ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า THE FIRE SERMON (Trilogy: Book 1) ฟรานเซสก้า เฮก เขียน ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล Copyrights for The Fire Sermon © 2015 by Francesca Haig Copyright Arranged with The Agency Group 361-373 City Road, London, EC1V 1PQ, United Kingdom Through Tuttle - Mori Agency Co., Ltd First published in Thailand: 2015 by Legend Books Publishing Co.,Ltd Thai Translation Copyright © 2015 by Chatnakorn Ongkasing
พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง เมษายน 2558 ราคา 390 บาท หมวด วรรณกรรมแปล ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data ฟรานเซสก้า เฮก. ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า.-- กรุงเทพฯ : เลเจนด์, 2558 452 หน้า. 1. นวนิยาย. I. ฉัตรนคร องคสิงห์, ผู้เแปล. II. ชื่อเรื่อง. 830. ISBN 978-616-92052-0-3 บรรณาธิการบริหาร: เทพพิคฑูนญ์ เลิศฤทธิ์ธนะกุล, วิมล เลิศฤทธิ์ธนะกุล ที่ปรึกษาสำ�นักพิมพ์: ฉัตรนคร องคสิงห์ บรรณาธิการและที่ปรึกษากฏหมาย: ศุภฤกษ์ เทิงสูงเนิน บรรณาธิการฝ่ายผลิต: ศิริธาดา กองภา จัดรูปเล่ม: วารยา ศุภศิริ พิสูจน์อักษร: ศุภฤกษ์ เทิงสูงเนิน ออกแบบปก: N.Paksanavin | Atelier EN ภาพปก: จิรศักดิ์ เทิงสูงเนิน จัดพิมพ์โดย สำ�นักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์ 3/29 คอนโด เดอะคิทท์ พลัส ซอยนวนมินทร์ 163 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ 08 - 1051 - 9137, 09 - 0595 - 3027 Email : Legendbooks.publishing@gmail.com Facebook : www.facebook.com/legendbooks publishing พิมพ์ที่ ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด เรือนแก้วการพิมพ์ 947 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช แขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 0 - 2411 - 1523 โทรสาร 0 - 2866 - 3248 จัดจำ�หน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊คส์ เซ็นเตอร์ จำ�กัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม ตำ�บลมหาสวัสดิ์ อำ�เภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 0 - 2423 - 9999 โทรสาร 0 - 2449 - 9560
ฟรานเซสก้า เฮก เขียน ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
จากใจส�ำนักพิมพ์
หลังส่ง ‘กลับมาแล้วครับ’ นวนิยายเสียดสีโลกโซเชียล ว่าด้วย เรื่องราวของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ตื่นฟื้นขึ้นมาในศตวรรษที่ 21 ผลงานของ ทีมูร์ แฟร์เมส นักเขียนชาวเยอรมัน ไปพบปะกับนักอ่านเมื่อปี พ.ศ. 2557 ในปีนเี้ ลเจนด์ บุค๊ ส์ ขอส่ง ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า ผลงานล�ำดับ ที่สองที่ DreamWorks ก�ำลังสร้างเป็นภาพยนตร์ มาท�ำความรู้จักกับนัก อ่านชาวไทย ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า เล่าเรือ่ งราวในยุคสีร่ อ้ ยปีหลัง จากเกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ โลกถูกแบ่งออกเป็นสองยุค กาลก่อน – ยุคที่ยังมีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และ ยุคหลัง – โลกไร้ เทคโนโลยี หลังเปลวเพลิงมหากาฬกลืนกินหมดทุกสิ่ง ผืนดินปกคลุมไป ด้วยชั้นฝุ่นหนาจากเถ้าถ่าน ความแห้งแล้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ไม่ อาจปฏิเสธได้ หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น มนุษย์ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถ ฟื้นฟูชีวิต และสืบทอดเผ่าพันธุ์ได้ แต่ผลพวงจากการระเบิด และรังสี ท�ำให้ เกิดการกลายพันธุ์ ทารกทีเ่ กิดมาต้องมีคแู่ ฝด หนึง่ คือ อัลฟ่าร่างกายสมบูรณ์ พร้อม อีกหนึ่งคือ โอเมก้า ร่างกายพิกลพิการ ...โอเมก้ากลายเป็นความผิด
พลาดจากกระบวนการวิวฒ ั นาการ พวกเขาถูกกระท�ำราวกับไม่ใช่คน ไม่ใช่ พี่น้องร่วมสายเลือด เป็นความบกพร่องทางพันธุกรรมที่จ�ำต้องก�ำจัดทิ้งไป เมือ่ ลักษณะทางกายภาพปรากฏชัด โอเมก้าจะถูกจับตีตราและถูก เนรเทศออกไปในนิคมอันห่างไกล ถูกกดขี่ ข่มเหง ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง แม้ พวกเขาต้องการเพียงแค่อิสระ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้ ทว่า โชคชะตากลับเล่นตลก แม้อลั ฟ่าจะปฏิบตั กิ บั โอเมก้าเลวร้าย แค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่มวี นั สังหารโอเมก้า เพราะหากคนใดคนหนึง่ เสียชีวติ แล้ว อีกคนต้องหมดลมหายใจตามไป… สภาอัลฟ่าตัดสินใจขุดเทคโนโลยีใน ยุคกาลก่อน เพื่อยืดชีวิตของพวกเขา โดยที่โอเมก้าเองก็ต้องต่อสู้เพื่อเอา ชีวิตรอดจากการทดลองนี้เช่นกัน ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า เป็นนวนิยายเล่มแรกในชุด ไตรภาค The Fire Sermon ผู้เขียนเล่าเรื่องราว คาสกับ แซคแฝดชาย หญิงทีแ่ ตกต่างจากคูอ่ นื่ ๆ เพราะจนกระทัง่ ย่างเข้าสูว่ ยั รุน่ ทัง้ คูไ่ ม่มใี ครแสดง ลักษณะทางกายภาพให้เห็นว่าเป็นโอเมก้าเลย การที่พวกเขาไม่ถูกจับแยก กลายเป็นความแปลกแยก ที่น�ำไปสู่ความเคียดแค้น หวาดระแวง และเมื่อ ความจริงปรากฏ โชคชะตาได้ชักน�ำชีวิตของสองพี่น้องให้เดินไปเป็นเส้น ขนาน และไม่มีวันบรรจบกันได้ … และเส้นทางที่ทั้งคู่เลือก กลายเป็นปฐมบทที่จะชี้ชะตาโลกยุคหลัง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า ค่อนข้างจะฉีกแนวไปจาก กลับมาแล้วครับ เพราะนวนิยายเล่มนีเ้ ป็นแนวดิสโทเปีย้ น มีฉากหลังเป็น อนาคตอันล่มสลาย ด�ำเนินเรื่องด้วยฉากการต่อสู้ชิงไหวชิงพริที่ตื่นเต้น เร้าใจ … แต่มีสิ่งหนึ่งที่กองบรรณาธิการมั่นใจว่าทั้งสองเล่มเหมือนกันคือ ความสนุกที่จะท�ำให้นักอ่านวางแทบไม่ลง ส�ำนักพิมพ์เลเจนด์ บุ๊คส์
จากใจผู้แปล โบราณว่าจะรับงานใหญ่ ให้ดูฤกษ์ดูยามสักหน่อย... ท�ำงานให้สำ� นักพิมพ์ เลเจนด์ บุค๊ ส์ มาสองเล่ม ประมาทพลาดพลัง้ ไม่ทันได้ท�ำอย่างโบราณสอน... เล่มแรก กลับมาแล้วครับ (Look Who’s Back) จึงเจอเข้าไป เต็มๆ กับท่านผู้น�ำ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้หลับไปนาน 60 ปี แล้วฟื้นคืนสู่ ค.ศ. 2014 ด้วยอาการแดกดัน เสียดสี ถากถางสังคมโซเชียลเน็ตเวิร์ก ชนิดต้อง ตีความ สามชั้น! ใครชอบเรื่องถากถาง เสียดสี ที่คนระดับฮิตเลอร์คิด ขอแนะน�ำให้ อ่านเล่มนี้… นอกจากจะขายลิขสิทธิไ์ ปแล้วกว่า 40 ภาษาทัว่ โลก และยอดพิมพ์ ถล่มทลายกว่า 2,000,000 เล่ม ในเยอรมนีแล้ว ขณะนี้ผู้ก�ำกับยังก�ำลังคร�่ำ เคร่ง เพือ่ น�ำท่านผูน้ �ำ ผูโ้ ด่งดังสนัน่ ในสังคม ‘อู-ตูบ๊ ’ มาน�ำเสนอบนแผ่นฟิลม์ เร็วๆ นี้ด้วย ส่วน ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า vs โอเมก้า ในมือคุณผู้อ่านเล่มนี้ ที แรกก็คิดว่า ‘หมูๆ’ แต่พลันที่ ดรีมเวิร์กส์ ถูกตาต้องใจกับพล็อตเรื่องขนาด หนักและเซ็นสัญญาซื้อ (ล่วงหน้า) ทีเดียวสามภาค เพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์
อีกทัง้ ยังเริม่ คัดสรรตัวแสดงแล้วด้วย การร่วมมือปรับปรุงงานระหว่างผูเ้ ขียน บรรณาธิการ ผูเ้ ขียนบท และแน่นอน…ยาวเลยมาถึงผูแ้ ปลกับบรรณาธิการ ของผู้แปล ก็ท�ำให้ ไฟร์ เซอร์มอน กลายเป็นหมูยังไม่ได้หัน! คู่แฝดล้างโลก อัลฟ่า vs โอเมก้า แผลงฤทธิ์จนผิดคิว ออกจาก เครื่องไปสู่งานสัปดาห์หนังสือฯ ไม่ทันก็เพราะเหตุนี้ ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า vs โอเมก้า เป็นอีกเล่มที่พิสูจน์ความอึด ความประสานสอดคล้ อ งของการท�ำงานร่ ว มกั น ระหว่ า งนั ก แปลกั บ บรรณาธิการ (แม้ไม่ได้เป็นคู่แฝด) ว่าเป็นสิ่งส�ำคัญยิ่ง... ขอบคุณที่สนใจอ่าน และขอบคุณบรรณาธิการ ศิริธาดา กองภา ด้วยนะ! ฉัตรนคร องคสิงห์ มีนาคม พ.ศ. 2558
ขอบคุณ คุณยายบุญ หลวงจันทร์ หนึ่งในผู้มีส่วนท�ำให้เลเจนด์ บุ๊คส์เป็นรูปเป็นร่างในวันนี้
หนังสือเล่มนี้อุทิศความรักและความชื่นชม แด่ ปีเตอร์ น้องชาย และ คลาร่า น้องสาวของฉัน ทั้งสองคนมีความหมายต่อฉันมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ฉันจะเขียนนวนิยายเรื่องแรกเกี่ยวกับพี่น้อง
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
1
ข้าคิดมาตลอดว่าพวกนัน้ ต้องมาตอนกลางคืน แต่ปรากฏว่าชาย
หกคนนั่นควบขับฝ่าทุ่งมาในช่วงร้อนที่สุดของวัน เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว คน ทั้งพื้นที่ตื่นแต่มืดและจะท�ำงานไปจนดึก เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าใน พื้นที่อันย�่ำแย่ไม่มีคุณภาพที่ชาวโอเมก้าได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นชุมชนนี้ จะ ให้ผลผลิตได้ดพี อ อย่างเมือ่ ฤดูกาลทีแ่ ล้วฝนซึง่ ตกหนักมากส่งผลให้เศษเถ้า จากการระเบิดยิง่ ฝังลึกลงไปในดิน รากผักงอกออกมาเล็กมาก หรือแทบไม่ งอกเลย มันฝรั่งทั้งทุ่งงอกแทงลงข้างล่างแทนที่จะขึ้นข้างบน และพวกเรา พบว่ามันฝรั่งเหล่านั้นทั้งลีบเล็ก ทั้งพิกลพิการอยู่ลึกลงไปห้าฟุตใต้พื้นผิวที่ เต็มไปด้วยโคลนสกปรกปกคลุมผิวหน้า เด็กชายคนหนึ่งถึงกับจมน�้ำตาย เพราะพยายามลงไปขุดหามัน ความจริงหลุมนั่นลึกแค่ไม่กี่ฟุต แต่ผนังซึ่ง เป็นดินเหนียวเกิดพังเขาจึงไม่ได้กลับขึ้นมาอีกเลย ข้าคิดอยากย้ายที่ท�ำกิน แต่หบุ เขาทุกแห่งล้วนเจิง่ นองไปด้วยน�ำ้ ฝน และไม่มชี มุ ชนไหนอยากต้อนรับ คนแปลกหน้าในฤดูกาลอันหิวโหยเช่นนี้ 11
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ข้าจึงอยูต่ อ่ ทีน่ นั่ ตลอดทัง้ ปีอนั สิน้ หวัง คนอืน่ ๆ คุยกันเรือ่ งผลทีต่ อ้ ง เผชิญจากภาวะฤดูแล้งกับการทีเ่ ก็บเกีย่ วผลผลิตไม่ได้ถงึ สามปีตดิ ต่อกัน แม้ จะยังเล็กอยู่ แต่ขา้ จ�ำได้ถงึ ภาพโครงกระดูกวัวควายทีน่ อนตายเพราะความ หิวโหย ซากของพวกมันกลาดเกลื่อนเต็มท้องทุ่ง แต่นั่นก็นานกว่าสิบปีมา แล้ว เราเฝ้าบอกแก่กนั ว่าปีนคี้ งไม่เลวร้ายเท่าฤดูแล้งช่วงหลายปีนนั้ ราวกับ ว่าการพูดอย่างนัน้ ซ�ำ้ ๆ จะท�ำให้มนั กลายเป็นจริงขึน้ มา ถึงฤดูใบไม้ผลิถดั มา เราดูแลข้าวสาลีในทุ่งอย่างระมัดระวัง ข้าวชุดแรกเติบโตแข็งแรง ส่วนผล แครอทที่ขุดมากินกันได้อย่างมูมมามในปีนั้นก็ท�ำให้เหล่าวัยรุ่นได้หัวร่อต่อ กระซิกอย่างมีความสุขกันมาก ข้าได้กระเทียมกระสอบใหญ่จากที่ดินผืน เล็กๆ ของตัวเองและหอบมันไปตลาดอย่างระมัดระวังด้วยสองมือราวอุ้ม ทารกเล็กๆ ตลอดฤดูใบไม้ผลิข้าเฝ้าดูข้าวสาลีในทุ่งที่ใช้ร่วมกันเติบโตสูง ตรงแข็งแรง ต้นลาเวนเดอร์หลังกระท่อมมีหมูผ่ งึ้ มาตอมเต็มไปหมด ส่วนบน หิ้งติดผนังด้านในก็เต็มไปด้วยอาหาร พวกนั้นมาถึงเอากลางฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งข้ารับรู้ได้ก่อน รู้มาเรื่อยๆ หรือหากจะยอมรับกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ก็ต้องว่ารู้มาหลายเดือนแล้ว แต่ บัดนี้ความรู้สึกนั้นชัดเจน เป็นสัญญาณที่ดังเตือนขึ้นข้างในอย่างกะทันหัน ชนิดไม่อาจอธิบายให้ใครที่ไม่ใช่ผู้หยั่งรู้ด้วยกันเข้าใจได้ เป็นความรู้สึกว่า บางอย่างก�ำลังเคลือ่ นที่ เหมือนกลุม่ เมฆเคลือ่ นผ่านดวงอาทิตย์ หรือลมก�ำลัง เปลี่ยนทิศ ข้ายืดตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ เคียวยังอยู่ในมือ ตามองไปทางทิศใต้ พอได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากทางปลายสุดของพื้นที่จ�ำกัดเขตที่เราถูก ก�ำหนดให้นนั้ ข้าก็ออกวิง่ แล้ว เสียงร้องตะโกนดังยิง่ ขึน้ ผูช้ ายหกคนควบขับ ตรงเข้ามา คนอื่นๆ ออกวิ่งเช่นกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกส�ำหรับอัลฟ่าที่จะบุก เข้าไปในพืน้ ทีใ่ ดก็ตามของโอเมก้าและฉกเอาข้าวของมีคา่ แต่ขา้ รูว้ า่ พวกมัน ต้องการอะไร รูด้ ว้ ยว่าวิง่ ไปก็ไม่มปี ระโยชน์ รูว้ า่ มันสายไปถึงหกเดือนแล้วที่ จะหันมาใส่ใจในค�ำเตือนของแม่ แม้ขณะมุดรัว้ แล้ววิง่ พุง่ เข้าหาแนวหินก้อน ใหญ่ๆ ที่กระจายกันอยู่ตรงสุดเขตพื้นที่ของโอเมก้า ข้าก็ยังรู้ว่าพวกมันต้อง ได้ตัวข้าแน่ 12
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
