ขาวสารการอนุรกั ษ ปที่ ๔ ฉบับที่ ๔ เดือนกันยายน ๒๕๕๙
เรียน เครือขายพิพิธภัณฑ สวัสดีครับเครือขายพิพิธภัณฑทุกทาน หากพูดถึงเรื่อง งาชาง หลายทานอาจจะแยกไมออกระหวาง งาชางแทและงาชางทียม เพราะเทคโนโลยีในปจจุบันกาวหนาจนทําของเทียมคลายของแทอยางมาก ขาวสาร การอนุรักษฉบับนี้จึงไดนําเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องของ งาเทียม เพื่อใหเปนประโยชนกับการดูแลรักษา เขียนปายคําบรรยายและการศึกษาคนควาวิจัยตอไปครับ สุดทายหากทานตองการแลกเปลี่ยนและสอบถาม ข อ มู ล สามารถติ ด ต อ มาตามที่ อ ยู ด า นท า ยและขอขอบพระคุ ณ ทุ ก ท า นที่ ติ ด ตามข า วสารการอนุ รั ก ษ ม า ตลอด 4 ปครับ นายราเมศ พรหมเย็น ผูอํานวยการสถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ
ประมวลภาพกิจกรรม
สพร. รวมกับกองประวัติศาสตร กรมยุทธศึกษาทหารเรือ จัดโครงการฝกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การดูแลรักษาและการจัดแสดงวัตถุพิพิธภัณฑ” ใหแกบุคลากรและเครือขายพิพิธภัณฑ สพร. เมื่อวันที่ 1-2 กันยายน 2559 ณ หองคลังโบราณวัตถุและหองปฏิบัติการ สพร.
ผาไหมเพิ่มน้ําหนัก ผ า ไหมเพิ่ ม น้ํ า หนั ก เป น ผ า ไหมที่ ผ ลิ ต ในยุ โ รประหว า งปลายคริ ส ต ศ ตวรรษที่ 19 ถึ ง ต น คริ ส ต ศ ตวรรษที่ 20 มี ก ารเพิ่ ม สารเคมี เ พื่ อ ทดแทนน้ํ า หนั ก ที่ สู ญ เสี ย ไประหว า งการฟอกกาว ทํ า ให ไ ด ผ า ไหมที่ มี น้ํ า หนั ก สู ง ขึ้ น และมี เ นื้ อ หนาขึ้ น เหมาะกั บ การจั บ จี บ ได ม ากกว า ผ า ไหมทั่ ว ไป เนื่ องจากการซื้อขายผ าไหมในห วงเวลานั้ น คิด ราคาตามน้ํ าหนั ก ผูผลิ ตจึ ง ชอบที่ จะเติ มสารเคมี มาก ๆ เพื่อใหไดกําไรมากขึ้น แตสารเคมีที่ใชในการเพิ่มน้ําหนักสงผลกระทบอยางใหญหลวงตอผาไหมเหลานั้น ทํา ให เ ส น ใยไหมอ อนแอ มี อายุ ก ารใช ง านสั้ น ลง เสื่ อมสภาพจากป จ จั ยอื่ น ๆ เช น กรด ด าง ความร อ น แสงสวาง ไดมากขึ้น ผาไหมเพิ่มน้ําหนักที่หลงเหลือมาจนถึงปจจุบันจึงอยูในสภาพมีรอยขาด รอยแยกตาม ความยาว เสนใยหักตรงรอยพับ และมีสภาพเปอยกรอบ บางชิ้นไมสามารถหยิบยกได โดยเฉพาะอยาง ยิ่งผาไหมเพิ่มน้ําหนักที่ผลิตระหวางค.ศ. 1890-1939 มีสภาพกรอบเปราะมากที่สุด สารเคมี ที่ ใ ช ใ นการเพิ่ ม น้ํ า หนั ก เส น ไหมมี ม ากมายหลายชนิ ด ในต น คริ ส ต ศ ตวรรษที่ 20 นิยมใชเกลือของโลหะ เชน เกลือของดีบุก (อาจเปนดีบุกคลอไรดผสมกับดีบุกฟอสเฟตหรือดีบุกซิลิเกต) เปนสวนใหญ ผูผลิตบางรายใชเกลือของเหล็ก อะลูมิเนียม โครเมียม ทองแดง แบเรียม และสารหนู โดยมักเติมสารเคมีนี้ในขั้นตอนการยอมสี มีผูศึกษาสาเหตุการเสื่อมสภาพของผาไหมเพิ่มน้ําหนักในป 1938 