ميحرلانحمرلاللهامسب ايرصنللهابفكوالوللهابفكو พอเพียงแล้ว ที่มีอัลลอฮ์เป็นผู้คุ้มครอง และพอเพียงแล้ว ที่มีอัลลอฮ์เป็นผู้ช่วยเหลือ (อันนิซาอ์ 4 : 45)
In the Company of God | للهاعم
เขียน - ซัลมาน อัลเอาดะฮ์
แปล - ปริศนา อุส่าห์เพียร
บรรณาธิการ - มุฏมะอินนะฮ์
ตรวจวิชาการ - เราะห์มะฮ์ ต�าราเรียง
พิสูจน์อักษร - ซุลฟา และ มินนะตุลลอฮ์
297.61
ISBN 978-616-497-758-7
Email: mirat.books@gmail.com
Facebook: www.facebook.com/miratbook
ชีวิตที่มีอัลลอฮ์
ปกและรูปเล่ม - Alfa พิมพ์ครั้งที่ 1 : กันยายน 2562 ราคา 250 บาท จัดพิมพ์โดย : ธีรวุฒิ วงศ์เสงี่ยม ส�านักพิมพ์มิรอาต 12 ซอยแมนไทย ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
พิมพ์ที่ : นัตวิดาการพิมพ์ 457/202-203 ตรอกวัดจันทร์ใน เจริญกรุง 107 ถ.เจริญกรุง บางคอแหลม กรุงเทพฯ 10210 โทร. 02-2916530 ไม่สงวนลิขสิทธิ์ในการน�าเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่มีเจตนาแสวงหาผลก�าไร แต่ควรระบุที่มา อัลเอาดะฮ์, ซัลมาน. ชีวิตที่มีอัลลอฮ์.-- กรุงเทพฯ : นัตวิดาการพิมพ์, 2562. 256 หน้า.-- (ชีวิตที่มีอัลลอฮ์). 1. ศาสนาอิสลาม. I. ปริศนา อุส่าห์เพียร, ผู้แปล. II. ชื่อเรื่อง.
ค�าน�าส�านักพิมพ์ ميحرلانحمرلاللهامسب ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตาปรานี ผู้ทรงกรุณาเสมอ ถ้าเรารักใครสักคนอย่างยิ่ง เราย่อมจะอยากรู้เรื่องของเขาให้ มากที่สุด ลึกซึ้งที่สุด แล้วจะเป็นอย่างไรส�าหรับความรักที่เรามีต่ออัลลอฮ์ เราจะ บอกว่ามันมั่นคงลึกล�้าได้สักแค่ไหน ถ้าเรายังไม่ได้พยายามจะรู้จัก พระองค์ให้มากขึ้นในทุกๆ วันที่ยังหายใจ หนังสือ “ชีวิตที่มีอัลลอฮ์” เล่มนี้แปลมาจากงานเขียน แสนงดงามของ เชคซัลมาน อัลเอาดะฮ์ ที่แนะน�าให้เราได้รู้จักอัลลอฮ์ มากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น ผ่านพระนามอันสวยงามของพระองค์ ซึ่งล้วนมี อิทธิพลต่อชีวิตเรามากจนต้องนึกสงสัยว่า ท�าไมก่อนหน้านี้ เราถึงไม ค่อยเรียนรู้เรื่องนี้กัน ทั้งที่มันคือความรู้ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราไปได้ อย่างสิ้นเชิง เราจะไม่มีทางหมดหวังในชีวิต หลังจากได้รู้จักกับ “อัรเราะห์มาน” เราจะไม่ต้องหวาดกลัวอ�านาจใดอีก หลังจากได้รู้จักกับ “อัลมะลิก” เราจะไม่หวังอะไรจากใครอื่น หลังจากได้รู้จักกับ “อัลวะฮ์ฮาบ” เราจะไม่สิ้นหวังเมื่อท�าผิด หลังจากได้รู้จักกับ “อัลเฆาะฟูร” เราจะไม่มีวันอดตาย หลังจากได้รู้จักกับ “อัลร็อซซาก”
และยังมีอีกหลากหลายพระนามที่อัลลอฮ์ได้แนะน�าตัว พระองค์เองให้ปวงบ่าวได้รู้จักในคัมภีร์ของพระองค์...แหล่งข้อมูลส�าคัญ ที่สุดในการท�าความรู้จักพระองค์ อันเป็นความรู้ที่ส�าคัญที่สุดในชีวิต ของเรา เพราะการรู้จักอัลลอฮ์จะท�าให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจโลก มากขึ้น และสร้างความสุขสงบอันแท้จริงให้ชีวิต จนถึงที่สุดแล้ว น่าจะ พูดได้ว่า เรื่องราวความผูกพันระหว่างตัวเรากับผู้สร้างเรานี่แหละ ที่จะ เป็นตัวก�าหนดเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเรา ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับ อัลลอฮ์ดีเยี่ยม ก็ไม่มีบททดสอบใดในชีวิตจะท�าอะไรเราได้เลย เราอิ่มเอมใจกับหนังสือเล่มนี้มากจนอยากน�าเสนอให้ทุกท่าน ได้รู้จักทุกพระนามของผู้เป็นที่สุดของชีวิตเราในคราวเดียว แต่ด้วย ความหนาของต้นฉบับ เราก็จ�าเป็นต้องแบ่งฉบับแปลภาษาไทยออก เป็นสามเล่ม โดยจะทยอยแปล และทยอยจัดพิมพ์ให้ครบถ้วนโดย เร็วที่สุด อินชาอัลลอฮ์ ด้วยตระหนักว่า
มากจริงๆ
ไม่ต่างจากทีมผู้จัดท�าว่า...แทบจะอดใจรอเล่มต่อไปไม่ไหวจริงๆ เพราะชีวิตที่มีอัลลอฮ์ คือชีวิตที่มีทางไปต่อเสมอ ส�านักพิมพ์มิรอาต กันยายน 2562 | มุฮัรรอม 1441
นี่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์
และเชื่อว่า หลังจากที่ได้อ่านแล้ว ผู้อ่านส่วนใหญ่น่าจะรู้สึก
นิสัยพวกนี้ก็เหมือนการเสพย์ติดอะไรสักอย่างมันยากที่จะสลัดทิ้งไป และประสิทธิภาพของมันก็ยังเหมือนกับสิ่งมึนเมาที่ท�าให้คนเราพูด และท�าในสิ่งที่สวนทางกับความดี
