1
รายงาน เรื่อง ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
จัดทำาโดย 1. นางสาวสุ พรรษา ห้ วยหงษ์ ทอง
5441498005
2. นางสาวทิพวรรณ เกิดทิม
544148008
3. นายธวัชชัย จำาปามูล
544148027
4. นางสาวพัชรี ภายศรี
544148040
วิทยาศาสตร์ ทวั่ ไป คบ.2 หมู่ 1 เสนอ อาจารย์ สุจิตตรา ภาคเรียนที่ 2
จันทร์ ลอย ปี การศึกษา 2555
รายงานเล่ มนีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารสำ าหรับครู มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
2
คำานำา รายงานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารสำาหรับครู มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รวบรวมทั้ง ความหมาย องค์ประกอบ ประเภท รู ปแบบการเชื่อมโยง และ ประโยชน์เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็ นทางเลือกสำาหรับผูท้ ี่สนใจได้ใช้เป็ นแนวทางการปฏิบตั ิ หรื อนำา ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หวังเป็ นอย่างยิง่ ว่ารายงานรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อสารสำาหรับครู จะเป็ นประโยชน์ แก่ผทู ้ ี่สนใจไม่มากก็นอ้ ย
ผูจ้ ดั ทำา
3
สารบัญ หน้า
ความหมายเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
4
องค์ ประกอบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
5
ประเภทเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
12
รู ปแบบการเชื่อมโยงเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
18
ประโยชน์ เครือข่ ายคอมพิวเตอร์
22
4
ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
ความหมายของเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือ ระบบที่มีคอมพิวเตอร์ อย่างน้อยสองเครื่ องเชื่อมต่อกัน โดยใช้สื่อกลาง และก็สื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ซึ่งทำาให้ผใู ้ ช้คอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่ องสามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ยงั สามารถใช้ทรัพยากร (Resources) ที่มีอยูใ่ นเครื อข่ายร่ วมกันได้ เช่น เครื่ องพิมพ์ ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็ นต้น เครื อข่ายคอมพิวเตอร์มีความสำาคัญและได้รับความนิยมมากขึ้ น เพราะสามารถสร้างระบบ คอมพิวเตอร์ ให้พอเหมาะกับงาน ในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีกาำ ลังในการลงทุนซื้ อเครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่มีราคาสูง เช่น มินิคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ หลายเครื่ องต่อเชื่อมโยงกันเป็ นเครื อข่าย โดยให้ไมโคร คอมพิวเตอร์ เครื่ องหนึ่ง เป็ นสถานีบริ การที่ทาำ ให้ใช้งานข้อมูลร่ วมกัน เราเรี ยกคอมพิวเตอร์ ที่เป็ นศูนย์กลางนี้ วา่ โฮสต์ (Host) และเรี ยกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เข้ามาเชื่อมต่อว่า ไคลเอนต์ (Client) เครือข่ายคอมพิวเตอร์ มีบทบาทที่สำาคัญต่ อหน่ วยงานต่ างๆ ดังนี้ 1. ทำาให้เกิดการทำางานร่ วมกันเป็ นกลุ่ม และสามารถทำางานพร้อมกัน 2. ให้สามารถใช้ขอ้ มูลต่างๆ ร่ วมกัน ซึ่งทำาให้องค์การได้รับประโยชน์มากขึ้น 3. ทำาให้สามารถใช้ทรัพยากรได้คุม้ ค่า เช่น ใช้เครื่ องประมวลผลร่ วมกัน แบ่งกันใช้แฟ้ มข้อมูล เครื่ องพิมพ์ และ อุปกรณ์ที่มีราคาแพงร่ วมกัน 4. ทำาให้ลดต้นทุน เพราะการลงทุนสามารถลงทุนให้เหมาะสมกับหน่วยงานได้
5
องค์ ประกอบระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ การที่คอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อกันเป็ นเครื อข่ายได้ ต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานดังต่อไปนี้ 1. คอมพิวเตอร์ อย่างน้อย 2 เครื่ อง 2. เน็ตเวิร์ดการ์ด หรื อ NIC (Network Interface Card) เป็ นการ์ ดที่เสี ยบเข้ากับช่องที่เมนบอร์ ดของ คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็ นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และเครื อข่าย 3. สื่ อกลางและอุปกรณ์สาำ หรับการรับส่ งข้อมูล เช่น สายสัญญาณ ส่ วนสายสัญญาณที่นิยมที่ใช้กนั ใน เครื อข่ายก็เช่น สายโคแอ็กเชียล สายคู่เกลียวบิด และสายใยแก้วนำาแสง เป็ นต้น ส่ วนอุปกรณ์ เครื อ ข่าย เช่น ฮับ สวิตช์ เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็ นต้น 4. โปรโตคอล (Protocol) โปรโตคอลเป็ นภาษาที่คอมพิวเตอร์ ใช้ติดต่อสื่ อสารกันผ่านเครื อข่าย คอมพิวเตอร์ ที่สามารถสื่ อสารกันได้น้ นั จำาเป็ นที่ตอ้ งใช้ “ภาษา” หรื อใช้โปรโตคอลเดียวกันเช่น OSI, TCP/IP, I PX/SPX เป็ นต้น 5. ระบบปฏิบตั ิการเครื อข่าย หรื อ NOS (Network Operating System) ระบบปฏิบตั ิการเครื อข่ายจะเป็ น ตัวคอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครื อข่ายของผูใ้ ช้แต่ละคน
