Timur Vermes เขียน ฉัตรนคร องคสิงห์ แปล
กลับมาแล้วครับ ER IST WIEDER DA ทีมูร์ แฟร์เมส เขียน ฉัตรคร องคสิงห์ แปล Originally published in Germany under the title ER IST WIEDER DA by Eichborn – A Division of Bastei Luebbe Publishing Group Copyright © 2012 by Bastei Lübbe AG Copyright arranged with EICHBORN – A Division of Bastei Lübbe AG Schanzenstrasse 6 – 20, 51063 Cologne, Germany Through Tuttle-Mori Agency Co.,Ltd. ALL RIGHTS RESERVED Copyrights for ER IST WIEDER DA © 2012 by Timur Vermes First published in Thailand in 2014 by Legend Books Publishing Co.,Ltd Thai Translation Copyright © by Chatnakorn Ongkasing พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พฤษภาคม 2557 ราคา 330 บาท หมวด วรรณกรรมแปล ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data ทีมูร์ แฟร์เมส. กลับมาแล้วครับ.-- กรุงเทพฯ : เลเจนด์, 2557 400 หน้า. 1. นวนิยายเยอรมัน. I. ฉัตรนคร องคสิงห์, ผู้เแปล. II. ชื่อเรื่อง. 830. ISBN 978-616-92052-0-3 บรรณาธิการบริหาร: เทพพิคฑูนญ์ เลิศฤทธิ์ธนะกุล บรรณาธิการและที่ปรึกษาส�ำนักพิมพ์: ฉัตรนคร องคสิงห์ บรรณาธิการเล่ม: วารยา ศุภศิริ พิสูจน์อักษร: ศุภฤกษ์ เทิงสูงเนิน รูปเล่มและศิลปกรรม: วราภรณ์ วงศ์อุรประเสริฐ ออกแบบปก: N.Paksanavin | Atelier EN ภาพปก: Johannes Wiebel | punchdesign, Munich ส�ำนักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์ 55/22 ซอยวิภาวดีรังสิต 27 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 085-169 7683 สั่งซื้อหนังสือ : LINE Account : LegendBooks Email : Legendbooks.publishing@gmail.com Facebook : www.facebook.com/legendbooks publishing พิมพ์ที่ บริษัท คอมแพคพรินท์ จ�ำกัด 549/44 ซอยยิ่งอ�ำนวย ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 0-2-864-4936 โทรสาร 0-2-864-4936 จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ชั้น 19 เลขที่ 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000
ส�ำนักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์
จากใจส�ำนักพิมพ์ กลางปี 2556 ส�ำนักพิมพ์ได้รับอีเมลล์เกี่ยวกับหนังสือสัญชาติ เยอรมันเล่มหนึ่ง แวบแรกที่สายตากวาดไปเห็นปก แถบสีด�ำขนาดใหญ่ พาดเฉียงบนปก ชื่อหนังสือ ER IST WIEDER DA ที่กระจุกอยู่ตรงกลาง (หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า HE IS BACK) ท�ำให้ภาพของผู้น�ำนาซี ชายผู้มีท้ังความโหดร้าย อ่อนโยน โง่เขลา มุทะลุดุดัน แวบขึ้นมา …. แน่ละว่านีต่ อ้ งเป็นหนังสือเกีย่ วกับ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แต่เกีย่ วยังไง น่าสนใจ ตรงไหน เพราะจะว่าไปแล้วหนังสือเกี่ยวกับชายผู้นี้มีอยู่มากมายใน ท้องตลาดแล้ว ข้อมูลที่แนบมาท�ำให้ทราบว่าหนังสือเล่มนี้คือนวนิยายว่าด้วย “ฮิตเลอร์ตื่นขึ้นมากลางลานโล่งในปี 2011 แล้วพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ใน บังเกอร์ ไม่มเี อวาภรรยาสุดทีร่ กั หรือเกิบเบิลส์ นายพลคูใ่ จ….” เพียงแค่นนั้ ท�ำให้ตอ่ มความอยากรูข้ องส�ำนักพิมพ์พงุ่ กระฉูดว่า เอ๊ะ แล้วเขาจะท�ำอะไร ต่อไป ชายที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เมื่อ 66 ปีที่แล้ว จะรับมืออย่างไรกับ ภาวะยุง่ เหยิงในโลกปัจจุบนั หลังจากทดลองอ่านต้นฉบับแล้ว และปรึกษา กับนักแปล (ฉัตรนคร องคสิงห์ ที่พักจากสารคดีสงคราม มาแปลนิยาย เป็นเล่มแรก) ส�ำนักพิมพ์ก็ตัดสินใจว่าขอประเดิมหนังสือเล่มแรก ด้วย กลับมาแล้วครับ เรื่องราวการตื่นฟื้นของทั่นฟือห์เรอร์ก็แล้วกัน ฮิตเลอร์ในฉบับของทีมูร์ แฟร์เมส อาจดูเป็นชายสูงวัย เงอะงะ น่าขบขันและไม่มีพิษภัย แต่เมื่อติดตามเรื่องเล่าของเขาไปเรื่อยๆ เราจะ พบว่าชายผู้นี้มีมันสมองอันปราดเปรื่อง รอบรู้เรื่องประวัติศาสตร์ เป็น นักทฤษฎีและนักกลยุทธ์ที่หาตัวจับได้ยาก ซึ่งนั่นท�ำให้ความหลงตัวเอง ความเป็นชาตินิยม และความเชื่อในเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์แห่งชาติพันธ์ุ ท�ำให้เขาอาจกลายเป็นคนที่อันตรายสุดๆส�ำหรับโลกในศตวรรษนี้ ทีมูร์ เขียนได้ราวกับจับเอาฮิตเลอร์ตัวเป็นๆ มานั่งอยู่ตรงหน้า ท�ำให้คนอ่าน
อย่างเราๆ เข้าใจทีม่ าทีไ่ ปของเรือ่ งราวในอดีต จนถึงขัน้ หวาดผวากับอนาคต เลยทีเดียว แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ออกจะเสียดสี ประชดประชัน และเปี่ยม ด้วยอารมณ์ขัน แต่ลึกลงไปกว่านั้น มันคือการสะท้อนความจริงของโลก ศตวรรษที่ 21 สงครามข้อมูลข่าวสารผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัยนั้น ทรงพลัง และอันตรายมากแค่ไหน Youtube สามารถท�ำให้คนธรรมดาๆ กลายเป็นดาราดังในชั่วข้ามคืน WWW ท�ำให้โลกทั้งใบหดลงมาใกล้กัน ในชัว่ พริบตา กระทัง่ หนังสือพิมพ์ นิตยสารหรือรายการทีวเี องก็เถอะ หาก เสพโดยขาดวิจารณญาณแล้ว นี่คือโฆษณาชวนเชื่อดีๆนี่เอง ฉะนั้นไม่ต้องจินตนาการ ก็พอจะนึกออกว่าการกลับมาของทั่น ฟือห์เรอร์ครั้งนี้…. โลกเราจะเปลี่ยนไปแบบใด
ส�ำนักพิมพ์เลเจนด์ บุ๊คส์
หมายเหตุ นวนิยายเล่มนี้มีหลายจุดที่คงค�ำศัพท์เยอรมันตาม ต้นฉบับ เพื่อให้ได้อรรถรถในสิ่งที่ฮิตเลอร์พูดและส�ำนักพิมพ์พยายาม ถอดเสียงค�ำในภาษาเยอรมันให้ใกล้เคียงที่สุด รวมถึงมีการท�ำเชิงอรรถ เกี่ยวกับชื่อ สถานที่ เหตุการณ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นชาวเยอรมัน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทที่ตัวละครก�ำลังอ้างถึง หากมี ข้อผิดพลาดประการใด ส�ำนักพิมพ์ขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณ และ พร้อมจะแก้ไขให้ถูกต้อง สามารถส่งค�ำถามหรือข้อติชมมาได้ที่ legendbooks.publishing@gmail.com
จากใจผู้แปล สิ่งหนึ่งที่รับประกันได้ของ กลับมาแล้วครับ เล่มนี้ ก็คือผู้เขียน ท�ำการค้นคว้ามาดีมาก เขาไม่ยอมพลาดเรือ่ งข้อเท็จจริงทางประวัตศิ าสตร์ ไม่มีทางที่ใครจะชี้นิ้วใส่เขาแล้วพูดได้ว่า “ฮิตเลอร์ตัวจริงไม่ใช่อย่างนี้” ยอดขายถล่มทลาย ที่ติดอันดับหนังสือขายดีท่ีสุดในเยอรมนี นานถึง 2 ปี กับยอดขายลิขสิทธิ์ กว่า 40 ประเทศทัว่ โลกคงช่วยยืนยัน เรือ่ งนี้ แต่ที่ยิ่งกว่านั้น ทีมูร์ แฟร์เมส ยังใช้จินตนาการได้อย่างเยี่ยมยอด! นักเขียนคนนี้ต้องเป็นคนเปี่ยมอารมณ์ขันที่นั่งคิดนอนคิดตลอด เวลา ว่านี่หากท่านฟือห์เรอร์มาเจอสถานการณ์ของโลกปัจจุบันเช่นนี้ๆ เขาจะมีปฏิกริ ยิ าตอบสนองอย่างไร จะพูดจาโต้ตอบว่าอย่างไร คิดพล็อตได้ ประเด็นหนึง่ แล้วก็คงต้องกลับไปหาข้อมูลประกอบ ว่าเมือ่ 80 ปีทแี่ ล้วนัน้ เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องท�ำนองเดียวกันนี้ไว้อย่างไร ในส่ วนของอาการแดกดันเสียดสี ที่ท ่านฟือห์เรอร์มีให้สังคม เทคโนโลยีสูงของโลกปัจจุบันนั้น แม้เป้าหมายเบื้องต้นจะอยู่ที่สังคม เยอรมนี แต่มุมมองของท่านฟือห์เรอร์ผู้กลับมา กลับใช้ได้กับทั้งโลกที่พา กันหัวซุกหัวซุน ‘ไฮเทค’ ยุทธวิธี ‘บลิทซ์ครีก’ ที่ท่านฟือห์เรอร์ใช้เมื่อ 80 ปีที่แล้วยังเปี่ยม ประสิทธิภาพ ทีเ่ ปลีย่ นไปอย่างเข้าสมัยมีแค่เครือ่ งไม้เครือ่ งมือ... จากฝูงบิน รบเป็นสัญญาณไวไฟ และจากกองพลยานเกราะที่เจาะทะลุทุกสมรภูมิ มาเป็นทัพ ‘อู-ตู๊บ’ อันเกรียงไกร! ปีนี้.. อดอล์ฟ ฮิตเลอร์... พบกับท่านบนหน้ากระดาษ แต่ปีหน้า... เขากลับมาบนแผ่นฟิล์ม! ฉัตรนคร องคสิงห์ มีนาคม 2557
ถึงผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน
นักเขียนชาวเยอรมันอย่างผมจะคุยอะไรดีกับผู้คนในประเทศที่ ตัวผมเองไม่ค่อยมีความรู้สักเท่าไหร่ ผมไม่รู้จักใคร ที่มาจากประเทศไทย เลยด้วยซ�้ำ ใช่แล้วครับ ผมยังไม่มีคนรู้จักที่เป็นชาวไทยเลยแม้แต่คนเดียว พร้อมกันก็ไม่มคี นไทยคนไหนรูจ้ กั ผมด้วยเหมือนกัน แต่ถงึ อย่างนัน้ ผมเชื่อว่าจะมีคนไทยใจดีสนใจซื้อหนังสือเล่มนี้นะครับ ขอบพระคุณล่วงหน้ามาเป็นอย่างสูง ณ ที่นี้ด้วยครับ ทีแรกเลยผมตั้งใจเขียนเรื่องนี้ส�ำหรับชาวเยอรมันครับ นั่นก็เพราะ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนที่อยู่บนปก พวกเราชาวเยอรมันมี ความคิดเห็นเกีย่ วกับผูช้ ายคนนีแ้ ตกต่างกันไป บางคนมองเขาเป็นมารร้าย บางคนมองเขาเป็นบุคคลที่โง่เขลา แต่ความคิดเหล่านั้นห่างไกลจากความ เป็นจริงพออยู่สมควร ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ท�ำให้พวกเขามองไม่ออกด้วยซ�้ำ ว่าคนที่อยู่บนหน้าปกนี้คือใคร ทั้ง ๆ ที่ผมทิ้งเค้าโครงเดิมไว้ทุกอย่างเท่าที่ จะท�ำได้ แต่บางทีนักอ่านชาวไทยอาจได้เปรียบชาวเยอรมันในประเด็นนี้ เพราะบางครั้งคนเราจะมองเห็นอะไรๆ ชัดขึ้นหากมองจากที่ไกลๆ บางที แต่ละอย่างที่คุณอ่านอาจท�ำให้รู้สึกแปลกใจมากกว่าชาวเยอรมันก็เป็นได้ และบางอย่างก็อาจท�ำให้รู้สึกผวากว่าด้วยซ�้ำ รู้สึกอย่างไร ช่วยบอกให้ผมรู้บ้างนะครับ ผมอยากรู้
ทีมูร์ แฟร์เมส มีนาคม 2014
ตัวละคร, สถานที่ และเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ ทัง้ หมดในบทประพันธ์นี้ เป็นเรื่องที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้น ความคล้ายคลึงของผู้มีตัวตนอยู่จริง บริษัท ห้างร้าน องค์กรต่างๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ และ/หรือปฏิกิริยาท่าที ของพวกเขาทีค่ ล้ายคลึงกับเรือ่ งทีเ่ กิดในบทประพันธ์นี้ ล้วนเป็นเหตุบงั เอิญ ทั้งสิ้น นั่นก็เพราะในความเป็นจริง เรามิอาจตัดความเป็นไปได้ออกโดย สิ้นเชิง ว่าบุคคลหรือองค์กรเหล่านี้จะมีการกระท�ำหรือวิธีปฏิบัติตัวที่ แตกต่าง และผู้ประพันธ์ใคร่ขอเน้นย�้ำว่า ไม่ว่า ซิกมาร์ กาบรีเอล หรือ เรเนท คือนาสต์ ต่างไม่เคยได้สนทนากับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
เข้าเรื่อง
ตื่นฟื้น น่าจะเป็นประชาชนชาวเยอรมันหรือที่เรียกว่า “โฟล์ค”1 นี่แหละ ทีท่ ำ� ให้ขา้ พเจ้าแปลกใจได้มากกว่าอืน่ ใดหมด ข้าพเจ้าได้ทำ� ทุกอย่างเท่าที่ มนุษย์จะพึงท�ำได้ในการท�ำลายพื้นฐานเพื่อจะมีสิ่งก่อสร้างใดๆ บน แผ่นดินนี้ในอนาคต ผืนแผ่นดินที่ข้าศึกเข้ามาท�ำเรื่องชั่วร้ายจนเสียความ ศักดิส์ ทิ ธิ์ ไม่วา่ จะเป็นสะพาน โรงไฟฟ้า ถนน ทางรถไฟ ข้าพเจ้าออกค�ำสัง่ ไปแล้วว่าทุกสิ่งต้องถูกท�ำลายจนสิ้นซาก นอกจากนั้น นับแต่มีการออก ค�ำสั่งนี้ไปในเดือนมีนาคม ข้าพเจ้ายังได้ติดตามตรวจสอบโดยตลอด ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่าค�ำสั่งนั้นชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว เช่นว่าระบบทั้งหมดที่ใช้ ในการส่งก�ำลังบ�ำรุงต้องถูกท�ำลายรื้อถอน ไม่ว่าจะเป็นประปา โทรศัพท์ แหล่งทรัพยากร โรงงาน สถานที่ปฏิบัติการ ไร่นา ทรัพย์สินมีค่าทุกสิ่ง ทุกอย่าง – ทุกอย่าง – นี่ข้าพเจ้าหมายถึง ‘ทุกอย่าง’ จริงๆ! ต้องมีการ ด�ำเนินการในเรื่องเหล่านี้อย่างระมัดระวังเที่ยงตรง ค�ำสั่งให้ปฏิบัติการ ในเรื่องเช่นนี้ต้องชัดเจนไม่ให้เหลือข้อสงสัยหรือค�ำถามใดๆ ได้ เพราะเรา ต่างรูด้ อี ยูว่ า่ ส�ำหรับทหารชัน้ ผูน้ อ้ ยในแนวหน้า ซึง่ นอกจากเฉพาะหน่วยที่ ตนประจ�ำอยู่แล้ว ย่อมเข้าใจได้ว่าจะขาดความรู้ความเข้าใจในภาพของ 1
กลับมาแล้วครับ
Volk เป็นภาษาเยอรมัน หมายถึง ราษฎร ประชาชาติ พลเมือง ซึง่ ในบริบท ที่ฮิตเลอร์ใช้จะเป็นการเน้นย�้ำว่าหมายถึงชาวเยอรมัน “แท้ๆ”
11
กลับมาแล้วครับ
12
สถานการณ์โดยรวม ขาดความรู้ในเชิงยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่จ�ำเป็น เป็น ทหารแบบทีจ่ ะเดินเข้ามาถามว่า “ผมต้องเผาสิง่ นี.้ . (สมมุตวิ า่ เป็นป้อมยาม ป้อมนี้..) ด้วยหรือไม่? เราปล่อยมันไว้ให้ข้าศึกมายึดเอาไม่ได้หรือ? มันจะ ย�ำ่ แย่ขนาดนัน้ จริงๆ หรือ หากว่าป้อมนีต้ กอยูใ่ นความยึดครองของข้าศึก?” ย�ำ่ แย่? แน่นอนสิวา่ มันต้องย�ำ่ แย่! ก็พวกข้าศึกอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ไม่ใช่รึ? ดังนั้นพวกมันก็จะต้องใช้ป้อมยามนี่ให้เป็นประโยชน์ หันมาใช้ ป้อมยามนี่เพื่อต่อต้านเรา ทุกสิ่งที่ข้าศึกยึดเอาไปได้ จะถูกน�ำมาต่อต้าน ฝ่ายเราเอง สินทรัพย์ทกุ อย่างของเรา ขอย�ำ้ อีกครัง้ หนึง่ ว่าสินทรัพย์ทงั้ หมด จะต้องถูกท�ำลาย ไม่ใช่แค่ตัวอาคารบ้านเรือนแต่รวมถึงบานประตู มือจับ บานประตู น็อตหรือตะปูควงซึง่ ไม่ใช่เฉพาะตะปูตวั ยาวๆ ด้วย ทีจ่ ะต้องถูก ถอนออกมาแล้วฟาดเสียให้งอหงิก ส่วนบานประตูนั้นเล่าจะต้องถูกทุบ จนป่นเป็นขี้เลื่อย แล้วเผาให้เป็นถ่าน เพราะถ้าไม่ท�ำเช่นนี้พวกข้าศึกจะ ไม่มที างปรานีเรา พวกมันจะพากันมาเดินเข้าเดินออกผ่านบานประตูเหล่านี้ ตามอ�ำเภอใจ แต่การที่เราจะจัดการให้มือจับประตูเหล่านี้หักพัง ตะปู กลายเป็นเศษเหล็กหักงอทีก่ องเป็นพะเนินเทินทึก ฮ่ะ..นายเชอร์ชลิ ล์เอ๋ย.. เชิญเถอะ.. เชิญมาเลย! ไม่วา่ จะมองยังไง สิง่ เหล่านีก้ ค็ อื ผลลัพธ์อนั เหีย้ มโหด ของสงคราม เรื่องนี้ข้าพเจ้ารับรู้อยู่โดยตลอด ดังนั้นค�ำสั่งที่ให้ออกไปจึง ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น แม้ว่าที่มาของค�ำสั่งจะแตกต่างก็ตาม จะอย่างไรก็ตาม ประการแรกก็คือ…. ข้าพเจ้าไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่าประชาชาติเยอรมันได้พิสูจน์ ตัวเองอย่างถึงที่สุดแล้ว ว่าด้อยกว่าในเรื่องของการแสดงความกล้าหาญ ต่อต้านพวกอังกฤษ พวกบอลเชวิค (คอมมิวนิสต์) พวกลัทธิจักรวรรดินิยม และก็เพราะเหตุนนั้ (ซึง่ ข้าพเจ้าก็จะไม่มวั พูดจาอ้อมค้อม รักษาน�ำ้ ใจอยูล่ ะ) จึงจ�ำต้องถูกริบเอาความเป็นอยูใ่ นอนาคต ลดให้เหลือเท่ากับระดับดัง้ เดิม ทีส่ ดุ ให้เท่ากับคนป่าทีล่ า่ สัตว์หากินไปวันๆ ดังนัน้ จึงหมดสิทธิท์ จี่ ะใช้ระบบ ประปา สะพานและถนน รวมทัง้ มือจับประตูดว้ ย นีค่ อื เหตุผลของการออก ค�ำสัง่ นีข้ องข้าพเจ้า ต้องมีการบอกไว้ดว้ ยว่าเหตุผลส่วนหนึง่ ทีข่ า้ พเจ้าออก
ค�ำสั่งนี้ ก็เพื่อความละเอียดรอบคอบอันสมบูรณ์ เพราะยามใดที่ข้าพเจ้า ออกไปเดินเล่นข้างนอกส�ำนักนายกรัฐมนตรีแห่งอาณาจักรไรช์ ข้าพเจ้าก็ จะต้องยอมรับว่าพวกอเมริกนั กับอังกฤษซึง่ ต่างก็มปี อ้ มบิน2 ท�ำให้เราเบาใจ จากภารกิจอันส�ำคัญหนักหนานั้น ตามธรรมดา หลังจากมีการออกค�ำสั่ง ไปแล้ว ข้าพเจ้าก็จะมิได้คอยติดตามเฝ้าดูในรายละเอียดว่าเรื่องราวนัน้ ๆ ได้ถูกน�ำไปปฏิบัติอย่างไร เพราะผู้รับค�ำสั่งจะทราบดีอยู่ว่าข้าพเจ้ายังมี สิ่งอื่นๆ ต้องท�ำอีกมากมายเพียงไหน ไม่ว่าจะเป็นการปลุกปล�้ำกับฝ่าย อเมริกนั ทางด้านตะวันตก ต้านทานพวกรัสเซียทางตะวันออก วางแผนเพือ่ ความคืบหน้าของเยอร์มาเนีย อันจะเป็นเมืองหลวงของโลก ดังนั้นในความ เห็นของข้าพเจ้า เวียร์มัคท-กองก�ำลังทหารเยอรมัน3 จึงควรจะสามารถ รับมือกับมือจับประตูใดๆ ที่เหลืออยู่ได้ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นชัดอยู่ในขณะนี้ก็คือ มันยังอยู่! เป็นเรื่องที่ยากแก่การท�ำความเข้าใจ กับอีกเรื่อง.. ตัวข้าพเจ้าเองก็ยังอยู่ตรงนี้ด้วย และข้าพเจ้าไม่อาจ เข้าใจเรื่องนี้ได้เช่นกัน!