ค�าน�าผู้เขียน ผมเศร้าเมื่อได้เห็นว่าผู้คนในวันนี้โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวถูก ครอบง�าด้วยเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์แทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการ โต้เถียงที่ไร้สาระ การนินทาว่าร้าย และการพูดคุยเรื่องต่างๆ ที่ไม่มี ประโยชน์ พวกเขาเสียเวลาและพลังงานไปกับการให้ความสนใจ ต่อสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าใดๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นท�าให้ พวกเขาต้องสิ้นเปลืองพลังความสามารถที่พวกเขามี ท�าให้ความเป็น ศัตรูเกิดขึ้นระหว่างกัน และท�าให้พวกเขาละเลยการร�าลึกถึงอัลลอฮ์
ผมเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการขจัดพฤติกรรมเหล่านี้คือ การ โฟกัส (มุ่งความสนใจ) ไปที่อัลลอฮ์ นี่หาใช่เป็นเพียงการก�าจัดความ คิดลบและการมีทิฐิให้หมดไปเท่านั้น แต่วิธีนี้จะเป็นการปลดเปลื้อง เรื่องที่ไม่สร้างสรรค์ ปัญหา และความกังวลต่างๆ ของชีวิตออกไป ด้วย การร�าลึกถึงอัลลอฮ์ท�าให้จิตวิญญาณสงบและเปี่ยมพลัง ท�าให้ เกิดความสามารถที่จะอดทนและบากบั่น บรรเทาอาการใจร้อน ไม่ อดทน และขับไล่ความทุกข์เศร้า-สิ้นหวังให้พ้นไป
นอกจากนี้ การร�าลึกถึงอัลลอฮ์ก็ยังเป็นวิธีที่ง่ายแสนง่าย เป็นวิธีที่ใครๆ ก็สามารถท�าได้ ไม่มีเงื่อนไขก่อนการปฏิบัติ และไม่มี ล�าดับขั้นตอนว่าจะต้องท�าอะไรก่อนหลัง ไม่ต้องขออนุญาตใครด้วย ประตูไปสู่การร�าลึกถึงอัลลอฮ์นั้นเปิดอยู่เสมอ ไม่ว่าเมื่อสักครู่ก่อนนี้ เราจะเพิ่งท�าอิบาดะฮ์หรือท�าบาปไปก็ตาม เรามีโอกาสในการร�าลึก ถึงอัลลอฮ์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เราก�าลังเดินอยู่ ตอนที่ เราท�าผิดพลาดพลั้ง หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้รับเหตุให้ร�าลึกถึง พระผู้อภิบาลของพวกเรา จากประสบการณ์ของผมการร�าลึกถึงอัลลอฮ์นั้นคือก้าวแรก ของการรักษาทุกโรค ทั้งโรคทางกาย และโรคทางจิตวิญญาณ การ ร�าลึกถึงอัลลอฮ์เป็นยาที่จะถูกจ่ายให้แก่ทุกคนที่ประสบกับโรคทาง กายและโรคสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ เป็นยาที่เหมาะสมทั้งกับเด็กและ ผู้ใหญ่ คนรวยและคนจน คนแข็งแรงและคนอ่อนแอ ทั้งนี้ก็เพราะ ว่าทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพิงอัลลอฮ์ด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยกับความเชื่อมั่นเช่นนี้
รายการนี้ยังถูกถ่ายทอดออกมาในรูปของเทปเสียงด้วย ส�าหรับการ เตรียมตัวเพื่อท�ารายการนี้ ผมใช้ข้อมูล เรื่องเล่า และโคลงกลอนที่ เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่จะน�าเสนอ จากความจ�าของผมทั้งสิ้น ในเวลาต่อมา ผมก็เกิดความต้องการที่จะกลับไปดูงานนี้อีก ครั้งเพื่อจะตรวจให้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น มีการปรับปรุงเนื้อหาใหม่ เสริมเนื้อหาบางส่วนที่ตอนแรกไม่ได้อยู่ในความสนใจของผม และ
ผมจึงเริ่มท�ารายการทีวีที่มีชื่อว่า “อยู่กับอัลลอฮ์”ซึ่งออกอากาศทางทีวีประเทศการ์ตาร์ช่องอัลมัจญด์
เพิ่มเติมรายละเอียดที่จะเป็นประโยชน์อื่นๆ จากที่ได้ศึกษาค้นคว้า เพิ่มเติม หนังสือที่อยู่ตรงหน้าท่านตอนนี้คือผลพวงจากความพยายาม ดังกล่าวและมันเป็นเพียงหยดน�้าจากมหาสมุทรอันไพศาลที่น�าเสนอ เนื้อหาสาระเกี่ยวกับพระนามของอัลลอฮ์ ผมตรวจดูงานนี้เป็นสิบๆ รอบเพื่อปรับปรุง เพิ่มเติมตรงนั้น เปลี่ยน หรือตัดทอนตรงนี้ โดยน�า ข้อมูลและไอเดียมาจากการวิจัยและงานเขียนจ�านวนมากด้วยหวังจะ ให้หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมและมีประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะสามารถ ตลอดความพยายามเพื่อการนี้ ผมได้รับการสนับสนุนและ ความช่วยเหลือจากเพื่อนและผู้ร่วมงานของผมคือดร.อับดุลวะฮ์ฮาบ นาศิร อัตตุร็อยรี ท่านได้ตรวจตรางานนี้อย่างถี่ถ้วน ให้ข้อแนะน�าอัน ทรงคุณค่าและช่วยแก้ไขเมื่อพบจุดผิดพลาด ขออัลลอฮ์ทรงเมตตา ท่านส�าหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่เข้ามามีส่วน ร่วมในหนังสือเล่มนี้เพื่ออัลลอฮ์ ซึ่งไม่ได้ถูกเอ่ยชื่อไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ ซัลมาน อัลเอาดะฮ์
