The circle ทดลองอ่าน

Page 1


เดอะ เซอร์เคิล ได้รับการคัดเลือกเป็นหนังสือแห่งปี 2013 จาก ชิมามันดา โงสี อดิชี, Guardian ทิม มาร์ติน, Daily Telegraph ทาลิธา สตีเวนสัน, Observer ไซมอน เจนกิ้นส์, Evening Standard และ Times Literary Supplement เดวิด แบดเดียล, New Statesman เบลค มอร์ริสัน, Guardian ปริยา อีแลน, Grazia จันติน จอร์แดน, Guardian ฟิลลิป คอลลินส์, The Times The New York Times, 100 Notable Books of 2013 Slate,Best Books of 2013 NPR’s Great Reads 2013 Huffington Post, Best Books of 2013 Barnes & Noble, Best Books of 2013 PolicyMic, 20 Best Books for Every Kind of 20 Something of 2013 St. Louis Post-Dispatch, Best Books of 2013 The Daily Beast, Best of the Best Books List 2013 Amazon, 2013 Best Books of the Year: The Top 100 (หมวดหนังสือ)


‘นวนิยายที่มีความส�ำคัญต่อเรา เช่นเดียวกับ 1984 และ Brave New World’ - เดวิด แบดเดียล, New Statesman, Books of the Year ‘รู้อนาคต, น่าหวาดหวั่น, วางไม่ลง, เป็นหนังสือที่ก่อให้เกิดการถกเถียงมาก ที่สุดของเอกเกอร์ส’ - The Times ‘เดอะ เซอร์เคิล คือ นวนิยาย Brave New World ส�ำหรับ โลกที่เราเชื่อ’ - Washington Post ‘นวนิยายว่าด้วยอันตรายในยุคอินเตอร์เน็ตซึ่งมาถูกที่ถูกเวลา’ - Sunday Telegraph ‘ผลงานใหม่ที่น่าทึ่ง...โลกดิสโทเปียที่เอกเกอร์สจินตนาการนั้น น่าหวาดกลัว ยิ่งกว่าหนังสือของเยียฟเกนี โมโรซอฟ นักวิจัยชาวเบลารุสเสียอีก’ - Economist ‘บรรยายได้อย่างยอดเยี่ยม, เรื่องสั่นคลอนศีลธรรมที่ต้องอ่าน ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด’ - Vanity Fair ‘ผมรัก เดอะ เซอร์เคิล, สายตาที่แหลมคมและการเสียดสีที่ขบขันเกี่ยวกับ ความหลงใหลในการ ‘แบ่งปัน’ ชีวิตของเราผ่านเทคโนโลยี มันคือการหว่านล้อมและค่อนข้างน่าขนลุก’ - ชิมามันดา โงสี อดิชี, Guardian, Books of the Year ‘น่าทึ่ง นวนิยายที่น�ำเสนอแนวคิด...เกี่ยวกับโครงสร้างสังคมและคตินิยม เปลีย่ นแนวของความเป็นส่วนตัว...เกีย่ วกับการสนับสนุนให้มกี ารแบ่งปันความ เป็นสิทธิส่วนบุคคลมากขึ้น และเกี่ยวกับผลกระทบที่สิทธิส่วนบุคคล มีต่อประชาธิปไตยแบบตะวันตก - มาร์กาเร็ต แอตวูด, New York Review of Books


THE CIRCLE เดอะ เซอร์เคิล เดฟ เอกเกอร์ส เขียน มณฑารัตน์ ทรงเผ่า แปล Copyrights for THE CIRCLE © 2013 by Dave Eggers Copyright Arranged with The Wiley Agency (UK) Ltd 17 Bedford Square, London, WC1B 3JA, England First published in Thailand: 2016 by Legend Books Publishing Co.,Ltd Thai Translation Copyright © 2016 by Montharat Songphao

พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง มีนาคม 2559 ราคา 430 บาท หมวด วรรณกรรมแปล ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data เอกเกอร์ส, เดฟ. เดอะ เซอร์เคิล = The Circle.-- ขอนแก่น : เลเจ้นด์ บุ๊คส์, 2559 492 หน้า. 1. นวนิยายอังกฤษ. I. มณฑารัตน์ ทรงเผ่า, ผู้เแปล. II. ชื่อเรื่อง. 813.54 ISBN 978-616-92052-7-2 บรรณาธิการบริหาร: เทพพิคฑูนญ์ เลิศฤทธิ์ธนะกุล, วิมล เลิศฤทธิ์ธนะกุล, บุญ หลวงจันทร์

บรรณาธิการและที่ปรึกษากฏหมาย: ศุภฤกษ์ เทิงสูงเนิน บรรณาธิการฝ่ายผลิต: ศิริธาดา กองภา จัดรูปเล่ม: วารยา ศุภศิริ พิสูจน์อักษร: ฤกษ์ ศุภศิริ ออกแบบปก: N.Paksanavin | Atelier EN

จัดพิมพ์โดย บริษัท สำ�นักพิมพ์ เลเจนด์ บุ๊คส์ จำ�กัด 3/29 คอนโด เดอะคิทท์ พลัส ซอยนวนมินทร์ 163 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ 08 - 1051 - 9137, 09 - 0595 - 3027 Email : Legendbooks.publishing@gmail.com Facebook : www.facebook.com/legendbooks publishing พิมพ์ที่ ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด เรือนแก้วการพิมพ์ 947 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงศิริราช แขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ 0 - 2411 - 1523 โทรสาร 0 - 2866 - 3248 จัดจำ�หน่ายทั่วประเทศโดย บริษัท อมรินทร์ บุ๊คส์ เซ็นเตอร์ จำ�กัด 108 หมู่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม ตำ�บลมหาสวัสดิ์ อำ�เภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ 0 - 2423 - 9999 โทรสาร 0 - 2449 - 9560



ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์

เดฟ เอกเกอร์ส มีเรื่องให้เราทึ่งได้เสมอ ใน หัวใจไม่หยุดฝัน (A Hologram For the King) เขาพาเรา ตามติดชีวิตของ อลัน เคลย์ ที่ปรึกษาธุรกิจตกอับ ผู้ต้องระเห็จจากบ้าน เกิด ไปขุดทองที่ซาอุดิอาระเบีย เดินทางไกลครึ่งโลกเพื่อเรียนรู้สิ่งที่เขา ไม่มีวันจะเข้าใจ ทว่าใน เดอะ เซอร์เคิล เอกเกอร์สกลับท�ำสิ่งที่ง่ายกว่า นัน้ คือพาเรากลับมายังสังคมใกล้ตวั ...โลกโซเชียลมีเดีย...ทีเ่ ราไม่อาจปฏิเสธ ได้ว่าสิ่งนี้กลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตโดยที่เราไม่รู้ตัว แน่นอนว่าเทคโนโลยีน�ำมาซึ่งความสะดวกสบาย ท�ำให้คนครึ่ง โลกสามารถสื่อสารกันได้ง่ายเพียงแค่เคาะปลายนิ้ว ท�ำให้เกิดการเข้าถึง ข่าวสารข้อมูล และก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในเชิงองค์ความรู้ การศึกษา และอีกมากมาย แต่หากว่าสิ่งที่เราเห็นด้วยตา...ไม่ได้มีความจริงเพียงแค่นั้นล่ะ เดอะ เซอร์เคิล ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์หลายส�ำนักว่า สั่นสะเทือนความรู้สึกเช่นเดียวกับนวนิยายเรื่อง 1984 (ผลงานของ จอร์จ


ออร์เวลล์) และ Brave New World (ผลงานของ อัลดัส ฮักซลีย์) และ เป็นนวนิยายที่ก่อให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับนิยามของ ‘การแบ่งปัน’ ใน ยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอีกด้วย ...เดอะ เซอร์เคิล เต็มไปด้วยค�ำถาม ...เดอะ เซอร์เคิล ต้องการค�ำตอบ และคนที่จะตอบได้ดีที่สุดคือคุณผู้อ่านนั่นเอง

ส�ำนักพิมพ์เลเจ้นด์ บุ๊คส์


ในอนาคตนั้นไร้ขีดจ�ำกัดและไม่มีพรมแดนใดๆ ทั้งสิ้น เช่นนั้น มนุษย์ก็ไม่อาจสร้างห้องส�ำหรับกักเก็บความสุขเอาไว้ได้ จอห์น สไตน์เบ็ค East of Eden


BOOK I



พระเจ้า เมคิด ที่นี่คือสวรรค์ชัดๆ พื้นที่กว้างใหญ่และทอดยาว โฉบเฉี่ยวด้วยสีสันแบบแปซิฟิก ทว่ากระทั่งรายละเอียดที่เล็กที่สุดก็ยังได้รับความใส่ใจ สร้างสรรค์รูปทรง ด้วยมือที่ประณีตบรรจง บนผืนดินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอู่ต่อเรือ ตามด้วย โรงหนังแบบไดรฟ์อินและตลาดนัด ก่อนจะเสื่อมโทรมลงไป ปัจจุบันที่นี่ กลายเป็นเนินเขียวนุ่ม และมีน�้ำพุของศิลปินอย่างคาลาทราวา* ตั้งอยู่ มีพื้นที่ปิกนิกที่มีโต๊ะวางเป็นวงกลม มีคอร์ตเทนนิสทั้งแบบสนามดินและ สนามหญ้า แถมยังมีสนามวอลเลย์บอลด้วย ซึ่งตอนนี้เด็กเล็กจากศูนย์ เลี้ยงเด็กของบริษัทก�ำลังวิ่งเล่น ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด และกระโดดโลดเต้น กันไปมาอยู่ ตรงกลางของพื้นเป็นส่วนสถานที่ท�ำงานขนาดสี่ร้อยเอเคอร์ อาคารอันประกอบด้วยเหล็กขัดเงากับกระจกคือส�ำนักงานใหญ่ของบริษัท * ซานติอาโก คาลาทราวา สถาปนิกแนวนีโอฟิวเจอร์ริสต์, วิศวกรโครงสร้าง, ประติมากร และ จิตรกร ชาวสเปน


ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ท้องฟ้าสีฟ้าเบื้องบนไร้ซึ่งต�ำหนิใดๆ เมก�ำลังเดินจากที่จอดรถไปยังตึกใหญ่และผ่านสิ่งเหล่านี้ เธอ พยายามวางมาดให้เหมือนว่าเป็นพนักงานของทีน่ ี่ ทางเดินนัน้ ลัดเลาะผ่าน ต้นมะนาวและต้นส้ม พืน้ หินกรวดจะเปลีย่ นเป็นแผ่นกระเบือ้ งทีม่ ขี อ้ ความ สร้างแรงบันดาลใจเป็นระยะ อาทิ ‘ความฝัน’ ข้อความที่ใช้เลเซอร์เจาะลง บนหินสีแดง ‘ร่วมมือ’ ก็เป็นอีกข้อความหนึ่ง และยังมีค�ำว่า ‘พบกับ ชุมชน’, ‘สร้างสรรค์’, ‘จินตนาการ’ อีกนับสิบ เมื่อครู่เมเพิ่งพลาด เหยียบมือชายหนุ่มสวมชุดช่างสีเทาคนหนึ่งที่ก�ำลังปูอิฐก้อนใหม่ที่มีค�ำว่า ‘หายใจ’ ในวันจันทร์ที่อากาศสดใสของเดือนมิถุนายน เมหยุดยืนอยู่ใต้ โลโก้ที่สลักอยู่บนกระจกเหนือศีรษะของประตูตึกใหญ่ แม้ว่าบริษัทนี้จะ ก่อตั้งไม่ถึงหกปี แต่ชื่อและโลโก้ซึ่งเป็นวงกลมล้อมรอบด้วยตารางที่ร้อย ต่อกัน และมีตัวอักษร c ขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง ก็เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดใน โลกแล้ว เฉพาะส�ำนักงานใหญ่ที่นี่มีพนักงานกว่าหนึ่งหมื่นคน แต่เซอร์เคิล ยังมีสำ� นักงานกระจายอยูท่ วั่ โลก ทัง้ ยังจ้างคนมีพรสวรรค์ทางความคิดเพิม่ ทุกสัปดาห์ นอกจากนีเ้ ซอร์เคิลยังได้รบั การโหวตให้เป็นบริษทั ทีม่ คี นชืน่ ชม มากที่สุดในโลกเป็นเวลาสี่ปีติดต่อกันด้วย เมคงไม่คิดหรอกว่าจะมีโอกาสได้ท�ำงานในที่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ เพราะแอนนี่ แอนนี่แก่กว่าเธอสองปี สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่เคย พักห้องเดียวกันสามเทอม ในตึกหน้าตาน่าเกลียดที่ตกแต่งให้พอพักอาศัย ได้ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์แบบพิเศษ คือเป็นทั้งเพื่อน พี่สาวน้องสาว หรือ กระทั่งลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งพวกเธอก็หวังอยากเป็นพี่น้องกันจริงๆ เสียเลย จะ ได้มีเหตุผลที่ไม่ต้องแยกจากกันอีก เดือนแรกที่อยู่ด้วยกันเมขากรรไกรหัก ในเย็นวันหนึ่งเนื่องจากเป็นลม มีไข้ และไม่ค่อยได้กินอาหาร ช่วงนั้นอยู่ ระหว่างสอบปลายภาค ก่อนหน้านี้แอนนี่บอกให้เธอนอนบนเตียง แต่เม กลับไปหาคาเฟอีนดื่มที่เซเว่นอีเลเว่น รู้ตัวอีกทีก็ตอนตื่นขึ้นมาตรงทางเท้า ใต้ต้นไม้ แอนนี่พาเธอส่งโรงพยาบาลและอยู่รอตอนหมอใช้ลวดเย็บขา กรรไกร จากนั้นก็อยู่เป็นเพื่อน นอนบนเก้าอี้ไม้ข้างเตียงทั้งคืน พอกลับ 12

เดฟ เอกเกอร์ส


ถึงห้องเธอก็คอยป้อนอาหารเหลวให้เมกินทางหลอดอยู่นานหลายวัน นับ เป็นความเสียสละและเป็นความสามารถขั้นสูงที่เมไม่เคยเห็นจากคนวัย เดียวกันหรือวัยใกล้เคียงกันมาก่อน หลังจากนั้นเมก็ให้ใจแอนนี่เต็มร้อย ในแบบที่เธอก็ไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะท�ำได้ ระหว่ า งยั ง เรี ย นอยู ่ ที่ ค าร์ ล ตั น เมเปลี่ ย นเอกไปมาระหว่ า ง ประวัติศาสตร์ศิลปะ ไปเป็นการตลาด และเปลี่ยนเป็นจิตวิทยา จนได้ ปริญญาสาขาจิตวิทยามาทั้งที่ไม่มีแผนจะท�ำงานในสายนี้ ตอนนั้นแอนนี่ เรียนจบแล้ว เธอได้รบั ปริญญาโทจากสแตนฟอร์ด และได้รบั เลือกทาบทาม ให้เข้าท�ำงานทุกที่ โดยเฉพาะที่เซอร์เคิล และเธอก็เลือกท�ำงานที่น่ีหลัง เรียนจบได้ไม่กี่วัน ตอนนี้แอนนี่มีชื่อต�ำแหน่งหรูหรา เธอยังเคยแซวตัวเอง ว่าเป็นผู้อ�ำนวยการฝ่ายสรรค์สร้างอนาคต และรบเร้าให้เมมาสมัครงานที่ นี่ เมจึงตอบรับค�ำชวน และแม้แอนนี่จะยืนกรานว่าไม่ได้ใช้เส้นสายใดๆ ซึ่งเมเชื่อว่าแอนนี่ใช้แน่นอน แต่เมก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอย่างมาก มีคน นับล้านหรือพันล้านทีอ่ ยากจะมาอยูต่ รงทีท่ เี่ ธออยูใ่ นตอนนี้ ตรงโถงหลังคา กระจกสูงสามสิบฟุต ที่เธอก�ำลังเดินเข้ามาท่ามกลางแสงอาทิตย์ของ แคลิฟอร์เนียในวันแรกของการท�ำงาน ...ณ บริษัทเดียวที่มีความส�ำคัญ สูงสุด เมผลักประตูบานใหญ่หนักอึ้งให้เปิดออก โถงที่อยู่ด้านหน้าทอด ยาวเหมือนขบวนพาเหรด แถมยังสูงเหมือนในมหาวิหาร ชั้นบนมีห้อง ท�ำงานเต็มไปหมด แต่ละฝั่งสูงสี่ชั้น ผนังทุกด้านท�ำด้วยกระจก วูบหนึ่ง เมรู้สึกหน้ามืด เธอลดสายตาลงมองต�่ำ และได้เห็นเงาของใบหน้าตัวเอง สะท้อนอยูบ่ นพืน้ เงาวับไร้ทตี่ ิ สีหน้าแลดูกงั วล เธอขยับปากยิม้ ก่อนจะรูส้ กึ ว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง “คุณคือเมใช่ไหมคะ” เมื่อหันกลับไป เมก็เห็นศีรษะของสาวสวยคนหนึ่งลอยอยู่เหนือ ผ้าพันคอสีแดงสดและเสื้อผ้าไหมสีขาว “ฉันเรนาตาค่ะ” เธอบอก “หวัดดีค่ะ เรนาตา ฉันมาหา--” เดอะ เซอร์เคิล

13


“แอนนี่ใช่ไหมคะ ฉันรู้ค่ะ เธอก�ำลังมา” เสียงน�้ำหยดสังเคราะห์ ดังมาจากหูของเรนาตา “ที่จริงเธอ...” เรนาตาก�ำลังมองเม แต่สิ่งที่เธอ เห็นกลับเป็นอย่างอื่น คงก�ำลังดูภาพผ่านจอเรตินาที่ลูกตาละมั้ง...เมคิด สิ่งประดิษฐ์ใหม่ของที่นี่อีกละสิ “เธออยูฝ่ ง่ั โอลด์เวสต์” เรนาตาพูด เธอหันมาสนใจเมอีกครัง้ “แต่ เดี๋ยวก็จะมา” เมยิ้ม “หวังว่าเธอจะมีบิสกิตกับม้าพันธุ์ดีสักตัวนะคะ” เรนาตายิม้ อย่างสุภาพแต่ไม่ได้หวั เราะ เมรูว้ า่ ทีบ่ ริษทั มีธรรมเนียม การตั้งชื่อพื้นที่แต่ละส่วนตามยุคประวัติศาสตร์ มันคือวิธีที่ท�ำให้สถานที่ ใหญ่โตห่างเหินน้อยลง มีความเป็นบริษัทน้อยลง ซึ่งถือว่าดีกว่าตึกสามบี ตะวันออกอันเป็นที่ท�ำงานล่าสุดของเมเยอะ วันสุดท้ายที่เธอท�ำงานใน หน่วยงานสาธารณูปโภคของบ้านเกิดเพิ่งผ่านไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อนนี่เอง ทุกคนประหลาดใจมากตอนเธอยื่นใบลาออก แต่แค่ที่เธอเสียเวลาในชีวิต ไปกับที่นั่นได้นานขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้แล้ว โล่งอกไปทีที่ได้ พ้นจากคุกนั่นและทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เมคิด เรนาตายังคงยุ่งกับสัญญาณที่หูฟัง “อ๋อ เดี๋ยวนะ” เธอพูด “ตอน นี้เธอยังติดงานอยู่ทางนั้น” เรนาตามองเมพร้อมกับส่งยิ้มเจิดจ้า “ให้ฉันพา คุณไปที่โต๊ะท�ำงานก่อนดีไหม? เธอบอกว่าเธอจะไปเจอคุณที่โต๊ะในอีกราว หนึ่งชั่วโมง” เมตีน่ เต้นดีใจเล็กน้อยทีไ่ ด้ยนิ ค�ำนัน้ โต๊ะท�ำงานของเธอ เธอคิดถึง พ่อขึน้ มาทันที พ่อภูมใิ จมาก ภูมใิ จเหลือเกิน พ่อบอกเธอผ่านทางข้อความ เสียง พ่อน่าจะทิ้งข้อความไว้ตอนตีส่ี เธอได้ข้อความตอนตื่นแล้ว พ่อภูมิ ใจจริงๆ พ่อพูดแบบกลั้นสะอื้น เมเรียนจบมหาวิทยาลัยมาได้สองปี ตอน นี้เธอได้เป็นพนักงานของเซอร์เคิลโดยมีทั้งประกันสุขภาพของตัวเอง มี อพาร์ตเม้นต์ในเมืองเป็นของตัวเอง ไม่ตอ้ งเป็นภาระของพ่อแม่ทยี่ งั มีเรือ่ ง อื่นต้องกังวลมากมายอีกต่อไป เมเดินตามเรนาตาออกจากโถงหลังคากระจก ตรงสนามหญ้าใต้ แสงแดดอ่อนมีคนหนุ่มสาวคู่หนึ่งก�ำลังนั่งอยู่บนเนินที่สร้างขึ้นมา ในมือ 14

เดฟ เอกเกอร์ส


ถือแท็บเล็ตใสและก�ำลังคุยกันอย่างออกรส “คุณจะอยู่ฝั่งเรอเนสซองซ์ ทางนี้ค่ะ” เรนาตาพูดพลางชี้ข้าม สนามหญ้าไปยังตึกที่ท�ำด้วยกระจกและทองแดงเก่า “นี่คือที่ตั้งของฝ่าย ลูกค้าสัมพันธ์ คุณเคยมาหรือยัง?” เมพยักหน้า “เคยค่ะ สองสามครั้ง แต่ไม่ใช่ตึกนี้” “งั้นคุณคงได้เห็นบริเวณสระว่ายน�้ำและสนามกีฬาแล้ว” เรนาตา โบกมือไปทางอาคารสี่เหลี่ยมด้านขนานสีฟ้าและอาคารทรงมุมแหลมซึ่งมี โรงยิมตั้งอยู่ด้านหลัง “ทางนั้นจะมีสตูดิโอโยคะ ครอสฟิต พีลาติส นวด ปั่นจักรยาน ได้ยินว่าคุณชอบปั่นใช่ไหมคะ? หลังตึกจะเป็นสนามเปตอง และมีเสาเทเทอร์บอลที่เพิ่งติดตั้งใหม่ ส่วนโรงอาหารก็ใกล้แค่ข้ามสนาม หญ้าไป...” เรนาตาชี้พื้นเขียวชะอุ่มที่มีคนหนุ่มสาวจ�ำนวนหยิบมือแต่งตัว ชุดท�ำงานนอนเหยียดยาวอยู่เหมือนคนมาอาบแดด “ถึงแล้วค่ะ” ทั้งสองยืนอยู่หน้าเรอเนสซองซ์ อันเป็นอีกอาคารที่มีโถงหลังคา กระจกสูงสี่สิบฟุต มีโมบายของอเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์* หมุนอยู่ข้างบน ช้าๆ “โอ๊ะ ฉันชอบคาลเดอร์ค่ะ” เมพูด เรนาตายิม้ “ฉันรูค้ ะ่ ” ทัง้ สองเงยหน้ามองด้วยกัน “อันนีเ้ คยแขวน อยู่ในรัฐสภาฝรั่งเศสนะคะ เขาว่ากันแบบนั้น” ลมที่พัดตามทั้งสองมาท�ำให้โมบายหมุนจนแขนข้างหนึ่งชี้มาที่เม ราวกับจะต้อนรับเธอเป็นการส่วนตัว เรนาตาแตะแขนเม “พร้อมหรือยัง คะ? ขึ้นทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์แก้วที่เป็นสีส้มเรื่อๆ เมื่อไฟในลิฟต์สว่าง เมก็ได้เห็นชื่อตัวเองปรากฏอยู่บนผนัง พร้อมภาพถ่ายจากหนังสือรุ่นสมัย ไฮสกูล ขอต้อนรับเม ฮอลแลนด์ เสียงที่ฟังคล้ายเสียงผวาร้องดังออกมา จากคอของเม เธอไม่ได้เห็นภาพนี้มาหลายปีแล้ว และก็ดีใจด้วยที่มันหาย * ประติมากรแนวเซอร์เรียลคนส�ำคัญของสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงจากการริเริ่มการสร้าง 'ประติมากรรมจลดุล' mobile sculpture) นอกจากนี้เขายังสร้างงานที่เป็น 'ประติมากรรม ศักยดุล' หรือ 'ประติมากรรมสถิต' (stabile), จิตรกรรม, ภาพพิมพ์หิน, ของเล่น, พรมทอ แขวนผนัง และ เครื่องประดับด้วย เดอะ เซอร์เคิล

15


ไปได้ ต้องเป็นฝีมือแอนนี่แน่ เอาภาพนี้กลับมาท�ำร้ายเธออีกแล้ว นี่เป็น ภาพเมจริงๆ ปากกว้างนั่นเป็นของเธอ ริมฝีปากบางก็ของเธอ ผิวสีแทนก็ ของเธอ ผมด�ำก็ของเธอ แต่ในภาพนั้นโหนกแก้มสูงท�ำให้หน้าเธอดูดุ ตาสี น�้ำตาลก็ไม่ยิ้ม เป็นตาที่เล็กและเย็นชา พร้อมรบตลอดเวลา ทว่าน่าจะ เป็นแค่ในรูปมากกว่าชีวิตจริง แต่หลังจากถ่ายภาพนี้ตอนอายุสิบแปดซี่ง เป็นวัยที่โกรธทุกอย่างและไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง เมก็อ้วนขึ้นมาก ใบหน้า ของเธออ่อนโยนลง เริ่มมีส่วนเว้าโค้งมากขึ้น เป็นส่วนเว้าโค้งที่ดึงดูด ความสนใจของผู้ชายทุกวัยทุกความปรารถนามากมายนับไม่ถ้วน เธอเคย ลองเปิดใจตั้งแต่อยู่ไฮสกูล พยายามยอมรับมากขึ้น การได้มาเห็นภาพนี้ที่ นี่ เห็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานานตั้งแต่ตอนที่เธอมองโลกในแง่ร้ายที่สุด ท�ำให้ เมพรั่นพรึงมาก ทว่าเมื่อเธอจวนเจียนจะทนต่อไปไม่ไหว ภาพนั้นก็หายไป “ใช่คะ่ ทุกอย่างใช้ระบบเซนเซอร์หมด” เรนาตาพูด “ลิฟต์จะอ่าน บัตรประจ�ำตัวเราและกล่าวทักทาย แอนนีเ่ ป็นคนเอารูปนัน้ ให้เราค่ะ พวก คุณคงสนิทกันมากทีเดียวถ้าเธอสามารถเอารูปถ่ายสมัยไฮสกูลของคุณมา ได้ ยังไงก็ตาม หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะคะ เราท�ำแบบนั้นกับแขกส่วน มากที่มาเยือนค่ะ ปกติทุกคนก็จะประทับใจ” ขณะที่ลิฟต์เลื่อนขึ้นไป กิจวัตรหลักประจ�ำวันก็ปรากฏให้เห็นบน ผนังลิฟต์ทุกด้าน โดยภาพและตัวหนังสือจะเลื่อนจากผนังด้านหนึ่งไปอีก ด้าน แต่ละประกาศจะมาพร้อมวิดีโอ ภาพถ่าย การ์ตูน และเสียงดนตรี ตอนบ่ายจะมีการฉายภาพยนตร์เรื่องโคยานิสคัทชี่* มีการสาธิตการนวด ตอนบ่ายโมง สร้างความแข็งแรงให้ล�ำตัวตอนบ่ายสามโมง วุฒิสมาชิกผม หงอกแต่ยังหนุ่มที่เมไม่เคยได้ยินชื่อจะมาที่ศาลาว่าการของเมืองตอนหก โมงครึ่ง ภาพเขาตรงประตูลิฟต์เป็นภาพตอนก�ำลังยืนอยู่บนแท่นโพเดียม ที่ไหนสักแห่ง มีธงโบกสะบัดอยู่ด้านหลัง แขนเสื้อพับขึ้น มือสองข้างก�ำ เป็นหมัด แลดูจริงจัง * ภาพยนตร์เรื่องแรกในชุดไตรภาค ‘Qatsi’ ของผู้ก�ำกับ ก็อดฟรี่ย์ เรจจิโอ ฉายเมื่อปี 1983 ซึ่งใช้วิธีการถ่ายทอดด้วยการน�ำภาพนับร้อยภาพจากหลากแหล่งหลายโลเคชั่นมาเรียงต่อกัน ด้วยความตั้งใจที่จะให้มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนดู เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีพล็อต ไม่ ตัวละคร มีเพียงภาพและเสียงดนตรีประกอบเท่านั้น 16

เดฟ เอกเกอร์ส


แล้วประตูก็เปิดออก ท�ำให้ร่างวุฒิสมาชิกแยกเป็นสองส่วน “ถึงแล้วค่ะ” เรนาตาพูดพร้อมกับก้าวไปยืนตรงทางเดินแคบๆ ที่ พืน้ เป็นตะแกรงเหล็ก เมก้มดูกอ่ นจะรูส้ กึ เกร็งช่องท้อง เพราะเธอสามารถ มองเห็นไปถึงพื้นล่างที่อยู่ห่างลงไปสี่ชั้นได้เลย เมลองพูดติดตลกดู “หวังว่าคุณคงไม่จับคนที่เป็นโรคเวียนศีรษะ บ้านหมุนขึ้นมาอยู่บนนี้นะคะ” เรนาตาชะงักแล้วหันไปหาเม ท่าทางกังวลอย่างมาก “ไม่อยู่แล้ว ค่ะ แต่ประวัติของคุณบอกว่า...” “เปล่าค่ะเปล่า” เมพูด “ฉันสบายมาก” “จริงๆ นะคะ เราสามารถจัดให้คุณอยู่ชั้นที่ต�่ำกว่า...” “ไม่ค่ะไม่ จริงๆ ค่ะ ที่นี่เหมาะแล้ว ขอโทษนะคะ ฉันแค่พูดเล่น” เรนาตาดูตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด “โอเคค่ะ บอกฉันแล้วกันนะคะถ้า มีอะไรไม่เหมาะ” “ได้ค่ะ” “แน่นะคะ? เพราะแอนนี่อยากให้ฉันดูแลให้เรียบร้อย” “แน่ค่ะ ฉันสัญญา” เมพูดก่อนจะยิ้มให้เรนาตาที่กลับมาเป็นปกติ แล้วและเดินต่อไป ทางเดินพาทั้งคู่มาถึงพื้นห้องใหญ่ที่กว้าง มีหน้าต่าง และแบ่ง เป็นสองส่วนโดยมีโถงทางเดินยาวคั่นกลาง ทั้งสองฝั่งประกอบไปด้วยห้อง ท�ำงานที่ด้านหน้าเป็นกระจกสูงจากพื้นจดเพดาน สามารถมองเห็นคนที่ อยู่ภายในห้องได้ แต่ละห้องตบแต่งอย่างบรรจงทว่ามีรสนิยม มีห้องหนึ่ง เต็มไปด้วยของที่เกี่ยวกับการแล่นเรือใบ ส่วนมากดูเหมือนลอยอยู่ใน อากาศ ห้อยลงมาจากคานเปลือย อีกห้องเต็มไปด้วยต้นบอนไซเรียงราย ทั้งสองเดินผ่านครัวเล็กๆ ผ่านตู้ ผ่านชั้นวางแก้ว ผ่านตู้เย็นที่มีแม่เหล็กรูป ช้อนส้อมติดไว้อย่างเป็นระเบียบ ทุกอย่างสว่างเพราะแสงจากไฟระย้าที่ เป่าด้วยมือและประดับด้วยหลอดไฟหลากสีสัน แขนของโคมที่ยื่นอออกไป มีทั้งสีส้ม สีพีช และสีชมพู “โอเค ถึงแล้วค่ะ” เดอะ เซอร์เคิล

