตามข้อสัญญาทีผูว้ ่าจ้างและผูร้ ับ จ้างก่อสร้างตกลงกัน 21.7 ในกรณี ทีสัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างและผูร้ ับจ้างก่อสร้างไม่ได้กาํ หนดไว้ การ กําหนดค่าจ้างเพิมลดและระยะเวลาการก่อสร้างควรต้องกําหนดตามหลัก วิชาช่างและประเพณีปฏิบตั ิทวไป ั กล่าวคือ
216
(1)
กําหนดค่าจ้างเพิมเติมตามอัตราค่าจ้างของงานทีระบุไว้ในบัญ ชี รายละเอียดของราคา
(2)
ในกรณีทีบัญชีรายละเอียดของราคาไม่ได้กาํ หนดค่างานในลักษณะ เดียวกันไว้ กําหนดค่างานเพิมลดตามราคาท้องตลาด
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 25
(3)
ในกรณีทีหาราคาท้องตลาดไม่ได้ กําหนดค่าจ้างในราคาทีเป็ นธรรม
21.8 ในกรณี ข องระยะเวลาการก่ อ สร้ า ง ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ า งควรกําหนด ระยะเวลาทีย่นหรื อขยายเฉพาะงานเพิมลดทีมีผลกระทบโดยตรงต่ อการ แล้วเสร็ จของงานทีเรี ยกว่า งานสายวิกฤต หรื อ Critical Path 22.
ผู้รับจ้ างช่ วง (Subcontractor) 22.1 ในการก่อสร้าง ผูร้ ั บจ้างก่ อสร้างจะจ้างผูร้ ั บจ้างช่ วงทําการก่ อสร้างแทน เป็ นจํานวนมาก ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้ างควรกําหนดให้ผรู้ ั บจ้า งก่ อ สร้ า ง ปฏิบตั ิตามขันตอนอย่างถูกต้องตามข้อกําหนดในสัญญา เช่น การขอความ เห็นชอบกับการว่าจ้างช่วง 22.2 ในการขอความเห็ นชอบกับการว่าจ้างช่วง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ ผูร้ ับจ้างก่อสร้างระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วนเกียวกับผูร้ ับจ้างช่วง เช่ น ชือ ประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ จํานวนคนงาน เครื องมือเครื องจักร ในการทํางาน ขอบเขตของงานทีว่าจ้างช่วง กําหนดเวลาเริ มต้นการทํางาน และกําหนดเวลาแล้วเสร็ จของงานทีว่าจ้างช่วงนัน 22.3 ในการให้ความเห็ นชอบกับการว่าจ้างช่วง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรตรวจ ข้อ สั ญ ญาระหว่ า งผู้ว่ า จ้า งกับ ผู้รั บ จ้า งก่ อ สร้ า ง ในกรณี ที ข้อ สั ญ ญา กําหนดให้ผวู้ ่าจ้างเป็ นผูใ้ ห้ความเห็ นชอบ ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดทํา หนังสื อ เพือให้ผวู้ ่าจ้างให้ ความเห็ นชอบ ในกรณี ทีข้อสัญ ญากํา หนดให้ ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างให้ความเห็นชอบ ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอความ เห็นชอบจากผูว้ ่าจ้างก่อน 22.4 เมือให้ความเห็นชอบแล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผรู้ ับจ้างช่วงเข้า ร่ วมประชุมติดตามงานประจําสัปดาห์และการประชุมอืนๆ ทีเกียวข้อง กับ
217
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 26
ทํารายงานการดําเนินงานตามทีผูบ้ ริ หารการก่อสร้างกําหนดด้วยเพือกํากับ และตรวจสอบการดําเนินงานของผูร้ ับจ้างช่วง 23.