จากนั้นจึงมีกฎวาผาไหมเพิ่มน้ําหนักตองมีปายแสดงปริมาณของสารเคมีที่ใชในการเพิ่มน้ําหนักที่สูงเกิน 10% ผ า ไหมที่ ใ ช ใ นราชสํ า นั ก บางส ว นเป น ผ า ไหมเพิ่ ม น้ํ า หนั ก รวมทั้ ง ผ า ไหมที่ ใ ช ใ นการทํ า ธงชัยเฉลิมพลพัดยศ ผากราบ หมอนอิง เบาะ ผาปก และผาอื่น ๆ ที่ใชในพระราชพิธี ในขณะเดียวกันผูผลิตฟอกสีเสนไหมโดยใชไอของกํามะถัน ทําใหเกิดกาซซัลเฟอรไดออกไซด ซึ่ง เปลี่ยนตอมาเมื่อทําปฏิกิริยากับความชื้นกลายเปนกรดซัลฟุรัส ทําหนาที่เปนสารฟอกสี กระบวนการนี้สวน สําคัญที่ทําใหผาไหมผุเปอย
งาเทียม งา กระดองเตา เขาสัตว เปนที่นิยมนํามาทําเปนเครื่องประดับ ของใชและงานศิลปะมาแต โบราณ นับวันความตองการใชงานเพิ่มสูงขึ้นมาก แตมีปริมาณจํากัด ชางตองใชเวลายาวนานนับสิบ ๆ ป จึงจะมีงาที่ใหญและยาวพอที่นํามาใชงาน ชางถูกลาเพื่อเอางามาใชงานจนแทบสูญพันธุ จึงมีผูผลิตงาเทียม ขึ้นมาจําหนายอยางแพรหลาย โดยบางสวนทําจากกระดูกสัตว
เนื้อในของผลปาลมบางชนิดที่พบมากในเอกัวดอร เปรู โบลิเวีย บราซิล และโคลัมเบีย เมื่อ มองเผิน ๆ มีลักษณะคลายงา คือมีเนื้อสีขาวเนียน คลายหินออน สามารถยอมสีได องคประกอบหลักคือ เซลลูโลส จึงมีผูนํามาใชแทนงาในการทํากระดุม เครื่องประดับ และแกะสลักเปนวัตถุชิ้นเล็ก ๆ เรียกวา vegetable ivory หรือ tagua
งาเทียมที่ผลิตในชวงปลายคริสตศตวรรษที่ 19 ถึงตนคริสตศตวรรษที่ 20 ทําจากเซลลูโลส ไนเตรต หรื อเซลลู ลอยด เป น ส วนใหญ เริ่ ม ต น จากการพยายามผลิ ต ลู ก บิ ลเลี ยดและคี ยเป ยโนด วยสาร สังเคราะห เพื่อทดแทนการผลิตจากงาชาง ตอมาเมื่อมีการคนพบพลาสติกชนิดใหม ๆ งาชางเทียมจึงมี องคประกอบหลากหลายขึ้น เซลลูลอยดเริ่มเปนที่รูจัก หลังป ค.ศ. 1866 ผลิตจากเซลลูโลส กรดดินประสิว(กรดไนตริก) และกรดกํามะถัน(กรดซัลฟุริก) การบูร และสารเติมแตงอื่น ๆ โดยมีกระบวนการผลิตที่ซับซอน ปริมาณ ของกรดที่ใชในปฏิกิริยามีผลตอคุณสมบัติของเซลลูลอยดในระยะยาว กระบวนการผลิตงาเทียมซับซอนกวา การผลิตวัตถุอื่น ๆ เนื่องจากตองทําใหมีลวดลายคดโคงคลายคลื่นอยูภายในใหเหมือนลวดลายบนงาแท ใน การผลิตจะใชเซลลูลอยด 2 สวนที่มีสีเดียวกัน สวนหนึ่งทึบแสง อีกสวนหนึ่งโปรงใส นําเซลลูลอยดที่ทึบแสง มาวางเรียงสลับกับเซลลูลอยดที่โปรงใส แลวนําไปผานความรอนและความดัน ใหมีรูปรางเปนแทง นําไป ฝานเปนแผนบาง ๆ แลวนําแผนบาง ๆ นี้ไปกดทับกับเซลลูลอยดที่มาจากอีกแทงหนึ่ง เมื่อนําไปแปรรูปเปน สิ่งของเครื่องประดับหรืองานศิลปะ จะมีลักษณะคลายงา