บทน�ำ อัรเรำะห์มำน อัรเรำะฮีม ผู้ทรงเมตตา พระผู้ทรงปรานีเสมอ บทที 2 อัลลอฮ์ บทที 1 อัลมะลิก กษัตริย์ผู้ทรงอ�านาจสูงสุด บทที 3 อัลกุดดูส ผู้ทรงบริสุทธิยิง บทที 4 จงโฟกัสไปยัง ความรักของอัลลอฮ์ รู้จัก อัลลอฮ์ พระนามทีสวยงามของอัลลอฮ์ (อัสมาอุลฮุสนา) พระนามทียิงใหญ่ทีสุด ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ค�ำน�ำผู้เขียน สารบัญ 11 55 65 72 82 11 19 29 44
อัลมุอ์มิน ผู้ทรงประทานความปลอดภัย อัลมุฮัยมิน ผู้ทรงปกป้องคุ้มครอง อัลอะซีซ ผู้ทรงเดชานุภาพ อัลญับบำร ผู้ทรงอานุภาพ อัลกะบีร อัลมุตะกับบิร ผู้ทรงยิงใหญ่ ผู้ทรงเกรียงไกร อัลคอลิก ผู้ทรงสร้าง อัลบำริอ์ อัลมุตะเศำวิร ผู้ทรงรังสรรค์ ผู้ทรงท�าให้เป็นรูปร่าง อัลเฆำะฟูร อัลฆ็อฟฟำร อัลฆอฟิร ผู้ทรงอภัย อัลกอฮิร อัลเกำะฮ์ฮำร ผู้ทรงมีอ�านาจควบคุมโดยเด็ดขาด อัลวะฮ์ฮำบ ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย บทที 6 บทที 7 บทที 8 บทที 9 บทที 10 บทที 11 บทที 12 บทที 13 บทที 14 บทที 15 อัสสะลำม ผู้ทรงศานติ/ผู้ทรงสมบูรณ์ บทที 5 89 101 108 112 119 127 134 146 150 170 179
อัรร็อซซำก ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ อัลฟัตตำห์ ผู้ทรงเปิด อัลอะลีม ผู้ทรงรอบรู้ อัลกอบิฎ อัลบำซิฏ ผู้ทรงยับยัง ผู้ทรงให้อย่างมหาศาล อัสสะเมียะอ์ ผู้ทรงได้ยิน อัลบะศีร ผู้ทรงเห็น บทที 16 บทที 17 บทที 18 บทที 19 บทที 20 บทที 21 194 207 222 232 237 244
ส�าหรับผู้ศรัทธา)“อัลเฆาะฟูร”(ผู้ทรงอภัย)“อัสสะลาม”(ผู้ทรงสันติ) “อัลวะฮ์ฮาบ” (ผู้ทรงประทานให้) “อัรร็อซซาก” (ผู้ทรงประทาน ปัจจัย)“อัลละฏีฟ”(ผู้ทรงละเอียดอ่อนโยนที่สุด)“อัลวะดูด”(ผู้ทรง
11 บทนำ จงโฟกัสไปยัง ควำมรักของอัลลอฮ์ ใครก็ตามที่ใช้เวลาใคร่ครวญพระนามต่างๆ ของอัลลอฮ์จะ ต้องตระหนักและประหลาดใจที่พบว่า ไม่มีสักพระนามเดียวของ พระองค์ที่มุ่งเน้นไปที่การลงโทษ ความไม่พอใจ และความกริ้วโกรธ ของพระองค์เลย แต่เรากลับพบพระนามต่างๆ ที่บ่งชี้ถึงความเมตตา ความรัก ความใจบุญ และคุณลักษณะอื่นๆ ที่พูดถึงความรู้และ วิทยปัญญาของพระองค์ ความยิ่งใหญ่และความเกรียงไกรของ พระองค์ เช่นเดียวกับพระนามที่บ่งชี้ถึงพลังในการสรรสร้างและ การประทานให้ของพระองค์ เราจะได้พบกับพระนามต่างๆ เช่น “อัรเราะห์มาน” (ผู้ทรง เมตตาแก่ทุกสรรพสิ่ง) “อัรเราะฮีม” (ผู้ทรงปรานีเป็นการเฉพาะ
รักใคร่เอ็นดู) แต่จะไม่พบพระนามอย่าง “ผู้ทรงลงโทษ” “ผู้ทรง
และแท้จริงการลงโทษของข้านั้นเป็นการลงโทษที่เจ็บแสบ (อัลฮิจญร์ 15 : 49-50) พระองค์ยังตรัสอีกว่า
แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้นทรงเป็นผู้รวดเร็วในการลงโทษ
12 แก้แค้น” หรือ “ผู้ทรงพิโรธ” อัลกุรอานมีส่วนที่บอกว่าอัลลอฮ์นั้น ทรง “รุนแรงยิ่งในการลงโทษ” แต่แท้จริงแล้วนี่คือค�าอธิบาย เกี่ยวกับการลงโทษของอัลลอฮ์ ไม่ใช่ค�าอธิบายเกี่ยวกับตัวพระองค์ เอง การลงโทษของอัลลอฮ์ต่างหากที่รุนแรงยิ่ง ผู้รู้หลายท่านชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในประเด็นนี้ หนึ่ง ในนั้นคืออิบนุตัยมียะฮ์ ซึ่งท่านได้เขียนไว้ว่า ไม่มีพระนามใดของอัลลอฮ์ที่บ่งชี้ถึงความเลวร้ายหรือเรื่อง ที่ไม่ดีต่างๆ บรรดาความเลวร้ายที่ถูกกล่าวถึงนั้นจะอยู่ในผลของ การกระท�าของพระองค์ ยกตัวอย่างเช่น อัลลอฮ์ตรัสว่า ميحرلاروفغلاانأنأيدابعئبن
ผู้ปรานีเสมอ
مللاباذعلاوهباذعنأو
จงแจ้งแก่ปวงบ่าวของข้าว่าแท้จริงข้าคือผู้อภัย(อัลเฆาะฟูร)
(อัรเราะฮีม)
ميحرروفغلهنوَإِۖباقعلاعيسلكبرنإ
13 และแท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ (อัลเฆาะฟูร) ผู้ทรง ปรานีเสมอ (อัรเราะฮีม) (อัลอะอ์รอฟ 7 : 167) และพระองค์ตรัสด้วยว่า ميحرروفغللهانأوباقعلاديدشللهانأاوملعا พวกเจ้าพึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้รุนแรงในการ ลงโทษ และแท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงอภัยโทษ (เฆาะฟูร) ทรงปรานี (เราะฮีม) (อัลมาอิดะฮ์ 5 : 98) อิบนุลก็อยยิม ได้ให้ข้อสังเกตว่า ความโปรดปรานและการรอดพ้นนั้นมาจากความเมตตา การอภัย ความกรุณา และความใจบุญของอัลลอฮ์ ดังนั้น เราจึงพบ นิยามเหล่านี้เป็นคุณลักษณะของอัลลอฮ์ ส่วนการลงโทษและผลที่ สืบเนื่องจากนั้นถือเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เอง อัลลอฮ์จึงไม่ถูกเรียกขานด้วยพระนามเช่น “ผู้ทรงลงโทษ” หรือ “ผู้ทรงพิโรธ” นี่คือความแตกต่างที่ส�าคัญประการหนึ่ง นิยามใน ส่วนแรกเป็นคุณลักษณะที่อธิบายถึงอัลลอฮ์โดยตรง ขณะที่นิยามใน ส่วนหลังใช้อธิบายสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลให้เกิดขึ้นเท่านั้น ความ แตกต่างนี้ยังพบได้ในอัลกุรอานด้วย เช่น