1. คอมพิวเตอร์ อย่ างน้ อย 2 เครื่อง หมายถึง เครื่ องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมโยงอยูใ่ นระบบเครื อข่าย
คอมพิวเตอร์ ที่ใช้เชื่อมโยง
6
2. เน็ตเวิร์คการ์ ด เน็ตเวิร์คการ์ดจะเป็ นจุดเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และระบบเครื อข่าย ส่ วนใหญ่จะเรี ยกว่า “NIC (Network Interface Card)”หรื อบางทีกเ็ รี ยกว่า “LAN การ์ ด (LAN Card)” อุปกรณ์เหล่านี้จะทำาการแปลงข้อมูล เป็ นสัญญาณที่สามารถส่งไปตามสายสัญญาณหรื อสื่ อแบบอื่นได้ ปั จจุบนั นี้กไ็ ด้มีการแบ่งการ์ ดออกเป็ นหลาย ประเภท ซึ่งจะถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้กบั เครื อข่ายประเภทแบบต่าง ๆ เช่น อีเธอร์ เน็ตการ์ ด โทเคนริ งการ์ ด เป็ นต้น การ์ดในแต่ละประเภทอาจใช้กบั สายสัญญาณบางชนิดเท่านั้น หรื ออาจจะใช้ได้กบั สายสัญญาณ หลายชนิด
เน็ตเวิร์คการ์ ด เน็ตเวิร์คการ์ดจะติดตั้งอยูก่ บั คอมพิวเตอร์ โดยเต้าเสี ยบเข้ากับช่องบนเมนบอร์ ดคอมพิวเตอร์ ส่ วน มากคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในปัจจุบนั จะมีเฉพาะช่อง PCI ซึ่งก็ใช้บสั ที่มีขนาด 32 บิต อย่างไรก็ตาม ยังมีคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ยงั มีช่องแบบ ISA อยู่ ซึ่งมีบสั ขนาด 16 บิต และมีการ์ ดที่เป็ น แบบ ISA จะประมวลผล ข้อมูลช้ากว่าแบบ PCI
3. สายสั ญญาณ ปั จจุบนั มีสายสัญญาณที่ใช้เป็ นมาตรฐานในระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ อยู่ 3 ประเภท 3.1 สายคู่บิดเกลียว สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) ในแต่ละคู่ของสายทองแดงซึ่ งจะถูกพันกันตาม มาตรฐาน เพื่อต้องการลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ ากับคู่สายข้างเคียงได้แล้วผ่านไปยังสายเคเบิล ำ ก เดียวกัน หรื อจากภายนอกเท่านั้น เนื่องจากสายคู่บิดเกลียวนั้นมีราคาไม่แพงมากใช้ส่งข้อมูลได้ดี แล้วน้าหนั เบา ง่ายต่อการติดตั้ง จึงทำาให้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางตัวอย่างคือสายโทรศัพท์ สายแบบนี้มี 2 ชนิดคือ ก. สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair: STP) ข. สายคู่เกลียวชนิดไม่ ห้ ุมฉนวน (Unshielded Twisted Pair: UTP)
7
ก. สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair: STP) เป็ นสายคู่บิดเกลียวที่หุม้ ด้วยฉนวน ชั้นนอกที่หนาอีกชั้นดังรู ป เพื่อป้ องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า
สายคู่บิดเกลียวชนิดหุ ม้ ฉนวน ข. สายคู่ เกลียวชนิดไม่ ห้ ุ มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็ นสายคู่ บิดเกลี ยวที่ หุ้มด้ว ย ฉนวนชั้นนอกด้วยซึ่งบางทีก็หุ้มอีกชั้นดังรู ป ซึ่ งทำาให้สะดวกในการโค้งงอ แต่ก็สามารถป้ องกันการรบกวน ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าได้นอ้ ยกว่าชนิดแรก
สายคู่บิดเกลียวชนิดไม่หุม้ ฉนวน
8
3.2 สายโคแอกเชียล สายโคแอกเชียล เป็ นตัวกลางการเชื่อมโยงที่มีลกั ษณะเช่นเดียวกับสายทีวีที่มีการใช้งานกันอยูเ่ ป็ น จำานวนมากไม่วา่ จะใช้ในระบบเครื อข่ายเฉพาะที่ และใช้ในการส่ งข้อมูลระยะที่ไกลระหว่างชุมสายโทรศัพท์ หรื อการส่ งข้อมูลสัญญาณวีดีทศั น์ ซึ่งสายโคแอกเชียลที่ใช้ทวั่ ไปมี 2 ชนิด คือ 50 โอห์ม ซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบ บดิจิทอล และชนิด 75 โอห์ม ซึ่งก็จะใช้ส่งข้อมูลสัญญาณอนาล็อก สายโคแอกเชียลมีฉนวนหุ ม้ เพื่อป้ องกัน การรบกวนของคลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้ า และก็เพื่อป้ องกันสัญญาณรบกวนอื่น ๆ ซึ่งก็เป็ นส่ วนหนึ่งที่ทาำ ให้ สายแบบนี้มีช่วงความถี่ที่สญ ั ญาณไฟฟ้ าสามารถส่ งผ่านได้กว้างถึง 500 Mhz จึงสามารถส่ งข้อมูลด้วยอัตราของ การส่ งสูงขึ้น