17


ทั้งสองหยุดตรงคอกท�ำงานสีเทาเล็กๆ ที่มีวัสดุหุ้มหน้าตาเหมือน ลินินสังเคราะห์ เมใจแป้ว คอกนี้หน้าตาแทบจะเหมือนคอกที่เธอเคย ท�ำงานมาตลอดสิบแปดเดือนทีผ่ า่ นมา นีเ่ ป็นสิง่ แรกทีเ่ ธอได้เห็นทีเ่ ซอร์เคิล ที่ไม่ได้ผ่านการทบทวน เป็นสิ่งแรกที่เหมือนอดีตทุกอย่าง เธอไม่อยาก เชื่อเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยว่าวัสดุที่หุ้มผนังพาร์ทิชั่นนี้จะเป็น...ผ้า กระสอบ เมรู้ว่าเรนาตาก�ำลังมองเธออยู่ เธอรู้ว่าหน้าตัวเองคงหักหลังเธอ อยู่ ด้วยการแสดงความสยองออกไป ยิ้มสิ เธอคิด ยิ้ม “โอเคหรือเปล่าคะ?” เรนาตาถาม สายตาของเธอมองไปทั่ว ใบหน้าของเม เมบังคับปากให้แสดงความพอใจออกมาบ้าง “เยี่ยมค่ะ ดูดี” นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอหวังไว้เลย “เอาละค่ะ ถ้างั้น ฉันจะให้คุณได้ท�ำความคุ้นเคยกับพื้นที่ท�ำงาน ของคุณก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวเดนิซกับโจไซอาห์จะมาช่วยแนะน�ำและช่วย เตรียมตัวให้” เมขยับปากให้ย้ิมอีก เรนาตาหันหลังแล้วเดินจากไป เมนั่งลง พร้อมกับสังเกตเห็นว่าเก้าอี้หักพังไปครึ่งตัว มันไม่ยอมขยับ ล้อมันเหมือน ติดอะไรสักอย่าง ทุกล้อเลย ส่วนคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็เป็นรุ่น โบราณที่เธอไม่เห็นในบริเวณอื่นของตึก เมสับสนงุนงง เธอพบว่าอารมณ์ ของตัวเองจมดิ่งไปหานรกเดิมที่เคยอยู่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา มีใครเคยท�ำงานด้านสาธารณูปโภคบ้าง? เมมาท�ำงานที่นี่ได้ อย่างไร? เธอทนได้อย่างไรน่ะหรือ? เวลาคนถามว่าเธอท�ำงานที่ไหน เธอ มักจะโกหกแล้วบอกว่าไม่ได้ทำ� งาน มันจะดีกว่าไหมถ้างานนีอ้ ยูท่ อี่ นื่ เป็น ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเกิดของเธอ? หลังชิงชังบ้านเกิดของตัวเองได้ราวหกปี แถมยังแอบต่อว่าพ่อ แม่ที่ย้ายไปอยู่ที่นั่นจนท�ำให้เธอต้องอยู่ที่นั่นด้วย ที่ซึ่งแร้นแค้นและแทบ 18

เดฟ เอกเกอร์ส


ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีความหลากหลาย ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีสิ่ง จรรโลงใจประเทืองปัญญา ตอนนี้เมเริ่มนึกถึงเมืองลองฟิลด์ในแง่ที่ว่าเป็น เมืองแห่งความนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมาแล้ว ที่นี่เป็นเมืองเล็กซึ่งอยู่ระหว่าง เมืองเฟรสโนและทรานควิลลิต้ี ก่อสร้างและตั้งชื่อโดยชาวสวนที่มีความ คิ ด เถรตรงคนหนึ่ ง ในปี 1866 เวลาผ่ า นไปหนึ่ ง ร้ อ ยห้ า สิ บ ปี จ� ำ นวน ประชากรสูงสุดก็ยังมีไม่ถึงสองพันคน ส่วนมากท�ำงานในเมืองเฟรสโนที่ อยู่ห่างไปยี่สิบไมล์ ลองฟิลด์เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพถูก พ่อแม่ของเพื่อน ฝูงของเมมักท�ำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ครูหรือคนขับรถ บรรทุกที่ชอบออกล่าสัตว์ ในบรรดาเพื่อนรุ่นเดียวกับเธอทั้งหมดแปดสิบ เอ็ดคน เมเป็นหนึ่งในจ�ำนวนเพียงสิบสองคนที่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย อีกสี่ปี และเป็นคนเดียวที่ได้ไปเรียนทางตะวันตกอย่างรัฐโคโลราโด แต่ เมไปไกลมาก เธอสร้างหนี้ก้อนโตเพียงเพื่อจะกลับมาท�ำงานในหน่วยงาน ด้านสาธารณูปโภคท้องถิ่นให้มันฉีกทึ้งเธอ ฉีกทึ้งพ่อแม่เธอ แต่ภายนอก ทุกคนก็บอกว่าเธอท�ำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่คว้าโอกาสอันมั่นคงไว้และเริ่ม ท�ำงานเพื่อใช้หนี้ อาคารหน่วยงานสาธารณูปโภคตึกสามบีตะวันออก เป็นอาคาร ปูนที่มีหน้าต่างแคบยาวตามแนวตั้ง ภายในห้องท�ำงานส่วนใหญ่จะใช้อิฐ ท�ำผนัง ทุกอย่างล้วนทาด้วยสีเขียวน่าเกลียด เหมือนท�ำงานอยู่ในห้องที่ เต็มไปด้วยล็อคเกอร์ เธอเป็นพนักงานที่อายุน้อยที่สุดในตึกนี้โดยเด็กกว่า คนอื่นราวสิบปี แต่กระนั้นพวกที่อายุสามสิบกว่าก็ยังเหมือนอยู่กันคนละ ศตวรรษ ทุกคนทึ่งกับทักษะด้านคอมพิวเตอร์ของเธอทั้งที่มันเป็นแค่ ทักษะพื้นฐาน และเป็นทักษะที่คุ้นเคยดีในหมู่คนที่เธอรู้จัก แต่เพื่อนร่วม งานที่หน่วยงานสาธารณูปโภคกลับพิศวงกันมาก คนพวกนั้นเรียกเธอว่า สายฟ้าสีด�ำ ซึ่งสื่อเป็นนัยถึงผมของเธอ แล้วบอกว่าเธอจะมีอนาคตใน หน่วยงานสาธารณูปโภคนี้อย่างแน่นอน ถ้าเธอเดินหมากให้ถูกทาง พวก เขาบอกว่าภายในสี่ถึงห้าปีเธอมีสิทธิ์เป็นหัวหน้าฝ่ายไอทีของทั้งส�ำนักงาน ย่อยเลยทีเดียว เมรู้สึกหงุดหงิดร�ำคาญแบบไร้ขีดจ�ำกัด เธอไม่ได้เข้าเรียน มหาวิทยาลัย หรือจ่ายเงินเรียนคณะมนุษยศาสตร์สูงถึงสองแสนสามหมื่น เดอะ เซอร์เคิล

19


สี่พันเหรียญเพื่อมาท�ำงานแบบนี้เลย แต่มันก็คืองานแล้วเธอก็ต้องใช้เงิน เงินกู้เล่าเรียนของเธอไม่ใช่เงินก้อนเล็กแถมยังต้องจ่ายทุกเดือน ดังนั้นเม จึงท�ำงานนี้และยอมรับเงินเดือนรวมถึงคอยจับตาหาสิ่งที่ดีกว่าไปด้วย หัวหน้าโดยตรงของเธอเป็นผู้ชายชื่อเควิน ซึ่งควรจะท�ำงานเป็น เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของหน่วยงาน แต่น่าประหลาดที่เขากลับไม่รู้อะไร เกี่ยวกับเทคโนโลยีเลย เขารู้จักสายไฟ รู้จักอุปกรณ์แยกสัญญาณ คือน่า จะไปเล่นวิทยุสอื่ สารในห้องใต้ดนิ ทีบ่ า้ นตัวเองมากกว่า ไม่ใช่มาเป็นหัวหน้า ของเม ทุกๆ วัน ทุกๆ เดือนเขาจะสวมเสื้อเชิ้ตผ่าหน้าแขนสั้น ผูกเน็กไท สีน�้ำตาลแดง เขาเป็นคนที่เป็นภัยร้ายแรงต่อประสาทสัมผัสหลายส่วน ลม หายใจมีกลิ่นแฮม หนวดก็เฟิ้มแถมยังโง้งออกมาข้างหน้าเหมือนเป็นอุ้งมือ เล็กๆ ที่พุ่งออกมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรู จมูกที่บานแฉ่งอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้น่ะไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าเขาจะสร้างปัญหาให้แค่ไหนก็ เถอะ แต่เธอทนไม่ได้ท่ีเขาดันเชื่อจริงๆ ว่าเธอสนใจ เควินเชื่อว่าเมซึ่งเรียน จบจากคาร์ลตันและมีความฝันสูงส่งยากจะเอือ้ มถึงคนนี้ สนใจงานทีห่ น่วย สาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าและพลังงานก๊าซจริงๆ เธอจะวิตกกังวลมากหาก เควินมองว่าผลงานของเธอบางวันต�ำ่ กว่ามาตรฐาน มันจะท�ำให้เธอหัวเสีย สุดๆ เวลาเขาเรียกให้เธอไปหาที่ห้อง ซึ่งเขาจะปิดประตูแล้วไปนั่งที่มุม โต๊ะตัวเอง เวลานั้นจะเป็นช่วงที่ทรมานมาก คุณรู้ไหมว่าท�ำไมคุณถึงมา อยู่ตรงนี้? เขาจะถามเธอ อย่างกับพวกต�ำรวจทางหลวงที่โบกให้เธอจอด รถ ส่วนเวลาอื่นที่เขาพึงพอใจอะไรกับงานที่เธอท�ำในวันนั้น เขาจะท�ำ เรื่องที่แย่ยิ่งกว่า ซึ่งได้แก่การชื่นชมเธอ เขาจะเรียกเมว่าลูกมือของเขา เควินชอบค�ำนีม้ าก และมักแนะน�ำเมให้รจู้ กั กับแขกของหน่วยงานโดยบอก ว่า “นี่ลูกมือผมครับ...เม เป็นคนหัวไวทีเดียว แทบจะตลอดเวลา” พอถึง ตรงนี้เขาจะขยิบตาให้เหมือนเป็นกัปตันเรือ ส่วนเมก็เป็นต้นหน และทั้ง สองคนก็คือคู่เก๋าที่ผ่านการผจญเรื่องราวสุดห้าวหาญด้วยกันมาแล้วหลาย ครัง้ จนยอมอุทศิ ตนเพือ่ และกันและกันไปตลอดกาล “ถ้าเธอไม่ไปท�ำอย่าง 20

เดฟ เอกเกอร์ส


อื่น เธอมีอนาคตสดใสรออยู่ที่นี่เลยละ” เมทนไม่ได้ ระหว่างท�ำงานนี้ทุกวันตลอดเวลาสิบแปดเดือนที่นั่น เมนึกสงสัยตลอดว่าจะขอให้แอนนี่ช่วยได้ไหม เธอไม่เคยขอร้องอะไรแบบ นี้มาก่อน ไม่เคยขอให้ใครมาช่วย มาอุ้มชู เพราะมันดูเป็น การเรียกร้อง การกดดัน พ่อเธอบอกว่ามันคือ การรบเร้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ที่บ้านไม่ได้อบรม เธอมา พ่อแม่เมเป็นคนพูดน้อยที่ไม่ชอบขวางทางใคร เป็นคนพูดน้อยที่มี ศักดิ์ศรีและไม่รับอะไรจากใคร เมเองก็เคยเป็นแบบเดียวกัน แต่งานนีม้ นั ท�ำให้เธอกลายเป็นอย่าง อื่นไปแล้ว กลายเป็นคนที่ยอมท�ำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปจากที่นี่ มันแย่มาก แย่หมดทุกอย่าง ทั้งอิฐสีเขียว เครื่องท�ำน�้ำเย็น บัตรส�ำหรับตอกบัตร หรือ ใบประกาศเกียรติคุณ ที่มอบแก่คนที่ท�ำสิ่งพิเศษ รวมถึงเวลางานแบบนั้น! ท�ำตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันห้าโมงเย็นจริงๆ ทุกอย่างเหมือนเป็นสิ่งที่มาจากยุค อื่น เป็นเวลาที่ถูกลืมแบบชอบธรรม มันท�ำให้เมรู้สึกว่าไม่ได้แค่เสียเวลา ในชีวิต แต่บริษัทนี้ก�ำลังท�ำให้ชีวิตสูญเปล่า ท�ำให้ศักยภาพของมนุษย์สูญ เปล่าและเป็นอุปสรรคเหนี่ยวรั้งไม่ให้โลกหมุน ส่วนมุมท�ำงานที่นั่น หรือ มุมท�ำงานของเธอ นั่นน่ะที่สุดของทุกอย่างเลย ผนังเตี้ยรอบตัวเธอที่มี เจตนาจะช่วยให้มีสมาธิกับงานตรงหน้านั้นล้วนหุ้มทับด้วยผ้ากระสอบ ราวกับเกรงว่าวัสดุอื่นอาจท�ำให้เธอวอกแวกได้ หรืออาจชักจูงเธอให้ท�ำ อะไรแตกต่างแปลกแยก ดังนัน้ เธอจึงต้องใช้เวลาสิบแปดเดือนอยูใ่ นออฟฟิศ ที่คิดว่าในบรรดาวัสดุที่มนุษย์และธรรมชาติจะมีให้ สิ่งที่พนักงานควรได้ เห็นทั้งวันทั้งคืนคือผ้ากระสอบ ...ผ้ากระสอบแบบที่ดูสกปรก ผ้ากระสอบ ทีเ่ นือ้ ไม่คอ่ ยละเอียด ผ้ากระสอบหนาๆ ผ้ากระสอบทีค่ นจนใช้ผา้ กระสอบ ราคาถูก โอ พระเจ้า เธอคิดในใจ ตอนออกจากที่นั่นได้เมปฏิญาณกับตัว เองเลยว่าจะไม่ขอเห็น หรือสัมผัส หรือรับรู้ถึงตัวตนของวัสดุนั้นอีก เธอไม่ได้คาดหวังจะพบมันอีกครั้ง จะมีสักกี่ครั้งกันที่เราจะพบ เจอผ้ากระสอบภายหลังพ้นศตวรรษที่สิบเก้า หรือภายนอกร้านรวงจาก ศตวรรษที่สิบเก้า เมคิดว่าเธอจะไม่มีวันได้เจอ แต่แล้วมันก็มาอยู่ตรงนี้ อยู่รอบตัวเธอในพื้นที่ท�ำงานใหม่ที่เซอร์เคิล ซึ่งพอได้มอง ได้กลิ่นอับๆ เดอะ เซอร์เคิล

21


ของมัน เมก็ถึงกับน�้ำตาคลอ “ผ้ากระสอบบ้า” เธอพึมพ�ำกับตัวเอง จากนั้นจึงได้ยินเสียงถอนใจดังมาจากข้างหลัง ตามด้วยเสียงพูด “ฉันว่านี่คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีแล้วล่ะ” พอหันกลับไปเจอแอนนี่ที่ยืนก�ำหมัดสองข้างท้าวเอวอยู่ ท�ำท่า เหมือนเด็กที่ก�ำลังงอน “ผ้ากระสอบบ้า” แอนนี่พูดล้อเลียนท่าทางงอนปึ่ง ของเม ก่อนจะหัวเราะลั่น และพอหัวเราะจนหน�ำใจก็กล่าวว่า “เหลือเชื่อ จริงๆ ขอบคุณเธอมากนะเม ฉันรู้ว่าเธอเกลียดมัน แต่ฉันอยากเห็นกับตา ว่าเกลียดมากแค่ไหน ขอโทษนะที่ท�ำให้เธอเกือบร้องไห้แน่ะ ให้ตายสิ” คราวนี้เมหันไปมองเรนาตาที่ยกมือสองข้างขึ้นสูงแสดงการยอม แพ้ “ไม่ใช่ความคิดฉันนะคะ!” เธอว่า “แอนนี่เป็นคนบอกให้ฉันท�ำ! อย่า เกลียดฉันเลย!” แอนนี่ถอนใจด้วยความพอใจ “ฉันต้องไปซื้อพาร์ทิช่ันนี้มาจาก วอลมาร์ทเลยนะ ไหนจะคอมพิวเตอร์นั่นอีก! ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะ เจอในอินเตอร์เน็ต ทีแรกก็นึกว่าไปหาของจากชั้นใต้ดินมาก็ได้ แต่บอก ตรงๆ ว่าทั้งบริษัทเราไม่มีของที่เก่าและอัปลักษ์พอจะใช้ได้เลย โอ พระเจ้า เธอน่าจะได้เห็นสีหน้าตัวเองจริงๆ” เมใจเต้นตึกตัก “เธอมันวิปริต” แอนนี่แกล้งท�ำหน้างง “ฉันหรือ ไม่วิปริตนะ ออกจะยอดเยี่ยม” “ไม่อยากเชือ่ เลยว่าเธอจะลงทุนล�ำบากถึงขนาดนัน้ เพือ่ แกล้งฉัน” “ลงทุนสิ ฉันถึงมาอยู่ตรงที่ที่อยู่ตอนนี้ได้ไงล่ะ ทั้งหมดมันส�ำคัญ ที่การวางแผนและการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้” เธอขยิบตาให้เมเหมือน เซลส์แมน เมอดหัวเราะไม่ได้ แอนนี่ช่างเพี้ยนจริงๆ “ทีนี้ไปกันดีกว่า ฉัน จะพาเธอชมสถานที่เต็มรูปแบบเอง” ขณะที่เมเดินตามไป เธอต้องเตือนตัวเองว่าแอนนี่ไม่ได้เป็นผู้ บริหารอาวุโสของบริษัทอย่างเซอร์เคิลมาแต่แรก มันยังเคยมีช่วงเวลาที่ แอนนี่เป็นนักศึกษา สวมกางเกงขายาวผ้าสักหลาดส�ำหรับใส่อยู่บ้านของ 22

เดฟ เอกเกอร์ส


ผู้ชายไปเรียน ไปดินเนอร์ และไปเดทแบบง่ายๆ ซึ่งก็ผ่านไปเมื่อสี่ปีก่อนนี้ เอง แอนนี่คือผู้หญิงที่หนึ่งในบรรดาแฟนของเธอตั้งชื่อว่ายัยต๊อง และแฟน ของเธอก็มีหลายคน ทุกคนรักเดียวใจเดียว ทุกคนเป็นคนดี แต่เธอมีต้นทุน ทีท่ ำ� ให้ทำ� ตัวแบบนัน้ ได้ แอนนีม่ าจากครอบครัวมีฐานะ สืบต่อกันมาหลาย รุ่น เธอสวยน่ารัก มีลักยิ้มและขนตายาว ผมสีบลอนด์จนดูยังไงก็ไม่น่า เชื่อว่าเป็นสีผมจริง ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นคนร่าเริง ราวกับไม่ยอมให้อะไรมาร บกวนจิตใจได้เลยสักชั่วขณะเดียว แต่เธอก็เป็นยัยต๊องด้วย แอนนี่เป็น คนแขนขายาว มือไม้จะกวัดแกว่งไปมาดูน่าหวาดเสียวเวลาพูดจา ทั้งยัง มักจะชอบพูดอะไรประหลาดไม่เหมือนคนอื่น และมีความหมกมุ่นแปลกๆ อย่างเช่น หมกมุ่นเรื่องถ�้ำ เรื่องการลองท�ำน�้ำหอม เรื่องเพลงแนวปั๊ปปาดู วับ เธอยังเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าทุกคน กับคนที่เคยมีอะไรกัน และกับ อาจารย์ทุกคน (เธอรู้จักอาจารย์เป็นการส่วนตัวและชอบส่งของขวัญให้) แอนนี่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนบริหารชมรมเกือบทุกชมรม และทุก งานการกุศลในมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีเวลาที่จะทุ่มเทให้กับ การเรียน ที่จริงแล้วมีให้ทุกอย่างนั่นแหละ ขณะเดียวกันเวลาไปงานเลี้ยง ที่ไหนเธอก็มักจะเป็นคนที่ชอบท�ำเรื่องน่าอายเพื่อให้คนอื่นผ่อนคลายและ เป็นคนสุดท้ายที่ลากลับ ค�ำอธิบายเดียวที่มีเหตุผลส�ำหรับเรื่องนี้คงเป็นว่า เธอเป็นคนไม่นอน แต่กรณีนี้ไม่ใช่แบบนั้น แอนนี่เป็นคนที่หลับได้แบบไม่ สนใจใคร หลับวันละแปดถึงสิบชั่วโมง หลับที่ไหนก็ได้ จะแค่สามนาที ระหว่างนัง่ รถ หรือบนโต๊ะสกปรกในร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย หรือโซฟา ห้องถ่ายใครก็ได้ ตอนไหนก็ได้ เมเจอเรื่องนี้กับตัวเพราะเธอเป็นเหมือนคนขับรถให้แอนนี่เวลา เดินทางไกล ขับผ่านทั้งรัฐมินเนโซตาไปจนถึงวิสคอนซินและไอโอวา เพื่อ ไปร่วมการแข่งขันวิ่งข้ามประเทศจ�ำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้มีความหมาย อะไร เมได้ทุนบางส่วนจากคาร์ลตันเพราะการวิ่ง และนั่นก็คือสาเหตุที่ ท�ำให้เธอได้พบกับแอนนี่ คนที่เก่งโดยไม่ต้องพยายาม คนที่แก่กว่าเธอ สองปีแต่แทบไม่ค่อยได้สนใจว่าตัวเองหรือทีมจะชนะหรือแพ้ ในการวิ่ง บางครั้งแอนนี่อาจทุ่มเทตั้งใจ อาจจะยั่วโมโหฝ่ายตรงข้าม พูดจาดูถูกชุด เดอะ เซอร์เคิล

23


กีฬาหรือคะแนนสอบแซตส์* ของอีกฝ่าย แต่ในการวิ่งครั้งถัดไปเธอก็อาจ จะไม่สนใจผลการแข่งขันแม้แต่น้อย แต่ก็ยินดีที่จะนั่งรถไปด้วย ซึ่งเวลา ทีต่ อ้ งนัง่ รถนานๆ ...และเป็นรถของแอนนีเ่ องทีเ่ ธอมักให้เมเป็นคนขับ แอน นีจ่ ะชอบเอาเท้าเปล่าพาดออกไปนอกหน้าต่าง ชื่นชมวิวทิวทัศน์ที่ผ่านไป และขณะเดียวกันก็จะนั่งทายได้นานเป็นชั่วโมงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้อง นอนของโค้ชทั้งสองซึ่งเป็นคู่สามีภรรยาที่เหมือนกันมาก แม้กระทั่งทรง ผมที่ตัดเกรียนแบบทหาร เมหัวเราะทุกเรื่องที่แอนนี่พูด ท�ำให้ลืมเรื่องการ แข่งขันไปได้บ้าง เพราะเมแตกต่างจากแอนนี่ตรงที่ต้องชนะหรืออย่างน้อย ก็ต้องท�ำให้ดีที่สุด เพื่อให้สมน�้ำสมเนื้อกับทุนสนับสนุนที่ทางมหาวิทยาลัย มอบให้ ทีมของเธอมักไปถึงก่อนการแข่งขันเริ่มไม่กี่นาทีเสมอ แถมแอนนี่ ยังชอบลืมตลอดว่าต้องแข่งขันรายการไหน หรือลืมว่าเธออยากลงแข่งจริง หรือไม่ แล้วมันเป็นไปได้อย่างไร ที่คนเหลาะแหละเหลวไหลคนนี้ คนที่ ยังพกผ้าห่มสมัยเด็กไว้ในกระเป๋า จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและมีต�ำแหน่ง สูงในเซอร์เคิลแบบนี้ ตอนนี้แอนนี่เป็นส่วนหนึ่งของคณะบุคคลที่มีความ คิดส�ำคัญที่สุดสี่สิบคนในบริษัท เรียกว่าคณะบุคคลทั้งสี่สิบ อันเป็นบุคคล ที่มีสิทธิ์รู้แผนการและข้อมูลลับของบริษัทแทบทุกอย่าง และเธอก็สามารถ ผลักดันให้มีการจ้างเมได้โดยไม่เสียเหงื่อแแม้แต่หยดเดียว แถมยังสามารถ จัดการทุกอย่างได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เมกล�้ำกลืน ศักดิศ์ รีและขอความช่วยเหลือจากเธอในทีส่ ดุ อีกด้วย นีค่ อื หลักฐานทีแ่ สดง ให้เห็นถึงความตั้งใจเบื้องลึกของแอนนี่ ซึ่งลึกลับและเป็นโชคชะตาที่มี ความหมายส�ำคัญ เพราะถ้าดูจากภายนอก แอนนี่ไม่เคยแสดงวี่แววของ ความทะเยอทะยานใฝ่สูงแต่อย่างใด แต่เมมั่นใจว่ามันมีบางอย่างในตัว แอนนีท่ กี่ ำ� หนดมาให้เป็นแบบนี้ ก�ำหนดว่าเธอจะต้องมาอยูจ่ ดุ นี้ ต�ำแหน่ง นี้ ไม่ว่าเธอจะมาจากไหนก็ตาม ต่อให้เธอเกิดมาตาบอดในครอบครัวคน * SAT คือข้อสอบมาตรฐานทีม่ หาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงหลักสูตรอินเตอร์ ในเมืองไทยใช้ประกอบการสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เหมือนกับการสอบแอดมิชชั่น เพียงแต่ไม่ได้วดั ทีค่ วามรูว้ ชิ าต่างๆ แต่เป็นการวัดทักษะ (Skills) การใช้เหตุผล เหมือนข้อสอบ ความถนัดทั่วไป 24

เดฟ เอกเกอร์ส


เลี้ยงแกะและโตในทุ่งทุนดราที่ไซบีเรีย เธอก็จะยังมาอยู่ตรงจุดนี้ได้อยู่ดี “ขอบใจนะแอนนี่” เมได้ยินตัวเองพูดออกไป ทั้งสองเดินผ่านห้องประชุมสองสามห้อง ผ่านเลาจน์ และก�ำลัง เดินผ่านห้องแสดงงานศิลปะห้องใหม่ของบริษัทที่มีงานของฌอง มิเชล บาสกียาต์ อยู่ราวห้าหกภาพ โดยเป็นงานที่เพิ่งได้มาจากพิพิธภัณฑ์ใกล้เจ๊ง แห่งหนึ่งในไมอามี่ “เอาเถอะ” แอนนี่พูด “แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่เธอต้องอยู่ใน แผนกลูกค้าสัมพันธ์ ฉันรู้ว่ามันฟังดูแย่มาก แต่ฉันอยากบอกเธอให้รู้ไว้นะ ว่ า พนั ก งานอาวุ โ สครึ่ ง หนึ่ ง ของบริ ษั ท ก็ เริ่ ม ต้ น จากแผนกนั้ น เธอเชื่ อ ฉันไหม?” “ฉันเชื่อ” “ดีแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องจริง” ทั้งคู่ออกจากห้องแสดงงานศิลปะและเข้าไปในห้องอาหารที่อยู่ ชั้นสอง “โรงอาหารโปร่งแสง ฉันรู้ว่ามันเป็นชื่อที่แย่มาก” แอนนี่พูด ที่นี่ ออกแบบให้คนทีม่ ากินอาหารสามารถนัง่ กินอาหารได้ตามชัน้ ต่างๆ ทัง้ หมด เก้าชั้น และไม่ว่าพื้นหรือผนังก็ท�ำด้วยกระจกหมด มองทีแรกจึงเหมือน คนเป็นร้อยก�ำลังนั่งกินอาหารอยู่กลางอากาศไม่มีผิด ทั้งสองเดินผ่านห้องยืม ซึ่งมีของตั้งแต่จักรยาน กล้องส่องทาง ไกล ไปจนถึงเครื่องร่อนให้พนักงานยืมฟรี จากนั้นก็เดินต่อไปที่อควาเรียม ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่ผู้ก่อตั้งคนหนึ่งคิดขึ้น ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าตู้โชว์ที่สูง เท่ากับพวกเธอ ในตู้มีแมงกะพรุนลอยละล่องไปมาช้าๆ มันลอยขึ้นและ ลงโดยไม่มีรูปแบบหรือเหตุผลที่เห็นได้ชัด “ฉันจะคอยจับตาดูเธอ” แอนนี่พูด “ทุกครั้งที่เธอท�ำผลงานได้ ยอดเยี่ยมฉันจะท�ำให้ทุกคนได้รับรู้ เธอจะได้ไม่ต้องอยู่ตรงนั้นนานๆ คน ที่นี่เลื่อนต�ำแหน่งกันอย่างสม�่ำเสมอ และอย่างที่เธอก็รู้ ว่าส่วนมากเราจะ จ้างคนจากภายใน ดังนั้นแค่ท�ำให้ดีและก้มหน้าก้มตาเข้าไว้ แล้วเธอจะ ตกใจเมื่อพบว่าตัวเองออกจากแผนกลูกค้าสัมพันธ์ไปท�ำอะไรที่สนุกสนาน กว่าได้เร็วขนาดไหน” เดอะ เซอร์เคิล