14 ميحرلاروفغلاانأنأيدابعئبن จงแจ้งแก่ปวงบ่าวของข้าว่าแท้จริงข้าคือผู้อภัย(อัลเฆาะฟูร) ผู้ปรานีเสมอ (อัรเราะฮีม) مللاباذعلاوهباذعنأو และแท้จริงการลงโทษของข้านั้นเป็นการลงโทษที่เจ็บแสบ (อัลฮิจญร์ 15 : 49-50) ดร.อุมัรอัลอัชก็อรเขียนไว้ว่า“พระนามต่างๆที่ใช้เรียกขาน อัลลอฮ์นั้นไม่ได้มาจากลักษณะการกระท�าที่พระองค์ทรงบันดาลให้ เกิดขึ้น อาทิเช่น การที่พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ลงโทษอย่างรุนแรงหรือ
ค�าบรรยายในลักษณะนี้จะใช้เพื่ออธิบายเหตุการณ์จ�าเพาะ เสมอ เราจะไม่เห็นค�าเหล่านี้ถูกใช้เป็นพระนามของอัลลอฮ์ เพื่อ อธิบายคุณลักษณะของพระองค์เลยยิ่งไปกว่านั้นค�าบรรยายข้างต้นยัง ถูกใช้ในบริบทที่เฉพาะเจาะจงเท่านั้นด้วย ฉะนั้นแล้ว สถานะของผู้ที่ โกรธ โมโหตลอดเวลา หรือสถานะของผู้ที่ส่งการลงโทษมาเสมอนั้น จะไม่ถูกน�ามาใช้อธิบายอัลลอฮ์ ในทางตรงกันข้าม ความหมายที่สื่อ ออกมาจากพระนามต่างๆ ของอัลลอฮ์ นั้น จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสมกับพระองค์ชั่วนิรันดร์และต่อเนื่องตลอดเวลา
รวดเร็ว หรือการที่พระองค์ทรงช�าระบัญชี (ความดีความชั่ว) อย่าง รวดเร็ว...”
15 ท่านนบี ﷺ เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านก�าลังวิงวอนขอ ต่ออัลลอฮ์ว่า كلإسيلشلاو “และความชั่วร้ายไม่เคยคู่ควรต่อพระองค์” (เศาะเฮียห์มุสลิม หมายเลข 771) นั่นหมายความว่า ตัวตน พระนาม และคุณลักษณะต่างๆ ของอัลลอฮ์นั้นดีงาม สมบูรณ์ และไม่มีที่ติ พระองค์นั้นคู่ควรแก่การ สรรเสริญในทุกมิติ กิจการของพระองค์นั้นเปี่ยมไปด้วยวิทยปัญญา และความยุติธรรม และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ พระนามต่างๆ ของ พระองค์ล้วนสื่อถึงความสวยงามทั้งสิ้น ความชั่วร้ายปรากฏอยู่ในโลกที่อัลลอฮ์ทรงสร้างขึ้น ทั้งนี้ก็ ด้วยวิทยปัญญาของอัลลอฮ์ พระองค์จึงสร้างโลกที่มีทั้งความดีและ ความชั่ว เราจึงเข้าใจได้ว่า ความชั่วที่เกิดขึ้นนั้นคือผลงานจากการ บันดาลของอัลลอฮ์ในฐานะพระผู้สร้าง และอัลลอฮ์เท่านั้นที่ทรงรู้ ว่าท�าไมการมีความชั่วอยู่บนโลกนี้จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่อง ที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างจ�ากัด เมื่อเราพิจารณาทุกพระนามของอัลลอฮ์ทั้งหมด เราจะเห็น แบบแผนที่ชัดเจน ทุกพระนามของพระองค์ล้วนพูดถึงความกรุณา ความใจบุญ ความเมตตา ความปรานี การผ่อนผัน และการให้อภัย นี่ท�าให้เราได้ทราบถึงเรื่องส�าคัญบางประการ มันท�าให้เราเห็นว่า
16 ความรักคือคุณลักษณะประการแรกที่เราควรโฟกัสในความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ มันเป็นคุณลักษณะที่ท�าให้เราได้ใกล้ชิดกับ พระองค์ที่สุด และมันควรเป็นตัวสั่งการว่าเราจะต้องท�าตัวอย่างไร กับคนอื่นๆ บนโลกใบนี้ ความรักที่พวกเรามีต่ออัลลอฮ์นั้นควรอยู่เหนือความ กลัวเกรงและความหวังที่เรามีต่อความโปรดปรานของพระองค์ นี่ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรหวังจากอัลลอฮ์ หรือท�าให้ตัวเอง ไม่กลัวเกรงพระองค์ทั้งนี้ก็เพราะว่าอัลลอฮ์ทรงบรรยายลักษณะของ บ่าวที่ดีของพระองค์บางส่วนไว้ดังต่อไปนี้ ينعشاخالاونكوۖابهروابغراننوعديوتايرلافنوعراسياونكمهنإ แท้จริง พวกเขาแข่งขันกันในการท�าความดี และพวกเขา วิงวอนต่อเราด้วยความหวังและความกลัว และพวกเขาเป็น ผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อเรา (อัลอัมบิยาอ์ 21 : 90) นอกจากนี้ พระองค์ยังตรัสว่า نيدتعملابيلهنإ ةيفخوعضتمكبراوعدا พวกเจ้าจงวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเจ้าในสภาพถ่อมตน และปกปิด แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ที่ละเมิด اــعمطواــفوخهوــعداواــهحلصإدــعبضرلافاودــسفتلو يننــسحملانــمبــيرقللهاتــحمرنإ
