ทดลองอ่าน great wall

Page 1

วิลาส วศินสังวร วราภรณ์ วราสภานนท์


The Great Wall: The Official Movie Novelization เดอะ เกรท วอลล์ มาร์ก มอร์ริส เขียน วิลาส วศินสังวร และ วราภรณ์ วราสภานนท์ แปล © 2017 Legendary This translation of The Great Wall: The Official Movie Novelization, first published in 2017, is published by arrangement with Titan Publishing Group Ltd. Thai Translation Copyright © 2017 by Wilat Wasinsungworn and Waraporn Varasaphanon

พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง กุมภาพันธ์ 2560 ราคา 320 บาท หมวด วรรณกรรมแปล

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data มอร์ริส, มาร์ก. เดอะ เกรท วอลล์.-- ขอนแก่น : เลเจ้นด์ บุ๊คส์, 2560 320 หน้า. (วรรณกรรมแปล) 1. นวนิยายอังกฤษ. I. วิลาส วศินสังวร, II. วราภรณ์ วราสภานนท์, ผู้เแปล. II. ชื่อเรื่อง. 813.54 ISBN 978-616-8093-00-9 บรรณาธิการบริหาร: เทพพิคฑูนญ์ เลิศฤทธิ์ธนะกุล, วิมล เลิศฤทธิ์ธนะกุล, บุญ หลวงจันทร์

บรรณาธิการและที่ปรึกษากฏหมาย: ศุภฤกษ์ เทิงสูงเนิน บรรณาธิการฝ่ายผลิต: ศิริธาดา กองภา จัดรูปเล่มและพิสูจน์อักษร: ฤกษ์ ศุภศิริ

จัดพิมพ์โดย บริษัท สำ�นักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์ จำ�กัด ที่อยู:่ 103 หมู่ 3 ตำ�บลนาหว้า อำ�เภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น 40150 สถานที่ติดต่อ: 3/29 คอนโด เดอะคิทท์ พลัส ซอยนวนมินทร์ 163 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ 08 - 1051 - 9137, 09 - 0595 - 3027 Email : Legendbooks.publishing@gmail.com Facebook : www.facebook.com/legendbooks publishing พิมพ์ที่ ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด เรือนแก้วการพิมพ์ 947 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช แขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 0 - 2411 - 1523 โทรสาร 0 - 2866 - 3248 จัดจำ�หน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊คส์ เซ็นเตอร์ จำ�กัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม ตำ�บลมหาสวัสดิ์ อำ�เภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 0 - 2423 - 9999 โทรสาร 0 - 2449 - 9560



จากใจส�ำนักพิมพ์

เดอะ เกรท วอลล์ เป็นหนังสือรับปี 2560 เล่มแรกของส�ำนัก พิมพ์ เลเจ้นด์ บุค๊ ส์ ซึง่ ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ดว้ ยนวนิยายทีม่ เี นือ้ หา ตื่นเต้น ลุ้นระทึก แอ๊คชั่นเร้าใจ พาเราย้อนประวัติศาสตร์กลับไปในยุค ที่ก�ำแพงเมืองจีนเป็นปราการอันแข็งแกร่งทอดตัวยาวกว่า 5,500 ไมล์ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินจากภัยอันตรายทั้งปวง …ไม่ใช่แค่ภัยจากการ รุกรานของมนุษย์ แต่ยังป้องกันผู้คนจากการรุกรานของสิ่งมีชีวิตลึกลับ ที่เล่าขานสืบต่อกันมาเป็นต�ำนานอีกด้วย จากภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ของ จางอี้โหมว (ผู้ก�ำกับ House of Flying Daggers, Hero) ซึง่ ได้เค้าโครงเรือ่ งมาจากเรือ่ งสัน้ ของ แม็กซ์ บรู๊ก (ผู้เขียน World War Z) สู่นวนิยายเรื่องเยี่ยมจากปลายปากกาของ มาร์ก มอร์ริส นักเขียนชาวอังกฤษผู้คร�่ำหวอดในแวดวงนวนิยายสืบสวน สอบสวน แฟนตาซี และสยองขวัญ เขาได้เพิ่มเติมรายละเอียด สร้าง มิติให้กับตัวละคร และขยายเรื่องเล่าในต�ำนานให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น วิลเลียมทหารรับจ้างชาวอังกฤษ ผู้เดินทางรอนแรมเกินครึ่ง โลก เป้ า หมายของเขาคื อ การเดิ น ทางไปให้ ถึ ง ภู เขาลึ ก ลั บ ในดิ น แดนตะวันออก เพื่อแสวงหาแร่ธาตุวิเศษที่จะน�ำมาซึ่งความมั่งคั่ง แต่ แล้วเขากลับต้องมาตกเป็นเชลย ณ ปราการอันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขา


เคยพบเห็นมา…ก�ำแพงอันยิ่งใหญ่ที่เหลือเชื่อว่าสร้างด้วยฝีมือมนุษย์ กองก�ำลังต่างๆ ที่ประจ�ำอยู่ ณ ปราการแห่งนี้ ก�ำลังเตรียมพร้อมออก ศึก วิลเลียมได้เป็นประจักษ์พยานในอาวุธอันทรงประสิทธิภาพ ระเบี ย บวิ นั ย อั น เข้ ม งวดของทหารเหล่ า นี้ รวมถึ ง บรรดาขุ น ศึ ก ผู ้ เชี่ ย วชาญการยุ ท ธ์ ในฐานะทหารผู ้ ค ร�่ ำ หวอดในสงครามกว่ า สอง ทศวรรษ เขามั่นใจว่าไม่มีสมรภูมิไหนที่คนเหล่านี้จะเอาชัยไม่ได้ ทว่า เมือ่ ศัตรูตวั ฉกาจเข้าโจมตี วิลเลียมจึงได้รคู้ วามลับที่ ‘ภาคีนริ นาม’ เหล่า นี้เก็บง�ำไว้ ศัตรูที่ยากจะโค่นลงได้ และโลกจะเกิดภัย หากว่าปราการ แห่งนี้ไม่อาจต้านทานไว้ได้ นี่คือนวนิยายแอ๊คชั่นอิงประวัติศาสตร์ ที่เดินเรื่องได้กระชับ บรรยายฉากต่อสูไ้ ด้อย่างเห็นภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธา ความ กล้าหาญ มิตรภาพ และความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของมนุษย์

ส�ำนักพิมพ์ เลเจ้นด์ บุ๊คส์


จากใจ (หนึ่งใน) ผู้แปล

ก�ำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลกยุค กลาง ความน่าทึ่งของงานก่อสร้างระดับนี้ต่อให้เป็นในโลกยุคปัจจุบัน ก็ยังแทบไม่อยากเชื่อ ทั้งที่เมื่อสองพันกว่าปีท่ีแล้วไม่มีการค�ำนวณทาง วิศวกรรม ไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยค�ำนวณ ไม่มีเครื่องทุ่นแรงอันทันสมัย มีแค่ภูมิปัญญาตะวันออกและแรงงานล้วนๆ แต่นิยายที่เขียนขึ้นจากบทภาพยนตร์เรื่องนี้ยกระดับความน่า ทึง่ ของก�ำแพงขึน้ ไปอีกหลายขัน้ ด้วยการผสมผสานต�ำนานและใส่ความ มหัศจรรย์ต่างๆ เข้าไว้กับก�ำแพง จนผู้แปลแปลด้วยความเพลิดเพลิน สนุกสนานจนแทบวางไม่ลง นักเขียนผู้แปลงบทภาพยนตร์มาเป็นนิยายเก่งสมกับชื่อชั้น เพราะได้ใส่รายละเอียดต่างๆทั้งภูมิหลังของตัวละคร รายละเอียดปลีก ย่อยของเนื้อเรื่อง และการบรรยายฉากการรบไว้อย่างดีเยี่ยมและไม่ เหมือนกับภาพยนตร์เสียทีเดียวนัก จนแม้แต่ผู้อ่านที่ได้ชมภาพยนตร์ มาแล้วก็จะได้รับอรรถรสไปอีกแบบหนึ่ง ที่ทั้งตึงเครียดและลุ้นไปกับ สถานการณ์ต่างๆ อาจจะยิ่งกว่าตอนรับชมภาพยนตร์อยู่ด้วยซ�้ำไป ในฐานะหนึ่งในนักแปลที่มีส่วนร่วมในการผลิตงานชิ้นนี้ หาก


มีข้อผิดพลาดในการแปลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกเสียงภาษา จีน ทางทีมผู้แปลและบรรณาธิการขอน้อมรับและกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ต่อจากนี้ขอน�ำท่านผู้อ่านเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่เจ๋งเสียจน ลูกชายชั้นประถมของผู้แปลต้องหันมาถามว่า “หม่าม้า ก�ำแพงเมืองจีน ท�ำได้อย่างงี้จริงๆ หรือครับ หม่าม้าพาไปดูหน่อยนะครับ” วราภรณ์ วราสภานนท์ มกราคม 2560





เทือกเขานี้ดูเหมือนหลุดออกมาจากความฝัน หินทรายและ แร่ธาตุหลากสีทับถมกันเป็นชั้นๆ มานานนับล้านๆ ปีจนเกิดเป็นเขาหิน สีสันฉูดฉาดประหลาดตาและสวยงามจนแทบลืมหายใจ เปล่งประกาย ใต้ดวงอาทิตย์ทะเลทรายเป็นแถบสีแดงและเหลือง เขียวและน�้ำเงินที่ เจิดจ้าราวกับจานผสมสีของจิตรกร เป็นทัศนียภาพทีเ่ หมือนภาพหลอน ซึ่งค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในสายตาผู้พบเห็น ทว่าแม้จะสวยสดงดงามแต่นี่คือภูมิประเทศที่ทุรกันดารยิ่ง ผู้คนล้มตายทุกวัน พวกที่ขาดการเตรียมความพร้อมและพวกบ้าระห�่ำ มุทะลุจะจบชีวิตจากความหิวโหยและกระหาย ส่วนคนประเภทอื่นๆ จะตกเป็นเหยื่อของสัตว์ป่าหรือกองโจร ฝูงแร้งบินวนอยู่บนท้องฟ้า ด้วยรูว้ า่ ซากศพไม่เคยอยูห่ า่ งจากจะงอยปากงุม้ โง้งของพวกมัน ฝุน่ ทราย ใต้หย่อมพืชสีเขียวที่มีให้เห็นอยู่บางตานั้น อุดมไปด้วยผงกระดูกป่นๆ ของพวกที่ล้มตายที่นี่ แต่ขณะนี้ลมสงบ ทะเลทรายไร้ความเคลื่อนไหว กิ้งก่าตัว