25


เมมองตาแอนนีท่ กี่ ระจ่างใสเหมือนแสงไฟในอควาเรียม “ไม่ตอ้ ง เป็นห่วงนะ ถ้าได้อยู่ท่ีนี่จะเป็นต�ำแหน่งไหนฉันก็ดีใจทั้งนั้น” “อยู่ตีนบันไดที่เราอยากปีนยังไงก็ดีกว่าอยู่กลางบันไดที่เราไม่ อยากปีนจริงไหม? พวกบันไดขยะที่ท�ำจากขยะน่ะ?” เมหัวเราะ มันน่าตกใจจริงๆที่ได้ยินค�ำพูดรุนแรงจากปากคนที่มี ใบหน้าสวยหวาน “เธอชอบพูดจาสบถแบบนี้บ่อยเหรอ ฉันจ�ำไม่ได้เลยว่า เธอมีนิสัยนี้ด้วย” “ก็มีบางเวลาที่เหนื่อยน่ะ ซึ่งแทบจะตลอดเวลานั่นแหละ” “เธอเคยเป็นเด็กสาวที่อ่อนหวานนะ” “โทษที ขอโทษทีว่ะเม! ขอโทษจริงๆ นะเว้ยเม! เอาละ ไปดูอย่าง อื่นกันดีกว่า ไปคอกสุนัขกัน!” “นี่วันนี้เราจะท�ำงานหรือเปล่า?” เมถาม “ท�ำงานหรือ ก็ท�ำอยู่นี่ไง นี่คืองานที่เธอได้รับมอบหมายในวัน แรก นั่นคือการท�ำความรู้จักสถานที่ ผู้คน ท�ำความคุ้นเคยซะ เธอก็รู้ใช่ ไหมเวลาจะเอาไม้ใหม่มาปูพื้นบ้าน...” “ไม่ ฉันไม่รู้” “ก็เวลาท�ำแบบนั้น ก่อนอื่นเราต้องเอาไม้มาวางทิ้งไว้สิบวันก่อน ให้ไม้มันปรับตัว จากนั้นค่อยปูลงไป” “งั้นส�ำหรับอุปมานี้ ฉันถือเป็นไม้ใช่ไหม?” “เธอคือไม้” “แล้วจากนั้นฉันก็จะถูกปูลงไป” “ใช่ จากนั้นเราจะปูเธอลงไป เราจะตอกเธอด้วยตะปูจิ๋วหมื่นตัว เธอต้องชอบแน่” ทั้งสองไปเยี่ยมคอกสุนัข คอกนี้เป็นไอเดียของแอนนี่เอง สุนัข ของเธอชื่อดร.คินส์แมนเพิ่งตายไป แต่มันก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นี่ หลายปี ชีวิตที่ไม่ต้องห่างไกลจากเจ้าของ ท�ำไมพนักงานหลายพันคนต้อง ทิ้งสุนัขไว้ในบ้านด้วยในเมื่อเขาสามารถพามันมาท�ำงานด้วยได้ ให้มันได้ อยู่ใกล้คน ใกล้สุนัขอื่น และได้รับการดูแลแทนที่จะอยู่ตามล�ำพังน่ะ นั่น 26

เดฟ เอกเกอร์ส


คือเหตุผลของแอนนี่ที่ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วและได้รับการกล่าว ขานว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่ดีมาก จากนั้นพวกเธอก็ไปดูไนท์คลับที่ระหว่างช่วง กลางวันมักใช้เป็นฟลอร์เต้นร�ำเริงรื่นอันเป็นวิธีออกก�ำลังกายได้อย่างดี เยี่ยม แอนนี่บอกแบบนั้น แล้วทั้งสองก็ไปดูลานวงกลมใหญ่กลางแจ้งกับ โรงหนังเล็กในอาคาร “ที่นี่มีกลุ่มนักแสดงตลกเล่นสดอยู่ราวสิบคน” หลัง จากดูเสร็จก็ไปกินอาหารเที่ยงที่โรงอาหารชั้นหนึ่งซึ่งใหญ่กว่า ตรงมุมห้อง มีเวทีเล็กๆ และมีชายคนหนึ่งก�ำลังเล่นกีตาร์ ใบหน้าเขาดูคล้ายนักร้องนัก แต่งเพลงสูงอายุที่พ่อแม่เมชอบฟัง “นั่นใช่...” “ใช่เลย” แอนนี่พูดโดยไม่หยุดเดิน “ทุกวันจะมีคนนั้นคนนี้มา นัก ดนตรีบ้าง นักแสดงตลกบ้าง นักเขียนบ้าง มันเป็นโปรเจ็กต์ที่เบลีย์ใฝ่ฝัน คือให้พาคนเหล่านี้มาเจอคนดูบ้าง โดยเฉพาะเมื่อชีวิตภายนอกมันไม่โสภา กับพวกเขาเท่าไหร่” “ฉันพอรู้ว่ามีคนมานะ แต่นี่เธอพูดว่าทุกวันงั้นหรือ?” “เราจองตัวล่วงหน้าปีหนึ่งเลย ต้องแย่งกันด้วยนะ” ตอนนี้นักเขียนนักแต่งเพลงคนที่ว่าก�ำลังร้องเพลงแบบได้อารมณ์ เขาเอียงศีรษะไปข้างหนึ่ง ผมปิดตา มือก็ดีดไม่หยุด แต่คนส่วนใหญ่โรง อาหารแทบไม่ได้สนใจเขาเลย “นึกไม่ออกจริงๆ ว่าใช้เงินเท่าไหร่” เมพูด “โอ พระเจ้า เราไม่ได้จ่ายค่าจ้างหรอก โอ๊ะ เดี๋ยวนะ เธอน่าจะ ได้รู้จักคนนี้” แอนนี่ทักชายที่ชื่อวิพูล ซึ่งตามที่แอนนี่บอก อีกไม่นานเขาจะ เปลีย่ นโฉมหน้าโทรทัศน์ใหม่หมด มันคือสือ่ ทีย่ ำ�่ อยูก่ บั ทีม่ ากกว่าสือ่ ตัวไหน ในศตวรรษที่ยี่สิบ “ลองดูศตวรรษที่สิบเก้าก็ได้” เขาพูด น�้ำเสียงเจือส�ำเนียงอินเดีย นิดหน่อย แต่ภาษาอังกฤษของเขาถูกต้องเป๊ะแถมยังฟังดูอวดโอ่ด้วย “มัน คือที่สุดท้ายที่ลูกค้าไม่เคยได้สิ่งที่ต้องการเลย มันคือหลักฐานการซื้อขาย แบบโบราณระหว่างผูผ้ ลิตกับผูช้ มทีย่ งั หลงเหลืออยู่ ทัง้ ทีต่ อนนีเ้ ราไม่ได้เป็น เดอะ เซอร์เคิล

27


ทาสใครแล้ว!” เขาบอก ไม่นานก็ขอตัวผละไป “หมอนั่นไม่ธรรมดา” แอนนี่พูดตอนเดินผ่านโรงอาหาร ระหว่าง ทางก็แวะโต๊ะต่างๆ ห้าหกตัว ได้พบกับคนที่น่าสนใจ ทุกคนท�ำสิ่งที่แอนนี่ บอกว่าเป็นเรื่องเขย่าโลก หรือเรื่องที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือเรื่องที่ล�้ำสมัย กว่าคนอื่นไปห้าสิบปี ขอบข่ายงานที่ท�ำอยู่ตอนนี้ก็น่าตกใจมาก พวกเธอ ได้พบกับกลุ่มผู้หญิงที่ก�ำลังออกแบบยานส�ำรวจใต้น�้ำ ซึ่งจะช่วยให้ร่องลึก ก้นสมุทรมาเรียนาไม่เป็นปริศนาอีกต่อไป “เขาจะท�ำแผนที่ร่องลึกเหมือน แมนฮัตตันเลย” แอนนี่บอก โดยที่หญิงสาวทั้งสองก็ไม่ได้แย้งค�ำพูดคุยโว นี้ จากนั้นเมกับแอนนี่ก็แวะที่โต๊ะตัวหนึ่งซึ่งชายหนุ่มสามคนก�ำลังมองหน้า จอที่ฝังอยู่บนโต๊ะ ในนั้นก�ำลังแสดงภาพเขียนสามมิติของการสร้างบ้าน ต้นทุนต�่ำแบบใหม่ เพื่อให้น�ำไปปรับใช้กับประเทศก�ำลังพัฒนาทั่วโลกได้ โดยง่าย แอนนี่จับมือเมและดึงไปตรงทางออก “ตอนนี้เราจะไปดูห้องสมุด สีเหลืองกัน เคยได้ยินบ้างไหม?” เมไม่เคยได้ยิน แต่ไม่อยากตอบค�ำถาม แอนนี่มองเธอด้วยสายตามีเลศนัย “เธอไม่ควรได้เห็นหรอก แต่ ฉันว่าเราควรไป” ทั้งสองขึ้นลิฟต์ที่ท�ำด้วยกระจกอะคริลิคและไฟนีออน จากนั้น ลิฟต์ก็เคลื่อนผ่านโถงหลังคากระจกขึ้นไป ทุกชั้นทุกห้องท�ำงานล้วนมอง เห็นได้ระหว่างลิฟต์เคลื่อนผ่านชั้นทั้งห้าชั้น “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งเหล่านี้ กลายมาเป็นผลงานของที่นี่ได้ยังไง” เมพูด “โอ พระเจ้า ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่อันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน หรอก ซึ่งฉันเดาว่าเธอก็คงรู้อยู่แล้ว เรามีรายรับมากพอที่จะส่งเสริมความ ใฝ่ฝันของชุมชนเรา พวกที่ก�ำลังออกแบบวิธีสร้างบ้านราคาไม่แพงน่ะ ทุก คนเป็นโปรแกรมเมอร์นะ แต่มีสองสามคนที่เคยเรียนสถาปัตย์มา เขาเลย เขียนใบเสนอโครงการ ทีน้ีกลุ่มผู้ทรงปัญญาเกิดชื่นชอบกันมาก โดย เฉพาะเบลีย์ เขาชอบส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นของหนุ่มสาวที่มี ไอเดียเจ๋งๆ ให้เป็นจริง ส่วนห้องสมุดของเขาก็บ้าบอมาก อยู่ชั้นนี้แหละ” 28

เดฟ เอกเกอร์ส


ทั้งสองก้าวออกจากลิฟต์ไปยืนตรงโถงทางเดินยาว ที่นี่แต่งด้วย สีแดงเชอร์รีเข้มและสีไม้วอลนัท มีไฟระย้าช่อเล็กเป็นตัวให้แสงสว่างสี อ�ำพันนวล “แต่งแบบโบราณเลย” เมสังเกต “เธอก็ รู ้ จั ก เบลี ย ์ ใช่ ไ หม? เขาชอบอะไรที่ ดู โ บราณ พวกไม้ มะฮอกกานี ทองเหลือง กระจกสี นั่นเป็นสุนทรีย์แบบของเขา อาคาร อื่นๆ โดนค้านหมด แต่ที่น่ีเบลีย์ตกแต่งในแบบของเขาได้ ลองดูนี่สิ” แอนนี่หยุดตรงภาพเขียนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นภาพของกลุ่มผู้ทรง ปัญญาทั้งสาม “น่าเกลียดใช่ไหมล่ะ?” เธอบอก ภาพเขียนนี้ดูกระอักกระอ่วนมาก เหมือนพวกภาพศิลปินไฮสกูล วาดกัน ในภาพมีชายสามคนซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งของบริษัทยืนเรียงกันเป็นทรง พีระมิด แต่ละคนสวมเสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตน สีหน้าบ่งบอกถึง บุ ค ลิ ก ตั ว เองได้ ร าวกั บ ภาพการ์ ตู น ไท กอสโพดิ น อฟ คื อ หนุ ่ ม น้ อ ย มหัศจรรย์ผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ของเซอร์เคิล เขาสวมแว่นตาธรรมดากับเสื้อมี ฮู้ดตัวใหญ่ ตามองไปทางซ้ายพร้อมกับยิ้ม ดูเขาจะชอบการปลีกวิเวกถึง ได้หันไปสนใจอะไรที่อยู่ไกล ว่ากันว่าเขามีแนวโน้มจะเป็นแอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม* ซึ่งภาพนี้ก็ดูจะตอกย�้ำความคิดนั้นมากขึ้นไปอีก ด้วยผมเผ้าสี เข้มยุ่งเหยิงกับใบหน้าไร้ริ้วร้อย ท�ำให้อายุเขาดูไม่น่าจะแก่เกินยี่สิบห้าปี “ไทดูไม่เข้าพวกใช่ไหม?” แอนนี่พูด “แต่ไม่เป็นแบบนั้นหรอก พวกเราคงไม่มใี ครมาอยูต่ รงนีถ้ า้ เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ดา้ นการบริหารทีโ่ คตร จะปราดเปรื่องขนาดนั้น ฉันจะอธิบายกลไกให้ฟัง เพราะเธอจะเลื่อน ต�ำแหน่งเร็วมากดังนั้นฉันจะอธิบายให้” ไท...หรือชื่อตอนเกิดคือไทเลอร์ อเล็กซานเดอร์ กอสโพดินอฟ เป็นผู้ทรงปัญญาคนแรกสุด ทุกคนมักจะเรียกเขาว่าไท แอนนี่อธิบาย * ในปี 1934 นายแพทย์ฮานส์ แอสเพอร์เกอร์ กุมารแพทย์ ชาวออสเตรีย ได้รายงานถึงกลุ่ม อาการผิดปกติทางด้านพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็ก ที่พบลักษณะของกลุ่มอาการเหล่า นี้ ซึง่ ส่วนใหญ่เป็นเด็กผูช้ ายทีม่ คี วามเฉลียวฉลาด และสติปญ ั ญาอยูใ่ นเกณฑ์ปกติ แม้แต่การ พัฒนาการด้านการใช้ภาษาก็ดเู ป็นปกติ แต่เด็กเหล่านีม้ ปี ญ ั หาค่อนข้างมากในด้านทักษะการ เข้าสังคม โดยเฉพาะการสื่อสารกับผู้อื่นให้เข้าใจและการปฏิบัติตนร่วมกับคนอื่น ๆ เดอะ เซอร์เคิล

29


“เรื่องนี้ฉันรู้” เมบอก “อย่าเพิ่งขัดสิ ฉันก�ำลังกล่าวสุนทรพจน์แบบเดียวกับที่กล่าวให้ ผู้น�ำประเทศฟังอยู่นะ” “โอเค” แอนนี่พูดต่อ “ไทรู้ตัวว่าตัวเองเป็นพวกเข้าสังคมไม่เป็น ถ้าพูดแบบดูดีนะ แต่ ถ้าพูดให้แย่ก็คือเขาเป็นคนที่สร้างหายนะทางการปฏิสัมพันธ์ได้มากที่สุด ดังนั้นก่อนบริษัทจะเปิดขายหุ้นไอพีโอ*เพียงหกเดือน ไทตัดสินใจเรื่องหนึ่ง ได้อย่างฉลาดและน�ำมาซึ่งก�ำไร นั่นคือการจ้างผู้ทรงปัญญาอีกสองคน ได้แก่ เอมอน เบลีย์ กับ ทอม สเตนตัน โดยการตัดสินใจครั้งนี้ช่วยให้ความ หวาดกลัวของนักลงทุนลดลงไปมากจนท�ำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึง สามเท่า การขายหุ้นไอพีโอท�ำเงินได้สามพันล้านเหรียญ เป็นเหตุการณ์ที่ ไม่เคยเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย และเมื่อเขาสามารถตัดความ วิตกกังวลด้านการเงินไปได้ และเพราะมีสเตนตันกับเบลีย์คอยดูแล ไทก็ มีอิสระที่จะไปไหนต่อไหน ซ่อนตัว หรือไม่ก็หายไป แต่ละเดือนที่ประสบ ความส�ำเร็จ เขาจะปรากฏตัวให้เห็นในบริษัท หรือในสายตาสื่อน้อยลง เรื่อยๆ เขาเก็บตัวมากขึ้น ทว่ารัศมีกลับเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จนคนที่จับตามองเซอร์เคิลอยู่พากันสงสัยว่า ไทอยู่ที่ไหนและเขามีแผนจะ ท�ำอะไร? ซึ่งแผนการเหล่านั้นจะถูกเก็บเป็นความลับจนกว่าจะได้รับการ เปิดเผย ทว่านวัตกรรมที่ประสบความส�ำเร็จแต่ละอย่างที่มีเซอร์เคิลเป็น ผู้น�ำออกเผยแพร่ กลับเป็นที่ชัดเจนน้อยลงทุกทีว่ามีต้นก�ำเนิดมาจากตัว ไทเอง หรือว่าเป็นผลงานของเหล่านักประดิษฐ์กลุ่มใหญ่ที่มีจ�ำนวนเพิ่มขึ้น เรือ่ ยๆ กันแน่ โดยทุกคนล้วนเป็นมือดีทสี่ ดุ ของโลกทีต่ อนนีม้ าอยูใ่ ต้ชายคา ของบริษัทแล้ว ผู้สังเกตการณ์ส่วนมากเดาว่าเขายังเกี่ยวข้องอยู่ บ้างก็ยืนยันว่า * Initial public offering หมายถึง หุน้ ทีถ่ กู เสนอขายให้กบั ประชาชนทัว่ ไปในครัง้ แรกก่อนซือ้ ขายในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวง่าย ๆ ก็คอื หุน้ ของบริษทั ใหม่ลา่ สุดทีก่ ำ� ลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ นั่นเอง โดยบริษัทที่จะเข้ามาระดมทุน จะต้องเสนอขายหุ้นจ�ำนวนหนึ่งให้กับนักลงทุน ทั่วไปก่อนที่หุ้นจะท�ำการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ 30

เดฟ เอกเกอร์ส


ลายนิ้วมือของเขา ความสามารถด้านการวางระบบที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งเก๋ไก๋และพัฒนาได้อีกไกลนั้น ยังปรากฏอยู่ในนวัตกรรมหลักของ เซอร์เคิลทุกชิ้น เขาก่อตั้งบริษัทหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยได้หนึ่งปี โดย ไม่มคี วามช�ำ่ ชองในการท�ำธุรกิจรวมถึงไม่มเี ป้าหมายทีช่ ดั เจน ‘เราเคยเรียก เขาว่าไนแอการา’ เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเขา บอกในบทความแรกที่ เขียนถึงเจ้าตัว ‘ไอเดียของเขามันหลั่งไหลได้แบบนั้นเลย มีไอเดียเป็นล้าน วนเวียนในหัวเขา ทุกวินาทีในทุกวัน ไม่เคยสิ้นสุดและมีมากมายล้นทะลัก ตลอดเวลา’ ไทเป็นคนคิดค้นระบบเริ่มแรกขึ้นมา เรียกว่าระบบปฏิบัติการรวม ซึ่งรวบรวมทุกอย่างในโลกออนไลน์ที่เคยอยู่แยกกระจัดกระจายเข้าไว้ด้วย กัน ไม่ว่าจะเป็นโพรไฟล์ในโซเชียลมีเดีย ระบบการเงิน รหัสผ่านทั้งหลาย บัญชีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีผใู้ ช้ ค่าการท�ำงานของระบบ ทุกเครือ่ ง มือและการแสดงผลทีผ่ ใู้ ช้ให้ความสนใจ ถ้าเป็นแบบเก่าเราต้องท�ำธุรกรรม ใหม่ เข้าระบบใหม่ เข้าทุกเว็บ ทุกการซื้อ เปรียบเหมือนจะท�ำธุระอะไร แต่ละอย่างก็ต้องขึ้นรถคันใหม่ “เราไม่ควรต้องมีรถต่างกันแปดสิบเจ็ดคัน” เขาพูดไว้หลังจากที่ระบบของเขาครอบครองเว็บไซต์และโลกเรียบร้อยแล้ว เขาปรับเปลีย่ นโดยดึงทุกอย่างมาไว้รวมกัน ทุกความต้องการและ เครื่องมือของผู้ใช้ เอามารวมไว้เป็นจุดเดียว แล้วสร้างสรรค์ทรูยู (Tru You) ขึ้นมา อันประกอบด้วยบัญชีผู้ใช้เดียว ตัวคนเดียว รหัสผ่านเดียว ระบบ จ่ายเงินเดียว ต่อหนึ่งบุคคล ไม่ต้องมีรหัสผ่านหลายอัน ไม่ต้องมีตัวตน หลายตัวตน อุปกรณ์ของเราจะรู้ว่าเราเป็นใคร และตัวตนหนึ่งเดียวของเรา ในรูปแบบของทรูยูที่เปลี่ยนแปลงหรือปลอมแปลงไม่ได้ จะเป็นผู้ที่ท�ำการ จ่ายเงิน ลงทะเบียน ตอบกลับ ดูและทบทวน เห็น และเป็นที่พบเห็น เรา ต้องใช้ชื่อจริงซึ่งจะผูกกับบัตรเครดิต ธนาคาร ดังนั้นการจ่ายเงินซื้ออะไร จึงท�ำได้อย่างง่ายดายมาก เพียงปุ่มเดียวก็จัดการชีวิตออนไลน์ได้หมด การใช้เครือ่ งมือของเซอร์เคิล ซึง่ เป็นเครือ่ งมือทีด่ ที สี่ ดุ ครอบคลุม ที่สุด ใช้ได้ทุกที่ แถมยังฟรีอีกต่างหากนั้น เราต้องท�ำทุกอย่างด้วยตัวเรา เอง ใช้ตัวจริงท�ำ ใช้ทรูยูท�ำ ยุคสมัยของบัญชีปลอม โจรขโมยบัญชี หรือ เดอะ เซอร์เคิล

31


การใช้ชื่อบัญชีหลายชื่อ ใช้รหัสผ่านซับซ้อน และใช้ระบบซื้อขายหลาย ระบบได้หมดยุคลงไปแล้ว เมื่อไหร่ที่เราอยากดูอะไร ใช้อะไร แสดงความ เห็นเรื่องอะไร หรือจะซื้ออะไรก็แล้วแต่ เราใช้เพียงปุ่มเดียว บัญชีเดียว ทุ ก อย่ า งจะโยงเข้ า ด้ ว ยกั น สามารถดู ย ้ อ นหลั ง ได้ แ ละขั้ น ตอนก็ ง ่ า ย สามารถท�ำได้ทั้งในมือถือ แล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือจอเรตินา เมื่อเรามี บัญชีเดียวนี้ มันจะพาเราไปทุกเว็บ ทุกพอร์ทอล ทุกเว็บไซต์การเงิน ให้ เราได้ท�ำทุกอย่างที่เราอยากท�ำ ทรูยูเปลี่ยนแปลงอินเตอร์เน็ตทั้งหมดภายในเวลาเพียงปีเดียว แม้ว่าบางเว็บไซต์จะขัดขืนในทีแรก พวกที่สนับสนุนฟรีอินเตอร์เน็ตก็ โวยวายเรื่องสิทธิในการเป็นบุคคลนิรนามออนไลน์ ทว่ากระแสทรูยูนั้น แรงจนสามารถบดขยี้ค�ำค้านหลักทั้งหมดลงได้ โดยเริ่มจากพวกเว็บไซต์ การค้าก่อน นอกจากเว็บโป๊แล้ว เว็บอืน่ จะต้องการผูใ้ ช้ทเี่ ป็นบุคคลนิรนาม ท�ำไม ในเมื่อเราสามารถรู้ได้ว่าคนที่เดินผ่านประตูเข้ามาเป็นใครกันแน่ และเพียงชั่วข้ามคืน ความคิดเห็นทั้งหมดตามเว็บบอร์ดต่างๆ ก็มีอารยะ ขึ้นมาทันที ทุกคนที่โพสต์ต้องรับผิดชอบความเห็นของตัวเอง พวกยักษ์ จอมกวนที่เคยมีมากมายในอินเตอร์เน็ตก็ถูกดันกลับเข้าไปอยู่ในความมืด ตามเดิม ส่วนพวกที่อยากหรือต้องการดูความเคลื่อนไหวผู้บริโภคออนไลน์ ย้อนหลังก็พบสวรรค์ของตัวเอง โดยตอนนี้สามารถอธิบายพฤติกรรมการ ซือ้ จริงจากตัวจริงและวัดผลได้แล้ว การท�ำการตลาดกับคนกลุม่ นีก้ ส็ ามารถ ท�ำได้แม่นย�ำราวอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัด ผู้ใช้ทรูยูส่วนมากหรือผู้ใช้ อินเตอร์เน็ตที่ต้องการแค่ความเรียบง่าย ต้องการประสิทธิภาพ ต้องการ การใช้งานที่เนี้ยบเรียบลื่นต่างตื่นเต้นดีใจกับผลที่เกิดขึ้น ไม่มีใครต้องมา นั่งจ�ำบัญชีสิบสองบัญชีกับรหัสผ่าน ไม่มีใครต้องทนกับความบ้าและความ เดือดดาลของพวกบุคคลนิรนาม ไม่มีใครต้องทนกับการตลาดแบบหว่าน แหที่อย่างมากก็เดาความต้องการของตัวเองผิดไปเป็นโยชน์ ตอนนี้สารที่ ผู้บริโภคได้รับล้วนตรงประเด็นและแม่นย�ำ แถมส่วนใหญ่ยังได้รับการ ต้อนรับอย่างดีด้วย 32

เดฟ เอกเกอร์ส


ไทพบไอเดียนี้ด้วยความบังเอิญ เขาเบื่อที่จะต้องมานั่งจ�ำบัญชี นั่งกรอกรหัสผ่านและข้อมูลบัตรเครดิต เขาจึงออกแบบโค้ดที่ท�ำให้ทุก อย่างง่ายขึ้น ว่าแต่เขาจงใจใช้อักษรของชื่อตัวเองมาเป็นชื่อทรูยูหรือเปล่า เจ้าตัวบอกว่าเพิ่งมารู้เรื่องตอนหลัง หลังจากมีการสร้างเครือข่ายไปแล้ว เขาคิดไว้หรือเปล่าว่าจะท�ำทรูยูให้เป็นเชิงการค้า? เขาอ้างว่าไม่รู้ ซึ่งคน ส่วนมากก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นจริง การน�ำนวัตกรรมของไทไปแปรเป็นเงิน นัน้ เป็นผลงานของสองผูท้ รงปัญญา เป็นหน้าทีผ่ มู้ ปี ระสบการณ์และทักษะ ทางธุรกิจที่จะท�ำให้มันเกิดขึ้น สองคนนั้นแหละคือคนที่ท�ำให้ทรูยูกลาย เป็นเงินขึ้นมา คือคนที่สรรหาเงินทุนได้จากทุกนวัตกรรมใหม่ที่ไทสร้าง และก็ ส องคนนี้ อี ก นั่ น แหละที่ ท� ำ ให้ บ ริ ษั ท เติ บ โตจนสามารถเป็ น ได้ ทั้ ง เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ กูเกิล และสุดท้ายก็เป็นอะลาคริตี ซูปา เจเฟ และ กวน “รูปนีท้ อมดูไม่หล่อเท่าไหร่” แอนนีว่ า่ “ปกติหน้าเขาไม่ได้เหมือน ฉลามขนาดนั้น แต่ฉันได้ยินว่าเขาชอบภาพนี้นะ” ทางซ้ายล่างของไทคือ ทอม สเตนตัน ซีอีโอชื่อก้องโลกที่บรรยาย ว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อทุนนิยม เขาชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบสวมสูทอิตาลี และยิ้มแยกเขี้ยวเหมือนหมาป่าที่กินคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงเข้าไป ผมเขาสีเข้ม มีริ้วหงอกตรงขมับนิดหน่อย ดวงตาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ยาก ที่จะอ่านออก เขามีภาพลักษณ์คล้ายนักค้าหุ้นวอลล์สตรีทยุคแปดศูนย์ ไม่ เคยอายที่รวย โสด แข็งกร้าว หรือบางครั้งก็เป็นคนอันตราย เขาเป็นยักษ์ ใหญ่คบั โลกวัยห้าสิบต้นๆ ทีใ่ ช้เงินแบบไม่ยงั้ และดูจะแข็งแกร่งขึน้ ทุกปี เขา โยนเงินและอิทธิพลไปทุกทีโ่ ดยไร้ความหวาดกลัว เขาไม่กลัวประธานาธิบดี คนไหน ไม่หวั่นเกรงต่อคดีความจากสหภาพยุโรป รวมถึงค�ำขู่จากบรรดา แฮกเกอร์จีนที่มีรัฐบาลหนุนหลัง ไม่มีอะไรน่าห่วง ไม่มีอะไรที่เขาคว้ามา ไม่ได้ ไม่มีอะไรอยู่เหนือฐานเงินเดือนของเขา เขาเป็นเจ้าของทีมรถแข่ง นาสคาร์ มีเรือยอชต์ท่ีใช้ส�ำหรับแข่งอยู่ล�ำสองล�ำ ขับเครื่องบินเองอีกต่าง หาก เขาเป็นคนที่ดูโบราณเมื่ออยู่ในเซอร์เคิล แต่ก็เป็นซีอีโอที่ปราดเปรื่อง จนก่อให้เกิดความรูส้ กึ ขัดแย้งในหมูช่ าวเซอร์เคิลหนุม่ สาว ทีเ่ ชือ่ ว่าทุกอย่าง เดอะ เซอร์เคิล