สิงแวดล้อม (Environment) และข้ อกําหนดของ LEED 23.1 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรให้ความสําคัญกับผลกระทบต่อสิ งแวดล้อมทีอาจ เกิดมาจากการก่อสร้าง เช่น เสี ยง ฝุ่ นละออง และการสันสะเทือน เพือให้ผู้ อยู่อ าศัยข้างเคี ยงสถานทีก่ อ สร้ างไม่ได้รับความเดื อ ดร้ อ นรําคาญ หรื อ ได้รับน้อยทีสุ ดเท่าทีจะทําได้ 23.2 ในกรณี ทีการก่อสร้างอาจทําให้เกิดผลกระทบต่อสิ งแวดล้อมเกินควร หรื อ เกินกว่าทีกฎหมายกําหนด ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้าง จัดการป้ องกันก่อนทีจะดําเนินการก่อสร้างต่อไป 23.3 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรตระหนักว่าความเดือดร้อนรําคาญของผูอ้ ยูอ่ าศัย ข้างเคียงอาจนําไปสู่ การฟ้ องร้องต่อศาล และศาลอาจมีมาตรการชัวคราว ก่อนมีคาํ พิพากษามาโดยสังระงับการก่ อสร้ างไว้เป็ นการชัวคราวภายใต้ เงือนไขทีศาลกําหนดได้ ยิงไปกว่านัน ผูว้ ่าจ้างอาจถูกดําเนินคดีทงทางแพ่ ั ง และทางอาญาได้
24.
ความปลอดภัยในสถานทีก่อสร้ าง (Site Safety) 24.1 ความปลอดภัยในสถานทีก่อสร้างเป็ นสิ งสําคัญและจําเป็ นทีผูบ้ ริ หารการ ก่อสร้างควรให้ความสนใจเป็ นพิเศษ เพราะก่อให้เกิดความเสี ยหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของคนงานหรื อผูอ้ าศัยข้างเคียงได้ 24.2 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรตรวจตราสถานทีก่อสร้างและขันตอนการก่อสร้าง ของผูร้ ั บจ้างก่ อสร้างเป็ นระยะๆ เพือให้แน่ ใจว่าสถานทีก่ อสร้างและการ
218
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 27
ก่อสร้างของผูร้ ับจ้างก่อสร้างมีความปลอดภัย 24.3 นอกจากนี ผูบ้ ริ หารการก่ อสร้างควรจัดให้มีการประชุมเฉพาะเรื องความ ปลอดภัยในการก่อสร้างเพือให้ผเู้ กียวข้องระมัดระวังเรื องความปลอดภัย และดําเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและหลักวิชาการ 25.
ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Situation) 25.1 กรณี ฉุกเฉิ นอาจเกิดขึนได้หลายกรณี เช่น อุบตั ิเหตุ การขุดพบวัตถุโบราณ หรื อของมีค่า หรื อคําสังของเจ้าพนักงานท้องถินหรื อของศาลห้ามทําการ ก่อสร้างเป็ นการชัวคราว 25.2 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรกําหนดวิธีการดําเนินการในกรณี ฉุกเฉินไว้ตงแต่ ั ต้น เช่น แจ้งชือและหมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลทีสามารถบริ หารจัดการ ในกรณี ฉุก เฉิ นให้ไว้กบั เจ้าหน้าทีประจําหน่ วยงานก่อสร้ างหรื อยามเพือ สามารถติดต่อได้ในทันที 25.3 ในกรณีจาํ เป็ น ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างหยุดทําการ ก่อสร้างต่อไปในทันที 25.4 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดให้มีการประชุมกับผูเ้ กียวข้องเป็ นการเร่ งด่วน เพือหาข้อยุติในการแก้ไขกรณีฉุกเฉินทีเกิดขึน
26.
การทบทวนข้ อสัญญาเป็ นระยะๆ 26.1 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรตรวจสอบข้อสัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างกับผูร้ ับจ้าง ก่อสร้างหรื อบุคคลอืนทีเกียวข้องเป็ นระยะๆ เพือให้แน่ใจว่าคู่สัญญาของผู้ ว่าจ้างได้ดาํ เนินการตามข้อผูกพันในสัญญาอย่างครบถ้วน 26.2 ในกรณี ทีพบว่าคู่สัญญาของผูว้ ่าจ้างยังไม่ได้ปฏิบตั ิตามสัญญาข้อหนึ งข้อ
219
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 28
ใด เช่ น ยังไม่ได้ส่งมอบหลักประกัน หรื อปฏิ บตั ิ ผิดข้อสัญญาอย่างหนึ ง อย่างใด ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรแจ้งให้ค่สู ัญญาทีเกียวข้องนันดําเนิ นการ ให้ถูกต้องครบถ้วนตามข้อสัญญา 27.