2
เครื่องบินทิ้งระเบิด 4 เครื่องยนต์
Wehrmacht หมายถึงกองก�ำลังทหารเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทหารที่สังกัดจะเป็นทหารราบ แตกต่างจาก Waffen SS ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ถือ ก�ำเนิดมาจากหน่วยองครักษ์ประจ�ำตัวฮิตเลอร์ เป็นหน่วยทหารที่ชื่อว่ามีวินัย มีประสิทธิภาพในการรบสูงสุดหน่วยหนึ่งของกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2
3
กลับมาแล้วครับ
13
บทที่ 1
จ�ำได้วา่ ตัวเองตืน่ ขึน้ มาในเวลาซึง่ น่าจะเป็นบ่ายต้นๆ ลืมตาขึน้ เห็น ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า มีกลุ่มเมฆลอยอยู่บางๆ รู้สึกว่าอากาศอุน่ ซึง่ ข้าพเจ้ารับรู้ ได้ในทันทีวา่ อุน่ เกินไปส�ำหรับเดือนเมษายน แทบจะเรียกได้ว่าร้อน ตรงนั้น ค่อนข้างเงียบ ข้าพเจ้าไม่เห็นเครื่องบินของข้าศึกที่ดา้ นบน หรือได้ยนิ เสียง ค�ำรามของกระสุนปืนใหญ่ ดูเหมือนไม่มีการระดมยิงด้วยปืนใหญ่หรือ เครือ่ งยิงระเบิด ไม่มเี สียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศ และทีท่ ำ� ให้องึ้ ก็คอื ไม่มีส�ำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งยังไม่มีฟือห์เรอร์บังเกอร์4 อีกด้วย ข้าพเจ้าหัน ไปมองอีกด้านและพบว่าตัวเองนอนอยูบ่ นพืน้ ทีท่ ถี่ กู ทิง้ ให้รกร้าง ล้อมรอบ ด้วยระเบียงบ้านหลายหลัง คงจะมีเด็กๆ ซุกซนเที่ยวได้เอาสีมาละเลง ก�ำแพงอิฐตรงโน้นตรงนีไ้ ว้ อันท�ำให้ขา้ พเจ้านึกโมโหขึน้ มาและตัดสินใจในทันที ว่าต้องเรียกผู้บัญชาการกองเรือรบโดนิทซ์5 เข้ามาพบ ข้าพเจ้าเองยังอยู่ใน อาการครึง่ หลับครึง่ ตืน่ และคิดว่าโดนิทซ์กค็ งนอนอยูต่ รงไหนสักแห่งใกล้ๆ กันนี้ แต่แล้วความมีวินัยและการใช้เหตุใช้ผลก็เข้ามาเป็นใหญ่ ข้าพเจ้าเร่ง ท�ำความเข้าใจกับสถานการณ์อันประหลาดพิกลนี้ และพบว่าตัวเองไม่ได้ หมายถึงหลุมหลบภัยทางอากาศทีต่ งั้ อยูใ่ กล้กบั ส�ำนักนายกรัฐมนตรี ในกรุง เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หลุมหลบภัยนี้เป็นศูนย์บัญชาการสุดท้ายของฮิตเลอร์ ซึ่งเขาเข้าไปหลบภัยตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 1945
กลับมาแล้วครับ
14
4
คาร์ล โดนิทซ์ (Karl Dönitz) ผู้บัญชาการเรือรบ อู-โบ๊ท และในภายหลัง ได้รับสืบทอดต�ำแหน่งต่อจากฮิตเลอร์
5
นอนอยู่ในป้อมค่าย ความคิดแวบแรกคือ “เมือ่ คืนเราไปท�ำอะไรมา?” แต่แน่นอนอยูแ่ ล้ว ว่าข้าพเจ้าไม่ดื่มเหล้า ดังนั้นจึงตัดไปได้เลยในเรื่องที่ว่าอาจจะเป็นเพราะ เมาหนักเกินไป สิง่ สุดท้ายทีน่ กึ ออกก็คอื ตัวเองนัง่ อยูบ่ นโซฟากับเอวา6 เป็น โซฟาตัวยาว ยังจ�ำได้ดว้ ยว่าตัวข้าพเจ้า หรือเราทัง้ สองคนค่อนข้างสบายใจ นั่ น ก็ เ พราะข้ า พเจ้ า ได้ ตั ด สิ น ใจวางเรื่ อ งงานของชาติ ไว้ เ สี ย ข้างหนึ่ง เย็นนั้นเราไม่ได้คิดจะท�ำอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็แน่ๆ ว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ออกไปหาอาหารรับประทานที่ภัตตาคาร หรือไปดูภาพยนตร์ นั่นต้อง นับเป็นเรื่องบันเทิงอันจะหาได้ยากมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะผลจาก ค�ำสั่งของข้าพเจ้าเอง ก็จะให้แน่ใจได้อย่างไรว่าสตาลินจะไม่กรีธาทัพ เข้าเมืองมาภายใน 2-3 วันข้างหน้า? สงครามเดินมาถึงจุดนี้แล้ว การจะ เกิดเรือ่ งอย่างนีไ้ ด้ไม่ใช่สงิ่ ทีใ่ ครควรมองข้ามไปเสีย แต่สงิ่ หนึง่ ทีแ่ น่นอนว่า เขาไม่นา่ จะได้พบคือสภาพของบ้านอย่างทีเ่ ขาได้พบทีส่ ตาลินกราด ข้าพเจ้า จ�ำได้วา่ คุยกับเอวาอยูส่ กั พัก จากนัน้ เอาปืนพกกระบอกเก่าออกมาให้เธอดู แต่พอตืน่ ขึน้ มาครัง้ นี้ ข้าพเจ้ากลับนึกรายละเอียดอะไรต่อจากนัน้ ไม่ออกเลย อย่างเรื่องเกี่ยวกับอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่ข้าพเจ้าต้องเจอนี่ก็ไม่มี ความพยายามปะติดปะต่อเรือ่ งราวต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในคืนก่อนหน้าไม่ได้ชว่ ย ให้นึกอะไรได้บ้างเลย ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อ ให้สถานการณ์อยู่ในความควบคุม ตลอดทั้งชีวิตข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะเฝ้า สังเกต ไตร่ตรอง ใส่ใจแม้รายละเอียดจุดเล็กทีส่ ดุ ซึง่ คนส่วนมากจะให้ความ สนใจเพียงน้อยนิดหรือไม่ก็มองข้ามไปเลย ต้องขอบคุณช่วงเวลาหลายปี ของการใช้ชีวิตภายใต้กฎเหล็ก ซึ่งสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าในช่วง เวลาแห่งความวิกฤตนั้น ข้าพเจ้ากลับยิ่งสงบ มั่นคง มีเหตุมีผล ประสาท 6
กลับมาแล้วครับ
เอวา เบราน์ (Eva Braun) ภรรยาของฮิตเลอร์ พวกเขาสมรสกันในบังเกอร์ ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน 1945 ก่อนที่ทั้งคู่จะ (ว่ากันว่า) ฆ่าตัวตาย
15
สัมผัสในการพินิจพิเคราะห์ยิ่งเฉียบคม ข้าพเจ้าจะท�ำงานได้อย่างสงบ ไม่หวั่นไหวแต่แม่นย�ำราวตัวเองเป็นเครื่องจักรกล สามารถปะติดปะต่อ และสังเคราะห์ข้อมูลข่าวสารในกรอบแบบแผน เพื่อน�ำมาใช้ให้เป็น ประโยชน์ได้ทุกเมื่อ ข้าพเจ้านอนอยู่บนพื้น มองไปรอบๆ เห็นเศษขยะ ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่ข้างตัว เห็นต้นหญ้าและวัชพืช เห็นพุ่มไม้หน้าตา แปลกๆ เห็นต้นเดซี่และแดนดิไลออน นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงตะโกน ซึ่งแสดงว่าต้องมีคนอยู่ไม่ไกลออกไปนัก เสียงลูกบอลกระเด้งกระทบพื้น อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าพเจ้ามองไปทางทิศที่มาของเสียงเหล่านี้ เป็น เด็กหนุ่มๆ ที่รวมตัวเล่นฟุตบอลกันอยู่นั่นเอง ไม่ใช่เด็กชายตัวน้อยๆ แต่ก็ ดูเหมือนยังเด็กเกินกว่าจะเป็น โฟล์คสตัวร์ม7 ได้ ข้าพเจ้าว่าพวกนีน้ า่ จะสังกัด หน่วยยุวชนฮิตเลอร์ แม้จะเห็นๆ อยู่ว่าไม่ได้ก�ำลังปฏิบัติหน้าที่ ดูเหมือน ว่าขณะนั้นข้าศึกคงจะพักการโจมตี นกตัวหนึ่งกระโดดหยองๆ จากกิ่งนี้ สูก่ งิ่ โน้นอยูบ่ นต้นไม้ ส่งเสียงทีฟ่ งั ได้ทงั้ แหลมรัวหรือเหมือนขับขานออกมา เป็นดนตรี คนส่วนใหญ่คงมองผาดว่านัน่ เป็นอาการทีแ่ สดงว่ามันมีความสุข แต่ในสถานการณ์ทไ่ี ม่แน่นอนเช่นนี้ ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านธรรมชาติของโลกและ ด้านการต่อสู้ที่ต้องท�ำเพื่อความอยู่รอดอยู่เป็นประจ�ำจะใช้ข้อมูลทุกเศษ เสี้ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใด แล้วอนุมานว่าต้องไม่มีนักล่า ปรากฏตัวอยู่แถวนั้น ข้างๆ ศีรษะของข้าพเจ้านี่เองมีแอ่งน�้ำเล็กๆ ที่ ดูเหมือนก�ำลังเหือดแห้ง คงจะมีฝนตกเมื่อหลายวันมาแล้ว หมวกทรง หม้อตาลของข้าพเจ้าวางอยูต่ รงขอบแอ่งน�ำ้ นัน่ นีแ่ หละคือการท�ำงานของ จิตที่ผ่านการฝึกแล้ว เพราะแม้ในช่วงเวลาแห่งความสับสนเช่นขณะนี้ มันก็ยังท�ำงานดังนั้น
โฟล์คสตัวร์ม คือทหารกองหนุนแห่งชาติเยอรมัน (ชายวัย 16-60 ปี) ซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยทหารใดๆ ก่อตั้งขึ้นในเดือนสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สอง กองก�ำลังนี้ไม่ได้ก่อตั้งขึ้นโดยกองทัพเยอรมันดังเช่นธรรมเนียมปฏิบัติ ทว่าก่อตั้งโดย พรรคนาซีภายใต้การควบคุมของฮิตเลอร์ ในเดือนตุลาคม ปี 1944
กลับมาแล้วครับ
16
7
กลับมาแล้วครับ
ข้าพเจ้าลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ยากล�ำบาก ขยับสองขา สองมือแล้วไล่ ไปตามนิว้ ดูเหมือนไม่ได้รบั บาดเจ็บอะไร สภาพร่างกายนับว่าดีทเี ดียว แต่ ศีรษะที่ปวดนีต่ อ้ งนับว่าย�่ำแย่ แม้กระทั่งอาการมือสัน่ ทีท่ ำ� ให้รำ� คาญมาก ก็ดูเหมือนจะจางไปแล้ว เมื่อมองตามตัวก็พบว่าข้าพเจ้าสวมเครื่องแบบ ทหารอยู่เต็มยศ เสื้อตัวนอกดูสกปรกนิดหน่อย แต่ไม่ถึงขนาดหนักหนา อะไร อันท�ำให้ตัดข้อสงสัยที่ว่าข้าพเจ้าอาจจะถูกฝังทั้งเป็นออกไปได้ ข้าพเจ้ายังอาจแยกแยะได้ว่าไหนคือรอยเปื้อนโคลน ไหนคือรอยเศษ ขนมปังหรือขนมเค้ก เสือ้ ผ้ามีกลิน่ เหม็นน�ำ้ มัน อาจจะเป็นกลิน่ เบนซินก็ได้ เอวาอาจจะใช้น�้ำยาแช่ผ้ามากไปหน่อยในการท�ำความสะอาดมัน กลิ่นที่ ลอยขึ้นมาจึงราวกับว่าเธอเทน�้ำยาทั้งขวดลงมาบนตัวข้าพเจ้าเลยทีเดียว ตัวเธอไม่อยู่ตรงนี้ และดูเหมือนไม่มีใครในคณะเสนาธิการของข้าพเจ้าอยู่ ในบริเวณใกล้เคียงนีเ้ ช่นกัน ขณะก�ำลังปัดรอยเปือ้ นทีป่ รากฏชัดอยูบ่ นด้าน หน้าของตัวเสื้อคลุมและแขนเสื้อ ก็ได้ยินเสียงคนพูด “เฮ้ย.. มาดูอะไรนี่!” “ว้าว..ไอ้ตัวน่าขายหน้า!” สภาพของข้าพเจ้าคงจะดูเหมือนต้องการความช่วยเหลือ และเหล่า ยุวชนฮิตเลอร์ผู้น่าชมเชยทั้ง 3 นี่ก็คงคิดเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะแสดง กิริยาไม่ถูกต้องกับผู้บังคับบัญชาระดับข้าพเจ้า พวกเขาหยุดเล่นแล้วเดิน เข้ามาหาอย่างสุภาพเรียบร้อย ก็เข้าใจได้หรอก ที่จู่ๆ ก็พบว่าตัวเองก�ำลัง อยู่ตรงหน้าท่านฟือห์เรอร์แห่งอาณาจักรไรช์ ซึ่งมาอยู่ในท่ามกลางดง ดอกเดซี่และแดนดิไลออนบนพื้นที่รกๆ ซึ่งปกติเป็นที่ใช้เล่นกีฬาหรือฝึก ก�ำลังกาย เป็นเรื่องไม่ปกติที่จะเกิดกับชีวิตของเด็กหนุ่มที่ยังโตไม่เต็มวัย ด้วยซ�ำ้ กระนัน้ กองทหารหน่วยเล็กๆ นีก้ เ็ ร่งรีบกันเข้ามาราวสุนขั เกรฮาวด์ กระตือรือร้นให้ความช่วยเหลือ ยุวชนคืออนาคตของเรา! เด็กหนุม่ ทัง้ 3 เข้ามายืนออกันอยูร่ อบตัวข้าพเจ้า แต่ยงั รักษาระดับ ห่าง หลังจากกวาดตาส�ำรวจข้าพเจ้าอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มคนตัวสูงที่สุด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าต้องเป็นผู้น�ำหน่วยก็พูดขึ้นว่า