33


สมบูรณ์แบบได้ การบริโภคอันเป็นที่สะดุดตาของเขานั้นแตกต่างจากชีวิตของ ผู้ทรงปัญญาอีกสองคนอย่างเห็นได้ชัด ไทเช่าห้องโทรมๆ ขนาดสองห้อง นอนอยู่ห่างไปสองสามไมล์ แต่ก็นั่นแหละ ไม่เคยมีใครเห็นเขาเข้าออกที่ นี่อยู่แล้ว มีแต่คนสันนิษฐานกันไปว่าเขาพักที่นั่น และทุกคนก็รู้ดีว่า เอมอน เบลีย์ พักทีไ่ หน เขาพักอยูใ่ นบ้านขนาดสามห้องนอนหน้าตากลางๆ ที่สามารถเห็นได้ง่ายจากถนนกว้างหน้าบ้าน ห่างจากบริษัทสิบนาที ทว่า สเตนตันนั้นมีบ้านอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก ดูไบ หรือแจ๊คสันโฮล มี ห ้ อ งที่ กิ น พื้ น ที่ ชั้ น บนสุ ด ทั้ ง ชั้ น ของตึ ก มิ ล เลนเนี ย มทาวเวอร์ ใ นซาน ฟรานซิสโก มีเกาะใกล้กับมาร์ตินิค เอมอน เบลีย์ ยืนอยู่ข้างเขาในภาพวาด ท่าทางดูสงบอย่างมาก เรียกว่ามีความสุขก็ว่าได้ แม้จะอยู่ท่ามกลางชายอีกสองคนที่ดูภายนอก แล้วต่างจากเขาแบบคนละขั้วก็ตาม ภาพเหมือนของเบลีย์ซึ่งอยู่ทางล่าง ขวาของภาพไท แสดงให้เห็นตัวตนของเขาแบบที่เป็นจริง คือมีผมหงอก หน้าแดง ตาเป็นประกาย มีความสุขและมีความจริงจัง เขาคือตัวแทน ออกสื่อของบริษัท คือคนที่ทุกคนได้สัมผัสยามติดต่อกับเซอร์เคิล เวลา เขายิ้ม...ซึ่งแทบจะยิ้มตลอดเวลา ปากจะยิ้ม ตาจะยิ้ม กระทั่งหัวไหล่สอง ข้างก็ยังดูเหมือนจะยิ้ม เบลีย์ช่างแซว มีอารมณ์ขัน เวลาเขาพูด ถ้อยค�ำ จะทั้งกระตุ้นอารมณ์และตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ท�ำให้ผู้ฟังได้ฟัง ประโยคสละสลวยสลับกับถ้อยค�ำที่เป็นไปตามหลักเหตุผล เบลีย์มาจาก เมืองโอมาฮา จากครอบครัวธรรมดาสามัญและมีพี่น้องหกคน อดีตของ เขาไม่ได้มีอะไรพิเศษ เขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยนอตเตรอะดาม แต่งงาน กับแฟนสาวที่เรียนมหาวิทยาลัยเซนต์แมรีไม่ไกลกัน ตอนนี้ทั้งสองมีลูกสี่ คน หญิงสามคน คนสุดท้องเป็นชาย แต่ลูกชายก็เกิดมาด้วยอาการพิการ ทางสมอง “แกได้รับพรจากพระเจ้า” เบลีย์พูดแบบนั้นตอนประกาศเรื่อง ลูกชายให้บริษัทและโลกรู้ “ดังนั้นเราจะรักแกมากขึ้นไปอีก” ในบรรดาผู้ทรงปัญญาทั้งสาม เบลีย์เป็นคนที่สามารถเจอตัวใน บริษัทได้ง่ายที่สุด เขาจะชอบเล่นทรอมโบนแนวดิกซีแลนด์ในงานแสดง 34

เดฟ เอกเกอร์ส


ความสามารถพิเศษของบริษทั ชอบออกรายการทอล์กโชว์ในฐานะตัวแทน ของเซอร์เคิล และมักหัวเราะเบาๆ เวลาคุยหรือไม่อยากคุยเรื่องที่โดนสอบ โดยคณะกรรมาธิ ก ารการสื่ อ สารของสหรั ฐ ฯ รวมถึ ง เวลาที่ ต ้ อ งเผย คุณลักษณะใหม่ที่เป็นประโยชน์ หรือเผยเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบต่อ แวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก เขาชอบให้คนเรียกว่าลุงเอมอน และเมื่อเดิน อยู่ในบริษัท ก็จะเดินเหมือนลุงผู้เป็นขวัญใจผู้คน เช่นเดียวกับเท็ดดี้ รูสเวลต์ คือเข้าถึงง่าย จริงใจ และเสียงดังฟังชัด ผู้ทรงปัญญาทั้งสามให้ ภาพเหมือนช่อดอกไม้ประหลาดอันประกอบด้วยดอกไม้ที่ไม่เข้ากันเลย ทั้งในภาพเขียนนี้และในชีวิตจริง แต่ที่แน่นอนคือมันได้ผล ทุกคนรู้ว่ามัน ได้ผล รูปแบบการจัดการของทั้งสามคนและแรงผลักดันนี้จึงโดนหลาย บริษัทที่ติดอันดับในนิตยสารฟอร์จูนลอกเลียนแบบ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตก ต่างกันออกไป “แต่ถ้างั้นท�ำไมล่ะ” เมถาม “เขาให้คนมีฝีมือมาวาดภาพเหมือน จริงๆ ไม่ได้หรือ” ยิ่งมอง เมก็ยิ่งรู้สึกแปลก ศิลปินผู้วาดจัดให้ผู้ทรงปัญญาทั้งสาม คนเอามือจับไหล่กันและกัน ดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แถมลักษณะที่แขน เหยียดหรืองอยังผิดธรรมชาติอีก “เบลีย์มองว่ามันตลกดี” แอนนี่พูด “เขาอยากเอาไปตั้งตรงโถง ทางเข้าหลัก แต่สเตนตันคัดค้าน เธอก็รู้ว่าเบลีย์น่ะเป็นนักสะสม ใช่ไหม เขามีรสนิยมที่เหลือเชื่อมาก คือเขาเป็นมีส่วนหนึ่งที่เป็นพวกสุขนิยม เหมือนทุกคนที่มาจากเมืองโอมาฮานั่นละ แต่อีกส่วนเขาก็เป็นคนรู้มาก ด้วย แถมยังหมกมุ่นกับการอนุรักษ์อดีต แม้แต่ศิลปะแย่ๆ ในอดีตก็ไม่ เว้น รอให้เธอเห็นห้องสมุดของเขาก่อนเถอะ” ทั้งสองมาถึงประตูบานยักษ์ที่ดูเหมือนประตูยุคกลาง แบบที่เอา ไว้กั้นพวกคนเถื่อนไม่ให้เข้ามาวุ่นวาย ที่ประตูมีตัวเคาะเป็นรูปปั้นหัวสัตว์ การ์กอยล์คู่หนึ่ง ซึ่งยื่นออกมาตรงความสูงระดับอก เมเห็นแล้วหยอด มุขข�ำขันเบาๆ “อกสวย* นะ” * Knockers ซึ่งแปลว่าที่เคาะประตู มีความหมายแบบแสลงที่แปลว่าหน้าอกผู้หญิงด้วย เดอะ เซอร์เคิล

35


แอนนี่หัวเราะพรืดแล้วโบกมือผ่านแผงสีฟ้าบนผนัง แล้วประตูก็ เปิดออก แอนนี่หันไปหาเธอ “อ้าปากค้างเลยสิ” ข้างในเป็นห้องสมุดสูงสามชัน้ ซึง่ สร้างรอบโถงหลังคากระจกเปิด โล่ง ทุกอย่างแต่งด้วยไม้ ทองแดง เงิน และใช้สีสันนวลตา ในนี้มีหนังสือ ไม่ต�่ำกว่าหนึ่งหมื่นเล่ม ส่วนมากหุ้มด้วยปกหนัง ตั้งเรียงกันอย่างเป็น ระเบียบเรียบร้อยบนชั้นที่ทาแลคเกอร์เงางาม ระหว่างหนังสือจะมีรูปปั้น ท่อนบนของคนดังที่ดูดุดันจากสมัยกรีกและโรมัน รูปปั้นของเจฟเฟอร์สัน และโจนออฟอาร์ค แล้วก็มีรูปปั้นของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง มีหุ่นจ�ำลองของ เครื่องบินยักษ์สปรูซกูซ*ห้อยจากเพดานล�ำหนึ่ง หรืออาจเป็นเครื่องบินล�ำ ที่ชื่ออีโนลา เกย์ ** ก็ไม่รู้ นอกจากนั้นก็มีลูกโลกโบราณสิบกว่าลูกที่มีแสง สว่างจากข้างใน แสงนัน้ เป็นสีเหลืองนวลและคอยให้ความอบอุน่ แก่ชนชาติ ที่สาบสูญ “เขาซื้อของพวกนี้มาตอนที่มันก�ำลังจะถูกขายทอดตลาดหรือ สูญหาย ถือเป็นสงครามศาสนาของเขาเลยนะ รู้ไหม เขาจะไปตามบ้านที่ มีปัญหา ไปพบคนที่จะต้องขายสมบัติตัวเองแบบขาดทุนย่อยยับ จากนั้น ก็จะซื้อในราคาตลาด และอนุญาตให้เจ้าของที่แท้จริงสามารถเข้ามาดูของ ที่เขาซื้อได้แบบไม่จ�ำกัด พวกนั้นแหละคือคนที่มาที่นี่บ่อยๆ พวกคนแก่ ที่มาเพื่ออ่านหรือลูบคล�ำของของตัวเอง อ้อ...เธอต้องมาดูนี่ด้วย มันจะ ท�ำให้เธอตะลึงไปเลย” แอนนี่พาเธอเดินขึ้นบันไดสามชั้น ทุกชั้นล้วนปูด้วยกระเบื้อง ลวดลายละเอียดอ่อน ซึ่งเมเดาว่าท�ำเลียนแบบงานในยุคไบแซนไทน์ เธอ เกาะราวทองเหลืองขณะเดินขึ้น และสังเกตเห็นว่าตรงราวไม่มีรอยนิ้วมือ แม้แต่น้อย ไม่มีรอยด่างพร้อยใดๆ ทั้งสิ้น เธอเห็นโคมไฟอ่านหนังสือสี เขียวแบบพวกนักบัญชี เห็นกล้องส่องทางไกลวางไขว้กัน ล�ำกล้องสี * เครื่องบินยักษ์ที่สร้างโดย โฮเวิร์ด ฮิวส์ ในปี 1947 ท�ำไม้ Birch (คล้ายไม้สน Spruce) ความ ยาวเกือบ 70 เมตร และปีกที่กางออกเกือบ 100 เมตร ** ชื่อเล่นของ B-29 Superfortress ซึ่งน�ำระเบิดปรมณู 'ลิตเติ้ลบอย' ไปทิ้งที่ฮิโรชิมา นาย พันโทพอล ทิบเบตส์ นักบินประจ�ำเครื่องตั้งชื่อเล่นนี้ตามชื่อแม่ของตน 36

เดฟ เอกเกอร์ส


ทองแดงและสีทองส่งแสงแวววาว ชีไ้ ปนอกหน้าต่างกระจกขอบเอียง “อ้อ มองข้างบนสิ” แอนนี่บอกเธอ เมื่อเมมองขึ้นไปก็เห็นเพดานที่ท�ำด้วย กระจกสี เห็นรูปปั้นเลียนแบบนางฟ้าหลายตัวห้อยเรียงกันเป็นวงกลมแล ดูคึกคัก “อันนั้นมาจากโบสถ์ในโรม” ทั้งคู่เดินถึงชั้นบนสุดของห้องสมุดแล้ว แอนนี่พาเมเดินผ่านทาง เดินแคบๆ ที่มีหนังสือสันโค้งเรียงเต็ม บางเล่มแทบจะสูงเท่าเธอด้วย มีทั้ง คัมภีร์ไบเบิล หนังสือแผนที่ซึ่งแสดงภาพสงครามในประวัติศาสตร์และการ เปลี่ยนแปลง ภาพชนชาติและชนเผ่าที่หายสาบสูญไป “เอาละ ดูนี่นะ” แอนนี่พูด “เดี๋ยว ก่อนที่ฉันจะให้ดูเธอต้องยอม ตกลงด้วยวาจากับฉันก่อนว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ตกลงไหม?” “ได้” “ซีเรียสนะ” “ฉันก็ซีเรียส ฉันมองเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียสมาก” “ดี พอฉันขยับหนังสือเล่มนี้...” แอนนี่พูดพร้อมกับหยิบหนังสือ เล่มใหญ่ที่มีชื่อว่า The Best Years of Our Lives - ปีที่ดีที่สุดในชีวิตเรา ออกมา “ดูนะ” เธอพูดแล้วถอยออกมา จากนั้นผนังที่มีหนังสือนับร้อย เล่มก็เริ่มเลื่อนออก เผยให้เห็นห้องลับที่อยู่ภายใน “เนิร์ดสุดยอดเลยใช่ ไหมล่ะ?” แอนนี่พูดขณะทั้งคู่เดินเข้าไปข้างใน ห้องวงกลมนี้เต็มไปด้วย หนังสือ แต่จุดสนใจหลักอยู่ที่รูตรงกลางพื้น มีราวทองแดงล้อมรอบรู ตรง กลางรูมีเสายื่นยาวทะลุพื้นลงไปยังพื้นที่ลึกลับเบื้องล่าง “เขาเป็นพนักงานดับเพลิงหรือ?” เมถาม “ฉันจะรู้ไหม” แอนนี่ตอบ “แล้วมันลงไปเจออะไร” “เท่าที่รู้ เขาว่ามันลงไปเจอกับที่จอดรถของเบลีย์” เมไม่ได้เสริมค�ำพูดแอนนี่ “เธอเคยลงไปไหม?” “ไม่เคยหรอก แค่ให้ฉันดูห้องนี้ก็เสี่ยงแล้ว เขาไม่ควรให้ดู เขา บอกฉันแบบนั้นนะ แล้วนี่ฉันยังพาเธอมาดูอีก ซึ่งบ้าบอมาก แต่มันก็ ท�ำให้เรารู้ว่าคนคนนี้คิดอะไร เขามีทุกอย่างได้ แต่สิ่งที่ต้องการกลับมีแค่ เดอะ เซอร์เคิล

37


เสาแบบนักดับเพลิงที่พาเขาทะลุความสูงเจ็ดชั้นลงไปยังที่จอดรถเท่านั้น” เสียงหยดน�้ำดังมาจากหูของแอนนี่ จากนั้นเธอก็พูดว่า “โอเค” กับคนที่อยู่ปลายสาย ได้เวลาไปแล้ว

“เอาละ” แอนนี่พูดในลิฟต์ ทั้งคู่ก�ำลังกลับลงมาที่ชั้นหลักของ พนักงาน “ฉันต้องกลับไปท�ำงานก่อนนะ ตอนนี้ถึงเวลาส�ำรวจแพลงก์ตอน แล้ว” “เวลาอะไรนะ?” เมถาม “ก็แบบว่า...พวกกิจการเล็กๆ ที่ชอบหวังว่าวาฬตัวใหญ่...ซึ่งก็ หมายถึงเราน่ะนะ...จะมองว่าพวกเขาอร่อยพอที่จะกิน เราจะต้องพบคน เหล่านี้สัปดาห์ละหน พบคนที่อยากเป็นอย่างไท ซึ่งจะพูดหว่านล้อมให้ เราเชื่อว่าเราต้องท�ำงานกับพวกเขา มันออกจะน่าเศร้านะ เนื่องจากคน เหล่านี้ไม่ได้แสร้งท�ำด้วยซ�้ำว่าตัวเองมีรายได้ หรือแม้แต่มีศักยภาพที่จะ หารายได้ แต่ฟังนะ ฉันจะส่งตัวเธอให้ทูตสองคนของบริษัท ซึ่งเป็นคนที่ จริงจังกับหน้าที่ของตัวเองมากทีเดียว คือเธอต้องระวังความรักที่สองคน นั้นมีให้งานเลยละ เขาจะพาเธอดูพื้นที่ส่วนที่เหลือ แล้วฉันจะมารับเธอไป งานเลี้ยงวันอายัน*หลังทัวร์เสร็จ โอเคไหม? งานเริ่มหนึ่งทุ่มนะ” ประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นสองใกล้กับคาเฟ่กระจก แอนนี่แนะน�ำเมให้ รู้จักกับเดนิซและโจไซอาห์ ทั้งคู่อายุยี่สิบปลายๆ ต่างคนต่างดูจริงใจ ต่าง คนต่างสวมเสื้อเชิ้ตผ่าหน้าติดกระดุมสีสันมีรสนิยม ทั้งสองจับมือเมด้วย สองมือแถมยังแทบจะโค้งค�ำนับเธออีกต่างหาก “อย่าให้เธอท�ำงานนะวันนี้” นั่นคือค�ำพูดประโยคสุดท้ายของ แอนนี่ก่อนจะหายกลับเข้าลิฟต์ไป โจไซอาห์ซึ่งเป็นผู้ชายตัวผอมและมีกระเต็มไปหมดหันมามองเม ด้วยดวงตาสีฟา้ คูน่ นั้ อย่างไม่กะพริบตา “ยินดีอย่างยิง่ เลยครับทีไ่ ด้รจู้ กั คุณ” * ระยะเวลาของปีที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด (ในราววันที่ 21 มิถุนายน และ 22 ธันวาคม) 38

เดฟ เอกเกอร์ส


ส่วนเดนิซซึ่งเป็นลูกครึ่งเอเชียอเมริกันที่ตัวสูงเพรียว ก็ยิ้มให้เม แล้วหลับตาราวกับก�ำลังดื่มด�่ำช่วงเวลานี้ “แอนนี่เล่าเรื่องพวกคุณทั้งสอง คนให้เราฟังแล้ว ว่ารู้จักกันมานานแค่ไหน แอนนี่เป็นหัวใจและวิญญาณ ของที่นี่ ดังนั้นเราจึงโชคดีมากที่ได้คุณมาร่วมงาน” “ทุกคนรักแอนนี่มาก” โจไซอาห์เสริม ความนอบน้อมทีท่ งั้ คูม่ ตี อ่ เมนัน้ สร้างความกระอักกระอ่วน เพราะ ทั้งสองคนแก่กว่าเธอแน่นอนอยู่แล้ว แต่กลับท�ำตัวเหมือนเมเป็นผู้มีศักดิ์ สูงที่มาเยี่ยมเยือน “ผมรู้นะว่าบางส่วนอาจจะเยิ่นเย้อไป” โจไซอาห์บอก “แต่ถ้า คุณไม่ว่าอะไรเราก็อยากจะพาคุณไปทัวร์ชมสถานที่เต็มรูปแบบส�ำหรับ พนักงานใหม่ คุณจะโอเคไหม? เราสัญญาว่าจะไม่ท�ำให้การทัวร์นี้เห่ย แน่นอน” เมหัวเราะแล้วพยักพเยิดอนุญาต จากนั้นก็ตามไป เวลาที่เหลือของวันนั้นเต็มไปด้วยการทัวร์ห้องกระจกและการ แนะน�ำตัวสั้นๆ ที่อบอุ่นเหลือเชื่อ ทุกคนที่เธอพบต่างยุ่งกันมาก อีกนิด เดียวก็เรียกว่าท�ำงานหนักเกินแล้ว แต่กระนั้นก็ยังตื่นเต้นดีใจที่ได้พบเธอ ยินดียิ่งที่เธอมาร่วมงานที่นี่ ยินดีกับเพื่อนของแอนนี่ทุกคน...แล้วก็มีการ ทัวร์ศูนย์สุขภาพ รวมถึงแนะน�ำให้รู้จักกับหมอแฮมป์ตันเจ้าของทรงผม เดรดล็อกทีเ่ ป็นคนดูแลศูนย์ มีการทัวร์คลินกิ ฉุกเฉินและได้พบกับพยาบาล เชื้อสายสก็อตที่เป็นคนรับผู้ป่วย มีการทัวร์สวนออร์แกนิกซึ่งกินพื้นที่นับ ร้อยตารางหลา ในนั้นมีชาวสวนที่ท�ำงานเต็มเวลาสองคนก�ำลังคุยกับชาว เซอร์เคิลกลุ่มใหญ่ระหว่างทดลองผลผลิตแครอต มะเขือเทศ และเคลที่ เพิ่งเก็บมาล่าสุด มีการทัวร์สนามกอล์ฟเล็กๆ ทัวร์โรงภาพยนตร์ ทัวร์โรง โบว์ลิ่ง ทัวร์ร้านขายของช�ำ ในที่สุดเมื่อเดินลึกไปถึงบริเวณที่เมเดาว่าเป็น ส่วนในสุดของสถานที่ เธอเห็นรั้วเบื้องหน้า เห็นหลังคาของโรงแรมแซนวินเซนโซ ที่ผู้มาเยือนเซอร์เคิลใช้เป็นที่พัก เขาพาเธอเดินดูหอพักของ บริษัท เมเคยได้ยินคนคุยเรื่องหอพักนี้มาก่อน แอนนี่ก็เคยเอ่ยถึงว่าเธอก็ นอนทีบ่ ริษทั จนตอนนีเ้ ธอชอบนอนทีน่ นั่ มากกว่าบ้านตัวเองไปแล้ว ตอน เดอะ เซอร์เคิล

39


เดินผ่านห้องโถง เธอเห็นห้องหลายห้องที่แลดูสะอาด แต่ละห้องมีครัว เล็กๆ เงาวับ มีโต๊ะท�ำงาน มีโซฟาหนานุ่ม และมีเตียง เมต้องยอมรับว่าที่ นี่มีเสน่ห์ในตัวเองมากทีเดียว “ตอนนีท้ นี่ มี่ หี อ้ งพักหนึง่ ร้อยแปดสิบห้องแล้ว แต่เราก�ำลังเติบโต อย่างรวดเร็ว” โจไซอาห์พูด “เนื่องจากบริษัทมีพนักงานราวหมื่นคน จึงมี โอกาสเสมอที่จะมีคนท�ำงานถึงดึกหรืออยากงีบหลับระหว่างวัน ห้องนี้ฟรี ตลอดเวลา สะอาดเสมอ เราแค่ต้องเช็คออนไลน์ดูว่ามีห้องว่างหรือเปล่า ตอนนี้จองกันเร็วมาก แต่เรามีแผนที่จะเพิ่มห้องเป็นอย่างน้อยสองสามพัน ห้องภายในระยะเวลาสองสามปี” “แล้ ว หลั ง จากงานเลี้ ย งอย่ า งคื น นี้ ห้ อ งก็ จ ะเต็ ม ตลอดเลย” เดนิซบอกพร้อมกับท�ำท่าที่คงอยากให้เห็นเป็นการขยิบตาแบบเจ้าเล่ห์ การทัวร์ด�ำเนินต่อไปตลอดบ่าย มีแวะชิมอาหารที่ชั้นเรียนท�ำ อาหารบ้าง ซึ่งเป็นชั้นที่สอนกันวันนั้นโดยเชฟคนดังอายุน้อยที่มีชื่อเสียง ในการใช้สัตว์ทั้งตัว เธอเอาอาหารที่เรียกว่าหน้าหมูอบให้เมชิม ซึ่งหลัง จากชิมเมพบว่ามันมีรสชาติเหมือนเบคอนมันๆ เธอชอบมาก ทั้งสามเดิน สวนกับแขกคนอืน่ ระหว่างทัวร์ดว้ ย ไม่วา่ จะเป็นกลุม่ นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มผู้ค้า รวมถึงกลุ่มคนที่เหมือนจะเป็นวุฒิสมาชิกกับผู้ติดตาม จากนั้นก็ เดินผ่านห้องเกมตู้ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นเกมพินบอลสไตล์วินเทจ คอร์ต แบดมินตัน ซึ่งแอนนี่เคยบอกว่าจ้างบริษัทอดีตแชมป์โลกมาดูแลด้วย กว่าโจไซอาห์กับเดนิซจะพาเธอกลับมายังใจกลางบริษัท แสงแดดก็เริ่มสลัว แล้ว พนักงานก�ำลังเอาคบไฟมาตั้งบนสนามหญ้าและจุดไฟ พนักงานชาว เซอร์เคิลสองสามพันคนเริ่มรวมตัวกันในบรรยากาศโพล้เพล้ ซึ่งการได้ยืน อยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ เมรู้เลยว่าเธอจะไม่มีวันอยากไปท�ำงานหรืออยาก ไปอยู่ที่ไหนอีก บ้านเกิดของเธอ หรือส่วนอื่นของแคลิฟอร์เนีย รวมถึง ส่วนอื่นของอเมริกานั้น ดูราวกับความวุ่นวายในโลกที่ก�ำลังพัฒนาไปเลย นอกก�ำแพงของเซอร์เคิลมีแต่เสียงเอะอะและการดิ้นรน มีแต่ ความล้มเหลวและความโสมม แต่ที่นี่ ทุกอย่างล้วนสมบูรณ์แบบ สุด ยอดคนสร้างสรรค์ สุดยอดระบบ และสุดยอดระบบก็น�ำมาซึ่งเงินทุน 40

เดฟ เอกเกอร์ส


เงินทุนไม่จ�ำกัด ซึ่งท�ำให้ที่ท�ำงานที่ดีที่สุดแห่งนี้เกิดขึ้นได้ แถมยังเป็น เช่นนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติเสียด้วย เมคิด...ใครเล่าจะสร้างสวรรค์ได้ หากไม่ใช่ชาวสวรรค์

เดอะ เซอร์เคิล

41


“งานเลี้ยงเนี่ยเหรอ ไม่มีอะไรหรอก” แอนนี่ยืนยันกับเมตอน เดินลากเท้าไปตามไลน์บุฟเฟต์ยาวสี่สิบฟุต ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว อากาศยาม ค�่ำคืนก็เย็นสบาย แต่พ้ืนที่ของแคมปัสกลับอุ่นแบบอธิบายไม่ถูก แถมยัง มีแสงจากคบไฟนับร้อยที่ส่องแสงสีอ�ำพันสว่างไสว “งานนี้เป็นไอเดียของ เบลีย์ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นพระแม่ธรณีหรอกนะ แต่เขาเป็นพวกชอบ ดวงดาว ฤดูกาล งานเลี้ยงวันอายันนี้เลยเป็นไอเดียเขา อีกสักพักเขาก็คง มาเปิดงานแล้วละ ปกติเขาจะท�ำแบบนั้นเป็นอย่างน้อย ปีก่อนเขาก็สวม เสื้อกล้ามมา เขาภูมิใจท่อนแขนตัวเองมาก” เมกับแอนนีอ่ ยูบ่ นสนามหญ้าเขียวชอุม่ ก�ำลังตักอาหารใส่จานและ หาที่น่ังได้ตรงลานหินที่สร้างบนเนินหญ้าสูง แอนนี่ก�ำลังรินไวน์ใส่แก้วให้ เมซึ่งเธอบอกว่าเป็นไวน์ที่ท�ำเองในบริษัท โดยเป็นส่วนผสมใหม่ที่มีแคลอรี น้อยลงแต่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น เมมองข้ามสนามไปยังคบไฟที่กำ� ลังเผา ไหม้เป็นแถวเป็นแนว แต่ละแถวจะพาคนในงานไปยังจุดท�ำกิจกรรมต่างๆ


เช่นลิมโบ คิกบอล และการเต้นแบบอิเล็กทริกสไลด์ ไม่มีกิจกรรมไหน เกี่ยวข้องกับวันอายันเลย ความไม่แน่นอนและการไม่มีตารางมาก�ำหนด ท�ำให้งานนี้เป็นงานเลี้ยงที่มีความคาดหวังน้อย ทว่ากลับดีเกินคาดไปมาก ทุกคนเมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานเมก็คลาดกับแอนนี่ แล้วก็พลัดหลงจาก กันไปเลย เธอจึงหาทางเดินกลับลานโบลิง่ ทีต่ อนนีก้ ำ� ลังมีชาวเซอร์เคิลกลุม่ เล็กซึ่งอายุมากหน่อยก�ำลังเล่นอยู่ ทุกคนอายุไม่ต�่ำกว่าสามสิบและก�ำลัง โยนลูกแคนตาลูปใส่พินโบว์ลิ่ง เมเดินกลับไปที่สนามและไปร่วมเล่นเกมกับ ชาวเซอร์เคิลที่เรียกว่าเกม ‘ฮา’ ซึ่งดูจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการให้ทุกคน นอนเอาแขนขาก่ายกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่คนข้างเราร้องว่า “ฮา” เราก็ต้อง ร้องด้วย เป็นเกมที่อนาถมาก แต่ ณ เวลานั้นก็เป็นเกมที่เมต้องการ เพราะ หัวเธอหมุนไปหมดแล้ว จนรู้สึกว่าคงดีกว่าถ้าได้นอนราบ “ดูคนนี้สิ ท่าทางสงบเชียว” เสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น เมรู้ว่า เสียงผู้ชายคนนี้หมายถึงเธอ จึงลืมตา ทว่าไม่เห็นใครอยู่เหนือร่าง ยกเว้น ท้องฟ้าที่แทบกระจ่างใส มีเมฆบางสีเทาเคลื่อนผ่านแคมปัสไปอย่าง รวดเร็วโดยมุ่งหน้าไปทางฝั่งทะเล เมรู้สึกว่าเปลือกตาเธอหนักมาก และ ก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ดึก ยังไม่เลยสี่ทุ่มแน่ๆ อีกอย่างเธอก็ยังไม่อยากท�ำสิ่งที่ ชอบท�ำนั่นคือการนอนหลับหลังจากดื่มไปได้แค่สองสามแก้ว ดังนั้นเมจึง ลุกขึ้นตามหาแอนนี่ หรือหาไวน์เพิ่ม หรือทั้งสองอย่าง เธอเดินไปจนเจอ โต๊ะบุฟเฟต์ในสภาพเละเทะมาก เหมือนโดนฝูงสัตว์หรือโจรสลัดไวกิ้งโจมตี จากนั้นก็เดินไปยังบาร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดแต่ไวน์ก็หมดแล้ว ตอนนี้ที่บาร์ก�ำลัง เสิรฟ์ เครือ่ งดืม่ ทีท่ ำ� จากวอดก้าผสมเครือ่ งดืม่ บ�ำรุงก�ำลัง เมเดินต่อไปพร้อม กับคอยสุ่มถามคนที่เดินผ่านมาว่าจะหาไวน์ได้ที่ไหน กระทั่งมีเงาคนเดิน ผ่านมาตรงหน้าเธอ “ทางนั้นมีอีก” เงานั้นพูด พอเมหันไปก็เห็นแก้วสองใบสะท้อนแสงสีฟ้าตั้งอยู่บนร่างเงาของ ชายคนนั้น เขาก�ำลังหันเพื่อจะเดินไป “ฉันก�ำลังตามคุณไปหรือเปล่า?” เมบอก “ตอนนี้ยัง เพราะคุณยืนนิ่งอยู่ แต่คุณควรตามถ้าอยากได้ไวน์ เดอะ เซอร์เคิล