แต เ มื่ อ ตรวจสอบด ว ยแว น ขยาย อาจเห็ น ความแตกต า งอย า งชั ด เจน ลวดลายบนงาเที ย ม เหลานั้นมีลักษณะเปนเสนขนานคอนขางสม่ําเสมอ ตางจากลวดลายบนงาชางแทที่มีลักษณะเปนรางแหตัดกัน อย า งไม ส ม่ํ า เสมอ ลวดลายดั ง กล า วเกิ ด จากท อ ขนาดเล็ ก มาก ๆ เรี ย งกั น จะเห็ น ได ชั ด บนส ว นที่ ตั ด ใน แนวตั้ง ฉาก เชนบนฐาน ส วนงาเทียมที่ทําจากกระดูกสัตว หรือนําผงงาแทมาอัดกับ กาวจะไมมีลวดลาย ดังกลาว งาเทียมที่ผลิตในฝรั่งเศสชวงแรก มีชื่อการคา ivorine หรือ ivorine de Paris หรือ ivorette หรือ French ivory มีน้ําหนักเบากวางาแท เมื่อขัดถูวัตถุที่ทําจากเซลลูลอยดดวยผานุม ๆ จะไดกลิ่นการบูร หากเผาไฟ จะลุกไหมรวดเร็ว ใหเปลวไฟสีเหลือง ควรระวังขณะเผาไฟ เพราะอาจระเบิดได เมื่อระเบิดจะไดกลิ่นการบูร ในการทดสอบจึงใช เข็มลนไฟใหรอนแดง แลวจิ้มลงบนเนื้อวัตถุ(ในจุดที่อยูดานหลังและไมมีการประดับตกแตง) งาเทียมที่ทําจาก พลาสติกเมื่อถูกความรอนจะออนตัวจนสามารถดันเข็มเขาไปได และจะไดกลิ่นฉุนพรอมทั้งมีควัน สวนงาแทไม ออนตัว เมื่อเอาเข็มออกจะเห็นจุดสีดําเล็ก ๆ อาจไดกลิ่นคลายเล็บไหมจาง ๆ งาแท เมื่อเผาไฟจะไดขี้เถาสีขาว หากเผาในภาชนะที่ปดไดมิดชิดจะเกิดเขมาสีดํา ใชในการเขียนภาพได เรียกวา ivory black การตรวจสอบ อีกวิธีหนึ่งทําไดโดยใชวิธีเคมีเพื่อตรวจหาไนโตรเจน หรือทดสอบความสามารถในการละลาย เซลลูลอยด สามารถละลายไดในอะซีโตน สวนงาแทไมละลาย เนื่องจากองคประกอบหลักของงาแทสวนมากเปนแร เชน แคลเซียมฟอสเฟต แคลเซียมคารบอเนต แคลเซียมฟลูออไรด และแมกนีเซียมฟอสเฟต โดยมีโปรตีนและน้ํา เปนองคประกอบรอง วิธีทดสอบงาย ๆ อีกวิธีหนึ่ง คือสองดวยรังสีอัลตราไวโอเลตในหองมืด งาแทจะเรือง แสงสีขาวหรือสีออน ๆ ในขณะที่พลาสติกเรืองแสงสีเขม งาเทียมบางชิ้นผานกระบวนการที่ทําใหเกาโดยการ แชในมูลสัตวหรือไขมันสัตว จะเรืองแสงสีสดใส งาเทียมที่ทําจากกระดูก หรือนําผงงามาอัดกับกาว และผล ปาลมจะเรืองแสงเหมือนงาแท วิธีทดสอบงาเทียมที่ทําจากผลปาลมคือ หยดกรดซัลฟุริกลงบนผิว 1 หยดเล็ก ๆ ทิ้งไว 10-12 นาที หากเปนผลปาลมจะเกิดคราบสีชมพู แตไมควรใชวิธีนี้โดยไมจําเปน เพราะคราบสีชมพูที่เกิดขึ้นจะคง อยูอยางถาวร งาเทียมที่ผลิตจากเซลลูลอยดมักเสื่อมสภาพแตกตางจากงาแท เซลลูลอยดที่มีความทึบแสง หรือโปรงใส หรือมีสีแตกตางกัน เมื่อนํามากดบีบใหอยูติดกัน จะขยายตัวและหดตัวแตกตางกัน จึงมักโคงงอ หรือแยกชั้นกัน หากมีสวนที่เปนโลหะ หรือสิ่งประดับตกแตงอื่น ๆ อยูดวย จะมีปฏิกิริยาแปลก ๆ เกิดขึ้น การเสื่อมสภาพของงาเทียมตามกาลเวลา เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลลูลอยดเปนสวนใหญ ไมวาจะเก็บรักษาอยางระมัดระวังเพียงใด วัตถุดิบที่ใชในการผลิตทําใหเซลลูลอยดมีสภาพ เปราะ กรอบ มี รอยราว หดตัว โคงงอ ปนรวนเปนผง เปลี่ยนสี เกิดผลึก หรือผุพัง หากสภาพแวดลอมไมเหมาะสม เชน ความชื้นสูง อุณหภูมิสูง