หนึ่งยืนนิ่งตากความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ก�ำลังค่อยๆ ตกลับขอบฟ้า แต่แล้วมันกลับพุ่งตัวเข้าหาที่ก�ำบัง เมื่อจับความสั่นสะเทือนได้ที่ใต้ ฝ่าเท้า จุดมืดด�ำค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า ฝุ่นทรายคละคลุ้งอยู่ โดยรอบบริเวณนั้น ใครก็ตามที่ยืนอยู่ตรงจุดที่เจ้ากิ้งก่าตัวนั้นเคยอยู่ก็จะต้องได้ยิน เสียงกีบเท้าและเสียงร้องของสัตว์ซึ่งดังแผ่วๆ ในตอนแรกที่ก�ำลังใกล้ เข้ามา คนผู้นั้นจะต้องเห็นจุดด�ำมืดโผล่ออกจากไอแดดและค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนเห็นเป็นกลุ่มของม้าแปดตัว ซึ่งห้าตัวในนั้นมีคนขี่อยู่ ชายทั้งห้าหมอบตัวแนบหลังม้าคอยกระตุ้นให้พวกมันวิ่งไป พวกเขา ก�ำลังมุ่งหน้าสู่เทือกเขาหลากสี ด้วยความหวังว่าค�่ำคืนนี้จะได้ที่หลบ พัก หวังว่าจะพบสถานที่ปลอดภัยในหุบเขาและเหวลึกแห่งนี้ วิลเลียม แกริน ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นหยีตาลงต้านฝุ่นทราย ที่โหมพัดทิ่มแทงเข้าใส่ เขาเป็นชายร่างบาง แข็งแกร่ง มีแผลเป็นทั่ว ร่าง เคราและผมยุ่งเหยิงจับเป็นกระจุกๆ ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมทางคน อื่นๆ สวมเสื้อผ้าซอมซ่อท�ำจากหนังสัตว์เก่าปะที่ใช้งานมานานจนขน หลุดลุ่ยไม่เหลือและชุดเกราะอย่างเบา เขาเกิดที่อังกฤษเมื่อสามสิบเจ็ด ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ห่างไกลบ้านเกิดเหลือเกิน แต่จะว่าไปวิลเลียม เป็นคนพเนจร เขาถือว่าโลกทั้งใบคือบ้าน ช่วงสามทศวรรษหลังนี้เขา ใช้ชีวิตต่อสู้ตระเวนไปทั่วหลายทวีป อดีตของเขาโชกเลือดจากการรบ นับครัง้ ไม่ถว้ น ประสบการณ์อันมากมายจากสงครามไม่เพียงแต่จะหล่อ หลอมความแน่วแน่ของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นแต่ยังลับประสาท สัมผัสเขาจนแหลมคม ท�ำให้เขากลายเป็นนักกลยุทธ์ชั้นครูอีกด้วย เพียงเหลือบตามองเพือ่ นร่วมทางเขาก็ตระหนักว่าจะต้องระดมทุกทักษะ ที่มีอยู่นับไม่ถ้วนนั้นออกมา เพื่อน�ำทุกคนออกจากสถานการณ์ยาก ล�ำบากที่ก�ำลังเผชิญอยู่นี้ให้ได้ จากคณะชายฉกรรจ์ยี่สิบคนเมื่อเริ่มต้นภารกิจบ้าระห�่ำที่น่าจะ 12

มาร์ก มอร์ริส


ท�ำได้ส�ำเร็จนี้ ปัจจุบันพวกเขาเหลือเพียงห้า ที่เหลือถูกกองโจรสามสิบ กว่าคนจัดการไป ซึ่งตอนนี้พวกมันก�ำลังไล่หลังมา ที่น�ำหน้าคือนาจิด ทหารรับจ้างชาวซาราเซน ชายเสื้อคลุมเปื้อนฝุ่นของเขากระพืออยู่ด้าน หลัง ถ้าเหตุการณ์ไปถึงจุดที่ทุกคนต้องตัวใครตัวมัน คนที่มีโอกาสรอด จากคมดาบที่กวัดแกว่งของผู้ไล่ล่ามากที่สุดก็คือนาจิด เขาเป็นนักขี่ม้า ชั้นครู เมื่อนั่งอยู่บนอาน เขากับม้าเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นการ หลอมรวมระหว่างคนกับสัตว์ที่สมบูรณ์แบบ คนที่น่าจะไม่รอดมากที่สุดคือริซเซ็ตติ หรืออาจจะเป็นบูชาร์ด ชาวแฟรงค์ ริซเซ็ตติชาวอิตาลีเป็นทหารที่เก่งกาจและห้าวหาญใน สนามรบ แต่เขาโดนลูกธนูเสียบทะลุขาบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ตัวเขา ซีดเผือดเหงื่อท่วม ค้อมตัวท�ำหน้าเครียดอยู่บนหลังม้า ฟันขบกันแน่น เพราะความเจ็บปวด วิลเลียมเหลือบมองแผลทีย่ งั ไม่ได้ปฐมพยาบาลนัน่ และเห็นว่าเลือดยังคงไหลลงไปตามรองเท้าบูต๊ และทิง้ ร่องรอยไว้บนทราย เบื้องหลังเป็นทาง แต่อย่างน้อยริซเซ็ตติก็ยังมีจิตใจเข้มแข็งแน่วแน่ของทหารอยู่ ตรงกันข้ามกับบูชาร์ด หัวหน้าของพวกไม่เอาไหนที่ร่วมขบวนมาด้วย และเป็นคนที่ไม่ใช่ทหารเพียงคนเดียวที่ยังรอดชีวิต เขาเป็นแค่คน ใจเสาะแต่คุยโต เป็นนายทุนพูดจาระรื่นหู ผู้ล่อลวงทุกคนให้มาร่วม วงด้วยนิทานไร้สาระเรื่องผงวิเศษสีด�ำ ที่จะน�ำชื่อเสียงและความร�่ำรวย ไม่รจู้ บมาให้ บูชาร์ดผู้มั่นอกมั่นใจจนเข้าขั้นยโสตอนพ่นค�ำสัญญาลมๆ แล้งๆ บัดนีก้ ลับหวาดกลัวตัวสัน่ และลดอัตตาลงไปมาก เขาไม่ใช่หวั หน้า คณะอีกแล้ว แต่กลายเป็นคนพร�่ำพูดเพ้อเจ้อฟังไม่ได้ศัพท์ ที่ไม่อาจ ห้ามตัวเองไม่ให้คอยเหลียวกลับไปมองหลังบ่อยๆ ได้ วิลเลียมประสานสายตากับเปโร โทวาร์ สมาชิกคนที่ห้าของ กลุ่มและเป็นเพียงคนเดียวที่เขาพอจะเรียกว่าเพื่อนได้ เปโรเป็นชาว สเปนขาโหด เขาเหมือนสัตว์มากกว่าคนในหลายๆ แง่ และแม้ว่าจะป่า เดอะ เกรท วอลล์ 13


เถื่อน อารมณ์ร้าย และโหดเหี้ยมในสนามรบแต่เขาก็เป็นคนยืดหยุ่น ฉลาด และมีอารมณ์ขันที่ดึงดูดใจวิลเลียม และแน่ละว่าเป็นสิ่งที่ท�ำ ให้วิลเลียม…แม้จะไม่สามารถเชื่อใจชายผู้นี้เต็มร้อย...รู้ว่าอย่างน้อย สามารถไว้ใจเขาได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร่วมกัน สีหน้าของเปโรในขณะนี้อ่านง่าย เพราะวิลเลียมเองก็ก�ำลังคิด แบบเดียวกัน บูชาร์ดเป็นตัวถ่วง เขาถ่วงให้ทุกคนช้าลงด้วยการเหลียว หลังกลับไปมองไม่หยุดหย่อน วิลเลียมกระตุกสายบังเหียนบังคับให้ม้า เข้าไปขนาบข้างม้าของบูชาร์ด “หยุดเหลียวหลังซะที!” เขาตะโกนใส่ชาวแฟรงค์ “ถ้าเจ้ามอง เห็นพวกมันเมื่อไหร่ พวกเราตายแน่!” ปฏิกิริยาเดียวของบูชาร์ดคือรอยวูบในดวงตาตื่นกลัวเบิกกว้าง ของเขา วิลเลียมเอนตัวไปเฆี่ยนม้าของบูชาร์ดให้มันวิ่งเร็วขึ้น “รีบไป!” เขาตะโกนใส่บูชาร์ด “จะรีบหรือจะตาย เลือกเอา!” ขณะที่ม้าของบูชาร์ดสะดุ้งออกวิ่งน�ำหน้าม้าเขาไป วิลเลียม ละเมิดกฎของตัวเองโดยเหลียวหลังกลับไปมองแวบหนึง่ เขาไม่เห็นกอง โจรอยู่ข้างหลัง ยังไม่เห็น ซึ่งหมายถึงยังมีโอกาสหนีรอด “นาจิด!” เขาตะโกนฝ่าผงธุลี เบื้องหน้า ชายชาวเติร์กหันกลับมามอง วิลเลียมชี้ไปที่สันเขาหลากสีเบื้องหน้าซึ่งเห็นอยู่ลางๆ ใกล้เข้า มาเรื่อยๆ แล้วจึงชี้ไปที่ม้าไร้คนขี่สามตัวที่วิ่งเคียงข้างพวกเขามา ถุง ข้างอานม้าบรรจุข้าวของจนเต็มกระดอนขึ้นลง “ปล่อยม้าไปเมื่อข้าให้สัญญาณ!” ค�ำพูดเขาแทรกเข้าไปในสมองทีช่ ะงักงันด้วยความกลัวตายของ บูชาร์ด ตอนนี้ชาวแฟรงค์หน้าตาแตกตื่นด้วยสาเหตุที่ต่างออกไป “ถุง!” เขาส�ำลัก “นอง! ปา เลอ ซัคส์!” 14

มาร์ก มอร์ริส


แต่วิลเลียมไม่สนถุงอานม้าล�้ำค่าของชายชาวฝรั่งเศสสักนิด ไม่เลยเมื่อชีวิตพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย “ปล่อยเลย!” เขาตะโกน บูชาร์ดร้องเสียงหลงโหยหวนด้วยความไม่อยากเชื่อและเจ็บ ปวด แต่นาจิดไม่ลังเลเลย เขาชักดาบโค้งออกมาตัดเชือกที่ล่ามม้าไร้ คนขี่ทั้งสามออกจากกลุ่มแล้วหวดแส้ใส่ กระตุ้นให้พวกมันวิ่งเร็วขึ้น “ไปเลย! ไป!” เขาตะโกนอย่างยินดี “วิง่ เอาตัวรอดเลย เพือ่ น!” ม้าทั้งสามตัววิ่งขึ้นหน้า มุ่งไปยังสันเขาที่ใกล้ที่สุด บูชาร์ดเจ็บ ปวดและโกรธเกรี้ยวจนตาถลนขณะเฝ้ามองพวกมันวิ่งไป ขณะที่ พ วกมั น วิ่ ง ลึ ก เข้ า ไปในหุ บ เขา นาจิ ด ก็ ก ระตุ ก สาย บังเหียนและน�ำคณะของเขามุง่ ไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับม้าสามตัวนัน้ ถ้าโชคดี ตอนที่กองโจรขึ้นถึงยอดเขา ผู้รอดชีวิตทั้งห้าคนก็คงจะหลบ อยู่ในเทือกเขาพ้นระยะสายตาแล้ว และผู้ไล่ล่าก็จะตามรอยฝุ่นเป้าล่อ ทีเ่ ห็นอยูไ่ กลๆ ซึง่ เกิดจากม้าไร้คนขีท่ ยี่ งั คงวิง่ ตะบึงหนีไม่คดิ ชีวติ ทัง้ สาม ตัวนั้นไป