43


แบบนั้นเพิ่ม” เธอเดิ น ตามเงานั้ น ข้ า มสนามหญ้ า ไปและเดิ น ลอดร่ ม ไม้ ใ หญ่ แสงจันทร์สาดส่องลอดลงมา เกิดเป็นล�ำแสงสีเงินนับร้อย ตอนนี้เมมอง เห็นเงานั้นชัดขึ้นแล้ว เขาสวมเสื้อยืดสีน�้ำตาลอ่อนกับเสื้อกั๊กหนัง หรือไม่ ก็หนังกลับทับอีกชั้น เป็นการแมตช์กันแบบที่เมไม่ได้เห็นมานานแล้ว จาก นั้นเขาก็หยุดเดินก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงข้างฐานน�้ำตก มันเป็นน�้ำตก ประดิษฐ์ที่ไหลอยู่ตรงด้านข้างของส่วนปฏิวัติอุตสาหกรรม “ผมซ่อนไว้ตรงนี้สองสามขวด” เขาบอก มือล้วงลึกลงไปในสระ ที่รองรับน�้ำตก พอไม่เจออะไร เขาก็คุกเข่าลงแล้วเอาแขนสองข้างจุ่มลึก จนถึงไหล่ กระทั่งได้ขวดสีเขียวเงาวาวสองขวดจึงลุกขึ้นยืนแล้วหันมาหา เม ในที่สุดเธอก็ได้เห็นหน้าเขาชัดๆ ใบหน้าของเขาเป็นสามเหลี่ยมแต่ไม่ แหลม ปลายคางมีรอยบุ๋มแต่ไม่ลึกนักจึงท�ำให้ก่อนหน้านี้เธอไม่สังเกตเห็น ผิวเขาเหมือนผิวเด็ก ทว่าดวงตากลับเหมือนคนมีอายุมากกว่านี้ ขณะจมูก ก็โด่งเป็นสัน งองุ้มและคด แต่กลับท�ำให้ส่วนที่เหลือของใบหน้าดูมั่นคง ราวกับเป็นกระดูกงูของเรือยอชต์ คิ้วสองข้างเป็นปื้นเฉียงขึ้นไปทางหูท่ี กลมใหญ่และเป็นสีชมพูแป๋น “อยากกลับไปเล่นเกมไหมหรือว่า...?” เขา ถามเหมือนส่วนที่ต่อจากค�ำว่า ‘หรือว่า’ จะเป็นอะไรที่ดีกว่า “ได้ค่ะ” เธอตอบไปทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้รู้จักคนคนนี้ ไม่รู้อะไร เกี่ยวกับเขาเลย แต่เนื่องจากเขามีขวดพวกนั้น เนื่องจากเธอพลัดหลงกับ แอนนี่ และเพราะเธอเชื่อใจทุกคนที่อยู่ในรั้วของเซอร์เคิล ท�ำให้เมมีความ รักมากมายให้ทุกคนในรั้วนี้ ในที่ซึ่งทุกอย่างใหม่ ทุกอย่างเป็นไปได้ เธอ จึงเดินตามเขากลับไปที่งานเลี้ยง แต่ไปแค่ส่วนรอบนอกของงานเท่านั้น จากนั้นก็นั่งบนบันไดขั้นสูงที่มองเห็นสนามและดูเงาผู้คนวิ่งเล่นกรีดร้อง ล้มลุกคลุกคลานอยู่เบื้องล่าง เขาเปิดขวดไวน์ ส่งให้เมขวดหนึ่ง จากนั้นก็จิบขวดตัวเองแล้ว แนะน�ำตัวว่าชื่อฟรานซิส “ไม่ใช่แฟรงก์หรือคะ?” เมถาม เธอรับขวดมาแล้วกรอกไวน์ที่ หวานเหมือนลูกกวาดใส่ปากตัวเอง 44

เดฟ เอกเกอร์ส


“มีคนพยายามเรียกผมแบบนัน้ เหมือนกันแต่ผม...ผมขอไว้วา่ อย่า” เมหัวเราะ เขาเองก็หัวเราะ เขาบอกว่าเป็นนักพัฒนา และท�ำงานกับบริษทั มาเกือบสองปีแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเป็นพวกนิยมอนาธิปไตย เป็นตัวป่วนทางการเมือง เขาได้ งานที่นี่เพราะสามารถเจาะเข้าระบบของเซอร์เคิลได้ลึกกว่าใคร ตอนนี้เขา เลยได้ท�ำงานอยู่ในทีมรักษาความปลอดภัยของที่น่ี “วันนี้เป็นวันแรกของฉันค่ะ” เมบอก “ถามจริง” จากนัน้ เมซึง่ ตัง้ ใจจะพูดว่า “ฉันไม่หลอกอะไรคุณหรอกค่ะ” กลับ ตัดสินใจที่จะคิดค�ำใหม่แต่มีบางอย่างมาบิดเบือนการประดิษฐ์ภาษาใหม่ ของเธอ เธอจึงพูดออกไปว่า “ฉันไม่อยากอะไรกับคุณหรอกค่ะ” แทน ซึ่ง ทันทีที่หลุดออกไปเธอก็พลันรู้ตัวว่าจะต้องลืมค�ำพวกนี้ไม่ลง และจะต้อง เกลียดตัวเองมากที่พูดไป...เกลียดไปหลายสิบปีทีเดียว “ไม่อยากอะไรกับผมเหรอ” เขาถามหน้าตาย “ฟังดูด่วนสรุปจัง คุณตัดสินโดยแทบไม่รู้ข้อมูลอะไรด้วยซ�้ำ ไม่อยากอะไรกับผมเหรอ ว้าว” เมพยายามอธิบายว่าที่จริงเธอตั้งใจจะพูดอะไร คิดยังไง หรือว่า สมองบางส่วนของเธอคิดยังไง อยากบอกว่าเธอจะขอแก้ไขค�ำพูดสักเล็ก น้อย...แต่เรื่องนั้นไม่ส�ำคัญหรอก เพราะตอนนี้เขาหัวเราะอยู่ เขารู้ว่าเธอ มีอารมณ์ขนั เธอรูว้ า่ เขาเองก็มเี หมือนกัน แล้วเขาก็ทำ� ให้เธอรูส้ กึ ปลอดภัย ท�ำให้เธอเชื่อใจว่าเขาจะไม่มีวันเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก เรื่องเลวร้ายที่เธอพูดจะ เป็นความลับระหว่างพวกเธอสองคนเท่านั้น เธอและเขาต่างก็เข้าใจว่าคน ทุกคนผิดพลาดกันได้ ถ้าทุกคนเข้าใจว่าเราต่างมีความเป็นมนุษย์เหมือน กัน ต่างมีความอ่อนแอเหมือนกัน และต่างมีแนวโน้มที่จะพูดหรือท�ำอะไร บ้าบอได้วันละเป็นพันครั้ง ดังนั้นความผิดพลาดเหล่านี้ก็ควรจะได้รับ อนุญาตให้ลืมมันไปซะ “แด่วันแรก” เขาพูด “ยินดีด้วยนะ ฉลองกัน” ทั้งสองชนขวดแล้วจิบ เมชูขวดขึ้นส่องกับดวงจันทร์เพื่อดูว่ามี เครื่องดื่มเหลือแค่ไหน ของเหลวกลายเป็นสีฟ้าแปลกตา และเธอก็ได้เห็น เดอะ เซอร์เคิล

45


ว่าดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้วจึงวางขวดลง “ผมชอบเสียงคุณจัง” เขาพูด “มันเป็นแบบนั้นตลอดหรือเปล่า” “เสียงต�่ำแล้วก็แหบพร่าน่ะหรือ?” “ผมขอใช้ค�ำว่ามีรสชาติดีกว่า หรือไม่ก็เปี่ยมด้วยอารมณ์ คุณ รู้จักดาราชื่อตาตัม โอนีล หรือเปล่า?” “พ่อแม่ฉันบังคับให้ฉันดู เปเปอร์ มูน ร้อยรอบแล้วค่ะ เพราะ อยากจะให้ฉันรู้สึกดีขึ้น” “ผมรักหนังเรื่องนั้นมาก” เขาบอก “พ่อแม่คิดว่าฉันจะโตมาเหมือนแอดดี้ เพรย์ กร้านโลกแต่ยังน่า รัก เขาอยากให้ฉันเป็นทอมบอย เลยจับฉันตัดผมเหมือนผมเธอ” “ผมชอบนะ” “คุณชอบผมทรงกะลาครอบเหรอ” “เปล่า เสียงคุณต่างหาก เป็นอะไรที่ดีที่สุดในตัวคุณเลยตั้งแต่เริ่ม คุยมา” เมไม่พูดอะไร เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า “บ้าเอ๊ย” เขาร้อง “มันฟังดูพิลึกใช่ไหม? ผมพยายามจะชมคุณ แท้ๆ” มีความเงียบที่ชวนให้ยุ่งยากใจเกิดขึ้น เมเคยมีประสบการณ์เลว ร้ายกับผู้ชายที่พูดเก่งเกินไปมาก่อน ผู้ชายที่กระโจนข้ามบันไดหลายขั้น แล้วไปจบตรงค�ำชมที่ไม่เหมาะสม เธอหันไปหาเขาเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ใช่ คนที่เธอคิดว่าเขาเป็นตอนแรก คือไม่ใช่คนใจดีที่ไม่มีพิษภัย แต่เป็นคน พิลึก เจ้าปัญหา แถมยังไม่เต็มอีกต่างหาก ทว่าเมื่อมองดูเขา เธอกลับเห็น ใบหน้าเรียบเนียนหน้าเดิม เห็นแก้วสีฟ้า เห็นดวงตาแบบมนุษย์โบราณคู่ เดิม และสีหน้าเขาก็ดูเจ็บปวด เขามองขวดทีต่ วั เองถือราวกับจะโทษมัน “ผมแค่อยากให้คณ ุ รูส้ กึ ดีขึ้นกับเสียงตัวเอง แต่สงสัยจะไปดูหมิ่นส่วนอื่นที่เหลือของคุณเข้าแล้ว” เมคิดตามครู่หนึ่ง แต่สมองของเธอที่เบลอเพราะไวน์คิดได้ช้ามาก มันหนืดไปหมด เธอจึงเลิกวิเคราะห์ถ้อยค�ำหรือเจตนาของเขา “ฉันว่าคุณ 46

เดฟ เอกเกอร์ส


เป็นคนแปลก” เธอพูด “ผมไม่มีพ่อแม่” เขาพูด “แบบนี้พอจะท�ำให้คุณยกโทษให้ผมได้ ไหม” แต่พอเขารู้ตัวว่าพูดมากไปและดูสิ้นท่าเกินไป เขาก็บอกว่า “คุณไม่ เห็นดื่มเลย” เมเลือกจะปล่อยให้เขาเปลี่ยนเรื่องพูดจากเรื่องในวัยเด็ก “ฉัน พอแล้วค่ะ” เธอบอก “ฉันเจอฤทธิ์มันเต็มที่แล้ว” “ผมเสียใจจริงๆ บางทีค�ำพูดผมก็ไม่เป็นไปตามล�ำดับที่ควร ผม จะดีใจที่สุดเวลาที่ไม่ต้องพูดถึงอะไรแบบนี้” “คุณเป็นคนแปลกมากจริงๆ” เมพูดซ�้ำ แล้วเธอก็หมายความตาม นั้นจริงๆ เธออายุยี่สิบสี่ แล้วเขาก็ไม่เป็นเหมือนใครที่เธอเคยรู้จัก เธอคิด แบบมึนเมาว่ามันคือหลักฐานของพระเจ้าใช่ไหม? ว่าชีวิตเธออาจจะเจอคน เป็นพันมาแล้ว หลายคนเหมือนกัน หลายคนผ่านมาก็ผ่านไป แต่เธอก็จะ ต้องเจอคนคนนี้ คนใหม่ที่ท้ังประหลาดแถมพูดจาก็ประหลาด ทุกวันจะมี นักวิทยาศาสตร์คน้ พบสปีชสี ใ์ หม่ของกบหรือดอกบัวสาย ซึง่ เรือ่ งนีก้ เ็ หมือน จะยืนยันว่านักแสดงที่มพี รสวรรค์หรือผูส้ ร้างจากสรวงสวรรค์ได้ส่งของเล่น ชิ้นใหม่มาตรงหน้าเราแล้ว เขาซ่อนมันแต่ซ่อนแบบหาความมิดชิดไม่ได้ เพราะดันซ่อนมันตรงที่ที่เราจะไปเจอพอดี และฟรานซิสคนนี้ก็แตกต่าง จากคนอื่นทุกอย่าง เขาคือกบพันธุ์ใหม่ เมหันไปมองเขาพลางนึกในใจว่า อยากจะจูบเขาสักครั้ง แต่ตอนนีเ้ ขาไม่วา่ ง มือข้างหนึง่ เขาก�ำลังเททรายออกจากรองเท้า ส่วนมืออีกข้างเหมือนจะก�ำลังโดนกัดให้เล็บกุด ความคิดค�ำนึงของเมยุติลง เธอนึกถึงบ้าน นึกถึงที่นอน “คนอื่นๆ กลับกันยังไงคะ?” เธอถาม ฟรานซิสมองไปยังกลุ่มคนที่ดูจะก�ำลังพยายามต่อตัวเป็นพีระมิด อยู่ “ที่แน่ๆ ก็มีหอพัก แต่ผมเชื่อว่าคงเต็มแล้วละ แต่ที่นี่ก็มีรถบัสสอง สามคันคอยรับส่งพนักงานด้วย เรื่องนี้คงมีคนบอกคุณแล้ว” เขาเอาขวด ชี้ไปตรงทางเข้าหลัก เมมองเห็นหลังคารถบัสคันเล็กที่เธอเห็นเมื่อเช้าตอน มาท�ำงาน “บริษัทวิเคราะห์ต้นทุนอะไรหมดแล้ว ถ้าให้พนักงานคนหนึ่ง เดอะ เซอร์เคิล

47


ขับรถกลับบ้านทั้งที่เหนื่อยเกิน หรืออย่างกรณีนี้ก็อาจจะเมาเกินกว่าจะ ขับละก็ ต้นทุนการใช้รถรับส่งถือว่าถูกกว่ามากในระยะยาว อย่าบอกผม ละว่าคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อนั่งรถรับส่ง เพราะรถรับส่งของที่นี่น่ะสุดยอดมาก ข้างในอย่างกับเรือยอชต์ มีช่องเก็บของแล้วก็ไม้เพียบไปหมด” “มีไม้เพียบไปหมดหรือ มีไม้เพียบไปหมดเนี่ยนะ?” เมชกแขน ฟรานซิส เธอรู้ว่าเธอก�ำลังหว่านเสน่ด์ และรู้ว่าการหว่านเสน่ห์เพื่อนร่วม งานในเซอร์เคิลตั้งแต่คืนแรกที่มาท�ำงานเป็นเรื่องทีไม่เข้าท่าเอามากๆ การ ดื่มเยอะขนาดนี้ตั้งแต่คืนแรกของการท�ำงานก็ไม่เข้าท่าเช่นกัน แต่เธอก็ท�ำ ทุกอย่างที่ว่ามาและมีความสุขที่ได้ท�ำด้วย มีร่างคนคนหนึ่งก�ำลังเดินทอดน่องมาหาทั้งคู่ เมมองแบบกึ่งมึน กึ่งสนใจ สิ่งที่เธอรู้ก่อนคือร่างนั้นเป็นผู้หญิง ต่อมาจึงรู้ว่าเป็นแอนนี่ “ผู้ชายคนนี้ล่วงเกินเธอหรือเปล่า?” แอนนี่ถาม ฟรานซิสรีบผละห่างจากเม จากนั้นก็ซ่อนขวดไว้ด้านหลัง แอนนี่หัวเราะ “ฟรานซิส ท�ำไมต้องลนลานขนาดนั้น?” “โทษที ผมนึกว่าคุณพูดอย่างอื่นน่ะ” “โห ยังจะรู้สึกผิดอีก! ฉันเห็นเมชกแขนคุณก็เลยแซวเล่นน่ะ แต่ นี่ คุ ณ ก� ำ ลั ง พยายามจะสารภาพอะไรหรื อ เปล่ า ? มี แ ผนจะท� ำ อะไร ฟรานซิส การ์บังโช?” “การาเวนตา” “ใช่ ฉันรู้ชื่อคุณหรอก” “ฟรานซิส” แอนนี่พูดพร้อมกับนั่งลงคั่นกลางทั้งคู่แบบทุลักทุเล “ฉันอยากขออะไรคุณอย่างหนึ่ง ในฐานะเพื่อนร่วมงานที่น่าเคารพและใน ฐานะเพื่อนคุณด้วย ฉันขอได้ไหม?” “ได้สิ” “ดี งั้นฉันขออยู่ตามล�ำพังกับเมหน่อยได้ไหม? ฉันอยากจูบ ปากเธอ” ฟรานซิสหัวเราะก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นว่าทั้งเมและแอนนี่ไม่มี ใครหัวเราะด้วย เขาทั้งตกใจ สับสน และเห็นได้ชัดว่าเกรงแอนนี่ ไม่นาน 48

เดฟ เอกเกอร์ส


ฟรานซิสก็เดินลงบันไดไปตามสนามหญ้า และแทรกเลาะผ่านคนในงานที่ ก�ำลังสนุกครึกครื้นไป พอข้ามสนามไปได้ครึ่งทางเขาก็หยุดแล้วหันหลังมา มอง เหมือนอยากดูให้แน่ใจว่าแอนนี่ตั้งใจจะแย่งต�ำแหน่งเพื่อนเมในคืนนี้ ไปจากเขาจริงหรือเปล่า แล้วความกลัวของเขาก็ได้รับการยืนยัน เขาเดิน ไปใต้ความมืดที่ปกคลุม จากนั้นก็พยายามเปิดประตู แต่กลับเปิดไม่ออก เขาทั้งผลักทั้งดันแต่ประตูก็ไม่ยอมขยับ และความที่รู้ว่าทั้งสองคนก�ำลัง มองอยู่ เขาจึงเดินเลี่ยงอ้อมมุมไปจนพ้นสายตา “เขาบอกว่าเขาอยู่แผนกรักษาความปลอดภัย” เมพูด “เขาบอกเธอแบบนั้นหรือ? ฟรานซิส การาเวนตาน่ะ?” “ฉันว่าเขาไม่น่าบอกเลย” “แต่เขาก็ไม่ได้รักษาความปลอดภัยในแผนกรักษาความปลอดภัย หรอก เขาไม่ใช่มอสสาด* ว่าแต่ฉันมาขัดจังหวะอะไรที่เธอไม่ควรท�ำในคืน แรกที่มาที่นี่หรือเปล่ายายโง่?” “เธอไม่ได้ขัดจังหวะอะไร” “ฉันว่าฉันขัดนะ” “ไม่ได้ขัด จริงๆ” “ขัดสิ ฉันรู้หรอก” แอนนี่มองขวดที่เท้าเม “ฉันนึกว่าทุกอย่างหมดเกลี้ยงไปหลาย ชั่วโมงแล้วซะอีก” “มีไวน์อยู่ในน�้ำตก ข้างส่วนปฏิวัติอุตสาหกรรม” “อ้อเออ คนชอบเอาของไปซ่อนในนั้นกัน” “ฉันเพิ่งได้ยินตัวเองพูดว่า ‘มีไวน์อยู่ในน�้ำตกข้างส่วนปฏิวัติ อุตสาหกรรม’ แหละ” แอนนี่มองไปอีกฟากของแคมปัส “ฉันรู้ แม่ง ฉันรู้” * สถาบันข่าวกรองและปฏิบัติการพิเศษประเทศอิสราเอล ซึ่ ง มี ต ้ น ก� ำ เนิ ด มาจากแผนการ อพยพชาวยิวจากยุโรปเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อสร้างชาติอิสราเอล ในปี 1938 และหลัง สงครามโลกครั้งที่สองมอสสาดจึงเน้นงานด้านข่าวกรอง ความมั่นคง และการต่างประเทศ เดอะ เซอร์เคิล

49


พอกลับถึงบ้าน หลังจากนั่งรถบัส หลังจากดื่มเหล้าเยลลี่ที่มี คนให้บนรถ หลังจากฟังคนขับรถบัสคุยเศร้าๆ ถึงครอบครัว ฝาแฝด และ ภรรยาที่เป็นโรคเกาต์ เมก็นอนไม่หลับ เธอนอนบนฟูกราคาถูกในห้อง เล็กจิ๋ว ในอพาร์ตเมนต์ที่มีแปลนเหมือนตู้นอนในรถไฟ ซึ่งเธอพักอยู่กับ เพื่อนอีกสองคนที่แทบจะเป็นคนแปลกหน้า เนื่องจากทั้งคู่เป็นพนักงาน ต้อนรับบนเครื่องบินจึงแทบไม่เคยเจอหน้ากัน อพาร์ตเมนทต์ของเธออยู่ บนชั้นสองของโมเต็ลเก่า เป็นห้องที่ค่อนข้างเก่า ไม่เคยท�ำความสะอาด มีกลิ่นความสิ้นหวังและกลิ่นอาหารเหม็นๆ จากเจ้าของเก่าติดอยู่ ที่นี่เป็น สถานที่อันน่าเศร้า โดยเฉพาะหลังจากไปอยู่เซอร์เคิลมาหนึ่งวัน ที่ซึ่งทุก อย่างสร้างด้วยความใส่ใจ ด้วยความรัก และด้วยสายตาอันแหลมคม เมนอนหลับบนที่นอนเยินๆ ไม่กี่ชั่วโมง ในหัวนึกถึงแต่เรื่องวันนี้คืนนี้ คิด ถึงแอนนี่กับฟรานซิส คิดถึงเดนิซกับโจไซอาห์ คิดถึงเสาไฟของนักดับ เพลิง คิดถึงเครื่องบินอีโนลา เกย์ คิดถึงน�้ำตก คิดถึงคบไฟไม้ไผ่ สิ่ง เหล่านีช้ า่ งเป็นดังการพักผ่อนวันหยุด และเป็นดังความฝันทีไ่ ม่นา่ จะรักษา ไว้ได้ แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะได้กลับไปที่นั่นอีก ที่ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามาสามารถ เกิดขึ้นได้ เธอเป็นที่ต้อนรับของที่นั่น เป็นพนักงานของที่นั่น และนี่ก็คือ สิ่งที่ท�ำให้เธอนอนไม่หลับ ศีรษะของเธอพลิกไปมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่าง จากความสุขของเด็กทารก เธอตื่นไปท�ำงานแต่เช้า ทว่าพอไปถึงตอนแปดโมงตรง ก็พบว่า ตัวเองยังไม่มีโต๊ะท�ำงาน อย่างน้อยก็ยังไม่มีโต๊ะจริงๆ เธอจึงไม่รู้จะไป ที่ไหน เมรออยู่เป็นชั่วโมงใต้ป้ายที่เขียนว่า ท�ำเรื่องนี้กันเถอะ ท�ำเรื่องนี้ กันให้หมดเลย จนกระทั่งเรนาตามาถึงและพาเธอขึ้นไปที่ชั้นสองของตึก เรอเนสซองซ์ โดยพาเข้าไปในห้องใหญ่ที่มีขนาดเท่าสนามบาสเกตบอล ในนั้นมีโต๊ะท�ำงานราวยี่สิบตัว ทุกตัวหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่ทั้งหมดล้วน สร้างจากไม้สีอ่อนที่มีหลายชิ้นส่วนประกอบกัน โต๊ะแต่ละตัวมีกระจกเป็น ตัวกั้น จัดวางให้อยู่เป็นกลุ่มละห้าตัวโดยวางเป็นรูปกลีบดอกไม้ แต่ยัง ไม่มีโต๊ะไหนมีเจ้าของเลยสักตัว “คุณเป็นคนแรกของที่นี่ค่ะ” เรนาตาพูด “แต่คุณจะไม่อยู่ที่นี่คน 50

เดฟ เอกเกอร์ส


เดียวนานหรอก พื้นที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์มักจะเต็มเร็ว และคุณก็ไม่ได้อยู่ ไกลจากคนที่เป็นซีเนียร์” พอพูดถึงตรงนี้เธอก็กวาดแขนไปรอบๆ ให้เห็น ห้องท�ำงานหลายสิบห้องที่อยู่รอบพื้นที่เปิดโล่ง เราสามารถเห็นคนในห้อง แต่ละห้องได้ผ่านทางผนังกระจก บรรดาซูเปอร์ไวเซอร์ที่อายุระหว่างยี่สิบ หกถึงสามสิบสอง ต่างเริม่ วันท�ำงานด้วยท่าทางทีด่ ผู อ่ นคลาย เปีย่ มทักษะ และเปี่ยมด้วยปัญญา “คนออกแบบคงชอบกระจกเอามากๆ เลยเนอะ” เมพูดพร้อม กับยิ้ม เรนาตาชะงัก พลางขมวดคิ้วและคิดตามที่เมพูด ก่อนจะเอาผม ข้างหนึ่งทัดหูและบอกว่า “คงอย่างนั้นค่ะ ฉันเช็คเรื่องนี้ได้ แต่ก่อนอื่น เราควรอธิบายเรือ่ งการเตรียมตัวท�ำงานและสิง่ ทีค่ ณ ุ ต้องเจอในวันแรกจริงๆ ก่อน” เรนาตาอธิบายถึงฟังก์ชนั่ ของโต๊ะท�ำงาน เก้าอีแ้ ละจอคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างล้วนออกแบบให้เหมาะตามหลักสรีระศาสตร์ แถมยังสามารถปรับ เปลี่ยนให้ใช้ได้ส�ำหรับคนที่ต้องการยืนท�ำงานด้วย “คุณวางของลงแล้วปรับเก้าอี้ดูก่อนได้ค่ะ และ อ้อ...ดูเหมือนจะ มีคณะต้อนรับมาหาคุณแน่ะ ไม่ต้องลุกนะคะ” เธอพูดแล้วหลีกทางไป เมื่อเมมองตามสายตาเรนาตาก็เห็นคนหนุ่มสาวสามคนก�ำลังเดิน มาหาเธอ ชายศีรษะล้านอายุราวยี่สิบปลายๆ ยื่นมือออกมา เมจับมือเขา จากนั้นเขาก็เอาแท็บเล็ตขนาดใหญ่วางลงบนโต๊ะท�ำงานตรงหน้าเธอ “ไฮ เม ผมร็อบจากฝ่ายบัญชีเงินเดือนนะ เชื่อว่าคุณต้องดีใจแน่ ที่เห็นผม” เขายิ้มก่อนหัวเราะยกใหญ่เหมือนเพิ่งรู้สึกถึงมุกตลกของตัวเอง ในบทสนทนานี้อีกครั้ง “เอาละ” เขาพูด “เรากรอกทุกอย่างในนี้หมดแล้ว มีแค่สามจุดทีค่ ณ ุ ต้องเซ็นชือ่ ” เขาชีห้ น้าจอตรงทีม่ รี ปู สีเ่ หลีย่ มสีเหลืองสว่าง ที่รอลายเซ็นของเธอ พอเมเซ็นชื่อเสร็จ ร็อบก็เอาแท็บเล็ตคืนและยิ้มอย่างแสนอบอุ่น “ขอบคุณมาก แล้วก็ยินดีต้อนรับครับ” เสร็จแล้วเขาก็หันหลังจากไป คนที่มาแทนเป็นหญิงร่างอวบอิ่ม เดอะ เซอร์เคิล

51


ผู้มีผิวสีทองแดงเนียนไร้ที่ติ “ไฮ เม ฉันทาช่านะคะ เป็นทนายความ” เธอยื่นหนังสือเล่ม กว้างเล่มหนึ่งให้ “คุณมีใบขับขี่ไหม?” เมส่งให้เธอ “เยี่ยมค่ะ ฉันอยากได้ ลายเซ็นสามลายเซ็นจากคุณ ไม่ต้องถามนะคะว่าท�ำไม และไม่ต้องถาม ว่าท�ำไมอันนี้ต้องเซ็นบนกระดาษ เป็นกฎหมายที่รัฐก�ำหนดค่ะ” ทาช่าชี้ ช่องสี่เหลี่ยมสามช่องที่อยู่เรียงกัน เมเซ็นชื่อลงไปในแต่ละช่อง “ขอบคุณค่ะ” ทาช่าพูด คราวนี้เธอยื่นแท่นหมึกสีน�้ำเงินออกมา “ทีนี้ประทับลายนิ้วมือข้างช่องนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ หมึกนี้ไม่เลอะหรอก เดี๋ยวคุณจะได้เห็น” เมเอานิ้วโป้งกดลงบนแท่นหมึก จากนั้นก็กดลงในช่องข้างลาย เซ็นทุกช่อง หมึกนั้นปรากฏบนกระดาษ แต่พอเมมองนิ้วโป้งของตัวเอง นิ้วกลับสะอาดเอี่ยม ทาช่าเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางดีใจของเม “เห็นไหมคะ? มันมองไม่ เห็น ที่เดียวที่มันปรากฏให้เห็นคือในหนังสือเล่มนี้” นี่ เ ป็ น สิ่ง ที่เ มต้องการพบที่นี่ ทุก อย่างล้ว นท�ำในแบบที่ดีกว่า กระทั่งหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือก็ยังล�้ำสมัย มองไม่เห็น พอทาช่าจากไป ก็มีชายตัวผอมสวมเสื้อเชิ้ตสีแดงติดซิปมายืน แทนที่ เขาจับมือกับเม “หวัดดี ผมจอนนะ ผมส่งอีเมล์หาคุณเมื่อวานเรื่องสูติบัตร” เขา ประกบมือสองข้างเข้าด้วยกันเหมือนก�ำลังภาวนา เมหยิบสูติบัตรออกมาจากกระเป๋า จอนท�ำตาโตดีใจ “คุณเอามา ด้วย!” เขาปรบมือรัวเบาๆ และฉีกยิ้มให้เห็นฟันซี่เล็ก “ไม่เคยมีใครจ�ำได้ เลยว่าต้องเอามาวันแรก คุณเป็นคนโปรดคนใหม่ของผมแล้วละ” เขารับ สูติบัตรไปพร้อมกับรับปากว่าจะน�ำมาคืนหลังถ่ายส�ำเนาแล้ว ด้านหลังเขาคือพนักงานคนที่สี่ คนนี้เป็นชายที่ดูดีมาก อายุราว สามสิบห้า ซึ่งถือว่าอายุมากสุดตั้งแต่เมพบมาในวันนั้น “ไฮ เม ผมแบรนดอนนะ เป็นเกียรติอย่างมากเลยที่ได้เป็นคน มอบแท็บเล็ตเครื่องใหม่ให้คุณ” เขาถือวัตถุแวววาวโปร่งใสที่มีขอบสีด�ำ 52