แสงสวาง มีมลพิษในอากาศ เซลลูลอยดจะยิ่งเสื่อมสภาพมากยิ่งขึ้นและเร็วขึ้น บางครั้งบวมพอง เปลี่ยนเปนวัสดุนุม ๆ บนผิวมักมีหยดของเหลวหรือเคลือบดวยเกลือไนเตรตและกรดหลาย ชนิด หากมีวัสดุอื่น ๆ อยูใกลหรือสัมผัส กรดเหลานี้จะเขาทําปฏิกิริยาและทําใหวัสดุเหลานั้นเสื่อมสภาพ เพราะฉะนั้น เมื่อตรวจสอบพบวาวัตถุชิ้นใดทําจากงาเทียมที่ทําจากเซลลูลอยด ควรรีบแยกออก จากวัตถุอื่น ๆ แลวทําการตรวจสอบสภาพอยางละเอียด บันทึกขอมูลและภาพไว เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากมีหยดของเหลวเกิดขึ้นบนผิว แสดงวานั่นคือกรด ควรใชกานสําลีจุมน้ํากลั่นเพียง เล็กนอยซับและเช็ดทีละนอย แลวซับตามดวยสําลีแหง ๆ โดยเร็ว ระวังอยาใหผิววัตถุเปยกน้ํา เพราะจะทําให เซลลูลอยดเสื่อมสภาพมากขึ้น ควรเก็บรักษาในที่ที่มีความชื้นและอุณหภูมิต่ํา
แลกเปลี่ยนความรู คุณอารี
กลองถายรูปที่สะสมไวขึ้นรา ควรทําอยางไรดีคะ
จิราภรณ กลองถายรูปที่ขึ้นรา แสดงวาความชื้นรอบ ๆ กลองถายรูปนั้น ๆ สูง และอากาศไมไหลเวียนถายเท ควรทําความสะอาดดวยลูกยางเปาลมกอน เพื่อเปาใหฝุนและสิ่งสกปรกที่เกาะอยูหลวม ๆ หลุดออกไป จากนั้นใชผาไมโครไฟเบอรเนื้อละเอียดมาก ๆ จะชวยขจัดฝุนสิ่งสกปรก รอยนิ้วมือ และเชื้อราออกได หากยังเช็ดไมออก แตะแอลกอฮอลเล็กนอยพอชื้น เช็ดคราบราหายไปเปลี่ยนกานสําลีบอยๆ ควรเช็ดทุกสวนใหสะอาดและแหง วางผึ่งในที่แหง 3-4 ชั่วโมงแลวหอดวยผาฝาย หรือกระดาษไรกรด หรือกระดาษสาหลาย ๆ ชั้น ใสในถุงหรือกลองพลาสติกที่ปดไดมิดชิด ภายในถุงหรือกลองควรมีสารดูด ความชื้น เชน ซิลิกาเจล และหมั่นเปลี่ยนซิลิกาเจลในฤดูฝน ควรเก็บในบริเวณที่มีอากาศ ไหลเวียนถายเทไดดี คุณวราห Tyvek คืออะไร ใชประโยชนอยางไรไดบาง จิราภรณ Tyvek คือชื่อการคาของพลาสติกชนิดหนึ่ง มีลักษณะคลายผาและกระดาษ ทําจากเสนใยพอลีเอทธีลีนชนิดที่มีความหนาแนนสูง (HDPE) ที่ถูกบีบออกมาเปนเสนแลวรีดเปนแผนโดยไมผานการทอ Tyvek มีคุณสมบัติพิเศษคือ น้ําหนักเบา แข็งแรง เหนียว ทนตอการฉีกขาดทนน้ํา ทนความชื้น ทนสารเคมี ทนแมลง และรา ดานที่เรียบจะปองกันมิใหน้ําเขา จึงควรหอหรือคุลมวัตถุพิพิธภัณฑโดย หันดานที่เรียบออกจากวัตถุแตยอมใหความชื้น(ในรูปของไอน้ํา)ผานไดทั้งสองดาน จึงเหมาะที่จะใช งานเหมือนกระดาษไรกรด เชน ใชทําซอง ทําแฟม หอหุม ปู รอง คลุม คั่น วัตถุพิพิธภัณฑ หนังสือ และเอกสารไดดี
ผูจัดทํา นางจิราภรณ นางสาวศิรดา นางสาววรรณวิษา นายคุณาพจน
อรัณยะนาค เฑียรเดช วรวาท แกวกิ่ง
สถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท 02 225 2777 ตอ 101 fax 02 225 1881-2 e-mail : Sirada@ndmi.or.th , Wanvisa@ndmi.or.th www.facebook.com/museumsiamfan