*** เปลวไฟเต้นริบหรีอ่ ยูใ่ นความมืด การป่าวร้องว่าพวกเขาอยู่ ตรงนี้ เ ป็ น ความเสี่ ย ง แต่ เ ป็ น ความเสี่ ย งที่ ค�ำนวณไว้ แ ล้ ว ที่ นี่ ใน ภูมิประเทศ ที่สวยละลานตาทว่าไม่เป็นมิตรแห่งนี้ อุณหภูมิลดฮวบ อย่างกับก้อนหินหล่นตุ้บลงพื้นในยามค�่ำคืน ถ้าพวกเขาจะรอดได้ อย่างน้อยก็ต้องได้ความร้อนสักนิดไว้ป้องกันไม่ให้หนาวตาย แม้ว่าทุกคนจะหนาวสั่นสะท้าน และม้าทุกตัวเดินเขยกหลัง จากวิง่ หนีหวั ซุกหัวซุนผ่านทะเลทรายมา แต่รซิ เซ็ตติเป็นสมาชิกในกลุม่ ที่สภาพแย่สุด ตอนนี้เขาจึงนอนเหยียดยาวอยู่ข้างกองไฟ ผ้าห่มเนื้อ เดอะ เกรท วอลล์ 15


หยาบกองสุมอยู่บนร่างเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น วิลเลียม เปโร และนาจิด ดึงลูกธนูออกจากขาเขาแล้วท�ำความสะอาดพร้อมกับพันแผลไว้ ดีที่สุด เท่าที่จะท�ำได้ แต่ใบหน้าไว้เคราซีดเผือดของชายอิตาเลียนผู้นี้กลับมัน ปลาบด้วยเหงื่อ ร่างสั่นเทาจากพิษไข้ วิลเลียมรู้ว่าเขาไม่สามารถขี่ม้า ได้ในสภาพที่เป็นอยู่นี่…แต่คนอื่นที่เหลือก็ไม่อาจจะอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ต่อได้ หลังฟ้าสาง ดังนั้นไข้ของริซเซ็ตติจะต้องลดลงชั่วข้ามคืนนี้ ท�ำให้เขา ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจาก ทิ้งเขาไว้ให้ตายอยู่ที่นี่ เป็นทางเลือกทีโ่ หดร้ายแต่นคี่ อื ความเป็นจริง ในสภาพแวดล้อม ที่ทางเลือกมีน้อย การเอาชีวิตรอดคือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีเวลาให้กับ ความกรุณา ความลังเล หรืออารมณ์อ่อนไหวใดๆ ทุกคนต่างก็รู้เรื่อง นี้...แม้แต่ตัวริซเซ็ตติเองก็เช่นกัน ผู้รอดชีวิตที่เหลืออีกสี่คนขดตัวอยู่รอบกองไฟ โดยมีริซเซ็ตติ นอนเหยียดยาวอยู่กลางวง พอได้สติขึ้นมาสักพักก็หมดสติสลับกันไป ทุกคนต่างเหนือ่ ยล้าเกินกว่าจะพูดคุยกัน อีกทัง้ หิวและกระหายน�ำ้ ด้วย ตอนที่โดนกองโจรเข้าโจมตี พวกเขาหนีออกจากขบวนมาได้พร้อมกับ ถุงหนังใส่น�้ำสองสามใบกับถุงใส่เนื้อแพะตากแห้งใบหนึ่งเท่านั้น เนื้อ แพะหมดไปแล้ว เช่นเดียวกับกิง้ ก่าตัวเล็กสองตัวทีพ่ วกเขาจับมาได้และ แบ่งกันกิน วิลเลียมเงยหน้าขึน้ เมือ่ บางสิง่ ส่งเสียงร้องแหบห้าวมาจากทะเล ทราย …เสียงนกกลางคืนหรือนักล่าทีย่ งั ไม่เคยเห็นมาก่อนกันแน่นะ เขา เคยเผชิญกับสัตว์แปลกๆ มากมายในการเดินทางที่ผ่านๆ มา และหวัง อย่างยิ่งว่าถ้าเขารอดชีวิตจากคืนนี้และวันต่อๆ ไปได้ เขาจะได้เห็นเพิ่ม มากขึ้นกว่านี้ เขาจ้องเข้าไปในความมืดเลยกองไฟไปแต่มองไม่เห็นสิ่ง ใด ราวกับโลกทั้งใบถูกกลืนเข้าไปอยู่ในช่องว่างด�ำมืด จู่ๆ ริซเซ็ตติก็ลืมตาขึ้น อาจจะด้วยถูกเสียงร้องของสัตว์ที่ไม่รู้ 16

มาร์ก มอร์ริส


จักปลุกให้ตื่น ริมฝีปากแห้งผากของเขาเผยอขึ้น “เล่าเรื่องนั้นหน่อย” เขาส่งเสียงแหบห้าว สายตาจ้องที่บูชาร์ด บูชาร์ดจ้องกลับอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่หนีจากกองโจรมาได้ เขาก็เก็บเนื้อเก็บตัว…นั่งตามล�ำพัง ไม่ช่วยล่าสัตว์ หาฟืน หรือดูแล ริซเซ็ตติเลย วิลเลียมไม่แน่ใจว่าอารมณ์ของชายชาวแฟรงค์ผู้นี้เป็น เพราะความชอกช�้ำจากการโจมตีของกองโจร หรือแค่อารมณ์บูดเพราะ เสียถุงอานม้าล�้ำค่าไป บางทีอาจจะทั้งสองอย่าง “เล่าหน่อย” ริซเซ็ตติพูด น�้ำเสียงวิงวอน…ราวกับเรื่องเล่าของ บูชาร์ดเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะก่อแรงกระตุ้นให้เขาฟื้นตัวได้ บูชาร์ดถอนหายใจ จากนั้นสบตาเข้ากับเปโรผู้ซึ่งพยักหน้าใส่ เขาอย่างดุดัน บูชาร์ดเริ่มเล่าด้วยน�้ำเสียงราบเรียบและอ่อนล้า “ตอนเหนือ ของทางสายไหม...ผ่านซีอัน... ทางเหนือของตะวันออกเฉียงเหนือ... เก้า ร้อยไมล์ขึ้นไปทางเหนือจะมีภูเขาหยกลูกหนึ่ง หยกบริสุทธิ์ และมี… ป้อมปราการแห่งหนึ่ง...” เสียงเขาเบาลงเรื่อยๆ และเงียบไป ตาจ้องเข้าไปในกองไฟ มือกอบทรายขึน้ มาก�ำหนึง่ แล้วปล่อยให้มนั ไหลผ่านนิว้ “ผงนัน่ ” ริซเซ็ตติ พูด “เล่าให้เราฟังเรื่องผงวิเศษนั่น” เมื่อบูชาร์ดไม่ตอบ เสียงเขาก็เข้ม ขึ้นเพราะความโกรธ ความเป็นนักรบในตัวเขาแหวกฝ่าพิษไข้ที่ก�ำลัง ท�ำให้ร่างกายอ่อนแอออกมาได้ชั่วขณะ “เล่ามา!” บูชาร์ดมองไปรอบกองไฟ รู้สึกถึงสายตาแข็งกระด้างของคน อื่นๆ ที่เหลือ ก�ำลังจ้องมาที่เขา เขากระแอมและพูดว่า “ผงสีด�ำแรงยิ่ง กว่าธนู แข็งแกร่งกว่าก�ำแพงเมือง มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากเสียจน สามารถท�ำลายคนนับโหลได้ในคราวเดียว...” ขณะที่เขาเริ่มอ้าปากพูด วิลเลียมเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิด ขึ้นกับบูชาร์ด เห็นว่าค�ำพูดของตัวเขาเองนั้นชุบชีวิตเขา เขาฟังเสียงที่ เดอะ เกรท วอลล์ 17


ติดส�ำเนียงหนักๆ ของบูชาร์ดค่อยๆ เข้มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพลังจากความ กระตือรือร้นของตัวเขาเอง ความกระตือรือร้นที่ให้ก�ำเนิดความโลภ “มันเป็นผงที่ผสมขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุที่จะเปลี่ยนอากาศ ให้กลายเป็นไฟ ไฟที่พุ่งเร็วเสียจนท�ำให้คนที่อยู่รายทางตาบอดกัน หมด ไฟที่เสียงดังเสียจนท�ำให้คนหูหนวก” ดวงตาเขาเปล่งประกาย ความตื่นเต้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าต้องการเพียงชายยี่สิบคน ชายที่กล้าและแกร่งพอจะออก เดินทางเพื่อสิ่งที่คุ้มค่าจะเดิมพันชีวิตสั่วๆ นี่ให้ เราจะพบป้อมปราการ และผงวิเศษด้วยกันและโลกทั้งใบก็จะเป็นของเรา!” เขาเอนตัวเข้าหากองไฟ ดวงตาเจิดจ้า ฟันเป็นประกายเมื่อ เขาฉีกยิ้มกว้าง “จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้าหญิงหรือพระพวกนั้นที่ไม่เคยสนว่าพวก เจ้าจะอยู่หรือตายไปท�ำไม จะเดิมพันวิญญาณของเจ้าเพื่อพระเจ้าที่เจ้า ไม่เคยเชื่อว่ามีอยู่ รบในสงครามที่ไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยนอกจากท�ำให้ คนอื่นรวยไปท�ำไม เรามากุมชะตาชีวิตเราเองกันเถิด เม อามี่ส์! เรามา ออกเดินทางด้วยกันเพื่อไปสู่ป้อมปราการลับแห่งผงวิเศษสีด�ำกับความ ร�่ำรวยที่...” ถึงตอนนี้ค�ำพูดชักชวนของเขาสะดุดหยุดลง จู่ๆ นาจิดก็สะบัด แขนตวัดไป ประกายใบดาบโค้งวาบขึ้น ความเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วยิ่งนัก แม่นย�ำยิ่งนัก จนวิลเลียม กังขาอยู่ชั่วแวบว่าเขาจินตนาการไปเองหรือไม่ บูชาร์ดยังคงคุกเข่าอยู่ ที่อีกฟากของกองไฟ ตายังจดจ้องอยู่ที่ไฟนั่น แต่ตอนนี้ดวงตาเขาปูด โปนและปากอ้ากว้างด้วยความตกใจสุดขีด แล้วเส้นสายสีด�ำเส้นหนึ่งจึงปรากฏขึ้นพาดอยู่บนล�ำคอเขา เส้นสีด�ำที่ทันใดนั้นก็เริ่มมีของเหลวสีด�ำทะลักออกมา ของเหลวนั่น กระเซ็นสาดเข้าใส่กองไฟ ท�ำให้ไฟปะทุและส่งเสียงซี่ๆ มือของชาย 18