17
“ทั่น.. เป็นไรรึเปล่า?” แม้จะเข้าใจค�ำถามนั้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี ว่าไม่มีการ ท�ำความเคารพแบบนาซี และคิดว่าค�ำเรียกขานที่สับสนระหว่างค�ำ ‘ทั่น’ กับ ‘ฟือห์เรอร์’ นั้นอาจจะเป็นเพราะความแปลกใจกับสถานการณ์ ตรงหน้า ถ้าเป็นในสถานการณ์ทนี่ า่ สับสนน้อยกว่านี้ ก็อาจถือเป็นเรือ่ งตลก แบบไม่ตั้งใจได้ จะอย่างไรก็เถอะ ก็ใช่ว่าเรื่องตลกที่เหลวไหลจะไม่เกิดขึ้น อย่างในรูปแบบของพายุเหล็กที่เข้าถล่มสนามเพลาะของเราไม่หยุดยั้ง นั่นไง แต่แม้จะในสถานการณ์แบบไม่ปกติก็เถอะ ทหารจะต้องมีการตอบ สนองแบบอัตโนมัติ นีค่ อื ระเบียบว่าด้วยการฝึกฝน หากทหารขาดปฏิกริ ยิ า ตอบสนองอันเป็นอัตโนมัติ กองทัพก็ไม่มีคุณค่าอะไรเลย ข้าพเจ้าลุกยืน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย อาจเป็นเพราะนอนอยู่ตรงนั้นมาสักพักหนึ่งแล้วก็เป็นได้ ขยับเสื้อคลุม พยายามตบๆ เอาฝุ่นออกจากกางเกง จากนั้นกระแอมเล็ก น้อยก่อนตั้งค�ำถามกับคนที่เป็นหัวหน้าหน่วย “บอร์มันน์8 อยู่ที่ไหน?” “ใครนะ?” อะไรกันนี่! “บอร์มันน์ มาร์ติน!” “ม่ายรุนายพูดถึงใคร” “ไม่เคยได้ยินชื่อ” “หน้าตาเป็นไง?” “ก็เหมือน ไรช์สไลเตอร์- รองผู้น�ำอาณาจักรไรช์ นั่นแหละ.. พับผ่าซี!” อะไรสักอย่างก�ำลังผิดพลาดอย่างมาก เห็นได้ชดั ว่าข้าพเจ้ายังอยูใ่ น
มาร์ติน บอร์มันน์ (Martin Bormann) เลขานุการส่วนตัวของฮิตเลอร์ และเป็นหนึง่ ในบุรษุ ทีท่ รงอิทธิพลทีส่ ดุ ในพรรคนาซี บางคนถึงขนาดยกย่องว่าเขาเป็น เบอร์สองรองจากฮิตเลอร์ บอร์มันน์จะติดสอยห้อยตามท่านผู้น�ำเสมอ และเป็นคน ใกล้ชิดที่ฮิตเลอร์ไว้วางใจมากที่สุดคนหนึ่ง
กลับมาแล้วครับ
18
8
กลับมาแล้วครับ
เบอร์ลิน แต่ดูเหมือนจะถูกปลดออกจากกลไกของรัฐเสียสิ้น ต้องกลับไป ฟือห์เรอร์บังเกอร์โดยด่วนเลย เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มที่ล้อมรอบตัวอยู่ เหล่านีไ้ ม่สามารถช่วยอะไรได้ สิง่ แรกทีต่ อ้ งท�ำคือหาทีต่ งั้ ของตัวเองให้ได้กอ่ น พืน้ ทีท่ ไี่ ม่มจี ดุ สังเกตอะไรทีข่ า้ พเจ้ายืนอยูข่ ณะนีอ้ าจเป็นจุดใดจุดหนึง่ ของ ตัวเมืองก็ได้ ดังนั้นต้องออกไปที่ถนน ในช่วงเวลาแห่งการหยุดยิงที่ ยืดเยื้อเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนเดินผ่านไปผ่านมา มีพวกคนงานและ คนขับรถรับจ้างที่จะช่วยชี้บอกทางได้ คาดว่าความต้องการของข้าพเจ้าคงไม่ท�ำให้ยุวชนฮิตเลอร์เหล่านี้ สนใจมากพอ เพราะพวกเขาท�ำท่าเหมือนอยากกลับไปเล่นฟุตบอลเสียแล้ว คนที่ตัวสูงที่สุดหันไปหาเพื่อนๆ เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้อ่านชื่อของเขา ที่แม่ปักไว้ให้บนเสื้อกีฬาสีสดตัวนั้น “ยุวชนฮิตเลอร์โรนัลโด! ต้องไปทางไหนถึงจะออกถนนได้?” แต่ท่าทีของเขาดูไม่กระตือรือร้นจะสนองตอบเอาเสียเลย ข้าพเจ้า ไม่อยากพูดว่ายุวชนหน่วยนีไ้ ม่สนใจข้าพเจ้าเอาเลยด้วยซ�ำ้ แม้วา่ คนตัวสูง จะค่อยๆ เดินลากเท้าผ่านเพื่อนอีก 2 คน แล้วชี้ๆ ไปทางทิศหนึ่งของที่ดิน รกร้างผืนนัน้ เมือ่ จ้องมองตามไปจึงเห็นว่าความจริงมีถนนสายใหญ่อยูท่ าง ทิศนั้น ข้าพเจ้าหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องปลดรัสต์ออกจากต�ำแหน่ง เขาคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแห่งปี ค.ศ.1934 แต่แวดวง การศึกษาไม่อาจมีที่ว่างให้เรื่องสะเพร่าสุกเอาเผากินอย่างเหลือประมาณ ขนาดนี้ได้ ก็ทหารหนุ่มๆ จะหาหนทางไปเอาชัยที่มอสโควซึ่งเป็นดวงใจ ของลัทธิบอลเชวิกได้อย่างไร หากเขายังจ�ำผู้บัญชาการสูงสุดของตัวเอง ไม่ได้ด้วยซ�้ำ? ข้าพเจ้าก้มลงหยิบหมวก สวมลงบนศีรษะ จากนัน้ เดินตัวตรงอย่าง มุ่งมั่นไปทางทิศที่เด็กหนุ่มนั่นชี้บอก เดินไปถึงตรงมุม ผ่านเข้าไประหว่าง แนวก�ำแพงสูงๆ ลงไปตามทางเดินแคบๆ มุง่ หน้าสูถ่ นนทีด่ สู ดใสเจิดจ้า แมว ขนหลากสีท่าทางขี้ขลาดเนื้อตัวเปรอะเปื้อนตัวหนึ่งวิ่งผ่านไปบนก�ำแพง ข้าพเจ้าเดินต่อไปอีกสัก 4-5 ก้าวก็พบว่าตัวเองออกมาถึงถนน ทัง้ แสงและ
19
สีที่พุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงท�ำเอาข้าพเจ้าถึงกับลืมหายใจไปชั่วครู่ จ�ำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้เห็นนั้น ตัวเมืองปกคลุมไปด้วยฝุ่นในสภาพ ย�่ำแย่หนักหน่วง ส่วนสีก็เป็นสีเทาเหมือนชุดสนาม มีเศษหินเศษปูนกอง สูงพะเนิน สภาพความเสียหายปรากฏให้เห็นอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่ ปรากฏอยู่ตรงหน้า ณ ขณะนี้ช่างแตกต่างอย่างยิ่ง ปราศจากกองเศษซาก ให้ เ ห็ น หรื อ อย่ า งน้ อ ยก็ มี ก ารขนย้ า ยออกไปจนถนนโล่ ง แต่ ก ลั บ มี ยานพาหนะสีสดอยู่มาก ไม่ใช่สิ..มีมากมายจนนับไม่ถ้วนต่างหาก พาหนะ เหล่านีม้ อี ยูท่ ง้ั สองฟากถนน ดูเหมือนว่าอาจจะเป็นรถยนต์ แต่ดคู นั เล็กกว่า และยั ง ดู มี ค วามก้ า วหน้ า ทางเทคโนโลยี จ นท� ำ ให้ นึ ก สงสั ย ว่ า โรงงาน เมสเซอร์ชมิตต์9 คงเข้ามาเป็นผู้น�ำในการออกแบบเป็นแน่แท้ บ้านเรือน ถูกทาสีไว้ใหม่ๆ หลากหลายสีสัน อันท�ำให้นึกถึงร้านขายลูกกวาดในสมัย ทีย่ งั เป็นเด็ก ขณะนัน้ ข้าพเจ้าเริม่ รูส้ กึ มึนๆ วิงเวียนขึน้ มานิดหน่อย สายตา จึงกวาดหาสิ่งคุ้นเคย ที่สุดปลายทางด้านโน้นของเส้นทางขนส่ง ข้าพเจ้า เห็นม้านั่งโกโรโกโสตัวหนึ่งอยู่บนทางเดินที่ปูด้วยต้นหญ้า จึงเสี่ยงเดิน ต่อไปอีก 2-3 ก้าว ซึ่งข้าพเจ้ายอมรับอย่างไม่อับอายว่าย่างก้าวเหล่านั้น เป็นไปอย่างไม่มนั่ ใจ จากนัน้ ข้าพเจ้าได้ยนิ เสียงเหมือนระฆัง เสียงยางครูด เบียดบนยางราดถนน จากนั้นเป็นเสียงใครสักคนตะโกนใส่ “เฮ้ย! ระวังหน่อย! ตาบอดรึไง!?” “ข้าพ..เอ่อ..ฉันต้องขอโทษอย่างมาก..” ข้าพเจ้าพูดออกไปโดยที่ ตัวเองยังอยู่ในอาการทั้งตัวสั่นแต่ก็โล่งใจ สิ่งที่มาหยุดอยู่ด้านข้างคือ จักรยานคันหนึง่ เป็นวัตถุทขี่ า้ พเจ้าค่อนข้างจะคุน้ เคย ทีเ่ ห็นถัดมาคือผูช้ าย สวมหมวกเหล็ก ซึ่งดูจากร่องรอยและรูต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนหมวกใบนั้น
เมสเซอร์ชมิตต์ เอจี (Messerschmitt AG) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบิน สัญชาติเยอรมนี มีชื่อเสียงในฐานะผู้สร้างเครื่องบินขับไล่ให้กับกองทัพอากาศ เยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะรุ่น บีเอฟ 109 ที่เป็นก�ำลังรบหลัก ของประเทศ และเอ็มอี 262 ที่เป็นเครื่องบินไอพ่นรุ่นแรกของโลก
กลับมาแล้วครับ
20
9
ก็ดเู หมือนว่ามันจะผ่านการป้องกันอันตรายให้กบั เจ้าของมาอย่างโชกโชน นี่แสดงว่าเรายังอยู่ระหว่างสงคราม “จะไปไหนกันหา.. เดินโซเซซะขนาดนั้น?” “ข้าพ.. เอ่อ..ขอโทษเถิดครับ.. ฉัน.. อยากจะนั่งสักหน่อย” “ฉันว่านายลงนอนเลยจะดีกว่า นอนให้ยาวไปเลยนะ!” ในที่สุดข้าพเจ้าก็พบที่หลบภัย ม้านั่งตัวนั้นนั่นเอง คิดว่าตัวเองคง ค่อนข้างหน้าซีดตอนที่ทรุดฮวบลงไป ดูท่าว่าชายหนุ่มคนนี้ก็จ�ำข้าพเจ้า ไม่ได้เช่นกัน และไม่มกี ารท�ำความเคารพแบบนาซีอกี ด้วย ดูจากกิรยิ าของ เขาแล้ว ใครก็ต้องคิดว่าเขาเกือบจะชนเข้ากับคนเดินถนนแก่ๆ คนหนึ่ง เป็นใครสักคนที่ไม่สลักส�ำคัญอะไร และความประมาทเลินเล่อแบบที่เกิด นี่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ชายสูงอายุคนหนึ่งเดินผ่านข้าพเจ้าไปพลาง ส่ายหน้า ตามมาด้วยหญิงร่างล�ำ่ ซึง่ เข็นรถส�ำหรับใส่ทารกแต่เป็นรถหน้าตา ล�้ำยุค นี่ก็เป็นวัตถุที่ดูคุ้นๆ ส�ำหรับข้าพเจ้าเช่นกัน แต่ความคุ้นนี้ไม่ได้ช่วย ให้สถานการณ์แห่งความหมดหวังทีก่ ำ� ลังเผชิญดีขนึ้ มาแต่อย่างใด ข้าพเจ้า ลุกยืน เดินเข้าไปหานางด้วยท่าทีแห่งความมัน่ ใจเท่าทีจ่ ะสามารถรวบรวมได้ ในขณะนั้น “ขออภัยเถิด เอ่อ.. สิ่งที่ฉันจะถามคุณต่อไปนี้อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย แต่ว่า..ฉันจ�ำเป็นต้องรีบหาทางกลับไปที่ส�ำนักนายกรัฐมนตรีแห่ง อาณาจักรไรช์” “นี่แสดงอยู่กับ สเตฟาน ราบบ์10 รึไง?” “อะไรนะครับ?”