พวกมันซึง่ ควบขับมาจากด้านหลังแทบไม่ได้ชะลอด้วยซำ�้ ตอนคว้า ตัวข้าขึ้นไป คนหนึ่งแค่คว้าตัวข้าซึ่งก�ำลังวิ่งอยู่ขึ้นมาจนฝุ่นดินใต้เท้าข้าถูก ครูดกระจาย มันฟาดลงมาที่ข้อมือเพื่อกระแทกเคียวให้หลุดจากมือข้า แล้วกระชากให้ข้านอนคว�่ำหน้าลงบนอานม้า ข้าดิ้นเตะถีบ แต่นั่นดูเหมือน ยิ่งท�ำให้ม้าควบเร็วขึ้นไปอีก ทั้งอาการสั่นสะเทือนที่เกิดจากการขี่ กระดูก กระเดี้ยวและตับไตไส้พุงของข้ากระแทกกระเด้งกระดอน ท�ำให้เจ็บเสียยิ่ง กว่าที่ถูกฟาด มือหนาหนักแข็งแรงกดอยู่บนหลัง ร่างของผู้ชายที่ค้อมตัวไป ข้างหน้าคร่อมทับอยูบ่ นตัวข้าพร้อมๆ กับทีม่ นั กระตุน้ ให้มา้ วิง่ ข้าลืมตา แต่ แล้วก็ตอ้ งรีบหลับลงใหม่โดยเร็วเพราะสิง่ ทีเ่ ห็นคือภาพกลับหัวกลับหางของ กีบสัตว์ที่ก�ำลังตวัดม้วนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่ดูเหมือนม้าก�ำลังลดความเร็วลงและข้ากล้าพอจะลืมตาขึ้น อีกครั้งนั่นเอง ที่ข้ารู้สึกว่ามีปลายมีดกดจ่ออยู่กลางหลัง “เราได้รับค�ำสั่งไม่ให้ฆ่าแก” มันว่า “ห้ามแม้แต่จะท�ำให้สลบ คู่ แฝดของแกสั่งมา แต่ถ้าอะไรที่น้อยกว่านั้น หรือถ้าแกท�ำตัวยุ่งยากละก็ เรา ไม่ยงั้ มือแน่ ข้าจะเริม่ ด้วยการเชือดนิว้ แกทีละนิว้ และแกเชือ่ ข้าได้นะ ว่าข้า จะไม่หยุดม้าด้วยซ�้ำเวลาท�ำยังงั้น เข้าใจมั้ย...คาสซานดร้า!” ข้าพยายามออกเสียงตอบรับ แต่มันกลายเป็นเหมือนค�ำรามแบบ ขาดห้วง มันควบขับต่อ เพราะถูกกระแทกเขย่าอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังอยู่ใน ท่าห้อยหัว ท�ำให้ข้าอ้วกออกมาถึงสองครั้ง ครั้งที่สองลงไปบนรองเท้าบู๊ต หนังของมัน ซึง่ ท�ำให้รสู้ กึ สะใจ มันสบถ หยุดม้า จับให้ขา้ ขึน้ นัง่ ด้านหน้าของ มัน แล้วเอาเชือกมาพันรอบตัวเพื่อให้มือทั้งสองข้างของข้าต้องติดแนบอยู่ ข้างตัว พอได้ลุกขึ้นมานั่ง นั่นท�ำให้ความรู้สึกวิงเวียนในหัวลดลง เลือดไหล เวียนได้เหมือนเดิม เชือกนั่นบาดแขนทั้งสองข้าง แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ ข้านั่งอยู่ได้อย่างมั่นคงโดยมีไอ้คนที่อยู่ข้างหลังรวบตัวข้าเอาไว้แน่น เราอยู่ ในท่านั้นไปตลอดการเดินทางที่เหลือของวัน พอตกค�่ำ ความมืดโรยลง ปกคลุมเส้นขอบฟ้าข้างหน้าราวถูกคลุมด้วยบ่วงสีด�ำ พวกมันหยุดพักช่วง 13
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
สั้นๆ ลงจากหลังม้าไปกินอาหาร ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มยื่นขนมปังมาให้ แต่ ข้าท�ำได้แค่จบิ นำ�้ จากกระติกไปสองสามจิบเท่านัน้ นำ�้ นัน่ ทัง้ อุน่ ทัง้ เหม็น จาก นัน้ ข้าถูกยกขึน้ วางบนหลังม้าอีกครัง้ คราวนีต้ อ้ งไปนัง่ กับผูช้ ายอีกคน เครา สีด�ำของมันทิ่มต้นคอ มันเอากระสอบคลุมหัวข้า แต่ความจริงในความมืด อย่างนั้นมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรอยู่แล้ว ข้ารู้ล่วงหน้านานเลยว่ามีตัวเมืองอยู่ไกลๆ ก่อนที่เสียงกีบม้า กระทบพื้นจะช่วยยืนยันเสียอีก ว่าเราเข้ามาถึงถนนที่มีการปูราดทางแล้ว ถึงแม้จะมีกระสอบคลุมหัว แต่ประกายแวววาวของแสงไฟก็เริม่ ส่องลอดเข้า มา ข้ารับรู้ว่ามีคนอยู่รอบตัว มากกว่าวันที่มีตลาดนัดที่ฮาเวนเสียอีก น่าจะ นับพันๆ คนเลยทีเดียว ถนนชันขึ้นเรื่อยๆ บัดนี้ม้าวิ่งช้าลง เสียงกีบกระทบ พื้นฟังดูอึกทึก จากนั้นพวกมันหยุดม้า ข้าถูกส่งต่อด้วยอาการเกือบเป็นจับ โยนลงไปให้ผู้ชายอีกคน ซึ่งลากข้าถูลู่ถูกังนานหลายนาที หยุดหลายครั้ง เพือ่ รอให้มกี ารไขประตูแต่ละบาน แต่ละครัง้ ทีเ่ ราผ่านเข้าไปข้าจะได้ยนิ เสียง ประตูเหล่านั้นถูกล็อกตามหลัง เสียงสลักประตูแต่ละบานที่เลื่อนครืดเข้าที่ ท�ำให้ข้ารู้สึกเหมือนโดนอัดกระแทกเข้าด้วยทุกครั้ง ในที่สุดข้าถูกผลักลงบนพื้นผิวอ่อนนุ่ม ได้ยินเสียงตะไบถูกับเหล็ก ดังจากข้างหลัง เสียงดึงมีดขึ้นจากฝัก แต่ก่อนจะทันร้องอะไรออกไป เชือก ที่พันอยู่รอบตัวก็ถูกตัดขาด หลุดร่วงเป็นทางยาว มีมือคล�ำเข้ามาที่ล�ำคอ จากนั้นกระสอบถูกดึงควากออกจากหัว กระสอบเนื้อสากหนานั้นครูดจมูก ข้าพบตัวเองอยู่ใกล้เตียงเตี้ยๆ ในห้องขังเดี่ยวขนาดเล็ก ไม่มีหน้าต่าง ชาย คนที่แก้มัดให้ล็อกประตูเหล็กด้านนอกเรียบร้อยแล้ว ข้าทรุดตัวฮวบลงบนเตียง ทัง้ โคลนและอาเจียนยังขืน่ อยูใ่ นปาก และในที่สุดก็ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ร้องให้ตัวเองส่วนหนึ่ง กับอีก ส่วนให้คู่แฝดของข้า และสิ่งที่กลายมาเป็นตัวตนของเขาในวันนี้
14
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
2
เช้าวันถัดมา ข้าตื่นจากฝันในเรื่องเดิม คือฝันถึงเรื่องไฟ
หลังจากหลายเดือนผ่านไป ช่วงเวลาหลังจากความฝันเช่นนัน้ เป็น ช่วงเดียวทีข่ า้ รูส้ กึ ยินดีทไี่ ด้ตนื่ ขึน้ มาพบกับห้องขังเล็กแคบ ความอึดอัดของ ผนังสีเทา ความคุน้ เคยกับผนังทีไ่ ม่เคยให้ความรูส้ กึ อ่อนโยน ช่างตรงกันข้าม กับความรุนแรง ยิ่งใหญ่มหึมามหาศาลของแรงระเบิดที่ข้าฝันเห็นอยู่ทุกคืน ไม่ มี เรื่ อ งเล่ า หรื อ รู ป ภาพใดๆ เกี่ ย วกั บ ระเบิ ด ครั้ ง นั้ น ก็ จ ะมี ประโยชน์อะไรทีจ่ ะเขียนเรือ่ งราวหรือวาดภาพเกีย่ วกับมัน เพราะมันประทับ ร่องรอยให้เห็นอยู่บนพื้นผิวของทุกสิ่ง แม้กระทั่งบัดนี้ สี่ร้อยกว่าปีผ่านไป หลังจากที่ระเบิดครั้งนั้นท�ำลายทุกสิ่ง แต่มันยังคงปรากฏให้เห็นชัดอยู่บน ทุกหน้าผาที่แตกร้าว พื้นราบที่ไหม้เกรียม และแม่น�้ำที่เต็มแน่นอุดตันด้วย เถ้าถ่าน อยูใ่ นทุกสิง่ ทุกอย่าง มันกลายเป็นเรือ่ งราวเดียวทีเ่ ป็นเรือ่ งเล่าเกีย่ ว กับโลกของเรา แล้วใครล่ะจะบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่เขียนขึ้นบนเถ้าถ่าน บนกองกระดูก เล่ากันว่าก่อนการระเบิดครั้งนั้นมีค�ำเตือนเรื่องไฟ เรื่องวัน 15
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
สิ้นโลก และก็ไฟนั่นเองที่เป็นผู้ให้ค�ำตอบสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มี ค�ำเตือนใดอีก ผู้ที่รอดมาได้ส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนหูหนวกหรือไม่ก็ตาบอด จ�ำนวนมากพบตัวเองกลายเป็นคนไร้ญาติ หากมีเรือ่ งใดทีพ่ วกเขาพอจะเล่า ได้ ก็จะเป็นเรือ่ งเกีย่ วกับลมเท่านัน้ หรือแม้วา่ ใครจะยังมีเพือ่ นหลงเหลืออยู่ ก็ไม่มผี รู้ อดชีวติ รายใดสามารถให้ค�ำอธิบายนาทีทเี่ กิดระเบิดครัง้ นัน้ ได้อย่าง ถูกต้อง ว่าสีใหม่ของท้องฟ้าเป็นอย่างไร เสียงกึกก้องค�ำรามที่ท�ำลายทุกสิ่ง ทุกอย่างให้จบสิ้นเป็นอย่างไร พอพยายามคิดหาค�ำมาอธิบาย เหล่าผู้รอด ชีวิตจะพบว่าพวกเขาก็เป็นเช่นเดียวกับข้า คือตกอยู่ในสภาวะหมดค�ำที่จะ พูด มีแต่เสียงกึกก้องนั้นเท่านั้นที่ดังสะท้านอยู่ในหัว ระเบิดครั้งนั้นท�ำลายกาลเวลา ช่วงสั้นๆ เพียงฉับพลันนั้นได้แยก ภาคให้กลายเป็น ‘กาลก่อน’ กับ ‘ยุคหลัง’ อย่างชนิดไม่มีทางยื้อยึดสิ่งใด ให้หวนคืน บัดนีห้ ลายร้อยปีผา่ นไปในครึง่ แห่ง ‘ยุคหลัง’ ไม่มผี รู้ อดชีวติ จาก ครั้งนั้นหลงเหลืออยู่แล้ว ไม่มีค�ำให้การหรือเรื่องเล่าเพื่อยืนยันใดๆ มีเพียง ผู้หยั่งรู้อย่างข้าเท่านั้นที่อาจเห็นภาพการระเบิดครั้งนั้นได้อยู่บ้างเป็นครั้ง คราวในชัว่ ขณะทีก่ �ำลังจะตืน่ หรือไม่มนั ก็ผา่ นวาบเข้ามาในช่วงเวลาแค่เสีย้ ว วินาที เป็นภาพเพียงแวบจางๆ ของขอบฟ้าที่ราวแผ่นกระดาษก�ำลังถูกไฟ ไหม้อยู่กระนั้น มีเพียงกวีที่ขับขานเรื่องราวเกี่ยวกับการระเบิดนั้น เมื่อครั้งยังเด็ก กวีที่เดินทางผ่านหมู่บ้านเราเข้ามาในแต่ละฤดูใบไม้ร่วงจะร่ายค�ำกลอน บรรยายถึงชาติอนื่ ๆ ทีอ่ ยูอ่ กี ฟากของทะเล ทีส่ ง่ เปลวเพลิงนัน้ ลงมาจากฟาก ฟ้า ถึงรังสีและ ‘ฤดูหนาวยาวนาน’ ที่ตามมา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตลาดฮาเวน ซึ่งตอนนั้นข้าคงอายุได้สักแปดหรือเก้าขวบ ข้าได้ยินกวีสูงวัยซึ่งมีผมสีขาว โพลนราวหิมะขับขานด้วยท่วงท�ำนองเดียวกัน แต่ค�ำร้องนัน้ ต่างออกไป ท่อน ทีว่ า่ ด้วย ‘ฤดูหนาวอันยาวนาน’ นัน้ เหมือนกัน แต่นางผูน้ ไี้ ม่เอ่ยถึงชาติอนื่ ๆ แต่ละท่อนของบทกลอนทีน่ างขับขาน อธิบายถึงแต่เพลิงในครัง้ นัน้ เท่านัน้ ว่า มันกลืนกินทุกสิง่ อย่างไร 16
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
พอข้ากระตุกแขนพ่อเพื่อถามเรื่องนี้ พ่อแค่ยักไหล่ เพลงนี้มีตั้ง หลายเนื้อร้อง พ่อว่า แล้วถ้าหากว่าครั้งหนึ่งเคยมีชาติอื่นๆ อยู่ที่ฝั่งโน้นของ ทะเลมันจะน่าสนใจยังไงหรือ? เพราะเดีย๋ วนีไ้ ม่มแี ล้ว นีว่ า่ ตามทีเ่ คยมีกะลาสี เรือเคยรอดชีวิตมาเล่าเอาไว้น่ะนะ เรื่องเล่าลือที่มีมาในบางครั้งเกี่ยวกับ ‘เอลสแวร์ - ที่อื่น’ หรือประเทศอื่นๆ ที่อยู่อีกฟากของทะเลเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มอี ะไรให้นา่ เชือ่ ถือมากไปกว่าข่าวลือเรือ่ งเกาะ ทีพ่ วกโอเมก้าจะสามารถ อยู่กันได้โดยไม่ต้องถูกอัลฟ่ากดขี่ แต่การจะคาดการณ์ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ ล่วงหน้าไปก็เท่ากับเป็นการดึงให้คนอื่น หันมาเล่นงานเอาเท่านั้น หรือไม่ก็ ‘ถูกเก็บ’ เหมือนโอเมก้ารายหนึ่งที่เราเคยเห็นตรงด้านนอกของฮาเวน ถูก ตรึงไว้ใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผากระทั่งลิ้นของเขาตกสะเก็ดห้อยออกมานอก ปากเหมือนกิง้ ก่า มีทหารท่าทางเบือ่ หน่ายสองนายจาก ‘สภา’ คอยเฝ้ายาม เตะเขาบ้างบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าโอเมก้าคนนั้นยังไม่ตาย อย่าถาม พ่อสั่ง ห้ามถามเรื่อง ‘กาลก่อน’ เรื่อง ‘เอลสแวร์’ หรือ เรื่องเกาะเกาะนั้น พวกที่ใช้ชีวิตอยู่ในช่วง ‘กาลก่อน’ ตั้งค�ำถามมากเกินไป ซักไซ้สอบสวนล้วงลึกเกินไป แล้วดูสิว่าเจอเข้ากับอะไร ที่นี่แหละคือโลก ปัจจุบัน หรือไม่ก็เป็นทั้งหมดเท่าที่เรารับรู้ นั่นก็คือเราถูกล้อมรอบอยู่ด้วย ทะเลทัง้ ทางทิศเหนือ ตะวันตกและทิศใต้ ส่วนทางตะวันออกคือ ‘เดดแลนด์ - พื้นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์’ นอกจากนั้นมันยังไม่มีประโยชน์ที่จะถามว่า ระเบิดนัน่ มาจากไหน รูแ้ ต่วา่ มันมาก็แล้วกัน เรือ่ งเหล่านีม้ นั นานมากมาแล้ว เป็นเรือ่ งทีเ่ ราไม่รเู้ ท่ากันกับเรือ่ ง ‘กาลก่อน’ เท่าๆ กับทีเ่ รารูว้ า่ มันถูกท�ำลาย ไป และหลังจากนั้นก็มีแต่เรื่องเล่า ข่าวลือ กับพวกของโบราณเท่านั้นที่ยัง เหลือให้เห็น
เดือนแรกๆ ทีถ่ กู กักขัง ข้าได้รบั อนุญาตให้ออกไปเห็นท้องฟ้า ได้บา้ งอันประหนึง่ ได้รบั ของขวัญ โดยได้ออกไปพร้อมโอเมก้าทีถ่ กู ขังอยูด่ ว้ ย กันประมาณสองถึงสามสัปดาห์ต่อครั้ง โดยจะมีคนเดินตามก�ำกับข้าไปบน 17
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
แนวก�ำแพงปราการ เพื่อให้ร่างกายได้ออกก�ำลังและได้รับอากาศบริสุทธิ์ สดๆ บ้าง เราถูกแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามคนโดยมีจ�ำนวนทหารยามที่เดิน ตามไม่เคยน้อยไปกว่าจ�ำนวนของพวกเรา ทหารเฝ้าดูเราอย่างระมัดระวัง และมิใช่เพียงให้แต่ละกลุ่มของเราอยู่ห่างกันไว้เท่านั้น แต่ยังให้อยู่ไกลจาก แนวซี่ฟันของป้อมปราการที่จะสามารถชะโงกลงไปเห็นตัวเมืองข้างล่างได้ อีกด้วย พอออกไปครั้งแรกข้าก็เรียนรู้ว่าไม่ควรพยายามเข้าใกล้เชลยอื่นๆ ส่วนเรื่องพูดคุยนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนทีพ่ วกเขาพาเราขึน้ มาจากห้องขังนัน้ ยามคนหนึง่ ฮึม่ ฮ�ำ่ เข้าใส่ เชลยนางหนึ่งซึ่งมีผมสีซีด ว่านางเดินช้าเพราะเขยกๆ ตามมาด้วยขาเพียง ข้างเดียว ซึ่งนางก็โต้ว่า “ข้าจะเดินได้เร็วกว่านี้ ถ้าเจ้าไม่เอาไม้เท้าของข้า ไป” พวกนั้นไม่พูดอะไรต่อ ส่วนนางก็เหลือบตามาทางข้า นั่นไม่ใช่รอยยิ้ม เสียด้วยซำ�้ แต่กลับมีวแี่ ววของความอบอุน่ ทีข่ า้ ได้รบั นับแต่ถกู ส่งตัวเข้าห้อง กักขังเป็นต้นมา พอพวกเราเดินเข้าถึงแนวก�ำแพงปราการ ข้าพยายามหา ทางค่อยๆ กระเถิบเข้าไปให้ใกล้นางที่สุดเท่าที่จะพอกระซิบอะไรแก่กันได้ แต่ทั้งๆ ที่ยังอยู่ห่างกันนับสิบฟุต ยามรักษาการณ์คนหนึ่งก็โผนเข้ามาจาก ข้างหลัง ผลักข้าอย่างแรง ไหล่กระแทกกับก�ำแพงหินจนช�้ำ ระหว่างที่พวก มันรีบร้อนลากข้ากลับลงห้องขัง คนหนึ่งถ่มน�้ำลายใส่ข้าด้วย “ห้ามพูดกับ คนอื่น” มันตะคอก “ห้ามมองพวกมันด้วย! ได้ยินมั้ย!” แขนสองข้างของข้า ถูกรวบไปไว้ด้านหลัง ดังนั้นจึงไม่อาจปาดน�้ำลายที่มันถ่มลงมารดหน้า น�้ำ ลายอุน่ ๆ นัน้ ให้ความรูส้ กึ แนบชิดอันน่าขยะแขยง และข้าไม่ได้เห็นหญิงนาง นั้นอีกเลย อีกสักเดือนหรือเดือนกว่าๆ ถัดมา ข้าได้ออกไปที่แนวก�ำแพง ปราการเป็นครั้งที่สามและนั่นเป็นครั้งสุดท้ายของเราทุกคน ข้าไปยืนอยู่ ตรงปากประตู ปรับตาให้คุ้นกับแสงแดดที่สะท้อนต้องลงบนหินก้อนเงาวับ จนเกิดประกายจ้า ยามสองคนก�ำลังคุยกันเบาๆ อยูท่ างขวาของข้า ถัดไปทาง ซ้ายประมาณยีส่ บิ ฟุตมีทหารยามอีกคนยืนพิงก�ำแพง เฝ้าดูชายโอเมก้าซึง่ ข้า คิดว่าถูกกักไว้ในห้องขังมานานกว่าข้า ครัง้ หนึง่ สีผวิ ของชายคนนั้นคงจะเคย 18
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