มาร์ก มอร์ริส


ชาวแฟรงค์ตะปบไปที่คอขณะที่เริ่มส�ำลัก ด้วยความกระทันหันชวนตระหนก ประกายชีวิตเริ่มหลุดลอย ออกจากดวงตาเขา ร่างเขาเอนไปข้างหน้าและล้มตึงลงฟาดกับพื้นดิน เท้าขวากระตุกอยู่ชั่วขณะก่อนจะแน่นิ่งในที่สุด วิลเลียมกับเปโรมองนาจิดที่ก�ำลังจ้องร่างของบูชาร์ดหน้าตา บูดบึ้ง ชายชาวเติร์กบรรจงเช็ดเลือดออกจากดาบโค้ง เสียบมันกลับ เข้าฝัก แล้วจึงมองมาที่เพื่อนร่วมทางและยักไหล่ “ข้าเอียนเรื่องของมันเต็มแก่แล้ว มันเล่าเรื่องนี้มาหกเดือนเข้า นี่แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววจะเจอเจ้าผงล�้ำค่านี่เลยสักนิด” เปโรกับวิลเลียมมองหน้ากันราวกับไม่แน่ใจว่าควรจะตอบ อย่างไรดี แล้วเปโรจึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะเอารองเท้าบู๊ต” “ข้าเอาอานม้า” ริซเซ็ตติยันตัวขึ้นส่งเสียงแหบต�่ำมาจากข้าง กองไฟ วิลเลียมเห็นหน้าของนาจิดเขม็งตึงขึ้น เห็นมือเขาเริ่มยื่นออก ไปที่ด้ามดาบโค้งอีกครั้ง เขารีบลุกขึ้นยืน ชูมือขึ้นในท่าให้ใจเย็นๆ “ของปล้นมาได้ต้องแบ่ง” เขารีบพูด “เลือกก่อนแล้วค่อยถก กัน” เกิดความเงียบเคร่งเครียดขึ้นชั่วขณะ ทุกสายตาจ้องมาที่เขา แล้วทั้งเปโรและนาจิดจึงพยักหน้าหงึก ส่วนริซเซ็ตติพึมพ�ำตกลงเสียง อ่อนล้า

*** ข้าวของของบูชาร์ด…เท่าที่พอจะเหลือมาจากการปล้นหรือ ที่ไม่ได้ติดไปกับม้าที่ถูกปล่อย…ถูกเทลงบนพื้นใกล้กองไฟ หลังผ่านการ เดอะ เกรท วอลล์ 19


เจรจาต่อรองกันมากมาย ของที่มีค่า (เหรียญกษาปณ์เงิน เหรียญทอง และพลอย อาวุธกับถุงเมล็ดพืช ภาพวาดดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับแผน ภาพร่างของเครื่องกลยุคกลาง) ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน ตอน นี้ที่เหลืออยู่มีแต่ข้าวของส่วนตัว ตราลัญจกรชุดหนึ่งกับอุปกรณ์กิน อาหารท�ำจากทองแดง อุปกรณ์เย็บผ้า หวีงาช้าง กระติกน�้ำดีบุก เปโรนั่งยองๆ อยู่บนหินก้อนหนึ่งที่ข้างกองไฟ ถุงค้าขายของ บูชาร์ดใบหนึง่ วางอยูท่ เี่ ท้า เขายืน่ มือลงไปในถุงแล้วพูดขึน้ “ตอนนีถ้ งึ ชิน้ สุดท้ายแล้ว” มือเขาโผล่ออกมา ก�ำหินสีด�ำสนิทอยูก่ อ้ นหนึง่ “แม่เหล็ก... ใครจะเอา” “ไม่ใช่ข้า” นาจิดพูด “หนักเกินไป” “ริซเซ็ตติล่ะ” ชายอิตาลีส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ข้าเอา” วิลเลียมพูดแล้วจึงฉีกยิ้มใส่เปโร “เว้นแต่เจ้าจะ ประลองกับข้าเพื่อชิงกัน” เปโรเม้ ม ปากอยู ่ ค รู ่ ห นึ่ ง แล้ ว จึ ง โยนหิ น นั่ น มาทางวิ ล เลี ย ม แทนที่จะแบมือรับไว้ วิลเลียมกลับแค่ยกแขนสวมถุงมือเกราะเหล็กขึ้น หินก้อนนัน้ ปลิวเข้าหาเขาและ…แคร้ง!...ดูดติดแน่นกับโลหะ แรงดูดของ แม่เหล็กแรงเสียจนวิลเลียมต้องกัดฟันออกแรงดึงจนกล้ามแขนโป่งพอง ถึงจะงัดมันหลุดออกมาได้ แล้วจึงซุกมันไว้ใต้ซอกเกราะโซ่ตัวยาวที่ทั้ง สกปรกและขาดรุ่งริ่งของเขา “ข้าเอาแผนที่ด้วย” เขาพูด เปโรหรี่ตา “ไม่เอาน่า เปโร” วิลเลียมพูดน�้ำเสียงข�ำๆ “เจ้าอ่านหนังสือ ไม่ออกนี่ จะเอาไปท�ำอะไรได้ ส่งมา” เปโรส่งเสียงฮึ่มฮั่มแล้วจึงยื่นมือลงไปในรองเท้าบู๊ตข้างซ้ายคู่ ใหม่…คู่ท่ีเขาดึงออกมาจากเท้าของศพบูชาร์ดอย่างเสียไม่ได้ แล้วดึง 20

มาร์ก มอร์ริส


เอาแผนที่ที่เขาซ่อนไว้ในนั้นออกมา เขาส่งมันให้วิลเลียมด้วยท่าทาง ของคนที่ต้องยอมจ�ำนนเพราะเสียรู้ วิลเลียมสอดแผนที่เข้าไปในเกราะ โซ่ “คืนนี้พระจันทร์สว่าง” วิลเลียมพูดเมื่อเงยหน้าขึ้นมองจาน กลมขาวบนท้องฟ้า “เมื่อม้าพักพอแล้ว เราจะออกเดินทาง” “ไปไหน” นาจิดถาม “ขึ้นเหนือ ถ้าพวกมันยังตามเรามา เราจะฆ่าพวกมันในเทือก เขา” เปโรเหลือบตามองริซเซ็ตติที่ดูเหมือนจะผล็อยไปอีกแล้วและ กระเถิบเข้ามาใกล้วิลเลียม เขาพูดเสียงเบาว่า “ริซเซ็ตติหายไม่ทันเช้า แน่ ถ้าบังคับให้เขาเดินทางก็คงไม่ต่างจากลากศพไปด้วย” วิลเลียมหน้าเคร่งขรึม “ก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง ไม่ใช่หรือ” เปโรขมวดคิ้วท�ำให้วิลเลียมต้องรีบพูดเสริมว่า “เขามีสิทธิ์จะ ตายในที่ที่เขาต้องการ” เมื่อเปโรยังดูไม่ค่อยคล้อยตามนัก วิลเลียมจึงถอนหายใจและ พูดว่า “ฟังนะ ข้าเคยถูกทิ้งให้ตายมาสองครั้ง โชคร้ายมาก” “กับใครล่ะ” เปโรพึมพ�ำ “กับคนที่ทิ้งข้าไว้น่ะสิ” วิลเลียมยิ้มแบบชวนเพื่อนให้ร่วมวงยิ้มด้วยกัน แต่เปโรแค่หัน หนีถ่มน�้ำลายลงพื้น “เบียง” เขาพูดเสียงเรียบ “เจ้าเป็นคนตัดสินนี่” ก่อนวิลเลียมจะทันตอบอะไรจู่ๆ เสียงแสบแก้วหูก็ดังแหวก ความมืดมา เป็นเสียงน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แม้เขาจะมี ประสบการณ์ผ่านศึกสงครามมา แม้จะเคยรับรู้ความโหดร้ายของ มนุษย์ที่กระท�ำต่อมนุษย์ด้วยกัน ทว่าเสียงนี้ก็ยังท�ำให้เขาหนาวเข้า กระดูกด�ำ เขาหมุนตัวหันไปทางความมืดที่อยู่เลยกองไฟริบหรี่ออกไป “เสียงอะ…” เดอะ เกรท วอลล์ 21


แล้วนรกก็แตก บางสิ่งพุ่งออกมาจากความมืดเข้าใส่พวกเขา บางสิ่งที่มหึมา และดุร้ายแต่เคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนเห็นเป็นแค่เงาเลือนๆ ไม่ทัน กะพริบตาวิลเลียมก็รับรู้ว่าทั้งริซเซ็ตติกับนาจิดถูกกระชากออกจากจุด ที่พวกเขาอยู่ตรงข้างกองไฟหายเข้าไปในความมืดแล้ว เสียงกรีดร้อง แวบเดียวของนาจิดเป็นเสียงของความกลัวตายและทุกข์ทรมาน ไม่มี เสียงใดจากริซเซ็ตติเลย พวกม้าเริ่มส่งเสียง ราวกับร้องด้วยความ สงสาร มีเสียงสวบสาบสับสนอยู่ครู่หนึ่งตอนที่พวกมันพยายามดิ้นรน ให้หลุดจากเชือกล่าม แล้ววิลเลียมเหมือนจะรับรู้ถึงเสียงกีบเท้าที่วิ่ง ตะบึงห่างออกไป แสงสีเขียวแวบขึ้น แล้วเปโรผู้ที่กระโดดลุกขึ้นและออกวิ่ง ตามสัญชาตญาณเพื่อไล่กวดตัวอะไรก็ตามที่มาลากตัวเพื่อนเขาไป ก็ กระเด็นปลิวขึ้นกลางอากาศและหล่นตุบลงกลางกองไฟ ฟืนกระจาย เปลวไฟดับวูบ ค่ายที่พักจมลงสู่ความมืดมิด วิลเลียมหมุนตัวตามสัญชาตญาณ มือก�ำดาบ ตอนนีต้ วั ทีจ่ โู่ จม พวกเขาหันเหความสนใจมาที่วิลเลียม เขารู้สึกถึงมันมากกว่าจะเห็น มัน…สิ่งที่เขารู้สึกว่าใหญ่มโหฬารซึ่งมีเสียงปานฟ้าร้องพุ่งเข้าใส่เขา แต่ แล้วกลับเหมือนจะหยุดชะงัก…ซึ่งนั่นแย่กว่าอีก เพราะตอนนี้เขาไม่รู้ แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน เขาขยับขึ้นหน้า ดาบกวัดแกว่งสะเปะสะปะ แล้ว ก็รู้สึกว่ามันไปปักใส่อะไรสักอย่าง รู้สึกว่ามันสั่นอยู่ในมือตอนที่ใบมีด กรีดใส่เนื้อและกระดูก สัตว์ตัวนั้น…เจ้าสิ่งนั้น…ยังเงียบจนน่าประหลาด วิลเลียมไม่ สนแต่รีบฉวยโอกาส เขากวัดแกว่งดาบซ�้ำแล้วซ�้ำเล่า ทั้งกรีดทั้งแทง ทั้งฟาดฟัน ปฏิกิริยาเร็วปานสายฟ้า ตอนที่ใบดาบส่องแสงสะท้อนจาก ดวงจันทร์เขาเห็นอะไรบางอย่างสีเขียวจ้าสาดเข้าใส่ความมืด เจ้าสัตว์ นั่นเซ วิลเลียมตวัดดาบไปทางเสียงนั่น และรู้สึกถึงคมดาบตัดผ่าเนื้อ 22