17 และพวกเจ้าอย่าก่อความเสียหายในแผ่นดินหลังจากที่ได้มี การปรับปรุงแก้ไขมันแล้ว และจงวิงวอนขอต่อพระองค์ด้วยความ ย�าเกรงและความปรารถนาอันแรงกล้า แท้จริงความเอ็นดูเมตตา ของอัลลอฮ์นั้นใกล้แก่ผู้กระท�าดีทั้งหลาย (อัลอะอ์รอฟ 7 : 55-56) การที่พระนามต่างๆ ของอัลลอฮ์ล้วนเป็นการสรรเสริญ พระองค์ส�าหรับความเมตตา ความโอนอ่อนผ่อนปรน และความ ปรานีของพระองค์ นั่นย่อมหมายความว่า ทั้งหมดนี้คือคุณลักษณะ ที่เราควรย�้าเตือนให้ผู้คนได้นึกถึงเวลาที่เราเรียกร้องเชิญชวน พวกเขาไปสู่อัลลอฮ์ และเป็นคุณลักษณะที่เราควรพยายามน�ามา ใส่ไว้ในตัวเองและในตัวลูกหลานของเรา เมื่อเรายืนยันว่ารักอัลลอฮ์นั้นต้องมาเป็นที่หนึ่งก่อนรักใด เราก็ต้องไม่ลังเลที่จะท�าตามนั้น อย่ามัวพะวงว่าการรักอัลลอฮ์ โดยสมบูรณ์จะหมายถึงการไม่เกรงกลัวอัลลอฮ์ หรือเลิกหวังใน ความเมตตาจากพระองค์อีกต่อไป ความรู้สึกทั้งหมดนี้ล้วนเป็น ส่วนประกอบในความสัมพันธ์ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ทั้งสิ้นแต่ละส่วน ต่างก็เติมเต็มและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เมื่อเราเข้าใจเรื่องนี้แล้ว เราจะพบความดีงามมากกว่าที่เคยพบเจอมาก่อน และการงานต่างๆ ของเราก็จะดีขึ้นด้วยเพราะเหตุนี้ แต่เราก็ต้องทราบด้วยว่าความ เมตตาของอัลลอฮ์นั้นมีมากกว่าคุณความดีจากการงานที่ดีที่สุดของ เราเสียอีก ด้วยเหตุนี้ เราจึงขอความเมตตาและความช่วยเหลือจาก อัลลอฮ์ และวิงวอนให้พระองค์ไม่ปล่อยเราไว้ล�าพังแค่เพียงเรากับ พละก�าลังของตัวเราเอง
ควำมรัก คือคุณลักษณะประการแรก ทีเราควรโฟกัสในความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ มันเป็นคุณลักษณะทีท�าให้เรา ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ทีสุด และมันควรเป็นตัวสังการว่า เราจะต้องท�าตัวอย่างไร กับคนอืนๆ บนโลกใบนี
19 รู้จักอัลลอฮ์ ผู้ศรัทธาต้องอยู่กับอัลลอฮ์ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะใน ยามที่อ่อนแอหรือแข็งแรง ในยามยากจนหรือร�่ารวย ในยามสุขหรือ ทุกข์เศร้า ในวัยหนุ่มสาวหรือวัยร่วงโรย ในการแสดงออกภายนอก และในซอกมุมอันลึกเร้นของจิตวิญญาณ การพูดถึงบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น นักฟื้นฟู ผู้น�า ผู้รู้ หรือบุคคลส�าคัญในเหตุการณ์ต่างๆ ถือเป็นเรื่อง ที่ดีมีประโยชน์ และที่ดียิ่งไปกว่านั้นคือการพูดถึงบรรดานบีและ เราะซูล
ﷺ เป็นผู้น�าขบวน และที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่ ไปกว่านั้นอีกก็คือการพูดถึงความเกรียงไกรของพระผู้อภิบาลของ พวกเรา รวมถึงพระนามและคุณลักษณะต่างๆ ที่สูงส่งที่สุดของ พระองค์ เราจ�าเป็นต้องคิดถึงอัลลอฮ์ในทุกเวลา ดังที่ท่านนบี ﷺ ได้แนะน�าเอาไว้ว่า “จงคิดถึงอัลลอฮ์ในยามสุขสบาย แล้วพระองค์จะทรงคิดถึง ท่านในยามล�าบาก” (สุนัน อัตติรมิซี หมายเลข 2516) เราสามารถคิดถึงอัลลอฮ์ได้ด้วยการพูดถึงและใคร่ครวญ บรรดาพระนามที่สวยงามและคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์
ซึ่งมีมุฮัมมัด
แม้แต่คนที่บางช่วงชีวิตเคยปฏิเสธการมีอยู่ของอัลลอฮ์
พวกเขาใช้เวลาส่วนมากในชีวิตไปกับการเดินสายบรรยายให้ผู้คน เชื่อเหมือนพวกเขาว่าพระเจ้านั้นไม่มีจริง
20 การมีสตินึกถึงอัลลอฮ์เสมอจะมอบความผ่อนคลายในยามเศร้า ความมั่นใจในยามกลัว พละก�าลังในยามอ่อนแอ และความพอเพียง ในยามที่ขาดแคลนต้องการ อัลลอฮ์คือแหล่งที่มาของเกียรติและ พละก�าลังที่ไม่มีวันสั่นคลอน และไร้ซึ่งขีดจ�ากัด มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะมีอ�านาจ มั่งคั่ง หรือมีชื่อเสียงมาก แค่ไหน พวกเขาต่างก็ต้องการพึ่งพิงอัลลอฮ์ แต่หลายคนจะตระหนัก ในเรื่องนี้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ภาวะหลังชนฝาและไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อใน ยามที่ประสบเคราะห์ภัย ในยามที่เจ็บปวดสุดจะทนไหว หรือในยาม ที่เผชิญกับเหตุการณ์เฉียดตาย ในห้วงเวลาเช่นนั้นเองที่พวกเขาจะ ร้องออกมาว่า “โอ้ อัลลอฮ์!”