เข้ม แต่บดั นีม้ นั กลายเป็นสีเทาซีดสกปรก สิง่ ทีเ่ ห็นได้ชดั กว่านัน้ คือมือสอง ข้างของเขาทีด่ เู กร็งๆ กับริมฝีปากทีข่ ยับๆ เผยอขึน้ ๆ ลงอยูต่ ลอดเวลาเหมือน ไม่มีเหงือกรองรับอยู่ภายในกระนั้น ตลอดเวลาที่เราขึ้นไปอยู่บนนั้น เขา เอาแต่เดินด้วยอาการลากขาข้างขวาที่บิดเบี้ยวกลับไปกลับมาอยู่บนแนว แผ่นหินแคบๆ และแม้มีค�ำสั่งห้ามขาดไม่ให้พูดกัน แต่ข้ากลับได้ยินเสียงที่ เขาพึมพ�ำนับอยู่คนเดียว สองร้อยห้าสิบเจ็ด...สองร้อยห้าสิบแปด.. . เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่ามีผู้หยั่งรู้หลายคนที่กลายเป็นบ้า เพราะนิมิตที่ เห็นซ�้ำแล้วซ�้ำเล่ามานานหลายปีท�ำให้เกิดภาวะวิกลจริต เหมือนภาพเหล่า นัน้ เป็นไฟส่วนเราคือไส้ตะเกียง ชายคนนีไ้ ม่ใช่ผหู้ ยัง่ รู้ แต่กไ็ ม่ใช่เรือ่ งน่าแปลก ใจถ้าใครสักคนที่ถูกเก็บตัวไว้ในห้องกักขังนานเช่นนี้จะกลายเป็นบ้า แล้ว ส�ำหรับข้าเล่า? ข้าซึง่ ต้องต่อสูก้ บั ภาพนิมติ ทีไ่ ด้เห็น เท่าๆ กับทีต่ อ้ งทนเผชิญ ผนังทึบทะมึนสี่ด้าน แค่อีกสักปีหรือสองปี ข้าเองก็อาจจะเป็นเช่นนั้น คือ เฝ้านับก้าวเดินของตัวเองราวกับว่าการเรียงตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยของ ตัวเลขที่นับนั้น อาจช่วยจัดระเบียบให้จิตใจที่บิดเบี้ยววิกลวิกาลไปได้ ระหว่างข้ากับชายทีเ่ ดินนับเลขมีเชลยอีกคนซึง่ อาจจะอายุมากกว่า ข้าสักสองสามปี เป็นหญิงแขนเดียวที่มีเรือนผมสีเข้ม สีหน้าแจ่มใส นั่นเป็น ครัง้ ทีส่ องทีเ่ ราถูกพาออกมาทีแ่ นวก�ำแพงนัน้ พร้อมกัน ข้าเดินให้ใกล้กบั ขอบ ก�ำแพงให้มากทีส่ ดุ เท่าทีพ่ วกยามจะยอม แล้วมองผ่านออกไปทางช่องก�ำแพง บนปราการทีส่ ร้างด้วยหินทราย ส่วนในใจก็คดิ หาทางว่าจะท�ำอย่างไร ถึงจะ พูดหรือส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับนางได้ ข้าไม่อาจเข้าใกล้ขอบก�ำแพง พอที่จะมองลงไปเห็นตัวเมืองซึ่งเรียงลดหลั่นกันลงไปจากป้อมปราการบน เขาแห่งนี้ เส้นขอบฟ้าเหมือนจะแคบเข้าเพราะมีแนวก�ำแพงปราการเข้ามา คั่น ที่ข้าได้เห็นถัดไปมีเพียงแนวเขาที่เป็นสีเทาๆ เพราะระยะทางไกล แล้วจูๆ่ ข้าก็รสู้ กึ ว่าเสียงนับเลขหยุดไป และเมือ่ หันไปดูวา่ เกิดอะไร ขึ้น ก็ได้เห็นว่าโอเมก้าที่อายุมากกว่า พุ่งเข้าถึงตัวหญิงคนนั้นแล้วคว้ารวบ เข้าที่คอของนางด้วยมือทั้งสองของเขา นางซึ่งมีแขนเพียงข้างเดียวไม่อาจ ท�ำอะไรได้ ไม่วา่ จะต่อสูห้ รือร้องออกมาให้ดงั พอ ทหารยามพุง่ เข้าไปในขณะ 19
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ที่ข้ายังอยู่ห่างอีกหลายหลา และในเวลาเพียงไม่กี่นาทีพวกเขาก็ดึงชายคน นั้นออกจากนางได้ แต่มันสายเสียแล้ว
ข้าหลับตาลงเพื่อไม่ต้องเห็นภาพของนางซึ่งยังคงอยู่ในท่านั่ง
ศีรษะงอพับไปข้างหนึ่งในมุมที่ไม่น่าจะพับไปได้ แต่การเป็นผู้หยั่งรู้ไม่ได้ แปลว่าหลับตาแล้วจะไม่เห็นอะไร ภายในใจทีส่ นั่ ระริกของตัวเอง ข้ายังเห็น สิง่ อืน่ ทีเ่ กิดขึน้ อย่างชัดเจนในนาทีทนี่ างเสียชีวติ นัน่ ก็คอื ทีส่ องร้อยฟุตเหนือ หัวเราขึ้นไป แก้วไวน์ใบหนึ่งร่วงตกลงพื้น เศษสีแดงกระจายเกลื่อนพื้นห้อง โถงของ ‘สภา’ ชายคนหนึ่ ง ซึ่ ง สวมเสื้ อ คลุ ม ก�ำมะหยี่ ล ้ ม ครื น คุ ก เข่ า ตะเกียกตะกายอยู่เพียงชั่ววินาที ก่อนเสียชีวิต มือสองข้างของเขารวบอยู่ที่ ล�ำคอของตัวเอง หลังจากนัน้ ไม่มกี ารพาออกไปทีแ่ นวปราการข้างนอกอีก บางครัง้ ข้าคิดว่าได้ยนิ เสียงโอเมก้าร้องตะโกนพร้อมชกต่อยก�ำแพง แต่นนั่ ก็เป็นเสียง ทึบๆ ตึก้ ๆ มาในตอนกลางคืน ซึง่ ข้าก็ไม่รเู้ ช่นกันว่านัน่ เป็นสิง่ ทีต่ วั เองได้ยนิ จริงๆ หรือว่าเป็นเพียงความรูส้ กึ ทีห่ ยัง่ รูไ้ ด้ ในห้องขังของข้าแทบจะไม่เคยมืด เพราะมีโคมแก้วรูปกลมที่ห้อย ลงมาจากเพดานให้แสงสว่างอ่อนๆ อยู่ตลอดเวลา โคมนั้นให้แสงสว่างอยู่ ตลอด พร้อมกันก็ส่งเสียงหึ่งๆ เบาๆ ที่ค่อยเสียจนกระทั่งข้านึกสงสัยว่ามัน คือเสียงที่ดังอยู่ในหูของข้าเองหรือเปล่า หลายวันแรกข้าเฝ้ามองสิ่งนี้อย่าง เป็นกังวล คอยเวลาที่มันจะหมดแรงไฟไปและทิ้งให้ข้าต้องอยู่ในความมืด มิด แต่ในนั้นไม่มีเทียน อีกทั้งยังไม่ใช่ตะเกียงน�้ำมัน และแสงที่ส่องออกมาก็ แตกต่าง คือเย็นกว่าและไม่มีเปลวไฟส่ายไหว แสงที่ส่องออกมานั้นสะอาด แต่กจ็ ะจางวูบหายไปทุกๆ สองสามสัปดาห์ โดยมันจะมีอาการริบหรีว่ บู วาบ อยู่สักหลายวินาที ก่อนจะดับวูบไปเลย ปล่อยให้ข้าตกอยู่ในโลกมืดมิดที่ไร้ รูปทรง แต่อาการนัน้ ก็ไม่เคยนานไปกว่าหนึง่ ถึงสองนาที ทุกครัง้ ทีแ่ สงสว่าง กลับมา มันจะกระพริบอยู่สักสองสามครั้งเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน ก่อนจะ 20
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
กลับมาท�ำหน้าที่เฝ้ายามอีกครั้ง กระทั่งในที่สุดข้าเริ่มยอมรับกับความมืดที่ เข้ามาเป็นพักๆ แบบนี้ ว่าเป็นเพียงการขัดจังหวะการเปล่งแสงที่ไม่มีการ หยุดเท่านั้นเอง นี่คงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าไฟฟ้า ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับมันมา ก่อน ว่ามันเป็นประหนึ่งอ�ำนาจวิเศษ เป็นอิทธิฤทธิ์ และเป็นปัจจัยส�ำคัญ ที่ต้องใช้กับแทบทุกสิ่งในยุคกาลก่อน แต่ไม่ว่ามันจะเคยเป็นอะไร มันก็ไม่ น่าจะมีอยู่แล้วในช่วงเวลานี้ เพราะเครื่องกลใดๆ ก็ตามที่ไม่ถูกท�ำลายไป เพราะแรงระเบิดใหญ่ครัง้ นัน้ ก็ได้ถกู ตามก�ำจัดในเวลาต่อมาโดยพวกทีร่ อด จากระเบิดนัน้ พวกเขาท�ำลายร่องรอยทุกชนิดของสิง่ ทีเ่ รียกกันว่าเทคโนโลยี ที่ท�ำให้โลกสยบลงเป็นกองเถ้าถ่าน เศษซากที่เหลือทั้งหมดจากกาลก่อน ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องห้ามมากไปกว่าเครื่องกลเหล่านี้ แต่ในขณะทีโ่ ทษของการล่วงละเมิดสิง่ ของต้องห้ามเหล่านีถ้ กู ก�ำหนดไว้อย่าง รุนแรง หากกฎระเบียบที่ใช้กับเรื่องนี้กลับถูกก�ำกับอยู่ด้วยความหวาดกลัว แต่เพียงอย่างเดียว ภัยอันตรายของสิง่ นีถ้ กู จารึกไว้บนผิวหน้าของโลกทีไ่ หม้ เกรียม กับบนร่างกายอันพิกลพิการของโอเมก้า เราจึงไม่ต้องการการย�้ำ เตือนใดๆ แต่แล้วที่นี่กลับมีเครื่องกล มีเครื่องใช้ไฟฟ้าห้อยลงมาจากเพดาน อยู่ในห้องขังข้า ไม่ใช่อะไรที่ดูน่ากลัวหรือทรงพลัง ไม่ใช่อาวุธหรือระเบิด หรือแม้แต่ตู้ขนส่งของที่เคลื่อนไปได้โดยไม่ต้องใช้ม้าดึง แต่เป็นเพียงแค่ หลอดแก้วที่มีขนาดเพียงเท่าก�ำปั้นของข้า ส่งแสงสว่างจากส่วนบนสุดของ ห้องขัง แต่ขา้ ไม่อาจหยุดจ้องมองดูมนั ได้เลย มองดูปมเกลียวทีอ่ ยูต่ รงกลาง และเป็นส่วนสว่างจ้าที่สุด ส่วนนั้นขาวจ้า ราวกับว่ามีการเก็บประกายจาก การระเบิดเข้าไปไว้ในนัน้ ข้าจ้องมันอยูน่ านมากเสียจนกระทัง่ แม้เมือ่ หลับตา ลงแต่ภาพของไส้ในอันสว่างจ้านัน้ ก็ยงั ประทับอยูภ่ ายใต้เปลือกตาทีป่ ดิ สนิท ข้ารู้สึกทั้งชื่นชอบแต่พร้อมกันก็หวาดกลัว โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่คอย จ้องมองดูมันด้วยความกลัวว่ามันอาจจะระเบิดออกมา มิใช่เพียงความเป็นสิ่งต้องห้ามเท่านั้นที่ท�ำให้ข้ากลัวเวลามองแสง 21
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ไฟ แต่มนั ยังหมายถึงการทีข่ า้ ได้กลายเป็นพยานในเรือ่ งนี้ หากมีใครออกไป พูดข้างนอกว่าสภาได้ลว่ งละเมิดกฎว่าด้วยสิง่ ของต้องห้าม ก็จะเกิดการก�ำจัด กวาดล้างอีกครั้ง ความรู้สึกหวาดสยองจากระเบิดครั้งใหญ่นั้น กับพวก เครือ่ งจักรกลทีท่ �ำให้สงิ่ นัน้ เกิดขึน้ ยังคงเป็นสิง่ ทีจ่ บั ต้องได้อย่างมากยิง่ ยัง ฝังความหวาดกลัวไว้ลึกข้างในใจคนจนเกินกว่าพวกเขาจะทนยอมรับ ข้ารู้ ว่าแสงไฟฟ้าหมายถึงโทษจ�ำคุกตลอดชีวิต และการที่ข้าได้เห็นมัน ย่อม หมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ แต่เหนืออื่นใด ข้าคิดถึงท้องฟ้า มีช่องระบายลมเล็กๆ แคบๆ อยู่ ใต้ฝา้ เป็นทางระบายให้อากาศเข้ามาจากทีไ่ หนสักแห่ง แต่ไม่เคยได้เห็นแสง สว่างแม้สกั นิด ข้าค�ำนวณเวลาโดยดูเอาจากเวลาทีถ่ าดอาหารมาส่งวันละ 2 เที่ยว สอดเข้ามาทางช่องที่ท�ำไว้ใต้ประตู หลายเดือนมาแล้วนับตั้งแต่ข้าได้ ออกไปบนสันก�ำแพงครั้งสุดท้าย ข้ายังจ�ำภาพท้องฟ้าได้ แต่ก็เพียงลางๆ เท่านัน้ นึกภาพจริงๆ ไม่ออก ข้านึกถึงเรือ่ งราวของฤดูหนาวอันยาวนานหลัง การระเบิด ครั้งนั้นอากาศเปลี่ยนเป็นหนาหนัก เต็มไปด้วยฝุ่นและเถ้าถ่าน จนไม่มีใครสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้อยู่นานหลายปี เล่ากันว่าเด็กๆ ที่เกิด ในยุคนั้นไม่เคยได้เห็นท้องฟ้าเลย ข้านึกสงสัยว่าพวกนั้นจะเชื่อไหม ว่าการ นึกวาดภาพท้องฟ้าจะกลายเป็นเรือ่ งของความเชือ่ หรือศรัทธา เช่นทีม่ นั ก�ำลัง เป็นส�ำหรับข้าอยู่ขณะนี้ การเฝ้านับจ�ำนวนวันคือสิง่ เดียวทีท่ �ำให้ขา้ ยังยึดติดอยูก่ บั เรือ่ งของ เวลาได้ แต่ยิ่งนับก็ยิ่งเท่ากับทรมานตัวเอง ข้าไม่ได้นับถอยหลังไปหาความ หวังว่าจะได้รับการปล่อยตัว ตัวเลขเพียงแต่เพิ่มขึ้น ซึ่งมันมาพร้อมๆ กับ ความรูส้ กึ ทีว่ า่ มันจะยืดยาวออกไปอีก เหมือนล่องลอยอยูใ่ นโลกทีม่ ดื และโดด เดี่ยวอันไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องส�ำคัญเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นหลังจากไม่ได้รับ อนุญาตให้ขนึ้ ไปบนสันก�ำแพงก็คอื ทุกสองสัปดาห์ ‘ผูต้ รวจสอบ’ จะมาซักไซ้ ถึงสิง่ ทีข่ า้ เห็น นางบอกว่าโอเมก้าอืน่ ๆ จะไม่ได้พบใครเลย ซึง่ เมือ่ คิดถึงเรือ่ ง ผูต้ รวจสอบมาหาแล้ว ข้าก็ไม่รวู้ า่ ควรจะอิจฉาหรือสงสารคนอืน่ ๆ เหล่านัน้ ดี
22
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ว่ากันว่าการมีคู่แฝดเริ่มขึ้นประมาณคนรุ่นที่สามและสี่ของยุค
หลัง โดยในระยะแรกซึ่งอยู่ในช่วงของฤดูหนาวอันยาวนานซึ่งเกิดขึ้นทันที หลังการระเบิดนั้น ไม่มีคู่แฝด หรือแทบจะไม่มีการเกิดเลยด้วยซ�้ำ และที่ได้ เกิดมาแล้วอยู่รอดได้ก็ยิ่งน้อยกว่า เป็นช่วงหลายปีที่ทารกเกิดออกมาใน สภาพร่างกายเป็นของเหลวหลอมละลายใช้ไม่ได้ ดูไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นจึงมี น้อยรายทีร่ อด และจ�ำนวนผูส้ ามารถแพร่พนั ธุไ์ ด้กน็ อ้ ยยิง่ กว่า ท�ำให้ดเู หมือน กับว่ามนุษย์จะไม่สามารถสืบเชื้อสายต่อไปได้อีกอย่างแน่นอน ในช่วงแรกซึ่งเป็นช่วงเร่งรีบที่จะเพิ่มพลเมือง การเกิดอย่าง มากมายของคู่แฝดคงต้องได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม มีทารกใหม่ มากมาย จ�ำนวนมากเกิดมาเป็นเด็กปกติ ทารกที่เกิดมามักจะมีชายหนึ่ง หญิงหนึ่งเสมอ หนึ่งในคู่แฝดแต่ละคู่ไม่เพียงมีอาการครบสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังต้องเรียกว่าแข็งแรงและดีเยี่ยม แต่ไม่นานสัดส่วนของความหายนะก็ ปรากฏให้เห็นชัด ส�ำหรับเด็กที่มีอาการครบสมบูรณ์ ผลร้ายกลับไปลงที่คู่ แฝดของเขา อีกคนทีเ่ หลือมาในอาการแตกต่างหลากหลาย แขนหรือขาขาด หาย อาการแคระแกร็น หรือบางครั้งบางคราวก็มีอวัยวะมากเกิน บางคน ไม่มีตา บางคนมีตามากกว่าสอง หรือตาทั้งสองข้างปิดผนึกแน่นเปิดไม่ได้ เขาเหล่านีถ้ กู ขนานนามว่า ‘โอเมก้า’ คูแ่ ฝดในเงามืดของ ‘อัลฟ่า’ อัลฟ่าเรียก พวกเขาว่าตัวประหลาด บอกว่านีค่ อื ส่วนอันตรายทีอ่ ลั ฟ่าไม่ตอ้ งการตัง้ แต่ ยังอยูใ่ นท้องแม่ คือคราบตกค้างจากระเบิด ซึง่ ในขณะนัน้ ยังไม่สามารถขจัด อย่างถาวร ได้ถกู น�ำไปใส่ไว้ในคูแ่ ฝดฝ่ายด้อย พวกโอเมก้าแบกรับภาระด้าน ความเปลี่ยนแปลงของยีนส์ อันท�ำให้อัลฟ่าไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ความแตกต่างระหว่างคูแ่ ฝดปรากฏชัด แต่ความโยงใยระหว่างกัน กลับลึกลับ ถึงกระนั้นสิ่งนี้ก็มีอยู่อย่างยืนยันได้ เพราะมันเกิดขึ้นทุกครั้งใน ลักษณะที่ไม่อาจอธิบาย และไม่ว่าใครจะพยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ อย่างไร ก็ไม่ได้ชว่ ยให้เรือ่ งราวแตกต่าง ในช่วงแรกๆ พวกเขาอาจไม่ยอมรับ กับสิ่งที่เกิด แต่โทษว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ทว่าในที่สุด ความไม่เชื่อก็ค่อยๆ ถูก 23
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ข้อเท็จจริงมากลบทับ ด้วยหลักฐานที่เห็นชัดทางกาย คู่แฝดเกิดพร้อมกัน และตายพร้อมกัน ไม่ว่าขณะนั้นพวกเขาจะอยู่ห่างไกลกันสักเพียงไหน แต่ เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต คู่แฝดของตนก็จะต้องตายลงพร้อม กัน เรือ่ งของความเจ็บปวดรุนแรงหรืออาการเจ็บป่วยหนักก็สง่ ผลกระทบต่อคูแ่ ฝดเช่นกัน หากฝ่ายหนึง่ มีไข้สงู เพียงไม่นานอาการนัน้ ก็จะปรากฏ กับคู่แฝดด้วย หากฝ่ายหนึ่งล้มฟาดหมดสติ อีกคนหนึ่งซึ่งไม่ว่าขณะนั้นจะ อยู่ที่ไหน ก็จะหมดสติลงด้วย ดูเหมือนเรื่องได้รับบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จะ ไม่ส่งผลถึงความเชื่อมโยงระหว่างคู่แฝด แต่หากเป็นเรื่องการได้รับความ เจ็บปวดอย่างถึงที่สุดที่เกิดกับแฝดคนหนึ่ง ก็จะท�ำให้แฝดอีกคนถึงกับผวา ตื่นขึ้นด้วยอาการร้องโหยหวนจากบาดแผลที่ไม่ปรากฏบนร่างกายตน เมือ่ เป็นทีช่ ดั เจนว่าโอเมก้าคือพวกทีเ่ กิดมาอย่างมีขอ้ บกพร่อง ก็เชือ่ กันอยู่ช่วงหนึ่งว่าอาการนี้จะหายไปในที่สุด เชื่อกันว่าพวกเขาเป็นความ บกพร่องทีเ่ กิดขึน้ เพียงชัว่ คราว เป็นเรือ่ งของการปรับสายพันธุห์ ลังการระเบิด ใหญ่ครั้งนั้น แต่ปรากฏว่าคนทุกรุ่นที่เกิดมานับแต่นั้นยังคงเป็นเช่นเดิม ฝาแฝดทุกคู่จะออกมาเป็นอัลฟ่าและโอเมก้า และมีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่ สามารถสืบสายพันธุต์ อ่ ได้ แต่ลกู ๆ ทีถ่ อื ก�ำเนิดของพวกเขาก็จะต้องมีโอเมก้า ติดมาเป็นคูแ่ ฝดด้วยเสมอ เมือ่ ข้าและแซคเกิดนัน้ ต้องนับว่าเราเป็นคูแ่ ฝดทีส่ มบูรณ์แบบ พ่อ แม่ของเราคงเฝ้าแต่นับแล้วนับอีก ไม่ว่าจะเป็นแขน...ขา...นิ้วมือ...นิ้วเท้า... ล้วนครบสมบูรณ์ ทั้งคู่คงไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น ไม่มีครอบครัวไหนหลบ เลี่ยงเรื่องการแยกคู่ระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าไปได้...ไม่มี ส่วนเรื่องที่ว่ามี โอเมก้าที่ความพิกลพิการค่อยมาปรากฏให้เห็นในภายหลัง ก็เป็นเรื่องที่ไม่ เคยได้ยินกันมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ขาข้างหนึ่งมาไม่โตตามอีกข้างเอา ในภายหลัง อาการหูหนวกซึ่งสังเกตไม่เห็นแต่ครั้งยังเป็นทารก หรือท่อน แขนทีค่ อ่ ยมาออกอาการว่าไม่เติบโตหรืออ่อนแรงเอาเมือ่ เติบใหญ่แล้วก็ตาม แต่ก็มีข่าวลืออยู่เหมือนกัน ลือกันทั่วไป เกี่ยวกับพวกที่ความแตกต่างทาง 24