เดฟ เอกเกอร์ส


และเรียบลื่นราวหินออบซิเดียน เมอึ้งไป “เครื่องนี้ยังไม่วางจ�ำหน่ายนี่คะ” แบรนดอนยิ้มกว้าง “มันเร็วกว่ารุ่นเก่าสี่เท่าเลยละครับ ผมเล่น เครื่องตัวเองมาทั้งอาทิตย์เลย มันเจ๋งมาก” “แล้วฉันได้เครื่องหนึ่งเหรอ?” “คุณได้แล้ว” เขาบอก “เครื่องนี้มีชื่อคุณอยู่ด้วย” เขาพลิกแท็บเล็ตไปอีกด้านให้เห็นว่าเครือ่ งมีชอื่ จริงของเมสลักอยู่ เมเบลลีน เรนเนอร์ ฮอลแลนด์ เขาส่งเครื่องให้เธอ น�้ำหนักของมันเบาราวจานกระดาษ “ทีนี้ ผมเดาว่าคุณคงมีแท็บเล็ตของตัวเองอยู่แล้ว?” “มีค่ะ แต่ที่จริงเป็นแล็ปท็อปน่ะ” “แล็ปท้อปหรือ ว้าว ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เมชี้ไปที่เครื่อง “ตอนนี้ฉันอยากจะเอามันไปโยนลงถังขยะจัง” แบรนดอนหน้าซีด “ไม่ได้นะ อย่าท�ำแบบนั้น! อย่างน้อยเอาไป รีไซเคิลก็ยังดี” “อ๋อ ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่พูดเล่น” เมบอก “ฉันก็คงใช้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เพราะฉันเก็บทุกอย่างไว้ในนั้นหมด” “ดีเลยเม! นั่นแหละที่ผมจะท�ำเป็นสิ่งถัดไป เราควรถ่ายโอน ข้อมูลทั้งหมดของคุณใส่ลงในแท็บเล็ตเครื่องใหม่นี้” “อ๋อ อันนั้นฉันท�ำได้ค่ะ” “ให้เกียรติผมได้ไหม? ผมฝึกมาทั้งชีวิตเพื่อนาทีนี้เลยนะ” เมหัวเราะแล้วเลื่อนเก้าอี้ตัวเองออกมา แบรนดอนนั่งคุกเข่าข้าง โต๊ะท�ำงาน วางแท็บเล็ตเครื่องใหม่ข้างแล็ปท็อป ไม่กี่นาทีเขาก็สามารถ ถ่ายโอนข้อมูลกับบัญชีใช้งานต่างๆ ของเธอได้หมด “เอาละ ทีนี้มาท�ำแบบเดียวกันกับโทรศัพท์ของคุณด้วย แถ่น แท้น” เขาล้วงกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้นมา เป็นรุ่นที่ล�้ำกว่า ของเธอหลายอย่าง และเครื่องนี้ก็เหมือนแท็บเล็ตคือมีชื่อเธอสลักไว้ด้าน หลังเรียบร้อยแล้ว เขาเอาโทรศัพท์สองเครื่อง ทั้งเครื่องเก่าและใหม่วาง เดอะ เซอร์เคิล

53


ข้างกันบนโต๊ะ จากนัน้ ก็ยา้ ยข้อมูลทุกอย่างจากเครือ่ งหนึง่ ไปอีกเครือ่ งด้วย ความรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้สายต่อ “โอเค ทีนี้ทุกอย่างที่คุณเคยมีในโทรศัพท์และในฮาร์ดไดรฟ์ ก็สามารถเข้าดูได้จากแท็บเล็ตและโทรศัพท์เครื่องใหม่แล้ว แต่มันยังมีไฟล์ แบ็คอัพไว้ในคลาวด์กับเซิร์ฟเวอร์ของเราด้วย เพลง ภาพถ่าย ข้อความ ข้อมูลของคุณ มันจะไม่มีวันหายไป ต่อให้คุณท�ำแท็บเล็ตเครื่องนี้หรือ โทรศัพท์หาย มันก็ใช้เวลาหกสิบนาทีเท่านั้นที่จะกู้ข้อมูลทุกอย่างมาโยน ใส่เครื่องใหม่ มันจะอยู่ที่นี่ทั้งในปีหน้าและศตวรรษถัดไป” ทั้งคู่ต่างมองอุปกรณ์ใหม่ “ผมอยากให้ระบบของเรามีตั้งแต่สิบปีที่แล้วจริงๆ” เขาบอก “ตอนนั้นผมท�ำฮาร์ดไดรฟ์สองชิ้นพัง มันเหมือนบ้านทั้งหลังโดนไฟไหม้ไม่ เหลือซาก โดยที่ของทุกอย่างของเราอยู่ในบ้านหมด” แบรนดอนยืนขึ้น “ขอบคุณมากนะคะ” เมพูด “เรื่องเล็กน้อยครับ” เขาบอก “และถ้าท�ำแบบนี้เราจะสามารถ ส่งลิงค์อัพเดตซอฟต์แวร์ แอพ หรืออะไรต่ออะได้หมด และสามารถรู้ได้ ด้วยว่าคุณอัพเดตแล้ว ทุกคนในแผนกลูกค้าสัมพันธ์ต้องใช้ซอฟต์แวร์ เวอร์ชั่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้คุณคงนึกภาพออก ผมคิดว่าน่าจะไม่มีอะไร แล้ว...” เขาพูดพลางถอยออกไป แต่แล้วก็กลับชะงัก “อ้อ ที่ส�ำคัญคือ อุปกรณ์ทุกตัวของบริษัทต้องมีรหัสผ่านนะครับ ดังนั้นผมเลยให้คุณไว้ เขียนไว้ตรงนี”้ เขายืน่ แผ่นกระดาษทีม่ ตี วั เลขและตัวอักษรรวมถึงสัญลักษณ์ หน้าตาจ�ำยากทั้งหลาย “หวังว่าคุณจะจ�ำให้ได้วันนี้แล้วโยนใบนี้ทิ้งซะนะ ตกลงไหม?” “ค่ะ ตกลง” “เราสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านทีหลังได้ถ้าคุณต้องการ บอกผมได้ เลยแล้วผมจะเอาอันใหม่ให้ ทุกอย่างใช้คอมพิวเตอร์ค�ำนวณหมด” เมหยิบแล็ปท็อปเครื่องเก่าของเธอแล้วจะเอามาใส่กระเป๋า แบรนดอนมองแล็ปท็อปเหมือนมันเป็นเผ่าพันธุท์ จี่ ะมารุกรานโลก 54

เดฟ เอกเกอร์ส


“อยากให้ผมก�ำจัดให้ไหม วิธีทิ้งของเราเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากนะ” “พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ” เธอตอบ “ฉันอยากบอกลามันหน่อย” แบรนดอนยิ้มตามใจ “อ้อ ผมเข้าใจแล้ว งั้นก็โอเคนะ” เขาค�ำนับ แล้วจากไป เธอเห็นแอนนี่อยู่หลังเขา ก�ำลังเอาข้อนิ้วแตะคางและเอียงคอ “สาวน้อยของฉันอยู่นี่เอง โตเร็วมากจริงๆ!” เมลุกขึ้นโผเข้ากอดเพื่อน “ขอบใจนะ” เธอพูดกับซอกคอของแอนนี่ “อาาา” แอนนี่พยายามผละออก เมกอดเพื่อนแน่นขึ้น “จริงๆ” “ไม่เป็นไรหรอก” ในที่สุดแอนนี่ก็ผละออกมาได้ “ใจเย็นๆ หรือ จะท�ำต่อก็ได้อยู่นะ ฉันเริ่มติดใจละ” “จริงๆนะ ขอบใจมาก” เมเสียงสั่นเครือ “ไม่เอาๆ” แอนนี่พูด “ห้ามร้องไห้ในวันที่สอง” “ขอโทษ แต่ฉันตื้นตันจริงๆ” “หยุด” แอนนีข่ ยับเข้ากอดเมอีก “พอๆ พระเจ้า เธอนีบ่ อ๊ งจริงๆ” เมสูดหายใจลึกกระทั่งเธอสงบลงอีกครั้ง “ฉันคิดว่าคุมสติได้แล้ว ละ อ้อ พ่อฉันบอกว่าท่านรักเธอด้วยนะ ทุกคนมีความสุขมาก” “โอเค อันนั้นเริ่มจะแปลกละ เพราะฉันยังไม่เคยเจอพ่อเธอเลย แต่บอกเขาว่าฉันก็รักเขาแล้วกัน รักร้อนแรงด้วย พ่อเธอหล่อไหม มีเสน่ห์ หรือเปล่า หลายใจหรือเปล่า เผื่อบางทีเราอาจจะพอตกลงกันได้ ทีนี้เรา กลับเข้าเรื่องงานได้หรือยัง?” “ได้ๆ” เมพูดแล้วนั่งลงอีกครั้ง “ขอโทษที” แอนนี่เลิกคิ้วสองข้างแบบเจ้าเล่ห์ “ฉันรู้สึกเหมือนโรงเรียนก�ำลัง จะเริ่ม แล้วเราเพิ่งรู้ว่าโดนจับมาอยู่ห้องโฮมรูมเดียวกันอย่างนั้นแหละ เขาเอาแท็บเล็ตใหม่ให้เธอหรือยัง?” “เพิ่งให้เมื่อกี้” “ไหนดูหน่อยซิ” แอนนี่เอาเครื่องไปดู “โห รอยสลักนี่ให้ความ รู้สึกดีชะมัด เราจะต้องเจอเรื่องยุ่งด้วยกันแล้วนะ ใช่ไหม?” เดอะ เซอร์เคิล

55


“หวังว่าอย่างนั้น” “เอาละ หัวหน้าทีมเธอมาแล้ว ไฮ แดน” เมรีบเช็ดน�้ำตาออกจากใบหน้า พอมองเลยแอนนี่ไปเธอก็เห็น ชายหนุ่มรูปหล่อตัวเล็กเรียบร้อยคนหนึ่งก�ำลังเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อยืด มีฮู้ดสีน�้ำตาลและยิ้มด้วยความพึงพอใจยิ่ง “ไฮ แอนนี่ เป็นไงบ้าง” เขาพูดพร้อมกับจับมือเธอ “สบายดี แดน” “ดีใจมากเลยที่เจอ แอนนี่” “คุณได้มือดีมาอยู่ตรงนี้หนึ่งคนแน่ะ หวังว่าคุณคงรู้แล้ว” แอนนี่ พูดพลางจับข้อมือเมแล้วบีบ “อ๋อ ผมรู้แล้วละ” เขาบอก “ช่วยดูแลเธอด้วย” “ได้เลย” จากนั้นก็หันหน้าจากแอนนี่ไปหาเม รอยยิ้มพึงพอใจ ของเขาเพิ่มดีกรีกลายเป็นความมั่นใจอย่างที่สุด “ฉันจะคอยดูเวลาที่คุณดูแลเธอ” แอนนี่บอก “ได้ยินแล้วดีใจจริงๆ” แดนพูด “เจอกันตอนเที่ยงนะ” แอนนี่พูดกับเมแล้วผละไป ทุกคนออกไปกันหมดจนเหลือแต่เมกับแดน แต่รอยยิ้มของเขาก็ ยังไม่เปลี่ยน มันเป็นรอยยิ้มของคนที่ไม่ได้ยิ้มเพื่อให้ใครเห็น แต่เป็นยิ้ม ของคนที่ได้อยู่ตรงที่ที่ตนเองอยากจะอยู่ เขาลากเก้าอี้มาตัวหนึ่ง “ผมดีใจมากนะที่ได้เจอคุณที่นี่” เขาบอก “ดีใจมากที่คุณรับข้อ เสนอของเรา” เมมองตาเขาเพื่อหาร่องรอยของการหมกเม็ด เพราะไม่มีคนที่มี เหตุผลคนไหนหรอกที่จะปฏิเสธค�ำชักชวนให้มาท�ำงานที่น่ี แต่เธอก็ไม่พบ อะไรแบบนั้น แดนสัมภาษณ์เธอถึงสามครั้งส�ำหรับต�ำแหน่งนี้ และทุก ครั้งก็ดูจริงใจไม่เปลี่ยน “ผมเดาว่างานเอกสารกับลายนิ้วมือคงเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม?” “คิดว่างั้นนะคะ” 56

เดฟ เอกเกอร์ส


“อยากไปเดินเล่นไหม?” ทั้งสองลุกจากโต๊ะท�ำงานของเธอ จากนั้นก็เดินผ่านโถงทางเดิน กระจกยาวร้อยหลา ออกประตูสูงที่เปิดได้สองข้างไปสู่อากาศภายนอก ก่อนจะเดินขึ้นบันไดกว้าง “เราเพิ่งท�ำดาดฟ้าเสร็จ” เขาบอก “ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ” เมือ่ ทัง้ สองไปถึงบันไดขัน้ บนสุด วิวทีเ่ ห็นนัน้ ชวนให้ตนื่ ตามาก บน หลังคานี้สามารถมองเห็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของแคมปัส เห็นเมืองซาน วินเซนโซที่อยู่ล้อมรอบ เห็นอ่าวที่อยู่ไกลออกไป เมและแดนมองภาพ ทั้งหมดตรงหน้า จากนั้นเขาก็หันมาหาเธอ “เม ในเมื่อตอนนี้คุณมาร่วมงานกับเราแล้ว ผมอยากจะท�ำความ เข้าใจเรือ่ งความเชือ่ หลักๆ ทีเ่ ราเชือ่ กันในบริษทั ก่อน ซึง่ ความเชือ่ ทีส่ ำ� คัญ สุด ก็นับว่าส�ำคัญพอกับงานที่เราท�ำอยู่ แถมตัวงานก็ถือว่าส�ำคัญอย่าง มากแล้วนั้น ก็คือเราอยากจะแน่ใจว่าคุณสามารถเป็นมนุษย์ที่นี่ได้เช่นกัน เราอยากให้ที่นี่เป็นที่ท�ำงาน เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่นี่ก็ควรจะเป็นที่ ส�ำหรับ มนุษย์ด้วย นั่นหมายถึงการสร้างชุมชน ที่จริงมันต้องเป็นชุมชน เลยมากกว่า นั่นคือสโลแกนหนึ่งของเรา ซึ่งคุณคงรู้อยู่แล้ว ชุมชนมาก่อน และคุณคงเคยเห็นป้ายที่เขียนว่า ที่ท�ำงานของมนุษย์ แล้ว ผมเป็นคนให้ เขียนเอง มันเป็นประเด็นที่ผมให้ความส�ำคัญมาก เราไม่ใช่เครื่องจักร ที่ นี่ไม่ใช่โรงงานนรก เราคือกลุ่มคนที่มีไอเดียยอดเยี่ยมที่สุดในคนรุ่นเรา ใน คนหลายต่อหลายรุ่น การท�ำให้ที่นี่เป็นที่ที่ความเป็นมนุษย์ของเราได้รับ ความเคารพ ความเห็นของเราได้รับการให้เกียรติ เสียงของเราก็มีคน ได้ยิน มันนับเป็นเรื่องที่ส�ำคัญไม่ต่างจากรายรับ จากราคาหุ้น จากความ พยายามต่างๆ ที่ท�ำอยู่ที่นี่เลย เรื่องนี้ฟังดูน�้ำเน่าไหม?” “ไม่ค่ะไม่” เมรีบตอบ “ไม่น�้ำเน่าเลย ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ไงคะ ฉัน ชอบแนวคิดที่ว่า ‘ชุมชนมาก่อน’ แอนนี่เคยบอกฉันเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่เธอ เริ่มท�ำงาน งานเก่าของฉันไม่มีใครสื่อสารได้ดีนักหรอกค่ะ รวมแล้วก็ตรง กันข้ามกับที่นี่ทุกอย่าง” แดนหันไปมองเนินเขาด้านทิศตะวันออกทีม่ ขี นแพะและหญ้าเขียว เดอะ เซอร์เคิล

57


คลุมเป็นหย่อม “ผมไม่ชอบได้ยินเรื่องแบบนั้นเลย ในเมื่อมีเทคโนโลยีแล้ว การสื่อสารก็ไม่น่าเป็นอะไรที่ต้องสงสัย การท�ำความเข้าใจก็ไม่ควรเป็นอื่น ไปได้นอกจากเข้าใจอย่างแจ่มชัด นั่นคือสิ่งที่เราท�ำที่นี่ คุณอาจจะมองว่า เป็นภารกิจของบริษัทก็ได้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผมหมกมุ่นด้วย เรื่องการ สื่อสาร ความเข้าใจ และความชัดเจนน่ะ” แดนพยักหน้าย�ำ้ ราวกับปากเขาเพิง่ จะเอ่ยถ้อยค�ำออกไปเอง และ เป็นข้อความที่หูเขาพบว่าล�้ำลึกที่สุด “ที่เรอเนสซองส์ก็อย่างที่คุณรู้ เราดูแลแผนกลูกค้าสัมพันธ์หรือ ลส. ซึ่งบางคนอาจมองว่ามันเป็นแผนกที่เจ๋งน้อยที่สุดของที่แห่งนี้ แต่ตาม ที่ผมเห็น และตามที่กลุ่มผู้ทรงปัญญาเห็น แผนกเราคือรากฐานของทุก อย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ หากเราสร้างความพอใจทั้งในแง่มนุษย์และในแง่ มนุษยธรรมไม่ได้ เราก็ไม่มีลูกค้า เป็นอะไรที่พื้นฐานมาก เรานี่แหละคือ หลักฐานว่าบริษัทนี้เป็นมนุษย์” เมไม่รู้จะพูดอะไร เธอเห็นด้วยหมดทุกอย่าง เควินเจ้านายคน ล่าสุดของเธอไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ได้เลย เควินไม่มีปรัชญา เควิน ไม่มีแนวความคิด เควินมีแต่กลิ่นตัวและมีหนวด เมยิ้มแฉ่งเหมือนคนบ้า “ผมรู้ว่าคุณต้องท�ำงานที่นี่ได้ดีมาก” แดนพูดแล้วยื่นแขนไปหาเม เหมือนอยากจะเอาฝ่ามือจับไหล่เธอแต่แล้วก็กลับเปลี่ยนใจ เขาลดมือข้าง นั้นลงข้างล�ำตัวแทน “ลงไปข้างล่างกันเถอะจะได้เริ่มท�ำงาน” ทั้งสองผละจากดาดฟ้าและเดินลงบันไดกว้าง จากนั้นก็กลับมา ที่โต๊ะก่อนจะพบว่ามีหนุ่มผมยุ่งคนหนึ่งรออยู่ “นั่นไง” แดนพูด “มาเร็วตามเคย หวัดดี จาเร็ด” ใบหน้าของจาเร็ดสงบ ไร้ริ้วร้อย มือสองข้างวางพักอย่างใจเย็น ไม่กระดุกกระดิกบนตักกว้างของเขา เขาสวมกางเกงขาวยาวสีกากี สวม เสื้อเชิ้ตผ่าหน้าที่ดูจะขนาดเล็กไปนิด “จาเร็ดจะเป็นคนฝึกงานให้คุณ เขาจะเป็นคนที่มีหน้าที่ติดต่อกับ คุณโดยตรงที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์นี่ ผมดูทีม จาเร็ดดูรายบุคคล ดังนั้นเรา จะเป็นสองคนหลักที่คุณต้องรู้จักชื่อไว้ จาเร็ด พร้อมจะเริ่มงานให้เม 58

เดฟ เอกเกอร์ส


หรือยัง?” “พร้อมแล้ว” เขาพูด “หวัดดีเม” จาเร็ดลุกขึ้นและยื่นมืออกมา เมจับมือเขา มือนั้นกลม นุ่ม เหมือนมือของเทวดาน้อย แดนบอกลาคนทั้งสองแล้วผละไป จาเร็ดยิ้มกว้างแล้วเอามือเสยผมยุ่งเหยิง “ได้เวลาฝึกงานละนะ คุณพร้อมหรือยัง?” “พร้อมมากค่ะ” “อยากได้ชากาแฟหรืออะไรก่อนไหม?” เมส่ายหน้า “ฉันเรียบร้อยมาแล้วค่ะ” “ดี งั้นนั่งลงเลย” เมนั่งลง จาเร็ดลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ “โอเค ก็อย่างที่คุณรู้นะ ตอนนี้หน้าที่คุณคือให้บริการตรงแก่ ลูกค้าที่เป็นผู้โฆษณารายเล็ก เขาจะส่งข้อความมายังแผนกลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งมันจะส่งมาถึงพวกเราคนใดคนหนึ่ง เริ่มจากส่งแบบสุ่ม แต่ทันทีที่เรา คุยกับลูกค้าแล้ว เมล์ของลูกค้าคนนั้นจะส่งมาที่เราตลอด เหตุผลก็คือเพื่อ ความต่อเนื่อง เมื่อคุณได้รับค�ำถาม คุณก็หาค�ำตอบ แล้วเขียนตอบกลับ ไป หลักๆ จะเป็นแบบนั้น ถือว่าง่ายในทางทฤษฎี ฟังดูโอเคใช่ไหม?” เมพยักหน้า แล้วแดนก็บรรยายถึงค�ำขอและค�ำถามทีพ่ บบ่อยทีส่ ดุ ทั้งหมดยี่สิบเรื่อง จากนั้นก็ให้เธอดูรายการค�ำตอบที่ใช้กันเป็นแบบแผน “แต่ทีนี้มันไม่ได้แปลว่าเราจะแปะค�ำตอบแล้วส่งไปทื่อๆ ได้นะ คุณต้องท�ำให้ทกุ ค�ำตอบเจาะจงถึงลูกค้าเป็นการส่วนตัว คุณเป็นคน ลูกค้า เป็นคน ดังนั้นเราจึงไม่ควรเลียนแบบหุ่นยนต์ และเราก็ไม่ควรปฏิบัติ เหมือนลูกค้าเป็นหุ่นยนต์ด้วย เข้าใจความหมายผมไหม ไม่มีหุ่นยนต์ ท�ำงานที่นี่ เราไม่อยากให้ลูกค้าคิดว่าก�ำลังคุยอยู่กับตัวตนที่ไม่มีหน้า ดัง นั้นคุณควรแน่ใจทุกครั้งว่าได้สอดแทรกความเป็นมนุษย์ลงในการท�ำงาน เสมอ ฟังดูดีไหม?” เมพยักหน้า เธอชอบนะ ไม่มีหุ่นยนต์ท�ำงานที่นี่ จากนั้นทั้งคู่ก็ฝึกสมมติเหตุการณ์ขึ้นมาราวสิบสถานการณ์ เม เดอะ เซอร์เคิล

59


ตอบได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ จาเร็ดเป็นคนฝึกที่ใจเย็น เขาพาเธอไปรู้จักกับทุก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ของลูกค้า ในเหตุการณ์ไหนที่เธอไปต่อไม่ได้ เธอ สามารถส่งค�ำถามกลับมาที่เขาได้เลย เขาจะดูแลต่อเอง นั่นคือสิ่งที่เขาท�ำ เกือบทั้งวัน จาเร็ดบอก คือคอยตอบค�ำถามที่เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์มือ ใหม่ให้ค�ำตอบไม่ได้ “แต่แบบนั้นจะเกิดขึ้นค่อนข้างยาก คุณจะแปลกใจที่พบว่าคุณ สามารถตอบค�ำถามทันทีได้หลายเรื่องแค่ไหน ทีนี้สมมติคุณตอบค�ำถาม ลูกค้าแล้ว ลูกค้าก็ดูจะพอใจดี ตอนนั้นแหละที่คุณต้องส่งแบบส�ำรวจให้ ลูกค้าตอบ มันจะเป็นชุดค�ำถามสั้นๆ เกี่ยวกับการให้บริการของเรา ถาม ความรู้สึกโดยรวมของลูกค้า และสุดท้ายก็จะขอให้ลูกค้าให้คะแนน พอ ลูกค้าส่งค�ำถามกลับมา คุณก็จะรูท้ นั ทีวา่ คุณท�ำหน้าทีเ่ ป็นอย่างไร คะแนน จะขึ้นให้ดูตรงนี้” เขาชี้มุมจอที่มีตัวเลขตัวใหญ่เขียนว่า 99 ส่วนใต้เลขเป็นตารางตัว เลขอื่นๆ “99 คือตัวเลขสูงสุดของคะแนนทีล่ กู ค้าให้ได้ ลูกค้าจะให้คะแนน ได้เท่าไหร่รู้ไหม ตั้งแต่ 1 ถึง 100 เลยละ ตัวเลขคะแนนล่าสุดจะปรากฏ ตรงนี้ แล้วจะน�ำมาหาค่าเฉลี่ยกับคะแนนที่เหลือในช่องข้างๆ ซึ่งด้วยวิธีนี้ คุณก็จะรู้ว่าคุณท�ำหน้าที่เป็นอย่างไรในเวลานั้นหรือโดยภาพรวม เอาละ ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ ‘โอเค จาเร็ด การเอาคะแนนเฉลี่ยมาเฉลี่ยนี่มัน คืออะไรกัน?’ ค�ำตอบคือ ถ้ามันต�่ำกว่า 95 คุณอาจจะต้องถอยมาดูว่าคุณ ท�ำอะไรเพื่อให้มันดีขึ้นได้บ้าง ซึ่งถ้าคะแนนมันดิ่งลงเรื่อยๆ คุณอาจจะ ต้องไปพบกับแดน หรือหัวหน้าทีมคนอื่นเพื่อทบทวนวิธีฝึกที่ดีที่สุด ฟังดู เข้าท่าไหม?” “เข้าท่าค่ะ” เมพูด “ฉันชอบมากเลย จาเร็ด ตอนอยู่ที่ท�ำงาน เก่าฉันไม่รู้เลยว่าตัวเองยืนอยู่ตรงไหน จนกระทั่งเจอการประเมินตาม ไตรมาส เป็นอะไรที่ปั่นป่วนมาก” “งั้นคุณต้องรักงานนี้แน่ ถ้าลูกค้ากรอกแบบสอบถามแล้ว ให้ คะแนนแล้ว ซึ่งส่วนมากท�ำแบบนั้น คุณก็ส่งข้อความถัดไป อันนี้จะเป็น 60

เดฟ เอกเกอร์ส


ข้อความขอบคุณที่ลูกค้ากรอกแบบสอบถาม มันจะกระตุ้นให้ลูกค้าบอก เพื่ อ นถึ ง ประสบการณ์ ที่ มี กั บ คุ ณ ที่ มี จ ากการใช้ สื่ อ โซเชี ย ลมี เ ดี ย ของ เซอร์เคิล ถ้าจะให้ดี อย่างน้อยลูกค้าจะต้องเขียนถึงเราในซิงก์ หรือส่ง เครือ่ งหมายยิม้ ให้เราหรือไม่กข็ มวดคิว้ และถ้าจะให้ดที สี่ ดุ เราควรจะท�ำให้ ลูกค้าอัพถึงเราในซิงก์หรือเขียนถึงเราบนเว็บลูกค้าสัมพันธ์อื่น ถ้าเราท�ำให้ ลูกค้าไปพูดที่อ่ืนได้ว่าเจอแผนกลูกค้าสัมพันธ์ท่ีดีจากคุณ มันก็จะเป็นผลดี กับทุกฝ่าย เข้าใจไหม?” “เข้าใจค่ะ” “โอเค มาท�ำแบบสดๆ สักรอบแล้วกัน พร้อมไหม?” เมไม่พร้อม แต่พูดแบบนั้นไม่ได้ “พร้อมค่ะ” จาเร็ดเลือกค�ำร้องของลูกค้าคนหนึ่งขึ้นมา หลังจากอ่านดูเขาก็ พ่นลมหายใจเบาๆ ออกมาให้รู้ว่านี่เป็นค�ำร้องพื้นฐานทั่วไป เขาเลือกใช้ ค�ำตอบตามแบบแผน เอามาปรับภาษานิดหน่อย และบอกลูกค้าว่าขอให้ มีวันที่วิเศษ การแลกเปลี่ยนกินเวลาประมาณเก้าสิบวินาที สองนาทีหลัง จากนั้นหน้าจอก็ยืนยันกลับมาว่าลูกค้าตอบแบบสอบถามแล้ว คะแนนที่ ปรากฏคือ 99 จาเร็ดเอนหลังและหันไปหาเม “เป็นไง ดีใช่ไหม? เก้าสิบเก้าคือดีมากนะ แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ ว่าท�ำไมถึงไม่เต็มร้อย มาดูกันดีกว่า” เขาเปิดค�ำตอบแบบส�ำรวจความ พอใจของลูกค้าขึ้นอ่าน “ก็ไม่มีตรงไหนที่เห็นชัดเจนนะว่าลูกค้าไม่พอใจ ในการติดต่อกับเรา แต่บริษัทส่วนมากก็จะบอกว่า ว้าว เก้าสิบเก้าจาก ร้อยหรือ แทบจะเพอร์เฟ็กต์เลยนะ ผมเองก็จะบอกว่าถูกแล้ว มันเกือบ จะเพอร์เฟ็กต์ เรื่องนั้นแน่นอน แต่ท่ีเซอร์เคิล แค่หายไปคะแนนเดียวเรา ก็ไม่สบายใจแล้ว ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าเราจะหาค�ำตอบสุดท้ายได้ไหม นี่ คือแบบฟอร์มติดตามผลที่เราส่งออกไป” เขาให้เธอดูแบบสอบถามอีกอัน อันนีส้ นั้ กว่า เนือ้ หาคือถามลูกค้า ถึงการติดต่อว่ามีอะไรบ้างทีอ่ ยากให้ปรับปรุง และอยากให้ปรับปรุงอย่างไร แล้วทั้งคู่ก็ส่งแบบฟอร์มไปให้ลูกค้า ไม่กี่วินาทีถัดมาก็มีค�ำตอบกลับ “ทุกอย่างดีหมด โทษที น่าจะ เดอะ เซอร์เคิล