การวินิจฉัยของผู้บริหารการก่อสร้ าง 27.1 ในกรณี ทีข้อสัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างกับผูร้ ั บจ้างก่อ สร้า งหรื อ บุคคลอื นที เกี ยวข้อ งกําหนดให้ผบู้ ริ ห ารการก่ อสร้า งเป็ นผูว้ ินิจ ฉัยชีขาดปั ญ หาหนึ ง ปั ญ หาใด เช่น การขัดแย้งกันของแบบแปลน ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้างควร วินิจ ฉัยปั ญหานันโดยไม่ชกั ช้าเพือให้งานทีเกี ยวข้องสามารถดําเนิ นการ ต่อไปได้ดว้ ยความรวดเร็ ว 27.2 ในการวินิจฉัยปั ญหาของผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร วินิจฉัยให้เป็ นไปตามหลักวิชาช่างหรื อประเพณีปฏิบตั ิ โดยไม่ควรคํานึงถึง ประโยชน์ ข องฝ่ ายหนึ งฝ่ ายใด ไม่ ว่ า จะเป็ นผูว้ ่า จ้า งของผูบ้ ริ ห ารการ ก่อสร้างหรื อไม่ก็ตาม
28.
การจ่ ายเงินงวด (Interim Payment) 28.1 โดยปกติ สั ญ ญาจ้า งก่ อ สร้ า งจะกํา หนดให้ ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ า งเป็ นผู้ พิจารณาเอกสารการเบิกเงินงวดของผูร้ ับจ้างก่อสร้าง 28.2 การเบิก เงิ น งวดไม่ใช่ เป็ นการรั บมอบงานในงวดงานทีเบิก นันๆ เว้นแต่ สัญ ญาจะกํา หนดไว้อ ย่า งแจ้ง ชัด ว่ าเป็ นการรั บ มอบงาน เพราะฉะนัน ผูบ้ ริ หารการก่ อ สร้างจึ งต้อ งควรระมัดระวังว่าเป็ นการรั บมอบงานด้ว ย หรื อไม่ 28.3 ในกรณี ทีสัญญากําหนดว่าการจ่ายเงิ นงวดเป็ นการรั บมอบงาน ผูบ้ ริ หาร
220
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 29
การก่ อ สร้ างควรปฏิ บตั ิ ให้ถูก ต้อ งตามขันตอนของการรั บมอบงานก่ อ น เสนอให้ผวู้ ่าจ้างชําระค่างวดงานนันๆ 28.4 ในกรณีทีการจ่ายเงินงวดไม่ใช่เป็ นการรับมอบงาน การจ่ายเงินงวดนันเป็ น การจ่ ายค่าจ้างระหว่างกาลเพือให้ผรู้ ับจ้างก่อ สร้างมีเงินสดหมุนเวียนใน การก่ อ สร้ าง จํา นวนเงิ นที ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ างให้ ความเห็ นชอบควร สอดคล้อ งกับ ผลการทํางานที ผูร้ ั บ จ้า งก่ อ สร้ า งดํา เนิ น การได้โ ดยการ ประเมิ น แต่ ไม่จ ําเป็ นต้อ งเป็ นประมาณงานที ทํา ได้จริ ง เรี ย บร้ อ ยและ ถูกต้อง โดยการสํารวจ 28.5 ในการให้ ค วามเห็ น ต่ อ ผูว้ ่ าจ้างเพื อจ่ ายเงิ นงวดให้ แก่ ผรู้ ั บจ้างก่ อ สร้ า ง ผูบ้ ริ หารการก่อ สร้ างควรทําเป็ นหนังสื อ ซึ งอย่างน้อ ยควรมีรายละเอียด ดังต่อไปนี (1)
งวดทีของการชําระเงิน
(2)
จํานวนเงินค่าจ้างตามสัญญา จํานวนเงินค่าจ้างลดหรื อเพิมตามการ เปลียนแปลงงาน และจํานวนเงินค่าจ้างรวมหลังหักลดหรื อเพิม
(3)
มูลค่าของงานทีทําได้และชําระไปแล้ว และมูลค่าของงานทีคงเหลือ
(4)
จํานวนเงินทีชําระไปแล้ว และจํานวนเงินทีคงเหลือ
(5)
จํานวนเงินค่างานของผูร้ ับจ้างก่อสร้างในงวดงานทีขอเบิก
(6)
จํานวนเงินค่าจ้างล่วงหน้าทีชําระให้แก่ผรู้ ับจ้าง จํานวนเงินค่าจ้าง ล่วงหน้าทีได้หักคืนแล้ว จํานวนเงินค่าจ้างล่วงหน้าทีหักในงวดงาน ทีขอเบิก และจํานวนเงินค่าจ้างล่วงหน้าคงเหลือ