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ร่างกายไม่ปรากฏ มีเด็กชายทีด่ ปู กติสมบูรณ์ดที กุ อย่าง กระทัง่ ถึงนาทีทเี่ ขา แผดร้องแล้ววิง่ ออกจากกระท่อมเพียงไม่กนี่ าทีกอ่ นทีค่ านหลังคาจะพังถล่ม ลงมา หรือเด็กหญิงทีร่ อ้ งไห้คร�ำ่ ครวญให้กบั สุนขั เลีย้ งแกะก่อนหน้าทีเ่ กวียน จากอีกหมู่บ้านจะแล่นทับมันตายถึงหนึ่งสัปดาห์ เหล่านี้คือโอเมก้าที่ไม่แสดงอาการผิดปกติทางร่างกาย หรือที่ถูก เรียกว่าพวก ‘ผู้หยั่งรู้’ แต่ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก มีแค่หนึ่งในทุกๆ สองสามพันคน ทุกคนรูเ้ รือ่ งราวเกีย่ วกับผูห้ ยัง่ รูท้ มี่ าทีต่ ลาดฮาเวนซึง่ เป็นตัว เมืองใหญ่ที่อยู่ตามแนวริมน�้ำ แม้ว่าโอเมก้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน ตลาดของอัลฟ่า แต่เขาคนนี้กลับเข้าออกได้อยู่หลายปีทีเดียว โดยจะไป หลบๆ ซุ่มๆ อยู่ตามหลังแผงค้า หรือข้างหลังลังไม้ที่ซ้อนๆ กันอยู่ หรือไม่ก็ หลังกองผักเน่าทีส่ มุ สูงเป็นพะเนิน กว่าจะถึงวันทีข่ า้ ได้ไปตลาดเป็นครัง้ แรก เขาก็แก่แล้ว แต่ยังคงยุ่งอยู่กับธุรกิจการท�ำนายซึ่งคิดค่าบริการเป็นเหรียญ ทองแดงหนึ่งเหรียญ ให้ค�ำท�ำนายกับพวกชาวนาว่าดินฟ้าอากาศปีหน้าจะ เป็นอย่างไร หรือไม่ก็ทายทักว่าลูกสาวของพ่อค้ารายไหนจะได้แต่งงานกับ ใคร แต่เขาก็ดูแปลกๆ อยู่ตลอด พึมพ�ำพูดคนเดียวอยู่ตลอดเวลาเหมือน บริกรรมคาถาไม่รู้จบ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้าและแซคเดินผ่านไปพร้อมกับพ่อ ผู้ หยัง่ รูร้ ายนัน้ ร้องตะโกนขึน้ มา “ไฟ...ไฟชัว่ กัลปาวสาน” แต่ปรากฏว่าเจ้าของ แผงใกล้ๆ หลายรายแถวนั้นไม่ได้มีทีท่าสะดุ้งตกใจใดๆ เห็นได้ชัดว่าการ ตะโกนอย่างนั้นของเขาเป็นเรื่องปกติ นั่นแหละคือชะตากรรมของผู้หยั่งรู้ ส่วนใหญ่ ระเบิดลูกนั้นส่งไฟเผาเข้าไปในจิตของพวกเขา เพราะพวกเขาถูก บังคับให้ต้องรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าไม่รู้ว่าตอนไหนกันแน่ ที่รู้ว่าตัวเองแตกต่าง แต่ตอนนั้นโตพอที่ จะรู้แล้วว่าต้องปกปิดเรื่องนี้ไว้ ในช่วงปีแรกๆ ข้าก็ลืมสิ่งนี้ไปเช่นเดียวกับที่ พ่อกับแม่ก็ลืมเช่นกัน ก็มีเด็กที่ไหนเล่าที่จะไม่ตื่นขึ้นด้วยอาการอกสั่นขวัญ ผวา ร้องไห้จ้าเพราะฝันร้าย ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าข้าจะเข้าใจ ว่ามีอะไร ทีแ่ ตกต่างอยูใ่ นความฝันของตัวเอง อาการทีข่ า้ ฝันถึงระเบิดครัง้ นัน้ ซ�ำ้ ๆ อยู่ ตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลง หรือการที่ข้าฝันถึงพายุซึ่งยังมาไม่ถึงจนกว่าจะ 25
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
คืนถัดไป หรือการที่ข้าเห็นรายละเอียดและภาพเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งไม่เคย เห็นจากในหมู่บ้านของเรา ข้าเห็นบ้านสร้างจากหินประมาณสักสี่สิบหลัง ล้อมอยู่รอบๆ พื้นที่สีเขียวที่มีบ่อน�้ำล้อมขอบด้วยหินอีกเช่นกัน แต่เท่าที่ข้า เคยรูจ้ กั มา ก็มเี พียงหุบเขาตืน้ ๆ แห่งนีท้ มี่ ตี วั บ้านและโรงนาสร้างจากไม้รวม ตัวกันอยู่ห่างจากแม่น�้ำประมาณสักร้อยฟุต และอยู่สูงขึ้นมาจากระดับน�้ำ มากพอทีจ่ ะหลีกเลีย่ งการถูกนำ�้ ท่วม ซึง่ พาโคลนเลนอันอุดมมาให้ในทุกฤดู หนาว แต่ความฝันของข้ากลับอุดมไปด้วยภูมปิ ระเทศทีไ่ ม่คนุ้ เคยกับใบหน้า ที่ล้วนแปลกตา มีป้อมปราการที่ดูสูงทะมึน สูงกว่าบ้านหลังเล็กของเราขึ้น ไปสักสิบเท่าเห็นจะได้ พืน้ ของป้อมนัน้ เป็นทรายหยาบๆ กับเพดานทีม่ แี สง ไฟมัวๆ ในตัวเมืองมีท้องถนนที่กว้างยิ่งกว่าแม่น�้ำเสียอีก ถนนเหล่านั้นมี ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดอยู่เต็มไปหมด พอตอนที่ข้าโตพอจะสงสัยเรื่องนี้ และโตพอจะรู้ว่าแซคได้หลับ สนิทตลอดคืนโดยไม่มสี งิ่ ใดมารบกวน ข้าสอนตัวเองให้รจู้ กั นอนเงียบๆ อยู่ บนแคร่เล็กๆ ทีเ่ ราใช้รว่ มกัน ให้รจู้ กั สงบใจจากอาการหายใจถีแ่ รงจนเหนือ่ ย หอบ และเมื่อภาพเหล่านั้นมาปรากฏในตอนกลางวัน โดยเฉพาะภาพของ การระเบิดจนสว่างจ้าทีเ่ หมือนจะมีเสียงค�ำรามกึกก้องออกมาด้วย ข้าก็เรียน รูท้ จี่ ะไม่ปล่อยให้ตวั เองกรีดร้องออกมา ข้าจ�ำภาพตลาดอันแออัดเบียดเสียด ทีเ่ คยเห็นในความฝันได้ แต่พอเห็นท่าทีแ่ ซคยืนแอบข้างหลังพร้อมยึดมือพ่อ ไว้แน่น ข้าก็เลียนแบบสายตาทีแ่ ปลกใจและตกตะลึงของคูแ่ ฝดมาใช้บา้ ง พ่อแม่ของเราเฝ้าคอย และท�ำเช่นเดียวกับพ่อแม่บ้านอื่นๆ คือท�ำ คอกนอนเตรียมไว้ส�ำหรับเด็กคนเดียว พร้อมทีจ่ ะส่งคนใดคนหนึง่ ออกไปใน ทันทีที่เราหย่านมและถูกชี้ว่าใครคือโอเมก้า ครั้นพอได้สามขวบก็ยังไม่ ชัดเจนว่าใครเป็นฝ่ายไหนในระหว่างเรา พ่อก็ท�ำแคร่สองแคร่ให้ใหญ่ขนึ้ และ แม้จะรูก้ นั ทัว่ ว่ามิคเพือ่ นบ้านของเราช�ำนิช�ำนาญมากในเรือ่ งงานไม้ แต่คราว นี้พ่อกลับไม่ขอความช่วยเหลือจากเขา ทว่าประกอบแคร่นอนขึ้นเองอย่าง ชนิดทีเ่ รียกว่าลับลอบแอบท�ำ โดยต่อออกไปด้านนอกตรงหน้าต่างครัวซึ่งมี ผนังกั้น ในช่วงหลายปีถัดจากนั้น เมื่อใดก็ตามที่แคร่เอียงๆ ซึ่งต่อขึ้นอย่าง 26
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ลวกๆ ของเราลัน่ เอีย๊ ดอ๊าด ข้าจะนึกออกถึงสีหน้าของพ่อขณะลากเอาแคร่ เข้ามาข้างใน ดึงไปไว้ตรงสุดผนังแคบๆ ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะท�ำได้ พ่อกับแม่แทบไม่พูดกับเราอีกเลย หลายปีนั้นเราตกอยู่ในฤดูแล้ง ต้องปันส่วนทุกสิ่งทุกอย่างกันเสียจนกระทั่งข้ารู้สึกว่าแม้ค�ำพูดก็พลอย ขาดแคลน ปกติท้องทุ่งในหมู่บ้านของเราซึ่งเป็นที่ลุ่มต�่ำจะถูกน�้ำท่วมเสมอ ในฤดูหนาว แต่ในช่วงนั้นน�้ำในแม่น�้ำลดลงจนกลายเป็นน�้ำนิ่ง ผนังคลอง สองข้างที่เผยตัวให้เห็นนั้นแตกระแหงราวเครื่องดินเผาเก่าๆ ที่แตกลายงา แม้ในหมูบ่ า้ นของเราซึง่ เป็นหมูบ่ า้ นทีร่ ำ�่ รวยก็ยงั ไม่เหลืออะไร สองปีแรกเรา เก็บเกีย่ วได้นอ้ ย พอถึงปีทสี่ ามซึง่ ไม่มฝี นตก พืชผลก็ลม้ ตายทัง้ หมด และเรา ต้องยังชีพด้วยเหรียญเงินที่สะสมไว้ ท้องทุ่งที่แห้งแล้งเต็มไปด้วยฝุ่นดิน ปศุสัตว์บางส่วนล้มตาย ไม่มีอาหารสัตว์ให้ซื้อ แม้คนที่มีเงินเหรียญสะสม ไว้กท็ �ำอะไรไม่ได้ เล่ากันว่ามีคนอดอยากอยูท่ างฟากตะวันออก สภาส่งทหาร ออกไปตามหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน เพื่อป้องกันการบุกของโอเมก้า ถึงช่วงฤดู ร้อนพวกทหารสร้างก�ำแพงล้อมรอบฮาเวน รวมถึงเขตเมืองใหญ่ๆ ของ อัลฟ่า ทั้งหมด แต่โอเมก้าที่ผ่านหมู่บ้านของเรามาให้ข้าได้เห็นในช่วงปีเหล่านั้น เป็นโอเมก้าที่มุ่งหน้าเข้าศูนย์พักพิง พวกเขาดูผอมแห้งจนเกินกว่าจะข่มขู่ ใครได้ และแม้หลังผ่านฤดูแล้งไปแล้ว แต่การลาดตระเวนของสภายังคง ด�ำเนินต่อไป เช่นเดียวกับอาการระแวดระวังของพ่อกับแม่ทกี่ ไ็ ม่เปลีย่ นแปลง ความแตกต่างแม้เพียงน้อยนิดที่สุดระหว่างข้ากับแซคจะถูกเฝ้ามอง หยิบ เอามาพินจิ พิเคราะห์ พอเราต่างเป็นหวัดต้นฤดูดว้ ยกันทัง้ คู่ ข้าได้ยนิ พ่อกับ แม่ไถ่ถามกันอยู่นาน ว่าใครเป็นคนเริ่มไม่สบายก่อน ตอนนั้นข้าคงจะได้หก หรือเจ็ดขวบ ข้าอยู่ในห้องนอนข้างบนและได้ยินเสียงที่ทั้งคู่เถียงกันอยู่ใน ครัวข้างล่าง ได้ยนิ พ่อยืนยันเสียงดังอย่างหนักแน่นมัน่ ใจว่าข้าดูหน้าตาแดง ก�่ำตัง้ แต่คนื ก่อน ซึง่ นัน่ หมายถึงตัง้ สิบชัว่ โมงก่อนทีท่ งั้ ข้าและแซคจะตืน่ ขึน้ ด้วยอาการไข้สูงอย่างเท่าเทียม นั่นเองที่ท�ำให้ข้าเริ่มรับรู้ว่าความระมัดระวังดูแลที่พ่อมีให้เรานั้น 27
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
น่าคลางแคลง มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจ�ำอย่างทั่วๆ ไป ได้รู้ว่าการเฝ้า ระมัดระวังดูแลของแม่นั้นเกี่ยวกับเรื่องอื่นมากกว่าจะเป็นเพียงความเอาใจ ใส่อย่างธรรมดาๆ ของคนเป็นแม่ แซคเคยตามพ่อไปไหนต่อไหนตลอดทั้ง วัน ไม่วา่ จะไปบ่อนำ�้ ไปทุง่ นา ไปจนถึงโรงนา แต่เมือ่ เราโตขึน้ และพ่อยิง่ รูส้ กึ ไม่สบายใจและระมัดระวังกับเรามากขึ้น พ่อก็เริ่มออกปากไล่ให้แซคไปอยู่ ห่างๆ หรือบางทีกต็ ะโกนบอกให้เขากลับเข้าบ้าน แต่แซคก็ยงั หาข้ออ้างใน การตามพ่อไปไหนๆ เท่าทีจ่ ะท�ำได้ เช่นหากว่าพ่อไปเก็บกิง่ ไม้จากแถวดงไม้ เหนือนำ�้ แซคก็จะลากข้าไปด้วย โดยอ้างว่าไปหาเห็ดกัน หากว่าพ่อไปปลูก ข้าวโพด แซคก็เกิดจะกระตือรือร้นอยากไปซ่อมประตูทอี่ ยูข่ า้ งๆ คอกเก็บขึน้ มากะทันหัน เขาจะระวังรักษาระยะห่างเอาไว้ แต่พร้อมกันก็ตามรอยพ่อไป เหมือนเงาที่หลงทิศหลงทาง ยามค�่ำคืนข้าหลับตาลง เมื่อได้ยินเสียงพ่อกับแม่คุยกันเรื่องพวก เรา ราวกับว่ามันจะช่วยปิดไม่ให้เสียงที่ได้ยินอยู่นั้นลอดผ่านจากใต้พื้นแคร่ ขึ้นมาได้ ข้าได้ยินเสียงแซคขยับตัวเบาๆ อยู่บนที่นอนที่อยู่ติดผนังอีกฟาก ได้ยนิ เสียงหายใจเบาๆ ของเขา แต่ขา้ ไม่รวู้ า่ นัน่ คือเขาหลับจริงๆ หรือว่าแกล้ง ท�ำเป็นหลับ
“แกเห็นอะไรใหม่ๆ...”
ข้าเสมองเพดานคอนกรีตของห้องขังเพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับ ‘ผู้ ตรวจสอบ’ ค�ำถามของนางมาในรูปแบบนีเ้ สมอ คือมาในวลีทเี่ ฉยเมย เหมือน เป็นถ้อยแถลง ราวกับว่านางรู้ทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็แน่ละ...ว่าข้าไม่มี ทางแน่ใจได้ ว่านางไม่ได้รอู้ ยูก่ อ่ นแล้วจริงๆ เพราะข้าเองก็รู้ วิธกี ารจับความ คิดของคนอื่น หรือการตื่นขึ้นด้วยความทรงจ�ำที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ผู้ตรวจ สอบไม่ใช่เพียงผู้หยั่งรู้ เพราะนางสามารถใช้พลังของนางอย่างชาญฉลาด และเท่าทัน แต่ละครัง้ ทีม่ าทีห่ อ้ งขัง ข้าจะรูส้ กึ ได้ถงึ การทีจ่ ติ ของนางเข้ามา ล้อมจิตของข้าเอาไว้ ซึ่งทุกครั้งข้าก็จะไม่ยอมพูดกับนาง แต่ก็ไม่เคยแน่ใจ 28
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ว่าตัวเองสามารถปกปิดได้ดีแค่ไหน “ก็...การระเบิด...เหมือนเดิม” นางประสานมือแล้วคลาย “บอกข้าเรือ่ งอืน่ ทีไ่ ม่ใช่เรือ่ งทีแ่ กพูดมา ยี่สิบครั้งแล้ว” “ไม่มีเรื่องอื่น...มีแต่การระเบิด” ข้ามองส�ำรวจสีหน้านาง แต่มนั ไม่บอกให้รถู้ งึ สิง่ ทีอ่ ยูข่ า้ งใน นีเ่ ป็น เพราะข้าไม่ได้ฝกึ ฝนตัวเอง ข้าคิด อยูใ่ นห้องขังนานเกินไป ตัดขาดจากผูค้ น และไม่ว่าจะอย่างไร ผู้ตรวจสอบก็เป็นคนที่เราไม่อาจหยั่งรู้ ข้าพยายามตั้ง สมาธิ สีหน้าของนางซีดเกือบจะเท่าๆ กับของข้าซึง่ อยูใ่ นห้องขังเดีย่ วนีม่ านาน หลายเดือน ต�ำหนิเดียวทีป่ รากฏบนผิวไม่มที ตี่ ขิ องนาง คือตราโอเมก้าบนหน้า ผาก ข้าเดาอายุของนางไม่ถกู เพราะหากมองเพียงแค่ผาดๆ คนอืน่ ๆ ก็อาจคิด ว่านางอยูใ่ นวัยเดียวกับข้าและแซค แต่ขา้ กลับรูส้ กึ เหมือนนางแก่กว่านับหลาย สิบปี เป็นเพราะสายตาที่เพ่งมองมานั้นแน่วนิ่ง มีพลังอันเข้มข้นที่ไม่อาจ ปกปิดซ่อนเร้น “แซคต้องการให้แกช่วยข้า” “ถ้างั้นก็บอกให้เขามาที่นี่เองสิ บอกให้มาหาข้า” ผู้ตรวจสอบหัวเราะ “เห็นยามเล่าว่าช่วงแรกๆ แกตะโกนเรียกชื่อ เขาอยู่หลายอาทิตย์เลยไม่ใช่เรอะ แล้วนี่มันสามเดือนเข้าให้แล้ว แกยังคิด ว่าเขาจะยอมมาหาแกเรอะ?” “มา...” ข้าว่า “เดี๋ยวก็ต้องมา” “ดูแน่ใจเหลือเกินนะ” นางว่าพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “แต่แก แน่ใจเรอะ ว่าอยากให้เขามาน่ะ?” ข้าไม่มีทางอธิบายให้นางฟังว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ว่าข้าอยากหรือไม่ อยาก ไม่นอ้ ยไปกว่าทีส่ ายนำ�้ อยากจะไหลลงไปรวมตัวกันเป็นแควใหญ่ แต่ ข้าจะอธิบายให้นางฟังอย่างไรดี ว่าความจริงแล้วเขานั่นแหละที่ต้องการ ความช่วยเหลือจากข้า ถึงแม้ว่าข้าต่างหากคือคนที่ถูกขังอยู่ ข้าพยายามเปลี่ยนเรื่องพูด 29
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
หรือ?”