61


ให้คุณร้อยคะแนนไปเลย ขอบคุณมาก!!” จาเร็ดเคาะจอแล้วชูนิ้วโป้งให้เม “โอเค บางทีคุณอาจเจอคนที่ไม่ละเอียดอ่อนเรื่องการกะตัวเลข เท่าไหร่ ดังนั้นจะเป็นการดีถ้าเราถามให้แน่ใจว่าเราได้ตัวเลขที่ชัดเจน ทีนี้ คะแนนเราก็จะกลับมาเพอร์เฟ็กต์ พร้อมจะลงมือเองหรือยัง” “พร้อมค่ะ” ทั้งสองดาวน์โหลดค�ำถามลูกค้าอีกหนึ่งราย เมไล่ดูค�ำตอบตาม แบบแผน เมื่อพบค�ำตอบที่เหมาะสม เธอก็น�ำมาปรับให้รายละเอียดตรง กับลูกค้า แล้วส่งตอบกลับไป เมื่อผลส�ำรวจความพึงพอใจส่งกลับมา เธอ ได้คะแนนหนึ่งร้อยเต็ม จาเร็ดเหมือนจะผงะไปครู่หนึ่ง “คนแรกก็ได้ร้อยเต็มเลย ว้าว” “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องเก่ง” เขาเสียหลักไปนิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาตั้งหลัก ได้แล้ว “เอาละ ผมว่าคุณพร้อมจะท�ำต่อแล้วละ แต่ยังมีอีกสองสามอย่าง นะ ลองเปิดจอที่สองขึ้นมา” เขาเปิดจอเล็กที่อยู่ทางขวาของเธอ นี่เป็นจอ ส�ำหรับแสดงข้อความภายในบริษัท ชาวเซอร์เคิลทุกคนจะส่งข้อความ ออกจากหน้าจอหลัก แต่ข้อความจะมาโผล่ทางจอที่สอง ที่เป็นแบบนี้ก็ เพือ่ แยกความส�ำคัญของข้อความให้ชดั เจน และเพือ่ ช่วยบอกเราว่าอันไหน เป็นอันไหน คุณจะได้เห็นข้อความจากผมเป็นระยะทางจอนี้ ผมจะส่ง มาทักทายหรือแจ้งการปรับเปลี่ยนหรือแจ้งข่าว โอเคนะ” “เข้าใจค่ะ” “ทีนี้อย่าลืมส่งค�ำร้องที่ตอบไม่ได้มาให้ผม ถ้าอยากจะหยุดพัก หรือพูดคุย ก็ส่งข้อความมา หรือไม่ก็แวะมา ผมอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ผมอยาก ให้คุณคอยทักมาบ่อยๆ นะส�ำหรับสองสามสัปดาห์แรก ทางไหนก็ได้ ผมจะได้รู้ว่าคุณก�ำลังเรียนรู้อยู่ ดังนั้นไม่ต้องลังเลนะ” “ไม่ลังเลค่ะ” “เยี่ยม คราวนี้คุณพร้อมจะเริ่มต้นเริ่มงานหรือยัง?” “พร้อมแล้วค่ะ” “เอาละ นั่นแปลว่าผมจะเปิดช่องค�ำร้องละนะ และพอผมปล่อย 62

เดฟ เอกเกอร์ส


ให้ค�ำร้องไหลไปหาคุณ คุณจะมีคิวของตัวเอง งานคุณจะล้นมือไปอีกสอง ชั่วโมงจนกว่าจะพักเที่ยง พร้อมนะ?” เมรู้สึกว่าเธอพร้อม “พร้อมค่ะ” “แน่ใจใช่ไหม งั้นเอาเลย” เขาแอคติเวทบัญชีของเธอให้ใช้งานได้ แกล้งท�ำท่าตะเบ๊ะเธอ จากนั้นก็ผละไป ช่องค�ำร้องเปิดแล้ว แค่เพียงสิบสองนาทีแรกเธอก็ตอบ ค�ำร้องไปแล้วสี่ราย คะแนนของเธออยู่ที่ 96 เมเหงื่อแตกชุ่ม ทว่าความ รีบเร่งนี้ก็ท�ำให้เธอสนุกตื่นเต้นจนตัวเกร็งไม่น้อย มีข้อความจากจาเร็ดปรากฏขึ้นบนจอที่สองของเธอ ท�ำได้เยี่ยม เลย! ลองดูกันซิว่าเราจะท�ำคะแนนได้ถึง 97 เร็วๆ นี้หรือเปล่า ได้แน่ค่ะ! เธอเขียนตอบ แล้วติดตามผลจากคนที่ให้คะแนนไม่ถึงร้อยด้วยนะ โอเค เธอตอบ เธอส่งค�ำถามติดตามผลไปเจ็ดคน สามคนปรับคะแนนให้เป็นร้อย เธอตอบค�ำร้องได้อีกสิบเรื่องเมื่อถึงตอนสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้านาที ตอนนี้ คะแนนรวมของเธออยู่ที่ 98 มีข้อความปรากฏบนจอที่สองอีกข้อความ ครั้งนี้มาจากแดน วิเศษมาก เม! รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เมประหลาดใจมาก หัวหน้าทีมของเธอมาคอยดูเธอตัง้ แต่วนั แรก แถมยังใจดีกับเธอด้วย ดีค่ะ ขอบคุณมาก! เธอตอบกลับไปแล้วเปิดอ่านค�ำร้องถัดไปของ ลูกค้า มีข้อความใหม่จากจาเร็ดปรากฏตรงใต้ข้อความแรก มีอะไรให้ผมช่วยไหม? มีค�ำถามให้ผมตอบไหม? ไม่มีค่ะ ขอบคุณ! เธอตอบ ตอนนี้ฉันเข้าที่แล้ว ขอบคุณมาก จาเร็ด! เธอหันกลับมามองจอแรก แต่ข้อความใหม่จากจาเร็ดก็ยังโผล่มา ในจอที่สอง จ�ำไว้นะว่าผมจะช่วยคุณได้ต่อเมื่อคุณบอกผม เดอะ เซอร์เคิล

63


ขอบคุณอีกครั้งค่ะ! เมตอบ พอถึงตอนเทีย่ งเธอก็ตอบค�ำร้องไปทัง้ หมดสามสิบหกราย คะแนน ของเธอคือ 97 มีข้อความจากจาเร็ดเข้ามา ท�ำได้ดีมาก! ลองติดตามผลคนที่เหลือ ที่ให้คะแนนไม่ถึงร้อยกันเถอะ ได้ค่ะ เมตอบไป จากนั้นก็ส่งข้อความติดตามผลไปหาคนที่ยังไม่ ได้ส่งหา เธอท�ำให้บางคนที่เคยให้คะแนน 98 เปลี่ยนคะแนนเป็น 100 ก่อนจะเห็นข้อความจากแดน ท�ำได้เยี่ยมมาก เม! ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีข้อความเข้ามายังจอที่สองอีก คราวนี้จาก แอนนี่ ข้อความของเธอต่ออยู่ใต้ข้อความของแดน แดนบอกว่าเธอเด็ด ดวงมาก ต้องแบบนี้สิ! แล้วก็มอี กี ข้อความทีบ่ อกเธอว่ามีคนพูดถึงเธอในซิงก์ เมคลิกอ่าน ดู คนเขียนคือแอนนี่ น้องใหม่เมเด็ดดวงมาก! เธอส่งข้อความนี้ไปหา พนักงานเซอร์เคิลทั้งบริษัท ที่มีจ�ำนวนทั้งหมด 10,041 คน ข้อความในนั้นก็โดนส่งต่อไปอีก 322 ครั้ง มีความเห็นต่อเนื่อง 187 ความเห็น ทั้งหมดปรากฏบนจอที่สองของเธอเป็นข้อความต่อกันยาว เหยียด เมไม่มีเวลาอ่านทั้งหมด แต่เธอเลื่อนดูอย่างรวดเร็ว การเป็น ประโยชน์ช่างให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน พอหมดวัน คะแนนของเมอยู่ที่ 98 และก็มีข้อความแสดงความยินดีจากจาเร็ด แดน และแอนนี่ส่งมาด้วย มีซิงก์ตามมาอีกหลายข้อความเพื่อประกาศ และฉลองสิ่งที่แอนนี่เรียกว่า คะแนนสูงสุดที่น้องใหม่แผนกลูกค้าสัมพันธ์เคยท�ำได้ พอถึ ง วั น ศุ ก ร์ แรกเมก็ ต อบลู ก ค้ า ไปแล้ ว 436 คนและจ�ำ แบบแผนการตอบได้หมด ไม่มีอะไรท�ำให้เธอประหลาดใจอีกแล้ว แต่ ความหลากหลายของลูกค้า และธุรกิจของพวกเขายังชวนให้เวียนหัวอยู่ เซอร์เคิลมีอยู่ทุกที่ แม้ว่าเรื่องนี้เธอจะรู้มานานหลายปีแล้ว รู้เองบ้าง รู้เพราะฟังจากคนอื่นบ้าง เพราะธุรกิจพวกนี้ต่างพึ่งเซอร์เคิลให้เป็นคน 64

เดฟ เอกเกอร์ส


ท�ำให้สินค้าของพวกเขาเป็นที่รู้จัก ให้ช่วยวัดผลกระทบทางดิจิตัล จะได้ รู้ว่าใครบ้างที่ซื้อสินค้าของพวกเขาใช้และซื้อตอนไหน ทุกอย่างเป็นเรื่อง จริงในระดับที่แตกต่างกันไป ตอนนี้เมมีลูกค้าที่ต้องติดต่อทั้งในคลินตัน ลุยเซียน่า พัตนีย์ เวอร์มอนต์ เมืองมาร์มาริสของตุรกี ในเมลเบิร์น ใน กลาสโกว์ และในเกียวโต ทุกคนล้วนมีมารยาทเวลาสอบถาม ซึ่งต้องยก เครดิตให้ทรูยู แถมยังให้คะแนนดีมากด้วย พอตอนสายของวันศุกร์นั้น คะแนนรวมทั้งสัปดาห์ของเธอก็อยู่ ที่ 97 โดยมีค�ำยืนยันมาจากทุกคนในเซอร์เคิล งานนี้หนัก และค�ำร้องก็มี เข้ามาไม่หยุด แต่มนั ก็หลากหลายพอควร บ่อยครัง้ ทีเ่ ธอรูส้ กึ เป็นประโยชน์ จนท�ำให้เมสามารถปรับจังหวะการท�ำงานได้สบายๆ พอเธอจะดูค�ำร้องอีกเรื่อง ก็มีข้อความเข้ามาทางโทรศัพท์เสีย ก่อน เป็นข้อความจากแอนนี่ กินมื้อเที่ยงกับฉันนะ ยายบ๊อง ทั้งสองนั่งตรงเนินเตี้ยโดยมีสลัดสองชุดวางอยู่ตรงกลาง ดวง อาทิตย์ผลุบโผล่อยูห่ ลังเมฆทีเ่ คลือ่ นตัวช้าๆ เมกับแอนนีก่ ำ� ลังนัง่ ดูชายหนุม่ ผิวซีดแต่งตัวเหมือนวิศวกรสามคนก�ำลังพยายามจะขว้างลูกบอล “สรุปว่าเธอกลายเป็นดาวไปแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนเป็นแม่ที่ภูมิใจ ในตัวลูกเลย” เมส่ายหน้า “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันยังต้องเรียนรู้อีกเยอะต่างหาก” “แน่นอนอยู่แล้ว แต่ท�ำได้ตั้งเก้าสิบเจ็ดคะแนนเนี่ยนะ บ้าบอ มาก อาทิตย์แรกฉันยังได้ไม่ถึงเก้าสิบห้าเลย เธอนี่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ” เงาคนคู่หนึ่งทอดลงบนอาหารเที่ยงของเมและแอนนี่ “ขอเจอน้องใหม่หน่อยได้ไหม?” เมเงยหน้าพร้อมกับเอามือป้องตา “ได้สิ” แอนนี่พูด เงาคู่นั้นจึงนั่งลง จากนั้นแอนนี่ก็เอาส้อมชี้ “นี่ ซาบีนกับโจเซฟ” เมจับมือทั้งคู่ ซาบีนเป็นสาวผมบลอนด์ รูปร่างดูแข็งแรง ตา สองข้างไม่เท่ากัน ส่วนโจเซฟผอมซีดแล้วก็มีฟันเกเหมือนตัวการ์ตูน “ไม่ทันไรก็มองฟันผมแล้ว!” เขาร้องโหยหวนพร้อมกับชี้ไปที่เม เดอะ เซอร์เคิล

65


“คนอเมริกันอย่างพวกคุณนี่หมกมุ่นจริงๆ! ผมรู้สึกเหมือนเป็นม้าในงาน ประมูลไม่มีผิด” “แต่ฟันคุณเกจริงๆนี่” แอนนี่บอก “แล้วที่นี่เราก็มีสวัสดิการ ท�ำฟันที่ดีจะตาย” โจเซฟแกะห่อเบอริโต “ผมว่าฟันผมท�ำให้เกิดการถ่วงดุลที่จ�ำเป็น ต่อฟันที่เพอร์เฟ็กต์จนน่ากลัวของคนอื่นดีออก” แอนนี่เอียงคอมองเขา “ฉันเชื่อว่าคุณควรดัดฟันนะ ถ้าไม่เห็น แก่ตัวเอง ก็เห็นแก่ขวัญของบริษัทเถอะ คุณท�ำคนอื่นฝันร้ายหมดแล้ว” โจเซฟแกล้งท�ำหน้าตูม ปากเขาเต็มไปด้วยเนื้อย่าง แอนนี่ตบแขน เขาเบาๆ ซาบีนหันมาหาเม “คุณอยู่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์หรือ” เมเพิ่งสังเกต เห็นรอยสักที่แขนซาบีนที่สักเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนิรันดร์ “ใช่ค่ะ สัปดาห์แรกเลย” “แต่ฉนั เห็นนะว่าคุณท�ำได้ดมี าก ฉันเองก็เริม่ จากแผนกนัน้ เหมือน กัน ทุกคนก็ด้วย” “ซาบีนเป็นนักชีวเคมีนะ” แอนนี่บอก เมประหลาดใจ “คุณเป็นนักชีวเคมีหรือ?” “ใช่ค่ะ” เมไม่เคยได้ยนิ มาก่อนว่ามีนกั ชีวเคมีทำ� งานในเซอร์เคิลด้วย “ถาม หน่อยได้ไหมคะว่าท�ำงานแบบไหน?” “ถามได้ไหมน่ะหรือ” ซาบีนยิ้ม “ถามได้อยู่แล้ว แต่ฉันไม่จ�ำเป็น ต้องบอกอะไรก็ได้ใช่ไหม” ทุกคนถอนใจไปครู่หนึ่ง แต่แล้วซาบีนก็หยุดถอนใจ “แต่จริงๆนะ ฉันบอกไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ โดยทั่วไปฉันท�ำงานเกี่ยวกับ ด้านที่เป็นชีวเคมี นึกออกมั้ย งานสแกนม่านตาหรือจดจ�ำใบหน้าน่ะ แต่ ตอนนี้ฉันก�ำลังท�ำงานใหม่ ทั้งที่ฉันอยาก...” แอนนี่มองซาบีนด้วยสายตาขอร้องไม่ให้พูด ซาบีนเลยตักผักกาด หอมใส่ปาก 66

เดฟ เอกเกอร์ส


“ไงก็เถอะ” แอนนี่บอก “โจเซฟคนนี้น่ะดูแลเรื่องการเข้าถึงการ ศึกษานะ เขาก�ำลังพยายามเอาแท็บเล็ตไปให้ตามโรงเรียนที่ยังไม่มีก�ำลัง ทรัพย์พอที่จะซื้อ เป็นคนขยันท�ำดีเลยละ แล้วก็เป็นเพื่อนกับเพื่อนใหม่ ของเธอด้วย การ์บอนโซน่ะ” “การาเวนตา” เมแก้ชื่อให้ถูก “อา เธอจ�ำได้จริงๆด้วย นี่เธอเจอเขาอีกหรือยัง?” “สัปดาห์นี้ยัง มันยุ่งมากน่ะ” คราวนีโ้ จเซฟอ้าปากค้าง ดูเหมือนเขาจะเพิง่ เข้าใจบางอย่าง “คุณ คือเมหรือ?” แอนนี่นิ่วหน้า “เราเพิ่งบอกไปนะ ก็เมน่ะสิ” “โทษที ผมได้ยินไม่ชัด ทีนี้ผมรู้แล้วละว่าคุณเป็นใคร” แอนนี่หัวเราะพรืด “ท�ำไม สาวน้อยอย่างคุณสองคนคุยกันเรื่อง คืนส�ำคัญของฟรานซิสหรือไง? เขาเขียนชื่อเมลงในสมุดแล้ววาดหัวใจรอบ ชื่อด้วยหรือเปล่า?” โจเซฟสูดหายใจอย่างผ่อนคลาย “เปล่า เขาบอกว่าเจอผู้หญิงคน หนึ่งที่คุยดีมาก แล้วชื่อของเธอก็คือเม” “น่ารักจัง” ซาบีนพูด “เขาบอกเธอว่าเป็นรปภ.” แอนนี่พูด “ท�ำไมเขาต้องท�ำแบบนั้น ด้วยโจเซฟ” “เขาไม่ได้บอกแบบนั้น” เมยืนยัน “ฉันเป็นคนพูดเอง” แต่ท่าทางแอนนี่ไม่สนใจ “แต่ฉันว่าเธอจะเรียกรปภ.ก็ไม่ผิดนะ เขาอยู่แผนกรักษาความปลอดภัยเด็ก ตัวเขาก็เป็นหลักของโปรแกรม ป้องกันการลักพาตัวอยู่แล้ว เขาท�ำได้จริงเลยละ” ซาบีนที่อาหารเต็มปากอีกรอบพยักหน้าขันแข็ง “ก็ต้องท�ำได้อยู่ แล้ว” เธอพูดพลางพ่นเศษผักสลัดกับน�้ำสลัดออกมาด้วย “มันเป็นแผนที่ วางไว้แล้วนี่” “แผนอะไรหรือ?” เมถาม “เขาจะต้องป้องกันไม่ให้มีการลักพา ตัวทั้งหมดหรือ?” เดอะ เซอร์เคิล

67


“เขาท�ำได้อยู่แล้ว” โจเซฟพูด “เขามีแรงจูงใจ” แอนนี่ท�ำตาโต “เขาเล่าเรื่องพวกพี่สาวเขาให้เธอฟังหรือยัง” เมส่ายหน้า “ไม่นะ เขาไม่ได้พดู อะไรถึงพีน่ อ้ งเลย พีส่ าวเขาท�ำไม หรือ?” ชาวเซอร์เคิลทัง้ สามมองหน้ากัน ราวกับก�ำลังชัง่ ใจว่าควรเล่าเรือ่ ง ตรงนี้ตอนนี้เลยหรือเปล่า “มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเลยละ” แอนนี่บอก “พ่อแม่เขาเป็น คนที่แย่มาก รู้สึกจะมีลูกสี่หรือห้าคนนี่แหละ ฟรานซิสเด็กสุดหรือไม่ก็ เป็นคนรองสุดท้อง แต่สรุปคือพ่อน่ะติดคุก ส่วนแม่ก็ติดยา ลูกๆ เลยโดน จับแยกส่งไปอยู่ตามที่ต่างๆ คนหนึ่งเหมือนจะไปอยู่กับลุงกับป้า ส่วนพี่ สาวสองคนของเขาโดนส่งตัวไปสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง จากนั้นก็โดน ลักพาตัวไปจากที่นั่น เห็นมีคนสงสัยนะว่าพวกเธอโดน แบบว่าเอาตัวไป ให้หรือเอาไปขายให้ฆาตกรหรือเปล่า” “ขายให้ใครนะ” เมตัวเย็นวาบ “โอ พระเจ้า พวกมันข่มขืนพวกเธอแล้วจับขังไว้ในตู้เสื้อผ้า ทิ้ง ร่างของพวกเธอเหมือนฐานยิงจรวดมิสไซล์ใต้ดินที่ถูกทิ้งร้าง แบบว่ามัน เป็นเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เขาเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราจ�ำนวนหนึ่งฟัง ตอนเขาเสนอโปรแกรมปกป้องเด็กอันนี้ โห ดูหน้าเธอสิ ฉันไม่น่าเล่าเรื่อง นี้ให้เธอฟังเลย” เมพูดอะไรไม่ออก “แต่เธอควรต้องรู้นะ” โจเซฟพูด “มันคือเหตุผลที่ท�ำให้เขาทุ่มเท มาก แผนของเขาคือจะต้องก�ำจัดไม่ให้เรื่องแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” แอนนี่ดูโทรศัพท์ “จริงของคุณ เราต้องไปแล้ว เบลีย์ก�ำลังจะ แถลง เราควรไปรวมตัวกันที่หอประชุมใหญ่”

68

เดฟ เอกเกอร์ส


หอประชุมใหญ่อยูใ่ นส่วนของตึกเอนไลเทนเมนต์ทหี่ มายถึงการ รู้แจ้ง เมื่อทั้งสองไปถึงสถานที่แถลงซึ่งเป็นเหมือนถ�้ำขนาดสามพันห้าร้อย ที่นั่งที่แต่งด้วยไม้ดูอบอุ่นและเหล็กขัด ภายในหอก็อื้ออึ้งไปด้วยเสียงคาด การต่างๆ นานา เมกับแอนนี่เจอเก้าอี้ว่างคู่สุดท้ายตรงระเบียงชั้นสอง จึงนั่งลงตรงนั้น “เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่กี่เดือนมานี้” แอนนี่เล่า “ใช้งบไปสี่สิบห้า ล้านดอลลาร์เลยนะ เบลีย์จ�ำลองมาจากมหาวิหารในเมืองเซียนา เยี่ยมใช่ มั้ยล่ะ? ความสนใจของเมพุ่งไปที่เวที ตอนนี้ชายคนหนึ่งก�ำลังเดินไปยัง โพเดียมอะคริลิคท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง เขาเป็นชายตัวสูง อายุ ราวสี่สิบห้า มีพุงนิดหน่อยแต่ไม่ได้ดูสุขภาพแย่อะไร เขาสวมกางเกงยีน กับเสื้อไหมพรมคอวีสีน�้ำเงิน ตัวเขาไม่มีไมโครโฟนติดให้เห็น แต่พอเขาเริ่ม พูด เสียงกลับกังวานชัดเจน


“สวัสดีทุกคน ผมชื่อเอมอน เบลีย์” จากนั้นก็มีเสียงปรบมืออีก รอบจนเขาต้องรีบปราม “ขอบคุณครับ ดีใจจริงๆ ที่ได้พบทุกคนที่นี่ หลาย คนเพิง่ เข้ามาเป็นพนักงานบริษทั หลังจากครัง้ ล่าสุดทีผ่ มพูดไป ก็หนึง่ เดือน มาแล้ว ใครเป็นพนักงานใหม่ช่วยยืนหน่อยได้ไหมครับ” แอนนี่สะกิดเม เธอลุกขึ้นยืนและมองไปรอบหอประชุมจนได้เห็นคนราวหกสิบคนยืนอยู่ ส่วนมากอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ทุกคนดูเขินอาย ทุกคนแอบมีสไตล์ ของตัวเอง ทุกคนคือตัวแทนของทุกเชือ้ ชาติและทุกชาติพนั ธุ์ ทัง้ นีก้ เ็ พราะ เซอร์เคิลพยายามทีจ่ ะท�ำให้การออกใบอนุญาตท�ำงานของพนักงานต่างชาติ อนุมัติได้ง่ายขึ้น ซึ่งพนักงานที่นี่มีชาติก�ำเนิดที่หลายหลากจนน่ามึนหัว เสียงปรบมือจากชาวเซอร์เคิลที่เหลือดังมาก มีเสียงโห่ร้องแทรกอยู่ด้วย ประปราย เมนั่งลง “เวลาเธอหน้าแดงนี่น่ารักชะมัด” แอนนี่พูด เมนั่งห่อตัวอยู่กับที่นั่ง “พนักงานใหม่ทุกคน” เบลีย์กล่าวต่อ “พวกคุณก�ำลังอยู่ในช่วง เวลาพิเศษ การชุมนุมครั้งนี้เรียกว่าความฝันวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่เราจะ พรีเซนต์งานที่เราก�ำลังท�ำอยู่ ส่วนมากคนพรีเซนต์มักเป็นหนึ่งในวิศวกร ของเรา หรือดีไซเนอร์ หรือผู้บริหาร แต่บางทีก็มีแค่ผม อย่างเช่นวันนี้ไม่ ว่าดีร้ายยังไงก็มีแค่ผมคนเดียว ดังนั้นผมต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วย” “เรารักคุณเอมอน!” เสียงดังมามาจากคนดู มีเสียงหัวเราะดัง ตามหลัง “แหมขอบคุณมาก” เขาบอก “ผมก็รกั พวกคุณเหมือนกัน รักพวก คุณเหมือนหญ้ารักน�้ำค้าง เหมือนนกรักกิ่งไม้” เขาหยุดสั้นๆ ให้เมได้สูด หายใจ เธอเคยเห็นการพูดแบบนี้ทางอินเตอร์เน็ตมาก่อนก็จริง แต่การได้ มานั่งอยู่ที่นี่ เจอตัวเป็นๆ ได้เห็นความคิดเบลีย์ตอนท�ำงาน ได้ยินเสียง เขากล่าวสุนทรพจน์สดๆ มันดีกว่าที่เธอคิดว่าจะเป็นไปได้เสียอีก เมคิด ในใจว่ามันจะเป็นยังไงนะที่ได้เป็นคนแบบนั้น คนที่พูดเก่งและสร้างแรง บันดาลใจให้ผู้คน คนที่ดูสบายๆ เหลือเกินทั้งที่อยู่ต่อหน้าคนนับพัน “ใช่” เขาพูด “หนึ่งเดือนเต็มแล้วตั้งแต่ครั้งก่อนที่ผมขึ้นมาบนเวที 70

เดฟ เอกเกอร์ส


นี้ ผมรู้ดีว่าการที่มีคนมาแทนผมพวกคุณไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ขอโทษ จริงๆ ที่หายหน้าไป ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าใครก็แทนผมไม่ได้” มุขตลกนี้สร้าง เสียงหัวเราะไปทั่วหอประชุม “แล้วผมก็รู้ว่าคุณหลายคนคงสงสัยอยู่ว่าผม หายไปไหนมา” มีเสียงตะโกนมาจากด้านหน้า “ไปเล่นเซิร์ฟ!” แล้วทั้งห้องก็ หัวเราะ “ใช่ ถูกแล้ว ผมไปเล่นเซิร์ฟมา นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องที่ผมจะ มาพูดวันนี้ด้วย ผมชอบเล่นเซิร์ฟมาก เวลาผมอยากเล่น ผมต้องรู้ก่อนว่า คลื่นลมเป็นยังไง สมัยก่อนที่เราท�ำกันก็คือเราจะต้องตื่นและโทร.ไปถาม ร้านเซิรฟ์ แถวนัน้ ว่าคลืน่ เป็นไงบ้าง แต่ไม่นานพวกเขาก็เลิกรับโทรศัพท์เรา” เสียงหัวเราะอย่างเข้าอกเข้าใจดังมาจากกลุ่มคนที่อายุมากหน่อย ในหอประชุม “พอโทรศัพท์มือถือแพร่หลาย เราก็จะโทร.หาเพื่อนฝูงที่อาจจะ ออกไปที่ชายหาดก่อนคุณ แต่พวกเขาก็เลิกรับโทรศัพท์เราเหมือนกัน” เสียงหัวเราะครืนใหญ่ดังจากผู้ฟังอีก “แต่จริงๆ นะ มันก็ไม่เหมาะจริงๆ ที่จะโทร.หาชาวบ้านสิบสอง ครัง้ ทุกเช้า แล้วเราไว้ใจให้คนอืน่ พิจารณาสภาพคลืน่ ได้หรือ คนเล่นเซิรฟ์ น่ะ ไม่อยากได้คนเพิม่ เวลาคลืน่ มีจำ� กัดหรอก ดังนัน้ เมือ่ อินเตอร์เน็ตถือก�ำเนิด ก็มีคนเก่งติดตั้งกล้องไว้ที่ชายหาด ท�ำให้เราสามารถล็อกออนไปดูคลื่นที่ หาดสตินสันแบบคร่าวๆ ได้ แต่มันแทบจะแย่กว่าการโทร.ไปร้านเซิร์ฟอีก! เพราะเทคโนโลยีมันโบราณ ตอนนี้เทคโนโลยีเล่นวิดีโอในอินเตอร์เน็ตก็ยัง โบราณอยู่ หรือจะว่าเคยโบราณก็ได้ จนกระทั่งถึงตอนนี้” มีจอภาพเคลื่อนลงมาตรงด้านหลังเบลีย์ “เอาละ นี่คือภาพเทคโนโลยีสมัยก่อน” ภาพในจอเป็นภาพของบราวเซอร์มาตรฐาน และมีมือที่มองไม่ เห็นพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ชื่อว่า SurfSight แล้วภาพเว็บไซต์ที่ออกแบบแย่ก็ ปรากฏขึ้นมา พร้อมคลิปวิดีโอชายหาดในจอขนาดจิ๋วอยู่ตรงกลาง ภาพ นั้นแตกแถมยังช้าจนน่าข�ำ ผู้คนพากันหัวเราะคิกคัก เดอะ เซอร์เคิล