มาร์ก มอร์ริส


แน่นๆ อีกครั้ง และแล้วเจ้าสิ่งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตาม ก็ถอยไป วิลเลียมรูส้ กึ ได้วา่ มันถอยห่างจากเขา รูส้ กึ ได้วา่ มันตัวใหญ่มหึมา เจ้าเนือ้ และหนักมาก ใหญ่อย่างน้อยพอๆ กับช้างที่ยืนบนขาหลัง ไม่ก็ใหญ่ กว่านั้นอีก หรือจะเป็นเจ้านี่เอง ช้างหลงฝูง ช้างหลงฝูงที่เคลื่อนไหวราว สายฟ้าและเลือดไหลเป็นสีเขียวน่ะหรือ วิลเลียมขยับขึ้นหน้า ยังหอบ หายใจจากการต่อสู้และความหวาดกลัว มือยังไม่หยุดเสือกแทงดาบต่อ มีเสียงหินกลิ้งหล่น และแล้วจู่ๆ ขณะที่เจ้าสิ่งนั้นถอยห่างจาก เขาก็ส่งเสียงกรีดร้องประหลาดพิกลน่าขนลุกออกมา แต่เสียงกรีดร้องนั้นก�ำลังจางไป ห่างออกไป ราวกับสิ่งนั้น ก�ำลังตกกลับลงสู่นรกที่ซึ่งมันหลุดออกมา ทันใดนั้นวิลเลียมก็ตระหนัก ว่าเกิดอะไรขึ้นและรีบชะงักเท้าไว้ หัวใจเขาเต้นรัวกระหน�่ำ จาก แสงจันทร์ที่สาดลงมา วิลเลียมเห็นขอบรอยแยกห่างไปสองสามฟุตข้าง หน้า เขาเพ่งตาจ้อง…คิดว่าเขาเหลือบเห็น…เงาร่างของบางสิ่งที่ใหญ่ มหึมาเหมือนปีศาจก�ำลังตกลงไป ตกลงไปเรื่อยๆ เขาก้าวถอยหลังและได้ยินเสียงหินแตก ตามด้วยเสียงน�้ำ กระจายอยู่ไกลๆ จากนั้น... เงียบสงัด วิ ล เลี ย มทรุ ด ลงคุ ก เข่ า มื อ ยั ง คงกุ ม ดาบอยู ่ แม้ เขาจะเป็ น ทหารทีผ่ า่ นศึกมานับพันครัง้ แต่กย็ งั ไม่เคยเผชิญศัตรูทไี่ หนทีม่ คี วามเร็ว และดุร้ายเท่านี้ ตัวเขาเริ่มสั่นจากเรื่องที่เกิดขึ้น เสียงหนึ่งดังมาจากความมืดเบื้องหลังเขา เป็นเสียงของเปโร แม้วิลเลียมจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ฟังสับสนขนาดนี้ ละห้อยขนาดนี้มา ก่อนก็ตาม เสียงนั้นเรียกหาเขา เรียกชื่อเขาซ�้ำๆ วิลเลียมปลุกปลอบตัวเอง ตะกายลุกขึ้นยืนแข้งขาสั่น เดอะ เกรท วอลล์ 23


“อยู่นี่” เขาตะโกนพลางหมุนตัวไป เปโรโผล่ออกมาจากความ มืด เลือดไหลเป็นทางจากแผลบนหน้าผาก ดวงตาด�ำเบิกกว้าง เดิน มายืนข้างวิลเลียมแล้วจ้องลงไปในรอยแยก เขาพึมพ�ำเป็นภาษาสเปน “ตัวอะไรวะนั่น” วิลเลียมไม่ตอบ เขาตอบไม่ได้ แต่ยังคงกุมดาบไว้ด้วยสองมือ ลมหายใจถี่และหนักหน่วง ชายทั้งสองยืนเคียงกันในความมืด เฝ้าฟังเสียงโหยหวนชวน ขนลุกของสายลมในหุบผา

24

มาร์ก มอร์ริส


ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเหนือเทือกเขาหลากสี ชายทั้งสองจึง สามารถมองเห็นถนัดชัดตาว่าตัวที่จู่โจมใส่พวกเขาตกลงไปในสิ่งใด…สิ่ง ทีท่ �ำให้พวกเขารอดมาได้หวุดหวิดเมือ่ คืนนี้ ห่างจากจุดพักแรมของพวก เขาไม่เกินหนึ่งร้อยก้าวมีรอยแยกแคบๆ แต่ลึกสุดกู่อยู่แห่งหนึ่ง ผนัง ด้านในรอยแยกนั้นขรุขระหยักแหลม ล�ำธารหรือแม่น�้ำสายหนึ่งเห็น เป็นแค่เพียงเส้นสายบางๆ สีด�ำอยู่เบื้องล่าง ตัวที่จู่โจมใส่พวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไรก็ตาม หายไป แล้ว คาดว่าซากของมันคงโดนกระแสน�้ำพัดพาไปแล้ว แต่สิ่งที่มันทิ้ง ไว้คือร่องรอยการท�ำลายล้าง…ซากอวัยวะกับล�ำตัวของม้าสามตัวที่สลัด ตัวหลุดจากเชือกล่ามไม่ได้ กับซากเท่าที่พอจะเหลืออยู่ของนาจิดกับ ริซเซ็ตติ ทัง้ สองถูกฉีกกระชากเป็นชิน้ ๆ ไส้พงุ แขนขากระจายไปทัว่ พืน้ ดิน พอฟ้าสางวิลเลียมกับเปโรได้พยายามท�ำหน้าทีอ่ นั แสนโหดร้ายด้วย การย�่ำไปบนเลือดที่ทั้งสดทั้งแห้งและเก็บชิ้นส่วนมาต่อๆ กัน พอให้สม เกียรติของนักรบที่ล้มตายไป


นี่เป็นแค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น วิลเลียมกับเปโร ไม่มีเจตนาจะฝังเพือ่ นร่วมทางแต่อย่างใด งานนัน้ มันกินแรงและเสียเวลา มากเกินไป ถ้าพวกเขาพอจะมีโอกาสรอดชีวิตจากอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ ก็จะต้องถนอมแรงไว้และรีบมุ่งหน้าต่อ ซากของชายทั้งสามจะกลาย เป็นอาหารของแร้ง แมลง และสัตว์ป่าอื่นๆ กระดูกจะถูกดวงอาทิตย์ ฟอกสีและในที่สุดก็จะป่นเป็นผงรวมไปกับทรายในทะเลทรายแห่งนี้ นี่แหละคือชะตากรรมของเราทุกคน วิลเลียมคิด ตาจ้องที่ร่าง เละเทะของนาจิดและริซเซ็ตติอย่างสงบ เขาคิดถึงเวลาที่เสียไปกับการ ดูแลท�ำความสะอาดและพันแผลที่ขาของริซเซ็ตติเมื่อวานนี้ ช่างเปล่า ประโยชน์ เสียแรงเปล่าโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ใช่จะมีแต่ข่าวร้ายเสียทั้งหมด เมื่อคืนนี้ม้าสองตัวที่วิ่ง หนีไปตอนถูกโจมตีได้หวนกลับมา พอวิลเลียมลุกขึ้นจากการหลับๆ ตื่นๆ อันแสนเหนื่อยล้าก็เห็นพวกมันก�ำลังเล็มหญ้าอยู่ตรงพุ่มไม้แห้งๆ ห่างไปไม่ไกล แม้จะยังตื่นตระหนก แต่พวกมันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ และโดยการช่วยของเปโรพร้อมทั้งพูดคุยกับพวกมันอย่างนุ่มนวล ใน ที่สุดทั้งคู่ก็สามารถจูงมันกลับมาที่จุดพักแรมได้ ตอนนี้ม้าทั้งสองตัว ก�ำลังรอ ถุงพาดอานม้าเต็มไปด้วยของมีค่าและมีประโยชน์ซึ่งชายทั้ง สองเลือกออกมาจากส่วนของเพื่อนที่ตายไป แต่ก่อนจะจากไปยังเหลืองานอีกอย่างที่ต้องท�ำ เป็นงานที่ วิลเลียมผัดผ่อนไปเรื่อยตั้งแต่ตื่นมาเช้านี้แล้ว แค่ต้องเช็ดของเหลวเขียว หนืดจากใบมีดก็แย่พอแล้ว เจ้าของเหลวนี่ข้นพอๆ กับเลือด... หรืออาจ จะข้นกว่าด้วยซ�้ำไป...แถมมีกลิ่นเหม็นน่าขยะแขยง เหม็นยิ่งกว่ากลิ่น ศพเน่าที่วิลเลียมคุ้นเคยจากสนามรบนับครั้งไม่ถ้วน ที่เขาเคยรบมาใน หลายสิบปีนี้เสียอีก ร่องรอยของของเหลวสีเขียวสาดกระจายเป็นทาง นองไปจากบริเวณที่วิลเลียมปะทะกับสัตว์ร้ายนั่น จนถึงขอบของรอย แยกที่มันตกลงไป แต่ตรงขอบรอยแยกนั้นมีบางอย่างที่น่าตกใจยิ่งกว่า 26