Stefan Raab ศิลปินตลกและนักดนตรีชาวเยอรมัน เขามีรายการทีวี เป็นของตัวเอง และได้รบั การขนานนามว่า “ บุรษุ ผูท้ รงอิทธิพลทีส่ ดุ ในแวดวงรายการ บันเทิงเยอรมัน”
10
กลับมาแล้วครับ
21
“รึว่าอยู่กับ แคร์เคลิ่ง11หรือ ฮาราลด์ ชมิดต์12 ?” คงจะเป็นเพราะความร้อนรนกระวนกระวายที่ท�ำให้ข้าพเจ้าหมด ความอดทน จึงคว้าหมับเข้าที่แขนของนาง “นี.่ .! ตัง้ สติหน่อย! คุณผูห้ ญิง! ในฐานะคนเยอรมัน เธอมีทงั้ พันธกิจ และความรับผิดชอบ! ประเทศเราก�ำลังอยู่ระหว่างสงคราม คิดว่าจะโดน อะไรมั่ง ถ้าพวกรัสเซียบุกเข้ามาถึงที่นี่ได้? คิดรึว่าพวกนั้นมันจะแค่มองดู ลูกของเธอแล้วพูดว่า ‘แหม.. เด็กนีห่ น้าตาดีนะ แต่เพือ่ เป็นการเห็นแก่เด็ก ฉันก็จะยอมอดกลัน้ เก็บความอยากเอาไว้ในกางเกงก่อนก็แล้วกัน!’ ณ นาทีนี้ วันนี้ อนาคตของประชาชนชาวเยอรมัน ความผ่องผุดของเลือดอารยัน และ ความอยู่รอดของมนุษยชาติก�ำลังตกอยู่ในความเสี่ยง แล้วเธอคิดว่าจะ สามารถรับผิดชอบกับความสิน้ สุดของวัฒนธรรมอันสูงส่งทีจ่ ะเกิดขึน้ ได้มยั้ กับการทีเ่ ธอซึง่ โง่เง่าผิดธรรมดาไม่สามารถบอกทางไปส�ำนักนายกรัฐมนตรี ให้กับท่านฟือห์เรอร์แห่งอาณาจักรไรช์ได้?” กิ ริ ย าแสดงความไม่ อ ยากช่ ว ยเหลื อ ของผู ้ ห ญิ ง คนนั้ น แทบจะ เปลี่ยนไปเป็นอาการแปลกใจ หญิงปัญญาอ่อนนางนี้สะบัดแขนเสื้อออก จากมือข้าพเจ้า ถลึงตามองอย่างประหลาดใจจนตะลึงงัน จากนั้นยกนิ้วชี้ ขึ้นเคาะขมับตัวเอง เป็นท่าทางที่บอกให้รู้ชัดว่ารับไม่ได้ ข้าพเจ้าจ�ำใจต้อง ยอมรับกับข้อเท็จจริง ว่าบางสิ่งบางอย่างได้ผันแปรไปมากจนไม่อาจ ควบคุมได้เสียแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้รบั การปฏิบตั อิ ย่างท่านผูบ้ ญ ั ชาการสูงสุด อย่างท่านฟือห์เรอร์แห่งอาณาจักรไรช์อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นจากเด็กๆ ใน ทีมฟุตบอล สุภาพบุรษุ สูงวัยคนนัน้ คนขีจ่ กั รยานและหญิงทีเ่ ข็นรถเด็กอ่อน
Hans Peter Wilhelm “Hape” Kerkeling นักแสดงตลก และนัก จัดรายการที่มีชื่อเสียงในเยอรมัน
Harald Schmidt นักแสดง นักเขียน ศิลปินตลก และนักจัดรายการทีวี ชาวเยอรมัน เป็นที่รู้จักในฐานะพิธีกรรายการวาไรตี้โชว์สองรายการที่ออกอากาศ ช่วงค�่ำในเยอรมัน
กลับมาแล้วครับ
22
11
12
คนนี้ เหล่านีไ้ ม่ใช่เรือ่ งบังเอิญ สัญชาตญาณแรกของข้าพเจ้าคือต้องรีบแจ้ง หน่วยรักษาความปลอดภัย เพื่อจัดการให้เรื่องราวกลับเข้าที่ แต่ก็ต้องข่ม ความรู้สึกนี้ไว้ เพราะยังเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์และสภาวะแวดล้อมของ ตัวเองได้ไม่มากพอ ต้องหาข้อมูลให้ได้มากกว่านี้เสียก่อน ด้วยสมองทีจ่ ดั ระเบียบได้อย่างสงบสุขมุ และมีแบบแผนของข้าพเจ้า ซึง่ บัดนีก้ ลับมาปฏิบตั หิ น้าทีอ่ กี ครัง้ ข้าพเจ้าสรุปเรือ่ งราวได้วา่ ตัวเองยังอยู่ ในประเทศเยอรมนี ยังอยู่ในกรุงเบอร์ลิน แม้ว่าเมืองทั้งเมืองจะเปลี่ยนไป จนดูไม่คุ้นตาเลยก็ตาม - เยอรมนีวันนี้ดูแตกต่าง แต่รูปลักษณ์ในบางมุม มองก็ท�ำให้นึกถึงอาณาจักรไรช์ที่ข้าพเจ้า ‘เคย’ คุ้น เช่นยังมีนักขี่จักรยาน อยู่ เช่นเดียวกับทีย่ งั มีรถยนต์ ถ้าอย่างนัน้ ก็ยงั คงมีหนังสือพิมพ์อยูก่ ระมัง? ข้าพเจ้ามองไปรอบๆ และพบว่าใต้มา้ นัง่ ตัวทีน่ งั่ อยูน่ นั้ มีบางอย่างทีด่ คู ล้าย หนังสือพิมพ์ แม้วา่ วิธกี ารพิมพ์จะดูฟมุ่ เฟือยสุรยุ่ สุรา่ ยอย่างมาก กระดาษนัน้ พิมพ์ด้วยสี ซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่ส�ำหรับข้าพเจ้า มันมีชื่อว่า มีเดีย มาร์เก็ต ซึ่งตลอดชีวิตมานี้ ข้าพเจ้านึกไม่ออกเลยว่าเคยอนุญาตให้มีการตีพิมพ์ สิ่งพิมพ์แบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และข้าพเจ้าก็ไม่มีวันจะให้การอนุญาต กับสิ่งพิมพ์แบบนี้ด้วย ข่าวสารที่มีอยู่ในนั้นเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจเข้าใจได้โดย สิน้ เชิง ความโกรธพุง่ ปรีด๊ ขึน้ ในใจ ก็จะเป็นไปได้อย่างไร? ในช่วงเวลาทีเ่ รา ขาดแคลนกระดาษอยู่เช่นนี้ ที่ทรัพยากรซึ่งมีคุณค่าส�ำหรับประชาชาติ เยอรมัน จะถูกน�ำมาใช้อย่างสิ้นเปลืองชนิดไม่อาจเอาคืนกับเรื่องไร้สาระ ไม่มเี หตุผลชนิดนี?้ ทันทีทขี่ า้ พเจ้ากลับถึงโต๊ะท�ำงาน ฟุง้ ค์13 จะต้องโดนด่า ยกใหญ่แน่ๆ แต่สำ� หรับขณะนี้ ข้าพเจ้าต้องการข่าวทีน่ า่ เชือ่ ถือ เฟิลคิสเชอร์
Walther Funk (วอลแธร์ ฟุ้งค์) นักเศรษฐศาสตร์และสมาชิกพรรคนาซี ที่เป็นที่รู้จัก เข้ารับต�ำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของอาณาจักรไรช์ จากปี 1937 -1945 และถูกศาลทหารระหว่างประเทศที่กรุงนูเรมเบิร์กตั้งข้อหา อาชญากรสงคราม
13
กลับมาแล้วครับ
23
เบโอบัคเตอร์14 ซตือร์เมอร์15 หรือแม้จะเป็นแค่หนังสือพิมพ์ระดับท้องถิ่น อย่าง พานเซอร์บาร์16 ซึ่งเพิ่งจะออกมาได้ไม่กี่ฉบับก็ยังดี ข้าพเจ้ามองเห็น ป้อมป้อมหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก และถึงแม้มองจากจุดนี้ก็ยังเห็นได้ว่า ตรงนั้นมีหนังสือพิมพ์เรียงเป็นแถวอยู่อย่างมากมาย คงจะเข้าใจอะไรผิด กันไปสักหน่อยละมัง ถ้าใครจะมัวคิดว่านี่เราก�ำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่ง สันติภาพอันแสนสุข! ข้าพเจ้าผลุดลุกอย่างหมดความอดทน เสียเวลามาก เกินไปแล้ว ต้องท�ำให้สิ่งต่างๆ กลับเข้าที่เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ กองทหาร ของข้าพเจ้าต้องการคนออกค�ำสั่ง เป็นไปได้มากทีเดียวว่ามีที่ไหนสักแห่ง ที่กำ� ลังต้องการตัวข้าพเจ้าอยูอ่ ย่างมาก ข้าพเจ้าเร่งออกเดินไปยังป้อมเล็กๆ ทีเ่ ห็นนัน้ แค่กวาดตาปราดเดียวข้าพเจ้าก็ได้ข้อมูลอย่างมากมาย กระดาษ ที่เต็มไปด้วยสีสันจ�ำนวนมหาศาลแขวนอยู่บนผนังด้านนอกของป้อมนั้น เป็นภาษาตุรกี นีแ่ สดงว่าตอนนี้มคี นตุรกีจ�ำนวนมากทีเดียวมาอาศัยอยูใ่ น พื้ น ที่ นี้ ข้ า พเจ้ า คงจะหมดสติ ไ ปนานพอสมควรที เ ดี ย ว และคงเป็ น ช่วงเวลานัน้ แหละ ทีค่ ลืน่ คนตุรกีหลัง่ ไหลเข้าสูเ่ บอร์ลนิ นีน่ บั ว่าไม่ธรรมดา! แต่ จ ะอย่ า งไรก็ ต าม ชาวตุ ร กี ก็ นั บ เป็ น พั น ธมิ ต รส� ำ คั ญ ที่ ซื่ อ สั ต ย์ ข อง ประชาชาติเยอรมัน ซึ่งได้ยืนกรานที่จะด�ำรงความเป็นกลางเอาไว้ ไม่ว่า ฝ่ายเราจะพยายามแค่ไหนก็ยงั ไม่เคยสามารถท�ำให้พวกเขาเข้าร่วมสงคราม
Völkischer Beobachter หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของพรรคนาซี เริ่มตีพิมพ์เมื่อปี 1920 จากนั้นนับตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1923 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบรายวัน เป็นกระบอกเสียงและน�ำเสนอภาพลักษณ์ของนาซี ต่อสาธารณะเป็นเวลาถึง 25 ปี
14
Der Stúrmer หนังสือพิมพ์แบบแทบลอยด์ของนาซี ออกเป็นรายสัปดาห์ โดยเริ่มพิมพ์ตั้งแต่ปี 1923 กระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1925
กลับมาแล้วครับ
24
15