“ข้าไม่รู้ด้วยซ�้ำ ว่าเจ้าต้องการอะไร” ข้าว่า “คิดว่าข้าท�ำอะไรได้
นางกรอกตามองข้ า “คาส...แกมั น ก็ เ หมื อ นกั บ ข้ า ซึ่ ง นั่ น ก็ หมายความว่า ข้ารู้ว่าแกท�ำอะไรได้มั่ง ต่อให้แกไม่ยอมรับก็ตาม” ข้าจึงลองใช้วธิ แี กล้งยอมจ�ำนน “มันก็เห็นบ่อยขึน้ ...ระเบิดน่ะ...” “แหม แย่หน่อยนะ...แต่ขา้ สงสัยว่าแกน่าจะมีเรือ่ งราวอะไรทีส่ �ำคัญ กว่านี้ มากกว่าการบอกเราถึงสิ่งที่เกิดเมื่อสี่ร้อยปีที่แล้วนะ” ผู้ตรวจสอบเอนพิงพนัก “เล่าเรื่องเกาะนั้นมาซิ” นางพูดเรียบๆ แต่ข้าถึงกับต้องซ่อนอาการตกใจเอาไว้ ว่าจิตของ ตัวเองช่างถูกล่วงล�ำ้ ได้งา่ ยเหลือเกิน ข้าเพิง่ เริม่ เห็นเกาะนัน้ เมือ่ ไม่กเี่ ดือนมา นีเ้ อง หลังจากนักโทษถูกแยกกันควบคุม สองสามครัง้ แรกทีข่ า้ ฝันถึงมัน ข้า ยังนึกสงสัย ไม่แน่ใจว่าภาพของทะเลและท้องฟ้าทีเ่ ห็นเพียงแวบๆ เหล่านั้น เป็นความเพ้อฝันหรือว่าข้าเห็นมันจริงๆ อาจเป็นเพียงการนึกวาดวิมานถึง พืน้ ทีก่ ว้างใหญ่ เพือ่ ลดความรูส้ กึ หดห่อกับความเป็นจริงทีต่ วั เองต้องตกอยู่ ในวงล้อมของผนังสีเทาสีด่ า้ น เตียงคับแคบ เก้าอีต้ วั เดียว อยูท่ กุ วัน แต่ภาพ เหล่านั้นปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งเกินไป นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดที่ สอดคล้องมาก ข้ารูว้ า่ สิง่ ทีเ่ ห็นเป็นเรือ่ งจริง แต่กร็ ดู้ ว้ ยว่าไม่อาจพูดเรือ่ งนีไ้ ด้ แต่บัดนี้ ในห้องที่ความเงียบดูช่างยิ่งใหญ่อหังการ์ แม้เสียงลมหายใจของข้า เองยังดูจะดังเกินไป “ข้าเองก็เห็นมันเหมือนกัน” นางว่า “ไหนลองเล่าไปซิ” เวลาจิตของนางเข้าตรวจสอบจิตข้า ข้าจะเปิดให้นางเข้ามาเห็นได้ ชัดๆ เหมือนเวลาดูพอ่ ถลกหนังกระต่าย นาทีทพี่ อ่ ถลกหนังมันออกทางข้าง หลัง เปิดให้เห็นอวัยวะที่อยู่ข้างในทั้งหมด ข้าพยายามปกปิดภาพทีอ่ ยูใ่ นใจ ภาพของเกาะ ภาพตัวเมืองทีซ่ อ่ น อยูใ่ นโอบของปล่องภูเขาไฟทีก่ ลายเป็นก�ำแพงธรรมชาติสงู มหึมา บ้านเรือน ที่เรียงซ้อนกันขึ้นไปตามแนวไหล่อันสูงชัน สีของน�้ำที่เทาอย่างน่ากลัวแผ่ ขยายออกไปในทุกทิศทาง มีหนิ ทีโ่ ผล่เรียงแหลมออกมารับแรงกระแทกของ 30
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
น�้ำ ข้าเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมาหลายคืนในความฝัน สั่งตัวเองให้เก็บกลั้น อมพะน�ำความลับของมันไว้เช่นเดียวกับทีเ่ กาะแห่งนัน้ โอบอุม้ เอาตัวเมืองไว้ ให้เป็นความลับอยู่ภายในปล่อง ข้าลุกยืน “ไม่มีเกาะ” ผู้ตรวจสอบลุกตาม “อย่าให้เกิดมีขึ้นมาก็แล้วกัน”
ยิ่งเราเติบโต อาการตรวจสอบพิเคราะห์ของพ่อแม่ก็เข้ากันได้
กับอาการของแซคเท่านั้น เพราะส�ำหรับเขา ยิ่งนานวันที่เราทั้งคู่ยังไม่ถูก แยก ก็คือคืนวันที่เขาถูกมองอย่างคลางแคลงสงสัยว่าจะเป็นโอเมก้า แต่ละ วันที่ผ่านไปหมายถึงการเสียสิทธิ์ ถูกปิดกั้นจากการจะได้เข้าสู่สังคมอัลฟ่า อย่างถูกต้องเต็มที่ เราทัง้ คูจ่ งึ อ้อยอิง่ เป็นส่วนเกินอยูใ่ นหมูบ่ า้ น เด็กอืน่ ๆ ไป โรงเรียน แต่เราเรียนกันเองอยูท่ โี่ ต๊ะกินข้าวในครัว เด็กอืน่ ๆ ไปเล่นริมแม่นำ�้ แต่เราเล่นกันเองตามล�ำพัง หรือไม่กต็ ามดูคนอืน่ อยูห่ า่ งๆ จ�ำแบบทีพ่ วกเขา เล่นกันเอามาเล่นบ้าง แต่ตอ้ งคอยอยูใ่ ห้หา่ งพอเพือ่ ไม่ได้เด็กเหล่านัน้ ตะโกน หรือขว้างก้อนหินใส่ ทั้งข้าและแซคได้ยินบทเพลงที่พวกนั้นร้องไม่ครบทุก ท่อน พอกลับถึงบ้านเราพยายามร้องตามทีไ่ ด้ยนิ แล้วแต่งเนือ้ หาส่วนทีข่ าด หายไปเพิม่ กันเอาเอง ชีวติ ของเราอยูก่ นั แต่ในขอบเขตเล็กๆ ของความสงสัย คลางแคลง ทีแรกคนทั้งหมู่บ้านก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเรา ครั้นต่อมาก็ แปรเป็นความมุ่งร้ายอย่างเต็มที่ พอผ่านไปสักระยะพวกเพื่อนบ้านก็เลิก กระซิบกระซาบ แต่เปลีย่ นเป็นตะโกนออกมาดังๆ “ตัวอันตราย ตัวประหลาด ตัวหลอกลวง” พวกเขาไม่รู้ว่าเราคนไหนที่เป็นตัวอันตราย ดังนั้นจึงด่าว่า เหยียดหยามเราทัง้ คูอ่ ย่างเท่าเทียม เมือ่ ใดก็ตามทีม่ แี ฝดคูใ่ หม่ถอื ก�ำเนิดขึน้ ในหมู่บ้าน จากนั้นก็ถูกแยกไปตามระเบียบ เมื่อนั้นสภาวะการยังไม่แยกคู่ ของเราก็ยงิ่ ถูกเพ่งเล็ง ออสการ์ซงึ่ เป็นลูกชายฝ่ายโอเมก้าของเพือ่ นบ้านของ เรา และมีขาข้างซ้ายทีย่ าวลงไปถึงแค่หวั เข่าเท่านัน้ ถูกส่งตัวออกไปให้ญาติๆ 31
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ฝ่ายโอเมก้าดูแลเมื่ออายุได้เก้าเดือน ส่วนเราสองคนก็มักเดินผ่านไปเห็นคู่ แฝดคนที่เหลือ คือเม็กน้อยนั่งเล่นอยู่คนเดียวในเขตรั้วบ้านของพวกเขา “นางคงคิดถึงคู่แฝดแน่เลย” ข้าเอ่ยขณะตัวเองกับแซคเดินผ่าน บ้านนั้น มองเห็นเม็กเหม่อแทะหัวตุ๊กตาม้าไม้อยู่อย่างเซื่องซึม “แน่สิ” แซคว่า “พนันกันก็ได้ ว่าแกต้องรู้สึกย�่ำแย่แดดิ้น ที่ไม่ได้ ใช้ชีวิตร่วมกับไอ้ตัวประหลาดอีกต่อไป” “เขาก็คงคิดถึงครอบครัวเหมือนกัน” “พวกโอเมก้ามันไม่มคี รอบครัว” เขาว่าด้วยประโยคคุน้ เคยทีจ่ �ำมา จากโปสเตอร์แผ่นหนึ่งของสภา “แต่ว่า...แกรู้ใช่ไหม...ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ พวกพ่อแม่ที่พยายามเก็บเอาลูกโอเมก้าของตัวเองไว้” ข้าเคยได้ยินมาหลายเรื่องราว สภาไม่เคยปราณีกับพ่อแม่ที่ คัดค้านการแยกลูกแฝดออกจากกัน และพยายามจะเก็บไว้ทั้งสองคน เช่น เดียวกับอัลฟ่า (ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คน) ที่ถูกพบว่าคบหากับโอเมก้า มีข่าวลือ ว่าพวกเขาถูกโบยในที่สาธารณะหรือไม่ก็โดนหนักกว่านั้น แต่พ่อแม่ส่วน ใหญ่ ย อมปล่ อ ยลู ก ที่ เ ป็ น โอเมก้ า ของตั ว เองอย่ า งเต็ ม ใจทั น ที อย่ า ง กระตือรือร้นที่จะขจัดลูกที่พิกลพิการของตน นั่นก็เพราะพวกสภาประกาศ เอาไว้ว่า การยืดเวลาเพื่อใกล้ชิดกับโอเมก้าเป็นเรื่องอันตราย น�้ำเสียงแสดง ความไม่พอใจของเพื่อนบ้านว่าเราเป็นตัวอันตรายแสดงออกถึงทั้งความ รังเกียจและความกลัว โอเมก้าควรถูกขับออกจากสังคมของอัลฟ่า เหมือน กับที่สิ่งอันตรายถูกขับออกจากแฝดอัลฟ่าตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ ข้านึก แปลกใจ หรือว่านั่นคือสิ่งหนึ่งที่สงวนไว้ส�ำหรับชาวโอเมก้า? นั่นก็เพราะ พวกเราไม่มสี ทิ ธิม์ ลี กู ดังนัน้ อย่างน้อยเราก็จะไม่ตอ้ งเผชิญกับการส่งลูกของ เราออกไปไว้ที่อื่น ข้ารู้ว่าเวลาที่จะต้องถูกส่งตัวออกไปใกล้เข้ามาแล้ว และความลับ ทีข่ า้ เก็บอยูก่ เ็ ป็นเพียงเครือ่ งถ่วงเวลาให้กบั เรือ่ งทีห่ ลีกเลีย่ งไม่ได้เท่านัน้ ข้า เริม่ สงสัยด้วยซำ�้ ว่าสภาพทีเ่ ป็นอยูใ่ นปัจจุบนั คือการเฝ้าวิเคราะห์ใคร่ครวญ ไม่รู้จบสิ้นของพ่อกับแม่รวมทั้งผู้คนทั้งหมดในหมู่บ้าน จะดีไปกว่าการถูก 32
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
เนรเทศทีก่ �ำลังจะเกิดขึน้ หรือเปล่า แซคเป็นคนเดียวทีเ่ ข้าใจในสภาพแปลกๆ จวนอยู่จวนไปของข้า นั่นก็เพราะเขาเองก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน และข้า รู้สึกว่าแววตานิ่งลึกคู่นั้นคอยจับจ้องตามดูข้าอยู่ตลอดเวลา ข้าจึงหันไปหาเพื่อนที่ไม่คอยตามจับจ้องข้ามากขนาดนั้น มีด้วงสี แดง สามตัวทีช่ อบมาเกาะกันอยูข่ า้ งบ่อนำ�้ ข้าเอาพวกมันใส่โถแล้วมาวางไว้ ตรงขอบหน้าต่าง เพลิดเพลินกับการดูพวกมันคลานไปมา ฟังเสียงปีกพวก มันกระพือโดนโถ อีกหนึง่ อาทิตย์ถดั มาข้าก็พบว่าตัวทีโ่ ตทีส่ ดุ ถูกเอามาเสียบ ไว้กับขอบหน้าต่าง ปีกหายไปข้างหนึ่ง มันเลยได้แต่หมุนตัวเป็นลูกข่างอยู่ บนส่วนท้องแหลมๆ ของมันเองอยู่อย่างนั้น “ทดลองดู” แซคว่า “ข้าอยากรู้ว่ามันจะอยู่ได้อีกนานซักแค่ไหน” ข้าฟ้องพ่อแม่ “เขาก็แค่แก้เบือ่ น่ะ” แม่วา่ “คงโกรธทีแ่ กสองคนไม่ ได้ไปโรงเรียนทัง้ ทีค่ วรจะได้ไป” แต่เรือ่ งจริงทีไ่ ม่มใี ครพูดออกมายังหมุนวน อยูใ่ นอากาศ เหมือนตัวด้วงทีเ่ ฝ้าแต่หมุนวนหาทางรอดอยูอ่ ย่างนัน้ นัน่ ก็คอื มีเราคนใดคนหนึง่ เพียงคนเดียวเท่านัน้ ทีจ่ ะได้รบั อนุญาตให้ไปโรงเรียนได้ ข้าจึงบีด้ ว้ งตัวนัน้ ด้วยส้นเท้าของข้าเองเพือ่ ให้มนั พ้นๆ ไปเสียจาก อาการหมุนอันน่าทรมาน ตกกลางคืนข้าเอาโถทีย่ งั มีดว้ งอีกสองตัวไปทีบ่ อ่ น�ำ้ แต่พอเปิดฝาแล้วเอียงโถลง พวกมันกลับท�ำท่าลังเลทีจ่ ะออกไปเสีย่ งภัยข้าง นอก ข้าเอาใบหญ้ามาแหย่ลอ่ มัน จากนัน้ ค่อยๆ ช้อนพวกมันอย่างระมัดระวัง เอาไปไว้ตรงขอบหินก้อนที่ข้านั่ง ไอ้ตัวหนึ่งพยายามบินช่วงสั้นๆ แล้วตกลง มาเกาะอยู่ที่ท่อนขาเปลือยเปล่าของข้า ข้าปล่อยให้มันเกาะอยู่อย่างนั้นครู่ หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ โบกไล่ให้มันบินต่อไป คืนนั้นแซคเห็นว่าโถว่างเปล่าใบนั้นมาวางอยู่ข้างหัวนอนข้า เรา ต่างไม่พูดอะไรกันเรื่องนี้
อีกสักหนึ่งปีถัดมา ขณะเราเดินเก็บฟืนอยู่ริมแม่น�้ำในช่วงบ่าย
อันเงียบสงบ ตอนนัน้ เองทีข่ า้ ท�ำผิด เพราะขณะเดินตามหลังแซคอยูน่ นั่ เอง ข้าก็รบั รูถ้ งึ อะไรบางอย่าง เหมือนมองเห็นภาพ...ภาพทีโ่ ผล่เข้ามาตรงกลาง 33
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ระหว่างโลกที่เป็นจริงกับโลกที่ข้าเห็นเองคนเดียวในใจ ข้าพุ่งเข้าไปประชิด ผลักเขาให้หลุดออกนอกทางเดินก่อนทีก่ งิ่ ไม้กงิ่ หนึง่ จะเริม่ ขยับร่วงลงมาเสีย อีก นั่นเป็นปฏิกิริยาที่เป็นไปโดยสัญชาตญาณ เป็นสิ่งเดียวกับที่ข้าเริ่มคุ้น เคยในการเก็บซ่อน ซึง่ ข้ามานึกสงสัยในภายหลัง ว่าความจริงนัน่ เป็นเพราะ ข้าเป็นห่วงเขาจนท�ำให้ตัวเองพลาดพลั้งแสดงออกไป หรือว่าความจริงมัน เป็นเพราะข้าเหนื่อยเพลียกับการถูกเฝ้ามอง ตามตรวจสอบอยู่อย่างถี่ยิบ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คราวนั้นเขาก็ปลอดภัย ล้มลงไปนอนเหยียดยาว อยู่โดยมีข้าล้มทับอยู่บนทางเดิน ก่อนที่กิ่งไม้ใหญ่กิ่งนั้นจะลั่นเปรี๊ยะและ หล่นลงมา เกี่ยวลากเอากิ่งเล็กอื่นๆ ให้ตามลงมาด้วยและตกลงไปตรงจุดที่ แซคเพิ่งยืนอยู่เมื่อครู่ พอสบตากันข้าก็แปลกใจทีพ่ บว่าประกายตาเขาดูแสดงความโล่งใจ “มันก็คงไม่ท�ำให้เราเจ็บเยอะหรอก” ข้าว่า “ข้ารู”้ เขาว่าพลางช่วยฉุดข้าลุกยืน ช่วยปัดใบไม้ออกจากด้านหลัง ของกระโปรงข้า “ข้าเห็น” ข้ารีบเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็วเกินไป “เห็นตอนมันเริ่ม หล่นลงมาแล้วน่ะ” “ไม่เห็นต้องพูดอะไรนี่” เขาว่า “ข้าต้องขอบใจแกต่างหาก ที่ช่วย ผลักข้าออกให้พน้ ทาง” และนัน่ เป็นครัง้ แรกในรอบหลายปีทเี่ ขาเผลอส่งยิม้ ให้ข้า ยิ้มกว้างอย่างที่ข้าเคยเห็นตอนเราทั้งคู่ยังเด็กๆ แต่ข้ารู้จักเขาดีเกิน กว่าจะดีใจกับสิ่งที่ได้เห็นนั่น เขาเซ้าซี้ให้ข้าแบ่งฟืนที่หอบอยู่ไปให้เขาช่วยถือบ้าง จากนั้นหอบ ฟืนทั้งมัดใหญ่นั่นกลับจนถึงหมู่บ้าน “ข้าเป็นหนี้แก” เขาว่า หลายสัปดาห์ถัดจากนั้นเราอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา ซึ่งก็ เหมือนกับทีเ่ คยเป็น เพียงแต่วา่ เขาไม่เล่นอะไรๆ รุนแรงอย่างทีเ่ คยท�ำเท่านัน้ เวลาเดินไปบ่อนำ�้ ก็จะชะลอฝีเท้าคอยข้า หรือเวลาเดินลัดทางไปตามทุง่ เขาก็ จะคอยส่งเสียงบอก เวลาเดินไปเจอหนามไหน่หรืออะไรทีจ่ ะต�ำเอา ข้าไม่ถกู กระชากผม และเขาไม่มายุง่ วุน่ วายกับข้าวของของข้าเหมือนเคย สิง่ ใหม่ที่ แซคได้รบั รูท้ �ำให้ขา้ ได้ชว่ งเว้นวรรคจากการถูกกลัน่ แกล้ง 34
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ทารุณที่เขาเคยท�ำอยู่ทุกวัน แต่นั่นมันก็ยังไม่พอที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเรา ต้องถูกแยก เขายังต้องการข้อพิสูจน์ จึงคอยให้ข้าพลั้งเผลอแสดงอะไรออก มาเพื่อเป็นการบอกให้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าข้า ควบคุมตัวเองให้เก็บความลับได้ดอี กี ตลอดทัง้ ปีถดั มา ภาพต่างๆ ทีเ่ ห็นชัด ยิง่ ขึน้ แต่ขา้ ฝึกตัวเองให้ไม่แสดงท่าทีอะไร ไม่ให้สง่ เสียงกรีดร้องเวลาเห็นภาพ การระเบิดที่พรวดพราดเข้ามาในจิตในตอนกลางคืน หรือภาพของสถานที่ ไกลๆ ซึ่งบางครั้งก็หลุดเข้ามาในความคิดทั้งๆ ที่ตื่นลืมตาอยู่ ข้าจึงใช้เวลา อยู่ตามล�ำพังมากขึ้น ออกเดินทวนน�้ำผจญภัยขึ้นไปไกลๆ คนเดียว ไปไกล จนถึงปลายช่องแคบตรงสุดทางที่น�้ำไหลออกไปซึ่งมี ‘ไซโล - ฉาง’ ร้างซ่อน อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวนี้เวลาข้าออกเดินมาตามล�ำพัง แซคเลิกตามข้าแล้ว แต่ขา้ ไม่กล้าเข้าไปในไซโลนัน่ หรอก มันก็เหมือนสิง่ อืน่ ๆ ทีเ่ ป็นของ กาลก่อนคือต้องห้าม โลกอันแตกสลายของพวกเรามีซากสิ่งของเช่นนี้ กระจัดกระจายอยูท่ วั่ ไป แต่หากใครเข้าไปดูจะถือเป็นการฝ่าฝืนกฎ เช่นเดียว กับทีม่ ขี อ้ ห้าม ไม่ให้ใครครอบครองของโบราณหรือซากเศษชิน้ ส่วนจาก กาล ก่อน ข้าได้ยินเรื่องที่ว่ามีโอเมก้าเข้าตาจน หมดหนทาง บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ หวงห้ามในหลายเขต เพื่อหาข้าวของชิ้นส่วนหลงเหลือที่พอจะเอามาใช้ได้ แต่จะมีอะไรเหลือไว้ให้ใช้ได้เล่า? ในเมือ่ เวลาผ่านไปนานนับหลายร้อยปีเช่น นีแ้ ล้ว? และแม้หากจะมีอะไรให้พอใช้ได้ แต่ใครเล่าจะกล้าเอามันมาใช้ เพราะ รูๆ้ กันอยูว่ า่ โทษทัณฑ์คอื สถานใด แต่ทนี่ า่ กลัวยิง่ กว่าข้อห้ามทางกฎหมาย คือ ข่าวลือทีว่ า่ เศษชิน้ ส่วนเหล่านัน้ อาจยังมีบางสิง่ หลงเหลืออยู่ ว่ากันว่าในซาก สิง่ ของเหล่านัน้ ยังมีรงั สี เหมือนตัวต่อทีแ่ ฝงฝังซ่อนอยูใ่ นรัง เป็นสิ่งปนเปื้อน จากอดีต ดังนั้นหากจะมีใครเอ่ยถึงกาลก่อนขึ้นมาบ้าง เขาก็จะกระท�ำด้วย นำ�้ เสียงและท่าทีทปี่ ดิ ๆ บังๆ อย่างเกรงขามแต่กข็ ยะแขยง แม้วา่ โทษส�ำหรับ การฝ่าฝืนจะรุนแรง แต่ตัวควบคุมเรื่องกลับเป็นความกลัวเท่านั้น ข้ากับแซคเคยท้ากันว่าใครจะกล้าเข้าไปใกล้ไซโลใหญ่พวกนัน้ และ ครัง้ หนึง่ เขาซึง่ กล้ากว่าข้าอยูเ่ สมอก็วงิ่ เข้าไปใกล้ไซโลทีใ่ กล้ทสี่ ดุ เอามือแตะ ลงไปบนผนังคอนกรีตโค้ง จากนัน้ วิง่ กลับมาหาข้าด้วยท่าวิงเวียน ดูทงั้ ภูมใิ จ 35