ลักษณะของสายโคแอกเชียล 3.3 เส้ นใยแก้วนำาแสง เส้นใยนำาแสง ( fiber optic ) เป็ นการที่ใช้ให้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้ว ซึ่งสามารถส่ งข้อมูลด้วยเป็ น อัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลที่สูงมาก ที่ปัจจุบนั ถ้าใช้เส้นใยนำาแสงกับระบบอีเธอร์ เน็ตก็ใช้ได้ดว้ ย ความเร็ ว 10 เมกะบิต ถ้าใช้กบั FDDI ก็จะใช้ได้ดว้ ยความเร็ วสูงถึง 100 เมกะบิต
ลักษณะของเส้นใยนำาแสง
9
4. อุปกรณ์ เครือข่ าย อุปกรณ์ที่นาำ มาใช้ในเครื อข่ายทำาหน้าที่จดั การเกี่ ยวกับการรับ -ส่ งข้อมูลในเครื อข่าย หรื อใช้สาำ หรั บ ทวนสัญญาณเพื่อให้การรับ -ส่ งข้อมูลได้ดีและส่ งในระยะที่ ไกลมากขึ้ น หรื อใช้สาำ หรั บขยายเครื อข่ายให้มี ขนาดใหญ่ข้ ึน อุปกรณ์เครื อข่ายที่พบเห็นโดยทัว่ ไป เช่น ฮับ สวิตซ์ เราท์เตอร์ 4.1 ฮับ (Hub) ฮับ (HUB) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมกันระหว่างกลุ่มของคอมพิวเตอร์ ฮับมีหน้าที่ รับส่ งเฟรมข้อมูลทุก เฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ ตหนึ่ง เพื่อส่ งไปยังทุก ๆ พอร์ ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์ แบนด์วิธหรื ออัตราข้อมูลของเครื อข่าย
ฮับ (HUB) ฮับสามารถแบ่งได้เป็ น 2 ประเภท คือ 1. Passive Hub เป็ นฮับที่ไม่มีการขยายสัญญาณใดๆที่ส่งผ่านมา มีขอ้ ดีคือราคาถูก และไม่จาำ เป็ นต้องใช้พลังงานไฟฟ้ า ำ ญญาณ (Repeater) ในตัว นัน่ คือจะขยายสัญญาณที่ส่ง 2. Active Hub จะทำาหน้าที่เป็ นเครื่ องทวนซ้าสั ผ่านมา ทำาให้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ผ่านสายเคเบิลได้ไกลขึ้น และเนื่องจากต้องทำาการขยายสัญญาณ ทำาให้ Active Hub ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ าด้วย จึงเป็ นข้อเสี ยที่ตอ้ งมีปลัก๊ ไฟในการใช้งานเสมอ
10
4.2 สวิตซ์ (Switch) สวิตซ์ (Switch) หรื อบริ ดจ์ (Bridge) เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้สาำ หรับเชื่อมต่อ LAN สองเครื อข่ายเข้าด้วยกัน โดยจะต้องเป็ น LAN ชนิ ดเดี ยวกัน และก็ใช้โปรโตคอลในการรั บส่ งข้อมูลเหมื อนกัน เช่ น ใช้ในการเชื่ อม ต่อ Ethernet LAN ทั้งสองเครื อข่ายเข้าด้วยกัน
สวิตซ์ (Switch) หรื อ บริ ดจ์ (Bridge) 4.3 เราท์ เตอร์ (Routing) เป็ นอุปกรณ์ที่ทาำ หน้าที่เชื่อมต่อในระบบเครื อข่ายกับหลายระบบเข้าด้วยกันที่คล้ายกับบริ ดจ์ แต่ก็มี ส่ วนการทำางานจะซับซ้อนมากกว่าบริ ดจ์มาก โดยเราท์เตอร์ ก็มีเส้นทางการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแต่ละเครื อ ข่ายเก็บไว้เป็ นตารางเส้นทาง เรี ยกว่า Routing Table ทำาให้เราท์เตอร์ สามารถทำาหน้าที่จดั หาเส้นทาง และเลือก เส้นทางเหมาะสมที่สุดเพื่อใช้ในการเดินทาง และเพื่อการติดต่อระหว่างเครื อข่ายได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
เราท์เตอร์ (Routing)
11
4.4 โปรโตคอล (Protocol) ในการเชื่อมโยงของเครื อข่ายเครื่ องคอมพิวเตอร์ ในแต่ละเครื่ องอาจก็ตอ้ งมีระบบที่เหมือนกัน หรื อ แตกต่างกัน เช่นในการใช้งานในเครื อข่ายจึงต้องเป็ นมาตรฐานหรื อระเบียบที่ใช้ในการติดต่อให้แต่ละเครื่ องมี วิธีการสื่ อสารที่เป็ นไปตามแนวทางเดียวกันได้ เพื่อให้เป็ นการเชื่ อมโยงข้อมูล และในการติดต่อสื่ อสารของ เครื่ องคอมพิวเตอร์ ในแต่ละเครื่ องต้องมีความเข้าใจถูกต้องตรงกันและสามารถทำางานร่ วมกันได้เป็ นอย่างดี ไม่ เกิ ดความเสี ยหายนั้นเกิ ดขึ้ น จึงมีการกำา หนดวิธีการมาตรฐานขึ้ นเรี ยกว่า โปรโตคอล ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า โปรโตคอล หมายถึง กฎเกณฑ์ ข้อตกลง ภาษาสื่ อสาร รู ปแบบ วิธีการเชื่ อมต่อของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ใน เครื อข่าย (ระบบใดๆ ก็ตาม) ให้สามารถติดต่อสื่ อสารมีการใช้งานร่ วมกันได้หลากหลาย
5.ระบบปฏิบัตกิ ารเครือข่ าย หรือ NOS (Network Operating System) ระบบปฏิบตั ิการเครื อข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ ที่ทาำ หน้าที่ จัดการระบบเครื อข่ายของคอมพิวเตอร์ เพื่อ ให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยูก่ บั เครื อข่าย สามารถติดต่อสื่ อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง และมี ประสิ ทธิ ภาพ ทำาหน้าที่จดั การด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบเครื อข่าย และยังมีหน้าที่ควบคุม การนำา โปรแกรมประยุกต์ ด้านการติดต่อสื่ อสาร มาทำางานในระบบเครื อข่ายอีกด้วย นับว่าซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบตั ิการ เครื อข่าย มีความสำาคัญต่อเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ อย่างยิง่ ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ ประเภทนี้ ได้แก่ ระบบปฏิบตั ิการ Windows NT, Linux, Novell Netware, Windows XP, Windows 2000, Solaris, UNIX เป็ นต้น