Panzerbar หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเบอร์ลิน ที่ตีพิมพ์ในช่วงระยะเวลา สั้นๆ ราวเมษายน 1945 เน้นการโฆษณาชวนเชื่อพรรคนาซี
16
มาเป็นฝ่ายเดียวกันกับอักษะได้เลย แต่ดูเหมือนว่าในระหว่างที่ข้าพเจ้า ไม่อยูน่ ี้ ได้มใี ครสักคน ซึง่ ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นโดนิทซ์ สามารถโน้มน้าว พวกเติรก์ ให้ยอมให้ความช่วยเหลือแก่พวกเราได้ ทีย่ งิ่ กว่านัน้ .. บรรยากาศ ที่พอจะเรียกได้ว่าสงบเรียบร้อยที่เห็นตามถนนสายต่างๆ นี่ ก็เหมือนจะ บอกให้รวู้ า่ การเคลือ่ นทัพเข้ามาของพวกเติรก์ ได้นำ� มาซึง่ ความเปลีย่ นแปลง ขั้นรู้แพ้รู้ชนะของสงคราม แน่นอนว่าข้าพเจ้ามีความนับถือให้พวกเติร์ก เสมอมา แต่กไ็ ม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะสามารถประสบความส�ำเร็จได้ถงึ ขนาดนี้ ในทางตรงกันข้าม ช่วงเวลาทีเ่ ว้นว่างไปก็ทำ� ให้ขา้ พเจ้าไม่สามารถ ติดตามความก้าวหน้าของประเทศได้อย่างถี่ถ้วน การปฏิรูปของ เคมาล อตาเติร์ก17 คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ได้ส่งเสริมประเทศชาติอย่างน่าสนใจ ทีเดียว ดูเหมือนนี่เป็นเรื่องที่เกิบเบิลส์18 ตั้งความหวังไว้เสมอมา หัวใจของ ข้าพเจ้าเต้นตึ้กตั้กอย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ ค�ำปฏิเสธที่จะละทิ้งความ เชื่อว่าเราจะชนะในขั้นสุดท้าย แม้ขณะที่อาณาจักรไรช์อยู่ในช่วงเวลา อันมืดมนธ์อับจนที่สุดก็ตามนั้น บัดนี้นับว่าให้ผลแล้ว หนังสือพิมพ์ฉบับ ภาษาตุ ร กี ที่ มี ถึ ง สี่ ห รื อ ห้ า ฉบั บ ซึ่ ง ล้ ว นแต่ ตี พิ ม พ์ ด ้ ว ยสี สั น ที่ ส วยงาม เหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างไม่ต้องสงสัยถึงความภาคภูมิใจในชัยชนะ
Mustafa Kemal Atatürk ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของ สาธารณรัฐตุรกี เป็นผู้น�ำของขบวนการแห่งชาติตุรกีในสงครามประกาศเอกราชตุรกี ซึ่งน�ำไปสู่การปลดปล่อยประเทศและการก่อตั้งประเทศ ระหว่างด�ำรงต�ำแหน่ง ประธานาธิบดี เขาได้ปฏิรูปประเทศในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และ วัฒนธรรม เพือ่ ให้จกั รวรรดิออตโตมันเดิม เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ทไี่ ม่องิ ศาสนาและเป็น ประชาธิปไตย
17
Paul Joseph Goebbles นักจิตวิทยามวลชน และแกนน�ำคนส�ำคัญ ฝ่ายพลเรือนของพรรคนาซี ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งมุขมนตรีของจักรวรรดิไรช์ต่อจากการ (เชื่อกันว่า) กระท�ำอัตวินิบาตกรรมของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นผู้ท่ีได้ชื่อว่าเสมือน มือซ้ายของท่านผู้น�ำ
18
กลับมาแล้วครับ
25
ของขั้วเบอร์ลิน-อังการา19 บัดนี้ก็ถึงเรื่องที่ข้าพเจ้าเป็นห่วงเป็นเรื่องหลัก นั่นคือความเป็นห่วงในสุขและสวัสดิภาพของอาณาจักรไรช์ดูเหมือนจะ ถูกระงับให้สงบอยู่ในท่าทีของความแปลกใจ ข้าพเจ้าต้องค้นให้พบว่า ตัวเองตกอยูใ่ นช่วงเวลาอันมืดมนแบบแปลกๆ บนพืน้ ทีร่ กร้างแห่งนัน้ นาน เท่าไหร่ ข้าพเจ้าไม่เห็นหนังสือพิมพ์ เฟิลคิสเชอร์ เบโอบัคเตอร์ แสดงว่า คงจะขายหมดเกลี้ยง จากนั้นหันมองหาหนังสือพิมพ์ที่คุ้นเคยที่สุด ชื่อ แฟรงเฟอร์เตอร์ อัลเกไมน์ ไซตุง้ 20 เป็นหนังสือพิมพ์หน้าใหม่สำ� หรับข้าพเจ้า แต่ก็แตกต่างจากฉบับอื่นๆ ที่มีอยู่บนแผงนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกมีก�ำลังใจกับรูปร่างหน้าตาตัวพิมพ์ของชื่อหนังสือ เล่มนั้น ไม่ได้สนใจกับเนื้อหาของข่าวใดๆ แต่ก�ำลังมองหาวันที่ ซึ่งตีพิมพ์ไว้ว่า ‘30 สิงหาคม’ 2011 ข้าพเจ้าจ้องมองทีต่ วั เลขอย่างประหลาดใจ อย่างไม่ยอมเชือ่ จากนัน้ หันไปหาหนังสือพิมพ์อีกฉบับ ชื่อ เบอร์ลีเนอร์ ไซตุง21 ซึ่งก็ใช้ตัวพิมพ์แบบ เยอรมันเช่นเดียวกัน จากนั้นมองหาวันที่ 2011 ข้าพเจ้าดึงหนังสือพิมพ์ฉบับนัน้ ควากลงมาจากช่องเสียบ พลิกออกดู
เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกี ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล มีประชากรประมาณ 3.9 ล้านคน
19
Frankfurter Allgemeine Zeitung หรื อ ที่ รู ้ จั ก กั น ในชื่ อ FAZ เป็นหนังสือพิมพ์เยอรมันที่สนับสนุนฝ่ายขวา ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 ตีพิมพ์แบบรายวัน ในนครแฟรงค์เฟิร์ต
Berliner Zeitung หนังสือพิมพ์รายวันที่มีฐานการผลิตในกรุงเบอร์ลิน ก่อตั้งในเยอรมันตะวันออกเมื่อปี 1945 และยังคงมีการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องหลังการ รวมประเทศเยอรมนี
กลับมาแล้วครับ
26
20
21
แล้วก็เจออีก.. 2011 ตัวเลขนัน้ ดูเหมือนออกมาเต้นเร่าอยูต่ รงหน้าราวก�ำลังหัวเราะเยาะ ข้าพเจ้ากระนั้น เหมือนมันส่ายไปทางซ้ายช้าๆ แล้ววิ่งย้อนกลับมาอย่าง รวดเร็ว ส่ายไปส่ายมาเหมือนคนเมาในเต๊นท์เบียร์ สองตาของข้าพเจ้า พยายามมองตามตัวเลขชุดนั้น แล้วหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นก็หลุดจากมือ รู้สึกว่าตัวเองขาอ่อน ข้าพเจ้ายังพยายามอย่างเปล่าประโยชน์ในการคว้า หนังสือพิมพ์ฉบับอืน่ ๆ ลงมาจากชัน้ วาง ขณะร่างทรุดฮวบลงไปกองกับพืน้ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ
กลับมาแล้วครับ
27
กลับมาแล้วครับ
บทที่ 2
28
เมื่อคืนสติขึ้นอีกครั้ง ข้าพเจ้ายังคงนอนอยู่บนพื้น มีอะไรบางอย่าง เปียกชื้นโปะอยู่บนหน้าผาก “เป็นไง?” ผูช้ ายทีโ่ น้มตัวลงมาน่าจะอายุสกั 45 หรือกว่า 50 ด้วยซ�ำ้ เขาใส่เสือ้ ลายตารางหมากรุกกับกางเกงผ้าพื้นๆ เป็นเสื้อผ้าแบบที่คนงานธรรมดาๆ ทั่วไปสวมใส่ คราวนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าต้องถามอะไร “วันนี้วันที่เท่าไหร่?” “เอ่อม.. 29 สิงหา.. เอ๊..ไม่ใช่สิ.. วันนี้วันที่ 30” “ค.ศ.อะไร”ข้าพเจ้าถามน�้ำเสียงต�่ำๆ พลางขยับตัวลุกนั่ง หมอนั่นขมวดคิ้ว “2011” เขาว่าพลางมองจ้องมาทีเ่ สือ้ คลุมของข้าพเจ้า “แล้วคิดว่า ปีอะไร? 1945 เรอะไง?” ข้าพเจ้าพยายามนึกหาค�ำพูดอะไรที่จะสามารถสวนออกไปได้ ในทันที แต่แล้วก็คิดว่าจะเป็นการรอบคอบกว่าถ้าจะยืนขึ้นให้เรียบร้อย เสียก่อน “น่าจะนอนนิ่งๆ อีกสักหน่อยนะ” ชายคนนั้นว่า “หรือนั่งอยู่ก่อน ก็ยังดี มีเก้าอี้นั่งสบายๆ อยู่ในตู้โน่นแน่ะ” ทีแรกข้าพเจ้าคิดจะบอกเขาว่าไม่มีเวลาจะมัวมานั่งพัก แต่แล้วก็ รับรู้ว่าขาทั้งสองของตัวเองยังสั่น ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินตามเขาไปที่ตู้นั่น เจ้าของตู้ลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้หน้าต่าง มีลมโชยเข้ามา ตาจับจ้องข้าพเจ้า