ซึ่ง
หมายรวมถึงคนที่สนับสนุนแนวคิดอเทวนิยม (Atheism) ทั้งหลาย
แต่ทันทีที่พวกเขาประสบ กับวิกฤตชีวิตครั้งใหญ่ พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าตนเองสิ้นไร้พลัง มากขนาดไหน และในที่สุด ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจหรือโดย สัญชาตญาณ พวกเขาก็ร้องออกมาว่า “โอ้ อัลลอฮ์!” นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) ชายที่บังอาจ ประกาศกร้าวออกมาว่า “ข้าคือพระผู้อภิบาลผู้สูงส่ง” และ “ข้าไม่ รู้จักพระเจ้าองค์ไหนนอกจากตัวข้าเอง!”แต่ในบั้นปลายสถานการณ์
21 ชีวิตก็บีบให้เขาต้องสยบและยอมรับศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เมื่อน�้าทะเล ซัดโถมเข้ามาหาและรู้ตัวว่าก�าลังจะจมน�้าตาย เขาก็ร้องออกมา ว่า “ฉันศรัทธาว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระเจ้าของลูกหลาน อิสรออีล” ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต ฟิรเอาน์ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เขา เรียกหาพระผู้อภิบาลของเขา และวิงวอนต่อพระองค์ แต่มันก็สายไป เสียแล้ว อัลลอฮ์ตรัสไว้ว่า نيدسفملانمتنكولبقتيصعدقونلآ บัดนี้ และแน่นอน เจ้าเป็นผู้ทรยศมาก่อนหน้านี้ และเจ้า เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้บ่อนท�าลาย ايرــثكنوَإِ ةــيآكــفلخنــملنوــكلكــندببكــيجننموــلاف نوــلفاغلاــنتايآنــعساــلانــم ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้าออกจากทะเล เพื่อจะได้ เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่นหลังจากเจ้า และแท้จริง ส่วนใหญ่ของมนุษย์ เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆ ของเรา (ยูนุส 10 : 91-92) นี่คือชะตากรรมของผู้ที่โอหังและหันหลังให้แก่พระผู้อภิบาล ของพวกเขา พวกเขาไม่สนใจพระองค์ ด้วยหลงระเริงไปกับความ เพริศแพร้วของโลกนี้ ไม่ว่าจะกับทรัพย์สิน อ�านาจ หรือสิ่งสวยงาม
แต่การศรัทธาของพวกเขาจะไม่อ�านวยประโยชน์แก่
พวกเขาเลย ในเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษอย่างหนักของเรา
22 ที่พวกเขาเห็นตรงหน้า บั้นปลายสุดท้าย พวกเขาอาจหันกลับไปหา พระผู้อภิบาลในที่สุด แต่นั่นก็ต่อเมื่อมันสายเกินไปแล้วเท่านั้น นั่น คือโมงยามแห่งความตาย เวลาที่คนหนึ่งจะย้ายออกจากอาณาจักร แห่งเจตจ�านงเสรี ไปสู่อาณาจักรแห่งพระก�าหนดจากพระเจ้า จาก โลกที่ครั้งหนึ่งความรู้เกี่ยวกับสัญญาของอัลลอฮ์ต้องอาศัยการศรัทธา ต่อเรื่องเร้นลับ ไปยังโลกที่ทุกอย่างที่เคยต้องเชื่อในโลกก่อนหน้านี้ จะถูกท�าให้ประจักษ์ชัดด้วยตาเปล่า นี่คือเวลาที่การศรัทธาจะไม่ให้ ประโยชน์แก่คนที่ไม่ได้เชื่อมาก่อนหน้านี้ فتلخدقتلاللهاتنسۖانسأباوأراملمهناميإمهعفنيكيملف نورفكلاكلانهسخوۖهدابع
แล้ว นี่คือแนวทางของอัลลอฮ์ที่ได้มีมาแต่ในอดีตในหมู่ปวงบ่าว ของพระองค์ และขณะนั้น บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาก็ได้ขาดทุนอย่าง ย่อยยับ (ฆอฟิร 40 : 85)
การย�าเกรงอัลลอฮ์จะปกป้องเราจากหลุมหล่มของความชั่วร้ายที่ ท�าให้ใครหลายคนหลงระเริงไปโดยไม่ได้รับอะไรกลับมาเลย ทั้ง
ส�าหรับชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้ และส�าหรับจิตวิญญาณของ พวกเขาเอง
1 จักรพรรดินักรบชาวมองโกลที่ขึ้นชื่อเรื่องความป่าเถื่อนและไร้ความปรานีในการท�าสงคราม
23 เราควรคิดถึงชะตากรรมของบรรดาเผด็จการและทรราชย์ ทั้งหลายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านพ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเจงกิส ข่าน1 ฮูลากู2 ฮิตเลอร์3 และสตาลิน4 ผู้สร้างความเสียหายบนโลกซึ่งไม่เคย คิดถึงหน้าที่ของตนเองต่ออัลลอฮ์เลย ดังนั้น ส�าหรับผู้ศรัทธาแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงไม่พร้อมและ เต็มใจที่จะกลับไปหาอัลลอฮ์ โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์คับขัน มาบีบมัดหัวใจเขาเสียก่อนเล่า? เราต้องสูญเสียอะไรบ้างหรือ? การขยับเข้าใกล้อัลลอฮ์ไม่ได้ ท�าให้เราต้องละทิ้งความสุขใดๆที่ดีต่อชีวิตของเราเลยมันไม่ได้ท�าให้ เราต้องทิ้งสิ่งต่างๆ
ที่เราครอบครอง ในทางกลับกัน มันจะน�าพา
ความจ�าเริญมาสู่สิ่งที่เรามีอยู่ และท�าให้สิ่งเหล่านั้นสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น
มี ชีวิตอยู่ช่วงศตวรรษที่ 13 - ผู้แปล 2 ผู้น�าชาวมองโกล หลานของเจงกิส ข่าน เป็นที่รู้จักในฐานะผู้น�ากองทัพบุกท�าลายล้างกรุง แบกแดดซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ร่วม 500 ปีที่เจริญมากในศตวรรษที่ 13 - ผู้แปล 3 ผู้น�าในการเหยียดเชื้อชาติและฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง - ผู้แปล 4 ผู้น�าสหภาพโซเวียตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กวาดล้างคนที่เห็นต่างเรื่องอุดมการณ์ทาง การเมืองมากกว่าสิบล้านคน - ผู้แปล