มาร์ก มอร์ริส


กองเลือดสีเขียวเสียอีก มันเป็นชิ้นส่วนของตัวที่จู่โจมใส่พวกเขา เป็น ถ้วยรางวัล เป็นส่วนที่วิลเลียมคงจะตัดโดนเข้าตอนเขากรีดดาบใส่เมื่อ คืนนี้ เขาเห็นตั้งแต่เช้าแต่ไม่อยากจะแตะต้องมัน แต่ตอนนี้หลังจาก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้ว เขาก็เดินตามรอยเลือดเขียวเหม็นหึ่งนี่ไป จนถึงขอบของรอยแยกอีกครั้ง เขาหยุดแล้วจ้องลงไปที่กรงเล็บใหญ่ ยักษ์ ใหญ่กว่ามือเขาสองเท่า กองอยู่กลางแอ่งเลือดแห้งๆ ใต้ดวง อาทิตย์ทะเลทรายนี่ กรงเล็บนั้นมีสีเขียวและมีเกล็ด เกือบเหมือนแผ่นเกราะ ส่วน เล็บงุ้มๆ ที่ปลายรยางค์อวบทู่ (นิ้วมือใช่หรือไม่) ก็ด�ำพอๆ กับแม่เหล็ก ที่วิลเลียมพกอยู่ใต้เสื้อคลุมเขา เป็นสิ่งที่น่ากลัว ป่าเถื่อนและดูชั่วร้าย แม้จะนิ่งไร้ชีวิตแต่มันดูเหมือนจะแผ่รังสีอ�ำมหิตและความรุนแรงออก มา แบบเดียวกับแมงป่องทะเลทรายที่อาจจะเด้งขึ้นมาและวิ่งไต่เข้า โจมตี วิลเลียมจ้องที่กรงเล็บนั่นอยู่นาน นานมากจนเขาได้ยินเสียง ม้าพ่นลมหายใจพรืดและย�่ำเท้าพร้อมจะออกเดินทางดังมาจากข้างหลัง เขาผ่านภยันตรายมามากมายในชีวิตจนบางครั้งเขารู้สึกเหมือนมีเกราะ ก�ำบังตัวเองอยู่ เชื่อว่าตัวเขาไม่เกรงกลัวอะไร แต่สิ่งนี้ท�ำให้เขาหวาด กลัว มันคือสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้จักและไม่อาจจะรู้ได้ แต่เขาจะไม่ยอมให้มัน ชนะ เขาจะไม่ยอมให้อะไรมาเอาชนะเขาเด็ดขาด วิลเลียมหรี่ตา ขบฟันแน่น แล้วก้มลงเก็บกรงเล็บขึ้นมา มันหนักกว่าที่เขาคิดไว้ เนื้อมันแน่นปั้ก เลือดข้นเขียวเหมือน กาวไหลย้อยออกจากปลายทีถ่ กู ตัดกระเซ็นลงบนพืน้ ฝุน่ กระเด็นมาโดน รองเท้าบู๊ต เขาหมุนตัวไปแล้วจึงเห็นเปโรก�ำลังจ้องอยู่ สีหน้าเปโรดูไม่ สบายใจอยู่ครู่หนึ่งแต่แล้วก็พยักพเยิดไปที่เจ้ากรงเล็บนี่ด้วยสีหน้า เดอะ เกรท วอลล์ 27


รังเกียจ “ข้าไม่กินนะ เรามีเนื้อม้าเหลือเฟืออยู่แล้ว” ถ้าเป็นเวลาอื่นวิลเลียมคงจะยิ้มแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ เขายังถือกรงเล็บไว้อย่างระมัดระวังแล้วเดินผ่านเปโรตรงไปทางม้า “เจ้าจะท�ำอะไรน่ะ” เปโรถาม ม้าวิลเลียมถอยหนีและส่งเสียงร้อง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความ กลัวขณะที่เขาค่อยๆ จัดการเอากรงเล็บใส่ลงในถุงข้างอานม้า เปโรกลอกตาแต่ไม่พูดอะไร พอยัดกรงเล็บไว้มิดชิดแล้ว วิลเลียมก็เช็ดมือกับขากางเกงแล้วจึงเหลือบไปมองร่างของสหายผู้ล้มตาย ของพวกเขา “เจ้าอยากจะกล่าวไว้อาลัยพวกเขาไหม” วิลเลียมถาม เปโรพึมพ�ำเป็นภาษาสเปน “ดีแล้วที่ไม่ใช่ข้า” วิลเลียมพยักหน้า เงยหน้าหยีตามองท้องฟ้าไร้เมฆ ฝูงแร้งบิน วนอยู่เหนือหัว “ใส่อานแล้วออกเดินทางกันเถอะ”

*** คนเหน็ดเหนื่อย ม้าเมื่อยล้า แต่พวกเขายังควบต่อไป ค่ายที่พักซึ่งถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอยู่ห่างไปห้าชั่วโมง ห้าชั่วโมงที่ พวกเขาไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากทราย หิน และท้องฟ้า ห้าชั่วโมงที่สิ่งมี ชีวิตอื่นเพียงอย่างเดียวที่เห็นคือฝูงแร้งซึ่งบินวนอย่างต่อเนื่อง มีเพียง การพุ่งดิ่งลงมาเพื่อจับกิ้งก่าเป็นครั้งคราวเท่านั้น พวกเขาหิ ว และกระหายน�้ ำ เสื้ อ ผ้ า เหม็ น หึ่ ง เปรอะเปื ้ อ น 28

มาร์ก มอร์ริส


ผิวหนังผมเผ้าเหนียวเหนอะจับเป็นก้อนจากเหงื่อ ทราย และฝุ่น ทั้งคู่ ก�ำลังพยายามไต่ข้ึนทางลาดชัน ม้าทั้งสองตัวหายใจหอบเหงื่อท่วมตัว ถ้ายังไม่เจอน�้ำเร็วๆ นี้ วิลเลียมรู้ว่าม้าต้องล้มแน่…แล้วพวกเขาจะไป ไหนได้ล่ะ ทั้งสองคนก็คงจะติดอยู่ในเทือกเขาหลากสีนี่ ติดแหง็กอยู่ ในกับดักแห่งความตายหลากสีสันสวยงามจนลืมหายใจนี้ พอพ้นเนินนี่แล้วน่าจะมีอะไรอยู่บ้าง เขาคิด อาจเป็นโอเอซิส หรือหมู่บ้าน วิลเลียมเหลียวหลังกลับไปมองว่ามาได้ไกลแค่ไหนแล้ว ...แล้ว หัวใจก็หล่นวูบ ห่างออกไปหนึง่ ไมล์ บนเส้นทางทีท่ งั้ คูจ่ ากมา ด้านล่างมีมา่ น ฝุ่นคลุ้งตลบ และที่อยู่ในฝุ่นนั่น... “เปโร” วิลเลียมเรียก เปโรดึงม้าหยุดแล้วหันหน้ามาทางวิลเลียม ใบหน้าเคราครึ้ม ของเขาซูบซีด ดวงตาสีเข้มหม่นด้วยความเหนื่อยล้า วิลเลียมพยักหน้า ไปทางด้านหลัง เปโรเอี้ยวตัวมองตามสายตาเพื่อนไป สีหน้าเขาไม่ เปลี่ยนเพียงถ่มน�้ำลายลงพื้น คนกลุ่มหนึ่ง ขี่ม้าชิดกันเป็นกระจุก ก�ำลังกระตุ้นม้าควบไล่ ตามชายทั้งสองมา พวกนี้คือชนเผ่าทะเลทราย เสื้อคลุมสีด�ำของพวก เขากระพือไปข้างหลังดูแล้วเหมือนแมลงปีกแข็งสีด�ำเมือ่ ทาบอยูก่ บั เทือก เขาสีเจิดจ้า วิลเลียมเบนความสนใจจากพวกที่ไล่ตามมา กราดตามองเส้น ทางเบือ้ งหน้าเพือ่ หาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ หาจุดทีง่ า่ ยต่อการ ป้องกันตัว หรืออาจจะเป็นก้อนหินที่พวกเขาพอจะผลักให้กลิ้งลงจาก เขาได้ แต่ไม่มีเลย ไม่มีอะไรเลยนอกจากความลาดชันเหยียดยาวอยู่ ตรงหน้า เดอะ เกรท วอลล์ 29


วิลเลียมเหลียวกลับไปมองอีกที หรี่ตาลงเพื่อให้เห็นพวกนั้น ชัดขึ้น “ดูเหมือนมีอยู่ห้าคน” เปโรตบคอม้าทีก่ �ำลังหอบ ผิวมันมีเหงือ่ ผุดเป็นฟองเต็มไปหมด “ม้าเราหมดแรงแล้ว คงวิ่งให้เร็วกว่านี้เพื่อหนีพวกนั้นไม่ได้แน่” “งั้นเราก็ต้องฆ่าพวกมัน” วิลเลียมพูด เขาเอื้อมมือไปข้างหลังและเริ่มปลดธนูออกจากฝักที่ผูกติดไว้ ข้างหลังอานม้า แม้เขาจะเป็นนักดาบชัน้ เยีย่ ม แต่ธนูเป็นอาวุธทีว่ ลิ เลียม ชอบใช้ เป็นอาวุธที่เขาช�ำนาญที่สุด “วิลเลียม” เปโรส่งเสียงเตือน วิลเลียมมองและเห็นว่ามีปัญหาเพิ่มมาอีกเท่าหนึ่ง ที่ช่องเขา ในหุบเบื้องล่างมีกลุ่มชายชุดด�ำบนหลังม้าอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และตอนนี้ทั้งห้าคนนั้นก็ก�ำลังควบม้าขึ้นมาตามเนินมุ่งมาทางพวกเขา “เจ้ามีลูกธนูเหลืออยู่กี่ดอก” เปโรถามอย่างใจเย็น วิลเลียมเหลือบมองไปทีช่ ายขีม่ า้ สิบคนทีก่ �ำลังไล่ตามมาอีกครัง้ “เก้า” เปโรถอนหายใจ “พวกเดียวกับไอ้ชั่วกลุ่มที่แล้วไหม” “ส�ำคัญด้วยหรือ” เปโรยักไหล่ วิลเลียมก�ำสายบังเหียนแน่นขึ้น เตรียมตัวเองและม้าเพื่อการ ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย “เราจะยึดเนิน” เขาพูด “ปักหลักกันตรงนั้น” เปโรมองเนินที่เหยียดยาวอยู่ข้างหน้า ใครจะรู้ว่าสันเขาที่ทั้งคู่ เห็นเป็นโครงทาบกับท้องฟ้าอยู่นั้นเป็นยอดเขาแล้ว หรือยังจะต้องไป ต่ออีกเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น “จะต้องตะกายไปตายไกลขนาดนี้เลย” เปโรพูดเสียงละห้อย เขากับวิลเลียมมองหน้ากันแล้วกระแทกเดือยใส่ข้างล�ำตัวม้า พร้อมกัน 30