“จิบน�้ำหน่อยมั้ย? หรือช็อกโกแล็ต? หรือกราโนลา22 สักแท่ง?” ข้าพเจ้าพยักหน้ารับอย่างงงๆ ส่วนเขาลุกยืน คว้าน�ำ้ แร่มาขวดหนึง่ แล้วรินลงแก้วให้ จากนั้นหันไปหยิบแท่งอะไรบางอย่างที่กระดาษห่อ เต็มไปด้วยสีสนั ซึง่ ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นเสบียงแบบแท่ง เสบียงนัน้ ห่อมา ในกระดาษฟอยล์ เขาแกะกระดาษนั้นออก เผยให้เห็นอะไรบางอย่าง ดูเหมือนธัญพืชทีค่ งใช้เครือ่ งจักรอัดจนเป็นแท่ง ยัดสิง่ นัน้ ลงในมือข้าพเจ้า นี่แสดงว่าเรายังอยู่ในภาวะขาดแคลนขนมปังสินะ “น่าจะได้กนิ อาหารมือ้ เช้าทีม่ นั หนักท้องกว่านี”่ เขาว่าพลางทรุดตัว ลงนั่งอีกครั้ง “มาถ่ายหนังแถวนี้เรอะ?” “ถ่ายหนัง...?” “ก็.. สารคดีไง.. พวกนั้นชอบมาถ่ายท�ำกันแถวนี้” “ถ่ายท�ำ...?” “พับผ่าซี.. นายมาอยู่ถูกที่เลยนะนี่..” เขาหัวเราะพลางชี้มาที่ ข้าพเจ้า “รึว่าแต่งตัวไปไหนมาไหนด้วยชุดแบบนี้อยู่เป็นประจ�ำ?” ข้าพเจ้าก้มมองตัวเอง ไม่ได้รสู้ กึ แปลกไปกว่าทีเ่ คยเป็น นอกเสียจากว่า เสื้อผ้าจะเปื้อนฝุ่นกับเหม็นน�้ำมันไปบ้างเท่านั้น “ถ้าจะว่ากันตามจริง ก็ต้องตอบว่าใช่” ข้าพเจ้าว่า หรือว่าใบหน้าของข้าพเจ้าจะมีรอ่ งรอยการได้รบั บาดเจ็บ “มีกระจก มั้ย” ข้าพเจ้าถาม “มีซ.ี่ .” เขาว่าพลางชีน้ วิ้ “อยูท่ างขวานัน่ ไง ตรงเหนือหนังสือ โฟกัส นั่นน่ะ”
อาหารเช้าจ�ำพวกซีเรียลหรือเป็นขนมทานเล่น ประกอบไปด้วยข้าวโอ๊ต ถั่ว น�้ำผึ้งผสมเข้าด้วยกันและอบจนกรอบ บางครั้งก็มีการเพิ่มผลไม้แห้ง ลูกเกด หรือ อินทผลัมลงไปด้วย ถ้ามีการคนระหว่างอบ กราโนล่าจะไม่เกาะกันมากนัก เหมาะส�ำหรับ เป็นอาหารเช้าซึ่งให้พลังงานมาก (มีแคลอรีสูง) น�้ำหนักเบา เก็บได้นาน จึงมักถูกใช้ เป็นเสบียงระหว่างการเดินทาง
22
กลับมาแล้วครับ
29
ข้าพเจ้าหันไปตามนิ้วที่เขาชี้ กระจกบานนั้นอยู่ในกรอบสีส้มซึ่งมี ข้อความติดไว้ว่า ‘เดอะ มิเรอร์’ เหมือนจะบอกให้ผู้อ่านแน่ใจ ว่านี่น่ะใช่ ‘กระจก’ จริงๆ ท่อนล่างของกระจกบานนั้นเสียบอยู่ในกองหนังสือพิมพ์ ข้าพเจ้ามองดููตัวเอง แล้วก็ต้องแปลกใจที่ได้เห็นสภาพที่เรียบร้อยดีไม่มีที่ติ แม้กระทั่ง เสือ้ คลุมก็ดเู หมือนได้รบั การรีดมาอย่างเรียบร้อย แสงสว่างในตูข้ ายหนังสือ นี่มันต้องช่วยส่งให้ดูดีอย่างที่เห็นนี่แน่ๆ “รึว่าเป็นเพราะข่าวพาดหัวนั่น” ชายคนนั้นถาม “พวกนั้นลงเรื่อง เกี่ยวกับฮิตเลอร์ทุกๆ 3 ฉบับเลยตอนนี้ แต่ส�ำหรับนายนี่ ฉันว่าไม่ต้องท�ำ อะไรเพิ่มเลยนะ นายดูเหมือนมาก” “ขอบใจ..”ข้าพเจ้าเอ่ยออกไปอย่างมึนๆ “เฮ้.. นี่พูดจริงๆ นะ” เขาย�้ำ “ฉันน่ะดู ‘ดาวน์ฟอลล์’23 ตั้ง 2 ครั้ง บรูโน แกนซ์ ว่าแสดงได้เยีย่ มยอดแล้วนะ แต่ถา้ เทียบกับนายแล้วหลุดเลย ของนายเนีย่ ะ.. เหมือนเป๊ะ คือ.. ฉันหมายความว่า นายแทบจะคิดว่านายน่ะ คือตัวเขาเองเลย..” ข้าพเจ้าเงยขึ้นมองหน้าชายขายหนังสือพิมพ์ “เขาไหน?” “ก็.. ท่านฟือห์เรอร์ไง” เขาว่าพลางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ไขว้นิ้วชี้
ชื่อเยอรมันคือ แด อุนเทอร์กัง หรือ ชื่อไทย ปิดต�ำนานวีรบุรุษล้างโลก เป็นภาพยนตร์เยอรมันที่ฉายในปี ค.ศ. 2004 มีเนื้อหาเกี่ยวกับบุคคลใกล้ชิดอดอล์ฟ ฮิ ต เลอร์ ใ นช่ ว งสิ บ วั น สุ ด ท้ า ย ขณะกองทั พ รั ส เซี ย ระดมสรรพก� ำ ลั ง เข้ า โจมตี เบอร์ลิน และเยอรมนีก�ำลังจะพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ก�ำกับโดย โอลิเวอร์ ไฮร์ชบีเกล โดยได้บรูโน แกนซ์ นักแสดงชาวสวิสรับบทเป็นฮิตเลอร์ หลายฉากจากภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ระเบิด อารมณ์ใส่นายทหาร หลังจากได้รับรายงานว่าเยอรมนีก�ำลังจะแพ้สงคราม ถูกน�ำไป ตัดต่อเป็นไวรัลวิดีโอ เผยแพร่ในเว็บไซต์แลกเปลี่ยนคลิปวิดีโอ เช่น ยูทูบ ในลักษณะ ล้อเลียน โดยใช้เสียงและภาพจริงจากในภาพยนตร์ แต่เพิ่มค�ำบรรยายเป็นเนื้อหา ในภาษาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องการเมือง กีฬา หรือวิดีโอเกม
กลับมาแล้วครับ
30
23
กลับมาแล้วครับ
กับนิ้วกลางเข้าด้วยกัน แล้วกระตุกนิ้วที่ไขว้กันอยู่นั้นขึ้นๆ ลงๆ สองรอบ ข้าพเจ้าแทบท�ำใจให้ยอมรับไม่ได้วา่ หลังจาก 66 ปีผา่ นไป นีค่ อื เท่าทีเ่ หลือ ของการท�ำความเคารพแบบนาซี ซึง่ ครัง้ หนึง่ นับว่าเป็นการแสดงออกทีต่ อ้ ง เข้มงวดอย่างยิ่ง นี่นับเป็นเรื่องน่าตกใจที่ท�ำร้ายความรู้สึกอย่างรุนแรง แต่อย่างไรก็ตาม สิง่ ทีเ่ ขาแสดงให้เห็นก็ทำ� ให้รวู้ า่ อิทธิพลทางการเมืองของ ข้าพเจ้ายังไม่ได้สูญหายไปเสียทั้งหมดในช่วงเวลาหลายสิบปีที่หายไปนี้ ข้าพเจ้าพลิกแขนขึ้นรับเคารพ “ฉันนี่แหละท่านฟือห์เรอร์!” เขาหัวเราะอีก “เหลือเชื่อจริงๆ นายเหมือนมาก” ข้าพเจ้าไม่อาจอธิบายได้ถึงท่าทีอิ่มอกอิ่มใจอย่างเหลือล้นที่เขา แสดงออก แต่แล้วก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อสถานการณ์ของตัวเองได้ ว่าหาก ไม่ใช่ความฝัน (เพราะมันคงเป็นความฝันที่นานเกินไปแล้ว) นี่ก็ต้องเป็น ปี ค.ศ.2011 จริงๆ ซึ่งก็หมายความว่าข้าพเจ้าก�ำลังอยู่ในโลกใบใหม่ที่ ตัวเองไม่รจู้ กั โดยแท้จริง และก็ดว้ ยนัยเดียวกันนัน้ ทีข่ า้ พเจ้าต้องยอมรับว่า ข้าพเจ้าเองเป็นตัวแทนของปัจจัยใหม่ในโลกใบนี้ หากว่าโลกใบนีด้ ำ� เนินไป ตามรูปแบบที่แม้จะใช้เหตุและผลในระดับพื้นฐานที่สุด โลกก็คงจะเชื่อว่า บัดนีข้ า้ พเจ้าน่าจะมีอายุหนึง่ ร้อยกับอีกยีส่ บิ สองปี หรือไม่กเ็ ชือ่ (มากกว่า) ว่าข้าพเจ้านั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว “นายแสดงเรื่องอื่นด้วยรึเปล่า?” เขาถาม “ฉันเคยดูนายในหนัง เรื่องอื่นมาก่อนมั้ย?” “ฉันไม่ใช่นักแสดง” ข้าพเจ้าตอบค่อนข้างห้วน “ไม่ใช่กไ็ ม่ใช่ส”ิ เขาว่า ท�ำน�ำ้ เสียงจริงจังขึน้ มาได้อย่างน่าประหลาด แล้วขยิบตาให้ข้าพเจ้า “แล้วท�ำรายการอะไรล่ะ? มีรายการทีวีเป็นของ ตัวเองรึเปล่า?” “ความจริงนะ..” ข้าพเจ้าตอบ “ฉันมีอยู่โครงการหนึ่ง ซึ่งสร้างมา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 แล้ว! ในฐานะประชาชนชาวเยอรมัน นายต้องรู้จัก กฎ 25 ข้อเป็นอย่างดีใช่ไหม?” เขาพยักหน้ารับอย่างสนอกสนใจ
31
กลับมาแล้วครับ
32
“แต่ฉันก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อน มีนามบัตร หรือพวกใบปลิวแจกมั่งมั้ย?” “อย่ามาพูดเรือ่ งการบินหรือการปลิวอะไรทีเ่ กีย่ วกับกองทัพอากาศ กับฉันเลย ข้าพเจ้าเอ่ยอย่างเศร้าๆ เพราะสุดท้ายมันคือเรื่องล้มเหลว” ข้าพเจ้าพยายามคิดหาทางว่าควรท�ำอะไรต่อไปดี ดูเหมือนว่าท่าน ฟือห์เรอร์วัย 56 ปีจะต้องเผชิญกับการไม่ได้รับความยอมรับเสียแล้ว แม้ในส�ำนักนายกรัฐมนตรีแห่งอาณาจักรไรช์ และฟือห์เรอร์บังเกอร์ หรือ ว่ากันตามจริง ท่านฟือห์เรอร์ค่อนข้างแน่ใจว่าตนเองก�ำลังต้องเผชิญกับ สภาวะนัน้ ข้าพเจ้าต้องถ่วงเวลาไว้สกั หน่อยเพือ่ ไตร่ตรองทางเลือก ต้องหา ที่อยู่ก่อน แต่แล้วก็นึกได้ด้วยความเจ็บปวดว่าไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่ เหรียญเดียว เรื่องราวเก่าๆ เมื่อครั้งปี ค.ศ.1909 ที่เคยอาศัยในหอพักชาย ย้อนขึน้ มาในความทรงจ�ำ เป็นประสบการณ์ทตี่ อ้ งยอมรับว่าเป็นครัง้ ส�ำคัญ เพราะท�ำให้ขา้ พเจ้าเกิดความเข้าใจในชีวติ อย่างชนิดทีไ่ ม่อาจมีมหาวิทยาลัย แห่งใดในโลกสามารถให้ได้ ช่วงเวลาแห่งความมัธยัสถ์ครั้งนั้นไม่ใช่ชีวิตที่ ข้าพเจ้าชอบเลย ช่วงเวลาอันโหดร้ายหลายเดือนนั้นผ่านวาบกลับเข้าสู่ ความทรงจ�ำ การถูกรังเกียจ ดูถูกเหยียดหยาม ความเป็นกังวลเรื่องความ จ�ำเป็นขัน้ พืน้ ฐานทีส่ ดุ อาหารการกินทีอ่ ตั คัดฝืดเคือง ความสับสนซึมเศร้า ข้าพเจ้าก้มกัดกินธัญพืชอัดแท่งที่ห่อมาในกระดาษฟอยล์นั้น หวาน.. จนน่าประหลาดใจ ข้าพเจ้าพลิกดูกระดาษห่อภายนอกของ ผลิตภัณฑ์นั้น “ฉันก็ชอบไอ้ยี่ห้อนี้เหมือนกัน” คนขายหนังสือพิมพ์ว่า “เอาอีก อันมั้ย?” ข้าพเจ้าส่ายศีรษะ มีปัญหาใหญ่กว่านั้นที่ก�ำลังต้องเผชิญ นั่นก็คือ ข้าพเจ้าจะต้องหาหนทางให้กับการด�ำรงชีวิต ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะอย่าง เล็กน้อยพอเพียงอย่างไรก็ตาม ต้องหาที่อยู่ที่ไหนสักแห่งและหาเงินใช้ ให้ได้สกั เล็กน้อย จนกว่าจะหาทางอืน่ ได้ดกี ว่านี้ บางทีอาจจะต้องหางานท�ำ อย่างน้อยก็ชั่วคราว จนกว่าจะรู้ว่าจะท�ำได้หรือไม่และอย่างไร ให้กลับเข้า