12
ประเภทของเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เครื อข่ายสามารถจำาแนกออกได้เป็ นหลายประเภทแล้วแต่เกณฑ์ที่ใช้คล้ายกับการจำาแนกของรถยนต์ ถ้าใช้ขนาดเป็ นเกณฑ์ จะสามารถแบ่งออกได้ โดยทัว่ ไปจำาแนกประเภทของเครื อข่ายมีอยู่ 3 วิธีคือ 1. ประเภทของเครือข่ายแบ่ งตามขนาดทางภูมิศาสตร์ ถ้าใช้ขนาดทางกายภาพเป็ นเกณฑ์ เครื อข่ายก็สามารถแบ่งออกได้เป็ น 3 ประเภทคือ 1.1 LAN (Local Area Network): ระบบเครื อข่ายระดับท้องถิ่น 1.2 MAN (Metropolitan Area Network): ระบบเครื อข่ายระดับเมือง 1.3 WAN (Wide Area Network): ระบบเครื อข่ายระดับประเทศ หรื อเครื อข่ายบริ เวณกว้าง
1.1 เครือข่ ายแลน LAN (Local Area Network): ระบบเครือข่ ายระดับท้ องถิ่น
เครื อข่ายแลนหรื อเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ทอ้ งถิ่นเป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ซ่ ึงเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์สื่อสารที่อยูใ่ น บริ เวณเดียวกันเข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรื อภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกล เครื อข่ายแลนจัดได้วา่ เป็ นเครื อข่ายเฉพาะขององค์การ เครื อข่ายแลน มีต้ งั แต่เครื อข่ายขนาดเล็กที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ ต้ งั แต่สองเครื่ องขึ้นไปภายในห้อง เดียวกันจนเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรื อองค์การขนาดใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัย ลักษณะสำาคัญของเครื อข่ายแลน คืออุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครื อข่ายสามารถรับส่ งสัญญาณกันด้วย ความเร็ วสูงมาก โดยทัว่ ไปมีความเร็ วตั้งแต่ หลายสิ บล้านบิตต่อวินาที จนถึงร้อยล้านบิตต่อวินาที การสื่ อสารในระยะใกล้จะมีความเร็ วในการสื่ อสารสูง ทำาให้การรับส่ งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อยและ สามารถรับส่ งข้อมูลจำานวนมากในเวลาจำากัดได้
13
1.2 เครือข่ ายแมน MAN (Metropolitan Area Network): ระบบเครือข่ ายระดับเมือง
เครื อข่ายแมนเป็ นระบบเครื อข่ายที่มีขนาดอยูร่ ะหว่าง LAN และ WAN เป็ นระบบเครื อข่ายที่ใช้ภายใน เมืองหรื อจังหวัดเท่านั้น การเชื่อมโยงจะต้องอาศัยระบบบริ การเครื อข่ายสาธารณะ จึงเป็ นเครื อข่ายที่ใช้กบั องค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร เครื อข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็ วในการสื่ อสารไม่สูง เนื่องจากมีสญ ั ญาณรบกวนใน สาย เทคโนโลยีที่ใช้กบั เครื อข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณ ดาวเทียม เส้นใยนำาแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล
14
1.3 เครือข่ ายแวน
บริเวณกว้ าง
WAN (Wide Area Network): ระบบเครือข่ ายระดับประเทศ หรือเครือข่ าย
เป็ นเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ ในระยะไกล เช่น เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ระ หว่างประเทศ การสร้างเครื อข่ายระยะไกล จึงต้องอาศัยระบบบริ การข่ายสายสาธารณะ เช่น สายวงจรเช่าจาก องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหรื อจากการสื่ อสารแห่ งประเทศไทย ใช้วงจรสื่ อสารผ่านดาวเทียม ใช้วงจร สื่ อสารเฉพาะกิจที่มีให้บริ การแบบสาธารณะ ในอนาคตอันใกล้น้ ี บทบาทของเครื อข่ายแวนจะทำาให้ทุกบริ ษทั ทุกองค์การทุกหน่วยงานเชื่อมโยง เครื อข่าย คอมพิวเตอร์ของตนเองเข้าสู่เครื อข่ายกลาง เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และการทำางาน ร่ วมกัน ในระบบที่ตอ้ งติดต่อสื่ อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีที่ใช้กบั เครื อข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการ เชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำาแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล ทั้งที่วางตามถนนและวางใต้นา้ ำ เทคโนโลยีของการเชื่อมโยง ได้รับการพัฒนาไปมากแต่ยงั ไม่พอเพียงกับความ ต้องการที่เพิม่ มากขึ้นอย่างรวดเร็ ว