24 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดและสว่างไสวที่สุดในชีวิตคนคนหนึ่ง คือ ตอนที่เขาได้ใช้เวลาไปกับการอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของตัวเอง ซึ่งนี่ไม่ใช่แค่ตอนที่เราพูดถึงอัลลอฮ์ ขอบคุณพระองค์ หรืออิบาดะฮ์ ต่อพระองค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตประจ�าวันที่ เราได้ตระหนักรู้ว่าตนเองก�าลังอิบาดะฮ์ต่อพระองค์ หรือช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ และท�าอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนรวมด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอน อัลลอฮ์ทรงท�าให้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องง่ายดายส�าหรับ เรา هنماعيجضرلافاموتاوامسلافاممكلرخسو และพระองค์ทรงท�าให้สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่ อยู่ในแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่พวกเจ้า ทั้งหมดนี้มาจากพระองค์ (อัลญาซิยะฮ์ 45 : 13) พระผู้อภิบาลของพวกเราทรงอยู่ใกล้ชิดกับพวกเรา ทุก จังหวะการเต้นของหัวใจ ทุกความคิดที่โลดแล่นไปมา ทุกการ เคลื่อนไหวของร่างกายเรา แต่ละตอนของทุกๆ วันและทุกๆ คืน ล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้อภิบาล ไม่มีแม้สักน�้าหนักของ อะตอมเดียวจากความคิดค�านึงของเราที่หลุดพ้นไปจากพระองค์ ىرأوعمسأامكعمننإۖافاتللاق พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทั้งสอง (คือมูซาและฮารูน ขณะก�าลัง
ฟากฟ้า - ล้วนเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเกรียงไกรของอัลลอฮ์
25 รับค�าสั่งให้เผชิญหน้ากับฟิรเอาน์) จงอย่ากลัว แท้จริงข้าอยู่กับเจ้า ทั้งสอง ข้าได้ยินและเห็น (ทุกสิ่งทุกอย่าง) (ฏอฮา 20 : 46) เราถือว่าการลืมเพื่อนสนิทที่เรารักและอยากพบหน้ากัน อีกครั้งเป็นเรื่องที่แย่ เรารู้สึกว่าน่าละอายนักหากจะลืมคนที่เคย เมตตาและยืนเคียงข้างเราตอนที่เราล�าบาก ทุกข์ร้อน คนที่เคย ช่วยเหลือยามที่เราอ่อนแอเกินกว่าจะรับมือเองคนเดียวไหว อัลลอฮ์ดีต่อเรายิ่งกว่านี้มาก พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดคุณ ยิ่งกว่าเส้นเลือดใหญ่ของคุณเองเสียอีก ไม่เหมาะควรเลยหากคนที่ ศรัทธาต่ออัลลอฮ์จะลืมพระองค์แม้สักชั่วขณะเดียว เราควรพยายามท�าให้ตัวเองมีสติอยู่กับอัลลอฮ์มากขึ้น และคุ้นเคยกับพระนามและคุณลักษณะอันสูงส่งของพระองค์ให้
ต่างๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างไรบ้าง ทุกอย่างจาก ประสบการณ์ชีวิตของเราในฐานะมนุษย์ - ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ รอบตัวเราตั้งแต่สิ่งไม่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิต ไปจนถึงดวงดาวต่างๆ บน
มากกว่าเดิมนอกจากนี้เราควรจะตระหนักรู้ให้มากขึ้นว่าคุณลักษณะ
และความสามารถอันไร้ขีดจ�ากัดของพระองค์ ด้วยเหตุนี้เอง บรรดา สิ่งถูกสร้างทั้งมวลจึงร่วมกันแซ่ซ้องสรรเสริญอัลลอฮ์ ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน หมู่ดาวและฟากฟ้า พฤกษาและนานาสัตว์ ทุกสิ่งล้วน สดุดีอัลลอฮ์ และยืนยันในความเป็นพระเจ้าและพระผู้อภิบาลของ พระองค์แต่เพียงผู้เดียว
มาร่วมอยู่ในขบวนแซ่ซ้องนี้ด้วยการร�าลึกถึงอัลลอฮ์ สรรเสริญพระองค์ และประกาศความเกรียงไกรของพระองค์กันเถิด
26 ءشنــمنوَإِ نــهيفنــموضرلاوعبــسلاتاوامــسلالحبــست اميلحنكهــنإۗمهحيبــستنوــهقفتلنــكلوهدــمبحبــسيلإ اروفغ ชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต่างสดุดี สรรเสริญแด่พระองค์ และไม่มีสิ่งใด เว้นแต่ว่าสิ่งนั้นจะสดุดีด้วย การสรรเสริญพระองค์ ทว่าพวกเจ้าไม่เข้าใจค�าสดุดีของพวกเขา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงหนักแน่น (ฮะลีม) ผู้ทรงอภัยเสมอ
(อัลอิสรออ์
44)
(เฆาะฟูร)
17 :
อัลลอฮ์ทรงครอบครองพระนามและคุณลักษณะต่างๆ ที่สูงส่งที่สุด ซึ่งทั้งหมดล้วนมีแง่มุมที่สามารถน�าไปปรับใช้ในชีวิตของผู้ศรัทธา ทั้งในมิติด้านศาสนาและการใช้ชีวิตประจ�าวันทั่วไป นี่คือเหตุผลที่ พระนามและคุณลักษณะต่างๆ ของอัลลอฮ์เป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่และ บริสุทธิ์ยิ่งกว่าความรู้แขนงใดทั้งหมด ในชีวิตประจ�าวัน เราได้พบเรื่องราวหลากหลายประเภท ตั้งแต่รายงานข่าว นิยาย ไปจนถึงเรื่องการผจญภัยในสถานที่ต่างๆ พวกเราบางคนถึงกับใช้ชีวิตโดยมีรายการโปรดเป็นศูนย์กลางติดตาม ดูรายการนั้นวันแล้ววันเล่าเรื่องราวส่วนมากพวกนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น และไม่ได้ให้สาระอะไรที่มากไปกว่าความบันเทิง อย่างไรก็ตาม