มาร์ก มอร์ริส


“ไป!” วิลเลียมตะโกน “ฮึ่ย!” เปโรตะโกน ม้าทะยานไปข้างหน้า การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว! ฝุ่นและหินกระเด็นปลิวเมื่อวิลเลียมกับเปโรกระตุ้นม้าเพื่อ ดิ้นรนเอาชีวิตรอดเป็นครั้งสุดท้าย จากเนื้อที่เต้นระริกและการหอบ หายใจ ดวงตากลอกกลิ้งไปมาอยู่ในเบ้าตา วิลเลียมบอกได้เลยว่าม้า ใกล้จะไม่รอดแล้ว ขามันอาจจะทรุดพับไปเมื่อไหร่ก็ได้ เขามองไปข้าง หลังแล้วเห็นว่าชนเผ่ากลุ่มนั้นก�ำลังไล่จี้ใกล้เข้ามา ม้าพันธุ์เล็กขนาด กะทัดรัดแข็ งแรงของพวกเขาวิ่งลิ่วขึ้นเนินชันมาอย่างกับแพะภูเขา ใบหน้าของคนทะเลทรายเหมือนพวกเร่ร่อนอิสระ ดวงตาด�ำเหมือน หินเหล็กไฟจับจ้องอยู่ที่เหยื่อ ปากอ้ากว้างส่งเสียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ในมือก�ำหอกและขวานโบกกวัดแกว่งอยู่เหนือหัว วิลเลียมหันหน้ากลับไป กระตุ้นม้าให้รีบมุ่งขึ้นหน้า อีกร้อย หลาจะถึงยอดเขาแล้ว... เจ็ดสิบห้า... ห้าสิบ... แต่ชนเผ่ากลุ่มนั้นก�ำลังจี้ใกล้เข้ามา แต่ละก้าวที่ม้าลากเท้า ก้าวไป วิลเลียมจะได้ยินเสียงกีบม้าของผู้ไล่ล่าสะท้านสะเทือนใกล้เข้า มาเรื่อยๆ ยี่สิบหลา...ทันใดนั้นม้าของวิลเลียมสะดุด เขารู้สึกว่าตัวไถล ไปข้างหน้า ต้องจิกส้นเท้ากับเข่าเข้าไปในเนือ้ ม้าเพือ่ ไม่ให้ปลิวข้ามหัวมัน ไปกองอยู่บนเนินหิน วิลเลียมดึงบังเหียน และด้วยความมุ่งมั่นทั้งหมด ทั้งมวลเท่าที่มี เขาปลุกปลอบม้าให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ให้มันวิ่งต่อไป แต่ผู้ไล่ล่าเข้ามาใกล้มากแล้ว เสียงกู่ร้องของพวกนั้นดังกระหึ่ม เข้ามาในหู วิลเลียมเอาแต่คิดว่าเดี๋ยวเขาต้องโดนหอกทิ่มหลัง หรือถูก เดอะ เกรท วอลล์ 31


ค้อนทุบกะโหลกแน่ สิบหลาจะถึงยอดแล้วตอนนี้... แต่ไม่มีหวังแล้ว ไม่มีที่ให้พวก เขาหนี ไม่มีที่ให้ซ่อน แปดหลา... ห้า... วิลเลียมเอนตัวแนบหลังม้า กัดฟันกระตุ้นให้มันตะกายขึ้นไป ยืนบนยอด เขาไม่รู้เลยว่ามีอะไรรออยู่บนยอดเขา อาจจะเป็นทางลาดต่อ ไปอีก หรือเป็นที่ราบ หรือแม้แต่ขอบผาให้ตกลงไปตาย สิ่งที่เขากับเปโรได้พบ ขณะที่ม้าตะเกียกตะกายขึ้นไปยืนบน สันเขา เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดโดยสิ้นเชิงและเหลือเชื่ออย่างยิ่งจนทั้งคู่หยุด ชะงักตามสัญชาตญาณและลืมพวกที่ไล่ล่ามาไปชั่ววูบหนึ่ง ได้แต่อ้า ปากค้างด้วยความตกตะลึง ดวงตาที่อยู่บนใบหน้าสกปรกมอมแมมเบิก กว้าง ด้วยความทึ่งในความสง่างามและขนาดของสิ่งที่ตั้งอยู่ตรงหน้า สิง่ ก่อสร้างทีต่ งั้ ตระหง่านและสูงขนาดทีพ่ วกเขาต้องแหงนหน้า ไปข้างหลังเพื่อมองให้เห็นยอดคือก�ำแพงหินขนาดมหึมา และไม่ใช่แค่ ก�ำแพงธรรมดา แต่เป็นก�ำแพงที่ยาวเหยียดไม่สิ้นสุด ขยายออกไปทัง้ สองด้าน เป็นคลืน่ ขึน้ ๆ ลงๆ ไปตามเทือกเขาและหุบเขาสุดลูกหูลกู ตา วิลเลียมคิด มันคือก�ำแพง ที่น่าจะล้อมโลกไว้ทั้งใบ แล้วที่อยู่ หลังก�ำแพงคือ...อะไรล่ะ เมืองใหญ่? มหาอาณาจักร? ที่แน่ๆ คือต้องมีอะไรสักอย่าง แม้จะหยีตาสู้แสงแต่ด้านบน สุดของก�ำแพงก็ยังแทบจะกลืนหายไปกับไอแดดร้อนจัดจากดวงอาทิตย์ วิลเลียมเห็นสิ่งที่น่าจะเป็นยอดหอคอยหรือป้อมปราการยักษ์ “อุแม่เจ้า” เปโรส่งเสียงงึมง�ำอยู่ข้างเขา วิลเลียมก้มหน้ามองเพื่อน เขารู้สึกวิงเวียนมึนงงซึ่งไม่ได้เกิด จากความกระหายน�้ำและเหน็ดเหนื่อยเพียงอย่างเดียว บางสิ่งตรงเชิงก�ำแพงสะดุดตาเขาเข้า สีม่วงแวววาวแวบอยู่ 32

มาร์ก มอร์ริส


ตรงหางตา เขาหันหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้ไปในทิศทางตรงกันข้าม และ…ที่แปลกเสียยิ่งกว่าความประหลาดทั้งมวล…วิลเลียมเห็น กลุ่มชายไม่ต�่ำกว่าสามสิบคนที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนนั่งอยู่บนหลังม้า สง่างาม ก�ำลังจับตามองพวกเขาอยู่เงียบๆ เสื้อเกราะสีม่วงแวววาว ของชายบนหลังม้าเหล่านั้นสวยงามยิ่ง ตัดเย็บประณีตไร้ที่ติ ประดับ ประดาอย่างสลับซับซ้อน จนวิลเลียมเกือบจะยอมเชื่อแล้วว่าพวกเขา รับใช้พระเจ้าองค์ใดก็ตามที่ปกครองมณฑลแถบนี้อยู่ และถูกส่งลงมา เพื่ อ ท�ำหน้ า ที่ ตุ ล าการจากสวรรค์ ชายเกราะม่ ว งแต่ ล ะคนสวม หมวกเหล็กสีม่วงที่มีเขากวางประดับอยู่ อีกทั้งยังติดอาวุธเป็นทวนที่ ยาวเกินกว่าปกติ วิลเลียมกับเปโรมัวแต่ตะลึงอ้าปากค้างจนเมื่อนาย ทหารเหล่านั้นชักดาบและชูทวนยาวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ทหาร รับจ้างทั้งสองก็ยังเอาแต่จ้องมอง ไม่ขยับเพื่อป้องกันตัวเองเลยสักนิด อีกสีหนึ่งแวบเข้ามา ครั้งนี้สีแดง ท�ำให้วิลเลียมเงยหน้าขึ้น มอง และได้เห็นว่าด้านบน ตรงจุดที่อยู่ระดับเดียวกับส่วนบนสุดของ ก�ำแพง มีแถวของพลธนูชุดแดงปรากฏขึ้น พวกเขาสวมหมวกเหล็กสี แดงเข้มเพื่อป้องกันศีรษะ พลธนูทุกคนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม คันธนู ง้างหัวลูกธนูเงาวับนับไม่ถ้วนชี้มาทางชายทั้งสอง ก่อนวิลเลียมจะทันพูดอะไรก็มีเสียง ซิ้ง! เมื่อสายธนูนับสิบๆ ถูกปล่อยโดยพร้อมเพรียงกัน และวินาทีถัดมาลูกธนูก็บินลิ่วมาทาง พวกเขาเหมือนแมลงพิฆาตฝูงใหญ่ วิลเลียมมองลูกธนูโค้งอยูบ่ นท้องฟ้า สดใสก่อนจะตกดิ่งเร่งความเร็วเข้าหาทั้งคู่ วิลเลียมรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะล่าถอย ไม่มีประโยชน์ที่จะ เหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าและพุ่งหาที่หลบ ลูกธนูเหล่านี้เร็วเกินไปและ มากเกินไป เขายืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงบนอานม้า มือก�ำสายบังเหียน เฝ้า รอความตายอย่างสงบนิ่ง แต่ความตายกลับไม่มาเยือน ลูกธนูทั้งหลายพุ่งลงปักพื้นดิน เดอะ เกรท วอลล์ 33


รอบตัว ล้อมรอบทัง้ คูอ่ ย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นรัว้ ก้านลูกธนูประดับ ขนนกสีเลือดหมู “ปอร์ ดิโอส...” เปโรพึมพ�ำ พวกเขาไม่คิดจะฆ่าเรา วิลเลียมคิด แล้วหัวใจก็โลดขึ้น บางที คงพอจะมีหวังบ้าง เปโรเองก็คิดแบบเดียวกัน ถึงตอนนี้อันตรายเฉพาะหน้า ผ่าน ไปแล้ว เขาจึงหันไปพินิจพิจารณาก�ำแพงมหึมานั่นอีกครั้ง ใบหน้าดุ ร้ายเปื้อนฝุ่นของเขาแสดงความรู้สึกเกรงขาม “เจ้าเดินทางมาเยอะ วิลเลียม...” เปโรพูดเสียงเบา แต่วลิ เลียมส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนีม้ าก่อน” สีหน้าเปโรดูเกือบจะเศร้าสร้อย เครื่องหน้าที่โหดและแผล เป็นเกลื่อน ท�ำให้สีหน้าแบบนี้ดูแปลกตาไม่เข้ากัน “นี่ถ้าเจ้าฝรั่งเศสนั่น ได้อยู่จนเห็นสิ่งนี้ละก็” วิลเลียมเปล่งเสียงหัวเราะ “ไอ้ลูกหมาตอแหลนั่นพูดถูก” เสียงกุบกับดังขึ้นด้านหลัง เปโรหันกลับไปมองและได้เห็นว่า กลุม่ ชนเผ่าทีไ่ ล่ลา่ พวกเขามาได้มาหยุดอยูบ่ นยอดเนินแล้ว และเหลือบ มองก�ำแพงกับกลุ่มชายขี่ม้าชุดเกราะม่วงที่นิ่งเงียบอย่างกังวลใจ แต่ก็ ยังไม่ล่าถอย พวกนั้นก�ำลังรอคอยอย่างอดทน เห็นได้ชัดว่าเชื่อมั่นว่า ในทีส่ ดุ ทหารรับจ้างทัง้ สองคนก็ตอ้ งไม่มที างเลือก อืน่ นอกจากหันหลัง กลับ เข้ามาสู่เงื้อมมือพวกเขา “ข้าไม่มีความปรารถนาจะสู้จนตัวตาย” เปโรพูด “ไม่ใช่วันนี้” วิลเลียมเองก็หันไปมองชนเผ่านั่นแล้วพยักหน้า “เห็นด้วย ข้า ว่าเราลองเสี่ยงกับท่านสุภาพบุรุษตรงหน้าดีกว่า” “ข้าไม่ได้ยอมจ�ำนนต่อใครมาสักพักแล้ว” เปโรพูดพร้อมกับ แสยะยิ้มนิดๆ วิลเลียมฉีกยิม้ ฟันขาวตัดกับใบหน้ามอมแมม “เดีย๋ วเจ้าก็ชนิ ” 34