15
2. ประเภทของเครือข่ ายแบ่ งตามหน้ าทีข่ องคอมพิวเตอร์ ที่กล่าวมาข้างต้น เป็ นเพียงการจำาแนกประเภทของเครื อข่ายตามขนาดพื้นที่ที่ครอบคลุมถึงเท่านั้น การ จำาแนกประเภทของเครื อข่ายยังสามารถจำาแนกได้ โดยใช้ลกั ษณะการแชร์ ขอ้ มูลของคอมพิวเตอร์ หรื อหน้าที่ ของคอมพิวเตอร์ในแต่ละเครื อข่ายเป็ นเกณฑ์ เพื่อเป็ นการแบ่งประเภทของเครื อข่าย ซึ่งเมื่อใช้หลักการนี้ แล้ว เราสามารถแบ่งเครื อข่ายออกได้เป็ น 2 ประเภทคือ 2.1 เครือข่ายแบบเพียร์ ทูเพียร์ (Peer – To - Peer) โดยเป็ นการเชื่อมต่อของเครื่ องทุกเครื่ องที่ใช้ในระบบเครื อข่าย และยังมีสถานะเท่าเทียมกันหมด โดย เป็ นเครื่ องทุกเครื่ องสามารถเป็ นได้ท้ งั เครื่ องผูใ้ ช้บริ การและผูใ้ ห้เครื่ องบริ การในขณะใดขณะหนึ่ง 2.2 เครือข่ายแบบไคลเอนท์ เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server Network) ถ้าระบบเครื อข่ายมีคอมพิวเตอร์ไม่มากนัก ควรสร้างเครื อข่ายแบบเพียร์ ทูเพียร์ เนื่องจากง่ายและค่าใช้ จ่ายจะถูกกว่า แต่เมื่อเครื อข่ายนั้นมีการขยายใหญ่ข้ ึนจำานวนผูใ้ ช้กม็ ากขึ้นเช่นกัน การดูแลและการจัดการระบบ ก็จะซับซ้อนมากยิง่ ขึ้น เครื อข่ายจำาเป็ นที่ตอ้ งมีเซิร์ฟเวอร์ ทาำ หน้าที่จดั การเรื่ องต่างๆ และให้บริ การอื่นๆ เครื่ อง เซิร์ฟเวอร์ น้ นั ก็ควรที่จะเป็ นเครื่ องที่มีประสิ ทธิ ภาพที่สูงขึ้ น และสามารถบริ การให้ผใู ้ ช้ได้หลายๆ คนในเวลา เดียวกันได้ ประเภทของเซิร์ฟเวอร์ ที่ให้ บริการแบบต่ าง ๆ ก. ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File Server) เป็ นเซิ ร์ฟเวอร์ที่ทาำ หน้าที่ในการจัดเก็บไฟล์ จะเสมือนฮาร์ ดดิสก์รวม ศูนย์ (Cauterized disk storage) เสมือนว่าผูใ้ ช้งานทุกคนมีที่เก็บข้อมูลอยูท่ ี่เดียว เพราะควบคุม-บริ หารง่าย การ สำารองข้อมูลโดยการ Restore ง่าย ข. พรินต์ เซิร์ฟเวอร์ (Print Server) หนึ่งเหตุผลที่จะต้องมี Print Server ก็คือ เพื่อแบ่งให้พริ นเตอร์ ราคาแพงบางรุ่ นที่ออกแบบมาใช้สาำ หรับการทำางานมาก ๆ เช่น HP Laser 5000 พิมพ์ได้ถึง 10 - 24 แผ่นต่อนาที พริ นเตอร์ สาำ หรับประเภทนี้ ความสามารถในการทำางานสูง ค. แอพพลิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์ (Application Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ ที่รันโปรแกรมประยุกต์ได้ โดยการ ทำางานสอดคล้องกับไคลเอ็นต์ เช่น Mail Server ( รัน MS Exchange Server ) Proxy Server (รัน Proxy Server) หรื อ Web Server (รัน Web Server Program เช่น Xitami , Apache' )
16
ง. อินเตอร์ เน็ตเซิร์ฟเวอร์ (Internet Server) ปั จจุบนั อินเตอร์ เน็ตนั้น มีผลกระทบกับเครื อข่ายใน ปั จจุบนั เป็ นอย่างมาก อินเตอร์เน็ตเป็ นเครื อข่ายที่มีขนาดใหญ่มากและมีผใู ้ ช้งานมากที่สุดในโลก เทคโนโลยีที่ ทำาให้อินเตอร์เน็ตเป็ นที่นิยมก็คือ เว็บ และอีเมล์ เพราะทั้งสองแอพพลิเคชัน่ ทำาให้ผใู ้ ช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และสื่ อสารกันได้ง่ายและมีรวดเร็ ว - เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Web Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ ที่ให้บริ การข้อมูลในรู ปแบบ HTML (Hyper text Markup Language) ใช้
- เมลเซิร์ฟเวอร์ (Mail Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ ที่ให้บริ การรับ - ส่ ง จัดเก็บ และจัดการเกี่ยวกับอีเมล์ของผู ้
3. ประเภทของเครือข่ ายแบ่ งตามระดับความปลอดภัยของข้ อมูล อีกวิธีหนึ่งในการแบ่งประเภทของเครื อข่ายคือ การใช้ระดับความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งจะแบ่งออก ได้เป็ น 3 ประเภทด้วยกันก็คือ 3.1 อินเทอร์เน็ต (Internet) 3.2 อินทราเน็ต (Intranet) 3.3 เอ็กส์ตราเน็ต (Extranet )