(7)
จํานวนเงินประกันผลงานตามสัญญา จํานวนเงินประกันผลงานที
221
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 30
หักไว้แล้ว จํานวนเงินประกันผลงานทีหักในงวดงานทีขอเบิก และ จํานวนเงินประกันผลงานคงเหลือ (8)
จํานวนเงิ นอื นๆ ทีผูว้ ่าจ้างมีสิทธิ หัก จากการจ่ ายค่ างวดงาน เช่ น ค่าปรับหรื อค่าเสี ยหาย
(9)
จํานวนเงินภาษีหัก ณ ทีจ่ายสําหรับงวดงานทีขอเบิก
(10) จํานวนเงินภาษีมลู ค่าเพิมในงวดงานทีขอเบิก (11) จํานวนเงินสุ ทธิ ทีผูว้ ่าจ้างควรชําระให้แก่ ผรู้ ับจ้างก่อสร้างในงวด งานทีขอเบิก และจํา นวนเงิ นค่ าจ้างคงเหลื อ หลังหัก จํา นวนเงิ น ค่าจ้างทีชําระไปแล้วบวกกับจํานวนเงินค่าจ้างทีชํา ระในงวดงานที ขอเบิก 29.
การทําประกันภัย (Insurance) 29.1 การประกัน ภัยเป็ นการบริ หารความเสี ยงอย่างหนึ งของการก่อ สร้าง และ โดยทัวไปแล้วทุกโครงการก่อสร้างจะมีการทําประกันภัย 29.2 ในการทําประกันภัย ผูว้ ่าจ้างอาจเป็ นผูท้ าํ ประกันภัยเอง หรื อกําหนดให้ผู้ รับจ้างก่อสร้างเป็ นผูท้ าํ ประกันภัยก็ได้ ในทางปฏิบตั ิมีทงกรณี ั ทีผูว้ ่าจ้างทํา เอง และทีกําหนดให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างเป็ นผูท้ าํ 29.3 ในกรณี ที ผูร้ ั บ จ้า งเป็ นผูจ้ ัด ทํา ประกัน ภัย ผูร้ ั บ จ้า งจะทํา ประกัน ภัย ได้ เฉพาะที ตนมีส่ ว นได้เ สี ย คื อ เฉพาะภายในขอบเขตของงานที ผูร้ ั บจ้า ง ก่อสร้างตกลงทําการก่อสร้าง แต่จะทําประกันภัยในงานก่อสร้างส่ วนอืนที ตนไม่มีส่ วนได้เ สี ยไม่ได้ ประกันภัยประเภทนี เรี ย กว่า Contractor’s All Risks Insurance
222
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 31
29.4 ในกรณี ทีผูว้ ่าจ้างเป็ นผูท้ าํ ประกันภัย ผูว้ ่าจ้างจะทําประกันภัยได้เฉพาะที ตนมีส่ วนได้เ สี ย เท่านันเช่ นเดี ย วกัน แต่ ส่ วนได้เ สี ยของผูว้ ่ าจ้างคื อ งาน ก่อสร้างทังโครงการ ซึงผูว้ ่าจ้างอาจทําประกันภัยคุม้ ครองงานของผูร้ ับจ้าง ก่อสร้างทุกราย ประกันภัยประเภทนีเรี ยกว่า Contract Works Insurance 29.5 ทัง Contractor’s All Risks Insurance และ Contract Works Insurance มักจะ มีเ งื อนไขเหมือ นกัน ผิด กันก็ ที ขอบเขตของงานทีประกัน ภัย คุ ้มครอง เท่านัน เนืองจากส่ วนได้เสี ยของผูร้ ับจ้างก่อสร้างและผูว้ ่าจ้างแตกต่างกัน 29.6 ในกรณี ทีผูร้ ั บจ้างก่อ สร้ างเป็ นผูท้ าํ ประกันภัย ผูบ้ ริ หารการก่ อสร้างควร ระมัดระวังว่ าผูร้ ั บ จ้า งก่ อ สร้ า งได้ทาํ ประกันภัยไว้แ ล้ว ก่ อ นเริ มทํา การ ก่อสร้าง และได้ส่งมอบสําเนากรมธรรม์ประกันภัยและหลักฐานการชําระ เงินค่าเบียประกันภัยให้ผบู้ ริ หารการก่อสร้างหรื อผูว้ ่าจ้างแล้ว เพราะหากยัง ไม่มีการทําประกันภัย หากเกิดความเสี ยหายขึน และความเสี ยหายนันเป็ น ความเสี ยหายมากหรื อร้ายแรง ปัญหาการก่อสร้างอาจเกิดขึนตามมา 30.