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
แต่ก็หวาดหวั่น แต่หลังๆ มานี่ข้ามักไปไหนมาไหนคนเดียวเสมอ ไปนั่งใต้ ต้นไม้ที่มองไปเห็นไซโลพวกนั้นคราวละหลายชั่วโมง สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โต รูปร่างเหมือนท่อเหล่านั้นดูยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์กว่าสิ่งปรักพังอื่นๆ แนว ช่องเขาโอบล้อมปกป้องพวกมันไว้ ไซโลที่สี่ซึ่งคงจะโดนระเบิดเข้าไปอย่าง รุนแรงล้มลงมาทั้งหลัง เหลืออยู่เพียงฐานที่เป็นวงกลมเท่านั้น โครงเหล็กที่ บิดงอยืดพ้นกองฝุ่นขึ้นมาเหมือนนิ้วมือที่ยืดเหยียดออกมาในสภาพที่ถูกฝัง ทั้งเป็น แต่ข้าก็นึกขอบใจไซโลพวกนั้น เพราะความน่าเกลียดของมัน ได้ กลายเป็นเครื่องประกันว่าจะไม่มีใครผ่านมาใกล้ๆ แถวนี้ อันท�ำให้ข้าได้อยู่ ตามล�ำพังอย่างสบายใจ ไม่เหมือนก�ำแพงที่ฮาเวน หรือตามหมู่บ้านขนาด ใหญ่กว่าที่อยู่ถัดๆ ไป เพราะที่นี่ไม่มีโปสเตอร์ของสภาที่โบกสะบัดกระพือ ต้านลมด้วยข้อความ เฝ้าระวังไอ้พวกโอเมก้าเกาะกิน, เอกภาพแห่งอัลฟ่า: สนับสนุนการเพิม่ ภาษีพวกโอเมก้า นับจากความแห้งแล้งติดต่อกันยาวนาน หลายปี ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะขาดแคลนไปเสียหมด ยกเว้นก็เพียง โปสเตอร์ใหม่ๆจากสภา บางทีข้าก็นึกสงสัย ว่าข้าถูกแรงดึงดูดให้เข้าไปที่ซากปรักหักพัง เหล่านีเ้ พราะข้าจดจ�ำได้วา่ ตัวเองเคยเป็นส่วนหนึง่ ของสิง่ เหล่านัน้ หรือเปล่า? พวกเรา...ชาวโอเมก้า...ที่อยู่กันอย่างวิกฤต ขาดแคลน ก็เหมือนสิ่งของต้อง ห้ามเหล่านัน้ คืออันตราย เปรอะเปือ้ นน่ารังเกียจ เป็นเครือ่ งเตือนให้นกึ ถึง ระเบิดลูกนั้น และเรื่องที่มันก่อไว้ แม้วา่ จะไม่มาเทีย่ วทีไ่ ซโลหรือทีอ่ นื่ ๆ ด้วยกันอีกแล้ว แต่ขา้ รูว้ า่ แซค ยังคอยเฝ้าดูข้าอยู่ชนิดตาไม่กระพริบยิ่งกว่าแต่ก่อน เวลาเดินอย่างเหนื่อย อ่อนกลับไปถึงบ้าน จะเจอเขายิม้ รับแต่แววตาส�ำรวจตรวจตรา ถามไถ่อย่าง มีน�้ำใจว่าวันนี้เป็นไงบ้าง เขารู้ว่าข้าไปไหนมาแต่ไม่เคยพูดให้พ่อแม่รู้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าทั้งสองจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่แซคก็ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ เขามัน เหมือนงูที่ท�ำท่าหดตัวเหมือนถอยก่อนจะพุ่งฉก ครัง้ แรกทีพ่ ยายามจะเปิดเผยความลับของข้า เขาขโมยเอาสการ์เล็ต ตุก๊ ตาตัวโปรดของข้าไป เป็นตัวทีใ่ ส่ชดุ สีแดงทีแ่ ม่เย็บให้ ตอนแรกทีแ่ ซคกับ 36
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ข้าได้ทนี่ อนคนละเตียง ข้ายึดเอาตุก๊ ตาตัวนีไ้ ว้เป็นเพือ่ นในตอนกลางคืน และ แม้ขณะอายุสบิ สองแล้ว ข้าก็ยงั นอนกอดสการ์เล็ตอยู่ ผมเปียถักหยาบๆ จาก ขนแกะของมันที่ครูดเสียดอยู่ในอ้อมแขนท�ำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นใจ แต่แล้วเช้า วันหนึ่งสการ์เล็ตก็หายไป พอข้าออกปากถามตอนกินข้าวเช้า แซคก็ท�ำท่าสวิงสวายอย่างผู้ ชนะ “ซ่อนไว้นอกหมู่บ้าน...ข้าเอามันไปตอนคาสหลับ” เขาหันไปรายงาน พ่อกับแม่ “ถ้ามันหาเจอว่าข้าเอาไปฝังไว้ที่ไหน ก็แสดงว่ามันน่ะเป็นพวก ผูห้ ยัง่ รูค้ ราวนีจ้ ะได้พสิ จู น์กนั ละ” แม่ดเุ ขาพลางยกมือโอบไหล่ขา้ แต่ปรากฏ ว่าวันนัน้ ทัง้ วัน ทัง้ พ่อและแม่เฝ้าแต่มองตามข้าอย่างละเอียดละออยิง่ กว่าที่ เคย ข้าร้องไห้...อย่างทีก่ ะเตรียมไว้แล้ว การได้เห็นอาการเตรียมพร้อม ของพ่อกับแม่ยิ่งท�ำให้เรื่องง่าย ดูทั้งคู่ช่างอยากจะแก้ปริศนาระหว่างข้ากับ แซคเสียนี่กระไร ถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องส่งข้าออกนอกครอบครัว ไป ตกคำ�่ วันนัน้ ข้าก็ดงึ เอาตุก๊ ตาหน้าตาไม่คนุ้ เคยออกมาจากกล่องของเล่น กล่องเล็กๆ เป็นตุ๊กตาซึ่งผมถูกหั่นสั้น สวมเสื้อผ้าสีขาวธรรมดาๆ ชุดหนึ่ง คืนนัน้ เอง สการ์เล็ตก็ได้กลับออกจากกล่องของเล่นทีข่ า้ เนรเทศให้มนั เข้าไป อยูต่ งั้ แต่อาทิตย์กอ่ น โดยข้าเปลีย่ นเอาชุดสีแดงของมันไปใส่ให้ตกุ๊ ตาตัวอืน่ ที่ไม่ใช่ตัวโปรด และยังตัดผมยาวๆ ของมันเสียจนสั้นอีกด้วย นับจากนั้นมาสการ์เล็ตก็ถูกเก็บเป็นความลับ แต่อย่างเปิดเผย อยู่บนเตียงของข้าเอง ส่วนข้าก็ไม่เคยสนใจที่จะไปขุดเอาตุ๊กตาใส่ชุด สีแดงที่แซคเอาไปฝังไว้ที่ต้นวิลโลว์ ที่ถูกฟ้าผ่าจนเกรียมเป็นถ่านตรง ริมน�้ำนั่นเลย
37
3
กับแม่ทะเลาะกันอยู่ข้างล่างอีกแล้ว เสียงที่ทั้งสองคน ทะเลาะกันค่อยๆ ลอยทะลุพื้นห้องขึ้นมาราวควันไฟ “มันชักจะเป็นปัญหาหนักขึ้นทุกวัน” เสียงพ่อว่า เสียงแม่ฟังดูสงบนิ่งกว่า “พวกแกไม่ใช่ปัญหา พวกแกเป็นลูกของ เรา” “คนหนึง่ น่ะใช่” พ่อว่าพร้อมมีเสียงกระแทกหม้อกับโต๊ะดังทีเดียว “แต่อีกคนน่ะตัวอันตราย เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเป็นคนไหน” แซคไม่ชอบให้ข้าเห็นเลยเวลาเขาร้องไห้ แต่เศษไฟที่ยังเหลือจาก เทียนสว่างพอให้ข้าเห็นไหล่ของเขาที่สั่นสะท้านอยู่ใต้ผืนผ้าห่ม ข้าค่อยๆ เลือ่ นตัวออกจากใต้ผา้ นวมของตัวเอง เสียงเอีย๊ ดดังขึน้ ทีพ่ นื้ ห้องขณะข้าก้าว สองก้าวไปถึงขอบเตียงของแซค “เขาไม่ได้วา่ เราหรอก” ข้ากระซิบพลางวางมือลงบนแผ่นหลังเขา “เขาพูดอย่างนั้น แต่พ่อไม่ได้ตั้งใจว่าเจ้าหรอก”
พ่อ
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
เขาลุกนั่ง บิดตัวออกจากมือข้า และข้ารู้สึกแปลกใจที่เขาไม่ได้ พยายามจะปาดน�้ำตาทิ้งด้วยซ�้ำ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรที่หลังนั่น ไม่ต้องมาลูบ หลัง ไม่ต้องมาท�ำท่ายังกับว่าเจ้าสนใจข้าเสียนักหนา ไม่ใช่พวกเขาหรอกที่ ท�ำร้ายข้า แม้แต่พวกเด็กบ้านอื่นนั่นก็ไม่ใช่ พวกที่เอาก้อนหินขว้างเรานั่น ก็ไม่ใช่ เข้าใจที่ข้าพูดนี่ไหม?” มือที่ปาดไปป่ายมาของเขาพาเอาเสียงจาก ในครัวเข้ามาด้วย เช่นเดียวกับใบหน้าที่นองน�้ำตาของเขา “มันเป็นเพราะ เจ้าคนเดียว เจ้าแหละคือตัวปัญหา...คาส...แกคือตัวปัญหา ไม่ใช่พวกนั้น เป็นเพราะแก ที่ท�ำให้เราต้องมาค้างคาไปไหนไม่ได้อยู่อย่างนี้” จูๆ่ ข้าก็รสู้ กึ ว่าพืน้ ห้องทีย่ นื อยูช่ า่ งเย็นเยียบ แม้แต่อากาศทีก่ ระทบ มือเปลือยเปล่าสองข้างของข้าก็เย็น “แกอยากจะแสดงว่าแกสนใจกับความรู้สึกของข้าจริงๆ รึ? ถ้ายัง งั้นก็พูดความจริงไปสิ แค่พูดเท่านั้นเรื่องก็จบแล้ว” “เจ้าอยากเห็นข้าถูกส่งไปอยู่ที่อื่นจริงๆ รึ? นี่ข้าเองนะ ไม่ใช่ตัว ประหลาดอะไรทีไ่ หน อย่าไปสนใจเรือ่ งทีพ่ วกสภาพูดว่าใครเป็นตัวอันตราย สิ นี่ข้าเอง...เจ้าก็รู้นี่” “เจ้าก็พูดอยู่แต่อย่างนี้แหละ ท�ำไมข้าถึงควรจะคิดว่าข้ารู้จักเจ้า ล่ะ? ในเมื่อเจ้าไม่เคยตรงไปตรงมากับข้าเลย ไม่เคยบอกความจริงกับข้า เจ้าท�ำให้ข้าต้องหาความจริงเอาเอง” “ข้าบอกเจ้าไม่ได้หรอก” ข้าบอก แม้การพูดกับเขาเพียงเท่านั้น ตามล�ำพังในห้องของเรา ก็นับว่าเสี่ยงแล้ว “เพราะเจ้าไม่เชื่อใจข้า เจ้าท�ำให้ดูเหมือนกับว่าเราสองคนน่ะใกล้ เคียงกันมาก แต่ความจริง เจ้าคือคนทีโ่ กหกมาตลอดเวลา เจ้าไม่เคยวางใจ ข้ามากพอที่จะบอกความจริงเลย ตลอดเวลาหลายปีมานี่ เจ้ามีแต่ปล่อยให้ ข้าสงสัยอยูค่ นเดียว ให้ขา้ กลัว.. ว่ามันอาจจะกลายเป็นข้า ทีเ่ ป็นตัวประหลาด แล้วมาถึงตอนนีเ้ จ้าคิดว่าข้าควรเชือ่ ใจเจ้ารึ?” ข้าถอยกลับมาทีเ่ ตียง ส่วนเขายังจ้องตามมา เรือ่ งราวมันจะเปลีย่ น ไปไหม หากว่าข้าวางใจบอกความจริงกับเขา? เราจะมีทางบอกความลับแก่ 39
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
กัน เพื่อให้เราหาทางอยู่ร่วมกันได้ไหม? เขาได้ความคลางแคลงใจเหล่านั้น ไปจากข้าหรือเปล่า? บางทีอาจจะเป็นสิ่งนั้นนั่นเองที่เรียกว่าเรื่องอันตราย ที่ข้ามีอยู่ ไม่ใช่อันตรายจากพิษของระเบิดที่โอเมก้าทั้งหลายต้องแบกรับ ทว่าคือความลับ น�้ำตาไหลย้อยลงมาหยุดอยู่ตรงร่องเหนือริมฝีปากบนของเขา มัน สะท้อนแสงเทียนเป็นประกายสีทอง ข้าไม่อยากให้เขาเห็นว่าข้าเองก็นำ�้ ตาไหลเช่นกัน จึงเอือ้ มมือออก ไปดับเทียนเสีย “เรือ่ งนีม้ นั ต้องจบ” เขากระซิบเบาๆ มาในความมืด ฟังดูกงึ่ วิงวอน กึ่งคุกคาม
อาการหมดความอดทนของแซคทีพ่ ยายามจะเปิดเผยความ
ลับของเรามาพร้อมๆ กับอาการไม่สบายของพ่อ ซึ่งป่วยเมื่ออายุเราย่างเข้า สิบสามซึง่ ก็เหมือนกับปีทแี่ ล้ว คือไม่มกี ารเอ่ยถึงวันเกิดของเรา อายุของเรา กลายเป็นเรื่องน่าอายยิ่งขึ้นทุกทีเพราะการที่เรายังไม่ถูกแยก คืนนั้นแซค กระซิบกระซาบข้ามเตียงมา “แกรู้ใช่มั้ย ว่าวันนี้วันอะไร?” “รู้สิ” ข้าว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ” เขาว่า แต่เป็นเพราะเขากระซิบกระซาบ ข้า จึงฟังไม่แน่ใจ ว่านั่นเป็นน�้ำเสียงเชิงแดกดันหรือเปล่า อีกสองวันถัดมาพ่อก็ล้มป่วย พ่อ... ซึ่งเป็นคนแข็งแรงบึกบึนยังกับ แผ่นไม้โอ๊กที่ใช้ท�ำขื่อคานรองรับตลอดแนวเพดานครัว พ่อซึ่งสาวถังน�้ำขึ้น จากบ่อได้เร็วกว่าใครทุกคน เมื่อตอนข้ากับแซคยังตัวเล็กกว่าปัจจุบัน พ่อ สามารถอุ้มเราได้พร้อมกันทีละสองคนเลย แม้ตอนนี้ข้าว่าพ่อก็ยังท�ำอย่าง นั้นได้อยู่ เพียงแต่ความที่ต้องคอยระมัดระวังสังเกตสังกาดูเราทั้งคู่ ท�ำให้ พ่อแตะเนือ้ ต้องตัวเราน้อยลง แต่แล้วกลางวันวันหนึง่ ซึง่ เป็นวันอากาศร้อน พ่อก็ทรุดฮวบลงกลางคอกเลี้ยงม้า ตอนนั้นข้ากับแซคนั่งอยู่บนก�ำแพงหิน 40
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
หน้าบ้าน ปอกเปลือกถั่วอยู่ เราได้ยินเสียงคนที่ท�ำงานอยู่ใกล้ๆ พ่อตะโกน หลังเพื่อนบ้านช่วยกันพาพ่อกลับกระท่อม คืนนั้นแม่ก็ส่งคนไปตามอาอลิซ คู่แฝดของพ่อจากพื้นที่ที่จัดสรรไว้ส�ำหรับพวกโอเมก้า แซคออกเดินทางนั่ง เกวียนเทียมวัวไปพร้อมมิคเพื่อรับนางมา และกลับมาถึงในวันรุ่งขึ้นพร้อม ด้วยอาของพวกเราซึง่ นอนมาบนกองฟางทีป่ ดู า้ นหลังของเกวียนเล่มนัน้ เรา สองคนไม่เคยเจออามาก่อน แต่พอมองดู ก็เห็นว่าสิง่ เดียวทีน่ างมีคล้ายคลึง กับพ่อก็คอื อาการไข้ทกี่ �ำลังขึน้ สูง อารูปร่างผ่ายผอม ผมยาว ผิวคล�ำ้ กว่าพ่อ เสือ้ ผ้าเนือ้ หยาบทีส่ วมใส่มรี อยปะชุนหลายแห่งและตอนนีล้ ายพร้อยเปรอะ เปือ้ นหญ้าฟางอยูห่ ลายจุด ตรงตีนผมทีเ่ ปียกชืน้ ติดหน้าผากชุม่ เหงือ่ นัน้ เรา เห็นรอยประทับตราโอเมก้า เราดูแลอาอย่างมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก็เห็นได้ชัดตั้งแต่มา ถึง ว่าแกเหลือเวลาไม่มากนัก แน่นอนว่าเราให้แกเข้ามาในบ้านไม่ได้ แต่แค่ ที่มีแกมาอยู่ตรงโรงเลี้ยงสัตว์นั่นก็พอจะท�ำให้แซคโกรธจัด พอถึงวันที่สอง อาการเดือดดาลของเขาก็พุ่งปรี๊ดเลยขีด “น่ารังเกียจ” เขาตะโกน “นางนั่น มันน่ารังเกียจมาก ท�ำไมมันต้องมาอยู่ที่นี่ ให้พวกเราต้องวิ่งวุ่นดูแลยังกับ เป็นคนรับใช้ มันก�ำลังท�ำให้พ่อตาย” แม่ไม่ได้สนใจจะจัดการให้เขาเงียบ แต่พดู เรียบๆ “ มันจะท�ำให้พอ่ ตายเร็วขึน้ ไปอีก ถ้าเราปล่อยให้มนั ยังอยูใ่ นกระท่อมโสโครกของตัวเองนัน่ ” ประโยคนี้ท�ำให้แซคยอมเงียบได้ เขาอยากให้อลิซไปเสียให้พ้นๆ แต่ไม่ใช่ดว้ ยการยอมรับกับแม่ถงึ สิง่ ทีเ่ ขาบอกข้าเมือ่ คืนก่อนหน้า ถึงสิง่ ทีเ่ ขา ได้เห็นในพืน้ ทีจ่ �ำกัดเขตของพวกโอเมก้าตอนทีเ่ ขาไปรับอามา กระท่อมหลัง เล็กทีเ่ ป็นระเบียบเรียบร้อยของนาง ผนังบ้านทาปูนขาวมีพวกสมุนไพรแห้ง แขวนไว้เหนือเตาไฟ เหมือนกันกับบ้านเรา เสียงแม่พูดต่อ “ถ้าเราท�ำให้นางหาย พ่อก็หาย” เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นแซคจึงจะเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เห็น จากพื้นที่กักกันของโอเมก้าให้ข้าฟัง เป็นเวลาที่เราดับเทียนแล้ว ไม่มีเสียง พูดคุยดังมาจากห้องของพ่อแม่แล้ว เขาเล่าว่าพวกที่เขตกักกันพยายามไม่ 41