3.1 อินเทอร์ เน็ต (Internet) อินเทอร์เน็ตเป็ นเครื อข่ายที่ครอบคลุมทัว่ โลก ซึ่งมีคอมพิวเตอร์ เป็ นล้านๆเครื่ องเชื่อมต่อเข้ากับระบบ และยังขยายตัวขึ้นเรื่ อย ๆ ทุกปี อินเทอร์เน็ตมีผใู ้ ช้ทวั่ โลกหลายร้อยล้านคน และผูใ้ ช้เหล่านี้ สามารถแลก เปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างอิสระ โดยที่ระยะทางและเวลาไม่เป็ นอุปสรรค นอกจากนี้ผใู ้ ช้ยงั สามารถเข้าดู ข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกตีพิมพ์ในอินเทอร์เน็ตได้ อินเทอร์ เน็ตเชื่อมแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เข้าด้วยกันไม่วา่ จะเป็ น องค์กรธุรกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐบาล หรื อแม้กระทัง่ แหล่งข้อมูลบุคคล องค์กรธุรกิจหลายองค์กรได้ ใช้อินเทอร์ เน็ตช่วยในการทำาการค้า เช่น การติดต่อซื้อขายผ่านอินเทอร์ เน็ตหรื ออีคอมเมิร์ช (E-Commerce) ซึ่ง เป็ นอีกช่องทางหนึ่งสำาหรับการทำาธุรกิจที่กาำ ลังเป็ นที่นิยม เนื่องจากมีตน้ ทุนที่ถูกกว่าและมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก
17
3.2 อินทราเน็ต (Internet) ตรงกันข้ามกับอินเตอร์เน็ต อินทราเน็ตเป็ นเครื อข่ายส่ วนบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีอินเตอร์ เน็ต เช่น เว็บ, อีเมลล์, FTP แต่อินทราเน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP แต่ใช้สาำ หรับการรับ- ส่ งข้อมูลเช่นเดียวกับอินเตอร์ เน็ตซึ่ง โปรโตคอลนี้สามารถใช้ได้กบั ฮาร์ดแวร์หลายประเภท และสายสัญญาณหลายประเภทฮาร์ ดแวร์ ที่ใช้สร้างเครื อ ข่ายนี้ไม่ใช่ปัจจัยหลักของอินทราเน็ต แต่เป็ นซอร์ ฟแวร์ ที่มีมาให้อินทราเน็ตทำางานได้ อินทราเน็ตเป็ นเครื อข่าย ที่องค์กรสร้างขึ้น สำาหรับให้กบั พนักงานขององค์กรที่ใช้เพียงเท่านั้น
3.3 เอ็กส์ ตราเน็ต (Extranet) เอ็กส์ตราเน็ต(Extranet) เป็ นเครื อข่ายแบบกึ่งอินเตอร์ เน็ตกึ่งอินทราเน็ต เอ็กส์ตราเน็ต คือ เครื อข่ายที่ เชื่อมต่อระหว่างอินทราเน็ตของ 2 องค์กร ดังนั้นจะมีบางส่ วนของเครื อข่ายที่เป็ นเจ้าของร่ วมกันระหว่าง 2 องค์กรหรื อบริ ษทั การสร้างอินทราเน็ตจะไม่จาำ กัดด้วยเทคโนโลยี แต่จะยากตรงนโยบายที่เกี่ยวกับการรักษา ความปลอดภัยของข้อมูลที่ท้ งั 2 องค์กรจะต้องตกลงกัน การสร้างเอ็กส์ตราเน็ตจะเน้นที่ระบบการรักษาความ ปลอดภัยข้อมูลกับรวมถึงการติดตั้งไฟร์วอลหรื อ ระหว่างอินทราเน็ตและการเข้ารหัสข้อมูลและสิ่ งที่สาำ คัญที่สุด ก็คือ นโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและการบังคับใช้
18
รู ปแบบการเชื่อมโยงเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์รับ-ส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็ นเครื อข่าย มีการเชื่อมโยงถึงกันในรู ปแบบ ต่างๆ ตามความเหมาะสม เทคโนโลยีการออกแบบเชื่อมโยงนี้ เรี ยกว่า รู ปร่ างเครื อข่าย (Network topology) เมื่อ พิจารณาการต่อเชื่อมโยงถึงกันของอุปกรณ์สาำ นักงานซึ่งใช้งานที่ต่างๆ หากต้องการเชื่อมต่อถึงกันโดยตรง จะ ต้องใช้สายเชื่อมโยงมาก
รู ปร่ างเครื อข่าย ปั ญหาของการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์ของสถานีปลายทางหลายๆสถานีคือ จำานวนสายที่ใช้ เชื่อมโยง ระหว่างสถานีเพิ่มมากขึ้น และระบบการสลับสายเพื่อโยงข้อมูลถึงกันในการสื่ อสารระหว่างสถานีน้ ัน ถ้ามีการเพิม่ สถานีมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเดินสายก็มากตามไปด้วย และในขณะที่สถานีหนึ่งสื่ อสารกับสถานี หนึ่ง ก็จะถือครองการใช้สายเชื่อมโยง ระหว่างสถานีน้ นั ทำาให้การใช้สายเชื่อมโยงมีเต็มประสิ ทธิ ภาพ จึงมี ความพยายามที่จะหาลักษณะรู ปร่ างเครื อข่าย ที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายเชื่อมโยงง่ายต่อการติดตั้ง และมีประสิ ทธิภาพที่ดีต่อระบบรู ปร่ างเครื อข่ายที่ใช้ในการสื่ อสารมีหลายรู ปแบบ ดังนี้ 1. การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบบัส (Bus Topology) 2. การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน (Ring Topology) 3. การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แบบดาว (Star Topology)
19
1. โครงสร้ างเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบบัส (bus topology) โครงสร้างเครื อข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส จะประกอบด้วย สายส่ งข้อมูลหลัก ที่ใช้ส่งข้อมูลภายในเครื อข่าย เครื่ องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่ อง จะเชื่อมต่อเข้ากับสายข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ เมื่อมีการส่ งข้อมูลระหว่างเครื่ อง คอมพิวเตอร์ หลายเครื่ องพร้อมกัน จะมีสญ ั ญาณข้อมูลส่ งไปบนสายเคเบิ้ล และมีการแบ่งเวลาการใช้สายเคเบิ้ล แต่ละเครื่ อง ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบบัส คือ ใช้สื่อนำาข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้าเครื่ อง คอมพิวเตอร์ เครื่ องใดเครื่ องหนึ่งเสี ยก็จะไม่ส่งผลต่อการทำางานของระบบโดยรวม แต่มีขอ้ เสี ยคือ การตรวจจุดที่ มีปัญหา กระทำาได้ค่อนข้างยาก และถ้ามีจาำ นวนเครื่ องคอมพิวเตอร์ ในเครื อข่ายมากเกินไป จะมีการส่ งข้อมูลชน กันมากจนเป็ นปัญหา