มาร์ก มอร์ริส


เขาสอดธนูกลับเข้าฝักแล้วจึงกระโดดลงจากหลังม้า ชูมือขึ้น โดยยั ง ก�ำสายบั ง เหี ย นไว้ เขาจู ง ม้ า เดิ น ออกจากรั้ ว ลู ก ธนู ที่ ล ้ อ มอยู ่ และเริ่มเดินช้าๆ ไปทางกองทหาร เปโรเดินตามมา ห่างจากวิลเลียม ไปสองสามก้าว มือชูขึ้นสูง มีเสียงสบถดูหมิ่นไม่สบอารมณ์ดังมาจาก ข้างหลัง วิลเลียมหันไปเห็นพวกชนเผ่ากระตุ้นม้าหมุนตัวจากไป เขามองเปโรและพยักหน้า เปโรเองก็พยักหน้าตอบ กลุ่มชายขี่ม้าชุดเกราะม่วงยังไม่ไหวติงขณะที่ชายทั้งสองเดิน เข้าไปหา วิลเลียมจ้องที่ทวนกับดาบอย่างกระอักกระอ่วนใจ หวังว่าที่เราเพิ่งตัดสินใจนั้นถูกด้วยเถอะ เขาคิด

เดอะ เกรท วอลล์ 35


เกี่ยวกับนักเขียน มาร์ก มอร์ริส เกิดเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1963 เป็นนัก เขียนชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านนวนิยายสยองขวัญ ทว่าในความเป็น จริงเขามีผลงานหลากหลายแนว ทั้งแฟนตาซี ไซ-ไฟ สืบสวนสอบสวน เป็นต้น มอร์ริสเขียนนวนิยายมาแล้วกว่ายี่สิบห้าเรื่อง อาทิ Toady, Stitch, The Immaculate, The Secret of Anatomy, Fiddleback, The Deluge และเป็นหนึ่งในทีมนักเขียนซีรี่ย์สุดฮิตอย่าง Doctor Who ที่ฉายทางช่อง BBC นอกจากนี้เขายังมีรวมเรื่องสั้นสองเรื่อง ได้แก่ Close to the Bone และ Long Shadows, Nightmare Light รวมถึงนวนิยาย ขนาดสั้นอีกมากมาย เรื่องสั้น บทความ และรีวิว ของเขาได้รับการตี พิมพ์ทั้งในประชุมบทนิพนธ์ และนิตยสาต่างๆ นอกจากนี้เขายังเป็น บรรณาธิการให้กับ Cinema Macabre หนังสือที่รวบรวมข้อเขียน เกี่ยวกับภาพยนตร์สยองขวัญ ซึ่งท�ำให้เขาได้รับรางวัล British Fantasy Award ประจ�ำปี 2007 ด้วย ท�ำให้เขาได้ตีพิมพ์ผลงานรวมข้อ เขียนเกี่ยวภาพยนตร์และนวนิยายสองขวัญอีกมากมาย อาทิ Cine- ma Futura และ The Spectral Book of Horror Stories เป็นต้น

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนักเขียน http://www.markmorrisfiction.com/


In Book Stores

ปฏิบัติการเดือดเชือดไฮดริช

โลรองต์ บิเนต์ เขียน / นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

นวนิยายอิงประวัตศิ าสตร์วา่ ด้วยเรือ่ งราวของไรน์ฮาร์ด ไฮดริช มือขวาของ ไฮน์รชิ ฮิมม์เลอร์ ผูม้ บี ทบาทส�ำคัญในการก่อตัง้ หน่วยข่าวกรองของเอสเอส และรับผิด ชอบควบคุมค่ายกักกันของนาซี เขาเป็นคนอันตรายทีส่ ดุ คนหนึง่ และดูเหมือนว่าจะไม่มี ใครโค่นลงได้…จนกระทั่งถูกทหารชาวเช็กและสโลวักสองนายลอบสังหาร

กลับมาแล้วครับ

ทีมูร์ แฟร์เมส เขียน / ฉัตรนคร เขมาสารี แปล

นวนิยายยัว่ ล้อ เสียดสีการเมือง โซเชียลเน็ตเวิรก์ และจิกกัดสังคมศตวรรษ ที่ 21 ผ่านสายตาของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผูต้ นื่ ฟืน้ ขึน้ มาจากบังเกอร์ แล้วพบว่านีค่ อื เดือน สิงหาคม ปี 2011 สงครามโลกครั้งที่สองจบแล้ว ... เขากลายเป็น 'นักแสดงตลกล้อ เลียนผู้เข้าถึงบทบาทของฟือห์เรอร์' ... กลายเป็น Talk of the Town ในชั่วข้ามคืน

ฟลอร่า 717

ลาลีน พอล เขียน / ฉัตรนคร เขมาสารี แปล

ฟลอร่า 717 เป็นผึง้ ในวงศ์ตำ�่ สุด มีหน้าทีค่ อยเก็บกวาดสิง่ ปฏิกลู ทุกชนิดภายใน รัง ...ทว่าความแตกต่างจากผึ้งวงศ์เดียวกัน บวกกับความกล้าหาญ และไหวพริบ ท�ำให้นาง ได้เลื่อนสถานะ มีโอกาสเข้าใกล้ผู้ปกครองระดับสูง ฟลอรา 717 ได้รู้ ได้เห็น ในสิ่งที่ไม่ควร รู้ ควรเห็น …ซึ่งน�ำนางไปสู่บทบาทชีวิตอีกด้าน ที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ปีที่หายไปของฆวน ซัลบัตเตียร่า

เปโดร ไมราล เขียน / วารยา ศุภศิริ แปล

เรือ่ งราวของจิตกรใบ้ทที่ งิ้ มรดกม้วนภาพวาดหลายร้อยม้วนทีย่ าวรวมกัน กว่าสี่กิโลเมตรไว้ให้ลูกชาย เมื่อมีภาพม้วนหนึ่งหายไป การเดินทางตามหาภาพของ พ่อ ท�ำให้ชายหนุ่มได้เรียนรู้แง่งามและความหมายของชีวิตมากขึ้น ไฟร์เซอร์มอน: อัลฟ่า vs โอเมก้า

ฟรานเซสก้า เฮก เขียน / ฉัตรนคร เขมาสารี

เรือ่ งราวการห�ำ้ หัน่ ของพีน่ อ้ งร่วมสายเลือด แซค - อัลฟ่า ผูท้ ะเยอทะยาน… ท�ำทุกวิถีทางเพื่อก้าวสู่อ�ำนาจ/ คาส - โอเมก้า ผู้มีญาณหยั่งรู้… ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์ ปฐมบทของการสงครามได้เริ่มขึ้น พร้อมกับค�ำถามที่ว่า "การต่อสู้เพื่อเสรีภาพ...คือการ ก่อการร้ายหรือไม่", "ทุกสังคมจ�ำเป็นต้องมีแพะรับบาปจริงหรือ" ฯลฯ


In Book Stores

หัวใจไม่หยุดฝัน

เดฟ เอกเกอร์ส เขียน / มณฑารัตน์ ทรงเผ่า แปล

อลัน เคลย์ นักธุรกิจที่ชีวิตก�ำลังดิ่งลงเหว ถูกภรรยาทิ้ง ตกงาน บ้านโดนยึด และไม่มแี ม้กระทัง่ ค่าเทอมมหาวิทยาลัยของลูกสาว เขาตัดสินใจรับข้อเสนอเป็นนายหน้า ขายระบบไอทีให้กับเมืองใหม่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย ดินแดนที่เขารู้จักแค่เพียงผ่าน ไกด์บคุ๊ ....ในช่วงวิกฤตของชีวติ อลันได้เรียนรูท้ จี่ ะก้าวเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางผูค้ นและ ประเทศที่มีแต่ผืนทรายสุดลูกหูลูกตา

เดอะ เซอร์เคิล เดฟ เอกเกอร์ส เขียน / มณฑารัตน์ ทรงเผ่า แปล

นวนิยายทีส่ ะท้อนให้เห็นถึงด้านบวกและลบของสังคมโซเชียล ยุคทีก่ าร 'แบ่ง ปัน' กลายเป็นหน้าที่ และ 'การมีสิทธิ์หายตัว' ถือเป็นอาชญากรรม เม ฮอลแลนด์ เดินเข้ามาใน 'เดอะ เซอร์เคิล' องกรค์ไอทีระดับโลกทีห่ นุม่ สาว ยุคใหม่ต่างใฝ่ฝัน ทว่าเจตจ�ำนงของ 'เดอะ เซอร์เคิล' ที่ต้องการจะเข้าถึงทุกบทบาทใน สังคมนั้น กลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล บรรพบุรุษของพวกเจ้า เขาอยู่ที่ไหนเสีย แล้วบรรดาศาสดาพยากรณ์เล่า เขามีชีวิตเป็นนิรันดร์หรือ เดฟ เอกเกอร์ส เขียน / นรา สุภัคโรจน์ แปล นวนิยายแหกขนบที่ด�ำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาตลอดทั้งเล่ม เรื่องราวของ โธมัส นักลักพาตัววัย 34 ผู้ในหัวอัดแน่นไปด้วยค�ำถามมากมาย จากหนึ่งค�ำตอบ น�ำไปสู่ อีกหนึ่งค�ำถาม และการลักพาตัวผูค้ นมากหน้าหลายตา

แครี่ พิลบี้ แคเรน ลิสเนอร์ เขียน / วารยา ศุภศิริ แปล

เรื่องราวของแครี่ พิลบี้ สาวน้อยอัจฉริยะ ผู้จบฮาร์ดวาร์ดตั้งแต่อายุสิบเก้า ทว่ากลับสอบตกเรื่องการใช้ชีวิตและความสัมพันธ์ เธอต้องค้นหาเป้าหมายในชีวิตทั้งห้า ข้อที่จิตยแพทย์ให้โจทย์มา และข้อที่เป็นปัญหามากที่สุดส�ำหรับแครี่ก็คือการออกเดท มา ช่วยกันลุน้ ว่าสาวน้อยจะได้พบกันหนุม่ ทีร่ ใู้ จ และจะสามารถเรียนรูค้ วามสัมพันธ์และความ หมายของการใช้ชีวิตได้หรือไม่


Coming Soon

Dave Eggers

Fiction

Non-Fiction



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.