71


“แทบใช้ไม่ได้เลยใช่ไหม? ทีนี้ก็อย่างที่เรารู้ว่าการเล่นคลิปวิดีโอ ในอินเตอร์เน็ตช่วงหลังพัฒนาจนดีขึ้นมาก แต่ก็ยังช้ากว่าชีวิตจริง และ คุณภาพของจอก็ยังน่าผิดหวังไม่น้อย เราจึงแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพที่ว่ากัน ในปีที่แล้ว ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ คราวนี้เรามาลองรีเฟรชหน้าเมื่อกี้อีกครั้ง เพื่อแสดงภาพเว็บไซต์ที่จะถ่ายทอดวิดีโอแบบใหม่ของเรา” หน้ า วิ ดี โ อรี เ ฟรชแล้ ว ภาพชายหาดขยายเต็ ม หน้ า จอ ความ ละเอียดของภาพเรียกว่าสมบูรณ์แบบมาก มีเสียงฮือฮาดังไปทั่วห้อง “ใช่ นี่เป็นคลิปวิดีโอถ่ายทอดสดของหาดสตินสัน เป็นภาพหาด สตินสัน ณ เวลานี้เลย ดูดีใช่ไหม บางทีผมน่าจะไปที่นั่นแทนที่จะยืนอยู่ ตรงนี้กับพวกคุณนะเนี่ย!” แอนนี่โน้มตัวไปหาเม “อันต่อไปจะเหลือเชื่อมาก รอฟังนะ” “เอาละ พวกคุณหลายคนอาจจะยังไม่ประทับใจ เพราะเราทุก คนก็รู้ว่ามีอุปกรณ์มากมายที่สามารถบันทึกภาพวิดีโอถ่ายทอดสดแบบ ความละเอียดสูงได้ และแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์ของพวกคุณหลายคนก็ สามารถซัพพอร์ตการเล่นคลิปแบบนั้นได้แล้ว แต่อันนี้จะมีคุณสมบัติใหม่ นิดหน่อย อย่างแรกคือวิธีที่เราบันทึกภาพ คุณจะประหลาดใจไหมถ้าได้รู้ ว่าภาพนี้ไม่ได้ถ่ายด้วยกล้องตัวใหญ่ แต่ที่จริงเป็นแค่กล้องพวกนี้” เขาก�ำลังถืออุปกรณ์ขนาดเล็กไว้ในมือ รูปทรงและขนาดไม่ต่าง อะไรกับอมยิ้ม “นี่คือกล้องวิดีโอ และเป็นรุ่นนี้เลยที่ก�ำลังถ่ายภาพที่มีคุณภาพ ดีเหลือเชื่อนี้ คุณภาพที่สามารถขยายเป็นภาพใหญ่ได้ขนาดนี้ นั่นคือความ ยอดเยี่ยมประการแรก ตอนนี้เราสามารถบันทึกภาพความละเอียดสูงด้วย กล้องที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือได้แล้ว แต่ก็เป็นหัวแม่มือที่ใหญ่อยู่เหมือนกัน ความยอดเยี่ยมอย่างที่สองก็คือ ตามที่คุณเห็นนี่แหละ ว่ากล้องตัวนี้ไม่มี สาย มันส่งภาพมาจากดาวเทียม” เสียงปรบมือดังจนห้องสะเทือน “เดี๋ยวก่อน ผมบอกหรือยังว่ามันใช้แบตเตอรีลิเธียมที่อยู่ได้นาน ถึงสองปี ยังหรือ ก็นั่นแหละสองปี แล้วเราก็จะได้ใช้รุ่นที่ใช้พลังงานแสง 72

เดฟ เอกเกอร์ส


อาทิตย์ทั้งหมดภายในเวลาอีกเพียงปีเดียว แถมมันยังกันน�้ำ กันทราย กัน ลม กันสัตว์ กันแมลง กันหมดทุกอย่าง” เสียงปรบมือดังก้องอีก “โอเค ผมเลยเอากล้องไปติดตัง้ เมือ่ เช้า ผมเอาเทปพันกล้องไว้กบั ไม้หลักอันหนึ่ง เอาไม้หลักนี้ปักลงพื้นทราย ตรงเนินทราย โดยไม่ได้ขอ อนุญาตใคร ไม่มีอะไรเลย ที่จริงไม่มีใครรู้ด้วยซ�้ำว่ามีกล้องอยู่ที่นั่น เสร็จ แล้วเช้านี้ผมก็เปิดกล้อง แล้วก็ขับรถกลับมาที่ออฟฟิศ แล้วเปิดกล้องหนึ่ง ที่อยู่หาดสตินสันดู แล้วผมก็ได้ภาพนี้ ไม่เลวใช่ไหม แต่นี่ยังไม่ถึงครึ่งนะ ที่จริงเช้านี้ผมยุ่งมาก ผมขับรถไปเรื่อยเลย ไปติดกล้องที่หาดโรดิโอด้วย” คราวนี้ภาพแรกที่หาดสตินสันหดลงและย้ายไปอยู่มุมจอแทน ก่อนจะมีอีกภาพปรากฏขึ้น เป็นภาพคลื่นที่หาดโรดิโอ ห่างจากชายฝั่ง แปซิฟิกไม่กี่ไมล์ “แล้วก็มีมอนทานา หาดโอเชียน ฟอร์ตพอยท์” ทุกครั้ง ที่เบลีย์เอ่ยถึงหาดไหน ก็จะมีภาพถ่ายทอดสดโผล่ขึ้นมา ตอนนี้มีภาพ ชายหาดเรียงต่อกันเป็นตารางทั้งหมดหกภาพ แต่ละภาพเป็นภาพสดที่ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนไร้ท่ีติ แถมสีสันก็สดใส “ทีนี้อย่าลืมว่าไม่มีใครเห็นกล้องพวกนี้ ผมซ่อนเอาไว้มิดชิดที เดียว ส�ำหรับคนทั่วไปมันจะไม่ต่างจากวัชพืชหรือไม่ก็แท่งไม้ หรืออะไร ก็ได้ ไม่มีใครสังเกตเห็นแน่ ดังนั้นเช้านี้ผมได้ตั้งกล้องวิดีโอไว้หกหาดที่จะ ช่วยให้ผมรู้ว่าจะวางแผนงานแต่ละวันอย่างไร และทุกอย่างที่เราท�ำที่นี่ก็ คือการรู้ในสิ่งที่เมื่อก่อนเราไม่รู้ ถูกไหม” หลายศีรษะผงกรับ มีเสียงปรบมือดังขึ้นเล็กน้อย “เอาละ ทีนี้ พวกคุณหลายคนอาจก�ำลังคิดว่า แหม มันก็เหมือน กล้องวงจรปิดทีเ่ พิม่ เทคโนโลยีถา่ ยทอดวิดโี อผ่านดาวเทียมนิดหน่อยแค่นนั้ เอง คิดงั้นก็ได้ แต่อย่างที่คุณรู้ การจะท�ำแบบนี้ด้วยเทคโนโลยีท่ีมีอยู่จะ มีค่าใช้จ่ายที่แพงหูฉี่ส�ำหรับคนธรรมดาทั่วไปแน่นอน แต่ถ้าสมมติเจ้าสิ่งนี้ ดันเป็นสิ่งทีท่ ุกคนหาซื้อได้และสามารถจ่ายได้ล่ะ สหายทัง้ หลาย เราก�ำลัง คิดจะขายของพวกนี้ ขายในอีกไม่กี่เดือนด้วยนะจะบอกให้ ในราคาห้า สิบเก้าดอลลาร์เท่านั้น” เดอะ เซอร์เคิล

73


เบลีย์ชูกล้องอมยิ้มขึ้นมาแล้วโยนให้คนที่อยู่แถวหน้า ผู้หญิงที่รับ ได้ชูอมยิ้มขึ้นในอากาศแล้วหันมาหาคนฟังพร้อมกับยิ้มอย่างดีอกดีใจ “คุณสามารถซื้อกล้องสิบตัวเป็นของขวัญคริสต์มาสได้ แล้วคุณ ก็จะได้เข้าถึงทุกแห่งที่อยากไปทันทีและตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ท�ำงาน สภาวะจราจร โดยไม่ว่าใครก็สามารถติดตั้งได้ ใช้เวลามากสุด ไม่เกินห้านาทีเท่านั้น ลองคิดถึงผลที่จะได้รับสิ!” ภาพด้านหลังของเขาหายไป ชายหาดทั้งหลายหายไป ตอนนี้มี ภาพเป็นช่องๆ ภาพใหม่ปรากฏขึ้นแทน “นี่เป็นภาพวิวจากสนามหลังบ้านของผม” เขาพูดแล้วเผยให้เห็น คลิปสดจากสนามหลังบ้านขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก “นี่คือสนามหน้าบ้านและ โรงรถของผม ส่วนกล้องตัวนี้อยู่บนเนินเขาที่มองเห็นทางหลวงสาย 101 ที่ติดหนักมากตอนชั่วโมงเร่งด่วน ส่วนตัวนี้อยู่ใกล้ที่จอดรถของผมเพื่อดู ให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาจอดรถตรงนั้น” ไม่นานจอภาพก็มีภาพต่างๆ ขึ้นมาพร้อมกันสิบหกภาพ และทุก ภาพล้วนก�ำลังถ่ายทอดสด “เอาละทั้งหมดนี้แค่กล้องของผมคนเดียวนะ ถ้าจะดูภาพก็แค่ พิมพ์ค�ำว่ากล้อง 1,2,3,12 หรืออะไรก็ตามแต่ ง่ายมากจริงๆ แต่ถ้าเราอยาก แชร์ล่ะ หมายถึงว่าถ้ามีเพื่อนเราเกิดเอากล้องไปติดตั้งแล้วอยากให้เราได้ เข้าไปดูด้วยล่ะ ตอนนี้ภาพหลายช่องในสกรีนมีปริมาณเพิ่มขึ้นเยอะมาก จากสิบ หกช่องไปเป็นสามสิบสอง “นีค่ อื จอของไลออนเนล ฟิตซ์แพทริค เขาชอบ เล่นสกีมาก จึงติดกล้องไว้เพือ่ จะได้เห็นสภาพของบริเวณเล่นสกีทงั้ สิบสอง จุดทั่วพื้นที่ทะเลสาบทาโฮ” ตอนนี้มีภาพสดสิบสามภาพจากเทือกเขาที่มียอดเขาสีขาว จาก หุบเขาที่มีสีฟ้าใส แต่บนสันเขาต็มไปด้วยต้นสนสีเขียวเข้ม “ไลออนเนลอนุญาตให้ผมเข้าดูวิดีโอจากกล้องตัวไหนก็ได้ที่เขา ต้องการ มันก็เหมือนการเป็นเพื่อนกับใครสักคน เพียงแต่ตอนนี้เรา สามารถดูฟีดของเขาแบบสดๆ ได้ด้วย ลืมเคเบิลไปเลย ลืมช่องทีวีห้าร้อย 74

เดฟ เอกเกอร์ส


ช่องพวกนั้นด้วย หากคุณมีเพื่อนหนึ่งพันคนและทุกคนมีกล้องคนละสิบ ตัว คุณก็จะมีคลิปถ่ายทอดสดให้เลือกดูถึงหนึ่งหมื่นกล้อง หรือถ้าคุณมี เพื่อนห้าพันคน คุณก็มีกล้องห้าหมื่นกล้องให้ดู ไม่นานคุณก็จะสามารถ เชื่อมต่อกับกล้องรอบโลกได้เป็นล้าน ขอพูดอีกครั้งนะว่า คิดถึงผลที่จะ ตามมาสิ!” ภาพบนจอแตกตัวเป็นจอเล็กๆ นับพัน มีทั้งภาพชายหาด เทือก เขา ทะเลสาบ เมือง ส�ำนักงาน ห้องนั่งเล่น ผู้คนปรบมือกันใหญ่ จากนั้น จอภาพก็ว่างลงก่อนจะมีสัญลักษณ์ของความสงบสีขาวผุดขึ้นจากสีด�ำ “ทีนี้ลองคิดถึงผลเรื่องสิทธิมนุษยชน ผู้ประท้วงบนท้องถนนใน อียิปต์จะไม่ต้องถือกล้องเพื่อหวังจะจับภาพการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือ การฆ่า และต้องหาทางเอาคลิปออกจากถนนมาเผยแพร่ออนไลน์อกี เพราะ คราวนี้มันจะท�ำได้ง่ายมาก แค่เอากล้องไปติดกาวไว้กับก�ำแพง ที่จริงเราก็ เพิ่งจะท�ำแบบนั้นไป” ความเงียบอึ้งปกคลุมไปทั่วกลุ่มผู้ฟัง “มาดูกล้องแปดในกรุงไคโรกัน” ภาพสดของเหตุการณ์บนถนนสายหนึ่งปรากฏขึ้น มีป้ายผ้าหลาย ผืนกองอยู่บนพื้น มีต�ำรวจคู่หนึ่งในชุดปราบจราจลยืนอยู่ไกลๆ “พวกเขาไม่รู้ว่าเราเห็นเหตุการณ์ แต่เราเห็น โลกก�ำลังมองดูอยู่ ก�ำลังฟังอยู่ เพิ่มเสียงให้ดังหน่อย” ทันใดนัน้ ทุกก็คนได้ยนิ เสียงพูดคุยดังชัดเป็นภาษาอารบิก ระหว่าง คนเดินถนนที่เดินผ่านไปโดยไม่รู้ว่ามีกล้องถ่ายอยู่ “และแน่นอนว่ากล้องเหล่านีส้ ามารถบังคับการท�ำงานแบบแมนวล ก็ได้หรือสั่งการด้วยเสียงก็ได้ ดูนะครับ กล้องแปด หันทางซ้าย” ภาพถนน กรุงไคโรในจอแพนไปทางซ้าย “คราวนี้ขวา” กล้องแพนไปทางขวา เขา สาธิตการสัง่ ให้กล้องขยับขึน้ ขยับลง ขยับเฉียง ทัง้ หมดเป็นไปด้วยความลืน่ ไหลยิ่ง ผู้ชมปรบมืออีกครั้ง “คราวนี้อย่าลืมว่ากล้องพวกนี้ราคาถูกมาก แถมยังซ่อนง่าย ไม่ เดอะ เซอร์เคิล

75


จ�ำเป็นต้องมีสายเชื่อมต่อ มันจึงไม่ยากส�ำหรับเราที่จะเอากล้องไปติดให้ ทั่ว ขอดูภาพจัตุรัสทาห์รีร์ครับ” เสียงฮือฮาดังจากผู้ชม บนจอใหญ่ตอนนี้มีภาพถ่ายทอดสดจาก จัตุรัสทาห์รีร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติอียิปต์ “เราให้คนของเราในไคโรเอากล้องไปติดเมือ่ สัปดาห์ทผี่ า่ นมา เป็น กล้องที่เล็กมากจนพวกทหารหาไม่พบ เขาไม่รู้ด้วยซ�้ำว่าจะไปมองหาตรง ไหน! มาดูวิวที่เหลือกันดีกว่า ขอกล้องสอง กล้องสาม สี่ ห้า หกเลยครับ” มีจอสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นมาหกจอ แต่ละจอเห็นชัดจนแม้แต่เม็ด เหงื่อบนใบหน้าก็ยังมองเห็น ป้ายชื่อทหารทุกคนก็อ่านได้ง่าย “คราวนี้ขอตั้งแต่กล้องเจ็ดถึงห้าสิบเลย” ตอนนี้จึงมีภาพเป็นตารางทั้งหมดห้าสิบภาพ ดูแล้วน่าจะทั่วทุก พื้นที่ที่เป็นสาธารณะ ผู้ชมต่างส่งเสียงฮือฮาอีกรอบ เบลีย์ยกมือสองข้าง ขึ้นราวกับจะบอกว่า “อย่าเพิ่ง ยังมีอีกมาก” “ตอนนี้จัตุรัสสงบแล้ว แต่คุณนึกออกไหมว่ามันจะเป็นยังไงถ้ามี อะไรเกิดขึ้น มันจะต้องมีผู้ที่ต้องรับผิดชอบทันที ทหารคนใดที่กระท�ำการ รุนแรงจะต้องถูกบันทึกวีรกรรมไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้ เขาจะต้องถูกไต่ส่วน ข้อหาเป็นอาชญากรสงคราม ทุกอย่างเลย หรือต่อให้เขาก�ำจัดนักข่าวไป จากจัตุรัสได้ กล้องก็จะยังอยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามก�ำจัดกล้องกี่ครั้ง ก็ไม่ส�ำคัญ เพราะกล้องมันเล็กมาก พวกทหารจะไม่มีวันรู้ได้อย่างแน่นอน ว่ากล้องอยู่ตรงไหน ใครเป็นคนเอาไปติดไว้และติดตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งความ ไม่รู้นี่แหละที่จะช่วยป้องกันการใช้อ�ำนาจโดยมิชอบ คุณคิดว่าทหารทั่วไป ที่ตอนนี้เริ่มห่วงว่าจะมีกล้องนับสิบตัวจับภาพตัวเองตลอดไป จะกล้าลาก ผู้หญิงไปกลางถนนไหมล่ะ เขาคงต้องคิดให้หนักแล้วละ เขาต้องคิดเรื่อง กล้องเหล่านี้ให้หนักมาก เขาควรจะคิดให้หนักทีเดียวเรื่องกล้องซีเชนจ์ (SeeChange) ที่แปลว่าการมองเห็นจะเปลี่ยนทุกอย่าง นั่นคือชื่อที่เราตั้ง ให้กล้องพวกนี้” มีเสียงปรบมือกราวใหญ่ดังขึ้น ซึ่งดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้ฟังเข้าใจถึง ความหมายแฝงของชื่อ 76

เดฟ เอกเกอร์ส


“ชอบกันไหม?” เบลียถ์ าม “โอเค กล้องนีไ้ ม่ได้นำ� ไปใช้ได้กบั บริเวณ ที่มีความรุนแรงเท่านั้น ลองนึกภาพเมืองที่มีกล้องเหล่านี้ติดอยู่ทั่วสิ ใคร จะกล้าก่ออาชญาตกรรมถ้ารูว้ า่ ตนเองอาจถูกจับตามองตอนไหนหรือทีไ่ หน ก็ได้ เพื่อนผมที่อยู่เอฟบีไอรู้สึกว่ากล้องตัวนี้จะช่วยลดอัตราการเกิด อาชญากรรมได้เจ็ดสิบหรือแปดสิบเปอร์เซนต์ทีเดียว ในเมืองที่เรามีภาพ ชัดจัดเต็มแบบนี้” เสียงปรบมือดังขึ้น “แต่ตอนนี้ กลับไปยังที่ที่เราต้องการความโปร่งใสอย่างที่สุดแต่ กลับหาได้ยากเย็นกันก่อนดีกว่า ภาพนี้จะรวมสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกที่เรา เอากล้องไปติดไว้ แล้วลองนึกภาพผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นถ้าเรามีกล้องนี้ ในสมัยก่อนหรือในอนาคตสิ สมมติว่าจะมีเหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นซ�้ำ อีกน่ะ นี่เป็นภาพจากกล้องห้าสิบตัวในจัตุรัสเทียนอันเหมิน” ภาพสดจากทัว่ จัตรุ สั ปรากฏขึน้ เต็มจอ ผูฟ้ งั ฮือฮาอีกรอบ เบลียพ์ ดู ต่อไป เขาเผยให้เห็นภาพของรัฐบาลเผด็จการหลายสิบคณะ ตั้งแต่ของ เมืองคาร์ทมู ซึง่ เป็นเมืองหลวงของซูดาน ไปจนถึงเปียงยางของเกาหลีเหนือ ที่ซึ่งพวกผู้มีอ�ำนาจไม่รู้เลยว่าตนเองก�ำลังถูกจับตาดูอยู่ โดยชาวเซอร์เคิล สามพันคนในเมืองแคลิฟอร์เนีย ทุกคนไม่รู้เลยว่าตนเองอาจถูกจับตาดูได้ ไม่รู้เลยว่าเทคโนโลยีนี้เคยมีหรือจะมีวันเป็นไปได้ คราวนีเ้ บลียเ์ คลียร์หน้าจออีกครัง้ จากนัน้ ก็กา้ วเข้าหาผูช้ ม “คุณ เข้าใจที่ผมพูดไหม? ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมเห็นด้วยกับกรุงเฮกและ นักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกว่า สถานที่เช่นนั้นจ�ำเป็นต้องมีการรับ ผิดชอบในการกระท�ำ ทรราชจะหลบซ่อนตัวอีกต่อไปไม่ได้ ทุกอย่างจ�ำเป็น และจะต้องท�ำเป็นลายลักษณ์อกั ษรและมีผรู้ บั ผิดชอบ เราจ�ำเป็นต้องมีหลัก ฐาน ซึ่งหากต้องการให้เป็นเช่นนั้น ผมยืนยันว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเราควร ต้องรู้” บนหน้าจอมีข้อความประโยคหนึ่งโผล่มา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับรู้ “ทุกคน เราก�ำลังก้าวเข้าสู่การรู้แจ้งครั้งที่สอง นี่ผมไม่ได้หมาย เดอะ เซอร์เคิล

77


ถึงการสร้างตึกหรือแคมปัสใหม่นะ ผมก�ำลังพูดถึงยุคสมัยที่เราจะไม่ยอม ให้ความคิด การกระท�ำ ความส�ำเร็จ หรือการเรียนรู้ของคนส่วนใหญ่ เล็ดลอดไปได้เหมือนรั่วจากถัง เราเคยผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อนแล้ว ซึ่งยุคนั้นเราเรียกว่ายุคกลางหรือยุคมืด ถ้าไม่ใช่เพราะนักบวช ทุกอย่าง ที่โลกได้เรียนรู้มาก็คงสูญหายไปหมด แต่ตอนนี้เราก็ก�ำลังอยู่ในยุคสมัย เดียวกัน เพราะเราก�ำลังสูญเสียสิ่งที่เราท�ำ เราเห็น หรือเรียนรู้ไปจนเกือบ หมด ทว่าตอนนี้มันไม่จ�ำเป็นต้องเป็นแบบนั้นแล้ว ในเมื่อเรามีกล้องพวกนี้ และมีเป้าหมายของเซอร์เคิล” เขาหันไปหาจออีกครัง้ แล้วอ่านข้อความเพือ่ เชิญชวนให้ผฟู้ งั จดจ�ำ มันให้ขึ้นใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับรู้ จากนั้นเขาก็หันกลับมาหาผู้ชมและส่งยิ้ม “เอาละ ทีนี้ผมอยากกลับมาที่บ้านสักหน่อย แม่ผมอายุแปดสิบ เอ็ดแล้ว ท่านเคลื่อนไหวไปไหนมาไหนไม่คล่องเหมือนก่อน เมื่อปีที่แล้วก็ ล้มจนสะโพกหัก ตั้งแต่นั้นผมก็เป็นห่วงท่านมาตลอด ผมขอท่านว่าให้ติด กล้องวงจรปิดหน่อยเถิด ผมจะได้เข้าไปดูได้ แต่ท่านปฏิเสธ ทว่าตอนนี้ ผมสบายใจแล้ว เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่แม่ผมงีบหลับ...” เสียงหัวเราะกราวใหญ่ดังจากผู้ชม “ยกโทษให้ผมด้วย! ยกโทษให้ผมด้วย!” เขาร้อง “ผมไม่มีทาง เลือกจริงๆ ไม่งั้นแม่คงไม่ยอมให้ติดแน่ ผมแอบย่องเข้าไป เอากล้องไป ติดไว้ทั่วบ้าน มันเล็กมากขนาดที่แม่จะไม่มีวันสังเกตเห็น ผมจะให้คุณดู ภาพสั้นๆ นะ ขอกล้องหนึ่งถึงห้าในบ้านแม่ผมหน่อยได้ไหม?” หลายภาพเรียงต่อกันปรากฏขึ้น รวมถึงภาพแม่ของเบลีย์ที่นุ่งผ้า ขนหนูเดินย่องอยู่ในห้องโถงสีสว่าง เสียงหัวเราะระเบิดดังก้อง “อุย้ กล้องนัน้ ตัดทิง้ ไปก่อน” ภาพจึงหายไป “ยังไงก็ตาม ประเด็น คือผมรู้ว่าแม่ปลอดภัย มันท�ำให้ผมรู้สึกสบายใจ เพราะอย่างที่ทุกคนใน เซอร์เคิลก็รู้ดีว่า ความโปร่งใสนั้นน�ำมาซึ่งความสบายใจเสมอ ผมไม่ต้องนั่ง สงสัยอีกต่อไปแล้วว่า ‘แม่เป็นไงบ้าง’ ผมไม่ตอ้ งสงสัยอีกต่อไปแล้วว่า ‘ตอน 78

เดฟ เอกเกอร์ส


นี้ก�ำลังเกิดอะไรขึ้นในพม่า’?” “ตอนนี้เราก�ำลังผลิตกล้องรุ่นนี้จ�ำนวนนับล้าน ซึ่งการคาดเดา ของผมคือภายในปีนี้เราจะมีกล้องถ่ายทอดสดให้เข้าดูได้ถึงล้านตัว และ ภายในห้าปีจะต้องเป็นห้าสิบล้านตัว ภายในสิบปีจะต้องมีสองพันล้านตัว จะเหลือพื้นที่ที่มีคนอาศัยไม่มากนักหรอก ที่เราเข้าถึงได้ด้วยจอภาพในมือ ของเราไม่ได้” เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง มีใครบางคนตะโกนร้อง “เราอยากได้ แล้ว!” เบลีย์พูดต่อ “แทนที่จะต้องค้นหาเว็บเพื่อให้ได้เจอกับคลิปวิดีโอ ตั ด ต่ อ คุ ณ ภาพต�่ ำ ตอนนี้ เราสามารถเข้ า เว็ บ ซี เชนจ์ แ ละพิ ม พ์ ค� ำ ว่ า Myanmar ได้เลย หรือไม่ก็พิมพ์ชื่อแฟนเก่าสมัยเรียนไฮสกูลก็ได้ มัน ต้องมีโอกาสที่มีคนเอากล้องไปติดใกล้เขาบ้างแหละ จริงไหม? ท�ำไมความ อยากรู้ที่คุณมีต่อโลกจึงไม่ควรได้รับการตอบสนองเล่า? คุณอยากเห็นฟิจิ แต่ไม่สามารถไปได้ใช่ไหม เข้าซีเชนจ์สิ คุณอยากเห็นลูกตอนอยูท่ โี่ รงเรียน ใช่ไหม? เข้าซีเชนจ์เลย นี่คือความโปร่งใสขั้นสูงสุด ไม่มีฟิลเตอร์ เห็นหมด ทุกอย่างตลอดเวลา” เมโน้มตัวไปหาแอนนี่ “เหลือเชื่อจริงๆ” “ฉันรู้ ก็ใช่ไหมล่ะ?” แอนนี่พูด “ทีนี้กล้องพวกนี้ต้องจัดอยู่ในหมวดเครื่องเขียนหรือเปล่า” เบลีย์ พูดพร้อมกับชูนิ้วเหมือนจะดุ “ไม่จ�ำเป็นอยู่แล้ว ผมเผอิญมีผู้ช่วยหลายสิบ คนทั่วโลกตอนนี้ที่เอากล้องห้อยไว้รอบคอ ไปเยี่ยมพวกเขากันดีไหม ผม ขอกล้องของแดนนี่หน่อย” ภาพของมาชูปิกชู ปรากฏขึ้นบนจอ ดูแล้วเหมือนโปสการ์ด ทิวทัศน์ที่เห็นเป็นวิวที่อยู่สูงเหนือซากเมืองโบราณ แต่แล้วภาพก็เริ่มขยับ โดยเคลื่อนลงไปทางด้านข้างของเมือง ผู้ชมร้องด้วยความตะลึงก่อนจะส่ง เสียงเชียร์ “นี่เป็นคลิปสดนะ แต่ผมว่าพวกคุณคงเห็นชัดอยู่แล้ว ไฮ แดนนี่ คราวนีข้ อกล้องซาราห์ทอ่ี ยูบ่ นเทือกเขาเคนย่าหน่อย” มีภาพอีกภาพปรากฏ เดอะ เซอร์เคิล

79


ขึน้ บนจอยักษ์ คราวนีเ้ ป็นลานหินดินดานบนยอดเขา “คุณชีไ้ ปทางยอดเขา ให้ดูหน่อยได้ไหม ซาราห์” กล้องแพนขึ้น เผยให้เห็นส่วนของยอดเขาที่ ปกคลุมไปด้วยหมอก “เห็นไหมว่านีจ่ ะเปิดโอกาสให้การเป็นดวงตาแทนกัน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ สมมติว่าผมต้องนอนติดเตียงหรือเปราะบางเกินกว่า จะไปส�ำรวจเขาลูกนี้ได้ด้วยตัวเอง ผมก็จะส่งคนไปแทนและให้เอากล้อง ห้อยคอไป ทีนี้ผมก็จะสามารถสัมผัสเหตุการณ์ ณ เวลานั้นได้เลย ลองท�ำ แบบนี้กับสถานที่อื่นอีกสักสองสามที่ดีกว่า” เขาโชว์ภาพสดของกรุงปารีส กัวลาลัมเปอร์ และผับแห่งหนึ่งในลอนดอน “ทีนมี้ าทดลองกันมากขึน้ ใช้ทงั้ หมดนีผ้ สมกัน สมมติผมนัง่ อยูบ่ า้ น นะ ผมจะล็อกออนไปดูว่าโลกเป็นยังไงบ้าง เอาภาพการจราจรบนถนน สาย 101 ให้ผมดูหน่อย ท้องถนนในกรุงจาร์การ์ตาด้วย แล้วก็ภาพการเล่น เซิรฟ์ ทีโ่ บลินา ภาพบ้านแม่ผม เอาเว็บแคมของเพือ่ นไฮสกูลทุกคนมาด้วย” ทุกค�ำทีเ่ ขาสัง่ จะมีภาพใหม่ปรากฏขึน้ จนกระทัง่ บนจอมีภาพวิดโี อ ถ่ายทอดสดรวมกันอย่างน้อยหนึ่งร้อยภาพในคราวเดียว “เราจะกลายเป็นผู้ที่เห็นทุกสิ่ง รู้ทุกอย่าง” ตอนนีผ้ ชู้ มลุกขึน้ ยืนแล้ว เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทัว่ ห้อง เมเอา ศีรษะพิงซบไหล่แอนนี่ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีผู้รับรู้” แอนนี่กระซิบ “ลูกดูเปล่งปลั่งนะ” “จริงๆ” “หนูไม่ได้ดูเปล่งปลั่งซะหน่อย” “อย่างกับคนท้องแน่ะ” “หนูรู้ความหมายของพ่อแม่หรอกค่ะ พอได้แล้ว” พ่อของเมเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจับมือเธอ วันนี้เป็นวันเสาร์ พ่อแม่ ของเธอเอาใจเธอด้วยการพามาดินเนอร์ฉลอง เนื่องในโอกาสที่เธอเข้า ท�ำงานที่เซอร์เคิลเป็นสัปดาห์แรก นี่เป็นการเอาใจในแบบที่พ่อแม่ชอบท�ำ 80

เดฟ เอกเกอร์ส


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.