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบบัส
20
2. โครงสร้ างเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบวงแหวน (ring topology) โครงสร้างเครื อข่ายคอมพิวเตอร์แบบวงแหวน มีการเชื่อมต่อระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ โดยที่แต่ละการ เชื่อมต่อจะมีลกั ษณะเป็ นวงกลม การส่งข้อมูลภายในเครื อข่ายนี้ กจ็ ะเป็ นวงกลมด้วยเช่นกัน ทิศทางการส่ งข้อมูล จะเป็ นทิศทางเดียวกันเสมอ จากเครื่ องหนึ่งจนถึงปลายทาง ในกรณี ที่มีเครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องใดเครื่ องหนึ่ง ขัดข้อง การส่งข้อมูลภายในเครื อข่ายชนิดนี้ จะไม่สามารถทำางานต่อไปได้ ข้อดีของโครงสร้าง เครื อข่ายแบบ วงแหวนคือ ใช้สายเคเบิ้ลน้อย และถ้าตัดเครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่เสี ยออกจากระบบ ก็จะไม่ส่งผลต่อการทำางานของ ระบบเครื อข่ายนี้ และจะไม่มีการชนกันของข้อมูลที่แต่ละเครื่ องส่ ง
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบวงแหวน
21
3. โครงสร้ างเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบดาว (star topology) โครงสร้างเครื อข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว ภายในเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ จะต้องมีจุกศูนย์กลางในการควบคุม การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ หรื อ ฮับ (hub) การสื่ อสารระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ ต่างๆ จะสื่ อสารผ่านฮับก่อนที่ จะส่ งข้อมูลไปสู่เครื่ องคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่นๆ โครงสร้างเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ แบบดาวมีขอ้ ดี คือ ถ้าต้องการ เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่ องใหม่กส็ ามารถทำาได้ง่ายและไม่กระทบต่อเครื่ องคอมพิวเตอร์ อื่นๆ ในระบบ ส่ วนข้อ เสี ย คือ ค่าใช้จ่ายในการใช้สายเคเบิ้ลจะค่อนข้างสูง และเมื่อฮับไม่ทาำ งาน การสื่ อสารของคอมพิวเตอร์ ท้ งั ระบบ ก็จะหยุดตามไปด้วย
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ แบบดาว
22
ประโยชน์ ของระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื อข่ายจะมีการทำางานรวมกันเป็ นกลุ่ม ที่เรี ยกว่า กลุ่มงาน (workgroup) แต่เมื่อเชื่อมโยงหลายๆ กลุ่มงานเข้าด้วยกัน ก็จะเป็ นเครื อข่ายขององค์กร และถ้าเชื่อมโยง ระหว่างองค์กรผ่านเครื อข่ายแวน ก็จะได้เครื อข่ายขนาดใหญ่ข้ ึน การประยุกต์ใช้งานเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ เป็ นไปอย่างกว้างขวางและสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งนี้เพราะระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ทำาให้เกิดการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และสื่ อสารข้อมูล ระหว่างกันได้ ประโยชน์ของระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มีดงั นี้ 1. การใช้ อุปกรณ์ ร่วมกัน (Sharing of peripheral devices) เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ทาำ ให้ผใู ้ ช้ สามารถใช้ อุปกรณ์ รอบข้างที่ต่อพ่วงกับระบบคอมพิวเตอร์ ร่ วมกันได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ เช่นเครื่ องพิมพ์ ดิสก์ไดร์ ฟ ซีดี รอม สแกนเนอร์ โมเด็ม เป็ นต้น ทำาให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ตอ้ งซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาแพง เชื่อมต่อพ่วงให้กบั คอมพิวเตอร์ ทุกเครื่ อง
การใช้อุปกรณ์ร่วมกันของระบบเครื อข่าย
2.การใช้ โปรแกรมและข้อมูลร่ วมกัน (Sharing of program and data) เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ทำาให้ผใู ้ ช้ สามารถใช้โปรแกรม และข้อมูลร่ วมกันได้ โดยจัดเก็บโปรแกรมไว้แหล่งเก็บข้อมูล ที่เป็ นศูนย์กลาง เช่น ที่ ฮาร์ ดดิสก์ของเครื่ อง File Server ผูใ้ ช้สามารถใช้โปรแกรมร่ วมกัน ได้จากแหล่งเดียวกัน ไม่ตอ้ งเก็บโปรแกรม