การรับมอบงาน (Acceptance of Works) 30.1 เว้นแต่ สัญญาจะกําหนดว่าการเบิกเงินค่างวดงานเป็ นการส่ งมอบและรั บ มอบงานด้วย โดยปกติการรับมอบงานจะเกิดขึนได้ใน กรณีดงั นี (1)
เมือผูว้ ่าจ้างครอบครองในส่ วนของงานทีดําเนินการไปแล้ว
(2)
เมืองานก่อสร้างแล้วเสร็ จเป็ นส่ วนๆ หรื อตามงวดงาน
(3)
เมืองานก่อสร้างแล้วเสร็ จทังหมด
30.2 การครอบครองงานบางส่ วนของผูว้ ่าจ้าง อาจเกิดจากข้อสัญญา หรื อข้อตกลง ระหว่างผูว้ ่าจ้างกับผูร้ ับจ้างก่อสร้างในภายหลัง
223
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 32
30.3 การรับมอบงานเมืองานแล้วเสร็ จเป็ นส่ วนๆ หรื อตามงวดงาน และการรับ มอบงานก่อสร้างทังหมดแล้วเสร็ จ ส่ วนใหญ่เกิดจากข้อสัญญาระหว่างผู้ ว่าจ้างและผูร้ ับจ้างก่อสร้างตังแต่เมือทําสัญญา 30.4 ไม่ว่าการรับมอบงานจะเป็ นกรณี ใด ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรดําเนิ นงาน ตามขันตอนของการแล้วเสร็ จของงานก่อนการรับมอบงานโดยครบถ้วย 31.
การส่ งมอบและรับมองงาน (Delivery and Acceptance of Works) 31.1 เมือผูร้ ับจ้างส่ งมอบงาน ไม่ว่าจะเป็ นการแล้วเสร็ จของงานเป็ นส่ วนๆ การ แล้วเสร็ จตามงวดงาน (ในกรณีทีถือว่าเป็ นการส่ งมอบงาน) หรื อการแล้ว เสร็ จทังหมด ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรตรวจเป็ นประการแรกว่างานทีส่ ง มอบนัน ทําแล้วเสร็ จครบถ้วยตาม แบบแปลน และรายการประกอบแบบ ครบถ้วนแล้ว หากทํางานดังกล่าวยังไม่ครบถ้วน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร แจ้งให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างนัน ทํางานทีส่ งมอบให้ครบถ้วนก่อน 31.2 เมือผูร้ ับจ้างก่อสร้างทํางานทีส่ งมอบครบถ้วนแล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง ควรดําเนินการให้ผวู้ ่าจ้าง ผูร้ ับจ้างก่อสร้าง และผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง ตรวจ ความสมบูรณ์ของงานทีส่ งมอบ หากปรากฏว่างานทีส่ งมอบมีความไม่ สมบูรณ์ ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจะทําบัญชีรายการงานเก็บ (Punch List) ในขณะทีตรวจความสมบูรณ์ของงานทีส่ งมอบ แล้วให้ผรู้ ่ วมตรวจสอบลง ลายมือชือไว้กบั กําหนดระยะเวลาให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างทําการแก้ไข แล้วส่ ง มอบงานใหม่ 31.3 งานทีส่ งมอบทุ ก งาน ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ างควรดํา เนิ นการให้ผูร้ ั บ จ้า ง ก่อสร้างทําการทดสอบและทดลองการทํางานทีส่ งมอบนันเป็ นระบบทัง ระบบตามหลัก วิ ช าช่ า งเพื อให้ แ น่ ใ จว่ า งานที ส่ ง มอบนั นเป็ นไปตาม
224
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 33