กลับมาแล้วครับ
ควบคุมอ�ำนาจรัฐได้อกี ครัง้ ซึง่ จนกว่าจะถึงโอกาสนัน้ การหาเงินมาใช้จา่ ย ให้ได้นับว่าเป็นเรื่องจ�ำเป็น บางทีอาจจะไปรับงานเป็นช่างทาสีก็ได้ หรือ ไม่ก็เป็นสถาปนิก แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อยู่เหนือกว่าระดับของคนงานเลย แม้แต่น้อย แน่นอนว่าความรู้ที่ข้าพเจ้ามีอยู่นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชาติเยอรมันมากกว่า หากจะมีการน�ำความรูน้ นั้ ไปใช้ในการวางแผน ของกองทัพ แต่หากจะหันมามองว่าข้าพเจ้าขาดความรู้ความเข้าใจใน สถานการณ์ปจั จุบนั นีก่ ต็ อ้ งนับว่าเป็นภาพมายาเท่านัน้ เอง อย่างน้อยทีส่ ดุ ขณะนีข้ า้ พเจ้าก็ไม่ทราบว่าอาณาจักรไรช์ของเรามีอาณาเขตติดต่อกับเพือ่ น บ้านประเทศใดบ้าง ไม่ทราบว่าใครบ้างที่เป็นปรปักษ์กับเรา หรือว่าใครที่ เราควรยิงสวน ส�ำหรับ ณ ขณะนี้ข้าพเจ้าต้องยอมพอใจกับสิ่งที่จะได้มา จากการใช้แรงกายเข้าแลก บางทีอาจไปเป็นคนงานก่อสร้างลานสวนสนาม หรือไม่ก็ทางด่วนก็ได้ “นี.่ . มาพูดเรือ่ งจริงกันซักหน่อยน่า” เสียงคนขายหนังสือพิมพ์เอ่ย “ดูจากท่าทีของนายเนี่ยะ.. อย่าบอกนะ ว่ายังเป็นแค่มือสมัครเล่น” นี่มันหยาบคายใส่กันสุดๆ แล้ว! “ฉันไม่ใช่มือสมัครเล่น!” ข้าพเจ้า เน้นเสียง “ฉันไม่ใช่ไอ้พวกคนชั้นกลางที่ชอบท�ำตัวน่ารังเกียจ!” “เปล่า..เปล่า..” ชายคนนัน้ รีบเอ่ย ดูเขาเริม่ มีทที า่ จริงจังและจริงใจ “คือ.. นายท�ำอาชีพอะไรน่ะ?” อะไรเล่า? นี่ข้าพเจ้าจะตอบว่าอย่างไรดี? “ฉัน..เอ่อ.. ตอนนี้.. ก็.. คล้ายๆ.. เอ่อ.. เกษียณ” ข้าพเจ้าเอ่ยอย่าง ระมัดระวังเมื่อพูดถึงสภาวการณ์ของตัวเอง “คือ.. อย่าหาว่างัน้ งีเ้ ลยนะ” เขาว่า “แต่ถา้ นายยังไม่ได้.. เอ่อ..เฮ้อ.. ไม่น่าเชื่อเลย! คือ.. พวกนั้นเขาผ่านมาแถวนี้ตลอดแหละ แถวนี้นะมีแต่ แมวมอง พวกท� ำ หนั ง หรื อ ไม่ ก็ ที วี แล้ ว พวกนี้ น ่ ะ ชอบมากถ้ า ได้ เจอ ดาราใหม่ๆ แต่ถา้ นายยังไม่มนี ามบัตร แล้วฉันจะติดต่อนายได้ยงั ไง? เบอร์ โทรศัพท์ล่ะ.. มีมั้ย? หรืออีเมล..?” “เอ่อ...”
33
กลับมาแล้วครับ
34
“เอางี้ก็ได้.. บ้านนายอยู่ไหน?” ค�ำถามนี้ช่างจี้กลางใจเอาเสียจริงๆ แต่คนที่ยืนตรงหน้าไม่ได้มีท่า ว่าจะมาล้วงลึกหรือมีเล่ห์เพทุบายอะไร ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจเสี่ยง “คือ..ถ้าจะพูดถึงเรื่องที่อยู่ของฉันในตอนนี้.. เอ่อ.. จะบอกว่ายังไง ดี? คือ..มันยัง.. ไม่แน่นอน..” “อ๋อ.. รึว่าอยู่กับแฟน?” ข้าพเจ้าคิดถึงเอวาขึ้นมาแวบหนึ่ง เธออยู่ไหนนะนี่? “เปล่า..” ข้าพเจ้าพึมพ�ำ รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างที่ไม่ค่อยเคยเป็น “ฉันไม่มีเพื่อนหญิงหรอก.. ตอนนี้ไม่มีแล้ว” “อูว.์ .” คนขายหนังสือพิมพ์รอ้ งออกมา “เข้าใจละ.. เรือ่ งราวมันยัง หมาดๆ อยู่สินะ” “ใช่..” ข้าพเจ้ายอมรับ “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจอนี่มันค่อนข้างเป็น เรื่องใหม่ส�ำหรับฉันจริงๆ” “ไปกันไม่รอดละซี.. ใช่มั้ย?” “ก็นับว่าเป็นการประเมินสถานการณ์ที่ค่อนข้างแม่นย�ำ” ข้าพเจ้า พยักรับ กลุ่มกองทัพของสไตเนอร์ไม่เคยได้เริ่มเข้าโจมตีอย่างจริงจัง เป็นเรื่องให้อภัยไม่ได้จริงๆ” เขาท�ำหน้างงๆ “ฉันหมายถึงเรือ่ งนายกับแฟนน่ะ แล้วใครเป็นฝ่าย ท�ำใครล่ะ?” “ไม่รู้สิ..” ข้าพเจ้าว่า “แต่สุดท้ายก็น่าจะเป็นเชอร์ชิลล์นะ” เขาปล่อยก๊าก หลังจากนั้นนิ่งมองข้าพเจ้าอยู่นาน “ฉันชอบนายว่ะ” จากนัน้ เปลีย่ นเสียงเป็นจริงจังเคร่งขรึม “ฉันจะ เสนออะไรบางอย่างให้ เป็นเรื่องที่นายไม่มีทางปฏิเสธเลย” “เสนอ?” “นี่.. ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามาตรฐานของนายน่ะระดับไหน แต่ ถ้าหากว่าตอนนีน้ ายยังไม่มขี อ้ เรียกร้องต้องการอะไรเป็นพิเศษละก็ นายจะ อยู่พักที่นี่สักคืนสองคืนก็ได้”
“ที่นี่?” ข้าพเจ้าหันมองไปรอบๆ ตู้ขายหนังสือพิมพ์นั้น “หรือคิดว่าจะไปเช่าห้องนอนที่ แอดลอน24 ล่ะ?” เขาพูดถูก ข้าพเจ้าก้มมองพื้นอย่างอับอาย “ก็.. ใช่.. ตอนนีฉ้ นั ไม่มเี งินเลยแม้แต่เหรียญเดียว” ข้าพเจ้ายอมรับ “ก็ไม่มปี ญ ั หาอะไร และไม่นา่ แปลกใจด้วย นัน่ ก็เพราะนายไม่ทำ� ให้ ใครรู้ว่ามีความสามารถ ความจริงนายไม่ควรจะแอบซ่อนตัวอยู่หรอกนะ” “ฉันไม่ได้แอบซ่อน!” ข้าพเจ้าท้วง “แต่เป็นเพราะไอ้การถล่มระเบิด ไม่หยุดยั้งนั่นต่างหาก!” “โอเค..โอเค..” เขาร้องอย่างไม่สนใจค�ำอธิบายของข้าพเจ้า“เอาละ.. เอาเป็นว่านายนอนทีน่ สี่ กั คืนสองคืนก็แล้วกัน ส่วนฉันก็จะลองคุยกับลูกค้า ดูสกั รายสองราย หนังสือพิมพ์เธียเตอร์ทเู ดย์ฉบับล่าสุดเพิง่ ถึงแผงเมือ่ วาน มาพร้อมกับหนังสือเกีย่ วกับหนังอีกฉบับ เดีย๋ วพวกนัน้ ก็ตอ้ งมาซือ้ หนังสือ ที่ว่านี่ แล้วเราก็อาจจะจัดการอะไรได้สักอย่าง ฉันบอกตรงๆ เลยนะ ว่า เครื่องแบบของนายนี่มัน “ใช่” เอามากๆ ขนาดที่ว่านายแสดงไม่เก่งเท่า ไหร่ ก็ยังดูโอเคสุดๆ” “หมายความว่าให้ฉันนอนที่นี่ได้ใช่ไหม?” “ช่วงนี้ก็เอายังงี้ไปก่อน ตอนกลางวันนายก็อยู่แถวๆ นี้กับฉัน เผื่อมีใครผ่านมา ฉันก็จะได้แนะน�ำให้พวกเขารู้จักนายได้ทันที แต่ถ้าไม่มี ใครมา อย่างน้อยฉันก็ยงั มีอะไรบางอย่างเอาไว้ให้เพลินๆ หรือว่านายอยาก จะไปที่อื่นล่ะ?” “เปล่า..” ข้าพเจ้าถอนหายใจ “นอกเสียจากที่ฟือห์เรอร์บังเกอร์” เขาหัวเราะอีก จากนั้นหยุดกึก
Adlon Kempinski Berlin เป็นโรงแรงหรูหราใจกลางกรุงเบอร์ลนิ ผูก้ อ่ ตัง้ คือ ลอเรนซ์ แอดลอน พ่อค้าไวน์และเจ้าของภัตตาคาร เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1907 ช่วงสงครามโลกครัง้ ทีส่ อง โรงแรมแห่งนีไ้ ด้รบั ความเสียหายหลายต่อหลายครัง้ แต่ก็ได้รับการบูรณะ ซ่อมแซม และเปิดให้บริการมาจนถึงปัจจุบัน
24
กลับมาแล้วครับ
35
กลับมาแล้วครับ
“นี.่ .สหาย.. นายคงไม่ขโมยของฉันจนหมดแล้วหายหัวไปหรอกนะ.. ใช่มั้ย?” ข้าพเจ้ามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ท่าทางฉันดูเหมือนพวก หัวขโมยรึไง?” เขาจ้องกลับมา “นายดูเหมือน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” “แน่นอนสิ” ข้าพเจ้าว่า
36