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ให้พาตัวอาอลิซมา พวกนั้นอยากเก็บตัวนางไว้รักษากันเองที่นั่น แต่ไม่มี โอเมก้าหน้าไหนกล้าถกเถียงกับอัลฟ่า และมิคก็ตวัดแส้กวัดกวาดไปมา เสียจนพวกนั้นต้องยอมถอย “ใจร้ายรึเปล่า ที่เอาแกมาจากครอบครัวของแก” ข้าถามเสียง กระซิบ “พวกโอเมก้ามันไม่มคี รอบครัว” แซคเอ่ยด้วยน�ำ้ เสียงท่องจ�ำขึน้ ใจ “ไม่มีลูกน่ะใช่ แต่คนอื่นๆ ที่แกรักล่ะ? อย่างเพื่อนๆ หรืออาจจะมี สามี” “สามีเรอะ?” เขาท�ำเสียงลอยๆ “พวกโอเมก้าไม่ได้รับอนุญาตให้ แต่งงาน แต่ก็นั่นแหละ...ใครๆ ก็รู้ว่าพวกนี้มันก็ยังแต่ง ถึงแม้ว่าสภาจะไม่ ยอมรับอย่างเป็นทางการกับการจับคู่ของพวกมันก็ตาม” “แกก็รู้...ว่าข้าหมายถึงเรื่องอะไร” “มันไม่ได้อยู่กับใคร” เขาว่า “ก็มีแต่ไอ้พวกประหลาดๆ ไม่กี่ตัวที่ อยูใ่ นพืน้ ทีน่ นั้ ด้วยกันเท่านัน้ แหละ ทีม่ าอ้างว่าพวกมันรูว้ า่ ต้องดูแลรักษากัน ยังไง” อย่าว่าแต่เรือ่ งการต้องใช้ชวี ติ อย่างใกล้ชดิ เช่นนี้ เราแทบไม่เคยเห็น พวกโอเมก้ามาก่อนด้วยซ�้ำ ออสการ์ตัวน้อยถูกส่งออกไปทันทีหลังการ ประกาศว่าเขาคือโอเมก้าและหย่านมแล้ว มีโอเมก้าน้อยคนทีเ่ คยเดินทางผ่าน มาทางนี้ และแทบไม่เคยพักทีน่ นี่ านกว่าหนึง่ คืน พวกเขาจะหยุดพักกันทีร่ มิ นำ�้ ตรงสุดเขตหมูบ่ า้ น พวกนีเ้ ป็นพวกท่องไปเรือ่ ยๆ เผือ่ จะโชคดีเจอเขตกัก กันใหญ่ๆ ของโอเมก้าทางด้านใต้ หรือในช่วงหลายปีทผี่ า่ นมา ซึง่ เป็นช่วงที่ เก็บเกี่ยวได้น้อยมาก จะมีโอเมก้าที่เลิกท�ำการเกษตรบนที่ดินเสื่อมโทรมที่ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐาน จากนั้นก็จะมุ่งหน้าเข้าสู่ศูนย์พักพิงใกล้ วินธัม ศูนย์พกั พิงเหล่านีค้ อื สิง่ ทีส่ ภายอมให้มเี พราะพันธนาการทางสายพันธุ์ ทีถ่ งึ เป็นถึงตายระหว่างคูแ่ ฝด เพราะพวกเขาไม่อาจปล่อยให้โอเมก้าอดตาย อันจะท�ำให้คู่แฝดต้องอดตายตามไปด้วยได้ ดังนั้นจึงมีการสร้างศูนย์พักพิง ไว้ใกล้เมืองใหญ่ๆ ทุกแห่ง เป็นที่ซึ่งฝ่ายสภาจะรับโอเมก้าเข้าไป ให้อาหาร 42
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
และทีพ่ กั แต่กม็ โี อเมก้าเพียงน้อยรายทีย่ อมเข้าไปสูส่ ถานทีแ่ บบนีด้ ว้ ยความ เต็มใจ ที่นี่จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของคนที่หิวใกล้ตายหรือผู้ป่วยเท่านั้น ศูนย์พักพิงเป็นสถานฝึกอาชีพด้วย และคนที่เข้ามารับความช่วยเหลือต้อง ชดใช้ให้กบั ความมีเมตตาของสภาด้วยการใช้แรงงาน ท�ำงานในไร่นาทีอ่ ยูใ่ น เขตพืน้ ทีข่ องศูนย์ฯ ไปจนกว่าสภาจะยอมเห็นว่าโอเมก้าผูน้ นั้ ได้จา่ ยหนีค้ รบ แล้ว มีโอเมก้าน้อยคนทีย่ นิ ดีจะแลกอิสรภาพของตนกับอาหารวันละสามมือ้ ครั้งหนึ่งข้าเคยตามแม่ออกไป เพื่อให้เศษอาหารกับกลุ่มที่ผ่านมา ในลักษณะนี้ เพื่อไปยังสถานที่ลี้ภัยใกล้กับวินธัม ตอนนั้นมืดสนิทแล้ว ชาย คนหนึ่งเดินห่างจากกองไฟออกมารับเอาห่ออาหารจากแม่ไปเงียบๆ พร้อม ชี้มือไปที่คอของตัวเองเหมือนจะบอกว่าเขาเป็นไบ้ ข้าพยายามไม่มองไปที่ ตราประทับบนหน้าผากของเขา เขาผอมมากเสียจนข้อนิ้วกลายเป็นส่วนที่ กว้างที่สุดของนิ้วแต่ละนิ้ว หัวเข่าคือส่วนที่กว้างที่สุดของขาแต่ละข้าง ผิวหนังของเขาดูแห้งแล้งและเคลือบกระดูกอยู่อย่างไร้ประสิทธิภาพ ตอน นั้นนึกว่าเราน่าจะอยู่ตรงนั้นได้สักประเดี๋ยวหนึ่ง แต่แววระแวดระวังในตา ของแม่ส่งออกมามากพอๆ กับจากดวงตาของชายชาวโอเมก้า ข้าเห็นกลุ่ม คนรวมตัวกันอยู่รอบกองไฟทางด้านหลังของเขา เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรือ่ งยากทีจ่ ะแยกแยะระหว่างภาพบิดเบีย้ วทีเ่ กิดเพราะเงาจากประกาย ไฟ กับสภาพบิดเบีย้ วทีเ่ ป็นจริงของร่างกายพวกโอเมก้า ข้าเห็นชายคนหนึง่ โน้มตัวจับไม้ฟืนยื่นเข้าใส่กองไฟด้วยแขนทั้งสองข้างที่มีแต่ตอ เมื่อมองดูคนกลุ่มนี้ ที่เ หมือนถูกกองรวมๆ กันไว้ ร่างกายที่ ผ่ายผอมและดูตื่นตระหนก ก็ท�ำให้รู้สึกยากที่จะเชื่อถึงเสียงเล่าลือที่ได้ยิน เป็นบางครัง้ ว่าพวกโอเมก้าจะลุกขึน้ ต่อต้าน หรือเรือ่ งราวเกีย่ วกับเกาะแห่ง นั้น ว่ามีมันอยู่ตรงโน้นหรือตรงนั้น ข้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าพวกโอเมก้าจะ กล้าท้าทายสภาซึง่ มีทหารอยูน่ บั พันๆ ได้อย่างไร พวกนีย้ ากจนเกินไป พิการ เกินไป และก็คงเหมือนๆ กับพวกเราที่นี่ทั้งหมด ที่เคยได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างเมื่อศตวรรษที่แล้วหรือนานกว่านั้น ซึ่งตอนนั้นมีเรื่องราวการลุกฮือ ของพวกโอเมก้าทางฟากตะวันออก แน่นอนว่าสภาไม่สามารถสัง่ ให้สงั หาร 43
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
พวกนีไ้ ด้ เพราะนัน่ จะเท่ากับสัง่ สังหารคูแ่ ฝดของพวกตนด้วย ตามทีเ่ ล่าๆ ต่อ กันมานั้น สิ่งที่สภาท�ำกับพวกกบฏร้ายแรงยิ่งกว่า โอเมก้าถูกทรมานอย่าง รุนแรงเสียจนกระทัง่ แม้แต่คแู่ ฝดทีเ่ ป็นอัลฟ่าซึง่ อยูห่ า่ งไกลออกไปนับร้อยๆ ไมล์กย็ งั ลงไปนอนร้องดิน้ กับพืน้ เล่ากันว่าเรือ่ งนัน้ รุนแรงเสียจนกระทัง่ สภา ต้องยอมจ่ายค่าชดเชยความเจ็บปวดให้กบั คูแ่ ฝดฝ่ายอัลฟ่า ส่วนส�ำหรับพวก กบฏน่ะหรือ? ไม่มีใครเห็นพวกเขาอีก แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือคู่แฝดอัลฟ่าของ พวกนัน้ ต้องทนทุกข์กบั ความเจ็บปวดทีป่ ราศจากสาเหตุอกี หลายปีทเี ดียว หลังบดขยี้พวกที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติ สภาก็เผาพื้นที่ทางฝั่งตะวันออก เสีย เผาพื้นที่ของโอเมก้าทั้งหมด แม้กระทั่งพวกที่ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ เรื่องการปฏิวัติก็โดน ทหารเผาพืชผลและบ้านเรือนทั้งหมดไปด้วย แม้ว่าฝั่ง ตะวันออกจะเป็นพื้นที่ไร่นาร้อนแล้งที่สิ้นหวังจนแทบจะใช้ท�ำอะไรไม่ได้อยู่ แล้ว เป็นพืน้ ทีอ่ นั เลวร้ายทีไ่ ม่มอี ลั ฟ่าหน้าไหนยอมเข้ามาอยู่ แต่พวกมันก็ยงั ไม่ยอมให้มอี ะไรเหลือ เผาเสียจนกระทัง่ ดูเหมือนไร่นาร้อนแล้งเหล่านัน้ ขยาย เขตเข้าไปในฝั่งตะวันตก ข้าคิดถึงเรือ่ งราวเหล่านีข้ ณะมองดูกลุม่ โอเมก้า มองดูรา่ งกายทีไ่ ม่ คุน้ ตาของพวกเขา ทีก่ ม้ ลงเหนือห่อเศษอาหารทีแ่ ม่เอามาให้ และพอแม่คว้า ข้อมือจูงข้าเดินออกมาทางด้านหลังหมูบ่ า้ น ข้าก็ให้รสู้ กึ ละอายกับความรูส้ กึ โล่งใจของตัวเอง ภาพของโอเมก้าที่เป็นไบ้ ซึ่งไม่กล้าสบตากับเราสองคน ขณะก้มหยิบห่ออาหารนั้น ติดตาข้าอยู่อีกนานหลายอาทิตย์ คู่แฝดของพ่อไม่เป็นใบ้ อาอลิซจึงทั้งร้องครวญครางและตะโกน สาปแช่งอยู่นานถึงสามวัน ลมหายใจที่เหม็นเหมือนกลิ่นนมของแกกระจาย คลุง้ ไปทัว่ ทีแรกก็ทวั่ เพิงก่อน จากนัน้ เข้าไปในตัวบ้านและพ่อก็ปว่ ยหนักยิง่ ขึน้ สมุนไพรกีข่ นานก็ตามทีแ่ ม่ใส่ลงในกองไฟไม่อาจกลบกลิน่ นัน้ ได้ ขณะแม่ ดูแลพ่ออยูข่ า้ งใน แซคกับข้าก็มหี น้าทีจ่ ะต้องเปลีย่ นเวรกันคอยดูแลอาอลิซ แต่ทงั้ ๆ ทีไ่ ม่มกี ารท�ำข้อตกลงอะไร ปรากฏว่าเราทัง้ คูต่ า่ งนัง่ ดูแกอยูด่ ว้ ยกัน เกือบจะตลอดเวลา แทนทีจ่ ะสลับกันไปทีละคน เช้าวันหนึ่งอาอลิซนอนนิ่งเงียบ แซคถามแกว่า “เป็นอะไร?” 44
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
นางสบตาเขาตรงๆ “ไข้...ก�ำลังมีไข้ ตอนนี้พ่อของแกก็ก�ำลังไข้ขึ้น เหมือนกัน” เขาขมวดคิ้ว หน้านิ่ว “ก่อนนั้นสิ ก่อนนั้นแกเป็นอะไร?” อาอลิซหัวเราะออกมา จากนั้นก็ไอ แล้วหัวเราะอีก ท�ำท่าผงกหัว เรียกให้เราเข้าไปใกล้ๆ นางดึงผ้าห่มที่เปียกเหงื่อชุ่มที่คลุมตัวอยู่ ชุดนอนที่ สวมคลุมลงไปถึงแค่เลยเข่านิดหน่อย เราทั้งคู่มองขาสองข้างของนาง ความ รังเกียจกับอยากรู้อยากเห็นพุ่งขึ้นมาพร้อมๆ กัน ทีแรกข้าไม่เห็นความแตก ต่างใดเลย ขาทั้งสองข้างของนางผอมแต่ดูแข็งแรง เท้าทั้งสองก็ดูเป็นเท้า ข้าเองเคยได้ยินเรื่องที่ว่ามีโอเมก้าที่เล็บยาวออกมาเป็นเกร็ด ขึ้นคลุมไปทั่ว ส่วนที่เป็นเนื้อ แต่เล็บเท้าของอาอลิซไม่เพียงอยู่ถูกที่ถูกทางเท่านั้น แต่ยังดู สะอาดและได้รับการตัดเล็มเอาไว้เรียบร้อยอีกด้วย แซคท�ำท่าหงุดหงิด “อะไรล่ะ? อะไร?” “ที่โรงเรียนเขาไม่ได้สอนนับเลขรึไง? ” ข้าตอบในสิ่งที่แซคไม่มีวันจะพูดออกไป “เราไม่ได้ไปโรงเรียน ไป ไม่ได้ เพราะเรายังไม่ถูกแยก” เขาขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว “แต่เรานับเป็น เราเรียนที่บ้าน เรียนเลข เรียนหนังสือ เรียนหมดแหละ” แล้วเขาก็ท�ำเช่นเดียวกับข้า คือหันกลับไป มองที่เท้าของนางใหม่อย่างรวดเร็ว เท้าข้างซ้ายของอาอลิซมีห้านิ้ว แต่ข้าง ขวามีเจ็ด “นั่นแหละ...ปัญหาของข้า เจ้าเด็กน้อย” อาอลิซว่า “นิ้วของข้า มันไม่เท่ากับคนอื่นเขา” นางมองหน้าสลดของแซคแล้วหยุดยิ้ม “ยังมีอีก นะ” นางเสริมด้วยน�้ำเสียงที่แทบจะนุ่มนวล “เจ้ายังไม่เคยเห็นตอนข้าเดิน เห็นแต่ตอนที่โซเซมาที่เกวียนของเจ้าเท่านั้น แต่ความจริงข้าเดินกะเผลก ตลอด เพราะขาข้างขวาสั้นกว่าข้างซ้าย แล้วยังไม่แข็งแรงอีกด้วย และเจ้า ก็รู้ใช่ไหม? ว่าข้ามีลูกไม่ได้? ไม่มีทางเลย เหมือนที่อัลฟ่าชอบเรียกเราว่าไอ้ พวกหมดทางไปนัน่ แหละ แต่ทมี่ นั เป็นปัญหาจริงๆ คือนิว้ เท้าของข้านีแ่ หละ ข้าไม่เคยมีนิ้วครบๆ เหมือนคนอื่นเขา” นางหัวเราะออกมาอีกครั้ง จากนั้น 45
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
มองตรงมาทีแ่ ซคแล้วเลิกคิว้ “ถ้าพวกเราทุกคนแตกต่างจากอัลฟ่าอย่างเห็น ได้ชัดขนาดนี้ แล้วเจ้าว่าเป็นเพราะอะไรพวกเขาถึงต้องประทับตราให้พวก เราด้วย?” เมื่อเห็นเขาไม่ตอบ นางจึงพูดต่อ “และหากว่าโอเมก้าช่างใช้ไม่ ได้เสียจริงๆ ละก็ เจ้าคิดว่าเป็นเพราะอะไรพวกที่สภาถึงต้องกลัวเกาะแห่ง นั้นเสียจริงๆ?” แซคหันขวับกลับไปมองข้างหลังพลางรีบบอกให้นางเงียบเสียจน นำ�้ ลายกระเด็นมาโดนแขนข้า “ไม่มเี กาะ ใครๆ ก็รู้ นัน่ มันแค่ขา่ วลือ แค่เรือ่ ง โกหก” “แล้วถ้าอย่างนั้นท�ำไมเจ้าต้องท�ำท่ากลัวขนาดนั้นด้วยล่ะ?” คราวนีข้ า้ เป็นคนตอบ “คราวทีแ่ ล้วทีเ่ ราไปทีช่ ายหมูบ่ า้ นฮาเวน เรา เจอกระท่อมหลังนึงถูกเผา พ่อบอกว่านัน่ เป็นกระท่อมของผัวเมียโอเมก้าคู่ หนึง่ ทีเ่ ทีย่ วได้พดู เรือ่ งเกาะๆ นัน้ ” “พ่อบอกว่าทหารจากสภามาเอาตัวสองคนนั่นไปตอนกลางคืน” แซคเสริมพลางมองไปที่ประตูอีก “แล้วคนก็พูดกันว่ามีลานอยู่ที่วินธัม” ข้าเสริม “ เขาเอาโอเมก้าที่ พูดเรื่องเกาะไปโบยที่ลานนั้น ให้ทุกคนได้เห็น” อาอลิซยักไหล่ “ดูเหมือนสภาเจอปัญหาเยอะเหมือนกันนะ ก็ถ้า หากว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ...แค่เรื่องโกหก...” “ใช่ มันเป็นเรื่องโกหก” แซคขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “แกน่ะ หยุด พูดได้แล้ว แกมันบ้า เดีย๋ วเราก็มปี ญ ั หาไปด้วยหรอก มันไม่มที างมีเกาะอย่าง ที่ว่านั่นส�ำหรับพวกโอเมก้าหรอก พวกมันไม่มีทางเจอไอ้เกาะนั่น แต่เดี๋ยว สภาจะต้องเจอมัน” “พวกนั้นยังหาไม่เจอเลย” “ก็เพราะว่ามันไม่มีน่ะซี” เขาว่า “ก็แค่คิดกันไปเท่านั้น” “แต่บางทีแค่นั้นก็น่าจะพอนะ” นางว่าพลางยิ้ม และยังยิ้มต่ออีก หลายนาทีตอนที่ไข้สูงท�ำให้หมดสติไปอีกครั้ง แซคลุกยืน “ข้าจะเข้าไปดูพ่อ” 46
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
ข้าพยักหน้าพลางกดผ้าสักหลาดชุบนำ�้ เย็นให้แนบลงกับหัวของอา “พ่อก็ต้องหมดสติอยู่เหมือนกันนะข้าว่า” แต่เขาก็ยังเดินเข้าบ้านไปพร้อม ปิดบานประตูเพิงเสียงดังโครม พอมีผ้าผืนเล็กวางทับบนหน้าผาก ตรงต�ำแหน่งที่ถูกประทับตรา มันท�ำให้ข้าเริ่มมองเห็นเค้าความคล้ายคลึงของใบหน้านั้นกับหน้าของพ่อ ข้านึกให้เห็นภาพของพ่อซึ่งนอนอยู่ในกระท่อมห่างออกไปสามสิบฟุต ทุก ครั้งที่เอาผ้าเช็ดตรงหน้าผากของอาพร้อมย่นจมูกกันกลิ่นลมหายใจที่เหม็น หึ่งนั้น ข้าก็นึกภาพไปด้วยว่าก�ำลังเช็ดหน้าให้พ่อผ่อนคลาย ท�ำอย่างนั้น อยู่สักหนึ่งนาที แล้วข้าจึงยื่นแขนออกไปวางมือเล็กๆ ของตัวเองลงบนหน้า ผากอาอลิซ เป็นการแสดงความใกล้ชิดที่พ่อไม่ยอมท�ำกับข้ามานานหลาย ปีแล้ว พร้อมกันก็นึกในใจว่านี่ข้าก�ำลังท�ำสิ่งที่ผิดหรือเปล่า ในการท�ำกิริยา ใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าซึ่งน�ำความตายของพ่อมาให้ถึงที่บ้าน เหมือนเป็น ของขวัญที่เราไม่อยากได้รับ
อาอลิซผล็อยหลับไปแล้ว เสียงหายใจของนางดังคร่อกจากล�ำ
คออยูเ่ บาๆ พอข้าก้าวออกมาจากกระต๊อบหลังนัน้ ก็พบว่าแซคก�ำลังนัง่ ไขว้ ขาอยู่บนพื้นท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดเฉียงๆ ยามบ่าย ข้าลงนัง่ ด้วย เห็นเขาก�ำลังเอาฟางท่อนหนึง่ แหย่เข้าไปในระหว่าง ซี่ฟัน สักครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้น “รู้มั้ย...ข้าเห็นตอนพ่อล้มด้วย” ข้าก็ควรจะรู้ เพราะรูด้ อี ยูว่ า่ แซคยังคงตามพ่อไปไหนมาไหนเท่าที่ จะตามได้ “ตอนนั้นข้าก�ำลังหาไข่นกอยู่บนต้นไม้ที่อยู่เหนือคอกบนสุด” เขา เล่าต่อ “ข้าเห็น...พ่อก�ำลังยืน แล้วก็ล้มลงเฉยๆ” เขาถ่มเศษฟางออกจาก ปาก “พ่อโซเซไปมา เหมือนคนเมามาก แล้วคล้ายๆ จะพยายามใช้คราด ยันตัวเองขึ้นมา แล้วล้มลงไปอีก เอาหน้าลง จากนั้นก็ไม่เห็นแล้วเพราะพ่อ 47
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