วัตถุประสงค์อย่างครบถ้วนและไม่มีส่วนบกพร่ อง เว้นแต่ว่างานทีส่ งมอบ นันตามหลัก วิ ช าช่ า งหรื อเมื อผู้บ ริ การการก่ อ สร้ า งเห็ น ว่ า ไม่ มี ค วาม จําเป็ นต้องทําการทดสอบและทดลองการทํางาน 31.4 งานทีส่ งมอบทุกงาน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างส่ ง หนัง สื อ รั บ รองของผูผ้ ลิ ต (Warranty) คู่ มื อ การใช้แ ละการบํา รุ ง รั ก ษา (Manual) เอกสารการอนุ ญ าตให้ใช้ (License) ของเจ้าของทรั พย์สินทาง ปัญญา และเอกสารอืนๆ ในทํานองเดียวกันส่ งมอบให้ผวู้ ่าจ้างโดยครบถ้วน เว้นแต่ว่างานทีส่ งมอบนันตามหลักวิชาช่างหรื อเมือผูบ้ ริ หารการก่อสร้าง เห็นว่าไม่มีความจําเป็ นต้องส่ งมอบเอกสารเหล่านี 31.5 งานทีส่ งมอบทุกงาน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรขอให้ผูร้ ับจ้างก่อสร้างส่ ง แบบก่ อ สร้ า งจริ ง (As-Built Drawing) อย่ า งครบชุ ด ตามจํา นวนชุ ด ที กําหนดไว้ในสัญญาจ้างระหว่างผูว้ ่าจ้างกับผูร้ ับจ้างก่อสร้าง และตรวจสอบ ความถูกต้องและครบถ้วนของแบบก่อสร้างจริ ง เว้นแต่ว่างานทีส่ งมอบนัน ตามหลักวิชาช่างหรื อเมือผูบ้ ริ หารการก่อสร้างเห็นว่าไม่มีความจําเป็ นต้อง ส่ งมอบแบบก่อสร้างจริ ง 31.6 งานทีส่ งมอบทุ ก งาน ผูบ้ ริ ห ารการก่ อ สร้ างควรดํา เนิ นการให้ผูร้ ั บ จ้า ง ก่ อ สร้ างจัดการให้ผเู้ ชี ยวชาญเฉพาะงานจัดอบรมบุค ลากรของผูว้ ่าจ้า ง เพือให้สามารถใช้งานเหล่านันได้ เว้นแต่ว่างานทีส่ งมอบนันตามหลักวิชา ช่างหรื อเมือผูบ้ ริ หารการก่อสร้างเห็ นว่าไม่มีความจําเป็ นต้องจัดให้มีการ อบรม 31.7 ในกรณี ทีสัญญาจ้างระหว่างผูว้ ่าจ้างและผูร้ ับจ้างมีขอ้ กําหนดให้ผรู้ ับจ้าง ก่อสร้างดําเนิ นการอืนๆ ในการส่ งมอบงานด้วย ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร ขอให้ผรู้ ับจ้างก่อสร้างดําเนินการเหล่านันให้แล้วเสร็ จด้วย
225
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 34
32.
การแล้วเสร็จของงาน (Completion of Works) 32.1 โดยทัวไป การแล้วเสร็ จของงานตามสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง แบ่งได้เป็ น รู ปแบบ คือ (1)
การแล้ว เสร็ จ ตามแบบแปลน (Drawing) และรายการก่ อ สร้ า ง (Specification) เรี ยกโดยทัวไปว่า Practical Completion และ
(2)
การแล้วเสร็ จสมบูรณ์ของงานทุกอย่างทีกําหนดไว้ในสัญญา เรี ยก โดยทัวไปว่า Final Completion
32.2 การแล้ว เสร็ จของงานประเภทใดจะนํามาใช้ก ับโครงการใดขึนอยู่ก ับข้อ สัญญาระหว่างผูว้ ่าจ้างกับผูร้ ับจ้างก่อสร้าง 32.3 การแล้ว เสร็ จของงานตามแบบแปลน และรายการก่ อสร้ าง เป็ นการแล้ว เสร็ จของงานอย่างครบถ้วนตามแบบแปลนและรายการก่ อสร้าง และได้ ทํางานเก็บเรี ยบร้ อยแล้ว แต่ไม่รวมถึงการส่ งมอบเอกสารต่างๆ และการ อบรมบุคลากรของผูว้ ่าจ้าง และเงือนไขอืนๆ ในสัญญา 32.4 การแล้ว เสร็ จ สมบูรณ์เ ป็ นการแล้ว เสร็ จของงานทุกงานทีกําหนดไว้ใน สัญญาจ้างก่อสร้าง 32.5 