27 พวกเรากลับไม่สามารถปฏิเสธความหลงใหลในรายการเหล่านี้ได้ เพราะเรากระหายความหลายหลากของประสบการณ์ที่มันน�าเสนอ ให้แก่เรา แล้วจะเป็นเช่นไรเล่า หากว่าเรามุ่งความสนใจไปกับการ มีสติย�าเกรงอัลลอฮ์และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรา ไม่สามารถบรรยายมันออกมาเป็นค�าพูดได้ แทบทั้งหมดเป็นสิ่งที่ อยู่เหนือความสามารถในการเข้าใจของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่แม้แต่ จินตนาการของเราก็ไม่อาจไปถึงได้? ในฐานะผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์เราสามารถน�าบางส่วนจากความ ยิ่งใหญ่นี้มาใคร่ครวญ เพื่อให้ความสว่างไสวได้เกิดขึ้นบนหนทาง ข้างหน้าที่เราจะก้าวไปต่อ นี่คือความศรัทธาในหัวใจที่จะขับไล่ ความมืดมิดที่อยู่รายล้อมเราออกไป ในช่วงเวลาที่เราประสบปัญหา เผชิญอุปสรรคที่ดูเหมือนไม่อาจข้ามพ้นไปได้ ทั้งมุสลิมและคนที่ ไม่ใช่มุสลิมต่างก็ประสบความไม่ปลอดภัยและความไม่มั่นคงมากกว่า แต่ก่อน จ�าเป็นจริงๆ ที่เราจะต้องมีอัลลอฮ์อยู่ในชีวิต และผูกพัน กับบรรดาพระนามและคุณลักษณะของพระองค์ เราต้องหันเข้าหา พระองค์ด้วยความรักและความกลัวและช�าระมลทินให้ออกจากหัวใจ ของเราด้วยการมีสติย�าเกรงอัลลอฮ์ และมุ่งอยู่กับการแสวงหาความ ชิดใกล้พระองค์เสมอ
ช่วงเวลาทีดีทีสุด และสว่างไสวทีสุด ในชีวิตคนคนหนึง คือตอนทีเขาได้ใช้เวลาไปกับ การอยู่ใกล้ชิดกับ พระผู้อภิบาลของตัวเอง
(เศาะเฮียห์อัลบุคอรี หมายเลข 2736 และ
เศาะเฮียห์มุสลิม หมายเลข 2677)
ในบางรายงานของหะดีษข้างต้น มีการเแจกแจงพระนาม
ดังต่อไปนี้
“พระองค์คืออัลลอฮ์ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ อัรเราะห์มาน (ผู้ทรงเมตตา) อัรเราะฮีม (ผู้ทรงปรานีเสมอ) อัลมะลิก (ผู้ทรงเป็นกษัตริย์) อัลกุดดูส (ผู้ทรงบริสุทธิ์จากความบกพร่อง
29 พระนำมที่สวยงำมของอัลลอฮ์ (อัสมำอุลฮุสนำ) ท่านนบี ﷺ กล่าวว่า ةنلالخداهاصحأنمادحاولإةئامامساينعستوةعستِلله نإ “แท้จริงอัลลอฮ์ทรงมีเก้าสิบเก้าพระนาม (นั่นคือ) หนึ่งร้อย ลบหนึ่ง ใครที่ท่องจ�า (อย่างเข้าใจลึกซึ้งในความหมาย) ทั้งหมด จะได้เข้าสวนสวรรค์”
ทั้งหมดเอาไว้ด้วย
ทั้งปวง)...” จนกระทั่งสิ้นสุดทั้ง 99 พระนาม หะดีษที่ระบุทั้ง 99 พระนามนี้อยู่ในสุนันอัตติรมิซี และ สุนันอิบนุมาญะฮ์ โดยมีหลายสายรายงานด้วยกัน อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้รู้ด้านหะดีษต่างเห็นตรงกันว่า ส่วนที่เพิ่มเติมมานี้ไม่ได้
30 มาจากค�าพูดของท่านนบี ﷺ ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับหะดีษบทนี้ 1. อัลลอฮ์ทรงมีพระนามมากกว่า 99 พระนาม พระองค์ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า نألــبقرــحلادــفلبرتاــمكلادادــمرــحلانكوــللــق اددــمهــلثمباــنئجوــلوبرتاــمكدــفنت จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หากว่าทะเลเป็นน�้าหมึกส�าหรับบันทึก พจนารถของพระผู้เป็นเจ้าของฉัน แน่นอน ทะเลจะเหือดแห้ง ก่อนที่ด�ารัสของพระผู้เป็นเจ้าของฉันหมดสิ้นไป และแม้ว่าเราจะ น�ามันเยี่ยงนั้นมาเป็นน�้าหมึกอีกก็ตาม” (อัลกะฮ์ฟิ 18 : 109) นอกจากนี้ พระองค์ยังตรัสไว้ด้วยว่า هدــعبنــمهدــميرــحلاوملــقأةرجــشنــمضرلافاــمنأوــلو مــيكحزــيزعللهانإۗللهاتاــمكتدــفناــمرــبأةعبــس และหากว่าต้นไม้ทั้งหมดที่มีอยู่ในแผ่นดินนั้นจะเป็นปากกา หลายๆ ด้าม และมหาสมุทร (เป็นน�้าหมึก) มีส�ารองไว้อีกเจ็ด มหาสมุทร พจนารถของอัลลอฮ์ก็จะยังไม่หมดสิ้นไป แท้จริงอัลลอฮ์ เป็นผู้ทรงอ�านาจ (อะซีซ) ผู้ทรงปรีชาญาณ (ฮะกีม) (ลุกมาน 31 : 27)
รู้จักผู้เขียน เชคซัลมาน บินฟะฮัด บินอับดุลลอฮ์ อัลเอาดะฮ์ หรือที่เรา คุ้นเคยกันในชื่อ “เชคซัลมาน อัลเอาดะฮ์” เป็นอุละมาอ์ชาวซาอุฯ ที่มีชื่อเสียงในงานดะอ์วะฮ์ ท่านเกิดใกล้กับเมืองบุร็อยดะฮ์ ทางตอนกลางของประเทศ ซาอุดิอารเบีย ในปี ค.ศ. 1955 และใช้ชีวิตวัยเด็กรวมถึงการศึกษา ช่วงปฐมวัยในเมืองบุร็อยดะฮ์ ก่อนจะไปศึกษาระดับปริญญาตรีใน เมืองเกาะศีม และท้ายที่สุด ท่านจบปริญญาเอกจากคณะชะรีอะฮ์ แห่งมหาวิทยาลัยอิมามมุฮัมมัดบินซะอูด ในเมืองริยาฎ โดยท่านมี โอกาสได้เรียนวิชาการอิสลามจากบรรดาผู้รู้เลื่องชื่อ ไม่ว่าจะเป็น เชคบินบาซ, เชคอุษัยมีน, เชคญิบรีน ฯลฯ เชคซัลมาน อัลเอาดะฮ์ได้กลับมาสอนหนังสือที่มัสญิดใน เมืองบุร็อยดะฮ์ และท�างานเผยแผ่อิสลามผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งงานเขียน การบรรยาย และการน�าเสนอข้อมูล ผ่านเว็บไซต์ โดยท่านเคยเป็นผู้ดูแลเนื้อหาภาคภาษาอาหรับของ Islam Today อันเป็นเว็บไซต์ที่น�าเสนอเรื่องราวต่างๆ ของอิสลาม ให้เป็นที่รู้จักในมุมต่างๆ ของโลก
เชคซัลมาน อัลเอาดะฮ์เป็นผู้รู้ที่เอาตัวเองเข้ามามีบทบาท ในการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประชาชาติ อิสลาม ท่านปราศรัยโจมตีสหรัฐฯ หลายครั้งในช่วงที่สหรัฐฯ ท�า สงครามกับประเทศมุสลิม ด้วยท่าทีเช่นนี้เอง ท�าให้ท่านถูกจับกุม หลายครั้งในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงครั้งล่าสุดที่ เกิดขึ้นในช่วงปี 2017 และยังด�าเนินมาจนปัจจุบัน โดยมีกระแสข่าว เกิดขึ้นเป็นระลอกว่า อัยการของศาลซาอุดิอารเบียต้องการเสนอให้ ประหารชีวิตท่าน ท่ามกลางการคัดค้านของมุสลิมทั่วโลก ขออัลลอฮ์ปกป้องคุ้มครองเหล่าอุละมาอ์ผู้สัจจริงของเรา