23
ไว้ในแต่ละเครื่ อง ให้ซาซ้ ้ ำ อนกัน นอกจากนั้นยังสามารถรวบรวม ข้อมูลต่าง ๆ จัดเก็บเป็ นฐานข้อมูล ผูใ้ ช้ สามารถใช้สารสนเทศ จากฐานข้อมูลกลาง ผ่านระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย โดย ไม่ตอ้ งเดินทางไปสำาเนาข้อมูลด้วยตนเอง เพราะใช้การเรี ยกใช้ขอ้ มูล ผ่านระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์นนั่ เอง เครื่ องลูก (Client) สามารถเข้ามาใช้ โปรแกรม ข้อมูล ร่ วมกันได้จากเครื่ องแม่ (Server) หรื อระหว่างเครื่ องลูก กับเครื่ องลูกก็ได้ เป็ นการประหยัดเนื้ อที่ในการจัดเก็บโปรแกรม ไม่จาำ เป็ นว่าทุกเครื่ องต้องมีโปรแกรมเดียวกัน นี้ในเครื่ องของตนเอง
การใช้โปรแกรมและข้อมูลร่ วมกันได้
3.สามารถติดต่ อสื่อสารระยะไกลได้ (Telecommunication) การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เป็ นเครื อข่าย ทั้ง ประเภทเครื อข่าย LAN, MAN และ WAN ทำาให้คอมพิวเตอร์ สามารถสื่ อสารแลกเปลี่ยนข้อมูล ระยะไกลได ้ โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ทางด้านการติดต่อสื่ อสาร โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในระบบเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต มีการ
24
ให้บริ การต่าง ๆ มากมาย เช่น การโอนย้ายไฟล์ขอ้ มูล การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) การ สื บค้นข้อมูล (Search Engine) เป็ นต้น
การใช้โปรแกรมติดต่อสื่ อสารระยะไกล 4.สามารถประยุกต์ ใช้ ในงานด้ านธุรกิจได้ (ฺBusiness Applicability) องค์กรธุรกิจ มีการเชื่อมโยงเครื อ ข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น เครื อข่ายของธุรกิจธนาคาร ธุรกิจการบิน ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจ การท่องเที่ยว ธุรกิจหลักทรัพย์ สามารถดำาเนินธุรกิจ ได้อย่างรวดเร็ ว ตอบสนองความพึงพอใจ ให้แก่ลูกค้าใน ปั จจุบนั เริ่ มมีการใช้ประโยชน์จากเครื อข่าย Internet เพื่อทำาธุรกิจกันแล้ว เช่นการสัง่ ซื้อสิ นค้า การจ่ายเงินผ่าน ระบบธนาคาร เป็ นต้น
การประยุกต์ ใช้ ในงานด้ านธุรกิจได้ ความประหยัด นับเป็ นการลงทุนที่คุม้ ค่า อย่างเช่นในสำานักงานหนึ่งมีเครื่ องอยู่ 30 เครื่ อง หรื อมากกว่านี้ ถ้าไม่มีการนำา ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้ จะเห็นว่าต้องใช้เครื่ องพิมพ์อย่างน้อย 5 - 10 เครื่ อง มาใช้งาน แต่ถา้ มีระบบ
25
เครื อข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้แล้วละก้อ ก็สามารถใช้อุปกรณ์ หรื อเครื่ องพิมพ์ประมาณ 2-3 เครื่ องก็พอต่อการใช้ งานแล้ว เพราะว่าทุกเครื่ องสามารถเข้าใช้เครื่ องพิมพ์เครื่ องใดก็ได้ ผ่านเครื่ องอื่น ๆ ที่ในระบบเครื อข่ายเดียวกัน ความเชื่อถือได้ ของระบบงาน นับเป็ นสิ่ งที่สาำ คัญสำาหรับการดำาเนินธุรกิจ ถ้าทำางานได้เร็ วแต่ขาดความน่าเชื่อถือก็ถือว่าใช้ไม่ได้ ไม่มี ประสิ ทธิ ภาพ ดังนั้นเมื่อนำาระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ มาใช้งาน ทำาระบบงานมีประสิ ทธิ ภาพ มีความน่าเชื่อถือ ของข้อมูล เพราะจะมีการทำาสำารองข้อมูลไว้ เมื่อเครื่ องที่ใช้งานเกิดมีปัญหา ก็สามารถนำาข้อมูลที่มีการสำารองมา ใช้ได้ อย่างทันที
แหล่ งอ้ างอิง
26
เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ , สื บค้นวันที่ 3 มกราคม 2556, เวลา 10.17 น. เว็บไซต์ http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/lesson7.htm
http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/network.html
ประเภทเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ , สื บค้นวันที่ 3 มกราคม 2556, เวลา 10.28 น. เว็บไซต์ http://learn.wattano.ac.th/learning/userchap13 ประโยชน์เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ , สื บค้นวันที่ 3 มกราคม 2556, เวลา 10.38 น. เว็บไซต์ http://blog.eduzones.com/banny/3478 ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ , สื บค้นวันที่ 3 มกราคม 2556, เวลา 10.52 น. เว็บไซต์ http://blog.eduzones.com/banny/3474 ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น. สื บค้นวันที่ 3 มกราคม 2556, เวลา 11.21 น. เว็บไซต์ http://www.kruchanpen.com/network/basic.htm