จมลงไปในกองต้นข้าว” “โธ่เอ๋ย.. ข้าเสียใจจริงๆ มันคงจะน่ากลัวมาก” “เจ้าจะต้องเสียใจท�ำไม นางคนนั้นต่างหากที่ต้องเสียใจ” เขาบุ้ย บ้ายไปที่กระต๊อบด้านหลัง ซึ่งเรายังได้ยินเสียงอาอลิซพยายามหอบหายใจ เอาอากาศเข้าปอด “พ่อจะต้องตายใช่ไหม?” ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหก ดังนั้นข้าจึงพยักหน้ารับ “เจ้าท�ำอะไรสักอย่างได้ไหม?” เขาถามพลางจับมือข้าไว้ ในบรรดา ทุกเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ ในช่วงหลายวันทีผ่ า่ นมา ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งทีพ่ อ่ ล้ม เรือ่ ง ทีอ่ าอลิซเดินทางมาถึง เรือ่ งทีแ่ ปลกทีส่ ดุ คือการทีแ่ ซคเอือ้ มมือออกมาจับมือ ข้าไว้ เป็นสิง่ ซึง่ เขาไม่เคยท�ำนับแต่เรายังเล็กๆ ตอนเรายังเล็ก แซคเคยเจอซากหอยทากโบราณในแม่น�้ำ เป็นหิน สีด�ำก้อนเล็กมีรอยพิมพ์ลายของหอยทากโบราณ หอยทากกลายเป็นหิน แล้ว หินก็กลายเป็นหอยทาก ข้าคิดอยู่บ่อยๆ ว่าแซคกับข้าก็เช่นนั้น เราต่างมีตัว ตนอยู่ในกันและกัน เริ่มต้นด้วยการเกิดเป็นคู่แฝด จากนั้นด้วยการอยู่คู่กัน มานานหลายปี มันไม่ใช่ทางเลือก เหมือนกับก้อนหินและหอยทากชิ้นนั้น ข้าบีบมือเขา “จะให้ข้าท�ำอะไร?” “อะไรก็ได้...ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ท�ำอะไรสักอย่าง...เรื่องนี้มันไม่ ยุติธรรม นางก�ำลังจะท�ำให้พ่อตาย” “มันไม่ใช่เพราะนางอยากจะท�ำร้ายพ่อนะ ถ้าเกิดว่าพ่อเป็นฝ่าย ไม่สบายก่อน นางก็ต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน” “แต่มันไม่ยุติธรรม” เขาย�้ำ “ความเจ็บป่วยมันไม่ใช่เรือ่ งของความยุตธิ รรมหรือไม่ยตุ ธิ รรม ไม่ ว่ากับใครมันก็เกิดขึ้นได้” “ไม่ใช่...มันไม่เกิดกับอัลฟ่า เราไม่คอ่ ยเป็นอะไร มันเกิดกับโอเมก้า เท่านั้น พวกนั้นมันอ่อนแอ ไม่สบายง่าย เพราะพวกมันมียาพิษอยู่ในตัว... ยาพิษที่ได้มาจากระเบิดนั่น นางนั่นแหละเป็นคนอ่อนแอ เป็นตัวอันตราย 48
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
และนางก็จะท�ำให้พ่อต้องตายตามนางไปด้วย” ข้าเถียงเรื่องความเจ็บป่วยกับเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นความจริงที่ ว่าโอเมก้าอ่อนแอกว่า “แต่มนั ไม่ใช่ความผิดของนาง” ข้าพยายามบอก “ถ้า หากว่าพ่อตกบ่อน�ำ้ หรือถูกวัวขวิด นางก็จะต้องตายตามพ่อไปด้วยเหมือน กัน” เขาปล่อยมือข้า “เจ้าไม่เป็นห่วงพ่อ เพราะเจ้ามันไม่ใช่พวกเดียว กับเรา” “เป็นห่วงซิ” “ถ้าอย่างนั้นก็ท�ำอะไรเข้าสักอย่างซิ” เขาว่าแล้วปาดน�้ำตาที่หาง ตาทิ้งด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ข้าท�ำอะไรไม่ได้” ข้าว่า รู้ว่ามีเรื่องร�่ำลือกันว่าผู้หยั่งรู้มีอ�ำนาจ พิเศษ สามารถท�ำนายลมฟ้าอากาศได้ หรือหาแหล่งน�้ำในพื้นที่แห้งแล้งได้ หรือบอกได้วา่ ใครพูดความจริงหรือไม่ แต่ขา้ ไม่เคยได้ยนิ เรือ่ งผูห้ ยัง่ รูม้ คี วาม สามารถด้านการรักษา เราเปลี่ยนแปลงโลกไม่ได้ เพียงแต่รับรู้ด้านที่มันบิด เบี้ยวได้เท่านั้น “ข้าไม่บอกใครหรอก” เขากระซิบ “ถ้าหากเจ้าท�ำอะไรเพื่อช่วย พ่อได้ ข้าจะไม่พูดอะไรเลย ไม่บอกใครทั้งนั้น” ไม่ว่าข้าจะเชื่อเขาหรือไม่ มันก็ไม่ได้ท�ำให้อะไรแตกต่าง “ข้าท�ำ อะไรไม่ได้จริงๆ” ข้าบอกซ�้ำ “แล้วถ้าอย่างนั้นจะเป็นตัวประหลาดท�ำไม ถ้าท�ำประโยชน์อะไร ไม่ได้สักอย่าง?” ข้าเอื้อมออกไปจับมือเขาอีกครั้ง “เขาก็เป็นพ่อของข้า เหมือนกันนะ” “พวกโอเมก้ามันไม่มีครอบรัว” เขาว่าพลางสะบัดมือหนี
ทัง้ คู่อยู่ได้อีกสองวัน ขณะนั้นคงเลยเที่ยงคืนมาแล้วแน่ๆ แซค
กับข้าอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในกระท่อมด้วยกัน กลิ่นลมหายใจ 49
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
ของอาอลิซทิ่มพรวดเข้าไปในความฝัน ข้าผวาตื่น เขย่าแซคให้ตื่นตาม แล้ว ร้องออกมาโดยไม่ทนั คิดเรือ่ งทีต่ อ้ งซ่อนความหยัง่ รูข้ องตัวเอง “ไปดูพอ่ เร็ว... ไปเดี๋ยวนี้เลย” เขาก้าวพรวดออกไปก่อนจะได้ทันบ่นอะไรใส่ข้าอีก เสียง ฝีเท้าทีเ่ ร่งรีบเหยียบดังก้องไปบนถนนโรยกรวดทีม่ งุ่ สูต่ วั บ้าน ข้าเองก็ลกุ ยืน เพื่อจะเข้าไปในบ้านเช่นกัน พ่อก�ำลังจะตายอยู่ที่ไม่ไกลจากตรงนี้ แต่ทันใด นั้นอาอลิซก็ลืมตาขึ้น ทีแรกก็กระพริบๆ แต่แล้วก็เปิดตาเอาไว้นานขึ้น ข้า ไม่อยากให้นางต้องอยู่คนเดียวในโรงมืดๆ แคบๆ ที่นางเองก็ไม่คุ้นเคยนี่ จึง ตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อน วันรุ่งขึ้นเราฝังร่างของพ่อและอาอลิซไว้คู่กัน แม้ว่าหินที่สลักป้าย ชื่อหน้าหลุมศพจะปรากฏชื่อของพ่อเพียงคนเดียวก็ตาม แม่เอาเสื้อผ้าที่อา ใส่ก่อนตายมาเผาไปพร้อมๆ กับผ้าปูที่นอนชุ่มเหงื่อจากทั้งสองเตียง หลัก ฐานเดียวที่ชัดเจนว่าอาเคยมีชีวิตอยู่คือเชือกถักเส้นหนึ่งที่คล้องอยู่รอบคอ ข้า และที่ซ่อนอยู่ต�่ำลงไปใต้คอเสื้อคือกุญแจทองเหลืองดอกใหญ่ คืนก่อน ตายอาฟื้นขึ้นมา และพอเห็นว่ามีแต่ขา้ อยูเ่ พียงล�ำพัง นางก็ยื่นกุญแจดอกนี้ ให้อย่างเงียบๆ “ด้ า นหลั ง กระท่ อ มของข้ า มี หี บ อยู ่ ใ บหนึ่ ง ฝั ง ซ่ อ นไว้ ใ ต้ ต ้ น ลาเวนเดอร์ ในนัน้ มีขา้ วของทีจ่ ะช่วยเจ้าได้เวลาเจ้าไปต้องอยูท่ นี่ นั่ ” พูดเสร็จ แล้วนางไออีกชุดใหญ่ ข้าส่งคืน ไม่เต็มใจจะรับของขวัญทีไ่ ม่นา่ ยินดีจากหญิงผูน้ อี้ กี “รูไ้ ด้ ยังไงว่าจะเป็นข้า?” นางไออีก “ข้าก็ไม่รหู้ รอกคาส ได้แต่หวังว่าคนทีต่ อ้ งไปจะเป็นเจ้า” “ท�ำไม?” ก็ข้า...ในฐานะที่ได้ดูแลนาง...หญิงที่ส่งกลิ่นเหม็นคนนี้ มามากกว่าแซค แล้วท�ำไมตอนนี้นางจึงหวังจะให้คนที่ต้องไปกลายเป็นข้า? นางยัดเยียดกุญแจดอกนั้นลงในมือที่แข็งขืนของข้า “เพราะในใจ ของพี่ชายเจ้ามีแต่ความหวาดกลัว ถ้ามันต้องกลายเป็นเขาละก็ แซคไม่มี ทางรับมือกับมันได้” “เขาไม่กลัวอะไรเลย เขาเป็นคนเข้มแข็ง” ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือน 50
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
กัน ว่าทีพ่ ดู ออกไปนัน้ เป็นการปกป้องแซค หรือปกป้องตัวเอง “ข้าว่าเขาแค่ เป็นคนขี้โมโหน่ะ” อาอลิซหัวเราะ แต่ที่หลุดออกมาแทบไม่แตกต่างจากเสียงไอ “เหรอ...ขี้โมโหเหรอ? มันก็เหมือนกันนั่นแหละ” นางผลักมือของข้าที่ พยายามส่งกุญแจดอกนั้นคืนอย่างไม่อดทนอีกต่อไป ในที่สุดข้าก็รับมันมา และแม้ว่าจะเอาซ่อนไว้ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือน ได้ยอมรับ แม้จะกับตัวเองเพียงล�ำพังก็ตาม เมื่อยืนอยู่ด้วยกันตรงหลุมฝัง ศพ ข้าลอบมองหน้าแซคซึ่งหยีตาอยู่ใต้แสงแดดที่แผดกล้า แล้วก็รู้ได้ว่าคง อีกไม่นาน พ่อของเราเพิ่งตายไปเมื่อคืน แต่ตอนนี้ข้ารับรู้ได้ว่ามีอะไรบาง อย่างเปลี่ยนแปลงไปในใจของผู้เป็นคู่แฝด ความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปในใจ เขานั้นเปรียบเหมือนกุญแจขึ้นสนิมซึ่งเมื่อถึงที่สุดก็ต้องหลุดผลัวะออกมา เป็นความรูส้ กึ เดียวกับความพอใจ ความรูส้ กึ เดียวกันกับการตัดสินใจในบาง เรื่องที่เด็ดขาด แน่วแน่ เมื่อไม่มีพ่อ ทั้งบ้านก็เหมือนจะเต็มไปด้วยการรอคอย ข้าเริ่มฝัน ถึงตราโอเมก้า คืนนัน้ ข้าฝันว่าวางมือทาบลงบนหน้าผากของอาอลิซอีกครัง้ ในฝันนั้นตราบนหน้าผากของนางร้อนจนลุกไหม้ขึ้นมาลวกมือข้า
ฝังศพพ่อไปได้แค่เดือนเดียว วันหนึ่งข้าก็กลับบ้านมาพบเจ้า
หน้าที่จากสภาท้องถิ่นคนหนึ่งรออยู่ ขณะนั้นเป็นช่วงปลายฤดูร้อน หญ้า แห้งทีเ่ พิง่ ถูกตัดใหม่ๆ ทิม่ เท้าขณะเราเดินเหยียบย�ำ่ มัน ข้าเดินข้ามทุง่ มา พอ ขึ้นเนินจากริมตลิ่ง ก็เห็นท้องฟ้าแถวเหนือกระท่อมดูมัวๆ ด้วยควันไฟ ข้า นึกแปลกใจว่าท�ำไมจึงมีการก่อกองไฟในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ พวกเขารออยูข่ า้ งใน ทันทีทเี่ ห็นด้ามจับของแท่งเหล็กสีด�ำทีย่ นื่ พ้น กองไฟออกมา ข้าก็ได้ยนิ เสียงดังแฉ่ทเี่ กิดเพราะเหล็กร้อนทาบทับลงบนเนือ้ สดๆ ทีเ่ คยได้ยนิ มาแล้วหลายครัง้ จากในความฝัน ข้าหมุนตัวกลับ เตรียมวิง่ แต่มือของแม่นั่นเองที่เอื้อมมากระชากคว้าแขนข้าไว้แน่น 51
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
“คาส! นี่เจ้าหน้าที่จากสภา มาจากชายน�้ำด้านโน้น” ข้าไม่ได้ดิ้นรนอะไร สองตาจ้องแน่วนิ่งอยู่ที่ตราประทับที่เสียบอยู่ ในกองไฟ ขนาดของตราทีต่ รงปลายถูกเผาจนร้อนแดงจัดอยูท่ า่ มกลางก้อน ถ่านนัน้ ดูเล็กกว่าทีข่ า้ เคยเห็นในความฝัน ข้ามารูท้ หี ลังว่านัน่ เป็นเพราะมัน ถูกท�ำไว้ส�ำหรับใช้กับทารก “สิบสามปีเข้าไปแล้ว คาสซานดร้า ที่พวกข้าคอยเวลาแยกแกกับ คูแ่ ฝดของแก” ชายจากสภาพูด มือใหญ่โตสองข้างของเขาท�ำให้ขา้ นึกถึงพ่อ “นานเกินไป ที่แกคนใดคนหนึ่งอยู่ในที่ไม่ควรได้อยู่ ส่วนอีกคนก็ไม่ได้ไป โรงเรียน เราปล่อยให้พวกโอเมก้าอยูท่ นี่ ไี่ ม่ได้ ปล่อยให้หมูบ่ า้ นนีเ้ ปรอะเปือ้ น ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป โดยเฉพาะกับคู่แฝดคนที่เหลือ แกทั้งคู่ควรจะต้อง ได้ไปในที่ๆ เหมาะสมส�ำหรับพวกแก” “ที่นี่แหละ ที่เหมาะสม ก็นี่มันบ้านของเรา” ข้าเริ่มตะโกน แต่แม่ ร้องขัดขึ้นโดยเร็ว “แซคบอกแม่แล้วละคาส” จากนั้นชายจากสภาพูดซ้อนขึ้นมา “คู่แฝดของแกมาหาข้า” ตลอดเวลาเหล่านั้นแซคยืนหลบอยู่หลังชายคนนี้ ก้มหน้าเล็กน้อย แต่พอได้ยนิ ตรงนีเ้ ขาก็เงยขึน้ ข้าไม่รหู้ รอกว่าจะได้เห็นอะไรจากดวงตาคูน่ นั้ แต่คดิ ว่าน่าจะเป็นแววแห่งผูช้ นะ หรือจะเป็นส�ำนึกผิด แต่ปรากฏว่าแววจาก ดวงตาคู่นั้นก็ยังคงเป็นเหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด คือคุมเชิง ระมัดระวัง หรือแม้กระทั่งหวาดหวั่น แต่ความกลัวของตัวข้าเองนั่นแหละที่ท�ำให้ต้อง เหลือบไปมองทีต่ ราอันนัน้ ไล่จากด้ามยาวสีด�ำลงไปจนถึงปลายเหล็กทีก่ �ำลัง เป็นสีส้มสุกอยู่ในกองถ่าน “แล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ได้โกหก” ข้าถามชายจากสภา มันหัวเราะ “เขาจะมาโกหกเรื่องนี้ท�ำไม? แซคได้แสดงความกล้า หาญด้วยซ�้ำ” ว่าแล้วมันเดินเข้าไปที่เตาไฟ หยิบด้ามตรานั้นขึ้นมา เคาะๆ แท่งตราเข้ากับตะแกรงเหล็กสองครั้งอย่างช�ำนิช�ำนาญเพื่อให้ขี้เถ้าที่เกาะ อยู่หลุดออก 52
ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
“กล้าหาญรึ?” ข้าสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของแม่ ตัวแทนจากสภาก้าวออกมาจากเตา ชูตราในมือขึ้นสูง และข้าก็ ต้องแปลกใจที่แม่ไม่ได้คว้าตัวข้าไว้ หรือขยับตัวท�ำท่าจะคว้าในขณะข้าก้าว ถอยหลัง แต่คนจากสภานั่นแหละที่พุ่งเข้ามา เร็วชนิดที่ข้าคิดไม่ถึงว่ามันจะ เร็วได้ขนาดนั้น เพราะความที่มันเป็นคนตัวใหญ่ มันคว้าเข้าที่คอของแซค จากนัน้ ยันเขาไว้ตดิ ผนังด้านข้างเตาผิง ตราทีม่ คี วันลอยกรุน่ อยูใ่ นมืออีกข้าง ของมันถูกยกขึ้นมาตรงหน้าของแซค ข้าสะบัดหน้าไปมา เหมือนพยายามจะสะบัดให้เรื่องราวตรงหน้า นี่มันกลับเข้าที่เข้าทาง ตาของข้าสบกับของคู่แฝด บัดนี้ตราอันนั้นอยู่ใกล้ ใบหน้าเขามากเสียจนประกายของมันทาบสะท้อนให้เห็นแววจากดวงตาทัง้ คู่ ข้าได้เห็นประกายเยาะอย่างผู้ชนะ และนั่นท�ำให้ข้านึกชื่นชมเขาขึ้นมา เหมือนอย่างที่รู้สึกอย่างนั้นมาโดยตลอด คู่แฝดของข้า...ผู้กล้าหาญ ชาญฉลาด ผูส้ ามารถหักมุมหลอกล่อข้าได้ในทีส่ ดุ แล้วข้าเล่า? จะสามารถหลอก ล่อหักมุมให้เขาตกหลุม เป็นฝ่ายถูกประทับตราแล้วเนรเทศออกไปได้ละ หรือ? ข้าเองก็แทบจะยอมให้ตัวเองท�ำเช่นนั้น หากว่ามิได้มองเห็นว่า ภายใต้แววแห่งชัยชนะนั้นมีร่องรอยของความหวาดกลัวที่เห็นได้อย่างชัด เจนพอๆ กับตรานั่นเลย แม้ใบหน้าของข้าเองยังบิดเบี้ยวเหยเกตามไปด้วย เพราะพลังอันร้อนจัดที่จ่ออยู่ที่ใบหน้าเขา “เขาโกหก...ความจริงคือข้าเอง ข้าเป็นผูห้ ยัง่ รู”้ ข้าพูดออกไปด้วย น�้ำเสียงที่บังคับให้ฟังดูสงบ “เขารู้...ว่าข้าพูดความจริง” คนจากสภาหดมือที่ถือตราลง แต่ยังไม่ปล่อยตัวแซค “ในเมื่อรู้ว่ามันเป็นโอเมก้า แล้วท�ำไมไม่แจ้งเรา?” “ข้าพยายามแล้วตั้งหลายปี แต่ไม่มีใครเชื่อ” แซคว่า “และข้าก็ พิสูจน์ไม่ได้ ไม่เคยจับมันได้จะๆ” “แล้วตอนนี้จะรู้ได้ยังไง ว่าเชื่อเรื่องนี้ได้?” ในที่สุดมันกลับกลายเป็นเรื่องโล่งใจที่ข้าได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างออก 53
ไฟร์ เซอร์มอน : อัลฟ่า VS โอเมก้า
มา ได้เล่าว่าทีแรกภาพเหล่านั้นวาบเข้ามาเป็นช่วงๆ อย่างไรในตอนกลาง คืน และต่อมาแม้ในตอนกลางวัน ทัง้ ทีย่ งั ตืน่ อยูข่ า้ ก็เห็น เล่าถึงแสงสว่างวาบ ที่ค�ำรามกึกก้องถึงขนาดกระชากให้ผวาตื่น เล่าถึงที่บางครั้งข้ารู้ได้ล่วงหน้า ว่าจะมีอะไรเกิดขึน้ ไม่วา่ จะเรือ่ งกิง่ ไม้ใหญ่ทจี่ ะตก เรือ่ งตุก๊ ตาทีจ่ ะหาย หรือ แม้แต่เรื่องตราที่จะมาประทับ แม่กับคนจากสภาฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ มีแต่ แซคซึ่งรู้เรื่องเหล่านี้อยู่ก่อนแล้วเท่านั้น ที่ท�ำท่ากระสับกระส่าย และในทีส่ ดุ ชายจากสภาก็พดู ขึน้ “รูส้ กึ ว่าจะเล่าโน่นเล่านีเ่ ยอะเลย นะ...แกน่ะ ถ้าไม่ได้ท�ำยังงี้เพื่อพี่ชายละก็ แกก็คงยังเก็บเรื่องนี้ไว้หลอกล่อ พวกเราต่อไปสินะ” มันทิม่ ตราอันนัน้ กลับลงไปในกองถ่านอย่างแรง แรงเสีย จนมันครูดกับตะแกรงเหล็กจนเกิดประกาย “แกคิดจริงๆเหรอว่าตัวแกแตก ต่างจากพวกโอเมก้าโสมมนัน่ ?” ในขณะทีพ่ ดู นัน้ มันไม่ได้ละมือจากด้ามจับ ตรา “แกดีกว่าพวกมันก็อีแค่ตรงที่แกเป็นผู้หยั่งรูเ้ ท่านั้นล่ะ” มันดึงตรานั้น ออกมาจากกองไฟอีกครั้ง “เห็นนี่มั้ย?” มันหันมาคว้าคอข้าไว้ ตรานั้นอยู่ ห่างใบหน้าข้าแค่ไม่กนี่ วิ้ ถึงขนาดไหม้ชายหางเปียไปบ้างแล้ว ทัง้ กลิน่ เหม็น ไหม้และความร้อนท�ำให้ข้าต้องหลับตา “เห็นนี่มั้ย?” มันถามอีก ขณะมือ กวัดแกว่งตรานั้นอยู่ตรงหน้าสองตาที่ปิดแน่นของข้า “นี่แหละคือสิ่งที่แก เป็น” ข้าไม่ได้ส่งเสียงร้องตอนมันนาบตรานั้นลงมาบนหน้าผาก แต่ กลับได้ยนิ เสียงแซคค�ำรามอย่างเจ็บปวดแทน มือข้างหนึง่ กุมอยูท่ หี่ น้าอก ก�ำกุญแจดอกทีห่ อ้ ยซ่อนอยูเ่ อาไว้ ข้าก�ำมันแน่นเสียจนเมือ่ กลับขึน้ มาข้าง บนแล้วจึงได้เห็นว่ามันถึงขนาดกดเป็นรูปดอกกุญแจฝังอยูใ่ นอุง้ มือเลย
54