เมือสัญญาจ้างก่อสร้างกําหนดวิธีการแล้วเสร็ จของงานไว้ประการใด และ ผูร้ ั บจ้างก่อ สร้างได้ดาํ เนิ นการจนแล้ว เสร็ จตามเงื อนไขแห่ งสัญ ญาแล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรดําเนิ นการออกหนังสื อรับรองการแล้วเสร็ จของ งานให้แก่ผรู้ ับจ้าง 32.6 ในกรณี ทีสั ญ ญาจ้างก่ อ สร้ างกําหนดให้ผบู้ ริ หารการก่ อสร้ างเป็ นผูอ้ อก หนังสื อรับรองการแล้วเสร็ จของงาน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรออกหนังสือ รับรองการแล้วเสร็ จของงานให้แก่ผรู้ ับจ้างโดยเร็ ว
226
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 35
32.7 ในกรณี ทีสัญญาจ้างก่ อสร้างกําหนดให้ผวู้ ่าจ้างเป็ นผูอ้ อกหนังสื อรับรอง การแล้วเสร็ จของงาน ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรจัดทําหนังสื อรับรองการ แล้ว เสร็ จของงานให้ ผวู้ ่าจ้างลงนามโดยเร็ ว และส่ งมอบให้แก่ ผรู้ ั บจ้าง ก่อสร้างโดยไม่ชกั ช้า 32.8 เมือได้ออกหนังสื อ รับรองการแล้วเสร็ จของงานให้แก่ผรู้ ับจ้างแล้ว ถือว่า ระยะเวลาประกันผลงาน (Maintenance Period) ตามสัญ ญาเริ มต้นนับแต่ วันทีออกหนังสื อรับรองการแล้วเสร็ จของงาน 32.9 เมือได้ออกหนังสื อรับรองการแล้วเสร็ จของงานแล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร จัดทําเอกสารการชําระเงินงวดสุ ดท้าย (Final Payment) และดําเนิ นการอืนๆ ที จําเป็ น เช่ น แจ้งให้ผูร้ ั บจ้างจัดทําหนังสื อคําประกันผลงาน (Maintenance Bond) ส่ งมอบให้แก่ผวู้ ่าจ้างพร้อมกับการรับเงินค่าจ้างงวดสุ ดท้าย 32.10 ก่อนการชําระค่าจ้างงวดสุ ดท้าย ผูบ้ ริ ห ารการก่อสร้างควรดําเนิ นการให้ ผูร้ ับจ้างก่อสร้างดําเนินงานส่ วนทีเหลือให้แล้วเสร็ จก่อน เช่น ในกรณี ของ การแล้ว เสร็ จ ของงานตามแบบแปลนและรายการก่ อ สร้ า ง (Practical Completion) ควรให้ผรู้ ั บจ้างก่ อสร้างจัดส่ งเอกสารทีเกี ยวข้อง จัดอบรม บุคลากรของผูว้ ่าจ้าง และเงื อนไขอืนๆ ของสัญญาก่ อสร้างให้แล้วเสร็ จ ก่อน 33.
การปิ ดงาน (Project Close-Out) 33.1 เมือได้มีก ารออกหนัง สื อ รั บรองการแล้ว เสร็ จของงาน และได้รับมอบ เอกสารต่างๆ จากผูร้ ับจ้างก่อสร้างครบถ้วนแล้ว ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควร ส่ งมอบเอกสารเหล่านันให้แก่ผวู้ ่าจ้าง และขอให้ผวู้ ่าจ้างลงลายมือชือรับ เอกสารเหล่านันไว้
227
มาตรฐานวิชาชีพบริ หารการก่อสร้างของ วปท. 36
33.2 ผูบ้ ริ หารการก่อสร้างควรดําเนินการส่ งคืนสิ งอํานวยความสะดวกทีผูว้ ่าจ้าง จัดหาให้ และทําบัญชีรายการสิ งอํานวยความสะดวกดังกล่าว ให้ผวู้ ่าจ้างลง ลายมือชือรับคืนไว้ 33.3 เมือผูว้ ่าจ้างรับมอบเอกสารและสิ งอํานวยความสะดวกคืนแล้ว โดยทัวไป ถือว่างานของผูบ้ ริ ห ารการก่ อสร้างแล้วเสร็ จ เว้นแต่ขอ้ สัญญาจะระบุไว้ เป็ นอย่างอืน
228